กับดักรักในรอยแค้น 356-363

  ตอนที่ 356 ลูกนี่ปากหวานจริงๆ


 


 


           ฉู่เจียเสวียนยิ้ม ยื่นลูกโป่งในมือให้เธอ “สาวน้อย นี่จ้ะ คืนลูกโป่งให้เธอ” ยื่นมือลูบหัวเด็กหญิง ดวงตาของฉู่เจียเสวียนเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม


 


 


           “ขอบคุณค่ะพี่สาว” หลังจากเด็กหญิงรับลูกโป่งมาและกล่าวขอบคุณกับฉู่เจียเสวียนอย่างอ่อนหวานแล้ว ก็วิ่งไปจากเธอ


 


 


           ฉู่เจียเสวียนมองดูแผ่นหลังของเด็กหญิงที่วิ่งจากไป ความรักของคนเป็นแม่ปรากฏอยู่ในดวงตา สูดหายใจลึกและถอนออกมาเบาๆ จากนั้นฉู่เจียเสวียนก็เดินไปยังห้างสรรพสินค้าใกล้เคียง


 


 


           นึกได้ว่าของใช้ในชีวิตประจำวันบางอย่างของตัวเองหมดแล้ว หลังจากไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้วเธอจึงเรียกรถกลับบ้าน


 


 


           เมื่อกลับถึงบ้าย พบว่าซูซานซานกำลังง่วนอยู่ในครัว


 


 


           “แม่คะ ทำอะไรอร่อยกินอีกเหรอคะ” ฉู่เจียเสวียนเดินไปหาซูซานซาน ยื่นมือโอบไหล่ของเธอพร้อมเอ่ยถาม


 


 


           “เธอกลับมาแล้วเหรอ” เห็นลูกสาวที่ปรากฏตัวกะทันหัน ซูซานซานเอ่ย น้ำเสียงมีความสุข มือยังคงทำงานไม่หยุด


 


 


           “ใช่ค่ะ อยู่ที่บริษัทไม่มีแรงบันดาลใจออกแบบเลย ก็เลยกลับมา” ฉู่เจียเสวียนพับแขนเสื้อขึ้น ช่วยซูซานซานทำกับข้าวด้วยกัน ตั้งแต่ที่เธอกลับมาจากเมืองนอก ก็ทำอาหารกับซูซานซานน้อยมาก


 


 


           เมื่อก่อนตอนที่อยู่ต่างประเทศ ฉู่เจียเสวียนยังทำอาหารกับซูซานซานเป็นครั้งคราว ตอนนี้หลังจากกลับมาแล้ว ฉู่เจียเสวียนก็ยุ่งมาก


 


 


           หลังจากทั้งสองคนทำอาหารในห้องครัวเสร็จแล้วและนำอาหารออกมาวางบนโต๊ะแล้ว จึงนั่งลงกินข้าว


 


 


           คีบซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานของโปรดของฉู่เจียเสวียนวางในถ้วยของเธอ จากนั้นเธอจึงเริ่มลงมือกิน


 


 


           “แม่คะ ฝีมือทำกับข้าวของแม่อร่อยขึ้นทุกวันเลย” ฉู่เจียเสวียนกัดซี่โครงเปรี้ยวหวานไปคำหนึ่งพร้อมกับพูด บนใบหน้ามีรอยยิ้มสดใส


 


 


           ซูซานซานยิ้ม “ลูกนี่ปากหวานจริงๆ”


 


 


           “หนูพูดความจริงนะโอเคหรือเปล่า ถ้าวันไหนแม่อยากเปิดร้านอาหารล่ะก็ หนูเชื่อว่าธุรกิจต้องบูมแน่ๆ แต่ว่า หนูไม่อยากให้แม่ทำกับข้าวให้คนอื่นกินหรอกนะคะ เพราะว่าแม่ต้องทำกับข้าวให้หนูกินคนเดียวเท่านั้น” ฉู่เจียเสวียนพูดกับซูซานซานไม่หยุดเหมือนกับเด็กน้อย และมีเพียงต่อหน้าเธอเท่านั้นที่ฉู่เจียเสวียนสามารถวางความระมัดระวังทั้งหมดลงได้


 


 


           “ลูกน่ะ ชอบพูดจาเหลวไหลอยู่เรื่อยเลย” ซูซานซานส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ มองดูเธอด้วยรอยยิ้มไม่หยุด


 


 


           “เอาล่ะ แม่คะ นี่ปลาที่แม่ชอบกิน พอกินเสร็จ หนูออกไปเดินเล่นกับแม่ดีไหมคะ เหมือนว่าหนูไม่ได้เดินเล่นกับแม่นานแล้ว” หลังจากฉู่เจียเสวียนกลืนอาหารลงไปแล้วก็พูดขึ้น ดวงตาที่งดงามมองซูซานซานตาไม่กระพริบ


 


 


           “ก็ได้” ซูซานซานตอบทันทีโดยไม่คิด ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการได้อยู่กับลูกสาวของเธออีกแล้ว


 


 


           หลังจากกินข้าว ในเขตวิลล่าเบอร์ลิน


 


 


           ในสวนสาธารณะ ฉู่เจียเสวียนจูงมือของซูซานซาน ทั้งสองคนเดินเคียงข้างกันไปอย่างช้าๆ บนใบหน้าของทั้งสองคนมีรอยยิ้ม


 


 


           “แม่คะ ความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของแม่คืออะไร” จู่ๆ ฉู่เจียเสวียนพูดขึ้น เอ่ยถามพร้อมมองซูซานซาน กวาดตาเห็นเก้าอี้ด้านข้าง ฉู่เจียเสวียนดึงซูซานซานไปนั่งแล้ว


 


 


           ซูซานซานได้ยินคำพูดของฉู่เจียเสวียนแล้วก็ยิ้ม ยื่นมือกุมมือที่เรียวสวยของฉู่เจียเสวียน


 


 


           “ตอนนี้แม่แค่หวังว่าเธอจะมีความสุข เแม่ไม่คิดเรื่องอื่นอีก” ตอนนี้เธอเพียงแค่หวังว่าเธอจะสามารถมีความสุขได้ เธอไม่กล้าคิดถึงเรื่องอื่นแล้วจริงๆ


 


 


           เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าสักวันหนึ่งจะได้พบกับลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง อีกทั้งยังได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับเธอ นี่คือชีวิตที่ดีที่สุดสำหรับเธอแล้ว


 


 


           “แม่คะ หนูไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้น หนูหมายถึงความฝัน เรื่องที่แม่อยากทำตอนที่แม่ยังเป็นสาว” เห็นได้ชัดว่าฉู่เจียเสวียนไม่พอกับคำตอบของซูซานซาน พูดต่อ


 


 


           สายลมยามค่ำคืนพัดโชยอยู่บนตัวทั้งสองคนแผ่วเบา นำพาความเย็นสดชื่นให้กับทั้งสองในวันของฤดูร้อน


 


 


           ทางนี้ ฉู่เจียเสวียนพูดคุยกับซูซานซานอย่างสบายใจ อีกทางหนึ่ง เผยหนานเจวี๋ยนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกกับคุณแม่เผย


 


 


           “หนานเจวี๋ย บริษัทของลูกตัดสินใจว่ายังไง” วันนี้เผยหนานเจวี๋ยประชุมกับผู้บริหารระดับสูงทั้งวัน หลังจากได้รับโทรศัพท์ของคุณแม่เผยแล้ว ก็กลับมาที่บ้านของแม่แล้ว


 


 


           “ไม่มีอะไรครับแม่ มีผมอยู่ยังไม่วางใจอีกเหรอ ผมไม่ใช่คนที่ยอมสูญเสียแล้วไม่ยอมปริปากพูดอะไรแน่นอน” เผยหนานเจวี๋ยยกมือขึ้นนวดๆ คิ้ว รู้สึกปวดหัว


 


 


           เดิมทีเหนื่อยมาทั้งวัน เขาควรกลับบ้านพักผ่อน แต่เมื่อนึกได้ว่าที่บ้านมีฉู่อีอี เผยหนานเจวี๋ยก็ให้คนขับรถมาส่งเขากลับบ้านของแม่โดยตรงแล้ว


 


 


           คุณแม่เผยได้ยินคำพูดของเผยหนานเจวี๋ยแล้ว สบายใจขึ้นมามาก เธอเข้าใจลูกชายของตัวเองดี เผยหนานเจวี๋ยจะเป็นคนที่ได้รับความสูญเสียแล้วเก็บงำไว้ได้อย่างไรกัน


 


 


           “งั้นก็ดี คืนนี้ลูกไม่ต้องกลับไปหรอก นอนที่นี่เถอะ” คุณแม่เผยกล่าว มองใบหน้าของเผยหนานเจวี๋ยที่เต็มไปด้วยความอ่อนล้า แววตามีความเจ็บปวด


 


 


 


 


     ตอนที่ 357 ตราบที่ไม่ใช่เธอก็พอแล้ว


 


 


           อีกด้านหนึ่ง ในวิลล่าบ้านเผย ฉู่อีอีนั่งอยู่บนโซฟารอเผยหนานเจวี๋ยทั้งคืน ผล็อยหลับไปบนโซฟาโดยไม่รู้ตัวแล้ว


 


 


           เช้าวันรุ่งขึ้น เสียงนกร้องดังมาจากข้างนอก ฉู่อีอีจึงตื่นช้าๆ ขยี้ตาที่ยังสะลึมสะลือเล็กน้อย ค่อยๆ ลืมตาขึ้น


 


 


           โคมระย้าคริสตัลบนเพดานปรากฏสู่สายตา หลังจากอึ้งไปครู่หนึ่ง ดึงสติกลับมา จึงพบว่าเธอหลับอยู่บนโซฟาทั้งคืน ไม่น่าล่ะถึงหลับไม่สบายเลย        


 


 


           ลุกขึ้นนั่ง ชำเลืองมองนาฬิกาบนผนัง แปดโมงแล้ว อ้าปากหาวแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน


 


 


           เมื่อคืนเผยหนานเจวี๋ยไม่ได้กลับมาจริงๆ ฉู่อีอีคิดไม่ถึงเลยว่าเผยหนานเจวี๋ยจะไม่กลับมา ตั้งแต่ที่เธอย้ายเข้าอยู่ที่นี่ เผยหนานเจวี๋ยไม่เคยไม่กลับมานอนบ้าน


 


 


           เข้าห้องนอนไป หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา จึงพบว่ามีข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน [คืนนี้อยู่ที่บ้านแม่ ไม่ต้องรอผมกลับไป]


 


 


           มันคือข้อความที่เผยหนานเจวี๋ยส่งให้เธอเมื่อคืน แต่ว่าตอนนั้นเธอไม่เห็น


 


 


           “ฮู่” ถอนหายใจเบาๆ ขอเพียงแค่ไม่ได้อยู่กับฉู่เจียเสวียนก็ดีแล้ว จิตใจที่เดิมทีไม่มีความสุข หลังจากเห็นข้อความแล้ว ก็ผ่อนคลายลงโดยสิ้นเชิง


 


 


           หลังจากอาบน้ำแล้ว ฉู่อีอีลงมาข้างล่างสั่งให้คุณแม่จางอุ่นน้ำแกง เดี๋ยวเธอจะเอาไปส่งให้เผยหนานเจวี๋ย ช่วงหลังนี้เผยหนานเจวี๋ยกดดันมาก ดังนั้นเธอจะต้องดูแลเขาให้ดีถึงจะถูก


 


 


           ตอนเที่ยง ฉู่อีอีหยิบกระติกเก็บความร้อนที่มีน้ำแกงเต็มอยู่ข้างใน หลังจากขึ้นรถแล้ว ก็ขับไปที่บริษัทของเผยหนานเจวี๋ย


 


 


           ที่กลุ่มบริษัทเผย เผยหนานเจวี๋ยกำลังจัดการกับงานบางอย่างด้วยความจริงจัง การประมูลคราวที่แล้วถูกแย่งไป ครั้งนี้เขาจะต้องพลิกสถานการณ์กลับมาอย่างสวยงามถึงจะถูก


 


 


           เสียง ‘ติ๊ง’ ดังขึ้น ประตูลิฟท์เปิดออก ฉู่อีอีเดินออกมาจากลิฟท์ เดินไปยังออฟฟิศของเผยหนานเจวี๋ยทันที


 


 


           ยกมือขึ้นเคาะประตู ฉู่อีอีไม่รอให้เผยหนานเจวี๋ยตอบก็เปิดประตูเข้าไปแล้ว


 


 


           “หนานเจวี๋ย คุณกินข้าวแล้วยัง ฉันเอาน้ำแกงมาให้คุณ” เดินเข้าไปหาเผยหนานเจวี๋นพร้อมกับพูด ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน


 


 


           เมื่อเงยหน้าเห็นฉู่อีอี เผยหนานเจวี๋ยอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง มองดูฉู่อีอีราวกับไม่เข้าใจว่าเธอมาทำอะไรที่นี่อีกแล้ว


 


 


           “คุณมาได้ยังไง” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปาก ไม่ได้สังเกตว่าน้ำแกงที่ฉู่อีอีเอามาตอนนี้วางอยู่บนโต๊ะทำงานของเขาแล้ว


 


 


           ได้ยินคำพูดของเผยหนานเจวี๋ย ฉู่อีอีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย มุ่ยปาก จากนั้นก็เอ่ยปากพูด “ฉันเอาน้ำแกงมาให้คุณนี่นา”


 


 


           “มา พวกเราไปดื่มน้ำแกงกันดีไหม” ฉู่อีอีกล่าว ยื่นมือต้องการจะจับมือของเผยหนานเจวี๋ย แต่ว่าเผยหนานเจวี๋ยนั่งอย่างมั่นคงดุจภูเขาไท่ซาน ไม่ขยับเขยื้อน


 


 


           “วางไว้ก่อนเถอะ เดี๋ยวผมค่อยดื่ม ตอนนี้ยังมีเรื่องด่วนที่ต้องจัดการ” เผยหนานเจวี๋ยพูดอย่างเฉยเมย ก้มหน้าตรวจทานเอกสารบนโต๊ะต่อ


 


 


           ตอนนี้เขายุ่งจริงๆ การแพ้ประมูลคราวก่อน บริษัทของเขาสูญเสียไปมากแล้ว ตอนนี้เขาจำเป็นต้องใช้เวลากับด้านนี้มากถึงจะถูก


 


 


           “หนานเจวี๋ย น้ำแกงเย็นแล้วจะไม่อร่อยนะ สารอาหารก็จะหายไปด้วย เรื่องงานเดี๋ยวค่อยจัดการไม่ได้เหรอ” ฉู่อีอีมองเผยหนานเจวี๋ยขมวดคิ้วแน่น ในใจรู้สึกผิด ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอ บริษัทของเผยหนานเจวี๋ยก็คงจะไม่สูญเสียแล้ว


 


 


           แต่ว่าเธอก็ถูกบีบจนปัญญา ถ้าหากเธอไม่ทำแบบนี้ เธอก็จะถูกเฉิงเฮ่าเปิดโปง


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยถูกฉู่อีอีกวนจนปวดหัว ในที่สุดก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปที่โซฟาพักผ่อน


 


 


           ฉู่อีอีดีใจ หยิบกระติกน้ำร้อนบนโต๊ะแล้วรีบพุ่งไปทันที


 


 


           นั่งลงข้างๆ เขา เทน้ำแกงในกระติกน้ำร้อนออกมา ยื่นให้เผยหนานเจวี๋ย


 


 


           เมื่อเห็นเผยหนานเจวี๋ยดื่มน้ำแกงไปคำใหญ่ ดวงตาของฉู่อีอีเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม หลังจากครุ่นคิดแล้ว ฉู่อีอีก็ตัดสินใจเอ่ยปากถาม


    ตอนที่ 358 มีหนอนบ่อนไส้


 


 


           “หนานเจวี๋ย ดูสิคุณยุ่งทั้งวันเลย บริษัทเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า” ฉู่อีอีกล่าว มองเผยหนานเจวี๋ยตาไม่กระพริบ ใบหน้าน้อยๆ ที่สวยงามสดใสมีความกังวล


 


 


           “เปล่า ในบริษัทอาจจะมีหนอนบ่อนไส้ เมื่อวานการประมูลล้มเหลว” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวอย่างอ่อนล้า หลังจากดื่มน้ำแกงในถ้วยหมดแล้ว ก็วางลงบนโต๊ะ


 


 


           หันหน้ามองฉู่อีอีที่นั่งอยู่ข้างๆ มองต่ำพร้อมถามเพิ่มเติม “อีอี สองวันนี้ คุณไม่ได้ทำอะไรใช่ไหม”


 


 


           มองเผยหนานเจวี๋ยที่ถามขึ้นมาฉับพลัน ฉู่อีอีตื่นตระหนกในใจ ทำไมจู่ๆ เขาถึงถามแบบนี้


 


 


           “หนานเจวี๋ย ทำไมจู่ๆ คุณถึงถามแบบนี้ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” ฉู่อีอีกล่าว มองเผยหนานเจวี๋ยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดวงตาเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม


 


 


           อันที่จริงแล้วหัวใจกำลังเต้นขึ้นๆ ลงๆ คาดเดาอยู่ในใจไม่หยุดว่าเขารู้อะไรแล้วหรือเปล่า


 


 


           “ไม่มีอะไร ก็แค่ถามดู” ละสายตา จากนั้นเผยหนานเจวี๋ยก็พูดขึ้น


 


 


           ถอนหายใจโล่งอกในใจ ความเงียบที่เป็นคำตอบของเผยหนานเจวี๋ยนั้น สำหรับเธอแล้วมันทำให้จิตใจสงบลง ยังดีที่เขาไม่รู้


 


 


           ริมฝีปากแดงยกยิ้ม กำลังต้องการจะพูดบางอย่าง เสียงเคาะประตูจากข้างนอกก็ดังขัดจังหวะสิ่งที่ฉู่อีอีต้องการจะพูด


 


 


           “เข้ามา” เสียงที่ทุ้มต่ำดังขึ้น หลังจากเลขาได้ยินแล้วก็เปิดประตูเดินเข้ามา หยุดยืนอยู่ด้านหน้าฉู่อีอีกับเผยหนานเจวี๋ย


 


 


           “ประธานเผย ตอนนี้คุณฉู่รออยู่ข้างนอกแล้วค่ะ” เลขากล่าว มองเผยหนานเจวี๋ยด้วยรอยยิ้มมืออาชีพบนใบหน้า


 


 


           ฉู่อีอีตื่นตกใจ ฉู่เจียเสวียน? เธอมาที่นี่ทำไมอีก ไม่น่าล่ะเมื่อกี้ตอนที่เผยหนานเจวี๋ยเห็นหน้าเธอถึงได้ประหลาดใจแบบนั้น ที่แท้เพราะฉู่เจียเสวียนกำลังจะมา


 


 


           ในใจยิ่งคิดยิ่งโมโห ไม่ยินดีกับความรู้สึกคับข้องใจของตัวเอง ทั้งๆ ที่เธอเป็นคู่หมั้นของเขา ทำไมตอนนี้ระหว่างพวกเราสองคนราวกับว่าไม่รู้จักกัน


 


 


           “อืม บอกให้เขาเข้ามาเถอะ อีอี ผมยังมีเรื่องต้องหารือกับฉู่เจียเสวียนนิดหน่อย คุณกลับไปก่อนเถอะ” เผยหนานเจวี๋ยพูดกับฉู่อีอี เมื่อได้ยินว่าฉู่เจียเสวียนมา หัวใจของเขาก็พองโตแล้ว


 


 


           อารมณ์ที่กลัดกลุ้มก่อนหน้านี้ผ่อนคลายลงมาเล็กน้อย


 


 


           “หนานเจวี๋ย พี่สาวมาที่นี่มีเรื่องงานอะไรคุยกับคุณอีกเหรอ” น้ำเสียงยกสูงขึ้นหลายระดับโดยไม่รู้ตัว สายตาที่มองเผยหนานเจวี๋ยก็มีความหึงหวงอย่างเห็นได้ชัด


 


 


           เมื่อเห็นสายตาที่หึงหวงของฉู่อีอีแล้ว อารมณ์ของเผยหนานเจวี๋ยที่ดีขึ้นมาได้อย่างยากลำบากนั้นก็หายวับภายในพริบตา


 


 


           “อีอี ฉู่เจียเสวียนเป็นตัวแทนของบริษัทกง ร่วมงานกับบริษัทของผม พวกมีสัญญาที่เซ็นต์ร่วมกันหลายฉบับ คุณอย่าคิดมากเลย กลับไปก่อนเถอะ” เผยหนานเจวี๋ยอธิบายกับฉู่อีอีอย่างอดกลั้น


 


 


           ตอนนี้บริษัทของพวกเขากับกลุ่มบริษัทกงทำงานร่วมกันจริงๆ อีกอย่างความร่วมมือระหว่างสองบริษัทยังเป็นความลับมาก เขาไม่ต้องการให้ปัญหาใดเกิดขึ้นจริงๆ


 


 


           “แต่ว่าหนานเจวี๋ย ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้เหรอ” ฉู่อีอีกล่าว สีหน้าไม่พอใจ เธอไม่ต้องการให้ฉู่เจียเสวียนกับเผยหนานเจวี๋ยอยู่กันตามลำพัง ในใจของเธอไม่สงบเป็นอย่างมาก


 


 


           สักวันหนึ่งเถอะฉู่เจียเสวียน ฉันจะต้องทำให้เธอหายไปจากโลกนี้อย่างแน่นอน


 


 


           “ถ้าหากคุณฉู่ไม่รังเกียจ จะฟังอยู่ข้างๆ ก็ได้นะคะ ถ้าหากทำแบบนี้แล้วจะทำให้คุณสบายใจขึ้น” เสียงที่เย็นชาสดใสดังมาจากนอกออฟฟิศ ทั้งสองคนหันไปมอง พบว่าฉู่เจียเสวียนกำลังเดินเข้ามาหาพวกเขา บนใบหน้ามีรอยยิ้มมีอาชีพ


 


 


           เห็นใบหน้าที่สดใส และเรือนร่างที่สูงโปร่งสมบูณ์แบบของฉู่เจียเสวียน หัวใจของฉู่อีอีโมโหจนแทบทนไม่ไหว


 


 


           เมื่อเผยหนานเจวี๋ยเห็นฉู่เจียเสวียนแล้วดวงตาเป็นประกายทันที แต่พอนึกถึงคำพูดของเธอ หัวใจของเขาก็จมดิ่งไม่หยุด


 


 


 


 


ตอนที่ 359 กระโถนอารมณ์


 


 


           “พี่คะ” ฉู่อีอีกล่าว มองฉู่เจียเสวียนแล้วยิ้ม ท่าทางเป็นมิตร


 


 


           ฉู่เจียเสวียนชำเลืองมองฉู่อีอีด้วยความเย็นชา ไม่รอให้เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยก็นั่งลงตรงข้ามพวกเขาแล้ว หยิบเอกสารในกระเป๋าออกมา ตั้งใจจะให้เผยหนานเจวี๋ยดู


 


 


           “คุณเผย ดูก่อนค่ะ ดูว่ามีปัญหาหรือเปล่า ถ้าไม่มีปัญหาล่ะก็ คุณเซ็นต์ชื่อตรงนี้ ฉันก็กลับไปรายงานได้แล้ว” ฉู่เจียเสวียนพูดขึ้น ยื่นมือผลักเอกสารไปตรงหน้าเผยหนานเจวี๋ย


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยชำเลืองมองฉู่เจียเสวียนด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็ละสายตา มองฉู่อีอีที่นั่งอยู่ข้างๆ พร้อมเอ่ย “อีอีคุณกลับไปก่อน”


 


 


           “หนานเจวี๋ย…”


 


 


           “กลับไป” เผยหนานเจวี๋ยไม่รอให้ฉู่อีอีพูดจบ ก็พูดตัดบทเธอ เขาไม่ได้คิดจะทำอะไรกับฉู่เจียเสวียนสักหน่อย เธอไม่เชื่อใจเขาขนาดนั้นเลยเหรอ


 


 


           ฉู่เจียเสวียนนั่งอยู่ตรงนั้นมองดูทั้งสองคนเย็นชา ท่าทีสูงส่ง ถึงอย่างไรก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ


 


 


           ในใจของฉู่อีอีหดหู่ หลังจาจ้องฉู่เจียเสวียนอย่างโกรธแค้นแล้ว จึงลุกขึ้นจากโซฟา เดินออกไปจากออฟฟิศ


 


 


           มองดูแผ่นหลังที่เกรี้ยวกราดของฉู่อีอี ฉู่เจียเสวียนอดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะในใจ เฮ้อ ดูท่าทางเธอคงจะคิดบัญชีนี้กับเธออีกแล้ว ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ทำอะไรเลย


 


 


           บางทีมนุษย์ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด ทั้งๆ ที่คุณไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ว่าคนบางคนมักจะชอบระบายอารมณ์กับคนอื่นอยู่เสมอ ทำให้คนอื่นเป็นกระโถนอารมณ์ของตัวเอง


 


 


           จนกระทั่งประตูออฟฟิศปิดลงแล้ว เผยหนานเจวี๋ยหยิบเอกสารบนโต๊ะขึ้นมาพลิกดู


 


 


           ฉู่เจียเสวียนนั่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ บนใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มมืออาชีพและเฉยเมย


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยถามคำเธอก็ตอบคำ และแน่นอนว่าคำตอบมีแค่เรื่องงานเท่านั้น


 


 


           “โอเค ไม่มีปัญหาแล้ว หวังว่าพวกเราจะร่วมมือกันอย่างราบรื่น” เผยหนานเจวี๋ยยื่นมือออกมาให้ฉู่เจียเสวียน ฉู่เจียเสวียนยิ้ม ยื่นมือจับมือเผยหนานเจวี๋ยกลับเบาๆ ขณะที่ต้องการจะดึงมือกลับนั้น เผยหนานเจวี๋ย


 


 


กลับจับมือของเธอแน่น


 


 


           ยิ่งดึงเขากลับยิ่งจับแน่น ขมวดคิ้วเข้าหากัน รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปแล้ว ดวงตาเปลี่ยนเป็นเย็นชา


 


 


           “คุณเผย ฉันรู้ว่าคุณอาลัยอาวรณ์ฉันมาก แต่ก็ไม่ต้องจับมือฉันไม่ปล่อยแบบนี้นี่นา เดี๋ยวถ้ามีใครมาเห็นเข้า ไม่แน่ว่าจะทำอะไรฉันอีก” เสียงที่ชัดเจนดังก้องอยู่ในออฟฟิศ สีหน้าของฉู่เจียเสวียนยิ่งเยือกเย็นลงเรื่อยๆ


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยขมวดคิ้วกับคำพูดของฉู่เจียเสวียน เธอพูดแบบนี้หมายความว่าอะไร เธอรังเกียจเขาขนาดนั้นเชียวหรือ


 


 


           “ระหว่างพวกเราไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนี้นี่นา” เผยหนานเจวี๋ยกล่าว มองฉู่เจียเสวียนด้วยแววตาที่มีคามรู้สึกซับซ้อน


 


 


           ทั้งๆ ที่ตอนนี้พวกเขาร่วมงานกันแล้ว เพราะอะไรเธอถึงยังเย็นชากับเขาเพียงนี้ หรือว่าเธอจะไม่สามารถทำดีกับเขาสักหน่อยจริงๆ เหรอ หรือแม้แต่ยิ้มให้เขาอย่างจริงใจสักครั้ง?


 


 


           จู่ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองน่าขันมาก เมื่อก่อนตอนที่เธอยังอยู่ข้างกาย เขารู้สึกรังเกียจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่ตอนนี้ เมื่อเธอปรากฏตัวอีกครั้ง เขาก็ถูกเธอดึงดูดอย่างประหลาด และต้องการจะอยู่ด้วยกันกับเธอ


 


 


           มุมปากยกยิ้ม ฉู่เจียเสวียนหัวเราะเยือกเย็น “คุณเผยพูดแบบนี้ตลกจังเลย ระหว่างพวกเราจะเป็นอะไรกันได้? ก็แค่คนร่วมงานกันเท่านั้น ปล่อยมือค่ะ”


 


 


           พูดจบ ฉู่เจียเสวียนออกแรงดึงจนมือหลุดจากมือของเผยหนานเจวี๋ย ดวงตาโตที่สดใสมองเผยหนานเจวี๋ยด้วยความเย็นชารุนแรง


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยในตอนนี้ยิ่งทำให้เธอเดาไม่ออกจริงๆ ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่


 


 


           อีกด้านหนึ่ง หลังจากฉู่อีอีพุ่งออกมาจากออฟฟิศของเผยหนานเจวี๋ยและเข้าไปนั่งในรถแล้ว โทรศัพท์มือถือดังขึ้น หยิบขึ้นมาดู


     ตอนที่ 360 ไปให้พ้น


 


 


           พบว่ามันคือข้อความของเฉิงเฮ่า ในใจของเธอยิ่งโมโห


 


 


           เปิดข้อความขึ้นมาดู พบว่าเฉิงเฮ่านัดเจอเธอ หลังจากครุ่นคิดแล้ว ฉู่อีอีตัดสินใจไปตามนัด


 


 


           พระอาทิตย์ค่อยๆ ลับขอบฟ้า เพิ่มภูมิทัศน์ที่สวยงามให้กับดินแดนนี้


 


 


           เวลาสองทุ่ม เผยหนานเจวี๋ยไม่ได้ขับรถกลับบ้าน แต่ขับรถไปที่บาร์ทันที


 


 


           ที่บาร์ร้องรำทำเพลง ไฟหลากสีส่องสลับไปมาไม่หยุด ชายหนุ่มและหญิงสาวบนฟลอร์เต้นรำกำลังเต้นอยู่ตลอดเวลา สีหน้ามีความสุข ตอนนี้ในบาร์มีคนไม่มากนัก เวลาเที่ยงคืนต่างหากที่เป็นช่วงเวลาสูงสุดของบาร์


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยเข้าไปที่เคาน์เตอร์บาร์และนั่งลง สั่งเหล้าที่มีความเข้มข้นสูงสุดกับบาร์เทนเดอร์ทันที อยู่ดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าอยู่ที่บาร์นั้น


 


 


           ดวงตาที่มืดมนเต็มไปด้วยลมหายใจเยือกเย็นสุดขีด ถ้าหากมองดูดีๆ แล้ว ยังสามารถเห็นความสิ้นหวังในแววตาส่วนลึกของเขา


 


 


           เอื้อมมือยกแก้วเหล้าขึ้น เงยหน้า แก้วเหล้าว่างเปล่าทันที


 


 


           บาร์เทนเดอร์เห็นว่าเขาดื่มเหล้าในแก้วหมดแล้ว ก็ยื่นให้เขาอีกแก้ว


 


 


           ที่บาร์ เผยหนานเจวี๋ยดื่มอย่างต่อเนื่อง บาร์เทนเดอร์เก็บแก้วเหล้าที่ว่างเปล่าของเขาอย่างเอาใจใส่ แล้วเปลี่ยนแก้วใบใหม่ให้เขาอย่างรวดเร็ว


 


 


           ยิ่งดื่มมากขึ้นเรื่อยๆ สมองก็เริ่มมีอาการร้อนผ่าว ความมืดมนปรากฏอยู่ในดวงตาของเขา ความคมกริบน้อยลงกว่าปกติ


 


 


           ที่ไม่ไกลนัก มีผู้หญิงคนหนึ่งจ้องมองเผยหนานเจวี๋ยอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นว่าตอนนี้เขากำลังเมาได้ที่แล้ว ก็เดินเข้ามาหาเขา “คุณคะ จะขอเลี้ยงคุณสักแก้วจะได้ไหม”


 


 


           บาร์เทนเดอร์เห็นผู้หญิงที่เดินเข้ามากะทันหัน ส่งสายตาดูถูกให้เธอ  เผยหนานเจวี๋ยเงยหน้า เห็นผู้หญิงที่ปรากฏตัวตรงหน้าฉับพลัน และในมือของเธอกำลังถือเหล้าแก้วหนึ่ง ในเวลานี้แก้วนั้นกำลังยื่นมาตรงหน้าของเขา


 


 


           ยื่นมือรับแก้วเหล้าในมือของผู้หญิงคนนั้น เงยหน้าดื่มรวดเดียวหมด “รสชาติไม่เลว”


 


 


           ผู้หญิงคนนั้นได้ยินแล้วรู้สึกเบิกบานใจ กล้าขึ้นมาอีกหน่อย เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงยั่วยวน “งั้นฉันจะรินให้อีกนะ?”


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยได้กลิ่นหอมของผู้หญิงคนนั้น สายตาเริ่มพร่ามัวเล็กน้อย มองดูเธอราวกับว่าเห็นฉู่เจียเสวียนกำลังส่งยิ้มให้เขา ริมฝีปากยกยิ้ม เสียงที่เปี่ยมด้วยแรงดึงดูดดังออกมาจากปากของเขา “คุณป้อนผมสิ”


 


 


           ผู้หญิงคนนั้นยิ่งได้ใจกว่าเดิม รอยยิ้มบนใบหน้ากว้างขึ้นเรื่อยๆ “คุณอยากดื่มแบบไหน”


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยยื่นมือชี้เหล้าส่งเดช จากนั้นก็เหยียดยื่นมือกอดผู้หญิงคนนั้น อ้าปากดื่มเหล้าที่เธอยกขึ้นจรดปากของเขา


 


 


           เห็นเผยหนานเจวี๋ยทีกำลังเมาได้ที่ ผู้หญิงคนนั้นเริ่มได้ใจ ยกมือขึ้นต้องการจะลูบคลำหน้าอกของเขา จู่ๆ เผยหนานเจวี๋ยราวกับสร่างเมา ผลักเธอออกไปทันที ผู้หญิงคนนั้นออกจากอ้อมอกของเขา และเซไปข้างหลังสองก้าวโดยไม่ทันตั้งตัว


 


 


           บาร์เทนเดอร์เห็นดังนี้ แสยะยิ้มด้วยความรังเกียจ ราวกับเขารู้อยู่แล้วว่าผลจะเป็นแบบนี้


 


 


           ผู้หญิงคนนั้นโกรธพร้อมเดินย่ำเท้ามาหาเผยหนานเจวี๋ยอีกครั้ง ถึงอย่างไรเขาก็ดื่มจนเมาขนาดนี้แล้ว เธอยังกำราบเขาไม่ได้อีกเหรอ


 


 


           “คุณคะ คุณไม่อยากให้ฉันดื่มเป็นเพื่อนแล้วเหรอ” ผู้หญิงคนนั้นเดินไปข้างๆ เผยหนานเจวี๋ย พูดด้วยเสียงอันไพเราะ


 


 


           ท่าทางที่ระมัดระวังนั้นทำให้เผยหนานเจวี๋ยรู้สึกสนใจ ตวัดนิ้วเรียกเธอ และกอดอยู่ในอ้อมแขนอีกครั้ง


 


 


           เธอป้อนเหล้าเผยหนานเจวี๋ยแก้วแล้วแก้วเล่า ในใจเพียงต้องการจะมอมเขา


 


 


           มองดูเผยหนานเจวี๋ยที่ตอนนี้เมามายมากขึ้นกว่าเดิม สายตาของเธอมีความตื่นเต้นอย่างบ้าคลั่ง ยื่นมือดึงๆ แขนเสื้อของเผยหนานเจวี๋ย “คุณคะ คุณเมาแล้ว ฉันส่งคุณกลับไปพักผ่อนดีไหม”


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยได้ยินคำพูดของเธอ ดวงตาที่พร่ามัวในตอนแรกเบิกกว้างทันที แววตาคมกริบ จ้องผู้หญิงคนนั้นเขม็งพร้อมพูดขึ้นเย็นชา “ไปให้พ้น!”


 


 


 


 


       ตอนที่ 361 ไปหาผู้หญิงข้างนอก


 


 


           สีหน้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันทำให้ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกสับสนเล็กน้อย ผู้หญิงคนนั้นตกใจ เมื่อเห็นสายตาที่เยือกเย็นของเผยหนานเจวี๋ยแล้ว ตัวของเธอก็สั่นอย่างรุนแรง ในที่สุดก็จากเขาไปอย่างไม่เต็มใจแล้ว


 


 


           เธอเสียเวลาทั้งคืนเพื่ออยู่เป็นเพื่อนเขา เพื่อต้องการมีความสัมพันธ์กับเขา คิดไม่ถึงว่าเขาจะพลิกหน้าได้เร็วกว่าพลิกหนังสือเสียอีก!


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยออกมาจากบาร์ ตอนที่กลับถึงวิลล่าก็เป็นเวลาตีสามครึ่งของตอนเช้าแล้ว


 


 


           เปิดประตูเข้าบ้าน เปิดไฟในห้องรับแขก เดินโซซัดโซเซเข้ามาในห้องรับแขก เห็นฉู่อีอีที่กึ่งพิงอยู่บนโซฟา เขาหยุดเดิน มองดูใบหน้าที่หลับใหลของฉู่อีอี


 


 


           ฉู่อีอีขมวดคิ้วแล้วลืมตา แสงไฟที่แยงตาทำให้เธอรู้สึกไม่สบาย “หนานเจวี๋ย คุณกลับมาแล้วเหรอ”


 


 


           หลังจากปรับเข้ากับแสงได้แล้ว ฉู่อีอีลุกขึ้นยืนทันที มองดูเผยหนานเจวี๋ยพร้อมเอ่ยปาก แววตามีรอยยิ้ม เธอนั่งรอเขาอยู่บนโซฟามาเจ็ดแปดชั่วโมงแล้ว


 


 


           “ทำไมคุณมานอนตรงนี้” เผยหนานเจวี๋ยขมวดคิ้วถาม


 


 


           ฉู่อีอีเดินเข้ามาหาเผยหนานเจวี๋ย จมูกได้กลิ่นเหล้าทันที ทันใดนั้นอารมณ์ของเธอหล่นวูบ


 


 


           เธอรอเขาที่บ้านนานขนาดนั้น เขาเที่ยวเตร่อยู่ข้างนอกงั้นเหรอ


 


 


           “ทำไมบนตัวของคุณถึงมีกลิ่นน้ำหอมผู้หญิง คุณไปหาผู้หญิงข้างนอกเหรอ” ฉู่อีอีถามตำหนิ แววตาเจ็บปวด


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยถูกฉู่อีอีกวนจนปวดหัวอย่างแรง ยกมือขึ้นนวดๆ คิ้ว “คุณเงียบสักทีได้ไหม”


 


 


           “หนานเจวี๋ย ทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้” ความโกรธของฉู่อีอีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เธอจะเงียบได้ยังไง


 


 


           ไม่รอเผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปาก ฉู่อีอีพูดขึ้น “ฉู่เจียเสวียนใช่ไหม คุณพูดสิ คืนนี้คุณไปอยู่กับเขาแล้วใช่ไหม”


 


 


           ได้ยินฉู่อีอีพูดถึงฉู่เจียเสวียน เผยหนานเจวี๋นรู้สึกรำคาญใจ ยื่นมือสะบัดมือของเธอออก “คุณอย่าเดาส่งเดช และอย่าพูดถึงเขาอีก”


 


 


           นึกถึงวันนี้ทีออฟฟิศ คำที่ฉู่เจียเสวียพูดกับเขา ‘คุณเผยคะ ตอนนี้พวกเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว’


 


 


           ‘ตอนนี้แฟนของฉันชื่อกงจวิ้นฉือ รบกวนคุณให้เกียรติกันหน่อย’


 


 


           ทุกคำพูดทุกประโยคของฉู่เจียเสวียนดังก้องอยู่ในหัวของเขาอย่างชัดเจน


 


 


           “งั้นคือใคร คุณพูดสิ!” ฉู่อีอีเอ่ยปากอย่างไม่ลดละ ยื่นมือดึงแขนเสื้อของเขาอีกครั้ง ดวงตาแดงก่ำ


 


 


           ยิ่งปวดหัวหนักกว่าเดิม เผยหนานเจวี๋ยยิ่งขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม จ้องเธอด้วยความหงุดหงิด ชักมือกลับอย่างไร้ปรานี “อย่าแตะต้องผม”


 


 


           เห็นได้ชัดว่าฉู่อีอีไม่ได้คาดหวังว่าเผยหนานเจวี๋ยจะถอนมือของเขาออก ทันใดนั้นเธอก็ทรุดตัวลงไปกับพื้น


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยมองฉู่อีอีที่นั่งลงไปกับพื้น เพียงแค่ชำเลืองมองเธออย่างเย็นชา ไม่ได้รู้สึกปวดใจ และไม่สนใจว่าเธอจะเจ็บปวดหรือไม่ หันหลังเดินขึ้นไปชั้นบนแล้ว


 


 


           ฉู่อีอีมองดูเงาของเผยหนานเจวี๋ยที่เดินตุปัดตะเป๋ ค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากพื้น แววตาเปี่ยมด้วยความเกลียดชัง


 


 


           เธอคิดมาตลอดว่าเขาไม่มีวันหักหลังเธอ แต่ว่าคิดไม่ถึงว่าตอนนี้เขาจะกลายเป็นแบบนี้ โหดร้ายกับเธอเพียงนี้


 


 


           เดิมทีเธอมักจะรู้สึกผิดที่มีความสัมพันธ์กับเฉิงเฮ่าเสมอมา แต่ว่าตอนนี้ความรู้สึกผิดในใจของเธอนั้นได้หายไปแล้ว


 


 


           แสงไฟสลัวทำให้เงาของฉู่อีอีเหยียดยาวขึ้น จ้องมองทิศทางที่เผยหนานเจวี๋ยหายไปเนิ่นนาน ครุ่นคิด  เธอนึกว่าเธอทำมากมายขนาดนั้น นึกว่าจะได้หัวใจของเขามาแล้ว แต่ว่าตั้งแต่ที่ฉู่เจียเสวียนกลับมา เธอก็พบว่าดวงตาของเขาเป็นประกายทุกครั้งที่มองฉู่เจียเสวียน


 


 


           ทำไมผู้ชายถึงเปลี่ยนใจได้ง่ายแบบนี้


 


 


           ทั้งๆ ที่เขาชอบเธอเมื่อสามปีก่อน ตอนนี้หัวใจของเขาถูกฉู่เจียเสวียนเอาชนะได้รวดเร็วขนาดนั้นเชียวหรือ


 


 


           ท่าทางที่เผยหนานเจวี๋ยโอบกอดกับผู้หญิงคนอื่นผุดขึ้นมาในหัว ความไม่สบายใจยิ่งหนักอึ้งขึ้น


 


 


           ทำไมระหว่างพวกเขาถึงได้กลายเป็นแบบนี้กันแน่


  ตอนที่ 362 เหตุผลที่ให้เธอจากไป


 


 


           หลับตาลงด้วยความอ่อนล้าเล็กน้อย เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งดวงตาของฉู่อีอีก็มีประกายบ้าคลั่ง จะต้องเป็นฉู่เจียเสวียนชั่วนั่นแน่ๆ!


 


 


           หรือว่าเผยหนานเจวี่ยจะชอบเธอเข้าแล้วจริงๆ เขายังไม่ลืมฉู่เจียเสวียนอยู่ตลอดเวลางั้นเหรอ


 


 


           นึกถึงท่าทางที่เจอฉู่เจียเสวียนวันนี้ในออฟฟิศ ฉู่อีอีก็โกรธสุดขีด หรือว่าหลังจากที่เธอไม่อยู่แล้ว ฉู่เจียเสวียนก็ยั่วเขา?


 


 


           เพียงครู่เดียวสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมาทันที ไม่ได้ เธอจะต้องคุยกับเธอให้รู้เรื่อง ไม่เช่นนั้นหากเธอปรากฏตัวต่อหน้าเผยหนานเจวี๋ยบ่อยๆ แบบนี้ ช้าเร็วเข้าสักวัน เผยหนานเจวี๋ยจะถูกเธอแย่งไปแน่นอน


 


 


           ยิ่งตกดึก ในใจของฉู่อีอีก็ตัดสินใจแน่วแน่ แล้วหันหลังขึ้นชั้นบนไปนอน


 


 


           เช้าตรู่วันต่อมา ฉู่เจียเสวียนเพิ่งจะออกจากบ้านก็ได้รับสายของฉู่อีอี


 


 


           “ฮัลโหล?”


 


 


           “มีเวลาไหม? พวกเราคุยกัน?” เสียงที่อ่อนโยนของฉู่อีอีลอยเข้าหูของฉู่เจียเสวียน


 


 


           “ฉู่อีอี? มีอะไรคุยในโทรศัพท์ไม่ได้เหรอ”


 


 


           “เก้าโมง เจอกันที่ร้านกาแฟอวิ๋นซั่ง” พูดจบ ฉู่อีอีก็วางหูทันที ไม่ให้โอกาสฉู่เจียเสวียนได้ปฏิเสธ


 


 


           มุมปากยกยิ้ม ฉู่อีอีไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดจริงๆ ยังคงหยิ่งยโสแบบนั้น


 


 


           หาเธอตั้งแต่เช้า จะต้องเป็นเพราะเผยหนานเจวี๋ยสินะ? สุดท้ายแล้วระหว่างพวกเธอก็ไม่มีอะไรน่าคุย ถ้าหากไม่ใช่เพราะเผยหนานเจวี๋ยแล้วล่ะก็ เธอก็ไม่เห็นเจตนาที่เธอต้องการจะพบเธอจริงๆ


 


 


           ฉู่อีอีนั่งอยู่ที่โต๊ะ ดวงตามองไปยังทิวทัศน์นอกหน้าต่าง นั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้น รอฉู่เจียเสวียนมา


 


 


           คิดถึงเรื่องทุกอย่างก่อนหน้านี้ ขอเพียงเธอต้องการ ไม่มีอะไรที่เธอไม่ได้ ฉู่เจียเสวียนแย่งไปจากเธอตั้งแต่เมื่อไรกัน แม้ตอนนี้ประสิทธิภาพการจู่โจมของเธอจะแข็งแกร่งขึ้นแล้วยังไงเหรอ? เธอก็มีวิธีแย่งเผยหนานเจวี๋ยคืนมาจากมือของเธอเหมือนกัน


 


 


           ดูเวลาใกล้จะสิบโมงแล้ว ฉู่เจียเสวียนยังไม่โผล่มา สีหน้าของฉู่อีอียิ่งดูไม่ได้


 


 


           เธอจะต้องตั้งใจแน่นอน รู้ว่าเธอจะรอเธออยู่ที่นี่ ฉะนั้นจึงมาสายขนาดนี้!


 


 


           เมื่อถึงเวลาสิบโมงยี่สิบนาที ฉู่เจียเสวียนจึงปรากฏตัวด้านหน้าร้านกาแฟ พอเห็นฉู่อีอีก็เดินไปนั่งข้างเธอทันที ยิ่งไม่ได้อธิบายใดๆ


 


 


           ฉู่อีอีหันมา สำรวจฉู่เจียเสวียนที่ยิ้มอย่างผ่อนคลาย ในใจยิ่งไม่สบอารมณ์


 


 


           เธอยังกล้ามากจริงๆ ปล่อยให้เธอรออยู่ที่นี่ตั้งนานขนาดนั้น และที่น่าโมโหที่สุดคือเธอไม่มีแม้แต่คำอธิบายเลยสักคำ!


 


 


           เห็นสีหน้าไม่พอใจของฉู่อีอี ฉู่เจียเสวียนไม่ได้รู้สึกผิดใดๆ หลังจากยกมือเรียกบริกรเพื่อสั่งกาแฟเย็นแล้ว จึงเอ่ยขึ้น “มีอะไรก็พูดมาเถอะ”


 


 


           ฉู่อีอีพยายามข่มความโกรธในใจ พูดขึ้น “พี่คะ พี่ไปจากที่นี่ดีหรือเปล่า อีกอย่างตอนนี้พี่ก็มีชื่อเสียงมาก ไม่ว่าพี่ไปที่ไหนก็จะต้องประสบความสำเร็จแน่นอน”


 


 


           ได้ยินคำพูดของฉู่อีอีแล้ว ฉู่เจียเสวียนหัวเราะ ดวงตาที่สดใสมองฉู่อีอีอย่างเย็นชา “แล้วเหตุผลที่ฉันต้องไปล่ะ?”


 


 


           “ขอแค่พี่ไปจากที่นี่ก็พอ พี่จะไปไหนก็ไม่เป็นไร ขอแค่พี่ไม่ปรากฏตัวต่อหน้าฉันกับเผยหนานเจวี๋ยก็พอแล้ว” ฉู่อีอีเอ่ย มองฉู่เจียเสวียนด้วยสีหน้าจริงจัง


 


 


           ฉู่เจียเสวียนหัวเราะเยาะในใจ นี่คือน้องสาวแสนดีของเธอเชียวนะ ต่อต้านเธอตั้งแต่เล็กจนโตก็ไม่เป็นไร แย่งสามีของเธอไปก็ไม่เป็นไร ตอนนี้คิดไม่ถึงว่าจะกล้าขอร้องให้เธอจากไป? เธอคิดว่าเธอเป็นใคร?


 


 


           เธอนึกว่าเธอยังเป็นฉู่เจียเสวียนเมื่อสามปีก่อนงั้นเหรอ เธอกลับมาและผ่านอะไรมากมายขนาดนั้น เธอยังมองเห็นความจริงได้ไม่ชัดอีกเหรอ เธอไม่ใช่คนที่พวกเขาจะควบคุมได้ตั้งนานแล้ว


 


 


 


 


       ตอนที่ 363 คิดซะว่าฉันขอร้องเธอ


 


 


           “คุณฉู่เป็นโรคความจำเสื่อมหรือเปล่าคะ ฉันไปรบกวนชีวิตของคุณกับเผยหนานเจวี๋ยตั้งแต่เมื่อไรกัน ฉันติดต่อกับเขาเพราะเรื่องงานเท่านั้น นอกจากเรื่องงานแล้ว ฉันไม่เคยไปมาหาสู่กับเขาเลย คำว่า ‘รบกวน’ สองคำนี้มันมาจากไหน”


 


 


           “พี่เคยเป็นภรรยาของเขามาก่อน ฉันเข้าใจความคิดของพี่ดี นี่คือเงินสิบล้าน พี่เอาเงินไป แล้วไปจากที่นี่ดีไหม คิดซะว่าฉันขอร้องพี่ล่ะกัน” ฉู่อีอีมองฉู่เจียเสวียนพร้อมเอ่ย แววตาเปี่ยมด้วยความวิงวอน


 


 


           ขอเพียงเธอจากไป ระหว่างเธอกับเผยหนานเจวี๋ยก็จะไม่มีปัญหาใดๆ อีกแล้ว และจะไม่มีอุปสรรคใดๆ อีก


 


 


           “คุณนึกว่าคุณเป็นใคร ฉันจะให้คุณยี่สิบล้าน แล้วคุณออกไปจากเมืองนี้ดีหรือเปล่า” ฉู่เจียเสวียนประชดประชันกลับ


 


 


           แววตาที่มองฉู่อีอีเหมือนกับกำลังมองตัวตลกอย่างไรอย่างนั้น สิบล้าน ขอเพียงฉู่เจียเสวียนต้องการ เธอจะหาเงินสิบล้านเมื่อไรก็ได้


 


 


           “แก!” ฉู่อีอีโมโห คิดไม่ถึงว่าฉู่เจียเสวียนจะพูดแบบนี้ ตอนนั้นในใจโมโหจนแทบทนไม่ไหว พูดไม่ออกเลยสักคำ


 


 


           ใช่สิ ด้วยชื่อเสียงของฉู่เจียเสวียนในตอนนี้ ถ้าเธอต้องการเงินไม่กี่นาทีก็หาได้แล้วไม่ใช่เหรอ เธอจะมองเงินสิบล้านได้อย่างไร


 


 


           “ฉู่อีอี ฉันจะบอกคุณนะ ถ้าจะให้ฉันออกไปจากเมืองนี้น่ะ เป็นไปไม่ได้หรอก แทนที่จะลงแรงไปกันฉัน สู้คุณคิดวิธีดูแลคุณคนนั้นของคุณจะดีกว่า”


 


 


           “แล้วก็ หาเรื่องฉันให้น้อยๆ หน่อย ไม่งั้นไม่ช้าก็เร็วเธอจะเสียเปรียบ” ฉู่เจียเสวียนพูดจบก็ลุกขึ้น หยิบกระเป๋าต้องการจะออกไปจากร้านกาแฟ


 


 


           ฉู่อีอีมือไว ยื่นมือรั้งฉู่เจียเสวียนที่กำลังจะออกไป ออกแรงจนฉู่เจียเสวียนขมวดคิ้ว


 


 


           หันไป ก็เห็นความเกลียดชังและความบ้าคลั่งในแววตาของฉู่อีอี ในใจของฉู่อีอีไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย


 


 


           “เธอจำเรื่องที่ลอกเลียนแบบคราวก่อนได้ไหม ถ้าหากเธอไม่ฟังฉัน ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆ แน่นอน แล้วก็ ถ้าเธอไม่อยากให้เพื่อนที่อยู่ข้างกายเธอได้รับอันตรายล่ะก็ เธอฟังฉันจะดีที่สุด!” ฉู่อีอีข่มขู่


 


 


           “ที่แท้เรื่องคราวก่อนเป็นฝีมือคุณ” ฉู่เจียเสวียนยิ้มเย็นชา ไม่ได้สนใจคำขู่ของฉู่อีอีเลยแม้แต่น้อย ส่วนเพื่อนข้างกายเธอ ใช่ว่าเธอบอกว่าอยากจะรังแกก็รังแกได้


 


 


           “ฉันทำแล้วยังไง เธอจะทำอะไรฉันได้ สุดท้ายเผยหนานเจวี๋ยก็ยังปกป้องฉันไม่ใช่เหรอ” ฉู่อีอีมองเธอเอ่ยปากท้าทาย แววตาเปี่ยมด้วยความภาคภูมิใจ


 


 


           ที่แท้เธอรู้ตั้งนานแล้วว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของฉู่อีอี ไม่น่าล่ะ เธอหาเท่าไรก็หาหลักฐานไม่เจอ


 


 


           ปลายนิ้วกำแน่น ยิ้มเยาะในใจ เผยหนานเจวี๋ย คุณทำแบบนี้ได้อย่างไร หรือว่าไม่ว่าฉู่อีอีจะทำอะไร คุณก็จะปกป้องเธองั้นเหรอ


 


 


           “ฉู่อีอี เธอกลายเป็นแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไร ไม่ใช่แค่สามปีที่แล้ว แต่ทำไมเธอถึงกลายเป็นคนชั่วร้ายแบบนี้ หรือว่าเมื่อก่อนเธอซ่อนเร้นได้ดีเกินไป?” ฉู่เจียเสวียนกล่าวเย็นชา มองดูน้องสาวคนนี้ที่เติบโตมาด้วยกัน แววตาเปี่ยมด้วยความผิดหวัง


 


 


           ตอนแรกเธอนึกว่าเพราะเธอชอบเผยหนานเจวี๋ยมากเกินไปจึงได้ทำอะไรกับเธอมากมายเพียงนี้ แต่ว่าตอนนี้ดูแล้ว เธอมองฉู่อีอีอย่างอ่อนโยนเกินไป


 


 


           หรือว่านี่คือธาตุแท้ของเธอสินะ?


 


 


           แววตายิ่งเยือกเย็นลงเรื่อยๆ ฉู่เจียเสวียนมองฉู่อีอี พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ฉู่อีอี ใส่หน้ากากนานเกินไปมันจะถูกกระชากเข้าสักวันนึง ฉันตั้งตาคอยจริงๆ หลังจากวันที่เผยหนานเจวี๋ยรู้โฉมหน้าที่แท้จริงของเธอแล้ว จุดจบของเธอจะเป็นยังไง”


 


 


           เสียงที่เยือกเย็นมืดมนดังออกมาจากปากของฉู่เจียเสวียน ความมืดมัวในสายตาทำให้ฉู่อีอีหวาดกลัว


 


 


           ก้าวเท้าเดินเข้าใกล้ฉู่อีอี ฉู่อีอีรู้สึกถึงความกดดันในทันที


 


 


           เมื่อเห็นความหวาดกลัวในสายตาของฉู่อีอี ฉู่เจียเสวียนยิ้มอย่างสง่างามจนทำให้ไม่สามารถละสายตาได้ ฉู่อีอีอึ้งไปชั่วขณะ จนกระทั่งเสียงของฉู่เจียเสียนดังขึ้น เธอจึงดึงสติกลับมา


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม