กับดักรักในรอยแค้น 364-371

        ตอนที่ 364 ไม่ปล่อยเธอไปแน่นอน


 


 


           “ฉู่อีอี ถ้าเธอกล้าแตะต้องแม้แต่เส้นผมของเพื่อนฉันล่ะก็ ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปแน่นอน” ฉู่เจียเสวียนมองตาของฉู่อีอีโดยตรง พร้อมเอ่ยแต่ละคำด้วยความชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง


 


 


           พูดจบก็เดินออกไปจากร้านกาแฟโดยไม่มองฉู่อีอีอีก


 


 


           ฉู่อีอียืนอยู่ที่เดิม ตกตะลึงกับรัศมีของฉู่เจียเสวียนแล้ว


 


 


           หลังจากฉู่เจียเสวียนออกไปจากร้านกาแฟแล้ว ก็เดินอยู่บนถนนอย่างช้าๆ


 


 


           เธอไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ว่าฉู่อีอีจะทำเรื่องชั่วเยอะขนาดนั้น ทุกครั้งต่างทำเรื่องไม่ดีลับหลังเธอ พวกเธอเป็นพี่น้องที่มีพ่อคนเดียวกันนะ เธอทำแบบนี้หรือว่าไม่รู้สึกผิดเลยงั้นเหรอ


 


 


           เมื่อคิดเช่นนี้ ฉู่เจียเสวียนก็หัวเราะออกมาทันที ถ้าหากเธอรู้สึกผิดจริงๆ ก็จะไม่ทำเรื่องที่ยิ่งร้ายแรงเพื่อทำร้ายเธอตั้งแต่ตอนที่เธอกลับมาแล้ว


 


 


           รีบเดินไปยังตำแหน่งรถที่ตัวเองจอดไว้ หลังจากขึ้นรถแล้วก็รีบไปที่ร้านชุดแต่งงานทันที


 


 


           “เจียเสวียน เธอกลับมาแล้วเหรอ” เพิ่งจะเงยหน้า ถังถังก็เห็นฉู่เจียเสวียนเข้ามาจากข้างนอก เอ่ยถามทันที


 


 


           “ใช่แล้ว” ฉู่เจียเสวียนยิ้มเอ่ย เดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ยื่นมือหยิบเอกสารแล้วเริ่มอ่าน


 


 


           ถังถังเห็นว่าฉู่เจียเสวียนเหมือนอารมณ์ไม่เลว จึงเดินเข้าไปหาเธอแล้วเอ่ยถาม “ฉู่อีอีหาเธอทำไม”


 


 


           ตอนที่ฉู่เจียเสวียนออกไปก็บอกเธอแล้วว่าฉู่อีอีหาเธอ เมื่อเธอออกไปตามนัด ถังถังเป็นห่วงมากเหลือเกิน ต้องการจะตามไปด้วยแต่ฉู่เจียเสวียนไม่ยอม


 


 


           ฉู่อีอีคือใคร? ผู้หญิงอสรพิษคนนั้น ใครจะรู้ว่าเธอจะทำอะไรฉู่เจียเสวียนหรือเปล่า


 


 


           “อยากให้ฉันไปจากเมืองนี้” ฉู่เจียเสวียนกล่าวเรียบง่าย


 


 


           การที่ฉู่อีอีนัดเธอก็เพื่อให้เธอออกไปจากเมืองนี้ อีกทั้งยังข่มขู่เธอด้วย


 


 


           “อะไรนะ? คนเลวนั่นคิดว่าตัวเองเป็นใคร?” ถังถังได้ยินคำพูดของฉู่เจียเสวียนแล้ว ร้องด้วยความโมโหทันที กร่นด่าฉู่อีอีอยู่ในใจ


 


 


           “อ่อ จริงสิ ฉู่อีอีเป็นคนสั่งการเรื่องที่ลอกเลียนแบบคราวก่อน” ฉู่เจียเสวียนเงยหน้าขึ้น มองถังถังตาไม่กระพริบ


 


 


           “เขาทำเหรอ? ไม่น่าล่ะพวกเราสืบตั้งนานก็หาเบาะแสไม่เจอ”


 


 


           “เรื่องครั้งนี้ก็ช่างมันเถอะ ต่อไปไม่ต้องกังวลแล้ว จริงสิ วันนี้ที่นัดคุณจางไว้ เธอไม่ได้ไปเหรอ” ฉู่เจียเสวียนเงยหน้ามองเวลาบนผนัง เอ่ยปากกับถังถัง


 


 


           เธอบอกว่ามีนัดกับคุณจางเพื่อคุยเรื่องแต่งงานไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงยังอยู่ที่นี่ เธอนึกว่าเธอออกไปแล้วซะอีก


 


 


           “อ่อ ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้ เห็นเธอกลับมาฉันก็วางใจแล้ว” พอฉู่เจียเสวียนเตือนถังถังก็นึกขึ้นมาได้ หยิบกระเป๋าเดินออกไปข้างนอกแล้ว


 


 


           ฉู่เจียเสวียนมองดูเงาของถังถังที่หายไป รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ จืดจางลง


 


 


           ฉู่อีอี ช้าเร็วสักวันหนึ่ง โฉมหน้าที่แท้จริงของเธอจะต้องถูกเปิดเผยต่อหน้าทุกคนอย่างแน่นอน


 


 


           ไม่ว่าเธอจะซ่อนเร้นได้ดีแค่ไหนก็ช่าง มันจะไม่มีความลับบนโลกใบนี้


 


 


           ฉู่เจียเสวียนวางความกังวลในใจลง นึกถึงคำขู่ของฉู่อีอี มุมปากยกยิ้ม ในเมื่อเธอยอมรับแล้วว่าคราวก่อนเป็นฝีมือของเธอ เมื่อความลับเช่นนี้ตกอยู่ในมือของเธอแล้ว เธอนึกว่าเธอกลัวจริงๆ เหรอ


 


 


           ถ้าหากเธอกล้าแตะต้องผมของเพื่อนเธอแม้แต่เส้นเดียวล่ะก็ เธอรับประกันได้เลย ว่าเธอจะโหดร้ายกว่าฉู่อีอีเมื่อสามปีก่อนอย่างแน่นอน หรือแม้แต่แย่กว่าเดิม!


 


 


           มนุษย์ทำอะไร สวรรค์เฝ้ามองอยู่ ฉู่อีอี เธอคอยดูเถอะ ช้าเร็วสักวันหนึ่ง ความชั่วร้ายของเธอจะต้องถูกเปิดโปงอย่างแน่นอน


 


 


           ดึงสติกลับมา ฉู่เจียเสวียนเริ้มจัดการต้นฉบับออกแบบในมือ จนกระทั่งกลางดึก ฉู่เจียเสวียนจึงวางปากกาในมือลง ออกไปจากร้านชุดแต่งงาน


 


 


           รถมาจอดอยู่ด้านหน้าวิลล่า ฉู่เจียเสวียนลงมาจากรถ หลังจากบิดขี้เกียจแล้วก็เปิดประตูบ้านแล้วเดินเข้าไป


 


 


           ซูซานซานได้ยินเสียงประตู รีบเดินไปที่ห้องครัวทันที เธออุ่นแกงเอาไว้แล้ว เธอจะต้องอุ่นให้ลูกสาวดื่ม


 


 


 


 


       ตอนที่ 365 ตั้งใจทำให้ลูก


 


 


           ฉู่เจียเสวียนเข้าไปในบ้าน ไม่เห็นเงาของซูซานซาน ก็รู้ว่าเธอจะต้องไปที่ห้องครัวแน่นอน รู้สึกอบุอ่นใจ หลงัจากวางกระเป๋าลงบนโต๊ะแล้ว ฉู่เจียเสวียนก็เดินเข้าไปในห้องครัว


 


 


           “แม่คะ…” ฉู่เจียเสวียนเพิ่งเดินเข้ามาในห้องครัว ก็เห็นซูซานซานกำลังล้างจานก็เดินเข้าไปกอดเอวของเธอ


 


 


           “ล้างมือเถอะ เดี๋ยวแม่จะอุ่นแกงให้ แกงนี้น่ะ แม่ต้มนานเลยนะ ตั้งใจทำให้ลูกเลย!” ซูซานซานยิ้มเอ่ย น้ำเสียงอ่อนโยน


 


 


           “ค่ะ!” ฉู่เจียเสวียนได้ยินแล้วพยักหน้าเห็นด้วยทันที หลังจากล้างมือแล้วก็เดินออกไปรอซูซานซานยกน้ำแกงมาให้เธออย่างเชื่อฟัง


 


 


           ทุกคืนที่กลับถึงบ้าน เธอรู้สึกว่าช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดก็คือการได้กินกับข้าวฝีมือซูซานซาน อีกทั้งการที่มีคนหนึ่งรอเธอที่บ้านคือเรื่องที่เธอรู้สึกว่ามีความสุขที่สุด


 


 


           ไม่ช้า ซูซานซานก็ยกน้ำแกงที่อุ่นเสร็จแล้วออกมา วางอยู่ตรงหน้าของเธอ ฉู่เจียเสวียนรีบยื่นมือออกไปรับ ได้กลิ่นหอมอบอวล ริมฝีปากแดงๆ ของเธอยกยิ้มทำมุมสวยงาม


 


 


           ซูซานซานเห็นท่าทางของฉู่เจียเสวียนที่กินอย่างเอร็ดอร่อย รู้สึกอบอุ่นในใจ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม


 


 


           “แม่คะ ฝีมือของแม่ดีมากจริงๆ หนูอยากดื่มอีกถ้วย” ฉู่เจียเสวียนดื่มน้ำแกงในถ้วยหมดแล้ว พูดกับซูซานซาน


 


 


           “ได้สิ” ซูซานซานยิ้มเอ่ย ยื่นมือรับถ้วยของฉู่เจียเสวียน เดินเข้าห้องครัวตักอีกถ้วยให้ฉู่เจียเสวียน


 


 


           ฉู่เจียเสวียนก็ดื่มถ้วยที่สองหมดอย่างรวดเร็วมาก เธอดื่มจนอิ่มหนำสำราญ ยิ้มให้ซูซานซานจนดวงตาโค้งงอเหมือนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว


 


 


           ตกกลางคืน หลังจากฉู่เจียเสวียนดื่มแกงจนหมดและนั่งคุยกับซูซานซานบนโซฟาครู่หนึ่งแล้ว ก็ประคองซูซานซานขึ้นไปพักผ่อนชั้นบน


 


 


           ส่วนเธอหลังจากที่อาบน้ำแล้ว ก็เข้าไปทำงานที่ห้องหนังสือสักพัก แล้วเธอจึงกลับห้องไปนอน


 


 


           เข้าวันรุ่งขึ้น มีรถคันหนึ่งมาจอดที่หน้าวิลล่าของฉู่เจียเสวียน


 


 


           ฉู่เจียเสวียนยังคงนอนอยู่บนเตียง จู่ๆ โทรศัพท์มือถือดังขึ้น ฉู่เจียเสวียนที่ดวงตาสะลึมสะลือยื่นมือคลำหาโทรศัพท์มือถือ หลังจากหรี่ตามองดูปุ่มรับสายครู่หนึ่งแล้ว เธอจึงรับสาย “ฮัลโหล…”


 


 


           ได้ยินเสียงที่ง่วงซึม กงจวิ้นฉือรู้ว่าฉู่เจียเสวียนยังไม่ตื่นอย่างแน่นอน “เจียเสวียน ป่านนี้แล้ว คุณยังจะนอนอีกเหรอ ผมอยู่ข้างล่างบ้านคุณแล้ว”


 


 


           ฉู่เจียเสวียนกระพริบตาถี่ ความง่วงจึงหายไปอย่างช้าๆ จวิ้นฉือมาแล้ว? ในใจคิดแบบนี้ รีบลุกขึ้นจากเตียง เดินไปมองที่หน้าต่าง เป็นไปตามคาด ตอนนี้รถขอกงจวิ้นฉือกำลังจอดอยู่ที่หน้าประตูของเธอ “คุณรอแป๊บนะ”


 


 


           พูดจบ ฉู่เจียเสวียนก็วางหู เปิดประตูห้องแล้วเดินไปที่หัวบันได “แม่คะ จวิ้นฉือมาแล้ว เขาอยู่หน้าประตู แม่ไปเปิดประตูก่อนเถอะค่ะ หนูเปลี่ยนเสื้อเสร็จก็ลงไปแล้ว”


 


 


           “จ้ะ” ที่ชั้นล่าง ซูซานซานตอบรับ หลังจากฉู่เจียเสวียนได้ยินเสียงตอบรับแล้ว รีบหันหลังเข้าห้องไปทันที ปิดประตู แล้วเข้าห้องน้ำไป


 


 


           สิบนาทีต่อมา ฉู่เจียเสวียนแต่งตัวเรียบร้อยแล้วลงมาชั้นล่าง เห็นว่ากงจวิ้นฉือนั่งอยู่บนโซฟา เธอยิ้ม เดินเข้าไปหาเขา


 


 


           เมื่อเห็นฉู่เจียเสวียน กงจวิ้นฉือดวงตาเป็นประกาย ผายมือเป็นเชิงบอกให้ฉู่เจียเสวียนนั่งลงข้างเขา


 


 


           “ทำไมวันนี้คุณมาได้ล่ะ” ฉู่เจียเสวียนถามกงจวิ้นฉือ แววตาเปี่ยมรอยยิ้ม


 


 


           “ผมคิดถึง…อาหารเช้าของคุณน้าซู ผมก็เลยมา” เสียงที่อบอุ่นของกงจวิ้นฉือดังก้องอยู่ในห้องรับแขก


 


 


           “งั้นไปกันเถอะ พวกเราไปกันอาหารเช้ากัน!” ฉู่เจียเสวียนยื่นมือจูงกงจวิ้นฉือเดินไปยังห้องอาหาร หลังจากให้กงจวิ้นฉือนั่งแล้ว เธอก็เข้าไปช่วยในห้องครัว


 


 


           ไม่นาน อาหารเช้าก็วางเต็มโต๊ะ


 


 


           “นี่ นี่คือของที่แม่ฉันทำให้คุณเป็นพิเศษ!” ฉู่เจียเสวียนยื่นโจ๊กในมือให้กงจวิ้นฉือ พูดกับเขา


 


 


           “ขอบคุณนะ” กงจวิ้นฉือยื่นมือรับ ยิ้มให้ฉู่เจียเสวียน


 


 


           หลังจากที่สามคนนั่งลง ก็เริ่มทานอาหารเช้า หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว กงจวิ้นฉือก็ส่งฉู่เจียเสวียนไปทำงาน


 


 


           ภายในรถ ฉู่เจียเสวีนยมองดูกงจวิ้นฉือที่ขับรถอย่างจริงจัง แววตาเปี่ยมด้วยความพึงพอใจ มีเขาอยู่มันดีจริงๆ       ตอนที่ 368 มองพอแล้วยัง 


 


 


           ได้ยินคำพูดของฉู่อีอีแล้ว เผยหนานเจวี๋ยเพียงแต่รู้สึกว่าในตอนนี้เขาเป็นคนที่ไม่ได้เรื่องจริงๆ ทั้งๆ ที่ตอนนี้ตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉู่เจียเสวียนแล้ว และฉู่อีอีต่างหากที่เป็นคู่หมั้นของเขา เขายังเย็นชาต่อเธอถึงเพียงนี้ 


 


 


           “อีอี ขอแค่ต่อไปนี้คุณไม่ทำเรื่องแบบนี้ก็พอแล้ว ห้ามโกหกผมอีกก็พอแล้ว” เผยหนานเจวี๋ยกล่าว น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำและทรงเสน่ห์ดังขึ้น 


 


 


           ตอนนี้เขากับฉู่เจียเสวียนเป็นไปไม่ได้แล้ว ก็ควรจะปฏิบัติต่อฉู่อีอีให้ดี เขาไม่สามารถหลีกหนีแบบนี้ได้อีกต่อไปแล้ว เขาที่เป็นแบบนี้ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังดูถูก 


 


 


           ในตอนนั้นการหย่ากับฉู่เจียเสวียนเป็นการตัดสินใจของเขา ตอนนี้เขามาเสียใจภายหลังก็ไม่มีประโยชน์แล้ว อีกทั้งข้างกายของเธอก็มีกงจวิ้นฉือแล้ว และจะไม่ต้องการเขาอีกต่อไป 


 


 


           “อืม หนานเจวี๋ย ต่อไปฉันจะไม่โกหกคุณแล้ว” ได้ยินคำพูดของเผยหนานเจวี๋ย ฉู่อีอีรีบพูดทันที น้ำตาในดวงตาเปล่งประกายไม่หยุด 


 


 


           ความรู้สึกแบบนี้มันดีจริงๆ ขอเพียงมีเขาอยู่ข้างกายเธอ เธอก็ไม่ต้องกังวลหรือหวาดกลัวแล้ว 


 


 


           หลายวันมานี้ เธอไม่ได้รู้สึกดีเลยแม้แต่นิดเดียว ถูกเฉิงเฮ่าข่มขู่ว่าจะทำเรื่องเลวร้ายต่อเขา ตอนนี้เธอไม่ต้องเป็นแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว 


 


 


           คิดไปคิดมา ก็ยิ่งกอดเอวของเผยหนานเจวี๋ยแน่นกว่าเดิม 


 


 


           ได้ยินการรับประกันของฉู่อีอี เผยหนานเจวี๋ยพยักหน้า อีอี นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ไม่ว่าก่อนหน้านี้คุณจะทำอะไร ผมก็จะยกโทษให้คุณ ขอเพียงต่อไปนี้คุณไม่หลอกผม ผมจะสัญญาอนาคตให้กับคุณ 


 


 


           ตอนที่ออกจากวิลล่าบ้านฉู่เพื่อกลับไปยังวิลล่าบ้านเผย ก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยถือคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค นั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียงจัดระเบียบเอกสารที่ผู้ช่วยส่งเขาในวันนี้ 


 


 


           ฉู่อีอีอาบน้ำออกมา นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งและทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิว หันหน้ามองใบหน้าด้านข้างที่หล่อเหลาของเผยหนานเจวี๋ย ดวงตาของเธอก็อ่อนโยนลง 


 


 


           ผู้ชายคนนี้เป็นของเธอ ดีจัง ใครก็ห้ามคิดแย่งเขาไปจากเธอ 


 


 


           “มองพอแล้วยัง?” สายตาของเผยหนานเจวี๋ยจับจ้องไปที่เอกสารในสมุดบันทึก รู้สึกได้ถึงแววตาที่ฉู่อีอีมองเขา เสียงที่ทุ้มต่ำมีเสน่ห์ก็ดังออกมาจากปากของเขา 


 


 


           เขาทำงานอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงรู้ว่าเธอแอบมองเขา ในเวลานี้หน้าแดงก่ำ พูดขึ้นอย่างเขินอาย “ดูว่าคุณหล่อจัง ทำให้ฉันหลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้น คุณภูมิใจมากหรือเปล่า” 


 


 


           “นอนเถอะ อีอีดึกมากแล้ว” เผยหนานเจวี๋ยพูดจบ วางคอมพิวเตอร์ในมือไปอีกทาง เขาไม่ได้นอนตั้งแต่หัวค่ำนานแล้ว ระยะหลังนี้เกิดเรื่องมากเกินไป เขาเหนื่อยมากจริงๆ 


 


 


           “โอเค” ฉู่อีอีได้ยินแล้วรีบปีนขึ้นเตียงทันที ดวงตามีความเจ้าเล่ห์ 


 


 


           หลังจากรอจนฉู่อีอีหลับแล้ว เผยหนานเจวี๋ยเหยียดแขน โอบเอวของฉู่อีอีแล้วหลับตา 


 


 


           เดิมทีฉู่อีอียังต้องการทำอะไรบางอย่างกับเขา แต่ว่าเห็นท่าทางของเขาแล้ว ได้แต่กัดฟัน เธอฟื้นความสัมพันธ์กลับมาได้อย่างยากลำบาก จู่ๆ ก็กลับกลายเป็นเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว 


 


 


           ในที่สุดก็หลับตาลงอย่างไม่เต็มใจนัก เข้าสู่ห้วงแห่งความฝัน 


 


 


           เช้าวันรุ่งขึ้น เสียงนกร้องดังจิ๊บๆ เข้ามาในห้องนอน 


 


 


           ฉู่อีอีค่อยๆ ตื่นขึ้น ยื่นมือควานหาข้างหน้าแต่พบกว่าข้างกายไม่มีความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย ในใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง เขาไปทำงานอีกแล้วเหรอ 


 


 


           ซ่อนเร้นความผิดหวังไว้ในใจ ฉู่อีอีลุกขึ้นมาจากเตียง เข้าห้องน้ำไปอาบน้ำแล้ว 


 


 


           หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ฉู่อีอีก็ลงมาข้างล่าง หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จแล้วก็นั่งลงบนโซฟา พลิกดูโทรศัพท์มือถือ วันนี้เธอไม่มีงานถ่ายภาพยนต์ ฉะนั้นจึงอยู่ที่บ้าน 


 


 


           ขณะที่กำลังเล่นสนุกอยู่นั้น จู่ๆ โทรศัพท์มือถือของฉู่อีอีสั่น มันคือข้อความ ฉู่อีอีเปิดออกดู จึงพบว่าเฉิงเฮ่าเป็นคนส่งให้เธอ 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 369 เขาต้องการทำอะไรกันแน่ 


 


 


           กัดฟัน เฉิงเฮ่าคนนี้ต้องการอะไรกันแน่ ฉู่อีอีคิดอยู่ในใจอย่างไม่สบอารมณ์ ลบข้อความทิ้ง ทำเหมือนว่าไม่เคยได้รับ 


 


 


           นึกถึงช่วงสองสามปีนั้นที่อยู่เมืองนอก เธออาศัยอยู่ท่ามกลางเปลวไฟและน้ำลึก ตอนนี้เธอมีชีวิตอย่างปกติสุขได้ด้วยความยากลำบาก เธอจะไม่ปล่อยให้เฉิงเฮ่ารบกวนชีวิตของเธออย่างแน่นอน 


 


 


           ที่กลุ่มบริษัทเผย เผยหนานเจวี๋ยกำลังยุ่งมากจนเขารู้สึกหงุดหงิด 


 


 


           โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะดังขึ้น หยิบขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าสายเรียกเข้าคือฉู่อีอีก็ไม่อยากรับมาก แต่สุดท้ายเขาก็ยังรับด้วยความอดทนอดกลั้น “ฮัลโหล อีอี ตอนนี้ผมยุ่งมาก ไว้ผมว่างแล้วจะโทรหาคุณ” 


 


 


           พูดจบก็วางหูโครม แล้ววางโทรศัพท์มือถือไว้บนโต๊ะ 


 


 


           ทางนี้ฉู่อีอียังไม่ทันจะเอ่ยปากพูดสักประโยค ก็ได้ยินเสียง ‘ตู๊ดๆๆ…’ อยู่ในโทรศัพท์ 


 


 


เธอมองโทรศัพท์มือถือ รู้สึกโมโหจนทนไม่ไหว เอื้อมมือขว้างโทรศัพท์มือถือออกไปจนมันแตกลงพื้นกระจัดกระจาย นี่คือโทรศัพท์มือถือเครื่องที่สองของฉู่อีอีแล้ว 


 


 


บ้าจริง ทำไมเขาถึงทำแบบนี้กับเธออีกแล้ว ทั้งที่เมื่อคืนยังดีๆ อยู่เลย!  


 


 


จะต้องเป็นฉู่เจียเสวียนแน่ๆ เมื่อนึกถึงฉู่เจียเสวียน ดวงตาของเธอก็มีประกายมืดมน แววตาเปลี่ยนเป็นดุร้าย ฉู่เจียเสวียน เธอจะไม่มีวันปล่อยเธอไปแน่นอน!  


 


 


ทางนี้ฉู่อีอีโกรธจัด ส่วนเผยหนานเจวี๋ยทางนั้นก็ยุ่งจนหัวปั่น แต่วันเวลาของฉู่เจียเสวียนยิ่งราบรื่นขึ้นทุกวัน 


 


 


ในร้านชุดแต่งงาน กงจวิ้นฉือกำลังถือน้ำชายามบ่ายเข้ามาในออฟฟิศของฉู่เจียเสวียน ขณะนี้ทั้งสามคนกำลังพูดคุยกัน 


 


 


ถังถังเห็นท่าทางของกงจวิ้นฉือกับฉู่เจียเสวียนที่กระหนุงกระหนิงกันแล้ว ดูอย่างไรก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน ตอนนั้นหลังจากกินทาร์ตไข่ไปสองชิ้นแล้วก็ถือแก้วชาไข่มุกเดินไปยังหน้าร้าน ปล่อยให้กงจวิ้นฉือกับฉู่เจียเสวียนอยู่ในออฟฟิศกันสองคน 


 


 


 “เจียเสวียน คืนนี้คุณอยากกินอะไร” กงจวิ้นฉือกล่าว สายตาที่มองฉู่เจียเสวียนนั้นเปี่ยมด้วยความอ่อนโยน รอยยิ้มบนใบหน้าที่หล่อเหลาดังสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ 


 


 


ฉู่เจียเสวียนเอียงศีรษะคิด สายตาที่สดใสดุจไข่มุกส่องประกาย มองแล้วชวนหลงใหลเป็นพิเศษ “คุณอยากกินอะไรก็ได้ ฉันไม่เกี่ยง” 


 


 


เสียงที่ชัดเจนของฉู่เจียเสวียนดังขึ้น มองกงจวิ้นฉือด้วยรอยยิ้ม 


 


 


 “จริงเหรอ” กงจวิ้นฉือเอ่ย เมื่อเห็นว่ามีผมปรกบนใบหน้าฉู่เจียเสวียน เขายื่นมือช่วยเธอเกี่ยวหูเบาๆ 


 


 


ถูกกงจวิ้นฉือกระทำเช่นนี้กะทันหันก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย ใบหน้าของฉู่เจียเสวียนแดงระเรื่อ 


 


 


เห็นท่าทางที่เคอะเขินของฉู่เจียเสวียน รอยยิ้มบนใบหน้าของกงจวิ้นฉือยิ่งสดใสกว่าเดิม 


 


 


พวกเขาคบกันมาตั้งนานแล้ว ทำไมเธอถึงยังเขินอีกล่ะ 


 


 


“แน่นอนอยู่แล้ว แต่คุณต้องรอให้ฉันทำงานในมือให้เสร็จก่อน ฉันยังมีต้นฉบับออกแบบที่ต้องแก้ด่วน น่าจะประมาณชั่วโมงนึง ได้หรือเปล่า” ฉู่เจียเสวียนกล่าว  


 


 


 “ได้อยู่แล้ว งั้นคุณไปทำงานก่อน ผมจะไปคุยกับถังถัง” กงจวิ้นฉือพูดจบก็ลุกขึ้น เดินออกไปจากออฟฟิศ 


 


 


 ‘หนึ่งชั่วโมงแล้วยังไงเหรอ? สามปีเขาก็รอมาแล้ว นับประสาอะไรกับเวลาแค่นี้’ คิดอยู่ในใจ แล้วเดินไปหาถังถัง 


 


 


หลังจากตามหาในที่สุดก็เจอถังถังตรงระเบียง เห็นถังถังกำลังเหม่อมองท้องฟ้า กงจวิ้นฉือเดินย่องเข้าไป ยื่นมือแตะๆ หลังของถังถังเบาๆ 


 


 


ถังถังดึงสติกลับมา กวาดตามอง เมื่อไม่เห็นใครก็มองซ้ายมองขวา ยกมือขึ้นเกาหัว ไม่มีใคร? งั้นใครแตะไหล่ของเธอล่ะ?  


 


 


“ฮ่าๆ ผมอยู่นี่ คุณกำลังคิดอะไรอยู่เหรอ” กงจวิ้นฉือที่หลบซ้ายขวาตลอดเวลา เดินออกมา ยืนอยู่ด้านซ้ายของถังถัง บนใบหน้ามีรอยยิ้มอบอุ่น 


 


 


เขาก็รู้จักกับถังถังมานานมาก นานจนเขาแทบจำไม่ได้แล้ว     ตอนที่ 370 กลิ่นเปรี้ยว


 


 


ถังถังเหลือบมองกงจวิ้นฉือที่อยู่ข้างๆ จากนั้นก็หลบตา “นายขึ้นมาได้ยังไง ไม่อยู่กับแฟนล่ะ”


 


 


“อืม… ทำไมผมรู้สึกได้ถึงกลิ่นเปรี้ยวๆ[1]” กงจวิ้นฉือพูดพร้อมดมซ้ายดมขวา น้ำเสียงเจือปนความขี้เล่น


 


 


ถังถังนึกว่าพูดเรื่องจริง จึงดมตาม “ไม่มีนี่…” ดมไปสักพัก ถังถังไม่ได้กลิ่นอะไรเลย เงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นกงจวิ้นฉือกำลังยิ้มร่าเริง จึงเข้าใจว่ากลิ่นเปรี้ยวที่เขาพูดถึงคืออะไร


 


 


 “ดีจังเลยนะ กงจวิ้นฉือ กับฉันนายก็กล้าหลอกเหรอ ฉันเหม็นเปรี้ยวผีทะเลอย่างนายนี่แหละ!” ถังถังพูด ยื่นมือไปตบไหล่ของกงจวิ้นฉือ เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา จู่ๆ เธอก็รู้สึกระคายเคืองตา รีบหลบตาทันที ทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น กระพริบตาถี่


 


 


 “ฮ่าๆ ใครจะรู้ว่าคุณจะเชื่อจริงๆ เป็นอะไรไป ดูเหมือนว่าคุณมีเรื่องในใจเลย ไหนเล่ามาซิ? ดูว่าเทพอย่างข้าจะช่วยแบ่งเบาเจ้าได้หรือไม่” กงจวิ้นฉือพูด เดินไปนั่งบนเก้าอี้ที่ระเบียงพร้อมเอ่ยแซว


 


 


สำหรับถังถังแล้ว เขาเห็นเธอเป็นเหมือนเพื่อนจริงๆ จนถึงตอนนี้พวกเขารู้จักกันมาห้าปีแล้ว ฉะนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนอกจากจะเป็นเพื่อนแล้ว ยังบอกว่าเป็นพี่น้องก็ว่าได้


 


 


ถึงอย่างไรเมื่อได้อยู่กับถังถังแล้ว เขาจะรู้สึกผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติมาก


 


 


ได้ยินคำหยอกล้อของกงจวิ้นฉือ ถังถังกลอกตาแล้วเดินไปนั่งข้างกงจวิ้นฉือ “จวิ้นฉือ ตอนนี้เผยหนานเจวี๋ยกับบริษัทของนายร่วมมือกันบ่อย แล้วฉู่เจี่ยเสวียนก็เจอหน้าเผยหนานเจวี๋ยบ่อย นายไม่กลัวว่าพวกเขาถ่านไฟเก่าจะคุเหรอ”


 


 


ถังถังมองกงจวิ้นฉือตาไม่กระพริบ น้ำเสียงจริงจัง


 


 


แน่นอนว่าเธอรู้จักฉู่เจียเสวียนดี แต่ว่าเธอก็เข้าใจความรู้สึกที่ฉู่เจียเสวียนมีต่อเผยหนานเจวี๋ยดีเช่นกัน ถ่านไฟเก่าก็ใช่ว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้ เพียงแต่เมื่อก่อนฉู่เจียเสวียนเคยรักเผยหนานเจวี๋ยอย่างหมดหัวใจ


 


 


ในฐานะที่เป็นเพื่อนของเธอ การที่เธอพูดเรื่องนี้กับกงจวิ้นฉือ เธอก็รู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม แต่ว่าเธอก็เป็นห่วงนี่นา


 


 


“เจียเสวียนไม่ทำแบบนั้นหรอก ผมเชื่อใจเขา” กงจวิ้นฉือไม่ต้องการเอ่ยตรงๆ ว่าตอนนี้ฉู่เจียเสวียนกับเขาต่างมีเป้าหมายร่วมกัน ดังนั้นเขาเชื่อว่าเธอจะไม่มีใจต่อเผยหนานเจวี๋ยอีกอย่างแน่นอน


 


 


ได้ฟังคำตอบของกงจวิ้นฉือแล้ว ถังถังอดไม่ได้ที่จะด่าความโง่เขลาของกงจวิ้นฉืออยู่ในใจ


 


 


“อัยยา ไม่ใช่ฉันไม่ไว้ใจเขา ฉันรู้สึกว่าพวกนายสองคนคบกันนานขนาดนี้แล้ว พวกนายสองคนเมื่อไรจะแต่งงานกัน”


 


 


 “หรือว่านายคิดจะรอแบบนี้ต่อไปเหรอ” ถังถังเอ่ยปากอย่างร้อนรน เห็นสีหน้าของกงจวิ้นฉือที่ไม่สะทกสะท้านแม้แต่นิดเดียว เธอก็ร้อนรนจนแทบทนไม่ไหว


 


 


 “เรื่องแบบนี้จะรีบร้อนไม่ได้ ผมเชื่อว่าช้าเร็วสักวันนึงเขาจะยอมรับผมอย่างเต็มใจ อย่าพูดถึงผมเลย จู่ๆ คุณก็คุยกับผมเรื่องนี้ หรือว่าครอบครัวคุณเริ่มรบเร้าให้คุณนัดบอดอีกแล้ว” กงจวิ้นฉือเอ่ยปาก มองถังถังด้วยสีหน้าประมาณว่า ‘ผมรู้อยู่แล้วเชียว’


 


 


ทันทีที่ถูกกงจวิ้นฉือทายถูก ถังถังก็กลายเป็นหงุดหงิด “เหลวไหล ฉันเป็นใครกัน ทั้งตัวฉันมีส่วนไหนบ้างที่เป็นข้อเสีย ตรงไหนบ้างที่ไม่มีเสน่ห์ จำเป็นต้องไปนัดบอดด้วยเหรอ”


 


 


ถังถังพูดพลางลุกขึ้นยืน เดินไปที่ราว สายตามองไปรอบๆ อย่างไม่เป็นธรรมชาติ


 


 


“คุณดูคุณสิ อายุก็ไม่น้อยแล้ว ถ้ายังไม่หาแฟนอีกจะแก่แล้วนะ คุณไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องผมกับฉู่เจียเสวียนหรอก คุณดูแลตัวเองให้ดีก่อนดีกว่า ดูว่าเมื่อไรพวกเราจะได้ข่าวดีของคุณก็พอ” เสียงทุ้มต่ำของกงจวิ้นฉือดังขึ้น เจือปนรอยยิ้ม


 


 


รู้จักถังถังมาตั้ังนาน เขาไม่เคยเห็นเธอสนิทกับผู้ชายคนไหนเลย ที่จริงถังถังเป็นผู้หญิงมีเสน่ห์ หน้าตาดี และร่ำรวย อยากรู้จริงๆ ว่าเธอชอบผู้ชายแบบไหนกันแน่


 


 


 


 


[1] หึงหวง (吃醋) ในภาษาจีนหากแปลตรงตัวจะแปลว่า ‘กินน้ำส้มสายชู’ ในเนื้อเรื่องกงจวิ้นฉือกำลังเล่นคำกับถังถัง บอกว่า ได้กลิ่นเปรี้ยว หมายถึง ถังถังกำลังหึงหวง หรือ อิจฉา อยู่นั่นเอง


 


 


 


 


    ตอนที่ 371 มีคนในใจแล้ว


 


 


เดินไปยืนอยู่ข้างถังถัง แหงนหน้ามองท้องฟ้าสีครามด้วยกันกับเธอ


 


 


ทั้งสองคนยืนอยู่ที่นั่นทั้งอย่างนี้ ไม่มีใครพูดอะไร เพลิดเพลินกับความเงียบสงบที่หาได้ยากแบบนี้


 


 


ถังถังอยากให้เวลาหยุดอยู่ที่วินาทีนี้เหลือเกิน ในเวลานี้ที่มีเพียงพวกเขาแค่สองคน ไม่มีคนอื่นอีก


 


 


แต่ว่าเวลามักจะไร้เมตตา มันมีความยุติธรรมกับทุกคน ยิ่งต้องการหยุดมันมากเท่าไร มันก็ยิ่งจางหายไปเร็วเท่านั้น


 


 


 “ผมลงไปก่อนนะ น่าจะใกล้เวลาเลิกงานแล้ว คุณอยากไปกินข้าวด้วยกันหรือเปล่า” ยกมือที่ใส่นาฬิการุ่นลิมิเต็ดขึ้นมา หลังจากดูเวลาแล้ว กงจวิ้นฉือก็หันไปพูดกับถังถัง


 


 


 “ช่างเถอะ ฉันไม่รบกวนพวกนายสองคนกินข้าวหรอก พวกนายน่ะ กินให้มีความสุขนะ” พูดจบ ถังถังเดินลงไปชั้นล่างก่อนเพื่อกลับไปยังออฟฟิศ


 


 


กงจวิ้นฉือรีบตามหลังไป เขามองดูแผ่นหลังของถังถัง ยิ้ม


 


 


ในออฟฟิศ ฉู่เจียเสวียนแก้งานต้นฉบับเสร็จพอดี เงยหน้าขึ้นเห็นถังถังกับกงจวิ้นฉือเดินเข้ามาจากข้างนอกก็ยิ้มทันที


 


 


“พวกเธอสองคนหายไปไหนมา” ถามจบ ก็เริ่มเก็บของบนโต๊ะ ดวงตากลมโตโก่งงอจนเป็นพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว


 


 


 “ผมน่ะ ไปปลอบหัวใจน้อยๆ ที่บอบฃ้ำของคนอื่นมาน่ะ” กงจวิ้นฉือกวาดตามองถังถัง จากนั้นก็เดินไปยืนข้างฉู่เจียเสวียน มองใบหน้าน้อยๆ ที่งดงามของเธอแล้วยิ้ม


 


 


 “อ๋อ? เขาโดนคนที่บ้านบังคับให้แต่งงานอีกแล้วเหรอ” ทันทีที่ได้ยินคำพูดของกงจวิ้นฉือ ก้รู้ทันทีว่าถังถังจะต้องถูกที่บ้านเรียกให้นัดบอดอีกแน่นอน


 


 


ก็ไม่แปลกที่พ่อแม่ของเธอจะร้อนใจ บ้านของเธอมีเธอเป็นลูกสาวคนเดียว อายุใกล้ยี่สิบแปดแล้ว ในฐานะพ่อแม่ก็ต้องเป็นห่วงไม่มากก็น้อย ฉะนั้นเธอจึงเข้าใจอารมณ์แบบนี้ของเธออย่างดีมากๆ


 


 


“ฉันเปล่าซะหน่อย” ถังถังกล่าวอย่างไม่พอใจ เดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง เหลือบมองฉู่เจียเสวียนอย่างไม่สบอารมณ์


 


 


เธอไม่ได้ถูกบังคับให้แต่งงานสักหน่อยโอเคไหม เธอแค่ถูกคนที่บ้านให้ไปนัดบอดเท่านั้น ไม่เข้าใจเลยว่าคนพวกนั้นคิดอย่างไร เธอมีความสามารถเลี้ยงดูตัวเองก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องบังคับให้เธอไปนัดบอดด้วย จริงๆ เลย!


 


 


อีกอย่าง เธอมีคนในใจแล้วโอเคไหม เมื่อคิดถึงตรงนี้ ถังถังเงยหน้าขึ้นมองกงจวิ้นฉือ พบว่าเขากำลังมองเธอด้วยรอยยิ้มแปลกๆ


 


 


 “นายมองฉันแบบนี้ทำไม” สบสายตากงจวิ้นฉือ ถังถังกลืนน้ำลาย เอ่ยถาม


 


 


“หรือว่าคุณมีคนที่ชอบแล้ว ผมเห็นว่าหลายปีมานี้ คุณไม่มีเพื่อนต่างเพศเลย สาเหตุเดียวที่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมคุณถึงไม่มีแฟนก็คือคุณมีคนในใจแล้ว” กงจวิ้นฉือพูดขึ้นกะทันหัน มองถังถังและพูดด้วยความมั่นใจ


 


 


ฉู่เจียเสวียนได้ฟังคำตอบของกงจวิ้นฉือแล้วก็พยักหน้าตาม ถูกต้อง ไม่มีแฟนนานแบบนั้น หรือว่าเธอมีคนที่ชอบแล้วจริงๆ


 


 


เห็นท่าทางของทั้งสองคนที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ถังถังรู้สึกเขินในใจ แต่กลับไม่ได้แสดงความตื่นตระหนกบนใบหน้า


 


 


“อัยยา ถ้าพวกเธอรู้สึกเด็กหนุ่มหน้าตาดี จะใจดีแนะนำให้ฉันรู้จักก็พอแล้ว อย่ามาเดามั่วเลย พวกเธอจะไปกินข้าวไม่ใช่เหรอ? ยังไม่ไปอีก?​ ถ้าเดี๋ยวไปเจอช่วงเร่งด่วน​ พวกเธอรถจะติดเอานะ” ถังถังพูดจบ​ จากนั้นก็เดินออกไปจากออฟฟิศ​ ขี้เกียจจะสนใจสองคนนี้


 


 


ฉู่เจียเสวียนเห็นเงาของถังถังที่ไกลออกไป​ ส่ายหัวอย่างจนปัญญา​ สำหรับเพื่อนสนิทคนนี้​ เธอรู้สึกเหนื่อยหน่ายจริงๆ​ เธอต้องการให้เธอมีความสุขจริงๆ​ น่าเสียดายจนป่านนี้แล้ว​ เธอยังไม่เคยได้ยินเธอบอกว่าชอบใครเลย


 


 


 “พวกเราไปกันเถอะ” หลังจากฉู่เจียเสวียนจัดโต๊ะเรียบร้อยแล้ว​ เอ่ยปากกับกงจวิ้นฉือ


 


 


กงจวิ้นฉือพยักหน้า​ จูงมือของเธอเดินไปนอกออฟฟิศ


 


 


อีกมุมหนึ่ง ถังถังมองทั้งสองคนที่จากไปอย่างหวานชื่น แววตามีประกายความผิดหวัง เธอไม่มีวันบอกพวกเขาถึงคนที่เธอชอบได้อย่างแน่นอน    ตอนนี้ 366 เธอจะเป็นคนแบบนั้นได้อย่างไร


 


 


           ไม่ทันรู้ตัวก็มาถึงร้านชุดแต่งงานแล้ว ฉู่เจียเสวียนลงจากรถ


 


 


           กงจวิ้นฉือลงรถตาม “เจียเสวียน เลิกงานผมจะมารับคุณ”


 


 


           ฉู่เจียเสวียนได้ยินแล้วก็พยักหน้า “คุณขับรถระวังด้วยนะ” พูดจบ ก็หันหลังเดินไปที่ประตูร้านชุดแต่งงานแล้ว


 


 


           พนักงานในร้านชุดแต่งงาน เห็นกงจวิ้นฉือมาส่งฉู่เจียเสวียนทำงาน ทุกคนต่างมองหน้ากัน จากนั้นก็ยิ้ม


 


 


           “พี่เจียเสวียน คุณกงนี่ดีกับพี่จริงๆ เลยนะ” ผู้จัดการร้านเสี่ยวลี่เดินไปหาฉู่เจียเสวียน มองเธอด้วยสีหน้าอิจฉา ถ้าเธอมีแฟนหนุ่มที่ดีกับเธอแบบนี้ก็ดีสิ


 


 


           “เธอก็รีบหาสักคนสิ จะได้ไม่ต้องอิจฉาคนอื่นแล้ว” ฉู่เจียเสวียนยิ้มเอ่ย เดินเข้าไปในออฟฟิศ


 


 


           กงจวิ้นฉือรับส่งฉู่เจียเสวียนไปทำงานติดต่อกันหลายวัน กินดื่มอย่างเบิกบานใจ เพราะว่าชอบกินกับข้าวของซูซานซานที่ทั้งมีประโยชน์และรสชาติดี


 


 


           ในใจของฉู่เจียเสวียนทั้งซาบซึ้งทั้งอุ่นใจ


 


 


           บางคนมีความสุขและบางคนก็เศร้า ทางนี้หลังจากเผยหนานเจวี๋ยแก้ไขปัญหาของบริษัทแล้ว ก็มักจะขับรถไปที่ร้านชุดแต่งงานของฉู่เจียเสวียนโดยไม่รู้ตัวแล้ว


 


 


           หลายวันมานี้ เผยหนานเจวี๋ยตามฉู่เจียเสวียนกับกงจวิ้นฉืออย่างเงียบๆ คอยอิจฉาพวกเขาอยู่หลายวัน


 


 


           รู้สึกปวดใจอย่างแปลกประหลาด ม่านบางๆ ผุดขึ้นในดวงตาของเผยหนานเจวี๋ย เอาอีกแล้ว อารมณ์อึดอัดนี้กดดันเขาจนแทบหายใจไม่ออก


 


 


           บ้าเอ๊ย! เขาชอบเธอถึงขนาดนี้เชียวเหรอ เงยหน้าขึ้น มองดูฉู่เจียเสวียนหัวร่อต่อกระซิกกับกงจวิ้นฉือในรถ มือของเขาที่จับพวงมาลัยกำแน่นไม่หยุด


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยดึงสติกลับมา กลับมาที่บริษัทด้วยความรู้สึกหงุดหงิด ทันทีที่เข้าออฟฟิศแล้ว เผยหนานเจวี๋ยก็บังคับให้ตัวเองเข้าสู่ห้วงของการทำงาน ฝืนตัวเองไม่ได้คิดอะไรมาก


 


 


           ขณะที่กำลังเข้าสู่สภาวะแห่งการทำงานอยู่นั้น เสียงเคาะประตูออฟฟิศดังขึ้น


 


 


           “เข้ามา” เสียงที่ทุ้มต่ำดังขึ้น เลขาจึงผลักประตูเดินเข้าไป


 


 


           “ประธานเผยคะ แผนงานนี้ต้องการลายเซ็นของคุณ และพรีเซ็นเตอร์ผลิตภัณฑ์ของบริษัทก็ต้องตัดสินใจเหมือนกันค่ะ”


 


 


           “ด่วนหรือเปล่า” ยกมือขึ้นนวดๆ คิ้ว เสียงของเผยหนานเจวี๋ยอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด


 


 


           “นิดหน่อยค่ะ จะถ่ายโฆษณาในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว” เลขาเอ่ยด้วยความนอบน้อม บนใบหน้ามีรอยยิ้มอย่างมืออาชีพ


 


 


           “วางไว้นี่ก่อนเถอะ” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปาก เลขาฟังแล้วก็พยักหน้า จากนั้นจึงหันหลังจากไป


 


 


           หลังจากเลขาออกไปแล้ว เผยหนานเจวี๋ยยื่นมือหยิบเอกสารชุดนั้นขึ้นมา กำลังต้องการจะเปิดดู โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะก็ดังขึ้น


 


 


           ยื่นมือหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ขณะที่เห็นเบอร์ไม่คุ้นตา เผยหนานเจวี๋ยก็ขมวดคิ้ว ปลายนิ้วกดปุ่มรับสาย “ฮัลโหล”


 


 


           “เผยหนานเจวี๋ย ไม่เจอกันตั้งนาน” เสียงอันไพเราะดังเข้าหูของเผยหนานเจวี๋ย เสียงที่คุ้นเคยทำให้เผยหนานเจวี๋ยขมวดคิ้ว


 


 


           “ไป๋หลิง?” เธอโทรมาหาเขาทำไม หรือว่าบทสั่งสอนที่ให้เธอไปคราวก่อนไม่พองั้นเหรอ


 


 


           “ถูกต้อง” ไป๋หลิงหัวเราะเบาๆ มุมปากยกยิ้ม


 


 


           “คุณต้องการจะพูดอะไร” เสียงของเผยหนานเจวี๋ยเยือกเย็นลงเล็กน้อย เขาไม่มีเวลาเล่นใบ้คำกับเธอ


 


 


           “อย่าดุสิ ใจเย็นหน่อย ที่รัก” ไป๋หลิงเอ่ยปาก ไม่หวาดกลัวน้ำเสียงที่มืดมนของเผยหนานเจวี๋ยเลยสักนิด


 


 


           “ถ้าไม่พูดผมจะวางหูแล้ว” พูดจบ เผยหนานเจวี๋ยก็ต้องการจะวางสายจริงๆ แต่ปลายสายรีบพูดขึ้นห้ามไว้


 


 


           “เผยหนานเจวี๋ย คุณรู้หรือเปล่าว่าฉู่อีอีที่อยู่ข้างกายคุณเป็นผู้หญิงที่ความคิดชั่วร้ายแค่ไหน เพื่อที่จะได้อยู่ข้างคุณ เขาไม่กลัวที่จะทำร้ายพี่สาวของตัวเอง แม้แต่ทำให้ลูกในท้องของเธอแท้ง หึหึ” ไป๋หลิงเอ่ย จู่ๆ น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นมืดมน


 


 


           คราวก่อนเธอเสียผลประโยชน์ให้ฉู่อีอีมากมาย ทำให้เธอถูกปิดตายนานขนาดนั้น หากไม่ชำระความแค้นครั้งนี้ เธอก็ไม่ใช่ไป๋หลิง


 


 


           เธอหายไปตั้งนาน ก็เพื่อไปสืบเรื่องที่ฉู่อีอีทำทั้งหมดก่อนหน้านี้ หึหึ และก็หาเจอจริงๆ


 


 


           “คุณกำลังพูดเหลวไหลอะไร อีอีจะเป็นคนแบบนั้นได้ยังไง!” คำพูดที่เอ่ยออกมาโดยไร้ความคิดเช่นนี้ แน่นอนว่าเขาไม่มีทางเชื่อคำพูดข้างเดียวแน่นอน


 


 


 


 


     ตอนที่ 367 แคร์มากเกินไป


 


 


           “ฉันแค่ไม่อยากให้คุณถูกหลอกใช้อย่างคนโง่”


 


 


           “คุณน่ะเป็นคนบ้า!” เผยหนานเจวี๋ยโมโหจนขว้างโทรศัพท์มือถือลงพื้น อารมณ์ที่ไม่ดีอยู่แล้ว ตอนนี้กลายเป็นยิ่งมืดมน


 


 


           อีอี คุณอย่าทำให้ผมผิดหวังเด็ดขาด ผมเชื่อว่าคุณไม่ทำเรื่องแบบนี้แน่นอน


 


 


           หลังจากสงบสติอารมณ์โกรธที่มีอยู่ทั่วร่างกายแล้ว เผยหนานเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสนเล็กน้อย นึกถึงพฤติกรรมของฉู่อีอีช่วงนี้ ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยเล็กน้อย


 


 


           จู่ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อคืนราวกับว่าเขามองดูเธอล้มไปกับพื้นและไม่ได้ใส่ใจ ยิ่งไม่ได้ประคองเธอ ทันใดนั้นในใจก็รู้สึกผิด


 


 


           ช่างเถอะ ไปดูเธอเถอะ เป็นไปได้ว่าเพราะช่วงนี้เขาใส่ใจเธอน้อยเกินไป ดังนั้นเธอจึงคิดฟุ้งซ่านแบบนั้น


 


 


           ที่วิลล่าบ้านเผย


 


 


           ฉู่อีอีอยู่ในห้องนอน ในตอนนั้นเธอกำลังนั่งอยู่บนพื้น ในมือถือขวดไวน์แดง ดื่มอยู่คนเดียว ใบหน้าน้อยๆ ที่สวยงามมีความเศร้าโศก


 


 


           เงยหน้าดื่มอีกคำ ของเหลวสีแดงกุหลาบไหลออกมาจากปากของเธอ ยกมือขึ้นเช็ด


 


 


           ทำไมทุกอย่างถึงอยู่นอกเหนือการควบคุมของเธอ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเผยหนานเจวี๋ยฟังเธอ ทำไมตอนนี้ถึงไม่แม้แต่จะสนใจเธอ


 


 


           อีกทั้งฉู่เจียเสวียนเฮงซวยนั่นอีก ทำไมตอนนี้เธอถึงแข็งแกร่งขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเธอเคยอ่อนแอ อะไรกันแน่ที่ทำให้พวกเขาเปลี่ยนไป


 


 


           เธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้ได้ทุกอย่างมา หรือว่าตอนนี้เธอต้องคืนทุกอย่างกลับสู่สภาพเดิมเพราะการกลับมาของฉู่เจียเสวียนงั้นเหรอ


 


 


           เธอคิดเสมอว่าเผยหนานเจวี๋ยจะไม่เปลี่ยนใจไปจากเธอ แต่ว่าตอนนี้ล่ะ? หัวใจของเขาผันไปหาฉู่เจียเสวียนแล้ว


 


 


           นึกถึงสองสามครั้งก่อนที่เธอไปหาเรื่องฉู่เจียเสวียน เผยหนานเจวี๋ยมักจะไม่ช่วยเธอ แต่กลับไปช่วยฉู่เจียเสวียนเลวคนนั้น ในใจของเธอเจ็บปวดเหลือเกิน


 


 


           นึกถึงว่าตอนนี้เฉิงเฮ่าก็โผล่มา เธอใช้ชีวิตอย่างหวาดกลัวทุกวัน ใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัวว่าจู่ๆ เฉิงเฮ่าจะเปิดโปงความลับของเธอ


 


 


           ทำไมเธอต้องรับสิ่งเหล่านี้ในตอนนี้ด้วย ทำไมเธอต้องทนทุกข์ทรมานทุกวันด้วย


 


 


           ตอนแรกนึกว่ากลับประเทศมา เฉิงเฮ่าจะปล่อยเธอ แต่คิดไม่ถึงว่าเวลาสั้นๆ เพียงสามปี เขาจะกลับมาแล้วจริงๆ


 


 


           เงยหน้าดื่มไวน์อีกอึกใหญ่ ความเศร้าโศกในใจไม่ได้หายไปเพราะแอลกอฮอล์เลย


 


 


           จู่ๆ ประตูก็เปิดพรวด แสงสว่างจ้าส่องเข้ามา มันแสบตาจนเธอลืมตาไม่ขึ้น ยกมือขึ้นบัง เผยให้เห็นคางที่สมบูรณ์แบบ


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยยืนอยู่ข้างนอก ได้กลิ่นเหล้าในห้อง ความเจ็บปวดก็ผุดขึ้นในดวงตา


 


 


           เดินเข้าก้าวมาหาฉู่อีอี ยื่นมือดึงเธอขึ้นมาจากพื้น โอบเธอพาไปนั่งลงบนเตียงที่อยู่ข้างๆ


 


 


           ปลายจมูกมีกลิ่นหอมสดชื่นที่คุ้นเคย จู่ๆ ฉู่อีอีรู้สึกระคายเคืองตา หันไปมองผู้ชายที่นั่งข้างๆ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองเกิดภาพลวงตา


 


 


           “หนานเจวี๋ย?” ฉู่อีอีพูดขึ้น มือที่ถือขวดไวน์กำแน่นไม่หยุด


 


 


           ยกมือขึ้นต้องการจะดื่มอีก เผยหนานเจวี๋ยมือไวกว่า แย่งขวดไวน์ในมือมา “คืนไวน์มาให้ฉัน!”


 


 


           เอ่ยปากอย่างแข็งกร้าว ดวงตาของฉู่อีอีมีความโกรธ


 


 


           “อีอี อย่าดื่มอีกเลย” เผยหนานเจวี๋ยกล่าว ในน้ำเสียงมีอารมณ์คลุมเครือ


 


 


           วางขวดไวน์ด้านข้างๆ ยื่นมือกอดฉู่อีอี เห็นสภาพของฉู่อีอีในตอนนี้ เขารู้สึกเสียใจมาก


 


 


           แม้จะรู้ว่าตัวเองชอบฉู่เจียเสวียน แต่ว่าในใจของเขาก็ยังรู้สึกผิดต่อฉู่อีอี


 


 


           ถูกเผยหนานเจวี๋ยกอดและรู้สึกถึงความอบอุ่นของเขา ฉู่อีอีเงยหน้าขึ้นจากอ้อมกอดของเขา มองดูใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา เอ่ยปากขึ้นอย่างเหลือเชื่อ “หนานเจวี๋ย ใช่คุณจริงๆ เหรอ ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม”


 


 


           “ผมเอง” เผยหนานเจวี๋ยกล่าว ยื่นมือลูบไล้ผมของฉู่อีอี


 


 


           “หนานเจวี๋ย ฉันนึกว่า…คุณไม่ต้องการฉันแล้ว คุณอย่าโทษฉันเลยได้ไหม เมื่อก่อนฉันทำเรื่องไม่ดีพวกนั้นกับพี่สาว แต่เป็นเพราะฉันแคร์คุณมากก็เท่านั้น”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม