หมอยาหวานใจท่านประธาน 362-369
ตอนที่ 362 มาเป็นศิษย์ข้าเถอะ
แต่นิสัยที่ดึกดื่นไม่หลับนอน โทรหาเฟิงฉี่กลับไม่เปลี่ยน ดูเหมือนจะไม่รู้สึกว่าเวลานี้ควรจะเป็นเวลาที่พักผ่อนแล้ว
ทันทีที่มั่วเหวินเห็นเฟิงฉี่บนจอมือถือ ท่านผู้เฒ่าก็ขมวดคิ้วทันที “คุณเป็นใคร ลูกศิษย์ฉันล่ะ คุณหยิบมือถือเขามาทำไม?” เจ้าหนู่นั่นคงไม่หลอกตนหรอกนะ ปล่อยโทรศัพท์ให้คนอื่นโทรมา
เฟิงฉี่ได้ยินเช่นนั้นก็ลูบคลำใบหน้าตัวเอง “อาจารย์ จำศิษย์ไม่ได้แล้ว ฮ่าฮ่า ยานี้ได้ผลจริงๆ” ยาแปลงโฉมนะยาแปลงโฉม กินแล้วรูปโฉมเปลี่ยนไปจนแม้แต่คนใกล้ชิดก็ยังดูไม่ออก
“ยา? เจ้าหนู กินยาอะไร?” มั่วเหวินนึกอยากรู้ขึ้นมา โลกนี้ถึงกับมียาที่กินแล้วเปลี่ยนแปลงหน้าตาได้ ยาแปลงโฉมในตำนาน ศิษย์ตนเองเอามาจากไหน
ถึงตอนนี้มือถือเปลี่ยนทิศทาง อีลั่วเสวี่ยเอามาถือไว้ “ยาแปลงโฉม ผู้อาวุโสคงจะเดาได้แล้วใช่ไหม?” ดูจากท่าทางครุ่นคิดของมั่วเหวินเมื่อกี้ เธอก็ดูออกว่าเขาเดาออกแล้ว
มั่วเหวินตาโตทันที “เป็นไปได้ยังไง อย่าว่าแต่วิธีทำยาแปลงโฉมจะสูญหายไปแล้ว ต่อให้มี ใครจะหลอมยาวิเศษแบบนี้ออกมาได้”
การใช้ยาแล้วทำให้หน้าตาคนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทั้งยังเกิดการเปลี่ยนแปลงมากอย่างนี้ แม้แต่จะคิดก็ยังไม่กล้าเลย
อีกอย่างยาแบบนี้น่าจะส่งผลร้ายต่อร่างกายมาก เท่ากับบอกแล้วก็ไม่มีคนกล้ากิน จะยังไงก็เพื่ออำพรางใบหน้าตนเอง ออกจะไม่คุ้มค่า
“ก็ฉันไง ฉันหลอมยาออกมาแล้วไม่ใช่หรือ?” อีลั่วเสวี่ยยิ้ม สีหน้ามั่นอกมั่นใจ ทำให้มั่วเหวินพูดอะไรไม่ออก
มั่วเหวินนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอนตัวไปข้างหลัง “เจ้า ข้าไม่เชื่อหรอก” ก็แค่มีฝีมือแทงเข็มช่วยชีวิตคนเท่านั้น อายุน้อยขนาดนี้ น่ากลัวว่าแม้แต่วิชาเภสัชวิทยาในมหาวิทยาลัยก็ยังเรียนรู้ไม่จบ ยังจะหลอมยา เป็นไปได้ยังไง
“ไม่เชื่อ? งั้นลองถามศิษย์รักของท่านดูเองก็ได้” อีลั่วเสวี่ยพูดจบก็หันกล้องไปที่เฟิงฉี่ซึ่งอยู่ค้านข้าง ท่าทางเมาเล็กน้อย
เฟิงฉี่ไม่พูดอะไร แต่ผงกหัวไม่หยุดราวกับหุ่นยนต์
“ตอนนี้ท่านเชื่อหรือยัง?”
มั่วเหวินลังเลเล็กน้อย แล้วถามหยั่งดู “ต่อให้เจ้าทำออกมาได้ แต่ยาแบบนี้มีผลข้างเคียงรุนแรง เจ้าสองคนยังกล้ากิน ไม่รู้หรือว่าพูดพร่ำเพรื่อได้ แต่กินยาพรำเพรื่อไม่ได้”
โลกนี้มีคนมากมายที่กินยาตามอำเภอใจแล้วทำให้เสียชีวิต หรือหนุ่มสาวสองคนนี้ไม่รู้
“อาจารย์ ท่านวางใจเถอะ ผมรู้สึกสบายดี ไม่มีอาการผิดปกติอะไร” พอเฟิงฉี่ได้ยินว่าอาจารย์ยังคลางใจจึงรีบยื่นหัวเข้ามา พูดรับประกันอย่างมั่นใจ
แต่แล้วก็ถูกอีลั่วเสวี่ยยื่นมือออกไปดันศีรษะเขากลับไป
“ผู้อาวุโสไม่เชื่อไม่เป็นไร แต่ท่านอยากเจอฉันไม่ใช่หรือ ตอนนี้เจอแล้ว มีอะไรจะพูดก็พูดเถอะค่ะ” อย่ามัวคุยเฉไฉไปเรื่องอื่น เป็นเพราะที่เฟิงฉี่เคยบอก เธอจึงยอมคุยวิดีโอคอลล์ด้วย
ไม่งั้นพอท่านผู้เฒ่านึกขึ้นได้ก็จะเรียกให้เฟิงฉี่มาหาเธอ จะขอพบเธออีก มีเรื่องอะไรก็พูดออกมาให้ชัดเจนเลย
มั่วเหวินจึงนึกถึงจุดมุ่งหมายที่ตนเปิดวิดีโอคอลล์ สีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที “แฮ่ แฮ่ ได้ข่าวว่าเจ้ารู้วิชาแทงเข็ม ศึกษาวิชาแพทย์ได้ผลบ้าง ทั้งยังไม่ได้คารวะอาจารย์เข้าสังกัดสำนักไหน ถ้างั้นมาเป็นศิษย์ข้าเข้าสังกัดสำนักแพทย์โบราณดีไหม?”
อีลั่วเสวี่ยกลอกตา เหมือนยิ้มแต่ก็ไม่เชิง “ผู้อาวุโสอยากรับข้าเป็นศิษย์?” ก็ดี ที่จริงเธอคาดเดาได้ก่อนแล้ว
เฟิงฉี่อ้าปาก แต่สุดท้ายไม่ได้พูดออกมา อาจารย์นะอาจารย์ จะรับเธอเป็นศิษย์ เกรงว่าแม้แต่อาจารย์กับเขายังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นศิษย์เธอด้วยซ้ำ
“ถูกแล้ว เจ้าคิดดูเถอะ สำนักแพทย์โบราณเราศึกษาวิชาแพทย์กับบำเพ็ญเพียร สามารถบ่มเพาะปรับตัวเองตามสภาพร่างกายของแต่ละคน เพื่อบรรลุผลการบำเพ็ญเพียรที่ดีที่สุด”
ตอนที่ 363 ขอคิดดูก่อน
แม้คำโบราณจะบอกว่า “หมอไม่รักษาตัวเอง” แต่สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรแล้วการศึกษาวิชาแพทย์จะช่วยให้สามารถรู้สภาพร่างกายตนเอง จะปรับการทำงานกับการพักผ่อนได้ดีขึ้น
อีลั่วเสวี่ยนั้นเป็นนักหลอมยาและยังเป็นผู้บำเพ็ญเพียรด้วย ย่อมเข้าใจอะไรมากขึ้น เรื่องนี้ไม่ต้องให้มั่วเหวินเตือน เธอเองย่อมรู้อยู่แล้ว
“ฟังดูแล้วน่าสนใจมาก แต่ทำไมฉันต้องคารวะอาจารย์ด้วยล่ะ?” จากประสบการณ์และบทเรียนที่ผ่านมาของตนเอง เธอไม่จำเป็นต้องกราบใครเป็นอาจารย์เลย ส่วนนักหลอมยาหรือ? เกรงว่าบนโลกนี้จะไม่มีใครมีระดับสูงเทียบเท่าเธอได้แล้ว
ต่อให้เวลานี้เธอยังไม่สามารถหลอมโอสถทิพย์ได้ แต่เธอยังมีเจ้าลูกบอลเงิน ยาที่ตนเองหลอมไม่ได้ก็ยังสามารถซื้อได้ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร
เดิมมั่วเหวินคิดว่าอีลั่วเสวี่ยจะสนใจมาก กลับคาดไม่ถึงว่าเธอจะตอบเช่นนี้ ถึงกับอึ้งไป ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
“เรื่องนี้…ตรงกับคำกล่าวที่ว่ามีคนดีเดินนำหน้า พวกเจ้าซึ่งมาทีหลังเดินตาม จะไม่ง่ายขึ้นหรือ” เด็กสาวคนนี้ไม่เข้าใจ การที่มีคนคอยชี้แนะการบำเพ็ญเพียรเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง
อีลั่วเสวี่ยเบ้ปาก “เดินไปตามทางของตนเองจึงจะมีความองอาจ ที่ผู้อาวุโสมีเจตนาดี ฉันน้อมรับด้วยใจ แต่ฉันยังอยากเดินไปตามทางของตัวเองค่ะ”
ผ่านประสบการณ์สองโลก เธอรู้ดีว่าจะเดินไปตามเส้นทางอย่างไร เธอไม่ใช่เด็กสาวที่อ่อนต่อโลก รู้ว่าตัวเองแสวงหาอะไร สามารถได้อะไร เธอมองอะไรทะลุปรุโปร่งกว่าคนอื่น
“แม่หนู แน่ใจนะว่าจะไม่กราบอาจารย์ นี่เป็นโอกาสที่หายาก ไม่เชื่อเจ้ากลองถามศิษย์ข้าดู คนมากมายอยากกราบข้าเป็นอาจารย์ ข้ายังไม่รับเลย” มั่วเหวินรู้สึกทะนงตนมาก
แต่ในใจเขากับรู้สึกอึกอัด เป็นเรื่องยากที่เขาจะเป็นฝ่ายเชิญคนอื่นเป็นศิษย์ แต่กลับล้มเหลว หรือเขายังล้ำเลิศไม่พอ? ไม่ใช่เพราะเขาล้ำเลิศไม่พอ แต่อีลั่วเสวี่ยสามารถอยู่ตัวคนเดียวได้
ในเมื่อเรื่องที่ตนเองทำได้ อีกทั้งที่เธอทำได้มั่วเหวินทำไม่ได้ แล้วต้องคารวะอาจารย์ให้ยุ่งยากทำไม
“อ้อ…เวลานี้เป็นเช่นนี้ไปก่อน การคารวะใครเป็นอาจารย์เป็นเรื่องใหญ่ วันหลังค่อยว่าเถอะค่ะ” เมื่อเห็นแววตาที่อยากได้คนเก่งของมั่วเหวิน ทำให้อีลั่วเสวี่ยนึกถึงอาจารย์ตนเองขึ้นมาทันที น้ำเสียงจึงอ่อนโยนลง
มั่วเหวินเห็นเช่นนี้ก็ถอนหายใจด้วยความเสียดาย “ก็ได้ เจ้าลองคิดดูให้ดี ทางข้ายินดีต้อนรับเจ้าเสมอ” แม้จะถูกปฏิเสธ แต่ท่าทางที่ไม่หยิ่งผยอง ทำให้เขารู้สึกดีต่อเธอ
“ขอบคุณผู้อาวุโสค่ะ” อีลั่วเสวี่ยยิ้ม ผงกศีรษะอย่างอ่อนน้อม แล้วยื่นมือถือคืนให้เฟิงฉี่
เฟิงฉี่เกาหัวแกรกๆ สีหน้านอบน้อม “อาจารย์ ดึกมากแล้ว อาจารย์รีบไปพักผ่อนเถอะ อดนอนทำให้เสียสุขภาพนะครับ” การอดนอนจะทำให้กลไกต่างๆ ของร่างกายสับสน ขืนทำอย่างนี้เป็นประจำ ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญเพียร ก็ยังส่งผลกระทบต่อการฝึก
“ข้ารู้แล้ว เจ้าอยู่ที่นั่นพอแล้วก็กลับมาซะ ไม่มีเจ้าอยู่ด้วย อาจารย์เหงามาก” มั่วเหวินเชิดมุมปากขึ้น ปกติเฟิงฉี่อยู่ด้วย จะคึกคักขึ้นบ้าง ขณะนี้มีเพียงตัวเขาคนเดียว รู้สึกเหงาหงอย
“ถ้าอาจารย์รู้สึกเหงาก็มาหาผมที่นี่สิ ศิษย์จะพาท่านตระเวนเที่ยวเล่น รับรองสนุกแน่” ดวงตาเฟิงฉี่เจิดจ้าขึ้น เขาพูดแนะนำอาจารย์
มุมปากมั่วเหวินกระตุกเล็กน้อย นึกอยากตบหน้าเฟิงฉี่สักป้าบ “เล่นเล่นเล่น มีเวลาเที่ยวเล่น ยังสู้บำเพ็ญเพียรหรืออ่านหนังสือไม่ได้ วางหูแล้ว” จากนั้นก็เลิกวิดีโอคอลล์
เฟิงฉี่งุนงง “เจ๊ อาจารย์ผมโมโหงั้นหรือ?” ขณะนี้เหล้ากำลังออกฤทธิ์ เขารู้สึกว่าสมองทำงานช้ามาก
“ฉันจะรู้ได้ยังไง ไม่งั้นคุณก็โทรกลับไปถามสิ?”
อีลั่วเสวี่ยพูดจบ เฟิงฉี่สั่นหัวไม่หยุด “อย่าดีกว่า” อาจารย์เป็นคนช่างพูด ขืนโทรกลับไป คืนนี้อย่าหวังว่าจะได้พัก
ตอนที่ 364 หรือว่าเพื่อเธอ
แล้วก็เป็นไปเช่นนี้ หลังจากนั้นเมื่อถึงเวลาที่อีลั่วเสวี่ยต้องไปเรียน เธอก็ไปเรียน หรือไม่ก็ไปตรวจงานที่บริษัท หวังเทากับเพื่อนอยู่ที่บริษัท ตั้งใจเรียนรู้ ผูกสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานได้ดี ทำให้พวกเขาพบว่านอกจากการชกต่อยฆ่าฟัน แสงสีและเหล้ายาแล้ว ที่จริงการเข้างานและเลิกงานตามเวลาก็ไม่เลวเลย
แต่พวกเขาไม่ลืมว่าสุดสัปดาห์ต้องมาช่วยงานที่ร้าน K บาร์นรกอเวจี ทำให้ชีวิตเต็มเปี่ยมขึ้น ส่วนหงเหมากับพวกหลังจากถูกเล่นงานแล้วก็รู้ว่าเถ้าแก่คนใหม่ไม่ใช่ใครจะรังแกได้ เวลานี้จึงไม่กล้ามาก่อกวนอีก
หันมาทางด้านหนานหลิวเฟิงบ้าง
หลังจากที่หนานกรุ๊ปกับมั่วเฉินเซวียนและพวกได้รับหุ้นจากซีเหมินหลงเซี่ยวแล้ว กลายเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทที่ไหลย่ากรุ๊ปตั้งขึ้นในเมืองเอฟ หลังจากเตรียมการอย่างเอิกเกริกแล้วก็เริ่มเปิดดำเนินกิจการ
ไม่เสียทีที่เป็นแบรนด์บริษัทข้ามชาติ หลังจากที่บริษัทเริ่มกิจการแล้ว ก็ขายดีเหนือความคาดหมาย จนสินค้าขาดตลาด คนที่เข้าหุ้นได้ผลกำไรไม่น้อย ขณะที่พวกเขาได้รับผลดีก็พากันหัวเราะเยาะที่เฉวียนหมิงพลาดโอกาสดีครั้งนี้ไป
ที่ห้องหนังสือของบิดาหนานหลิวเฟิงในคฤหาสน์สกุลหนาน
“พ่อ เรียกผมหรือครับ?” หลังจากเลิกงานกลับมาก็ได้ยินว่าบิดารอตนอยู่ที่ห้องหนังสือ หนานหลิวเฟิงวางเสื้อโค้ทและของในมือลง คลายเน็กไทออก หลังจากเคาะประตูแล้วก็เปิดออก พร้อมกับพูดขึ้น
บิดาเขาหันหลังให้ กำลังรับโทรศัพท์อยู่ พอได้ยินเสียงเคลื่อนไหวข้างหลังก็พูดสั่งสองสามคำแล้ววางสาย เขาหันกลับมา หยิบเอกสารบนโต๊ะแล้วโยนไปที่ปลายเท้าลูกชาย
“นี่มันอะไร แกอธิบายให้ฉันฟังซิ” สีหน้าผู้เป็นพ่อโกรธเกรี้ยว เขานั่งบนเก้าอี้ท่าทางโมโห จ้องมองลูกชายตาเขม็ง
หนานหลิวเฟิงหยุดยืน หยิบเอกสารขึ้นมา มองแวบเดียวก็เห็นเนื้อหาในเอกสาร แววตาส่ายไปมา ไม่รีบร้อนตอบ
“เป็นใบ้ไปแล้วหรือ? มอบบริษัทให้แก แล้วแกบริหารอย่างนี้ ถ้าวางมือให้แกทำจริงๆ ไม่แย่รึ!” ผู้เป็นพ่อดูจะโกรธมาก ใบหน้าเกรี้ยวกราด
“พ่อ ผมทำอะไรผิด หลายโครงการก็ล้วนทำสำเร็จ ชิงโครงการพวกนี้มาได้ แม้ราคาจะสูงไปสักนิด แต่ผลสุดท้ายก็ยังได้กำไร มีอะไรไม่ดีครับ?” หนานหลิวเฟิงย้อนถาม เขาจัดเอกสารพลางเดินมาหาบิดา
ผู้เป็นพ่อขมวดคิ้ว มือข้างหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ พอได้ยินเช่นนั้นก็ตบโต๊ะแรงๆ “แต่ไม่ใช่ให้แกใช้วิธีที่ทำให้คนอื่นไม่พอใจ!”
บริษัททำการประมูลย่อมต้องเสนอราคาสูงต่ำเพื่องชิงโครงการให้ได้ นี่เป็นเรื่องที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้ ทุกฝ่ายต่างเข้าใจดี เพราะนี่คือธุรกิจ ถ้าไม่ใช่บริษัทนี้ประมูลได้ ก็เป็นบริษัทนั้นประมูลได้ ถือเป็นเรื่องปกติ
แต่ถ้าเป็นการชิงประมูลจากบริษัทหนึ่งอย่างต่อเนื่องเพื่อแย่งโครงการมา แบบนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นพฤติกรรมที่พุ่งเป้าไปที่อีกฝ่าย
หนานกรุ๊ปแย่งชิงหลายโครงการจากมือเฉวียนกรุ๊ป ความร่วมมือส่วนหนึ่งก็เปลี่ยนเป็นบริษัทอื่น เรื่องนี้แพร่สะพัดไปในแวดวงธุรกิจแล้ว เป็นที่รู้กันไปทั่ว
เริ่มแรกเขาคิดว่ามีคนปล่อยข่าว แต่เวลานี้ดูแล้วไม่ใช่อย่างนั้น
“เป็นพ่อที่สอนผมเองไม่ใช่หรือ ในวงการค้าไม่มีศัตรูหรือมิตรแท้ ผมเพียงแต่คิดว่าเหมาะสมก็ตัดสินใจทำครับ” ดูเหมือนหนานหลิวเฟิงจะเตรียมรับมือกับเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว พูดตอบได้อย่างคล่องปากและมีเหตุผล
ผู้พ่อลุกพรวดขึ้นยืน “แก! แกตั้งใจใช่ไหม หรือว่าเพราะคนที่ชื่ออีลั่วเสวี่ย?”
ดวงตาหนานหลิวเฟิงเจิดจ้าขึ้นทันทีที่ได้ยินชื่ออีลั่วเสวี่ย “พ่อครับ ที่ผมทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อบริษัท ไม่ใช่เพื่อใครทั้งนั้น”
แต่ยิ่งเขาพยายามตัดความเชื่อมโยงออกไป รวมทั้งปิดบังความคิดในใจตัวเอง กลับยิ่งเผยพิรุธออกมาให้คนอื่นเห็น สีหน้าเขาอยู่ในสายตาของผู้เป็นพ่อ
ตอนที่ 365 หนานหลิวเฟิงทุ่มสุดตัว
“บอกพ่อมาตามตรง แกยังคิดถึงอีลั่วเสวี่ยคนนั้นอยู่ใช่ไหม?” ใครบ้างที่ไม่ใครทำอะไรวู่วาม ใครบ้างที่ไม่ใครทำเพื่อความรักโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น แต่ปัญหาก็คือบางครั้งไม่ใช่คุณทุ่มเทก็จะสมหวังเสมอไป
บางทีอีกฝ่ายไม่ใช่ของคุณอย่างแน่นอน หรือตั้งแต่ต้นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ร่วมกัน ถ้าเช่นนั้นยังจะฝืนต่อไปหรือ
ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนั้นเป็นคนของเฉวียนหมิง บางทีเขาอาจจะบอกกับลูกชายว่าขอเพียงมีเงินก็จะทำได้ แต่ปัญหาคืออีกฝ่ายไม่ใช่คนที่จะไปกวนใจได้
แม้เฉวียนหมิงจะอายุมากกว่าหนานหลิวเฟิงไม่กี่ปี แต่หลายปีนี้ที่เคยร่วมงานกัน เขาจึงพบว่าเฉวียนหมิงเป็นคนที่รับมือด้วยยาก ลูกชายตนยังอ่อนหัดไปหน่อย เขาไม่อยากถูกเฉวียนกรุ๊ปแก้แค้นเพราะเรื่องนี้
ตัวเขาเองไม่เป็นไร แต่ลูกชายตนอย่างไรที่ยังต้องรักษาศักดิ์ศรีบ้าง
หนานหลิวเฟิงเงยหน้าขึ้น แววตาไม่มีความรู้สึกผิด “พ่อครับ พ่อเข้าใจผิดแล้ว ผมแค่อยากพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าผมสามารถนำหนานกรุ๊ปได้ ผมมีศักยภาพนี้ ก็เท่านั้นเอง”
เขาจะไม่ยอมแพ้คนขี้โรคอย่างเฉวียนหมิงเด็ดขาด ดีขึ้นแล้วแล้วจะยังไง เขาไม่เชื่อว่าเฉวียนหมิงจะสุขภาพแข็งแรงอย่างต่อเนื่องได้ จะอย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ใครๆ ก็รู้เรื่องที่เฉวียนกรุ๊ปเสาะหาหมอที่มีชื่อเสียงไปทั่ว
เฉวียนหมิงไม่ได้แข็งแรงอย่างที่มองเห็นหรอก
“เฟิงเอ๋อ! พ่อเป็นพ่อแกนะ ระหว่างพ่อลูกไม่มีอะไรที่คุยไม่ได้ ฟังพ่อเถอะ ยอมถอย อย่าทำเรื่องที่จะทำให้ตัวเองเสียใจทีหลัง” ในเมื่อลูกชายตนไม่ยอมรับว่าสาเหตุมาจากผู้หญิงคนนั้น เขาจึงพูดเบี่ยงไปบ้าง
หนานหลิวเฟิงยิ้ม “พ่อวางใจเถอะครับ พยัคฆ์ย่อมไม่มีลูกเป็นสุนัข ผมจะไม่ทำให้พ่อผิดหวัง ยิ่งไม่รู้สึกเสียใจภายหลัง” ขอเป็นเพียงเส้นทางที่เขาเลือก ก็จะเดินต่อไป
ถ้าเขาไม่พิสูจน์ความสามารถของตัวเองให้คนอื่นรู้ แล้วจะทำให้คนอื่นมองเห็นความโดดเด่นของเขาได้อย่างไร
บางทีเมื่อก่อนในมหาวิทยาลัยเขาคือคนที่อีลั่วเสวี่ยเห็นว่าดีที่สุด แต่หลังจากที่เธอพบกับเฉวียนหมิง ได้เห็นเฉวียนหมิงที่มีอำนาจและมีหน้าตาหล่อเหลากว่า ทำให้เธอเปลี่ยนใจ
เขาเชื่อมั่นว่าหน้าตาของตนเองไม่ได้ด้อย ที่เหลือถ้าเหนือกว่าเฉวียนหมิงได้ก็ยิ่งดี เขาไม่เชื่อว่าอีลั่วเสวี่ยจะยินดีอยู่กับคนที่อายุสั้นอย่างนั้น!
อีลั่วเสวี่ยและเฉวียนหมิงไม่รู้ว่าเวลานี้หนานหลิวเฟิงไม่ใช่แค่ไม่ปล่อยวาง แต่ยังยอมทุ่มสุดตัว
ขณะที่ผู้เป็นพ่อกำลังจะพูดอะไร หนานหลิวเฟิงวางเอกสารในมือลง “พ่อครับ ผมเหนื่อยแล้ว ขอกลับไปก่อน พ่อวางใจได้ ในเมื่อผมกล้าทำผมก็คิดดีแล้วที่จะแบกรับผลที่จะเกิดตามมาเพราะเรื่องนี้”
นอกจากเขาแล้ว ยังมีคนที่คอยจ้องจะเล่นงานเฉวียนกรุ๊ป เขาไม่ได้สู้รบตามลำพัง
เขาไม่เห็นรอยยิ้มที่มุมปากลูกชายขณะที่หันหลังไป เป็นรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นในตัวเอง
“เฟิงเอ๋อ” หนานหลิวเฟิงเดินไปเร็วมาก ผู้เป็นพ่อยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา
หนานหลิวเฟิงปิดประตู ยกมุมปากขึ้น ไม่มีท่าทางเหนื่อยล้าสักนิด แล้วเดินไปที่ห้องของตนอย่างกระฉับกระเฉง
หลังจากผ่านการขัดเกลาที่บริษัทระยะหนึ่งแล้ว เวลานี้เขาไม่ละล้าละลังเหมือนตอนที่อยู่มหาวิทยาลัย กลับเฉียบขาดขึ้นมาก ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้าโต้แย้งกับบิดา ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาคงไม่กล้าทำ
นอกจากทางด้านสกุลหนานที่วุ่นวายเพราะเรื่องที่โครงการของเฉวียนกรุ๊ปถูกชิงไป ยังมีอีกบุคคลหนึ่งที่โกรธเกรี้ยวเพราะเรื่องนี้
“เพราะอะไรนี่! เพราะอะไร! ทำไมจู่ๆ หนานกรุ๊ปก็ทำแบบนี้” เฉวียนสืออยู่ที่คฤหาสน์หลังหนึ่ง ใบหน้าเคร่งเครียดขึ้นหลังจากอ่านรายงานและดูข่าวแล้ว
สุดท้ายก็ยกแฟ้มเอกสารฟาดโต๊ะ โมโหจนเส้นเอ็นนูนออกมา
“บอกฉันซิ นี่มันเรื่องอะไรกัน!” เขามองบอดี้การ์ด น้ำเสียงแข็งกร้าว พูดอย่างไม่พอใจ
ตอนที่ 366 นายท่านผู้เฒ่าโกรธมาก
บอดี้การ์ดขยับแว่นตา สีหน้าไร้ความรู้สึก เขาตอบ “สองครั้งก่อนซีเหมินหลงเซี่ยวซีอีโอแห่งไหลย่ากรุ๊ปจดงานเลี้ยงที่โรงแรมxx เชิญตระกูลไฮโซเมืองนี้เข้าร่วม นายน้อยก็ไปครับ
งานครั้งที่สองหนานหลิวเฟิงกับพวกก็เข้าร่วม นายน้อยหญิงไปกับนายน้อยด้วย แต่ตอนหลังนายน้อยละทิ้งการเข้าร่วมหุ้น ได้ยินว่า…เพราะคำแนะนำของนายน้อยหญิง”
“อะไรนะ? เธอบอกให้เจ้าหนูทิ้งหุ้น!”
บอดี้การ์ดกลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว จะอย่างไรนายท่านผู้เฒ่าก็เคยเป็นผู้ยิ่งใหญ่มาก่อน แม้จะอายุมากแล้ว แต่พอโมโหขึ้นมา ความน่าเกรงขามในตัวไม่ได้ลดลงกว่าในอดีตเลย เขารู้สึกถึงพลังคุกคามที่แปลกประหลาด
“ก็แค่ข่าวลือ นายท่านอย่าโมโห ระวังจะส่งผลต่อสุขภาพครับ”
เฉวียนสือกระแทกไม้เท้าในมือ “ไม่ต้องช่วยหาข้ออ้างให้เธอ ต้องเป็นสายตาแบบผู้หญิงแน่นอน ทิ้งโอกาสที่ดีไม่ไปช่วงชิง เจ้าหนูเฉวียนหมิง ข้าว่าคงจะเอาอย่างซังโจ้วอ๋อง* แน่นอน!” (หมายเหตุ : วังโจ้วอ๋องเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ซัง ทรงลุ่มหลงในอิสตรีจนทำให้อาณาจักรล่มสลาย)
นายท่านผู้เฒ่าโกรธจัด จ้องมองบอดีการ์ดอย่างใช้ความผิด “เรื่องไหลย่ากรุ๊ปพอจะให้อภัยได้ ส่วนหนานกรุ๊ปนั้น เรื่องราวเป็นยังไง” เขาไม่เชื่อว่าคนที่กุมหนานกรุ๊ปคนนั้นจะกล้าท้าทายกับเฉวียนกรุ๊ปอย่างเปิดเผยเช่นนี้
เรื่องนี้น่าจะมีเบื้องหลังอะไรแน่นอน
“นับจากที่คุณชายหนานรับช่วงบริษัทส่วนใหญ่ของหนานกรุ๊ป หนานกรุ๊ปก็ค่อยๆ ลดความร่วมมือกับกรุ๊ปเรา คราวนี้ยังแย่งชิงหลายโครงการไปจากเรา”
บอดี้การ์ดคอยรับหน้าที่ไปดำเนินการ ย่อมรายงานตามที่ตนได้ข่าวมา
“คุณชายหนาน? หนานหลิวเฟิง เจ้าหนูนั่นยังเรียนไม่จบไม่ใช่หรือ?” ถ้าเขาจำไม่ผิดน่าจะเป็นเช่นนี้ ส่วนหลายชายตัวเองใช้เวลาระยะหนึ่งจนเรียนจบมหาวิทยาลัย ส่วนเจ้าหนูนั่นยังเรียนอยู่
เพราะตระกูลหนานยังไม่อยากให้หนานหลิวเฟิงซึ่งอายุยังน้อยรับช่วงบริษัท อยากให้เขาศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ฝึกฝนขัดเกลาอยู่ข้างนอก
“เวลานี้คุณชายหนานเรียนอยู่ปีสามแล้ว ยัง…อยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับนายน้อยหญิง ตอนนี้เขาค่อยๆ เริ่มรับช่วงการบริหารของหนานกรุ๊ป ทำได้ดีจนผู้คนชื่นชม ในแวดวงธุรกิจพูดชมเขาไม่น้อยครับ”
ถึงตอนนี้ดวงตาเฉวียนสือกลอกไปมา “ประโยคก่อนหน้านั้นยังไม่จบใช่ไหม พูดต่อซิ”
บอดี้การ์ดทำท่าจะพูดแล้วชะงัก ในใจนึกอยากตบปากตัวเอง ทำไมถึงเผลอพูดเรื่องนี้ออกมา แต่เมื่อเผชิญกับแววตาของเฉวียนสือ เขาจำต้องยอมจำนน
“ลือกันว่า…ลือกันว่านายน้อยหญิงเคยแอบชอบคุณชายหนาน คุณชายหนานหวังในตัวเธอแต่ไม่สมหวัง จึงพุ่งเป้ามาที่นายน้อยของเรา นายท่านผู้เฒ่า ข่าวลือเชื่อถือไม่ได้ ผมคิดว่า…”
นายท่านผู้เฒ่ายกมือขึ้น ห้ามไม่ให้บอดี้การ์ดพูดต่อ “พอแล้ว ฉันคิดเองได้” ไม่ว่าเรื่องอะไรคงไม่เกิดขึ้นลอยๆ หรอก
ดูแล้วคงเพราะหลานชายตนเองใช้วิธีการที่ไม่เหมาะสมบังคับให้เธอแต่งงานกับเขา เธอยอมรับแค่เปลือกนอก ที่แท้กลับอยาก เป็นสายภายในประสานกับภายนอก ร่วมกับหนานหลิวเฟิงควบทั้งหนานกรุ๊ปด้วยใช่ไหม
พอบอดี้การ์ดเห็นเฉวียนสือเป็นเช่นนี้ก็ชะงัก แย่แน่ๆ นายท่านผู้เม้าโมโหแล้ว ยังท่าทางโกรธจัด เขานึกเสียใจ พวกตนไม่ควรไปยุ่งกับข่าวลือพวกนั้น
ถ้าพวกเขาไม่รู้ย่อมไม่พูดออกมา นายท่านผู้เฒ่าย่อมไม่รู้ น่าเสียดายตอนนี้พูดอะไรก็สายไปแล้ว
“ไปเตรียมหน่อย ฉันจะกลับไป” ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ถ้าไม่กลับไปสั่งสอนเจ้าหลานชายบ้าง คงจะทำนอกลู่นอกทางอีก
เพื่อผู้หญิงคนเดียว ทำให้เขาหลับหูหลับตา ยอมกินยายังไม่ว่า ยังยอมให้เธอย้ายออกไปอยู่ข้างนอก นี่เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนั้นไม่อยากอยู่กับเขาจริงๆ
หลังจากนายท่านผู้เฒ่าแน่ใจแล้วก็ยิ่งไม่พอใจ คิ้วขมวดแน่น หึ
ตอนที่ 367 เป็นคนที่รวยที่สุดในจักรวาล
ตรงกับสุดสัปดาห์พอดี เฉวียนหมิงนัดอีลั่วเสวี่ยออกมา สุดสัปดาห์ทั้งคู่จึงออกมาเที่ยวกัน แล้วพักที่คฤหาสน์ของเขา
“อาเสวี่ย น้ำแกงนี้ต้องตุ๋นสองชั่วโมงจึงจะอร่อย ถ้าคุณรู้สึกง่วงกลับไปพักที่ห้องก่อน ผมจะจัดการเอกสารเล็กน้อย เดี๋ยวก็กินมื้อเที่ยงได้แล้ว” เฉวียนหมิงมองอีลั่วเสวี่ยด้วยแววตารักใคร่
คิดดูแล้วก็ใช่ ตุ๋นน้ำแกงก่อน ส่วนกับข้าวจะกินแล้วค่อยผัดจะดีกว่า ไม่จำเป็นต้องเตรียมไว้ก่อน อีลั่วเสวี่ยพยักหน้า “ก็ดีค่ะ ฉันไปพัก คุณก็อย่าเหนื่อยเกินไป ต้องรู้จักพักบ้าง”
ที่จริงด้วยสภาพร่างกายของเฉวียนหมิงเขาควรจะพักรักษาตัว แต่เพราะเขาไม่ยอมแพ้ ทั้งนายท่านผู้เฒ่าก็แก่มากแล้ว เฉวียนหมิงไม่อยากอาศัยปู่คอยบริหารงานบริษัทเพื่อเลี้ยงดูตน
ดังนั้นเขาจึงรับช่วงเฉวียนกรุ๊ป แล้วทุ่มเทบริหาร เพราอย่างไรก็เป็นกิจการของครอบครัว ขณะนี้ไม่มีใครช่วยเขาดูแลงานได้ ต่อให้มี ถ้าต้องปล่อยให้คนนอกทำ พวกเขาย่อมไม่วางใจ
เขายังหนุ่มแน่น ถ้าทำอะไรไม่ได้เลย หากข่าวแพร่ออกไป เขาเองก็ทนไม่ได้ กิจการของครอบครัวที่บุกเบิกมาย่อมจะค่อยๆ ล่มสลายลง
“นายน้อย นายน้อยหญิง พวกคุณไปทำเรื่องอื่นเถอะ พอถึงเวลาผมจะเรียกพวกคุณเอง” เหล่าเกาอยู่ในครัวกำลังเตรียมส่วนประกอบต่างๆ ของอาหาร รวมทั้งเนื้อที่ต้องหมักไว้ก่อน พอได้ยินทั้งสองพูดก็รีบบอกทันที
ผัวเมียหนุ่มสาวคู่นี้ ถึงเวลานี้จึงค่อยเหมือนครอบครัวเดียวกัน ถ้านายท่านผู้เฒ่ากลับมา พอเห็นเข้าก็คงจะดีใจมาก
และแล้วเฉวียนหมิงและอีลั่วเสวี่ยก็ขึ้นไปชั้นบน ต่างกลับไปที่ห้องตนเอง
หลังจากอีลั่วเสวี่ยเข้ามาในห้องเดิมที่เธอเคยอยู่ ก็ผงะเล็กน้อย เกิดความรู้สึกที่คุ้นเคย การตกแต่งห้องยังคงเหมือนก่อนที่เธอจะจากไป ไม่มีอะไรเปลี่ยน
พอเปิดตู้เสื้อผ้าก็พบเสื้อผ้าใหม่เต็มตู้ ดูเหมือนเฉวียนหมิงจะเตรียมให้เธอ ถ้าเธอกลับมาแล้วต้องการเปลี่ยนเสื้อผ้าก็เปลี่ยนได้เลย ทั้งยังเป็นเสื้อผ้าแบบที่เธอชอบ
เธอรู้สึกเปี่ยมด้วยความสุขเล็กๆ ขึ้นมาทันที
“โอ้โห เจ้านาย เฉวียนหมิงไม่เพียงจีบสาวเก่ง ยังเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบมาก คริคริ ทำให้ข้าเองฉันอยากมีความรักบ้างแล้ว” ถ้ามีคนยินดีจ่ายเงินเพื่อมัน มันคงดีใจเป็นพิเศษ
ทำไมอีลั่วเสวี่ยจะคาดเดาความคิดของเจ้าลูกบอลเงินไม่ได้ สิ่งดีๆ ที่เธอเห็นจะเป็นน้ำใจ ส่วนเจ้านั่นมองเป็นเงิน เป็นธนบัตร
“ไปเลย ไปมีความรัก ดีที่สุดพาร้านค้าปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงอีกร้านกลับมา ทำให้ข้ากลายเป็นคนที่รวยที่สุดในจักรวาล!” คนที่รวยที่สุดในโลกจะแค่ไหนเชียว ต้องเป็นคนที่รวยที่สุดในจักรวาลจึงจะเจ๋งจริง
เจ้าลูกบอลเงินทำตาปริบๆ “เป็นคนรวยที่สุดในโลกยังพอจะทำได้ แต่ถ้าเป็นคนที่รวยที่สุดในจักรวาล ข้าขอเตือนว่าอย่าคิดจะดีกว่า”
“เพราะอะไร?” อีลั่วเสวี่ยสงสัย เธอถามพร้อมกับเดินไปมาในห้อง ไม่ได้มานานแล้ว มีความรู้สึกแปลกหน้าผสมกับความคุ้นเคยอย่างลางๆ
“ก็เพราะคนที่รวยที่สุดในจักรวาลอยู่ที่ดวงดาวข้างนอก เขาก็คือผู้ประดิษฐ์ร้านค้าปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงอย่างพวกข้า เจ้าอย่าเห็นว่าพวกข้าร้ายกาจขนาดนี้ ที่จริงข้าเพิ่งอายุห้าปีเท่านั้น ห้าปีก่อนกลุ่มบริษัทเราเพิ่งสร้างออกมา ระยะเวลาสั้นๆ เพียงห้าปี บริษัทเราก็กลายเป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในจักรวาล”
ขณะที่พูดเรื่องนี้ ท่าทางมันทั้งเคารพและซาบซึ้งใจ
“ไม่ใช่มั้ง? ข้ายังคิดว่าอย่างน้อยจะมีอายุนับร้อยปีขึ้นไป” อีลั่วเสวี่ยแปลกใจมาก สิ่งที่เรียกว่าเทคโนโลยีต่างดาวในอวกาศนี่ก้าวหน้าจริงๆ
“เจ้าคิดมากไปแล้ว” ลูกบอลเงินยิ้มร่า ขณะเดียวกันก็รู้สึกภาคภูมิใจมาก ในสายตาของมันเทคโนโลยี่ของโลกนี้ยังไม่ก้าวหน้าเท่าไร สำหรับโลกของมันแล้วก็แค่เท่ากับยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์เมื่อพันปีก่อน
อีลั่วเสวี่ยเบ้ปาก “ก็ได้ ถือว่าข้าคิดมาก ยังหวังว่าเจ้าจะไปดึงร้านค้าปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงกลับมาอีกร้าน ให้ข้าได้ลองรู้สึกถึงการมีร้านค้าปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงสองร้าน แต่ดูแล้วคงไม่มีความหวัง”
ตอนที่ 368 ท่านเองที่ไม่ให้เรียก
“อยากทิ้งข้าหรือไง? หรือว่ามีร้านค้าปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงอย่างข้าร้านหนึ่งแล้วยังไม่พอ ยังอยากได้เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งร้าน พูดถึงมือที่สามกับคู่ครองเดิม เจ้าคิดว่าเหมาะแล้วหรือ?”
มันยอมรับอีลั่วเสวี่ยเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง ถ้ามีร้านอื่นอีก จะเหมือนร้านเดิมได้อย่างไร ก็เหมือนบริษัท บริษัทแม่มีได้เพียงแห่งเดียว ที่เหลือเป็นได้เพียงเมียน้อย ไม่ใช่สิ เป็นได้เพียงบริษัทสาขา
อีลั่วเสวี่ยกลอกตา พูดอย่างเจ้าเล่ห์ว่า “หรือเจ้าไม่เคยได้ยินคำนี้ เมียฤาจะสู้เมียน้อยได้ แต่ว่าคนอย่างข้าก็มีหลักการ ข้าแค่ล้อเล่นเท่านั้น ฐานะเมียหลวงของเจ้าไม่เปลี่ยนหรอก”
ลูกบอลเงิน “หึ ค่อยยังชั่วหน่อย”
การที่เฉวียนหมิงยังรักษาห้องนี้ไว้ให้เธอ ทำให้อีลั่วเสวี่ยรู้สึกหัวใจอบอุ่น รู้สึกหัวใจหวั่นไหวเพราะความอ่อนโยนเอาใจใส่ของเฉวียนหมิง ที่แท้ความรู้สึกที่ได้รับการเอาใจใส่ดูแลจากคนอื่นช่างน่าปลื้มใจจริงๆ
ทุกอย่างเป็นเหมือนตอนที่เธอยังอาศัยอยู่ที่นี่ ราวกับว่าเธอไม่เคยจากไป อีลั่วเสวี่ยหมุนตัวรอบหนึ่ง นอนลงบนเตียงอันแสนอ่อนนุ่ม แล้วหลับตาลง
เฉวียนหมิงกลับมาที่ห้องทำงานในห้อง พอนึกถึงสีหน้าอีลั่วเสวี่ยซึ่งน่าจะเป็นเมื่อเธอเขาไปในห้อง เขาก็รู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
เขานั่งลงที่โต๊ะทำงาน เปิดมือถือและเอกสารบนโต๊ะ แล้วตรวจดูอย่างละเอียด
ไม่นานนักนอกคฤหาสน์ก็มีเสียงสองคันแล่นเข้ามา คันหน้าจอดก่อน บอดี้การ์ดในคันหลังรีบลงจากรถทันที มาเปิดประตูให้รถคันหน้า เฉวียนสือถือไม้เท้าเดินลงมาจากรถ
“นายท่าน” รปภ.ด้านนอกเปิดประตูเหล็กของคฤหาสน์ทันที
เฉวียนสือผงกหัวเล็กน้อย แล้วเดินตรงไปข้างหน้า พอเปิดประตูบ้านก็ได้กลิ่นอาหารหอมฉุยลอยมาจากครัว แต่เขากลับไม่เห็นใครเลย แล้วตรงไปนั่งที่โซฟาในห้องรับแขก
“นายท่านผู้เฒ่า ท่านกลับมาแล้ว?” เหล่าเกายืนอยู่หน้าประตูครัวด้วยความแปลกใจ แล้วรีบเช็ดมือตัวเอง เดินตรงมาอยู่หน้าเขา
“อืม เจ้าหนูล่ะ? ทำไมไม่เห็นเขา ยังแม่หนูคนนั้นด้วย อยู่ที่นี่หรือเปล่า?” เมื่อกี้ตอนที่เข้าบ้าน เขาเห็นรองเท้าผู้หญิงคู่หนึ่ง
เหล่าเกาพยักหน้า “นายน้อยจัดการเอกสารอยู่ที่ห้องทำงาน นายน้อยหญิงพักผ่อนอยู่ ผมจะไปเรียกพวกเขาครับ”
“ลุงเกา ไม่ต้องหรอกค่ะ” อีลั่วเสวี่ยยืนยิ้มอยู่บนระเบียงชั้นบน เธอประสาทไวมาก รู้ตั้งแต่ตอนที่เฉวียนสือมาถึงคฤหาสน์แล้ว เพราะเธอได้ยินเสียงรถ
อีลั่วเสวี่ยพูดจบก็เดินก็เดินลงบันไดมา มาอยู่ตรงหน้าเฉวียนสือ “นาย…นายท่านผู้เฒ่า”
“เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ ในฐานะที่เป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายของเฉวียนหมิง ทำไมเธอจึงเรียกว่าฉันอย่างนั้น? ถ้าคนข้างนอกได้ยินเข้า คงจะบอกว่าหลานสะใภ้คนนี้ของฉันไม่รู้เรื่องรู้ราวเลย?” เฉวียนสือไม่พอใจเมื่อได้ยินอีลั่วเสวี่ยเรียกตนเช่นนี้
มุมปากอีลั่วเสวี่ยกระตุกเล็กน้อย “ก็ครั้งที่แล้วท่านบอกเองว่าไม่ให้ฉันเรียกท่านว่าปู่ หรือว่าลืมไปแล้วหรือคะ?” ที่จริงเธออยากเรียกเขาว่าปู่หรอก แต่เธอเป็นคนที่ความจำดีมาก จำคำพูดของนายท่านผู้เฒ่าครั้งก่อนได้ชัดเจน
แต่ไหนเลยเฉวียนสือจะจำที่ตัวเองพูดได้ ต่อให้จำได้ก็แกล้งหาเรื่องเธอ
“เธอเถียงกับผู้ใหญ่อย่างนี้หรือ? ไม่รู้จริงๆ ว่าหลานฉันเห็นเธอดีตรงไหน” ไม่นอบน้อม ไม่ทำตัวดีๆ ก็ช่างเถอะ ยังตีสีหน้าแบบนั้น ทำให้ใครดูหรือ
ท่าทางเหมือนคุณหนูใหญ่ วางมาดใหญ่โตจริงนะ ก็แค่ลูกสาวบุญธรรมของบริษัทเล็กๆ ที่ล้มไปแล้ว ไม่มีวาสนาเป็นเจ้าหญิงแต่กลับเป็นโรคอยากเป็นเจ้าหญิง
“อาเสวี่ยไม่มีอะไรที่ผมเห็นว่าไม่ดีแม้แต่นิดเดียวครับ” ขณะที่อีลั่วเสวี่ยกำลังจะตอบ ก็มีเสียงเฉวียนหมิงดังขึ้นมาจากข้างบน พอเงยหน้าขึ้นมอง พบว่าเขาเดินออกมาจากห้อง ไม่รู้ว่ามองลงมาที่พวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
เฉวียนสือเห็นเช่นนั้นก็ร้องหึออกมาอย่างเย็นชา สีหน้าแย่ลงอีก
ตอนที่ 369 โยนโทสะไปที่อีลั่วเสวี่ย
ยิ่งเฉวียนหมิงคอยปกป้องอีลั่วเสวี่ย เฉวียนสือก็ยิ่งไม่พอใจเธอมากขึ้น
อีลั่วเสวี่ยเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกปวดหัว
เฉวียนหมิงมาอยู่ต่อหน้าปู่ของตน ก็ขมวดคิ้วแน่น “ปู่ครับ อยู่ดีๆ ทำไมถึงมาหาผม?” แม่ปู่จะอยู่ที่เมืองเอฟ แต่ที่ๆ ปู่อาศัยอยู่ค่อนข้างสงบเงียบห่างไกลผู้คน เหมาะแก่การพักฟื้น ดังนั้นปกติจะไม่มาที่นี่
บวกกับคฤหาสน์หลังนี้เฉวียนหมิงเป็นคนซื้อ เท่ากับเป็นบ้านเขาเอง ส่วนบ้านหลังเก่าเป็นที่ที่เขาอาศัยในวัยเด็ก
“หึ เจ้าหนู ที่พูดหมายความว่ายังไง คฤหาสน์ของแกไม่ต้อนรับปู่ใช่ไหม? หรือตั้งใจจะไม่ยอมรับปู่คนนี้แล้ว?” เฉวียนสือโกรธมาก กระแทกไม้เท้าในมือหลายที
เสียงพื้นหินอ่อนดังก้อง เหล่าเกามีสีหน้าจนใจ แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี แล้วปล่อยสนามรบให้ปู่กับหลานคู่นี้
สองคนนี้หรือ ระยะนี้ถ้าไม่ทะเลาะกันก็คงจะผิดปกติ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะรุนแรงไปหน่อย
เฉวียนหมิงขมวดคิ้ว เขาไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมปู่ของตนจึงบันดาลโทสะขนาดนี้ “ปู่ครับ วันนี้ปู่เป็นอะไรไป ใครยั่วให้ปู่โมโห?”
เขาพูดพลางดึงมืออีลั่วเสวี่ยให้นั่งลงบนโซฟา นายท่านผู้เฒ่าจ้องมองมือทั้งคู่ที่ประสานกันอยู่ แววตาราวกับจะดึงให้แยกออกจากกัน ไม่เช่นนั้นจะรู้สึกขัดสายตามาก
อีลั่วเสวี่ยย่อมรู้สึกเขินอายบ้าง โดยเฉพาะเวลานี้ ยิ่งรู้สึกว่าไม่ควรท้าทายความอดกลั้นของนายท่านผู้เฒ่า เธอค่อยๆ ดึงมือออก ประสานมือไว้บนหัวเข่า สองขาแนบชิดกันพิงข้างโซฟา
“ยังจะมีใคร ถ้าไม่ใช่เจ้าหนูอย่างแก ทั่วทั้งเมืองเอฟ มีสักกี่คนที่ที่กล้ายั่วโมโหฉัน?” สีหน้านายท่านผู้เฒ่าเย็นชา
เฉวียนหมิงดูเหมือนจะพอคาดเดาได้ลางๆ น่าจะเป็นเรื่องของบริษัท ปู่จึงโยนโทสะไปที่อีลั่วเสวี่ย
“งั้นหลานขอโทษท่านผู้เฒ่าตรงนี้เลย” เฉวียนหมิงเม้มริมฝีปากแล้วพูด
นายท่านผู้เฒ่าถลึงตาใส่อีลั่วเสวี่ย เสร็จแล้วหันมามองเฉวียนหมิง “ขอโทษ? วันนี้ดวงอาทิตย์คงขึ้นทางทิศตะวันตกแล้ว เจ้าหนูอย่างแกรู้จักขอโทษด้วย”
หลานชายคนนี้ของเขา ก่อนนี้ไม่ว่าเรื่องอะไร ถ้าคิดว่าตัวเองไม่ผิด ไม่เคยขอโทษ แต่วันนี้เขายังไม่ทันพูดว่ายินยอม ก็ขอโทษออกมาแล้ว เปลี่ยนไปจริงๆ เปลี่ยนจนไม่รู้จักรับผิดชอบ
“เฉวียนหมิง แกจะยั่วให้ปู่โมโหจนตายจึงจะพอใจใช่ไหม เรื่องบริษัทปู่ยังไม่ได้คิดบัญชีกับแก แล้วเรื่องไหลย่ากรุ๊ป เป็นยังไงกันแน่ แกคิดว่าเงินบนโลกนี้ แกหาได้พอแล้วหรือ? หือ ทำไมถึงทิ้งการเข้าร่วมหุ้น เพราะเธอใช่ไหม?”
ถึงตอนนีสีหน้าเฉวียนหมิงเย็นชาเล็กน้อย “ปู่ครับ ปู่มอบบริษัทให้ผมบริหาร ผมย่อมมีวิธีทำกำไรได้ นี่เป็นการตัดสินใจของผมเอง ปู่อย่าคิดว่าไม่ว่าเรื่องอะไรก็เป็นความผิดของอาเสวี่ย เธอไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ครับ”
“ผายลม! ฉันได้ยินคนที่ไปงานบอก เป็นเธอที่บอกให้แกทิ้งการร่วมมือกับไหลย่ากรุ๊ป” ไหลย่ากรุ๊ปเป็นถึงบริษัทข้ามชาติ หลายคนอยากร่วมมือด้วยยังไม่มีโอกาสด้วยซ้ำ
ตอนนี้โอกาสมาถึงประตูบ้านแล้ว กลับปล่อยทิ้งไป น่าโมโหจริงๆ
อีลั่วเสวี่ยขยับปากจะพูด แต่เฉวียนหมิงดึงมือเธอไว้ ตัวเขาพูดว่า “แต่ปู่ครับ คนที่ตัดสินใจคือผม ไม่เกี่ยวกับอาเสวี่ย หรือว่าตอนที่ปู่ตัดสินใจอะไร แค่คำพูดย่าคำเดียว ก็จะเปลี่ยนนโยบายหรือครับ?”
เขาไม่เคยพบย่าของตนเอง แต่เขารู้นิสัยปู่ของตนดี จึงใช้เหตุผลนี้มาโต้แย้ง
“แกนะแก!” นายท่านผู้เฒ่าโกรธจนไม่รู้จะโต้แย้งอย่างไร สายตาจ้องมาที่อีลั่วเสวี่ย
ทำไมต้องเป็นฉันอีกแล้ว อีลั่วเสวี่ยรู้สึกท้อใจ ตาแก่นี้จงใจหาเรื่องเดือดร้อนกับเธอ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็โยนมาที่เธอ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น