ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด 356-363
ตอนที่ 356 ต้องช่วยเขาให้ได้
ตอนนี้ได้ยินคำพูดของหมอหลัว เธอรู้แล้วที่เซียวเหยี่ยนดูปลอดภัยไร้กังวลนั้นเพราะเขาอดกลั้นไว้ ไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วสถานการณ์ของเซียวเหยี่ยนอันตรายขนาดนี้ ก่อนหน้านี้นางยังลากเซียวเหยี่ยนมาคุยเล่นอยู่เลย เมื่อนึกถึงตรงนี้ขึ้นมา หลิงอวี้จื้อก็รู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง
ด้วยอารามกระวนกระวาย หลิงอวี้จื้อจึงจับชายแขนเสื้อของหมอหลัวไว้แน่น
“หมอหลัว ข้าขอร้องท่าน ท่านต้องหาวิธีช่วยเขาให้ได้นะเจ้าคะ”
หมอหลัวชักแขนเสื้อตนเองออกด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วน
“แม่นาง ข้าเป็นหมอ ช่วยชีวิตรักษาคนเป็นหน้าที่ของข้า หากช่วยได้ ข้าย่อมต้องช่วยอย่างสุดความสามารถ
เพียงแต่คุณชายท่านนี้บาดเจ็บสาหัส ซ้ำยังประวิงเวลาไปนานมาก หากร่างกายเขาไม่แข็งแรง ก็คงตายไปแล้ว ตอนนี้เขาเหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายเท่านั้น
หากอยากให้เขาฟื้นขึ้นมาต้องให้เขารีบกินสมุนไพรเซียนหลินจือ เช่นนี้ถึงยังพอจะรักษาชีวิตเขาไว้ได้ ตอนนี้ข้าจ่ายยาให้ก่อน คงจะยื้อไว้ได้ประมาณสามวัน
ในระยะเวลาสามวันนี้คุณชายท่านนี้จะยังไม่สิ้นลม พวกท่านต้องหาสมุนไพรเซียนหลินจือมาให้ได้ภายในสามวัน มิเช่นนั้นต่อให้เป็นเทพเทวดาก็ช่วยชีวิตคุณชายท่านนี้เอาไว้ไม่ได้”
หลิงอวี้จื้อไม่เคยได้ยินสมุนไพรเซียนหลินจืออะไรนี่มาก่อน มีเวลาแค่เพียงสามวัน ต้องไปหาสิ่งนี้ที่ไหนกันล่ะ นางหันไปมองมั่วชิง นางมีความรอบรู้ ย่อมรู้จักที่อยู่ของสมุนไพรเซียนหลินจือแน่นอน
มั่วชิงรู้ว่าหลิงอวี้จื้อร้อนใจ แม้แต่นางเองก็ร้อนใจ พูดด้วยความลำบากใจ
“คนหนู สมุนไพรเซียนหลินจือหายากมาก และอยู่บนเขาเทียนซานเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องยากเช่นกัน เขาเทียนซานห่างจากที่นี่ประมาณพันลี้ จะไปเอาสิ่งนี้จากเขาเทียนซานย่อมไม่ทัน จะเอาสมุนไพรเซียนหลินจือมาให้ได้โดยเร็วที่สุดตอนนี้ มีเพียงวิธีเดียว…”
“วิธีใดหรือ”
ดวงตาหลิงอวี้จื้อเป็นประกาย ถามต่อทันที
“สำนักอู๋จี๋ปลูกสมุนไพรเซียนหลินจือไว้สองต้น”
ได้ยินชื่อสำนักอู๋จี๋ แววตาหลิงอวี้จื้อก็หมองหม่นลง เพิ่งจะหนีออกจากสำนักอู๋จี๋มาได้ ไม่ต้องพูดว่าเข้าไปไม่ได้ แม้เข้าไปได้ เจียงสือก็ไม่มีทางเอาสมุนไพรเซียนหลินจือให้พวกเธอ เซียวเหยี่ยนรอไม่ได้แล้ว ไม่นานเธอก็นึกถึงคนๆ หนึ่งได้ เธอตัดสินใจแล้ว ตอนนี้คนที่ช่วยเซียวเหยี่ยนได้ก็มีแต่นางแล้ว
หมอหลัวได้ยินชื่อสำนักอู่จี๋ สีหน้าก็เปลี่ยนไป
“โอ้ แม่นาง พวกเจ้าไปหาสำนักอู๋จี๋อะไรนั่นไม่ได้นะ ที่นั่นเป็นสำนักมาร”
หมอหลัวทำความสะอาดและพันแผลให้เซียวเหยี่ยนทันที เมื่อทำเสร็จแล้ว สาวใช้ก็ยกน้ำมาหนึ่งกะละมัง หมอหลัวล้างคราบเลือดบนมือออก
“หมอหลัว ท่านรีบจ่ายยาให้อาเหยี่ยนเถิด! ขอบคุณเจ้าค่ะ เรื่องสมุนไพรเซียนหลินจือ พวกเราค่อยคิดอีกที”
หมอหลัวถอนหายใจเบาๆ
“ชายหนุ่มรูปงามขนาดนี้ หากตายไป ก็น่าเสียดายจริงๆ เรื่องอื่นก็ให้เป็นไปตามบุญวาสนาแล้วกัน พวกท่านใครจะไปหยิบยากับข้า”
“ข้าไปเอง ท่านหมอ เชิญทางนี้”
อู่จิ้นทำท่าเชิญ ออกไปกับหมอหลัวก่อน
หลิงอวี้จื้อนั่งข้างขอบเตียง นึกได้ว่ามั่วชิงก็จับชีพจรเป็น แววตามีประกายความหวังเส้นสุดท้าย
“มั่วชิง เจ้ามาจับชีพจรอาเหยี่ยนอีกรอบ ดูสิว่าหมอหลัวตื่นตูมเกินไปหรือไม่”
มั่วชิงพยักหน้า ยื่นมือมาจับชีพจรเซียวเหยี่ยน สีหน้าหม่นหมองทันใด
“หมอหลัวพูดถูกต้องทุกประการเจ้าค่ะ ชีพจรของท่านอ๋องอ่อนแรงมากจริง เป็นสัญญาณที่ไม่ดีเจ้าค่ะ”
หลิงอวี้จื้อกุมมือเซียวเหยี่ยนแน่น
“นอกจากสมุนไพรเซียนหลินจือแล้วไม่มีวิธีอื่นเลยหรือ”
“คราวนี้หมอหลัวพูดไว้ไม่มีผิดเจ้าค่ะ”
“มั่วชิง เจ้าไปหยิบเสื้อผ้าสะอาดมาชุดหนึ่ง ข้าอยากเปลี่ยนชุดให้อาเหยี่ยน”
มั่วชิงพยักหน้า แล้วออกไป
พอมั่วชิงไปแล้ว ชุนเหนียงก็ตามออกไปด้วย อยู่ต่อก็ช่วยอะไรไม่ได้ สู้ไปช่วยมั่วชิงดีกว่า
ตอนที่ 357 อวี้จื้อ ขอโทษ
หลิงอวี้จื้อนั่งข้างเตียงอย่างเหม่อลอย มองเซียวเหยี่ยนที่อยู่บนเตียงไม่วางตา เธอโง่จริงๆ เขาได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี้ นึกไม่ถึงว่าก่อนหน้านี้จะไม่รับรู้เลยว่าเขาแทบทนไม่ไหวแล้ว
“อวี้จื้อ เจ้าอย่าเศร้าเกินไปเลย ต้องมีวิธีอีกสิ ข้าจะไปหาพี่รองของข้า”
หลิงอวี้จื้อส่ายหน้าเบาๆ
“ไปหานางมีประโยชน์อะไร แผลนี้นางเป็นคนแทง นางอยากฆ่าอาเหยี่ยนจนแทบทนไม่ไหว จะมาช่วยอาเหยี่ยนได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าก็เข้าสำนักอู๋จี๋ไม่ได้ นี่อวิ๋น ข้าอยากอยู่กับอาเหยี่ยนเพียงลำพัง เจ้ากลับห้องไปพักผ่อนก่อนเถิด!”
“เหตุใดพี่รองช่างกล้าขนาดนี้”
มู่หรงนี่อวิ๋นรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ ถึงแม้ว่าปกติพี่รองของเขาจะค่อนข้างร้ายกาจ แต่นั่นก็เป็นอารมณ์เล็กๆ น้อยๆ ไม่สามารถหาญกล้าได้ขนาดนี้ หลายปีมานี้เขาไม่เคยเห็นพี่รองทำเรื่องอุกอาจอะไรเลย
“เจ้าอย่าลืมว่าตอนนี้นางเป็นผู้คุมกฎของสำนักอู๋จี๋ นางกับพี่สาวเจ้ามีความคิดเดียวกัน เกลียดข้ากับอาเหยี่ยนสองคนเข้ากระดูก นี่อวิ๋น เจ้าอย่าเอาเรื่องมาปนกันอีกเลย”
“ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าพี่รองจะทำเรื่องเช่นนี้ได้ อวี้จื้อ ขอโทษ”
มู่หรงนี่อวิ๋นรู้สึกผิดมาก เขาไม่อยากทำร้ายหลิงอวี้จื้อ และทำไม่ลงด้วย นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ จะมีพี่รองที่เป็นคนสำนักอู๋จี๋ขึ้นมา
เห็นมู่หรงนี่อวิ๋นคอตก ท่าทางรู้สึกผิดต่อเธอ หลิงอวี้จื้อได้แต่รู้สึกขำ
“เรื่องนี้ไม่โทษเจ้าสักหน่อย นี่อวิ๋น เจ้าจะมารับผิดมั่วๆ เพื่ออะไร ข้าเป็นคนไม่รู้จักแยกแยะคุณโทษอย่างนั้นหรือ
คนที่ควรพูดขอโทษคือข้าต่างหาก คราวนี้ข้ากับนางเสมอกันแล้ว หากนางลงมือกับพวกเราอีก ข้าก็จะไม่ปรานีนางเพียงเพราะนางเป็นพี่รองของเจ้า”
“หากนางรู้ไม่รู้จักกลับตัว ข้าก็จะไม่ยกโทษให้นาง เจ้าไม่ต้องนึกถึงข้า อวี้จื้อ เรื่องนี้ ข้ายืนอยู่ข้างเจ้าแน่นอน”
หลิงอวี้จื้อออกจะนึกไม่ถึงว่ามู่หรงนี่อวิ๋นจะพูดเช่นนี้ เห็นหน้าตาเขาจริงจัง หลิงอวี้จื้อก็รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น รู้สึกซาบซึ้งใจมาก เธอส่งรอยยิ้มสดใสให้มู่หรงนี่อวิ๋น
“ไม่เสียแรงที่คบเจ้าเป็นเพื่อน เจ้ารีบไปพักเถิด ที่นี่มีข้าก็พอแล้ว”
“เจ้าเป็นสาวเป็นนาง จะสะดวกเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาได้อย่างไร เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ข้าเถิด”
หลิงอวี้จื้อพูดอย่างไม่ยี่หระ
“ข้าไหว้ฟ้าดินกับเขาไปแล้ว หากว่ากันตามหลัก ตอนนี้ข้าเป็นฮูหยินของอาเหยี่ยนแล้ว ข้าไม่รังเกียจ เจ้าจะรังเกียจอะไร เจ้าเป็นชายชาตรีจะมาเปลี่ยนเสื้อผ้าชายอื่นไม่กระอักกระอ่วนใจหรือ”
“เจ้า…เจ้า…”
เมื่อเจอเข้ากับคำอธิบายของหลิงอวี้จื้อ มู่หรงนี่อวิ๋นก็พบว่าตนเองรู้สึกหมดคำพูด
ถึงแม้รู้ว่าสองคนนี้จะแต่งงานกันไม่ช้าก็เร็ว การกระทำใกล้ชิดสนิทสนมเช่นนี้ก็เป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อทำเรื่องเช่นนี้ต่อหน้าต่อตาเขาจริงๆ เขาก็รู้สึกค่อนข้างอึดอัด บางเรื่องก็ต้องทำเป็นไม่เห็นจริงๆ
“ไม่ต้องมาเจ้าแล้ว เรียนอะไรก็ไม่ดี รู้จักแต่จะเรียนพูดจาติดอ่าง เชื่อข้า รีบไปเสียเถิด!”
หลิงอวี้จื้อพูดพลางก็ดันมู่หรงนี่อวิ๋นจากด้านหลังให้ก้าวเดินไปพลาง ดันจนเขาออกไป มู่หรงนี่อวิ๋นเห็นหลิงอวี้จื้อมีสีหน้าอ่อนล้า จึงทำได้เพียงออกไปก่อน
เขาเหลือบมองหลิงอวี้จื้อหนึ่งครั้ง เห็นนางฝืนยิ้มออกมา ไม่รู้เหตุใดถึงรู้สึกปวดใจ เขาหวังให้นางมีชีวิตที่ดี ไร้ความกังวลทุกวัน เป็นเหมือนอย่างตอนที่เขาเพิ่งรู้จักนางใหม่ๆ ไปตลอด พูดตามที่ใจคิด หัวเราะอย่างเปิดเผย
ตอนนี้เองมั่วชิงหยิบเสื้อผ้าสะอาดเข้ามาหนึ่งชุด ส่วนชุนเหนียงยกน้ำมาหนึ่งอ่าง
หลิงอวี้จื้อกับมั่วชิงช่วยกันเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เซียวเหยี่ยน สัมผัสโดนผิวหนังของเขา พบว่าตัวเขาร้อนดั่งไฟลวก เคราะห์ร้ายจริงๆ ไข้ขึ้นสูงแล้ว เป็นช่วงเวลาแผลติดเชื้อน่ะสิ
ตอนที่ 358 ดูแลใกล้ชิด
ยุคนี้ไม่มียาแก้อักเสบกับยาปฏิชีวนะด้วย ต้องหักดิบแล้ว
“คุณหนู อาการท่านอ๋องไม่ค่อยดี ตัวร้อนจี๋เลยเจ้าค่ะ”
“เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
หลิงอวี้จื้อบังคับให้ตนเองให้อยู่ในอาการสงบ ตอนนี้เธอจะตระหนกไม่ได้ และห้ามลนลานด้วย ต้องรวบรวมสติทั้งหมดมาดูแลเซียวเหยี่ยน เมื่อก่อนนี้เขาคอยช่วยเธอทำนั่นทำนี่มาตลอด ตอนนี้ควรถึงตาเธอดูแลเขาบ้าง
เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว หลิงอวี้จื้อให้ชุนเหนียงไปตักน้ำเย็นสะอาดมา และหาเหล้าขาวมาหนึ่งขวด ไม่มียาลดไข้ ทำได้เพียงลองใช้วิธีระบายความร้อนทางกายภาพไปก่อน
“มั่วชิง เจ้าพอจะมีวิธีติดต่อเฟิงอิ๋นหรือไม่”
มั่วชิงเข้าใจเจตนาของหลิงอวี้จื้อทันใด จึงรีบเอ่ยปากห้ามปราม
“คุณหนู ไปหาเฟิงอิ๋นไม่ได้นะเจ้าคะ นางมีเจตนาอย่างนั้นกับท่านอ๋องมาตลอด หากคุณหนูให้โอากาสนาง นางจะต้องฉวยโอกาสนี้ขออะไรเกินเลยแน่นอน”
หลิงอวี้จื้อมองเซียวเหยี่ยนที่อยู่บนเตียงด้วยสายตาว่าเปล่า ไม่มีอาการยิ้มหัวเราะเหมือนแต่ก่อน
“ตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือรักษาชีวิตของอาเหยี่ยนเอาไว้ นางก็ไม่อยากให้อาเหยี่ยนตาย มิเช่นนั้นตอนที่พวกเราจะออกมา นางคงไม่ลงมือกับมู่หรงกวานเสวี่ย มั่วชิง ตอนนี้มีเพียงนางเท่านั้นที่จะช่วยชีวิตอาเหยี่ยนได้”
“หากเฟิงอิ๋นบอกให้คุณหนูไปจากท่านอ๋องล่ะเจ้าคะ คุณหนูจะทำอย่างไร”
หลิงอวี้จื้อเงียบ ตอนที่มั่วชิงนึกว่าเธอคงไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ จู่ๆ หลิงอวี้จื้อก็ยิ้มออกมา
“เจ้ากังวลเรื่องนี้ทำไม อย่างไรข้าก็ยังมีชีวิตอยู่ เรื่องในภายภาคหน้าค่อยว่ากันเถิด
หากนางยื่นเงื่อนไขเช่นนี้จริง ก็ยังถือว่าข้าได้กำไร ข้ายังกลัวว่านางต้องการเอาชีวิตข้าไปแลกกับสมุนไพรเซียนหลินจือเสียอีก ขอเพียงยังมีชีวิตอยู่ อะไรก็เกิดขึ้นได้ สิ่งสำคัญตรงหน้าคืออะไร คือต้องรักษาชีวิต ไม่มีชีวิตแล้ว อย่างอื่นก็หมดสิ้นไปด้วย”
หลิงอวี้จื้อจงใจใช้น้ำเสียงสบายๆ ตอบคำถามมั่วชิง เพราะไม่อยากให้มั่วชิงกังวลแทนเธอ พอพูดจบ หลิงอวี้จื้อก็น้ำตารื้น เธอกระพริบตาปริบๆ ร้องไห้ไม่ได้ ค่อยร้องตอนคนตายโน่น
นี่เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยเซียวเหยี่ยนไว้ได้ ไม่ว่าเรื่องอะไร เธอก็รับปากได้ทั้งนั้น เพราะเธออยากให้เซียวเหยี่ยนมีชีวิตต่อไป
“คุณหนู…”
มั่วชิงยังอยากเกลี้ยกล่อมต่อ แต่ไม่รู้ว่าจะเกลี้ยกล่อมอย่างไร
“เมื่อก่อนพวกเจ้าเป็นผู้คุมกฎ ต้องมีวิธีอะไรติดต่อกันแน่นอน มั่วชิง เรื่องนี้ข้าตัดสินใจแล้ว เจ้าไปจัดการเถิด! ยิ่งเร็วยิ่งดี อาเหยี่ยนรอไม่ได้แล้ว”
สุดท้ายมั่วชิงก็รับปาก
“ตกลงเจ้าค่ะ ข้าจะไปติดต่อเฟิงอิ๋น”
หลิงอวี้จื้อค่อยโล่งใจหน่อย
“รีบไปเถิด ข้าดูแลอาเหยี่ยนเอง”
ชุนเหนียงยกน้ำมาหนึ่งอ่าง ในมือถือเหล้าขาวหนึ่งขวด หลิงอวี้จื้อให้ชุนเหนียงไปพักผ่อนก่อน พอเอาผ้าขนหนูชุบน้ำแล้ว ก็เอาผ้าขนหนูวางบนหน้าผากของเซียวเหยี่ยน
จากนั้นก็เอาเหล้าขาวลูบคอกับรักแร้รวมถึงบริเวณหน้าอกของเซียวเหยี่ยน
พออู่จิ้นได้ยามาแล้วก็กลับมาที่ห้อง หลิงอวี้จื้อก็มีเรื่องจะถามอู่จิ้นพอดี จึงเรียกให้อู่จิ้นมาตรงหน้า
“อู่จิ้น เจ้าเล่าให้ข้าฟังดีๆ สิว่าพอท่านอ๋องมาที่อำเภอฉางหนิงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
มาถึงขั้นนี้แล้ว อู่จิ้นก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังหลิงอวี้จื้ออีก เขาคิดสักครู่ จึงเอ่ยปาก
“นายท่านมาอำเภอฉางหนิง เพื่อเอายาถอนพิษหลงโฉมงามจากเฟิงอิ๋นขอรับ ยาถอนพิษที่ไทเฮาเคยประทานให้ท่านอ๋องไม่สามารถถอนพิษทั้งหมด
ก่อนนี้นายท่านก็ไม่รู้ว่าเฟิงอิ๋นเป็นคนของสำนักอู๋จี๋ นึกว่านางเป็นคนในยุทธภพ
พบเฟิงอิ๋นครั้งนี้ นายท่านแสร้งทำเป็นใกล้ชิดเฟิงอิ๋น เพื่อจะล่อเอายาถอนพิษหลงโฉมงาม แต่กลับรู้ตัวตันที่แท้จริงของเฟิงอิ๋นโดยมิได้ตั้งใจ ซ้ำยังถูกเฟิงอิ๋นพาตัวไปสำนักอู๋จี๋
ข้าน้อยหลบหนีได้ จึงนำคำบัญชาของท่านอ๋องไปหาแม่ทัพหลี่ เรื่องราวจากนั้นคุณหนูคงรู้ชัดเจนกว่าข้าน้อย”
ตอนที่ 359 คุณหนูสมควรได้รับการปฏิบัติเช่นนี้จากนายท่าน
เซียวเหยี่ยนรีบร้อนอยากถอนพิษหลงโฉมงามก็เพื่อจะได้แต่งงานกับเธอได้อย่างราบรื่น เขาไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเธอ ได้แต่ให้เธอรอเขา และไม่อยากให้เธอกังวล เซียวเหยี่ยนไม่ใช่คนพูดเยอะอยู่แล้ว อีกทั้งยังไม่ชอบอธิบายเรื่องราวต่างๆ อีกหลายเรื่อง
คิดไม่ถึงว่าจะเจอเรื่องราวพลิกผันมากมายเช่นนี้ สองคนจับพลัดจับผลูไปเจอกันที่สำนักอู๋จี๋ ผ่านช่วงนี้ไปแล้ว เธอเห็นชัดเจนแจ่มแจ้งว่าตนเองรักเซียวเหยี่ยนมากเพียงใด เขามีความสำคัญกับเธอมากเพียงใด สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของเธอเสียอีก
แม้เขาจะทำให้เธอโกรธแทบตาย เธอก็ยังคำนึงถึงความปลอดภัยของเซียวเหยี่ยน
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกแบบนี้กับคนคนหนึ่ง เมื่อก่อนเธอยังไม่รู้ตัว ตอนนี้พอคิดอย่างละเอียด ตั้งแต่ใจเธอมีเซียวเหยี่ยน นับวันเธอยิ่งคิดถึงซ่งเฉิงน้อยลง ราวกับว่าซ่งเฉิงเป็นประวัติศาสตร์ที่ผ่านไปยาวนานแล้ว
“เรื่องราวหลังจากนั้นข้ารู้ ตอนนี้เรื่องเร่งด่วนที่สุดคือช่วยชีวิตท่านอ๋อง ข้ามีวิธีแล้ว อู่จิ้น มีเรื่องหนึ่งที่เจ้าต้องรับปากข้า ไม่ว่าข้าจะทำอะไร ต่อหน้าท่านอ๋องเจ้าห้ามปากมาก ข้าไม่อยากให้เขารู้สึกผิด”
นัยน์ตาอู่จิ้นมีแววตกใจ
“คุณหนู ท่านจะทำอะไร”
“เจ้าไม่ต้องสนใจว่าข้าจะทำอะไร อู่จิ้น เจ้าต้องรับปากข้า เจ้าเป็นคนข้างกายท่านอ๋อง ย่อมต้องอยากให้ท่านอ๋องสบายดี”
“แต่คุณหนูเป็นคนที่ท่านอ๋องเป็นห่วงที่สุด หากคุณหนูเป็นอะไรไปเพราะท่านอ๋อง ท่านอ๋องก็คงไม่สบายใจเช่นกัน”
น้ำเสียงของหลิงอวี้จื้อผ่อนคลาย
“ข้าจะเป็นอะไรไปได้อย่างไร ข้าไม่ทำเรื่องโง่ๆ เช่นการเอาชีวิตไปแลกชีวิตหรอก เจ้าวางใจได้ ไม่ใช่เรื่องอะไรใหญ่โต ข้าถือว่าเจ้ารับปากข้าแล้วนะ อย่างไรข้าก็ไม่ได้ให้เจ้าทำอะไร แค่ระวังปากตนเองก็พอ”
“ข้าน้อยรับทราบ เมื่อก่อนข้าน้อยยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดนายท่านถึงชอบคุณหนูขนาดนี้ ตอนนี้ข้าน้อยเข้าใจแล้ว คุณหนูสมควรได้รับการปฏิบัติเช่นนี้จากนายท่านขอรับ”
หลิงอวี้จื้อหัวเราะลั่น
“แหม อู่จิ้น สุดยอด เจ้าก็เข้าใจพูดเหมือนกันนะ เอาละ เจ้าก็ไปพักผ่อนเถิด ที่นี่มีข้าก็เพียงพอแล้ว”
“ข้าน้อยขอตัวขอรับ”
อู่จิ้นออกไปอย่างรู้งาน
เมื่ออู่จิ้นไปแล้ว หลิงอวี้จื้อก็ทำงานต่อ
“อาเหยี่ยน นึกไม่ถึงเลยว่าท่านจะตัวร้อนขนาดนี้ ร้อนเร่าราวกับไฟ ท่านเห็นข้าแล้วตื่นเต้นขนาดนี้เชียวหรือ ทำเอาข้าทำตัวไม่ถูกแล้วนะ ท่านก็รู้ว่าข้าหน้าบางมากนะ”
หลิงอวี้จื้อพูดเองตอบเอง ก้มตัวลงเช็ดตัวให้เซียวเหยี่ยน ผมยาวย้อยปะหน้าเซียวเหยี่ยน ลื่นไหลผ่านหน้าเซียวเหยี่ยนไป ราวกับขนนกอย่างไรอย่างนั้น
เช็ดไปประมาณสองชั่วโมง หลิงอวี้จื้อก็รู้สึกว่าเซียวเหยี่ยนตัวไม่ร้อนมากแล้ว ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก สุดท้ายก็ไม่เสียแรงที่ทำลงไป
“อวี้จื้อ…”
เซียวเหยี่ยนที่ยังหลับตาอยู่ส่งเสียงงึมงำ
“อาเหยี่ยน ท่านพูดอะไรนะ”
เสียงของเซียวเหยี่ยนแผ่วเบามาก หลิงอวี้จื้อได้ยินไม่ชัด รีบเอาหูไปใกล้ๆ ปากเซียวเหยี่ยน แล้วก็ได้ยินเซียวเหยี่ยนเรียกชื่อเธออีกครั้ง
หลิงอวี้จื้อแสบจมูกทันที พูดเบาๆ ข้างหูเซียวเหยี่ยน
“ข้าอยู่เป็นเพื่อนท่านตรงนี้ไง อาเหยี่ยน ท่านต้องรีบดีขึ้นนะ จะปีใหม่แล้ว ท่านบอกข้าว่าจะอยู่โต้รุ่งข้ามปีกับข้าไง ท่านเป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องพูดคำไหนคำนั้นนะ”
ขนตาของเซียวเหยี่ยนขยับไหว ดูเหมือนอยากจะลืมตา หลิงอวี้จื้อไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งนี้ เช็ดตัวให้เซียวเหยี่ยนต่อ เพิ่งจะวางผ้าขนหนูลงบนหน้าผากเซียวเหยี่ยน จู่ๆ เซียวเหยี่ยนก็จับมือหลิงอวี้จื้อ
หลิงอวี้จื้อดีใจทันใด
“อาเหยี่ยน ท่านฟื้นแล้วหรือ”
เซียวเหยี่ยนพยายามลืมตา ใบหน้าขาวซีดราวกับกระดาษ อยากยื่นมือไปจับหน้าหลิงอวี้จื้อ เพียงแต่มือไม่มีแรงเลย ยกขึ้นได้ครึ่งทางก็ดูเหมือนจะยกไม่ขึ้นแล้ว
ตอนที่ 360 ข้าจะไม่ทิ้งเจ้า
หลิงอวี้จื้อจับมือเขาขึ้นมาแนบหน้าตนเอง
“อาเหยี่ยน ท่านรู้สึกไหม ข้าอยู่ตรงนี้”
“ข้าไม่เป็นอะไร อวี้จื้อ เจ้าอย่ากลัว ข้าไม่เป็นอะไรจริงๆ”
เซียวเหยี่ยนรวบรวมแรงพูดกับหลิงอวี้จื้อ เห็นได้ชัดว่ากำลังฝืนตัวเองอยู่
“ข้าจะไม่ทิ้งเจ้า”
หลิงอวี้จื้อพยักหน้าติดต่อกัน
“ข้ารู้ ข้ารู้อยู่แล้ว ท่านเป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ยมบาลเห็นท่านยังต้องอ่อนข้อถอยให้เก้าสิบลี้ จะเอาตัวท่านไปได้อย่างไร ดีขึ้นบ้างหรือยังเพคะ”
เซียวเหยี่ยนชี้ริมฝีปากตัวเอง เสียงต่ำมาก
“ตรงนี้ร้อน”
หลิงอวี้จื้อจ้องเซียวเหยี่ยนเขม็ง เวลาเช่นนี้ยังรู้จักหยอกเธออีก เธอไม่พูดพร่ำทำเพลง โน้มตัวลงไปจุมพิตริมฝีปากของเซียวเหยี่ยน
ริมฝีปากของเซียวเหยี่ยนร้อน ส่วนริมฝีปากของหลิงอวี้จื้อเย็น หนึ่งร้อนหนึ่งเย็นเกี่ยวพันกัน
เซียวเหยี่ยนหลับตาลง ไม่ขยับเขยื้อนแล้ว เห็นเซียวเหยี่ยนปิดตา ดูเหมือนหลับไปแล้ว หลิงอวี้จื้อก็ถอนริมฝีปากออก รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เซียวเหยี่ยนตื่นขึ้นมาเพื่อพูดให้เธอสบายใจ เขารู้ว่าเธอจะเป็นห่วงและหวาดกลัว
“เซียวเหยี่ยน รีบฟื้นขึ้นมานะ ข้าจะรอท่าน”
หลิงอวี้จื้อพูดเสียงต่ำข้างๆ หูเซียวเหยี่ยน แล้วเช็ดตัวให้เซียวเหยี่ยนต่อ
คืนนี้ เธอไม่จากห้องของเซียวเหยี่ยนไปไหน ได้แต่คอยทำซ้ำอยู่แบบนี้ไม่หยุด ไม่อนุญาตให้ใครมาช่วย สุดท้ายเธอก็ไม่รู้ว่าตนเองหลับไปตอนไหน
ลืมตาขึ้นมาอีกที เธอก็ปีนขึ้นขอบเตียงเซียวเหยี่ยนไปแล้ว เธอนวดต้นคอที่เมื่อยขบ สิ่งแรกที่ทำคือดูอาการของเซียวเหยี่ยน เซียวเหยี่ยนยังคงไม่ได้สติ ยื่นมือออกไปแตะๆ หน้าผากของเซียวเหยี่ยน ยังดีที่ไม่ร้อนเหมือนเมื่อวานแล้ว
เมื่อคืนนับว่าไม่เสียแรง ไม่มียา ก็ได้แต่ใช้วิธีโง่ๆ แบบนี้แหละ
มู่หรงนี่อวิ๋นเปิดประตู เดินเข้ามา สีหน้าเป็นห่วง
“อวี้จื้อ เจ้าออกมากินอะไรหน่อยเถิด ดูสิหน้าเจ้าซีดเซียวไปหมด ท่านอ๋องตื่นมา เกรงว่าคงจำเจ้าไม่ได้”
“เขาจะกล้าหรือ”
หลิงอวี้จื้อจ้องเขม็ง
คราวนี้ทำเอามู่หรงนี่อวิ๋นตกใจ
“ตอนนี้ช่างกล้าเหลือเกินนะ กล้าพูดเช่นนี้กับท่านอ๋องแล้ว”
“ใช่สิ ใต้หล้าก็ยังมีคนเช่นข้านี่แหละ เจ้าอิจฉาต่อไปเถิด”
หลิงอวี้จื้อหิวจริงๆ แล้ว เธอต้องกินอิ่มถึงจะมีแรงมาดูแลเซียวเหยี่ยนต่อ จากนั้นจึงเดินออกไปกับมู่หรงนี่อวิ๋น
ตอนแรกมู่หรงนี่อวิ๋นเตรียมคำพูดดีๆ เอาไว้มากมาย เพราะกลัวว่าหลิงอวี้จื้อจะไม่ออกไป คิดไม่ถึงว่าคำพูดทั้งหมดนั้นไม่ต้องเอามาใช้
บนโต๊ะมีปาท่องโก๋หนึ่งจานกับข้าวต้มหนึ่งถ้วย และยังมีซุปเห็ดหูหนูขาวพุทราจีนอีกหนึ่งถ้วย หลิงอวี้จื้อล้างหน้าล้างตาเสร็จก็ถูมือ
“อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้เชียว นี่อวิ๋น ตอนนี้เจ้าเป็นพยาธิในท้องข้าโดยสมบูรณ์ รู้ความชอบของข้าดีราวกับรู้จักนิ้วมือของตนเอง”
“อย่างไรเสียพวกเราก็เคยอยู่ด้วยกันมาเช้าเย็นตั้งหลายวัน รีบกินเถิด! เดี๋ยวจะเย็นเสีย”
“เจ้าละ”
“นี่กี่โมงกี่ยามแล้ว ข้ากินไปนานแล้ว”
หลิงอวี้จื้อหยิบปาท่องโก๋แถวหนึ่งมากิน มู่หรงนี่อวิ๋นนั่งตรงข้ามหลิงอวี้จื้อ ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองหลิงอวี้จื้ออยู่อย่างนั้น ดูจากภายนอก นอกจากสีหน้าซีดเซียวแล้ว นางก็ดูไม่ต่างจากปกติ ช่างเป็นสาวน้อยที่มองโลกในแง่ดีเสียจริง ไม่เหมือนบางคนเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทำราวกับฟ้าถล่ม
เห็นนางเป็นเช่นนี้ มู่หรงวี่อวิ๋นก็ทั้งสงสารทั้งชื่นชม ปกติเขาไม่ชอบผู้หญิงที่เอะอะอะไรก็เอาแต่ร้องไห้อยู่แล้ว
“อวี้จื้อ เจ้าไม่เป็นอะไรนะ!”
“ข้าจะเป็นอะไรได้ ฟ้าไม่ได้ถล่ม คนก็ยังอยู่ ควรทำอะไรก็ทำ ข้ายังต้องดูแลอาเหยี่ยน ไม่อยากคิดลบทำร้ายตนเอง เช่นนั้นไม่เป็นผลดีกับใครเลย
จะเผชิญหน้ากับเรื่องๆ หนึ่งด้วยรอยยิ้มหรือน้ำตา สาระมันก็เหมือนกัน ต่างกันเพียงลักษณะที่แสดงออกมา แต่รอยยิ้มนั้นมีสเน่ห์กว่า ข้าย่อมเลือกเป็นคนมีเสน่ห์อยู่แล้ว”
ตอนที่ 361 ชีวิตของเซียวเหยี่ยนสำคัญกว่าอะไรทั้งนั้น
หลิงอวี้จื้อเคี้ยวปาท่องโก๋ช้าๆ
มู่หรงนี่อวิ๋นยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นมา
“อวี้จื้อ บางครั้งเจ้าก็พูดจาฟังไม่รู้เรื่อง อายุก็ยังน้อย ไปเอาคำพูดเพ้อเจ้อเหล่านี้มาจากไหน หากเจ้าอยากร้องไห้ ก็มาหาข้าได้ทุกเมื่อ”
“ร้องไห้บ้านเจ้าสิ”
“อยู่ดีๆ มาร้องไห้บ้านข้าเพื่ออะไร”
มู่หรงนี่อวิ๋นถามอย่างใคร่รู้
หลิงอวี้จื้อเกือบสำลัก นี่เป็นช่องว่างระหว่างยุคสินะ ช่องว่างครอบคลุมระยะเวลาหลายพันปีด้วย จะให้พูดอย่างไรก็ไม่เข้าใจอยู่ดี หุบปากไม่พูดเสียดีกว่า
เพิ่งซดข้าวต้มไปเพียงนิดเดียว มั่วชิงก็เข้ามาแล้ว พูดเบาๆ ข้างหูหลิงอวี้จื้อว่า
“คุณหนู เฟิงอิ๋นมาแล้วเจ้าค่ะ”
ได้ยินชื่อนี้ หลิงอวี้จื้อก็หมดความอยากกินอาหารต่อทันที เธอจัดทรงผมลวกๆ ลุกขึ้นไปต้อนรับ
เฟิงอิ๋นสวมเสื้อเจี๋ยอ่าวสีแดงชาด เบ้าตาลึก โครงร่างแข็งแรงกว่าผู้หญิงทั่วไป ดูห้าวหาญไปทั่วสรรพางค์กาย
ส่วนหลิงอวี้จื้อสวมเสื้อเจี๋ยอ่าวสีชมพูอ่อน หน้ากลมๆ น่ารักยิ่ง สองคนมีลักษณะต่างกันโดยสิ้นเชิง ยืนต่อหน้าเฟิงอิ๋น หลิงอวี้จื้อก็เหมือนเด็กน้อยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ทั้งสองยืนด้วยกันให้ความรู้สึกเหมือนผู้ใหญ่กับเด็กน้อย
“เจ้ามาเร็วกว่าที่ข้าจินตนาการไว้เสียอีก ทานอาหารเช้าหรือยัง หากยังไม่ทาน ที่นี่มี กินสักหน่อยก่อนก็ได้”
“ไม่จำเป็น ข้ามาที่นี่เพราะเหตุใด เจ้ารู้ดี”
เฟิงอิ๋นเปิดปากก็ปฏิเสธทันที
“พวกเราเปลี่ยนที่คุยกัน”
พูดจบก็เดินนำไปก่อน หลิงอวี้จื้อพามั่วชิงตามไป มู่หรงนี่อวิ๋นก็กำลังจะไปด้วย แต่ถูกหลิงอวี้จื้อห้ามไว้ก่อน
“ผู้หญิงเขาจะคุยเรื่องส่วนตัวกันเจ้าไปทำไม ข้าตามนางมาเอง นี่อวิ๋น เจ้าไปดูท่านอ๋อง”
“เจ้าห้ามทำเรื่องโง่ๆ เด็ดขาด”
มู่หรงนี่อวิ๋นเริ่มร้อนใจ
“ข้ารู้ดีว่าต้องทำอะไร เรื่องนี้ข้าไปคุยเอง”
พูดจบหลิงอวี้จื้อก็เดินก้าวใหญ่ตามไป ความสามารด้านวาทศิลป์ของเธอ มู่หรงนี่อวิ๋นเคยเห็นมาแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้ตามไปด้วย มีมั่วชิงอยู่ ก็ไม่กลัวว่าเฟิงอิ๋นจะทำอะไร
บ้านพักอยู่ตรงมุมถนน เฟิงอิ๋นออกจากบ้านพัก เดินไปถึงทะเลสาบใกล้ๆ บ้านพักจึงหยุดเดิน หันหลังให้หลิงอวี้จื้อ พูดอย่างตรงไปตรงมา
“ข้ามีสมุนไพรเซียนหลินจือในครอบครองจริง ข้าสามารถหยิบสมุนไพรเซียนหลินจือมาช่วยอาเหยี่ยนได้ แต่ข้ามีเงื่อนไขอย่างหนึ่ง”
“เงื่อนไขอะไร”
ปากถามไป แต่ในใจก็เดาไว้คร่าวๆ แล้ว
เงื่อนไขของเฟิงอิ๋นไม่พ้นสองเรื่อง ถ้าไม่เอาชีวิตเธอก็ให้เธอไปจากเซียวหยี่ยน
อย่างแรกโหดเ**้ยมกว่า ไม่ว่าเฟิงอิ๋นจะยื่นข้อเสนอใด ที่จริงเธอก็จะไม่ปฏิเสธทั้งนั้น
สำหรับเธอในตอนนี้ ชีวิตของเซียวเหยี่ยนสำคัญกว่าอะไรทั้งนั้น เธอหวงแหนชีวิต แต่ชีวิตของเซียวเหยี่ยนสำคัญกว่าเธอ หากระหว่างสองคนนี้ สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้หนึ่งคน เธอยินดีเอาชีวิตของตนเองไปแลกกับชีวิตเซียวเหยี่ยน เมื่อก่อนเคยแสดงแต่ในโทรทัศน์ เธอคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าวันหนึ่ง เธอจะรักใครได้เหมือนกับในบทละคร
“ข้าอยากให้เจ้าหายไปจากชีวิตเซียวเหยี่ยนโดยสมบูรณ์”
เฟิงอิ๋นหันกลับมา มองหลิงอวี้จื้ออย่างเยือกเย็น
“ขอเพียงเจ้าช่วยอาเหยี่ยน ข้าจะเก็บห่อผ้าออกไปจากที่นี่ทันที”
เฟิงอิ๋นหัวเราะเย็นชาหนึ่งครั้ง
“จากไปเช่นนี้จะเรียกว่าจากไปได้อย่างไร พอเซียวเหยี่ยนดีขึ้น ก็ย่อมต้องไปหาเจ้า เจ้าพูดเองมิใช่หรือว่าเจ้ากับคุณชายมู่หรงรักใคร่ซึ่งกันและกัน ข้าให้โอกาสนี้กับเจ้า ขอเพียงเจ้าแต่งงานไหว้ฟ้าดินกับคุณชายมู่หรงต่อหน้าข้า แล้วเข้าห้องหอ ข้าก็จะใช้สมุนไพรเซียนหลินจือช่วยเซียวเหยี่ยน เจ้าไม่ต้องมองข้า ของนั้นข้าไม่พกติดตัว”
หลิงอวี้จื้อนึกไม่ถึงว่าเฟิงอิ๋นจะเสนอเงื่อนไขเจ้าเล่ห์เช่นนี้ ให้เธอไปแต่งงานกับมู่หรงนี่อวิ๋นเนี่ยนะ เธอพยายามสะกดกลั้นอารมณ์โกรธที่อยู่ในใจ
“เฟิงอิ๋น เจ้าทำเช่นนี้ อาเหยี่ยนก็จะเกลียดชังเจ้านะ”
ตอนที่ 362 ข้าจะไม่แต่งกับคนอื่น
“เขายังเกลียดชังข้าไม่มากพออีกหรือ ข้าไม่สนใจถ้ามันจะมากขึ้นอีกหน่อย ข้าอยากให้เขาตัดใจจากเจ้าโดยสิ้นเชิง นี่เป็นเงื่อนไขที่ข้าจะช่วยเขา ข้าอยากให้เขาเห็นคนรักแต่งงานกับชายอื่นด้วยตาของตนเอง ให้เขาได้ลิ้มรสความเจ็บปวดนี้ให้ดี”
เรื่องที่เซียวเหยี่ยนหลอกใช้ตน เฟิงอิ๋นยังย้ำคิดอยู่ในใจ
เมื่อรู้ความจริงแล้ว ตอนแรกนางก็อยากฆ่าเซียวเหยี่ยนเสีย ภายหลังนางค้นพบว่าตนเองทำใจให้เซียวเหยี่ยนตายไม่ได้ และทำไม่ลงด้วย มิเช่นนั้นวันก่อนคงจะไม่ห้ามมู่หรงกวานเสวี่ยไว้เพราะห้ามใจไม่ไหว
ในเมื่อเอาชีวิตเขาไม่ได้ ก็ใช้วิธีอื่นลงโทษเขา มิเช่นนั้นใจนางคงรู้สึกจุกแค้น
“อาเหยี่ยนไม่เคยทำผิดต่อเจ้า เจ้าจะแก้แค้นเขาทำไม
เฟิงอิ๋น ตอนนั้นเจ้ามุ่งมาดปรารถนาตามจีบเขาเอง พออาเหยี่ยนปฏิเสธ เจ้าก็วางยาพิษโฉมงามกับเขา คราวนี้เจ้าก็คิดจะวางยาเขาอีก ตั้งแต่ต้นจนจบเจ้าไม่เคยให้เกียรติอาเหยี่ยนเลย ทำเหมือนเขาเป็นสิ่งของ ยอมตามข้าจะได้ดี ไม่ยอมตามข้าจะล่มจม
เขาไม่เคยทำอะไรผิดเลยตั้งแต่ต้น คนที่ผิดเรื่อยมาคือเจ้าทั้งนั้น
หากมีผู้ชายคนหนึ่งชอบเจ้า แต่เจ้าไม่ชอบเขาเลยแม้แต่น้อย เขาใช้ทุกวิธีก็ยังไม่ได้ใจเจ้า เมื่อเขาโกรธเพราะเสียหน้าก็จะกำจัดเจ้า เจ้าจะรู้สึกหรือไม่ว่าเขาเหมือนคนบ้า ไม่มีเหตุผลโดยสิ้นเชิง ตนเองต้องเคราะห์ร้ายเพียงใดถึงได้เจอคนเช่นนี้
หากอาเหยี่ยนกับเจ้าเคยรักจริงใจต่อกันมา แล้วทำผิดต่อเจ้าด้วยเหตุผลบางอย่าง เจ้าจะเกลียดเขาก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
เขาบอกกับเจ้าชัดเจนแจ่มแจ้งตั้งแต่แรกเริ่ม ว่าเขาไม่ได้คิดเช่นนั้นกับเจ้า เจ้าก็ตามเกาะแกะเขาไม่ปล่อย ซ้ำยังรังเกียจที่เขารับไม่ได้ ข้าหาผู้ชายสักคนมาทำเช่นนี้กับเจ้า ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะรับได้หรือไม่”
“เจ้าหุบปาก ไม่ใช่หน้าที่เจ้ามาสั่งสอนข้า”
เฟิงอิ๋นทำหน้าดุขณะตำหนิหลิงอวี้จื้อ
“ข้าไม่ใช่พวกว่างยุ่งเรื่องชาวบ้านเสียหน่อย ข้าจะไปสั่งสอนเจ้าเพื่ออะไร เราต่างก็เป็นผู้หญิง บนโลกนี้ผู้ชายก็ไม่ใช่มีแค่เซียวเหยี่ยนคนเดียว เขาดีมากจริงๆ แต่ต่อให้ดีเพียงใด หากใจเขาไม่มีเจ้าก็เปล่าประโยชน์
ความรักเป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายยินยอมพร้อมใจกัน เช่นนี้ถึงจะมีความสุข บังคับให้คนอื่นยอมรับเจ้าจะมีความหมายตรงไหน อยู่กันนานไปนานปีไม่เคยทำหน้าดีๆ ใส่เจ้า เจ้าจะไม่รู้สึกหรือว่าชีวิตนี้แสนหดหู่ เจ้าสวยเพียงนี้ ที่สำนักอู๋จี๋ก็มีอนาคตสดใส เหตุใดต้องทำให้ตัวเองลำบากด้วย”
หลิงอวี้จื้อรู้สึกว่าเฟิงอิ๋นยังไม่ร้ายถึงขั้นเสียสติ เมื่อเทียบกันแล้ว นางยังดีกว่ามู่หรงกวานเย่ว์เล็กน้อย มู่หรงกวานเย่ว์เจ้าเล่ห์เพทุบาย แต่เฟิงอิ๋นไม่ได้คิดอะไรซับซ้อน นิสัยค่อนข้างตรง เป็นแค่คนหัวดื้อคนหนึ่ง
เห็นนางรำคาญเช่นนี้ หลิงอวี้จื้อก็ยังหวังว่าจะพูดโน้มน้าวเฟิงอิ๋นได้
ได้ยินหลิงอวี้จื้อพูดเช่นนี้ สีหน้าของเฟิงอิ๋นเอาแน่เอานอนไม่ได้
“เจ้าไม่ต้องพูดจาไร้สาระ นี่เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยเซียวเหยี่ยนไว้ได้ เจ้าจะยอมหรือไม่”
“ข้าไม่ยอม เจ้าให้ข้าไปจากเซียวเหยี่ยนได้ แต่ข้าไม่มีทางแต่งงานกับคนอื่น”
หลิงอวี้จื้อปฏิเสธโดยพลัน
“เช่นนั้นเจ้าก็รอดูเซียวเหยี่ยนตายเสียเถอะ!”
“หากเจ้าอยากให้อาเหยี่ยนตาย เจ้าคงไม่มาที่นี่หรอก ข้ายังยืนยันคำเดิม ข้าไปจากเขาได้ แต่ข้าจะไม่แต่งกับคนอื่น นี่อวิ๋นเป็นเพื่อนของข้า ข้าไม่อยากให้เขามาเกี่ยวข้องด้วย”
เฟิงอิ๋นหัวเราะเยือกเย็นหนึ่งครั้ง
“เกรงว่าเพื่อนเจ้าจะคงอยากแต่งใจจะขาด”
หลิงอวี้จื้อยื่นกรานหนักแน่น ไม่เหลือที่ไว้เปลี่ยนใจ
คลุกคลีอยู่ในวงการบันเทิงมาตั้งหลายปี พอจะมีความสามารถในการสังเกตสีหน้าและคำพูดของผู้อื่น นางมั่นใจว่าพูดโน้มน้าวใจเฟิงอิ๋นได้ หากเธอยังยืนยันจะไม่ยินยอม เฟิงอิ๋นก็จะถอย วันนี้นางมา ก็เพราะอยากช่วยเซียวเหยี่ยน เพียงแต่ไม่ได้พูดความในใจนั้นออกมา
ตอนที่ 363 โชคดีขี้หมาติด
“หลิงอวี้จื้อ เจ้าต้องคุกเข่าขอร้องข้า”
หลิงอวี้จื้อเริ่มงง เฟิงอิ๋นไม่พูดเรื่องให้เธอแต่งงานกับมู่หรงนี่อวิ๋นอีก หากแต่คิดจะฉวยโอกาสหยามเกียรติเธอ ขอเพียงไม่ต้องแต่งงานกับมู่หรงนี่อวิ๋น เรื่องอื่นได้หมด เธอจะไม่ทำให้เฟิงอิ๋นขุ่นเคืองใจในเวลานี้
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นคงจะรู้สึกว่าคุกเข่าลงเช่นนี้เสียเกียรติอย่างยิ่ง แต่หลิงอวี้จื้อเป็นนักแสดง สามารถมองเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นละครฉากหนึ่ง
มั่วชิงที่อยู่ข้างหลังเห็นเฟิงอิ๋นจงใจหยามเกียรติหลิงอวี้จื้อ ก็เริ่มจะทนไม่ไหว เมื่อครู่คิดจะเอ่ยปากพูด แต่หลิงอวี้จื้อมองนางและส่ายหน้า เป็นสัญญาณให้นางไม่ต้องพูดอะไร
มั่วชิงรู้ว่าหลิงอวี้จื้อมีหัวคิดมากมาย จึงไม่ส่งเสียงอะไร ยืนอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ
หลิงอวี้จื้อเห็นว่าไม่ไกลมีสิ่งปฏิกูล คงจะเป็นสิ่งปฏิกูลของหมาป่าผี มีความคิดในใจแล้ว เธอคุกเข่าได้ แต่จะไม่ปล่อยให้เฟิงอิ๋นมาเอาเปรียบเปล่าๆ
คิดถึงตรงนี้ เธอก็ทำหน้าตึงเครียดพูดกับเฟิงอิ๋นว่า
“ขอเพียงเจ้ายอมช่วยอาเหยี่ยน ข้าคุกเข่าได้ ตรงนี้เป็นมุมอับ คนอื่นมองไม่เห็น พวกเราไปทางนั้น ให้ชาวบ้านเห็นว่าข้าคุกเข่าต่อหน้าเจ้า เช่นนี้ เจ้าคงจะพอใจใช่หรือไม่”
“เจ้านี่หน้าไม่อายจริง ๆ”
“ข้าขอเพียงให้อาเหยี่ยนยังมีชีวิตอยู่ แม้แต่หน้าก็ไม่สำคัญแล้ว”
เฟิงอิ๋นไม่ได้ปฏิเสธ เดินตามหลิงอวี้จื้อไป กองสิ่งปฏิกูลนั้นอยู่ข้างหลังเฟิงอิ๋นแล้ว นางถอยหลังเพียงก้าวเดียวก็จะเหยียบโดน
หลิงอวี้จื้อเล่นใหญ่มาก ไม่เพียงแต่คุกเข่ากับพื้น แต่ยังหมอบลงกับพื้นด้วย พูดเสียงดังว่า
“เจ้าช่วยอาเหยี่ยนหน่อยเถิด เฟิงอิ๋น ข้าขอร้อง”
เห็นได้ชัดว่าเฟิงอิ๋นนึกไม่ถึง ว่าหลิงอวี้จื้อจะทำเช่นนี้ ซ้ำยังโขกหัวคำนับนางอีกด้วย นางตกใจถอยหลังหนึ่งก้าว เหยียบลงบนกองปฏิกูลพอดี
สีหน้าของเฟิงอิ๋นเปลี่ยนทันที หลิงอวี้จื้อเงยหน้า ทำท่าทางไม่รู้อิโหน่อิเหน่
“หากยังไม่พอ ข้าโขกหัวคำนับอีกครั้งก็ได้”
มั่วชิงอยู่กับหลิงอวี้จื้อมาสักพักแล้ว ย่อมเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เกือบจะหัวเราะออกมาแล้ว แต่ก็ฝืนกลั้นเอาไว้
นางเห็นเฟิงอิ๋นยังไม่รู้ตัวว่าหลิงอวี้จื้อจงใจแกล้งนาง เรื่องนี้ไม่โทษนาง เฟิงอิ๋นไม่ใช่คนประเภทมีแผนการอะไรในใจอยู่แล้ว ประกอบกับฝีมือการแสดงของหลิงอวี้จื้อที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบด้วย
เฟิงอิ๋นเห็นว่ารองเท้าโดนสิ่งปฏิกูลไปเต็มๆ ก็ทำหน้ารังเกียจขณะถอดรองเท้าออก
หลิงอวี้จื้ออุทานอุ๊ยตาย จากนั้นก็ปลอบใจเฟิงอิ๋น
“เจ้าจะมีโชคแล้ว ที่บ้านเกิดข้าเขาเรียกโชคดีขี้หมาติด คนทั่วไปอยากจะเหยียบก็เหยียบไม่ได้”
เห็นสีหน้าเฟิงอิ๋นยิ่งดูไม่จืด หลิงอวี้จื้อก็รีบสั่งการมั่วชิงทันที
“มั่วชิง เจ้ากลับไปดูสิว่าข้ามีรองเท้าสะอาดๆ หรือไม่ ข้างนอกหนาวเช่นนี้ พื้นก็ล้วนเป็นหิน แขกมาทั้งที ต้องดูแลผู้คุมกฎเฟิงมิให้บกพร่อง”
“คุณหนู เท้าของคุณหนูเล็กกว่าเฟิงอิ๋นมาก เกรงว่าเฟิงอิ๋นจะใส่รองเท้าของคุณหนูไม่ได้เจ้าค่ะ”
“ไม่จำเป็น รองเท้าของเจ้าไม่คู่ควรกับข้า”
หลิงอวี้จื้อลุกขึ้นแล้ว
“แน่นอน เจ้าเป็นคน เจ้าจะคู่กับรองเท้าคู่หนึ่งได้อย่างไร มันย่อมไม่คู่ควรกับเจ้าอยู่แล้ว”
“เจ้า…”
เฟิงอิ๋นโมโหเพราะหลิงอวี้จื้ออีกแล้ว ไม่รู้เลยว่าคนๆ นี้โตมาอย่างไร ปากคอถึงได้เราะร้ายถึงเพียงนี้
“ข้าแค่เกรงว่าเจ้าจะเย็นเท้า ในเมื่อไม่ต้องการ ก็ช่างมันเถิด”
หลิงอวี้จื้อก้มหน้าสีหน้าน้อยใจ
“ข้าทำตามความต้องการของเจ้า ขอร้องเจ้าเช่นนี้แล้ว เฟิงอิ๋น เจ้าช่วยอาเหยี่ยนเถิด!”
เฟิงอิ๋นถอดรองเท้าอีกคู่ออกไปด้วย ยืนเท้าเปล่ากับพื้น อย่างไรเสียนางก็มีวิทยายุทธ์ ไม่ได้กลัวหนาวขนาดนั้น
“เจ้าไม่แต่งกับมู่หรงนี่อวิ๋นก็ได้ แต่ต้องไสหัวไปทันที”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น