ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง 341-348

 ตอนที่ 341 คงไม่ใช่ว่ามีแล้วกระมัง 



 


เฝิงเยี่ยไป๋ได้ยินก็หัวโล่งทันที ผ่านไปอยู่นานถึงดึงสติกลับมาได้ อยากกินของเปรี้ยว ดมกลิ่นน้ำมันไม่ได้ ขี้เกียจง่วงนอน ไม่มีชีวิตชีวา…ทั้งหมดนี้เอามาคิดรวมกันแล้ว หัวใจของเขาแทบหยุดเต้นทันที ตามมาด้วยความดีใจ อาการเช่นนี้ แล้วนับเวลาดูอีก นางคงจะไม่ใช่ว่า…มีแล้วกระมัง” 


 


 


ห่างจากที่ร่วมหอครั้งก่อนก็เดือนเศษแล้ว หรือว่าจะแม่นเช่นนั้น ครั้งเดียวก็ได้เลย? 


 


 


“อยากกินสิ่งใดเขียนไว้ให้หมด ข้าจะสั่งคนไปซื้อ” เขาดีใจยิ่งนัก ยิ้มแป้นเดินออกจากข้างหลังฉากกั้นแกะสลัก ความเศร้าที่สะสมมาหลายวันก็หายไปหมดสิ้น 


 


 


ซั่งเหมยซั่งเซียงรีบย่อตัวทักทายเขา เฉินยางเห็นเขา ก็อึ้งไปเล็กน้อย แล้วบ่นออกมาว่า “ไฉนท่านถึงมาเสียแล้ว” นางนอนพิงไปที่เก้าอี้โยกข้างหน้าต่าง ใบหน้ายังคงเย็นชาเช่นเดิม 


 


 


เขามีรักใหม่แล้วยังจะมาหารักเก่าอย่างนางทำไมอีก มาอวดหญิงงามหลายคนของตัวเองกับนางหรือ 


 


 


หลายวันนี้ไม่เห็นนางอวบขึ้น มองแล้วหลับผอมลงไม่น้อย คางแหลมคม ผอมจนเหมือนดั่งเขาบีบก็จะแตกได้เช่นนั้น 


 


 


เฝิงเยี่ยไป๋มองไปที่ท้องของนางตามธรรมชาติ ต่อให้มีแล้ว ก็พึ่งจะเดือนเศษเท่านั้น ยังไม่ชัดเจน หลังจากความดีใจก็เริ่มกังวลขึ้นมา ตัวนางเองก็ยังเป็นเด็กอยู่เลย หากว่ามีแล้วจริงๆ จะคลอดเด็กเป็นความทุกข์มหันต์เพียงใด! เมื่อก่อนก็เคยได้ยิน บอกว่าผู้หญิงคลอดลูก สิบคนมีแปดคนคลอดยาก ก็คือเดินวนเวียนอยู่หน้าประตูผี หากราบรื่น เดินเล่นเสียรอบหนึ่งก็กลับมาแล้ว หากไม่ราบรื่น ก็อยู่ที่นั่นไปตลอดกาลเลย พอคิดได้เช่นนี้ ก็ไม่สนว่าเป็นเขาเองที่เอาความรักไปให้กับนางที่ไม่ได้รักหรือไม่ เขาเข้าไปกอดนางไว้ มือหลบท้องของนางอย่างระมัดระวัง คล้องที่เอวของนางเอาไว้ 


 


 


“เจ้าอยากกินอะไร เขียนมาให้หมดเสีย ข้าจะสั่งคนไปซื้อให้เจ้า ไม่ใช่ว่าอยากกินของเปรี้ยวหรือ ข้าให้คนไปเด็ดพุทราป่าเถิด พุทราป่าเปรี้ยว ให้เจ้ากินจนสมใจอยากดีหรือไม่” 


 


 


เฉินยางถูกเขากอดไว้ เขาสูงเกินไป นางเงยหน้าจนเมื่อย จึงเอียงศีรษะพิงอยู่ที่ไหล่ของเขา น่าแปลกยิ่งนัก พอถูกเขากอดเช่นนี้ ความโกรธก็หายไปกว่าครึ่ง เพียงแต่ใบหน้าก็ยังคงไม่พอใจนัก นางถามเขาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “ไฉนท่านถึงมาแล้ว ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนกับพระชายารองทั้งสามคนที่สวยงามแล้วหรือ” 


 


 


“เมื่อใดที่ข้าได้อยู่เป็นเพื่อนพวกนางเสียแล้ว” เฝิงเยี่ยไป๋ยื่นมือเตะจมูกนางเบาๆ “ฟ้าสวรรคเป็นตา ในใจข้ามีเพียงเจ้าคนเดียว” 


 


 


เขาก็พูดเช่นนี้กับน่าอวี้กระมัง! จู่ๆ เฉินยางก็หมดอารมณ์ “ข้าไม่ได้เห็นเสียหน่อย ในใจเจ้ามีกี่คนข้าจะรู้ได้อย่างไร” 


 


 


“จะต้องให้ข้าควักหัวใจออกมาให้เจ้าดูให้ได้?” 


 


 


“เช่นนั้นท่านก็ควักเลย!” 


 


 


ซั่งเหมยซั่งเซียงตกใจจนเหงื่อซึม อุตส่าห์มีท่าทางที่จะดีขึ้น ท่านอ๋องก็มายอมให้นางแล้ว ไฉนถึงยังดื้อดึงอีก คำพูดดีๆ สองประโยคไม่ดียิ่งกว่าสิ่งใดหรือ 


 


 


ตอนแรกยังคิดว่าเขาจะสะบัดแขนเสื้อจากไป แต่ครั้งนี้กลับไม่ ถูกเถียงกลับมาก็ยังยิ้มอยู่ คำพูดนี้เขาไม่รู้จะตอบอย่างไร เขาเปลี่ยนเรื่องขึ้นมา ถามถึงอย่างอื่น “ช่วงนี้รู้สึกร่างกายไม่สบายหรือไม่” 


 


 


เฉินยางก็ไม่ค่อยเข้าใจเขานัก นางส่ายหน้าด้วยความงุนงง “ข้าดีอยู่ ไม่ต้องให้ท่านเป็นกังวล” 


 


 


นางประมาทนัก ปกตินอกจากกินดื่ม ยามนี้ก็มีต้าหมี่มาอีก ตัวเองก็ไม่สนใจ นอกจากสามอย่างนี้ คาดว่าก็คงไม่มีสิ่งใดที่ทำให้นางสนใจได้แล้ว ถามนางก็เท่ากับถามเปล่า เฝิงเยี่ยไป๋หันหน้าถามซั่งเหมยซั่งเซียง “ช่วงนี้ร่างกายพระชายาได้มีความผิดปกติหรือไม่ ประจำเดือนมาปกติหรือไม่” 


 


 


 


 


 


—— 


 


 


ตอนที่ 342 เจ้าสัตว์น้อยโชคไม่เลวเลยนะ 


 


 


 


 


 


อยู่ดีๆ ไฉนถึงได้ถามเรื่องนี้ขึ้นมาเสียแล้ว ซั่งเหมยซั่งเซียงสบตาเฉินยาง กำลังจะอ้าปาก เฉินยางก็หน้าแดง โวยวายขึ้นมาให้พวกนางอย่าพูด 


 


 


เฝิงเยี่ยไป๋นวดหน้านาง “ไฉนถึงพูดไม่ได้ ข้ายังรู้ไม่ได้อีกหรือ” 


 


 


“เรื่องของผู้หญิง ท่านถามมากมายไปเพื่ออะไร” นางถูหน้าตัวเอง เมื่อครู่ถูกเขานวดยิ่งร้อนผ่าวขึ้นไปอีก 


 


 


“เจ้าเป็นผู้หญิงของข้า เล่าให้ข้าฟังไม่เป็นไร เจ้ายังอายอีกหรือ” เขาดึงนางขึ้นมา มือข้างหนึ่งประคองที่หลังเอ;ของนาง มืออีกข้างประสานสิบนิ้วกับนาง “ทั้งวันอยู่แต่ในห้องไม่ได้ ต้องออกไปเดินเล่นบ้าง ยิ่งนอนยิ่งขี้เกียจ เป็นเช่นนั้นก็ไม่ดีต่อร่างกายนัก” 


 


 


ท่าทางเช่นนี้แปลกเกินไปแล้ว เฉินยางเอามือที่ประคองอยู่บนเอวตัวเองนั้นออก แล้วถอยหลังไปสองก้าว “ข้าไม่ได้แก่จนอายุเจ็ดสิบแปดสิบเสียหน่อย ท่านไม่ต้องประคองข้าเช่นนั้น” 


 


 


ซั่งเหมยซั่งเซียงที่อยู่ข้างกายนางก็เป็นสาวน้อยที่ไม่รู้เรื่อง แม้จะสังเกตถึงความผิดปกติ ก็คิดว่าเป็นนางเลือกกิน ไม่อยากอาหาร จะนึกถึงเรื่องท้องได้อย่างไร ตัวนางเองประมาท คนที่อยู่ข้างกายก็ประมาท แถมยังเลี้ยงแมวไม่ห่างกาย ไปถึงที่ใดก็พาไปด้วย หากทำนางเจ็บอีกเล่า 


 


 


“ต้าหมี่เล่า” เขาหันศีรษะถามซั่งเหมย “ไปอุ้มต้าหมี่มาให้ข้า” 


 


 


เฉินยางไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร รู้สึกไม่สบายใจ นางมองเขาด้วยความงุนงง “ท่านจะอุ้มต้าหมี่ทำไมหรือ กลางคืนต้าหมี่นอนกับข้า” 


 


 


“นอนกับเจ้า?” นี่เป็นแมวตัวผู้ เขายังไม่มีโชคที่ได้นอนกับนางทุกวันเลย เจ้าสัตว์น้อยตัวนี้โชคไม่เลวนัก เฝิงเยี่ยไป๋อุ้มต้าหมี่ขยับสองที “ต้าหมี่วางไว้อยู่ที่ข้านั่นเลี้ยงไว้สองวันเสียก่อน… เจ้าดูสิมันอ้วนขนาดไหนแล้ว หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ปีนต้นไม้ก็ไม่ไหว” 


 


 


“ไม่ได้ ข้าเลี้ยงมันได้ ท่านจะอุ้มมันไปไม่ได้” เฉินยางยื่นมือไปแย่งต้าหมี่ ต้าหมี่ดิ้นอยู่ในอกเฝิงเยี่ยไป๋ แมวก็รู้จักเจ้านาย มันออกแรงถีบขา กระโดดจากอกเฝิงเยี่ยไป๋ไปบนตัวเฉินยาง เฉินยางถูกมันชนเข้า เซล้มไปที่มุมโต๊ะ ยังดีที่เฝิงเยี่ยไป๋ตาไวมือเร็ว คว้าเอวนางเอาไว้ ยังคงบางเช่นนี้ ทั้งบางทั้งนิ่ม คนอยู่ในอ้อมกอดของเขาเห็นได้ว่าตัวเล็กไปครึ่งหนึ่ง ยังคงเป็นผู้หญิงตัวเล็กอยู่เช่นนี้ เขาอาลัยอาวรณ์ยิ่งนัก ไม่อยากให้นางต้องทรมานเพื่อเขาแม้แต่นิดเดียว 


 


 


ต้าหมี่กระโดดไปบนโต๊ะตามแรง แล้วโดดออกจากหน้าต่างไป 


 


 


เฝิงเยี่ยไป๋ได้ทีก็เสนอว่า “แมวนี้นิสัยดื้อนัก ไม่สั่งสอนมันดีๆ วันหลังแม้แต่เจ้านายก็ยังกล้าทำร้าย ข้าพาไปเสียก่อน ช่วงนี้ข้าจะเอาเลี้ยงไปสักพัก รอให้มันเชื่องแล้วค่อยส่งมาให้เจ้า” 


 


 


เฉินยางมองทางที่ต้าหมี่วิ่งไป บ่นขึ้นมาว่า “ปกติต้าหมี่เชื่องนัก ข้าสามารถเลี้ยงมันได้ ท่านพามันไปแล้ว ใครจะอยู่เป็นเพื่อนคลายเบื่อให้ข้า” 


 


 


“ไม่ใช่ว่ายังมีน่าอวี้หรือ ความสัมพันธ์ของพวกเจ้าไม่ใช่ว่าดีหรือ วันก่อนนางไม่ได้มาวันหนึ่ง เจ้าก็บ่นว่าจะไปเยี่ยมนาง ยามนี้เจอกันได้ทุกวันแล้ว ยังบอกอีกหรือว่าไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนคลายเบื่อให้เจ้า?” 


 


 


เมื่อก่อนคือเมื่อก่อน ยามนี้ยังจะเหมือนเมื่อก่อนได้อีกหรือ ยามนี้พวกนางทั้งสองปรนนิบัติสามีคนเดียวกัน แม้ปากจะไม่พูด เพียงแต่ต่อหน้าลับหลังล้วนแก่งแย่งกัน ยังมีซ่งจูและหลี่หรู ทุกวันพวกนางมาน้อมทักทายที่นี่ พิธีการมารยาทครบถ้วน เพียงแต่สายตาแฝงด้วยความอาฆาต แม้แต่น่าอวี้ก็สนิทกับนางไม่ได้เสียแล้ว 


 


 


“เจ้าถึงจะเป็นเจ้านายอันดับหนึ่งในจวนของเรา แม้แต่ข้าก็ยังต้องเรียงอยู่ถัดจากเจ้า เจ้าอยากให้ใครมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้า เพียงขยับปาก พวกนางก็ต้องวิ่งมาหาเจ้าที่นี่ เจ้าก็อย่าได้ใจเสาะนัก รอให้ฤดูร้อนผ่านไปแล้ว ข้าจะพาเจ้าออกไปเที่ยว เจ้าอยากไปที่ใดพวกเราก็ไปที่นั่น” 


ตอนที่ 343 ความหึงของเฝิงเยี่ยไป๋ 


 


 


 


 


 


เฉินยางเชื่อคนง่าย เขาปล่อยวางฐานะมากล่อมนาง ในใจนางก็ใช่ว่าจะไม่รับ ที่จริงแล้วตอนที่เพิ่งได้เจอเขานั้น นางก็เกือบจะทนไม่ไหวพุ่งเข้าไปกอดเขาแล้ว เพียงแต่คิดเสียออกไปอีก เขาไม่ได้มานานเช่นนี้ล้วนอยู่กับน่าอวี้ ก็รู้สึกไม่พอใจ จึงเกิดความรู้สึกเปรียบเทียบขึ้นมา น่าอวี้หน้าตาดีกว่านาง รู้หนังสือ พูดอะไรกับนางก็สามารถพูดได้ ส่วนนางเล่า ก็เหมือนดั่งน้ำเต้าที่ถูกเลื่อยปากทิ้ง ไม่รู้จักพูดคำพูดน่าฟัง นอกจากยิ้มโง่ๆ แล้วอะไรก็ไม่เป็น พอคิดได้เช่นนี้ก็ปล่อยวางแล้ว นางเทียบน่าอวี้ไม่ได้ เฝิงเยี่ยไป๋จะชอบน่าอวี้มากกว่าก็เป็นเรื่องปกติ หากเป็นนางก็คงจะชอบแม่นางเช่นน่าอวี้ 


 


 


ต่างฝืนกันอยู่เช่นนี้ เมื่อใดถึงจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขได้! 


 


 


เฝิงเยี่ยไป๋จูงนางนั่งลงอย่างระมัดระวัง “ข้าจะสั่งคนไปเด็ดพุทราป่าให้เจ้า เจ้านั่งลงก่อน…ซั่งเซียง ดูแลเจ้านายของพวกเจ้าดีๆ ซั่งเหมยออกมา ข้ามีเรื่องจะถาม” 


 


 


ในใจซั่งเหมยกระตุก เดินตามออกไปอย่างหวาดระแวง นางย้อนนึกไปถึงเรื่องที่ตัวเองทำไปหลายวันนี้ ก็เหมือนจะไม่ได้ทำผิดสิ่งใด ในใจก็หวาดกลัว ไม่กล้าหายใจแรง 


 


 


“ประจำเดือนของพระชายาเดือนนี้ปกติหรือไม่” 


 


 


ที่แท้ก็ถามเรื่องนี้ ซั่งเหมยย่อตัวลงพูดว่า “เดือนนี้ยังไม่ถึงเลยเจ้าค่ะ ต้องเป็นช่วงกลางเดือนถึงปลายเดือน หากเป็นปกติ นอกจากเจ็บท้องก็ไม่มีอาการอื่นใด ผู้หญิงก็มักเป็นเช่นนี้ ไม่มีใครหนีพ้นได้ พวกบ่าวก็หาวิธี ต้มน้ำเชื่อมให้ดื่มก็ไม่ได้ผล ครั้งก่อนก็เชิญท่านหมอมาดูแล้ว บอกว่าหนาวเย็นจากภายใน ต้องบำรุงให้ดีๆ ไม่เช่นนั้นหากเป็นเช่นนี้ต่อไปเกรงว่า…” ซั่งเหมยเหลือบมองเฝิงเยี่ยไป๋ด้วยความระมัดระวัง “เกรงว่าจะมีลูกยาก” 


 


 


มีลูกยาก? หรือว่าเขาเดาผิดเสียแล้ว? 


 


 


“เฉาเต๋อหลุน!” 


 


 


“ข้าน้อยอยู่นี่ขอรับ!” 


 


 


“ไปเรียกหมอสตรีมาดูร่างกายให้พระชายา หากเป็นโรคใดจริงๆ ก็จะได้รู้ก่อนรีบรักษา” 


 


 


เฉาเต๋อหลุนรับคำสั่ง แล้วสั่งคนไปทำ 


 


 


ซั่งเหมยก็เป็นคนหัวไว ตอนเช้ายังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้พอเฝิงเยี่ยไป๋ถาม ก็รู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว พระชายาของพวกนางคงจะมีครรภ์เสียแล้ว มิน่าวันนี้เถียงท่านอ๋องท่านอ๋องก็ไม่โมโห จะโมโหได้อย่างไรกัน ทะนุถนอมยังไม่ทันเลย ยังจะพูดจารุนแรงสนใจเรื่องเล็กน้อยพวกนี้หรือ 


 


 


เฝิงเยี่ยไป๋กำชับนางให้เก็บเรื่องนี้ไว้ให้สนิท ก่อนที่จะรู้แน่ชัดนั้นต้องปรนนิบัติอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะไม่อาจให้หกล้มเป็นแผล สุดท้ายก็พูดด้วยอารมณ์โกรธเล็กน้อยว่า “เอาต้าหมี่ไปเลี้ยงอยู่ที่ห้องอื่น อย่าให้มันนอนกับนายหญิงของพวกเจ้าตลอด ใช้ได้ที่ไหน!” 


 


 


“เจ้าค่ะ บ่าวจำไว้แล้ว!” 


 


 


ท่าทางของท่านอ๋องนี้ก็เพิ่งเจอเป็นครั้งแรก ได้ยินคำพูดนั้นเต็มไปด้วยความหึงหวง แม้แต่แมวตัวหนึ่งยังหึง เห็นได้ว่ารักนางมากเพียงใด 


 


 


พอกลับไป ซั่งเซียงถามนางว่าท่านอ๋องถามอะไร ซั่งเหมยจำสิ่งที่เฝิงเยี่ยไป๋กำชับเอาไว้ได้ นางส่ายหน้า พูดว่า “ยังจะพูดอะไรได้อีก ก็ให้พวกเราปรนนิบัติอย่างระวัง บอกว่าต้าหมี่อยู่ใกล้นายหญิงมากไป กลัวจะทำนายหญิงเป็นแผล เพื่อไม่ให้ต้าหมี่วุ่นวายขึ้นมารบกวนการพักผ่อนของนายหญิง จึงให้พวกเราเอาต้าหมี่ไปเลี้ยงไว้ที่อื่น!” 


 


 


ซั่งเหมยชี้ไปในห้อง “เช่นนั้นนายหญิงจะเห็นด้วยหรือ” 


 


 


เฉินยางค่อยๆ เดินมา นางทำหน้าเหนื่อยใจ “บอกพวกเจ้ากี่ครั้งแล้ว มีอะไรก็ให้พูดต่อหน้าข้า ไม่ก็เดินไปพูดไกลๆ อย่าได้ให้ข้าได้ยิน ไฉนถึงจำไม่ได้เอาเสียเลย” 


 


 


คำพูดของพวกนางเฉินยางได้ยินอย่างชัดเจน ก็เพียงแค่เปลี่ยนที่อยู่ให้ต้าหมี่ ที่จริงแล้วก็ไม่ได้มีอะไร กลางวันยังได้เจอก็พอแล้วไม่ใช่หรือ แมวตัวนี้ถูกนางเลี้ยงจนเสียนิสัย กลางคืนนอนอยู่บนตัวนาง ทับจนนางแทบหายใจไม่ออก เปลี่ยนที่อยู่ก็ดีเช่นกัน! 


 


 


 


 


 


—— 


 


 


ตอนที่ 344 ยินดีด้วยท่านอ๋อง 


 


 


 


 


 


ตอนเย็น มีหมอมาดูเฉินยาง เป็นคนแก่ที่อายุมาก ไว้เคราแพะ ตอนที่จับชีพจรให้นางก็ส่ายหน้า สุดท้ายก็ถอนหายใจ ไม่พูดอะไร สั่งยาให้ซั่งเหมยก็จากไปแล้ว 


 


 


เฉินยางกระวนกระวายใจกับการถอนหายใจของเขา “นี่หมายความว่าอย่างไร ไฉนถึงไม่พูดอะไรเลย หรือว่าข้าใกล้จะหมดอายุขัยแล้ว” 


 


 


นางเคยเห็นคนไข้ที่ป่วยหนักไปหาอิ๋งโจว หากรักษาไม่ได้ สีหน้าของอิ๋งโจวก็เป็นเช่นนั้น ส่ายศีรษะถอนหายใจ เป็นความหมายว่าไม่อาจจะรักษาได้ นางนึกถึงอีกว่าวันนี้เฝิงเยี่ยไป๋จู่ๆ ก็มาเยี่ยมนาง ในใจก็กระตุก หรือว่าตัวเองจะเป็นโรคอะไรจริงๆ 


 


 


ซั่งเหมยเอาใบสั่งยาให้นางดู “ท่านอย่าได้คิดมากเลย นี่ล้วนเป็นสมุนไพรที่บำรุงร่างกาย หมอที่อายุมากแล้วก็เป็นเช่นนี้ ชอบทำตัวลึกลับนัก” 


 


 


เฉินยางอยู่ที่อิ๋งโจวนั้นก็ไม่ได้อยู่เปล่า สมุนไพรก็ยังรู้จักอยู่หลายตัว ใบสั่งยานี้ล้วนเป็นสมุนไพรธรรมดา หาซื้อในตลาดทั่วไปได้ ผลของสมุนไพรนางไม่รู้ คิดว่าก็คงจะเหมือนดั่งที่ซั่งเหมยพูดเช่นนั้นกระมังล้วนใช้เป็นบำรุงร่างกาย 


 


 


นางอยู่ข้างในรู้สึกโล่งใจ เฝิงเยี่ยไป๋อยู่ข้างนอกกลับกังวลจนอยู่ไม่สุข 


 


 


หมอออกมามองเขาเล็กน้อย แล้วก็ถอนหายใจอีก “เป็นอาการหนาวจากภายในจริง เพียงแต่ไม่หนักนัก ข้าได้สั่งยาที่ทำให้อุ่นขึ้นกับสาวใช้ที่อยู่ข้างพระชายาแล้ว บำรุงอย่างดีเสียหน่อย ใช้เวลาไม่นานก็สามารถฟื้นกลับมาได้ “พูดจบก็ประสานมือ “ยินดีด้วยท่านอ๋อง พระชายาตั้งครรภ์ได้เดือนเศษแล้ว เพียงแต่… ร่างกายพระชายาอ่อนแอนัก ลมปราณอ่อน เลือดลมไม่เดิน ตอนนี้ตั้งครรภ์แล้ว วันหลังหากจะคลอดเกรงว่า…” 


 


 


ความดีใจสุดขีดที่เกิดขึ้น ก็ถูกคำว่า ‘เกรงว่า’ ตบกลับมา ที่เขากลัวที่สุดก็คือสิ่งนี้ วันนี้คือกลัวสิ่งใดสิ่งนั้นก็มาถึงเช่นนั้นหรือ 


 


 


“ท่านหมอพูดมาเถิดไม่เป็นไร!” 


 


 


“จะพูดตอนนี้ก็ยังเร็วเกินไป บำรุงไว้เสียก่อนเถิด กินของบำรุงเติมลมปราณเสียหน่อย เพียงแต่อย่าให้พระชายากินมากไป เด็กคนนี้บอกจะโตก็เร็วนัก หากเด็กโตมากเกินไป ยามที่ต้องคลอดก็จะเหนื่อย อย่างอื่นไม่กลัว หากคลอดยาก… ข้าขอพูดไม่เข้าหูเสียหน่อย สิบคนมีแปดเก้าคนจะตายทั้งแม่และลูก” 


 


 


เพิ่งดีใจอยู่เลย พอได้ยินหมอพูดเช่นนี้ ยังจะดีใจได้อย่างไร เขาขมวดคิ้วเดินวนไปมาอยู่ที่ประตู ห่างเพียงประตูเดียวกั้นก็พบนางได้ ยามนี้ไฉนถึงไม่มีความกล้าที่จะเข้าไป ผ่านปีนี้ไปนางก็เพิ่งจะสิบหก เป็นเวลาดีที่จะแต่งงาน เพียงแต่จะมีลูกนั้น ก็ออกจะเร็วไปสักหน่อย 


 


 


ตอนเที่ยงที่ไปเยี่ยมนาง เขากอดนางเอาไว้ ศีรษะของนางเพิ่งถึงอกของเขา กางแขนก็กอดได้รอบแล้ว ดูจากข้างหลัง คนอื่นไม่รู้เลยว่าเขากอดคนอยู่ 


 


 


และเขาก็นึกถึงครั้งแรกที่ ‘ทำเรื่องนั้น’ กับนาง เขายังไม่ทันเข้าไปเลย เพียงแค่ดูทางอยู่ปากถ้ำ นางก็ร้องแทบเป็นแทบตาย ทุบเขาตีเขาให้เขาไสหัวไป เพียงแต่ตอนนั้นเขาถูกไฟราคะครอบงำ ปล่อยให้นางทุบตี ไม่สนว่านางจะร้องอย่างไร จิตเด็ดเดี่ยว บุกทะลวงกำแพงเมืองเข้าไปข้างใน นางเหมือนดั่งแหนที่อยู่บนน้ำ ลอยไปตามสายน้ำแรงลม สุดท้ายแม้แต่แรงจะร้องไห้ก็ไม่มี ตอนที่หลับนางขมวดคิ้ว รอยเขียวช้ำเต็มตัว แม้แต่เจ้าตัวที่ก่อเรื่องอย่างเขานั้นเห็นแล้วก็ยังสงสาร 


 


 


ตอนนั้นรู้สึกเพียงว่านางยังเด็ก คนตัวเล็กเท่านี้ แม้เขาจะควบคุมไม่ออกแรง ก็ยังคงทำเอานางลำบากแทบแย่ 


 


 


ตอนนี้คิดขึ้นมาแล้วก็เสียใจ รอเสียอีกหน่อย รอให้นางโตกว่านี้อีกหน่อย รอให้นางยอมรับเขาได้แล้วนั้น ทุกอย่างนี้ก็เป็นไปตามธรรมชาติไม่ใช่หรือ 


ตอนที่ 345 เหลวไหลไปตามเขา 


 


 


 


 


 


ตอนที่วั่งเหมยออกไปต้มยาให้เฉินยางนั้น เฝิงเยี่ยไป๋ยังยืนอยู่ที่ประตู นางตกใจ เอามือทาบอกแล้วพูดว่า “ท่านอ๋องสุขสำราญ” 


 


 


ในใจกลับแอบบ่นว่า ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องดี ไฉนท่านอ๋องถึงไม่ได้มีสีหน้าที่ดีใจเลย 


 


 


“พระชายาหลับไปแล้วหรือ” คำพูดนั้นของเขาอ่อนแรงนัก ซั่งเหมยได้ยินก็เกร็งขึ้นมา ตอบกลับว่า “ยังเจ้าค่ะ ดูหนังสือภาพอยู่!” 


 


 


หนังสือภาพ? เขานึกถึงเล่มที่อยู่ในห้องของเขานั้น ใบหน้าก็เริ่มมีสีสันขึ้นมา ไม่ได้ขาวซีดอีก ในใจคิดว่า ‘คงไม่ใช่ว่าเหลวไหลตามเขา ดูของที่ไม่สมควรดูกระมัง’ 


 


 


“…ดู ‘รวมเรื่องปีศาจ’ อยู่” ซั่งเหมยยังพูดไม่จบประโยคท้าย เฝิงเยี่ยไป๋ก็รีบร้อนเข้าไปแล้ว ประตูปิดดัง โครม ทำเอาซั่งเหมยตกใจ 


 


 


ซั่งเหมยมีสีหน้าเหนื่อยหน่ายขยับไปถามเฉาเต๋อหลุนที่อยู่ใต้ชายคาทางเดินที่กำลังหาวอยู่ “ผู้ดูแลใหญ่เฉา ท่านอ๋องนี่คือเป็นอะไรหรือ ไฉนถึงได้เหมือนดั่งวิญญาณลอยออกจากร่างเช่นนั้น” 


 


 


เฉาเต๋อหลุนเอาแขนเสื้อเช็ดหางตา ชูมือไล่ซั่งเหมย “ทำงานของเจ้าดีๆ ไปเถอะ ไม่มีอะไรก็อย่าปากมาก ไปสั่งให้ห้องครัวต้มคางคกหิมะให้ท่านอ๋องถ้วยหนึ่ง วันหนึ่งไม่ได้กินข้าวแล้ว และต้องเจอเรื่องนี้อีก เห้อ…” 


 


 


ระหว่างทางซั่งเหมยคิดอยู่ตลอด ‘เรื่องนี้’ ที่อยู่ในปากเฉาเต๋อหลุนคือเรื่องอะไร เป็นเจ้านายไม่พูด พวกนางที่เป็นบ่าวก็ไม่กล้าถาม เพียงแต่มักจะเกี่ยวข้องกับพระชายาของพวกนางอยู่ตลอด 


 


 


เฉินยางยังไม่รู้เรื่องที่ตั้งครรภ์ ในใจก็ไม่มีภาระใดๆ กลางคืนกินขนมพุทรามันเทศไปสองชิ้น ตอนนี้เริ่มขี้เกียจ หลังจากชำระล้างตัวเสร็จก็นอนอยู่บนเตียงอย่างสบาย คลำไปที่ข้างเตียงว่างเปล่า ไม่มีต้าหมี่ก็รู้สึกไม่คุ้นชินนัก 


 


 


นางกำลังเศร้า จู่ๆ ม่านเตียงก็ถูกคนเปิดออก นางตกใจ รอตั้งสติได้ ก็เห็นคนที่มาคือเฝิงเยี่ยไป๋ นางลูบอกบ่นเบาๆ ว่า “กลางคืนเช่นนี้ท่านมาทำไมหรือ ทำเอาข้าตกใจแทบแย่!” 


 


 


เฝิงเยี่ยไป๋ถอดรองเท้านั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง เฉินยางจำต้องขยับที่ให้เขา นางยื่นมือเอาหมอนของตัวเองมา ขยับถอยหลังถามเขาว่า “ท่านไม่กลับไปนอนที่ห้องของตัวเองหรือ” 


 


 


เขาไม่รู้จะพูดอย่างไรกับนาง นางไม่ใช่คนโง่ ตอนนี้ไม่พูด รอไปอีกสองวัน ประจำเดือนยังไม่มา นางจะยังไม่รู้สึกเองได้อีกหรือ ปิดบังก็ปิดบังนางได้ชั่วคราว เด็กอยู่ในท้องของนาง ไม่ช้านางก็ต้องรู้ 


 


 


เพียงแต่เขาก็กลัว ครั้งก่อนก็เป็นเขาที่บังคับนาง หลังจากนั้นก็เคยพูดเรื่องที่อยากมีลูกให้นางฟัง นางไม่ได้สนใจนัก ท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาว นางเองยังเป็นเด็กอยู่เลย นิสัยเด็กๆ ชอบโมโหกระฟัดกระเฟียดใส่เขา ให้นางคลอดเด็กอีก คาดว่านางก็คงไม่ยอม 


 


 


อีกอย่าง ร่างกายนางอ่อนแอ ลมปราณไม่เดิน เขาอยากได้ลูกคนนี้มาก เพียงแต่หากลูกคนนี้จะเอาชีวิตนางไปเล่า 


 


 


“เฉินยาง…” เขาไม่เคยกลัวดั่งเช่นตอนนี้มาก่อน ฝ่ามือมีเหงื่อซึม เขาลังเล ยากจะอ้าปาก “ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า” 


 


 


“ท่านพูดมาได้เลย ข้าฟังอยู่” นางวางหมอนไว้ แล้วตะแคงศีรษะเตรียมจะฟังเขา 


 


 


เฝิงเยี่ยไป๋คว้านางขึ้นมา ขมวดคิ้วว่า “หลังจากนี้ไม่ให้นอนหมอบ ท่านอนเช่นนี้ไม่ดีต่อร่างกาย” 


 


 


เฉินยางบ่นพึมพำเปลี่ยนท่านอนหงาย “นอนหมอบสบายนัก นอนหมอบมานานเช่นนี้แล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกไม่สบายเลย!” 


 


 


เขาไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาถามนางอ้อมๆ ว่า “เจ้าบอกว่าเจ้าไม่มีท่านแม่ตั้งแต่เด็ก ท่านแม่ของเจ้าตายเพราะคลอดยาก ข้าถามเจ้า หากวันหนึ่งเจ้าได้เป็นแม่แล้ว คลอดยาก อยู่รอดได้เพียงคนเดียว หรืออาจจะไม่มีใครรอด เจ้าจะเสียใจหรือไม่” 


 


 


  


 


 


—— 


 


 


ตอนที่ 346 ต้องเจ็บมากมายเพียงใดหรือ 


 


 


 


 


 


ตอนที่เฉินยางยังเด็ก นางถูกคนกล่าวหาว่าเป็นตัวซวย แม่ของนางจากไปเพราะคลอดยาก พออยู่ที่ปากคนอื่นก็กลายเป็นความผิดของนาง บอกว่าเป็นนางที่ดวงชงกับแม่ของนางจนตาย ตอนนั้นยังเด็ก นางไม่รู้เรื่องพวกนี้ ตอนหลังโตแล้ว นางก็โทษตัวเอง นางถามบิดาว่าตนเป็นตัวซวยที่ทำให้มารดาต้องตายใช่หรือไม่ 


 


 


พอมานึกถึงตอนนี้ ตอนนั้นท่านพ่อของนางถึงจะเป็นคนที่เสียใจที่สุด เพียงแต่ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอย่างไร พ่อของนางก็ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่โทษนาง แถมยังโทษตัวเอง ยังพูดกับนางอีกว่า ตอนแรกที่คลอดนางนั้น ก็มีหมอตำแยบอกกับแม่ของนางว่านางศีรษะใหญ่ ตำแหน่งก็ไม่ถูก คงจะคลอดไม่ง่ายนัก เพียงแต่สุดท้ายแม่ของนางก็ยังคงคลอดนางออกมาไม่ใช่หรือ 


 


 


สตรีนั้นอ่อนแอ เป็นแม่จะแกร่ง ใต้ฟ้านี้ไม่มีแม่คนใดเสียใจกระมัง! 


 


 


เฉินยางส่ายหน้า บอกเฝิงเยี่ยไป๋ว่าไม่เสียใจ 


 


 


วันนี้เขาประหลาดอยู่ตลอด คำพูดการกระทำไม่เหมือนกับปกติ เฉินยางรู้สึกแปลก ไฉนถึงจู่ๆ ก็หาหมอมาดูนาง ในใจเกิดความสงสัย จึงถามเขากลับว่า “ท่านมีเรื่องปิดบังข้าหรือไม่” 


 


 


เฝิงเยี่ยไป๋ไม่ตอบนาง พูดกับตัวเองว่า “เพียงแต่ข้ากลัวว่าข้าจะเสียใจ ข้ากลัวว่าการตัดสินใจของข้าถึงตอนนั้นจะทำให้เจ้าตาย…” 


 


 


เฉินยางตกใจ ความง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง นางอึ้งอยู่พักหนึ่ง ถามเขาด้วยอาการติดอ่างว่า “ท่านว่าอะไร อะ…อะไรจะทำให้ข้าตาย” 


 


 


เขาพูดออกมาอย่างยากเย็น ท่าทางเหมือนลำบากใจที่จะพูดออกมาเช่นนั้น และไม่กล้ามองนาง คำพูดก็ไม่มั่นใจนัก นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เฉินยางเห็นเขามีท่าทางเช่นนี้ จึงกังวลขึ้นมา สุดท้ายก็ได้ยินเขาพูดออกมาอย่างลำบากว่า “เจ้า…เจ้าตั้งครรภ์แล้ว” 


 


 


เขาจะถามนางว่าได้ยินแล้วนางดีใจหรือตกใจ นางก็ตอบไม่ถูก ได้ยินเสร็จนางก็อึ้งอยู่ตรงนั้น ในหัวระเบิดดังตูม จากนั้นก็ว่างเปล่าไม่รู้อะไรแล้ว เฝิงเยี่ยไป๋พูดอะไรกับนางอีกนางก็ไม่ได้ยิน แววตาเหม่อลอย นอกจากจะไม่มีความรู้สึกแล้วแถมยังสงบกว่าปกติ 


 


 


นางน่าจะอยากได้เด็กคนนี้กระมัง! เด็กคนนี้เป็นตัวเองที่บังคับนางได้มา นางไม่ชอบเขา ก็จะไม่ชอบเด็กคนนี้แน่นอน หากนางแน่วแน่ที่จะไม่เอาเด็กคนนี้เขาจะทำอย่างไรดี 


 


 


“เฉินยาง…เฉินยางเจ้าพูดกับข้าหน่อย อย่าเป็นเช่นนี้เลย ในใจเจ้าคิดอย่างไร อย่างน้อยก็พูดกับข้าได้หรือไม่” เขาไม่กล้าแตะตัวนาง สองมือโบกไปมาอยู่ตรงหน้านาง ยิ่งนางเป็นเช่นนี้ในใจเขาก็ยิ่งไม่สงบ เหมือนดั่งถูกเผาอยู่บนกองไฟ ใช้ไฟอ่อนๆ ค่อยๆ ย่างไปเช่นนั้น ข้างนอกสุกแล้ว ข้างในยังดิบอยู่เลย เนื้อถูกคนฉีกไปกินแล้ว เพียงแต่คนยังมีสติอยู่ ความรู้สึกเช่นนี้ยากจะทนไหวนัก เขาฝืนไม่ไหว 


 


 


เฉินยางดึงสติจากความเหม่อลลอยกลับมา แววตาที่ว่างเปล่าเริ่มได้สติ ย้อนนึกถึงก่อนหน้านี้ที่จี้หรู่ฉางเคยพูดกับนาง นางพูดอย่างเรียบนิ่งว่า “เพียงแต่ข้าได้ยินว่าคลอดลูกจะเจ็บมาก เด็กโตเท่านี้คลอด…คลอดจากท้องออกมา…” นางถอนหายใจ “เช่นนั้นต้องเจ็บเพียงใดหรือ!” 


 


 


แววตาของเฝิงเยี่ยไป๋เหมือนมีคบเพลิงสองอันถูกจุด สว่างขึ้นมาทันที “เช่นนั้นความหมายของเจ้าคืออะไร ยอมคลอดเด็กคนนี้แล้วหรือ” 


 


 


ยามนี้นางถึงได้ถอนหายใจด้วยความรู้สึกเชื่องช้า แล้วลูบท้องที่แบนราบของตัวเองตามสัญชาตญาณ “นี่เป็นลูกของข้ากับท่าน…เร็วเกินไปแล้ว พวกเราแต่งงานยังไม่ถึงปีเลย เขา…มุดเข้าท้องข้าเงียบๆ เช่นนี้ นี่เร็วเกินไปแล้ว เพียงแต่อย่างไรเสียก็เป็นลูกของพวกเราสองคน ชีวิตหนึ่ง ข้าจะทำอย่างไร เขามาเกิดที่บ้านของพวกเรา ข้าจะส่งเขากลับไปหายมบาลอีกก็ไม่ได้กระมัง” 


ตอนที่ 347 อวดความรักออกหน้า 


 


 


 


 


 


นางบ่นไปเสียรอบหนึ่ง นางบ่นจบ ก็ถอนหายใจ จู่ๆ ก็เศร้าขึ้นมา “แต่ก็อย่าได้เป็นอย่างท่านแม่ของข้าเลย ถ้าส่งเขามาบนโลกนี้แล้ว ข้ากลับตายไปแล้วจะทำอย่างไร ท่านก็อย่าได้เป็นเหมือนพ่อข้าเลย ท่านต้องแต่งใหม่อีกคน ข้าไม่มีแม่ตั้งแต่เด็ก ชีวิตที่ไม่มีแม่ลำบากนัก ลูกของข้าจะเป็นอย่างข้าไม่ได้ ท่านต้องให้เขามีชีวิตที่มีพ่อและแม่” 


 


 


เฝิงเยี่ยไป๋จูบที่ใบหน้าของนาง แล้วยิ้มแตะจมูกนาง “ท่านหมอพูดแล้ว เพิ่งเดือนเศษเท่านั้น ยังไม่เป็นร่างเลย เจ้าก็กังวลเร็วเกินไป เจ้าวางใจเสีย ข้าจะไม่ให้เจ้าเป็นอะไรไป นี่เป็นลูกคนแรกของข้า เจ้าก็เป็นผู้หญิงคนสุดท้ายของข้า นี่ล้วนเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิตข้า มีข้าอยู่ พวกเจ้าสองคนจะไม่เป็นอะไร รอให้ข้าจัดการเรื่องฝั่งนี้เสร็จ พวกเราสามคนกลับไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่เมืองหรู่หนานกัน” 


 


 


เฉินยางถูกเขาจูบจนมึน ได้ยินเขาเล่าเรื่องในใจออกมา ถึงนึกได้ว่าจะต้องผลักเขาออก “อย่าพูดเหลวไหล ท่านยังมีภรรยาอีกสามคนอยู่นะ หลังจากนี้พวกนางก็จะมอบลูกชายให้ท่าน ไม่ใช่เพียงลูกชาย ยังมีลูกสาว หากเจอท้องที่เอาการเอางาน คลอดทีเดียวสองคนออกมา ถึงยามนั้นในจวนก็คึกคักเสียแล้ว จะเป็นสามคนได้อย่างไร ถึงยามนั้นจะเป็นสิบกว่าร้อยคน อยู่ที่ว่าท่านจะเลี้ยงไหวหรือไม่แล้ว” 


 


 


“พูดจาเหลวไหลอะไร ผู้หญิงพวกนั้น รวมถึงน่าอวี้ ข้าไม่เคยแม้แต่จะแตะต้อง หัวใจของข้าอยู่ที่เจ้าตลอด นอกจากเจ้า ผู้หญิงคนอื่นล้วนไม่เข้าตาข้า เพียงแต่ทุกครั้งข้ากลับได้รับเพียงความเย็นชาของเจ้า เจ้าไม่มีสีหน้าดีๆ ให้ข้าเลย เจ้ารู้หรือไม่ในใจข้ารู้สึกอย่างไร” 


 


 


เฉินยางเถียงเขากลับ “ท่านยังกล้าว่าข้าอีกหรือ ท่านลองนับนิ้วดู ท่านนอนอยู่ที่น่าอวี้นั่นกี่คืนแล้ว มีความสุขมากมายยิ่งนัก ท่านมีความสุขแล้วก็มาหาข้า ข้ายังต้องยิ้มต้อนรับท่านอยู่หรืออย่างไร เป็นท่านเองที่จะมาหาข้าเอง ตอนนี้มาโทษข้า ช่างเป็นลูกผู้ชายที่มีเหตุผลเสียจริง!” 


 


 


เฝิงเยี่ยไป๋ยอมแพ้ พูดว่า “ใช่ๆๆ ความผิดของข้า ล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าอย่าได้โกรธเลย ลูกของพวกเรายังอยู่ในท้องเจ้าอยู่เลย เจ้าโกรธแล้วร่างกายจะแย่ เขาก็จะแย่ไปด้วย” 


 


 


ผู้หญิงพอเป็นแม่แล้ว ความเป็นแม่ที่อยู่ในตัวก็จะเผยออกมา เฉินยางลูบท้องเล็กๆ ของตัวเอง พูดเหมือนมีเรื่องสำคัญว่า “ไม่ได้ยินไม่ได้ยิน เจ้าอย่าได้เรียนกับพ่อของเจ้านะ เขามีภรรยาสามคนสี่คนเล่ห์เหลี่ยมมากมาย หากเจ้าเป็นผู้ชาย ต่อไปก็แต่งภรรยาเพียงคนเดียว ดีกับผู้หญิงเพียงคนเดียว หากเป็นลูกสาว ก็ต้องเช็ดตาให้สว่าง อย่าได้เป็นอย่างข้า แต่งกับคนเจ้าชู้ วันๆ ดูเขามีความสุขอยู่กับผู้หญิงคนอื่น” 


 


 


เฝิงเยี่ยไป๋ถูกนางทำเอาไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี เขาก็ยื่นมือไปลูบท้องของนาง “อย่าได้ฟังแม่เจ้าพูดจาเหลวไหล พ่อของเจ้าเป็นคนที่เพียบพร้อมทุกอย่างอันดับหนึ่งใต้ฟ้านี้ บนโลกนี้หาผู้ที่ดีกว่าพ่อของเจ้าไม่ได้อีกแล้ว” 


 


 


เฉินยางขยับกาย ไม่ให้เขาลูบ “หน้าไม่อาย มีคนชมตัวเองเช่นนี้ได้ด้วยหรือ” 


 


 


เขาตามเข้าไป เอามือรองอยู่ข้างหลังนางเพื่อไม่ให้นางตกลงไป “ที่ข้าพูดไม่ถูกหรือ เจ้ายังชมว่าข้าดูดีไม่ใช่หรือ ลืมเร็วขนาดนี้เชียว ต่อหน้าลูกพูดโกหกไม่ได้นะ” 


 


 


นางไม่คิดจะยอมรับ แต่ก็กลัวจะทำให้ลูกในท้องเสียคนจริงๆ นางจึงบุ้ยปาก ไม่พูดอะไรอีก 


 


 


ภรรยาโง่มีข้อดีอะไร? ก็คือหลอกง่าย เด็กยังไม่เป็นร่างเลย ยามนี้ตัวก็เพียงเท่าฝาเล็บ หัวยังไม่มีเลย จะเสียคนได้อย่างไร 


 


 


  


 


 


—— 


 


 


ตอนที่ 348 วิธีรักภรรยาของเจ้าเฝิง 


 


 


 


 


 


ฝั่งน่าอวี้นั้นรอเฝิงเยี่ยไป๋ที่ไม่ได้มาหา ในใจก็อดไม่ได้ที่จะร้อนรน นางให้อวี๋เอ๋อร์ไปถามเฉาเต๋อหลุน กลับมาเล่าว่า วันนี้เฝิงเยี่ยไป๋อยู่ที่เฉินยางทั้งวัน เหมือนว่าจะป่วยเสียแล้ว เฉาเต๋อหลุนพูดไม่ชัดเจนนัก อวี๋เอ๋อร์ก็ถามไม่ได้อะไรกลับมา 


 


 


เฉาเต๋อหลุนเป็นคนที่ฉลาดเพียงใด เรื่องนี้ไม่สะดวกที่จะเผยออกจากปากของเขา ฐานะของน่าอวี้ที่อยู่ในใจเฝิงเยี่ยไป๋เทียบเฉินยางไม่ติดเลย ในเมื่อเฝิงเยี่ยไป๋ไม่มีความคิดที่จะเปิดเผยออกไป พวกเขาที่เป็นบ่าวรับใช้นั้น ก็ทำเพียงหน้าที่ของตัวเอง แกล้งเป็นคนใบ้ก็พอ 


 


 


พอเป็นเช่นนี้ ในใจน่าอวี้ก็เริ่มเดาได้แล้ว เฉินยางไม่ใช่เป็นคนที่จะใช้เล่ห์เหลี่ยมลับหลังคน เฝิงเยี่ยไป๋มาหานางสิบกว่าวัน เฉินยางกลับไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ บอกว่าโกรธ มีผู้หญิงคนใดที่เห็นผู้ชายของตัวเองมุดไปอยู่ห้องผู้หญิงคนอื่นไม่โกรธบ้าง นางไม่เหมือนกัน นางโกรธก็โกรธกับตัวเอง หากไม่มีใครหาเรื่องนาง นางไม่ไปหาเรื่องคนอื่นเองโดยเด็ดขาด จะต้องเป็นเฝิงเยี่ยไป๋ที่คิดถึงจนทนไม่ไหว วิ่งไปหานางเอง ผู้ชายนั้น ในใจใส่คนไว้ไม่ได้ หากใส่คนไปแล้ว แต่ละคนล้วนหลงรักยิ่งกว่าใครๆ 


 


 


“วันนี้ท่านอ๋องไม่มาแล้ว พวกเรานอนเถิดเจ้าค่ะ พรุ่งนี้ต้องไปเยี่ยมพระชายาแต่เช้า” นางไม่รีบร้อนแม้แต่น้อย ท่าทางสงบนิ่ง บอกจะหลับก็คือหลับ นางถอดชุดหรูหราและเครื่องประดับที่หนักอึ้งลง ล้างหน้าบ้วนปากแล้วนอนลงบนเตียง ไม่ทันไรก็หลับลึกไป 


 


 


นี่เป็นครั้งแรกที่เฝิงเยี่ยไป๋นอนอยู่บนเตียงเดียวกันกับเฉินยางโดยไม่คิดเรื่องเช่นนั้น เขาหลับอย่างซื่อสัตย์ ท่าทางไร้เดียงสาจนถึงฟ้าสว่าง เพียงแต่เฉินยางไม่อาจทำได้ ยามค่ำคืนนางพลิกตัวไปมา ไม่เปลี่ยนท่านอนไปสิบหลายท่านางนอนไม่หลับ ดังนั้นในคืนนี้เฝิงเยี่ยไป๋จึงไม่ค่อยได้หลับเท่าไรนัก จะต้องระวังไม่ให้แตะถูกท้องของนาง แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ถึงเวลาที่ตึงเครียดที่สุด เพียงแต่เขาเพิ่งจะได้เป็นพ่อคนครั้งแรก ก่อนหน้านี้ก็ได้รับคำเตือนจากหมอ ในหัวก็ตึงเครียดอยู่ตลอดเวลา ระแวงไม่หาย เขามองดูการจัดแต่งในห้อง ล้วนรู้สึกว่าทุกอย่างอันตราย ขอบโต๊ะที่เป็นมุม ยังมีปิ่นปักผมเหล่านั้น ตอนนี้ดูอะไรล้วนรู้สึกไม่ไว้ใจ 


 


 


เฉินยางไม่เข้าใจว่าความรักจากแม่ของคนอื่นเป็นอย่างไร เพียงแต่ความรักจากแม่ของนางจะต้องขมมากแน่ๆ ตอนนี้ทุกเช้าตื่นขึ้นมานางจะต้องดื่มยาบำรุงไปถ้วยหนึ่ง สีดำถ้วยใหญ่ๆ ยังต้องดื่มหมดต่อหน้าเฝิงเยี่ยไป๋ ไม่ให้เหลือแม้แต่หยดเดียว 


 


 


ตอนยังเด็กนางดื่มยาดื่มจนกลัวแล้ว ตอนนี้เจอถ้วยใหญ่เช่นนี้อย่างไรก็ดื่มไม่ลง นางขมวดคิ้วมองเฝิงเยี่ยไป๋ ท่าทางอ้อนวอน “นี่เยอะเกินไปแล้ว ครึ่งหนึ่งได้หรือไม่” 


 


 


เรื่องเช่นนี้ไม่อาจตกลงได้ ไม่อาจลดได้ ต่อให้นางแสร้งทำเป็นน่าสงสารเพียงใด เขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะใจอ่อน เขาจ้องนางเขม็ง ท่าทางแน่วแน่ “ขนมหวานก็เตรียมให้เจ้าแล้ว รีบดื่มให้หมดในคราวเดียว ดื่มเสร็จแล้วกินข้าว” 


 


 


นางบีบจมูก ถือถ้วยขยับเข้าใกล้ปาก นางจิบไปคำเล็กๆ ก่อน ปลายลิ้มได้รสแล้ว นางก็รีบวางถ้วยลงแล้วยัดขนมหวานเข้าปาก “ขมเกินไปแล้ว ข้า…ข้ารอให้มันเย็นก่อนค่อยดื่มแล้วกัน พวกเรากินข้าวก่อน” 


 


 


เขาจะไม่รู้ว่ายานี้ขมอย่างไร เพียงแต่ไม่ดื่มไม่ได้ ไม่ดื่มจะบำรุงร่างกายที่อ่อนแอได้อย่างไร ตอนนี้ดื่มยาบำรุงร่างกาย ก็ยังดีกว่าทรมานยามคลอด สุขภาพร่างกายของนางไม่ดีแต่แรก ยามนี้ในท้องเพิ่มมาอีกคน ร่างหนึ่งร่างต้องเลี้ยงสองคน หากไม่บำรุงร่างกายให้แข็งแรง จะเอาแรงที่ใดไปเลี้ยงอีกคนให้รอด 


 


 


“ไม่ได้ ดื่มยาให้หมดตอนนี้เลย หากเจ้าไม่ดื่มเอง ข้าก็จะกรอกใส่ปากเจ้า” 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม