กับดักรักในรอยแค้น 367-383

     ตอนนี้ 366 เธอจะเป็นคนแบบนั้นได้อย่างไร


 


           ไม่ทันรู้ตัวก็มาถึงร้านชุดแต่งงานแล้ว ฉู่เจียเสวียนลงจากรถ


 


           กงจวิ้นฉือลงรถตาม “เจียเสวียน เลิกงานผมจะมารับคุณ”


 


           ฉู่เจียเสวียนได้ยินแล้วก็พยักหน้า “คุณขับรถระวังด้วยนะ” พูดจบ ก็หันหลังเดินไปที่ประตูร้านชุดแต่งงานแล้ว


 


           พนักงานในร้านชุดแต่งงาน เห็นกงจวิ้นฉือมาส่งฉู่เจียเสวียนทำงาน ทุกคนต่างมองหน้ากัน จากนั้นก็ยิ้ม


 


           “พี่เจียเสวียน คุณกงนี่ดีกับพี่จริงๆ เลยนะ” ผู้จัดการร้านเสี่ยวลี่เดินไปหาฉู่เจียเสวียน มองเธอด้วยสีหน้าอิจฉา ถ้าเธอมีแฟนหนุ่มที่ดีกับเธอแบบนี้ก็ดีสิ


 


           “เธอก็รีบหาสักคนสิ จะได้ไม่ต้องอิจฉาคนอื่นแล้ว” ฉู่เจียเสวียนยิ้มเอ่ย เดินเข้าไปในออฟฟิศ


 


           กงจวิ้นฉือรับส่งฉู่เจียเสวียนไปทำงานติดต่อกันหลายวัน กินดื่มอย่างเบิกบานใจ เพราะว่าชอบกินกับข้าวของซูซานซานที่ทั้งมีประโยชน์และรสชาติดี


 


           ในใจของฉู่เจียเสวียนทั้งซาบซึ้งทั้งอุ่นใจ


 


           บางคนมีความสุขและบางคนก็เศร้า ทางนี้หลังจากเผยหนานเจวี๋ยแก้ไขปัญหาของบริษัทแล้ว ก็มักจะขับรถไปที่ร้านชุดแต่งงานของฉู่เจียเสวียนโดยไม่รู้ตัวแล้ว


 


           หลายวันมานี้ เผยหนานเจวี๋ยตามฉู่เจียเสวียนกับกงจวิ้นฉืออย่างเงียบๆ คอยอิจฉาพวกเขาอยู่หลายวัน


 


           รู้สึกปวดใจอย่างแปลกประหลาด ม่านบางๆ ผุดขึ้นในดวงตาของเผยหนานเจวี๋ย เอาอีกแล้ว อารมณ์อึดอัดนี้กดดันเขาจนแทบหายใจไม่ออก


 


           บ้าเอ๊ย! เขาชอบเธอถึงขนาดนี้เชียวเหรอ เงยหน้าขึ้น มองดูฉู่เจียเสวียนหัวร่อต่อกระซิกกับกงจวิ้นฉือในรถ มือของเขาที่จับพวงมาลัยกำแน่นไม่หยุด


 


           เผยหนานเจวี๋ยดึงสติกลับมา กลับมาที่บริษัทด้วยความรู้สึกหงุดหงิด ทันทีที่เข้าออฟฟิศแล้ว เผยหนานเจวี๋ยก็บังคับให้ตัวเองเข้าสู่ห้วงของการทำงาน ฝืนตัวเองไม่ได้คิดอะไรมาก


 


           ขณะที่กำลังเข้าสู่สภาวะแห่งการทำงานอยู่นั้น เสียงเคาะประตูออฟฟิศดังขึ้น


 


           “เข้ามา” เสียงที่ทุ้มต่ำดังขึ้น เลขาจึงผลักประตูเดินเข้าไป


 


           “ประธานเผยคะ แผนงานนี้ต้องการลายเซ็นของคุณ และพรีเซ็นเตอร์ผลิตภัณฑ์ของบริษัทก็ต้องตัดสินใจเหมือนกันค่ะ”


 


           “ด่วนหรือเปล่า” ยกมือขึ้นนวดๆ คิ้ว เสียงของเผยหนานเจวี๋ยอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด


 


           “นิดหน่อยค่ะ จะถ่ายโฆษณาในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว” เลขาเอ่ยด้วยความนอบน้อม บนใบหน้ามีรอยยิ้มอย่างมืออาชีพ


 


           “วางไว้นี่ก่อนเถอะ” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปาก เลขาฟังแล้วก็พยักหน้า จากนั้นจึงหันหลังจากไป


 


           หลังจากเลขาออกไปแล้ว เผยหนานเจวี๋ยยื่นมือหยิบเอกสารชุดนั้นขึ้นมา กำลังต้องการจะเปิดดู โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะก็ดังขึ้น


 


           ยื่นมือหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ขณะที่เห็นเบอร์ไม่คุ้นตา เผยหนานเจวี๋ยก็ขมวดคิ้ว ปลายนิ้วกดปุ่มรับสาย “ฮัลโหล”


 


           “เผยหนานเจวี๋ย ไม่เจอกันตั้งนาน” เสียงอันไพเราะดังเข้าหูของเผยหนานเจวี๋ย เสียงที่คุ้นเคยทำให้เผยหนานเจวี๋ยขมวดคิ้ว


 


           “ไป๋หลิง?” เธอโทรมาหาเขาทำไม หรือว่าบทสั่งสอนที่ให้เธอไปคราวก่อนไม่พองั้นเหรอ


 


           “ถูกต้อง” ไป๋หลิงหัวเราะเบาๆ มุมปากยกยิ้ม


 


           “คุณต้องการจะพูดอะไร” เสียงของเผยหนานเจวี๋ยเยือกเย็นลงเล็กน้อย เขาไม่มีเวลาเล่นใบ้คำกับเธอ


 


           “อย่าดุสิ ใจเย็นหน่อย ที่รัก” ไป๋หลิงเอ่ยปาก ไม่หวาดกลัวน้ำเสียงที่มืดมนของเผยหนานเจวี๋ยเลยสักนิด


 


           “ถ้าไม่พูดผมจะวางหูแล้ว” พูดจบ เผยหนานเจวี๋ยก็ต้องการจะวางสายจริงๆ แต่ปลายสายรีบพูดขึ้นห้ามไว้


 


           “เผยหนานเจวี๋ย คุณรู้หรือเปล่าว่าฉู่อีอีที่อยู่ข้างกายคุณเป็นผู้หญิงที่ความคิดชั่วร้ายแค่ไหน เพื่อที่จะได้อยู่ข้างคุณ เขาไม่กลัวที่จะทำร้ายพี่สาวของตัวเอง แม้แต่ทำให้ลูกในท้องของเธอแท้ง หึหึ” ไป๋หลิงเอ่ย จู่ๆ น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นมืดมน


 


           คราวก่อนเธอเสียผลประโยชน์ให้ฉู่อีอีมากมาย ทำให้เธอถูกปิดตายนานขนาดนั้น หากไม่ชำระความแค้นครั้งนี้ เธอก็ไม่ใช่ไป๋หลิง


 


           เธอหายไปตั้งนาน ก็เพื่อไปสืบเรื่องที่ฉู่อีอีทำทั้งหมดก่อนหน้านี้ หึหึ และก็หาเจอจริงๆ


 


           “คุณกำลังพูดเหลวไหลอะไร อีอีจะเป็นคนแบบนั้นได้ยังไง!” คำพูดที่เอ่ยออกมาโดยไร้ความคิดเช่นนี้ แน่นอนว่าเขาไม่มีทางเชื่อคำพูดข้างเดียวแน่นอน


 


 


     ตอนที่ 367 แคร์มากเกินไป


 


           “ฉันแค่ไม่อยากให้คุณถูกหลอกใช้อย่างคนโง่”


 


           “คุณน่ะเป็นคนบ้า!” เผยหนานเจวี๋ยโมโหจนขว้างโทรศัพท์มือถือลงพื้น อารมณ์ที่ไม่ดีอยู่แล้ว ตอนนี้กลายเป็นยิ่งมืดมน


 


           อีอี คุณอย่าทำให้ผมผิดหวังเด็ดขาด ผมเชื่อว่าคุณไม่ทำเรื่องแบบนี้แน่นอน


 


           หลังจากสงบสติอารมณ์โกรธที่มีอยู่ทั่วร่างกายแล้ว เผยหนานเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสนเล็กน้อย นึกถึงพฤติกรรมของฉู่อีอีช่วงนี้ ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยเล็กน้อย


 


           จู่ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อคืนราวกับว่าเขามองดูเธอล้มไปกับพื้นและไม่ได้ใส่ใจ ยิ่งไม่ได้ประคองเธอ ทันใดนั้นในใจก็รู้สึกผิด


 


           ช่างเถอะ ไปดูเธอเถอะ เป็นไปได้ว่าเพราะช่วงนี้เขาใส่ใจเธอน้อยเกินไป ดังนั้นเธอจึงคิดฟุ้งซ่านแบบนั้น


 


           ที่วิลล่าบ้านเผย


 


           ฉู่อีอีอยู่ในห้องนอน ในตอนนั้นเธอกำลังนั่งอยู่บนพื้น ในมือถือขวดไวน์แดง ดื่มอยู่คนเดียว ใบหน้าน้อยๆ ที่สวยงามมีความเศร้าโศก


 


           เงยหน้าดื่มอีกคำ ของเหลวสีแดงกุหลาบไหลออกมาจากปากของเธอ ยกมือขึ้นเช็ด


 


           ทำไมทุกอย่างถึงอยู่นอกเหนือการควบคุมของเธอ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเผยหนานเจวี๋ยฟังเธอ ทำไมตอนนี้ถึงไม่แม้แต่จะสนใจเธอ


 


           อีกทั้งฉู่เจียเสวียนเฮงซวยนั่นอีก ทำไมตอนนี้เธอถึงแข็งแกร่งขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเธอเคยอ่อนแอ อะไรกันแน่ที่ทำให้พวกเขาเปลี่ยนไป


 


           เธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้ได้ทุกอย่างมา หรือว่าตอนนี้เธอต้องคืนทุกอย่างกลับสู่สภาพเดิมเพราะการกลับมาของฉู่เจียเสวียนงั้นเหรอ


 


           เธอคิดเสมอว่าเผยหนานเจวี๋ยจะไม่เปลี่ยนใจไปจากเธอ แต่ว่าตอนนี้ล่ะ? หัวใจของเขาผันไปหาฉู่เจียเสวียนแล้ว


 


           นึกถึงสองสามครั้งก่อนที่เธอไปหาเรื่องฉู่เจียเสวียน เผยหนานเจวี๋ยมักจะไม่ช่วยเธอ แต่กลับไปช่วยฉู่เจียเสวียนเลวคนนั้น ในใจของเธอเจ็บปวดเหลือเกิน


 


           นึกถึงว่าตอนนี้เฉิงเฮ่าก็โผล่มา เธอใช้ชีวิตอย่างหวาดกลัวทุกวัน ใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัวว่าจู่ๆ เฉิงเฮ่าจะเปิดโปงความลับของเธอ


 


           ทำไมเธอต้องรับสิ่งเหล่านี้ในตอนนี้ด้วย ทำไมเธอต้องทนทุกข์ทรมานทุกวันด้วย


 


           ตอนแรกนึกว่ากลับประเทศมา เฉิงเฮ่าจะปล่อยเธอ แต่คิดไม่ถึงว่าเวลาสั้นๆ เพียงสามปี เขาจะกลับมาแล้วจริงๆ


 


           เงยหน้าดื่มไวน์อีกอึกใหญ่ ความเศร้าโศกในใจไม่ได้หายไปเพราะแอลกอฮอล์เลย


 


           จู่ๆ ประตูก็เปิดพรวด แสงสว่างจ้าส่องเข้ามา มันแสบตาจนเธอลืมตาไม่ขึ้น ยกมือขึ้นบัง เผยให้เห็นคางที่สมบูรณ์แบบ


 


           เผยหนานเจวี๋ยยืนอยู่ข้างนอก ได้กลิ่นเหล้าในห้อง ความเจ็บปวดก็ผุดขึ้นในดวงตา


 


           เดินเข้าก้าวมาหาฉู่อีอี ยื่นมือดึงเธอขึ้นมาจากพื้น โอบเธอพาไปนั่งลงบนเตียงที่อยู่ข้างๆ


 


           ปลายจมูกมีกลิ่นหอมสดชื่นที่คุ้นเคย จู่ๆ ฉู่อีอีรู้สึกระคายเคืองตา หันไปมองผู้ชายที่นั่งข้างๆ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองเกิดภาพลวงตา


 


           “หนานเจวี๋ย?” ฉู่อีอีพูดขึ้น มือที่ถือขวดไวน์กำแน่นไม่หยุด


 


           ยกมือขึ้นต้องการจะดื่มอีก เผยหนานเจวี๋ยมือไวกว่า แย่งขวดไวน์ในมือมา “คืนไวน์มาให้ฉัน!”


 


           เอ่ยปากอย่างแข็งกร้าว ดวงตาของฉู่อีอีมีความโกรธ


 


           “อีอี อย่าดื่มอีกเลย” เผยหนานเจวี๋ยกล่าว ในน้ำเสียงมีอารมณ์คลุมเครือ


 


           วางขวดไวน์ด้านข้างๆ ยื่นมือกอดฉู่อีอี เห็นสภาพของฉู่อีอีในตอนนี้ เขารู้สึกเสียใจมาก


 


           แม้จะรู้ว่าตัวเองชอบฉู่เจียเสวียน แต่ว่าในใจของเขาก็ยังรู้สึกผิดต่อฉู่อีอี


 


           ถูกเผยหนานเจวี๋ยกอดและรู้สึกถึงความอบอุ่นของเขา ฉู่อีอีเงยหน้าขึ้นจากอ้อมกอดของเขา มองดูใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา เอ่ยปากขึ้นอย่างเหลือเชื่อ “หนานเจวี๋ย ใช่คุณจริงๆ เหรอ ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม”


 


           “ผมเอง” เผยหนานเจวี๋ยกล่าว ยื่นมือลูบไล้ผมของฉู่อีอี


 


           “หนานเจวี๋ย ฉันนึกว่า…คุณไม่ต้องการฉันแล้ว คุณอย่าโทษฉันเลยได้ไหม เมื่อก่อนฉันทำเรื่องไม่ดีพวกนั้นกับพี่สาว แต่เป็นเพราะฉันแคร์คุณมากก็เท่านั้น”


       ตอนที่ 368 มองพอแล้วยัง 


 


 


           ได้ยินคำพูดของฉู่อีอีแล้ว เผยหนานเจวี๋ยเพียงแต่รู้สึกว่าในตอนนี้เขาเป็นคนที่ไม่ได้เรื่องจริงๆ ทั้งๆ ที่ตอนนี้ตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉู่เจียเสวียนแล้ว และฉู่อีอีต่างหากที่เป็นคู่หมั้นของเขา เขายังเย็นชาต่อเธอถึงเพียงนี้ 


 


 


           “อีอี ขอแค่ต่อไปนี้คุณไม่ทำเรื่องแบบนี้ก็พอแล้ว ห้ามโกหกผมอีกก็พอแล้ว” เผยหนานเจวี๋ยกล่าว น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำและทรงเสน่ห์ดังขึ้น 


 


 


           ตอนนี้เขากับฉู่เจียเสวียนเป็นไปไม่ได้แล้ว ก็ควรจะปฏิบัติต่อฉู่อีอีให้ดี เขาไม่สามารถหลีกหนีแบบนี้ได้อีกต่อไปแล้ว เขาที่เป็นแบบนี้ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังดูถูก 


 


 


           ในตอนนั้นการหย่ากับฉู่เจียเสวียนเป็นการตัดสินใจของเขา ตอนนี้เขามาเสียใจภายหลังก็ไม่มีประโยชน์แล้ว อีกทั้งข้างกายของเธอก็มีกงจวิ้นฉือแล้ว และจะไม่ต้องการเขาอีกต่อไป 


 


 


           “อืม หนานเจวี๋ย ต่อไปฉันจะไม่โกหกคุณแล้ว” ได้ยินคำพูดของเผยหนานเจวี๋ย ฉู่อีอีรีบพูดทันที น้ำตาในดวงตาเปล่งประกายไม่หยุด 


 


 


           ความรู้สึกแบบนี้มันดีจริงๆ ขอเพียงมีเขาอยู่ข้างกายเธอ เธอก็ไม่ต้องกังวลหรือหวาดกลัวแล้ว 


 


 


           หลายวันมานี้ เธอไม่ได้รู้สึกดีเลยแม้แต่นิดเดียว ถูกเฉิงเฮ่าข่มขู่ว่าจะทำเรื่องเลวร้ายต่อเขา ตอนนี้เธอไม่ต้องเป็นแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว 


 


 


           คิดไปคิดมา ก็ยิ่งกอดเอวของเผยหนานเจวี๋ยแน่นกว่าเดิม 


 


 


           ได้ยินการรับประกันของฉู่อีอี เผยหนานเจวี๋ยพยักหน้า อีอี นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ไม่ว่าก่อนหน้านี้คุณจะทำอะไร ผมก็จะยกโทษให้คุณ ขอเพียงต่อไปนี้คุณไม่หลอกผม ผมจะสัญญาอนาคตให้กับคุณ 


 


 


           ตอนที่ออกจากวิลล่าบ้านฉู่เพื่อกลับไปยังวิลล่าบ้านเผย ก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยถือคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค นั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียงจัดระเบียบเอกสารที่ผู้ช่วยส่งเขาในวันนี้ 


 


 


           ฉู่อีอีอาบน้ำออกมา นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งและทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิว หันหน้ามองใบหน้าด้านข้างที่หล่อเหลาของเผยหนานเจวี๋ย ดวงตาของเธอก็อ่อนโยนลง 


 


 


           ผู้ชายคนนี้เป็นของเธอ ดีจัง ใครก็ห้ามคิดแย่งเขาไปจากเธอ 


 


 


           “มองพอแล้วยัง?” สายตาของเผยหนานเจวี๋ยจับจ้องไปที่เอกสารในสมุดบันทึก รู้สึกได้ถึงแววตาที่ฉู่อีอีมองเขา เสียงที่ทุ้มต่ำมีเสน่ห์ก็ดังออกมาจากปากของเขา 


 


 


           เขาทำงานอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงรู้ว่าเธอแอบมองเขา ในเวลานี้หน้าแดงก่ำ พูดขึ้นอย่างเขินอาย “ดูว่าคุณหล่อจัง ทำให้ฉันหลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้น คุณภูมิใจมากหรือเปล่า” 


 


 


           “นอนเถอะ อีอีดึกมากแล้ว” เผยหนานเจวี๋ยพูดจบ วางคอมพิวเตอร์ในมือไปอีกทาง เขาไม่ได้นอนตั้งแต่หัวค่ำนานแล้ว ระยะหลังนี้เกิดเรื่องมากเกินไป เขาเหนื่อยมากจริงๆ 


 


 


           “โอเค” ฉู่อีอีได้ยินแล้วรีบปีนขึ้นเตียงทันที ดวงตามีความเจ้าเล่ห์ 


 


 


           หลังจากรอจนฉู่อีอีหลับแล้ว เผยหนานเจวี๋ยเหยียดแขน โอบเอวของฉู่อีอีแล้วหลับตา 


 


 


           เดิมทีฉู่อีอียังต้องการทำอะไรบางอย่างกับเขา แต่ว่าเห็นท่าทางของเขาแล้ว ได้แต่กัดฟัน เธอฟื้นความสัมพันธ์กลับมาได้อย่างยากลำบาก จู่ๆ ก็กลับกลายเป็นเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว 


 


 


           ในที่สุดก็หลับตาลงอย่างไม่เต็มใจนัก เข้าสู่ห้วงแห่งความฝัน 


 


 


           เช้าวันรุ่งขึ้น เสียงนกร้องดังจิ๊บๆ เข้ามาในห้องนอน 


 


 


           ฉู่อีอีค่อยๆ ตื่นขึ้น ยื่นมือควานหาข้างหน้าแต่พบกว่าข้างกายไม่มีความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย ในใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง เขาไปทำงานอีกแล้วเหรอ 


 


 


           ซ่อนเร้นความผิดหวังไว้ในใจ ฉู่อีอีลุกขึ้นมาจากเตียง เข้าห้องน้ำไปอาบน้ำแล้ว 


 


 


           หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ฉู่อีอีก็ลงมาข้างล่าง หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จแล้วก็นั่งลงบนโซฟา พลิกดูโทรศัพท์มือถือ วันนี้เธอไม่มีงานถ่ายภาพยนต์ ฉะนั้นจึงอยู่ที่บ้าน 


 


 


           ขณะที่กำลังเล่นสนุกอยู่นั้น จู่ๆ โทรศัพท์มือถือของฉู่อีอีสั่น มันคือข้อความ ฉู่อีอีเปิดออกดู จึงพบว่าเฉิงเฮ่าเป็นคนส่งให้เธอ 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 369 เขาต้องการทำอะไรกันแน่ 


 


 


           กัดฟัน เฉิงเฮ่าคนนี้ต้องการอะไรกันแน่ ฉู่อีอีคิดอยู่ในใจอย่างไม่สบอารมณ์ ลบข้อความทิ้ง ทำเหมือนว่าไม่เคยได้รับ 


 


 


           นึกถึงช่วงสองสามปีนั้นที่อยู่เมืองนอก เธออาศัยอยู่ท่ามกลางเปลวไฟและน้ำลึก ตอนนี้เธอมีชีวิตอย่างปกติสุขได้ด้วยความยากลำบาก เธอจะไม่ปล่อยให้เฉิงเฮ่ารบกวนชีวิตของเธออย่างแน่นอน 


 


 


           ที่กลุ่มบริษัทเผย เผยหนานเจวี๋ยกำลังยุ่งมากจนเขารู้สึกหงุดหงิด 


 


 


           โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะดังขึ้น หยิบขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าสายเรียกเข้าคือฉู่อีอีก็ไม่อยากรับมาก แต่สุดท้ายเขาก็ยังรับด้วยความอดทนอดกลั้น “ฮัลโหล อีอี ตอนนี้ผมยุ่งมาก ไว้ผมว่างแล้วจะโทรหาคุณ” 


 


 


           พูดจบก็วางหูโครม แล้ววางโทรศัพท์มือถือไว้บนโต๊ะ 


 


 


           ทางนี้ฉู่อีอียังไม่ทันจะเอ่ยปากพูดสักประโยค ก็ได้ยินเสียง ‘ตู๊ดๆๆ…’ อยู่ในโทรศัพท์ 


 


 


เธอมองโทรศัพท์มือถือ รู้สึกโมโหจนทนไม่ไหว เอื้อมมือขว้างโทรศัพท์มือถือออกไปจนมันแตกลงพื้นกระจัดกระจาย นี่คือโทรศัพท์มือถือเครื่องที่สองของฉู่อีอีแล้ว 


 


 


บ้าจริง ทำไมเขาถึงทำแบบนี้กับเธออีกแล้ว ทั้งที่เมื่อคืนยังดีๆ อยู่เลย!  


 


 


จะต้องเป็นฉู่เจียเสวียนแน่ๆ เมื่อนึกถึงฉู่เจียเสวียน ดวงตาของเธอก็มีประกายมืดมน แววตาเปลี่ยนเป็นดุร้าย ฉู่เจียเสวียน เธอจะไม่มีวันปล่อยเธอไปแน่นอน!  


 


 


ทางนี้ฉู่อีอีโกรธจัด ส่วนเผยหนานเจวี๋ยทางนั้นก็ยุ่งจนหัวปั่น แต่วันเวลาของฉู่เจียเสวียนยิ่งราบรื่นขึ้นทุกวัน 


 


 


ในร้านชุดแต่งงาน กงจวิ้นฉือกำลังถือน้ำชายามบ่ายเข้ามาในออฟฟิศของฉู่เจียเสวียน ขณะนี้ทั้งสามคนกำลังพูดคุยกัน 


 


 


ถังถังเห็นท่าทางของกงจวิ้นฉือกับฉู่เจียเสวียนที่กระหนุงกระหนิงกันแล้ว ดูอย่างไรก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน ตอนนั้นหลังจากกินทาร์ตไข่ไปสองชิ้นแล้วก็ถือแก้วชาไข่มุกเดินไปยังหน้าร้าน ปล่อยให้กงจวิ้นฉือกับฉู่เจียเสวียนอยู่ในออฟฟิศกันสองคน 


 


 


 “เจียเสวียน คืนนี้คุณอยากกินอะไร” กงจวิ้นฉือกล่าว สายตาที่มองฉู่เจียเสวียนนั้นเปี่ยมด้วยความอ่อนโยน รอยยิ้มบนใบหน้าที่หล่อเหลาดังสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ 


 


 


ฉู่เจียเสวียนเอียงศีรษะคิด สายตาที่สดใสดุจไข่มุกส่องประกาย มองแล้วชวนหลงใหลเป็นพิเศษ “คุณอยากกินอะไรก็ได้ ฉันไม่เกี่ยง” 


 


 


เสียงที่ชัดเจนของฉู่เจียเสวียนดังขึ้น มองกงจวิ้นฉือด้วยรอยยิ้ม 


 


 


 “จริงเหรอ” กงจวิ้นฉือเอ่ย เมื่อเห็นว่ามีผมปรกบนใบหน้าฉู่เจียเสวียน เขายื่นมือช่วยเธอเกี่ยวหูเบาๆ 


 


 


ถูกกงจวิ้นฉือกระทำเช่นนี้กะทันหันก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย ใบหน้าของฉู่เจียเสวียนแดงระเรื่อ 


 


 


เห็นท่าทางที่เคอะเขินของฉู่เจียเสวียน รอยยิ้มบนใบหน้าของกงจวิ้นฉือยิ่งสดใสกว่าเดิม 


 


 


พวกเขาคบกันมาตั้งนานแล้ว ทำไมเธอถึงยังเขินอีกล่ะ 


 


 


“แน่นอนอยู่แล้ว แต่คุณต้องรอให้ฉันทำงานในมือให้เสร็จก่อน ฉันยังมีต้นฉบับออกแบบที่ต้องแก้ด่วน น่าจะประมาณชั่วโมงนึง ได้หรือเปล่า” ฉู่เจียเสวียนกล่าว  


 


 


 “ได้อยู่แล้ว งั้นคุณไปทำงานก่อน ผมจะไปคุยกับถังถัง” กงจวิ้นฉือพูดจบก็ลุกขึ้น เดินออกไปจากออฟฟิศ 


 


 


 ‘หนึ่งชั่วโมงแล้วยังไงเหรอ? สามปีเขาก็รอมาแล้ว นับประสาอะไรกับเวลาแค่นี้’ คิดอยู่ในใจ แล้วเดินไปหาถังถัง 


 


 


หลังจากตามหาในที่สุดก็เจอถังถังตรงระเบียง เห็นถังถังกำลังเหม่อมองท้องฟ้า กงจวิ้นฉือเดินย่องเข้าไป ยื่นมือแตะๆ หลังของถังถังเบาๆ 


 


 


ถังถังดึงสติกลับมา กวาดตามอง เมื่อไม่เห็นใครก็มองซ้ายมองขวา ยกมือขึ้นเกาหัว ไม่มีใคร? งั้นใครแตะไหล่ของเธอล่ะ?  


 


 


“ฮ่าๆ ผมอยู่นี่ คุณกำลังคิดอะไรอยู่เหรอ” กงจวิ้นฉือที่หลบซ้ายขวาตลอดเวลา เดินออกมา ยืนอยู่ด้านซ้ายของถังถัง บนใบหน้ามีรอยยิ้มอบอุ่น 


 


 


เขาก็รู้จักกับถังถังมานานมาก นานจนเขาแทบจำไม่ได้แล้ว 


    ตอนที่ 370 กลิ่นเปรี้ยว


 


 


ถังถังเหลือบมองกงจวิ้นฉือที่อยู่ข้างๆ จากนั้นก็หลบตา “นายขึ้นมาได้ยังไง ไม่อยู่กับแฟนล่ะ”


 


 


“อืม… ทำไมผมรู้สึกได้ถึงกลิ่นเปรี้ยวๆ[1]” กงจวิ้นฉือพูดพร้อมดมซ้ายดมขวา น้ำเสียงเจือปนความขี้เล่น


 


 


ถังถังนึกว่าพูดเรื่องจริง จึงดมตาม “ไม่มีนี่…” ดมไปสักพัก ถังถังไม่ได้กลิ่นอะไรเลย เงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นกงจวิ้นฉือกำลังยิ้มร่าเริง จึงเข้าใจว่ากลิ่นเปรี้ยวที่เขาพูดถึงคืออะไร


 


 


 “ดีจังเลยนะ กงจวิ้นฉือ กับฉันนายก็กล้าหลอกเหรอ ฉันเหม็นเปรี้ยวผีทะเลอย่างนายนี่แหละ!” ถังถังพูด ยื่นมือไปตบไหล่ของกงจวิ้นฉือ เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา จู่ๆ เธอก็รู้สึกระคายเคืองตา รีบหลบตาทันที ทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น กระพริบตาถี่


 


 


 “ฮ่าๆ ใครจะรู้ว่าคุณจะเชื่อจริงๆ เป็นอะไรไป ดูเหมือนว่าคุณมีเรื่องในใจเลย ไหนเล่ามาซิ? ดูว่าเทพอย่างข้าจะช่วยแบ่งเบาเจ้าได้หรือไม่” กงจวิ้นฉือพูด เดินไปนั่งบนเก้าอี้ที่ระเบียงพร้อมเอ่ยแซว


 


 


สำหรับถังถังแล้ว เขาเห็นเธอเป็นเหมือนเพื่อนจริงๆ จนถึงตอนนี้พวกเขารู้จักกันมาห้าปีแล้ว ฉะนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนอกจากจะเป็นเพื่อนแล้ว ยังบอกว่าเป็นพี่น้องก็ว่าได้


 


 


ถึงอย่างไรเมื่อได้อยู่กับถังถังแล้ว เขาจะรู้สึกผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติมาก


 


 


ได้ยินคำหยอกล้อของกงจวิ้นฉือ ถังถังกลอกตาแล้วเดินไปนั่งข้างกงจวิ้นฉือ “จวิ้นฉือ ตอนนี้เผยหนานเจวี๋ยกับบริษัทของนายร่วมมือกันบ่อย แล้วฉู่เจี่ยเสวียนก็เจอหน้าเผยหนานเจวี๋ยบ่อย นายไม่กลัวว่าพวกเขาถ่านไฟเก่าจะคุเหรอ”


 


 


ถังถังมองกงจวิ้นฉือตาไม่กระพริบ น้ำเสียงจริงจัง


 


 


แน่นอนว่าเธอรู้จักฉู่เจียเสวียนดี แต่ว่าเธอก็เข้าใจความรู้สึกที่ฉู่เจียเสวียนมีต่อเผยหนานเจวี๋ยดีเช่นกัน ถ่านไฟเก่าก็ใช่ว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้ เพียงแต่เมื่อก่อนฉู่เจียเสวียนเคยรักเผยหนานเจวี๋ยอย่างหมดหัวใจ


 


 


ในฐานะที่เป็นเพื่อนของเธอ การที่เธอพูดเรื่องนี้กับกงจวิ้นฉือ เธอก็รู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม แต่ว่าเธอก็เป็นห่วงนี่นา


 


 


“เจียเสวียนไม่ทำแบบนั้นหรอก ผมเชื่อใจเขา” กงจวิ้นฉือไม่ต้องการเอ่ยตรงๆ ว่าตอนนี้ฉู่เจียเสวียนกับเขาต่างมีเป้าหมายร่วมกัน ดังนั้นเขาเชื่อว่าเธอจะไม่มีใจต่อเผยหนานเจวี๋ยอีกอย่างแน่นอน


 


 


ได้ฟังคำตอบของกงจวิ้นฉือแล้ว ถังถังอดไม่ได้ที่จะด่าความโง่เขลาของกงจวิ้นฉืออยู่ในใจ


 


 


“อัยยา ไม่ใช่ฉันไม่ไว้ใจเขา ฉันรู้สึกว่าพวกนายสองคนคบกันนานขนาดนี้แล้ว พวกนายสองคนเมื่อไรจะแต่งงานกัน”


 


 


 “หรือว่านายคิดจะรอแบบนี้ต่อไปเหรอ” ถังถังเอ่ยปากอย่างร้อนรน เห็นสีหน้าของกงจวิ้นฉือที่ไม่สะทกสะท้านแม้แต่นิดเดียว เธอก็ร้อนรนจนแทบทนไม่ไหว


 


 


 “เรื่องแบบนี้จะรีบร้อนไม่ได้ ผมเชื่อว่าช้าเร็วสักวันนึงเขาจะยอมรับผมอย่างเต็มใจ อย่าพูดถึงผมเลย จู่ๆ คุณก็คุยกับผมเรื่องนี้ หรือว่าครอบครัวคุณเริ่มรบเร้าให้คุณนัดบอดอีกแล้ว” กงจวิ้นฉือเอ่ยปาก มองถังถังด้วยสีหน้าประมาณว่า ‘ผมรู้อยู่แล้วเชียว’


 


 


ทันทีที่ถูกกงจวิ้นฉือทายถูก ถังถังก็กลายเป็นหงุดหงิด “เหลวไหล ฉันเป็นใครกัน ทั้งตัวฉันมีส่วนไหนบ้างที่เป็นข้อเสีย ตรงไหนบ้างที่ไม่มีเสน่ห์ จำเป็นต้องไปนัดบอดด้วยเหรอ”


 


 


ถังถังพูดพลางลุกขึ้นยืน เดินไปที่ราว สายตามองไปรอบๆ อย่างไม่เป็นธรรมชาติ


 


 


“คุณดูคุณสิ อายุก็ไม่น้อยแล้ว ถ้ายังไม่หาแฟนอีกจะแก่แล้วนะ คุณไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องผมกับฉู่เจียเสวียนหรอก คุณดูแลตัวเองให้ดีก่อนดีกว่า ดูว่าเมื่อไรพวกเราจะได้ข่าวดีของคุณก็พอ” เสียงทุ้มต่ำของกงจวิ้นฉือดังขึ้น เจือปนรอยยิ้ม


 


 


รู้จักถังถังมาตั้ังนาน เขาไม่เคยเห็นเธอสนิทกับผู้ชายคนไหนเลย ที่จริงถังถังเป็นผู้หญิงมีเสน่ห์ หน้าตาดี และร่ำรวย อยากรู้จริงๆ ว่าเธอชอบผู้ชายแบบไหนกันแน่


 


 


 


 


[1] หึงหวง (吃醋) ในภาษาจีนหากแปลตรงตัวจะแปลว่า ‘กินน้ำส้มสายชู’ ในเนื้อเรื่องกงจวิ้นฉือกำลังเล่นคำกับถังถัง บอกว่า ได้กลิ่นเปรี้ยว หมายถึง ถังถังกำลังหึงหวง หรือ อิจฉา อยู่นั่นเอง


 


 


 


 


    ตอนที่ 371 มีคนในใจแล้ว


 


 


เดินไปยืนอยู่ข้างถังถัง แหงนหน้ามองท้องฟ้าสีครามด้วยกันกับเธอ


 


 


ทั้งสองคนยืนอยู่ที่นั่นทั้งอย่างนี้ ไม่มีใครพูดอะไร เพลิดเพลินกับความเงียบสงบที่หาได้ยากแบบนี้


 


 


ถังถังอยากให้เวลาหยุดอยู่ที่วินาทีนี้เหลือเกิน ในเวลานี้ที่มีเพียงพวกเขาแค่สองคน ไม่มีคนอื่นอีก


 


 


แต่ว่าเวลามักจะไร้เมตตา มันมีความยุติธรรมกับทุกคน ยิ่งต้องการหยุดมันมากเท่าไร มันก็ยิ่งจางหายไปเร็วเท่านั้น


 


 


 “ผมลงไปก่อนนะ น่าจะใกล้เวลาเลิกงานแล้ว คุณอยากไปกินข้าวด้วยกันหรือเปล่า” ยกมือที่ใส่นาฬิการุ่นลิมิเต็ดขึ้นมา หลังจากดูเวลาแล้ว กงจวิ้นฉือก็หันไปพูดกับถังถัง


 


 


 “ช่างเถอะ ฉันไม่รบกวนพวกนายสองคนกินข้าวหรอก พวกนายน่ะ กินให้มีความสุขนะ” พูดจบ ถังถังเดินลงไปชั้นล่างก่อนเพื่อกลับไปยังออฟฟิศ


 


 


กงจวิ้นฉือรีบตามหลังไป เขามองดูแผ่นหลังของถังถัง ยิ้ม


 


 


ในออฟฟิศ ฉู่เจียเสวียนแก้งานต้นฉบับเสร็จพอดี เงยหน้าขึ้นเห็นถังถังกับกงจวิ้นฉือเดินเข้ามาจากข้างนอกก็ยิ้มทันที


 


 


“พวกเธอสองคนหายไปไหนมา” ถามจบ ก็เริ่มเก็บของบนโต๊ะ ดวงตากลมโตโก่งงอจนเป็นพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว


 


 


 “ผมน่ะ ไปปลอบหัวใจน้อยๆ ที่บอบฃ้ำของคนอื่นมาน่ะ” กงจวิ้นฉือกวาดตามองถังถัง จากนั้นก็เดินไปยืนข้างฉู่เจียเสวียน มองใบหน้าน้อยๆ ที่งดงามของเธอแล้วยิ้ม


 


 


 “อ๋อ? เขาโดนคนที่บ้านบังคับให้แต่งงานอีกแล้วเหรอ” ทันทีที่ได้ยินคำพูดของกงจวิ้นฉือ ก้รู้ทันทีว่าถังถังจะต้องถูกที่บ้านเรียกให้นัดบอดอีกแน่นอน


 


 


ก็ไม่แปลกที่พ่อแม่ของเธอจะร้อนใจ บ้านของเธอมีเธอเป็นลูกสาวคนเดียว อายุใกล้ยี่สิบแปดแล้ว ในฐานะพ่อแม่ก็ต้องเป็นห่วงไม่มากก็น้อย ฉะนั้นเธอจึงเข้าใจอารมณ์แบบนี้ของเธออย่างดีมากๆ


 


 


“ฉันเปล่าซะหน่อย” ถังถังกล่าวอย่างไม่พอใจ เดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง เหลือบมองฉู่เจียเสวียนอย่างไม่สบอารมณ์


 


 


เธอไม่ได้ถูกบังคับให้แต่งงานสักหน่อยโอเคไหม เธอแค่ถูกคนที่บ้านให้ไปนัดบอดเท่านั้น ไม่เข้าใจเลยว่าคนพวกนั้นคิดอย่างไร เธอมีความสามารถเลี้ยงดูตัวเองก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องบังคับให้เธอไปนัดบอดด้วย จริงๆ เลย!


 


 


อีกอย่าง เธอมีคนในใจแล้วโอเคไหม เมื่อคิดถึงตรงนี้ ถังถังเงยหน้าขึ้นมองกงจวิ้นฉือ พบว่าเขากำลังมองเธอด้วยรอยยิ้มแปลกๆ


 


 


 “นายมองฉันแบบนี้ทำไม” สบสายตากงจวิ้นฉือ ถังถังกลืนน้ำลาย เอ่ยถาม


 


 


“หรือว่าคุณมีคนที่ชอบแล้ว ผมเห็นว่าหลายปีมานี้ คุณไม่มีเพื่อนต่างเพศเลย สาเหตุเดียวที่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมคุณถึงไม่มีแฟนก็คือคุณมีคนในใจแล้ว” กงจวิ้นฉือพูดขึ้นกะทันหัน มองถังถังและพูดด้วยความมั่นใจ


 


 


ฉู่เจียเสวียนได้ฟังคำตอบของกงจวิ้นฉือแล้วก็พยักหน้าตาม ถูกต้อง ไม่มีแฟนนานแบบนั้น หรือว่าเธอมีคนที่ชอบแล้วจริงๆ


 


 


เห็นท่าทางของทั้งสองคนที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ถังถังรู้สึกเขินในใจ แต่กลับไม่ได้แสดงความตื่นตระหนกบนใบหน้า


 


 


“อัยยา ถ้าพวกเธอรู้สึกเด็กหนุ่มหน้าตาดี จะใจดีแนะนำให้ฉันรู้จักก็พอแล้ว อย่ามาเดามั่วเลย พวกเธอจะไปกินข้าวไม่ใช่เหรอ? ยังไม่ไปอีก?​ ถ้าเดี๋ยวไปเจอช่วงเร่งด่วน​ พวกเธอรถจะติดเอานะ” ถังถังพูดจบ​ จากนั้นก็เดินออกไปจากออฟฟิศ​ ขี้เกียจจะสนใจสองคนนี้


 


 


ฉู่เจียเสวียนเห็นเงาของถังถังที่ไกลออกไป​ ส่ายหัวอย่างจนปัญญา​ สำหรับเพื่อนสนิทคนนี้​ เธอรู้สึกเหนื่อยหน่ายจริงๆ​ เธอต้องการให้เธอมีความสุขจริงๆ​ น่าเสียดายจนป่านนี้แล้ว​ เธอยังไม่เคยได้ยินเธอบอกว่าชอบใครเลย


 


 


 “พวกเราไปกันเถอะ” หลังจากฉู่เจียเสวียนจัดโต๊ะเรียบร้อยแล้ว​ เอ่ยปากกับกงจวิ้นฉือ


 


 


กงจวิ้นฉือพยักหน้า​ จูงมือของเธอเดินไปนอกออฟฟิศ


 


 


อีกมุมหนึ่ง ถังถังมองทั้งสองคนที่จากไปอย่างหวานชื่น แววตามีประกายความผิดหวัง เธอไม่มีวันบอกพวกเขาถึงคนที่เธอชอบได้อย่างแน่นอน


      ตอนที่ 372 เหมือนกับว่าจะชอบเธอแล้ว


 


 


           หลังจากฉู่เจียเสวียนกับกงจวิ้นฉือออกจากร้านชุดแต่งงานแล้ว ทั้งสองคนก็ไปดินเนอร์ใต้แสงเทียน เมื่อกินข้าวเสร็จ กงจวิ้นฉือก็ส่งฉู่เจียเสวียนกลับบ้าน


 


 


           ในเวลานี้เอง ทั้งสองคนกำลังไปตามถนนเส้นเล็กๆ เพื่อกลับบ้านฉู่เจียเสวียน ขณะที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของฉู่เจียเสวียนนัก กงจวิ้นฉือก็บอกว่าอิ่มเกินไปแล้ว ฉะนั้นจึงแนะนำให้เดินกลับบ้าน ถึงอย่างไรก็อยู่ไม่ไกลมากแล้ว


 


 


           ระหว่างทาง ทั้งสองคนไม่พูดไม่จา คนหนึ่งหล่อเหลาอีกคนก็มีเสน่ห์ ริมฝีปากของฉู่เจียเสวียนยกยิ้ม เพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาที่งดงามเช่นนี้ ส่วนกงจวิ้นฉือก็มองด้านข้างของฉู่เจียเสวียน รู้สึกว่ามีความสุขอย่างหาที่เปรียบมิได้


 


 


           แสงไฟถนนส่องบนตัวทั้งสองคน ทำให้เงาของพวกเขาเหยียดยาว สายลมยามราตรีพัดผ่าน ใบไม้ที่ร่วงหล่นบนพื้นดินโบกสะบัดเบาๆ ไปกับสายลม และเส้นผมของฉู่เจียเสวียนก็ปลิวตามลมแผ่วเบา


 


 


           “เจียเสวียน…พวกเราเป็นแบบนี้ดีจังเลย ไม่มีความวุ่นวาย ไม่มีเรื่องในใจ มีแค่ผมกับคุณ” กงจวิ้นกล่าว เสียงที่นุ่มนวลมีความอบอุ่น


 


 


           เขาต้องการปกป้องอยู่ข้างกายเธอตลอดไป ขอเพียงได้อยู่กับเธอ เขาก็มีความสุขแล้ว


 


 


           ฉู่เจียเสวียนได้แต่ยิ้ม ไม่ได้ตอบ มองดูบรรยากาศรอบๆ ที่ชวนให้สดชื่น มันทำให้เธอรู้สึกดี


 


 


           “เอาล่ะ คุณถึงบ้านแล้ว” ส่งฉู่เจียเสวียนมาถึงหน้าประตูบ้าน กงจวิ้นฉือยืนหันหน้าเข้าหาเธอ มองดูใบหน้าละเอียดอ่อนของเธอที่อ่อนโยนอย่างเห็นได้ชัดภายใต้แสงจันทร์


 


 


           “โอเคค่ะ งั้นคุณขับรถระวังหน่อยนะ” ฉู่เจียเสวียนพยักหน้า มองเขาด้วยรอยยิ้มสดใส หลังจากพูดจบก็เดินขึ้นบันไดไปแล้ว


 


 


           กงจวิ้นฉือมองตามฉู่เจียเสวียนตลอดเวลา จนกระทั่งประตูปิดลง กั้นสายตาของเขา เขาจึงละสายตา ความมืดมนจางๆ ปรากฏอยู่ในดวงตา


 


 


           จนถึงเมื่อไรกันที่เธอและเขาไม่ต้องพรากจาก? เฮ้อ ถอนหายใจเบาๆ กงจวิ้นฉือก้าวเท้าเดินกลับเส้นทางสายเดิมอย่างช้าๆ


 


 


           ฉู่เจียเสวียนเข้าบ้านไปแล้ว ซูซานรีบเข้าไปต้อนรับ “เจียเสวียน ทำไมลูกไม่ให้จวิ้นฉือเข้ามานั่งหน่อยล่ะ” เมื่อครู่เธออยู่ที่ระเบียง เห็นทั้งสองคนเดินเคียงข้างกันมาตลอดทาง เธอยังนึกว่ากงจวิ้นฉือจะเข้ามานั่งเล่นเสียอีก


 


 


           “ดึกมากแล้ว เดี๋ยวเขาขับรถจะไม่ปลอดภัย” ฉู่เจียเสวียนกล่าว พร้อมยิ้มกับซูซาน


 


 


           “ก็จริง ยังมีน้ำแกงในห้องครัว ลูกอยากจะดื่มหน่อยไหม” ซูซานได้ยินคำพูดของเธอแล้ว พูด


 


 


           “แม่คะ ไม่เอาแล้ว หนูอิ่มมากเลย ทำไมแม่ยังไม่นอนล่ะ” ฉู่เจียเสวียนยื่นมือควงแขนของซูซาน ดึงเธอมานั่งบนโซฟาในห้องรับแขก


 


 


           “ก็เพราะว่ารอลูกน่ะสิ ลูกยังไม่กลับแม่จะนอนหลับได้ยังไง” ซูซานกล่าว เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของฉู่เจียเสวียนแล้ว ก็ยิ้มตามไปด้วย


 


 


           หลังจากทั้งสองคนคุยกันสักพัก ฉู่เจียเสวียนก็เริ่มหาวแล้ว ซูซานเห็นแล้วรีบพูดทันที “เอาล่ะ หนูก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว รีบไปอาบน้ำนอนเถอะ”


 


 


           ซูซาน พูดพลางผลักฉู่เจียเสวียนขึ้นไปชั้นบน


 


 


           ยี่สิบนาที่ต่อมา ฉู่เจียเสวียนอาบน้ำออกมา ตอนนี้ไฟที่ชั้นล่างดับลงแล้ว เธอรู้ว่าซูซานนอนแล้ว


 


 


           ยิ่งตกดึก ฉู่เจียเสวียนเอนกายอยู่บนเตียงแต่ทำอย่างก็นอนไม่หลับ พลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง


 


 


           ทั้งๆ ที่ช่วงนี้ก็ไม่มีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นกับเธอ แต่ว่าระยะหลังนี้เธอหลับยากมาก อีกทั้งเงาของเผยหนานเจวี๋ยมักจะกระโดดเข้ามาในหัวของเธอเป็นครั้งคราว


 


 


           “เจียเสวียน ผม…เหมือนว่าจะชอบคุณเข้าแล้ว” เมื่อนึกถึงประโยคนั้นของเผยหนานเจวี๋ย ในสมองของฉู่เจียเสวียนก็สับสน


 


 


           บ้าจริง! หงุดหงิดจนลุกขึ้นนั่งบนเตียง ทำไมเธอถึงคิดถึงเรื่องพวกนั้นอีกแล้ว แฟนของเธอในตอนนี้ก็คือกงจวิ้นฉือ ทำไมเธอถึงคิดถึงเผยหนานเจวี๋ยคนชั่วคนนั้นได้นะ?


 


 


           ฉู่เจียเสวียนเอ๋ยฉู่เจียเสวียน พอบาดแผลเธอหายดีแล้วก็ลืมความเจ็บปวดไปแล้วงั้นเหรอ


 


 


           เธอต้องรักกงจวิ้นฉือให้ดี อย่าไปคิดเรื่องพวกนี้อีกแล้ว ในโลกใบนี้มีเพียงกงจวิ้นฉือเท่านั้นที่จริงใจกับเธอ


 


 


 


 


ตอนที่ 373 ลูกที่มีแม่มีความสุขกว่า


 


 


นอนกลับลงไปบนเตียงอีกรอบ ฉู่เจียเสวียนพูดกับตัวเองไม่หยุด


 


 


หลังจากความรู้สึกค่อยๆ กลับสู่สภาพเดิมแล้ว เปลือกตาของเธอก็ค่อยๆ หนักอึ้ง สุดท้ายก็ผล็อยหลับไปพร้อมกับสายลมยามค่ำคืน


 


 


เช้าวันุร่งขึ้น แสงยามรุ่งอรุณสาดส่อง นาฬิกาชีวิตของฉู่เจียเสวียนมักจะตรงเวลาอยู่เสมอ ลุกขึ้นนั่งบนเตียง ฉู่เจียเสวียนบิดขี้เกียจ สุดท้ายก็ลุกออกจากเตียงใหญ่โตอันอ่อนนุ่ม


 


 


ในห้องน้ำ เมื่อเห็นรอยคล้ำใต้ตาแล้วอดไม่ได้ที่จะยิ้มขมขื่น แค่เมื่อคืนนอนไม่พอเท่านั้นเอง ทำไมวันนี้รอยคล้ำใต้ตาถึงได้ใหญ่แบบนี้ล่ะ


 


 


หลังจากออกจากห้องน้ำ ฉู่เจียเสวียนนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หยิบรองพื้นขึ้นมาเพื่อปกปิดรอยคล้ำรอบดวงตา หลังจากทาปากแดงแล้ว เธอก็ดูสดใสขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด


 


 


หยุดอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้า เปลี่ยนเสื้อผ้าที่มีสีสันสว่างสดใส ทำให้ตัวเธอยิ่งดูมีชีวิตชีวาขึ้นอย่างชัดเจน เรือนร่างที่สูงโปร่งเพรียวบาง ใส่รองเท้าส้นสูงสีฟ้าอ่อน


 


 


ผมยาวเป็นลอนสลวยปล่อยตัวอยู่ด้านหลัง ดูเป็นคนเก่งที่ไม่ทิ้งความสง่างาม รวมทั้งมีบุคลิกที่โดดเด่นชัดเจน


 


 


หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ฉู่เจียเสวียนก็ไปทำงานทันที ในร้านชุดแต่งงาน ถังถังนั่งกินอาหารเช้าอยู่ในออฟฟิศ ฉู่เจียเสวียนเดินเข้าไป มองดูเธอกินอาหารเช้าก็ส่ายหน้า


 


 


เฮ้อ ลูกที่มีแม่อยู่ข้างกายยังไงก็ดีกว่าจริงๆ ทุกวันตื่นนอนก็มีอาหารเช้ากิน อีกทั้งยังร้อนๆ ด้วย


 


 


“ถังถังเอ๊ย ต่อไปเธอไปกินข้าวเช้าที่บ้านฉันได้นะ เห็นเธอกินของพวกนี้ทุกวัน ฉันอดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ” ฉู่เจียเสวียนกล่าว น้ำเสียงรื่นรมย์


 


 


ทั้งๆ ที่เป็นคุณหนูบ้านรวย แต่กลับกินอาหารเช้าแบบนี้ทุกวัน จ้างแม่บ้านไม่เป็นหรือไง


 


 


ได้ยินคำพูดของฉู่เจียเสวียน ถังถังอดไม่ได้ที่จะมองค้อนเธอ


 


 


 “ฉันรู้แล้วน่าว่าเธอมีแม่รัก คราวหน้าเธอเอาของมาให้ฉันกินน่าจะดีกว่า” ถังถังเอ่ยปากพูด แววตาที่มองฉู่เจียเสวียนมีรอยยิ้ม


 


 


ฉู่เจียเสวียนนั่งลงที่โต๊ะทำงานของเธอ ยื่นมือหยิบเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา อ่านดูแล้วก็เริ่มทำงานของเธอ


 


 


ถังถังเห็นท่าทางของฉู่เจียเสวียน มุ่ยปาก เธอนี่ช่างสิ้นหวังเสียจริง ทันทีที่มาถึงก็ทำงานอย่างเอาเป็นเอาตายซะแล้ว


 


 


หลังจากถังถังทานอาหารเช้าเสร็จแล้วก็เริ่มทำงานทันที จะพูดเล่นหรือดีเลวอย่างไรเธอก็คือเจ้านายของที่นี่โอเคหรือเปล่า ถ้าเธอไม่ขยันสักหน่อย เดี๋ยวพนักงานหาว่าเธอขี้เกียจจะทำอย่างไรล่ะ


 


 


ทันทีที่ทั้งสองคนทำงานด้วยกันอย่างจริงจังแล้ว ก็ไม่มีใครพูดอะไร นอกเสียจากว่าประสบปัญหาเรื่องงานจึงจะหารือกันสองสามคำ


 


 


จนกระทั่งประตูออฟฟิศดังขึ้น ขัดจังหวะความคิดของทั้งสองคนโดยสิ้นเชิง พวกเธอจึงเงยหน้าขึ้นจากงาน


 


 


 “พี่เจียเสวียนคะ ข้างนอกมีคุณหยางต้องการพบคุณค่ะ” ผู้จัดการร้านเสี่ยวลี่ยืนอยู่หน้าประตูออฟฟิศ พร้อมเอ่ยกับฉู่เจียเสวียน


 


 


 “โอเค ฉันรู้แล้ว” ฉู่เจียเสวียนได้ยินแล้วก็พยักหน้า จากนั้นก็ลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานเพื่อเดินออกไปข้างนอก


 


 


ถังถังเห็นว่ามันไม่เกี่ยวกับเธอ จึงเริ่มทำงานของตัวเองต่อ


 


 


ฉู่เจียเสวียนตามเสี่ยวลี่ไปยังห้องรับรอง เห็นว่ามีหญิงวัยกลางคนยืนอยู่ข้างใน ตอนนี้เธอกำลังยืนหันหลังให้เธอ ฉู่เจียเสวียนมองเห็นหน้าเธอไม่ชัด ดูจากการแต่งตัวของเธอแล้ว ดูออกได้ไม่ยากว่าน่าจะเป็นคนมีหน้ามีตา


 


 


           ยกมือขึ้นเคาะประตู ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปาก “คุณผู้หญิงท่านนี้ หาฉันหรือคะ”


 


 


           ผู้หญิงคนนั้นหันมา มองฉู่เจียเสวียนพร้อมกับยิ้ม


 


 


           “อาจารย์หยาง? นี่อาจารย์จริงเหรอ? อาจารย์มาได้ยังไง?” ฉู่เจียเสวียนมองดูใบหน้าของเธอให้ชัด เอ่ยปากทันที แววตาเปื้อนรอยยิ้ม


 


 


           ผู้หญิงคนนี้คืออาจารย์สมัยที่ฉู่เจียเสวียนเรียนที่มหาวิทยาลัย ขณะที่เรียนมหาวิทยาลัย เธอมักจะดูแลเธออยู่เสมอ หากมีตรงไหนที่เธอไม่เข้าใจ เมื่อถามเธอ เธอก็จะบอกเธอเสมอ


 


 


           หลังจากจบการศึกษาแล้ว ฉู่เจียเสวียนก็ไม่ได้เจอเธออีก หลังจากแต่งงานกับเผยหนานเจวี๋ย ก็ขาดการติดต่อจากเธอ คิดไม่ถึงว่าวันนี้ พวกเธอจะได้เจอหน้ากันจริงๆ


       ตอนที่ 374 ไม่เจอตั้งนาน


 


 


           “เจียเสวียน ไม่เจอตั้งนาน” อาจารย์หยางเอ่ยปาก บนใบหน้ามีรอยยิ้มอ่อนโยน ใบหน้าที่งดงามไม่ทิ้งร่องรอยของวัยเลย


 


 


           เธอยังคงสวยและสะโอดสะองเหมือนเมื่อก่อน


 


 


           ดวงตาของฉู่เจียเสวียนแดงก่ำเล็กน้อย อ้าแขนทั้งสองข้างเดินไปหาอาจารย์หยาง สวมกอดเธอด้วยความกะตือรือร้น


 


 


           หลังจากคลายทั้งมือแล้ว ฉู่เจียเสวียนพูดกับเสี่ยวลี่ที่ยืนอยู่หน้าประตูตลอดเวลา “เสี่ยวลี่ ไปเอาชาร้อนมาสองที่”


 


 


           หลังจากพูดจบแล้ว ก็เริ่มมองอาจารย์หยาง


 


 


           “อาจารย์หยาง พวกเราไม่เจอกันตั้งนานแล้ว หลายปีมานี้อาจารย์สบายดีไหมคะ” ฉู่เจียเสวียนกล่าว ดวงตาเปียกชื้นเล็กน้อย


 


 


           “ฉันสบายดีมาก ไม่ต้องเป็นห่วง เห็นเธอที่เป็นอย่างทุกวันนี้ ฉันก็สบายใจแล้ว” อาจารย์หยางกล่าว มองดูรอยยิ้มบนใบหน้าของฉู่เจียเสวียน รอยยิ้มนั้นสดใส


 


 


           ฉู่เจียเสวียนเป็นคนนักเรียนคนโปรดของเธอ น่ารักเชื่อฟังและขยัน ทุกครั้งที่มีตรงไหนไม่เข้าใจก็มักจะมาถามเธอ


 


 


           ทั้งสองคนคุยกันนานมาๆ ที่แท้ครั้งนี้ที่เธอมาเมือง A เพราะเรื่องงาน ผ่านมาที่ร้านชุดแต่งงานของเธอพอดี ฉะนั้นจึงเข้ามาหาเธอ


 


 


           ตอนนี้เห็นเธอประสบความสำเร็จขนาดนี้ เธอก็วางใจแล้ว สามปีก่อน ตอนที่ได้ข่าวว่าเธอหย่ากับเผยหนานเจวี๋ย ตอนนั้นเธอปวดใจเสียนาน แต่ว่าในตอนนั้นเธอไม่ได้อยู่ที่เมือง A แล้ว


 


 


           “เจียเสวียน ได้เวลาแล้ว ฉันกลับไปก่อนนะ ฉํนยังมีธุระนิดหน่อย นัดเพื่อนไว้” หลังจากทั้งสองคนคุยกันทั้งวันแล้ว อาจารย์หยางจึงเอ่ยปากพูด


 


 


           “อาจารย์ ไม่กินข้าวด้วยกันก่อนเหรอคะ” ทันทีที่ฉู่เจียเสวียนได้ยินว่าอาจารย์หยางจะกลับ แววตาเผยความอาลัยอาวรณ์ เธอยังไม่ได้กินข้าวด้วยกันเลยนะ


 


 


           “ไม่ล่ะ ฉันนัดเพื่อนไว้ตอนเที่ยงครึ่ง ตอนนี้ก็ได้เวลาแล้ว ฉันไปก่อนนะ” อาจารย์หยางพูด หยิบกระเป๋าแล้วลุกขึ้นยืน ฉู่เจียเสวียนก็ลุกตาม


 


 


           ส่งอาจารย์หยางที่หน้าประตู เมื่อมองไปที่แสงแดดที่สดใสภายนอก ดวงตาของฉู่เจียเสวียนหรี่ลง


 


 


           “อาจารย์คะ ถ้ามีเวลา แวะมาบ่อยๆ นะคะ ฉันจะเลี้ยงข้าวอาจารย์” ฉู่เจียเสวียนกุมมือของอาจารย์


 


 


หยางพร้อมพูด ดวงตายิ้มจนกลายเป็นพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว


 


 


           “ได้สิ”


 


 


           “เจียเสวียน”


 


 


           จู่ๆ เสียงผู้ชายดังขึ้น กงจวิ้นฉือกำลังเดินเข้ามาหาพวกเธอสองคน


 


 


           อาจารย์มองกงจวิ้นฉือครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองมาที่ฉู่เจียเสวียน


 


 


           “อาจารย์คะ คนนี้คือแฟนของฉัน ชื่อกงจวิ้นฉือ จวิ้นฉือ นี่คืออาจารย์ที่มหา’ลัยของฉัน” ฉู่เจียเสวียนกล่าวแนะนำทั้งสองคนให้กันและกัน


 


 


           กงจวิ้นฉือได้ยินแล้ว รีบยื่นมือมาหาอาจารย์หยาง “สวัสดีครับอาจารย์ ผมได้ยินเจียเสวียนพูดถึงอาจารย์บ่อยๆ บอกว่าอาจารย์คอยดูแลเธอตลอด”


 


 


           เสียงที่อบอุ่นดังขึ้น ทำให้รู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก


 


 


           คุณหยางได้ยินคำพูดของกงจวิ้นฉือก็หัวเราะ สายตาที่มองฉู่เจียเสวียนยิ่งเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม


 


 


           กงจวิ้นฉือคนนี้ไม่เพียงแต่หน้าตาหล่อเหลา อีกทั้งยังพูดจาเก่ง ที่สำคัญคือดูท่าทางของเขาแล้วดีต่อฉู่เจียเสวียนมาก น้ำเสียงก็ไพเราะ ในใจของอาจารย์หยางอดไม่ได้ที่จะชื่นชมกงจวิ้นฉืออยู่บ้าง


 


 


           “เป็นคนที่ไม่เลวจริงๆ เจียเสวียน เธอต้องรักษาให้ดีๆ นะ” อาจารย์หยางเอ่ยปากแซว ทันใดนั้นเองก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นก้างขวางคอขนาดใหญ่


 


 


           ได้ยินคำพูดของอาจารย์หยางแล้ว ฉู่เจียเสวียนก้มหน้า ใบหน้าแดงระเรื่อโดยที่ไม่รู้ตัวแล้ว


 


 


           กงจวิ้นฉือได้ยินคำพูดของอาจารย์หยาง รอยยิ้มบนใบหน้าสดใส ยื่นมือจับมือน้อยๆ ของฉู่เจียเสวียน “ได้ยินแล้วยัง อาจารย์บอกให้คุณรักษาผมให้ดีๆ ต้องเชื่อฟังอาจารย์นะ”


 


 


           เสียงที่เปี่ยมด้วยความรักดังขึ้น ทำให้ใบหน้าของฉู่เจียเสวียนยิ่งแดง และอาจารย์หยางก็ยิ่งยิ้มกว้าง


 


 


 


 


       ตอนที่ 375 จริงจังหน่อยได้หรือเปล่า


 


 


           “จวิ้นฉือ คุณจริงจังหน่อยได้หรือเปล่า อาจารย์ยังอยู่นี่นะ” ฉู่เจียเสวียนอยากจะดึงมือออก แต่ว่ากงจวิ้นฉือยิ่งจับแน่นกว่าเดิม


 


 


           “ใครบ้างไม่รู้ว่าคุณคือแฟนของผม? อีกอย่าง อาจารย์หยางก็ไม่ใชคนนอก ใช่ไหมครับอาจารย์” กงจวิ้นฉือไม่ค่อยเห็นท่าทางที่เขินอายของฉู่เจียเสวียนแบบนี้ เอ่ยปากแซว


 


 


           “แน่นอนอยู่แล้ว เห็นพวกเธอสองคนรักกันแบบนี้ ฉันก็มีความสุขมาก เอาล่ะ ฉันไม่รบกวนพวกเธอแล้ว ฉันรีบพวกเธอคุยกันก่อนเถอะ” เมื่ออาจารย์หยางพูดจบ ก็จับมือกับฉู่เจียเสวียนและกงจวิ้นฉือและจากไป


 


 


           ฉู่เจียเสวียนมองดูแผ่นหลังของอาจารย์หยางที่ไกลออกไป ความอาลัยอาวรณ์ในแววตายิ่งหนักอึ้ง


 


 


           เดิมทีเธอควรจะไปหาอาจารย์ แต่ว่าคิดไม่ถึงว่าอาจารย์จะมาหาเธอแล้ว เฮ้อ ดูแล้วเธอไม่มีความใส่ใจเอาซะเลย


 


 


           กงจวิ้นฉือเห็นสีหน้าที่มืดมนของฉู่เจียเสวียน เลิกคิ้ว ยื่นมือโบกๆ ตรงหน้าของเธอ “คิดอะไรอยู่เหรอ”


 


 


           ฉู่เจียเสวียยนดึงสติกลับมามองกงจวิ้นฉือแล้วส่ายหัว “คุณมาได้ยังไง ช่วงนี้บริษัทไม่ยุ่งเหรอ ฉันเห็นว่าคุณมาหาฉันไม่เว้นวันเลย”


 


 


           ได้ยินคำพูดของฉู่เจียเสวียนแล้ว กงจวิ้นฉือหัวเราะ จากนั้นเสียงที่อบอุ่นน่าฟังก็ดังมาจากปากของเขา “จะว่าไม่ยุ่งก็ยุ่ง จะบอกว่ายุ่งก็ไม่ได้ยุ่งมาก ต่อให้งานยุ่งแค่ไหน แน่นอนว่าไม่สำคัญเท่าแฟนของผมหรอก”


 


 


           ได้ยินคำหวานของกงจวิ้นฉือแล้ว ฉู่เจียเสวียนก็หัวเราะ “เลิกปากหวานได้แล้ว คุณนัดลูกค้าพอดีใช่ไหมล่ะ”


 


 


           สำหรับคำพูดของกงจวิ้นฉือ ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อ เพียงแต่เธอรู้สึกว่าเขาน่าจะผ่านมาทางนี้พอดีล่ะมั้ง ไม่เช่นนั้นเวลาที่เขาวิ่งไปวิ่งมาทุกวันมันจะบ่อยเกินไปแล้ว


 


 


           “คุณฉลาดจริงๆ ผมนัดลูกค้าพอดีเดี๋ยวจะไปเจอ” กงจวิ้นฉือก็ไม่พูดเล่นอีก บอกกับฉู่เจียเสวียนตรงๆ


 


 


           เพราะว่าเขานัดเจอกับลูกค้าที่นี่จริงๆ ดังนั้นเขาจึงออกมาเร็ว และมาพบเธอระหว่างทาง


 


 


           “เอาเถอะ งั้นคุณไปหาลูกค้าเถอะ ฉันยังมีงานต้องทำ ไม่รบกวนคุณแล้ว” พูดจบ ก็โบกมือของกงจวิ้นฉือ หันหลับกลับเข้าไปในร้านชุดแต่งงานแล้ว


 


 


           กงจวิ้นฉือยิ้มมองพร้อมกับส่ายหัว หันหลังเดินไปอีกทาง


 


 


           ในออฟฟิศ ถังถังเห็นฉู่เจียเสวียนเดินเข้ามา เห็นว่าไม่มีใครตามหลังเธอมา อดไม่ได้ที่จะสงสัย “จวิ้นฉือมาไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่เห็นเขาล่ะ”


 


 


           “อ๋อ เขามีนัดกับลูกค้า เธอรู้ได้ไงว่าเขามา” ฉู่เจียเสวียนเดินไปนั่งที่นั่งของตัวเอง เอ่ยปากถาม “เมื่อกี้เห็นน่ะสิ” ถังถังตอบอย่างไม่ใส่ใจ สายตามองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่กระพริบ เธอกำลังจัดการกับรูปกราฟฟิคอยู่


 


 


           “ถังถัง เธอยังจำอาจารย์หยางปี้ที่มหา’ลัยพวกเราได้ไหม” ฉู่เจียเสวียนกล่าวพร้อมมองถังถัง


 


 


           อัยยา เมื่อกี้เธอลืมให้ถังถังได้เจออาจารย์ได้อย่างไรกันนะ ตอนที่เรียนที่มหาวิทยาลัย ถังถังไปต่างประเทศตั้งแต่ปีสองแล้ว ไม่รู้ว่าเธอยังจำได้หรือเปล่า


 


 


           “หยางปี้? เธอจำผิดหรือเปล่า ฉันไม่รู้จักนะ” ถังถังครุ่นคิดครู่หนึ่ง ไม่หยางปี้คนนี้ในความทรงจำเลย


 


 


           “เธอไม่รู้จักเหรอ เธอไม่ได้ไปต่างประเทศตอนปีสองหรือไง” ฉู่เจียเสวียนขมวดคิ้ว มองถังถังพร้อมกับพูด


 


 


           “ใช่ แต่ว่าฉันจำไม่ได้จริงๆ” ถังถังเอ่ย เสียงที่ชัดเจนดังก้องอยู่ในออฟฟิศ


 


 


           “เอาเถอะ คิดไม่ออกก็ช่างมันเถอะ ฉันจะทำงานแล้ว อย่ากวนฉันล่ะ” ฉู่เจียเสวียนเห็นว่าถังถังจำไม่ได้จริงๆ ก็ไม่ฝืนอีก


 


 


           บางทีอาจารย์หยางปี้อาจไม่เคยสอนเธอเลยก็ได้ ทำไมเธอต้องเป็นกังวลขนาดนั้นล่ะ


 


 


           เวลาไหลผ่านไปโดยไม่รู้ตัว พริบตาเดียว ท้องฟ้าก็มืดแล้ว


    ตอนที่ 376 รังเกียจผมขนาดนั้นเลยเหรอ


 


 


           ฉู่เจียเสวียนวางปากกาในมือลง ถังถังที่อยู่ในออฟฟิศไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว เธอบิดขี้เกียจ มุมปากยกยิ้ม


 


 


           หลังจากเก็บของเสร็จแล้ว ฉู่เจียเสวียนก็ออกจากร้านชุดแต่งงานไป


 


 


           ขึ้นรถแล้วขับรถกลับบ้าน


 


 


           ในวิลล่า ซูซานยืนอยู่ที่ระเบียง เมื่อเห็นว่ารถของฉู่เจียเสวียนขับเข้ามาในสวนแล้ว ก็รีบหันเข้าไปในห้องครัวทันที เริ่มลงมืออุ่นน้ำแกงให้ฉู่เจียเสวียน


 


 


           เพียงครู่เดียวก็ง่วนอยู่ในห้องครัว


 


 


           ฉู่เจียเสวียนลงรถ เดินเข้าไปในบ้านทันที เมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้วไม่เห็นเงาของซูซานในห้องรับแขก ฉู่เจียเสวียนก็รู้ว่าเธอจะต้องทำอะไรให้เธอกินอยู่ในห้องครัวแน่ๆ


 


 


           เปลี่ยนรองเท้าเสร็จแล้วก็เดินเข้าไปในห้องครัวทันที ยืนอยู่ที่หน้าประตู เห็นเงาของซูซานที่กำลังกุลีกุจอ ฉู่เจียเสวียรู้สึกว่าเธอคือผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลกใบนี้


 


 


           ตอนกลางคืน หลังจากกินอาหารเสร็จแล้ว ฉู่เจียเสวียนอาบน้ำเสร็จแล้วก็เข้าห้องหนังสือเพื่ออ่านหนังสือ


 


 


           อีกด้านหนึ่ง ที่วิลล่าบ้านเผย


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยนั่งอยู่ในห้องหนังสือ จ้องโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือ เหม่อลอย


 


 


           เขาคิดถึงเธอมาก คิดถึงมากๆ มากๆ ตอนนี้เขาไม่ได้เจอหน้าฉู่เจียเสวียนมาหลายวันแล้ว เขาอยากได้ยินเสียงของเธอมาก


 


 


           หลังจากที่ต่อสู้ดิ้นรนอยู่ภายในใจแล้ว ในที่สุดเผยหนานเจวี๋ยก็ยังกดโทรไปหาฉู่เจียเสวียน หลังจากโทรศัพท์ดังสักพักแล้ว ไม่มีคนรับสาย หัวใจของเผยหนานเจวี๋ยก็จมดิ่งไม่หยุด กดโทรออกอย่างไม่เต็มใจอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีคนรับสาย


 


 


           ในที่สุดเขากดวางหู


 


 


           “รังเกียจผมขนาดนี้เลยเหรอ” เผยหนานเจวี๋ยพึมพำกับตัวเอง หลายวันนี้ เขาพยายามอยู่ร่วมกันกับฉู่อีอี ต้องการให้ตัวเองหลงรักฉู่อีอีใหม่อีกครั้ง แต่ว่าเขาพบว่าเขาทำไม่ได้จริงๆ


 


 


           จากนั้นเขาเริ่มพิจารณาตัวเอง ว่ามีปัญหาที่ตรงไหนกันแน่ ทำไมตอนนี้เรื่องราวถึงมาขั้นที่อยู่นอกเหนือความควบคุมของเขา


 


 


           ยิ่งพิจารณา เขาพบว่าเขายิ่งชอบฉู่เจียเสวียน ระหว่างเขากับฉู่อีอีนั้นราวกับว่ามันเป็นความผิดพลาดตั้งแต่แรก เขาแม้แต่คิดว่าถ้าฉู่อีอีไม่ได้ปรากฏตัวในตอนนั้น ตอนนี้เขากับฉู่เจียเสวียนจะยังอยู่ด้วยกันอยู่ไหม


 


 


           แต่ว่า ความผิดพลาดได้บังเกิดขึ้นแล้ว ตอนนี้ยิ่งคิดมากก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้


 


 


           คิดยิ่งก็คิดปวดใจ คิ้วที่เรียวงามเผยหนานเจวี๋ยขมวดกันแล้ว


 


 


           ระหว่างที่เหม่อลอยอยู่นั้น หน้าจอโทรศัพท์มือถือสว่างขึ้น เผยหนานเจวี๋ยตาเป็นประกาย รู้สึกดีใจ นึกว่าฉู่เจียเสวียนโทรมา แต่ว่าเมื่อเห็นเบอร์แปลกแล้ว คิ้วของเขาก็ผูกกัน


 


 


           “ฮัลโหล สวัสดีครับ”


 


 


           “คุณเผย ยังไม่นอนเหรอ” น้ำเสียงที่มืดมนเล็กน้อยของเฉิงเฮ่าลอยเข้าหูของเผยหนานเจวี๋ย เผยหนานเจวี๋ยได้ยินแล้วในใจตื่นตัวทันที


 


 


           เฉิงเฮ่า? เขาต้องการทำอะไร


 


 


           “มีเรื่องอะไร” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวอย่างแข็งกร้าว แววตามีความเยือกเย็น


 


 


           เฉิงเฮ่าคนนี้ คราวก่อนแย่งราคาประมูลของเขา ตอนนี้จะโทรมาหาเขาอีกทำไมกัน


 


 


           “คุณเผย ถึงยังไงพวกเราก็ร่วมงานกัน โทรหาคุณเพื่อที่จะลดระยะห่างของกันและกันไม่ดีหรือไง” เฉิงเฮ่าหัวเราะเสียงต่ำ เสียงที่มืดมนทำให้เผยหนานเจวี๋ยฟังแล้ว คิ้วยิ่งขมวดกันแน่นกว่าเดิม


 


 


           เขาสั่งให้คนไปสืบข้อมูลของเฉิงเฮ่า แต่ว่าสืบได้เพียงเล็กน้อย เขาไม่รู้จริงๆ ว่าเฉิงเฮ่าคนนี้อยากทำอะไรกันแน่


 


 


           “คุณเฉิง ผมว่าความสัมพันธ์ของพวกเราไม่ได้ดีถึงขั้นนั้น ถ้าหากไม่มีอะไรล่ะก็ ขอวางสายก่อน” เผยหนานเจวี๋ยพูดจบ ก็วางหูไปแล้วจริงๆ


 


 


           เขาไม่มีเวลาเล่นกับคนบ้า ต่อไปเขาต้องระวังเฉิงเฮ่าคนนี้ถึงจะถูก เป้าหมายของเขาที่กลับมาคราวนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน


 


 


           หรือว่าระหว่างพวกเขามีอะไรที่บางหมางกัน? ในสมองของเผยหนานเจวี๋ยครุ่นคิดอีกรอบหนึ่ง คิดไม่ออกว่ามีความสัมพันธ์อะไรกับเฉิงเฮ่าหรือเปล่า ยิ่งคิดไม่ออกว่าทั้งสองคนมีเรื่องบาดหมางอะไร


 


 


 


 


       ตอนที่ 377 คุณกำลังคิดอะไรอยู่


 


 


           วางหูไม่นานเท่าไร เสียงเคาะประตูของห้องหนังสือดังขึ้น ฉู่อีอีผลักประตูเข้ามาก็เห็นท่าทางหน้านิ่วคิ้วขมวดของเผยหนานเจวี๋ย “หนานเจวี๋ย คุณกำลังคิดอะไรอยู่ ดูหน้าของคุณสิเครียดเชียว”


 


 


           “เปล่า กำลังคิดถึงเรื่องที่บริษัท” เผยหนานเจวี๋ยไม่ได้บอกฉู่อีอีว่าเฉิงเฮ่าโทรมาหาเขา กลัวเธอจะเป็นห่วง


 


 


           ฉู่อีอีได้ยินแล้ว ใบหน้าที่สง่างามเผยความสงสัยเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เชื่อคำพูดของเผยหนานเจวี๋ย


 


 


           “หนานเจวี๋ย งั้นคุณดื่มนมก่อนเถอะ” ฉู่อีอียื่นนมที่ชงเสร็จแล้วให้เผยหนานเจวี๋ย พูดกับเธอ


 


 


           พยักหน้า นิ้วเรียวยาวจับแก้วนมที่ฉู่อีอีชงแล้วดื่ม


 


 


           ฉู่อีอีมองดูใบหน้าที่หล่อเหลาของเผยหนานเจวี๋ยแล้วยิ้ม แต่เธอรู้สึกว่าเผยหนานเจวี๋ยมีท่าทางแปลกๆ เล็กน้อย แต่เธอก็พูดไม่ถูกว่าแปลกตรงไหน


 


 


           ยิ่งตกดึก รอบข้างยิ่งเงียบสงัด เวลาไหลผ่านไปโดยไม่รู้ตัว ชีวิตนิ่งเรียบราวกับสายน้ำ


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยยืนอยู่ที่ระเบียง มองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว เพิ่มสีสันให้กับค่ำคืนอันเงียบสงบนี้


 


 


           เขามีบุหรี่อยู่ในมือระหว่างนิ้วชี้ยาวกับนิ้วกลาง ก้นบุหรี่สั่นไหว ยกมือขึ้น ดูดบุหรี่ที่อยู่ในมือ เปลวไฟของบุหรี่ก็ลุกขึ้นทันที


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยรู้สึกว่าช่วงนี้เขาสูบบุหรี่มากขึ้น เวลาที่คนเรามีความเครียด ก็จะคิดว่าจะใช้วิธีไหนในการดับความกดดันนั้น


 


 


           หากฉู่เจียเสวียนอยู่ข้างกายเขาล่ะก็ บางทีตอนนี้เขาก็ไม่วุ่นวายใจแบบนี้แล้ว


 


 


           แต่ว่าตอนนี้ฉู่เจียเสวียนไม่ได้อยู่ข้างกายเขาแล้ว


 


 


           ถ้าเขารู้ก่อนหน้านี้ว่าเขาจะเจ็บปวดอย่างเช่นวันนี้ล่ะก็ เขาจะไม่มีวันปล่อยเธอไปจากข้างกายของเขา แต่ว่าบนโลกใบนี้มีคำว่า ‘รู้งี้’ ซะที่ไหนกัน


 


 


           ก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันหนึ่งที่เขาจะเจ็บปวดเพราะฉู่เจียเสวียน


 


 


           มีของบางอย่างเมื่อสูญเสียมันไปอย่างไม่มีวันย้อนกลับแล้ว จึงจะรู้ถึงความสำคัญของมัน


 


 


           ตอนที่เขารู้ใจของตัวเอง เขาไม่รู้จริงๆ ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับตัวเองอย่างไร


 


 


           ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาทำได้ ก็คือลดอันตรายให้กับคนรอบข้าง


 


 


           อีอี…เขาควรจะทำอย่างไรกันแน่ ตอนนี้เขาไม่สามารถอยู่ด้วยกันกับเธอได้แล้ว


 


 


           ตอนนี้ความรู้สึกที่เขามีต่อฉู่อีอีนั้นเป็นเพียงพี่ชายน้องสาวมากกว่า กับฉู่เจียเสวียนต่างหากที่เป็นความรักแบบหนุ่มสาว ตั้งแต่ที่เธอกลับมา เขาก็ถูกเธอดึงดูดมาตลอด เขาควบคุมตัวเองไม่ได้


 


 


           นึกถึงพฤติกรรมแปลกๆ ของฉู่อีอีในระยะหลังมานี้ แต่เผยหนานเจวี๋ยก็พูดไม่ถูกว่ามันแปลกตรงไหน


 


 


           “หนานเจวี๋ย ทำไมคุณยังไม่นอนล่ะ มีเรื่องในใจอะไรหรือเปล่า” ฉู่อีอีเดินมาข้างๆ เผยหนานเจวี๋ย เห็นสีหน้าที่มืดมนของเขา เอ่ยถาม


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยหันไป เห็นใบหน้าที่งดงามของฉู่อีอี เม้มปาก สายตาจับจ้องอยู่ที่เธอ


 


 


           “อีอี เล่าชีวิตตอนที่คุณอยู่เมืองนอกให้ผมฟังหน่อยสิ” จู่ๆ เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปาก ดวงตาที่เปล่งประกายดุจดวงดาวจ้องเขม็งอยู่ที่เขา


 


 


           จู่ๆ เขาก็อยากรู้มากจริงๆ ว่าชีวิตตอนที่เธออยู่เมืองนอกนั้นเป็นอย่างไร หากเขาต้องการสืบล่ะก็ เขาสืบได้อย่างแน่นอน แต่ว่าเขาอยากได้ยินจากปากของเธอเอง


 


 


           ฉู่อีอีคิดไม่ถึงว่าเผยหนานเจวี๋ยจะถามเธอกะทันหันแบบนี้ หัวใจเต้นแรง สีหน้าก็แข็งทื่อ แววตาที่ก้มต่ำมีความตื่นตระหนกเล็กน้อย


 


 


           เงยหน้าขึ้น เห็นแววตาของเผยหนานเจวี๋ย เธอรู้ดีว่าถ้าหากไม่บอกเขาล่ะก็ เขาจะต้องไปสืบอย่างแน่นอน


 


 


           “หนานเจวี๋ย ทำไมจู่ๆ ถึงถามแบบนี้ ผ่านไปตั้งนานแล้ว” ฉู่อีอีกล่าว น้ำเสียงไพเราะดังขึ้น ยิ้ม


 


 


           “ฉันอยู่เมืองนอกก็ไม่ได้ทำอะไร บางทีก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อน ทำงานอยู่ที่นั่น ทำไมจู่ๆ คุณถึงรู้สึกสนใจชีวิตเมืองนอกของฉันล่ะ” ฉู่อีอีพูดพลางสำรวจอาการของเผยหนานเจวี๋ย หัวใจเต้นตึกตักตลอดเวลา เดาไม่ออกว่าทำไมเขาถึงถามแบบนี้ทันควัน


       ตอนที่ 378 แค่นี้เองเหรอ 


 


 


           ที่จริงแล้วตอนที่ฉู่อีอีอยู่เมืองนอกก็เที่ยวอย่างมีความสุขมาก แม้ว่าเฉิงเฮ่าจะตามติดเธอแจ แต่ว่าชีวิตส่วนตัวของเธอก็ยังคงยุ่งเหยิงมาก 


 


 


           ถ้าหากปล่อยให้เผยหนานเจวี๋นรู้ว่าเธอคบกับเฉิงเฮ่าตอนที่อยู่เมืองนอกล่ะก็ โดยเฉพาะตอนนี้ทีเฉิงเฮ่ากลับมาแล้ว เธอก็ยังพัวพันกับเฉิงเฮ่าไม่เลิก เธอกลัวมากจริงๆ ว่าเขาจะสืบเจอความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฉิงเฮ่า 


 


 


           ยิ่งไปกว่านั้นเธอมีภาพลักษณ์ของคนที่จิตใจดี บริสุทธิ์ และรักนวลสงานตัวในสายตาของเผยหนานเจวี๋ยมาตลอด 


 


 


           “แค่นี้เองเหรอ” เผยหนานเจวี๋ยกล่าว ตั้งใจลากหางเสียงยาว น้ำเสียงมืดมนเป็นพิเศษ เห็นสีหน้ารู้สึกผิดของเธอที่เห็นได้ชัด เผยหนานเจวี๋ยรู้ว่าเธอไม่ได้พูดความจริงกับเขา 


 


 


           แต่ว่า ถ้าเธอจะไม่อยากพูด เขาก็จะไม่ถามต่อ ถึงอย่างไรเรื่องพวกนั้นก็ผ่านมาแล้ว งั้นเขาก็จะไม่ขุดคุ้ยอีก 


 


 


           “หนานเจวี๋ย คุณคิดว่าฉันจะหลอกคุณเหรอ” ฉู่อีอีกล่าว เงยดวงตาที่สดใสมองเขาพร้อมกับพูด ในใจตื่นเต้นสุดขีด เพียงแต่บังคับให้ใบหน้านิ่งเรียบ ได้ยินน้ำเสียงของเผยหนานเจวี๋ยแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อคำพูดของเธอ 


 


 


           เขาคงไม่ส่งคนไม่สืบเรื่องเธอหรอกนะ ทันทีที่เขาสืบเจอ แล้วเธอล่ะ? ในตอนนี้หัวใจของฉู่อีอีเต้นไม่เป็นจังหวะ มันเต้นตึกตักๆ อย่างต่อเนื่อง 


 


 


           “ไม่มีอะไร คุณไปพักผ่อนเถอะ ผมก็แค่ถามไปงั้นๆ” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวพร้อมยื่นมือลูบผมที่ปรกหน้าฉู่อีอี 


 


 


           ได้ยินคำพูดของเผยหนานเจวี๋ยแล้ว ฉู่อีอีรู้สึกน้อยใจเล็กน้อย หลายวันนี้เผยหนานเจวี๋ยเริ่มเย็นชากับเธออีกแล้ว 


 


 


           ครุ่นคิด ในที่สุดฉู่อีอีก็ออกไปจากระเบียง ปล่อยให้เผยหนานเจวี๋ยอยู่ตรงนั้นคนเดียว 


 


 


           หลังจากที่ฉู่อีอีไปแล้ว เผยหนานเจวี๋ยไม่ได้กลับไปที่ห้องนอน แต่จุดบุหรี่อีกมวน แล้วสูบต่อ ความคิดพันหมื่นวนเวียนอยู่ในใจ 


 


 


           ตอนนี้เขาหมั้นกับฉู่อีอีแล้ว เขาจะทิ้งเธอไปได้อย่างไร แต่เขาก็อยากอยู่กับฉู่เจียเสวียนเหมือนกัน 


 


 


           คิดยิ่งคิดยิ่งสับสน บุหรี่ไปมือดับไปแล้ว จนกระทั่งนิ้วมือรู้สึกเจ็บปวด เผยหนานเจวี๋ยดึงสติกลับมา 


 


 


           ความคิดหมื่นพัน ยิ่งคิดยิ่งสับสนจริงๆ 


 


 


           วันต่อมา แสงอาทิตย์ส่องสว่างทั่วพื้นดิน ท้องฟ้าแจ่มใส แสงแดดสดใส เป็นอากาศดีที่เหมาะสำหรับการเดินทาง 


 


 


           ในวิลล่า 


 


 


           ฉู่เจียเสวียนกำลังง่วนอยู่ในครัว เธอตัดสินใจจะทำกับข้าวให้ซูซาน วันนี้เป็นวันสุดสัปดาห์ นานๆ ทีที่เธอจะว่าง ฉะนั้นจึงอยากให้ซูซานพักผ่อนสักหน่อย 


 


 


           “เสร็จแล้วค่ะแม่ ข้าวเสร็จแล้ว จวิ้นฉือกินข้าวได้แล้ว” หลังจากฉู่เจียเสวียนวางกับข้าวไว้บนโต๊ะอาหารแล้ว ตะโกนเรียกทั้งสองคนในห้องรับแขก 


 


 


           ในห้องรับปขก กงจวิ้นฉือกับซูซานกำลังคุยกันอย่างออกรส เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่เจียเสวียนแล้ว ก็ประคองซูซานเดินเข้าไปในห้องกินข้าวแล้ว 


 


 


           เห็นกับข้าวสี่อย่างและน้ำแกงหนึ่งอย่างบนโต๊ะกินข้าว กงจวิ้นฉือยิ้ม หลังจากให้ซูซานนั่งลงแล้ว เขาก็เข้าไปในห้องครัว ช่วยยกกับข้าวออกมา 


 


 


           “เจียเสวียน ฝีมือทำกับข้าวของคุณเยี่ยมไปเลย” กงจวิ้นฉือร้องชมกับข้าวของที่ฉู่เจียเสวียนทำ กินอย่างเอร็ดอร่อย บนใบหน้ามีรอยยิ้ม 


 


 


ฉู่เจียเสวียนแต่งงานกับเผยหนานเจวี๋ยมาสามปี เธอไม่มีอะไรทำ ฉะนั้นในทุกวันสิ่งที่เธอทำมากที่สุดก็คือการทำกับข้าว น่าเสียดายที่เผยหนานเจวี๋ยไม่เคยเห็นคุณค่าในแต่ละมื้อที่เธอทำให้เขา 


 


 


ซูซานได้ยินคำพูดของกงจวิ้นฉือแล้วก็พยักหน้า “ใช่แล้ว เจียเสวียน ลูกสุดยอดจริงๆ” 


 


 


หลังจากมื้ออาหาร ทั้งสามคนนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องรับแขก ซูซานกับกงจวิ้นฉือคุยกันเรื่องสัพเพเหระ ส่วนฉู่เจียเสวียนพูดแค่คำสองคำ เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการดูซีรี่ย์ 


 


 


 “เจียเสวียนเอ๊ย เมื่อไรลูกคิดจะแต่งงานกับกงจวิ้นฉือเหรอ แม่เห็นพวกลูกคบกันนานแล้วนะ” จู่ๆ ซูซานดึงๆ แขนเสื้อของฉู่เจียเสวียน เอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 379 ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ 


 


 


 “แม่คะ ทำไมเธอถึงถามเรื่องนี้อีกแล้วล่ะ ไม่รีบค่ะ หนูกับกงจวิ้นฉืออายุยังน้อย ช้าหน่อยค่อยคุยเถอะค่ะ” ฉู่เจียเสวียนมองกงจวิ้นฉือพร้อมเอ่ยปาก เงยหน้าขยิบตาให้กับกงจวิ้นฉือ 


 


 


กงจวิ้นฉือสังเกตเห็น รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้า จากนั้นก็พูดว่า “นั่นสิครับ คุณน้าซู ตอนนี้ผมกับเจียเสวียนยังมีเรื่องต้องทำตั้งเยอะ เรื่องแบบนี้อย่ารีบดีกว่า” 


 


 


 ‘เธอยังไม่อยากแต่งงานกับเขาเหรอ’ ความผิดหวังแผ่ซ่านอยู่ในหัวใจ พระเจ้ารู้ดีว่าเขาอยากแต่งงานกับเธอมากแค่ไหน แต่ว่าเขาก็ไม่อยากบังคับเธอ 


 


 


ซูซานได้ยินคำพูดของกงจวิ้นฉือ รู้ว่าเขาตามใจลูกสาวของตัวเอง ลูกสาวของเธอพูดอะไรเขาก็ว่าอย่างนั้น 


 


 


ไม่ทันรู้ตัว หนึ่งวันก็ผ่านไปทั้งอย่างนั้นแล้ว ตกกลางคืน กงจวิ้นฉือก็ออกจากบ้านของฉู่เจียเสวียน ในเวลานี้มีเพียงฉู่เจียเสวียนกับซูซานที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องรับแขก 


 


 


 “เจียเสวียน ลูกยังคิดถึงเขาอยู่ใช่ไหม” ซูซานเอ่ยขึ้นกะทันหันพร้อมมองฉู่เจียเสวียน แววตาที่มองเธอมีคำถาม 


 


 


เธอรู้เรื่องอดีตของฉู่เจียเสวียน ฉะนั้นในใจของเธอจึงเป็นกังวลอยู่ตลอดเวลาว่าฉู่เจียเสวียนจะปล่อยวางอดีตไม่ได้ 


 


 


เมื่อได้ยินคำพูดของซูซาน ฉู่เจียเสวียนอึ้งไป จากนั้นก็หัวเราะ “แม่คะ แม่พูดอะไรน่ะ หนูยังคิดถึงเขาที่ไหนกัน” 


 


 


เธอในตอนนี้มีแต่ความรู้สึกเกลียดชังเผยหนานเจวี๋ย ไม่มีความรัก เธอจะไม่ปล่อยให้ตัวเองมีส่วนพัวพันใดๆ กับเผยหนานเจวี๋ยอีกอย่างแน่นอน 


 


 


 “เปล่าก็ดี เจียเสวียน กงจวิ้นฉือเป็นผู้ชายที่ดีมากจริงๆ ลูกต้องรักษาเขาให้ดีรู้หรือเปล่า” ซูซานดึงมือของฉู่เจียเสวียน พูดกับเธอ 


 


 


เธอหวังจริงๆ ว่าเธอจะสามารถอยู่ด้วยกันกับกงจวิ้นฉือ 


 


 


“วางใจเถอะค่ะคุณแม่ หนูรู้ว่าแม่เป็นห่วงเรื่องอะไร แต่ว่าเรื่องแบบนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก แม่วางใจได้ร้อยยี่สิบเปอร์เซ็นต์เลยโอเคไหมคะ” ฉู่เจียเสวียนยิ้มสดใส แววตาเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม 


 


 


ทั้งสองคนคุยเรื่องในใจอยู่ในห้องรับแขก ท้องฟ้าข้างนอกยิ่งมืดลงทุกที 


 


 


ที่ไน้ท์คลับของเมือง A 


 


 


ถังถังผลักประตูเข้าไปในบาร์ เสียงดนตรีหนวกหูภายในลอยมาเข้าหูของเธอ หลังจากเธอสั่งเหล้าแก้วหนึ่งแล้ว ก็เดินไปที่มุมมืดทันที ดื่มเหล้าอย่างเบื่อหน่ายตามลำพัง 


 


 


กวาดสายตาไปทั่วบาร์ จู่ๆ เธอก็หรี่ตามองเห็นเงาที่คุ้นเคยอยู่ไม่ไกล มุมปากยกยิ้ม รอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏอยู่ในแววตา และแล้วก็ได้เจอเขาที่นี่จริงๆ 


 


 


เนื่องจากถังถังนอนไม่หลับ จิตใจสับสนเล็กน้อย ดังนั้นจึงมาที่บาร์ ถึงอย่างไรเธอก็ไม่คิดว่าจะได้เจอกับเผยหนานเจวี๋ย 


 


 


เห็นเขานั่งดื่มเหล้าอยู่ตรงนั้นอย่างหมดอาลัยตายอยาก แก้วเล่าแก้วเล่า โศกเศร้าเป็นอย่างยิ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่ถังถังเห็นเขาเป็นแบบนี้ 


 


 


หรือว่าเขาจะทะเลาะกับฉู่อีอี? ถังถังคาดเดาอยู่ในใจ เดินเข้าไปหาเขา 


 


 


“ประธานเผย ทำไมมานั่งดื่มอยู่คนเดียวล่ะ อารมณ์ไม่ดี?” 


 


 


เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นข้างกาย เผยหนานเจวี๋ยเหลือบตาที่พร่ามัวขึ้น หลังจากเห็นว่าเป็นถังถังแล้ว ริมฝีปากบางๆ ยกยิ้ม “คุณเองเหรอ เจียเสวียน…ช่วงนี้สบายดีไหม” 


 


 


เขาอยากรู้จริงๆ ว่าเธอสบายดีหรือเปล่า ตอนนี้เขาไม่มีความกล้าที่จะไปหาเธอแล้ว ยิ่งไม่มีความกล้าจะเจอหน้าเธอ 


 


 


ได้ยินคำถามของเผยหนานเจวี๋ย ถังถังรู้สึกทั้งตลกและทั้งโมโหเล็กน้อย 


 


 


เขานึกว่าเขาเป็นใคร ตอนที่เขาทำร้ายฉู่เจียเสวียนจนบาดเจ็บขนาดนั้นเขาไม่เคยถามไถ่เธอเลย ตอนนี้เขามีสิทธิ์อะไรมาเป็นห่วงว่าเธอสบายดีไหม 


 


 


คนเรานี่ช่างไม่เคารพตัวเองเสียจริง เวลาที่ได้มาก็ไม่รู้จักรักษา เวลาที่เสียไปถึงจะรู้คุณค่าของสิ่งนั้น 


 


 


“ประธานเผย เธอจะสบายดีหรือเปล่าดูเหมือนว่าจะไม่เกี่ยวอะไรกับคุณนะ?” ถังถังเอ่ยปากเย็นชา แววตาที่มองเผยหนานเจวี๋ยยิ่งเจือปนความโกรธ 


     ตอนที่ 380 จะไม่ยกโทษให้ผมใช่ไหม


 


 


           “ผมก็แค่ถามว่าเขาสบายดีหรือเปล่า คุณไม่เห็นต้องหงุดหงิดขนาดนี้เลยนี่ แล้วก็อย่ามาโมโหใส่ผม” รู้สึกได้ถึงความโกรธที่แปลกประหลาดของถังถัง เผยหนานเจวี๋ยพูดขึ้น


 


 


           “หึ ทำไปแล้วเพิ่งมาเสียใจเหรอ? ตอนที่คุณทำร้ายเขาจนบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้น ทำไมไม่เคยเห็นคุณถาม? ตอนนี้เธอสบายดีแล้วคุณยิ่งไม่จำเป็นต้องถาม” ถังถังเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ สำหรับ เธออยากด่าเผยหนานเจวี๋ยหน้าตัวเมียคนนี้ตั้งนานแล้ว


 


 


           คำพูดของถังถังทำให้แผลในใจของเขาเจ็บปวด ‘ใช่แล้ว ตอนนี้ทำร้ายเธอสาหัสแบบนั้น’ นึกถึงตรงนี้ เขาก็ยกแก้วขึ้นดื่มอีกครั้ง


 


 


           ถังถังเหลือบมองเผยหนานเจวี๋ยอย่างเย็นชา แล้วก็เริ่มเหล้าในมือของเธอเช่นกัน


 


 


           คืนนี้เดิมทีเธออารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว ตั้งใจจะมาเมาที่บาร์


 


 


           ตอนนี้เธอยิ่งควบคุมหัวใจของตัวเองไม่ได้แล้ว เธอกลัวว่าหากตัวเองยังเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วฉู่เจียเสวียนก็จะรู้ความลับในใจของเธอ


 


 


           ยิ่งคิดยิ่งสับสน ดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าไม่หยุด


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยเห็นถังถังที่จู่ๆ ดื่มอย่างรวดเร็วแบบนั้น รีบเอ่ยปากขึ้น “คุณดื่มให้น้อยๆ หน่อย เดี๋ยวเมาแล้วจะทำยังไง”


 


 


           แต่ว่าถังถังไม่ฟังคำพูดของเขา เธอดื่มจนเมาฟุบอยู่บนเคาร์เตอร์บาร์ จึงหยุดดื่ม


 


 


           เห็นผู้หญิงที่นอนฟุบอยู่ข้างๆ เผยหนานเจวี๋ยถอนหายใจ อุ้มเธอออกไปจากบาร์แล้ว


 


 


           ด้านนอกวิลล่าของฉู่เจียเสวียน


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยจับรถมาถึงบ้านของเธอ หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาฉู่เจียเสวียน


 


 


           ไม่ช้าโทรศัพท์ก็ถูกรับสาย เสียงที่ชัดเจนของฉู่เจียเสวียนดังขึ้น “ฮัลโหล ดึกป่านนี้แล้วมีอะไรเหรอ”


 


 


           “ตอนนี้ผมอยู่หน้าบ้านคุณ เพื่อสนิทของคุณดื่มจนเมาแล้ว” เผยหนานเจวี๋ยพูด รู้สึกดีใจในใจ ไม่รู้ว่าอีกสักครู่พอเธอเจอเขาแล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไร


 


 


           “ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้” ได้ยินคำพูดของเผยหนานเจวี๋ย ฉู่เจียเสวียนวางสายแล้วเดินลงไปชั้นล่าง


 


 


           ‘ถังถังคนนี้ทำไมถึงไปดื่มเหล้าอีกแล้วล่ะ’ คิดอยู่ในใจ แต่ขากลับวิ่งอย่างรวดเร็ว


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยยืนอยู่หน้าประตูรถ รู้สึกดีใจจนแทบทนไม่ไหว เขาไม่ได้เจอเธอนานแล้ว ไม่รู้ว่าช่วงหลังนี้เธอสบายดีหรือเปล่า


 


 


           ไม่ช้า ฉู่เจียเสวียนก็ลงมาข้างล่าง ตอนนี้เธอกำลังยืนอยู่ด้านหน้ารถของเผยหนานเจวี๋ย เห็นถังถังที่เมาหัวราน้ำ คิ้วก็ขมวดกัน


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยประคองถังถังลงมาจากรถ ฉู่เจียเสวียนยื่นมือไปรับถังถัง น้ำหนักทั้งหมดของถังถังพิงอยู่บนตัวเธอทันที


 


 


           เมื่อได้กลิ่นเหล้าที่เหม็นหึ่งจากตัวถังถัง คิ้วของเธอยิ่งขมวดกันแน่นกว่าเดิม


 


 


           “ขอบคุณที่ส่งเธอกลับมา” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปากขอบคุณเผยหนานเจวี๋ย แต่ว่าเธอไม่มีแรงพอที่จะประคองถังถังได้


 


 


           “จะรบกวนคุณ ช่วยฉันประคองเขาเข้าไปได้ไหม” ฉู่เจียเสวียนกล่าว ตอนนี้ซูซานหลับแล้ว จะปลุกเธอตื่นไม่ได้ เธอเพียงคนเดียวก็แบกถังถังไม่ไหว ฉะนั้นจึงได้แต่รบกวนเผยหนานเจวี๋ยแล้ว


 


 


           หลังจากเผยหนานเจวี๋ยกับฉู่เจียเสวียนประคองถังถังไปที่ห้องนอนของฉู่เจียเสวียนแล้ว เขาก็ลงไปนั่งที่โซฟาในห้องรับแขกของฉู่เจียเสวียน เขาเองก็ดื่มเหล้าไม่น้อย เมื่อประคองถังถังไปนอนแล้ว เขาก็รู้สึกเหนื่อยอยู่บ้าง


 


 


           หลังจากจัดท่าทางถังถังแล้ว ฉู่เจียเสวียนจึงหันหลังลงมาชั้นล่าง เธอรู้ว่าเผยหนานเจวี๋ยจะต้องอยู่ข้างล่างอย่างแน่นอน


 


 


           “คืนนี้ขอบคุณคุณแล้ว” เดินมาหยุดอยู่ด้านข้างเผยหนานเจวี๋ย กล่าวขอบคุณกับเขาอีกครั้ง


 


 


           เมื่อได้กลิ่นเหล้าที่แสบจมูกจากตัวของเผยหนานเจวี๋ยเหมือนกัน เธอก็ขมวดคิ้ว “คุณดื่มเหล้าเหรอ ฉันจะรินน้ำให้คุณ” พูดจบ กลับหลังหันต้องการจะไปที่ห้องครัว แต่คิดไม่ถึงว่าเผยหนานเจวี๋ยจะคว้าข้อมือไว้ “เจียเสวียน ตอนนี้คุณเกลียดผมมากใช่ไหม เมื่อก่อนผมทำร้ายคุณตั้งมากมาย คุณจะไม่ยกโทษให้ผมใช่ไหม”


 


 


 


 


      ตอนที่ 381คุณเคยเจอเขาที่ไหน


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยมองดูใบหน้าที่งดงามของฉู่เจียเสวียน เห็นความเยือกเย็นในแววตาของเธอ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าตัวเองน่าขันมาก ครั้งหนึ่งเธอเคยละทิ้งศักดิ์ศรี ละทิ้งทุกอย่าง ขอร้องไม่ให้เขาหย่ากับเธอ ตอนนี้เมื่อได้เจอหน้ากันอีกครั้ง เขาพบว่าเขาไม่สามารถควบคุมจิตใจของตัวเองได้เลย


 


 


           ตอนนี้เธอไม่ได้รักเขาแล้ว แต่เขากลับรักเธออย่างสุดซึ้ง


 


 


           ฉู่เจียเสวียนมองดูเผยหนานเจวี๋ยที่ผิดปกติ ออกแรงดึงมือของตัวเองออกมาจากมือของเขา


 


 


           ตอนนั้นเขาทำร้ายเธออย่างโหดเ**้ยม ตอนนี้จะมาเสียใจงั้นเหรอ หึหึ เผยหนานเจวี๋ย ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ คุณเริ่มก่อนทำไม


 


 


           ฉู่เจียเสวียนหันหลังเดินไปที่ตู้น้ำ รินน้ำแก้วหนึ่งแล้วยื่นให้เขา เขายกแก้วน้ำขึ้น มองดูฉู่เจียเสวียนที่มีใบหน้าเย็นชาตรงหน้า เขาเข้าใจว่าเธอเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ


 


 


           เมื่อคิดว่าตอนนี้เขาหลงรักเธอจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองน่าเย้ยหยันมาก


 


 


           “คุณรู้จักเฉิงเฮ่าหรือเปล่า” จู่ๆ เผยหนานเจวี๋ยพูดขึ้น ดวงตาที่สุกใสดุจดวงดาวมองฉู่เจียเสวียนไม่กระพริบ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ ตัวเองถึงถามเธอเรื่องนี้


 


 


           เฉิงเฮ่า? ฉู่เจียเสวียนได้ยินเผยหนานเจวี๋ยแล้ว ไม่เข้าว่าทำไมเขาถึงพูดกับเธอเรื่องนีเ เฉิงเฮ่าเป็นแฟนเก่าของฉู่อีอี เรื่องนี้เผยหนานเจวี๋ยน่าจะไม่รู้ล่ะมั้ง?


 


 


           ฉู่เจียเสวียนยืนอยู่ตรงนั้น มองเผยหนานเจวี๋ยเงียบๆ รอเขา ดูว่าเขาอยากจะพูดอะไร


 


 


           “คุณคุยกับคุณเรื่องนี้ทำไมกัน? คุณจะไปรู้จักเขาได้ยังไง” จู่ๆ เผยหนานเจวี๋ยรู้สึกว่าคำถามของตัวเองน่าขันมาก


 


 


           ฉู่เจียเสวียนจะไปรู้จักเฉิงเฮ่าคนนี้ได้ยังไง เขาอันตรายแบบนั้น ถ้าฉู่เจียเสวียนรู้จักเขาล่ะก็ รับรองว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่


 


 


           ทันใดนั้นฉู่เจียเสวียนรู้สึกพูดไม่ออก เขาดื่มไปเยอะจริงๆ ใช่ไหม แม้แต่การพูดก็เริ่มพูดอะไรขึ้นมาอย่างไม่เหตุผล “เผยหนานเจวี๋ย ฉันบอกคุณได้แค่ว่าคุณระวังเฉิงเฮ่าคนนี้หน่อยก็แล้วกัน”


 


 


           ฉู่เจียเสวียนรู้ว่าเฉิงเฮ่าเป็นแฟนเก่าของฉู่อีอี เมื่อสามปีก่อน ฉู่อีอีขอให้เธอหย่ากับเผยหนานเจวี๋ย เล่าเรื่องที่เฉิงเฮ่าลงไม้ลงมือกับเธอ


 


 


           อีกทั้งยังรู้ว่าเฉิงเฮ่าไม่ใช่คนดีอะไร


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยคิดไม่ถึงว่าฉู่เจียเสวียนจะรู้จักเฉิงเฮ่าจริงๆ “คุณรู้จักเขาเหรอ?”


 


 


           “ไม่เชิงรู้จัก แค่เคยได้ยิน แล้วก็เคยเจอเขาโดยบังเอิญครั้งนึง” ฉู่เจียเสวียนพูด ดวงตาทั้งสองเปล่งประกายสุกใส


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยพยักหน้า ยกน้ำบนโต๊ะขึ้นดื่ม ไม่ช้าน้ำก็หมดแก้ว


 


 


           เขารู้ว่า ดื่มน้ำหมดแล้ว เขาก็ควรจะไป เรื่องบางเรื่องมันช่างไร้สาระจนน่าขัน ตอนที่พวกเขายังไม่ได้หย่ากัน เขาไม่อยากมองเธอเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้ ตอนที่พวกเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว เขากลับทนไม่ได้ที่จะจากไป


 


 


           “เอาอีกไหม?” เห็นแก้วที่ตอนนี้ว่างเปล่า ฉู่เจียเสวียนเอ่ยถาม


 


 


           ส่ายหน้า เผยหนานเจวี๋ยราวกับว่านึกอะไรออกกะทันหัน มองฉู่เจียเสวียนแล้วพูด “ผมรู้สึกว่าช่วงนี้ฉู่อีอีเขาแปลกๆ รู้สึกเหมือนเขามีเรื่องอะไรปิดบังผม”


 


 


           ได้ยินเผยหนานเจวี๋ยแล้ว ฉู่เจียเสวียนอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะเย็นชา “เผยหนานเจวี๋ย ฉู่อีอีเป็นผู้หญิงที่คุณรัก ไม่ว่าเขาเคยทำอะไร คุณก็ไม่ควรสงสัยเขา ดึกมาแล้ว คุณกลับเถอะ ฉันอยากพักผ่อนแล้ว”


 


 


           ได้ยินคำพูดที่เย็นชาของฉู่เจียเสวียน เผยหนานเจวี๋ยปวดใจ นึกถึงรูปที่เฉิงเฮ่าส่งให้เขาก่อนหน้านี้ เขาก็รู้สึกสงสัยในใจ


 


 


           “เจียเสวียน คุณเคยเจอเฉิงเฮ่าที่ไหนเหรอ” เผยหนานเจวี๋ยถามฉู่เจียเสวียน


 


 


           เขารู้สึกว่าเฉิงเฮ่าคุ้นหน้ามาก แต่ว่าเขานึกไม่ออก


 


 


           “ก่อนที่ฉู่อีอีจะไปเมืองนอก” ฉู่เจียเสวียนกล่าว ไม่เข้าใจว่าทำไมเผยหนานเจวี๋ยถึงถามเรื่องเฉิงเฮ่าอีก แต่เธอก็ยังตอบ


       ตอนที่ 382 ความจริงที่น่าตกใจ 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยได้ยินแล้วก็พยักหน้า หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาผู้ช่วย ขอให้เขาตรวจสอบทุกอย่างก่อนที่เฉิงเฮ่าจะไปต่างประเทศ รวมถึงตรวจสอบเรื่องหลังจากที่เฉิงเฮ่าไปต่างประเทศแล้ว 


 


 


           ฉู่เจียเสวียนเห็นเผยหนานเจวี๋ยที่ไม่มีทีท่าจะจากไป จึงรินน้ำให้เขาอีกแก้ว เพื่อประโยชน์ในการเป็นหุ้นส่วนของพวกเขาสองคน จึงไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ของกันและกันตึงเครียดจนเกินไป 


 


 


           “เขาเพิ่งแย่งการเสนอราคาจากบริษัทของผม เรื่องนี้คุณน่าจะรู้มั้ง ผมรู้สึกว่าเป้าหมายที่เขากลับมาไม่ธรรมดาแน่” ท่าทางของเผยหนานเจวี๋ยเปลี่ยนเป็นกำลังพินิจพิเคราะห์ 


 


 


นึกถึงเรื่องที่ฉู่อีอีหายตัวไปอย่างแปลกประหลาดและบริษัทของตัวเองก็เสียธุรกิจใหญ่เพราะเขา ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าเฉิงเฮ่าไม่ใช่คนธรรมดา เป้าหมายในการกลับมาที่นี่ของเขาจะต้องไม่บริสุทธิ์อย่างแน่นอน 


 


 


ฉู่เจียเสวียนได้ยินเผยหนานเจวี๋ยแล้วไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่เริ่มจมอยู่ในความคิดเช่นกัน 


 


 


ในสมองนึกถึงตอนที่เจอเฉิงเฮ่ากับฉู่อีอีพลอดรักกันริมถนนคราวก่อน สองคนราวกับว่ากำลังคุยอะไรกันอยู่ หรือว่าเฉิงเฮ่าจะกลับมาเพราะฉู่อีอี? 


 


 


ฉู่เจียเสวียนคาดเดาอยู่ในใจไม่หยุด อีกฝั่งหนึ่ง หลังจากผู้ช่วยของเผยหนานเจวี๋ยได้รับคำสั่งของเขาแล้ว ก็เริ่มสืบข้อมูลขณะที่เฉิงเฮ่าอยู่ในประเทศ 


 


 


แม้ว่าเขาจะแปลกใจอยู่ไม่น้อยว่าทำไมเผยหนานเจวี๋ยถึงให้เขาสืบเรื่องเฉิงเฮ่าอีก แต่ว่าในเมื่อเขาสั่งให้สืบแล้ว เขาก็ต้องสืบ เขาไม่ควรสงสัยในคำสั่งของเจ้านาย  


 


 


เขานำข้อมูลที่สืบได้ก่อนหน้านี้เข้าระบบคอมพิวเตอร์อีกครั้ง ไม่ช้าก็สืบเรื่องของเฉิงเฮ่าขณะที่อยู่ในประเทศเจอ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าขณะที่เฉิงเฮ่าอยู่ในประเทศนั้นได้คบหากับฉู่อีอีจริงๆ แล้วก่อนหน้านี้เผยหนานเจวี๋ยก็คบกับฉู่อีอีไม่ใช่เหรอ 


 


 


ผู้ช่วยตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาเผยหนานเจวี๋ย ในหัวกำลังคิดว่าจะบอกเรื่องที่เพิ่งสืบเจอให้เขาฟังอย่างไร 


 


 


เผยหนานเจวี๋ยกับฉู่เจียเสวียนสองคนนั่งอยู่บนโซฟาด้วยความเคยชิน ไม่มีใครพูดอะไร จู่ๆ เสียงริงโทนดังขึ้นกะทันหัน เผยหนานเจวี๋ยรีบรับทันที 


 


 


“สืบเจอแล้วเหรอ” เผยหนานเเจวี๋ยถาม ฟังอารมณ์ในน้ำเสียงไม่ออก 


 


 


 “ประธานเผย เจอแล้วครับ แต่ว่า…” ผู้ช่วยไม่รู้จริงๆ ว่าควรเอ่ยปากอย่างไร ถ้าปล่อยให้เขารู้เรื่องนี้เขาจะยอมรับมันได้อย่างไร 


 


 


ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็หาข้อมูลของเฉิงเฮ่าแล้วแต่ก็หาเรื่องนี้ไม่เจอ ทำไมคืนนี้จึงหาได้เร็วแบบนี้ หรือว่าก่อนหน้านี้มีใครเข้ามายุ่มย่าม? 


 


 


ระหว่างกำลังครุ่นคิด เสียงที่มืดมนของเผยหนานเจวี๋ยก็ดังขึ้น “พูด” 


 


 


ผู้ช่วยสูดหายใจลึก รู้ดีว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องบอกเรื่องนี้กับเผยหนานเจวี๋ย ฉะนั้นจึงเล่าข้อมูลที่สืบได้ทั้งหมดให้กับเผยหนานเจวี๋ยฟัง 


 


 


ยิ่งฟังสีหน้าของเผยหนานเจวี๋ยยิ่งดูไม่ได้ แววตาก็ยิ่งมืดมนลงทุกที 


 


 


           ฉู่เจียเสวียนนั่งอยู่อีกทางหนึ่ง มองสีหน้าของเผยหนานเจวี๋ยที่ยิ่งน่าเกลียดขึ้นทุกที คิ้วก็ขมวดตามไปด้วย เขาเป็นอะไรไปกันแน่ ทำไมสีหน้าของเขาถึงเปลี่ยนเป็นน่ากลัวแบบนี้ 


 


 


           ถ้าหากเป็นฉู่เจียเสวียนเมื่อก่อน เห็นสีหน้าของเขาแบบนี้ คิดว่าจะต้องกลัวอย่างมากแน่นอน แต่ว่าตอนนี้ เธอเปิดใจกว้างต่อเขา และไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด 


 


 


           หลังจากที่เผยหนานเจวี๋ยวางหูแล้ว ฉู่เจียเสวียนจึงเอ่ยปาก “เป็นไงบ้าง ทำไมคุณถึงทำหน้าน่ากลัวแบบนั้นล่ะ? 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยเงยหน้ามองดูฉู่เจียเสวียน ความรู้สึกซับซ้อนวูบผ่านแววตา เรื่องนี้เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดกับเธออย่างไรดี 


 


 


           “ตอนที่เฉิงเฮ่ายังอยู่ในประเทศเขาเคยเสพยา เพราะว่าถูกคนรายงานก็เลยต้องออกนอกประเทศ ส่วนฉู่อีอีก็มีความสัมพันธ์แบบชู้สาวกับเขา พอออกไปเมืองนอกแล้ว เฉิงห่าวยังเป็นบุคคลอันตรายอันดับหนึ่ง ชอบเสพยา แถมยังค้าขายอาวุธด้วย แต่ว่าแปลกมาก ก่อนหน้านี้ข่าวพวกนี้ ทั้งๆ ที่ผมให้หยางฮุยสืบมาครั้งนึงแล้ว แต่ว่าตอนนั้นสืบไม่เจออะไร ทำไมครั้งนี้ถึงสืบเจอเร็วแบบนี้” 


 


 


 


 


 


       ตอนที่ 383 ที่แท้ความจริงก็เป็นแบบนี้ 


 


 


           เหตุผลที่สามารถอธิบายเรื่องนี้ได้มีเพียงสองอย่าง ข้อหนึ่ง คือเขาเข้ามายุ่มย่ามตั้งแต่แรก ข้อสอง คือเขาตั้งใจเผยแพร่ข่าวนี้ออกมา 


 


 


           ฉู่เจียเสวียนได้ยินเผยหนานเจวี๋ยแล้ว คิ้วขมวดกัน เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าเฉิงเฮ่าจะเป็นบุคคลอันตราย ฉู่อีอีคบกับคนแบบนี้ได้อย่างไร 


 


 


           คนที่ประหลาดใจที่สุดก็คือเผยหนานเจวี๋ย ในหัวใจของเขา ฉู่อีอีคือคนที่จิตใจดีงามมาตลอด แต่ว่าตอนนี้ เมื่อรู้ว่าเธอเคยคบกับเฉิงเฮ่าแล้ว ความประทับใจอันดีทั้งหมดที่มีต่อเธอดูเหมือนจะพังทลายลงโดยพลัน 


 


 


           ในหัวอดไม่ได้ที่จะนึกถึงตอนที่เธอกลับมา กอดเขาและร้องไห้ด้วยความเศร้าโศก ใบหน้าที่ระแวดระวังเปี่ยมไปด้วยความกลัว สภาพของเธอแบบนั้นซีดขาวราวกับกระดาษ 


 


 


           ที่แท้ทั้งหมดนี้เป็นเพียงวิธีการที่เธอใช้เพื่อหลอกเขาเท่านั้น 


 


 


           แม้ว่าฉู่เจียเสวียนจะประหลาดใจมากที่ฉู่อีอีทำเรื่องมากมายขนาดนั้นร่วมกันกับเฉิงเฮ่า แต่ว่าเรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว และเมื่อเห็นสีหน้าของเผยหนานเจวี๋ย ฉู่เจียเสวียนก็รู้ว่าเผยหนานเจวี๋ยรับไม่ได้ แต่ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ด้วยกันแล้ว เขาก็ควรเชื่อเธอ 


 


 


           “เขาเป็นคนที่คุณรัก คุณควรจะเชื่อเขา” ฉู่เจียเสวียนมองเผยหนานเจวี๋ยพร้อมเอ่ย น้ำเสียงมีความแน่วแน่ 


 


 


           ในเมื่อเขารักฉู่อีอีมากขนาดนั้น ก็ควรจะเชื่อในตัวเธอ แทนที่จะปฏิเสธเธอจากข้อมูลที่สืบพบ 


 


 


           สุดท้ายแล้วพวกเขาก็เหยียบย่ำความสุขของเธอจึงเดินมาถึงทุกวันนี้ได้ไม่ใช่เหรอ 


 


 


           ตั้งแต่ตอนที่ฉู่อีอีหาเรื่องฉู่เจียเสวียนในลานจอดรถ เผยหนานเจวี๋ยก็พบว่าฉู่อีอีเปลี่ยนไปแล้ว เขารู้สึกเหมือนเธอเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แต่ในใจของเขากลับพร่ำบอกเสมอว่าเขาต้องเชื่อเธอ แต่เธอกลับทำรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไร้เหตุผลมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งเธอยังหลอกเขาหลายต่อหลายครั้ง ตอนนี้มันยากที่เขาจะเชื่อเธออีกแล้ว 


 


 


           “ฉู่อีอีคือคนที่คุณรัก และเขาก็รักคุณ ฉันดูออกว่าเขาจริงใจกับคุณ ฉะนั้นไม่ว่าในอดีตฉู่อีอีจะเคยทำอะไร คุณก็ควรเลือกที่จะให้อภัย เอาล่ะ ดึกมากแล้ว คุณกลับไปเถอะ ฉันก็จะพักผ่อนแล้ว” ฉู่เจียเสวียนมองเผยหนานเจวี๋ยพร้อมพูดขับไล่ 


 


 


           เธอไม่ได้พูดเพื่อฉู่อีอี เธอเพียงแค่รู้สึกว่าฉู่อีอีจริงใจต่อเผยหนานเจวี๋ย แม้ว่าตอนนั้นเธอจะใช้วิธีการที่ผิด แต่ตอนนี้สิ่งเหล่านั้นเป็นอดีตไปแล้ว และเธอไม่อยากจะสนใจเรื่องของพวกเขาอีก 


 


 


           ได้ยินฉู่เจียเสวียนแล้ว เผยหนานเจวี๋ยยกมือขึ้น เหลือบมองเวลาบนนาฬิกาข้อมืออาร์มานี่รุ่นลิมิเต็ด ดึกขนาดนี้แล้ว เขาควรจะไปแล้วจริงๆ 


 


 


           คิดถึงตรงนี้ เผยหนานเจวี๋ยก็ลุกขึ้นยืนทันทีโดยไม่ลังเล เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของฉู่เจียเสวียน “ดูแลตัวเองให้ดี” พูดจบ ก็ไปจากวิลล่าของฉู่เจียเสวียน 


 


 


           ฉู่เจียเสวียนยืนอยู่ที่ระเบียง มองดูรถของเผยหนานเจวี๋ยที่ยิ่งไกลออกไป ไม่เพียงแต่รู้สึกน่าขัน แต่เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมคืนนี้เผยหนานเจวี๋ยถึงพูดเรื่องพวกนี้กับเธอ 


 


 


           ช่างเถอะ ช่างเขาประไร ถึงอย่างไรตอนนี้พวกเขาสองคนก็ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ แล้ว ระหว่างเขากับฉู่อีอีจะเป็นอย่างไรนั้นก็ไม่เกี่ยวกับเธอ ทำไมเธอต้องเดือดร้อนแทนน้องสาวด้วย 


 


 


           เธอเดินมาถึงทุกวันนี้ได้อย่างยากลำบาก เธอจะไม่ยอมให้ตัวเองเข้าไปพัวพันใดๆ กับเผยหนานเจวี๋ยอีก 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยนั่งอยู่ในรถ นึกถึงท่าทีที่ฉู่เจียเสวียนมีต่อเขาในคืนนี้ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าฉู่เจียเสวียนเปลี่ยนไปมาก สามปี ในสามปีนั้น เธอเจอเรื่องอะไรมาบ้าง ถึงทำให้เธอเปลี่ยนไปจนสว่างสดใสกว่าดวงดาวเสียอีก? 


 


 


           ตอนนั้นถ้าหากเขาไม่ปล่อยมือ ไม่บังคับให้เธอหย่ากับเขา ก็จะไม่เป็นอย่างทุกวันนี้ใช่ไหม 


 


 


           แต่ว่านั่นกลายเป็นอดีตไปแล้ว เขาไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ ระยะหลังนี้เขามักจะเริ่มหวนรำลึกถึงอดีต รำลึกถึงวันเวลาที่อยู่ด้วยกันกับฉู่เจียเสวียน 


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม