กับดักรักในรอยแค้น 332-339

      ตอนที่ 332 เรียกเธอว่าแม่


 


 


           ในเวลานี้ประตูออฟฟิศดังขึ้น “เข้ามา” ทันทีที่เอ่ยเสียงเย็นชา ผู้ช่วยก็เดินเข้ามาจากข้างนอก


 


 


           “ประธานเผย นี่คือการเสนอราคาสุดท้าย คุณลองดูก่อนครับ ถ้าไม่มีปัญหาล่ะก็ ผมก็จะสั่งการลงไป” ผู้ช่วยยื่นการเสนอราคาที่เพิ่งแก้เสร็จให้เผยหนานเจวี๋ย การเสนอราคาครั้งนี้ได้ถูกแก้เป็นสิบรอบแล้ว แววตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนล้า


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยยื่นมือรับแล้วอ่านอย่างละเอียดถี่ถ้วน จากนั้นก็พยักหน้าแล้ว


 


 


           เมื่อผู้ช่วยเห็นว่าในที่สุดเผยหนานเจวี๋ยพยักหน้า หัวใจก็โล่งใจทันที รับใบเสนอราคาที่เผยหนานเจวี๋ยยื่นมาให้เขาแล้วเดินออกไป


 


 


           “คุณเรียกหยางเจียนเข้ามาหน่อย” เผยหนานเจวี๋ยมองผู้ช่วยที่กำลังจะเดินพ้นประตูเอ่ยปาก “ครับ”


 


 


           หนึ่งนาทีหลังจากนั้น ประตูออฟฟิศของเผยหนานเจวี๋ยก็ดังขึ้นอีกครั้ง หยางเจียนเข้ามาจากข้างนอก


 


 


           “ประธานเผย คุณหาผมเหรอครับ” หยางเจียนยืนอยู่ด้านหน้าเผยหนานเจวี๋ย มองเขาพร้อมเอ่ยปากนอบน้อม


 


 


           “อืม คราวก่อนที่ให้คุณตามงานเรื่องที่ดินฝั่งตะวันออกผืนนั้น ตามไปถึงไหนแล้ว เริ่มประมูลกันแล้วยัง” เผยหนานเจวี๋ยอ่านเอกสารใบสุดท้ายในมือจบ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นพูด


 


 


           เขาชอบที่ดินผืนนั้นนานแล้ว ที่นั่นทิวทัศน์งดงาม เหมาะสำหรับทำรีสอร์ทมาก หากซื้อที่ดินผืนนั้นเพื่อสร้างรีสอร์ทแล้วล่ะก็ รายได้ของบริษัทกลุ่มเผยก็จะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวอย่างแน่นอน


 


 


           “ประธานเผย การประมูลที่ดินผืนนั้นจะเริ่มมะรืนนี้ตอนสิบโมงเช้า ถึงตอนนั้นคุณอยากไปดูด้วยตัวเองหรือเปล่าครับ” ผู้ช่วยเอ่ยปาก มองเผยหนานเจวี๋พร้อมพูดอย่างระมัดระวัง


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยครุ่นคิดครู่หนึ่งจากนั้นจึงพยักหน้าตอบ “ได้ คุณไปทำงานก่อนเถอะ ที่ดินผืนนั้นที่ผืนงาม ผมอยากมั่นใจว่าเมื่อถึงเวลาแล้วจะไม่ล้มเหลว”


 


 


           “ครับ” ผู้ช่วยพูดจบ หันหลังออกไปจากออฟฟิศเผยหนานเจวี๋ยแล้ว


 


 


           ที่ดินผืนนั้นที่เผยหนานเจวี๋ยชอบคือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ อีกทั้งเป็นสถานที่ที่ดีถัดจากภูเขาและแม่น้ำ ดังนั้นเผยหนานเจวี๋ยจึงชอบที่นั่น


 


 


           ตอนนี้ เจ้าของต้องการจะนำที่ดินผืนนั้นออกมาประมูล เขาจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ไปอย่างแน่นอน เขาจะต้องซื้อที่ดินผืนนั้นอย่างแน่นอน


 


 


           อีกฝั่งหนึ่ง หลังจากฉู่เจียเสวียนจัดการงานสำคัญที่ร้านเช่าชุดแต่งงานเรียบร้อยแล้ว ก็ขับรถไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า บนรถของเธอเต็มไปด้วยของว่างและของเล่นหลากหลายชนิด


 


 


           รถมาจอดอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอเพิ่งลงจากรถ เด็กๆ เหล่านั้นก็เข้ามาห้อมล้อมทันที


 


 


           “พี่เจียเสวียน พี่มาแล้ว”


 


 


           “พี่เจียเสวียน หนูคิดถึงพี่จังเลย”


 


 


           “พี่เจียเสวียน…” เด็กน้อยที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามองดูฉู่เจียเสวียน ยิ้มแย้มสดใส


 


 


           ฉู่เจียเสวียนมองดูเด็กๆ ที่รายล้อมตัวเอง รอยยิ้มของพวกเขาเป็นเหมือนโรคติดต่อ บนใบหน้าก็มีรอยยิ้มตามมาแล้ว


 


 


           รถอีกคันมาจอดที่ด้านนอกรั้ว ฉู่เจียเสวียนยังไม่ทันได้เอ่ยปากก็ถูกคนบนรถดึงดูดสายตาแล้ว


 


 


           ขณะที่มองดูคนคนนั้นลงมาจากรถ เธอก็ยิ้ม “จวิ้นฉือ คุณมาได้ยังไง”


 


 


           เธอจำได้เธอเคยบอกเขาว่าถ้าหากเขายุ่งก็ไม่ต้องมา เธอมาคนเดียวก็ได้


 


 


           “คุณก็มาแล้ว ผมไม่มาได้ยังไง” กงจวิ้นฉือเดินเข้าไปหาฉู่เจียเสวียน มองดูเด็กน้อยรอบตัวเธอ ยื่นมือลูบหัวของพวกเขา


 


 


           ฉู่เจียเสวียนกับกงจวิ้นฉือขนของทุกอย่างลงมา มอบให้เด็กๆ เหล่านั้นทีละชิ้นๆ


 


 


           มองดูเด็กที่ยิ้มด้วยใบหน้าไร้ความกังวล ความมืดมนปรากฏอยู่ในแววตาของฉู่เจียเสวียน ถ้าหากเธอไม่ได้แท้งลูกของเธอล่ะก็ ก็คงมีคนเรียกเธอว่าแม่แล้ว


 


 


           กงจวิ้นฉือยืนอยู่ข้างฉู่เจียเสวียน เห็นสายตาที่มืดมนลงกะทันหันของเธอ รู้สึกผิดหวังอยู่ในใจ เธอคิดถึงมันอีกแล้วเหรอ


 


 


           “เจียเสวียน…”


 


 


           “พี่เจียเสวียน พวกเราไปเล่นด้วยกันดีไหมคะ” จู่ๆ เด็กหญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาจูงมือของฉู่เจียเสวียนพร้อมพูดกับเธอ ตาโตสดใสเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม มันโค้งงอจนเหมือนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว


 


 


           ทันทีที่ฉู่เจียเสวียนได้ยินคำพูดของเด็กหญิง ใบหน้าเผยรอยยิ้มทันที กำจัดความมืดมนในแววตาออกไป


 


 


           “ได้สิ หนูรอพี่แป๊บนึงนะ” พูดจบ จากนั้นก็หันมามองกงจวิ้นฉือ


 


 


           เมื่อครู่ตอนที่เด็กน้อยเดินเข้ามา ฉู่เจียเสวียนได้ยินกงจวิ้นฉือเรียกเธอ ราวกับว่าต้องการจะพูดอะไรกับเธอ


 


 


           “จวิ้นฉือ เมื่อกี้คุณจะพูดอะไรกับฉัน?” ฉู่เจียเสวียนมองใบหน้าที่หล่อเหลาของกงจวิ้นฉือพร้อมเอ่ยถาม แววตาเปื้อนยิ้ม ความมืดมนก่อนหน้านั้นหายไปแล้ว


 


 


           “ผมแค่อยากบอกว่า ผมยังมีงานที่บริษัท ต้องกลับไปก่อน” เสียงที่อบอุ่นของกงจวิ้นฉือดังขึ้น แววตาที่มองฉู่เจียเสวียนมีความอ่อนโยน ราวกับว่าเขามีเพียงเธอในดวงตาเท่านั้น


 


 


           “โอเค งั้นคุณกลับไปก่อนเถอะ อย่าลืมนะว่าวันนี้เรายังต้องไปฉลองวันเกิดถังถัง จริงสิ คืนนี้คุณไปรับแม่ฉันหน่อยนะ” ฉู่เจียเสวียนมองกงจวิ้นฉือ ใบหน้ามีรอยยิ้มดุจดอกไม้ น้ำเสียงนั้นยิ่งแจ่มชัด


 


 


           “ได้ งั้นผมกลับไปก่อนนะ” กงจวิ้นฉือมองฉู่เจียเสวียนด้วยความลึกซึ้ง จากนั้นก็หันหลังจากไป


 


 


           หลังจากฉู่เจียเสวียนมองกงจวิ้นฉือจากไปแล้ว ละสายตาแล้วยิ้มให้กับเด็กหญิงคนนั้น


 


 


           เด็กหญิงคนนั้นดึงมือของฉู่เจียเสวียน วิ่งไปหาเพื่อนๆ ตัวน้อยของเธอ


 


 


           ตอนบ่าย หลังจากดูแลจนเด็กๆ เหล่านั้นหลับไปแล้ว ฉู่เจียเสวียนมาถึงห้องผู้อำนวยการ ยังไม่ทันเปิดประตูก็ได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากข้างใน


 


 


           “ผอ. คะ ตอนนี้ทำยังไงดี ถ้าหากที่ดินผืนนี้ถูกซื้อไปล่ะก็ เด็กๆ พวกนั้นจะอยู่กันยังไง” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น น้ำเสียงเจือปนความร้อนรน


 


 


           “หรือว่าไม่มีทางอื่นแล้วเหรอคะ” ผู้หญิงคนนั้นไม่รอให้ผู้อำนวยการตอบ จากนั้นก็เอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง


 


 


           “จะมีวิธีอะไรล่ะ เจ้าของที่ดินวางที่ดินผืนนี้ในศูนย์ประมูลแล้ว อีกอย่าง มะรืนก็จะประมูลแล้วด้วย พวกเราก็ไม่มีเงิน…”


 


 


           ฉู่เจียเสวียนยืนอยู่ข้างนอก ได้ยินบทสนทนาข้างในอย่างชัดถ้อยชัดคำ มือกำจดหมายแน่นไม่หยุด ครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอยกมือขึ้นเคาะประตู จนกระทั่งได้ยินเสียงมาจากด้านใน ฉู่เจียเสวียนจึงผลักประตูเข้าไป


 


 


           “ผอ. พี่ลู่” ฉู่เจียเสวียนมองดูสองคนข้างใน เอ่ยปากเรียกอย่างมีมารยาท


 


 


           “เจียเสวียน เธอมาแล้วเหรอ” ผู้อำนวยการเห็นฉู่เจียเสวียนก็ยิ้มทันที ฉู่เจียเสวียนมาเป็นอาสาสมัครที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทุกสุดสัปดาห์ อีกทั้งทุกครั้งที่มาก็นำอาหารและเสื้อผ้ามามากมาย และยังมอบค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ให้พวกเขาก่อนที่จะจากไป


 


 


           สำหรับความกะตือรือร้นของฉู่เจียเสวียนนั้น ผู้อำนวยการรู้สึกว่าถ้าหากทุกคนมีจิตใจดีเหมือนกับฉู่เจียเสวียนล่ะก็ เด็กกำพร้าในโลกใบนี้ก็จะลดลงไปอย่างมากแน่นอน


 


 


           “ผอ. คะ นี่คือน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากฉันให้พวกคุณ” ฉู่เจียเสวียนยื่นซองจดหมายในมือให้ผู้อำนวยการ มองดูเขาพร้อมเอ่ยปาก


 


 


           “เจียเสวียน เธอเป็นคนดีจริงๆ ผมขอบคุณในนามของเด็ก ๆ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า พระเจ้าจะทรงอวยพรผู้หญิงที่ใจดีอย่างเธอแน่นอน” ผู้อำนวยการกุมสองมือของฉู่เจียเสวียน มีประกายน้ำตาอยู่ในดวงตา


 


 


           ที่จริงถ้าหากไม่ใช่เพราะฉู่เจียเสวียน สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของพวกเขาแห่งนี้ก็ปิดตัวไปนานแล้ว


 


 


           “ผอ. เกรงใจเกินไปแล้ว ฉันก็แค่พยายามทำให้ดีที่สุด จริงสิ เมื่อกี้ได้ยินว่าพวกคุณจะขายประมูลที่นี่เหรอคะ” ฉู่เจียเสวียนขมวดคิ้วเอ่ย พร้อมมองผู้อำนวยการกับพี่ลู่


 


 


 


 


     ตอนที่ 333 เธอจะยังมีบ้านอยู่


 


 


           “ใช่ค่ะ เจ้าของที่เห็นว่าพวกเราจ่ายค่าเช่าไม่ไหวมาตลอด ก็เลยอยากขายประมูลที่ดินผืนนี้ ถ้าหากที่ดืนผืนนี้ขายออกไปแล้ว แล้วเด็กๆ พวกนี้จะทำยังไง” พี่ลู่มองฉู่เจียเสวียนพร้อมกับพูด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวลและร้อนรน


 


 


           “พี่ลู่ พี่อย่าเพิ่งกังวลไปเลย มะรืนนี้ฉันจะไปดูที่สถานที่ประมูลเอง” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปากพูดกับพี่ลู่ ยื่นมือตบๆ หลังมือของผู้อำนวยการ


 


 


           หลังจากฉู่เจียเสวียนออกไปจากออฟฟิศผู้อำนวยการแล้ว ก็เริ่มเดินเล่นในบริเวณสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า


 


 


มองดูบรรยากาศโดยรอบ ดวงตาของฉู่เจียเสวียนพร่ามัวเล็กน้อย ถ้าหากที่นี่ถูกขายไปล่ะก็ แล้วเด็กๆ พวกนี้จะทำอย่างไร ถึงตอนนั้นพวกเราก็จะกลายเป็นเด็กเร่ร่อนไร้บ้าน


 


 


           ฉู่เจียเสวียนเดินไปเดินมา ก็ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ เธอเดินเข้าไปตามที่มาของเสียงนั้น พบว่าเด็กที่กำลังร้องไห้ก็คือเด็กหญิงที่ดึงมือเธอให้ไปเล่นวันนี้


 


 


           “เสี่ยวเวย เธอเป็นอะไรไป ทำไมถึงมาร้องไห้คนเดียวตรงนี้ ไม่สบายหรือเปล่า” ฉู่เจียเสวียนเดินเข้าไปหาเสี่ยวเวย ยื่นมือกอดเสี่ยวเวย เอ่ยถามเธอเสียงต่ำ


 


 


           เสี่ยวเวยเห็นฉู่เจียเสวียน เงยดวงตาที่เปื้อนน้ำตาขึ้น มองเธอตาไม่กระพริบ ดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตานั้นมองขึ้นมาอย่างน่าสงสาร “พี่สาว พวกเราใกล้จะไม่มีบ้านแล้วใช่ไหม”


 


 


           ฉู่เจียเสวียนคิดไม่ถึงว่าเธอจะพูดประโยคนี้ออกมา ดวงตาแดงก่ำทันที


 


 


           “ไม่จ้ะ เสี่ยวเวย เธอจะยังมีบ้านอยู่” ฉู่เจียเสวียนกล่าว รู้สึกว่าเจ็บคอจนทนไม่ไหว


 


 


           เด็กน้อยพวกนี้เป็นเด็กที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง ถ้าหากไม่ได้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ารับตัวไว้เพราะไม่มีพ่อแม่แล้วล่ะก็ พวกเขาก็หาที่พึ่งพิงได้ไม่ง่ายเลย ตอนนี้สถานที่ที่พวกเขาอาศัยมานานกำลังจะถูกประมูล


 


 


           ถ้าหากที่ดินผืนนี้ขายประมูลออกไป ที่แห่งนี้ก็จะถูกรื้อทิ้งอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้น พวกเด็กๆ ก็จะไม่มีแม้กระทั่งที่หลบแดดหลบฝน


 


 


           คิดๆ ดูแล้ว หัวใจของฉู่เจียเสวียนรู้สึกเจ็บปวด ไม่ได้ เธอจะต้องช่วยพวกเขา ขอเพียงเธอซื้อที่ดินผืนนี้เอาไว้ เด็กๆ พวกนี้ก็จะมีบ้านแล้ว


 


 


           “จริงเหรอคะ พี่สาว แต่ว่า ที่พวกพี่พูดเมื่อกี้หนูได้ยินหมดแล้ว…” เสี่ยวเวยพูดไปพูดมา น้ำตาก็ร่วงลงมาอีกแล้ว


 


 


           “อย่าร้องนะ เสี่ยวเวย เธอต้องเชื่อพี่สาวนะโอเคไหม พี่จะต้องปกป้องพวกเธออย่างแน่นอน จะไม่ปล่อยให้พวกเธอไม่มีบ้านเด็ดขาด” ฉู่เจียเสวียนกล่าว ยื่นมือเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเสี่ยวเวย เห็นเธอร้องไห้เสียใจขนาดนี้ ดวงตาของเธอก็อดไม่ได้ที่จะมีน้ำตาไปด้วย


 


 


           เสี่ยวเวยได้ยินคำพูดของฉู่เจียเสวียน พยักหน้า จากนั้นก็เงยหน้ามองฉู่เจียเสวียนพร้อมดวงตาที่เปื้อนน้ำตา “พี่สาว ถ้าที่ของพวกเราประมูลไม่สำเร็จ ถ้าไม่มีใครเอา พวกเราก็อยู่ที่นี่ต่อได้ใช่ไหมคะ”


 


 


           มองดวงตาที่ชัดเจนของเสี่ยวเวย ฉู่เจียเสวียนพยักหน้าอย่างแรง ไม่ว่าจะอย่างไร ไม่ว่าจะต้องเสียเงินมากแค่ไหน เธอจะต้องซื้อที่ดินผืนนี้มาอยู่ในมือให้ได้


 


 


           เธอเชื่อว่า ด้วยสถานะการเงินของเธอในตอนนี้ จะสามารถซื้อที่ดินผืนนี้ได้อย่างแน่นอน แต่แม้ว่าเธอจะครุ่นคิดมากเพียงใด ก็ไม่ได้คิดว่าเผยหนานเจวี๋ยจะชอบที่ผืนนี้ด้วย


 


 


           หลังจากฉู่เจียเสวียนปลอบใจเสี่ยวเวยแล้ว ก็ปล่อยให้เธอกลับไปนอนกลางวัน จนกระทั่งเกือบห้าโมงเย็น ฉู่เจียเสวียนจึงออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า


 


 


           หลังจากกลับถึงในเมือง ฉู่เจียเสวียนขับตรงไปยังร้านที่นัดหมายทันที ขณะที่เธอกลับไปถึงก็เป็นเวลาหกโมงครึ่งแล้ว


 


 


           ที่โรงแรมหวงเจีย


 


 


           ภายใต้การนำทางของบริกร ฉู่เจียเสวียนเดินตามเขาไปจนถึงห้องส่วนตัวแล้ว


  ตอนที่ 334 ประมูล


 


 


           ในห้องส่วนตัว ถังถัง ซูซานซานกับกงจวิ้นฉือรออยู่ข้างในแล้ว เมื่อทุกคนเห็นว่าฉู่เจียเสวียนมาถึงแล้ว ทุกสายตาต่างจับจ้องอยู่ที่เธอ


 


 


           “เจียเสวียน ทำไมช้าจังเลย ถ้ายังมาช้ากว่านี้ เธอต้องล้างจานแล้วนะ” เสียงที่ไพเราะของถังถังดังขึ้น น้ำเสียงมีความสุข


 


 


           ฉู่เจียเสวียนกวาดตามองบนโต๊ะที่ว่างเปล่า อาหารก็ยังไม่ได้มาเสิร์ฟโอเคหรือเปล่า? อีกอย่างไม่ต้องเดา พวกเขาก็เพิ่งมาถึงแน่นอนโอเคไหม?


 


 


           “พวกเธอก็เพิ่งถึงไม่ใช่เหรอ ดูสิกับข้าวก็ยังไม่มาเสิร์ฟเลย” ฉู่เจียเสวียนเดินไปนั่งลงข้างๆ ซูซานซานมองถังถังพร้อมกับยิ้มเอ่ย


 


 


           “แหม ถ้าหากไม่ใช่เพราะรอเธอ พวกเราก็เริ่มกินนานแล้ว วันนี้พอพวกเรากินข้าวเสร็จไปคาราโอเกะกันนะ ใครก็ห้ามกลับ” ถังถังมองฉู่เจียเสวียนพูดขึ้น


 


 


           ฉู่เจียเสวียนหัวเราะไม่ได้ตอบอะไร กงจวิ้นฉือได้ยินแล้วได้แต่ยิ้มและไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน การที่ถังถังเอ่ยปากบอกว่าจะไปร้องคาราโอเกะ เธอไม่แปลกใจเลยสักนิด ถ้าเธอไม่ชวนต่างหากที่แปลก


 


 


           หลังทานข้าว ฉู่เจียเสวียนและคนอื่นๆ ก็มาถึงร้านคาราโอเกะ


 


 


           ในห้องส่วนตัวของสถานบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในเมือง เสียงเพลงดังไปทั่วทุกพื้นที่


 


 


           “ฉันต้องการขับร้องบทเพลงแห่งคลื่น ข้ามผ่านแม่น้ำเจียงเหอแห่งนี้ ด้วยความถ่อมตนอันเชี่ยวกรากนั้น…”


 


 


           “เจียเสวียน ฉันยังนึกว่าน้าซูไม่ชอบมาคาราโอเกะซะอีก คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะร้องเพลงได้ดีขนาดนี้” ถังถังพูดอยู่ข้างหูของฉู่เจียเสวียน ได้ยินเสียงที่ไพเราะงดงามของซูซานซานอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากชม


 


 


           “แน่อยู่แล้ว เมื่อก่อนแม่ฉันเป็นนักร้องนะ” ฉู่เจียเสวียนได้ยินคำพูดของถังถัง หัวเราะพร้อมกับพูด


 


 


           กงจวิ้นฉือนั่งฟังอยู่ด้านข้างเงียบๆ สายตามองที่ฉู่เจียเสวียนตลอดเวลา


 


 


           “วู้…น้าซู น้าเก่งมากเลยค่ะ” หลังจบเพลง ถังถังลุกขึ้นยืนทันที ปรบมือให้กำลังใจซูซานซาน


 


 


           ซูซานซานมองดูถังถังพร้อมกับยิ้มสดใส เธอไม่ได้มาสถานที่แบบนี้นานมากแล้ว อีกอย่าง เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเธอขึ้นเสียงสูงไม่ได้แล้ว


 


 


           นึกถึงตอนที่เธอยังเป็นสาวไม่ว่าเพลงเสียงสูงแค่ไหนก็สามารถร้องได้หมด ตอนนี้เธอร้องไปเพียงไม่กี่เพลงก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว เธอแก่แล้วจริงๆ สินะ


 


 


           “แม่คะ มาเถอะ ดื่มน้ำหน่อย” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยพร้อมยื่นน้ำผลไม้ที่รินไว้ให้ซูซานซาน ให้เธอชุ่มคอ


 


 


           ซูซานซานเอื้อมมือออกไปรับ ดื่มไปคำหนึ่งจากนั้นก็วางแก้วลง


 


 


           พวกเขาร้องเพลงเล่นสนุกด้วยกันจนดึกดื่น กินเค้กเสร็จก็กลับไปแล้ว


 


 


           ในวิลล่า ฉู่เจียเสวียนเห็นซูซานซานที่มีความเหนื่อยล้าในแววตาอย่างเห็นได้ชัด ความเจ็บปวดปรากฏขึ้นในแววตา


 


 


           “แม่ เหนื่อยใช่หรือเปล่า ถ้าเหนื่อยแล้วแม่ก็ไปพักก่อนเถอะ ดึกมากแล้ว” ฉู่เจียเสวียนพูด ยื่นมือประคองซูซานซาน


 


 


           ซูซานซานลุกขึ้นยืน ขึ้นชั้นบนไปด้วยการประคองของฉู่เจียเสวียน


 


 


           “พอคนมันแก่แล้วก็ไม่ได้เรื่องจริงๆ” ซูซานซานเดินพลางพูดกับฉู่เจียเสวียน แม้ว่าเธอจะเหนื่อยอยู่บ้าง แต่ว่าเธอก็มีความสุขมาก


 


 


           “แม่ พูดอะไรน่ะ ตอนนี้แม่ยังสาวอยู่เลย” พอมาถึงชั้นบน ฉู่เจียเสวียนเอื้อมมือไปเปิดประตู ได้ยินเธอพูดเช่นนี้รีบตอบกลับอย่างไม่พอใจ


 


 


           ในใจของเธอ ซูซานซานยังสาวอยู่เลย


 


 


           ซูซานซานได้ยินคำพูดของฉู่เจียเสวียนได้แต่ยิ้มไม่พูดจา เธอนอนลงบนเตียงจากการประคองของฉู่เจียเสวียน หลังจากช่วยซูซานซานเรียบร้อยแล้ว ฉู่เจียเสวียนจึงเดินย่องออกไป


 


 


           เมื่อกลับมาถึงห้องอ่านหนังสือ ฉู่เจียเสวียนก็เริ่มสืบเรื่องที่ดินผืนนั้นของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากได้พูดไปว่าจะช่วยพวกเขา ก็ต้องทำความเข้าใจข้อมูลอย่างชัดเจนก่อนถึงจะถูก


 


 


           ที่ศูนย์การประมูล ฉู่เจียเสวียนนั่งอยู่ในสนามการประมูล มองดูพิธีกรบนเวทีการประมูลเงียบๆ ฟังเขาประมูลของโบราณทีละชิ้นๆ


 


 


           “นี่คือของประมูลชิ้นสุดท้ายของพวกเราในวันนี้แล้วครับ ของประมูลชิ้นนี้ไม่เหมือนชิ้นที่แล้ว นี่คือที่ดินที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางของเขตซีหู เจ้าของที่ต้องการจะประมูลที่แห่งนี้ก่อนไปต่างประเทศ ราคาเริ่มประมูลอยู่ที่สิบล้าน เริ่มการประมูลได้เลยครับ”


 


 


 


 


     ตอนที่ 335 ไม่มีทางสู้กับเขา


 


 


           บนเวที ที่ดินผืนนั้นที่ตั้งอยู่ในเขตซีหูแสดงอยู่บนหน้าจอ ติดภูเขาและแม่น้ำ เพียงดูก็รู้แล้วว่าที่แห่งนี้สมบูรณ์ แน่นอนว่ามีคนมากมายมาเพราะที่ดินผืนนี้


 


 


           เมื่อเผยหนานเจวี๋ยเห็นภูมิประเทศบนหน้าจอแล้ว มุมปากยกยิ้ม ที่ดินผืนนี้จะต้องเป็นของเขา


 


 


           ทันทีที่ฉู่เจียเสวียนได้ยินว่าการประมูลที่ดินผืนนั้นเริ่มต้นขึ้น ผู้คนก็พากันกะตือรือร้นอย่างอดใจไม่ไหว รอการตะโกนต่อรองราคาพวกเขาอยู่เงียบๆ


 


 


           “ผมเสนอห้าล้าน”


 


 


           “คุณผู้ชายท่านนี้เสนอที่ห้าล้าน มีสูงกว่านี้ไหมครับ”


 


 


           “ผมสิบล้าน”


 


 


           “ผมสามสิบล้าน…”


 


 


“……”


 


 


           ได้ยินเสียงบรรดาแขกเหรื่อที่มีอารมณ์ร่วม ได้ยินเสียงต่อรองราคาของพวกเขาที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ฉู่เจียเสวียนขมวดคิ้ว


 


 


           เธอสามารถให้ได้มากสุดแค่สองพันล้าน เธอให้มากกว่านี้ไม่ไหว ดูแล้วพวกเขาต่างชอบที่ดินผืนนั้น


 


 


           “ผมให้พันล้าน” จู่ๆ เสียงที่เย็นชาดังขึ้น ทุกคนต่างหันไปมอง เห็นเพียงเผยหนานเจวี๋ยนั่งหลับตาอยู่ตรงนั้น บุคลิกเยือกเย็น มีผู้ช่วยนั่งอยู่ข้างเขา


 


 


           ฉู่เจียเสวียนเห็นเผยหนานเจวี๋ยก็ขมวดคิ้ว เธอคิดไม่ถึงว่าเขาก็สนใจที่ดินผืนนั้นเหมือนกัน


 


 


           “ห้าสิบล้าน”


 


 


           “หกสิบล้าน”


 


 


           “เจ็ดสิบล้าน”


 


 


           “คุณหนูท่านนี้ให้เจ็ดสิบล้านมีใครให้มากกว่านี้ไหมครับ” พิธีกรมองคนที่อยู่ด้านล่างเวทีพร้อมกับพูด


 


 


           “ร้อยล้าน” ทันใดนั้นเผยหนานเจวี๋ยลืมตา ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เขาก็มองฉู่เจียเสวียน เขาคิดไม่ถึงว่าฉู่เจียเสวียนจะมาอยู่ที่นี่


 


 


           ‘บ้าเอ๊ย!’ ฉู่เจียเสวียนมองเผยหนานเจวี๋ยด้วยความโมโห แววตาที่มองเขามีความไม่พอใจอันหนักอึ้ง


 


 


           “ร้อยห้าสิบล้าน” ฉู่เจียเสวียนกัดฟัน แววตามีประกายเยือกเย็น


 


 


           “สองร้อยล้าน!” ราวกับจงใจ เผยหนานเจวี๋ยไม่รอให้ฉู่เจียเสวียนประมูลราคาจบ เขาพูดโดยไม่ลังเลทันที


 


 


           กำหมัดแน่น ฉู่เจียเสวียนโมโหจนแทบทนไม่ไหว เงยหน้ามองเผยหนานเจวี๋ยด้วยความโกรธ แววตานั้นราวกับว่ากำลังถามเขาว่าจะเอายังไงกันแน่


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยยิ้ม เผชิญหน้ากับสายตาของฉู่เจียเสวียน ในดวงตามีความรักที่ข่มเอาไว้


 


 


           หลายวันนี้ เขาต้องการหาเธอมาตลอด แต่ว่าเมื่อนึกถึงสิ่งที่เธอพูดกับเขาเมื่อวันก่อน เขาก็ไม่กล้ารบกวนเธอ


 


 


           “สองร้อยห้าสิบล้าน” นี่เกินขีดความสามารถของฉู่เจียเสวียนไปมากแล้ว ถ้าหากเผยหนานเจวี๋ยยังเพิ่มราคาอีก ไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะไม่สามารถเพิ่มราคาได้อีกแล้ว


 


 


           พิธีกรได้ยินคำพูดของฉู่เจียเสวียนแล้ว ตื่นเต้นขึ้นมาทันที ตั้งแต่ประมูลมาไม่เคยมีราคาสูงกว่าห้าพันล้านเลย วันนี้นับเป็นราคาครั้งใหม่จริงๆ เขาคลั่งจนแทบทนไม่ไหว


 


 


           “สองร้อยห้าสิบล้าน คุณหนูที่นั่งหมายเลขแปดให้สองร้อยล้าน มีใครให้ราคามากกว่าเขาไหมครับ” พิธีกรพูดอย่างดีใจ กวาดตาไปยังแขกเหรื่อด้านล่างพร้อมกับพูด


 


 


           หัวใจของฉู่เจียเสวียนขึ้นมาที่ลำคอ เธอตื่นเต้นจนสองมือบิดไม่หยุด


 


 


           พิธีกรจะเคาะราคาแล้ว เสียงที่เย็นชาดังขึ้นอีกครั้ง “สามร้อยล้าน!”


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยไม่เคยปล่อยสิ่งที่ตัวเองชอบ ยิ่งไปกว่านั้นเขาชอบที่ดินผืนนั้นนานแล้ว กว่าจะรอมาถึงวันนี้ไม่ง่ายเลย เขาจะปล่อยให้มันตกไปอยู่ในมือของคนอื่นได้อย่างไร แม้แต่ในเมือของฉู่เจียเสวียนก็ไม่ได้


 


 


           ฉู่เจียเสวียนได้ยินเสียงของเผยหนานเจวี๋ยดังขึ้น ดวงตามีประกายความโมโห


 


 


           “สามร้อยล้าน ยังมีคนให้ราคามากกว่านี้ไหมครับ” เสียงของพิธีกรบนเวทีดังขึ้น ฉู่เจียเสวียนโมโหสุดขีด หน้าอกกระเพื่อมไม่หยุด


 


 


           สามร้อยล้าน เธอไม่มีเงินเยอะขนาดนั้น ยิ่งประมูลไม่ไหว อีกอย่าง กำลังทางการเงินของเธอจะสู้กับเผยหนานเจวี๋ยได้อย่างไร


  ตอนที่ 336 ถูกเขาแย่งไปแล้ว 


 


 


           “ไม่มีใครแล้วเหรอครับ สามร้อยล้านครั้งที่หนึ่ง สามร้อยล้านครั้งที่สอง” 


 


 


           “สามร้อยล้านครั้งที่สาม ปิดการประมูลครับ! ยินดีกับคุณเผยด้วยครับ ที่ดินผืนนี้เป็นของคุณแล้ว อีกสักครู่พวกเราจะส่งสัญญาให้ถึงมือคุณเลย” 


 


 


           ในที่สุดเผยหนานเจวี๋ยก็ซื้อที่ดินผืนนั้นด้วยราคาที่สูงถึงสามร้อยล้าน 


 


 


           ฉู่เจียเสวียนเห็นว่าเรื่องจบแล้ว ก็ไม่ได้พิรี้พิไรอีก ลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินออกไปข้างนอกทันที 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยเห็นฉู่เจียเสวียนออกไปข้างนอก เขารีบตามไป ปล่อยให้ผู้ช่วยอยู่ตรงนั้นเพื่อจัดการเรื่องหลังจากนั้น 


 


 


           ออกมาถึงหน้าประตู ฉู่เจียเสวียนเดินไปหารถของเธอทันที อารมณ์ของเธอตกต่ำมาก ไม่ได้สังเกตว่าเผยหนานเจวี๋ยตามหลังเธอมาโดยสิ้นเชิง 


 


 


           “เจียเสวียน” ขณะที่ในใจมัวแต่คิดว่าไม่ได้ที่ดินผืนนั้นมาอยู่ในมือแล้วเด็กๆ พวกนั้นจะทำอย่างไร จู่ๆ มือก็ถูกดึงไว้ เธอสะดุดล้มไปข้างหน้า 


 


 


           รู้สึกถึงมือที่แข็งแกร่งและทรงพลังโอบรอบเอว จมูกเต็มไปด้วยลมหายใจที่เยือกเย็นของเขา เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นดวงตาที่ลึกซึ้งของเผยหนานเจวี๋ยคู่นั้น 


 


 


           เมื่อเห็นชัดเจนว่าเป็นใคร ฉู่เจียเสวียนโมโหขึ้นมาทันใด ขัดขืดพร้อมออกแรงผลักทันที ผละตัวออกจากอ้อมกอดของเขา สายตาที่มองเขานั้นเย็นชา 


 


 


           “คุณเผย คุณจะทำอะไร กลางวันแสกๆ คุณยังคิดจะฉวยโอกาสจากฉันอีกเหรอ” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปากเย็นชา ใบหน้าไร้รอยยิ้ม 


 


 


           “ช่วงนี้คุณสบายดีไหม” เผยหนานเจวี๋ยคิดเนิ่นนาน ในที่สุดก็ถามเพียงประโยคเดียว 


 


 


           ฉู่เจียเสวียนได้ยินคำถามของเผยหนานเจวี๋ย รู้สึกขำโดยไม่รู้ตัว คนคนนี้ประสาทหรือเปล่า รั้งตัวเธอไว้เพียงเพื่อถามว่าเธอสบายดีไหม เธอจะสบายดีหรือเปล่ามันเกี่ยวอะไรกับเขา 


 


 


           ต้องการความเห็นใจจอมปลอมจากเขาตั้งแต่เมื่อไรกัน 


 


 


           “คุณเผย ยินดีกับคุณด้วยนะคะ ซื้อที่ดินผืนนั้นได้ ร่ำรวยมั่งคั่งจริงๆ” ฉู่เจียเสวียนพูดจาประชดประชัน มุมปากที่ยกยิ้มเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน 


 


 


           ตอนนี้ที่ดินผืนนั้นตกอยู่ในมือของเผยหนานเจวี๋นแล้ว เขาจะพัฒนาเป็นโครงการเชิงพาณิชย์อย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจะต้องถูกย้ายแน่ๆ 


 


 


           ได้ยินน้ำเสียงเย้ยหยันของฉู่เจียเสวียน เผยหนานเจวี๋ยเม้มปาก “คุณทำแบบนี้ทำไม” 


 


 


           “ทำไมเหรอ คุณเผยคะ ฉันไม่เข้าใจความหมายของคุณ ฉันยุ่งมาก ไม่มีเวลาที่จะเสียกับคุณที่นี่” เธอต้องรีบกลับไปคิดหาวิธี ดูว่าพอจะมีหนทางอื่นที่จะช่วยเด็กเหล่านั้นปักหลักได้หรือเปล่า 


 


 


           “คุณประมูลที่ดินผืนนั้นทำไม” 


 


 


           “ถ้าฉันบอกคุณ คุณจะยกที่ดินให้ฉันเหรอ” 


 


 


           “ไม่มีทางอยู่แล้ว” เขารอมาตั้งนาน จะยกที่ดินผืนนั้นให้เธอได้อย่างไร เขาวางแผนที่จะเปิดรีสอร์ทบนที่ดินนั้นแล้ว เขาจะมอบให้เธอได้อย่างไร 


 


 


           มุมปากยกยิ้ม ฉู่เจียเสวียยิ้มสดใส แสงอาทิตย์ส่องอยู่บนใบหน้าของเธอ เผยให้เห็นผิวของเธอที่ขาวดุจหิมะ 


 


 


           “แล้วคุณจะถามทำไม” พูดจบ ฉู่เจียเสวียนไม่มองเผยหนานเจวี๋ยเลย เพียงแต่หันหลังที่เย็นชาใส่เขา เผยหนานเจวี๋ยมองดูแผ่นหลังที่ตั้งตรงและบอบบางนั้น เปลือกตากระตุก ฉู่เจียเสวียนเอ๋ย 


 


 


           ผู้ช่วยออกมาจากประตูเห็นเงาของเผยหนานเจวี๋ยก็วิ่งเข้าไปทันที “ประธานเผย สัญญาเรียบร้อยแล้วครับ ต้องการให้คุณเซ็นต์” 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยพยักหน้า จากนั้นก็หันหลังกลับไปยังเขตสำนักงานของสนามประมูล เริ่มทำการถ่ายโอน 


 


 


           หลังจากฉู่เจียเสวียนขับรถออกมาจากสนามประมูลแล้ว ก็กลับไปยังร้านเช่าชุดแต่งงาน ใบหน้าบึ้งตึง 


 


 


           ถังถังเห็นฉู่เจียเสวียกลับมา มองสีหน้าไม่พอใจของเธอ อดไม่ได้ที่จะสงสัย 


 


 


           “ที่รัก เธอเป็นอะไรไป” ถังถังวางปากกาในมือลง เงยดวงตาโตที่สดใสมองเธอ เธอไปที่สนามประมูลมาไม่ใช่เหรอ หรือว่าประมูลที่ผืนนั้นไม่ได้ 


 


 


           “น่าโมโหจริงๆ ถังถัง ที่ผืนนั้นถูกเผยหนานเจวี๋ยประมูลไปแล้ว” กัดฟันพูด ฉู่เจียเสวียนคิดดูแล้วยังไม่สบายใจอยู่มาก ตอนนี้จะต้องทำอย่างไรดี 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 337 เธอต้องการพบคุณ 


 


 


           เด็กๆ พวกนั้นยังเล็กอยู่เลย ถ้าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าถูกรื้อล่ะก็ เด็กๆ พวกนั้นต้องทำอย่างไร ยิ่งคิดฉู่เจียเสวียนก็ยิ่งรู้สึกสับสน 


 


 


           “ถูกเขาประมูลไปเหรอ” ถังถังได้ยินคำพูดของฉู่เจียเสวียนแล้ว อดไม่ได้ที่จะพูดเสียงสูง คิดไม่ถึงว่าเผยหนานเจวี๋ยก็ชอบที่ผืนนั้นเช่นกัน 


 


 


           ฉู่เจียเสวียนได้ยินแล้วพยักหน้า ในใจกำลังคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำเพื่อช่วยเหลือเด็กเหล่านั้น 


 


 


           “ถังถัง เธอว่าตอนนี้ทำยังไงดี เผยหนานเจวี๋ยซื้อที่ไปแล้ว สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนั้นต้องถูกรื้อแน่ๆ ที่นั่นมีเด็กๆ ตั้งสามสี่สิบคนเชียวนะ ถ้าหากรื้อไปแล้ว จะต้องทำยังไงล่ะ จะหาสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เหมาะสมในเวลาสั้นๆ แบบนี้ไม่ได้หรอก” ฉู่เจียเสวียนมองถังถัง น้ำเสียงร้อนรน 


 


 


           “พวกเราคิดหาวิธีกัน” ถังถังเอ่ยปาก เห็นแววตาที่ร้อนรนของฉู่เจียเสวียน ในใจอดไม่ได้ที่จะร้อนรนตามไปด้วย 


 


 


           ขณะที่ทั้งสองคนกำลังอยู่ในห้วงความคิด โทรศัพท์มือถือของฉู่เจียเสวียนก็ดังขึ้น หยิบมือถือออกมาดู พบว่าผู้อำนวยการเป็นคนโทรมา รับสายอย่างรวดเร็ว “ฮัลโหล ผอ. คะ เกิดเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ” 


 


 


           โดยปกติแล้วผู้อำนวยการไม่ค่อยโทรหาเธอ นอกจากมีเรื่องอะไรจึงจะโทรหาเธอ 


 


 


           “เจียเสวียนเอ๊ย พวกเราเพิ่งได้รับการติดต่อ ให้พวกเราย้ายออกไปจากที่นี่ภายในสามวัน ตอนนี้ฉันคิดวิธีไม่ออกแล้ว ก็เลยอยากถามเธอว่ารู้สึกใครที่เปิดสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบ้างไหม จะได้ส่งพวกเขาไป…” 


 


 


           ผู้อำนวยการพูดไปพูดมาก็กลายเป็นเสียงสะอื้น 


 


 


           ฉู่เจียเสวียนได้ยินแล้วรีบเอ่ยปาก “ผู้อำนวยการคะ คุณไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะหาทางเอง” 


 


 


           หลังจากฉู่เจียเสวียนพูดคุยกับผู้อำนวยการครู่หนึ่งแล้วก็วางสาย ถังถังนั่งฟังอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ แววตาเปี่ยมด้วยความกังวล 


 


 


           เห็นความร้อนรนในแววตาของฉู่เจียเสวียน สมองของถังถังก็ทำงานอย่างรวดเร็ว 


 


 


           เธอก็อยากมีส่วนร่วมมากเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็เคยเจอเด็กๆ ที่นั่น เวลาที่เบื่อหน่ายก็ไปกับฉู่เจียเสวียนหลายครั้ง เมื่อคิดถึงดวงโตกลมโตที่สดใสไร้เดียงสาของเด็กๆ เหล่านั้นแล้ว หัวใจของเธอก็เป็นกังวล 


 


 


           “เจียเสวียน เธอจะไปไหน” ระหว่างที่กำลังเหม่อลอย ถังถังก็เห็นฉู่เจียเสวียนเดินไปที่ประตู 


 


 


           “เดี๋ยวฉันจะกลับมา” ฉู่เจียเสวียนตอบโดยไม่หันกลับมามอง พุ่งออกไปจากร้านเช่าชุดแต่งงานแล้ว 


 


 


           เธอต้องการจะไปหาเผยหนานเจวี๋ย ให้เขาขายที่ดินผืนนั้นให้กับเธอ ไม่เช่นนั้นเธอก็คิดหาหนทางที่จะช่วยเหลือเด็กๆ เหล่านั้นไม่ออกแล้ว การให้พวกเขาย้ายออกไปภายในสามวัน มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว 


 


 


           แม้จะพาเด็กกำพร้าเหล่านั้นไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งอื่น เวลาแค่นั้นก็ไม่พอ เด็กเยอะขนาดนั้น จะหาสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในเวลาสั้นๆ ได้ที่ไหนกัน นอกจากนี้เด็กๆ ยังต้องใช้เวลาที่จะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ดังนั้นวิธีที่ตรงที่สุดก็คือการที่ฉู่เจียเสวียนขอให้เผยหนานเจวี๋ยยกที่ดินให้กับเธอ 


 


 


           ในบริษัทกลุ่มเผย ฉู่เจียเสวียนกดลิฟท์แล้วตรงไปชั้นบนสุดทันที 


 


 


           ในออฟฟิศของท่านประธาน ฉู่อีอีรอเผยหนานเจวี๋ยนานมากในที่สุดเขาก็กลับมา ในเวลานี้ทั้งสองคนกำลังนั่งอยู่บนโซฟา 


 


 


           “หนานเจวี๋ย ปีนี้มีหนังฟอร์มยักษ์ชื่อว่า ‘มู่จื่อ’ ได้ยินว่าคนในนั้นมีแต่นักแสดงหน้าใหม่ ถ้าหากฉันได้เป็นนักแสดงนำหญิงเรื่องนี้ล่ะก็ จะต้องดังแน่ๆ เลยเนอะ” ในคำพูดของฉู่อีอีมีความนัยแฝงโดยที่ไม่ต้องพูด 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยได้ยินคำพูดของฉู่อีอีแล้วก็พยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรมาก ในขณะที่ฉู่อีอีกำลังจะพูดต่อนั้น จู่ๆ ประตูออฟฟิศก็มีเสียงดังขึ้น “ประธานเผย คุณฉู่มีเรื่องต้องการคุยกับคุณค่ะ” 


 


 


           คุณฉู่? 


 


 


           ทันทีที่ฉู่อีอีได้ยินคำพูดของเลขา ในใจก็ตื่นตัวทันที ฉู่เจียเสวียน? เขามาทำอะไร ในใจโมโหขึ้นมาฉับพลัน แต่ว่ากลับไม่ได้พูดอะไร สายตามองไปที่เผยหนานเจวี๋ย 


ตอนที่ 338 ไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาไร้บ้านได้ 


 


 


           “ให้เขาเข้ามา” เสียงทุ้มต่ำดังมาจากเผยหนานเจวี๋ย ผละตัวออกจากฉู่อีอี


 


 


           หลังจากเลขาได้ยินคำตอบของเผยหนานเจวี๋ยแล้วก็ให้ฉู่เจียเสวียนเข้ามา


 


 


           ก้าวเดินเข้าไปในออฟฟิศ เมื่อเห็นว่าฉู่อีอีก็อยู่ด้วยโดยไม่ได้คาดหมายแล้ว ดวงตาเพียงส่องประกายความประหลาดใจเล็กน้อย การแสดงออกบนใบหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก


 


 


ในเวลานี้เมื่อเผยหนานเจวี๋ยเห็นฉู่เจียเสวียนมาถึงที่นี่ ในใจก็พอจะรู้ว่าเธอมาเพราะอะไร


 


 


           “พี่สาว ไม่เจอกันตั้งนาน” ฉู่อีอีมองฉู่เจียเสวียนพร้อมยิ้มเอ่ย แต่ลึกๆ ในสายตามีแต่ความโกรธ


 


 


           หญิงเลวคนนี้มายั่วหนานเจวี๋ยของเธออีกแล้ว หน้าไม่อายจริงๆ คิดอยู่ในใจ แล้วควงแขนของเผยหนานเจวี๋ย


 


 


           ฉู่เจียเสวียนเพียงแต่พยักหน้าอย่างเฉยเมย ไม่ได้สนใจฉู่อีอี “คุณเผย ฉันมีเรื่องนึงอยากจะคุยกับคุณ”


 


 


           ฉู่เจียเสียนเอ่ย ดวงตาที่สดใสมองเผยหนานเจวี๋ยไม่กระพริบ


 


 


           “ถ้าคุณมาเพื่อคุยเรื่องที่ดินก็ไม่ต้องหรอก” เผยหนานเจวี๋ยเงยหน้าสบตาที่เย็นชาของฉู่เจียเสวียน หัวใจเต้นรุนแรง


 


 


           “ไม่มีที่ว่างสำหรับการเจรจาต่อรองเลยเหรอ” ฉู่เจียเสวียนกัดฟันพูด แววตาที่มองเผยหนานเจวี๋ยยิ่งเยือกเย็นลง


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยไม่ตอบ ได้แต่พยักหน้า แน่นอนว่าไม่มีที่ว่างสำหรับการเจรจาอยู่แล้ว ตอนนี้เขาได้เตรียมคนเพื่อเตรียมการก่อสร้างแล้ว รอคนที่นั่นย้ายออกไป ก็สามารถทำงานได้ทันที


 


 


           จู่ๆ ฉู่เจียเสวียนก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนโง่ เธอต้องการจะหารือกับเขาว่าสามารถยืดเวลาให้พวกเด็กกำพร้าอีกสักสองสามวันได้หรือไม่ แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะปฏิเสธโดยไม่คิดเลย


 


 


           เขาช่างเป็นคนที่เลือดเย็นไร้เมตตาจริงๆ


 


 


           ฉู่อีอีนั่งอยู่ตรงนั้น ฟังบทสนทนาของทั้งสองคนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอได้ยินสิ่งที่พูดแล้ว แต่ว่าเมื่อปะติดปะต่อกันแล้วเธอไม่เข้าใจเลยสักนิด


 


 


           “ฉันเข้าใจแล้ว” ฉู่เจียเสวียนกัดฟันจากนั้นก็เอ่ย ในเมื่อเขาพูดแบบนี้แล้ว งั้นก็อย่าหาว่าเธอไม่เกรงใจก็แล้วกัน เดิมทีเธอต้องการมาหารือกับเขาโดยดี เช่นนั้นคงสามารถช่วยพวกเขาด้วยวิธีการของเธอเท่านั้น


 


 


           “พี่สาว พวกพี่กำลังคุยเรื่องอะไรกัน” ฉู่อีอีไม่ชอบใจที่ตัวเองเป็นเหมือนอากาศ เอ่ยปากถาม สายตามองสลับไปมาระหว่างเผยหนานเจวี๋ยกับฉู่เจียเสวียน


 


 


           หรือว่าสองคนนี้เจอหน้ากันโดยที่เธอไม่รู้งั้นเหรอ


 


 


           “งั้นคุณเผยอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจนะคะ ถึงตอนนั้นถ้าเกิดการสูญเสียอะไรที่ไม่จำเป็น อย่าโทษฉันก็แล้วกัน” ฉู่เจียเสวียนพูดกับเผยหนานเจวี๋ยจบ ไม่ปล่อยโอกาสให้เผยหนานเจวี๋ยได้ตอบสนอง หันหลังออกไปจากออฟฟิศของเขาแล้ว


 


 


           “หนานเจวี๋ย มันเรื่องอะไรกันแน่” หลังจากฉู่อีอีมองดูฉู่เจียเสวียนจากไปแล้ว หันมองเผยหนานเจวี๋ยพร้อมกับถาม แววตามีความงุนงง


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยได้ยินแล้วส่ายหัว มุมปากยกยิ้ม เขาอยากดูมากว่าเธอจะใช้วิธีอะไรต่อสู้กับเขา


 


 


           ฉู่อีอีกัดริมฝีปาก แม้ว่าในใจจะไม่พอใจเล็กน้อย กลับไม่ได้พูดอะไรมากอีก


 


 


           “หนานเจวี๋ย หนังเรื่องนั้นที่ฉันพูดเมื่อกี้ คุณว่าไงบ้าง” ฉู่อีอีพูดเรื่องที่เธอยังพูดไม่จบเมื่อสักครู่ แววตาที่มองเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม


 


 


           “อีอี ผมรู้แล้ว เดี๋ยวผมจะให้หยางฮุยไปจัดการ คุณกลับไปก่อนเถอะ ผมยังมีงานต้องทำ” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ย รูปร่างที่สูงใหญ่ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปยังโต๊ะทำงาน


 


 


           ทันทีที่ฉู่อีอีได้ยินเผยหนานเจวี๋ยรับปากแล้ว ดีใจสุดๆ เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว เธอก็กลับไปได้แล้วสินะ


 


 


           หลังจากฉู่เจียเสวียนออกมาจากบริษัทกลุ่มเผยแล้ว ก็ขับรถไปยังบริษัทของกงจวิ้นฉือทันที เธอไม่เชื่อว่าเธอจะไม่สามารถช่วยเด็กๆ เหล่านั้นได้


 


 


           เธอไม่สามารถมองเด็กๆ เหล่านั้นกลายเป็นเด็กไร้บ้านตาปริบๆ ได้อย่างแน่นอน


 


 


 


 


 


ตอนที่ 339 พวกนักธุรกิจใจดำทั้งนั้น 


 


 


           “เจียเสวียน คุณเป็นอะไรไป” กงจวิ้นฉือมองดูฉู่เจียเสวียนที่ปรากฏตัวที่ออฟฟิศของเขาอย่างกะทันหัน เอ่ยถาม แววตาเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม


 


 


           ฉู่เจียเสวียนนั่งลงข้างๆ กงจวิ้นฉือทันที ริมฝีปากแดงยกยิ้ม “จวิ้นฉือ หนานเจวี๋ยซื้อที่ดินของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไปแล้ว ผู้อำนวยการเพิ่งโทรหาฉันบอกว่าเจ้าของขอให้พวกเขาย้ายออกภายในสามวัน”


 


 


           “อะไรนะ? ภายในสามวัน? เด็กเยอะแบบนั้นจะย้ายยังไง”


 


 


           “ที่ฉันมาก็เพราะอยากปรึกษากับคุณว่ามีวิธีหรือเปล่า” ฉู่เจียเสวียนมองกงจวิ้นฉือพร้อมเอ่ย สีหน้าเปี่ยมด้วยความกังวล


 


 


           กงจวิ้นฉือได้ยินแล้วก็พยักหน้า “คุณมีความคิดอะไรดีๆ หรือเปล่า”


 


 


           “ฉันอยากใช้พลังของสื่อข่าวเพื่อช่วยพวกเขา เปิดเผยพวกเขาต่อหน้าทุกคน เรียกร้องให้ประชาชนปกป้องพวกเขา” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปากทันที ตอนนี้เวลาเหลือไม่มากแล้ว เธอไม่สามารถคิดอะไรอื่นได้นอกจากวิธีนี้


 


 


           “ที่จริงวิธีนี้ของคุณก็ไม่เลว ตอนนี้การกระจายข่าวทางอินเทอร์เน็ตเร็วขนาดนั้น เชื่อว่าจะต้องมีคนใจดีช่วยเหลือเยอะแน่ๆ” กงจวิ้นฉือครุ่นคิด จากนั้นก็เอ่ยปาก


 


 


           หลังจากฉู่เจียเสวียนปรึกษากับกงจวิ้นฉือแล้ว จึงตัดสินใจที่จะจัดงานแถลงข่าวในเช้าวันรุ่งขึ้น กงจวิ้นฉือรีบให้ผู้ช่วยไปเตรียมการเรื่องนี้ ให้เขาไปติดต่อสื่อรายใหญ่


 


 


           ท้ายที่สุดแล้วเรื่องนี้มันเร่งด่วนมากเกินไป ถ้าหากตอนนี้ยังไม่ทำอะไรอีกล่ะก็ ฉู่เจียเสวียนกลัวว่าจะไม่ทันการ


 


 


           วันรุ่งขึ้น ฉู่เจียเสวียนมาถึงงานแถลงข่าว เปิดเผยเรื่องในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าสู่สาธารณะและเรียกร้องให้ทุกคนรักและห่วงใยเด็ก


 


 


           ส่วนเรื่องที่ว่าเผยหนานเจวี๋ยซื้อที่ดินผืนนั้นเพื่อการพัฒนาเชิงพาณิชย์ก็ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนเช่นกัน เพียงพริบตาเดียวเผยหนานเจวี๋ยก็กลายเป็นเป้าหมายของการโจมตีทางความคิดเห็นของประชาชน


 


 


           “เป็นนักธุรกิจไร้ศีลธรรมจริงๆ!”


 


 


           “ต่อไปจะไม่ใช้สินค้าที่พวกเขาผลิตอีกแล้ว!”


 


 


           “พวกนักธุรกิจมีใครล่ะบ้างที่ไม่ใจดำ?”


 


 


           “พวกคนรวยมีแต่ทำให้คนธรรมดาอย่างพวกเราลำบากเพื่อทำเงินสกปรก”


 


 


“……”


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ดูฉู่เจียเสวียนที่เมื่อแถลงข่าวออกไปแล้ว บริษัทของพวกเขากลายเป็นธุรกิจมืดสำหรับทุกคน


 


 


           ฉู่เจียเสวียน! มือที่อยู่บนโต๊ะทำงานกำแน่น เขาคิดไม่ถึงเลยว่าวิธีที่ฉู่เจียเสวียนพูดถึงก็คือวิธีแบบนี้


 


 


           เธอฉลาดจริงๆ รู้จักใช้มติมหาชนเพื่อโจมตีเขา!


 


 


           “แย่แล้วครับ ประธานเผย ตอนนี้หุ้นของบริษัทพวกเราร่วงหนักเลยครับ” ผู้ช่วยเดินเข้ามาบอกเผยหนานเจวี๋ย


 


 


           “แย่แล้วครับ ประธานเผย พวกนักธุรกิจบางคนที่เคยลงทุนกับเราตอนนี้กำลังจะขายหุ้นแล้วครับ”


 


 


           ได้ยินคำพูดของพนักงาน เผยหนานเจวี๋ยโกรธสุดขีด ฉู่เจียเสวียน การแถลงข่าวของคุณทำให้บริษัท ของผมขาดทุนอย่างหนัก!


 


 


           ริมฝีปากบางเม้มกัน จู่ๆ โทรศัพท์มือถือของเผยหนานเจวี๋ยดังขึ้น “ฮัลโหล แม่”


 


 


           “หนานเจวี๋ยเอ๊ย นี่มันเรื่องอะไรกัน” เสียงของคุณแม่เผยดังมาจากปลายสาย น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความไม่พอใจ


 


 


           “แม่ครับ แม่ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวปลอบใจคุณแม่เผย


 


 


           เรื่องเล็กขนาดนี้ ฉู่เจียเสวียนนึกว่าจะสามารถเหยียบเขาได้งั้นเหรอ เขาจะต้องคิดวิธีพลิกสถานการณ์นี้อย่างแน่นอน


 


 


           หลังจากวางสายแล้ว เผยหนานเจวี๋ยก็นึกหนทางตอบโต้ออกทันที


 


 


           “คุณไปเช็คดูว่าช่วงนี้มีงานเลี้ยงการกุศลอะไรหรือเปล่า ถ้าไม่มีก็ไปคิดงานออกมา ไปสิ” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวกับผู้ช่วย


 


 


           เขาจะต้องทำให้เรื่องนี้สงบลงโดยเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นหากยิ่งยืดเยื้อ บริษัทของเขาจะยิ่งสูญเสียหนักแน่นอน


 


 


           ฉู่เจียเสวียนคุณมันแน่จริงๆ คุณออกตัวแบบนี้ ผมไม่ลงต่อสู้ไม่ได้แล้ว!


 


 


           การทำงานของผู้ช่วยนั้นมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมาก เพียงแค่ห้านาทีก็พบงานการกุศลที่จะจัดขึ้นในเร็ววันนี้แล้ว

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม