หมอยาหวานใจท่านประธาน 338-345
ตอนที่ 338 ล้วนเป็นคู่แข่ง
ที่ทั้งคู่ใกล้ชิดสนิทสนมกันอยู่ในสายตาหนานหลิวเฟิง เขารู้สึกเหมือนผงเข้าตา พอมองดูก็จะปวดลูกตา ยังรู้สึกอึดอัดใจอย่างยิ่ง
พอเว่ยเหลียนเฉิงกับหลานเย่หมิงเห็นเขาเป็นแบบนี้ก็สบตากัน แล้วถอนหายใจด้วยความจนใจ ทั้งผลักทั้งดันให้เขาเดินเข้าไป
“ที่ฉันพูดกับนาย นายคงลืมไปแล้วมั้ง คิดดูสิ พวกคุณเป็นไปไม่ได้แล้ว” เสียงเว่ยเหลียนเฉิงเบามาก แต่เสียงยังเข้าหูหนานหลิวเฟิง ฟังหรือไม่ก็ต้องเข้าไป ต้องดูตัวเขาเองแล้ว
ก็ใช่ ก่อนหน้านี้มักจะมีคนคนหนึ่งคอยเฝ้ามองเขา เขาชินกับการที่มีเธออยู่ แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่งจู่ๆ เธอก็เลิกมองเขา เหมือนไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อนอย่างสิ้นเชิง
ไม่เพียงเท่านี้ ยังทำตัวแปลกหน้ามาก แม้คุณจะคิดตกแล้ว อยากจะแก้ไขก็ไม่มีโอกาสแล้ว หนานหลิวเฟิงในฐานะเทพบุตรย่อมไม่คุ้นเคยกับความพ่ายแพ้เช่นนี้
ถ้าเขาเป็นผู้ชายเจ้าชู้ ผ่านผู้หญิงมามากก็คงจะไม่เป็นเช่นนี้ แต่ดูแล้วเขาไม่ใช่คนแบบนั้น อีลั่วเสวี่ยก็เหมือนรักแรกของเขา พอตัวเขาเข้าใจเรื่องนี้ก็พบว่าเธอไม่ใช่ของเขาแล้ว
“ไปได้แล้ว อย่าลืมจุดมุ่งหมายที่เรามาวันนี้สิ” หลานเย่หมิงเตือนสติเขา วันนี้ที่พวกเขามาก็เพื่อหุ้นร้อยละหกสิบที่ซีเหมินหลงเซี่ยวมอบออกมา
ถ้าช่วงชิงเรื่องนี้ได้ ย่อมส่งผลอย่างมากต่อสถานะของพวกเขาในเมืองนี้ วันนี้ที่มาล้วนเป็นคู่แข่ง จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด
หนานหลิวเฟิงครุ่นคิดเล็กน้อย ดึงสายตากลับมา หลุบตาลง แล้วเงยหน้าขึ้น “ฉันเข้าใจ” วันนี้ในสถานที่นี้ เกี่ยวข้องกับผลประโยขน์ของหนานกรุ๊ป คงต้องวางเรื่องความรักไว้ก่อน
ทั้งอีลั่วเสวี่ยและเฉวียนหมิงต่างรู้สึกถึงสายตาที่ร้อนแรงของหนานหลิวเฟิงที่ด้านหลัง แต่ทั้งคู่ทำเหมือนไม่มีอะไรแล้วมองข้ามไป คนหนึ่งคิดว่าไม่จำเป็นต้องยุ่งเกี่ยวด้วย อีกคนคิดว่าก็แค่อยากอวด
ใช่แล้ว เฉวียนหมิงต้องขอบใจที่ตอนนั้นหนานหลิวเฟิงไม่สนใจเธอ ไม่เช่นนั้นขณะนี้เขาจะมีโอกาสยืนอยู่ข้างๆ เธอหรือ บัดนี้เห็นว่าเธอดี อยากย้อนคืน ไหนเลยจะมีเรื่องง่ายอย่างนั้น
“คุณจงใจใช่ไหม?” อีลั่วเสวี่ยชำเลืองมองเฉวียนหมิง เรื่องที่ว่าต้องพาเพื่อนหญิงมาด้วยหรือไม่ ต้องมีการแจ้งเตือนก่อนแล้ว งานเลี้ยงพิเศษแบบนี้ เป้าหมายหลักเพื่อคุยธุรกิจหรือเพื่อความรื่นเริง ฝ่ายเจ้าภาพต้องแจ้งก่อนแล้ว
อีลั่วเสวี่ยไม่เชื่อว่าคนอย่างซีเหมินหลงเซี่ยวซึ่งเป็นถึงซีอีโอของไหลย่ากรุ๊ปจะไม่แจ้งเรื่องนี้ ส่วนเฉวียนหมิงย่อมมางานแบบนี้หลายครั้ง จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าควรพาเพื่อนหญิงมาหรือไม่
เฉวียนหมิงเม้มปากพลางพยักหน้า “ผมจงใจ แล้วจะเป็นยังไง คุณเป็นเจ้าของเฉวียนกรุ๊ปครึ่งหนึ่ง หรือคุณไม่ใส่ใจแม้แต่น้อยหรือ?”
มุมปากอีลั่วเสวี่ยกระตุก “พอเถอะ คำพูดนี้คุณอย่าพูดดีกว่า ถ้าปู่คุณได้ยิน คงจะคิดว่าฉันมีเป้าหมาย” เธอบริหารบริษัท EW ยังไม่ค่อยกระตือรือร้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเฉวียนกรุ๊ปซึ่งเป็นบริษัทที่ใหญ่มาก ต้องทุ่มเทสมองอย่างหนัก
เธอเป็นผู้บำเพ็ญเพียรเพื่อบรรลุเป็นเซียน จะให้เรื่องทางโลกที่วุ่นวายมาขัดขวางได้หรือ
“ปู่อายุมากแล้ว ท่านพูดอะไรคุณอย่าเก็บมาคิด ที่จริงท่านไม่ใช่คนใจร้าย เพียงแต่คิดว่าผมเป็นเด็กเสมอ” แม้จะรู้ว่าเขามีความสามารถบริหารบริษัทได้ แต่ก็ยังคอยกังวล ทำให้เขาจนใจ
“ฉันรู้ค่ะ” เธอย่อมรู้ จึงไม่ถือสา อีกอย่างผู้บำเพ็ญเพียรต้องจิตใจสงบ ถ้ามีเรื่องเล็กน้อยค้างคาใจ เท่ากับกลายเป็นสิ่งขัดขวาง แล้วเธอจะบำเพ็ญเพียรได้อย่างไร
ซีเหมินหลงเซี่ยวเดินอยู่ด้านหน้า ได้ยินเฉวียนหมิงพูดคุยกับอีลั่วเสวี่ย แม้จะฟังไม่ชัด แต่ก็ยังชำเลืองมองคนทั้งสอง
“คุณสองคนรักกันดี น่าอิจฉาจริง” เดิมเขาคิดว่าคนอย่างเฉวียนหมิงก็คงเหมือนตัวเขา ที่การแต่งงานต้องคำนึงถึงผลประโยชน์และความร่วมมือ คิดไม่ถึงว่าเฉวียนหมิงจะไม่เป็นแบบนั้น
ตอนที่ 339 ทำไมพูดชมผู้ชายอื่น
อีลั่วเสวี่ยได้ยินก็สบตากับซีเหมินหลงเซี่ยว แล้วยิ้ม “คุณซีเหมินไม่ต้องอิฉาหรอกค่ะ คุณเองก็มีได้ ไม่แน่นะคุณซีเหมินอาจจะมีอีกครึ่งแล้ว เพียงแต่เราไม่รู้”
“พูดถูกต้อง คุณซีเหมินเป็นใคร จะขาดผู้หญิงได้อย่างไร จริงไหมอาเสวี่ย?” คำพูดนี้เหมือนชมซีเหมินหลงเซี่ยว แต่ที่จริงเป็นการเยาะเย้ยเขา
มุมปากซีเหมินหลงเซี่ยวกระตุกเล็กน้อย หมอนี่พูดจาไม่ไว้หน้าเลย
“พวกคุณสามีภรรยาอย่าล้อผมเล่นเลย มา เชิญตามสบายครับ ผมจะไปทักทายแขกท่านอื่นก่อน” ซีเหมินหลงเซี่ยวพูดจบก็เดินไปยังกลุ่มคน
ก่อนที่พวกเขาจะมาถึง มีคนไม่น้อยมาถึงก่อนแล้ว พอเห็นซีเหมินหลงเซี่ยวเดินมาก็พากันชูแก้วเหล้าขึ้น เดินมาเชิญดื่ม
ถึงตอนนี้นับว่าอีลั่วเสวี่ยเข้าใจแล้ว ชีวิตของคนในสังคมไฮโซบนโลกนี้ เป็นอย่างนี้เอง นอกจากคุยธุรกิจแล้วก็คือการมาสังสรรค์กัน เสร็จเรื่องก็เป็นการเล่นสนุก ทำงาน? ไม่มีเรื่องนี้หรอก
“อาเสวี่ย คุณดื่มนี่ดีกว่า” เฉวียนหมิงเดินมาที่โต๊ะ หยิบแก้วแชมเปญยื่นให้เธอ ดื่มแล้วไม่เมาง่ายๆ
อีลั่วเสวี่ยพยักหน้า รับแก้วแชมเปญ แล้วเปลี่ยนแชมเปญในมือเขาเป็นน้ำผลไม้ “คุณดื่มน้ำส้มคั้นจะดีกว่า” เหล้าสำหรับคนที่สุขภาพอย่างเขาแล้วดื่มให้น้อยหน่อยจะดีกว่า
เฉวียนหมิงแปลกใจเล็กน้อย แล้วผงกศีรษะ “ดี ผมเชื่อคุณทุกเรื่อง”
“เอ๊ะ คู่รักคู่ขวัญอย่างพวกคุณมาอยู่ที่นี่แล้ว จะให้หนุ่มโสดอย่างเราวางตัวอย่างไร?” หลานเย่หมิงกับเว่ยเหลียนเฉิงเดินพูดคุยหัวเราะกันมา คนหนึ่งถือแชมเปญคนหนึ่งถือไวน์แดง ยังไม่ลืมถือเผื่อหนานหลิวเฟิงซึ่งอยู่ด้านหลังแก้วหนึ่งด้วย
“หนุ่มโสด? ก็แค่ดูจากภายนอกเท่านั้น ขอเพียงพยายามหน่อย จะเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องยาก?” อีลั่วเสวี่ยยิ้มกับหลานเย่หมิงอย่างมีความหมายลึกซึ้ง อย่าคิดว่าเธอดูไม่ออกว่าเขาหลงรักหลิ่วเฟยซวง
หลานเย่หมิงยิ้มอย่างขมขื่น “กลัวแต่ว่าเซียงอ๋องหมายตา แต่เทพธิดาไร้ใจ”
“ฟังคุณพูดแล้วน่าสงสารจริง แล้วฉันจะหาเวลาพูดเชียร์คุณกับเธอดีไหม?” อีลั่วเสวี่ยพูดกึ่งล้อเล่น
คิดไม่ถึงว่าว่าพอเธอพูดอย่างนี้ หลานเย่หมิงตรงหน้าจะดูสดใสขึ้นทันที “จริงหรือ งั้นผมคงต้องขอบคุณล่วงหน้าแล้ว” พูดจบก็ชูแก้วเหล้าในมือขึ้นจะชนแก้วกับอีลั่วเสวี่ย
เฉวียนหมิงยืนอยู่ข้างๆ คิ้วขมวดด้วยความไม่พอใจ แล้วใช้แก้วน้ำส้มคั้นในมือชนแก้วกับหลานเย่หมิง
จากนั้นก็พูดข้างหูอีลั่วเสวี่ย “ทำไมคุณถึงพูดชมผู้ชายอื่น?” จริงด้วย ทำไมพูดชมผู้ชายคนอื่นล่ะ คิดแล้วทำให้เขานึกอิจฉา
ท่าทางแข็งกร้าวและหึงหวงของเฉวียนหมิง ทำให้อีลั่วเสวี่ยยิ้มอย่างจนใจ ที่มากกว่าคือความหวานชื่น ก่อนนี้ยังคิดว่าความรู้สึกเป็นเจ้าของของเขาไม่รุนแรง สามารถยอมให้เธอมีอิสระเสรีกับเพื่อนข้างนอกได้ เวลานี้ดูแล้วที่แท้เขาพยายามอดกลั้นไว้
เวลานี้เหมือนเขาได้ปลดปล่อยแล้ว ไม่ยอมให้เธอทำโน่นทำนี่แล้ว
“เพื่อนเพื่อนซี้ คุณคงเข้าใจนะ” อีลั่วเสวี่ยยิ้มพลางกระซิบบอก พอได้ยินเช่นนี้เฉวียนหมิงจึงดึงศีรษะกลับ แล้วชำเลืองมองหนานหลิวเฟิงด้วยแววตาท้าทาย
เขาสามารถมองเห็นอีกฝ่ายที่กำแก้วเหล้าไว้แน่นรวมทั้วงใบหน้าที่ฝืนยิ้มเต็มที่ แต่ที่จริงในใจกำลังปั่นป่วนราวกับทะเลคลั่ง ทำให้เฉวียนหมิงรู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
เขาไม่เคยมีครั้งไหนที่รู้สึกว่าความทุกข์ของคนอื่นก็คือความรื่นรมย์ของตนเอง แต่ขณะนี้เขาเห็นคนอื่นทุกข์ใจ เขากลับสะใจมาก
ท่าทางเฉวียนหมิงแบบนี้ อย่าว่าแต่หนานหลิวเฟิงจะนึกอิจฉา แม้แต่หลานเย่หมิงและเว่ยเหลียนเฉิงก็รู้สึกแปลก
แม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะไปมาหาสู่กับเฉวียนหมิงน้อยมาก แต่ปีนี้เจอกันหลายครั้งแล้ว เดิมสีหน้าเขาเฉยชาไร้ความรู้สึก ไม่เคยเห็นเขายิ้ม จนทุกคนคิดว่าใบหน้าเขาเป็นอัมพาตทำให้ยิ้มไม่เป็น แต่วันนี้ดูเหมือนคงต้องเปลี่ยนความคิดนี้แล้ว
ตอนที่ 340 ฉันยอมแพ้
“พวกคุณสองคนพอทีเถอะ เห็นพวกคุณรักกันชื่นมื่นอย่างนี้มากเกินไป ชักรู้สึกเอียนแล้ว” หลานเย่หมิงเลิกคิ้วขึ้นพลางนึกในใจ ก่อนนี้อีลั่วเสวี่ยงอยู่กับ เฉวียนหมิง ไม่เห็นหวานชื่นกันขนาดนี้
เวลานี้เหมือนกำลังตกอยู่ในห้วงเสน่หาที่ร้อนแรง จนพวกเขาเห็นแล้วก็อยากมีแฟนบ้าง อยากรับรู้สายตาของคนอื่นและความเอาใจใส่ระหว่างกัน
เฉวียนหมิงเลิกคิ้วขึ้น แม้ว่าใบหน้านี้จะยังคงไร้ความรู้สึก แต่สีหน้าอ่อนโยนลงมาก “ถ้าขัดตา คุณไม่ต้องดูก็ได้ เราไม่ได้บังคับคุณ”
ได้ คุณชนะ หลานเย่หมิงชูแก้วเหล้าขึ้นอย่างยอมนับถือ แล้วดื่มเหล้าที่เหลือจนหมด
และเป็นตอนนี้เองที่ซีเหมินหลงเซี่ยวขึ้นยืนบนเวที่ด้านหน้าสุดของบริเวณงาน ยืนตรงหน้าไมโครโฟน แสงไฟในงานเลี้ยงมืดลง มีข้อความแถวหนึ่งปรากฏขึ้นบนจอภาพข้างหลังเขา
งานระดมทุนจัดสรรหุ้นบริษัทไหลย่าสาขามือง F เหมือนที่ซีเหมินหลงเซี่ยวพูดไว้ในงานเลี้ยงครั้งก่อน จะนำหุ้นร้อยละหกสิบออกมา ถึงตอนนั้นจะแบ่งออกเป็นกี่ส่วนก็ขึ้นกับผู้เสนอราคาแล้ว
“นี่เป็นการทำอะไรหรือคะ?” อีลั่วเสวี่ยแปลกใจ ซีเหมินหลงเซี่ยวบอกว่าจะรุกเข้ามาในกิจการเครื่องหยก ดูแล้วคงจะไม่ใช่ กลับจะเปิดร้านสาขาที่นี่ ทำให้แปลกใจ
หรือเป้าหมายเขายังคงเป็นแหวนหยกวงนี้ของเธอ โชคดีที่ตอนที่เธอเจอกับซีเหมินหลงเซี่ยว ขณะที่จับมือกัน เธอสวมแหวนหยกที่เจ้าลูกบอลเงินทำเลียนแบบ ไม่เช่นนั้นเมื่อกี้ที่จับมือกัน เขาอาจจะดูออกแล้ว
น่ารำคาญจริง หรือว่าต่อจากนี้ทุกครั้งที่เจอคนผู้นี้เธอต้องเปลี่ยนสวมแหวนปลอมหรือ?
เฉวียนหมิงตีหลังมืออีลั่วเสวี่ยเบาๆ “เดี๋ยวคุณก็จะรู้แล้ว”
หลังจากเฉวียนหมิงพูดจบ บริกรในงานก็แจกเอกสารให้ผู้เข้าร่วมงาน ดูเหมือนบริกรเหล่านี้จะรู้จักคนที่มางาน ดังนั้นจะดูหน้าคนก่อนแจก พอมาถึงตรงหน้าอีลั่วเสวี่ยก็ยื่นเอกสารให้เฉวียนหมิงโดยตรง
“ดูสิ” เฉวียนหมิงเปิดเอกสาร อาศัยแสงไฟที่สว่างพอ ตัวหนังสือที่เล็กเท่ายุงเข้าสู่สายตาอีลั่วเสวี่ย
นี่เป็นเอกสารที่เกี่ยวกับการจัดสรรหุ้นและหนังสือสัญญาความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้อง จุดมุ่งหมายอยู่ที่ฝ่ายที่อำนาจการซื้อหุ้นครั้งนี้กับบริษัทของซีเหมินหลงเซี่ยว เป็นหนังสือสัญญากับไหลย่ากรุ๊ป
ความจริงแล้วหุ้นของทุกบริษัทไม่ได้ซื้อขายกันในตลาดหุ้น แต่มีการจัดสรรกันแล้วในสังคมไฮโซ ต่อให้มอบออกมา แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด
อย่างน้อยหุ้นที่อยู่ในมือของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ย่อมมากกว่าหุ้นที่ปล่อยมามากมายนัก
ไม่นานนักทั้งคู่ก็อ่านข้อดีและความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องในเอกสาร พออ่านจบอีลั่วเสวี่ยก็ขมวดคิ้ว อ่านเอกสารแล้วดึงดูดใจคนมาก แต่ความจริงมีข้อดีไม่มาก
ไหลย่ากรุ๊ปเป้าหลักคือเครื่องสำอางระดับโลก มีลูกค้ามาก แต่ครั้งนี้มีผู้ถือหุ้นมาก ถึงจะทำกำไรได้ พอได้ปันผลก็ได้ไม่เท่าไหร่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงไหลย่ากรุ๊ปที่ถือหุ้นร้อยละสี่สิบ พวกเขาต่างหากที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
อีกอย่างพวกเขาเป็นผู้สนองสินค้า ผลประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับนั้น คำนวณดูแล้วที่จริงไม่เหมาะสมเลย
เฉวียนหมิงเม้มปากเมื่อเห็นอีลั่วเสวี่ยคิ้วขมวด “อาเสวี่ย ตามความเห็นคุณ เราควรเข้าร่วมหุ้นไหม?”
สอบถามเธอ เขาถึงกับถามเธอ นี่หมายความว่าให้เธอเป็นคนตัดสินใจ คำพูดเขาทำให้อีลั่วเสวี่ยชะงัก ขณะเดียวกันพลอยทำให้หนานหลิวเฟิงรวมทั้งหลานเย่หมิงและเว่ยเหลียนเฉิงผงะด้วย
คืนนั้เฉวียนหมิงจะมอบอำนาจการตัดสินใจให้เธองั้นหรือ ถ้าเกิดเธอตัดสินใจไม่เอา เขาจะยอมทิ้งการแข่งขันหรือ?
“ไม่เป็นไรหรอก แค่บอกความเห็นของคุณก็ได้” ได้เงินน้อยลงก็ไม่เป็นไร เขาสามารถไปหาเงินที่อื่นได้ เมื่อเทียบกับการที่ต้องแบ่งเงินกับคนอื่น สู้หาเงินเองไม่ได้ ไม่ต้องกลัวว่าถูกหลอก ตนเองตั้งพนักงานของตนเองได้ ยังดูแลบัญชีด้วยตัวเอง
ตอนที่ 341 คุณไม่สบอารมณ์ ผมเองก็ไม่ชอบ
ในเมื่อเฉวียนหมิงพูดเช่นนี้ อีลั่วเสวี่ยจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังแล้ว “ที่จริงฉันรู้สึกว่าการจะเข้าหุ้นด้วยหรือไม่ ไม่สำคัญ เฉวียนกรุ๊ปเราไม่ขาดเงินเล็กน้อยเท่านี้”
แม้จะมีคำกล่าวที่ว่าไม่ควรวางไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าใบเดียว ถ้าลงทุนในไหลย่ากรุ๊ปกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่ละปีมีเงินปันผลไม่น้อย
แต่ปัญหาก็คือด้านบัญชี ผลประกอบการไม่ว่ากำไรหรือขาดทุนล้วนกุมอยู่ในมือของไหลย่ากรุ๊ป และในฐานะบริษัทแม่ไหลย่ากรุ๊ปเป็นผู้รับพนักงาน พวกเขาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ย่อมเป็นผู้ประกาศผลประกอบการ
นั่นก็คือไม่ว่าพวกเขาจะประกาศว่าอย่างไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น การดำเนินงานทางการค้าตามปกติ พวกเขาไม่อาจยื่นมือเข้าไปได้ มีเพียงเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่ที่ต้องประชุมเพื่อขอมติจากผู้ถือหุ้นเท่านั้น
พอถึงตอนนั้นฝ่ายนั้นแบ่งเงินให้พวกเขาเท่าไหร่ก็คือเท่านั้น แน่นอนว่าไหลย่ากรุ๊ปเป็นเค้กที่ไม่เลว ย่อมได้กินแน่นอน แต่คนอย่างซีเหมินหลงเซี่ยว เธอไม่อยากร่วมมือด้วยเป็นพิเศษ
แม้ว่าที่ร่วมมือกับเขาจะเป็นเฉวียนกรุ๊ปแห่งตระกูลเฉวียนของเฉวียนหมิง แต่ผู้ชายอย่างซีเหมินหลงเซี่ยวมีความเป็นมาที่ไม่ธรรมดา ทั้งที่สถานที่ประมูลใต้ดินยังต้องการชิงแหวนหยกของเธอให้ได้ เธอไม่ต้องการให้วันหนึ่งเพราะเรื่องนี้ ทำให้ซีเหมินหลงเซี่ยวพุ่งเป้ามาที่เฉวียนกรุ๊ปของเฉวียนหมิง
เฉวียนหมิงผงกศีรษะ “ที่อาเสวี่ยพูดก็คือสิ่งที่ผมอยากพูด งั้นเราไม่เข้าร่วมหุ้น”
สองคนนี้พูดเพียงสองประโยคก็ตัดสินใจเรื่องในคืนนี้แล้ว นี่ทำให้หนานหลิวเฟิงกับพวกพลอยได้รับผลพวงไปด้วย ต่างรู้สึกแปลกใจ ไม่เข้าร่วมหุ้นแล้ว ในเมื่อเฉวียนกรุ๊ปละทิ้งการเข้าร่วมหุ้นกับไหลย่ากรุ๊ป พวกเขาย่อมมีโอกาสชนะมากขึ้น
แต่เขาถึงกับยอมปล่อยมือ เพราะคำพูดประโยคเดียวของเธอ หนานหลิวเฟิงรู้สึกคับข้องใจมาก นี่ไม่ใช่แค่รักเท่านั้น แต่เป็น…แต่เป็นการยอมสยบ!
อีลั่วเสวี่ยประหลาดใจ “ฉันก็แค่พูดความเห็นของฉันเท่านั้น คุณไม่จำเป็นต้อง…”
“ไม่ อาเสวี่ย คุณอย่าโทษตัวเอง นี่ก็เป็นสิ่งที่ผมตัดสินใจเช่นกัน” เฉวียนหมิงพูดจบก็ปิดหนังสือเอกสาร แล้วขยับเข้าชิดอีลั่วเสวี่ยมากขึ้น ให้เธอยืนพิงอ้อมอกเขา
“พวกคุณสองคนนั้นตัดสินใจไม่ซื้อหุ้นแล้วหรือ?” หลานเย่หมิงคิดไม่ออกจริงๆ พ่อค้าเห็นทางได้กำไรแต่กลับไม่เอา น่าแปลก เดิมทีเฉวียนหมิงกับซีเหมินหลงเซี่ยวก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่กลับไม่ร่วมมือด้วย ไม่เข้าใจจริงๆ
เฉวียนหมิงพยักหน้า “จะโกหกหรือไง คุณเองก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือ?” ไม่เพียงเห็น ยังได้ยินที่ทั้งคู่คุยกัน ยังอุตส่าห์ถามอีก
มุมปากหลานเย่หมิงกระตุก แล้วสั่นหัวไปมา เขาอาจจะดื่มมากไปแล้ว ตั้งสติหน่อย บางทีอาจจะดีขึ้น
หลังจากที่ปล่อยเวลาให้ทุกคนได้อ่านเอกสารแล้ว ซีเหมินหลงเซี่ยวจึงเริ่มแนะนำ สุดท้ายจึงแจกเครื่องเสนอราคาให้ผู้ร่วมงาน เครื่องนี้ถึงตอนนั้นจะแสดงชื่อผู้เสนอราคา หลายคนที่เสนอราคาสูงสุดก็จะเป็นผู้ร่วมหุ้นของพวกเขา
“ทุกท่านเริ่มได้แล้วครับ” ซีเหมินหลงเซี่ยวพูดจบก็ยิ้มร่า แล้วยื่นไมโครโฟนให้อีกคน ดูแล้วน่าจะเป็นเลขาของเขา ให้เขามากำกับงานนี้ซึ่งดูเหมือนวิธีระดมทุน
พอซีเหมินหลงเซี่ยวเสร็จงานก็กลับเข้าไปพักในห้อง หลังงานระดมทุนแล้วยังมีงานเลี้ยงรับรอง แล้วพื้นที่งานจะเหลือไว้ให้กับผู้ร่วมมือในอนาคต
ทุกคนเริ่มเสนอราคาแล้ว ส่วนเฉวียนหมิงพอได้รับเครื่องเสนอราคาก็วางลงข้างๆ มีคนมากมายอยากมางานนี้เพื่อช่วงชิง แต่เขากลับวางมืออย่างง่ายดาย ถ้าคนที่ไม่มีโอกาสมาร่วมงานรู้เข้า คงจะแค้นใจจนกระอักเลือดแน่
“พวกคุณทิ้งไปจริงๆหรือ?” หลานเย่หมิงถือเครื่องเสนอราคาเดินมา แล้วถามเบาๆ คนที่ฉลาดปราดเปรื่องอย่างเฉวียนหมิง เขาไม่เชื่อหรอกว่าแค่คำพูดประโยคเดียวของอีลั่วเสวี่ยก็จะละทิ้งโอกาสที่จะร่วมมือ
ตอนที่ 342 เขามีจุดอ่อน
จะอย่างไรแบรนด์เคเอ็มคิวก็เพิ่งเริ่มเปิดตัวมาเพียงห้าปี เสื้อผ้าเมื่อเทียบกับเครื่องสำอางแล้ว ไม่ใช่ของที่ใช้หมดไป เครื่องสำอางจึงทำเงินได้มากกว่า
เฉวียนหมิงย่อมรู้ดีถึงข้อเปรียบเทียบดังกล่าว สัญชาตญาณบอกหลานเย่หมิงว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรบางอย่าง ขณะเดียวกันในใจก็เกิดความคิดขึ้นว่าหรือเขาก็ควรทิ้งหุ้นนี้ด้วย
อีลั่วเสวี่ยมองดูหลานเย่หมิงซึ่งจ้องมองตนไม่วางตา จากนั้นจึงผงกหัวแล้วว่า “ใช่ พิจารณาดีแล้ว เราไม่ร่วมหุ้นด้วย งั้นคุณก็สู้เต็มที่เลย” ที่จริงเธออยากเตือนหลานเย่หมิงเช่นกัน
แต่พอคิดดูแล้ว คนอย่างซีเหมินหลงเซี่ยวนอกจากจะเป็นซีอีโอของไหลย่ากรุ๊ปแล้ว ถ้าสถานภาพนั้นของเขาถูกเปิดเผย ย่อมทำให้ฐานะของไหลย่ากรุ๊ปสูงเด่นขึ้น ที่จริงการเข้าถือหุ้นย่อมไม่ขาดทุน เธอจึงไม่ได้เตือนหลานเย่หมิง
แต่สินค้าอย่างเครื่องสำอางจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนให้ทันสมัยอยู่เสมอ ไม่เช่นนั้นจะถูกเขี่ยออกจากตลาด แม้ว่าเบื้องหลังของซีเหมินหลงเซี่ยวจะใช้วิธีการที่โหดเ**้ยมร้ายกาจ แต่คิดแล้วคงไม่ใช้กับหลานเย่หมิงและพวกหรอก
เพราะอย่างไรพวกเขาอยู่ในแวดวงธุรกิจ ส่วนที่ทำลับหลังนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับคนเหล่านี้
หลานเย่หมิงเลิกคิ้วขึ้น ไม่ถามต่ออีก แล้วเดินตรงไปข้างหน้า พยายามเพ่งมองให้ชัดว่าขณะนี้บนจอภาพมีใครบ้างที่เสนอราคาสูงสุด พร้อมกับฟังดูคนอื่นเสนอราคา
ในเวลานี้อีลั่วเสวี่ยกับเฉวียนหมิงทำอะไรกันอยู่ ทั้งคู่หยิบจาน คีบขนมและผลไม้ใส่ หยิบแก้วแชมเปญแล้วเดินหาที่ จากนั้นก็กินกันอย่างเพลิดเพลิน
บรรยากาศรอบๆ ที่คึกคักไม่ส่งผลกระทบต่อทั้งคู่แม้แต่น้อย กลับรู้สึกเหมือนกำลังกินดินเนอร์ใต้แสงเทียน
หนานหลิวเฟิงซึ่งกำลังเสนอราคาอยู่ คอยมองมาที่ทั้งสองเป็นระยะ พอเห็นเช่นนั้นใบหน้าก็ยิ่งไร้รอยยิ้ม
เฉวียนหมิง เป็นนายที่ทิ้งไปเอง โทษฉันไม่ได้หรอก! หนานหลิวเฟิงหรี่ตา กลับคืนสู่ความเป็นจริง เพิ่มราคาไม่หยุด อยู่ที่นี่ได้ระบายความรู้สึกอยากประมูลซื้ออย่างเต็มที่
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเศษ คนที่แข่งกันเสนอราคามีน้อยลงแล้ว สุดท้ายเหลือมั่วเฉินเซวียนกับหนานหลิวเฟิงที่เสนอราคาสูงสุด สุดท้ายเสนอราคาเท่ากัน ทั้งยังจำนวนหุ้นเท่ากัน เป็นอันดับหนึ่งร่วม ถัดมาเป็นกลุ่มธุรกิจที่รองจากหนานกรุ๊ปละเฉวียนกรุ๊ปในเมืองเอฟ เท่านั้น ถัดลงมาอีกจึงเป็นหลานเย่หมิงกับเว่ยเหลียนเฉิง
รอจนการเสนอราคาจบลงทุกคนจึงพบว่าบนนั้นไม่มีชื่อของเฉวียนหมิง จึงเริ่มมองหาตัวเฉวียนหมิงในงาน ต่างพากันคิดในใจว่าเขาอาจจะเสนอราคาครั้งสุดท้ายในราคาสูงสุดทีเดียวเลย ไม่ต้องเสียเวลาคอยเสนอราคา
แต่น่าเสียดาย เพราะเมื่อหาเฉวียนหมิงเจอ เขากำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเนยที่เปื้อนมุมปากอีลั่วเสวี่ยอย่างทะนุถนอม ไม่ได้ใส่ใจด้านนี้แม้แต่น้อย
ซีเหมินหลงเซี่ยวเดินออกมาจากห้องเพราะการเสนอสิ้นสุดลงแล้ว เขามองตามสายตาของทุกคนและมองเห็นฉากนี้ แววตาดูลึกล้ำขึ้นทันที
พอชำเลืองมองก็พบว่าบนจอไม่มีชื่อของเฉวียนหมิง ขมวดคิ้วทันที แล้วคลายออกอย่างรวดเร็ว
ความจริงแล้วเขาพอจะคาดเดาเรื่องที่เฉวียนหมิงอาจจะไม่ร่วมหุ้น เพียงแต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะละทิ้งจริงๆ
ทิ้งไปก็ทิ้งไป เขาไม่ขาดคนที่ร่วมมือ ถึงจะไม่ได้กลายเป็นผู้ถือหุ้นและร่วมงานกัน แต่ทางธุรกิจมากน้อยก็ต้องมีการติดต่อกัน ที่วันนี้เฉวียนหมิงทิ้งไป เขาจึงไม่นึกเสียดาย เพราะเขารู้ข่าวที่สำคัญกว่า
นั่นคือจุดอ่อนของเฉวียนหมิงก็คือผู้หญิงคนนี้ เป็นเธอแน่นอน
“ดูเหมือนเราสองคนจะเข้ากับคนอื่นไม่ได้” อีลั่วเสวี่ยกินอิ่มแล้ว มุมปากกระตุกเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาของทุกคน
“งั้นหรือ ต้นไม้ยืนเดี่ยวไม่ดีหรือไง?” เป็นคนพิเศษในหมู่คน ไม่ใช่ปลาที่ลอยไปตามกระแสน้ำ แบบนี้ย่อมดีกว่า
ตอนที่ 343 หมุนเงินไม่ทัน
อีลั่วเสวี่ยพยักหน้า “คูณพูดถูกค่ะ” คนอย่างเฉวียนหมิงอย่าเห็นว่าบางครั้งดูเย็นชา เหมือนพูดไม่เก่ง แต่อีคิวเขาสูงมาก
เฉวียนหมิงเม้มปากแล้วดึงอีลั่วเสวี่ยยืนขึ้น เนื่องจากซีเหมินหลงเซี่ยวเดินออกมาแล้ว ทุกคนจึงเลิกสนใจสองคนนี้
ถึงตอนนี้ซีเหมินหลงเซี่ยวมาทีเวทีด้านหน้าอีกครั้ง เขาถือไมโครโฟน มองดูทุกคนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ต้องขอบคุณอย่างยิ่งที่ทุกท่านให้การสนับสนุนไหลย่ากรุ๊ป ข้างบนนี้คือการจัดสรรสิทธิหุ้นในการลงทุนเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้ อีกเดี๋ยวผมจะจัดสัญญามาให้ทุกท่านลงนาม ต่อไปนี้เราก็คือครอบครัวเดียวกันแล้ว ผมเป็นตัวแทนไหลย่ากรุ๊ปยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าร่วมครับ”
“เยี่ยม!” ทุกคนได้ยินก็ปรบมือด้วยความตื่นเต้นทันที สำหรับไหลย่ากรุ๊ปนั้น ในประเทศนี้มีคนมากมายที่อยากร่วมหุ้นด้วย แต่พวกเขาได้ครอบครองโอกาสนี้ก่อน วันหน้าถ้าขายหุ้นนี้ออกไปต้องได้กำไรก้อนใหญ่แน่นอน!
ซีเหมินหลงเซี่ยวมองเห็นปฏิกิริยาของทุกคน แต่เขาคาดเดาล่วงหน้าแล้ว จึงดูเหมือนจะไม่แปลกใจนัก
“เมื่อเป็นเช่นนี้ ขอเชิญทุกท่านตามผมไปยังห้องประชุมทางด้านนี้ เราจะลงนามในสัญญาแล้วร่วมรับประทานอาหารค่ำกัน” ซีเหมินหลงเซี่ยววางไมโครโฟนลง ผายมือเป็นการเชื้อเชิญ ขณะเดียวกันก็มีบริกรเดินนำคนเหล่านั้นไปในห้องจัดเลี้ยง
พวกเขาทยอยกันผละไป เหลือเพียงคนที่มาด้วยยังอยู่ในบริเวณงาน ซีเหมินหลงเซี่ยวเดินลงจากเวที ตรงมาหาเฉวียนหมิงและคนอื่นๆ
“ทุกท่าน ขอบคุณมากที่มาร่วมงาน เชิญ”
หนานหลิวเฟิงยิ้ม “เกรงใจเกินไปแล้วครับ” มั่วเฉินเซวียนซึ่งอยู่ห่างจากพวกเขามองมาทางนี้แวบหนึ่ง แล้วผละไป
เมื่อคนเหล่านี้เดินไปที่ห้องประชุม ซีเหมินหลงเซี่ยวชะงักเล็กน้อย หันมาทางเฉวียนหมิง “คุณชายเฉวียน ไม่ทราบว่าเพราะเหตุไรจึงทิ้งการเข้าร่วมหุ้น ทำให้ผมรู้สึกเสียใจ เดิมคิดว่าคราวนี้เราจะได้ร่วมมือกันยาวเสียอีก”
พอเฉวียนหมิงได้ยินก็คล้องแขนอีลั่วเสวี่ย มีรอยยิ้มที่งดงามผุดขึ้นที่มุมปาก จากนั้นจึงถอนหายใจพลางส่ายหน้า “จนใจจริงๆ ระยะนี้หมุนเงินไม่ทัน ทำให้คุณซีเหมินผิดหวังแล้ว”
หมุนเงินไม่ทัน? คำพูดของเฉวียนหมิงเข้าหูซีเหมินหลงเซี่ยวรวมทั้งหนานหลิวเฟิงและหลานเย่หมิงซึ่งอยู่ไม่ห่าง ต่างพากันประหลาดใจ
พวกเขาพบเรื่องหนึ่ง นั่นคือขณะที่คนอย่างเฉวียนหมิงโกหกนั้น ไม่กะพริบตาแม้แต่น้อย
มุมปากซีเหมินหลงเซี่ยวกระตุก “ที่แท้เป็นอย่างนี้เอง ต้องการความช่วยเหลือจากเพื่อนอย่างผมไหม?” ไม่มีเงิน ถ้าเขาไม่มีเงิน ไม่ต้องพูดถึงทั้งโลก แค่เมืองเอฟก็มีคนนับไม่ถ้วนที่ไม่มีข้าวกิน
“ผมน้อมรับความปรารถนาดีของคุณซีเหมิน บริษัทพวกคุณเพิ่งเริ่มต้น มีหลายเรื่องล้วนต้องใช้เงิน ผมจะเอ่ยปากง่ายๆ ได้อย่างไร ขอบคุณมาก” เฉวียนหมิงปฏิเสธอย่างมีมารยาท
สุดท้ายซีเหมินหลงเซี่ยวกับบรรดาผู้ร่วมหุ้นที่ได้มาจากการแข่งขันก็ไปยังห้องประชุม ส่วนคนในงานยังคงพูดคุยกันต่อ
พวกที่โชคดีในการแข่งขันล้วนยิ้มสีหน้าระรื่น คนที่ไม่ชนะการแข่งขันพากันมาเอาใจ ต่างกินดื่มและพูดคุยกันอย่างสนิทสนม มีเพียงอีลั่วเสวี่ยและเฉวียนหมิงที่แยกตัวออกมา
อย่างไรเดิมที่เฉวียนหมิงได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นผู้ร่วมหุ้นมากที่สุด แต่กลับทิ้งไป นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนคิดไม่ตก
“ละทิ้งการเข้าร่วมหุ้นครั้งนี้ คุณนึกเสียใจไหมคะ?” อีลั่วเสวี่ยยกมุมปากขึ้น มองเฉวียนหมิงแล้วเอ่ยถาม
เฉวียนหมิงเก็บงำสายตาที่ล้ำลึกดูสวยงาม แววตาเปี่ยมด้วยความมั่นใจ “ผมเฉวียนหมิงไม่เคยทำเรื่องที่ต้องเสียใจภายหลัง แต่มีเรื่องหนึ่งที่ผมนึกเสียใจ”
“อะไรคะ?”
“นั่นคือไม่ได้พบคุณเร็วกว่านี้” พูดให้ถูกต้องก็คือไม่ได้หาคุณพบเร็วกว่านี้
หัวใจอีลั่วเสวี่ยเต้นระทึก ให้ตายสิ โดนเขาจีบอีกแล้ว
“เฉวียนหมิง ฉันเคยบอกคุณไหมว่าคุณจีบผู้หญิงเก่งขึ้น” อีลั่วเสวี่ยยิ้มสีหน้าสดใส แต่ยังแกล้งพูดด้วยความโมโห
ตอนที่ 344 ทำอะไรไม่ได้หรอก
เขาจีบสาวเก่งขึ้นทุกวัน
“จริงหรือ ทำไมผมไม่รู้สึกอย่างนั้นล่ะ?” เฉวียนหมิงตีหน้าซื่อ ดวงตาที่ลึกล้ำฉายแววเสน่หาออกมา รอยยิ้มที่มุมปากราวกับน้ำวนที่สามารถดูดคนลงไป
อีลั่วเสวี่ยส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “คุณว่าไงล่ะ?” จริงหรือไม่จริงเขาเองย่อมรู้ดี
ทุกคนคุ้นเคยกับการลงนามในสัญญา ยังเป็นระดับแนวหน้าในการอ่านพิจารณาสัญญา ดังนั้นคนที่ซีเหมินหลงเซี่ยวพาไปอยู่ในห้องนั้นไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็กลับมาที่บริเวณงานเลี้ยงแล้ว
ซีเหมินหลงเซี่ยวเตรียมหนังสือสัญญาไว้ล่วงหน้า ก็แค่ให้ผู้ร่วมหุ้นเซ็นชื่อและประทับตราลงไปก็เรียบร้อย
“ขอบคุณทุกท่านที่ให้การสับสนุน ผมเชื่อมั่นว่าบริษัทสาขาของไหลย่ากรุ๊ปในเมืองเอฟต้องรุ่งโรจน์แน่นอนครับ” ซีเหมินหลงเซี่ยวยิ้มร่า เดินออกมาจากห้องประชุมท่ามกลางผู้คนแวดล้อม
มั่วเฉินเซวียนกับหนานหลิวเฟิงเดินขนาบซ้ายขวาเขา ถัดมาเป็นผู้ถือหุ้นมากที่สุดถัดไปของเมืองเอฟ ดูจากตำแหน่งยืนก็พวกเขาพอจะเดาออกได้ใครอยู่ในลำดับใด
พวกเขาอยู่แต่ไกลก็เห็นเฉวียนหมิงกับอีลั่วเสวี่ยกำลังพลอดรักกัน นอกจากแปลกใจแล้วยังรู้สึกสับสนและระวังตัว เฉวียนหมิงไม่ร่วมแข่งขันกับพวกเขา เป็นเรื่องที่พวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้
ดวงตาซีเหมินหลงเซี่ยวเป็นประกาย ดึงสายตากลับจากแหวนบนนิ้วของอีลั่วเสวี่ย
“ทุกท่าน เดี๋ยวจะเริ่มอาหารค่ำแล้ว โปรดรอสักครู่ครับ”
จากนั้นบริกรก็ยกของหวานและผลไม้บนโต๊ะออกไป แล้วเริ่มยกอาหารหลักมาวางบนโต๊ะ อาหารทุกจานจัดแต่งอย่างน่าดู ทำให้ผู้คนเห็นแล้วเกิดความอยากอาหาร แต่ก็ไม่อาจตัดใจทำลายความสวยงามของอาหาร
“คุณชายเฉวียน ไม่รังเกียจที่พวกเราจะนั่งร่วมด้วยใช่ไหมครับ?” พอเห็นเฉวียนหมิงและอีลั่วเสวี่ยนั่งลงแล้ว ซีเหมินหลงเซี่ยวยิ้มพลางเดินมา แล้วนั่งลง
อีลั่วเสวี่ยรู้สึกเหมือนพูดไม่ออก เรื่องก็ชัดเจนอยู่แล้ว เขาเป็นเจ้าภาพ ทุกคนต่างรู้สึกเป็นเกียรติที่จะได้นั่งร่วมโต๊ะกับเขา ทั้งอาหารมื้อนี้เขาก็เป็นคนเชิญ เขาจะนั่งตรงไหนใครจะปฏิเสธได้ล่ะ
“แล้วพวกเราล่ะ คงไม่รังเกียจใช่ไหมครับ?” หลานเย่หมิงพูดพลางยิ้มร่า เขายังจำที่เธอพูดได้ เธอจะช่วยพูดเชียร์เขาต่อหน้าเฟยเฟย จะไม่ผูกไมตรีกับเธอได้อย่างไร
“เชิญเลยค่ะ” จะอย่างไรเธอกับเฉวียนหมิงก็ไม่ถูกเรื่องภายนอกกระทบได้ง่ายๆ ต่อให้เป็นศัตรูคู่อาฆาตนั่งอยู่ด้วย เธอยังสามารถยิ้มต้อนรับได้ ความสามารถนี้เธอฝึกฝนมาตั้งแต่ชาติก่อน สำหรับสภาพในวันนี้จึงสบายมาก
และแล้วทั้งหนานหลิวเฟิงและเว่ยเหลียนเฉิงรวมทั้งมั่วเฉินเซวียนก็ร่วมนั่งโต๊ะนี้ด้วย โต๊ะนี้จึงพูดได้ว่าเป็นโต๊ะหนุ่มหล่อยอดบุรุษหนุ่ม ถึงจะยังมีที่นั่งว่างก็ไม่มีใครกล้ามานั่งเพราะบรรยากาศที่นั่นดูเหมือนจะไม่ต้อนรับคนอื่นแล้ว
มีเพียงอีลั่วเสวี่ยที่เป็นผู้หญิง เป็นจุดแดงท่ามกลางมวลบุปผา ทำให้เธอกลายเป็นที่อิจฉาของบรรดาสาวสวยในงาน ใบหน้าเธอขณะนี้กลายเป็นที่รู้จักกันทั่วแล้ว
หลังจากกินอาหารแล้ว เฉวียนหมิงคล้องแขนอีลั่วเสวี่ยเดินผละไปอย่างสบายใจ สำหรับเรื่องที่วันนี้ไม่ได้เข้าร่วมหุ้นด้วยนั้นดูเหมือนเขาจะไม่กังวลแม้แต่น้อยและไม่ใส่ใจด้วย
“เฉวียนหมิง…” หนานหลิวเฟิงพึมพำขณะที่มองตามหลังเฉวียนหมิงที่โอบอีลั่วเสวี่ยเดินจากไป ถ้าตั้งใจฟัง จะพบว่าเสียงเขาแฝงไว่ด้วยความโกรธแค้น
ซีเหมินหลงเซี่ยวมองดูหนานหลิวเฟิงอย่างใช้ความคิด ดูแล้วเด็กหนุ่มคนนี้ก็หลงใหลเสน่ห์ของผู้หญิงคนนั้น เป็นผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
“เหม่ออะไรอยู่ ไม่ไปหรือไง?” หลานเย่หมิงตบไหล่หนานหลิวเฟิง แล้วยกมุมปากขึ้นอย่างจนปัญญา
หนานหลิวเฟิงตื่นจากภวังค์ พยักหน้า “ไป”
และแล้วค่ำคืนนี้จึงกลายเป็นคืนนี้น่าตื่นเต้นยินดีสำหรับหลายกลุ่มธุรกิจของเมืองเอฟ ส่วนเฉวียนหมิงและอีลั่วเสวี่ยกลับไม่รู้สึกรู้สา ถือว่าเป็นการเปลี่ยนที่กินมื้อค่ำ แล้วต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
ตอนที่ 345 ใช้วิธีปลอมตัว
หลังจากวันนั้นเฉวียนหมิงเอาน้ำแกงไก่มาส่งให้อีลั่วเสวี่ยตอนค่ำทุกวันติดต่อกันสามวัน เธอกินจนรู้สึกว่าใบหน้าจะอ้วนกลมแล้ว เขาจึงเลิกเอามาให้
และหลังจากนั้นเฉวียนหมิงจำเป็นต้องกลับไปดูแลงานของบริษัท
“คณชายครับ เพราะเรื่องที่ไหลย่ากรุ๊ปมาเปิดร้าน มั่วเฉินเซวียนกับหนานกรุ๊ปเริ่มมีสัญญาณว่าจะพุ่งเป้ามาที่กลุ่มธุรกิจของเรา โครงการที่เราวางแผยไว้แล้วล้วนถูกพวกเขาชิงตัดหน้าไปก่อน”
เหล่าเการู้สึกกังวล ขมวดคิ้วแน่น รอยย่นนั่นราวกับจะบีบให้แมลงวันตายได้
ในแวดวงธุรกิจนั้น ทุกวันล้วนมีบริษัทที่รุ่งขึ้น และก็มีบริษัทที่ปิดตัวลง ปลาใหญ่กินปลาเล็ก การถูกกลืนและการควบรวมเป็นเรื่องที่เห็นกันบ่อยจนไม่รู้สึกแปลกแล้ว
ก็เหมือนการเดินหมากล้อม จำเป็นต้องกินเบี้ยของอีกฝ่าย ยึดครองพื้นที่จึงจะทำให้ตนเองเข้มแข็งขึ้น ความจริงแล้วธุรกิจก็คือการแข่งขันและการก้าวหน้าไปพร้อมกัน
ขณะนี้บริษัทของมั่วเฉินเซวียนกับหนานกรุ๊ปมีแนวโน้มที่จะแข่งขันกับเฉวียนกรุ๊ปของพวกเขา เพียงแต่จะมีอีกหลายบริษัทที่ต้องเลือกฝ่าย
เฉวียนหมิงหรี่ตาที่ดูลึกล้ำ ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ก็แค่ตัวเล็กๆ ออกมาวุ่นวาย ไม่มีอะไรน่ากลัว พวกนั้นทำอะไรไม่ได้หรอก คอยระวังทางมั่วเฉินเซวียนบ้าง ส่วนทางหนานหลิวเฟิง ฉันคิดว่าฉันไม่จำเป็นต้องให้เราลงมือเองหรอก”
จิ้งจอกเฒ่าอย่างพ่อของหนานหลิวเฟิงย่อมไม่ปล่อยให้ลูกชายหน้าโง่ของตนทำเรื่องวุ่นวายแน่นอน กล่าวได้ว่าหนานกรุ๊ปกับเฉวียนกรุ๊ปเป็นสองกลุ่มธุรกิจใหญ่ที่เคียงคู่กันของเมืองเอฟ
ไม่ว่าในด้านกำลังเงินและอิทธิพลล้วนก่ำกึ่งกัน ต่างเป็นผู้นำในขอบเขตของตนเอง สำหรับขณะนี้นั้นไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกลืนอีกฝ่าย ย่อมส่งผลสะเทือนไม่ดีต่อพวกเขา
จะอย่างไรก็ตามถึงเฉวียนกรุ๊ปกับหนานกรุ๊ปจะเป็นคู่แข่งเหมือนเป็นปฏิปักษ์กัน แต่ก็มีการร่วมมือกันไม่น้อย ถ้าทำให้พวกเขาไม่พอใจ ทางหนานกรุ๊ปเองก็จะเดือดร้อน อีกทั้งจิ้งจอกเฒ่าก็เคยเห็นฝีมือเฉวียนหมิงมาแล้ว
“คุณชาย อย่างนี้ดีไหมครับ เวลานี้หนานหลิวเฟิงเป็นผู้สืบทอดของหนานกรุ๊ปอย่างเป็นทางการแล้ว บางทีท่านผู้เฒ่าหนานอาจจะวางมือให้เขาบริหารก็ได้?”
ตอนที่คนอื่นยังไม่เห็นฝีมือ นายท่านผู้เฒ่าสกุลเฉวียนก็ยังมอบเฉวียนกรุ๊ปไว้ในมือเขา ไม่เช่นนั้นจะมีแบรนด์เคเอ็มคิวทุกวันนี้ได้อย่างไร
เฉวียนหมิงนั่งพิงพนักเก้าอี้ สองมือประสานกันวางบนโต๊ะ “นายท่านผู้เฒ่าบ้านนั้นจะเทียบกับนายท่านผู้เฒ่าบ้านเราได้หรือ?”
บิดาหนานหลิวเฟิงเป็นพวกหัวเก่า ไม่สิ พูดให้ถูกต้องก็คือเขาผ่านประสบการณ์มาน้อยกว่านายท่านผู้เฒ่าของตน ย้อนกลับไป ปู่ของหนานหลิวเฟิงเสียชีวิตแต่เนิ่น ไม่อายุยืนเท่าปู่ตน
เหล่าเกาได้ฟังก็ยิ้มร่า “คุณชายพูดถูก ผมจะไปสั่งงานเลย” สงครามทางการค้านั้น มีบางครั้งเป็นการใช้เล่ห์กล
วันนี้อีลั่วเสวี่ยอาบแดดอยู่ที่บ้านเพราะไม่มีวิชาเรียน แล้วได้รับโทรศัพท์จากหูปิง
“มีเรื่องอะไร?” เธอจัดงานให้เสี่ยวเฟิงแล้ว ที่เหลือคือหูปิงก็เข้าเรียนตามปกติ เวลานี้โทรหาเธอ หรือว่าเป็นเรื่องที่หารือกันเมื่อสองวันก่อน
“ได้ พวกนายรออยู่ก่อน เดี๋ยวฉันจะไปหา” หลังจากอีลั่วเสวี่ยวางสายก็เปลี่ยนเสื้อผ้าออกจากบ้าน แต่ไม่ได้ขับรถไป
นับจากที่ซีเหมินหลงเซี่ยวมาที่นี่ เธอก็ไม่เคยขับรถสปอร์ตคันหรูของเธอไปแถวสถานที่ประมูลใต้ดินอีกเลย ทั้งจะไม่ขับรถยนต์ที่ใช้ชื่อเธอไปยังบางสถานที่
เรื่องของซีเหมินหลงเซี่ยวเป็นการเตือนสติเธอ ดังนั้นเธอจึงให้เจ้าลูกบอลเงินเตรียมสถานภาพให้เธออีกชุดหนึ่ง แล้วใช้ฐานะนั้นซื้อรถอีกคัน ต่อไปถ้าจัดการเรื่องทางนั้นก็จะใช้รถคันนี้
“แม่คุณ คงเห็นแล้วใช่ไหมว่าของจากต่างดาวอย่างข้าที่จริงมีประโยชน์มาก เจ้าอยู่ในโลกนี้ยังปลอมตัวได้?” ลูกบอลเงินพูดโอ้อวด มันลอยอยู่ข้างแก้มอีลั่วเสวี่ย ตามเธอไปด้วย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น