หวนแค้นชะตารัก 338-345

 ตอนที่ 338 ฟู่เฉินหรงได้เปรียบ 


 

 


หลังจากจัดการมอบหมายงานเรียบร้อยแล้ว ซูจิ่วซือจึงสบายใจขึ้น เวลานี้นางอยากไปแคว้นเจียง นางกับฟู่เฉินหรงอยู่ห่างกันระยะหนึ่ง นางคิดถึงฟู่เฉินหรงจริงๆ   


 


 


นางอยากกอดฟู่เฉินหรง อยากฟังเขาพูดคุย อยากมองดูท่าทางไม่รู้จักอายของเขา  


 


 


พอคิดอย่างนี้ มุมปากของซูจิ่วซือก็เผยรอยยิ้มอ่อนโยน 


 


 


“พี่ มีอะไรหรือถึงได้ดีใจอย่างนี้” 


 


 


พอซูเหิงเข้ามาก็เห็นซูจิ่วซือกำลังยิ้ม จึงถามด้วยความประหลาดใจ 


 


 


ซูจิ่วซือทำท่าบอกให้จื่อหลานออกไป แล้วสั่นหัว “ไม่มีอะไร” 


 


 


“พี่ จะไปแล้วหรือ” พอเห็นซูจิ่วซือจัดสัมภาระไปแล้วครึ่งหนึ่ง ซูเหิงก็อาลัยอาวรณ์ เพิ่งชิงจวนอันผิงโหวกลับมาอย่างยากเย็น ยังไม่ทันได้ดูแลพี่สาวให้ดี พี่สาวก็จะไปแคว้นเจียงแล้ว 


 


 


การไปคราวนี้ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าอันตรายเพียงไร และไม่รู้ว่าซูจิ่วซือไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น เขาเป็นห่วงซูจิ่วซือจริงๆ  เวลานี้เขามีญาติคนนี้คนเดียว ไม่อยากให้ซูจิ่วซือเป็นอะไรไปอีก 


 


 


เขาไม่อยากให้ซูจิ่วซือไปแคว้นเจียง แต่ไม่อาจห้ามซูจิ่วซือได้ จึงยอมแพ้ 


 


 


“ซูเหิง หลังจากพี่ไปแล้ว ทุกอย่างเจ้าต้องอาศัยตัวเอง ดูแลตัวเองให้ดี ถ้าเจอแม่นางที่เจ้าถูกใจก็ไปทูลรายงานไทเฮา ให้ไทเฮาทรงจัดการเรื่องการแต่งงานของเจ้า” 


 


 


ซูเหิงสีหน้าหนักใจ “พี่ ไม่ไปแคว้นเจียงได้ไหม เมืองหลวงมีชายหนุ่มที่มีความสามารถและหน้าตาดีมากมาย ทำไมต้องไปหาฟู่เฉินหรง และตอนนี้เขาก็หมั้นหมายแล้ว พี่เป็นชายารองของเขาได้อย่างไร ทำอย่างนี้พี่จะลำบากใจเกินไป” 


 


 


“ข้าไม่มีวันเป็นชายารองแน่ ซูเหิง ข้ารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร เวลานี้เขาต้องการข้า ข้าต้องไปหาเขา” 


 


 


ซูเหิงยังคงไม่วางใจ “ข้ากลัวว่าเขาจะทำให้พี่เสียใจ” 


 


 


“ไม่หรอก” 


 


 


น้ำเสียงของซูจิ่วซือหนักแน่น เวลานี้นางเชื่อมั่นในฟู่เฉินหรงมาก แม้เขาจะได้รับพระราชทานการหมั้นหมายแล้ว นางก็ยังเชื่อมั่นเขา เพราะนางกับเขาผ่านอะไรมามากเหลือเกิน ชั่วเวลาสั้นๆ  เพียงไม่กี่เดือนนางกับเขาก็ผ่านเหตุการณ์มากกว่าที่นางอยู่กับกู้เหยี่ยนห้าปี  


 


 


ฟู่เฉินหรงมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้นาง เสี่ยงชีวิตเพื่อนางหลายครั้ง นางเชื่อมั่นในตัวเขามานานอย่างที่คนใกล้ชิดไม่อาจเข้าใจ ความรู้สึกนี้ทำให้นางรู้ดีว่า กู้ชิงเฉิงไม่มีวันทำให้นางเสียใจ 


 


 


“เมื่อก่อนเขาไม่ทำให้พี่เสียใจ วันข้างหน้าใครจะรู้ เมื่อก่อนเขาเป็นเพียงลูกบุญธรรมของจวนสกุลกู้ ถึงจะมีอนาคตดีอย่างไร ก็ยังคงอยู่อย่างนั้น เวลานี้เขาเป็นรัชทายาทแคว้นเจียง ต่อไปจะได้เป็นฮ่องเต้ พี่ คนอย่างนี้จะทำให้พี่มีความสุขหรือ” 


 


 


“เขาเป็นคนทำให้พี่มีความสุข ไม่ใช่ฐานะของเขา ซูเหิง เรื่องนี้ตอนนี้เจ้ายังไม่เข้าใจ รอเมื่อเจ้าพบหญิงที่ถูกใจ เจ้าจะเข้าใจเรื่องนี้” 


 


 


พอรู้ว่าไม่อาจเตือนซูจิ่วซือได้ ซูเหิงจึงไม่ได้พูดอะไรอีก ได้แต่พูดด้วยสีหน้าอาวรณ์ “พี่ ถ้าฟู่เฉินหรงบังอาจข่มเหงพี่ พี่ก็กลับมา อย่าอยู่แคว้นเจียงให้ลำบากใจ จวนอันผิงโหวยังคงเป็นบ้านของพี่เสมอ พี่จะกลับมาเมื่อไรก็ได้” 


 


 


“ดี น้องชายพี่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว” 


 


 


ซูเหิงถลึงตาใส่ซูจิ่วซือ “พี่อายุมากกว่าข้าแค่ปีเดียว อย่าทำตัวเคร่งเครียดเกินไป อย่างกับว่าเป็นผู้อาวุโสของข้า” 


 


 


ซูจิ่วซืออยากบอกซูเหิงว่า ความจริงแล้วนางเป็นผู้อาวุโสของเขา ซูเหมยกับนางหวังถ้าได้เห็นซูเหิงอย่างนี้ อยู่ที่ปรโลกคงจะพอใจ! 


 


 


“ซูเหิง มาดูบัญชีหน่อย ข้าตรวจเกือบเสร็จแล้ว ที่เหลือเจ้าดูเอง” 


 


 


พูดจบซซซก็ดึงมือซูเหิงไปนั่งที่โต๊ะ ซูเหิงตรวจดูบัญชีอย่างจริงจัง แล้วพูดขึ้น พี่สาวเก่งจริงๆ  แทบจะรู้หมดทุกอย่าง ทำอะไรก็ทำได้ดี ฟู่เฉินหรงได้เปรียบจริงๆ   


 


 


ซูเหิงคิดในใจอย่างเงียบๆ   


 


 


 


 


 


—— 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 339 ซิ่นอ๋องปรากฏตัว 


 


 


 


 


 


จวนซิ่นอ๋อง 


 


 


ซิ่นอ๋องฟู่จิ่งสวมเสื้อนวมสีดำนั่งที่ข้างโต๊ะชา แววตาล้ำลึก หน้าตาดุดัน ทั่วร่างแผ่รังสีอำมหิต  


 


 


ซิ่นอ๋องโหดเ**้ยมมาตลอด อารมณ์แปรปรวน ก่อการทารุณกรรม คนส่วนใหญ่ในเมืองหลวงกลัวซิ่นอ๋อง ครอบครัวใดมีเด็กไม่เชื่อฟัง พอพูดว่าซิ่นอ๋องมาหา เด็กจะเชื่อฟังทันที  


 


 


สำหรับชาวบ้านแล้ว คำว่าซิ่นอ๋องหมายถึงความตาย 


 


 


เขาอายุสี่สิบกว่าปีแล้ว เป็นโอรสองค์ที่หกของซุ่นตี้ พระมารดาสิ้นพระชนม์เมื่อสองปีก่อน มีอำนาจล้นฟ้าในแคว้นเจียง ขุนนางใหญ่ราชสำนักที่สวามิภักดิ์ต่อเขาอย่างลับๆ มีมากมาย 


 


 


ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับซุ่นตี้ตึงเครียดมานานแล้ว ซุ่นตี้ไม่อาจทำอะไรเขาได้ เวลานี้เขายังไม่สามารถปลงพระชนม์พระบิดาได้ เพราะในเมืองหลวงยังมีขุนนางเก่า เขาจึงไม่กล้าก่อกบฏ 


 


 


“ฝ่าบาททรงจัดการเหมาะสมเหลือเกิน ฟู่เฉินหรงเพิ่งมาถึง ก็พระราชทานหน่วยองครักษ์อุทยานตะวันออกให้ฟู่เฉินหรง แต่งตั้งให้เป็นรัชทายาท และยังทรงหมั้นหมายเฟิงชิงสุ่ยให้ฟู่เฉินหรง อาศัยจวนแม่ทัพสยบปฐพีมาทำให้ฟู่เฉินหรงตั้งหลักได้มั่น ทรงลำเอียงรักพระราชนัดดาคนนี้จริงๆ ” 


 


 


ฟู่จิ่งสีหน้าเครียดขณะคลำไข่มุกราตรีในมือ “ข้าไม่เชื่อว่าพระราชนัดดาคนโปรดจะสามารถครองตำแหน่งรัชทายาทได้มั่นคงจริงๆ  ถ้าคิดจะชิงอะไรจากข้า ควรดูความสามารถของตัวเองให้ดีก่อน” 


 


 


“ท่านอ๋องพูดถูกต้อง แม้จะมีตระกูลเฟิงสนับสนุน องค์รัชทายาทก็ยังสู้ท่านอ๋องไม่ได้ หาโอกาสปลดรัชทายาทน่าจะดี” 


 


 


“องค์รัชทายาทก็พอจะมีความสามารถอยู่บ้าง ไม่งั้นคงไม่กลับเมืองหลวงอย่างปลอดภัย 


 


 


เวลานี้เขามีหน่วยองครักษ์พิทักษ์อุทยานตะวันออกอยู่เคียงข้าง การจะฆ่าเขาจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ข้าได้ข่าวว่าองค์รัชทายาทมีหญิงคนรักอยู่ที่แคว้นเว่ย การหมั้นหมายครั้งนี้เขาคงไม่พอใจ คนที่มีความรักไม่คู่ควรที่จะต่อกรกับข้า” 


 


 


ฟู่จิ่งสีหน้าดูแคลน ดูหมิ่นฟู่เฉินหรงอย่างชัดเจน เมื่อก่อนเขาใช้อุบายทำให้คนในจวนรัชทายาทตวนฮุ่ยทั้งหมดถูกประหารด้วยข้อหากบฏ แต่ก็ยังมีปลาตัวนี้หลุดจากร่างแห 


 


 


ยี่สิบปีต่อมา ลูกชายของรัชทายาทตวนฮุ่ยก็ได้เป็นรัชทายาท แล้วจะอย่างไร เขาไม่เชื่อว่าเด็กน้อยคนนี้จะขัดขวางเขาได้ 


 


 


รอให้เขากำจัดฟู่เฉินหรงก่อน พอถึงตอนนั้นซุ่นตี้ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่มอบบัลลังก์ให้เขา ปัญหาสำคัญคือ ซุ่นตี้คงไม่สามารถอยู่ได้อีกนาน สุดท้ายแคว้นเจียงต้องเป็นของเขา 


 


 


“ท่านอ๋องสั่งมู่โหรวให้แนะซูจิ่วซือใมาตามหาองค์รัชทายาท หากซูจิ่วซือมา ท่านอ๋องก็สามารถกุมจุดอ่อนขององค์รัชทายาทได้ หากองค์รัชทายาทเห็นแก่ผู้หญิงคนนี้ ก็คงยอมอย่างว่าง่าย” 


 


 


จางอิงคนสนิทของฟู่จิ่งพูดต่อ 


 


 


“ความสามารถในการทำงานของมู่โหรวข้าไม่เคยสงสัย เรื่องนี้ฝ่าบาทก็รู้ พระองค์ไม่มีวันให้ซูจิ่วซือรอดชีวิตมาถึงเมืองหลวงได้ จางอิง ออกคำสั่ง ให้คนของเราขัดขวางคนของฝ่าบาท ต้องให้ซูจิ่วซือมาถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัย” 


 


 


จางอิงพยักหน้า “ผู้น้อยเข้าใจแล้ว ต้องขัดขวางคนของฝ่าบาท” 


 


 


ฟู่จิ่งรู้ว่าซุ่นตี้ไม่มีวันให้ผู้หญิงคนหนึ่งส่งผลกระทบต่อฟู่เฉินหรง หากฟู่เฉินหรงจริงใจต่อผู้หญิงคนนั้น เขาก็สามารถนำจุดนี้มาใช้ประโยชน์ เขาจะให้ฟู่เฉินหรงกับซุ่นตี้แตกหักกันอย่างสิ้นเชิง พอถึงตอนนั้นเขาก็อยากดูว่าพระบิดาจะทำอะไรได้ 


 


 


ทั้งๆ  ที่รู้ว่าเรื่องราวปิดฉากลงแล้ว ก็ไม่ยอมรับชะตากรรม ยังเรียกฟู่เฉินหรงมาอีก ในเมื่อร้ายต่อข้า ก็อย่าหาว่าข้าร้ายตอบ 


 


 


เรื่องนี้ต้องให้ชายากับสะใภ้ของเขาลงมือ ผู้หญิงมักจะถนัดเรื่องแบบนี้ 


 


 


การจัดการกับพวกเขา เขาอาจจะไม่ต้องลงมือเอง 


 


 


สามวันต่อมา ซูจิ่วซือกับกู้หลียวนก็ออกจากเมืองหลวงด้วยกัน เพื่อความสะดวก ซูจิ่วซือแต่งตัวเป็นผู้ชาย ทั้งสองปลอมตัวเป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่เป็นที่สังเกตแม้แต่น้อย 


 


 


เริ่มต้นเดินทางยังนับว่าราบรื่น แต่พอเข้าเขตแคว้นเจียง สถานการณ์ก็เปลี่ยนไป  


ตอนที่ 340 ซูจิ่วซือผู้กล้าหาญ


 


 


 


 


พอเข้าเขตแคว้นเจียง อากาศก็ร้อนขึ้นมาก แม้ย่างเข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว อากาศยังร้อนอบอ้าวอยู่


 


 


ขณะเดินทางผ่านป่าเขา ท้องฟ้าก็มืดครึ้มราวกับฝนจะตก ทั้งสองเตรียมพักบริเวณนั้นคืนหนี่ง รุ่งเช้าค่อยเดินทางต่อ จะได้ไม่เจอฝนหนัก


 


 


แถวใกล้ภูเขาไม่มีหมู่บ้าน หาอยู่นาน ในที่สุดก็เห็นเรือนหลังหนึ่งที่ตีนเขา


 


 


“ที่นี่เป็นที่รกร้างห่างไกล หลียวน เราต้องระวังให้ดี” ซูจิ่วซือเป็นคนรอบคอบ ก่อนไปบ้านชาวนา นางเตือนกู้หลียวนไว้


 


 


“กลัวอะไร เรายังมีคนคอยคุ้มกันอยู่ห่างๆ สองคน คนทั่วไปทำอะไรเราไม่ได้ ไปเถอะ ไม่งั้นฝนจะตกจริงๆ ”


 


 


ทั้งสองไม่ได้พาใครไปด้วย มีแต่คนคุ้มกันสองคนที่ฟู่เฉินหรงมอบหมายให้ดูแลนาง ทั้งสองมีวรยุทธสูงส่ง สามารถรักษาความปลอดภัยได้


 


 


ที่นี่เป็นกระท่อม ดูทรุดโทรมมาก ประตูปิดอยู่ กู้หลียวนเข้าไปเคาะประตู “มีคนอยู่ไหม”


 


 


เรียกอยู่นานก็ไม่มีคนตอบ กู้หลียวนจึงผลักประตูเข้าไป เวลานี้ยังไม่ค่ำ แต่ข้างนอกมืดแล้ว กำลังจะเกิดพายุฝนฟ้าคะนองได้ทุกเมื่อ


 


 


ฟ้าแลบขึ้น ตามมาด้วยเสียงฟ้าร้อง แสงจากฟ้าแลบส่องให้เห็นสภาพในห้อง เป็นห้องที่ไม่มีคนอยู่นานแล้ว ทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยหยากไย่และฝุ่นละออง


 


 


“เข้ามาเถอะ! ข้างในไม่มีใครอยู่ คงเป็นบ้านร้าง”


 


 


กู้หลียวนเดินนำเข้าไป ซูจิ่วซือตามหลังมา จากนั้นคนคุ้มกันก็ตามเข้าไป


 


 


“จิ่วซือ เมื่อกี้มีฟ้าแลบฟ้าร้อง เจ้าไม่สะดุ้งสะเทือนเลย ข้านึกว่าเจ้าจะตกใจหลบอยู่ข้างหลังข้า”


 


 


กู้หลียวนเกรงว่าซูจิ่วซือจะกลัว จึงล้อนาง ซูจิ่วซือหัวเราะ นางไม่ใช่คนขี้ขลาด ไม่ว่าอย่างไร นางไม่หลบอยู่หลังลูกของตัวเองแน่


 


 


“เจ้ากลัวไหม”


 


 


กู้หลียวนเหมือนได้ยินเรื่องตลก “เจ้าถามชายชาตรีว่ากลัวฟ้าร้องไหม ใช้ได้ที่ไหน แต่บ้านร้างกลางป่าอย่างนี้ก็ดูลึกลับนะ”


 


 


“ไม่ต้องกลัว ข้าปกป้องเจ้า”


 


 


กู้หลียวนถลึงตาใส่ซูจิ่วซือ “ข้าเป็นพี่ชายเจ้า”


 


 


ซูจิ่วซือยิ้มไม่พูดไม่จา ไม่ได้แย้งกู้หลียวน ในห้องมืดจริงๆ  มองไม่เห็นอะไรเลย จึงยืนนิ่ง จนกระทั่งคนคุ้มกันเอาฟืนเข้ามา


 


 


พอได้ฟืน คนคุ้มกันก็หยิบแท่งเชื้อไฟมาจุด ในห้องสว่างขึ้น


 


 


ซูจิ่วซือมองไปรอบๆ  เห็นข้างขวาของบ้านมีเตียงหลังหนึ่ง บนเตียงมีคนนอนหันหลังให้ ในห้องมีคนอยู่ พวกเขาเข้ามาตั้งนานไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว แสดงว่าไม่ใช่คนเป็น


 


 


กู้หลียวนก็เห็นคนนอนอยู่ที่เตียง เขาก้าวออกไป “ข้าจะดูว่าเป็นอย่างไร”


 


 


พูดจบก็เดินไปที่เตียง พอเห็นคนคนนั้นชัดเจน ก็สะดุ้ง รีบถอยทันที ซูจิ่วซือเห็นก็รีบเข้ามา และดูคนที่นอนบนเตียงให้ชัด


 


 


เป็นซากศพที่ตายนานแล้ว ดูเหมือนตายมาหลายปี เผยให้เห็นกระดูกขาวข้างใน ทันทีที่เห็น ก็รู้สึกน่ากลัว


 


 


กู้หลียวนเห็นซูจิ่วซือสงบ เขานับถือซูจิ่วซือขึ้นมาทันที นางกล้าหาญกว่าเขามาก


 


 


“หลียวน ไม่ต้องกลัว เป็นเพียงซากศพ คืนนี้เราคงอยู่ที่นี่”


 


 


กู้หลียวนรู้สึกประหลาดใจ ผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าปลอบใจเขาว่าไม่ต้องกลัว เป็นความรู้สึกที่แปลกจริงๆ


 


 


 


 


——


 


 


 


 


ตอนที่ 341 เจ้าสองคนเหมาะสมกันจริงๆ


 


 


 


 


“จิ่วซือ เจ้าฝึกความกล้าได้อย่างไร”


 


 


“คนเราสุดท้ายก็ต้องตาย พอตายก็เป็นอย่างนี้แหละ มีอะไรน่ากลัวหรือ”


 


 


ซูจิ่วซือย้อนถาม เมื่อก่อนนางก็ใจกล้า ยิ่งผ่านเหตุการณ์มามาก ความอ่อนแอในตัวจึงแทบไม่ปรากฏให้เห็นแม้แต่น้อย มีแต่ความสงบเยือกเย็น ไม่ว่าเผชิญกับอะไร ก็ไม่ตื่นตระหนก


 


 


“ห้องนี้มีเตียงหลังเดียว เราเอาศพไปฝัง คืนนี้ข้านอนบนเตียง”


 


 


กู้หลียวนประหลาดใจในตัวซูจิ่วซืออีกครั้ง เขาไม่มีวันนอนเตียงนี้แน่ ยินดีนั่งที่พื้นทั้งคืน


 


 


“เจ้าจะหลับลงหรือ”


 


 


“หลังจากนี้ยังต้องรีบเดินทาง ทำไมจะไม่หลับ เจ้าสองคนช่วยหน่อย เอาศพไปฝังข้างนอก ให้นอนในหลุมอย่างสงบ”


 


 


ซูจิ่วซือเรียกคนคุ้มกันทั้งสอง ย้ายศพออกไปข้างนอก ฝังไว้ข้างตัวบ้าน แล้วซูจิ่วซือก็นอนบนเตียงจริงๆ  กู้หลียวนนั่งอยู่ข้างกองไฟ เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกยอมรับนับถือ


 


 


เด็กสาวคนนี้ร้ายกาจจริงๆ  มิน่านางจึงก้าวมาถึงขั้นนี้ จิตใจและสติปัญญาของนางคนทั่วไปไม่อาจเทียบได้


 


 


ข้างนอกฝนตกหนัก พร้อมกับมีพายุพัดกระหน่ำ กองไฟในห้องจึงถูกลมพัดดับ ได้ยินแต่เสียงพายุและเสียงฝนตก


 


 


ซูจิ่วซือนอนไม่หลับ นางนอนบนเตียงนึกถึงเหตุการณ์นานมาแล้ว ตอนที่นางเห็นความสัมพันธ์ระหว่างกู้เหยี่ยนกับซูเหมย ก็เป็นตอนฝนตกอย่างนี้


 


 


เวลานี้ฝนตก กลับเป็นการเริ่มต้นใหม่


 


 


เวลานั้นนางเต็มไปด้วยรู้สึกสิ้นหวัง เวลานี้นางมีความหวังอย่างเต็มเปี่ยม


 


 


ในห้องไม่มีแสงไฟ คนคุ้มกันทั้งสองนั่งหลับตา กู้หลียวนหาวอย่างต่อเนื่อง แต่ก็หลับไม่ลง เขาเป็นคุณชายตระกูลสูงสุขสบายตั้งแต่เล็ก ไม่เคยลำบากมาก่อน สถานที่ลำบากอย่างนี้ เขาเพิ่งมาอยู่เป็นครั้งแรก


 


 


“จิ่วซือ ทำไมเฉินหรงไม่มีจดหมายมาเลย ทำอย่างนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน เขาไม่กลัวเจ้าจะเข้าใจผิดหรือ”


 


 


“ไม่มีก็ไม่เป็นไร ค่อยถามต่อหน้าดีกว่า”


 


 


ความจริงแล้วซูจิ่วซือเองก็แปลกใจ ฟู่เฉินหรงไม่เขียนจดหมายถึงนาง เท่าที่นางรู้จักฟู่เฉินหรง เขาน่าจะเขียนอธิบายเรื่องนี้ให้นางเข้าใจ แต่คราวนี้กลับไม่มีข่าวคราวจากเขาเลย


 


 


“เจ้าสองคนเหมาะสมกันจริงๆ  เมื่อก่อนข้าไม่รู้สึก เวลานี้ยิ่งรู้สึกว่าเจ้าสองคนเหมาะสมกันจริงๆ ”


 


 


กู้หลียวนทอดถอนใจ เมื่อก่อนเขารู้สึกว่าฟู่เฉินหรงไม่มีสายตาเสียเลย เด็กสาวอ่อนโยนน่ารักมากมายกลับไม่ชอบ ดันมาชอบซูจิ่วซือซึ่งไม่เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกและยังโหดเ**้ยม อย่างนี้ไม่เท่ากับหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวหรือ


 


 


อีกทั้งเมื่อก่อนซูจิ่วซือไม่เคยยิ้มแย้มกับฟู่เฉินหรง ถ้าเป็นเขา คงทิ้งไปนานแล้ว แต่ฟู่เฉินหรงกลับยืนหยัด ไม่ว่าคนใกล้ชิดจะมองอย่างไร เขาก็ยังยืนยันเลือกซูจิ่วซือ


 


 


เวลานี้พอเห็นทั้งสองรักกันมั่นคงอย่างนี้ เขากลับรู้สึกอิจฉา


 


 


ฟู่เฉินหรงฟันฝ่าอุปสรรคมากมายจนเอาพิชิตใจสาวงาม ซูจิ่วซือก็เชื่อมั่นและยึดมั่นต่อเขาอย่างที่คนใกล้ชิดไม่อาจเข้าใจ นี่เป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ทำไม่ได้


 


 


และเป็นเรื่องที่น่าประทับใจ ฟู่เฉินหรงไม่ได้เลือกผิด เขามีสายตาที่ยอดเยี่ยมจริงๆ


 


 


เขารู้สึกชื่นชมน้องสาวคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ  


 


 


ซูจิ่วซือไม่ได้โต้แย้ง พอรู้จักฟู่เฉินหรงนางจึงรู้ว่าการรักคนคนหนึ่งอย่างจริงใจเป็นอย่างไร


 


 


ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่ จู่ๆ  คนคุ้มกันที่นั่งบนพื้นก็ระแวดระวังขึ้นมาทันที ทั้งสองลืมตาขึ้นพร้อมกัน คนคุ้มกันคนหนึ่งพูดขึ้น “คุณหนู คุณชาย มีคนมา”


 


 


พอได้ยินว่ามีคนมา ซูจิ่วซือก็รีบลุกจากเตียง กู้หลียวนก็ลุกขึ้น ที่นี่มืดมิด ข้างนอกมีฝนตกหนัก ตามเหตุผลแล้วไม่น่าจะมีคนผ่านทางมา คนที่มาไม่น่าจะมีเจตนาดี


ตอนที่ 342 ต่อสู้ด้วยปัญญา


 


 


 


 


ซูจิ่วซือเตรียมจะเดินไปอยู่ข้างๆ  กู้หลียวน ขณะที่กำลังจะก้าวเท้า ประตูห้องก็ถูกถีบจนเปิดออก


 


 


จากนั้นคนชุดดำเจ็ดแปดคนก็เข้ามา ข้างนอกฝนตกหนัก พอประตูห้องเปิด ทั้งลมทั้งฝนก็ซัดเข้ามา กระท่อมเล็กหลังนี้แออัดทันที


 


 


ซูจิ่วซือเห็นใบหน้าของพวกเขาไม่ชัด แต่ฟังจากเสียงว่าเข้ามากันหลายคน นางไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นคนของใคร แต่มั่นใจได้อย่างเดียว เป็นคนที่ทางแคว้นเจียงส่งมา


 


 


คนเหล่านี้จับตามองนางอยู่ก่อนแล้ว การมาปรากฏตัวเบื้องหน้านาง จึงมีจุดหมายเพียงสองข้อ คือจับนางไปขู่ฟู่เฉินหรง หรือฆ่านาง และจุดหมายแต่ละข้อไม่ใช่พวกเดียวกัน


 


 


พวกที่ต้องการขู่ฟู่เฉินหรงต้องเป็นซิ่นอ๋องแน่ พวกที่ต้องการฆ่านาง ถ้าเดาไม่ผิด น่าจะเป็นฮ่องเต้แคว้นเจียง เพราะสำหรับฮ่องเต้แคว้นเจียงแล้ว นางเป็นอุปสรรคขัดขวาง


 


 


“จุดไฟ มืดมิดอย่างนี้ ข้าจะเห็นคนสวยได้อย่างไร”


 


 


เสียงซึ่งมีแรงดึงดูดเป็นพิเศษดังขึ้น ฟังจากเสียง เป็นชายหนุ่ม ซูจิ่วซือขมวดคิ้วอย่างระแวดระวัง นางไม่เข้าใจว่า จนบัดนี้คนคุ้มกันทั้งสองไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย ในใจนางรู้สึกวิตกอยู่ลึกๆ


 


 


พอได้ยินเสียง ตะเกียงน้ำมันก็ถูกจุดขึ้น อาศัยแสงริบหรี่ ซูจิ่วซือเห็นใบหน้าผู้ชายที่อยู่หน้าสุด


 


 


เป็นใบหน้าคมสัน ริมฝีปากบาง แววตาคมกริบ สีหน้าแข็งกร้าว ผิวพรรณไม่ขาว เกือบจะเป็นสีข้าวสาลี เนื้อตัวเต็มไปด้วยไอสังหาร


 


 


เขาสวมเสื้อคลุมสีดำ น้ำฝนหยดจากชายเสื้อของเขาลงมาไม่ขาดระยะ พื้นรอบเท้าเปียกโชก


 


 


กู้หลียวนรีบเดินมาอยู่ข้างๆ  ซูจิ่วซือ พูดเบาๆ  “คนคุ้มกันสองคนนี้ไม่ปกติ”


 


 


“ข้ารู้แล้วว่าพวกเขาเป็นคนของใคร”


 


 


คนที่คัดเลือกคนคุ้มกันทั้งสอง ต้องเป็นปิงอวิ๋นแน่ พวกนี้เป็นคนของใครจึงคาดเดาได้ไม่ยาก เป็นคนของซุ่นตี้นั่นเอง


 


 


นึกไม่ถึงว่าคนที่ต้องการสังหารนางกลับเป็นพระอัยกาของฟู่เฉินหรง


 


 


จงมั่วเจียงจ้องมองซูจิ่วซือด้วยความสนใจ นี่คือคนที่เขาจะสังหารในวันนี้ มีคนจ่ายเงินหนึ่งหมื่นตำลึงเพื่อเอาชีวิตนาง และตั้งข้อเสนอให้เขาลงมือด้วยตัวเอง


 


 


จงมั่วเจียงไม่ได้ลงมือเองนานแล้ว เดิมทีเขาคิดว่าคงเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่ง จึงให้เขาลงมือด้วยตัวเอง เขาตั้งใจมาดูให้รู้ว่าเป็นอย่างไรแน่ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเด็กผู้หญิงที่ไม่มีวรยุทธ


 


 


น่าผิดหวังจริงๆ  เด็กผู้หญิงคนนี้ชีวิตราคาแพงปานนี้ ถึงกับยอมจ่ายทองคำหมื่นตำลึงเพื่อเอาชีวิตนาง


 


 


เดิมทีคิดว่าเด็กคนนี้คงหวาดกลัว นึกไม่ถึงว่าจะสงบเยือกเย็นอย่างนี้ ไม่ได้ขอร้อง ไม่ตื่นตกใจ สงบราวกับว่าพวกเขามาเยี่ยมเยียน


 


 


กู้หลียวนร้อนใจ เหมือนโดนผีหลอก คนคุ้มกันสองคนนี้ทรยศ อาศัยวรยุทธของเขาไม่สามารถพาซูจิ่วซือหนีออกไปได้ แม้เขาจะมีวรยุทธไม่สูงนัก แต่ก็รู้ว่าคนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นยอดฝีมือขั้นสุดยอด


 


 


คราวนี้คงหนีไม่พ้น


 


 


“หลียวน อย่าขยับ เราไปไหนไม่ได้”


 


 


ซูจิ่วซือกลัวว่ากู้หลียวนจะลงมือ จึงร้องเตือน ถ้าลงมือคงมีแต่ตายอย่างเดียว ไม่ลงมือยังมีทางหนีเอาตัวรอดได้ นี่ไม่ใช่เวลาเอาความกล้าเข้าสู้ แต่สู้ด้วยปัญญา


 


 


“เจ้าคือซูจิ่วซือ”


 


 


หลังจากจ้องมองครู่หนึ่ง ในที่สุดจงมั่วเจียงก็เปิดปากพูด เด็กผู้หญิงคนนี้หน้าตาไม่เลว แต่ไม่ถึงขั้นสวยเลิศในปฐพี ใครหนอที่หวาดกลัวนางปานนี้ นางมีความสามารถอะไรจึงมีค่าหัวสูงถึงหมื่นตำลึงทอง จงมั่วเจียงประหลาดใจจริงๆ  


 


 


“ข้าเอง ขอถามชื่อของคุณชาย เจ้ากับข้าไม่มีความแค้นต่อกัน คุณชายดูผิดคนหรือไม่”


 


 


 


 


——


 


 


 


 


ตอนที่ 343 อ้อนข้าสิ


 


 


 


 


“ผู้น้อยจงมั่วเจียง” จงมั่วเจียงไม่ได้ปิดบังฐานะของตนเอง สายตายังคงจ้องซูจิ่วซือ “มีคนซื้อชีวิตเจ้า ข้าจึงมาเอาชีวิตเจ้าตามสัญญา”


 


 


“จิ่วซือ นี่คือเจ้าสำนักวิหคเขียว”


 


 


กู้หลียวนพอจะรู้เรื่องราวในวงการนักเลงบ้าง พอได้ยินชื่อนี้ ก็รู้ฐานะของจงมั่วเจียงทันที


 


 


พอได้ยินว่าจงมั่วเจียงเป็นเจ้าสำนักวิหคเขียว ซูจิ่วซือก็ผุดรอยยิ้มเยือกเย็นที่มุมปาก ตั้งใจให้จงมั่วเจียงมาเอาชีวิตนางด้วยตัวเอง คงต้องการให้นางตายอย่างแน่นอน


 


 


“นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงอย่างข้ามีค่าพอที่จะให้เจ้าสำนักจงมาหาด้วยตัวเอง ไม่รู้ว่าเจ้าสำนักจงจะจัดการกับข้า”อย่างไร


 


 


ซูจิ่วซือจ้องมองจงมั่วเจียงตรงๆ  ไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย นางดูออกว่าจงมั่วเจียงไม่คิดจะฆ่านางทันที ไม่อย่างนั้นคงไม่รอจนถึงเดี๋ยวนี้


 


 


“ถ้าเจ้าขอร้องข้า ข้าจะแทงเจ้าทีเดียวให้ตาย เจ้าจะได้ทรมานน้อยหน่อย เป็นไง”


 


 


กู้หลียวนรู้ว่าเขากับซูจิ่วซือหนีไปไหนไม่พ้น แต่ก็ไม่อยากเห็นใครมาข่มเหงซูจิ่วซือ เขาพูดสีหน้าเยือกเย็น “ผู้ชายดีไม่สู้กับผู้หญิง คุณชาย ผู้ชายควรจะมีจิตใจที่เวทนาสงสารผู้หญิง ถ้าจะฆ่ามาฆ่าข้าเลย”


 


 


“ชีวิตเจ้ามีค่าไม่ถึงหมื่นตำลึงทอง อย่าเอาทองมาปิดหน้าตัวเอง” จงมั่วเจียงไม่อยากใส่ใจกู้หลียวน ยังคงจ้องหน้าซูจิ่วซือ รอให้ซูจิ่วซือตอบคำถามของเขา


 


 


ถ้าเขาจะฆ่าซูจิ่วซือก็ง่ายเหมือนบี้มด เขาไม่อยากทำให้ซูจิ่วซือตายง่ายๆ  แต่อยากดูว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะทำอย่างไร เด็กผู้หญิงที่กล้าหาญอย่างนี้ เขาไม่เจอนานแล้ว


 


 


ซูจิ่วซือยื่นมือไปรวบผมไว้ข้างหู เผยให้เห็นกำไลบนข้อมือ


 


 


ภาพนี้ปรากฏต่อสายตาของจงมั่วเจียง เขามองเห็นอย่างชัดเจน ทำไมเด็กผู้หญิงจึงมีกำไลนี้ มิน่าจึงมีคนตั้งค่าหัวนางสูงลิ่ว ที่แท้ไม่ใช่คนธรรมดา


 


 


“เจ้าสำนักจง เจ้ากับข้าไม่ได้มีความแค้นต่อกัน เจ้าฆ่าข้าเพื่อเงินรางวัล ฆ่าคนเพื่อเงิน ข้ายินดีให้เงินมากกว่า เจ้าสำนักจงจะยอมไว้ชีวิตข้าหรือไม่”


 


 


จงมั่วเจียงยิ้มอย่างมีนัย “วงการนักเลงก็มีกฎของวงการนักเลง ถ้าสำนักวิหคเขียวทำอย่างนี้ ชื่อเสียงของสำนักเราก็ย่อยยับ”


 


 


“ในเมื่อเจ้าสำนักพูดถึงกฎวงการนักเลง ถ้างั้นก็ควรจะรู้ ตามกฎวงการนักเลงไม่ควรทำร้ายผู้หญิงที่อ่อนแอ เจ้าสำนักไม่ใส่ใจกฎวงการนักเลงอยู่ก่อนแล้ว ทำไมเวลานี้จึงใส่ใจกับชื่อเสียง เอาเงินไว้ก่อนไม่ดีกว่าหรือ”


 


 


ซูจิ่วซือโต้แย้งจงมั่วเจียง


 


 


“ปากคอเราะร้ายจริงๆ  ข้าไม่ขัดสนเงินทอง ถ้าข้าอารมณ์ดี ไม่แน่อาจจะปล่อยเจ้าไป แม่นาง เจ้าไม่ยอมขอร้องก็ได้ แต่เจ้าต้องทำให้ข้าพอใจ ถ้าข้าพอใจ ไม่แน่อาจจะถือโอกาสปล่อยเจ้า ไม่รับเงินแล้ว”


 


 


ซูจิ่วซือมุมปากกระตุก ดูแล้วนางเจอคนที่ชอบตอแย


 


 


นางไม่ถนัดที่สุดก็คือการหลอกคน โดยเฉพาะผู้ชาย นางจะหลีกห่างมาตลอด ให้นางหลอกล่อจงมั่วเจียง นางทำไม่ได้เด็ดขาด


 


 


“ผู้หญิงทุกคนขี้อ้อนทั้งนั้น แม่หนู อ้อนข้าสิ”


 


 


จงมั่วเจียงเก็บไอสังหารไว้ สีหน้ากรุ้มกริ่ม มองซูจิ่วซือเหมือนจะยิ้ม รอให้ซูจิ่วซืออ้อน ราวกับมีความหวัง


 


 


เขารู้ว่าซูจิ่วซือไม่ใช่คนอย่างนั้น จึงจงใจยั่วนาง ไม่รู้ทำไมเขาจึงรู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษ


 


 


บางทีอาจจะเป็นเพราะเห็นกำไลนั่น ของที่ตามหามานานกลับมาแล้ว และอยู่ในมือผู้หญิงเบื้องหน้าคนนี้


 


 


ดูแล้วคงเป็นลิขิตฟ้า ถ้าคราวนี้เขาไม่มาเอง คงไม่รู้ว่ากำไลอยู่ที่มือของผู้หญิงคนนี้


ตอนที่ 344 เนื้อแท้เป็นผู้ชาย


 


 


 


 


กู้หลียวนนึกว่าตนหูฝาด เจ้าสำนักวิหคเขียวท่าจะบ้าไปแล้ว


 


 


ไม่งั้นทำไมจึงบีบให้ซูจิ่วซืออ้อน คนตาดีดูก็รู้ว่าซูจิ่วซือเป็นผู้หญิงที่แข็งกระด้าง เขารู้จักซูจิ่วซือมานาน ไม่เคยเห็นท่าทางอ่อนหวานของซูจิ่วซือเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการออดอ้อน แม้แต่คำหวานก็ยังพูดไม่เป็น


 


 


จงใจแกล้งกันชัดๆ


 


 


ซูจิ่วซือเริ่มรู้สึกไม่พอใจ นางไม่ชอบคนเจ้าชู้ และไม่ชอบให้ใครมาทำกรุ้มกริ่มกับนาง ยกเว้นฟู่เฉินหรง ส่วนคนอื่น นางไม่ยอมรับ


 


 


ซูจิ่วซือพยายามสะกดความไม่พอใจ จงมั่วเจียงไม่ฆ่านาง แต่จงใจยั่วนาง นางมองจงมั่วเจียงด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “แม้ข้าจะหน้าตาเหมือนผู้หญิง แต่ภายในมีนิสัยผู้ชาย เรื่องที่ผู้หญิงทำกันข้าทำไม่เป็น”


 


 


พอได้ยินคำพูดของซูจิ่วซือ กู้หลียวนก็เกือบหัวเราะออกมา ตอบได้ดีมาก พูดถูกต้อง บางครั้ง ซูจิ่วซือแข็งกร้าวกว่าผู้ชายเสียอีก


 


 


“เจ้าจะบอกข้าว่า เนื้อแท้ของเจ้าเป็นผู้ชายใช่ไหม”


 


 


จงมั่วเจียงอารมณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ  เขาเดินเข้ามาหาซูจิ่วซือ “ข้าเองก็ชอบอย่างนี้เหมือนกัน งั้นเจ้าไปอยู่กับข้า ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”


 


 


“ข้ามีคนรักแล้ว เจ้าสำนักโปรดระวังตัว”


 


 


ซูจิ่วซือสายตาแหลมคม นางสังเกตเห็นว่าสายตาของจงมั่วเจียงหยุดอยู่ที่ข้อมือนาง


 


 


กำไลนี้ไม่ใช่กำไลธรรมดา เขาคงจะสนใจกำไลนาง ในเมื่อมีของที่เขาสนใจ ชีวิตของนางก็ยังรักษาไว้ได้ชั่วคราว


 


 


กำไลมีความเป็นมาอย่างไรซูจิ่วซือก็อยากรู้ ไม่แน่อาจจะได้คำตอบจากจงมั่วเจียง


 


 


เพียงแต่นางไม่ชอบท่าทีกรุ้มกริ่มของจงมั่วเจียง นางไม่มีวันพูดอ้อนจงมั่วเจียงแน่ แม้จะจนตรอกอย่างไร นางก็ไม่มีวันทำ


 


 


นางไม่มีวันเอาอกเอาใจผู้ชาย ไม่มีวันอาศัยผู้ชายในการใช้ชีวิต ไม่ว่าซูหลิ่วหรือซูจิ่วซือก็เป็นอย่างนี้


 


 


“มีแล้วจะเป็นอย่างไร ลืมเขาเสียเถอะ ตั้งแต่นี้ไปเจ้าจำข้าคนเดียวก็พอ


 


 


ที่นี่สกปรกเกินไป แม่หนู ไปกับข้าก่อน เราไปอยู่ที่สะอาดแล้วค่อยคุยกัน”


 


 


จงมั่วเจียงพูดจบไม่รอให้ซูจิ่วซือตอบก็อุ้มซูจิ่วซือขึ้น การกระทำที่ไร้มารยาททำให้ซูจิ่วซือไม่พอใจมาก ขณะที่นางดิ้นรน ก็ถูกจงมั่วเจียงสกัดจุดทันที ซูจิ่วซือไม่อาจขัดขืน


 


 


กู้หลียวนเดินตามหลัง ในสมองคิดอยู่อย่างเดียว แย่แล้ว ฟู่เฉินหรงเจอคู่แข่งที่เหนือกว่า ถ้าจงมั่วเจียงไม่ปล่อยตัว คงเป็นไปไม่ได้ที่จะหนี


 


 


ดูแล้วจงมั่วเจียงสนใจซูจิ่วซือเป็นพิเศษ แย่จริงๆ  นึกไม่ถึงว่าจะมีคนมาสนใจซูจิ่วซือหลายคน กู้จื่อหยวนปล่อยมือก็มีจงมั่วเจียง และจงมั่วเจียงรับมือยากกว่ากู้จื่อหยวนมาก


 


 


คนคนนี้ดูเหมือนไม่คำนึงถึงแบบแผน การพูดการกระทำของเขาแสดงให้เห็นอย่างนี้


 


 


ซูจิ่วซือถูกจงมั่วเจียงบังคับขึ้นรถม้า จงมั่วเจียงกับซูจิ่วซือนั่งรถม้าคันเดียวกัน กู้หลียวนไม่ได้รับการดูแลดีอย่างนั้น เขาขี่ม้าไป ข้างนอกฝนตกหนัก ฝนเม็ดใหญ่กระทบใบหน้า จนลืมตาไม่ขึ้น


 


 


จงมั่วเจียงวางซูจิ่วซือบนที่นั่งตรงกันข้าม ซูจิ่วซือเอนตัวพิงข้างรถ ตลอดทาง แม้จงมั่วเจียงจะเอาผ้าคลุมกันฝนให้ แต่นางก็เปียกไปทั้งตัว เส้นผมยาวแนบกับแก้ม


 


 


“แม่หนู คนที่เจ้ารักคือฟู่เฉินหรงใช่ไหม! มิน่าถึงมีคนจ้างฆ่าเจ้าด้วยเงินสูงลิ่ว ที่แท้ก็เกี่ยวพันถึงรัชทายาทแคว้นเจียง ฟู่เฉินหรงมอบกำไลนี้ให้เจ้า แสดงว่าในใจของเขาเจ้ามีฐานะสำคัญไม่น้อย”


 


 


 


 


——


 


 


ตอนที่ 345 ความเป็นมาของกำไล


 


 


 


 


จงมั่วเจียงพูดอย่างผ่อนคลาย “ที่แท้เจ้าก็คือองค์หญิงอันผิงผู้โด่งดังในแคว้นเว่ย ข้าขอเตือนเจ้าอย่าไปตามหาฟู่เฉินหรง แม้เขาจะเป็นรัชทายาท แต่ไม่ใช่ผู้สืบทอดบัลลังก์ที่มั่นคง อาจจะตายเมื่อไรก็ได้ พอถึงตอนนั้นเจ้าจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย เจ้ามาอยู่กับข้าดีกว่า เป็นฮูหยินของเจ้าสำนัก ข้ารับรองเจ้าจะสบายไปตลอดชีวิต”


 


 


“ถ้าสบายไปตลอดชีวิต ข้าตัวคนเดียวก็ทำได้ ไม่จำเป็นต้องอาศัยใคร เจ้าสำนัก ในเมื่อเจ้ารู้ว่าข้าเป็นใคร ทำไมจึงหาเรื่องให้ตัวเองเดือดร้อนล่ะ”


 


 


จงมั่วเจียงหัวเราะ “แม่หนูนี่ช่างดึงดันจริงๆ  คนรอบข้างเจ้าทรยศต่อเจ้า แสดงว่าพวกเขาถูกซื้อตัวแล้ว


 


 


ข้าได้ยินว่าฮ่องเต้แคว้นเจียงจัดการหมั้นหมายให้ฟู่เฉินหรงแล้ว ถ้าเจ้าไปก็จะเป็นส่วนเกิน ไม่แน่คนที่ต้องการให้ฆ่าเจ้าอาจจะเป็นฮ่องเต้แคว้นเจียง เวลานี้ฟู่เฉินหรงชอบเฟิงชิงสุ่ยมาก ทำไมต้องทำให้ตัวเองเป็นคนน่าเบื่อน่ารังเกียจ เพื่อผู้ชายคนหนึ่งสมควรหรือ”


 


 


“เรื่องของข้า เจ้าสำนักไม่ต้องวิตก”


 


 


“เจ้าจะฟังหรือไม่เป็นเรื่องของเจ้า แต่เจ้าจะไปไหนไม่ได้”


 


 


จู่ๆ  จงมั่วเจียงก็ก้มตัวเข้ามาหา กลิ่นผู้ชายแปลกหน้าประดังเข้ามา ทำให้ซูจิ่วซือรู้สึกอึดอัดมาก แต่ก็ขยับตัวไม่ได้ ได้แต่ถลึงตาใส่จงมั่วเจียง สายตาเย็นชา


 


 


จงมั่วเจียงไม่ใส่ใจสายตาของซูจิ่วซือ ยื่นมือไปจับข้อมือซูจิ่วซือไว้ ลูบกำไลบนข้อมือซูจิ่วซือ “เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าสวมอะไรไว้ ฟู่เฉินหรงเคยบอกเจ้าไหม”


 


 


“นี่เป็นมรดกจากท่านแม่ของเฉินหรง เจ้าสำนักเคยเห็นของมีค่ามานับไม่ถ้วน ยังสนใจกำไลผู้หญิงคู่นี้หรือ”


 


 


“นี่ไม่ใช่กำไลธรรมดา เป็นมรดกของพระชายารัชทายาท แต่ความเป็นมาของกำไลนี้ไม่ธรรมดา ดูแล้วเจ้าคงไม่รู้อะไรเลย ฟู่เฉินหรงไม่ได้บอกอะไรเจ้าเลย”


 


 


จงมั่วเจียงพูดจบก็ปล่อยข้อมือซูจิ่วซือ กลับไปนั่งที่เดิม


 


 


“ไหนๆ  ข้าก็พอใจเจ้า ข้าจะเล่าเรื่องให้ฟัง เจ้าจะได้ไม่ถูกหักหลังโดยไม่รู้ตัว”จงมั่วเจียงสีหน้าอ่อนโยน “เรื่องนี้ต้องเริ่มจากแม่แท้ๆ ของฟู่เฉินหรง แม่ของเขาไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา”


 


 


“แม่แท้ๆ  ของฟู่เฉินหรงเป็นลูกสาวคนโตของจวนราชบัณฑิตโจว ถือกำเนิดในตระกูลสูง ได้รับเลือกเป็นพระชายารัชทายาท ต้องเป็นผู้หญิงที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม”


 


 


ซูจิ่วซือย่อมปกป้องแม่แท้ๆ  ของฟู่เฉินหรง แม้จงมั่วเจียงยังไม่พูดอะไร แต่น้ำเสียงดูแคลนเป็นพิเศษ


 


 


จงมั่วเจียงยังคงพูดต่ออย่างดูแคลน “นางไม่ใช่ลูกสาวคนโตจริงๆ  ตอนนั้นมีการยกลูกสาวคนโตของจวนสกุลโจวให้รัชทายาทตวนฮุ่ยจริงๆ  แต่คนที่แต่งงานกับรัชทายาทตวนฮุ่ยไม่ใช่คนนั้น คุณหนูใหญ่สกุลโจวตัวจริงตายไปนานแล้ว คนที่แต่งงานกับรัชทายาทคือเสิ่นไห่ถังซึ่งหน้าตาคล้ายคุณหนูใหญ่สกุลโจวมาก”


 


 


“เจ้าว่ายังไงนะ”


 


 


ซูจิ่วซือดวงตาฉายแววประหลาดใจแวบหนึ่ง ทำไมจงมั่วเจียงจึงรู้เรื่องนี้ ถ้าเป็นความจริง ก็เป็นความลับของราชสำนัก ไม่มีทางแพร่ออกไป แม้แต่ฟู่เฉินหรงก็ไม่รู้


 


 


“เจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ ข้าไม่จำเป็นต้องหลอกเจ้า ทำไมข้ารู้จักเสิ่นไห่ถัง เพราะนางเป็นคนของสำนักวิหคเขียว กำไลที่มือเจ้าเป็นของมีค่าของสำนักวิหคเขียว ที่อาจารย์ข้ามอบให้เสิ่นไห่ถัง”


 


 


ซูจิ่วซือไม่ได้พูดแทรก รอให้จงมั่วเจียงพูดต่อจนจบ


 


 


“อาจารย์ข้าตอนหนุ่มเคยพบเสิ่นไห่ถังขณะที่นางหิวโซกลางทาง จึงพานางกลับมาที่บ้าน และตั้งชื่อนางว่าเสิ่นไห่ถัง


 


 


นางอายุน้อยกว่าอาจารย์ข้าแปดปี ติดตามอาจารย์ข้าอย่างใกล้ชิด ต่อมาอาจารย์ก่อตั้งสำนักวิหคเขียว นางก็ยังช่วยงานมาตลอด อาจารย์มอบของล้ำค่าที่สืบทอดจากบรรพบุรุษให้นาง ก็คือกำไลในมือเจ้า เพราะอยากแต่งงานกับนาง”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม