หวนแค้นชะตารัก 362-369
ตอนที่ 362 ยอมตายไม่ยอมให้ใครข่มเหง
นางขึ้นไปนอนบนเตียง เนื้อตัวร้อนรุ่มขึ้นเรื่อยๆ จนรู้สึกไม่สบายตัว ทึ้งเสื้อผ้าออก
นางพยายามใช้สติควบคุมตัวเอง ผิวหนังร้อนผ่าว หน้าผากมีเหงื่อเม็ดเล็กผุดออกมา ไหลผ่านร่องแก้ม
จู่ๆ ประตูห้องก็เปิดออก จากนั้น ซูจิ่วซือก็เห็นจงมั่วเจียง นางกัดริมฝีปากแน่น สีหน้าแดงก่ำ แก้มมีเหงื่อหยดตลอดเวลา ดูมีเสน่ห์เย้ายวน
จงมั่วเจียงยืนอยู่หน้าซูจิ่วซือ ก้มลงมองซูจิ่วซือ “แม่หนู เจ้ารู้สึกไม่สบายใช่ไหม”
“เจ้าเอาอะไรให้ข้ากิน” ซูจิ่วซือใช้สองมือจับผ้าห่มแน่น เส้นเอ็นที่มือโปนออกมา พยายามควบคุมตัวเองอย่างเต็มที่
จงมั่วเจียงคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าซูจิ่วซือ ยื่นมือจะไปลูบแก้มซูจิ่วซือ ยังไม่ทันสัมผัสก็ถูกซูจิ่วซือผลักออก นางขยับตัวให้ห่างจากจงมั่วเจียง ไม่ให้จงมั่วเจียงเข้าใกล้
“เจ้าเป็นคนฉลาด คงเดาออกว่าข้าให้เจ้ากินอะไร แม่หนู อย่าโทษข้าเลย ข้าแค่อยากให้เจ้าอยู่กับข้า เจ้าดึงดันจริงๆ ข้าไม่มีทางอื่น วางใจเถอะ ข้าจะรักใคร่ดูแลเจ้าตลอดชีวิต ชดใช้ที่ข้าข่มเหงเจ้าคราวนี้ ได้ไหม”
ซูจิ่วซือกัดฟัน เพราะออกแรงมากเกินไป ริมฝีปากจึงมีเลือดไหล นางถลึงตาใส่จงมั่วเจียง “ข้าไม่ต้องการให้เจ้าชดใช้ จงมั่วเจียง เจ้าคนชั่วช้าเลวทราม ฆ่าข้าเสียเถอะ ข้าไม่มีวันอยู่กับเจ้าเด็ดขาด”
“ข้าจะตัดใจฆ่าเจ้าได้อย่างไร จิ่วซือ ไม่ว่าเจ้าจะโกรธข้าอย่างไร วันนี้เจ้าต้องเป็นของข้า ข้าไม่มีวันให้เจ้าแต่งงานกับฟู่เฉินหรง เจ้าอยู่กับเขาอย่างมากก็เป็นแค่ชายารอง เฟิงชิงสุ่ยมีความหมายสำหรับเขามาก เขาไม่มีวันทิ้งเฟิงชิงสุ่ยเพื่อเจ้า เจ้าตื่นได้แล้ว!”
จงมั่วเจียงพูดจบก็เตรียมจะเข้าใกล้ซูจิ่วซืออีก ซูจิ่วซือซึ่งนั่งอยู่บนเตียงผุดลุกขึ้นทันที ใช้สติเท่าที่มีอยู่พุ่งเข้าใส่มุมโต๊ะอย่างสุดแรง
เกิดเสียงดังโครม ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงประดังเข้ามา พอถึงตอนนี้ซูจิ่วซือก็ได้สติ
ครั้งนี้นางกระแทกอย่างหนัก หน้าผากเป็นแผลมีเลือดออก เลือดสดๆ ไหลลงมาไม่ขาดระยะ หยดลงบนโต๊ะและที่พื้น
พอถึงตอนนี้นางลืมตาไม่ขึ้น รู้สึกเวียนหัว ได้แต่จับโต๊ะประคองตัวไว้
จงมั่วเจียงนึกไม่ถึงว่าซูจิ่วซือจะพุ่งเข้าชนอย่างนี้ เขาตะลึงมองซูจิ่วซือ รีบถลาเข้าไปพยุงซูจิ่วซือ ความรู้สึกตื่นเต้นหดหายทันที ถามด้วยสีหน้าเย็นเยียบ “เจ้าอยู่กับข้าเจ็บปวดอย่างนี้เชียวหรือ ถึงกับยอมตายไม่ยอมอยู่”
“ไม่ว่าใครก็บังคับข้าไม่ได้”
ซูจิ่วซือเวียนหัวอย่างรุนแรง ฝืนพูดออกมา พูดจบก็เป็นลมล้มลง
จงมั่วเจียงอุ้มซูจิ่วซือขึ้นมา วางนางลงบนเตียง หยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดหน้าผากให้ซูจิ่วซือ จากนั้นก็ให้คนไปตามหมอ
หน้าผากของซูจิ่วซือมีเลือดสดๆ ไหลตลอดเวลา มือของจงมั่วเจียงเต็มไปด้วยเลือดของซูจิ่วซือ สีแดงสะดุดตา
เขารู้ว่าซูจิ่วซือเป็นคนเข้มแข็ง จึงวางยาแรง นึกไม่ถึงว่าซูจิ่วซือจะใช้วิธีนี้ต้านฤทธิ์ยา นางเข้มแข็งมากกว่าที่เขาคาดคิด
เป็นผู้หญิงที่ยอมตายไม่ยอมแพ้จริงๆ พอถึงตอนนี้เขาจึงเข้าใจทันที หากซูจิ่วซือไม่ยอมอยู่ ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีใดก็ไม่อาจทำให้ซูจิ่วซืออยู่ได้ สุดท้ายก็เท่ากับบีบให้นางฆ่าตัวตาย
——
ตอนที่ 363 ไม่มีทางเลือก
เขาไม่อาจตัดใจให้ซูจิ่วซือตายได้ เขาจึงไม่มีทางเลือก
สวรรค์ทำไมให้เขามาพบผู้หญิงที่ใจแข็งอย่างนี้
ครู่หนึ่งหมอยาก็หิ้ว**บยาเข้ามา จงมั่วเจียงรีบลุกขึ้น น้ำเสียงร้อนใจ “รีบมาดูนาง”
หมอยาดูออกว่าจงมั่วเจียงเครียด จึงไม่กล้าชักช้า รีบวาง**บยาแล้วจับชีพจรให้ซูจิ่วซือ หลังจากจับชีพจรตรวจบาดแผลแล้ว หมอยาก็พูดกับจงมั่วเจียงอย่างนอบน้อม “เจ้าสำนักไม่ต้องวิตก บาดแผลไม่เป็นอันตราย พักผ่อนสักระยะก็หาย”
จงมั่วเจียงจึงวางใจ หมอยารีบพันแผลให้ซูจิ่วซือ
ซิ่วหลานเห็นตัวจงมั่วเจียงมีรอยเลือด จึงเตือนขึ้น “เจ้าสำนัก ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ! บ่าวจะอยู่ดูแลที่นี่”
จงมั่วเจียงชำเลืองมองซิ่วหลานแวบหนึ่ง น้ำเสียงรำคาญ “เจ้าเป็นคนออกความคิด”
“บ่าวสมควรตาย”
ซิ่วหลานไม่กล้าโต้แย้ง รีบคุกเข่าลงกับพื้นขอโทษ
จงมั่วเจียงไม่ได้บอกให้ซิ่วหลานลุกขึ้น และไม่ได้ออกไปจากห้อง เฝ้าดูอยู่ข้างๆ มองดูหมอยาพันแผลให้ซูจิ่วซือ จนกระทั่งหมอยาจัดการบาดแผลเสร็จ เขาจึงออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
จงมั่วเจียงเป็นห่วงซูจิ่วซือ จึงรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ตอนที่กลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง ซิ่วหลานยังคงคุกเข่าอยู่ที่พื้น เขาโบกมืออย่างรำคาญ “ออกไป!”
“เจ้าค่ะ บ่าวขอลา”
ซิ่วหลานคุกเข่าตั้งนาน ขาทั้งสองชาไปหมด
นางฝืนตัวลุกขึ้น ก่อนไปยังมองซูจิ่วซืออีกครั้งหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าซูจิ่วซือจะยอมตาย จนจงมั่วเจียงระบายความโกรธใส่นาง เวลานี้นางอยากให้ซูจิ่วซือออกไปจากที่นี่ให้เร็วขึ้น
จงมั่วเจียงเดินเข้ามาหา แล้วนั่งที่ขอบเตียง ซูจิ่วซือยังสลบอยู่ ศีรษะมีผ้าพันไว้ เขาตะลึงมองซูจิ่วซือ ถอนหายใจอย่างหนัก “เจ้าชอบฟู่เฉินหรงขนาดนี้เชียวหรือ เขามีอะไรดีจนเจ้าต้องทุ่มเทชีวิตให้ เพื่อรักษาพรหมจรรย์ เจ้าสละได้แม้กระทั่งชีวิต”
พูดจบก็เตรียมจะยื่นมือไปลูบหน้าซูจิ่วซือ ขณะที่มือของเขายังไม่ทันแตะถูกใบหน้า ซูจิ่วซือก็ลืมตาขึ้น ขยับตัวหนีตามสัญชาตญาณ
พอเห็นซูจิ่วซือหลบหลีกตนอย่างนี้ จงมั่วเจียงก็รู้สึกปวดร้าวใจ เขาไม่ใช่สัตว์ป่าดุร้าย
“แม่หนู ตื่นแล้วหรือ ยังมีที่ไหนไม่สบายหรือไม่”
จงมั่วเจียงพยายามปรับน้ำเสียงให้อ่อนโยนลง น้ำเสียงนี้ยังระคนความรู้สึกผิด เขานึกไม่ถึงว่าซูจิ่วซือจะขัดขืนอย่างรุนแรงขนาดนี้
“ข้าไม่เป็นไร เจ้าสำนักจงฆ่าข้าเถอะ หรือไม่ก็ออกไป ข้าไม่อยากเห็นเจ้าสำนักจง”
“เจ้ายังโกรธอยู่”
ซูจิ่วซือหลับตา เหมือนไม่มีจงมั่วเจียงอยู่ ไม่ตอบคำถามของจงมั่วเจียง
จงมั่วเจียงลุกขึ้น ยามนี้เขาไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกของตัวเองอย่างไร ทั้งเป็นห่วงทั้งเจ็บปวด และรู้สึกผิด
“ข้าไม่รู้จะหาวิธีใดมาทำให้เจ้าอยู่กับข้า จึงใช้วิธีที่ต่ำทรามอย่างนี้
แม่หนู ข้าไม่ได้คิดจะทำร้ายเจ้าจริงๆ ในเมื่อเจ้าไม่ยอม ข้าก็ไม่บังคับเจ้า รอให้บาดแผลหาย เจ้าออกไปเมื่อไรก็ได้
กำไลที่มือเจ้า เป็นกำไลที่มีความหมายสำหรับอาจารย์ข้ามาก ข้ารู้สึกว่าทั้งหมดนี้เป็นลิขิตฟ้า เจ้าต้องเป็นของข้า นี่เป็นเรื่องที่ข้าคิดไปเอง
เจ้าเป็นผู้หญิงที่ใจเด็ดจริงๆ ไม่ให้โอกาสข้าแม้แต่น้อย
ข้าไม่รู้ว่าเจ้าชอบอะไรในตัวฟู่เฉินหรง เวลานี้ข้าไม่คิดว่าฟู่เฉินหรงจะมอบความสุขให้เจ้าได้ ถ้าเขายืนยันจะแต่งงานกับเฟิงชิงสุ่ยยกนางเป็นพระชายา เจ้าก็อย่าทำให้ตัวเองลำบาก ถึงเจ้าไม่แต่งงานกับข้า ก็อย่าทำให้ตัวเองลำบาก เจ้าไม่ใช่คนที่จะยอมรับความลำบากใจอย่างนี้”
ตอนที่ 364 ความริษยาของผู้หญิง
พอจงมั่วเจียงพูดจบก็เห็นซูจิ่วซือหลับตาตลอดเวลา ไม่ได้ใส่ใจคำพูดของเขา เขายังคงพูดต่อ “เจ้าพักผ่อนก่อน ข้าจะให้เผยปิงปิงมาอยู่ด้วย”
พูดจบจงมั่วเจียงก็ออกไปจากห้อง แล้วปิดประตู
พอถึงตอนนี้ซูจิ่วซือจึงลืมตาขึ้น รู้สึกเจ็บแผลที่หน้าผากอยู่ลึกๆ ก่อนหน้านี้นางยังไม่ทันรู้สึก คิดแต่จะยับยั้งจงมั่วเจียง
นางไม่อยากตาย แต่ก็ไม่กลัวตาย
ไม่ว่าอย่างไร นางก็ไม่มีวันฝืนตัวเอง ทนรับการข่มเหงและอยู่อย่างฝืนใจไม่ใช่เรื่องที่นางทำได้
อีกสองวัน นางต้องออกจากที่นี่ให้ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไป
จงมั่วเจียงกลับเข้าห้องของตนทันที แล้วเรียกซิ่วหลานมาหา
ซิ่วหลานกลัวว่าจงมั่วเจียงจะระบายความโกรธใส่ตน พอเข้ามาก็รีบคุกเข่าลงกับพื้น “เจ้าสำนักโปรดยกโทษ บ่าวไม่รู้ว่าคุณหนูซูเป็นคนเด็ดเดี่ยวอย่างนี้ ยาแรงขนาดนี้ยังทำอะไรนางไม่ได้”
อย่าว่าแต่ซิ่วหลานที่นึกไม่ถึง จงมั่วเจียงเองก็ยังนึกไม่ถึง ซูจิ่วซือมีสติเข้มแข็งกว่าคนทั่วไป ถ้าเป็นเขาคงต้านไม่ไหว
จงมั่วเจียงแม้ในใจหงุดหงิด แต่ไม่คิดจะโทษซิ่วหลาน สีหน้ายังคงบึ้งตึง
“เจ้าสำนัก ในเมื่อคุณหนูซูใจแข็งอย่างนี้ เจ้าสำนักใช้วิธีทำให้คุณหนูซูสลบ พอถึงตอนนั้นเจ้าสำนักก็ทำตามที่ต้องการได้ คุณหนูซูไม่ขัดขืนแน่”
ซิ่วหลานเห็นจงมั่วเจียงสีหน้าบึ้งตึง คิดว่าจงมั่วเจียงคงจะลงโทษนาง จึงรีบแนะ
“ไม่ต้อง ข้าตัดสินใจปล่อยนางไป จิ่วซือไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา ถึงทำอย่างนี้ก็ไม่มีผลต่อนาง มีแต่ทำให้นางยิ่งเกลียดข้า
ซิ่วหลาน ข้าจะเขียนจดหมายให้ฟู่เฉินหรง ถ้าเขายอมมาที่นี่ด้วยตัวเอง ข้าจะมอบจิ่วซือให้เขา ถือว่าจิ่วซือดูคนไม่ผิด เจ้าช่วยข้าเอาจดหมายไปส่ง”
ซิ่วหลานเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ “เจ้าสำนัก ท่านจะปล่อยคุณหนูซูจริงหรือ?”
“ในเมื่อไม่ยอมอยู่ก็ต้องปล่อย อย่างน้อยจะได้นึกถึงความดีของข้าบ้าง เจ้าออกไปเถอะ!”
ซิ่วหลานรู้ว่าจงมั่วเจียงตัดสินใจแล้ว จึงไม่ได้ถามอะไร นางรีบถอยออกไป
จงมั่วเจียงเขียนจดหมายถึงฟู่เฉินหรง พิสูจน์ได้ว่าเขาชอบซูจิ่วซือจริงๆ
เจ้าสำนักผู้เลือดเย็นไร้ความปราณีกลับใส่ใจความคิดของผู้หญิงคนหนึ่ง
นางรับใช้จงมั่วเจียงอย่างกล้ชิดมาสิบปียังไม่ทำให้จงมั่วเจียงหันมามองนาง ผู้หญิงคนนี้เพิ่งมาไม่กี่วันก็ได้รับความรักจากจงมั่วเจียงอย่างล้ำลึก ทำให้นางอิจฉาซูจิ่วซือมาก
พอออกจากห้อง นางมองจงมั่วเจียงแวบหนึ่ง เห็นจงมั่วเจียงนั่งพิงพนักสีหน้าสิ้นหวัง ท่าทางหดหู่ นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นจงมั่วเจียงแสดงความผิดหวังออกมาอย่างชัดเจน ถ้าซูจิ่วซือจากไปจริงๆ จงมั่วเจียงคงคิดถึงนางตลอดชีวิต
นางต้องทำอะไรสักอย่าง จดหมายฉบับนี้นางไม่อยากส่งให้ฟู่เฉินหรง นางจะส่งให้อีกคนหนึ่ง
ในเมื่อซูจิ่วซือจะไป ก็ไม่ควรไปอย่างนี้ นางต้องการให้ซูจิ่วซือแตกหักกับจงมั่วเจียง มีแต่อย่างนี้จงมั่วเจียงจึงจะไม่คิดถึงซูจิ่วซือมากเกินไป
พอจงมั่วเจียงเอาจดหมายให้ ซิ่วหลานก็ส่งจดหมายไป แต่ไม่ได้ส่งให้ฟู่เฉินหรง กลับส่งให้เฟิงชิงสุ่ย
เมืองชินโจวอยู่ห่างจากเมืองหลวงตูเฉิงไม่ไกล ม้าเร็วทะยานไป สามวันก็ถึง เฟิงชิงสุ่ยเป็นพระราชารัชทายาทในอนาคต นางไม่เชื่อว่าเฟิงชิงสุ่ยจะยอมให้ซูจิ่วซือรอดชีวิตออกไป พอถึงตอนนั้นซูจิ่วซือคงคิดว่าเรื่องนี้เกิดจากการกระทำของจงมั่วเจียง ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็จะแตกหักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นี่เป็นผลตอบแทนที่ซูจิ่วซือไม่เคารพเจ้าสำนักของนาง
——
ตอนที่ 365 ไม่มีคุณสมบัติพอ
จวนแม่ทัพใหญ่สยบปฐพี
เฟิงชิงสุ่ยกำลังเขียนตัวอักษรอยู่ในห้อง ห้องนี้กว้างขวาง แบ่งเป็นชั้นในและชั้นนอก ชั้นในเป็นห้องนอน ชั้นนอกเป็นห้องหนังสือ
ชั้นหนังสือมีตำราพิชัยสงครามและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมากมายวางเรียงอย่างเป็นระเบียบ แม้นางเป็นผู้หญิง แต่สนใจตำราพิชัยสงครามเป็นพิเศษ ตั้งแต่เล็กก็ค้นคว้าตำราพิชัยสงครามกับบิดา เคยนำทหารออกสนามรบ นางมีอำนาจสูงในกองทัพตระกูลเฟิง
บนโต๊ะหนังสือมีกระดาษแผ่นใหญ่วางอยู่ นางถือพู่กัน เขียนอักษรขนาดใหญ่ลงบนกระดาษ ‘เนื้อคู่ฟ้าประทาน’
ตัวอักษรที่นางเขียนไม่อ่อนช้อยเหมือนของผู้หญิงทั่วไป แต่หนักแน่น คล้ายของผู้ชาย ดูทรงพลัง
ชิวซูยืนอยู่ข้างหลังเฟิงชิงสุ่ย มองดูตัวอักษรที่เฟิงชิงสุ่ยเขียน แล้วพูดชม “ตัวหนังสือของคุณหนูสวยขึ้นมาก เกินหน้าอาจารย์แล้ว”
“เจ้าเองก็ปากหวานขึ้นมาก”
“บ่าวพูดความจริงเจ้าค่ะ ใช่สิ คุณหนู องค์หญิงอันผิงออกจากแคว้นเว่ยหลายวันแล้ว คงจะมาถึงเมืองหลวง คุณหนูไม่ทำอะไรเลยหรือเจ้าคะ”
ชิวซูถามด้วยความอยากรู้ นางรู้สึกว่าซูจิ่วซือเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับเฟิงชิงสุ่ย แต่เฟิงชิงสุ่ยดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจซูจิ่วซือ ไม่เคยแม้แต่พูดถึง
เฟิงชิงสุ่ยวางพู่กันในมือลง ก้มหน้าชื่มชมตัวอักษรที่นางเขียน มุมปากเผยรอยยิ้มมั่นใจในตัวเอง “นี่สำหรับข้ากับองค์รัชทายาท ข้ากับเขาถึงจะเป็นเนื้อคู่ฟ้าประทาน
องค์รัชทายาทชอบซูจิ่วซือแล้วจะเป็นอย่างไร ในมือข้ามีอำนาจทหาร ยามที่องค์รัชทายาทประสบอันตราย ข้าสามารถช่วยเขา แต่ซูจิ่วซือทำไม่ได้ พอถึงตอนนั้นนางก็ต้องมาขอร้องข้า นางไม่มีอะไรเหนือกว่าข้า เว้นแต่ว่านางจะมีอำนาจในมือ เจ้าคิดว่าเป็นไปได้หรือ”
“เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วเจ้าค่ะ ที่นี่เป็นแคว้นเจียง องค์หญิงอันผิงไม่มีที่พึ่งพาอาศัย รักษาชีวิตรอดก็ยากอยู่แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างอำนาจขึ้นมา”
เฟิงชิงสุ่ยหัวเราะ “ถูกต้องแล้ว เมืองหลวงไม่ใช่เรือนหลังของตระกูล ฉลาดแค่ไหนพอมาถึงนี่ก็ไร้ความหมาย ไม่มีคนหนุนหลัง นางจะเอาอะไรมาเทียบข้าได้
นางอาจจะเป็นผู้ชนะในเรือนหลัง แต่การจะเป็นพระชายารัชทายาทไม่ใช่เรื่องง่าย เว้นแต่ว่าให้ข้าตายก่อน ไม่เช่นนั้นไม่มีทาง”
เฟิงชิงสุ่ยดูแคลนซูจิ่วซือ นางไม่ปฏิเสธความฉลาดของซูจิ่วซือ ไม่เช่นนั้นคงไม่ใช้เวลาสั้นๆ ก็สามารถเปลี่ยนตัวเองจากเด็กกำพร้าที่ไม่มีใครรู้จักมาเป็นองค์หญิงอันผิง
นางเพียงแต่รู้สึกว่าซูจิ่วซือไม่มีคุณสมบัติที่จะเทียบกับนาง ในมือนางมีสิ่งที่ซูจิ่วซือไม่มีแม้แต่ในฝัน
สักวันหนึ่งฟู่เฉินหรงจะเข้าใจ ฐานะตำแหน่งมีความสำคัญกว่าความรักมาก เขาจะรู้ว่านางมีความสำคัญสำหรับเขาเพียงไร
“คุณหนูพูดถูกต้อง บ่าววิตกเกินไปเจ้าค่ะ”
ชิวซูพยักหน้า รู้สึกว่าคำพูดของเฟิงชิงสุ่ยมีเหตุผล ซูจิ่วซือไม่มีคุณสมบัติที่จะเทียบกับคุณหนูของนางได้
มิน่าคุณหนูของนางจึงไม่ใส่ใจซูจิ่วซือสักนิด
พอนึกถึงท่าทีของฟู่เฉินหรงที่มีต่อซูจิ่วซือ ชิวซูก็อดเตือนไม่ได้ “คุณหนู แม้จะเป็นอย่างนี้ แต่องค์รัชทายาทชอบองค์หญิงอันผิงจริงๆ นะเจ้าคะ
แม้นางไม่สามารถเป็นพระชายารัชทายาทได้ แต่เขาอาจจะให้นางเป็นพระชายารองอยู่ใกล้ชิด เมื่อองค์รัชทายาทรักอย่างนี้ ต่อไปจะเป็นภัยคุกคามฐานะของคุณหนู บ่าวเกรงว่าคุณหนูจะเมตตาคนอื่นจนทำให้ตัวเองเดือดร้อน”
มุมปากเฟิงชิงสุ่ยผุดรอยยิ้มอำมหิต “เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้นางมีชีวิตรอดเข้ามาในวังตะวันออกหรือ วังตะวันออกเป็นของข้า ผู้หญิงอื่นอย่าหวังว่าจะเข้ามาได้”
“คุณหนูรู้อย่างนี้ก็ดีแล้ว องค์หญิงอันผิงจะเอาไว้ไม่ได้ หากมีโอกาส คุณหนูต้องกำจัดให้ได้”
แม้ชิวซูไม่เตือน เฟิงชิงสุ่ยก็วางแผนไว้แล้ว นางไม่มีวันยอมให้ซูจิ่วซือเข้าวังตะวันออกแน่
ตอนที่ 366 ปัญหาท้าทาย
เวลานี้เผยปิงปิงกับกู้หลียวนเฝ้าอยู่ที่ข้างเตียง ซูจิ่วซือเอนหลังพิงหมอน เนื่องจากบาดเจ็บรุนแรง และมีอาการเวียนหัว
“ข้าจะไปคิดบัญชีกับเขา จงมั่วเจียงเจ้าคนสารเลว”
กู้หลียวนเห็นซูจิ่วซือบาดเจ็บหนัก เตรียมจะไปหาจงมั่วเจียง ซูจิ่วซือห้ามเขาไว้ “หลียวน อย่าไป ข้าไม่เป็นไรหรอก”
“จิ่วซือ เจ้าคงไม่ปกป้องคนสารเลวใช่ไหม!”
“เจ้าสู้เขาไม่ได้”
ซูจิ่วซือตอบเรียบๆ
“…”
กู้หลียวนไม่รู้จะพูดอย่างไร ไม่มีอะไรจะโต้แย้งซูจิ่วซือ เขาสู้จงมั่วเจียงไม่ได้จริงๆ อย่าว่าแต่สู้เลย แม้แต่จะเข้าใกล้ก็ยังยาก
เผยปิงปิงอยู่ข้างๆ อดหัวเราะไม่ได้
“มีอะไรน่าหัวเราะ สู้เขาไม่ได้เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่หรือ ข้าไม่ใช่มือสังหาร” กู้หลียวนอยากรักษาหน้า พูดอย่างบึ้งตึง
เผยปิงปิงหยุดยิ้ม หันไปนั่งข้างเตียงซูจิ่วซือ “จิ่วซือ วางใจเถอะ พอเกิดเรื่องอย่างนี้จงมั่วเจียงปล่อยเจ้าแน่ การกระทำครั้งนี้น่าละอายมาก เขาคงตัดใจได้แล้ว วันหลังอย่าพุ่งเข้าชนอีก เกือบโดนจุดสำคัญ ถ้าโดน คงตายแน่”
“ข้าไม่ได้คิดให้ดี”
เผยปิงปิงยกนิ้วหัวแม่มือ “เมื่อก่อนข้ารู้สึกว่าฟู่เฉินหรงชอบเจ้าเกินไป ดูเหมือนว่าเจ้าไม่ได้ทำอะไรให้ฟู่เฉินหรงเลย เวลานี้ข้าเพิ่งรู้ เจ้าทั้งสองต่างก็รักกัน เจ้าเองก็รักเขามาก”
“พูดเหลวไหล”
กู้หลียวนต่อว่า
“คนใจแคบ” เผยปิงปิงตีหน้ายักษ์ใส่กู้หลียวน “แค่หัวเราะเจ้า ทำไมถึงแค้นฝังใจ ไม่พูดเหลวไหลก็ได้ เอาละเรามาพูดจริงจัง จิ่วซือ เจ้าไม่คิดจะบอกเฉินหรงหรือ”
“ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะไปจากที่นี่ ก็ไม่จำเป็นต้องบอกเขา เฉินหรงจะได้ตื่นเต้น ข้าไม่อยากให้เขาเป็นห่วง”
กู้หลียวนขมวดคิ้ว “กลัวแต่ว่าเขาจะตื่นตกใจ! ถ้าเขารู้ว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บ คงเป็นห่วงจนปวดตั้งแต่ใจไปถึงตับ”
ฟู่เฉินหรงคิดอย่างไรกับซูจิ่วซือ กู้หลียวนเห็นกับตาอยู่แล้ว เขาพูดถึงแต่ซูจิ่วซือ แทบจะถือเอาซูจิ่วซือเป็นคำขวัญประจำใจไปแล้ว
คำพูดนี้ทำให้ซูจิ่วซือหัวเราะ นึกถึงฟู่เฉินหรง หัวใจของนางก็รู้สึกอบอุ่น อดยิ้มไม่ได้
“ฟู่เฉินหรงรักจิ่วซือแค่ไหน แต่เวลานี้ยังมีเฟิงชิงสุ่ย
จิ่วซือ เรื่องนี้เจ้าต้องใส่ใจ เฟิงชิงสุ่ยไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา นางมีอำนาจทหารอยู่ในมือ เป็นคนที่สามารถช่วยฟู่เฉินหรงได้อย่างแท้จริง ถ้านางจะช่วยฟู่เฉินหรงคงต้องมีเงื่อนไข พอถึงตอนนั้นเจ้าจะทำอย่างไร
พอเจ้าไปถึงเมืองหลวงก็ไร้ที่พึ่ง ตกอยู่ในอันตรายยิ่งกว่าอยู่ที่แคว้นเว่ย การรับมือกับเฟิงชิงสุ่ยไม่ใช่เรื่องง่าย”
เผยปิงปิงถือว่าซูจิ่วซือเป็นเพื่อนแท้ จึงเป็นห่วงซูจิ่วซือจริงๆ เรื่องที่นางพูดซูจิ่วซือคิดไว้แล้ว เฟิงชิงสุ่ยไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา นางมีอำนาจทหารอยู่ในมือ และเป็นคนฉลาด
แม้นางไม่เคยใกล้ชิดเฟิงชิงสุ่ย แต่นางก็เคยได้ยินเรื่องราวมามาก นางประเมินได้ว่าเฟิงชิงสุ่ยเป็นผู้หญิงที่ฉลาดเป็นพิเศษ ผู้หญิงอย่างนี้จะเป็นคู่ต่อกรที่เข้มแข็งที่สุดของนาง
หลังจากไปถึงเมืองหลวงตูเฉิง งานแรกสุดที่นางจะทำก็คือสร้างฐานอำนาจของตัวเอง เงินทองนางไม่ขัดสน ซูเหิงย่อมสนับสนุนนาง เวลานี้นางต้องการฐานะ จึงจะตั้งหลักในเมืองหลวงได้อย่างเปิดเผย
“ปิงปิงพูดถูก เฟิงชิงสุ่ยน่ากลัวจริงๆ พอไปถึงเมืองหลวง ถ้าเราพึ่งพาเฉินหรง เราก็จะไม่มีฐานะที่อะไร ไม่อาจทำให้ใครหันมาสนใจได้”
——
ตอนที่ 367 ลูกสาวคนโตสกุลมู่
ซูจิ่วซือสั่นหัว “เราไปพึ่งฟู่เฉินหรงไม่ได้ ไปอยู่ที่วังตะวันออกก็ไม่ได้ เพราะไม่เป็นผลดีต่อเราแน่ หลียวน ถ้าอยู่วังตะวันออก ข้าก็จะเป็นแค่นางกำนัลที่ไม่มีใครรู้จักไม่มีฐานะอะไร เจ้าเองก็เป็นได้แค่องครักษ์ ฐานะอย่างนี้ไม่อาจพูดคุยกับใครได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการต่อกรกับเฟิงชิงสุ่ยซึ่งหน้า”
“เจ้ามีแผนอย่างไร”
ซูจิ่วซือพูดอย่างนี้ แสดงว่านางมีวิธีอยู่แล้ว คำถามนี้กู้หลียวนคิดแล้วคิดอีกก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เขาไม่อยากเป็นขุนนาง เคยวางแผนว่าจะเปิดร้านเหล้าที่เมืองหลวงตูเฉิง แต่ซูจิ่วซือจะทำอะไร ฐานะของนางเป็นปัญหาสำคัญ
เดิมทีเขาคิดว่าจะยกปัญหานี้ให้ฟู่เฉินหรง แต่ดูแล้วซูจิ่วซือมีแผนของตัวเอง
“พวกเจ้าเคยได้ยินชื่อสกุลมู่ไหม”
“ข้าเคยได้ยิน สกุลมู่เป็นหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ตั้งหลักฐานมั่นคง สืบทอดมาเป็นร้อยปี และรักษาจุดยืนที่เป็นกลางมาตลอด ไม่เข้าร่วมการต่อสู้กับรัชทายาท วางตัวอยู่นอกความขัดแย้ง จิ่วซือ เจ้าคงไม่คิดจะอาศัยสกุลมู่ใช่ไหม!”
เผยปิงปิงพูดต่อ
ซูจิ่วซือพยักหน้า “ใช่ สกุลมู่นี่แหละ ข้าสอบถามชัดเจนแล้ว สกุลมู่มีลูกสาวคนโตพลัดพรากไปนานหลายปี
เรื่องนี้เป็นปมในใจของเจ้านายกับนายหญิงสกุลมู่มาตลอด หลายปีมานี้ได้ตามหาลูกสาวที่หายไป เวลานี้นางอายุพอๆ กับข้า”
“เจ้าจะปลอมตัวเป็นลูกสาวบ้านนี้” เผยปิงปิงมองซูจิ่วซือด้วยความประหลาดใจ ถามอย่างสงสัย “เป็นความคิดที่ดี ปัญหาอยู่ที่ว่าจะปลอมตัวอย่างไร
สกุลมู่สืบหาลูกสาว คงมีคนแอบอ้างไม่น้อย แต่เวลานี้สกุลมู่ยังไม่ยอมรับใครทั้งนั้น แสดงว่าคนที่แอบอ้างไม่ประสบความสำเร็จ ข้าเดาว่าลูกสาวคนโตที่หายไปคงมีไฝอะไรอยู่ การแอบอ้างปลอมตัวจึงไม่ใช่เรื่องง่าย”
“ปลอมตัวไม่ได้จริงๆ สกุลมู่ไม่ใช่จะหลอกง่ายๆ
ข้าให้อาจารย์ช่วยสืบเรื่องนี้ ลูกสาวคนโตสกุลมู่มีไฝสีแดงรูปผีเสื้อที่ไหล่ซ้าย และมีจี้หยกสีขาวรูปผีเสื้อติดตัว ข้าให้คนไปตามหานางแล้ว”
เดิมทีกู้หลียวนนึกว่าซูจิ่วซือจะปลอมตัวเป็นลูกสาวคนโตสกุลมู่ ฟังอยู่นาน จึงรู้ว่านางจะไปตามหาหญิงคนนี้ ช่างเป็นงานที่ยากเย็นแสนเข็ญยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร
“จิ่วซือ สกุลมู่เป็นสกุลใหญ่มีกิจการมากมาย ตามหาลูกสาวตั้งหลายปียังไม่พบ เกรงว่าลูกสาวคนโตสกุลมู่คงตายไปนานแล้ว โอกาสที่พวกเราจะพบมีน้อยมาก
“หลียวน เจ้าพูดถูก เราตามหานางคงไม่ใช่เรื่องง่าย
สกุลมู่ตามหามาหลายปี พยายามอย่างไรก็ไร้ผล น่าจะมีสาเหตุสองประการ
ถ้าไม่ใช่เพราะนางตายไปแล้ว ก็ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งคือนางอยู่ในสถานที่ที่สกุลมู่ตามหาไม่เจอ
เราต้องพยายามไปหาที่ที่สกุลมู่ไม่เคยไปมาก่อน
หลังจากเด็กหญิงคนนั้นพลัดพรากไปอาจจะถูกขาย ถ้าถูกขาย นางคงจะกลายเป็นสาวใช้หรือนักร้อง สกุลมู่คงไม่อยากจะเชื่อว่าลูกสาวของตนตกอยู่ในสภาพที่น่าอนาจอย่างนี้ พวกเขาคิดเสมอว่ามีคนรับเลี้ยงลูกสาว แต่ข้าไม่คิดอย่างนี้”
“ถ้าอย่างนั้น การตามหาไม่ใช่ง่ายๆ สาวใช้กับนักร้องมีมากมาย”
“เวลานี้ไม่มีทางอื่น ลองเสี่ยงไปหา ถ้านางยังมีชีวิตอยู่ คงเป็นคนสวย ปีนี้อายุสิบเจ็ด เป็นไปได้มากว่ายังอยู่ที่แคว้นเจียง”
“งั้นเราก็เสี่ยง ข้าจะส่งคนไปตามหา ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน กำหนดจุดสำคัญ ไม่แน่อาจจะพบแม่นางคนนั้น
ข้ารู้สึกว่าจิ่วซือวิเคราะห์มีเหตุผล เด็กผู้หญิงที่หายไป โอกาสที่มีคนรับเลี้ยงน้อยมาก โดยทั่วไปจะถูกขาย คนจนขายลูกแลกเงินมีมากมาย”
ตอนที่ 368 ไม่ต้องการพึ่งพา
เวลานี้ซูจิ่วซือยังไม่มั่นใจ ได้แต่เสี่ยง สำหรับนางแล้วสกุลมู่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่ ซิ่วหลานก็ยกยาเข้ามา แม้ไม่ชอบซูจิ่วซือ แต่เพราะจงมั่วเจียง นางจึงเกรงใจซูจิ่วซือ “คุณหนูซู ดื่มยาเจ้าค่ะ”
“คงไม่ใช่ยาพิษนะ!”
พอเห็นซิ่วหลานยกยามา กู้หลียวนก็รีบพูดขึ้น
“คุณหนูซูถ้าไม่วางใจก็ไม่ต้องดื่ม บ่าวรับผิดชอบเอายามาให้เท่านั้น” ซิ่วหลานพูดจบก็วางชามยาลงบนโต๊ะ แล้วออกไปอย่างรวดเร็ว
“เป็นสาวใช้ของจงมั่วเจียงยังวางท่าโอหังขนาดนี้ จิ่วซือ ยานี้เจ้าอย่าดื่มเลย ข้ากลัวว่าจงมั่วเจียงจะวางยาเจ้า”
“วางใจเถอะ! ตอนนี้เขาไม่วางยาแน่” เผยปิงปิงยกชามยาบนโต๊ะขึ้น เดินไปหาซูจิ่วซือ “ให้ข้าชิมก่อนก็ได้”
ซูจิ่วซือรับชามยาจากมือเผยปิงปิง “ข้าก็เชื่อว่าเขาคงไม่วางยา เอามาให้ข้า!”
พอรับชามยาแล้ว ซูจิ่วซือก็ยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด จู่ๆ เผยปิงปิงก็พูดขึ้น “เจ้ารู้สึกไหมว่าซิ่วหลานหน้าตาดีจริงๆ ชื่อซิ่วหลาน เป็นชื่อที่เหมาะกับนางมาก”
กู้หลียวนเข้าใจความหมายของเผยปิงปิงทันที “ลูกสาวคนโตสกุลมู่อาจจะหน้าตาดี แต่เจ้าไม่ควรเห็นใครก็สงสัยไปหมด”
“จงมั่วเจียงมีสาวใช้มากมาย ในเมื่อเราอยู่ที่นี่ ก็ควรเริ่มต้นสืบที่นี่ก่อน”
ซูจิ่วซือไม่อยากละโอกาส สำนักวิหคเขียวเป็นองค์กรมือสังหารที่ใหญ่ที่สุดในวงการนักเลง สาวใช้ของสำนักวิหคเขียวอย่างน้อยก็มีเป็นร้อย แม้จะเป็นการค้นหาแบบเดาสุ่ม แต่ซูจิ่วซือก็อยากลอง
“ข้าไปหาจงมั่วเจียง พวกเจ้ารอก่อน”
เผยปิงปิงพูดจบก็ออกไปจากห้อง ชั่วพริบตานางก็หายไปไม่เห็นแม้แต่เงา
“เด็กคนนี้ทำอะไรใจร้อนจริงๆ ” กู้หลียวนส่ายหน้า “เจ้าพักผ่อนให้ดี รอเจ้าดีขึ้นเราค่อยออกไปจากที่นี่ ไม่ต้องรีบร้อนเดินทาง รักษาแผลให้หายก่อน เจ้าคงไม่อยากให้เฉินหรงเห็นเจ้าในสภาพนี้”
ซูจิ่วซือพยักหน้า นางเองก็ไม่อยากให้ฟู่เฉินหรงเห็นนางได้รับบาดเจ็บ อาการไม่เบา ฟู่เฉินหรงมีภารกิจรัดตัว นางไม่อยากเพิ่มความลำบากให้ฟู่เฉินหรง หลายเรื่องนางทำเองได้ และไม่จำเป็นต้องพึ่งฟู่เฉินหรง
วันข้างหน้านางได้แต่ยืนอยู่ข้างกายฟู่เฉินหรง จับมือเขาเผชิญหน้ากับทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้ามีเขา นางก็ยิ่งพอใจ ถ้าเขาไม่อยู่ นางก็สามารถจัดการปัญหาได้มากมาย
“เจ้ากับปิงปิงเปลี่ยนไปจากเดิม”
กู้หลียวนก็สังเกตเห็น แต่ไม่กล้ายอมรับ และไม่ได้ยอมรับ “ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป เพียงแต่พูดคุยกันมากหน่อย ดื่มยาแล้วพักผ่อนให้ดี ข้าจะกลับไปก่อน”
ซูจิ่วซือพยักหน้า กู้หลียวนยออกไป
พอกู้หลียวนออกไปแล้วซูจิ่วซือก็นอนลงบนเตียง นึกถึงเรื่องราวของสกุลมู่ หวังว่าความคิดของนางจะถูก จะได้พบลูกสาวคนโตสกุลมู่ให้เร็วที่สุด
หลังจากเฟิงชิงสุ่ยได้รับจดหมายนางก็ให้ชิวซูเอาไปเผา ชิวซูถามด้วยความประหลาดใจ “คุณหนู จดหมายนี้ใครเป็นคนเขียน”
“เจ้าสำนักวิหคเขียว เวลานี้ซูจิ่วซืออยู่ที่เมืองชินโจว”
“ทำไมเจ้าสำนักวิหคเขียวถึงเขียนจดหมายถึงคุณหนู…”
เฟิงชิงสุ่ยกุมกำไลหยกที่ข้อมือ “จดหมายนี้ไม่ได้เขียนให้ข้า เขียนให้องค์รัชทายาท จงมั่วเจียงให้องค์รัชทายาทไปรับซูจิ่วซือที่เมืองชินโจว
มีคนจงใจส่งจดหมายนี้ให้ข้า แสดงว่าคนใกล้ชิดจงมั่วเจียงไม่อยากให้ซูจิ่วซือมาที่เมืองหลวง ข้าประเมินซูจิ่วซือต่ำไป จงมั่วเจียงช่วยนาง”
“คุณหนูมีแผนการอย่างไรเจ้าคะ”
“องค์รัชทายาทคงไม่รู้ว่าซูจิ่วซืออยู่ที่ไหน ในเมื่อเป็นอย่างนี้ก็ไม่จำเป็นต้องบอก ชิวซู รีบฝนหมึกให้ข้า แจ้งหลี่ฉางกุ้ย รีบส่งทหารไปล้อมคฤหาสถ์สกุลจง ข้าจะเอาชีวิตของซูจิ่วซือ”
——
ตอนที่ 369 ถูกล้อมอย่างแน่นหนา
หลี่ฉางกุ้ยเป็นผู้ตรวจการเมืองชินโจว เคยเป็นทหารตระกูลเฟิง หากนางเอ่ยปาก หลี่ฉางกุ้ยต้องช่วยแน่
ไหนๆ ก็ต้องตาย ซูจิ่วซือ เจ้าไม่ต้องมา อยู่ที่เมืองชินโจวนั่นแหละ!”
วันรุ่งขึ้น เผยปิงปิงมาหาซูจิ่วซือที่ห้อง หลังจากดื่มน้ำอึกใหญ่นางก็เริ่มพูด “ข้าสอบถามแน่ชัดแล้ว สำนักวิหคเขียวมีสาวใช้ร้อยสิบคน ในจำนวนนี้มีคนอายุสิบแปดหกสิบคน
มีสามคนที่ถูกขาย และมีสิบห้าคนที่บอกว่าเป็นกำพร้า เพื่อความมั่นใจ ข้าให้จงมั่วเจียงตรวจสาวใช้อายุสิบแปดทั้งหกสิบคน เขารู้ว่าเจ้ากำลังสืบหาอยู่ จึงกระตือรือร้นมาก ดูแล้วเขาคงอยากจะไถ่โทษ”
ซูจิ่วซือไม่พูดไม่จา ได้แต่พยักหน้า
“ซิ่วหลานก็เป็นลูกกำพร้า แปลกจริงๆ ทำไมข้าจึงสนใจซิ่วหลานมาก จงมั่วเจียงมอบหมายเรื่องนี้ให้นางทำ เจ้าเด็กนี่ดูเหมือนไม่พอใจเจ้า ข้าเกรงว่านางไม่ตั้งใจทำ ตอนนั้นข้าจ้องนางอยู่ จึงถือโอกาสตรวจนางด้วย”
“ขอบใจปิงปิง”
“ไม่ต้องเกรงใจ ในเมื่อข้าเองก็ไม่มีอะไรทำ เพื่อเพื่อน ข้าจะปฏิเสธได้อย่างไร อีกอย่างหนึ่งไม่แน่วันหลังเราอาจจะเป็นครอบครัวเดียวกัน”
เผยปิงปิงหัวเราะร่า “ข้าอยากให้เจ้ารักษาตัวให้ดี เรื่องนี้มอบให้ข้าจัดการ ต้องทำได้แน่”
ซูจิ่วซือก็หัวเราะ ถ้าเผยปิงปิงแต่งงานกับกู้หลียวนจริงๆ วันหลังก็จะเป็นสะใภ้ของนาง คิดแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ นางได้คบเป็นเพื่อนสนิทกับลูกชายและลูกสะใภ้
นี่เป็นเรื่องที่เมื่อก่อนนางไม่กล้าคิด สวรรค์ทำลายชีวิตซูหลิ่วทั้งชีวิต แต่กลับมอบชีวิตที่ดีกว่าให้นาง
สามวันต่อมา อาการบาดเจ็บของซูจิ่วซือก็ดีขึ้นมา เผยปิงปิงมารายงานผล นางตรวจสอบคนในสำนักวิหคเขียวทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ไม่พบแม่นางที่มีไฝรูปผีเสื้อ
ผลนี้ทำให้ซูจิ่วซือผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ไม่เกินความคาดหมาย แม่นางคนนี้ไม่ใช่ตามหาง่ายๆ
เย็นนั้น ขณะที่ซูจิ่วซือกำลังกินอาหารกับเผยปิงปิงและกู้หลียวนอยู่ในเรือน จู่ๆ จงมั่วเจียงก็เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ “จิ่วซือ ข้างนอกเกิดเรื่อง หลี่ฉางกุ้ยพาคนมาปิดล้อมพวกเรา กำลังคนไม่น้อย เฟิงชิงสุ่ยลงมือจัดการเจ้าแล้ว”
หลี่ฉางกุ้ยเคยเป็นทหารตระกูลเฟิง เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นความลับ คฤหาสน์ของจงมั่วเจียงตั้งอยู่ที่เมืองชินโจว จึงเข้าใจสภาพของเมืองชินโจวดี
ซูจิ่วซือวางชามข้าวลง ทำไมเฟิงชิงสุ่ยจึงรู้ว่านางอยู่นี่
“เจ้าเป็นคนรายงานเฟิงชิงสุ่ยใช่หรือไม่ จงมั่วเจียง เจ้ามักจะทำเรื่องน่าละอายลับหลังอยู่เรื่อย”
กู้หลียวนรีบวางตะเกียบในมือ กว่าจะกินข้าวด้วยกันสามคนไม่ใช่ง่ายๆ แต่กลับไม่ได้กินอย่างสงบ
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า เจ้าจะเชื่อหรือไม่แล้วแต่เจ้า ปิงปิง เจ้าคุ้มกันจิ่วซือ ถ้ามีโอกาส ข้าจะให้คนมาบอกเจ้า ข้าจะไปพบหลี่ฉางกุ้ยก่อน”
พอบอกเสร็จ จงมั่วเจียงก็รีบออกไป
“เฟิงชิงสุ่ยน่ากลัวจริงๆ นางมีกำลังทหารอยู่ในมือ ที่นี่ไม่ได้อยู่ภายใต้บารมีของฮ่องเต้ ฝ่าบาทไม่อาจดูแลได้ ถ้าพวกที่มาล้อมมีจำนวนมาก เราคงหลบหนียาก
เผยปิงปิงหนีไปคนเดียวได้ แต่ซูจิ่วซือไม่มีวรยุทธ กู้หลียวนก็ยังไม่เก่ง เผยปิงปิงคนเดียวพาคนสองคนหนีออกไปไม่ไหว
ซูจิ่วซือลุกขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่นางกับเฟิงชิงสุ่ยต่อกรกัน เฟิงชิงสุ่ยไม่เผยตัว คนที่เสียเปรียบ ก็คือนางเอง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น