หมอยาหวานใจท่านประธาน 346-353

 ตอนที่ 346 ยาแปลงโฉม


 


 


“ก็ยังใช้ได้ แต่ถ้ามียาแปลงโฉมก็ดีเลย จะทำให้สะดวกขึ้น” อีลั่วเสวี่ยหรี่ตา ดูท่าทางแล้วเธอคงกำลังคิดว่าจะสามารถหลอมยานี้ได้หรือไม่


 


 


ถ้าทำได้ต่อให้ไปที่สถานที่ประมูลใต้ดิน มีคนเห็นใบหน้าก็ไม่เป็นไร ย่อมไม่เปิดเผยฐานะของเธอ


 


 


“ทำไมข้าจะไม่มีของอย่างยาแปลงโฉมล่ะ แต่ว่า…”


 


 


“แต่ว่าต้องการเงินใช่ไหมล่ะ” มุมปากอีลั่วเสวี่ยกระตุก ตามที่เธอรู้จักเจ้าลูกบอลเงิน ถ้ามันไม่พูดอย่างนี้แล้วจะพูดอะไรอีก เงินเงินเงิน เจ้านี่นอกจากเงินแล้วย่อมไม่พูดถึงเรื่องอื่น


 


 


ลูกบอลเงินหมุนตัวรอบหนึ่ง “คนที่รู้ใจข้า ย่อมเป็นลั่วเสวี่ยแฮ แต่ว่า เห็นแก่ความสัมพันธ์ของเรา ข้ามอบสมุนไพรทิพย์บางอย่างให้เจ้าได้” นับจากที่มันรู้ว่าอีลั่วเสวี่ยอยากหลอมยา ก็พยายามหาซื้อสมุนไพรทิพย์จากโลกอื่น


 


 


“สมุนไพรทิพย์?” ดวงตาอีลั่วเสวี่ยเจิดจ้าขึ้น จากนั้นก็เข้าใจที่ลูกบอลเงินคิด แล้วรู้สึกหัวใจอบอุ่นขึ้น เจ้าจิ๋วนี้มีน้ำใจจริงๆ


 


 


“ใช่ สมุนไพรทิพย์ไง เจ้าอยากได้ของพวกนี้ไม่ใช่หรือ โลกนี้ขาดแคลนไอทิพย์ ยากมากที่จะหาสมุนไพรทิพย์ได้” ไม่เพียงปัญหาเรื่องไอทิพย์ ยังรวมถึงการรุกป่าและมลภาวะ


 


 


ต่อให้มีสมุนไพรทิพย์ก็อาจตายหรือสูญพันธุ์เพราะสิ่งแวดล้อมไม่อำนวย สมุนไพรที่เหลืออยู่ก็เป็นประเภทที่สามารรถทนต่อสภาพแวดล้อมได้ ฤทธิ์ยาด้อยกว่าสมุนไพรของโลกอื่นมาก


 


 


อีลั่วเสวี่ยพยักหน้า “นับว่าเจ้ามีน้ำใจ เป็นเงินเท่าไหร่ ฉันค่อยคิดบัญชีแล้วโอนให้เจ้า”


 


 


ลูกบอลเงินกลับไม่ได้เอ่ยเรื่องราคา แต่ขยับเข้ามาใกล้ขึ้น “เอ่ยเรื่องเงินทำให้เสียความรู้สึก เจ้าว่าจริงไหม อีกอย่างเงินของเจ้าก็เหมือนเงินข้าไม่ใช่หรือ เหมือนกันแหละ เจ้าเป็นเถ้าแก่ ข้าจะทำใจเอาเงินจากเจ้าได้หรือ”


 


 


“ค่อยเหมือนภาษาคนหน่อย!”


 


 


“คืออย่างนี้นะ ข้ากับเจ้าต้องการหลอมยาเพื่อยกระดับหมอยาให้สูงขึ้นใช่ไหม ง่ายมาก ข้าสนองตัวยาให้ พอหลอมยาทิพย์เสร็จ เราก็เอาไปขายดีไหม? ยาทิพย์เป็นที่ต้องการมากในดวงดาวข้างนอก”


 


 


อีลั่วเสวี่ยเลิกคิ้วขึ้น “เอ๊ะ? มนุษย์ต่างดาวของพวกเจ้าบำเพ็ญเพียรด้วยหรือ?”


 


 


“ไม่บำเพ็ญ แต่ถือเป็นของว่างกินเล่น คล้ายกับคนบนโลกนี้ที่กินวิตามินกินแคลเซี่ยมเสริม ฮ่าฮ่า”


 


 


“……” ต่อให้อีลั่วเสวี่ยนึกร้อยแปดตลบก็นึกไม่ออกว่าเจ้าลูกบอลเงินจะตอบอย่างนี้ เหนือความคาดหมายจริงๆ


 


 


ลูกบอลเงินกลัวว่าอีลั่วเสวี่ยจะไม่ตกลง มันแตะที่ไหล่เธอ “ว่าไง คิดหน่อย ถึงตอนนั้นเราจะขยายร้านให้ใหญ่ เรื่องเทคโนโลยีขั้นสูงมอบให้ข้าเอง จะครองโลกก็ไม่มีปัญหาหรอก”


 


 


มุมปากอีลั่วเสวี่ยกระตุก “จะครองโลก เจ้าไม่กลัวละเมิดกฎหมายระหว่างดวงดาวหรือ?”


 


 


“โธ่เอ๊ย ข้าลืมบอกเรื่องนี้ไป ที่จริงพุ่งเป้ามาที่เถ้าแก่ร้านค้าปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงของเรา นั่นก็คือมนุษย์ต่างดาวระหว่างดาว ไม่ใช่สิ เผ่าพันธุ์ เท่ากับมนุษย์ เจ้าเป็นข้อยกเว้น เพราะเจ้าไม่ได้อยู่ในดวงดาวของเรา ไม่ต้องยึดถือกฎหมาย”


 


 


เถ้าแก่ร้านมันจัดอยู่ในพวกช่องโหว่ของระบบ ขอเพียงไม่ทำเรื่องใหญ่โตก็ไม่จำเป็นต้องกังวล อีกอย่างเธอก็แค่เด็กสาวคนหนึ่ง จะเป็นเจ้าครองโลกหรือ เธอคร้านจะเป็น


 


 


“ปัดโธ่ ทำไมไม่บอกแต่แรก” เจ้าลูกบอลเงินยังมีไม้นี้เก็บไว้ไม่ยอมบอกตน อีลั่วเสวี่ยชำเลืองมอง แล้วยิ้มอย่างเย็นชา


 


 


ลูกบอลเงินมีท่าทางอึดอัด “ก็เพราะข้ากลัวว่าเจ้าจะเกิดบ้าระห่ำ ทำลายโลกใบนี้?” โลกนี้มีสิ่งมีชีวิตอยู่ ขืนทำลายอย่างหนัก มันกับอีลั่วเสวี่ยย่อมหนีไม่พ้น


 


 


แต่เวลานี้มันไม่ห่วงแล้ว ผู้หญิงคนนี้ที่ผ่านมามีนิสัยที่ว่าคนอื่นไม่ข่มเหงนางนางก็ไม่ข่มเหงคนอื่น ปลอดภัยดี ไม่กระหายอำนาจ


 


 


ทำลายโลกงั้นหรือ สมองเธอไม่ได้เพี้ยนนี่นา ขืนทำลายที่นี่เธอก็ไม่มีที่จะไป ต่อให้คิดจะทำลาย เธอก็ต้องมีที่ไปก่อนค่อยว่า อีกอย่างเธอไม่มีความแค้นต่อโลก ทำไมต้องทำลายด้วย


 


 


เจ้าลูกบอลเงินวิตกจริตชัดๆ


 


 


 


 


ตอนที่ 347 เสวี่ยลั่วอี


 


 


“อย่ามัวกังวลเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ข้าไม่ได้อยากทำอะไรแบบนั้น” อีลั่วเสวี่ยพูดแล้วก้มหน้า ขับรถเข้าไปจอดในลานจอดรถแห่งหนึ่ง เธอซื้ออพาตเมนท์เล็กๆ ไว้ที่นี่ ใช้เพื่อทำเรื่องอื่น


 


 


เพราะมีลูกบอลเงินอยู่ด้วยดังนั้นที่จุดไหนมีกล้องวงจรปิดเธอจะหลบได้หมด จะถ่ายไม่เห็นใบหน้าเธอ เธอยังเปลี่ยนแปลงสถานภาพด้วย ไม่ใช่เพื่อทำผิดกฎหมาย แต่เพื่องป้องกันความเดือดร้อนที่ไม่จำเป็น


 


 


หลังจากเปิดประตูรถเข้าไปนั่งในรถอีกคัน เจ้าลูกบอลเงินก็คายยาแปลงโฉมออกมาให้เธอ “นี่ ยาแปลงโฉม จดบัญชีไว้! แล้วค่อยจดเป็นต้นทุนของยาทิพย์”


 


 


อีลั่วเสวี่ยแปลกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอรู้ดีว่าเจ้าลูกบอลเงินหนีไม่พ้นเรื่องเงินๆ ทองๆ หรอก ยังจดบัญชีไว้ก่อน เมื่อกี้เพิ่งบอกว่าเธอเป็นเถ้าแก่ ทำไมถึงลืมเร็วจริงนะ


 


 


หลังจากอีลั่วเสวี่ยกินยาแปลงโฉม ใบหน้าเธอก็เปลี่ยนไป เธอหยิบใบขับขี่ในรถขึ้นมาดู แล้วเชิดมุมปากขึ้น “เหมือนมาก!” ยาแปลงโฉมของพวกเขาประสิทธิภาพดีมาก ส่วนการแต่งหน้านั้นต่อให้แต่งหน้าเก่งแค่ไหนก็ยังดูออกได้ง่าย


 


 


อีลั่วเสวี่ยเหยียบคันเร่งแล้วขับรถออกไป


 


 


“ฮัลโหล หูปิง เดี๋ยวเจอฉันไม่ต้องแปลกใจ รายละเอียดค่อยเล่าให้ฟังทีหลัง”


 


 


หูปิงรับโทรศัพท์แล้วงุนงง “หัวหน้า คุณพูดอะไรหรือ หรือจะพาเพื่อนมาด้วย?”


 


 


“พอถึงนายจะรู้เอง ฉันก็คือฉัน แต่ก็ไม่ใช่ฉัน ช่างเถอะ เลิกอธิบายแล้ว พอถึงที่แล้วค่อยอธิบาย” หูปิงเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเธอ ถ้าไม่บอกให้รู้ล้วงหน้า เดี๋ยวเขาต้องสับสนแน่


 


 


ไม่นานนักอีลั่วเสวี่ยก็มาถึงร้านคาราโอเกะและบาร์ที่หูปิงกับพวกดำเนินกิจการ


 


 


“หัวหน้าหรือ?” ทุกคนยืนที่หน้าประตู มองไกลออกไป สายตามาหยุดอยู่บนใบหน้าอีลั่วเสวี่ย ดูแวบหนึ่งแล้วมองไปทางอื่น ผู้หญิงคนนี้หน้าตาสดใส ดูเหมือนนักศึกษาน้องใหม่ ไม่ใช่เจ๊ใหญ่หัวหน้าของพวกเขา


 


 


อีลั่วเสวี่ยยกมุมปากขึ้น ได้ผลดีจริงๆ แม้แต่คนอย่างหูปิงก็ยังดูไม่ออก มีรอยยิ้มที่มุมปาก เธอเดินตรงมาที่หูปิงกับพวก


 


 


“ฉันเอง เพิ่งโทรคุยกับนาย” เสียงของอีลั่วเสวี่ย แต่ใบหน้าต่างไปมาก หูปิงถึงกับเบิ่งตาโต พูดอะไรไม่ออกครู่หนึ่ง แต่คิดดูแล้วพวกผู้บำเพ็ญเพียรเป็นเรื่องที่คนอื่นยากที่จะเข้าใจ การแปลงโฉมจึงไม่มีอะไรน่าแปลกใจ อาจจะใช้หน้ากากหนังคนก็ได้


 


 


โลกนี้ยังมีของอย่างนี้ เพียงแต่ใช้กันในอาณาจักรใต้ดินของพวกเขา บนพื้นดินห้ามใช้


 


 


“หัวหน้า?” หูปิงถามด้วยความสงสัย แต่พอสบตากับอีลั่วเสวี่ยก็เข้าใจทันที รีบเดินมาต้อนรับเธอ


 


 


ในห้องโถงขนาดใหญ่ของร้านคาราโอเกะ ทุกคนมองดูอีลั่วเสวี่ยอย่างุงนงง ได้ยินว่าหัวหน้าคนนี้เคยช่วยชีวิตเสี่ยวเฟิงกับพวก แต่ผู้หญิงคนนี้เก่งอย่างนั้นจริงหรือ หรือว่าเป็นคุณหนูใหญ่ของนายทุนกลุ่มไหน อยากเป็นเจ๊ใหญ่ให้หายอยาก สุดท้ายคนที่เดือดร้อนก็คือพวกเขา


 


 


อีลั่วเสวี่ยย่อมมองออกว่าคนเหล่านี้แปลกใจและไม่ยอมรับ แต่เธอไม่โกรธ การใช้ใบหน้านี้ไม่มีอันตราย ทำเช่นนี้แล้วย่อมแสดงเป็นหมูที่กินเสือได้


 


 


“ฉันชื่อเสวี่ยลั่วอี ต่อจากนี้คือเถ้าแก่ของร้านคาราโอเกะและบาร์แห่งนี้ เป็นหัวหน้าของทุกคน ทุกคนจะเรียกฉันว่าหัวหน้าหรือเถ้าแก่ก็ได้ จากนี้ทุกคนแนะนำตัวเอง บอกด้วยว่าก่อนหน้านี้เคยทำอะไร พอเสร็จแล้วก็เริ่มประชุม กำหนดแผนงานเปิดกิจการ”


 


 


เสวี่ยลั่วอีอ่านกลับก็จะเป็นอีลั่วเสวี่ย ชื่อนี้ยังน่าฟังด้วย


 


 


เธอพูดเข้าประเด็นทันที แม้น้ำเสียงจะราบเรียบ แต่พลังในตัวเธอทำให้ทุกคนไม่กล้าดูแคลน


 


 


หูปิงมายืนอยู่ข้างๆ อีลั่วเสวี่ย ถึงตอนนี้พวกเขาจึงเริ่มแนะนำตัวเองทีละคน คนไม่มาก แนะนำเสร็จอย่างรวดเร็ว


 


 


“ฉันรุ้จักคร่าวๆ แล้ว ทุกคนนั่งลงประชุมเถอะ นี่เป็นแผนดำเนินกิจการ พวกนายอ่านดู” อีลั่วเสวี่ยหยิบหนังสือแผนดำเนินกิจการหลายแผ่นออกมาจากกระเป๋าถือ ยื่นให้ทุกคน


ตอนที่ 348 งั้นฉันเลี้ยงทุกคนเอง


 


 


หนังสือแผนงานไม่ยาก อ่านเข้าใจง่าย ที่จริงคือแผนการดำเนินธุรกิจของพวกเขา รวมทั้งต้องตกแต่งส่วนหนึ่งของบาร์ด้วย


 


 


“เรื่อแต่งร้านผมไม่มีความเห็น แต่หัวหน้าครับ แถวนี้ของเราขายเหล้าฝรั่งกับเบียร์เป็นส่วนใหญ่ ถ้าขายเหล้าขาวจะมีคนดื่มหรือ?” ไม่ใช่เพราะพวกเขาดูถูกสุราของประเทศตัวเอง แต่ปัญหาคือคนไม่นิยมดื่ม


 


 


อีลั่วเสวี่ยเม้มปาก “นั่นเพราะทุกคนไม่รู้ว่าเหล้าขาวของเราเป็นของดี เรื่องนี้ทุกคนไม่ต้องวิตก ในเมื่อเอามาขาย ฉันจะทำให้กลายเป็นเหล้าเบอร์หนึ่งเลย!”


 


 


เธอนึกถึงเหล้าที่เคยดื่มที่ร้านเนื้อปิ้ง รสชาติดีจริงๆ ถึงตอนนั้นเพิ่มรสชาติที่เธอต้องการลงไปเล็กน้อยในนั้น เชื่อว่าต้องถูกใจลูกค้าแน่นอน


 


 


ส่วนเรื่องอื่นนั้นเธอย่อมมีวิธีการเป็นชุดเพื่อดึงดูดลูกค้า ส่วนคาราโอเกะนั้น ต้องเปิดร่วมกับบาร์ ดำเนินกิจการทั้งสองส่วนด้วยกันค่อยเข้าท่าหน่อย


 


 


หลังจากจัดการงานคร่าวๆ แล้ว อีลั่วเสวี่ยก็ยื่นบัตรธนาคารให้หูปิง “ถ้ายังไม่พอก็ให้โทรหาฉัน ส่วนทุกคนขอให้เข้าร่วมหุ้นในร้าน ต่อจากนี้การค้าของร้านทุกคนมีส่วนด้วย วันหลังฉันค่อยทำหนังสือสัญญามาให้ทุกคนเซ็น”


 


 


เรื่องนี้เธอได้แรงบันดาลใจจากการที่เฉวียนหมิงพาเธอไปงานเลี้ยงคืนนั้น คนบนโลกนี้ต้องการอะไรหรือ ก็แค่งานที่ผ่อนคลายและมั่นคง แต่บาร์เหล้าย่อมไม่ทำให้ผ่อนคลาย


 


 


ถ้างั้นก็ต้องใช้ผลประโยชน์ ผลประโยชน์บวกกับที่เธอคอยคุ้มครองพวกเขาและยอมเสียสละให้ เชื่อมั่นว่าพวกเขาจะเป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์ จะอย่างไรจากเหตุการณ์ที่ร้านคาราโอเกะครั้งก่อนก็พอมองออกว่าคนที่ติดตามหูปิงล้วนมีหลักการ


 


 


เธอต้องการคนแบบนี้ ดังนั้นต่อให้ต้องมอบผลประโยชน์ให้มากหน่อยเธอก็ยินดี


 


 


แล้วก็เป็นไปตามคาด พอทุกคนได้ยินเช่นนี้ดวงตาก็เจิดจ้าขึ้นทันที แววตาแสดงอาการตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก สำหรับคนอย่างพวกเขา ขอให้เงินเดือนสูงกว่าคนอื่นก็พอใจมากแล้ว คิดไม่ถึงว่ายังได้รับประโยชน์เช่นนี้


 


 


“ขอบคุณหัวหน้าครับ!” หัวหน้าคนใหม่ของพวกเขาเยี่ยมจริงๆ คู่ควรที่จะติดตาม หวังจะอาศัยฝีมือเธอช่วยคุ้มครองพวกเขา อย่าให้เกิดเรื่องอย่างคราวก่อน


 


 


เธอถือใบแผนงานเดินไปมาในร้าน หลังจากสำรวจดูในร้านและตัดสินใจแล้ว ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลง


 


 


“ฉันควรกลับแล้ว มีเรื่องอะไรพวกนายก็บอกหูปิง เขาจะแจ้งให้ฉันรู้เอง ครึ่งเดือนนี้ทุกคนคงต้องเหนื่อยหน่อย” อีลั่วเสวี่ยยิ้มแล้วเดินไปที่ประตู หูปิงกับพวกเดินตามหลังมาส่ง


 


 


จู่ๆ อีลั่วเสวี่ยก็หยุดเดิน หูปิงกับพวกที่ตามหลังมาก็หยุดเช่นกัน บรรยากาศตึงเครียดขึ้นทันที


 


 


“ไง น้องสาว บาร์ที่นี่ไม่น่าสนุก ไปเที่ยวเล่นที่บาร์เราดีกว่าไหม?” ตรงข้ามเป็นเป็นผู้ชายสวมชุดสูทรองเท้าหนัง มีรอยยิ้มอย่างประสงค์ร้ายบนใบหน้า เห็นแล้วทำให้รู้สึกคันไม้คันมือ


 


 


อีลั่วเสวี่ยยิ้มแต่ไม่พูดอะไร หูปิงก้าวมาข้างหน้า ยืนอยู่ข้างเธอ ชำเลืองมองเห็นว่าในรอยยิ้มของเธอแฝงด้วยความรำคาญ ก็นึกเสียใจเงียบๆ แทนผู้ชายคนนั้น


 


 


หมอนั่นไม่เพียงแต่พูด ยังเดินมาหาอีลั่วเสวี่ยแล้วยื่นมือออกมา


 


 


ในขณะนั้นเองอีลั่วเสวี่ยก็ลงมือ เธอคว้าแขนเจ้านั่นทุ่มข้ามไหล่ เกิดเสียงดังโครม ชายคนนั้นนอนลงบนพื้น ลุกไม่ขึ้นอยู่นาน


 


 


หลายคนที่อยู่ข้างหลังเขา ไม่รู้ว่าเป็นเพื่อนหรือเป็นลูกน้อง สีหน้าดุร้ายขึ้นมาทันที “นางคนนี้ เหล้าเชิญไม่ดื่ม จะดื่มเหล้าลงทัณฑ์รึ!” แล้วบุกเข้าใส่


 


 


อีลั่วเสวี่ยลงมือไม่นับว่ารวดเร็ว ก้าวไปมาระหว่างสามคนนั้น แล้วทั้งหมดก็ล้มลงไปพร้อมกัน


 


 


“ยังจะดื่มเหล้าไหม? ไม่งั้นฉันเลี้ยงเอง?”


 


 


คนกลุ่มนี้มีสีหน้าหวาดผวา คิดว่าเป็นสาวสวย คาดไม่ถึงว่าฝีมือจะร้ายกาจอย่างนี้ เมื่อสู้ไม่ได้ งั้นหนีดีกว่า


 


 


 


 


ตอนที่ 349 แสดงฝีมือครั้งเดียวก็ดังเลย (1)


 


 


จากนั้นสามคนนั้นก็ลุกขึ้นเอามือกุมเอว ไม่รู้ว่าเอวเคล็ดหรือกระดูกหักหรือไม่ ร้องโอดโอยแล้ววิ่งหนีไป


 


 


หูปิงยกมุมมปากขึ้น หัวหน้าย่อมเป็นหัวหน้า ไม่ต้องใช้พลังทิพย์ก็ยังสามารถสยบคนพวกนี้ในเวลาสั้นๆ ต่อให้เป็นเขาก็ยังต้องใช้เวลาบ้าง


 


 


เขาตะลึง คนที่อยู่ข้างหลังตะลึงยิ่งกว่า ดวงตาทุกคนเปล่งประกาย “หัวหน้า ฝีมือฉกาจจริงๆ เมื่อไหร่จะสอนพวกราสักสองสามท่าบ้าง” ถ้าพวกเขาฝึกได้ ไม่สิ ฝึกได้แค่ครึ่งหนึ่ง ก็ไม่ต้องโดนเล่นงานจนย่ำแย่อย่างคราวก่อน


 


 


อีลั่วเสวี่ยดึงสายตากลับมา ยิ้มที่มุมปาก “ไม่มีปัญหา แล้วฉันคอยหาเวลาสอยพวกนาย” ต้องให้ลูกน้องตัวเองมีฝีมือบ้าง คนอื่นจึงจะไม่กล้ารังแก ไม่เช่นนั้นต่อให้เธอเก่งแค่ไหน ก็ไม่อาจมาเฝ้าหน้าร้านคาราโอเกะได้ตลอดเวลา


 


 


เดิมทีพวกเขาจะพูดว่าดีเลย แต่จู่ๆ รอยยิ้มก็แข็งทื่อ สีหน้าที่โกรธเกรี้ยวแฝงไว้ด้วยความเคียดแค้นและหวาดกลัว


 


 


ใครกันที่ทำให้พวกเขาหวาดกลัว อีลั่วเสวี่ยหลุบตาลง หันไปมอง เห็นคนกลุ่มหนึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ราวสิบกว่าคน ไม่ถือว่ามาก คนพวกนั้นมีทั้งที่เอามือใส่กระเป๋ากางเกง ทั้งสูบบุหรี่


 


 


ภายใต้แสงสลัวบวกกับท่าทางอวดเบ่งของคนพวกนี้ ดูแล้วเหมือนเท่ แน่นอนว่าจะมองข้ามที่พวกนี้มองดูอีลั่วเสวี่ยกับพวกอย่างท้าทายและเยาะเย้ยไม่ได้


 


 


“มาหาเรื่อง มาหาเรื่องแน่ๆ แม่คุณ ข้าสังหรณ์ใจเก้าสิบเก้าปอร์เซ็นต์ว่าคนพวกนี้มาหาเรื่อง แฮ่! มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว”


 


 


อีลั่วเสวี่ยได้ยินที่เจ้าลูกบอลเงินพูดก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี จะต่อสู้กันทำไมมันถึงดีใจนักนะ เอาแต่ดูไม่ออกแรงบ้าง คิดว่ากำลังดูเรื่องสนุกจริงๆ หรือ


 


 


หูปิงก้มหน้าเล็กน้อย “หัวหน้า พวกนี้แหละที่คราวก่อนทำร้ายพวกเราบาดเจ็บ เห็นคนใส่เสื้อแดงไหมครับ เขาชื่อหงเหมา พวกเดียวกับที่ขวางผมในโรงงานเหล็กวันนั้นครับ”


 


 


“อืม คนไหนที่แทงเสี่ยวเฟิงบาดเจ็บ จำได้ไหม?” น้ำเสียงอีลั่วเสวี่ยราบเรียบ สีหน้าไม่ยินดียินร้าย


 


 


“ผมรู้ครับ คนที่มัดผมเป็นจุก” เธอมองตามสายตาไปที่อีกคน เป็นคนที่ยืนอยู่ข้างหงเหมา ท่าทางไม่สะดุดตา อายุราวยี่สิบห้า เป็นวัยที่กำลังห้าวเต็มที่


 


 


เขาเป็นคนแบบที่ดูไม่โดดเด่น แต่มักลงมือทำให้ศัตรูถึงตาย


 


 


อีลั่วเสวี่ยพยักหน้า แล้วเชิดมุมปากขึ้นเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่เชิง “มาได้จังหวะพอดี วันนี้เจ๊จะแก้แค้นให้ทุกคน เอาหน้าตาคืนมา”


 


 


“น้องสาว มาดื่มเหล้าหรือไง?” หงเหมายิ้มร่า มองดูอีลั่วเสวี่ย แกล้งทำท่าสงสัย หรือว่าเป็นแฟนเจ้าหนูหูปิง ดูท่าทางเป็นผู้หญิงใช้ได้


 


 


“ไม่ใช่ มาหาคนต่างหาก” ไม่ใช่หรือไง ก็เธอมาพบหูปิงกับพวกเพื่อปรึกษาเรื่องเปิดร้านคาราโอเกะอีกครั้งนี่นา


 


 


หงเหมายิ้มแล้ว “อ้อ มาหาคนหรือ หาคนเรื่องง่าย เดี๋ยวเฮียพาเธอไปหา” จากนั้นก็จ้องมองหูปิง แล้วยิ้มอย่างท้าทาย


 


 


“พี่ปิง เรื่องที่คราวก่อนปรึกษากับพวกแก จะว่ายังไง?” มอบกิจการคาราโอเกะให้พวกเขาและฟังคำสั่งจากพวกเขา


 


 


หูปิงยิ้มหยัน “ไม่มีอะไรต้องปรึกษา!” ปรึกษาบ้าอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะหัวหน้าบอกว่าเธอมาหาสถานที่ เขาคงลงมือไปแล้ว


 


 


“แก!”


 


 


“แกอะไร ไม่มีอะไรต้องปรึกษา หรือหูหนวกไปแล้ว ไม่ได้ยินที่ลูกน้องฉันบอกหรือไง?” คำพูดของอีลั่วเสวี่ยทำให้หงเหมาตะลึง ทุกคนหันมามองเธอ


 


 


ลูกน้อง? อะไรกัน หูปิงนับถือเด็กสาวคนนี้เป็นหัวหน้าหรือ เรื่องนี้ทำให้พวกเขาหัวเราะจนฟันร่วง


 


 


แต่อีลั่วเสวี่ยไม่เปิดโอกาสให้คนพวกนี้ได้ครุ่นคิดหรือสอบถาม เธอใช้เท้าถีบใส่ท้องน้อยของหงเหมาทันที


 


 


“รูปร่างห่วยอย่างนี้ยังบังอาจใส่ชุดสูท ดูเหมือนแตงโมปริแตกไม่มีผิด ทุเรศจริงๆ”


ตอนที่ 350 แสดงฝีมือครั้งเดียวก็ดังเลย (2)


 


 


พอเธอพูดจบ หงเหมาก็ถูกอีลั่วเสวี่ยถีบลงไปนอนกับพื้น ลุกขึ้นไม่ไหว


 


 


“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่” บรรดาสมุนไม่กล้าผลีผลามบุกเข้ามา แต่รีบพยุงหงเหมาลุกขึ้น มองดูอีลั่วเสวี่ยด้วยแววตาขยาด


 


 


เดิมคิดว่าเป็นเด็กสาวน่ารัก คิดไม่ถึงว่าจะร้ายกาจอย่างนี้


 


 


หงเหมาเอามือกุมท้อง ใบหน้าขาวซีด เหงื่อผุดเต็มหน้าผาก “มัวยืนเซ่อทำไม จัดการผู้หญิงคนนี้ซะ นังนี่ รนหาที่ตายชัดๆ!” ถูกถีบคราวนี้เจ็บปวดจริงๆ เวรเอ๊ย!


 


 


บรรดาสมุนได้ยินก็พากันพับแขนเสื้อขึ้นแล้วบุกใส่อีลั่วเสวี่ย บังอาจทำร้ายพี่ใหญ่พวกเขา ก็เท่ากับทำร้ายพวกเขา


 


 


ทั้งเถ้าแก่คาราโอเกะร้านนี้เป็นผู้หญิง แบบนี้จัดการง่าย ไม่เล่นงานเจ้าแล้วจะเล่นงานใครล่ะ


 


 


อีลั่วเสวี่ยยิ้มหยัน หลุบตาลง ไม่เห็นพวกที่บุกใส่อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย


 


 


“บุก นังบ้า ไม่ลองชิมฝีมือพวกพี่คงคิดว่าโลกนี้มีแต่ความรัก” สมุนคนหนึ่งพูดพล่าม คนกลุ่มนี้เข้าล้อมอีลั่วเสวี่ยและคนที่อยู่ข้างหลังเธอรวมทั้งหูปิงด้วย


 


 


“ฟังนะ ฉันคนเดียวก็จัดการพวกนี้ได้ พวกนายไม่ต้องยุ่ง”


 


 


ลูกน้องคนหนึ่งของหงเหมายิ้มหยัน ก็คือคนที่แทงเสี่ยวเฟิง แล้วบุกเข้าใส่อีลั่วเสวี่ยทันที


 


 


ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคนพวกนี้ได้ยินที่อีลั่วเสวี่ยพูดหรือไม่ ต่างไม่ลงมือใส่หูปิงกับพวก แล้วมีสองสามคนบุกเข้าใส่ เตรียมร่วมมือกับรองหัวหน้าเข้ามาจับเธอ


 


 


คนที่เหลือล้อมอยู่รอบๆ คงกลัวว่าเธอจะหนี


 


 


“พี่ปิง เราไม่ต้องช่วยจริงหรือ หัวหน้าคนเดียวจะไหวหรือ?” พวกเขามองอีลั่วเสวี่ยด้วยความห่วงใย แม้ว่าสองสามคนก่อนหน้านี้จะถูกเธอเล่นงานก็จริง แต่ตอนนี้คนพวกนี้เป็นอันธพาลตัวจริง เป็นลูกมือของสถานที่ประมูลใต้ดิน


 


 


หูปิงยกมุมปากขึ้น “วางใจเถอะ ด้วยฝีมือของหัวหน้า ต่อให้มามากกว่านี้สิบเท่า เธอคนเดียวก็จัดการได้” พวกกระจอกงอกง่อยแค่นี้ ไม่พอให้เธอเล่นหรอก


 


 


และแล้วเพียงไม่กี่ท่า สามคนนั้นก็ถูกเตะปลิวออกไป ใช่แล้ว ถูกเตะปลิวออกไปนอนแผ่อยู่นาน แบบที่ไม่อาจต่อสู้แล้ว


 


 


แต่คนที่เป็นรองหัวหน้าไม่โชคดีอย่างนั้น เขาต่อสู้อยู่กับอีลั่วเสวี่ย ตามตัวเต็มไปด้วยบาดแผลที่มองไม่เห็น ใบหน้าบวมเป่ง แต่เธอไม่คิดจะปล่อยคนผู้นี้ ไม่ยอมให้หนีออกจาสนามรบ


 


 


“มัวดูอะไรอีก ลุยเลย!” เด็กสาวคนนี้ไม่ธรรมดา แต่แล้วจะเป็นยังไง วันนี้ถ้าพวกเขาแพ้ จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ถึงกับแพ้ต่อเด็กสาวที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม


 


 


อีลั่วเสวี่ยหรี่ตาลง เชิดมุมปากขึ้น ยิ้มอย่างอำมหิต “มาได้เวลาพอดี!”


 


 


เธอพูดพลางชกใส่หน้าอกรองหัวหน้าอย่างแรง มีเสียงดังเพี๊ยะ กระดูกซี่โครงหัก ร่างเขาปลิวออกไป กระแทกลงบนพื้น กระอักเลือดออกมา แล้วหมดสติไป


 


 


ไม่อาจใช้มีดแทงเพื่อแก้แค้น แต่เธอสามารถแทงจากข้างใน ขณะนี้กระดูกซี่โครงที่หักของเขาทิ่มใส่ตับ มีอันตรายถึงชีวิต ไม่ต่างกับสภาพของเสี่ยวเฟิงตอนนั้น


 


 


แล้วเห็นเพียงอีลั่วเสวี่ยโลดแล่นอยู่ตรงกลางของคนกลุ่มนี้ ชกหมัดซ้าย ขาขวาแตะกวาดเป็นวง แล้วกระโจนขึ้นกระแทกศอกใส่แขนคนเหล่านี้


 


 


เพียงครู่เดียวลูกน้องของหงเหมาก็ใบหน้าบวมเป่ง นอนโอดครวญอยู่บนพื้น ลุกขึ้นไม่ไหว ผู้คนที่อยู่ใกล้เริ่มเพิ่มขึ้น แต่ไม่กล้าเดินเข้ามาใกล้ ยิ่งไม่กล้ายกมือถือขึ้นถ่ายรูป


 


 


คนที่มายังสถานที่นี้รู้ดีว่าที่นี่เป็นสถานที่อะไร ถ้าเกิดไปถ่ายรูปในสิ่งที่ไม่ควรถ่าย สำหรับพวกเขาแล้วเท่ากับหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว ดังนั้นทุกคนจึงได้แต่ดูเท่านั้น


 


 


“หงเหมาใช่ไหม เจ๊ขอเตือนที่นี่ มาจากไหนก็จงไสหัวกลับไปที่นั่น มาดื่มเหล้าฉันต้อนรับ ถ้ามาหาเรื่อง จุดจบย่อมน่าอนาถ เข้าใจ?”


 


 


 


 


ตอนที่ 351 หัวหน้าไม่เหมือนใคร


 


 


อีลั่วเสวี่ยพูดจบก็เป่าปากเบาๆ ดูองอาจ ท่าทางใสบริสุทธิ์แต่แฝงไว้ความเป็นนักเลง มีลักษณะของเจ๊ใหญ่อย่างแท้จริง คนที่อยู่ข้างหลังหูปิงมองดูแล้วดวงตาเป็นประกาย รู้สึกนับถืออย่างยิ่ง


 


 


หงเหมากัดฟันลุกยืน แต่ไม่กล้าพูดแม้แต่คำเดียว แล้วช่วยพยุงลูกน้อง ร้องหึสองสามคำ จากนั้นก็จากไปอย่างห่อเ**่ยว


 


 


ถึงตอนนี้คนที่มุงดูอยู่เห็นว่าไม่มีอะไรน่าดูแล้ว ก็ค่อยๆ ผละไป แต่ทุกคนพากันมองดูอีลั่วเสวี่ยด้วยสายตาประหลาดใจ


 


 


คนที่มาเตร่ที่นี่บ่อยๆ มักจะคุ้นหน้าคุ้นตากัน แต่เธอดูแปลกหน้า จึงไม่แปลกที่คนที่นี่จะประหลาดใจ


 


 


“หัวหน้า ไม่บาดเจ็บใช่ไหม ให้เราไปส่งหัวหน้าไหมครับ?” อีลั่วเสวี่ยรับปากที่จะให้หุ้นพวกเขา ยังปฏิบัติต่อพวกเขาดีมาก ทุกคนจึงอยากอวดตัวเองบ้าง


 


 


อีลั่วเสวี่ยเม้มปาก เลิกคิ้วขึ้นแล้วบอกว่า “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ใข่เถ้าแก่แบบที่ชอบโอ้อวด ต่อไปนี้ขอให้พูดน้อยหน่อย ทำงานมากหน่อย”


 


 


“ฉันไปแล้ว ที่เหลือให้นายจัดการ ถ้ามีคนมาหาเรื่อง อย่าใจร้อนลงมือ โทรหาฉัน ฉันจะมาจัดการเอง” ตอนนี้อาศัยแค่พวกเขาไม่กี่คน คงสู้ไม่ไหว อย่าให้เกิดเรื่องอย่างเสี่ยวเฟิงคราวก่อนอีก


 


 


หูปิงผงกหัว “หัวหน้า ผมทราบแล้ว ระหว่างทางหัวหน้าก็ระวังตัวด้วย”


 


 


ระยะนี้ได้สัมพันธ์กับอีลั่วเสวี่ย เธอเป็นคนที่ชอบไปไหนมาไหนตามลำพัง ถ้าไม่ได้เอ่ยปากบอกให้คุณไปด้วย งั้นคุณก็อย่าบากหน้าขอตามไป จะทำให้เธอไม่พอใจ


 


 


รอจนอีลั่วเสวี่ยไปแล้ว บรรดาน้องๆ จึงเข้ามาใกล้หูปิง “พี่ปิง เมื่อกี้หัวหน้าโมโหหรือ ที่เธอพุดหมายความว่าอย่างไร เราไม่ได้ทำอะไรผิดใช่ไหม?”


 


 


ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ได้ทำอะไรผิด ก็แค่พูดว่าจะไปส่งหัวหน้า เรื่องนี้ธรรมดามากไม่ใช่หรือ ลูกน้องไม่ทำเรื่องนี้แล้วจะให้ใครทำ


 


 


หูปิงสั่นหัวอย่างจนใจ “หัวหน้าเราไม่เหมือนใคร เธอไม่ชอบเปิดเผยเรื่องส่วนตัว เข้าใจไหม วันหน้าทุกคนอย่าเอ่ยถึงเรื่องของเธอ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็พอ หัวหน้าย่อมทำดีต่อทุกคนหรอก”


 


 


“อ้อ ที่แท้อย่างนี้เอง ลูกน้องค่อยคลายความกังวล เขายังคิดว่าพูดอะไรผิดไป ไม่งั้นเธอจะมีภาพประทับว่าพวกเขาเซ่อซ่า ย่อมไม่เป็นผลดี


 


 


“จริงสิ หัวหน้าไม่ชอบให้ใครประจบประแจง พูดชมคำสองคำก็พอ พูดมากไปเธอไม่ชอบ”


 


 


ทุกคนรีบพยักหน้า “เข้าใจแล้ว หัวหน้าคนอื่นชอบอะไร หัวหน้าเราไม่ชอบอย่างนั้น” คนอื่นชอบโอ้อวด ชอบทำอะไรโง่ๆ คอยให้ลูกน้องยกยอ แต่หัวหน้าของพวกเขาไม่ชอบ เข้าใจแล้ว


 


 


เมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องที่อีลั่วเสวี่ยคนเดียวต่อสู้กับหงเหมากับพวก ทั้งยังเล่นงานคนพวกนี้จนสะบักสะบอมก็แพร่ออกไป พวกเขารู้แล้วว่าอีลั่วเสวี่ยเป็นคนที่ไม่อาจยั่วโมโหได้ แผนเดิมที่วางไว้ ตอนนี้ต้องเปลี่ยนแผนแล้ว


 


 


เมื่อไม่สามารถสืบประวัติของเธอให้ชัดได้ รวมทั้งน่าจะคนหนุนหลังอยู่ หงเหมากับพวกจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม เรื่องที่หูปิงกังวลจึงผ่อนคลายลงชั่วคราว


 


 


งานตกแต่งร้านคาราโอเกะและบาร์ดำเนินต่อไป อีลั่วเสวี่ยจึงรวมสองที่ทำการตกแต่งด้วยกัน ทุกสัปดาห์จะเจียดเวลาวันสองวันมาตรวจ ดูความคืบหน้าของการตกแต่งและเสนอความเห็น


 


 


เวลาผ่านไปครึ่งเดือนอย่างรวดเร็ว งานตกแต่งเสร็จตามเวลา หลังจากให้คนทำความสะอาดและจัดร้านเรียบร้อยแล้ว สภาพของร้านก็เหมือนใหม่ ทั้งสะดวกสบายแบบสมัยใหม่ ยังแฝงด้วยกลิ่นไอแบบโบราณ


 


 


“ดูแล้ว ทำออกมาดีมากเลย” อีลั่วเสวี่ยมองดูรอบๆ ด้วยความพอใจ แบบนี้ตรงตามที่เธอต้องการ เยี่ยมมาก


 


 


เมื่อเทียบกับร้านคาราโอเกะทั่วไปที่เปิดไฟหลากสีสว่างเจิดจ้า ความรู้สึกเงียบสงบแบบนี้ดูเหมือนจะทำให้ใจคนสงบลง


ตอนที่ 352 ชื่อ K บาร์นรกอเวจี


 


 


ความสงบที่สูงส่งแบบนี้อยู่ท่ามกลางภาวะที่ครึกครื้นตื่นเต้นยังคงสามารถกลมกลืนกันได้ เธอหวังว่าถึงตอนนั้นเขตอิทธิพลของเธอจะเป็นที่ที่มีระเบียบและอารยธรรม ไม่ใช่ที่ที่ดื่มเหล้าแล้วเกิดเรื่องได้ง่าย


 


 


อีกอย่าง ร้านคาราโอเกะและบาร์ลูกค้าจะมาใช้บริการตอนกลางคืน เท่ากับว่าจะไม่ได้ ดำเนินกิจการเกือบครึ่งวัน เป็นการสูญเปล่า เธออยากใช้ประโยชน์ครึ่งวันที่ว่า


 


 


ร้านของเธอไม่ใช่แค่สถานที่สนุกครึกครื้น สามารถใช้เป็นที่คุยธุรกิจหรือดื่มชายามบ่ายได้


 


 


“เยี่ยมเลยครับ หัวหน้าคิดถึงเรื่องนี้ได้ยังไง หรือหัวหน้าเรียนวิชาออกแบบ?” เยี่ยมจริงๆ เป็นไปตามที่เธอวางแผนไว้ ทั้งหมดแทบไม่ต่างกับที่เธอคาดการณ์ไว้ กระทั่งยังดีกว่า


 


 


“ทายดู?” อีลั่วเสวี่ยยิ้ม แล้วเดินมานั่งที่เก้าอี้สูงหน้าบาร์ ยกมือข้างหนึ่งเท้าคาง


 


 


ถึงตรงนี้บาร์เทนเดอร์รีบวิ่งรี่มาผสมเหล้า “หัวหน้า ชิมหน่อย ผมคิดค้นขึ้นเอง”


 


 


“งั้นหรือ ต้องชิมหน่อย” อีลั่วเสวี่ยรับแก้วเหล้าที่ลูกน้องคนนี้ยื่นให้ เป็นเหล้าสีเหลือง เธอจิบคำหนึ่ง แล้วคิ้วขมวดเข้าหากัน นี่เป็นเหล้าหรือ เป็นยาขมชัดๆ ขมจริง


 


 


แต่ขณะที่เธอกำลังจะพูดอะไร ความขื่นวาบผ่านปลายลิ้น แล้วความหวานก็ค่อยๆ แผ่ซ่านไปทั่วปาก เป็นความรู้สึกที่แสนวิเศษ


 


 


“เหล้าอะไร? พิเศษจริงๆ” ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยไปบาร์และไม่เคยกินเหล้าที่ผ่านการปรุง ที่เธอชอบคือเหล้าขาวที่ผ่านการบ่มแบบดั้งเดิม เช่น เหล้าดอกสาลี่ เหล้าดอกท้อ


 


 


ลูกน้องได้ยินอีลั่วเสวี่ยพูดชม ก็รู้สึกภูมิใจ “ยังไม่มีชื่อครับ นี่เป็นเหล้ารสชาติใหม่ที่ผมเพิ่งคิดค้นขึ้น ยังไม่ได้เอาออกเผยแพร่ หัวหน้ามีอะไรเสนอแนะไหมครับ?”


 


 


“อ้อ…งั้นชื่ออี้เถียน (ระลึกถึงความหวาน) เถอะ” อี้เถียน เมื่อเจอความขมขื่นย่อมนึกถึงความหวานในอดีต หรืออาจพูดว่าเมื่อเจอความทุกข์ก็จะคิดเอาชนะให้ได้ จะได้รับความหวานในวันหน้า เป็นเรื่องที่สวยงาม


 


 


“อี้เถียน ชื่อเพราะมากครับ ตรงกับรสชาติตอนหลังของเหล้านี้เลย ขอบคุณหัวหน้าที่มอบชื่อนี้ให้ครับ” แล้วรินให้อีลั่วเสวี่ยดื่มอีกแก้ว เขาย่อมไม่บอกว่าเขาจงใจทำเหล้ารสชาติใหม่ออกมา ดูว่าหัวหน้าจะชอบหรือไม่


 


 


หลายวันมานี้พวกเขาเห็นความเอาใจใส่และให้ความสำคัญต่อที่นี่ของเธอ และคิดว่าเธอคงเห็นความสามารถของพวกเขาแต่ละคนแล้ว เป็นความจริงที่สิ่งที่หัวหน้าชอบนั้นพิเศษมาก พวกเขามองเธอไม่ออกจริงๆ


 


 


ถึงตรงนี้หูปิงกับลูกน้องคนอื่นมานั่งที่หน้าบาร์ “หัวหน้า แล้วชื่อร้านล่ะครับ” พวกเขาตกแต่งร้านใหม่ เปลี่ยนสไตล์แล้ว ไม่ควรใช้ชื่อร้านเดิม จะไม่มีแรงดึงดูด


 


 


“ชื่อร้าน บาร์นรกเป็นไง?”


 


 


“โอ้โห บาร์นรก ตั้งชื่อไม่เหมือนใครจริงๆ! แล้วคาราโอเกะล่ะ คงไม่เรียกว่าอเวจีใช่ไหมครับ?”


 


 


อีลั่วเสวี่ยเลิกคิ้วขึ้น “ทำไมจะเรียกไม่ได้ล่ะ เสียงเพลงนานาชนิดผสมปนเปกันไม่ใช่เสียงผีร้องเสียงหมาป่าหอนหรือไง สถานที่ที่มีเสียงแบบนี้ไม่ใช่นรกหรือ?”


 


 


มุมปากหูปิงกระตุก นรก อเวจี ฉายาหมอปีศาจสมกับบุคลิกของเธอจริงๆ


 


 


“ดีเลย งั้นเรียกว่าKบาร์นรกอเวจีก็แล้วกัน รวมสองชื่อไว้ด้วยกัน จำง่ายดี” ลูกน้องคิดแล้วเสนอออกมา


 


 


อีลั่วเสวี่ยตบโต๊ะ “งั้นก็ตามนี้ เปลี่ยนชื่อเสร็จก็ไปทำป้ายแล้วเปิดร้านเลย!”


 


 


คนที่เหลือพากันแปลกใจ รู้สึกเลือดในตัวร้อนระอุ บอกว่าทำก็ทำเลย เฉียบขาดจริงๆ


 


 


“Kบาร์นรกอเวจี ต่อจากนี้ช่วยกันลุย” อีลั่วเสวี่ยพูดจบก็ยื่นมือออกไป หูปิงเห็นเช่นนั้นก็วางมือทับข้างบน สุดท้ายทุกคนจับมือกันกลายเป็นกำปั้นใหญ่


 


 


“สู้ๆ!”


 


 


และแล้ว Kบาร์นรกอเวจีซึ่งเป็นร้านที่ไม่เหมือนใครก็ตั้งขึ้นแล้ว เด็กหนุ่มกลุ่มนี้ไม่รู้ว่าร้านนี้จะเป็นหลักเริ่มต้นของพวกเขา และในอนาคตต้องขอบคุณการตัดสินใจในวันนี้


 


 


 


 


ตอนที่ 353 อีลั่วเสวี่ยถูกคุมตัว


 


 


“กำหนดเปิดร้านวันศุกร์เถอะ วันนั้นคนคงไม่น้อย” ขณะเดียวกันวันนั้นเธอต้องเลิกนัดทุกอย่าง มาปักหลักที่นี่ ในฐานะเถ้าแก่เปิดกิจการใหม่จะไม่มาได้อย่างไร


 


 


ทั้งวันศุกร์ยังคำนึงว่าหลังจากวันนั้นหูปิงกับเธอจะไม่มีชั่วโมงเรียน ลูกค้ายังจะเพิ่มมากขึ้นด้วย


 


 


บรรดาลูกน้องพากันผงกหัว “ทำตามที่หัวหน้าบอกครับ”


 


 


“อืม สองวันนี้พวกนายทำการโฆษณาหน่อย สามารถให้ส่วนลดบ้าง แต่ต้องเปิดร้านในวันนั้น เข้าใจไหม?” อีลั่วเสวี่ยหรี่ตา ยิ้มแล้วพูด


 


 


“วางใจเถอะหัวหน้า เราจะจัดการให้ดีครับ” บรรดาลูกน้องต่างยืนยันอย่างหนักแน่น ระยะนี้ได้รับผลสะเทือนจากอีลั่วเสวี่ย พวกเขาได้เรียนรู้ไม่น้อย จึงไม่คิดอะไรง่ายๆ แล้ว


 


 


หลังจากตัดสินใจดีแล้ว อีลั่วเสวี่ยก็ผละไปตามปกติ ที่ต้องไปเรียนก็ไปเรียน ที่ต้องเข้าสอบก็เข้าสอบ มีเวลาว่างก็จะนัดกับเฉวียนหมิงหรืออยู่เป็นเพื่อนหลิ่วเฟยซวง วันเวลาผ่านไปอย่างเบิกบานใจ


 


 


เมื่อไม่มีอีลั่วเยี่ยมาคอยหาเรื่อง วันเวลาช่างราบลื่น ส่วนศิษย์พี่คนนั้น บางทีคงรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฉวียนหมิง แม้จะไม่ชอบเธอแต่ก็ไม่ทำอะไรแล้ว


 


 


ระยะนี้เธอซึ่งอยู่ในระดับดาวมหาวิทยาลัยถูกอีลั่วเสวี่ยเบียดลงไป ทั้งแฟนคลับเธอไม่เรียกเธอว่าดาว จะเรียกเป็นเทพีหรือไอดอล ระดับของเธอดูเหมือนจะสูงขึ้นเหนือไอ้เวยเวยไม่น้อย


 


 


ส่วนไอ้เวยเวยดูเหมือนจะรับแสดงหนังเล็กๆ เรื่องหนึ่ง จึงปรากฏตัวในมหาวิทยาลัยน้อยลง คาดว่าคงจะอาศัยเรื่องนี้ฟื้นฐานะกลับมา ทำตัวเงียบลงไม่น้อย ส่วนหวังฮุยนั้นไม่รู้ว่าเพราะครั้งก่อนถูกอีลั่วเสวี่ยสั่งสอนค่อนข้างหนักหรือไม่ จึงไม่กล้ามาหาเรื่องเธออีก


 


 


วันนี้เป็นวันศุกร์ อีลั่วเสวี่ยมาที่อพาตเมนท์ของเธอ แล้วขับรถออกไป


 


 


“พี่ลั่วเสวี่ย วันนี้คุณจะพาผมไปสนุกที่ไหน ?” เฟิงฉี่เปลี่ยนใส่เสื้อเชิร์ต ยิ้มหน้าระรื่น


 


 


วันนี้เพื่อประกันความปลอดภัย อีลั่วเสวี่ยบอกเฟิงฉี่ว่ามีเรื่องจะปรึกษา ในเมื่อเอ่ยเรื่องนี้แล้ว ก็ต้องทำจริง วันหลังถ้ามีใครถามเขาก็จะไม่เกิดปัญหา


 


 


ไม่เช่นนั้นเขาเกิดเผยพิรุธต่อหน้าเฉวียนหมิง ย่อมไม่ดี ที่เธอทำทุกอย่างตอนนี้ ยังไม่อยากให้เฉวียนหมิงรู้ ไม่เช่นนั้นเธอจะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างไร ทำได้เพียงวันหน้าปล่อยให้เป็นไปเอง


 


 


อีลั่วเสวี่ยโยนยาทิพย์เม็ดหนึ่งให้เขา “จะพาคุณไปดื่มเหล้า กินนี่ซะ”


 


 


“อะไรนี่?” เฟิงฉี่เลิกคิ้วขึ้น ดูเหมือนยาทิพย์ อะไรนี่ อีลั่วเสวี่ยหลอมยาแล้วหรือ หลอมยังไงนี่


 


 


“คุณว่าไงล่ะ?” ถึงตรงนี้อีลั่วเสวี่ยหันหน้ามา พอเฟิงฉี่เห็นหน้าตาเธอก็สะดุ้งโหยง


 


 


“ให้ตายสิ พี่ลั่วเสวี่ย นี่คุณจริงหรือ?” เป็นใบหน้าที่แปลกหน้าอย่างสิ้นเชิง มีหน้ากากหนังคนที่ดีอย่างนี้เลยหรือ? หน้ากากหนังคนของโลกนี้ไม่ใช่หนังคน แต่เป็นสิ่งที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ยังปรับเปลี่ยนทรงผมด้วย รอยแผลอยู่ใต้คอลงไป ถูกพบเห็นได้ยาก


 


 


อีลั่วเสวี่ยทำตาขวาง “พูดมาก ไม่ใช่ฉันแล้วเป็นคุณงั้นหรือ ยาแปลงโฉม กินซะ คืนวันนี้เล่นปลอมตัวกัน” เฟิงฉี่ออกมาก็ต้องเปลี่ยนใบหน้าด้วย ไม่เช่นนั้นเห็นเขา แต่กลับไม่เห็นเธอ ถึงตอนนั้นจะเผยพิรุธ


 


 


เฟิงฉี่ยกขึ้นมาแตะจมูก ลองดมดู “ยาแปลงโฉม? โลกนี้มีของแบบนี้จริงหรือ?” เมื่อเขาถามด้วยความสงสัย อีลั่วเสวี่ยตบมือเขา ยาทิพย์หลุดลงไปในลำคอเขา


 


 


เป็นไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่ดูเรียบเฉยปรากฏขึ้นตรงหน้าอีลั่วเสวี่ย เมื่อเทียบกับใบหน้าที่สดใสของเฟิงฉี่แล้ว ต่างกันราวฟ้ากับดิน


 


 


“ขอดูหน่อย ขอดูหน่อย” เฟิงฉี่หยิบมือถือออกมา ดูใบหน้าตัวเอง แล้วทำตาโต ตะลึงงัน เขาลูบใบหน้าตัวเองแรงๆ ไม่มีรอยต่อ ไม่มีร่องรอยการสวมหน้ากากแต่อย่างไร แบบนี้แม้แต่เทคโนโลยีขั้นสูงก็ตรวจไม่ได้

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม