กับดักรักในรอยแค้น 340-347

    ตอนที่ 340 ที่รักของฉันเก่งที่สุด 


 


 


           “ประธานเผย จะมีสองงานการกุศลที่จะจัดขึ้นเร็วๆ นี้ งานนึงจัดวันพรุ่งนี้ แล้วก็อีกงานจัดอาทิตย์หน้า คุณจะดูไหมครับ” ผู้ช่วยบอกข้อมูลที่หาเจอให้เผยหนานเจวี๋ยฟัง 


 


 


           “เข้าร่วมงานการกุศลวันพรุ่งนี้ แล้วก็ คุณไปหาที่อยู่ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งใหม่ จัดการให้เด็กกำพร้าจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนั้นเข้าไปอยู่” เผยหนานเจวี๋ยสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา 


 


 


           ผู้ช่วยได้ยินแล้วพยักหน้า รีบออกไปทำงานแล้ว 


 


 


           หลังจากฉู่เจียเสวียนได้จัดงานแถลงข่าวแล้ว สื่อทุกสำนักก็โทรศัพท์ไปสัมภาษณ์เผยหนานเจวี๋ยทีละราย แต่ว่าต่างถูกเลขาสั่งห้ามไว้แล้ว 


 


 


           ในร้านเช่าชุดแต่งงาน 


 


 


           ถังถังอ่านความคิดเห็นในอินเทอร์เน็ตแล้วก็หัวเราะ “เจียเสวียน วิธีนี้ของเธองดงามจริงๆ ตอนนี้เผยหนานเจวี๋ยได้กลายเป็นนักธุรกิจไร้ศีลธรรมในสายตาของทุกคนไปแล้ว ฮ่าๆ” 


 


 


           ฉู่เจียเสวียนได้ยินคำพูดของถังถังก็ยิ้ม “ฉันเชื่อมาตลอดว่าสายตาของสาธารณะมีความชัดเจน เมื่อวานฉันก็บอกเขาไปแล้ว ว่าอยากคุยกับเขา แต่เขาก็ไม่ฟัง ฉันก็เลยต้องใช้วิธีของฉันเพื่อจัดการปัญหาแล้ว” 


 


 


           “ที่รักของฉันเก่งที่สุดเลย ครั้งนี้ถ้าบีบเผยหนานเจวี๋ยได้แล้วล่ะก็ ก็คงจะไม่บีบคนในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าขนาดนั้นแล้วล่ะมั้ง?” ถังถังเอ่ย แววตาที่มองฉู่เจียเสวียนยังคงมีความกังวลเล็กน้อย 


 


 


           “น่าจะหลีกเลี่ยงได้ชั่วคราว” ฉู่เจียเสวียนก็ไม่กล้ารับประกันว่าเผยหนานเจวี๋ยจะสามารถทำอะไรได้ในระยะเวลาอันสั้น เธอเพียงแค่ต้องการยื้อเวลาให้เด็กในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก็เท่านั้น 


 


 


           ด้วยวิธีนี้ เธอก็จะมีเวลาพอที่จะหาสถานที่ใหม่ให้กับพวกเขา 


 


 


           ถังถังได้ยินแล้วก็พยักหน้า ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรอีก อ่านความคิดเห็นต่อไป 


 


 


           ขณะที่กำลังอ่านคำด่าเผยหนานเจวี๋ยอยู่นั้น เธออารมณ์ดีมาก หลังจากครุ่นคิดแล้วถังถังก็ด่าเผยหนานเจวี๋ยในช่องความคิดเห็นเช่นกัน เธออยากด่าเขาตั้งนานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสเลย ตอนนี้เธอจะไม่อาศัยโอกาสนี้เข้าร่วมสักหน่อยเหรอ? 


 


 


           คืนวันต่อมา เผยหนานเจวี๋ยก็ไปเข้าร่วมงานการกุศล และได้บริจาคเงินก้อนใหญ่เพื่อเป็นทุนให้กับงาน อีกทั้งในงานเขาได้บอกต่อสาธารณชนอย่างชัดเจนว่าเขาซื้อที่ดินผืนนี้เพื่อสร้างรีสอร์ท และเขาพบที่อยู่ใหม่สำหรับเด็กๆ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้ว 


 


 


           ฉู่เจียเสวียนกำลังจัดการเอกสารอยู่ในออฟฟิศ จู่ๆ โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะก็ดังขึ้น เพิ่งจะรับสายเสียงของถังถังก็ดังเล็ดลอดออกมา “เจียเสวียนเธอเห็นข่าวแล้วยัง” น้ำเสียงของถังถังร้อนรนเล็กน้อยและดูเหมือนว่าไม่แยแส 


 


 


           “ยังเลย กำลังยุ่ง มีอะไรเหรอ” ฉู่เจียเสวียนได้ยินถังถังแล้วเลิกคิ้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมถังถังจึงถามแบบนี้กะทันหัน 


 


 


           “จุ๊ๆ เผยหนานเจวี๋ยนั่นร้ายกาจจริงๆ แค่วันเดียวเขาก็พลิกสถานการณ์ได้แล้ว เธอดูการถ่ายทอดสดของคืนนี้สิ” น้ำเสียงของถังถังเปี่ยมด้วยความเยาะเย้ย เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเผยหนานเจวี๋ยจะหาวิธีแก้ปัญหาได้เร็วขนาดนี้ ขณะนี้ในอินเทอร์เน็ตเต็มไปด้วยความคิดเห็นชื่นชมเขา 


 


 


           หลังจากฉู่เจียเสวียนดูการถ่ายทอดสดแล้ว ได้แต่เลิกคิ้วไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย การที่เผยหนานเจวี๋ยสามารถแก้ปัญหาได้ภายในระยะเวลาอันสั้นแบบนี้ เธอไม่แปลกใจเลยสักนิด 


 


 


           “แบบนี้ก็ดี ปัญหาของพวกเราก็แก้ได้แล้ว ในเมื่อเขาเจอที่อยู่ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าใหม่แล้ว พวกเราก็ไม่ต้องคิดมากแล้ว” ฉู่เจียเสวียนกล่าว มุมปากยกยิ้ม 


 


 


           การที่เผยหนานเจวี๋ยหาที่อยู่ใหม่ให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้ ที่จริงมันอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเธอ เธอหาตั้งนานก็หาไม่เจอ เธอไม่สามารถดูถูกเผยหนานเจวี๋ยได้เลยจริงๆ 


 


 


           การกระทำที่ใจบุญของเผยหนานเจวี๋ยแบบนี้ ไม่เพียงแต่ดึงดูดให้ผู้คนจำนวนมากชื่นชมเขามากขึ้นเท่านั้นแต่หุ้นของเขาก็เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 341 คนเก่งกาจ 


 


 


           ที่วิลล่าบ้านเผย 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยยืนอยู่ที่หน้าต่างบานใหญ่เงียบๆ เงยหน้ามองดูดวงดาวบนท้องฟ้า แสงไฟสลัวภายในห้องส่องอยู่บนตัวเขา ทำให้เงาของเขายาวเหยียดขึ้น 


 


 


           สูดหายใจลึก ตั้งแต่กลับมาจากงานการกุศล เขาก็ยืนอยู่ตรงนั้นมาโดยตลอด ตอนนี้เรื่องนี้ได้จบลงแล้ว 


 


 


           ยังดีที่เขาตอบสนองเร็ว มิฉะนั้นบริษัทของเขาจะถึงวิกฤตคราวอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ยังมีเฉิงเฮ่าโผล่มา เขามักจะรู้สึกเหมือนกำลังถูกจับตาดูอยู่ในความมืด 


 


 


           หายใจเข้าลึก ยกแก้วไวน์ในมือขึ้นดื่มอึกใหญ่ 


 


 


           จู่ๆ เงาของฉู่เจียเสวียนก็ปรากฏอยู่ในหัว เธอยืนยิ้มอย่างแจ่มใสอยู่ตรงนั้น คิดไปคิดมา ความขมขื่นก็แผ่ซ่านในหัวใจ 


 


 


           อีกด้านหนึ่ง หลังจากเฉิงเฮ่าอ่านข่าวจบแล้ว บนใบหน้ามีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ หรี่ตาลงอย่างน่ากลัว 


 


 


           “คุณชายเฉิง เผยหนานเจวี๋ยคนนี้เป็นคนที่เก่งกาจจริงๆ” ผู้ช่วยชาร์ลีพูดขึ้นข้างๆ เฉิงห่าว 


 


 


           เฉิงเฮ่าได้ยินคำพูดของชาร์ลีแล้วพยักหน้า ยกมือขึ้นลูบคาง “เขาเป็นคนที่ไม่ทำตามแผน ไม่มีใครรู้ว่าก้าวต่อไปเขาจะทำอะไร ดูผิวเผินเหมือนวางแผนไว้แล้ว แต่ว่าในใจของเขายังมีวิธีเป็นหมื่นเป็นพัน ถ้าอยากจะจัดการกับเขาต้องวางแผนระยะยาว จะรีบร้อนไม่ได้” เฉิงห่าวพูดด้วยน้ำเสียงที่ลึกล้ำและอันตราย ดวงตาจ้องมองที่ภาพหยุดบนจอคอมพิวเตอร์ 


 


 


           “ผมรู้ครับ” หลังจากผู้ช่วยชาร์ลีครุ่นคิดก็พูดขึ้น “คุณชายเฉิง คุณฉู่เป็นคนรักของเขาไม่ใช่เหรอ เราจะใช้เธอเพื่อรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ก็ได้ ถ้าจะสู้กับเผยหนานเจวี๋ยอีก วิธีนี้มันเร็วกว่าการที่พวกเราจะจับตามองแบบนี้มากเลย” 


 


 


           เฉิงเฮ่าได้ฟังคำพูดของผู้ช่วยแล้ว ชำเลืองมองชาร์ลีด้วยสายตาเมินเฉย ที่เขาพูดเขารู้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าตอนนี้เขายังลงมือกับฉู่อีอีไม่ได้ เขาต้องรอโอกาส อีกอย่าง เขาเชื่อว่าตั้งแต่ที่ฉู่อีอีเกิดเรื่อง เผยหนานเจวี๋ยจะต้องสั่งการให้คนปกป้องฉู่อีอีอย่างแน่นอน 


 


 


           ตอนนี้ไม่ใช่โอกาสที่ดีที่จะลงมือ แต่ว่าเขาก็ไม่รังเกียจที่จะโทรหาเขาเพื่อพูดคุยกันสักหน่อย คิดเช่นนี้แล้วก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออกแล้ว 


 


 


           “ฮัลโหล” 


 


 


           “ฮัลโหล คุณเผย คุณนี่เปิดหูเปิดตาผมจริงๆ เลยนะ เร็วขนาดนี้ก็จัดการเรื่องให้สงบได้แล้ว” เฉิงเฮ่ารอจนกระทั่งมีคนรับสายก็เอ่ยปากทันที 


 


 


           “นายนี่เอง” เผยหนานเจวี๋ยพูด น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นขึงขังขึ้นมาทันใด 


 


 


           หรือว่าเขาจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้? 


 


 


           “คุณเผย คุณช่างสมคำร่ำลือจริงๆ เป็นคนมีความสามารถ วันเวลาในอนาคตยังอีกยาวไกล พวกเราค่อยๆ เล่นกันเถอะ” เฉิงเฮ่าพูดจบก็วางสายไปแล้ว 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยได้ยินเสียงสัญญาณตัดไปแล้ว จมดิ่งอยู่ในห้วงความคิด 


 


 


           เขารู้สึกมาตลอดว่าเฉิงเฮ่าคนนี้ไม่ธรรมดา แต่ว่าเขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเขาต้องการทำอะไรกันแน่ 


 


 


           ขณะที่กำลังเหม่อลอยอยู่นั้น จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเอวถูกกอดจากด้านหลัง เขาไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นใคร เอื้อมมือปลดมือของฉู่อีอีออกจากเอวของตัวเอง 


 


 


           “หนานเจวี๋ย คุณกำลังคิดอะไรอยู่เหรอ” ฉู่อีอีสวมชุดนอนเซ็กซี่ แนบชิบเอวของเผยหนานเจวี๋ย เมื่อถูกเผยหนานเจวี๋ยปลดมือออก แววตาเผยความไม่พอใจทันที แต่ว่าประกายความไม่พอใจนั้นหายไปอย่างรวดเร็ว 


 


 


           ดึงฉู่อีอีมาอยู่ด้านข้างตัวเอง เผยหนานเจวี๋ยจึงหันไปมองฉู่อีอี เห็นเธอสวมชุดเซ็กซี่แบบนั้น ทันใดนั้นก็นึกถึงรูปถ่ายรูปนั้นที่ได้รับก่อนหน้านี้ ฉู่อีอีที่เกี่ยวพันอยู่กับผู้ชายคนอื่นด้วยเรือนร่างอันเปลือยเปล่า 


 


 


           “ไม่ได้คิดอะไร ทำไมคุณยังไม่นอนล่ะ” เผยหนานเจวี๋ยตอบเฉยเมย ละสายตาออกจากฉู่อีอี ความ 


 


 


เซ็กซี่ของฉู่อีอีนั้นไม่มีผลอะไรต่อเขาเลยแม้แต่นิดเดียว 


 


 


           หลังจากที่เขารู้ใจของตัวเองแล้ว ความเซ็กซี่เย้ายวนใจของฉู่อีอีนั้นราวกับว่าไม่สามารถสร้างความหวั่นไหวได้อีกแล้ว 


 


 


           ตอนนี้เขามีเพียงความรู้สึกเดียวต่อฉู่อีอีเท่านั้น ซึ่งก็คือความรู้สึกผิดต่อเธอ 


   ตอนที่ 342 สงสัยว่ามีการลอกเลียนแบบ 


 


 


           มองดูฉู่อีอีที่สดใสและสวยงาม ที่จริงเผยหนานเจวี๋ยต้องการคุยเรื่องบางเรื่องกับเธอให้รู้เรื่อง แต่คำพูดติดอยู่ปลายลิ้น และเมื่อเห็นดวงตาคู่นั้นของฉู่อีอีที่มองเขาแล้ว ทำอย่างไรก็พูดไม่ออก 


 


 


           “หนานเจวี๋ย คืนนี้คุณอยู่เป็นเพื่อนฉันได้หรือเปล่า” ฉู่อีอีเงยหน้ามองเผยหนานเจวี๋นพร้อมเอ่ย มือน้อยที่ขาวผ่องและเรียวบางโอบรอบคอของเผยหนานเจวี๋ย 


 


 


           ก่อนบุปผาจะออกดอก รุ่งอรุณนั้นช่างงดงาม ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนได้เห็นท่าทางของฉู่อีอีแบบนี้แล้ว เขาจะต้องทนไม่ไหวอย่างแน่นอน แต่ว่าในตอนนี้ เขาไม่มีความสนใจเลยสักนิด 


 


 


           “เป็นอะไรไปเหรอ” เผยหนานเจวี๋ยยื่นมือปลดมือของฉู่อีอีที่พันรอบคอเขาออก มองเธอพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน 


 


 


           “ฉันกลัว…หนานเจวี๋ย” ฉู่อีอีพูด ละอองน้ำชั้นบางๆ ได้ก่อตัวขึ้นในดวงตา 


 


 


           ในช่วงเวลานี้ เผยหนานเจวี๋ยดูเหมือนจะดีกับเธอแล้ว แต่ว่ามีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ดี ว่าระยะห่างระหว่างพวกเขายิ่งไกลออกไปทุกที 


 


 


           “คุณไม่ต้องกลัว ที่นี่เป็นที่ของผม คุณไม่เป็นอะไรหรอก อีกอย่าง ผมก็สั่งให้คนปกป้องคุณแล้ว คุณยิ่งไม่ต้องเป็นห่วง” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวอย่างไร้อารมณ์ มีฉากบางๆ กั้นสายตาที่มองฉู่อีอี 


 


 


           ฉู่อีอีกัดริมฝีปาก ในใจไม่พอใจยิ่งยวด เธอแสดงออกอย่างชัดเจนขนาดนี้แล้ว หรือว่าเขายังไม่เข้าใจความหมายของเธองั้นเหรอ 


 


 


           ไม่รู้ว่าพวกเขาไม่ได้มีอะไรกันมานานแค่ไหนแล้ว ในฐานะที่เป็นผู้ชาย เขาไม่มีความต้องการเลยหรืออย่างไร 


 


 


           “หนานเจวี๋ย…” ฉู่อีอีกล่าวอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงเต็มเปี่ยมด้วยอารมณ์ เนื้อตัวอ่อนปวกเปียก แนบชิดเขาอีกครั้ง 


 


 


           ฉู่อีอีทำให้เผยหนานเจวี๋ยรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย โดยเฉพาะการกระทำของเธอ “อีอี ร่างกายของคุณอ่อนแอ ต้องพักผ่อนให้มาก อย่าคิดมากเลยนะ” 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยพูดจบ ก็ก้าวเดินออกจากระเบียงไปยังห้องอ่านหนังสือ โดยไม่มองฉู่อีอีอีก  


 


 


           ฉู่อีอีมองดูเงาของเผยหนานเจวี๋ยที่ไกลออกไป ในใจอดไม่ได้ที่จะโมโห กัดฟันกรอด หลังจากเงาของเผยหนานเจวี๋ยหายไปแล้ว ความอ่อนโยนบนใบหน้าของเธอจางหายไปทันที และถูกแทนที่ด้วยความโกรธ 


 


 


           ฉู่เจียเสวียน เป็นเพราะเธอ ถ้าหากเธอไม่โผล่มา เผยหนานเจวี๋ยก็จะไม่ทำแบบนี้กับฉัน ฉันจะไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่นอน! 


 


 


           ในออฟฟิศของท่านประธาน กลุ่มบริษัทกง 


 


 


           ฉู่เจียเสวียนอยู่ในออฟฟิศของกงจวิ้นฉือ ทั้งสองคนกำลังพูดถึงโครงการความร่วมมือ 


 


 


           “จวิ้นฉือ ฉันคิดว่าควรเปลี่ยนตรงนี้สักหน่อย” ฉู่เจียเสวียนชี้นิ้วไปที่ร่างการออกแบบ พร้อมพูดกับ 


 


 


กงจวิ้นฉือ 


 


 


           ฉู่เจียเสวียนในฐานะดีไซเนอร์เครื่องแต่งกายแถวหน้า ตอนนี้คนที่ต้องการร่วมงานกับเธอมากขึ้นเรื่อยๆ และชื่อเสียงของเธอก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 


 


 


           ร่างการออกแบบที่เธอคุยกับกงจวิ้นฉือในตอนนี้เป็นชุดแต่งงานตัวอย่างสำหรับเจ้าหญิงแห่งฝรั่งเศส ดังนั้นเธอจะต้องทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีข้อผิดพลาด เธอจะต้องออกแบบชุดแต่งงานที่สวยที่สุดสำหรับเธอ 


 


 


           กงจวิ้นฉือหยิบร่างการออกแบบขึ้นมา มองดูบริเวณที่ฉู่เจียเสวียนชี้อย่างจริงจัง  


 


 


           ในขณะที่ทั้งสองกำลังศึกษาอย่างจริงจังอยู่นั้น เสียงเคาะประตูออฟฟิศก็ดังขึ้นกระทันหัน 


 


 


           “แย่แล้วค่ะ ประธานกง ดีไซเนอร์ฉู่ พวกคุณรีบเปิดข่าวดูเถอะ” ผู้ช่วยเคาะประตู เดินเข้ามาพบว่าทั้งสองคนต่างอยู่ข้างใน รีบเอ่ยปากพูดทันที 


 


 


           ฉู่เจียเสวียนเห็นท่าทางของผู้ช่วยที่กระวนกระวายขนาดนั้น อดไม่ได้ที่จะสงสัย หลังจากสบตากับ 


 


 


กงจวิ้นฉือแล้ว ก็รีบเปิดดูเว็บไซต์ไป๋ตู้ทันที 


 


 


           ‘สงสัยว่ามีการลอกเลียนแบบโดยดีไซเนอร์ชื่อดัง’ อ่านพาดหัวข่าวขนาดใหญ่ ฉู่เจียเสวียนกับกงจวิ้นฉือขมวดคิ้ว 


 


 


           เมื่อมองลงไปเรื่อยๆ ก็เห็นชิ้นงานสองชิ้นที่เหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยนอยู่ด้านล่าง 


 


 


           บนต้นฉบับมีการลงชื่อว่า ‘มู่จื่อ’ 


 


 


           “นี่มันเรื่องอะไรกัน” หลังจากกงจวิ้นฉืออ่านข่าวจบแล้ว เอ่ยปากอย่างไม่พอใจ คิ้วพันกันยุ่งแล้ว 


 


 


           ฉู่เจียเสวียนมองดูต้นฉบับนั้น เธอรู้อย่างชัดเจนว่านั่นคือต้นฉบับชุดแต่งงานที่เธอออกแบบตอนที่เธอยังไม่ได้แต่งงานกับเผยหนานเจวี๋ย แต่ว่าต่อมาไม่รู้ว่าเธอเอาไปวางไว้ที่ไหน หาไม่เจอแล้ว 


 


 


               คิดไม่ถึงว่าตอนนี้มันจะปรากฏอยู่บนอินเทอร์เน็ต ใครต้องการที่จะใส่ร้ายเธอกันแน่ 


 


 


 


 


 


       ตอนที่ 343 เธอเชื่อฉันหรือเปล่า 


 


 


           “นี่คือต้นฉบับชุดแต่งงานที่ฉันออกแบบตอนที่อยู่มหา’ลัย มันเป็นความฝันของฉันในตอนนั้น” ฉู่เจียเสวียนจ้องภาพเขียนสองภาพในคอมพิวเตอร์พร้อมเอ่ย 


 


 


           กงจวิ้นฉือได้ยินแล้วก็พยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร ในสมองคิดวิธีแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว 


 


 


           “ดีไซเนอร์ฉู่คะ งั้นตอนนี้จะทำยังไงดี” ผู้ช่วยมองฉู่เจีนเสวียน พูดขึ้น 


 


 


           “จะต้องมีทางแน่นอน คุณออกไปก่อนเถอะ” แม้ในใจของฉู่เจียเสวียนจะว้าวุ่น แต่ใบหน้าแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง 


 


 


           กงจวิ้นฉือเห็นสีหน้าของฉู่เจียเสวียน ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม 


 


 


           “เรื่องนี้จะทำยังไงดี มู่จื่อคนนั้นคือใคร” กงจวิ้นฉือเอ่ยถาม ชื่อนี้ดูก็รู้แล้วว่าเป็นชื่อปลอม 


 


 


           “เปิดงานแถลงข่าว ฉันจะต้องชี้แจงเรื่องนี้ให้ทุกคนอย่างสมเหตุสมผล” ฉู่เจียเสวียนเอ่ย แววตาเปี่ยมด้วยความเย็นชา 


 


 


           เธอจะไม่ยอมให้ตัวเองถูกตีตราเช่นนี้ เธอฉู่เจียเสวียนไม่เคยลอกเลียนแบบใคร 


 


 


           “จัดงานแถลงข่าวตอนนี้คงไม่ดีมั้ง?” กงจวิ้นฉือขมวดคิ้ว มองฉู่เจียเสวียนพร้อมเอ่ยจริงจัง 


 


 


           เขาไม่คิดว่ามันเป็นการดีที่จะจัดงานแถลงข่าวในตอนนี้ 


 


 


           “แล้วคุณยังมีทางเลือกอื่นเหรอ จะต้องสงบทุกคนให้ได้ก่อน จากนั้นถึงจะไปหาความจริงของเรื่องนี้ได้” ฉู่เจียเสียนกล่าว น้ำเสียงมีความหนักแน่น 


 


 


           คิ้วของกงจวิ้นฉือแทบจะผูกกันเป็นปมแล้ว แน่นอนว่าเขาเชื่อมั่นในฉู่เจียเสวียน 


 


 


           ในระหว่างนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของฉู่เจียเสวียนดังขึ้น เธอเอื้อมมือหยิบมันขึ้นมา “ฮัลโหล เจียเสวียน เธอเห็นข่าวในอินเทอร์เน็ตแล้วยัง” 


 


 


           “เห็นแล้ว” ฉู่เจียเสวียนตอบ น้ำเสียงนิ่งเรียบราวกับว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับเธอ 


 


 


           “นี่มันเรื่องอะไรกัน” ถังถังถาม 


 


 


           “เธอเชื่อฉันหรือเปล่า” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยเย็นชา 


 


 


           “ฉันต้องเชื่อเธออยู่แล้ว ตอนนี้จะทำยังไง” ถังถังตอบโดยไม่คิด เธอเชื่อฉู่เจียเสวียนอยู่แล้ว ฉู่เจียเสวียนเป็นคนอย่างไร เธอเข้าใจดีที่สุด เธอไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้แน่นอน 


 


 


           เมื่อได้ยินถังถังตอบโดยไม่คิด ฉู่เจียเสวียนยิ้ม ความรู้สึกแบบนี้มันดีจังเลย 


 


 


           “ฉันจะหาวิธีพิสูจน์ว่าฉันบริสุทธิ์ เธอวางใจเถอะ” ฉู่เจียเสวียนกล่าว พูดความคิดในใจของตัวเองออกมา 


 


 


           ถังถังได้ยินคำพูดของฉู่เจียเสวียนแล้วก็พยักหน้า อย่างไรก็ตามเธอยิ่งหวังว่าฉู่เจียเสวียนจะยังไม่จัดงานแถลงข่าวจนกว่าเธอจะพบหลักฐาน 


 


 


           “เจียเสวียน เธอฟังฉันนะ ไหนๆ เรื่องนี้มันก็เกิดขึ้นแล้ว ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหาตัวมู่จื่อคนนี้ จากนั้นพอพิสูจน์ว่าตัวเองบริสุทธิ์แล้ว ค่อยจัดงานแถลงข่าวจะดีที่สุด” ถังถังเอ่ยปาก วิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของสิ่งต่างๆ อย่างระมัดระวัง 


 


 


           “ถังถัง มู่จื่อคนนี้ฝากให้เธอตามหาก็แล้วกัน ฉันต้องจัดงานแถลงข่าวก่อน พูดเรื่องนี้ได้ชัดเจนก่อน ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่สามารถอธิบายได้แล้ว” หลังจากฉู่เจียเสวียนครุ่นคิดครู่ใหญ่แล้ว ในที่สุดก็เอ่ยปาก 


 


 


           กงจวิ้นฉือมองดูอยู่ด้านข้าง คิดๆ ดูก็ถูก ตอนนี้ฉู่เจียเสวียนเป็นดีไซเนอร์แถวหน้าแล้ว ชื่อเสียงโด่งดังมาก ตอนนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ถ้าหากไม่ชี้แจงให้ทุกคนฟังล่ะก็ เกรงว่ามันจะไม่เอื้อต่อการหาหลักฐานของพวกเขา 


 


 


           หลังจากวางสายแล้ว โทรศัพท์มือถือของฉู่เจียเสวียนก็เริ่มดังขึ้น ล้วนเป็นสายของนักข่าว 


 


 


           “คุณฉู่พูดหน่อยได้ไหมคะ ในอินเทอร์เน็ตบอกว่าคุณลอกเลียนแบบงานคนอื่นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า” 


 


 


           “เรื่องนี้ พรุ่งนี้เช้า ฉันจะจัดงานแถลงข่าวเพื่ออธิบายให้ชัดเจน รบกวนถ้าคุณมีคำถามค่อยถามพรุ่งนี้นะคะ” ฉู่เจียเสวียนพูดจบก็วางหูไปแล้ว ท้ายที่สุดฉู่เจียเสวียนไม่สามารถทนความยุ่งเหยิงของพวกเขาได้ ปิดโทรศัพท์มือถือไปแล้ว 


 


 


           “เจียเสวียน งั้นผมจะจัดการเรื่องงานแถลงข่าวพรุ่งนี้เอง พรุ่งนี้ผมจะไปรับคุณ” ตอนนี้พวกนักข่าวบ้าคลั่งเกินไปแล้ว เพื่อให้ได้ข้อมูลเพียงหยิบมือ พวกเขาจะต้องไปที่ร้านเช่าชุดแต่งงานหรือบ้านของฉู่เจียเสวียนเพื่อดักรอเธออย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจำเป็นต้องไปรับเธอ 


 


 


           ฉู่เจียเสวียนพยักหน้า จากนั้นก็เริ่มที่จะหาเบาะแส 


 


 


           เธอรู้เป็นอย่างดีว่าต้นฉบับชิ้นนี้เธอออกแบบเองกับมือ ไม่ใช่มู่จื่ออะไรนั่นอย่างแน่นอน ตอนนี้เธอต้องหาหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเธอถึงจะถูก 


 


 


           หลังจากกงจวิ้นฉือกับฉู่เจียเสวียนปรึกษากันเรียบร้อยแล้ว รีบให้ผู้ช่วยไปติดต่อสื่อใหญ่ทันที รวมกำลังบริษัทของเขาเพื่อช่วยฉู่เจียเสวียนหาหลักฐาน 


 


 


           “จวิ้นฉือ ตอนนี้ฉันกลับก่อนนะ ถ้าหากคุณเจอเบาะแสอะไรรีบติดต่อฉันทันที” ฉู่เจียเสวียนหยิบกระเป๋า โหลดต้นฉบับการออกแบบเรียบร้อยแล้ว พูดกับกงจวิ้นฉือ 


     ตอนที่ 344 คลื่นยักษ์กำลังก่อตัว 


 


 


           หลังจากคนนั้นได้ยินการยืนยันชื่อของมู่จื่อซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็แกล้งทำเป็นเดินห่างจากเธออย่างเฉยเมย ทั้งหมดนี้ถูกบันทึกภาพอย่างเงียบๆ โดยไม่รู้ตัวแล้ว 


 


 


           ได้เวลาครึ่งหลังของการแข่งขันแล้ว ทุกคนทยอยกลับที่นั่งของผู้ชม ทั้งสองกลับไปที่เวทีอีกครั้ง เครื่องมือทดสอบที่อยู่ด้านหน้าของทั้งสองถูกแทนที่ด้วยจักรเย็บผ้าและเครื่องมือตัดแต่งที่จำเป็นจำนวนหนึ่ง 


 


 


           เมื่อพิธีกรประกาศเริ่มการแข่งขัน สายตาของฉู่เจียเสวียนชำเลืองมองมู่จื่อ ยิ้มให้เธออย่างมีนัยยะ จากนั้นจึงเริ่มลงมืออย่างสบายๆ 


 


 


           มู่จื่อมองฉู่เจียเสวียนที่ยิ้มให้เธอกะทันหัน ในใจสับสนเป็นอย่างมากว่าเธอคิดจะทำอะไรกันแน่ แม้ว่าจะไม่สบายใจ แต่เธอก็ยังหยิบกรรไกรและเริ่มลงมือแล้ว 


 


 


           ผู้ชมด้านล่างเวทีมองมือของฉู่เจียเสวียนและมู่จื่อที่พริ้วไหวอย่างต่อเนื่อง อดไม่ไหวที่จะฮือฮา พวกเขาไม่เคยรู้เลยว่าที่แท้การตัดชุดแต่งงานมันง่ายขนาดนี้เมื่อมาอยู่ในมือของพวกเธอ เพียงรูปแบบที่ซับซ้อนเหล่านั้นก็ทำให้พวกเขามองเห็นได้ไม่ชัดเจนแล้ว 


 


 


           “น้าซู เจียเสวียนจะต้องชนะแน่นอนค่ะ คุณน้าอย่าตื่นเต้นไปเลย” ถังถังมองซูซานซานถูกมือทั้งสองไม่หยุด ยื่นมือไปตบๆ หลังมือของเธอ ให้เธอไม่ต้องเป็นกังวล 


 


 


           ด้วยบุคลิกของฉู่เจียเสวียน ถังถังรู้ว่าฉู่เจียเสวียนจะต้องชนะอย่างแน่นอน เพราะว่าฝีมือของมู่จื่อไม่ค่อยดีนัก อีกอย่างมู่จื่อคนนี้ก็ดูแปลกๆ  


 


 


           เหตุผลที่ฉู่เจียเสวียนแข่งขันกับมู่จื่อนั้น เพียงเพื่อต้องการดึงคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาเท่านั้น ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่ลงแรงมากมายเพื่อจัดการกับเรื่องนี้ 


 


 


           “อืม” ซูซานซานได้ยินคำพูดของถังถังแล้ว พยักหน้า จากนั้นสายตาก็จับจ้องอยู่บนเวที 


 


 


           อีกฝั่งหนึ่ง ฉู่อีอีนั่งอยู่ด้านล่างเวทีของหอประชุม มองดูฉู่เจียเสวียนที่มีความมั่นใจบนเวที สายตาจ้องมองเธอด้วยความชั่วร้าย ฉู่เจียเสวียน ต่อให้เธอแข่งชนะแล้วยังไงเหรอ ฉันก็มีความมั่นใจที่จะทำให้เธอแพ้อย่างราบคาบเหมือนกัน! 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยนั่งอยู่บนที่นั่งของคณะกรรมการ มองดูฉู่เจียเสวียน สายตาเผยความอ่อนโยน ถ้าหากเธอยังเป็นภรรยาของเขาก็คงจะดีไม่น้อย? คิดอยู่ในใจพร้อมจ้องมองเธออย่างตั้งใจ 


 


 


           เวลาล่วงเลยไป เวลาของการแข่งขันกำลังจะสิ้นสุดลง กลุ่มผู้ชมด้านล่างเวทีต่างต้องการเห็นชุดแต่งงานที่อยู่ในมือของพวกเขาเช่นกัน 


 


 


           หลังจากรอนานถึงห้าชั่วโมง ในที่สุดการแข่งขันก็สิ้นสุดลง ผู้เข้าแข่งขันทั้งสองได้วางมือลงแล้ว ลุกขึ้นยืนอยู่ข้างๆ ปล่อยให้เจ้าหน้าที่แสดงชุดแต่งงานที่ทั้งสองทำต่อหน้าทุกคน 


 


 


           “ว้าว…” ผู้คนด้านล่างเวทีต่างร้องตะโกนเมื่อเห็นชุดแต่งงานปรากฏตัว เมื่อเห็นชุดแต่งงานสองชุดที่เหมือนกันทุกประการบนเวที ในสายตาของทุกคนมีความประหลาดใจ 


 


 


           พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชุดแต่งงานที่สวยงามเพียงนี้ จะสามารถเสร็จสมบูรณ์ภายในระยะเวลาอันสั้นเพียงแค่ห้าชั่วโมง 


 


 


           ที่จริงสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ ชุดแต่งงานนี้ไม่สมบูรณ์ นี่เป็นเพียงแค่แบบชุดเท่านั้น หากเสร็จสมบูรณ์จริงๆ จะต้องผ่านการทำงานที่พิถีพิถันหลายขั้นตอน 


 


 


           “เอาล่ะ ตอนนี้ขอให้ดีไซเนอร์ทั้งสองบอกความตั้งใจดั้งเดิมของการทำชุดแต่งงานนี้หน่อยนะคะ คุณมู่จื่อคะ ในอินเทอร์เน็ตว่ากันว่าดีไซเนอร์ฉู่คัดลอกผลงานของคุณ งั้นคุณช่วยเล่าสั้นๆ ถึงความตั้งใจเดิมของคุณในการออกแบบชุดแต่งงานนี้ได้ไหมคะ” พิธีกรกล่าว เข้าไปใกล้มู่จื่อ ยื่นไมโครโฟนใส่ในมือของเธอ 


 


 


           “ตอนที่ฉันออกแบบชุดแต่งงานชุดนี้ มันเป็นเพราะฉันตั้งตารอที่จะแต่งงาน ก็เลยออกแบบชุดแต่งานชุดนี้ค่ะ” มู่จื่อกล่าว 


 


 


 


 


 


       ตอนที่ 345 เลียนแบบหรือไม่ เดี๋ยวได้รู้กัน 


 


 


           เมื่อพูดจบ ดวงตาก็เปล่งประกายอย่างไม่เป็นธรรมชาติ เมื่อกวาดตามองฉู่อีอีด้านล่างเวที เธอจึงสบายใจขึ้นมาบ้าง 


 


 


           ในหอประชุม เผยหนานเจวี๋ยได้ฟังแนวคิดการออกแบบของมู่จื่อ คิ้วขมวดกัน เมื่อเห็นว่าสายตาของเธอไม่เป็นธรรมชาติ ก็มองตามทิศทางที่มู่จื่อกวาดตาไปเมื่อครู่ พบว่าฉู่อีอีนั่งอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นว่าเขากำลังมองเธอ ก็ยังยิ้มให้เขา 


 


 


           ใบหน้าไม่ได้แสดงอาการใดๆ หลังจากชำเลืองมองฉู่อีอีอย่างเฉยเมยแล้ว เผยหนานเจวี๋ยมองกลับขึ้นไปบนเวทีแข่งขันอีกครั้ง 


 


 


           แม้ว่าสายตาที่อึดอัดของมู่จื่อเมื่อครู่จะหายไปอย่างรวดเร็ว แต่ว่าก็ยังถูกเผยหนานเจวี๋ยจับได้แล้ว 


 


 


           ‘หรือว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวกับฉู่อีอีจริงๆ’ เผยหนานเจวี๋ยครุ่นคิด หัวใจจมดิ่งลงไปอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันโทรศัพท์มือถือของเผยหนานเจวี๋ยก็สั่นสะเทือน ขณะที่เอื้อมมือหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูข้อความนั้น ดวงตาของเขาก็ยิ่งมืดมนลง 


 


 


           “เยี่ยมมาก คุณมู่จื่อ งั้นต่อไปพวกเรามาดูกันดีกว่า ว่าแนวคิดการออกแบบของดีไซเนอร์ฉู่คืออะไรคะ” พิธีกรเดินมาข้างฉู่เจียเสวียน มองเธอพร้อมเอ่ยถาม 


 


 


           “ฉันออกแบบชุดแต่งงานนี้ตอนที่เริ่มออกแบบแรกๆ ฉันทำเพื่อคนที่ฉันชอบ เพื่อสักวันหนึ่งฉันจะได้แต่งงานกับเขา และใส่ชุดแต่งงานที่ฉันออกแบบเพื่อเขาด้วยมือของฉันเอง อย่าคิดว่าชุดแต่งงานนี้เป็นชุดธรรมดานะคะ ที่จริงมันยังมีหัวใจดวงเดิมของฉัน” ฉู่เจียเสวียนพูดพลางชี้ไปที่ตำแหน่งไหล่ของชุดแต่งงาน หากมองอย่างละเอียดแล้ว ก็จะพบว่าด้านบนมีรูปหัวใจอยู่ รูปหัวใจนี้ ในตอนนั้นขณะที่ฉู่เจียเสวียนร่างแบบด้วยมือ เธอตั้งใจวาดมันลงไปด้วยเส้นประ 


 


 


           “ค่ะ ขอบคุณทั้งสองคน หลังจากพักกันครึ่งชั่วโมงแล้ว พวกเราจะประกาศผลการตัดสิน ตอนนี้ขอเชิญทุกท่านไปพักที่ห้องรับรองก่อนค่ะ” พิธีกรพูดจบ โค้งคำนับให้ผู้ชมที่อยู่ด้านล่างเวที จากนั้นก็หันหลังลงจากเวทีแข่งขันไป 


 


 


           เมื่อฉู่อีอีได้ยินว่ามีการหยุดพัก ก็เดินไปหาเผยหนานเจวี๋ย ยื่นมือควงเขาแล้วเดินออกไปจากสนามการแข่งขัน 


 


 


           ในห้องรับรอง คิดไม่ถึงว่าเผยหนานเจวี๋ย ฉู่อีอี กงจวิ้นฉือ และฉู่เจียเสวียนสี่คนเผชิญหน้ากัน 


 


 


           “พี่สาว ได้ข่าวว่าพี่จัดการแข่งขันครั้งนี้ เพราะเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าขโมยความคิดใช่ไหม” ฉู่อีอีมองฉู่เจียเสวียพร้อมกับพูด เงยหน้าขึ้นมอง ในดวงตามีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ 


 


 


           ได้ยินฉู่อีอีแล้ว ฉู่เจียเสวียนยิ้ม มองฉู่อีอีกับเผยหนานเจวี๋ยพร้อมยิ้มเอ่ย “แน่อยู่แล้ว เพราะฉันมีข้อสงสัยที่ใหญ่ที่สุด ถ้าไม่ออกมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์แล้ว ต่อไปฉันจะอยู่ในวงการออกแบบได้ยังไง” 


 


 


           เงยหน้าชำเลืองมองเผยหนานเจวี๋ย จากนั้นก็กล่าวอย่างมีนัยยะแอบแฝง “มีคนบางคนคิดว่าตัวเองทำทุกอย่างได้อย่างราบรื่น แต่กลับไม่รู้ว่ามีช่องโหว่เต็มไปหมด พวกเรารอดูเถอะ ดูว่าใครจะหัวเราะได้ดังกว่า” 


 


 


           “จวิ้นฉือ ฉันเหนื่อยแล้ว พวกเราเข้าไปนั่งสักหน่อยเถอะ” ฉู่เจียเสวียนพูดจบ ก้าวเท้าต้องการจะเดินเข้าไปในห้องพักผ่อน 


 


 


           “พี่ขโมยร่างออกแบบของคนอื่นจริงเหรอ” ฉู่อีอีกล่าว ทำให้ฉู่เจียเสวียนที่ต้องการจะจากไปหยุดเดิน เธอไม่กลัวคำพูดของฉู่เจียเสวียนเลยสักนิด 


 


 


           เมื่อฉู่เจียเสวียนได้ยินคำพูดของฉู่อีอี ก็หันหลังกลับมาแล้ว หันหน้าเผชิญกับฉู่อีอี ดวงตาที่สุดใสดังไข่มุกจ้องเธอเขม็ง “คุณฉู่ คุณเป็นห่วงฉันขนาดนี้เลยเหรอ จะลอกเลียนแบบหรือเปล่า เดี๋ยวคุณก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ” 


 


 


           “พวกเราไปกันเถอะ” เผยหนานเจวี๋ยราวกับไม่อยากเผชิญหน้ากับฉู่เจียเสวียน เอ่ยปากเยือกเย็น น้ำเสียงเจือปนความรู้สึกคลุมเครือ 


 


 


           “ได้ค่ะ” ฉู่อีอีดึงสติกลับมา เงยหน้ายิ้มพร้อมตอบรับอย่างอ่อนหวาน ควงแขนของเผยหนานเจวี๋ย เดินเข้าไปในห้องรับรอง 


   ตอนที่ 346 ล่องูออกจากถ้ำ


 


 


           ผลการแข่งขันใกล้จะออกมาแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผลงานของฉู่เจียเสวียนนั้นสมบูรณ์แบบ เพราะว่ามู่จื่อ แม้จะออกแบบต้นฉบับได้ แต่ว่ายังมีจุดหนึ่งที่เธอออกแบบผิด


 


 


           ในฐานะนักออกแบบ เมื่อต้องการออกแบบต้นฉบับเพื่อให้ได้งานที่สมบูรณ์แบบนั้น จะต้องร่างทุกลายเส้นอย่างดี ยิ่งต้องรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ต้องร้อยฝีเย็บอย่างไรเพื่อไม่ให้คลาดเคลื่อน


 


 


           ทันทีที่ผลการแข่งขันออกมา มู่จื่อก็พ่ายแพ้อย่างยับเยิน


 


 


           บนเวที มู่จื่อตกใจจนใบหน้าขาวซีด เมื่อมองดูฝูงขนที่อยู่ด้านล่างเวที มือที่อยู่ข้างลำตัวกำชายกระโปรงของตัวเองทั้งสองข้างไว้แน่น


 


 


           ‘ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว ต้องเชื่อใจเขา เชื่อใจเขา’ มู่จื่อพูดในใจไม่หยุด ยังคงรักษาความสงบนิ่งบนใบหน้า แต่ว่าความตื่นตระหนกในแววตากลับหักหลังเธอ


 


 


           ฉู่อีอีรู้อยู่แล้วว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้ ดังนั้นเธอจึงขยิบตาให้ใครบางคนในกลุ่มนักข่าว คนคนนั้นรับทราบ และเอ่ยปากทันที “การแข่งครังนี้ไม่ค่อยยุติธรรมหรือเปล่าครับ”


 


 


           ฝูงชนไม่รู้ว่าใครเป็นคนตะโกนประโยคนี้ขึ้นมา ห้องโถงที่เดิมทีมีเสียงดังก็เงียบลงทันใด


 


 


           ไม่ยุติธรรม? หมายความว่าอะไร? พวกเขาดูการแข่งขันของทั้งสองคนอย่างชัดเจน แม้ว่าในสายตาของพวกเขา ทั้งสองผลงานมีความสวยงามเหมือนกัน มองไม่เห็นความแตกต่าง แต่คนที่รู้เรื่องก็สามารถเห็นความแตกต่างได้อย่างรวดเร็ว มันจะไม่ยุติธรรมได้อย่างไร


 


 


           “คุณหมายความว่าอะไร พูดให้ชัดเจนที” นิสสันฟังนักข่าวและถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง


 


 


           เขาไม่เคยได้ยินคนอื่นสงสัยในคำพูดของเขาเลย เขาอยู่ในโลกแห่งการออกแบบมาหลายปี เขามักจะง่วนอยู่แต่กับผลงานไม่ใช่กับผู้คน


 


 


           “เท่าที่ผมรู้ คุณนิสสันกับคุณฉู่เจียเสวียนเคยพบกันเป็นการส่วนตัวใช่ไหมครับ” นักข่าวถาม


 


 


           “หา! พบกันเป็นการส่วนตัวเหรอ งั้นการแข่งครั้งนี้มีใต้โต๊ะหรือไง”


 


 


           “หรือว่าที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อลบล้างข้อกล่าวหาของตัวเองงั้นเหรอ”


 


 


“……”


 


 


           ด้านล่างเวทีพูดคุยกันอื้ออึง หลังจากที่คนนั้นเอ่ยปากแล้ว ฉู่เจียเสวียนมองเขาอย่างเงียบๆ อยู่ตลอด แววตามีความเย็นชา ในที่สุดก็ออกมาแล้วเหรอ หึหึ


 


 


           “พวกเราเคยเจอหน้ากันแล้วยังไงคะ หรือเจอหน้ากันแล้ว ฉันจะต้องขอให้คุณนิสสันตัดสินให้ฉันชนะเหรอ” ฉู่เจียเสวียนกล่าวเย็นชา น้ำเสียงเยือกเย็นดังมาจากบนเวทีสู่เบื้องล่าง พูดพร้อมมองดูคนที่ตั้งคำถามอย่างดูถูก


 


 


           เธอเคยเจอกับรุ่นพี่นิสสันแล้วยังไงเหรอ เธอแค่ขอให้รุ่นพี่นิสสันเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการการแข่งขันการออกแบบของเธอเท่านั้น รุ่นพี่นิสสันเป็นผู้นำด้านการออกแบบ การเชิญให้เขามาตัดสิน ทำให้คำพูดมีน้ำหนักกว่าการเชิญใครก็ได้มาตัดสิน


 


 


           ดูแล้วเรื่องนี้คงไม่เกี่ยวกับเผยหนานเจวี๋ยแล้ว เพราะว่าเขาคงไม่โง่ถึงขนาดสงสัยในตัวอาจารย์นิสสัน ท่าทางคนที่คิดจะทำร้ายเธอน่าจะเป็นคนอื่น เพียงแต่ใครกันแน่ที่มีความแค้นกับเธอมากมายถึงเพียงนั้น


 


 


           “งั้นพวกคุณเจอหน้ากันทำไม” นักข่าวเอ่ย มองฉู่เจียเสวียนเอ่ยถามด้วยความก้าวร้าว


 


 


           “ฉันอยากเชิญให้อาจารย์นิสสันมาเป็นคณะกรรมการ” ฉู่เจียเสวียนยิ้ม มองดูคนนั้นด้วยความจริงจัง เธออยากให้เขามาเป็นคณะกรรมการจริงๆ


 


 


           “ตามที่ผมสืบเจอมันไม่ใช่แบบนี้มั้ง? คุณฉู่ เที่ยงของวันนั้นคุณคุยกับอาจารย์นิสสันที่ชั้นหนึ่งของโรงแรมนานมาก คงไม่ได้คุยแค่เรื่องงานมั้ง? ผมยังมีรูปที่คุณสองคนอยู่ด้วยกันตอนนั้นในมือผมด้วย” พูดจบ ก็แสดงรูปถ่ายในมือต่อหน้าทุกคน


 


 


           ในรูปถ่าย ฉู่เจียเสวียนยิ้มสดใส และอาจารย์นิสสันเหมือนจะมองเธอด้วยความลึกซึ้ง แววตาระคนความนึกคิดไม่สิ้นสุด


 


 


           เห็นคนนั้นหยิบรูปถ่ายออกมา ฉู่เจียเสวียนยิ้ม


 


 


 


 


       ตอนที่ 347 ถูกต้อนจนมุม


 


 


           “ฉันรู้ดีว่าช่วงนี้ทุกคนเป็นห่วงเรื่องของฉันมาโดยตลอด แต่ว่าความจริงฉันเป็นคนลอกเลียนแบบหรือเปล่า เชื่อว่าตอนนี้ทุกคนมีคำตอบในใจแล้ว” ฉู่เจียเสวียนกล่าว เสียงที่ชัดเจนดังก้องกังวาลอยู่ในห้องโถง สายตามองกวาดไปยังกองนักข่าวทีละคน


 


 


           “คุณฉู่ ทำไมคุณต้องพูดจาดูยิ่งใหญ่ขนาดนั้นด้วย” นักข่าวเอ่ยถามคำถามที่ยุ่งยาก


 


 


           “คือว่า เรื่องที่ฉันคุยกับอาจารย์นิสสันในวันนั้น พวกคุณทุกคนจะฟังก็ได้” เอื้อมมือ ยกปากกาบันทึกเสียงในมือขึ้น พร้อมยิ้มให้คนผู้คนที่อยู่ด้านล่างเวที


 


 


           ฉู่อีอีได้ยินฉู่เจียเสวียนแล้ว ม่านตาหดตัว เธอบันทึกเสียงไว้ด้วยเหรอ


 


 


           เธอเตรียมการมาเป็นพันวิธี คิดไม่ถึงว่าฉู่เจียเสวียนจะบันทึกเสียงเอาไว้ แอบกัดฟัน แววตาที่มองเธอมีความชั่วร้าย


 


 


           ‘ฉู่เจียเสวียน’ ในใจยิ่งเกลียดชังมากกว่าเดิม และเจือปนความตื่นตระหนกด้วย ถ้าหากคนพวกนั้นรับสารภาพจะทำยังไง


 


 


           “รุ่นพี่นิสสันคะ ฉันอยากให้พี่ช่วยเรื่องนึง ก็คือเป็นคณะกรรมการในการแข่งขันของฉัน เชื่อว่าพี่ก็คงรู้ดี ว่าช่วงนี้ฉันถูกอินเทอร์เน็ตสงสัยว่าฉันลอกเลียนแบบงานคนอื่น ฉะนั้นเรื่องนี้ฉันจะต้องพิสูจน์ว่าตัวเองบริสุทธิ์”


 


 


           “ครั้งนี้อาจารย์นิสสันจะยอมช่วยฉันไหมคะ”


 


 


           “ไม่มีปัญหา ถ้าถึงตอนนั้นเธอลอกเลียนแบบงานของคนอื่นจริงๆ ล่ะก็ เธอก็จะถูกต้อนจนมุมแน่”


 


 


           การสนทนาระหว่างคนทั้งสองดังก้องอย่างชัดเจนในห้องโถง ทุกคนฟังบทสนทนาในปากกาบันทึกเสียง เริ่มกระซิบกระซาบกัน


 


 


           “คุณคือนักข่าวหนังสือพิมพ์บันเทิงคนนั้นสินะ ทำไมคุณถึงกัดไม่ปล่อยว่าฉันสมรู้ร่วมคิดกับรุ่นพี่นิสสันล่ะ” ฉู่เจียเสวียนมองนักข่าวที่ยืนอยู่ด้านล่างเวที เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเฉียบคม


 


 


           “ผมก็แค่เดา…” นักข่าวพูด


 


 


           “เดาเหรอ? คุณนักข่าวท่านนี้ การเดาคำเดียวของคุณรู้ไหมว่าฉันต้องจ่ายไปเท่าไร คุณรู้ไหมว่าการเดาของคุณ ฉันต้องดิ้นรนต่อสู้แค่ไหน”


 


 


           “ผม…”


 


 


           “คุณมู่จื่อ ขอถามหน่อย คุณคิดจะอธิบายเรื่องนี้ยังไง” สายตาที่คมกริบของฉู่เจียเสวียนมองคนที่ยืนอยู่อีกด้าน สีหน้าซีดเซียว


 


 


           ในตอนนี้เชื่อว่าไม่ต้องให้ทุกคนเดาก็รู้แล้วว่าฉู่เจียเสวียนบริสุทธิ์ ฝีมือการออกแบบของเธอดีจนไม่มีที่ติ อีกอย่าง ชื่อเสียงของฉู่เจียเสวียนในวงการการออกแบบนั้นดีเสมอมา ฉะนั้นในตอนนี้ก็ไม่ต้องพูดถึงผลการตัดสินแล้ว


 


 


           เรื่องการลอกเลียนแบบในครั้งนี้ ฉู่เจียเสวียนล้างมนทินได้สำเร็จอย่างสมบูรณ์ อีกทั้ง ความนิยมชมชอบของเธอก็ยกขึ้นไปอีกระดับ


 


 


           หลังจากแข่งขันจบแล้ว มู่จื่อก็ถูกจำรวจจับตัวไป ส่วนคนของฉู่เจียเสวียนในขณะนี้อยู่ที่สถานีตำรวจ ทุกคนต่างรอปากคำของมู่จื่อ ต้องการรู้ว่าใครเป็นคนสั่งให้เธอทำ


 


 


           แต่ไม่ว่าอย่างไรมู่จื่อก็ไม่ยอมปริปากว่าใครอยู่เบื้องหลัง เพียงแต่พูดอยู่ตลอดเวลาว่าเธออิจฉาฉู่เจียเสวียนและไม่พอใจ ดังนั้นจึงบอกว่าเธอลอกเลียนแบบผลงานคนอื่น ที่จริงแล้วเพราะเธออยากโด่งดัง


 


 


           ส่วนลึกในใจของฉู่เจียเสวียนไม่เชื่อคำพูดของเธอ แต่เธอยืนกรานว่าเธอเป็นคนทำเอง ฉู่เจียเสวียนก็ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายได้แต่ออกไปจากสถานีตำรวจกับกงจวิ้นฉือ


 


 


           “เจียเสวียน ตอนนี้เรื่องนี้ก็จบลงแล้ว คุณอย่าคิดมากเลย” กงจวิ้นฉือออกจากสถานีตำรวจกับฉู่เจียเสวียน มองดูเธอที่คิ้วขมวดกัน เอ่ยปากปลอบโยนเธอ


 


 


           “จวิ้นฉือ เรื่องนี้ฉันคิดว่าจะต้องมีคนสั่งการอยู่เบื้องหลังเธอแน่นอน ฉันจะต้องสืบให้รู้เรื่อง” ฉู่เจียเสวียนกล่าว น้ำเสียงมั่นใจ เธอจะไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกใส่ความอย่างมีเงื่อนงำอย่างแน่นอน แม้ว่าจะมีคนยอมรับแล้ว


 


 


           “อืม” กงจวิ้นฉือตอบ เปิดประตูรถให้ฉู่เจียเสวียนขึ้นไปนั่ง จากนั้นเธอจึงหันหลังกลับไปขึ้นรถ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม