ลิขิตฟ้าชะตารัก 343-350
ตอนที่ 343 ศีรษะตั้งอยู่บนบ่า
เพียงแต่ เรื่องที่พวกนางยืมเจาเอ๋อร์เพื่อทำร้ายตนนั้นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย แต่ในใจนางนั้นก็มักเกิดความคลางแคลงใจอยู่โดยตลอด ที่น่ากลัวที่สุดนั้นก็คือการที่สองแม่ลูกคิดเรื่องชั่วร้ายออกมาได้ไม่มีที่สิ้นสุดไม่ใช่เรื่องที่เกินจริงเลย และสิ่งที่นางไม่อาจโต้ตอบได้ก็คือการที่อีกฝ่ายมีหลักฐานที่ทำให้นางต้องทนจำยอม
อวี้อาเหรากังวลใจอยู่เล็กน้อย แต่ใบหน้ากลับไม่แสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกใดๆ
อวี้จื่อเยียนโดนนางด่าทอเช่นนั้นก็พลันหุบปาก ปิดปากลงฉับไม่กล่าววาจาโดยทันที มองไปทางอนุรองด้วยสีหน้าเป็นทุกข์ อีกฝ่ายก็ทำได้เพียงแต่ใช้สายตาปลอบขวัญความไม่พอใจของนางเอาไว้ ทันใดนั้นนางก็เข้าใจความหมายของอนุรอง ตอนนี้นางไม่ควรจะต่อปากต่อคำกับอวี้อาเหรา เพราะจะส่งผลร้ายเสียเปล่าๆ
เพียงแต่เรื่องของเจาเอ๋อร์นี้ แม้อวี้อาเหราจะร้องขอความช่วยเหลืออย่างไรก็คงไม่เป็นผล
แล้วนางจะรนหาที่ไปทำไมกันเล่า?
สายตาดุดันของหลิงอ๋องจ้องมองไปยังกลุ่มคนที่อยู่ตรงนั้น สายตากวาดไปทั่วแฝงไปด้วยแววพิจารณา
ในชั่วขณะนั้นเอง ภายในห้องโถงใหญ่ก็เกิดความเงียบสงัด เมี่ยวอวี้ก็นำพาตัวเจาเอ๋อร์เข้ามาในทันที
“คารวะท่านอ๋องเพคะ”
“ลุกขึ้นเถิด”
หลิงอ๋องพยักหน้าลงอย่างเย็นชา
อาการของเจาเอ๋อร์ยังดูไม่ค่อยดีนัก ใบหน้าของนางยังคงซีดเผือด ก่อนหน้านี้อาการนางก็ดีขึ้นแล้วจริงๆ แต่เป็นเพราะการเดินทางที่ยาวนานถึงสองวันจึงทำให้ร่างกายของนางย่ำแย่ลงบ้าง และยังต้องทนทุกข์อย่างมากกว่าจะถึงที่นี่ได้ เช่นนั้นใบหน้าของนางจึงไม่สู้ดี ริมฝีปากขาวซีดไร้สีเลือดเช่นนี้
อวี้อาเหราก้าวเข้าไปประคองตัวนาง “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“บ่าวไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ คุณหนู” เจาเอ๋อร์เงยหน้าขึ้น พยายามที่จะยิ้มออกมา ครึ่งหนึ่งจากรอยยิ้มนั้นเป็นความฝืดฝืน
อวี้อาเหราเห็นเช่นนั้นแล้วก็ไม่อาจทานทนได้ เจาเอ๋อร์เกือบจะต้องตายเพราะช่วยนาง และในตอนนี้ยังถูกลากเข้ามาให้เกี่ยวข้องกับเรื่องความแค้นของพวกนางสองแม่ลูกอีก ไหนเลยนางจะทำใจให้สงบได้ แต่เจาเอ๋อร์กลับไม่ได้บ่นอะไรแม้แต่น้อย ทำเพียงฝืนยิ้มบางๆ ส่งให้นางเท่านั้น
ผ่านไปไม่นานนัก ในที่สุดองครักษ์ที่รับหน้าที่ตรวจสอบเรื่องบัญชีก็เดินเข้ามา ที่ด้านหลังมีหวังหลงจู๊และองครักษ์ที่เขาคบค้าเดินตามมาด้วย
หวังหลงจู๊ที่โดนจับมานั้นยังมีท่าทีไม่สะทกสะท้าน แต่วินาทีที่เห็นหน้าองครักษ์ผู้นั้นก็ถึงกับต้องทรุดกายคุกเข่าลง แล้วรีบมองไปยังหลิงอ๋องที่มีท่าทีเคร่งขรึม “ทะ…ท่านอ๋อง พระองค์ทรงเรียกกระหม่อมมาเช่นนี้มีธุระอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ทว่าทันทีที่คิดขึ้นมาได้นั้น จะหนีก็หนีไม่ทันเสียแล้ว
น้ำเสียงเย็นชาของหลิงอ๋องดังขึ้น “เราได้ยินอนุรองพูดว่าเจ้ายักยอกเงินจากจวนอ๋องไปมากกว่าล้านตำลึงทอง”
“ยักยอกเงินกว่าล้านตำลึงหรือ” หวังหลงจู๊เอ่ยพึมพำ เมื่อรับรู้ถึงความหนักหนาของเรื่องที่จะเกิดขึ้นก็รีบโขกศีรษะลงทันที “ท่านอ๋องได้โปรดทรงตรวจสอบให้กระจ่างด้วย กระหม่อมอุทิศตัวเองเพื่อจวนอ๋องมาโดยตลอด แม้แต่ความคิดที่จะยักยอกเงินแม้แต่น้อยก็ไม่มี ไหนเลยจะกล้ายักยอกเงินไปถึงหนึ่งล้านตำลึงทองได้พ่ะย่ะค่ะ อีกอย่างก่อนหน้านี้ยังเกิดเรื่องของเฉียนหลงจู๊ขึ้นมาอีก แม้จะบอกว่ากระหม่อมกล้าหาญถึงเพียงใด แต่เรื่องนี้อย่างไรก็ทำไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!”
“แน่นอนว่าเราจะต้องตรวจสอบแน่ ทางที่ดีก็ขอให้ไม่ใช่ มิเช่นนั้นเราจะไม่ปล่อยให้ศีรษะของเจ้าตั้งอยู่บนบ่าได้อีกต่อไป!”ท่าทีของหลิงอ๋องไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย แม้จะไม่ค่อยเชื่อนักว่าหวังหลงจู๊จะเป็นคนยักยอกเงิน แต่สิ่งที่อนุรองพูดมาก็ล้วนแล้วแต่มีหลักฐาน ไม่มีทางที่จะกล่าวหาผิดคน
อีกอย่าง เฉียนหลงจู๊ทำงานที่นี่มาก็หลายปี แต่ก็ยังเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมามิใช่หรือ?
เพราะฉะนั้นเขาจะไว้ใจใครได้อีกเล่า
ไม่มีทาง!
อนุรองเห็นว่าน้ำเสียงของหลิงอ๋องอ่อนลงบ้างแล้ว และเห็นหวังหลงจู๊พูดรับรองพร้อมทั้งโขกศีรษะยอมรับเช่นนั้น ทันใดนั้นรอยยิ้มอ่อนโยนก็เผยให้เห็นขึ้นมาบนใบหน้า
ตอนที่ 344 ไม่ได้ทำ
“ที่ท่านอ๋องตรัสมาก็ถูกต้องเพคะ หม่อมฉันเองก็ทำเพื่อจวนอ๋องของเราเสมอมา ถ้าหากตรวจสอบแล้วเป็นหม่อมฉันที่เข้าใจหวังหลงจู๊ผิดไป แน่นอนว่าหม่อมฉันย่อมต้องขออภัยด้วยตัวเอง แต่หากไม่ใช่ เช่นนั้นก็ไม่อาจย่อหย่อนได้เป็นธรรมดา ท่านอ๋อง คุณหนูรอง ไม่ทราบว่าหม่อมฉันกล่าวถูกต้องหรือไม่เพคะ”
แน่นอนว่าที่นางพูดเช่นนี้ก็คงเป็นเพราะต้องการที่จะยืนยันตัวเองต่อหน้าหลิงอ๋องเป็นแน่ ในเมื่อนางพูดด้วยท่าทีที่จริงใจเช่นนี้ แม้ว่าต่อไปหากไม่อาจตรวจสอบได้ว่าหวังหลงจู๊ผิดจริง นั่นก็ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร อย่างมากก็เพียงถูกหลิงอ๋องสั่งสอนไปสักยกก็เท่านั้น
การเปิดเผยเรื่องราวเช่นนี้ ก็ไม่เห็นว่านางจะได้รับผลกระทบตรงไหน
แล้วไหนเลยจะไม่ยินดีเล่า
เมื่อได้ฟังอนุรองพูดออกมาเช่นนี้ ในใจของหลิงอ๋องก็ยังคงลังเล ไม่ปักใจเชื่ออยู่บ้าง “ไม่ผิด เจ้าก็กล่าวได้มีเหตุผล”
สีหน้าของหวังหลงจู๊เต็มไปด้วยความทุกข์ทน รีบคลานไปคุกเข่าต่อหน้าอนุรอง “อนรุอง เหตุใดท่านถึงตรวจสอบข้าเช่นนี้ ตัวข้าน้อยทำเพื่อจวนอ๋อง ไม่กล้าที่จะคิดเป็นอื่น ไหนเลยจะกล้ายักยอกเงินไปตั้งหลายล้านตำลึงทอง ทำเช่นนั้นข้ามิตายหรือขอรับ”
“หวังหลงจู๊ ท่านก็ลุกขึ้นเถิด ท่านจะทำจริงหรือไม่ขอเพียงตรวจสอบดูก็รู้ แต่ท่านที่มาขอร้องข้าเช่นนี้…” อนุรองแสร้งแสดงท่าทีเป็นทุกข์เป็นร้อนขี้นมา แล้วยังย้อนพูดอีกว่า “มิเช่นนั้นคนอื่นๆ จะคิดว่าท่านร้อนตัว ครั้งที่แล้วที่เกิดเรื่องของเฉียนหลงจู๊ขึ้นนั้น เขาก็แทบจะลากข้าเดือดร้อนไปด้วย ท่านแสดงท่าทีต่อข้าเช่นนี้ ข้าก็รับไม่ไหวหรอก”
แม้ปากของนางจะพูดออกว่าต้องรอให้ผลการตรวจสอบออกมาเสียก่อน ทว่าในคำพูดของนางนั้นกลับทำเหมือนกำหนดคนผิดเอาไว้แล้ว หวังหลงจู๊ไม่ใช่คนโง่ แน่นอนว่าต้องเข้าใจความหมายของนางเป็นอย่างมาก ดังนั้นท่าทีของเขาจึงเปลี่ยนไปเป็นชะงัก
“อนุรอง ท่านพูดเช่นนี้…”
“หวังหลงจู๊ ท่านก็ไปพักผ่อนเสียก่อนเถิด จู่ๆ ก็เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาคงทำให้ท่านตกใจแย่แล้วกระมัง” อนุรองออกปากตัดบทขึ้นมาได้ทันเวลา ทันใดนั้นก็พลันยกยิ้มขึ้น
อวี้อาเหรานั่งมองอยู่ข้างๆ ก็ไม่แน่ใจว่าหวังหลงจู๊ยักยอกเงินไปจริงหรือไม่ แต่นางแน่ใจว่าเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับอนุรองแน่ๆ แต่หากหวังหลงจู๊ไม่ได้ยักยอกเงินไปจริงๆ หลักฐานทั้งหมดที่มีก็คงเป็นอนุรองที่จัดการขึ้นมา เป้าหมายนั้นไม่ได้ต้องการกำจัดหวังหลงจู๊…แต่เป็นนาง
นางเริ่มที่จะเข้าใจเจตนาของอีกฝ่าย แต่ไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไรดี
หลิงอ๋องที่กำลังใช้เวลาว่างจากการสนทนาเปิดสมุดบัญชีเพื่อตรวจดู ยิ่งอ่านดูสีหน้าก็ยิ่งแย่ลง จนใบหน้าหมองคล้ำไปหมด ดูแล้วเนื้อหาในบัญชีคงไม่ใช่เรื่องดีนัก เปิดดูอยู่เป็นนาน ในที่สุดเขาก็โยนสมุดบัญชีไปอีกทางอย่างโกรธเคือง “หวังหลงจู๊ นี่เป็นสิ่งที่เจ้าทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อจวนหลิงอ๋องจริงๆ หรือ!”
“ท่านอ๋องโปรดระงับโทสะ” ทุกคนตกใจจนคุกเข่าลงกับพื้น ไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมอง บรรยากาศในห้องโถงใหญ่เปลี่ยนไปเป็นเย็นเยียบ เย็นเสียจนตัวจะแข็งอยู่แล้ว คนที่กลัวที่สุดก็หนีไม่พ้นหวังหลงจู๊อย่างไม่ต้องสงสัย ที่หมอบอยู่กับพื้นแล้วเปิดสมุดบัญชีดูด้วยตัวสั่นเทา มือไม้สั่นไปหมด
“เจ้ายังมีอะไรอยากจะพูดอีกหรือไม่” หลิงอ๋องโกรธจนพื้นที่หว่างคิ้วยับย่นอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่คิดเลยว่าจะเป็นอย่างที่อนุรองว่าไว้จริงๆ สมุดบัญชีเหล่านี้ เมื่ออ่านอย่างละเอียดแล้วก็เห็นว่ามีปัญหาอยู่มากมายจริงๆ หากใช่เพียงตาและสมองในการคำนวณก็จะเห็นว่าเป็นเงินจำนวนมาก แต่หากคำนวณโดยละเอียด ก็สามารถทำให้หวังหลงจู๊หวาดกลัวจนขนหัวลุกได้แล้ว!
“ท่านอ๋องได้โปรดตรวจสอบให้กระจ่าง เรื่องนี้กระหม่อมก็ไม่ได้ทำเลยแม้แต่น้อย ไหนเลยจะมีเรื่องพวกนี้ได้” หวังหลงจู๊ดูทุกข์ทนยิ่งนัก แต่ก็นับว่ายังรักษาอาการได้อย่างสงบนิ่ง แม้จะมองออกว่าเขารู้สึกกลัว แต่ก็ไม่มีท่าทีกระวนกระวาย ทำเพียงปฏิเสธไม่ยอมรับ
“ในเมื่อไม่ได้ทำ เช่นนั้นแล้วหวังหลงจู๊จะกลัวอะไร?” อนุรองพูดขึ้นอย่างเฉียบขาด
ตอนที่ 345 ไม่รู้จักเวล่ำเวลา
“ข้าน้อยหาได้กลัวไม่ วาจานี้ของอนุรองก็กำลังปรักปรำกันอยู่อย่างนั้นหรือ” หวังหลงจู๊ถูกนางยั่วให้โกรธ พายุความโกรธโหมกระหน่ำ ในเมื่องเป็นเรื่องที่ไม่เคยทำก็ยังพูดว่าทำอีก
อนุรองโมโหขึ้นมาในทันที โถมร่างเข้าสู่อ้อมอกของหลิงอ๋อง “ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันทำอะไรก็นึกถึงจวนอ๋องมาโดยตลอด ทว่าหวังหลงจู๊กลับบอกว่าหม่อมฉันคิดร้าย! แม้กระทั่งบ่าวไพร่ก็ยังกล้าด่าทอหม่อมฉันเช่นนี้ แล้วคนอื่นเล่าเพคะจะคิดกับหม่อมฉันเช่นไร นี่ก็ช่างรังแกกันเกินไปแล้ว ถูกคนเช่นนี้ด่าทอ ก็มิสู้ตายไปเสียยังดีกว่า!”
ยามที่พูดนั้น น้ำเสียงก็สูงขึ้นอย่างน้อยอกน้อยใจ ทำให้หลิงอ๋องต้องรีบปลอบขวัญโดยเร็ว
“พูดอะไรไร้สาระ บอกว่าตายไม่ตายอะไรกัน เราไม่ได้สงสัยในตัวเจ้าเสียหน่อย หากใครกล้าที่จะทำตัวไม่เคารพเจ้า เราก็ไม่ปล่อยมันเอาไว้แน่ หวังหลงจู๊ อย่างไรเสียอนุรองก็เป็นมารดาแท้ๆ ของนายน้อยสาม หากเจ้ายังกล้ากล่าววาจาจาบจ้วงไม่เกรงใจอีก เช่นนั้นก็อย่าหาว่าเราไม่เตือน!”
“ท่านอ๋อง?!” หวังหลงจู๊ชะงัก คิดไม่ถึงว่าอนุรองจะมาไม้นี้ นี่เป็นสิ่งที่หลิงอ๋องจะถูกหลอกใช้ได้ง่ายดายที่สุด ถึงแม้เขาจะมีความอดทนมากเช่นไร แต่ก็ยังโกรธเสียจนเหมือนมีไฟสุม พยายามที่จะหักห้ามให้ตัวเองใจเย็นๆ เรื่องนี้ก็ช่างผิดปกติยิ่งนัก ชัดเจนว่าตัวเขาเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย แต่เหตุใดถึง…
อวี้อาเหรากวาดตามองไปรอบๆ ด้วยสายตาเย็นชา “อนุรอง ยามนี้พวกเรากำลังตรวจสอบเรื่องการยักยอกเงินของหวังหลงจู๊อยู่ หากเจ้ายังจะร้องหาที่ตายอยู่เช่นนี้ก็เท่ากับไม่เห็นกฎเกณฑ์ของจวนของเราอยู่ในสายตา เรื่องหลักของจวนต้องมาก่อน แล้วเจ้ายังมาพูดจาคร่ำครวญเช่นนี้ได้หรือ อีกอย่างตอนนี้ในท้องก็ยังมีครรภ์ หากเกิดเรื่องผิดพลาดอะไรขึ้นมา เจ้าจะรับผิดชอบไหวหรือ?”
“อาเหราพูดได้ถูกต้อง เจ้ามานั่งตรงนี้ดีๆ เถิด มาร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่เช่นนี้ดูได้ที่ไหนกัน หากไม่เห็นแก่กฎเกณฑ์ ก็ให้เห็นแก่ข้าบ้าง กลับไปพักผ่อนเถิด หากยังอยากร้องหาที่ตายอยู่ เช่นนั้นก็รอให้เจ้าคลอดลูกก่อนเถิด หากยังกล้าอยู่ก็ไปเสีย ตอนนี้เจ้ากำลังทำเรื่องขายหน้าต่อหน้าคนนอกอยู่นะ”
หลิงอ๋องเข้าใจว่าเรื่องหวังหลงจู๊เป็นเรื่องสำคัญ เมื่อเห็นอนุรองทำท่าร้องไห้ร้องห่มเช่นนี้ก็ไม่สบอารมณ์ พอดีกับที่อวี้อาเหราพูดขึ้นมา ก็จริงอย่างที่นางว่า แม้แต่เรื่องกฎเกณฑ์อะไรก็ยังไม่รู้ เมื่อก่อนนี้เห็นว่านางเป็นคนสุขุมเรียบร้อยวางท่าเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้นจึงได้มอบหมายดูแลงานในจวนทั้งหมดให้
อนุรองถูกดุว่าไปครั้งหนึ่งก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นก็พลันหายไปด้วย
อวี้จื่อเยียนพยุงร่างของมารดา จ้องมองอวี้อาเหราอย่างมาดร้าย ก่อนหน้านี้พวกนางก็ลอยลมอยู่แท้ๆ แต่เพียงเพราะคำพูดอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนประโยคเดียวของอวี้อาเหราก็กลับทำให้มารดาของนางต้องได้รับโทษเช่นนี้ ช่างร้ายกาจยิ่งนัก!
หลิงอ๋องหันไปสนใจหวังหลงจู๊อีกครั้ง จากนั้นก็หัวเราะเสียงเย็นๆ ขึ้นมา “เจ้าบอกว่าเจ้าไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้ แต่ว่านี่เป็นสมุดบัญชีของเจ้า ซึ่งก็มีเพียงเจ้าคนเดียวที่เก็บเอาไว้ แล้วใครเล่าจะไปเอาสมุดบัญชีของเจ้ามาใส่ความ? อีกอย่าง หากมีคนเล่นตุกติกกับเจ้าจริง หากเพียงดูอย่างละเอียดก็รู้ว่าตรงไหนที่ไม่จริง แล้วจะใส่ความเจ้าได้อย่างไร”
“เรื่องนี้..” หวังหลงจู๊เองก็สับสนอยู่เช่นกัน เพราะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เช่นนั้นจึงทำเพียงก้มหน้าลงไปโขกศีรษะกับพื้นด้วยท่าทีสำนึกผิดอย่างประหลาดใจเท่านั้น
อวี้อาเหราฟังแล้วก็วิเคราะห์อยู่ในใจ หากเป็นไปตามที่หลิงอ๋องกล่าวก็คงจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ไม่มีใครสามารถที่จะลงไม้ลงมือเล่นตุกติกได้เลย แต่เรื่องที่นางไม่เข้าใจก็คือ หากเป็นหวังหลงจู๊ที่ทำจริงๆ เขาก็คงจะไม่เลือกกระทำในช่วงเวลาเช่นนี้แน่ ทำอย่างนี้ก็ไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรืออย่างไร?
ตอนที่ 346 ใส่ความ
หลิงอ๋องเห็นว่าหวังหลงจู๊ไม่มีอะไรจะแก้ตัว เช่นนั้นจึงหันไปออกคำสั่งกับเหล่าองครักษ์ที่อยู่ด้านนอก “พวกเจ้าไปตรวจสอบทรัพย์สินส่วนตัวของหวังหลงจู๊เสีย หากมีสิ่งใดน่าสงสัยให้รายงานเราทันที”
“พ่ะย่ะค่ะ!” เหล่าองครักษ์ถอยออกไปอีกครั้ง
หลิงอ๋องต้องการที่จะค้นหาเงินหลายล้านตำลึงนั้นที่ถูกยักยอกไป ในใจก็เข้าใจได้ในทันที ทว่ากลับรู้สึกสงสัยขึ้นมาในฉับพลัน เงินเหล่านี้ไม่ใช่น้อยๆ เลย หากเป็นอนุรองจงใจที่จะใส่ความอีกฝ่ายแล้วจริงๆ ก็คงจะเป็นเรื่องเหลือเชื่ออยู่บ้าง แม้ว่าจะเป็นการยัดเยียดของโจร แต่ก็ต้องมีของกลางเพื่อยืนยัน หากเป็นอนุรองจริงๆ ก็คงจะต้องเอาเงินหลายล้านตำลึงนั้นไปอุดช่องโหว่แน่ แต่นางนั้น แต่ละเดือน นางได้เบี้ยเลี้ยงเพียงเดือนละไม่เกินยี่สิบตำลึงเงินเท่านั้น แล้วจะไปหาเงินมาจากไหนมากมายถึงเพียงนี้
ในใจของอวี้อาเหราก็เริ่มสับสนมึนงง หรือจะเป็นเงินที่ยักยอกมาจากเฉียนหลงจู๊เมื่อครั้งที่แล้ว?
เหลือบมองไปทางเจาเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นว่ากำลังกายของนางกำลังถดถอย แม้ว่าจะยืนอยู่ก็ยังทำท่าเหมือนจะล้มลง ตอนนี้ยังไม่ถึงคราที่จะสอบสวนนาง อวี้อาเหราเห็นเช่นนั้นแล้วก็ทนไม่ไหว จึงพูดกับนางด้วยเสียงที่ได้ยินกันเพียงสองคน “เจ้าก็นั่งลงก่อนเถิด”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะคุณหนู ถ้าหากท่านอ๋องเห็นเข้าอาจจะทรงกริ้วเอาได้” ก่อนที่เจาเอ๋อร์จะมานั้น เมี่ยวอวี้ก็ได้บอกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้แก่นางฟังหมดแล้ว ดังนั้นจึงพอคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น สีหน้าของนางจึงไม่ค่อยตกใจนัก จึงทำเพียงยืนนิ่งๆ อยู่ที่เดิม
อวี้อาเหราเห็นดังนั้นก็ไม่ได้บีบบังคับ อีกอย่างตอนนี้สถานการณ์ก็ไม่สู้ดี เมื่อครู่ที่หลิงอ๋องทราบว่าเจาเอ๋อร์มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็มีท่าทีไม่พอใจอย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรทำให้อีกฝ่ายโมโหขึ้นมาอีก และยิ่งไม่ควรปล่อยให้อนุรองและลูกสาวสบโอกาสพูดจาใส่ร้ายอะไรได้อีก
จึงจำต้องรอแต่เพียงเท่านั้น
แต่ว่าอย่างไรเสียนางก็จะเป็นคนคอยประคองเจาเอ๋อร์เอง
อวี้อาเหราลอบตัดสินใจเช่นนี้อยู่ในใจ
ผ่านไปเพียงไม่นาน องครักษ์ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบก็เดินเข้ามา พวกเขายก**บหลายใบเข้ามาด้วย
หลิงอ๋องส่งสายตามอง**บเหล่านั้นอยู่ชั่วครู่ ใบหน้าก็พลันเคร่งขรึมขึ้นมาในทันที
สีหน้าของหวังหลงจู๊ตกอกตกใจเป็นอย่างมาก ส่ายหน้าพร้อมทั้งถลึงตามองอย่างไม่อยากจะเชื่อ บ่นพึมพำเสียงเบา
“เปิด!” ภายใต้เสียงตะคอกดุดันของหลิงอ๋อง เหล่าองครักษ์ก็เปิดฝา**บออก ทันใดนั้นแสงทองระยิบระยับก็เผยโฉมออกมา ภายใน**บบรรจุแก้วแหวนเงินทองและอัญมณีมากมายหลากหลายชนิดจนนับไม่หวาดไม่ไหว ดึงดูดสายตาของคนทั้งจวนให้มองมา
หวังหลงจู๊เห็นดังนั้นแล้วก็ตกใจจนแทบจะสิ้นสติ ก่อนที่จะส่ายหน้าออกมาอย่างหวาดกลัว “ท่านอ๋อง ได้โปรดเชื่อกระหม่อมเถิดนะพ่ะย่ะค่ะ ของเช่นนี้จะมาอยู่ในบ้านของกระหม่อมได้อย่างไร ต้องมีการเข้าใจผิดกันแน่ อย่างไรกระหม่อมก็ไม่อาจกระทำเรื่องเช่นนี้ได้ ท่านอ๋อง ท่านได้โปรดตรวจสอบให้แน่ชัดด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้ต้องมีใครใส่ความกระหม่อมแน่…”
“หวังหลงจู๊ วาจานี้ของท่านก็หมายความว่าท่านอ๋องยังตรวจสอบไม่ละเอียดก็ใส่ความท่านแล้วใช่หรือไม่” อนุรองเห็นช่องจึงพูดสอดขึ้นมา
“อนุรอง! เหตุใดท่านจึงจ้องจะหาเรื่องข้าน้อยเช่นนี้ ข้าน้อยเคยทำให้ท่านไม่พอใจตรงที่ใด เหตุใดจึงจะต้องบีบบังคับข้าน้อยทุกทางเช่นนี้ด้วย?” สีหน้าของหวังหลงจู๊เปลี่ยนไปเป็นสีแดงคล้ำ ในเมื่ออนุรองจงใจพูดออกมาเช่นนี้ แล้วผู้อื่นจะไม่ปักใจเชื่อได้อย่างไรว่าเขาเป็นคนทำ?
“หม่อมฉันพูดไปตามความจริง หวังหลงจู๊ ท่านเห็นหลักฐานอยู่ตรงหน้าแล้วก็ตกใจจนลืมตรรกะเหตุผลไปหมดสิ้นเลยหรืออย่างไร” อนุรองไม่สนใจคำพูดของหวังหลงจู๊เลยแม้แต่น้อย นางกลับหันไปมองหลิงอ๋องด้วยสายตาเว้าวอน คำพูดของนางนั้นแน่นอนว่าเป็นการเติมไฟใส่เชื้อ เพียงไม่นานก็ใกล้จะระเบิดแตกออกมา
หลิงอ๋องตีสีหน้าเคร่งเครียด ฟังเงียบๆ ไม่ขยับไปไหน จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น แล้วมองไปทางหวังหลงจู๊ด้วยสายตาสับสน
ตอนที่ 347 เอาตัวรอดเป็นยอดดี
“ใช่แล้วเพคะเสด็จพ่อ ทรงดูสิว่าเขาพูดจามั่วซั่วส่งเดชเพียงใด หลักฐานอยู่ตรงหน้าแท้ๆ ยังบอกว่าถูกใส่ความอีก นี่ก็จงใจจะโยนความผิดทั้งหมดให้กับท่านแม่ใช่หรือไม่” อวี้จื่อเยียนได้รับสายตาชี้นำของอนุรองแล้วจึงพลอยพูดขึ้นมา
เมื่อถูกคนทั้งสองพูดขึ้นมาเช่นนี้ หลิงอ๋องที่ได้ยินก็ยิ่งโกรธขึ้นมาอีก “เจ้าช่างกล้านักนะหวังหลงจู๊ ยังกล้าที่จะพูดจาส่งเดชในจวนหลิงอ๋องแห่งนี้อีก ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก! หากวันนี้เราไม่ลงโทษเจ้าเสียบ้างก็คงไม่รู้ฤทธิ์เดชของเราเสียแล้ว ต่อไปนี้พวกเจ้าบ่าวไพร่ก็คงจะไม่เห็นจวนหลิงอ๋องแห่งนี้อยู่ในสายตา!”
ในยามที่เขากำลังจะร้องเรียกคนให้เข้ามานั้น อนุรองก็กลับเอ่ยขัดขึ้นมาว่า “ช้าก่อนเพคะท่านอ๋อง เรื่องของหวังหลงจู๊นั้นชำระความแล้ว ทว่ายังมีเรื่องของเจาเอ๋อร์ที่เป็นสาวใช้ของคุณหนูรองอีก ไม่แน่ว่านางอาจจะร่วมมือกับหวังหลงจู๊ก็เป็นได้นะเพคะ จงใจที่จะใช้อำนาจที่คุณหนูรองได้มาจากเฉียนหลงจู๊ จากนั้นก็ยักยอกเงินของจวนอ๋องของเรา หากเป็นเช่นนั้นจริง อย่างไรก็ไม่อาจปล่อยเอาไว้นะเพคะ”
“ทหาร นำบัญชีที่เจาเอ๋อร์ดูแลมาให้เราดู” ท่านอ๋องได้ยินอนุรองกล่าวออกมาเช่นนี้ สายตาก็พลันหันมองไปทางเจาเอ๋อร์ แล้วจึงเรียกให้คนนำบัญชีมาดู ยิ่งดูท่าทีของเขาก็ยิ่งผิดปกติ แต่สีหน้ากนั้นลับดีกว่าตอนที่ดูบัญชีของหวังหลงจู๊มาก เมื่อดูจนจบแล้ว หลิงอ๋องก็ยื่นให้อวี้อาเหราเงียบๆ น้ำเสียงเย็นๆ ก็ดังขึ้น “เจ้าก็ดูด้วยเถอะ”
“เพคะ” อวี้อาเหรารับมาเปิดดูเล็กน้อย เนื้อหาด้านในก็มีหลายๆ จุดที่เจาเอ๋อร์เอื้อประโยชน์ให้หวังหลงจู๊มีโอกาสยักยอกเงินของจวนหลิงอ๋องอยู่จริง ถึงได้ทำให้จวนหลิงอ๋องเสียหายมากขนาดนี้ ชั่วขณะนั้นนางก็ไม่รู้จะกล่าวอย่างไร ทำได้เพียงมอบให้เจาเอ๋อร์ดู จากนั้นจึงเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าเคยแตะต้องของพวกนี้มาก่อนหรือไม่”
“ไม่เคยเจ้าค่ะ บ่าวเพียงเก็บบัญชีเหล่านี้เอาไว้เท่านั้น จากนั้นก็ตามคุณหนูไปที่เมืองตะวันตก ของพวกนี้บ่าวก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยเจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์ส่ายหน้า
ในใจของอวี้อาเหราก็รู้ดีว่า ดูท่าแล้วคงมีคนตั้งใจลงมือตอนที่พวกนางไม่อยู่ในจวนเป็นแน่
สายตาของนางพลันมองไปที่ร่างของอนุรอง แม้จะใช้หัวแม่เท้าคิดก็รู้ดีว่าเป็นนางที่ทำเรื่องนี้แน่ ทว่าตอนนี้ไม่มีหลักฐานใดๆ เลยแม้แต่น้อย พูดไปก็คงไม่มีคนเชื่อ หลังจากที่คิดได้เช่นนี้ นางก็ก้าวไปข้างหน้า แล้วเอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นๆ
“เสด็จพ่อ เรื่องนี้ก็เป็นความผิดของเจาเอ๋อร์จริงๆ เพคะ เป็นเพราะนางออกไปกับลูกถึงได้ปล่อยโอกาสให้คนมาเล่นตุกติกกับบัญชี จนทำให้หวังหลงจู๊ทำเรื่องเช่นนี้ได้ ทั้งยังต้องลากเจาเอ๋อร์ให้พลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วย อีกทั้งยังส่งผลมาถึงตัวลูกเช่นนี้ ขอให้เสด็จพ่อทรงไตร่ตรองให้รอบคอบด้วยเพคะ!”
“คุณหนูรอง นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร” หวังหลงจู๊ตกตะลึง
“นี่ก็ชัดเจนแล้วว่าเป็นเพราะเจ้ายักยอกเงินของจวนและก็กลัวว่าจะถูกค้นพบเข้า ดังนั้นจึงอาศัยช่วงที่ข้าไม่อยู่ในจวนเล่นตุกติกกับบัญชีนี่ หรือว่าไม่ใช่?” อวี้อาเราถามขึ้นอย่างดุดัน บนใบหน้าไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย เรื่องในวันนี้ตอนนี้ก็ไม่อาจแก้ไขได้แล้ว อนุรองเตรียมตัวเล่นงานนางจนพร้อมสรรพ เพื่อเป็นการปกป้องเจาเอ๋อร์ นางจึงจำต้องปล่อยเลยตามเลย ล้วนผลักความรับผิดชอบไปให้หวังหลงจู๊
ไม่ใช่ว่านางใจร้าย แต่หวังหลงจู๊นั้นก็ไม่อาจสลัดความผิดในครั้งนี้ได้อีกต่อไปแล้ว เรื่องทั้งหมดถูกกำหนดเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่กับเจาเอ๋อร์นั้นไม่เหมือนกัน ขอเพียงนางหลุดพ้นจากขอกล่าวหา เช่นนั้นนางก็สามารถรักษาชีวิตได้แล้ว เพราะอย่างนั้นอวี้อาเหราจึงจำต้องทำเช่นนี้
“บัญชีนี้เป็นท่านที่เก็บรักษาเอาไว้ หากไม่ใช่เจาเอ๋อร์และหวังหลงจู๊ร่วมมือกัน ไหนเลยจะทำบัญชีปลอมขึ้นมาได้ เพราะอย่างนั้นคุณหนูรอง ท่านก็อย่าได้โดนหลอกอีกเลย” อนุรองเอ่ยปาก
ตอนที่ 348 ยุให้รำ ตำให้รั่ว
ถูกหลอกหรือ? อวี้อาเหราแอบหัวเราะในใจ นางที่อยู่กับเจาเอ๋อร์มานานเพียงนี้มีหรือจะไม่รู้ จะต้องให้อนุรองทำตัวยุให้รำตำให้รั่วอยู่ตอนนี้ไปทำไม? ให้นางไปเล่นกับเด็กสามขวบเถิดไป แต่เจตนาของอนุรองนั้นก็ชัดเจนว่าไม่ใช่นาง แค่ขอให้หลิงอ๋องเชื่อก็เพียงพอแล้ว
และอวี้อาเหราเองก็คงถูกมองว่าเป็นธิดาเอกที่ไม่ได้เรื่องได้ราว แม้คนใช้คนสนิททำเรื่องเช่นนี้ก็ยังไม่รู้
นางไม่พูดอะไรออกมา ทำเพียงฟังอนุรองว่าต่อไป “คุณหนูรอง ไม่ใช่ว่าข้าน้อยพูดจาไม่น่าฟัง แต่ท่านนั้นเป็นถึงธิดาตระกูลใหญ่ เดิมทีก็ไม่ควรมายุ่งกับเรื่องราวเช่นนี้ ข้าน้อยไม่ได้บอกว่าไม่ไว้ใจคุณหนูรอง แต่ท่านยังอายุน้อยเกินไป จึงอาจจะโดนหลอกได้โดยง่าย ก่อนหน้านี้จวนของเราก็เกิดเรื่องเข้าใจผิดขึ้นมามากแล้ว อาจจะมีการยุงให้รำตำให้รั่วขึ้นก็เป็นได้”
“ยุให้รำตำให้รั่ว?” มุมปากของอวี้อาเหรายกโค้งเป็นรอยยิ้มเย็นชา
“ก็ไม่ใช่หรืออย่างไร” อนุรองพยักหน้าลงอย่างมีเลศนัย ก่อนจะหันมองไปทางหลิงอ๋อง “ท่านอ๋อง ท่านว่าที่หม่อมฉันกล่าวมามีเหตุผลหรือไม่เพคะ”
“วาจาของเจ้าก็มีเหตุผลอยู่บ้างจริงๆ” หลิงอ๋องพยักหน้าลงเล็กน้อย แต่กลับขมวดคิ้วแน่น “แต่ว่าเจาเอ๋อร์เป็นคนที่เราเลือกให้อาเหรากับมือของเราเอง อีกทั้งนางยังเติบโตขึ้นมาในจวนนี้ หากกล่าวถึงเรื่องที่ทำผิดขัดต่อจวนหลิงอ๋องนี้ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้”
“ท่านอ๋องทรงมองโลกในแง่ดีเกินไปแล้วเพคะ มีใครบ้างเล่าที่จริงใจไม่หน้าไหว้หลังหลอก? ไม่อย่างนั้นหม่อมฉันที่กล่าววาจาอยู่ตั้งนานเช่นนี้ แต่ก็ไม่เห็นว่านางจะแก้ตัวออกมาสักคำ นี่นางก็อาจจะยอมรับแล้วก็เป็นได้ เช่นนั้นนางถึงได้ไม่กล้าเอ่ยปากอะไรออกมา!” อนุรองแค่นเสียงออกมาอย่างไม่พอใจ
อวี้อาเหารู้สึกขันยิ่งนัก ก่อนหน้านี้หวังหลงจู๊พูดแก้ตัว นางก็ว่าเขากลัวจนพูดจาส่งเดช ตอนนี้เจาเอ๋อร์ไม่ตอบโต้ ก็กลายเป็นยอมรับผิดไปเสียอีก ความจริงแล้วจะพูดหรือไม่พูด อนุรองก็หาเรื่องมาให้ผิดจนได้ ปากของนางก็ช่างร้ายกาจยิ่งนัก!
เจาเอ๋อร์เห็นดังนั้น ในที่สุดก็คืนสติรีบคุกเข่าลงกับพื้นในทันที “บ่าวใจซื่อมือสะอาดมาโดยตลอด หากอนุรองสงสัยในตัวบ่าว อยากจะลงโทษอย่างไรก็ตามแต่ใจเถิดเจ้าค่ะ เรื่องนี้ไม่ว่าบ่าวจะผิดหรือไม่ผิด ก็เป็นเพราะบ่าวเลินเล่อจึงทำให้ผู้อื่นสบโอกาส ขอให้ท่านอ๋องทรงลงโทษเถิด บ่าวจะไม่ว่าอะไรเลยสักคำ!”
“เจาเอ๋อร์ เจ้าไม่ได้ผิดเหตุใดจะต้องยอมรับด้วย?” อวี้อาเหราตกใจจนหน้าถอดสี
“คุณหนู เกรงว่าบ่าวคงไม่อาจอยู่รับใช้ท่านได้อีกต่อไปแล้ว แต่ท่านจงเชื่อว่าเจาเอ๋อร์นั้นซื่อสัตย์ต่อท่าน ไม่กล้าทำผิดปิดบังท่าน อีกทั้งยังไม่ได้ยั่วยุให้ความสัมพันธ์ระหว่างท่านและอนุรองให้ร้าวฉาน คนอื่นอาจจะไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร แต่คุณหนูท่านต้องเชื่อเจาเอ๋อร์นะเจ้าคะ” เจาเอ๋อร์ก้มหน้าลงต่ำ จนเห็นเพียงเส้นผมสีดำขลับ ร่างกายของนางสั่นสะท้าน ราวกับการพูดครั้งนี้เป็นการกลั่นเอาเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายของนางออกมา
อวี้อาเหรารีบเข้าไปประคอง “เจ้ารีบลุกขึ้นเถิด เหตุใดข้าจะไม่เชื่อเจ้ากัน?”
ยามนี้อนุรองก็ร้องตวาดขึ้น “นางชั้นต่ำ! หากเจ้ายังกล้าแสดงละครต่อหน้าคุณหนูรองอีกก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ! คุณหนูรอง ท่านอย่าได้ฟังวาจาสวยหรูของนางเลย ที่ข้าน้อยพูดก็เพื่อท่านนะเจ้าคะ”
อย่างไรเจาเอ๋อร์ก็ไม่กล้าลุกขึ้นมา นางทำเพียงหมอบอยู่กับพื้นไม่ไหวติง อวี้อาเหราหยัดกายลุกขึ้นยืน แล้วมองตรงๆ ไปทางอนุรอง “อนุรองช่างปรารถนาดียิ่งนัก พูดเพียงประโยคเดียวก็ผลักความผิดทั้งหมดมาที่สาวใช้ของข้า ในใจยังมีเมตตาธรรมหลงเหลืออยู่หรือไม่?”
“อาเหรา เหตุใดเจ้าถึงพูดกับอนุรองเช่นนั้น?” หลิงอ๋องเม้มปากแล้วเอ่ยขึ้น
“เสด็จพ่อ นี่ก็ไม่ใช่ว่าลูกพูดจาไปเรื่อยเปื่อย แต่เรื่องนี้ลูกก็เก็บไว้ในใจเป็นนานแล้วเพราะไม่อยากให้เสด็จพ่อเสียพระทัย แต่ตอนนี้ลูกก็เก็บเอาไว้ไม่อยู่แล้วเพคะ”
ตอนที่ 349 หม่อมฉันมิกล้า
อวี้อาเหราพูดจาอ้อมค้อมอยู่เป็นนาน สุดท้ายจึงกล่าวออกมาว่า “เจาเอ๋อร์อยู่กับลูกมานานหลายปี ไม่ว่านางจะทำอะไรก็มักจะคิดถึงลูกก่อนเสมอ ความซื่อสัตย์ของนางนั้นไม่ควรเป็นที่สงสัยเลย เพียงแต่ในสายตาของอนุรองนั้น นางกลับมองว่าลูกนั้นเป็นหญิงอ่อนแอที่ไม่เข้าใจเรื่องราวอะไร เช่นนี้ใครที่ดีต่อลูก แน่นอนว่าลูกคงแยกออกได้ไม่ยากแล้วเจ้าค่ะ”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าอนุรองไร้ซึ่งคำพูด นางก็ยิ่งเติมเชื้อเพลิงไปลงไป “ในเมื่ออนุรองกล่าวว่าเจาเอ๋อร์เป็นผู้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเรานั้นแย่ลง ทว่าเรื่องน้ำแกงตะพาบน้ำและบัวกีบม้าเมื่อคราวก่อนนั้น อนุรองเกือบจะเข้าใจข้าผิดไปว่าข้าจะวางยาพิษท่าน ครั้งนี้เจาเอ๋อร์เพียงยืนเฉยๆ ไม่ได้กล่าวอะไรเลย ไหนเลยนางจะยั่วยุให้เกิดการแตกหักได้ หากเป็นไปตามที่อนุรองว่าจริงๆ ก็คงเป็นข้าเองกระมังที่ยุแยงตะแคงรั่ว”
“คุณหนูรอง ข้าน้อยไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น” สายตาของอนุรองแฝงให้เห็นถึงความรอบคอบมากยิ่งขึ้น ปากของนางกำลังเตรียมจะพูดต่อ ทว่าอวี้อาเหรากลับพูดแทรกขึ้นมาในทันที “อนุรอง ท่านไม่ได้หมายความเช่นนี้ แล้วท่านหมายความว่าอย่างไร? ถ้าอย่างนั้นเราก็กลับไปพูดถึงเรื่องที่อยู่ที่หนานย่วนเถิด ที่ข้าเกือบจะถูกเข้าใจผิดว่าลักลอบคบหากับบุรุษ ครั้งนั้นข้าไปกับท่านอ๋องน้อยจวินและเจาเอ๋อร์ แต่กลับถูกท่านและท่านพี่เข้าใจผิด หรือว่าเจาเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ข้านั้นพูดกลับผิดเป็นถูก? อีกอย่าง ในเมื่อข้าไม่ได้ทำเรื่องนั้น แล้วเป็นใครกัน? ใครกันที่ทำเรื่องที่หนานย่วนนั่น? อีกทั้งยังเกิดขึ้นพอดิบพอดีกับช่วงเวลาที่ข้าไปที่นั่นพอดีอีก เมื่อลองคิดๆ ดูแล้ว นี่ก็ทำให้คนรู้สึกกลัวอยู่บ้าง”
โดยที่ไม่รู้ตัวอวี้อาเหราก็พุ่งเป้าเรื่องราวทั้งหมดไปที่อนุรองทันที จนสีหน้าของอีกฝ่ายเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
นางไม่ปล่อยโอกาสให้อนุรองได้พูดแก้ตัว อีกทั้งยังคงกล่าวต่อไปว่า “อีกอย่าง ก่อนหน้านี้ตอนที่ลูกตรวจสอบเรื่องของเฉียนหลงจู๊ หรือจะกล่าวว่ามีเจาเอ๋อร์คอยยั่วยุอยู่ข้างๆ อย่างนั้นหรือเพคะ จะกล่าวว่านางต้องการที่จะแย่งชิงอำนาจมาจากเฉียนหลงจู๊และขโมยทรัพย์สินมาจากหวังหลงจู๊หรืออย่างไรกัน? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เท่ากับข้าและหวังหลงจู๊ร่วมมือกันอย่างนั้นสินะ เพราะคิดอยากจะขโมยทรัพย์สินของบ้านตัวเอง เรื่องไร้สาระทั้งหมดนี้ข้าพูดถูกหรือไม่”
ตอนนี้อวี้อาเหราก็โกรธจัดจนไม่อาจระงับความโกรธเคืองเอาไว้ได้อีก หากตอนนี้ไม่มีคนมองดูอยู่มากถึงเพียงนี้ นางก็อยากจะยกมือขึ้นทุบตีอนุรองสองแม่ลูกนั่นยิ่งนัก หากไม่ให้บทเรียนแบบเลือดตกยางออกสักตั้งก็คงไม่จำกันหรอก ก่อนหน้านี้นางก็ยังคิดว่าตัวเองได้ให้บทเรียนไปมากพอที่จะให้อีกฝ่ายคอยเลี้ยงลูกในครรภ์อยู่เฉยๆ แล้วแท้ๆ แต่ไม่คิดว่าเพียงผ่านไปไม่กี่วันก็กลับเกิดเรื่องของหวังหลงจู๊ขึ้นมาอีก
หลิงอ๋องได้ยินคำตำหนิของนาง เช่นนั้นจึงขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีแล้วหันไปทางอนุรอง “คำพูดของอาเหรานั้นก็ไม่ผิด เจ้าบอกว่าเป็นเจาเอ๋อร์ที่คอยยั่วยุให้แตกหัก แต่นางเติบโตขึ้นท่ามกลางสายตาของเรา แน่นอนว่าเราต้องรู้จักนิสัยของนางดี แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งก่อนก็แทบจะเป็นความผิดของพวกเจ้าทั้งหมด หากเจ้ากล่าวว่าเป็นเจาเอ๋อร์ที่ยั่วยุให้เกิดความแตกหักจริงๆ แล้ว คงเป็นเราเองนี่กระมังที่คอยเสี้ยมเรื่องทุกอย่างอยู่ด้านหลัง?”
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันมิกล้าเพคะ!” อนุรองสัมผัสได้ถึงความจริงจังของเรื่องนี้ เช่นนั้นจึงตกใจรีบคุกเข่าลงทันที
ตอนนี้อวี้อาเหราควบคุมสถานการณ์ตรงหน้าเอาไว้จนหมดแล้ว นางไม่ยอมรามือง่ายๆ แน่ เช่นนั้นจึงตอบกลับไปว่า “เสด็จพ่อ ขอให้เสด็จพ่อทรงอนุญาตให้เจาเอ๋อร์ลุกขึ้นเถิดเพคะ หากนางยังคุกเข่าอยู่เช่นนี้ แม้นางจะไม่ตายด้วยคำพูดให้ร้ายของอนุรอง ก็คงไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้…”
“หมายความว่าอย่างไร? เกิดเรื่องอะไรขึ้น เจาเอ๋อร์ก็ดูสบายดีนี่ หรือว่าเกิดเรื่องอะไรกับเจ้าที่เมืองตะวันตกกัน!” หลิงอ๋องชะงัก แล้วมองไปทางเจาเอ๋อร์ที่ยังคงคุกเข่าก้มศีรษะลงกับพื้น สายตาฉายแวววิตก
ตอนที่ 350 เฉือนเนื้อสามพันดาบ
“เสด็จพ่ออาจจะไม่ทรงทราบ ที่ลูกไปเมืองตะวันตกครั้งนี้ลูกก็ได้พบกับโจรเถื่อนเข้า หัวหน้าโจรหญิงผู้นั้นเป็นผู้ใช้พิษ ตัวลูกนั้นเกือบจะโดนพิษเข้าเสียแล้ว แต่โชคดีที่เจาเอ๋อร์เสี่ยงชีวิตเอาตัวเข้าบังไว้ มิเช่นนั้นลูกคงสิ้นชีพไปแล้วเพคะ เจาเอ๋อร์ถูกช่วยให้รอดชีวิตกลับมาได้อย่างปาฏิหาริย์ ตอนนี้นางบาดเจ็บแต่ยังรักษาไม่ทันหาย ร่างกายของนางอ่อนแอยิ่งนัก หากยังต้องได้รับความทรมานเช่นนี้อีกชีวิตนางคงหาไม่แล้วเพคะ”
“เป็นเรื่องจริงหรือ” หลิงอ๋องตื่นตะลึง เมื่อเห็นอวี้อาเหราพยักหน้าลงอย่างจริงจัง เขาก็ไม่สนใจเรื่องยุยงส่งเสริมอะไรอีก ก้าวยาวๆ เข้าไปประคองเจาเอ๋อร์ขึ้นมาทันที แล้วกล่าวว่า “เจ้ารีบลุกขึ้นเถิด หากครั้งนี้ไม่ใช่อาเหราที่พูดขึ้นมาเราคงเข้าใจจิตใจที่ภักดีของเจ้าผิดไป ในเมื่อเจ้ากล้าที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องเจ้านาย เจ้าก็คงไม่ใช่คนที่มีใจคอโหดร้ายอันใด รีบลุกขึ้น!”
“ท่าน…ท่านอ๋อง…” น้ำเสียงของเจาเอ๋อร์สั่นเทา ราวกับตกใจที่ได้รับความเอ็นดูถึงเพียงนี้
เมื่อเห็นหลิงอ๋องเข้ามาประคองเจาเอ๋อร์ด้วยตัวเองเช่นนี้แล้ว สีหน้าของอนุรองและอวี้จื่อเยียนก็ย่ำแย่ลงในทันที แต่พวกนางก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรมาก ตอนนี้เหตุการณ์พลิกลับตาลปัตรเพราะอวี้อาเหรา ยังจะมาเกิดเรื่องเสี่ยงชีวิตช่วยเจ้านายอีก หลิงอ๋องรักเอ็นดูอวี้อาเหราเป็นที่สุด เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วก็แน่นอนว่าจะไม่สนใจอะไรอีก
ครั้งนี้ พวกนางก็คงจะต้องพ่ายแพ้อีกแล้ว!
ทว่าอวี้จื่อเยียนยังคงไม่เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองอยู่ นางยังคงเดินเข้าไปหาราวกับคนโง่เง่า “เสด็จพ่อ ที่นางช่วยชีวิตน้องสาวก็อีกเรื่อง แต่เรื่องที่นางทำผิดจะไม่ลงโทษได้หรือเพคะ”
หลิงอ๋องได้ยินเช่นนั้นก็หันกลับมาอย่างโกรธจัด “เจ้าก็ไม่เห็นหรือว่าน้องสาวเจ้าลำบากอย่างไร เราเห็นเจาเอ๋อร์เติบโตขึ้นมากับตา นางนิสัยเป็นเช่นไรแน่นอนว่าต้องรู้อยู่แก่ใจ เรื่องนี้คงเป็นเพราะหวังหลงจู๊อาศัยช่วงที่อาเหราและเจาเอ๋อร์ออกไปนอกจวน แล้วจึงค่อยเปลี่ยนข้อมูลในบัญชี เพื่อที่จะใส่ร้ายพวกนางเท่านั้นเอง”
“เสด็จพ่อ?” ทำอย่างไรอวี้จื่อเยียนก็ไม่เชื่อ แผนการที่ตระเตรียมมาอย่างดีเปลี่ยนทิศทางไปจนหมด พวกนางล้วนวางแผนอย่างยากลำบากมาเป็นเวลานาน ก็เพื่อที่จะเด็ดปีกเด็ดหางอวี้อาเหรา ทั้งยังอุตส่าห์ลอบไปหยิบสมุดบัญชีมาเพื่อที่จะใส่ร้ายอีกฝ่าย หากแผนการทั้งหมดจำต้องสูญเปล่าแล้ว เช่นนั้นก็ไม่เท่ากับถูกหัวเราะตายหรอกหรือ?
“เยียนเอ๋อร์ เสด็จพ่อของเจ้ากล่าวได้ถูกต้อง ในเมื่อเจาเอ๋อร์เป็นผู้ช่วยชีวิตคุณหนูรอง นางก็คงไม่มีความคิดที่จะยักยอกเอาสมบัติของจวนไปใช้หรอก เจ้ารีบขอโทษคุณหนูรองเดี๋ยวนี้!” อนุรองที่ตามเรื่องราวทัน แม้ว่าจะเจ็บปวดที่แผนการไม่เป็นผล แต่ก็ทำได้แต่เพียงกัดฟัน ถลึงตาจ้องมองอวี้อาเหราแล้วบังคับให้อวี้จื่อเยียนสำนึกผิด
แน่นอนว่าอวี้จื่อเยียนยังคงไม่ยินยอม แต่เมื่อสังเกตเห็นสายตาดุๆ ของอนุรองแล้ว ก็จำต้องกล่าวขอโทษอวี้อาเหราและเจาเอ๋อร์
เรื่องนี้ก็ทำให้นางโกรธแค้นยิ่งนัก ให้ขอโทษอวี้อาเหรายังไม่เท่าไหร่ เพราะอย่างไรเสียนางก็ยังเป็นถึงธิดาเอก แต่ให้นางไปขอโทษบ่าวรับใช้ นี่ก็ช่างเป็นการหมิ่นเกียรติตัวเองนัก จะดีจะร้ายอย่างไรนางก็ยังเป็นคุณหนูใหญ่ สถานะของนางสูงกว่าสาวใช้ตั้งมากมายหลายเท่านัก!
แต่เพื่อให้หลิงอ๋องคลายความโกรธเคือง อย่างไรเสียก็ต้องทำตามนั้น
หลิงอ๋องโบกมืออย่างพอใจ “รู้ผิดก็ดีแล้ว ต่อไปอย่าได้กล่าวหาคนอื่นลอยๆ อีก”
เมื่อพูดจบ ก็ให้คนออกไปส่งเจาเอ๋อร์กลับไป แล้วให้เรียกหมอมาดูอาการ แน่นอนว่าอวี้อาเหราไม่ได้ว่าอะไร
หลังจากจัดการเรื่องเจาเอ๋อร์เรียบร้อยแล้ว หลิงอ๋องก็หันมามองหวังหลงจู๊ที่ยังคงยืนนิ่งไม่ส่งเสียง กล่าวขึ้นว่า “หวังหลงจู๊ยักยอกเงินจากจวนอ๋องเป็นเงินหลายล้านตำลึง ต้องได้รับโทษตาย ทหาร นำมันไปประหารด้วยวิธีเฉือนเหนือพันดาบ[1] ต้องวิธีนี้เท่านั้นจึงจะคลายความแค้นในหัวใจของเราได้ หากไม่เฉือนเนื้อมันถึงสามพันดาบ อย่างไรเสียก็ห้ามปล่อยตัวเด็ดขาด!”
“พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์หลายคนก้าวมาข้างหน้าแล้วลากตัวหวังหลงจู๊ที่ตกใจเสีนจนหน้าเผือดสีออกไป
——
[1] เฉือนเนื้อสามพันดาบ เป็นการประหารชีวิตในสมัยก่อน โดยใช้การเฉือนเนื้อออกจากร่างกายทีละน้อยๆ จนตายในที่สุด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น