ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด 364-371
ตอนที่ 364 จากไป
หยุดสักครู่แล้วพูดต่อ
“หลิงอวี้จื้อ ข้าจะให้เซียวเหยี่ยนกินสมุนไพรเซียนหลินจือครึ่งหนึ่งก่อน อีกสองเดือน ข้าจะเอาอีกครึ่งมาให้เขา
สองเดือนนี้ เจ้าต้องไม่ให้เซียวเหยี่ยนตามเจ้าพบ และมาเจอเซียวเหยี่ยนไม่ได้ด้วย ต้องหายไปจากชีวิตเซียวเหยี่ยนอย่างไร้ร่องรอย มิเช่นนั้นข้าจะทำลายสมุนไพรเซียนหลินจืออีกครึ่งหนึ่งเสีย
เจ้าวางใจได้ เซียวเหยี่ยนไม่อยู่กับเจ้าแล้วจะมีชีวิตที่ดี เจ้าไปแล้ว ข้าจะดูแลเขาเอง”
ครั้งนี้หลิงอวี้จื้อไม่ได้ปฏิเสธ หากปฏิเสธอีก เฟิงอิ๋นต้องเปลี่ยนใจแน่ เธอไม่กล้าล้อเล่นกับชีวิตของเซียวเหยี่ยน สามารถเปลี่ยนตัวเลือกก่อนหน้านี้มาเป็นตัวเลือกนี้ได้ หลิงอวี้จื้อก็พอใจแล้ว
พูดให้ชัด เฟิ่งอิ๋นยังคงไม่ตัดใจ เพียงแต่พูดปากแข็งไปก็เท่านั้น เซียวเหยี่ยนจะปฏิบัติกับเฟิงอิ๋นอย่างไร เธอเดาเอาไว้คร่าวๆ แล้ว ตรงจุดนี้สามารถไว้ใจเซียวเหยี่ยนได้ ครั้งนี้เธอจะปล่อยให้ได้เฟิงอิ๋นได้เห็นอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง เผื่อว่าต่อไปนางจะอาลัยอาวรณ์ถึงเซียวเหยี่ยนอีก
“ได้ ข้ารับปากเจ้า ข้าจะไปทันที เฟิงอิ๋น อย่าลืมที่เจ้ารับปากเรื่องของข้า เจ้าต้องช่วยชีวิตอาเหยี่ยนให้ได้”
“เซียวเหยี่ยนสลบอยู่ เจ้าไม่ต้องไปบอกลาแล้ว ไปตอนนี้เลย”
เฟิงอิ๋นชี้ไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงใจ เป็นสัญญาณให้หลิงอวี้จื้อไปได้แล้ว
หลิงอวี้จื้อเหลืออด นางไม่ต้องรีบขนาดนั้นได้ไหม ไม่ปล่อยให้เธอได้อยู่ต่ออีกสักนาทีเดียว เห็นนางพร้อมระเบิดอารมณ์ทุกเมื่อ หลิงอวี้จื้อก็ไม่กล้าแหย่ พามั่วชิงเดินไปข้างหน้า
มั่วชิงเป่าปากสักครู่ หมาป่าผีก็วิ่งมาข้างๆ นาง มู่หรงนี่อวิ๋นกับชุนเหนียงก็ไล่ตามออกมา พอเห็นชุนเหนียง เฟิงอิ๋นก็มองปราดหัวจรดเท้า
“เจ้าหนีไปไม่พ้นหรอก เจ้าสำนักไม่มีทางปล่อยเจ้า”
ได้ยินเช่นนั้น มือของชุนเหนียงก็สั่นระริก บังคับให้ตัวเองนิ่งไว้ นี่เป็นเรื่องที่นางกังวลมาตลอด เมื่อคืนขนาดฝันยังฝันว่าเจียงสือมาจัดการนาง แต่เมื่อเลือกเส้นทางนี้แล้ว นางไม่สามารถหันหลังกลับไปได้อีก ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเดินไปข้างหน้า บางทีถ้านางโชคดีอาจจะมีชีวิตรอดต่อไป
จากนั้นอู่จิ้นก็ออกมา เดินจ้ำออกมากั้นทางที่หลิงอวี้จื้อจะไป
“คุณหนูขอรับ คุณหนูจะไปไหน”
“อู่จิ้น เรื่องท่านอ๋องต้องรบกวนเจ้ากับแม่ทัพหลี่แล้ว พวกเจ้าต้องอยู่ปกป้องท่านอ๋องให้ดีนะ ข้าไปก่อนแล้ว”
หลิงอวี้จื้อพยักหน้าให้อู่จิ้นด้วยสีหน้าขึงขัง มีเขากับแม่ทัพหลี่อยู่ที่นี่แล้ว ก็ไม่กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจียงสือยังไม่กล้าขนาดนั้น
“คือ…”
“จำคำที่ข้าพูดกับเจ้าเมื่อวานเอาไว้ เรื่องอื่นไม่ต้องถามมากความแล้ว ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของท่านอ๋อง ข้าไปแล้ว แม่นางเฟิงอิ๋นจะมาดูแลท่านอ๋อง นางมีสมุนไพรเซียนหลินจือ ถึงตอนนั้นเจ้าดูไว้ให้ดี ๆ”
อู่จิ้นคิดจะห้าม แต่พอนึกถึงสถานการณ์ของเซียวเหยี่ยน ก็กล้ำกลืนคำพูดกลับไป ตอนนี้ นี่เป็นวิธีเดียวจริงๆ เขาเองก็ไม่อยากให้เจ้านายเป็นอะไรไป รอจนหายดี เจ้านายของเขาก็สามารถไปตามหาหลิงอวี้จื้อได้
ขณะที่หลิงอวี้จื้อพูด เฟิงอิ๋นก็แสดงท่าทีเหลืออดเหลือทน เธอรู้ว่าพูดต่อไปไม่ได้แล้ว จึงหมุนตัวจากไป
มู่หรงนี่อวิ๋นไล่ตามหลิงอวี้จื้อไปเดินข้างๆ เธอ
“อวี้จื้อ เจ้าตกลงอะไรกับเฟิงอิ๋นกันแน่”
“ยังดูไม่ออกอีกหรือ ข้าไป นางช่วยชีวิตอาเหยี่ยน”
“เจ้า…เจ้าเป็นอะไรไป เหตุใดถึงรับปากเช่นนี้ ให้นางไปอยู่ข้างกายท่านอ๋องเช่นนี้ ใครจะไปรู้ว่านางมีแผนอะไร”
“อย่างไรเสียอาเหยี่ยนก็ฉลาดกว่านาง ตรงจุดนี้ข้าไม่กลัวเลย เจ้าก็ไม่ใช่เพิ่งจะรู้จักท่านอ๋องแค่วันสองวัน เว้นเสียแต่ว่าเขาจะยินยอม มิเช่นนั้นใจดวงนั้นของเขาก็จะแข็งเสียยิ่งกว่าหิน หากเฟิงอิ๋นอยากจะงัด ก็ต้องไปเกิดใหม่ถึงจะพอมีหวังบ้าง”
ตอนที่ 365 เซียวเหยี่ยน ท่านต้องหายไวๆ นะ
“เจ้าเชื่อใจท่านอ๋องขนาดนี้เลยหรือ เขาเป็นผู้ชาย ถึงแม้เฟิงอิ๋นจะไม่ได้สวยมาก แต่ก็ถือว่าไม่เลว”
มู่หรงนี่อวิ๋นยังคงไม่วางใจ
หลิงอวี้จื้อจ้องเขาเขม็ง
“เจ้านึกว่าท่านอ๋องเป็นเจ้าหรือ พอหิวก็กินไม่เลือก อะไรส่งมาหน้าบ้านก็รับหมด”
“เหตุใดข้าเป็นเช่นนั้นไปแล้ว เมื่อก่อนข้าก็เลือก ตอนนี้รสนิยมก็ยิ่งสูงขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ มิได้ไปสถานที่เช่นนั้นอีกแล้ว”
มู่หรงนี่อวิ๋นรีบอธิบาย ราวกับกลัวหลิงอวี้จื้อจะเข้าใจเขาผิด
เขารู้ว่าในใจหลิงอวี้จื้อ เขาเป็นคุณชายเจ้าชู้มาโดยตลอด เมื่อก่อนเขาอาจจะเจ้าสำราญอยู่บ้าง นั่นเป็นเพราะในใจยังไม่มีคนที่ชอบจริงๆ จึงขาดผู้หญิงไม่ได้ ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ก็ต้องเลือกที่เข้าตาด้วย
ตอนนี้ในใจเขามีคนอยู่แล้ว และไม่ได้ไปแหล่งกามารมณ์เหล่านั้นอีกแล้ว เหมือนหมดความสนใจไปโดยพลัน การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้แม้แต่ตัวเขาเองยังตกใจอย่างมาก
หลิงอวี้จื้อยิ้มพูดว่า
“มีความต้องการบ้างก็เป็นเรื่องปกติ เจ้าจะร้อนรนทำไม ข้ารู้ว่าตอนนี้เจ้าเอาการเอางานแล้ว แต่ก็ไม่ต้องหักดิบขนาดนั้น ข้าเกรงว่าร่างกายเจ้าจะรับไม่ไหว”
“เจ้าจะเข้าใจอะไร”
มู่หรงนี่อวิ๋นรู้สึกอยากบีบคอหลิงอวี้จื้อให้ตาย นางไม่เข้าใจจริงๆ หรือว่าแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ คำพูดที่เก็บซ่อนไว้ในใจไม่จำเป็นต้องพูดออกมา หากพูดออกไปแล้ว นอกจากจะไม่เป็นผลแล้ว ยังอาจทำให้นางตกใจจนไม่กล้าแม้แต่จะเป็นเพื่อนกับเขา
ตอนนี้อย่างน้อยยังได้ใกล้ชิดนาง สามารถพูดคุยกันได้อย่างสบายใจ
“พวกเราไปไหน”
หลิงอวี้จื้อหันกลับไปด้วยอารมณ์ตกใจ
“เจ้ายังไม่กลับเมืองหลวงอีกหรือ นี่อวิ๋น ตอนนี้ข้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ระยะนี้ยังไม่สามารถกลับเมืองหลวงได้ เจ้ากลับไปก่อนเถิด ข้าไม่อยากไปไกลแล้ว นอกอำเภอฉางหนิงมีตำบลเถาหยวน ข้าจะไปที่นั่น”
หลิงอวี้จื้อยังอยู่ที่นี่ มู่หรงนี่อวิ๋นจะวางใจกลับเมืองหลวงได้เสียที่ไหน เขาได้แต่คิดหาทุกวิถีทางที่จะอยู่ที่นี่ต่อ
“ข้ากลับไปก็ไม่มีเรื่องอะไร นอกเมืองนี้ทิวทัศน์ช่างสวยงาม อยู่นอกเมืองไม่ดีกว่าหรือ เผื่อว่าพี่รองของข้าเกิดโผล่มาถึงที่ ข้ายังพอช่วยได้บ้าง มีบางเรื่องที่ข้าอยากถามนางให้กระจ่าง อย่างไรเสีย ข้าอยู่ที่เมืองหลวงก็เป็นคนว่างงาน”
“ลูกผู้ดีมีเงิน”
หลิงอวี้จื้อวิจารณ์ด้วยสำนวน ตั้งแต่ไปซูโจวเป็นต้นมา ความรู้สึกของเธอกับมู่หรงนี่อวิ๋นก็ลึกซึ้งขึ้นทุกวันๆ กลายเป็นเพื่อนรักที่จริงใจซื่อตรงต่อกัน ด้วยเหตุนี้เมื่อมู่หรงนี่อวิ๋นอยากอยู่ต่อ เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธรุนแรง
เขากับหลิงจื่อเฉิงเหมือนกัน เป็นลูกชายของครอบครัวผู้ดี มีกินมีใช้ ถึงแม้การงานจะไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไร แต่เป็นคนที่ให้คุณค่ากับความรักความสัมพันธ์ แต่ว่ามู่หรงนี่อวิ๋นฉลาดกว่าหลิงจื่อเฉิงไม่น้อย
ชุนเหนียงกลัวเฟิงอิ๋น จึงตามออกมาด้วย หลิงอวี้จื้อก้าวช้าลง ไปเดินข้างๆ ชุนเหนียง
“ชุนเหนียง ตำบลเถาหยวนเป็นตำบลเล็กๆ คนก็ไม่มาก เจ้าจะปักหลักที่นั่นหรือไม่”
“ขอเพียงได้ไปจากสำนักอู๋จี๋ ข้าอยู่ที่ไหนก็ได้ คุณหนูหลิง พาข้าไปด้วยจะคงจะเป็นภาระ ข้าไม่ควรไปกับคุณหนูตั้งแต่แรกแล้ว จะยิ่งรบกวนเข้าไปใหญ่ แต่ที่จริงข้า…”
“เจ้าไม่ได้รบกวนข้า ข้าเข้าใจ ขอเพียงเจ้ายินดี เจ้าจะกลับไปเมืองหลวงกับข้าก็ยังได้”
ชุนเหนียงส่ายหน้า
“เมืองหลวงกว้างใหญ่ ใจคนซับซ้อน ข้าไม่อยากไปสถานที่เช่นนี้อีกแล้ว อยากได้เพียงที่เล็กๆ ไม่ต้องแก่งแย่งกับใคร มีชีวิตสงบสุขจนแก่เฒ่าเจ้าค่ะ”
ต่างคนต่างมีปณิธานของตนเอง ยิ่งเป็นคนที่มีประสบการณ์ซับซ้อนอย่างชุนเหนียง นางก็อยากมีชีวิตที่เรียบง่าย หลิงอวี้จื้อก็ไม่บังคับนาง รู้สึกว่าแบบนี้ก็ดี ส่วนเธอเป็นคนที่ใช้ชีวิตแบบตัดขาดจากโลกภายนอกไม่ได้ คงน่าเบื่อตาย
หลิงอวี้จื้อพูดคุยหัวเราะกับพวกนาง ลืมความรู้สึกสูญเสียภายในใจไปชั่วขณะ ถ้าแม้ว่าจะทำเพื่อช่วยชีวิตเซียวเหยี่ยน แต่การจากเซียวเหยี่ยนไปในเวลานี้ ก็ยังทำให้เธอกังวลใจอย่างยิ่ง นี่เป็นเวลาที่เซียวเหยี่ยนต้องการเธอที่สุดพอดี
ขอโทษนะ อาเหยี่ยน ท่านต้องหายไวๆ นะ
ตอนที่ 366 เด็กหนุ่มแปลกหน้า
ไม่นานพวกหลิงอวี้จื้อก็ออกจากเมือง ตำบลเถาหยวนใกล้กับอำเภอฉางหนิงมาก ตกบ่ายพวกเขาก็มาถึงตำบลเถาหยวนแล้ว ตำบลเล็กๆ ไม่ใหญ่ คนก็ไม่มาก บรรยากาศเรียบง่ายอบอวลไปทุกแห่งหน
ประกอบกับจะปีใหม่แล้ว ทุกครัวเรือนต่างติดชุนเหลียนหรือแถบอวยพรปีใหม่และทำโคมไฟ เด็กน้อยหัวเราะเอิ๊กกอ๊ากเบิกบานใจอยู่หน้าบ้าน มีบรรยากาศการเฉลิมฉลองปีใหม่อย่างเข้มข้น
เห็นภาพเช่นนี้แล้ว จู่ๆ หลิงอวี้จื้อก็นึกถึงพ่อแม่ของตนเองขึ้นมา ทุกปีจะต้องไปห่อเกี๊ยว ไม่รู้ว่าพวกท่านเป็นอย่างไรบ้าง คงทำได้เพียงคิดว่าเธอตายไปแล้ว เธอก็ไม่มีวิธีกลับไปได้อีก คิดถึงเรื่องเหล่านี้ ในใจหลิงอวี้จื้อก็รู้สึกโศกเศร้า
“หลิงอวี้จื้อ เจ้าเป็นอะไรไป”
เห็นหลิงอวี้จื้อเข้ามาในตำบลแล้วจู่ๆ ก็ไม่พูดไม่จา มู่หรงนี่อวิ๋นจึงถามขึ้น
“ตำบลเล็กๆ แห่งนี้ให้ความรู้สึกอบอุ่น อีกห้าวันก็จะปีใหม่แล้ว ทุกแห่งประดับประดาด้วยผ้าและโคมไฟ พวกเราไม่พักโรงเตี๊ยม แต่เช่าบ้านพักสักหลังเถิด!”
มู่หรงนี่อวิ๋นพยักหน้าเห็นด้วย
“ข้าก็คิดเห็นเช่นนี้เหมือนกัน”
“มั่วชิง พอพวกเราปักหลักเรียบร้อยแล้ว เจ้าไปสืบข่าวที่อำเภอฉางหนิงสักหน่อย อย่าให้เฟิงอิ๋นรู้ตัว”
“ข้าน้อยรับทราบ”
มั่วชิงพยักหน้ารับคำ
มู่หรงนี่อวิ๋นรับผิดชอบไปหาบ้าน หลิงอวี้จื้อพาพวกนางเดินเที่ยวเล่น ตำบลเถาหยวนเล็กจริงๆ มีถนนเพียงสองสาย ครึ่งชั่วโมงก็สามารถเดินเล่นได้ทั่วตำบลแล้ว รอบๆ ก็มีหมู่บ้านไม่กี่หมู่บ้าน
ถึงแม้ข้างนอกพระอาทิตย์จะออกมาแล้ว แต่ก็ยังคงหนาวอยู่เล็กน้อย เด็กหนุ่มผมเผ้ากระเซอะกระเซิงคนหนึ่งยืนอยู่บนถนนใหญ่ ใบหน้าสกปรกมาก ดำมอมแมม เห็นได้ชัดว่าไม่ได้อาบน้ำมานานแล้ว ท่าทางอายุราวสิบห้าสิบหกปี
สวมเสื้อผ้าปะชุน รองเท้าที่ใส่ก็ขาด นิ้วเท้าโผล่ออกมา ยืนหนาวตัวสั่นสะท้าน ริมฝีปากแห้งแตก เขากัดริมฝีปาก ดวงตาจับจ้องไปที่แผงขายซาลาเปาซึ่งอยู่ไม่ไกล แต่ไม่เดินเข้าไป
เห็นได้ชัดว่าเขาหิวแล้ว คงจะไม่มีเงิน ดูแล้วไม่เหมือนขอทาน แต่เหมือนคุณชายน้อยตกอับ
หลิงอวี้จื้อซื้อหมั่นโถวลูกหนึ่งเดินมาตรงหน้าเด็กหนุ่ม ยิ้มพลางพูดว่า
“หิวแล้วกระมัง! ถือว่าข้าเลี้ยงเจ้าแล้วกัน”
แววตาของเด็กหนุ่มเป็นประกายทันใด พูดขอบคุณเสียงเบา แล้วหยิบหมั่นโถวในมือหลิงอวี้จื้อ เห็นได้ชัดว่าเขาหิวสุดๆ แล้ว พอหยิบหมั่นโถวไปแล้ว ก็กินเข้าไปคำโต ใช้เวลาไม่นานหมั่นโถวลูกนั้นก็หายเกลี้ยง
หลิงอวี้จื้อเห็นว่าเขาหิวมาก จึงให้มั่วชิงไปซื้อหมั่นโถวมาอีกสองลูก หลิงอวี้จื้อยื่นหมั่นโถวให้เด็กหนุ่มเอง
ตอนนั้นเองเด็กหนุ่มถึงเงยหน้า สองตาประสานกัน เด็กหนุ่มมีสีหน้าตกใจ ถามอย่างระมัดระวัง
“เจ้าคือพี่สะใภ้หรือ”
“หา…”
หลิงอวี้จื้อคิดตามไม่ทัน เธอมั่นใจว่าตนเองไม่รู้จักเด็กหนุ่มคนนี้ จะกลายเป็นพี่สะใภ้ของเขาไปได้อย่างไร ไม่ใช่จำคนผิดอีกแล้วหรอกนะ!
“น้องชาย ข้ายังไม่แต่งงาน ไม่ได้เป็นพี่สะใภ้ของเจ้า”
“ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นพี่ชายของข้า เจ้าเป็นคู่หมั้นของท่านอ๋อง ย่อมเป็นพี่สะใภ้ของข้า”
“เจ้าเป็นใคร รู้จักข้าได้อย่างไร”
หลิงอวี้จื้อพินิจพิเคราะห์เด็กหนุ่มตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ตอนนั้นซีหนานอ๋องมีลูกชายเพียงคนเดียว ไม่มีทางมีลูกชายเยาว์วัยขนาดนี้อีกคนได้ ไม่นานเธอก็นึกถึงตระกูลอวิ๋น หรือว่านี่จะเป็นน้องชายของอวิ๋นอี้เหยา คำนวณจากอายุก็น่าจะอายุราวๆ นี้
“ข้าชื่ออวิ๋นซั่ว ข้าเคยเห็นภาพเหมือนของเจ้า จึงรู้จักเจ้า”
เดาถูกตามคาด เขาเป็นคนตระกูลอวิ๋นจริงๆ บังเอิญเหลือเกิน นึกไม่ถึงว่าจะเจออวิ๋นซั่วที่นี่ เธอไม่เชื่อว่านี่จะเป็นเรื่องบังเอิญ อวิ๋นซั่วน่าจะตั้งใจตามหาเธอ
เขาอาศัยแค่ภาพเหมือนก็จำเธอได้นับว่าเก่งกาจมาก หน้าตาเธอโดดเด่นเป็นที่จดจำขนาดนี้เลยหรือ แล้วภาพเหมือนนั้นเป็นฝีมือของใคร
ตอนที่ 367 น้องชายของเซียวเหยี่ยน
“ตระกูลอวิ๋นยังไม่ตกอับ เหตุใดเจ้าถึงกลายเป็นเช่นนี้”
ไม่ว่าจะคิดอย่างไร อวิ๋นซั่วก็เป็นทายาทเศรษฐี ทายาทเศรษฐีที่มั่งคั่งที่สุดในซูโจว เธอเคยไปบ้านตระกูลอวิ๋น ไม่ต้องสงสัยเรื่องสินสอดทองหมั้นของตระกูลอวิ๋นเลย แต่ตอนนี้นึกไม่ถึงว่าคุณชายแห่งตระกูลอวิ๋นจะลดตัวลงมาเป็นขอทาน ใครก็ต้องรู้สึกเหลือเชื่อ
อวิ๋นซั่วก้มหน้าลง ราวกับรู้สึกละอายใจ ยืนตัวสั่นสะท้านอยู่ท่ามกลางลมหนาว เห็นเขาเป็นเช่นนี้แล้วช่างน่าสงสาร ไหนๆ ก็เป็นน้องชายแม่เดียวกันแต่ต่างพ่อของเซียวเหยี่ยน หากเซียวเหยี่ยนพบเขาเข้า ก็คงจะต้องใส่ใจเขา หลิงอวี้จื้อพูดว่า
“เจ้ากลับไปกับข้าก่อน เปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำสักหน่อยแล้วค่อยๆ พูด”
“ขอบคุณพี่สะใภ้”
หลิงอวี้จื้อไม่ได้แก้คำเรียกของอวิ๋นซั่ว แต่กลับชอบใจ เดิมทีเธอก็เป็นพี่สะใภ้ของอวิ๋นซั่วอยู่แล้ว ไหว้ฟ้าดินก็ไหว้กันมาแล้ว แค่ขาดขั้นตอนสุดท้ายไปขั้นตอนเดียว
“พี่สะใภ้ เจ้าอยู่กับชายอื่นได้อย่างไร พี่ชายข้าล่ะ”
“ไอ้น้องชาย ท่านอ๋องยอมรับเจ้าแล้วหรือ หลิงอวี้จื้อไม่ได้เป็นพี่สะใภ้ของเจ้า ถ้าไม่เรียกว่าพี่สาว ก็เรียกว่าแม่นางหลิง นางกับท่านอ๋องยังไม่ได้แต่งงานกัน เจ้าเรียกนางเช่นนี้จะทำให้นางเสื่อมเสีย”
“พี่สะใภ้ข้ายังไม่ว่าอะไร เจ้าเอาอะไรมาคัดค้านข้า รู้อยู่แก่ใจว่าพี่สะใภ้ข้ามีสามีแล้ว เจ้ายังตามนางอยู่อีก เจ้าต่างหากที่กำลังทำให้นางเสื่อมเสีย”
อวิ๋นซั่วตอกกลับทันที มีท่าทีเป็นปฏิปักษ์กับมู่หรงนี่อวิ๋นอย่างเต็มที่
มู่หรงนี่อวิ๋นยังอยากต่อปากต่อคำ แต่หลิงอวี้จื้อรั้งเขาเอาไว้ ดึงเขามาข้างๆ แล้วพูดเบาๆ ว่า
“เจ้าจะไปแข่งอะไรกับเด็ก ไม่กลัวคนอื่นจะหัวเราะเยาะเสียบ้าง”
“คนผู้นี้ปรากฏตัวอย่างประหลาด อวิ๋นอี้เหยาก็มีท่าทีจะเป็นศัตรูกับท่านอ๋อง ตามหลักการแล้วน้องชายคนนี้ก็คงมีนิสัยไม่ต่างกับพี่สาวของเขา จะสนิทสนมกับท่านอ๋องที่ไม่เคยพบหน้ากันเช่นนี้ได้อย่างไร ข้าว่าเขาเป็นแค่โจร คิดจะพึ่งพาบารมีท่านอ๋อง”
หลิงอวี้จื้อกดเสียงต่ำลงไปอีก
“หากจะพึ่งพาบารมี ควรจะไปเมืองหลวง มาพึ่งพาบารมีที่นี่ ไม่บ้าไปหน่อยหรือ ข้ารู้สึกว่าเขามีเป้าหมายอื่น คอยดูว่าเขาจะทำอะไรค่อยว่ากัน”
“เจ้าจะเก็บเขาไว้ข้างๆ หรือ”
“ไม่เก็บเขาไว้ เขาก็จะไปหาอาเหยี่ยน ตอนนี้อาการบาดเจ็บเขาสาหัสขนาดนั้น จะมีแรงที่ไหนมาจัดการกับเด็กผีนี่
พวกเราก็ไม่สามารถฆ่าเขาโดยไม่มีเหตุผล เรื่องเหล่านี้เป็นการคาดเดาของพวกเราล้วนๆ หากพวกเราเดาผิดขึ้นมา ไม่เท่ากับว่าฆ่าผู้บริสุทธิ์หรอกหรือ อย่างไรเขาก็เป็นน้องชายของอาเหยี่ยน เรื่องของตระกูลอวิ๋นเขาก็ไม่เคยอยู่ร่วมด้วย”
“ข้าจะดูเขาเอง”
มู่หรงนี่อวิ๋นรับคำ
“พี่สะใภ้ เจ้ากระซิบกระซาบกับชายอื่นได้อย่างไร ความประพฤติเช่นนี้ผิดต่อพี่ชายของข้านะ”
เสียงเย็นชาของอวิ๋นซั่วดังแว่วมาทางด้านหลังของทั้งสองคน หลิงอวี้จื้อถือว่ามู่หรงนี่อวิ๋นเป็นเพื่อนสนิทแน่นแฟ้นมานานแล้ว ประกอบกับเธอเป็นผู้หญิงยุคปัจจุบัน ไม่ได้ยึดหลักศีลธรรมอะไรมากมายเช่นนั้น
“นี่คือมู่หรงนี่อวิ๋น เป็นเพื่อนสนิทของข้ากับพี่ชายเจ้า น้องชาย เจ้าก็เป็นห่วงท่านอ๋องมากเหมือนกันนะ”
“พี่สาวไม่อยู่แล้ว พ่อข้าก็ไม่อยู่แล้ว ข้าเหลือญาติเพียงคนเดียวแล้ว”
อวิ๋นซั่วก้มหน้าลงอย่างโศกเศร้า
“ตระกูลอวิ๋นเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“พอแม่ข้าตายไปแล้ว พ่อข้าก็หมดอาลัยตายอยาก คืนหนึ่งมีโจรกลุ่มหนึ่งบุกเข้าบ้านตระกูลอวิ๋น ปล้นบ้านจนเกลี้ยง ฆ่าสาวรับใช้และคนงานตายเรียบ พ่อข้าบาดเจ็บหนัก”
ตอนที่ 368 หนุ่มหล่อระดับเดือนโรงเรียน
“ตอนที่ข้ารีบกลับไป พ่อข้าก็เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายแล้ว ก่อนพ่อจะไป เขาให้ข้าตามหาพี่ชาย ให้ข้าเอาของสิ่งหนึ่งให้พี่ชาย
เดิมทีข้าคิดจะไปเมืองหลวงเพื่อหาพี่ชาย แต่ระหว่างทางก็ได้ยินข่าว บอกว่าพี่ชายหายตัวไปที่อำเภอฉางหนิง
ข้าเปลี่ยนเส้นทางไปอำเภอฉางหนิงกลางคัน ใครจะไปรู้ว่าจะโดนขโมยถุงเงิน ช่วยไม่ได้ ได้แต่เดินเท้าไปอำเภอฉางหนิง ตอนนี้ข้าเพิ่งเดินมาถึงตำบลเถาหยวน หิวจนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ดังนั้น…”
อวิ๋นซั่วก้มหน้าด้วยความละอายใจ
“ยังดีที่พบพี่สะใภ้เข้า มิเช่นนั้นข้าอาจจะหิวตายตรงนี้ก็ได้”
“เป็นกลุ่มโจรจริงๆ หรือ”
อวิ๋นซั่วส่ายหน้า ก้มหน้าอยู่เช่นนั้น ไม่รู้ว่าหนาวหรือว่าการพูดถึงเรื่องเหล่านี้มันโหดร้ายเกินไป ตัวจึงเริ่มสั่นเบาๆ
“ข้าก็ไม่รู้ กลุ่มโจรพวกนั้นไม่เพียงแต่ขโมยของไปหมดบ้านตระกูลอวิ๋น แต่ยังไม่เหลือผู้รอดชีวิตไว้แม้แต่คนเดียว ทั้งตระกูลอวิ๋นมีเพียงข้าคนเดียวที่รอดมาอย่างหวุดหวิด”
หลิงอวี้จื้อเงียบ เรื่องนี้เธอไม่เคยได้ยินเลย พอซูเสียนตายแล้ว เซียวเหยี่ยนก็ไม่ได้เอ่ยถึงตระกูลอวิ๋นอีก เห็นได้ชัดว่าไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลอวิ๋นอีก ตอนนี้ตระกูลอวิ๋นทนทุกข์กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าเซียวเหยี่ยนจะรู้เรื่องหรือยัง
“เจ้าดูภาพเหมือนของข้าได้อย่างไร”
“ที่สำนักวิชาหงเต๋อมีเพื่อนร่วมชั้นชื่อหลิงจื่อหรง ข้ากับเขาพักอยู่ห้องเดียวกัน พอรู้จักพื้นเพของข้าแล้ว ข้าก็ได้ยินเขาพูดถึงเจ้าบ่อยๆ บอกว่าเจ้าเป็นพี่สาวที่น่าสนใจมาก ข้าใคร่รู้ว่าหน้าตาของเจ้าเป็นอย่างไร เขาจึงเอาภาพเหมือนของเจ้าให้ข้าดู”
อวิ๋นซั่วอธิบายที่มาที่ไปอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ซ้ำยังไม่มีตรงไหนไม่สมเหตุสมผล เธอจะเชื่อคำพูดของอวิ๋นซั่วไปก่อน นึกไม่ถึงเลยว่าเขากับหลิงจื่อหรงจะพักห้องเดียวกัน เช่นนี้ดูเหมือนจงใจจัดแจงไว้ สองคนนี้มีวาสนาต่อกันจริงๆ
หลิงอวี้จื้อเห็นอวิ๋นซั่วหนาวมาก และไม่ได้ถามอะไรอีก ไม่นานก็พาอวิ๋นซั่วไปพักในบ้านพัก หลิงอวี้จื้อต้มน้ำร้อนให้เขา ส่วนชุนเหนียงออกไปหาเสื้อผ้าหนาๆ มาให้อวิ๋นซั่ว
อาบน้ำแล้ว อวิ๋นซั่วก็เปลี่ยนเป็นเสื้อกันหนาวบุนวมสีฟ้าท้องฟ้า ยืนตรงหน้าหลิงอวี้จื้อท่าทางเขินอายอยู่บ้าง แล้วเรียกเธอคำหนึ่งว่าพี่สะใภ้
หลิงอวี้จื้อพินิจพิเคราะห์อวิ๋นซั่ว เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ตาสองชั้น ผิวก็ขาวมาก ท่าทางมีความกังวลซึ่งมองแทบไม่เห็น หากอยู่ที่โรงเรียน ก็ถือว่าเป็นหนุ่มหล่อระดับเดือนโรงเรียนได้เลยทีเดียว คงจะมีสาวๆ ไล่ตามเป็นฝูง
จู่ๆ เธอก็นึกถึงเฉินมั่วฉือ ดึงคนมาเพิ่มอีกสองสามคน กลายเป็นกลุ่มเอฟโฟร์ได้เลย
“อวี้จื้อดูแล้วยังเด็กกว่าเจ้าเสียอีก เจ้าเรียกพี่สะใภ้ไม่กระดากปากหรือ”
มู่หรงนี่อวิ๋นแค่รู้สึกว่าคำว่าพี่สะใภ้ช่างบาดหูเหลือเดิน ถึงแม้ว่าจะเป็นความจริงไม่ช้าก็เร็ว แต่อย่างน้อยตอนนี้ยังไม่ใช่
“นางเป็นพี่สะใภ้ข้าอยู่แล้ว คุณชายมู่หรง ข้าอยากคุยกับพี่สะใภ้ข้าตามลำพัง เจ้าออกไปได้แล้ว”
มู่หรงนี่อวิ๋นนั่งลงบนเก้าอี้หัวโล้นข้างหลิงอวี้จื้อ
“ข้าจะไม่ไปเสียอย่าง”
“เจ้า…”
อวิ๋นซั่วโกรธมู่หรงนี่อวิ๋นจนเดี๋ยวหน้าแดงเดี๋ยวหน้าขาว
“พวกเจ้าทั้งสองคนกลับไปห้องตัวเองเถิด ข้าอยากพักผ่อนแล้ว”
หลิงอวี้จื้อแค่รู้สึกปวดหัว เมื่อคืนเธอไม่ได้นอนทั้งคืน วันนี้ก็ต้องรีบเดินทางทั้งวัน ยังต้องรอข่าวคราวจากมั่วชิงอีก ไม่ว่างมาฟังสองคนนี้ทะเลาะกันจริงๆ
เห็นหลิงอวี้จื้อมีสีหน้าเหนื่อยล้า มู่หรงนี่อวิ๋นก็รู้ว่าเธอยังไม่ได้พักผ่อนดี รู้สึกเป็นห่วงแล้วเตือนว่า
“เจ้านอนพักสักหน่อย ท่านอ๋องไม่เป็นอะไรหรอก ไม่ต้องคิดฟุ้งซ่าน”
“ข้าดูเหมือนคนคิดฟุ้งซ่านหรือ”
หลิงอวี้จื้อหาวหนึ่งครั้ง
มู่หรงนี่อวิ๋นไม่ได้พูดอะไรอีก ถลึงตาใส่อวิ๋นซั่วปราดหนึ่งแล้วก็ออกไปก่อน เห็นมู่หรงนี่อวิ๋นไปแล้ว อวิ๋นซั่วก็ลุกขึ้นด้วย
“อย่างนั้นพรุ่งนี้ข้าค่อยมาหาพี่สะใภ้ใหม่”
ตอนที่ 369 บนโลกนี้ไม่มีหลิงอวี้จื้อแล้ว
“รีบกลับห้องไปพักผ่อนเถิด! หากท้องหิว ก็ให้ชุนเหนียงทำอะไรให้กินสักหน่อย ข้าไม่อยากขยับตัวแล้วจริงๆ”
หลิงอวี้จื้อโบกมือ ยิ้มหวานให้อวิ๋นซั่ว
เมื่อได้สัมผัสรอยยิ้มของหลิงอวี้จื้อแล้ว อวิ๋นซั่วก็หลบไปอย่างไว เหตุใดนางไม่เหมือนกับที่พวกเขาพูดไว้เลย ดูเหมือนจะเป็นคนจิตใจดีมาก ไม่สิ อย่าให้นางมาหลอกได้
หลิงอวี้จื้อเหนื่อยเหลือเกิน คิดว่าเขาแค่เป็นคนขี้อาย ไม่มีแรงจะคิดอะไรมาก นอนเหยียดแผ่บนเตียง ในสมองมีแต่เซียวเหยี่ยน ไม่รู้ว่าเฟิงอิ๋นให้เซียวเหยี่ยนกินสมุนไพรเซียนหลินจือหรือยัง ตอนนี้เขาฟื้นแล้วหรือยัง
คิดไปคิดมา แล้วก็หลับสนิทไปในที่สุด
เฟิงอิ๋นถือสมุนไพรเซียนหลินจือยืนข้างเตียงเซียวเหยี่ยน จ้องมองเซียวเหยี่ยนที่นอนสลบไสลอยู่
มองอยู่เนิ่นนาน นางก็นั่งยองๆ ลงข้างเตียง มองเซียวเหยี่ยน
“เซียวเหยี่ยน เจ้ารู้หรือไม่ ตอนนี้ชีวิตของเจ้าอยู่ในกำมือของข้าแล้ว เจ้าไม่อยากข้องเกี่ยวกับข้า สุดท้ายก็ยังต้องพึ่งพาข้าให้ช่วยชีวิตเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะยินยอมหรือไม่ พอเจ้าลืมตาขึ้นมา คนแรกที่เจ้าจะเห็นก็คือข้า พระชายาน้อยของเจ้าโดนข้าไล่ตะเพิดไปแล้ว”
เซียวเหยี่ยนที่อยู่บนเตียงมีใบหน้าขาวซีดจนน่าตกใจ นางก็ไม่กล้าปล่อยเวลานานเกินไป หยิบสมุนไพรเซียนหลินจือออกมาจากอกเสื้อ กำลังจะป้อนให้เซียวเหยี่ยน แล้วก็หยุดทันใด
ไม่ถูก การเอาสมุนไพรเซียนหลินจือมาคราวนี้ราบรื่นเกินไป พอพวกเซียวเหยี่ยนออกไปจากสำนักอู๋จี๋แล้ว เจียงสือก็ไม่ได้จัดการนาง ซ้ำยังปล่อยนางมาอีก เช่นนี้ผิดปกติเกินไปหน่อย
ภายในสำนักอู๋จี๋มีสมุนไพรเซียนหลินจืออยู่เพียงสองต้น นางหยิบมาต้นหนึ่งอย่างง่ายดาย สมุนไพรเซียนหลินจือนี้จะมีปัญหาอะไรหรือไม่
คิดถึงตรงนี้ เฟิงอิ๋นก็ลังเล หากสมุนไพรเซียนหลินจือนี้มีปัญหาขึ้นมา เซียวเหยี่ยนกินเข้าไปแล้วจะตายหรือไม่
ไม่ว่าอย่างไร นางก็ไม่อยากให้เซียวเหยี่ยนตาย
คิดถึงตรงนี้ นางก็เก็บสมุนไพรเห็นหลินจือต้นนี้ไป เตรียมจะกลับไปสำนักอู๋จี๋เพื่อเด็ดสมุนไพรเซียนหลินจืออีกต้น
ครั้งนี้นางระวังมากขึ้นกว่าครั้งที่แล้ว เด็ดสมุนไพรเซียนหลินจือมาได้ก็ออกไปจากสำนักอู๋จี๋ตลอดทั้งคืน เปรียบเทียบสมุนไพรเซียนหลินจือสองต้นอย่างละเอียด ก็ไม่เห็นว่ามีอะไรไม่เหมือนกัน
เพื่อความปลอดภัย สุดท้ายนางก็ให้เซียวเหยี่ยนกินสมุนไพรเซียนหลินจือต้นหลัง ส่วนต้นแรกนั้น ถึงเวลาค่อยให้หลิงอวี้จื้อกิน จะเกิดผลอย่างไร ก็ต้องรอดูโชคของนาง
คิดถึงตรงนี้ เฟิงอิ๋นก็หัวเราะเยือกเย็น
เมื่อกินสมุนไพรเซียนหลินจือแล้ว ผ่านไปสักครู่เซียวเหยี่ยนก็ฟื้นขึ้นมา เฟิงอิ๋นยืดหลังตรง มองเซียวเหยี่ยนตาไม่กระพริบ รอเขาตื่นขึ้นมา นางอยากให้เซียวเหยี่ยนเห็นนางเป็นอันดับแรก
“อวี้จื้อ…”
เซียวเหยี่ยนยังไม่ตื่นดี เรียกชื่อหลิงอวี้จื้อเป็นอันดับแรก
“เซียวเหยี่ยน เจ้ามองให้ชัดๆ ข้าคือใคร”
เฟิงอิ๋นเอ่ยอย่างเย็นชา ตอนแรกเห็นเซียวเหยี่ยนฟื้นขึ้นมา นางดีใจมาก เพิ่งเตรียมจะพุ่งเข้าไปหา จากนั้นก็ได้ยินเสียงเขาเรียกชื่อ เหมือนโดนราดน้ำเย็นใส่หัว เย็นวาบทั่วตัวในพริบตา
ได้ยินเสียงเฟิงอิ๋น เซียวเหยี่ยนก็ตื่นเต็มตาทันที ขมวดคิ้วถามว่า
“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
“ข้าเป็นคนช่วยชีวิตเจ้า ข้าก็ต้องอยู่ที่นี่สิ เซียวเหยี่ยน เจ้าปฏิบัติเช่นนี้กับผู้มีพระคุณหรือ ไม่ว่าเจ้าจะต้องการหรือไม่ เจ้าก็เป็นหนี้ชีวิตข้า”
เซียวเหยี่ยนเข้าใจแน่นอนว่าเกิดอะไรขึ้น ถามต่อว่า
“อวี้จื้อเล่า”
“นางไปแล้ว”
ได้ยินว่าหลิงอวี้จื้อไปแล้ว เซียวเหยี่ยนก็ฝืนตัวลุกขึ้นนั่ง ปากแผลปริในพริบตา เขาเดินไปตรงหน้าเฟิงอิ๋น แววตาหมายจะฆ่าอย่างเต็มที่
“นางอยู่ที่ไหน”
“นางขอร้องให้ข้าช่วยชีวิตเจ้า ข้าบอกนางว่า ให้เอาชีวิตนางมาแลก นางตกลง กินยาพิษและจากไปแล้ว คำนวณเวลาดู นางคงพิษกำเริบแล้ว เซียวเหยี่ยน บนโลกนี้ไม่มีหลิงอวี้จื้ออยู่อีกแล้ว”
ตอนที่ 370 ชีวิตนี้ข้าคืนให้เจ้า
เฟิงอิ๋นเห็นเซียวเหยี่ยนอาลัยอาวรณ์ถึงหลิงอวี้จื้อขนาดนี้ ในใจก็ยิ่งโมโห จึงได้พูดเช่นนี้ออกมา
ด้วยอารมณ์โมโหและร้อนรน เซียวเหยี่ยนพ่นเลือดพรืดออกมาคำใหญ่ ร่างกายโงนเงนจะล้ม
เฟิงอิ๋นนึกไม่ถึงว่าปฏิกิริยาของเขาจะรุนแรงเช่นนี้ เพิ่งคิดจะยื่นมือไปประคองเซียวเหยี่ยน ทันใดนั้นเซียวเหยี่ยนก็จับคอของเธอ ดวงตาแดงก่ำ
“ชีวิตของข้า เจ้าไม่จำเป็นต้องมาช่วย เฟิงอิ๋น เจ้านึกว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้าหรือ”
ถึงแม้เซียวเหยี่ยนจะบาดเจ็บ แต่มือก็ยังมีแรงอยู่ เห็นเซียวเหยี่ยนที่หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว หมดความสุขุมไปเสียสิ้น เฟิงอิ๋นก็ตะลึง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เห็นเซียวเหยี่ยนเสียการควบคุม หนำซ้ำยังเป็นเพราะผู้หญิงคนเดียว นึกไม่ถึงว่าเขาจะชอบหลิงอวี้จื้อขนาดนี้ อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ผู้ยิ่งใหญ่ รักคนคนหนึ่งเช่นนี้ ช่างน่าขัน
ตะลึงงันไปชั่วครู่ เฟิงอิ๋นก็เริ่มหายใจไม่ออก นางสลัดออกจากเซียวเหยี่ยนอย่างแรง
เห็นเซียวเหยี่ยนถอยหลังติดกันสองสามก้าว มุมปากมีแต่เลือด จะล้มไปตอนไหนก็ได้ ในใจนางรู้สึกสับสน เห็นๆ อยู่ว่าอยากฆ่าเซียวเหยี่ยนเสียทันที ตอนนี้ก็เป็นโอกาสดีที่สุดแล้ว แต่สุดท้ายก็อดสงสารไม่ได้
“เซียวเหยี่ยน ตอนนี้เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าเสียด้วยซ้ำ ข้าสามารถส่งเจ้าไปพบหลิงอวี้จื้อได้เลย”
ใจทำไม่ลง แต่ปากกลับพูดจาไม่ปรานี
เซียวเหยี่ยนยืนไม่อยู่แล้ว ทรุดลงนั่งบนพื้น ปิดตาลง ไม่ขยับเขยื้อน ใจสงบลงอย่างสมบูรณ์
“ข้าไม่ต้องการสมุนไพรเซียนหลิงจือของเจ้า ชีวิตนี้ข้าคืนให้เจ้า”
“เจ้าอยากตายเช่นนี้หรือ”
เฟิงอิ๋นมองเซียวเหยี่ยนอย่างไม่อยากเชื่อ
“ชีวิตที่แลกมาด้วยชีวิตของหลิงอวี้จื้อ ไม่เอาหรอก”
“เซียวเหยี่ยน เจ้าทำเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งเช่นนี้ คุ้มค่าหรือ”
นี่เป็นคำถามที่เฟิงอิ๋นอยากถามเซียวเหยี่ยนที่สุด ใครๆ ก็สามารถถลำลงไปในรักที่ลึกซึ้งได้ แต่นึกไม่ออกเลยว่าเซียวเหยี่ยนผู้เย็นชาจะชอบได้มากขนาดนี้
ไม่เพียงชอบ แต่ยังรักลึกซึ้ง เพื่อหลิงอวี้จื้อแม้แต่ชีวิตก็ไม่เอา ไม่ใช่เซียวเหยี่ยนคนที่นางรักใคร่ชื่นชมเช่นเมื่อก่อนแล้ว
นอกจากความโกรธแล้ว ในใจเฟิงอิ๋นก็แอบรู้สึกผิดหวัง เซียวเหยี่ยนไม่ควรเป็นเช่นนี้ เขาควรจะสูงส่งจนคนต้องเงยหน้ามอง แม้จะชอบใครสักคนก็ต้องมีขีดจำกัด จะปล่อยให้จิตใจปั่นป่วน สูญเสียความสงบนิ่งไม่ได้
“ไม่ว่าทำอะไรให้นางก็ล้วนคุ้มค่าทั้งสิ้น”
เซียวเหยี่ยนแสดงความรู้สึกที่มีต่อหลิงอวี้จื้อต่อหน้าคนอื่นเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้เขาวู่วามเกินไปจริงๆ ถึงขนาดเชื่อคำของเฟิงอิ๋นฝ่ายเดียว นึกว่าหลิงอวี้จื้อเสียชีวิตไปแล้วจริงๆ
ชั่วพริบตานั้นในสมองมีแต่ความว่างเปล่า ราวกับมีอะไรถูกดึงออกมาจากภายในร่างกาย ทำให้เขาคิดวิเคราะห์ไม่ได้
ราวกับว่าอะไรก็ไม่สำคัญแล้ว หากไม่ได้ประสบเหตุการณ์ด้วยตนเองมาก่อน เขาก็ไม่รู้เลยว่าสำหรับเขาแล้ว หลิงอวี้จื้อสำคัญต่อเขาเหนือทุกสิ่ง เป็นคนที่ไม่ว่าอย่างไรก็สูญเสียไปไม่ได้
โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ก็รักเข้ากระดูกเสียแล้ว
พอตอนนี้สงบลงได้ เขาจึงรู้ว่าเฟิงอิ๋นอาจจะพูดโกหก เรื่องนี้เขาต้องสืบรู้ให้กระจ่าง
เฟิงอิ๋นไม่เอ่ยอะไรอยู่นาน ก่อนหน้านี้นางรู้สึกเกลียดแค้นและไม่ยินยอม เมื่อเห็นเซียวเหยี่ยนปฏิบัติต่อหลิงอวี้จื้อเช่นนี้ นางก็รู้สึกเหมือนจะถอดใจ เริ่มเข้าใจว่าไม่ว่านางจะทำอะไร เซียวเหยี่ยนก็จะไม่มองมาสักครั้ง ถึงแม้ลืมตาขึ้นมา คนที่เห็นจะเป็นนาง แล้วอย่างไร เซียวเหยี่ยนก็ยังคงเห็นนางเป็นอากาศธาตุ
ยิ่งเขารักหลิงอวี้จื้อลึกซึ้งมากเท่าไหร่ ก็ไร้เยื่อใยกับนางมากเท่านั้น
“นางยังไม่ตาย แต่จากไปแล้ว เจ้าอยากไปหานางก็ไปเถิด ข้าไม่รู้ว่านางไปไหน
เซียวเหยี่ยน ข้าชอบเจ้ามาตั้งหลายปีแล้ว ข้ายอมรับ ข้าเป็นคนไล่หลิงอวี้จื้อไป เป็นเพราะในใจยังคงมีหวังอยู่สักหน่อย ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไม่มีทางชอบข้า ข้าก็หักใจฆ่าเจ้าไม่ลง”
ตอนที่ 371 จากนี้เป็นต้นไป ข้าจะไม่มากวนใจเจ้าอีก
“เดิมทีอยากจะลงมือกับพระชายาน้อยของเจ้า คิดไปคิดมาไม่จำเป็นแล้ว ถึงตอนนั้นเจ้าก็คงจะมาแก้แค้นข้า หากได้ตายด้วยน้ำมือเจ้า ข้าก็คงจะตายตาไม่หลับ
เจ้าวางใจเถิด จากนี้เป็นต้นไป ข้าจะไม่มากวนใจเจ้าอีก มีประโยคหนึ่งที่พระชายาน้อยของเจ้าพูดถูกมาก
ใต้หล้านี้มีผู้ชายตั้งมากมาย เหตุใดข้าต้องคอยเกาะแกะเจ้าไม่ปล่อย ชีวิตนี้เจ้าไม่ต้องคืนข้า เมื่อก่อนข้าเคยวางยาเจ้า เราสองคนถือว่าหายกัน ข้าเคยบอกหลิงอวี้จื้อ ว่าจะให้เจ้ากินสมุนไพรเซียนหลินจือเพียงครึ่งหนึ่ง แต่ที่จริงข้าให้เจ้ากินหมดแล้ว”
เฟิงอิ๋นพูดจบก็เตรียมจะจากไป ครั้งนี้นางตัดสินใจแล้วจริงๆ ต่อไปจะไม่มายุ่งกับเซียวเหยี่ยนอีก มาวนเวียนอยู่เช่นนี้นอกจากจะทำให้ตนเองยิ่งเจ็บ ยิ่งหมดหวังแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีก
เมื่อก่อนนางไม่เคยนึกเสียใจ นึกอยู่เสมอว่าถ้าตนเองใช้วิธีต่างๆ มากขึ้นอีกหน่อยก็คงได้ใจเซียวเหยี่ยนมา
ตอนนี้วิธีการใดที่ควรใช้นางก็ใช้หมดแล้ว เซียวเหยี่ยนก็ยังคงไม่รู้สึกรู้สาเช่นเดิม แม้ว่าจะพลาดขั้นตอนการไหว้ฟ้าดินไป บางทีนั่นอาจจะเป็นลิขิตสวรรค์ ก่อนหน้านี้นางรับไม่ได้ ตอนนี้นางรับได้แล้ว นับว่าเป็นการปลดปล่อยตัวเอง
เมื่อเดินไปถึงธรณีประตู เฟิงอิ๋นก็หยุดเดิน ไม่หันกลับมา
“รักษาตัวด้วย เซียวเหยี่ยน”
พูดจบก็อันตรธานหายไปจากห้อง
มั่วชิงแอบอยู่ใกล้ๆ เมื่อเฟิงอิ๋นไปแล้ว นางก็รีบเข้าไปประคองเซียวเหยี่ยน
“ท่านอ๋อง ไม่เป็นอะไรนะเพคะ!”
“หลิงอวี้จื้ออยู่ที่ใด”
“คุณหนูอยู่ที่ตำบลเถาหยวน ท่านอ๋องสบายใจได้ คุณหนูไม่เป็นอะไรเพคะ”
“พาข้าไปหานาง”
เซียวเหยี่ยนฝืนยันตัวพูด ตอนนี้เขาอยากเจอหลิงอวี้จื้อเร็วขึ้น
“ท่านอ๋อง แผลของท่านปริแล้วเพคะ จัดการแผลให้ดีก่อนดีกว่าเพคะ พรุ่งนี้เช้าค่อยไปตำบลเถาหยวน”
มั่วชิงลองโน้มน้าวเซียวเหยี่ยน
“ไม่ต้องพูดมาก นี่คือคำสั่ง ไปตอนนี้”
น้ำเสียงของเซียวเหยี่ยนบ่งบอกชัดเจน ในใจเขามีความรู้สึกอยากเจอหน้าหลิงอวี้จื้ออย่างรุนแรง
มั่วชิงเห็นเสื้อผ้าบริเวณท้องของเซียวเหยี่ยนมีเลือดไหลโชก นางรู้ว่าบาดแผลของเซียวเหยี่ยนปริหมดแล้ว กังวลว่าเซียวเหยี่ยนจะเป็นอะไรไป เห็นอยู่ว่าโน้มน้าวไม่ได้ จึงกดจุดให้เซียวเหยี่ยนสลบไปเสียเลย
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ ทางคุณหนูปลอดภัยดีทุกอย่าง ท่านไม่ต้องกังวล”
มั่วชิงพูดจบก็ประคองเซียวเหยี่ยนไปนอนบนเตียง แล้วเรียกอู่จิ้นเข้ามา ช่วยกันเปลี่ยนยาให้เซียวเหยี่ยน
เฟิงอิ๋นกลับสำนักอู๋จี๋ไปแล้ว กำลังคิดจะกลับห้องตนเอง ก็ถูกคนของเจียงสือเรียกตัวไป ดึกขนาดนี้แล้วเจียงสือยังอยากเจอนาง ในใจเฟิงอิ๋นมีลางสังหรณ์ไม่ดี เมื่อพบเจียงสือแล้ว ก็คุกเข่าคารวะเจียงสือด้วยความเคารพทันที
เจียงสือพิงเก้าอี้ น้ำเสียงปกติ
“ไปพบเซียวเหยี่ยนมาหรือ”
“เจ้าค่ะ”
เฟิงอิ๋นไม่กล้าปฏิเสธ ได้แต่ยอมรับไป
จู่ๆ เจียงสือก็ตบแขนเก้าอี้อย่างแรง แรงมือของนางเยอะมาก แขนเก้าอี้แตกตามเสียง
เศษแขนเก้าอี้ที่แตกกระเด็นโดนหน้าเฟิงอิ๋นทันใด ใบหน้าขาวผ่องโดนกรีดเป็นรอยเลือดสองสามแผล เฟิงอิ๋นไม่กล้าหลบหนี และไม่กล้าขยับ ได้แต่คุกเข่าตัวตรงบนพื้น
“เฟิงอิ๋น ข้าหวังกับเจ้าไว้มาก เจ้านับวันจะยิ่งกล้าเหลือเกิน สำนักอู๋จี๋มีสมุนไพรเซียนหลินจือเพียงสองต้น เจ้าหยิบไปต้นหนึ่งไม่ว่า นี่เด็ดไปหมดสองต้น เจ้าหลงคิดว่าตนเองเป็นเจ้าของสำนักอู๋จี๋จริงๆ หรือ”
คราวนี้เฟิงอิ๋นยิ่งมั่นใจว่าตนเองสันนิษฐานไว้ไม่ผิด สมุนไพรเซียนหลินจอต้นนั้นมีปัญหาจริงๆ
“ศิษย์ไม่กล้าเจ้าค่ะ ศิษย์แค่ไม่อยากให้เซียวเหยี่ยนตาย”
“เจ้ารอบคอบจริงๆ ไม่กล้าให้เซียวเหยี่ยนกินสมุนไพรเซียนหลินจือต้นแรก เจ้ารู้ดีว่าเซียวเหยี่ยนเป็นศัตรูของสำนักอู๋จี๋ เจ้ายังวิ่งแจ้นไปช่วยชีวิตเขา เจ้าเคยเห็นอาจารย์อยู่ในสายตาบ้างหรือไม่
สมุนไพรเซียนหลินจือต้นนั้นยังอยู่ที่เจ้าแน่นอน ข้าให้โอกาสเจ้าครั้งสุดท้าย เอาสมุนไพรเซียนหลินจือต้นนั้นไปให้ชุนเหนียง ให้ชุนเหนียงนำสิ่งนี้ไปใส่ในอาหารของเซียวเหยี่ยน หากพวกเจ้าทำเรื่องนี้สำเร็จ ข้าก็จะปล่อยพวกเจ้า มิเช่นนั้นเจ้าคงรู้ดีว่าผลจะเป็นอย่างไร”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น