ลิขิตฟ้าชะตารัก 351-358
ตอนที่ 351 มอบอำนาจ
เขารู้ดี ไม่ว่าจะอ้อนวอนร้องขออย่างไร หลิงอ๋องก็คงไม่อาจเปลี่ยนใจ เมื่อเขาคิดเช่นนี้ ก็ไม่แปลกเลยที่จะไม่มีใครยอมมาทำงานในจวนเจ้าวังนาย เพราะหากเพียงไม่ระวังถูกคนใช้ประโยชน์เข้า สุดท้ายแล้วก็จะตกเป็นแพะรับบาปก็เท่านั้นเอง
สายตาอาฆาตมาดร้ายของเขามองไปยังอนุรองและอวี้จื่อเยียน
สามพันดาบ? สุดท้ายแล้วอวี้อาเหราก็ทนไม่ได้อยู่บ้าง นางก้าวไปข้างหน้า “เสด็จพ่อ แม้ว่าหวังหลงจู๊จะทำเรื่องเช่นนี้ แต่บทลงโทษเช่นนี้ก็หนักเกินไป อย่างไรเสียเขาก็ทำงานรับใช้จวนอ๋องของเรามานานปี หากไม่ได้ใช้แรงงานแต่ก็ทำงานอย่างยากลำบาก ในเมื่อเงินก็ได้คืนแล้ว ขอให้เสด็จพ่อทรงเมตตาด้วยเถิด เว้นโทษตายให้กับเขา แล้วเนรเทศออกไปจากเมืองเฟิ่งเฉิงเสีย อย่าได้กลับมาอีก เพื่อเป็นการทำกุศลให้กับเด็กในท้องของอนุรองและจวนหลิงอ๋องของเรานะเพคะ”
“เป็นกุศลหรือ” ยากที่หลิงอ๋องจะคลายความโกรธแค้นที่อยู่ในใจได้
อวี้อาเหราพยักหน้า “ใช่แล้วเพคะ ว่ากันว่าช่วยคนหนึ่งชีวิตเท่ากับสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น พวกเราไว้ชีวิตเขาสักครั้งเพื่อให้เขามีโอกาสกลับตัว แล้วเขายังมีคนในครอบครัวที่ต้องดูแล หากพวกเราลงโทษหวังหลงจู๊ ครอบครัวของพวกเจาก็คงต้องตายตกไปตามกันนะเพคะ”
หวังหลงจู๊มองไปทางอวี้อาเหราอย่างไม่อยากเชื่อว่านางจะปล่อยเขาไปเช่นนี้
หลิงอ๋องคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็รู้สึกว่านางพูดจามีเหตุผล เช่นนั้นจึงยอมตอบรับ “ก็ได้ ในเมื่ออาเหราพูดเช่นนี้ ก็ไว้ชีวิตมัน ไว้โทษตายแต่ก็ยังต้องได้รับโทษอยู่ เอามันไปโบยหนึ่งร้อยไม้ ยึดทรัพย์สินทั้งบ้าน แล้วขับไล่ออกไปจากเมืองเฟิ่งเฉิงทั้งตระกูล”
หวังหลงจู๊ได้ยินดังนั้นก็ขอบคุณเป็นยกใหญ่ “ขอบพระคุณท่านอ๋องที่ละเว้นโทษตาย”
จบแบบนี้ก็ไม่เลวนักหรอก หากเทียบกับการที่จะต้องตายแล้ว ก็ยังนับว่าเขาโชคดีมากนัก
องครักษ์โยนเขาออกไปโบยที่ด้านนอก อวี้อาเหรามองไปทางอนุรองด้วยท่าทีเยาะหยัน “ไม่ทราบว่าอนุรองยังมีเรื่องอะไรอีกหรือไม่ จะให้ข้าล้างหูคอยฟังหรือไม่?”
“ข้าน้อยมิกล้า” อนุรองมิใช่คนโง่ แน่นอนว่าต้องเข้าใจว่านางกำลังเยาะเย้ยตนอยู่ เช่นนั้นก็โกรธเสียจนต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
วันนี้แผนการที่วางมานานกลับต้องสูญเปล่า ทั้งหมดก็เป็นเพราะเรื่องที่เจาเอ๋อร์ช่วยชีวิตเจ้านายเอาไว้ มิเช่นนั้นคงได้ลงโทษเจาเอ๋อร์ไปนานแล้ว หรืออาจจะโยนความผิดให้อวี้อาเหราก็ยังได้
ทว่าตอนนี้ นางทำได้แต่เพียงมองไปทางหลิงอ๋อง “ท่านอ๋อง ในเมื่อเรื่องของหวังหลงจู๊นั้นได้จัดการเรียบร้อยแล้ว คุณหนูรองและเจาเอ๋อร์นั้นยังคงเป็นสตรีในห้องหอ ในเมื่อนึกสนุกจนก่อให้เกิดเรื่องผิดพลาดทำให้หวังหลงจู๊มีช่องที่จะกระทำความผิด มิสู้ท่านอ๋องทรงมอบอำนาจให้หม่อมฉัน…”
“มิสู้เสด็จพ่อทรงมอบอำนาจให้อนุสี่จัดการเรื่องนี้เถิดเพคะ เพราะช่วงนี้ลูกเองก็ไม่ได้อยู่ในจวน เห็นนางจัดการเรื่องภายในจวนได้เรียบร้อยดี เหล่าบ่าวไพร่ก็ดูกระตือรือร้นคล่องแคล่วกว่าเมื่อก่อนมาก คงเป็นเพราะอนุสี่จัดการอย่างเหนื่อยยาก ครั้งนี้ลูกเองก็กระทำความผิด เช่นนั้นก็ขอมอบอำนาจให้อนุสี่จัดการแล้วเพคะ” อวี้อาเหราเอ่ยสอดคำพูดของอนุรองขึ้นมา
หลิงอ๋องคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ตกลง นำเรื่องเสบียงและที่ดินให้อนุสี่จัดการก็แล้วกัน”
แผนการของอนุรองถูกตีตกไปอีกครั้ง นางโกรธเสียจนกัดฟันกรอด ไม่อาจปิดบังสายตาโกรธแค้นไปได้ มือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อกำแน่น ปลายเล็บแหลมจิกเข้าไปในเนื้อ จนทำให้เลือดสดๆ ไหลซึมไปทั่วแขนเสื้อสะอาด
นางวางแผนแย่งชิงอำนาจมาอย่างยากลำบาก กลับถูกอวี้อาเหรามอบมันให้กับอนุสี่ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ นางช่างทำงานได้ดีอย่างเหนือความคาดหมายนัก!
ตอนที่ 352 ไม่กล้าก็ดีแล้ว
อนุรองจ้องมองใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มเย็นชาของอวี้อาเหรา เมื่อเห็นว่าอำนาจที่ควรจะได้ถูกวางลงไปในมือของอนุสี่ ในใจของนางอย่างไรก็ไม่อาจยอมรับได้ แต่ในเมื่อไม่อยากยอมรับอย่างไร แต่อำนาจนี้ก็ถูกเอาไปเสียแล้ว นางแผนที่นางวางเอาไว้ทุกอย่างกลับเสียเปล่า อวี้อาเหราไม่ยอมอ่อนข้อให้กับนางเลยแม้แต่น้อย
กลับเป็นอนุสี่ที่ได้รับอำนาจส่วนนี้ไป นางไม่เพียงแต่มีอำนาจจัดการภายในจวน ทว่ายังมีอำนาจดูแลที่ดินและเสบียงอาหารอีกด้วย
นางก็ดูเบาอนุสี่จนเกินไปจริงๆ มองข้ามนางมานาน ตอนนี้นางกลับได้นั่งอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดไปเสียแล้ว
หลิงอ๋องเดินจากไป อวี้อาเหราก้าวเข้ามาหาอนุรองแล้วหยุดยืนในระห่างเพียงหนึ่งช่วงแขน หัวเราะเบาๆ “ครั้งนี้อนุรองใส่ใจในเรื่องของข้านัก คงจะต้องขอบคุณท่านจึงจะถูก ฮ่าๆ…”
“เจ้า!” ไม่ทันที่อนุรองจะเอ่ยปาก กลับเป็นอวี้จื่อเยียนที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
อนุรองโบกมือ แล้วคลายหมัดที่กำแน่น “ยังเร็วเกินไปที่คุณหนูรองจะดีใจ พวกเราสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่กลับถูกอนุสี่แย่งเอาชิ้นปลามันไป หากถึงตอนนั้นจะเสียใจภายหลังก็คงจะไม่ทันแล้วกระมัง”
“เรื่องนั้นอนุรองไม่ต้องเป็นกังวล” อวี้อาเหรารู้ว่านางกำลังยั่วยุให้เกิดความแตกแยกระหว่างความสัมพันธ์ของนางและอนุสี่ เพื่อหาผลประโยชน์จากความขัดแย้งนี่ แต่อย่างไรเสียนางก็ไม่หลงกล
เมื่ออนุรองเห็นว่านางนั้นไม่กระโจนเข้ามาในบ่อที่ขุดเอาไว้ สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันที สูดลมหายใจเข้าอย่างกราดเกรี้ยว จากนั้นจึงเผยให้เห็นใบหน้าอ่อนหวานมีเมตตาอีกครั้ง “ครั้งนี้เป็นเพราะข้าน้อยเลินเล่อจนทำให้เข้าใจสาวใช้ของคุณหนูรองผิดไป ข้าน้อยต้องขออภัยด้วย ขอตัวก่อน”
อวี้อาเหรานึกชื่นชมนางยิ่งนัก อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้แล้วยังสามารถปั้นยิ้มท่ามกลางอารมณ์ความแค้นเคืองได้ นี่ก็คงเป็นความสามารถเฉพาะตัวอย่างหนึ่งกระมัง
เมี่ยวอวี้เห็นคนไปกันหมดแล้ว เช่นนั้นจึงค่อยกล้าเข้ามา “คุณหนู ท่านเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พวกเรากลับกันเถิดเจ้าค่ะ”
“ไม่” อวี้อาเหราส่ายหน้าแล้วเอ่ยถาม “ตอนนี้เจ้ามีเงินอยู่เท่าไร”
“ที่นำไปเป็นค่าเดินทางเมื่อครั้งที่แล้ว รวมกับเงินที่คุณหนูให้บ่าวเอาไว้ ทั้งหมดก็หลายร้อยตำลึงเจ้าค่ะ” เมี่ยวอวี้ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ๆ นางจึงถามเรื่องเงินขึ้นมา แต่ก็ตอบไปตามความเป็นจริง
อวี้อาเหราพยักหน้า “ไปหาหวังหลงจู๊กับข้าก่อนเถิด”
“เจ้าค่ะ” ดูเหมือนเมี่ยวอวี้จะเข้าใจขึ้นมาทันทีว่านางนั้นกำลังจะทำอะไร
สองนายบ่าวเดินไปยังห้องลงทัณฑ์ หวังหลงจู๊ถูกโบยไปหนึ่งร้อยครั้งแล้ว เขายืนอยู่ด้วยใบหน้าเจ็บปวดทุกข์ทรมาน สองตามองฟ้าไร้แวว อวี้อาเหราหยุดลงเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไป หวังหลงจู๊เห็นนางเดินเข้ามาแล้ว ผ่านไปชั่วอึดใจจึงค่อยทำความเคารพอย่างยากลำบาก
“ข้าน้อยคารวะคุณหนูรอง”
“เจ้าคงจะโกรธที่ข้าโยนความผิดให้เจ้าต่อหน้าเสด็จพ่อใช่หรือไม่”
อวี้อาเหราพิจารณาท่าทีเย็นชาของเขา จากนั้นก็เอ่ยปากถามอย่างไม่รอช้า
หวังหลงจู๊ชะงัก จากนั้นจึงค่อยก้มหน้าลง “ข้าน้อยมิกล้า”
“ไม่กล้าก็ดี ข้าเองก็เข้าใจจิตใจของเจ้าดี เจ้าต้องถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องของข้า หากจะโกรธก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่เจ้าต้องเข้าใจว่านี่คือจวนหลิงอ๋อง ไม่ใช่บ้านของคนธรรมดาทั่วไป หากเกิดเรื่องอะไรกับข้าขึ้น เจ้าก็คิดว่าตัวเจ้าจะโดนโบยแค่นี้หรือ? เมื่อถึงตอนนั้นอนุรองจะยอมปล่อยเจ้าไปง่ายๆ หรืออย่างไร”
คำพูดของอวี้อาเหรากระแทกเข้าไปในใจของเขาทีละคำๆ อนุรองมีจิตใจโหดเ**้ยม มีเรื่องใดบ้างที่จะไม่กล้าทำ ไหนเลยจะขออภัยโทษให้หวังหลงจู๊เหมือนที่นางทำ หากจะต้องโดนลงโทษจริงๆ เขาคงจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย และนางเองก็จะไม่ได้รับความไว้วางใจจากหลิงอ๋องอีก จุดจบเช่นนั้นแม้เป็นใครก็คงพอจะคาดเดาได้
ตอนที่ 353 จิตใจดีมีเมตตา
หวังหลงจู๊ได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ก็ก้มหน้านิ่งเงียบอย่างไตร่ตรอง หลังจากนั้นจึงค่อยเงยหน้าขึ้นด้วยความซาบซึ้ง ข่มความเจ็บปวดสุดแสนแล้วค้อมตัวลงทำความเคารพอวี้อาเหรา “ข้าน้อยเข้าใจแล้ว ขอบพระคุณคุณหนูรองที่ไว้ชีวิตขอรับ”
“เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว” อวี้อาเหราอมยิ้มอย่างยินดี จากนั้นก็ส่งสายตามองไปทางเมี่ยวอวี้ที่อยู่ด้านหลัง “นำเงินให้หวังหลงจู๊เสีย”
หวังหลงจู๊เห็นเมี่ยวอวี้ยื่นถุงเงินมาให้ ก็ยืนอึ้งไปนาน “คุณหนู หมายความว่าอย่างไรขอรับ”
“เจ้าก็รู้ดี ครั้งนี้เป็นเพราะอนุรองอยากที่จะกำจัดข้าถึงได้ลากเจ้าเข้ามาเกี่ยวด้วย เงินพวกนี้ถือเป็นค่าชดเชยก็แล้วกัน และยังถือเป็นบทเรียนให้เจ้าด้วย ต่อไปก็ห้ามย่างกรายเข้ามาในเมืองเฟิ่งเฉิงอีก” อวี้อาเหราโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย แล้วเอ่ยเสียงเบาว่า “เมืองเฟิ่งเฉิงเหมือนเป็นอ่างย้อมสีขนาดใหญ่ คนทั่วไปอย่ากระโจนลงมาถูกย้อมไปด้วยถือเป็นการดี”
เมื่อพูดจบ นางก็ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว มุมปากเผยรอยยิ้มน้อยๆ “รับไปเถิด”
หวังหลงจู๊มองนางที่ในแววตาและมุมปากเต็มไปด้วยรอยยิ้มบางๆ เช่นนั้นก็ตกอยู่ในอารมณ์สับสน เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของนางก็รู้สึกเย็นสันหลังวาบ ใบหน้ายิ้มแย้มของนางไม่อ่อนโยนเหมือนท่าทีที่แสดงออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าจะกำลังยิ้ม แต่ก็เป็นรอยยิ้มที่แสนเย็นชา
หลังจากที่ได้รับเงินมาแล้ว ก็เดินจากไปในทันที
เมี่ยวอวี้ชะงัก “หากอยู่ในจวนหลิงอ๋อง ไม่ว่าใครก็ต้องพบกับความยากลำบากทั้งนั้น เหตุใดคุณหนูต้องมอบเงินให้เขาด้วยเล่าเจ้าคะ”
“ไม่หรอก เจ้าเข้าใจผิดแล้ว” อวี้อาเหราส่ายหน้า
ที่นางมอบเงินปลอบขวัญให้กับหวังหลงจู๊นั้น ที่จริงแล้วนางไม่ได้มอบให้เขา แต่เป็นการซื้อความสบายใจให้กับตัวเองต่างหาก หากตอนนั้นอนุรองยังคงหาเรื่องนางไม่หยุด นางก็คงจะโยนความผิดทั้งหมดให้หวังหลงจู๊ เขาคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย สภาพที่เขาเป็นอยู่ในปัจจุบัน ก็ล้วนเป็นนางที่ทำให้เขาเดินมาจนถึงจุดนี้
ราวกับเข้าใจว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ เมี่ยวอวี้จึงพูดขึ้นมาว่า “คุณหนูช่างจิตใจดีมีเมตตานัก”
อวี้อาเหราเหยียดริมฝีปากแล้วหัวเราะเสียงเย็น ในโลกแห่งความเป็นจริงอันโหดร้ายทารุณเช่นนี้ จิตใจดีมีเมตตาคงจะใช้ไม่ได้ผลนัก หากอยากให้ตัวเองสามารถเอาตัวรอดได้ เช่นนั้นก็จำต้องใจร้ายต่อผู้อื่น แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ หากโหดเ**้ยมไปจนถึงที่สุดแล้ว แม้แต่สัญชาตญาณความเป็นมนุษย์ก็คงถูกลืมเลือนไปจนสิ้น
เมื่อกลับมาถึงเรือนพัก เมี่ยวอวี้ก็ถอยออกไปเตรียมอาหาร
หลังจากที่อวี้อาเหรานั่งพักอยู่ด้านใน นางก็เดินเข้าไปทางห้องของเจาเอ๋อร์
เจาเอ๋อร์นั่งรถม้ามาทั้งวัน แน่นอนว่าต้องเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก ตอนนี้ได้หลับใหลไปแล้ว นางมองอยู่สักครู่ แล้วจึงเดินออกมา
นางพักผ่อนจนรู้สึกเบื่อหน่าย จึงออกไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้ด้านหลัง ในสวนดอกไม้อันเงียบเชียบนั้นได้กลิ่นหอมของดอกไม้ลอยเข้ามาเตะจมูก ภายในบรรยากาศที่เงียบงัน สมองของนางก็ยิ่งปลอดโปร่ง ช่วงนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย ของที่ได้รับมาก่อนหน้านี้ล้วนแล้วแต่อยู่ในมือของอนุสี่ทั้งนั้น คนสองคนทะเลาะกันแทบเป็นแทบตาย แต่กลับทำให้ผู้อื่นได้รับผลประโยชน์
แต่ก็ไม่เป็นไร ขอเพียงอนุสี่รักษามันไว้ให้อยู่รอดปลอดภัย ไม่ตกลงปลงใจร่วมมือกับอนุรอง นางก็ไม่ว่าอะไร
เมื่อเดินเข้าไปด้านในก็เห็นว่าอนุรองและอนุสามกำลังนั่งดื่มชาอยู่ในศาลา ทั้งยังเผาไม้ฟืนไปตั้งมากเพื่อสร้างความอบอุ่น อากาศวันนี้ก็ยังนับได้ว่าอบอุ่นนัก ทั่วทั้งบริเวณอุ่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อวี้อาเหราถอนสายตาออกมา มุมปากของนางโค้งขึ้น ก่อนจะออกเดินไปทางศาลาหลังนั้น
“ข้าน้อยคารวะคุณหนูรอง” เมื่อเห็นนางเดินมา อนุรองและอนุสามก็ลอบสบตากัน จากนั้นจึงค่อยยืนขึ้น
“อนุรองกำลังมีครรภ์ ไม่ต้องมากพิธี หากร่างกายกระทบกระเทือน เรื่องราวพันผูกมาถึงตัวข้าแล้วจะทำอย่างไรเล่า” อวี้อาเหรายิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มนั้นอาบไปด้วยยาพิษ ด้านหลังของคนทั้งสองสัมผัสได้ถึงลมหนาวเย็นบาดกระดูก
ที่จริงแล้วนางกำลังกล่าววาจากระทบอนุรองที่ครั้งก่อนบอกว่านางลอบวางยาพิษโดยใช้น้ำแกงตะพาบน้ำและบัวกีบม้า
จนสุดท้ายกลายเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด และทำให้หลิงอ๋องโกรธจัด
ตอนที่ 354 บ้านเล็กเรือนน้อย
อนุรองหัวเราะขึ้นมาในบัดดล “คุณหนูรองคิดมากเกินไปแล้ว”
“ก็หวังว่าจะเป็นเพียงข้าที่กังวลมากเกินไปจริงๆ” อวี้อาเหราไม่พูดอะไร ก่อนจะถามขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนัก “ระหว่างทางที่กลับมา ข้าเห็นว่าท่านหญิงน้อยแห่งจวนเซิ่นอ๋องกลับมาจากค่ายทหารแห่งซีซานแล้ว นางยังเชิญข้าไปทานอาหารที่หอจุ้ยเซียนโดยเฉพาะด้วย น้องสามเองก็อยู่ที่ค่ายทหารซีซานด้วยนี่ เขาจะกลับมาเมื่อไหร่หรือ”
“เขา…” คำพูดของอนุรองฟังดูลังเลอย่างยากที่จะได้เห็น “คงจะอีกสักพักเจ้าค่ะ”
อวี้อาเหราแสร้งถลึงตาแล้วกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นใจคนรออย่างอนุรองคงจะร้อนแทบลุกเป็นไฟ สินะ หลายปีดีดักเพิ่งจะกลับมาได้สักครั้ง อาจจะกลับมาหลังปีใหม่ก็เป็นได้กระมัง เมื่อถึงตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะอีกกี่ปีจึงจะได้พบหน้า แม้เป็นข้าก็คงทนไม่ได้หรอก”
“เรื่องนี้คุณหนูรองไม่ต้องกังวลไป” อนุรองพยายามที่จะฝืนยิ้ม สิ่งที่นางเจ็บปวดมากที่สุดก็คือเรื่องที่ลูกชายตัวน้อยที่ต้องไปอยู่ที่ค่ายทหารซีซานตั้งแต่ยังเล็ก ตอนนี้ยังถูกอวี้อาเหรายกขึ้นมาพูดอย่างใจร้าย ลูกชายแท้ๆ ที่แทบจะไม่ได้พบหน้ากันเลยตั้งแต่เกิดมา ช่างน่าหัวร่อยิ่งนัก
อวี้อาเหราชื่นชมสีหน้าของอีกฝ่ายอย่างสมใจ แล้วมองจานขนมน้อยๆ สองสามใบที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหิน ก่อนจะหยิบขึ้นมาทาน รสชาติไม่เลวเลย หวานแต่ไม่เลี่ยน คล่องคอยิ่งนัก เพียงเห็นก็รู้ว่าคนทำใส่ใจเพียงใด หลิงอ๋องช่างใส่ใจต่อสตรีมีครรภ์เช่นอนุรองยิ่งนัก
“คุณหนูรอง ขนมนี่อร่อยหรือไม่? ทว่าขนมนี่เป็นขนมที่หลิงอ๋องเตรียมให้แก่อนุรองโดยเฉพาะ ไม่ว่าใครก็ทานไม่ได้” อนุสามเอ่ยประจบประแจง
“อย่างนั้นหรือ” อวี้อาเหราคิดอะไรขึ้นมาได้จึงเอ่ยขึ้นมาว่า “เมื่อกินขนมนี่ ข้าก็คิดไปถึงดอกเบญจมาศที่อนุสามเด็ดมาให้ในครั้งนั้น พอเอามาทำเป็นขนมก็มีรสดียิ่ง ข้ากินแล้วมีความสุขยิ่งนัก จะต้องให้รางวัลเจ้าจึงจะถูก”
“นะ…นั่นเป็นเรื่องที่ข้าน้อยสมควรทำ ไม่ขอรางวัลอะไรจากคุณหนูรองหรอกเจ้าค่ะ” สีหน้ายิ้มแย้มของอนุสามจางหายไปทันที ก้มหน้าลงในบัดดล
อวี้อาเหราดึงปิ่นปักผมหยกออกมาจากศีรษะ “นี่เป็นปิ่นปักผมที่ข้าชอบที่สุด มอบให้อนุสามก็แล้วกัน”
“ขอบพระคุณคุณหนูรอง” อนุสามมองปิ่นหยกก็ช่างดูธรรมดาเป็นที่สุด ไหนเลยจะถือเป็นของรางวัลได้ คงจะตั้งใจมอบให้นางเพื่อเยาะนางให้รู้สักสถานะตัวเองเสียบ้าง ถึงแม้ว่าจะไม่อยากรับมา แต่เมื่อเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของอวี้อาเหรา ก็ไม่กล้าที่จะไม่รับ
อวี้อาเหรายิ้มอย่างยินดี เมื่อเห็นคนที่ตัวเองเกลียดต้องทนกล้ำกลืน ใครเล่าจะไม่ยินดีกัน?
อนุรองดึงอวี้อาเหราให้มานั่งด้วยกัน “คุณหนูรองลองดื่มชานี่เถิด เป็นชาที่พระราชทานให้ท่านอ๋อง ได้ยินมาว่าเป็นชาบรรณาการจากในวังหลวง ราคาแพงยิ่งนัก ข้าน้อยเป็นเพียงบ้านเล็กเรือนน้อยไม่อาจใจกว้างได้เท่าคุณหนูรองได้ หากเป็นช่วงเวลาปกติคงไม่กล้าดื่ม แต่วันนี้อนุสามอุตส่าห์มาเยี่ยม เมื่อครู่นางยังว่าข้าน้อยขี้เหนียวเลยเจ้าค่ะ”
“ไม่จริงหรอก อนุรองใจกว้างกับทุกคน มีแต่กับตัวท่านเองเท่านั้นที่ไม่ยอมตัดใจ” อนุสามเห็นดีเห็นงามไปด้วย
ไม่ยอมตัดใจ? แล้วเงินร่วมหลายล้านตำลึงนั่นก็คือว่าตัดขาดได้ดีนี่! อวี้อาเหราลอบหัวเราะ จากนั้นก็ยื่นมือออกไปถือถ้วยชาไว้ จิบเล็กน้อยสองสามคำ “ช่างเป็นชาดีจริงๆ แต่ข้าก็ยังมีชาที่ดีกว่านี้ วันนี้ข้าจะตัดอกตัดใจเอามาให้อนุทั้งสองลองดื่มเสียหน่อย”
เมื่อพูดแล้ว ก็สั่งให้องครักษ์ที่อยู่ด้านหลังไปนำชามา
เมื่ออนุรองและอนุสามได้ยินนางพูดเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะชะงัก เป็นอนุรองที่มีปฏิกิริยาตอบกลับมาก่อน “คุณหนูรองไม่ต้องลำบากไปนำชามาหรอกเจ้าค่ะ ข้าน้อยมีสถานะต่ำต้อยนัก ไหนเลยจะกล้าดื่มชาดีถึงเพียงนั้น อนุสาม เจ้าว่าจริงไหม”
เมื่อพูดจบ ก็หันไปขยิบตาให้อนุสาม
“ใช่แล้ว ข้าน้อยไม่เหมาะสมหรอกเจ้าค่ะ” อนุสามรีบคล้อยตามในทันที
ตอนที่ 355 วางยาพิษ
“อนุรอง ถึงท่านจะเป็นบ้านเล็กเรือนน้อย แต่ในท้องของท่านคือทายาทของจวนหลิงอ๋อง แล้วเหตุใดถึงจะไม่เหมาะกับชาดีๆ เล่า? วันนี้ข้าชวนอนุทั้งสองมาร่วมกันดื่มชา หากท่านบ่ายเบี่ยงเช่นนี้ คงจะเพราะดูถูกชาของข้าใช่หรือไม่”
อวี้อาเหราหรี่ดวงตาลงด้วยสายตาอันตราย พวกนางสองคนมองหน้ากัน สุดท้ายก็จำต้องยอมรับ
หลังจากที่สาวใช้ยกชาเข้ามา อวี้อาเหราก็ลงมือชงชาด้วยตัวเอง แล้วยื่นให้อนุรองหนึ่งถ้วย เมื่อเห็นว่านางมองถ้วยชาอยู่เป็นนานไม่กล้าที่จะรับไป นางจึงเลิกคิ้วขึ้น “อนุรองกลัวว่าข้าจะเล่นตุกติกอะไรกับน้ำชานี่หรือ? เช่นนั้นถึงได้ไม่ยอมรับไป…”
“คุณหนูรองเข้าใจผิดแล้ว ข้าน้อยเพียงแค่ได้กลิ่นที่หอมเตะจมูกของชานี่จนเหม่อลอยไปเท่านั้น จะดื่มเสียเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” อนุรองเห็นนางกล่าวเช่นนั้น จึงไม่กล้าที่จะลังเลอะไรอีก จึงรีบรับถ้วยชามาทันที
อวี้อาเหราก็ส่งถ้วยชาให้อนุสามอีกถ้วย นางจึงรับมาดื่มด้วยตัวเอง
หลังจากที่ทั้งสองดื่มลงไปแล้วก็เห็นว่าน้ำชาตรงหน้าอวี้อาเหรายังไม่พร่องลงไปเลยแม้แต่น้อย เช่นนั้นอนุรองก็ชะงัก “เหตุใดคุณหนูรองจึงไม่ดื่มล่ะเจ้าคะ”
“ไม่กล้าดื่มหรอก” รอยยิ้มของอวี้อาเหราดูอ่อนโยนยิ่ง “น้ำชานี่มีพิษ ไหนเลยข้าจะกล้าดื่มกัน ไม่กลัวถูกพิษตายกันหรืออย่างไร”
“คุณหนูรอง ท่านกล่าวอะไรกันเจ้าคะ หากในน้ำชานี่มีพิษจริง แล้วท่านจะกล้านำมาให้พวกเราดื่มได้อย่างไร” ชัดเจนว่าอนุรองไม่เชื่อคำพูดของนาง เมื่อผ่านเรื่องราวเช่นนี้มาก่อนนางจะไม่เรียนรู้เลยหรืออย่างไร หากยังกล้าใช้ลูกไม้เดิมๆ มาจัดการกับนางอีกก็คงจะโง่เต็มทน
“อนุรอง ท่านก็คิดว่าข้ากำลังล้อเล่นอยู่อย่างนั้นหรือ” อวี้อาเหราหุบยิ้มลงแต่โดยดี ท่าทางพลันดูเคร่งขรึม
อนุรองชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ยังคงไม่ยอมเชื่อ “คุณหนูรองอย่าได้ล้อเล่นเช่นนี้เลย”
“จริงด้วย มีพิษที่ไหนกันเจ้าคะ เหตุใดดื่มแล้วก็ไม่เห็นว่าจะเป็น…” ขณะที่อนุสามกำลังพูดอยู่นั้น ทันใดนั้นเองนางก็ยกมือขึ้นมากุมท้องเอาไว้ เมื่อครู่นี้นางก็ดื่มลงไปมากที่สุด กลืนน้ำชาลงท้องไปหมดถ้วย ตอนนี้นางก็ปวดท้องเล็กน้อยจนต้องกุมเอาไว้ ลูกตากลอกกลิ้งไปมา ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นมาจากม้านั่งหินอย่างกะทันหัน ชี้ไปที่น้ำชาแล้วพูดไม่ออกอยู่เป็นนาน
“คะ…คุณหนูรองท่านใส่อะไรลงไป”
“แน่นอนว่าต้องเป็น…” เมื่ออวี้อาเหราตั้งท่าจะพูด แต่อนุรองก็ขัดขึ้นมาในทันที พยายามเอามือล้วงคอตัวเอง
ทั้งสองอยู่ในช่วงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะอาเจียนออกมาก็ทำไม่ได้ อวี้อาเหรานั่งมองอยู่ข้างๆ เป็นนาน จากนั้นจึงค่อยกล่าวออกมาว่า “ทั้งสองโปรดวางใจ ข้าไม่ได้ใส่อะไรลงไปทั้งนั้น นี่ก็เป็นเพียงใบชาธรรมดาๆ จะตื่นตกใจไปทำไมกัน?”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทั้งสองก็ชะงักไป
อนุสามหันกลับมาอย่างโกรธเคือง “คุณหนูรองเหตุใดถึงแกล้งพวกเราเล่นเช่นนี้?!”
“อนุสาม” อวี้อาเหราเล่นถ้วยน้ำชาว่างเปล่าในมือ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาเบาๆ “เจ้าก็คงอยากให้ข้าส่งท่อนฟืนให้เจ้าอีกกระมัง”
“เจ้า!” อนุสามโกรธเสียจนเหมือนมีไฟสุมหัว นางสูดลมหายใจแล้วกลั้นเอาไว้อย่างโกรธเคือง
เมื่อเห็นอนุสามสงบปาก อวี้อาเหราจึงหันไปมองอนุรอง แล้วเดินเข้าไปใกล้นางอีกนิด ในขณะที่อนุสามค่อยๆ เดินถอยห่างออกไปเรื่อยๆ สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวที่ปิดไม่มิด แต่ทั่วทั้งร่างก็ยังถือว่าสงบนิ่งอยู่เช่นเดิม “คุณหนูรอง ท่านคิดจะทำอะไรกัน”
“อนุรอง ปิ่นของท่านเบี้ยวเสียแล้ว ให้ข้าจัดให้ใหม่เถิด” น้ำเสียงของอวี้อาเหราแผ่วเบา ราวกับเต็มไปด้วยมนตร์เสน่ห์ ยื่นมือออกไปจะแตะปิ่นปักผมของอนุรอง เมื่อเห็นท่าทีตื่นกลัวของนางก็พออกพอใจยิ่งนัก แล้วพูดขึ้นเบาๆ ที่ข้างหู “ข้าเคยบอกแล้วว่าความอดทนของข้านั้นมีขีดจำกัด ข้าจะให้โอกาสเด็กในท้องของเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย หากยังกล้าที่จะก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีก อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน”
ตอนที่ 356 โง่เขลา
ไม่เกรงใจ? ภายในหัวสมองของอนุรองตีกันยุ่งเหยิง เช่นนั้นถึงค่อยเข้าใจแผนการของอวี้อาเหราขึ้นมา น้ำชาเมื่อครู่นี้ก็ไม่มีพิษเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นเพียงการล้อนางและอนุสามแล่นก็เท่านั้น เช่นนั้นจึงมองนางอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“ถ้าเช่นนั้นเหตุใดอนุสามถึงได้ปวดท้องได้”
“ข้าเพียงใส่สมุนไพรที่ไม่สะอาดลงไปในถ้วยของนางก็เท่านั้น นางจะปวดท้องเพียงชั่วครู่ ไม่เป็นอะไรมากหรอก” อวี้อาเหราไม่คิดปิดบัง บอกเล่าถึงความจริงที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา จากนั้นจึงค่อยถอยหลังไปหนึ่งก้าว มองท่าทีชะงักของอนุรอง ถอนมือออกมาจากปิ่นที่ปักอยู่บนผมของนาง
“เอาล่ะ ข้าก็เริ่มหิวอยู่บ้างแล้ว เช่นนั้นก็ขอกลับไปทานอาหารก่อนก็แล้วกัน ชานี้ก็ขอยกให้อนุทั้งสองท่านดื่มเถิด”
อวี้อาเหราพูดจบแล้วก็เดินก้าวยาวๆ ออกไปจากศาลา
อนุสามมองน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะหินอย่างพิจารณา ไม่ได้ยินที่ทั้งสองคุยกันก่อนหน้านี้ แล้วมองไปที่ท้องตัวเองอย่างระมัดระวัง ก่อนเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจนัก “เช่นนั้นท้องของข้าก็จะไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่หรือไม่ ดูเหมือนว่าจะไม่ปวดแล้ว”
“โง่เง่า!” อนุรองตะคอกออกมาคราหนึ่ง แล้วกวาดสิ่งของที่อยู่บนโต๊ะหินออกไปจนหมด ทั้งถ้วยชา น้ำชา และขนมหกหล่นกระจัดกระจายไปทั่วพื้น ยากเหลือเกินที่จะระงับความโกรธที่คุกรุ่นอยู่ในจิตใจในขณะนี้ กวาดสายตามองอนุสามอย่างเย็นชา “เดิมทีนางก็ไม่ได้วางยาพิษอะไรทั้งนั้น แล้วเจ้าจะปวดได้อย่างไร?!”
อวี้อาเหราก็ช่างน่าตายนัก เพราะนางยังคงเจ็บแค้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ จึงได้แสดงออกมาเช่นนั้น เป็นการเล่นละครเหมือนกันแท้ๆ แต่นางกลับพลาดพลั้งเป็นครั้งที่สอง นี่ก็ช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก!
อนุสามจำต้องหยุดพูด ในใจเต็มไปด้วยความไม่พอใจ กล่าวว่าตนเองโง่เขลา แล้วนางเองเล่าก็ถูกหลอกเหมือนกันมิใช่หรือ?
อวี้อาเหราก็ไม่ได้เดินออกไปไหนไกล แต่ยังคงหลบอยู่ใกล้ๆ เพื่อคอยดูท่าทีของคนทั้งสอง นางรู้สึกยินดีจนยิ้มกว้าง นางควรจะแสดงให้อนุสามเห็นว่าตัวนางนั้นไม่ได้ยั่วยุได้โดยง่าย ก่อนหน้านี่นางก็รู้สึกว่าตัวเองเตือนเอาไว้แล้ว อีกฝ่ายคงไม่อยากจะหาเรื่องอะไรอีก แต่ไม่คิดว่าอนุรองจะไม่ชอบอยู่สงบๆ เช่นนี้
ครั้งนี้นางก็เห็นว่าอีกฝ่ายอุ้มท้องทายาทของจวนหลิงอ๋องเอาไว้ มิเช่นนั้นนางคงได้สั่งสอนอนุรองกันสักตั้ง
เมื่อเห็นทั้งสองเดินจากไปอย่างโกรธเคือง อวี้อาเหราจึงเดินออกมาจากที่ซ่อน
พิราบขาวบินเข้ามาหา หัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความยินดีเมื่อครู่นี้ของนางถึงกับชะงัก นางเกือบจะลืมคำสั่งที่เม่ยเก๋อสั่งให้นางทำเสียแล้ว ครั้งนี้นางไม่ได้ฆ่าฉู่ป๋ายในตลาดมืดนั้น ก็ไม่รู้ว่าหนิงจื่อเย่จะทำอย่างไรกับนาง ยิ่งคิด ใจของนางก็ยิ่งรู้สึกหนักอึ้ง
เอื้อมมือออกไปแกะจดหมายที่ผูกอยู่กัขาของนก เมื่อเปิดออกก็เห็นเป็นเพียงกระดาษเปล่าๆ
ไม่เขียนอะไรเลย? อวี้อาเหราชะงักไป เหตุใดในกระดาษจึงไม่เขียนอะไรเลยเล่า
เหตุใดถึงส่งกระดาษเปล่าๆ เช่นนี้มาได้
นางยกกระดาษขึ้นส่องกับแสงอาทิตย์ แต่ก็ยังมองไม่เห็นตัวอักษรเลยสักตัว เพราะอย่างนั้นนางจึงกลับเข้าไปในห้อง แล้วเปิดออกท่ามกลางแสงเทียน แต่ในนั้นก็ยังคงไม่มีอะไร นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัยขึ้นมา กระดาษขาวแผ่นนี้จริงๆ แล้วมีนัยอะไรกันแน่ เป็นคำเตือนว่านางจำต้องสังหารฉู่ป๋าย หรือว่า…
ในตอนนั้นเอง เมี่ยวอวี้ก็กลับเข้ามาจากด้านนอก อวี้อาเหราตกใจ รีบเผากระดาษแผ่นนั้นทันที
พอเมี่ยวอวี้เข้ามาเห็นนางนั่งอยู่ในห้องก็ชะงัก “เมื่อครู่นี้คุณหนูไปไหนมาหรือเจ้าคะ เหตุใดบ่าวถึงไม่เห็นท่านเลยเล่า”
“อ้อ เมื่อครู่นี้ข้าไปที่สวนบุปผาด้านหลังมาน่ะ ตอนแรกคิดอยากจะเด็ดดอกไม้มาดูเล่นสักดอก แต่ไม่เห็นดอกสวยๆ ก็เลยกลับมามือเปล่า” อวี้อาเหราตอบ
“ถ้าเช่นนั้นเหตุใดเมื่อครู่ถึงให้คนนำใบชาไปเล่าเจ้าคะ หากว่าคุณหนูอยากดื่มชา ให้บ่าวชงให้ก็ได้นี่เจ้าคะ” เมี่ยวอวี้เอ่ยถามอย่างแปลกใจ
ตอนที่ 357 เรื่องงานแต่งงาน
“ไม่ต้องหรอก คนดื่มก็ไม่ใช่ข้า ข้าให้อนุรองกับอนุสามดื่มน่ะ” อวี้อาเหราส่ายหน้า
เมี่ยวอวี้ชะงักไป คุณหนูของนางก็ไม่ถูกกับอนุทั้งสองมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แล้วเหตุใดถึงต้องนำชาไปให้พวกนางด้วยนะ?
อวี้อาเหราลูบคางน้อยๆ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นถาม “เมื่อครู่นี้เจ้าบอกว่าจะไปเตรียมอาหารเย็นมิใช่หรือ อาหารเย็นอยู่ไหนเล่า”
“อ้อ บ่าวจะไปยกมาให้เจ้าค่ะ” เช่นนั้นเมี่ยวอวี้ถึงค่อยนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้
หลังจากที่ทานอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว อวี้อาเหราจึงวางตะเกียบลงแล้วเอ่ยถามว่า “เจาเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง”
“คุณหนูโปรดวางใจ” เมี่ยวอวี้ตอบ “ท่านอ๋องเพิ่งจะมีรับสั่ง บอกว่าเจาเอ๋อร์ช่วยชีวิตคุณหนูเอาไว้ จะต้องดูแลให้ดี ก่อนหน้านี้จึงมีหมอหลวงมาดูอาการแล้วจ่ายยาให้ บอกว่าพักผ่อนอีกไม่กี่วันก็จะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมแล้วเจ้าค่ะ”
อวี้อาเหราพยักหน้าลงด้วยความพอใจ “อืม ข้ารู้แล้ว”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ เมื่อครู่นางกำนัลคนสนิทของท่านอ๋องมาส่งข่าว กล่าวว่าองค์ไทเฮามีรับสั่งว่าหลังจากปล่อยตัวองค์รัชทายาทออกจากวังตะวันออกแล้ว พระพลานามัยก็ทรงแข็งแรงขึ้น หากคุณหนูมีเวลาว่างเมื่อใด ก็ให้เข้าวังไปเข้าเฝ้าเจ้าค่ะ” เมี่ยวอวี้ที่กำลังจะเดินจากไป ทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้ จึงหยุดฝีเท้าลง
อวี้อาเหราเลิกคิ้ว “ไทเฮาหรือ ไม่ได้บอกเวลาเข้าวังมาหรือ”
“ไม่ได้บอกเจ้าค่ะ เพียงแต่ให้คุณหนูเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่ว่ารีบไปให้เร็วที่สุดก็คงจะดีเสียกว่า มิเช่นนั้นจะให้ไทเฮาผู้ชราจะทรงคอยแย่ ตอนไปก็เพียงให้คนไปบอกก่อนล่วงหน้า คิดว่าคงจะใช้โอกาสตอนท่านเข้าวัง แล้วจึงค่อยเรียกองค์รัชทายาทมาพบเจ้าค่ะ” เมี่ยวอวี้ว่า
“ดูแล้วไทเฮาคงทนรองานสมรสของข้าและองค์รัชทายาทไม่ไหวแล้วสินะ…”
“เจ้าค่ะ ได้ยินคนในวังพูดกันว่า ช่วงนี้ดูเหมือนไทเฮาจะทรงเลือกวันมงคลอยู่ คงจะต้องเกี่ยวข้องกับคุณหนูรองและองค์รัชทายาทเป็นแน่”
ยายแก่คนนี้นี่นะ! อวี้อาเหราขบฟันแน่น นี่ไทเฮาก็ไม่คิดจะสนใจเรื่องที่นางขอถอนหมั้นเลยแม้แต่น้อย อย่างไรก็ต้องให้นางแต่งงานกับรัชทายาทให้ได้ แต่กับคนที่นางไม่อยากแต่งด้วย ทำอย่างไรนางก็จะไม่แต่ง บีบบังคับไปก็เปล่าประโยชน์ แต่เรื่องที่นางปวดหัวมากที่สุดก็คือ ในเมื่อฝ่าบาททรงเห็นด้วยกับเรื่องสมรสนี้ หากนางคัดค้านก็ไม่เท่ากับขัดพระราชโองการของฮ่องเต้หรอกหรือ? เช่นนั้นก็ต้องโดนตัดหัวน่ะซี!
หากนางตายไปเพียงคนเดียวก็คงไม่เป็นไร แต่นางก็ไม่อาจทำให้หลิงอ๋องลำบากได้ มิเช่นนั้นนางจะมองหน้าคุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋องตัวจริงได้อย่างไรกัน?
“คุณหนู เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ” เมี่ยวอวี้เห็นนางมีสีหน้าไม่สู้ดีนักจึงถามขึ้น
“ไม่มีอะไร” อวี้อาเหราส่ายหน้า แล้วกล่าวว่า “เจ้าไปบอกนางกำนัลอาวุโสของเสด็จพ่อที บอกว่าข้าเพิ่งมาจากเมืองตะวันตก เนื่องจากต้องลมหนาวมานานวัน ต้องการรักษาตัวเพราะป่วยจนลุกจากเตียงไม่ได้ จู่ๆ ก็เกิดเป็นไข้ลมหนาวกะทันหัน ขอให้องค์ไทเฮาอย่าได้ทรงกริ้ว คงไม่อาจเข้าวังไปเฝ้าในตอนนี้ได้”
เมี่ยวอวี้อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้น “คุณหนู แต่ท่านก็ดูสบายดีนี่เจ้าคะ”
“โอ๊ย ข้าปวดหัวถึงเพียงนี้ สบายดีที่ตรงไหนกัน รีบจ่ายยาให้ข้าเถิด จู่ๆ มือเท้าของข้าก็พลันไร้เรี่ยวแรงขึ้นมา จะต้องป่วยหนักแน่ๆ เจ้ายังไม่รีบไปอีกหรือ!” เมื่อเห็นเมี่ยวอวี้ยืนบื้อกลั้นยิ้มอยู่ อวี้อาเหราจึงเอ่ยเร่งรัดขึ้น
“คุณหนู ท่านแสร้งป่วยเช่นนี้ หากถูกเปิดโปงในภายหลังจะลำบากเอานะเจ้าคะ” เมี่ยวอวี้มองทักษะการแสดงแสนห่วยของคุณหนูตัวเองอย่างจนใจ
“ไม่เป็นไรหรอกน่า” อวี้อาเหราส่ายหน้าอย่างไม่สนใจ ตอนนี้จะไปสนทำไมว่าใครจะมองออกหรือมองไม่ออก แกล้งป่วยเพื่อหลบไทเฮาก่อนเถิดค่อยว่ากัน ในเมื่อต้องการจะยกเรื่องแต่งงานมาพูด นางก็จะไม่ยอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้แน่ หากไม่สามารถถอนหมั้นได้นางก็จะแสร้งป่วยไปเช่นนี้ หากถอนหมั้นไม่ได้ทั้งชีวิต นางก็คงต้องแสร้งทำไปตลอดชีวิต
“บ่าวน้อมรับคำสั่งเจ้าค่ะ” สีหน้าของเมี่ยวอวี้ฉายแววจนใจอยู่บ้าง
ตอนที่ 358 แสร้งป่วย
เรื่องที่จู่ๆ อวี้อาเหราก็ป่วยเป็นไข้ลมหนาวแพร่กระจายไปทั่วในชั่วข้ามคืน หลิงอ๋องเมื่อได้ยินก็รีบร้อนมาดูนาง เมื่อเห็นนางนอนซมอยู่บนเตียง พยายามจะหยัดกายขึ้นมาเพื่อคารวะแต่ก็ไร้เรี่ยวแรง เช่นนั้นก็รีบดันตัวนางเอาไว้ “ในเมื่อร่างกายของเจ้ายังคงไม่แข็งแรงดี เช่นนั้นก็นอนคุยเถิด”
“เพคะ” เมื่อได้ยินดังนั้น อวี้อาเหราก็นอนนิ่งๆ ไม่ขยับไปไหน
หลิงอ๋องขมวดคิ้ว “เมื่อครู่เจ้าก็ยังดูสบายดีอยู่เลยนี่ เหตุใดจู่ๆ ถึงได้เป็นไข้ลมหนาวเสียได้”
“คงเป็นเพราะที่เมืองตะวันตกทุรกันดาร ทานอะไรก็ไม่สะอาด ไม่สบายเหมือนอยู่ในจวน และร่างกายของลูกก็ยังอ่อนแอเป็นทุนเดิม เมื่อต้องลมเย็นก็ทำให้ร่างกายหนาวเย็นเป็นธรรมดา เมื่อมาเจอกับอากาศอบอุ่นที่นี่จึงล้มป่วยได้เพคะ” อวี้อาเหรากะพริบตา ก่อนจะพูดแจกแจงรายละเอียด ราวกับกำลังป่วยอยู่จริงๆ
เช่นนั้นหลิงอ๋องก็พลันกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจนัก “พ่อให้เจ้าอยู่ในจวนดีๆ เจ้าก็ไม่ฟัง ยามนี้ก็ป่วยเสียแล้ว เจ้านี่นะ หากไม่ทำให้พ่อเป็นกังวลเจ้าจะอยู่ไม่สงบหรืออย่างไร เหอะ!” แม้ว่าจะเป็นคำดุว่า แต่กลับแฝงไว้ด้วยความรักใคร่เอ็นดูอย่างลึกซึ้ง
อวี้อาเหราฝืนยิ้มออกมา ก่อนจะคลายปมคิ้วที่ขมวดแน่น “ใครให้เสด็จพ่อรักลูกถึงเพียงนี้เล่าเพคะ จริงสิเพคะเสด็จพ่อ…”
“มีอะไรหรือ” หลิงอ๋องเผยยิ้มออกมาอย่างอ่อนใจ
“ลูกป่วยถึงเพียงนี้ แม้แต่ลงจากเตียงก็ยังทำไม่ได้ ได้ยินมาว่าองค์ไทเฮาทรงส่งคนมาเรียกลูกให้เข้าเฝ้า หากไม่เข้าวังตามพระเสาวนีย์ก็เท่ากับไม่ให้ความภักดี แล้วนี่จะทำอย่างไรกันดีเล่าเพคะ รอให้พรุ่งนี้อาการของลูกดีขึ้นเสียหน่อย ค่อยเข้าวังไปดูดีหรือไม่เพคะ มิเช่นนั้นคนอื่นคงได้กล่าววาจาค่อนแคะว่าลูกนั้นถือว่าตัวเองเป็นธิดาเอกแห่งจวนหลิงอ๋อง จึงไม่เห็นพระเสาวนีย์ขององค์ไทเฮาอยู่ในสายตา”
“ไม่ได้” หลังจากหลิงอ๋องได้ยินดังนั้นก็ส่ายหน้าทันที “เจ้าป่วยถึงขนาดนี้แล้วจะเข้าวังอีกทำไมกัน หากใครกล้าพูดเรื่องที่เจ้าถือยศถือศักดิ์ว่าเป็นธิดาเอกอะไรนั่น พ่อจะไม่ปล่อยมันไว้แน่! เจ้าเพียงแต่อยู่ในห้องดูแลรักษาตัวเองให้ดีเถิด เรื่ององค์ไทเฮา พ่อจะเข้าวังไปอธิบายด้วยตัวเอง คิดว่าอย่างไรเสียพระองค์คงจะเข้าพระทัยความลำบากของเจ้า”
“ขอบพระทัยเพคะเสด็จพ่อ!” อวี้อาเหรายิ้มอย่างยินดี ก่อนจะรีบกลบเกลื่อนสายตายินดีของตัวเองทันที
หลิงอ๋องเห็นท่าทีของนางแล้วก็ชะงักไป “เจ้าก็คงไม่ได้แสร้งป่วยเพื่อตบตาไทเฮาหรอกใช่หรือไม่”
ใจของอวี้อาเหราหล่นวูบ พยายามฝืนยิ้มให้อยู่บนหน้า “เสด็จพ่อทรงกล่าวอะไรเช่นนั้นเพคะ”
หลิงอ๋องพิจารณาใบหน้าเล็กๆ ของนางแล้ว เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรที่ผิดปกติก็ส่ายหน้า “ไม่มีอะไร ดูท่าพ่อคงคิดมากไปเอง ในเมื่อเจ้าป่วยก็รักษาตัวดีๆ กินยาแต่โดยดีเถิด แล้วอย่าได้ออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนอีก ที่เจ้าไปเมืองตะวันตกครั้งนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นตั้งมากมาย พ่อไม่ไว้ใจเรื่องความปลอดภัยของเจ้าเลย”
“ลูกเจ้าใจแล้วเพคะ” อวี้อาเหราถอนหายใจออกมา ยังดีที่หลิงอ๋องดูไม่ออก แต่เมื่อครั้งที่แล้วที่นางลอบออกจากจวนเขายังให้เมี่ยวอวี้ตามไปอารักขา ดูแล้วเขาคงจะไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ หรือมิเช่นนั้นก็คงรู้แล้วว่านางแกล้งป่วย แต่ก็ปล่อยเลยตามเลยไป
ไม่ว่าเขาจะรู้หรือไม่ แต่หากเขาไม่ได้เปิดเผยออกมา เช่นนั้นก็ปล่อยเลยตามเลยไปเถิด
หลิงอ๋องลุกยืนขึ้น มองไปทางด้านนอก “เมี่ยวอวี้ไปไหนกัน เหตุใดถึงไปตามหมอหลวงนานนัก”
“หมอหลวงหรือเพคะ” อวี้อาเหราชะงัก
“ก็ใช่น่ะสิ เจ้าป่วยหนักเช่นนี้ หากเป็นหมอธรรมดาก็คงเชื่อถือไม่ได้มาก เช่นนั้นพ่อก็เลยให้เมี่ยวอวี้ไปตามหมอหลวงในวังมาดูอาการเจ้าอย่างไรเล่า” หลิงอ๋องกล่าว
อวี้อาเหราเงียบไปในทันที นางก็ไม่ได้ป่วยเลยแม้แต่น้อย หากตามหมอหลวงมาดูอาการ เช่นนั้นก็จะมิถูกเปิดโปงจนหมดเปลือกหรอกหรือ?
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น