ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด 338-345

 ตอนที่ 338 ใครขโมยกุญแจไป


 


 


“หลายปีมานี้ผู้คุมกฎเฟิงนับวันยิ่งจองหอง ไม่เห็นเจ้าสำนักอยู่ในสายตา เกรงว่าคงเกิดความคิดจะยึดตำแหน่ง ถึงได้ทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้”


 


 


เมื่อเห็นสีหน้าของเจ้าสำนักยิ่งดูไม่ได้ขึ้นไปทุกที เฟิงอิ๋นก็ควบคุมตัวเองไม่ได้อีกครั้ง สะกดอารมณ์โกรธไว้ขณะพูดว่า


 


 


“ข้าซื่อสัตย์จริงใจต่อท่านอาจารย์ เรื่องนี้ท่านอาจารย์ย่อมเข้าใจ ชุนเหนียง เจ้าไม่ต้องมาเสี้ยมให้เขาแตกคอกันที่นี่ ท่านอาจารย์เป็นคนฉลาด เจ้าไม่มีทางตบตาได้หรอก”


 


 


“ท่านอาจารย์ ข้าก็คิดว่าศิษย์น้องไม่ใช่คนเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ”


 


 


มู่หรงกวานเสวี่ยก็ช่วยเฟิงอิ๋น ในเมื่อพวกนางเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องสำนักเดียวกัน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องยืนอยู่ข้างเฟิงอิ๋น นางเองก็ไม่ถูกชะตากับชุนเหนียง


 


 


เจ้าสำนักลุกขึ้นอย่างกระทันหัน ทุกคนไม่รู้ว่านางไปทำอะไร คนที่ควรคุกเข่าก็ยังคุกเข่าอยู่ ในใจหลิงอวี้จื้อแอบมีความรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย


 


 


ไม่นานเจ้าสำนักก็กลับมา แววตาอยากฆ่าคนเห็นได้ชัดเจน ทำหน้าเยือกเย็นพูดว่า


 


 


“กุญแจห้องตะวันตกหายไปแล้ว”


 


 


พอได้ยินว่ากุญแจหายไปแล้ว สีหน้าของเฟิงอิ๋นก็แสดงความรู้สึกตกใจ หรือว่าชุนเหนียงเอากุญแจไปแล้ว ชุนเหนียงหลบตาลง ร้องไห้กระซิกๆ ต่อไป ทำให้คนเห็นความรู้สึกในแววตาของนางไม่ชัดเจน


 


 


อยู่ๆ หลิงอวี้จื้อก็นึกถึงคนๆ หนึ่ง ความรู้สึกไม่ปลอดภัยในใจก็ยิ่งแรงกล้าขึ้น


 


 


“ท่านอาจารย์ ศิษย์ไม่ได้เอากุญแจห้องตะวันตกไปจริงๆ ต้องเป็นชุนเหนียงแน่นอน เป็นนาง”


 


 


เฟิงอิ๋นรู้ความสำคัญของกุญแจดอกนี้ หากปล่อยให้เจ้าสำนักเข้าใจนางผิดว่าเอากุญแจไป คงไม่ปล่อยนางไปแน่นอน


 


 


ชุนเหนียงร้องไห้จนตาบวม เฟิงอิ๋นแก้ตัว นางก็ย่อมต้องแก้ตัวบ้าง


 


 


“ผู้คุมกฎเฟิง เจ้าไม่ต้องมาป้ายสีคนอื่น ข้าไม่มีวิทยายุทธ์ อยู่ดีๆ จะไปเอากุญแจเพื่ออะไร เห็นได้ชัดว่าเจ้าเป็นคนเอากุญแจไป ที่แท้เจ้าก็ทำทีสับขาหลอก เอากุญแจไปแล้วยังจงใจไปหาข้า คิดจะโยนเรื่องมาให้ข้า ร้ายกาจจริง ๆ”


 


 


เจ้าสำนักไม่สนใจสองคนนี้ พูดกับสาวใช้ที่อยู่ข้างหลังว่า


 


 


“ไปเรียกท่านหลานเขยมา”


 


 


“เจ้าค่ะ เจ้าสำนัก”


 


 


ลูกน้องนางรับคำแล้วไปอย่างรวดเร็ว ในใจของหลิงอวี้จื้อแอบรู้สึกไม่ปลอดภัย หากเรียกเซียวเหยี่ยนมา ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอพอเข้าใจคร่าวๆ แล้วว่าทำไมเซียวเหยี่ยนถึงผิดปกติไป


 


 


เพียงแต่ตอนนี้เซียวเหยี่ยนไม่ได้อยู่ในห้องด้วยซ้ำ ตรงธรณีประตูห้องตะวันตก เซียวเหยี่ยนถือกุญแจเปิดประตูห้องตะวันตก เรียกว่าประตู แต่ที่จริงเป็นประตูหินหนาหนัก กุญแจไม่ใช่กุญแจธรรมดา แต่เป็นกุญแจสำหรับเปิดประตูหิน


 


 


ห้องตะวันตกตั้งอยู่ข้างในมุมทางทิศตะวันตกของสำนักอู๋จี๋ ดังนั้นจึงเรียกว่าห้องตะวันตก


 


 


ที่นี่เป็นเขตหวงห้ามของสำนักอู๋จี๋ ไม่มีคำสั่งจากเจ้าสำนักใครก็ห้ามเข้าใกล้ ห้องตะวันตกกับห้องทั่วไปไม่เหมือนกัน กำแพงทั้งสี่ด้านล้วนทำจากหินผาแข็ง คิดจะออกไปจากที่นี่ จะต้องใช้วิชาหายตัวเท่านั้น


 


 


สาวใช้สำนักอู๋จี๋จะเลี่ยงที่นี่โดยอัตโนมัติ เคยมีสาวใช้ที่สงสัยใคร่รู้เข้ามาใกล้ๆ ที่นี่ ผลคือถูกฆ่าตาย ณ ที่เกิดเหตุทันที เนื้อสมองกระเด็นออกมา น่าเวทนาจนทนดูไม่ได้ จากนั้นมา จึงไม่มีใครกล้ามาที่นี่อีกเลย


 


 


เนื่องจากห้องตะวันตกมีประตูหินที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษ หากไม่มีกุญแจ ถึงแม้จะมีวิทยายุทธ์สูงเพียงใดก็ไม่สามารถเปิดประตูหินนี้ได้ ดังนั้นคนเฝ้าห้องตะวันตกจึงมีไม่มาก มีเพียงสองคน


 


 


เซียวเหยี่ยนจัดการสองคนนั้นอย่างง่ายดายและเงียบเชียบ เข้าห้องตะวันตกไปอย่างราบรื่น


 


 


ห้องใหญ่ขนาดนี้เห็นความว่างเปล่าชัดเจน เซียวเหยี่ยนยืนอยู่ที่เดิมเพ่งมองไปที่โลงศพ หยุดครู่หนึ่งถึงได้เดินเข้าไปใกล้โลงศพ ยื่นมือออกไปผลักฝาโลงออก


 


 


ฝาโลงเคลื่อนช้าๆ เห็นคนในโลงศพเต็มตัวแล้ว ในโลงศพมีผู้ชายคนหนึ่งนอนอยู่ สวมชุดคลุมสีน้ำเงินเข้ม ร่างกายเน่าเปื่อยจนดูไม่ออกว่าเป็นใคร เพ่งดูยังพอระบุรูปร่างลักษณะเดิมได้ ดวงตาข้างหนึ่งตกลงมาแล้ว


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 339 เจ้าไม่ได้สูญเสียความทรงจำเลยด้วยซ้ำ


 


 


ผงแป้งถูกใส่ลงไปเต็มในโลง แป้งพวกนี้มีไว้รักษาสภาพร่างศพให้สดใหม่ ไม่ให้ศพเน่าเปื่อยต่อไป


 


 


พอเห็นคนในโลงชัดเจนแล้ว เซียวเหยี่ยนก็มีสีหน้าตกใจ ถึงแม้ว่าจะเตรียมใจมานานแล้ว เขาก็ยังโทษตัวเองอยู่มาก


 


 


“เสด็จพ่อ ลูกอกตัญญู ไม่รู้เลยว่าเจียงสือพาตัวเสด็จพ่อไปตอนไหน หากไม่ได้รู้ข่าวนี้โดยบังเอิญที่สำนักอู๋จี๋นี้ ตอนนี้ลูกก็ยังไม่รู้ว่าเสด็จพ่อไม่ได้อยู่ที่สุสานหลวงแล้ว


 


 


เสด็จพ่อ โปรดให้อภัยลูกด้วย ตอนนี้ลูกไม่มีวิธีพาท่านพ่อกลับไปอย่างสมบูรณ์ได้อีก ทำได้เพียงนำอัฐิของเสด็จพ่อกลับไปเท่านั้น ไม่ว่าอย่างไร ลูกก็จะไม่ปล่อยให้เจียงสือเอาซากศพของเสด็จพ่อไปทำเรื่องทุจริตชั่วช้าอีก”


 


 


เซียวเหยี่ยนพูดแล้วก็คุกเข่ากับพื้น โขกหัวคำนับอย่างถูกต้องให้เซียวซู่ที่อยู่ในโลง


 


 


เขารู้ว่าจะเสียเวลามากไม่ได้ เขาหยิบหินเหล็กไฟออกมาจากอกเสื้อ โรยผงฟอสฟอรัส กำลังจะจุดไฟที่ผงฟอสฟอรัส ตอนนั้นเองเงาดำร่างหนึ่งก็โฉบเข้ามา แย่งหินเหล็กไฟในมือเซียวเหยี่ยนไปทันที ซ้ำยังออกฝ่ามือมาด้วย


 


 


แต่เซียวเหยี่ยนมิใช่คู่ต่อสู้ของเจียงสือ รับฝ่ามือของเจียงสือไปเต็มๆ แล้วถอยหลังไปสองสามก้าว มุมปากมีเลือดสีแดงสดไหลลงมา


 


 


“ที่แท้เจ้าเป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จริงๆ เจ้าแฝงตัวเข้ามาในสำนักอู๋จี๋เพื่อเซียวซู่”


 


 


ในเมื่อเจียงสือรู้ตัวตนของตนเองแล้ว เซียวเหยี่ยนก็ไม่ได้ปิดบังอีก ยกมือเช็ดเลือดที่มุมปาก


 


 


“เจียงสือ เจ้าพาเสด็จพ่อมาที่นี่ คิดจะทำอะไรกันแน่”


 


 


“ตอนนั้นเซียวซู่ร่วมกับสำนักต่างๆ ในยุทธภพมาโจมตีสำนักอู๋จี๋ ทำร้ายแม่ข้าตาย สำนักอู๋จี๋เกือบจะหายสาบสูญไปจากโลกนี้ เจ้าว่าข้าจะทำอะไร ข้าจะทำให้เซียวซู่ทำตามคำสั่งข้า กลายเป็นหุ่นเชิดของข้า เขาจะกลายเป็นหุ่นเชิดที่แกร่งที่สุดในโลก”


 


 


เจียงสือพูดด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น พูดจบก็กราดมองเซียวซู่ที่นอนอยู่ในโรงอย่างเกลียดชัง


 


 


เฟิงอิ๋นกับมู่หรงกวานเสวี่ยก็ตามมาด้วยกัน เมื่อเห็นเซียวเหยี่ยนปรากฏตัวอยู่ในห้องตะวันตก เฟิงอิ๋นก็แสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อ


 


 


“เซียวเหยี่ยน เจ้าหลอกข้า เจ้าไม่ได้สูญเสียความทรงจำเลยด้วยซ้ำ”


 


 


“เฟิงอิ๋น ละครเรื่องนี้เจ้าแสดงดีเหลือเกิน ในเมื่อถูกจับได้แล้ว อย่างไรข้าก็ต้องขอบใจเจ้า”


 


 


ประโยคนี้ของเซียวเหยี่ยนดึงนางลงเหวไปด้วย ทำให้คิดจะเอาตัวรอดก็ทำไม่ได้แล้ว


 


 


เห็นเจียงสือหันมามอง เฟิงอิ๋นก็รีบคุกเข่าลงกับพื้น


 


 


“ท่านอาจารย์ ศิษย์ไม่ได้ทำนะเจ้าคะ ศิษย์ไม่รู้ว่าเซียวเหยี่ยนเอากุญแจไปตั้งแต่เมื่อใด เรื่องนี้ศิษย์ก็ถูกเขาปิดหูปิดตาเช่นกัน”


 


 


เพียงแต่การแก้ตัวของเฟิงอิ๋นไม่มีน้ำหนักเอาเสียเลย หลายวันมานี้นางอยู่กับเซียวเหยี่ยนทุกวัน วันนี้ยังแต่งงานกันด้วย ประกอบกับมีคำสารภาพของชุนเหนียงด้วย เจียงสือจึงสงสัยเฟิงอิ๋นแล้ว


 


 


หากบอกว่าเฟิงอิ๋นไม่รู้เรื่องนี้ ต่อให้จะพูดอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้นแล้ว เมื่อนึกถึงว่าศิษย์รักที่ตนเองให้ความสำคัญที่สุดหักหลังตนเองอย่างคาดไม่ถึง โทสะในใจเจียงสือก็พุ่งพล่านอย่างต่อเนื่อง สั่งการอย่างเย็นชา


 


 


“คนมา จับตัวเฟิ่งอิ๋น แล้วเฝ้าไว้ให้ดีๆ”


 


 


“ท่านอาจารย์ ข้าไม่ได้…”


 


 


เฟิงอิ๋นรู้จักวิธีการของเจียงสือดี คราวนี้ร้อนใจแล้วจริงๆ เพียงแต่คำแก้ตัวของนางไม่เข้าหูเจียงสือแล้ว


 


 


มู่หรงกวานเสวี่ยรู้ว่าเจียงสืออารมณ์ไม่ดี ไม่กล้าขอร้องแทนเฟิงอิ๋นอีก จึงไม่พูดอะไรเสียดีกว่า


 


 


“พาเซียวเหยี่ยนไปด้วย”


 


 


เซียวเหยี่ยนรู้ตัวว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจียงสือ วันนี้เขามาเพื่อทำลายศพของเซียวซู่ เพื่อไม่ให้ถูกเจียงสือทำเรื่องน่าอัปยศ นึกไม่ถึงว่าจะช้าไปก้าวเดียว เจียงสือตามมาทันพอดี


 


 


แต่ว่าผงฟอสฟอรัสสามารถติดไฟเองได้ เจียงสือไม่ได้สังเกตเห็นว่าเขาโรยผงฟอสฟอรัสลงไปบนศพแล้ว


 


 


เดิมทีในโลงก็มีผงสีขาวอยู่แล้ว พอผสมกันก็ไม่ดึงดูดให้คนสังเกตเห็นแม้แต่น้อย ขอเพียงติดไฟแล้ว ก็ทำลายศพได้เช่นกัน ไม่มีทางปล่อยให้เจียงสือฝึกพ่อของตนเองให้เป็นหุ่นเชิดเด็ดขาด


ตอนที่ 340 ทั้งหมดนี้เจ้าสมควรได้รับแล้ว


 


 


ตอนที่เซียวเหยี่ยนเดินผ่านมู่หรงกวานเสวี่ย เขากดเสียงต่ำพูดว่า


 


 


“ตระกูลมู่หรงเป็นตระกูลขุนนางใหญ่ เป็นแบบอย่างที่ดีของตระกูลในเมืองหลวงมาโดยตลอด ตอนนี้ลดตัวลงมาเป็นสาวกลัทธิมาร ร่วมมือทำชั่วกับพวกคนไร้วรรณะในยุทธภพ ไม่รู้ว่าต่อไปเจียงฮูหยินจะมีหน้าไปพบบรรพบุรุษในปรโลกอย่างไร”


 


 


พูดทิ้งไว้เช่นนี้ เซียวเหยี่ยนก็ก้าวยาวๆ จากไป


 


 


มู่หรงกวานเสวี่ยสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไร


 


 


พอเซียวเหยี่ยนถูกนำตัวไปแล้ว เจียงสือก็เดินมาข้างๆ โลงศพ สายตานั้นมิได้มีแต่ความเกลียดชังเสียทีเดียว ดูเหมือนจะแฝงความรู้สึกอื่นอยู่ด้วย


 


 


“เซียวซู่ ไม่นานเจ้าก็จะต้องฟังคำของข้าไปตลอดภพตลอดชาติแล้ว


 


 


เจ้าทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของข้า ตอนนี้ข้าจะให้เจ้าชำระคืนอย่างงาม เจ้ารังเกียจข้า ข้าก็จะให้เจ้าได้อยู่ข้างกายข้า ถึงแม้ตายไปแล้ว เจ้าก็อย่าคิดว่าจะได้พบซูเสียนอีก


 


 


ใช่แล้ว ลูกชายของเจ้าไม่ได้บอกเจ้า ซูเสียนที่รักของเจ้าแต่งงานกับคนอื่นที่ซูโจวไปแล้ว ซ้ำยังกำเนิดลูกชายหญิงคู่หนึ่งด้วย


 


 


มีเรื่องหนึ่งที่ข้าไม่เคยบอกเจ้า มาถึงวันนี้ ข้าก็จะให้เจ้าได้รับรู้เสียที ยาทำลายความทรงจำนั้นข้าเป็นคนให้ฮ่องเต้เอง และก็เป็นข้านี่แหละที่ทำซูเสียนตกหน้าผา ฮ่องเต้เป็นเพียงแพะรับบาปของข้า ข้าจงใจไม่ปล่อยให้ซูเสียนตาย เป็นคนนำทางเจ้าหน้าที่มาค้นหาตัวนางเอง


 


 


ข้ารู้ว่าด้วยหน้าตาของนาง หากชายอื่นได้พบนางเข้าแล้วต้องพานางไปแน่นอน ถึงตอนนั้นนางก็ลืมเจ้า แล้วให้กำเนิดลูกสาวลูกชายให้ชายอื่นไปโดยปริยาย


 


 


เจ้าได้ยินเรื่องเหล่านี้แล้วเจ็บใจใช่หรือไม่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าคืนให้เจ้า ตอนนี้ซูเสียนตายไปแล้ว แต่กลับไม่อยากเจอเจ้า นางรักชายอื่นมาตั้งนานแล้ว กลายเป็นผู้หญิงของคนอื่นไปแล้ว”


 


 


เจียงสือพูด แล้วอยู่ๆ ก็หัวเราะลั่นออกมา นางเคยรักเซียวซู่มากเท่าไหร่ ตอนนี้ก็เกลียดเขามากเท่านั้น เพื่อจะหาสำนักอู๋จี๋ให้พบ เซียวซู่จึงหลอกใช้นาง ทำลายสำนักอู๋จี๋ที่เคยรุ่งเรืองด้วยมือของตนเองต่อหน้านาง ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เซียวซู่สมควรได้รับแล้ว


 


 


ขณะเดียวกันหลิงอวี้จื้อกับชุนเหนียงถูกขังไว้ในห้องเดียวกัน ตาของชุนเหนียงยังบวมแดงอยู่ การแสดงครั้งนี้เปลืองแรงมาก นานแล้วที่ไม่ได้ร้องไห้เช่นนี้


 


 


หลิงอวี้จื้อเดินไปเดินมา เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถสงบจิตใจได้เลย เห็นหลิงอวี้จื้อกระสับกระส่ายต่อหน้าตนเอง ชุนเหนียงก็ขมวดคิ้ว


 


 


“เจ้ากระวนกระวายอะไร ข้ายังไม่กลัวตายเลย เจ้ากลัวตายขนาดนี้เชียว”


 


 


“สิ่งที่มีค่าที่สุดก็ไม่พ้นชีวิตคนนี่แหละ หากตายอย่างคุ้มค่าก็ไม่กลัวอยู่แล้ว แต่ตายอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ เป็นผีแล้วข้าก็ยังไม่ค่อยสะดวกใจ”


 


 


“เจ้ายังมีอะไรไม่คุ้มค่าอีก อย่างน้อยบนโลกนี้ก็ยังมีคนที่เป็นห่วงเจ้าอย่างจริงใจ ตอนแรกข้าก็ไม่คิดว่าจะยุ่งกับเจ้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าจึงให้เซียนเอ๋อร์ไปส่งเจ้าออกจากสำนักอู๋จี๋ เสียดายที่เจ้าไม่มีโชค นึกไม่ถึงว่าจะพบกับผู้คุมกฎเสวี่ยเข้า ความห่วงใยของคนๆ นั้นนับว่าเสียเปล่าแล้ว”


 


 


ขุนเหนียงพูดไปพลางนวดตาไปพลาง


 


 


“เจ้าหมายความว่าอย่างไร ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าพูดจาให้ชัดเจนเสียดีกว่า”


 


 


ชุนเหนียงดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดหน้า


 


 


“ก็ท่านหลานเขยอย่างไรล่ะ ก่อนที่เจ้าจะมาหาข้า ท่านหลานเขยก็มาหาข้าก่อนแล้ว ถึงแม้ไม่มีเจ้า คืนนี้ข้าก็จะแสดงละครอยู่ดี เขาไม่อยากให้เจ้ารู้ และไม่อยากให้เจ้ามีอันตราย จึงได้ให้ข้าพาเจ้าออกไปจากสำนักอู๋จี๋คืนนี้”


 


 


“เขา…เขา…เขาไม่ได้เสียความทรงจำหรือ”


 


 


“เขาเสียหรือไม่เสียความทรงจำข้าไม่รู้ อย่างไรเขาก็เป็นห่วงความเป็นความตายของเจ้า”


 


 


ชุนเหนียงทำหน้าเศร้าสลด


 


 


“ไม่เหมือนข้า ชีวิตนี้แม้แต่จะกลับไปเป็นผู้หญิงปกติยังทำมิได้”


 


 


เช่นนี้แสดงว่าเซียวเหยี่ยนจงใจพูดคำพวกนั้นออกมา เพื่อแค่ให้เธอโมโห นึกไม่ถึงว่าเซียวเหยี่ยนจะแสดงเหมือนจริงกว่าเธอเสียอีก เทคนิคการแสดงของเจ้าพ่อจอเงินโดยแท้ นึกไม่ถึงว่าเธอจะเชื่อคำพูดเหล่านั้นของเซียวเหยี่ยน แล้วโมโหจนปวดใจตุบ ๆ


 


 


ถึงแม้จะเป็นการแสดง เธอก็โกรธ โกรธที่เขาจงใจใกล้ชิดกับเฟิงอิ๋นต่อหน้าเธอ ความรู้สึกนั้นช่างอึดอัดเหลือเกิน ทำให้เธอแทบจะเข้าไปตบเฟิงอิ๋นสักสองฉาด


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 341 ก็แค่ของเล่นเท่านั้น


 


 


หากเซียวเหยี่ยนไม่ได้สูญเสียความทรงจำจริง แล้วเหตุใดชุนเหนียงถึงช่วยเซียวเหยี่ยน เธอเริ่มคิดไม่ตก ถามต่อ


 


 


“เหตุใดเจ้าจึงช่วยเซียวเหยี่ยน”


 


 


ชุนเหนียงเงียบไปสักครู่จึงพูดต่อ


 


 


“ข้าแค่อยากช่วยตนเอง ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว บอกความจริงกับเจ้าคงไม่เป็นอะไร บ้านข้าจนมาก พ่อแม่ขายข้าให้สำนักอู๋จี๋ เดิมทีข้าเป็นแค่สาวใช้ธรรมดา นึกไม่ถึงว่าอยู่ๆ เจ้าสำนักจะถูกใจข้า จากนั้นมาข้าก็กลายเป็นผู้หญิงของเจ้าสำนัก อยู่ปรนนิบัติข้างกายเจ้าสำนักโดยเฉพาะ


 


 


ข้าเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ข้าเคยมีความคิดเพ้อฝัน ว่าวันหนึ่งข้าจะออกไปจากสำนักอู๋จี๋ได้ แต่งงานกับสามีมีลูกด้วยกัน พอเจ้าสำนักถูกใจข้าแล้ว ข้าก็รู้ว่าคงเป็นไปไม่ได้อีก


 


 


ข้ายอมเป็นสาวใช้ที่สำนักอู๋จี๋ไปตลอดชีวิต ดีกว่าไปปรนนิบัติเจ้าสำนัก


 


 


ข้ารู้ว่าทุกคนในสำนักอู๋จี๋ต่างดูแคลนข้า ตัวข้าเองยังรู้สึกผิดกับตนเอง ข้าเป็นอะไรหรือ เป็นเพียงของเล่นของเจ้าสำนัก แต่ข้าต้องมีชีวิตต่อไป ข้าได้แต่อดทนไว้


 


 


เฟิงอิ๋นทำตัวหยิ่งผยองต่อหน้าข้าเสมอ ไม่เคยปิดบังสายตาเหยียดหยัน ข้าแค่ทวงคืนเกียรติของตนเองสักหน่อย ให้เฟิงอิ๋นได้รับรู้ว่าข้าไม่ใช่คนที่จะมารังแกกันง่าย ๆ


 


 


ตอนที่ท่านหลานเขยหาข้าเจอ เขาเป็นฝ่ายเสนอว่าหากเขาออกจากสำนักอู๋จี๋ได้จะพาข้าออกไปด้วย ข้ารู้ว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา สามารถลงโทษเฟิงอิ๋นได้เช่นนี้ ข้ายังพอมีโอกาสที่จะออกไปได้


 


 


ข้าอยากจะเดิมพันดูสักครั้ง ชีวิตเช่นนี้ข้าทนมาพอแล้ว ระยะนี้เจ้าสำนักยิ่งชอบทรมานข้ายิ่งขึ้นทุกวัน ข้าทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว”


 


 


เมื่อฟังที่ชุนเหนียงพูด หลิงอวี้จื้อก็เริ่มเห็นใจชุนเหนียง นางไม่มีแนวโน้มเช่นนั้น นางมีแนวโน้มชอบคนต่างเพศ แต่ถูกบังคับให้ปรนนิบัติผู้หญิงคนหนึ่ง หากเป็นใครก็รับไม่ได้ แบบนี้วิปริตจริงๆ ชุนเหนียงทนมาได้ตั้งหลายปีไม่ใช่เรื่องง่าย


 


 


นางแต่งตัวงดงามสีสันฉูดฉาด น่าจะเป็นเพราะต้องการกดอารมณ์โดดเดี่ยวภายในใจ


 


 


“เจ้าสำนักชอบผู้หญิงมาตลอดหรือ”


 


 


“ไม่ใช่ ข้าได้ยินว่าเมื่อก่อนเจ้าสำนักชอบผู้ชาย ตอนที่เจ้าสำนักอยู่ในวัยสาวแรกแย้มได้ตกหลุมรักท่านซีหนานอ๋อง ต่อมาสำนักอู๋จี๋ก็เกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้น เจ้าสำนักก็เริ่มเกลียดชังผู้ชาย นับว่าข้าเคราะห์ร้าย มาทันเวลาเช่นนี้พอดี”


 


 


ซีหนานอ๋อง นั่นไม่ใช่พ่อของเซียวเหยี่ยนหรอกหรือ นึกไม่ถึงว่าเมื่อก่อนเจ้าสำนักจะชอบพ่อของเซียวเหยี่ยน เบื้องหลังซีหนานอ๋องกับซูเสียนยังมีเจ้าสำนักอู๋จี๋เข้าร่วมอีกคน เรื่องนี้เริ่มซับซ่อน


 


 


คิดถึงตรงนี้ เธอก็ถามต่อ


 


 


“ท่านซีหนานอ๋องคงไม่ได้อยู่ที่สำนักอู๋จี๋หรอกนะ”


 


 


“เจ้าเดาถูกแล้ว ศพของท่านซีหนานอ๋องอยู่ที่สำนักอู๋จี๋มาตลอด ซีหนานอ๋องตายไปไม่นานเท่าใด เจ้าสำนักก็ขุดซีหนานอ๋องออกมาจากสุสานหลวง พามาที่สำนักอู๋จี๋ ศึกษาค้นคว้ายาฟื้นคืนชีพมาตลอด คิดจะใช้ยาพวกนั้นกับซีหนานอ๋อง”


 


 


“ฟื้นคืนชีพมาได้จริงหรือ”


 


 


หลิงอวี้จื้อถามอย่างสงสัย นางไม่เชื่อว่าบนโลกนี้จะมียาวิเศษเช่นนี้ หากฟื้นคืนชีพได้จริง เช่นนั้นโลกนี้คงจะวุ่นวายไปหมด ถึงตายไปก็ไม่ต้องกลัว ในเมื่อยังมีโอกาสกลับมามีชีวิตอีก


 


 


“ข้าไม่รู้ เรื่องพวกนี้เจ้าสำนักไม่เคยพูดถึง ข้าเองก็ไม่กล้าถาม เจ้าสำนักไม่ชอบให้คนข้างกายปากมาก”


 


 


ชุนเหนียงถอนหายใจแรงหนึ่งครั้ง


 


 


“ต่อไปจะอยู่หรือจะตาย ก็ต้องพึ่งดวงของข้าแล้ว เจ้าสำนักขังข้าไว้ที่นี่ พิสูจน์ได้ว่ายังเชื่อคำพูดของข้าอยู่ ข้าก็หวังว่าท่านหลานเขยจะออกไปจากที่นี่ได้ ข้าเชื่อว่าเขาเป็นคนรักษาคำพูด”


 


 


“เรื่องนี้เจ้าวางใจได้ หากเขาสามารถออกไปได้ จะต้องพาเจ้าไปด้วยแน่นอน คุณธรรมของเขาสามารถรับประกันได้”


ตอนที่ 342 ถามพระชายาของข้าก่อนว่าตกลงหรือไม่


 


 


ชุนเหนียงพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรอีก


 


 


หลิงอวี้จื้อมองๆ มั่วชิงที่ยืนข้างตนเอง ดูเหมือนจะใจลอยตลอดเวลา เธอยื่นมือออกไปเขย่าๆ มั่วชิง


 


 


รู้สึกมาตลอดว่าสำนักอู๋จี๋มีความลับมากมาย ซ้ำยังเกี่ยวข้องกับราชสำนักอย่างใกล้ชิด มิเช่นนั้นเหตุใดราชสำนักถึงต้องรวมกำลังทำลายสำนักๆ หนึ่งในยุทธภพ


 


 


ความลับเหล่านี้เกรงว่ามีเพียงเจ้าสำนักวิปริตผู้เดียวเท่านั้นที่รู้ ถึงแม้ชุนเหนียงจะอยู่ข้างกายนางมาโดยตลอด แม้จะเป็นคนที่ใกล้ชิดที่สุด แต่เรื่องที่รู้นั้นมีไม่มากเลย


 


 


นึกถึงคำถามก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้ หลิงอวี้จื้อก็ถาม


 


 


“มั่วชิง คราวที่แล้วพวกเราเคยเจอมู่หรงกวานเสวี่ยที่จวนมู่หรงมาก่อน เจ้าจำนางได้หรือไม่”


 


 


มั่วชิงส่ายหน้า


 


 


“ไม่เจ้าค่ะ ตอนนั้นพวกเราสี่คน มีเพียงข้ากับเฟิงอิ๋นที่เผยใบหน้าจริงให้คนเห็น ดูเหมือนเจ้าสำนักจะคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว อีกสองคนไม่เคยฝึกวิชากับพวกเรา เวลาเจอกันโดยบังเอิญก็ใส่หน้ากากไว้ พวกเราไม่รู้จักใบหน้าที่แท้จริงของพวกนางด้วยซ้ำ และไม่รู้ชื่อของพวกนางด้วย”


 


 


“มีการทำเช่นนี้ด้วยหรือ เช่นนั้นแสดงว่ามีแผนซ่อนเร้นไว้แต่แรกแล้วจริง ๆ”


 


 


มิน่ามั่วชิงถึงไม่รู้จักมู่หรงกวานเสวี่ย นอกจากมู่หรงกวานเสวี่ย ผู้คุมกฎอีกคนคือใครล่ะ หรือว่ายังแอบแฝงอยู่ในเมืองหลวงด้วย


 


 


เซียวเหยี่ยนถูกขังไว้ในคุกใหญ่ของสำนักอู๋จี๋ เฟิงอิ๋นก็ถูกขังอยู่ในคุกข้างๆ เขา กรงขังล้วนทำมาจากเหล็กนิล ความแข็งแรงทนทานหาใดเปรียบ หากไม่มีกุญแจ ก็ไม่มีทางเปิดออกมาได้เลย


 


 


เซียวเหยี่ยนนั่งขัดสมาธิกับพื้น รักษาอาการบาดเจ็บ ยาพิษดอกไร้รักที่เฟิงอิ๋นป้อนเขาก่อนหน้านี้ยังมีผลต่อกำลังภายใน ถึงแม้เขาจะแอบบ้วนทิ้ง แต่ยังกินลงไปเล็กน้อย ยังมีผลต่อเขาอยู่บ้าง เมื่อครู่ก็รับฝ่ามือของเจียงสือไป ทำให้เขาบาดเจ็บภายใน


 


 


เฟิงอิ๋นพิงข้างกรงเหล็กนิล เห็นเซียวเหยี่ยนหันหลังให้นาง ทั้งตกใจและโมโหอยู่ในใจ


 


 


“เซียวเหยี่ยน นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะหลอกข้า”


 


 


“เจ้าหลอกข้าได้ เหตุใดข้าจะหลอกเจ้าไม่ได้”


 


 


น้ำเสียงของเซียวเหยี่ยนเย็นชา ยังคงหลับตารักษาแผลอยู่ ไม่ได้มองเฟิงอิ๋น


 


 


“เจ้าไม่ยอมแต่งกับข้า ข้าจึงต้องใช้วิธีเช่นนี้ ข้าไม่เคยคิดจะทำร้ายถึงชีวิตเจ้า แค่อยากให้เจ้าอยู่เคียงข้างข้าเท่านั้น


 


 


เซียวเหยี่ยน ข้าสู้หลิงอวี้จื้อไม่ได้ตรงไหน ข้าได้ยินว่าคุณหนูใหญ่แห่งจวนมหาเสนาบดีคนนั้นเดิมทีเป็นคนปัญญาอ่อน เจ้าเป็นผู้ทรงอิทธิพล จะแต่งกับคนปัญญาอ่อน เรื่องแพร่ออกไปก็รังแต่จะทำให้คนทั่วหล้าหัวเราะเยาะท่าน”


 


 


เฟิงอิ๋นไม่พอใจอย่างยิ่ง หากพูดว่านางแพ้มู่หรงกวานเย่ว์ นางก็จะยอมรับโดยดี ผู้หญิงคนนั้นมีวิธีการจริงๆ


 


 


แต่หลิงอวี้จื้อเป็นใคร ถึงแม้จะเกิดในตระกูลขุนนาง แต่ปัญญาอ่อนตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าอย่างไร ตนเองก็เก่งกว่าหลิงอวี้จื้อ


 


 


ตอนแรกแต่งงานกับเซียวเหยี่ยนได้อย่างราบรื่นอยู่แล้วเชียว ใครจะไปรู้ว่าคนที่ไหว้ฟ้าดินจะไม่ใช่นาง ขอเพียงนางกับเซียวเหยี่ยนได้ไหว้ฟ้าดินกันแล้ว ทั้งชีวิตนี้เซียวเหยี่ยนก็อย่าได้คิดจะกำจัดนางเลย


 


 


“ข้าจะแต่งกับใคร ไม่ต้องให้เจ้ามาชี้นิ้วสั่ง เฟิงอิ๋น เจ้าหลงคิดว่าตนเองฉลาดเกินไปแล้ว”


 


 


“ใช่ ข้าหลงคิดว่าตนเองฉลาด แล้วก็หลงคิดว่าตนเองทำให้เจ้ายอมจำนนได้แล้ว ตอนนี้เจ้าถูกขังอยู่ที่นี่ เจ้าก็อย่าได้คิดจะออกไปเลย ท่านอาจารย์ไม่มีทางฆ่าข้า แต่ฆ่าเจ้าได้ เซียวเหยี่ยน คราวนี้ข้าจะไม่ช่วยเจ้า นี่คือจุดจบของการที่เจ้าหลอกข้า”


 


 


เฟิงอิ๋นพูดด้วยความเกลียดแค้น


 


 


“วิธีการของท่านอาจารย์มีมากมายนัก สามารถทำให้ท่านอ๋องได้ลองลิ้มชิมรสของความรู้สึกตายดีกว่าอยู่แน่นอน สิ่งที่ท่านอาจารย์เกลียดที่สุดในชีวิตก็คือท่านซีหนานอ๋อง ตอนนี้นางรู้ตัวตนของเจ้าแล้ว จะปล่อยโอกาสทองนี้หลุดมือไปได้อย่างไร”


 


 


เซียวเหยี่ยนไม่สนใจเฟิงอิ๋น ที่เขาถูกเฟิงอิ๋นพาเข้ามาในสำนักอู๋จี๋คราวนี้อยู่ในความคาดหมายของเขา เขาอยากมาหาเฟิงอิ๋นเพื่อเอายาถอนพิษ เขาสามารถหนีได้อยู่แล้ว แต่จงใจไม่หนี ตามเฟิงอิ๋นมาที่สำนักอู๋จี๋ นึกไม่ถึงว่าจะได้รางวัลที่สำนักอู๋จี๋โดยมิได้ตั้งใจ มาคราวนี้ไม่เสียเที่ยว


 


 


สองสามวันมานี้อู่จิ้นควรจะมาถึงแล้ว คำนวณวันเวลาแล้วอีกไม่นาน ขอเพียงทนไปได้อีกสองสามวัน เขาก็จะออกไปจากที่นี่ไปโดยสวัสดิภาพ ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องทนต่อไปให้ได้


 


 


“เจ้ากับชุนเหนียงสมรู้ร่วมคิดกันตั้งแต่แรกแล้วใช่หรือไม่”


 


 


เฟิงอิ๋นถามต่อ


 


 


เพียงแต่เซียวเหยี่ยนยังคงไม่สนใจเฟิงอิ๋น เรื่องเหล่านี้เขาไม่จำเป็นต้องอธิบายให้เฟิงอิ๋นฟัง และไม่อยากพูดอะไรกับเฟิงอิ๋นมากไปกว่านี้อีก


 


 


เห็นเซียวเหยี่ยนไม่ได้สนใจตนเองด้วยซ้ำ โทสะในใจเฟิงอิ๋นก็ยิ่งรุนแรง ถีบกรงเหล็กนิลไปหนึ่งที


 


 


“เซียวเหยี่ยน เจ้า…”


 


 


“ผู้คุมกฎเฟิง หากเจ้าสามารถถีบจนกรงเหล็กนิลพังได้ ก็เชิญทำต่อไป”


 


 


“หลายปีมานี้ข้าคิดถึงเจ้าไม่เสื่อมคลาย เหตุใดเจ้าถึงไร้ความรู้สึกเช่นนี้ หลายวันมานี้เจ้าอ่อนโยนกับข้ามาก เป็นเช่นนี้ต่อไปมิได้หรือ”


 


 


“เจ้าไปถามพระชายาของข้าก่อนเถิดว่านางตกลงหรือไม่”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 343 ผู้หญิงที่ถูกส่งมาถึงตำหนักมีเยอะแล้ว


 


 


เซียวเหยี่ยนปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย เซียวเหยี่ยนยิ่งกว่าไม่ชอบเฟิงอิ๋น เขารังเกียจนางถึงขีดสุด


 


 


หลายปีก่อนคอยตามตอแยเขา ตอนนั้นก็ทำให้เขารำคาญเกินทนแล้ว คิดไม่ถึงว่าเฟิงอิ๋นจะวางยาหลงโฉมงามให้เขา พบกันคราวนี้ยังวางยาพิษเขาอีกครั้ง ครั้งนี้เขาจะต้องลากเฟิงอิ๋นลงเหว ไม่ปล่อยให้นางเอาตัวรอดไปได้ง่ายๆ


 


 


“พระชายาโง่ของเจ้าจะรู้อะไร เจ้าเป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ มีผู้หญิงอีกสองสามคนข้างกายก็เป็นเรื่องเข้าใจได้


 


 


เซียวเหยี่ยน ข้ายินดีอยู่กับเจ้าและพระชายาเพื่อปรนนิบัติเจ้า ขอเพียงเจ้ารับปากข้าว่าจะพาข้าไปเมืองหลวง ข้าสามารถคิดหาวิธีออกไปจากสำนักอู๋จี๋ได้ ตอนนี้มีเพียงข้าที่ช่วยเจ้าได้”


 


 


เฟิงอิ๋นยอมละทิ้งศักดิ์ศรี ก่อนหน้านี้นางอยากครอบครองเซียวเหยี่ยนคนเดียว ตอนนี้รู้ว่าเป็นไปไม่ได้แล้ว จึงลดความต้องการลง


 


 


ถึงแม้จะอยู่เป็นพระชายารองข้างกายเขา นางก็ยินยอม นางชอบเซียวเหยี่ยนมากจริงๆ หลายปีมานี้ไม่เคยพบเจอผู้ชายที่ทำให้จิตใจของนางหวั่นไหวได้เหมือนเซียวเหยี่ยน ปกตินางเป็นคนหยิ่ง แต่พออยู่ต่อหน้าเซียวเหยี่ยน นางยอมลดศักดิ์ศรีเหล่านั้นลง


 


 


“ผู้หญิงที่ถูกส่งมาถึงตำหนักมีเยอะแล้ว เฟิงอิ๋น เจ้าอยู่ในนั้นไม่โดดเด่นเลยด้วยซ้ำ ข้าเป็นคนกลัวตายเสียที่ไหน เจ้าคิดจะฉวยโอกาสนี้ขู่ข้า ช่างไม่เข้าใจข้าเอาเสียเลย”


 


 


ถูกเซียวเหยี่ยนปฏิเสธอีกครั้ง เฟิงอิ๋นโกรธไม่เบา ทำสีหน้าเย็นชาพูดว่า


 


 


“เซียวเหยี่ยน เจ้าอย่ามาเสียใจภายหลัง”


 


 


ทิ้งประโยคนี้ไว้ เฟิงอิ๋นก็บังคับตนเองให้มองไปทางอื่น ไม่ต้องไปดูเซียวเหยี่ยนอีก หากนางไม่ได้ที่ต้องการ เช่นนั้นนางก็ยินดีให้เซียวเหยี่ยนตายที่นี่


 


 


นางมีบารมีมากในสำนักอู๋จี๋ ที่จริงสาวใช้ต่างกลัวนาง นอกจากเจียงสือแล้ว ในสำนักอู๋จี๋ถือว่านางเป็นคนที่สามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างได้


 


 


เมื่อได้พบเซียวเหยี่ยน เขาก็เอาแต่เมินนาง ก่อนหน้านี้นางยังหลงคิดว่าได้เซียวเหยี่ยนมาแล้ว ในเมื่อเซียวเหยี่ยนไร้จิตใจกับนางขนาดนี้ เช่นนั้นก็โทษนางไม่ได้


 


 


เซียวเหยี่ยนไม่สนใจเฟิงอิ๋น ตั้งสมาธิกับการเคลื่อนย้ายลมปราณรักษาอาการบาดเจ็บเท่านั้น


 


 


เวลาค่อยๆ ผ่านไป ข้างนอกฟ้าสางแล้ว พวกนางอยู่ในห้องไม่ได้ยินข่าวคราวใดๆ


 


 


หลิงอวี้จื้อรอจนเริ่มร้อนใจแล้ว ก่อนหน้านี้เจียงสือบอกว่ากุญแจหายไป จากนั้นให้คนไปตามเซียวเหยี่ยน พบว่าเซียวเหยี่ยนไม่อยู่ในห้อง แล้วพาคนออกไปทันที ยังไม่รู้ว่าทางเซียวเหยี่ยนเกิดเรื่องหรือไม่ จะตกอยู่ในมือของเจียงสือหรือไม่


 


 


ตอนนี้เองประตูห้องถูกผลักเปิดออก คนที่เข้ามาคือเจียงสือ ชุนเหนียงลุกขึ้นทันที รีบเข้าไปรับ กอดแขนเจียงสือไว้


 


 


“เจ้าสำนักเจ้าคะ ข้ากลัวเหลือเกิน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าจริงๆ นะเจ้าคะ”


 


 


ชุนเหนียงพูดด้วยสีหน้าน้อยใจ ซ้ำยังถูแขนเจียงสือไปมา น้ำเสียงหวานเลี่ยน


 


 


ก่อนนี้ยังดีอยู่ แต่พอได้ยินชุนเหนียงพูดเช่นนี้แล้ว หลิงอวี้จื้อก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัวอย่างควบคุมไม่ได้


 


 


เทคนิคการแสดงของชุนเหนียงก็ไม่เลว รู้ดีแก่ใจว่าในใจรังเกียจสุดชีวิต ยังแสดงต่อหน้าเจียงสือได้อย่างเป็นธรรมชาติ หลายปีขนาดนี้แล้ว ช่างยากสำหรับนางจริงๆ


 


 


“ข้ารู้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า ชุนเหนียง เจ้ากลับไปเถิด!”


 


 


“ขอบคุณเจ้าค่ะเจ้าสำนัก”


 


 


ชุนเหนียงสีหน้ายินดี


 


 


“ข้าจะรอเจ้าสำนักที่ห้องนะเจ้าคะ”


 


 


พูดจบเดินยักย้ายเอวบางออกไป พอออกไปจากห้องแล้ว นางก็ยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อบนหน้าผาก เหงื่อเย็นผุดออกมา ยังดีที่เหตุการณ์ร้ายแรงแต่ไม่มีอันตราย


 


 


ชุนเหนียงออกไปโดยสวัสดิภาพ หลิงอวี้จื้อไม่ได้โชคดีเช่นนี้ เธอไม่รู้ว่าเจียงสือจะทำอะไรกับเธอ เธอยิ้มประจบเจียงสือ


 


 


“เจ้าสำนัก ข้าบุกเข้ามาในสถานที่อันทรงค่าโดยมิได้ตั้งใจ อยู่ที่นี่ยังเปลืองอาหารของที่นี่ด้วย เกรงใจจริงๆ เจ้าค่ะ”


 


 


“ไม่เป็นไร ถึงแม้จะเลี้ยงเจ้าไปตลอดชีวิตก็ไม่เป็นปัญหา ในเมื่อเจ้าเป็นคู่หมั้นของเซียวเหยี่ยน ตอนนี้เซียวเหยี่ยนก็อยู่ที่นี่ เจ้าไม่อยากเจอเขาหน่อยหรือ”


 


 


สีหน้าของเจียงสือไม่แสดงโทสะ เสียงยังคงต่ำ


ตอนที่ 344 ให้โอกาสเจ้าจัดการเซียวเหยี่ยนสักครั้ง


 


 


หลิงอวี้จื้อแสร้งทำท่าทางตกใจ


 


 


“หา…เขาอยู่ที่นี่หรือเจ้าคะ ข้าไม่รู้จริงๆ เขามาทำอะไรที่สำนักอู๋จี๋ ข้าถูกบังคับให้แต่งงานกับเขาอยู่แล้ว ข้าไม่อยากเจอเขา หากเจ้าสำนักพอจะจัดการเขาให้ข้าได้ก็ดีเจ้าค่ะ ข้าจะได้ไม่ต้องปวดหัวเรื่องถอนหมั้น”


 


 


“ข้าจะให้โอกาสนี้กับเจ้า ให้เจ้าจบเรื่องเซียวเหยี่ยนด้วยน้ำมือของเจ้าเอง ว่าอย่างไร”


 


 


ในใจหลิงอวี้จื้อร้อนรนจนทนไม่ไหวแล้ว แต่ไม่สามารถแสดงออกต่อหน้าเจียงสือได้แม้แต่น้อย เธอทำหน้าขี้ขลาด


 


 


“เช่นนี้…เช่นนี้ไม่ได้เจ้าค่ะ เขาเป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หากข้าฆ่าเขา ข้าก็ไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้ ซ้ำยังทำให้จวนมหาเสนาบดีติดร่างแหไปด้วย ข้าไม่กล้าเจ้าค่ะ”


 


 


“เขาตายในสำนักอู๋จี๋ เกี่ยวอะไรกับเจ้า ถึงตอนนั้นเจ้าก็โยนเรื่องนี้มาที่สำนักอู๋จี๋ก็พอ”


 


 


“แต่ผู้คุมกฎเสวี่ยเป็นพยานรู้เห็นทั้งหมดนี้แล้ว นางไม่ปล่อยข้าไปแน่”


 


 


หลิงอวี้จื้อพูดพลางคุกเข่ากับพื้น


 


 


“เจ้าสำนัก ข้าเป็นเพียงลูกสาวขุนนางธรรมดาๆ คิดเพียงอยากจะปกป้องคนรักของตน ท่านอ๋องอำนาจบารมีมากมายขนาดนั้น ข้าไม่กล้าจริงๆ เจ้าค่ะ”


 


 


เจียงสือก้มลงมองหลิงอวี้จื้อ สีหน้าเริ่มหมดความอดทน


 


 


“เรื่องกวานเสวี่ยข้าจะกำชับเอง คุณหนูใหญ่หลิง เจ้าพูดดีๆ ไม่ชอบ จะให้ข้าบังคับหรือ”


 


 


“ขอบพระคุณเจ้าสำนักเจ้าค่ะ ข้าทำตามนั้นแล้วกันเจ้าค่ะ”


 


 


หลิงอวี้จื้อรู้ว่าปฏิเสธไม่ได้แล้ว จึงได้แต่รับคำ นางไม่ได้มาเพื่อถามความเห็นของเธอ แต่มาแจ้งเพื่อทราบ ให้เธอไปฆ่าเซียวเหยี่ยนเสีย ขอบใจจริงๆ ที่เจียงสือคิดได้เช่นนี้


 


 


“เจ้าลุกขึ้นเถิด!”


 


 


เจียงสือเห็นหลิงอวี้จื้อตอบรับแล้วพอใจอย่างยิ่ง ให้หลิงอวี้จื้อลุกขึ้น


 


 


ไม่ได้นอนมาทั้งคืน เดิมทีหลิงอวี้จื้อก็ง่วงอยู่แล้ว จงใจหาวหวอดต่อหน้าเจียงสือ จากนั้นก็รีบขออภัยอย่างตื่นตกใจ


 


 


“ขอโทษเจ้าค่ะ เจ้าสำนัก ข้าไม่ได้เจตนาจริงๆ เมื่อคืนไม่ได้หลับทั้งคืน ข้าแค่ง่วงเกินไปเท่านั้น ดังนั้นถึงได้…”


 


 


เห็นหนังตาหลิงอวี้จื้อประกบกันแล้ว เจียงสือก็ไม่ได้จะทรมานหลิงอวี้จื้อ


 


 


“เจ้าไปพักสักหน่อยเถิด ตอนบ่ายข้าจะพาเจ้าไปเยี่ยมเซียวเหยี่ยน ขอเพียงเจ้าทำเรื่องนี้สำเร็จ เรื่องกวานเสวี่ยก็วางใจเถิด


 


 


นางจะไม่ไปขัดเจ้ากับมู่หรงนี่อวิ๋นอีก เรื่องของพวกเจ้าสมหวังได้ เจ้าจะแต่งงานกับมู่หรงนี่อวิ๋นอย่างราบรื่น”


 


 


หลิงอวี้จื้อทำหน้ายินดี ยิ้มพูดว่า


 


 


“เช่นนั้นดีมากเลยเจ้าค่ะ ขอบคุณเจ้าสำนัก”


 


 


เจียงสือไม่ได้พูดอะไรอีก ออกจากห้องไปอย่างเร็ว หลิงอวี้จื้อเก็บรอยยิ้มทันใด ถึงแม้เธอจะง่วงมาก แต่ไม่มีใจจะหลับ นอนแผ่บนเตียง สองมือประสานใต้ศรีษะ


 


 


“มั่วชิง ข้างนอกมีคนเฝ้าอยู่เท่าไหร่”


 


 


“มีสาวใช้เพียงสองคน ข้าจัดการได้ คุณหนู ท่านอ๋องคงถูกจับไปแล้ว สำนักอู๋จี๋มีคุกใหญ่เพียงแห่งเดียว หากเดาไม่ผิด ท่านอ๋องคงถูกขังอยู่ในคุกใหญ่


 


 


เพียงแต่คุกใหญ่ล้วนหลอมมาจากเหล็กนิล หากไม่มีกุญแจก็ไม่มีทางเปิดออกเลย พวกเราต้องเอากุญแจถึงไปช่วยชีวิตท่านอ๋อง”


 


 


“กุญแจคงไม่อยู่กับตัวเจ้าสำนักหรอกกระมัง!”


 


 


“กุญแจคุกใหญ่มิได้อยู่กับตัวเจ้าสำนัก อยู่กับทหารยามผู้ดูแลคุก ข้างในมีทหารยามทุกด่าน หากพวกเราไปช่วยคนเช่นนี้ เกรงว่าจะถูกจับกุม”


 


 


หลิงอวี้จื้อคิดแล้วคิดอีก สุดท้ายพูดว่า


 


 


“อาศัยแค่พวกเราสองคนช่วยคนออกมาไม่ได้แน่ มั่วชิง เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าตอนที่พวกเราเพิ่งมาถึงอำเภอฉางหนิง ในตัวอำเภอมีคนหนุ่มตายไปไม่น้อย ล้วนถูกฉีกกัดจนไม่เป็นรูปเป็นร่าง


 


 


สำนักอู๋จี๋เลี้ยงอะไรที่ไม่สามารถเผยให้คนเห็นอยู่หรือไม่ หากปล่อยสิ่งนี้ออกมา จะต้องเกิดความวุ่นวายโกลาหลแน่นอน ถึงตอนนั้นเราก็ล่อมันไปที่คุกใหญ่ พวกเราฉวยโอกาสชุลมุนนี้ช่วยคนออกมา”


 


 


“สำนักอู๋จี๋ต้องช่วยเหลือพวกสายมารมาตลอด น่าจะมี ข้ารู้ว่าของเหล่านี้อยู่ที่ไหน คุณหนู ให้ข้าไปเถิด”


 


 


“เจ้าออกไปก็ต้องจัดการสาวใช้ตรงประตูด้วย ถึงเวลานั้นข้าอยู่ทางนี้จะอันตรายยิ่งไปอีก พวกเราไปด้วยกัน อย่างไรเสียข้าก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ไปเถิด!”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 345 ภาพฉากสยอง


 


 


มั่วชิงคิดไปคิดมาก็เห็นด้วย จึงไม่ได้พูดอะไรอีก พยักหน้ารับคำ


 


 


มั่วชิงจัดการสาวใช้ตรงหน้าประตูอย่างง่ายดาย ลากสาวใช้เข้าไปซ่อนในห้อง


 


 


นางคุ้นเคยกับสำนักอู๋จี๋เป็นอย่างดี นำทางหลิงอวี้จื้อลัดเลาะทางลัดไปทางห้องทิศเหนือ เพื่อป้องกันการหลบหนี คนและสัตว์ร้ายทุกตัวจึงถูกขังไว้ในคุกใต้ดิน


 


 


ทหารยามข้างนอกห้องทิศเหนือก็ไม่เยอะ มั่วชิงจัดการทหารยามแล้วเปิดกลไกห้องทิศเหนือ ประตูหินค่อยๆ เคลื่อนเปิด


 


 


“คุณหนู ท่านต้องระวัง ตามข้ามา”


 


 


มั่วชิงพูดจบก็ใช้หินเหล็กไฟในมือจุดตะเกียงน้ำมันบนผนัง ข้างในมีบันไดแคบๆ อันหนึ่ง


 


 


หลิงอวี้จื้ออาศัยแสงสลัว เดินตามมั่วชิงไปข้างหน้า เพิ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ได้กลิ่นชวนอาเจียน มีทั้งกลิ่นคาวเลือดเข้มข้น กลิ่นเปียกชื้นแรงมาก รวมทั้งกลิ่นเหม็นอับแบบคนไม่ได้อาบน้ำมาหลายปี


 


 


หลิงอวี้จื้ออุดปาก เพื่อไม่ให้ตัวเองอาเจียนออกมา


 


 


มั่วชิงนิ่งเฉยมาก กลิ่นเหล่านี้นางเคยดมมาหลายปีแล้ว คุ้นเคยไปกว่านี้ไม่ได้อีก ตอนนั้นเพื่อฝึกวิชา พวกนางต้องมาที่นี่ทุกวัน


 


 


ลงบนไดมาแล้ว หลิงอวี้จื้อก็คลายมือด้วยความตกใจ นี่เป็นฉากที่ตื่นเต้นที่สุดตั้งแต่เธอเกิดมาจริงๆ พระเจ้า น่ากลัวกว่าในภาพยนตร์อีก อย่างน้อยในภาพยนตร์ก็รู้ว่าเป็นของปลอม แต่พวกนี้เป็นของจริง


 


 


มั่วชิงจุดตะเกียงน้ำมันบนกำแพงต่อ มีกรงขนาดเล็กใหญ่เต็มไปหมด


 


 


ข้างในกรงข้างหน้าขังหมาป่าสีดำเจ็ดแปดตัวไว้ คำรามเสียงต่ำเป็นระลอกๆ ดวงตาประกายแสงสีเขียว กำลังกินคน ใช่แล้ว ที่กินอยู่เป็นศพคน ถูกฉีกกัดจนดูไม่ออกว่าหน้าตาเป็นอย่างไร แขนขาดขาขาดโยนกระจายไปทุกที่


 


 


หากหัวใจไม่แข็งแกร่งพอ ไม่กล้าดูภาพนี้แน่นอน


 


 


“นี่คือหมาป่าหรือ”


 


 


“ถูกต้องเจ้าค่ะ แต่ไม่ใช่หมาป่าธรรมดา มันดุร้ายมาก เจ้าสำนักเอาคนเป็นมาเลี้ยงพวกมันตลอด เมื่อก่อนตอนที่ข้าอยู่สำนักอู๋จี๋ เจ้าสำนักเลี้ยงหมาป่าดำไม่กี่ตัว ไม่รู้ว่าเจ็ดแปดตัวนี้เป็นตัวเดียวกับเมื่อก่อนหรือไม่ ข้าลองดูสักหน่อยประเดี๋ยวก็รู้”


 


 


มั่วชิงพูดจบก็เอามือวางในปาก เป่าเป็นเสียงคล้ายนกหวีด ได้ยินเสียงเป่าปาก หมาป่าดำตัวหนึ่งในนั้นก็มาทางนี้ทันใด ใช้กรงเล็บตะกายกรงเหล็กไม่หยุด


 


 


มุมปากมั่วชิงหยักยิ้มบางๆ


 


 


“หมาป่าตัวนี้เป็นตัวที่เมื่อก่อนข้าเคยฝึกให้เชื่อง มันยังจำสัญญาณปากข้าได้


 


 


คุณหนู คราวนี้เรื่องก็จัดการง่ายแล้ว มันอยู่ที่นี่เป็นเวลาค่อนข้างนาน หมาป่าตัวที่เพิ่งมาใหม่อาจจะกินมันได้ ถึงตอนนั้นข้าสามารถใช้สัญญาณปากล่อมันไปที่ห้องขังทางโน้น


 


 


หมาป่าพวกนี้มีเพียงผู้คุมกฎไม่กี่คนกับเจ้าสำนักที่ใช้สัญญาณสั่งได้ ตอนนี้มีเพียงเฟิงอิ๋นที่อยู่สำนักอู๋จี๋ตลอด คงเป็นเฟิงอิ๋นที่ดูแลพวกมันทั้งหมด”


 


 


มั่วชิงพูดจบ ก็เป่าเสียงนกหวีดต่อไป ยื่นมือไปลูบหัวหมาป่าสีดำ


 


 


หมาป่าสีดำถูไถมือของมั่วชิงอย่างสนิทสนม มันสนิทกับมั่วชิงขนาดนี้ หมาป่าตัวอื่นก็ไม่กล้าเข้ามา พากันหลีกไป นี่แสดงว่ามันมีอำนาจแท้จริงในบรรดาหมาป่าเจ็ดแปดตัวนี้


 


 


มั่วชิงทำความคุ้นเคยอย่างละเอียด น้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย


 


 


“เจ้าเป็นหมาป่าผี”


 


 


หมาป่าดำตัวนั้นดูเหมือนจะเข้าใจที่มั่วชิงพูด คำรามเสียงต่ำตอบรับมั่วชิงหนึ่งครั้ง เห็นดังนี้มั่วชิงก็นั่งยองๆ กับพื้น


 


 


“หมาป่าผี ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ข้าคือมั่วชิงไง เมื่อครู่ข้าดูไม่ออกว่าเป็นเจ้า ขอโทษนะ หน้าตาข้าเปลี่ยนไปแล้ว เจ้ายังจำข้าได้ใช่ไหม”


 


 


หมาป่าผีคำรามเสียงต่ำต่อไปอีกหนึ่งครั้ง ดูเหมือนจะตอบรับมั่วชิงอีกครั้ง


 


 


“หมาป่าตัวนี้เข้าใจมนุษย์ดีจริง”


 


 


“เมื่อก่อนข้าฝึกหมาป่าหลายตัวให้เชื่อง หมาป่าผีเป็นตัวหนึ่งที่พิเศษที่สุด มันเป็นตัวที่ข้าช่วยชีวิตมา ดังนั้นจึงใกล้ชิดสนิทสนมกับข้ามาตลอดเจ้าค่ะ”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม