หมอยาหวานใจท่านประธาน 330-337

 ตอนที่ 330 อาหารเช้ามื้อใหญ่


 


 


เธอมาคลุกอยู่ที่ครอบครัวสกุลอวิ๋นตั้งแต่เด็ก คนรับใช้ในสกุลอวิ๋นแทบจะถือเธอเป็นคุณหนูใหญ่ของบ้าน ขาดเพียงก้าวเดียว นั่นคือรับอวิ๋นเว่ยเป็นพ่อ กลายเป็นลูกสาวบุญธรรมของเขา เรื่องนี้ก็จะสำเร็จ


 


 


คิดไม่ถึงว่าทางด้านแม่เฒ่านั้นไม่มีปัญหา นายท่านผู้เฒ่าก็ไม่คัดค้าน คิดไม่ถึงว่าจะมีนางจิ้งจอกน้อยมาคาบสิ่งที่เธอบ่มเพาะมาตั้งแต่เล็กไปกลางคัน


 


 


จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ได้ยังไง สกุลฝานฝากความหวังไว้ที่เธออย่างใหญ่หลวง ทุ่มไปมากแค่ไหนแล้ว จะยอมถอยอย่างนี้หรือ เพราะมาที่บ้านสกุลอวิ๋นเป็นประจำ ส่งผลให้เธอห่างเหินกับปู่ย่าของตัวเอง ทางนั้นจึงรู้สึกว่าเธอแปลกหน้า


 


 


นับจากนี้ถ้าทางนี้หนทางไม่สะดวก เส้นทางที่จะกลับไปก็ยิ่งเต็มไปด้วยขวากหนาม


 


 


“ต้องทำให้เร็ว!” พอพูดคำนี้เสร็จก็ได้รับเสียงขานรับ ฝานเจียวเจียวจึงโยนมือถือลงบนเก้าอี้ข้างคนขับ เหยียบคันเร่งอย่างแรง รถพุ่งทะยานออกไปราวกับลูกธนู


 


 


อีกด้านหลังจากวางสายแล้ว ก็หยิบสมุดโน้ตมาจดไว้ แล้วเริ่มติดต่อคน


 


 


ทางอีลั่วเสวี่ยไม่รู้เลยว่าการที่เธอมีตัวตนอยู่จะทำให้มีคนไม่สบายใจ ฝ่ายนั้นเริ่มเครียดและถือเธอเป็นศัตรู


 


 


เช้าตรู่วันต่อมา เธอขยี้ตาที่ยังสลึมสลือ แล้วหาวหวอด เกาผมบนศีรษะ ล้างหน้าแปรงฟันแล้วเดินลงไปชั้นล่าง “อาเหมา เช้านี้กินอะไรคะ?”


 


 


ขณะที่พูดเธอยังคงหรี่ตาอยู่ เมื่อคืนวุ่นอยู่จนดึกดื่นจึงได้นอน จากนั้นยังบำเพ็ญเพียร ไม่รู้ว่าเพราะมีเรื่องในใจหรือไม่ ทำให้การบำเพ็ญเพียรไม่เหมือนปกตินัก ร่างกายยังอ่อนเพลียด้วย


 


 


เพียงแต่สภาพจิตใจยังดีกว่าคนที่อดนอนทั่วไปบ้าง


 


 


“ข้าวต้มข้างฟ่างกับผักดอง รวมทั้งซาลาเปากับสปาเกตตี คุณคิดว่าเป็นยังไง?” เสียงที่มีเสน่ห์ดึงดูดและเปี่ยมด้วยความรักดังเข้าหูอีลั่วเสวี่ย เธอลืมตาขึ้นทันที


 


 


ขาอยากหยุดเดิน แต่ก็ยังก้าวไปข้างหน้า กระโดดติดกันสามก้าวแล้วจึงจับราวบันไดไว้ เฉวียนหมิงซึ่งอยู่ข้างล่างตกใจจนหน้าซีด


 


 


“ระวังหน่อย ดูบันไดด้วย” คราวก่อนที่เธอกลิ้งตกบันไดลงมา เขารู้สึกว่าหัวใจตัวเองหยุดเต้นไปแล้ว เขาไม่อยากเห็นฉากนี้ปรากฏตรงหน้าตัวเองเด็ดขาด


 


 


อีลั่วเสวี่ยยิ้มเจื่อนๆ “ค่ะ ฉันรู้แล้ว จริงสิ คุณตื่นเช้ามากเลย?” เธอพูดพลางเดินลงบันไดมา ใบหน้าแดงเรื่อเพราะการกระทำเมื่อครู่


 


 


เฉวียนหมิงคาดผ้ากันเปื้อน คลายความวิตกเมื่อเห็นเธอไม่เป็นไร “อืม เมื่อกี้เหล่าเกาโทรมา บอกว่าทางบริษัทมีงาน บวกกับปกติผมตื่นเช้าอยู่แล้ว จึงมาเตรียมมื้อเช้า”


 


 


เฉวียนหมิงพูดจบก็เดินเข้าไปในครัว ยกข้าวต้มข้าวฟ่างและสปาเกตตีที่ร้อนกรุ่นออกมา เขากะเวลาที่อีลั่วเสวี่ยจะลงมาไว้แล้ว ทำอาหารเช้าเสร็จพอดี


 


 


อาเหมายกชามและตะเกียบรวมทั้งผักดองออกมา ยิ้มหน้าระรื่น มีผู้ชายอย่างเฉวียนหมิงซึ่งออกหน้าในงานสังคมได้ ยังเข้าครัวได้ด้วย คุณหนูใหญ่ของพวกเขาไม่ลำบากแน่ ดีจริง


 


 


“ทางบริษัทมีงาน ยุ่งมากหรือคะ?” อีลั่วเสวี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย หรือเพราะเมื่อคืนเข้าค้างที่นี่ ทำให้เสียงาน


 


 


เฉวียนหมิงสั่นศีรษะ แล้วตักสปาเกตตีให้อีลั่วเสวี่ย “ไม่ต้องห่วง ก็แค่งานที่ส่งไปมาระหว่างกลุ่มธุรกิจต่างๆ ในกรุ๊ป รับนี่ไว้” พูดพลางยื่นจานสปาเกตตีให้เธอ


 


 


ขณะเดียวกันอาเหมาวางชามข้าวต้มข้างฟ่างไว้ตรงหน้าเธอ เธอจึงเป็นเหมือนเจ้าหญิงที่มีคนคอยเอาใจ เพียงแต่กินเท่านั้น


 


 


“ขอบคุณค่ะ” เธอพูดขอบใจอาเหมาและเป็นการขอบใจเฉวียนหมิงด้วย


 


 


เธอใช้ช้อนตกข้าวต้ม เป่าให้เย็น ข้าวต้มข้นกำลังดีไม่เหนียวเกินไป ดูเหมือนเฉวียนหมิงจะทำกับข้าวเก่งขึ้นเรื่อยๆ เกือบจะใกล้เคียงกับพ่อครัวที่มีชื่อเสียงแล้ว


 


 


“อร่อยไหม?” เฉวียนหมิงยังคงเหมือนเดิม มองดูอีลั่วเสวี่ยตาไม่กะพริบด้วยแววตาคาดหวัง รอเธอให้คะแนน


 


 


 


 


ตอนที่ 331 ฉันไปกับคุณ


 


 


“อร่อยค่ะ!” อีลั่วเสวี่ยชมเต็มที่ ยังชูนิ้วโป้งขึ้นด้วย กินสปาเกตตีคำ กินข้าวต้มข้าวฟ่างคำ ท่าทางเอร็ดอร่อย


 


 


เวลานี้ดูแล้ว คนอย่างเฉวียนหมิงไม่มีที่ติจริงๆ อีลั่วเสวี่ยรู้สึกภูมิใจที่ตนเองเลือกผู้ชายอย่างนี้


 


 


“คุณเองก็กินสิ ไม่งั้นจะเย็น” จริงสิ คำชมของเธอสำคัญขนาดนั้นเชียวหรือ ต้องรอให้เธอพูดก่อนเขาจึงจะเริ่มกิน


 


 


เฉวียนหมิงพยักหน้า “อืม อืม” จากนั้นก็เอาอย่างอีลั่วเสวี่ย กินข้าวต้มสลับกับสปาเกตตี อาเหมาดูแล้วยิ้มที่มุมปาก


 


 


ระหว่างการกินอาหาร อาเหมาพยายามลดความรู้สึกว่ามีตนเองอยู่ให้มากที่สุด มองดูอย่างเงียบๆ เห็นทั้งสองคนคอยมองดูกันเป็นระยะ ส่งสายตาแสดงความรักต่อกัน


 


 


“เดี๋ยวฉันเก็บเอง พวกคุณไปทำธุระของตัวเองเถอะ” อาเหมาเห็นเฉวียนหมิงและอีลั่วเสวี่ยลุกขึ้นทำท่าจะช่วยเก็บโต๊ะ จึงร้องห้าม แล้วกินข้าวต้มกับผักดองต่อ ทำท่าเหมือนยังกินไม่อิ่ม อีกเดี๋ยวจะเก็บโต๊ะเอง


 


 


อีลั่วเสวี่ยกับเฉวียนหมิงได้ยินเช่นนั้นจึงล้มเลิกความตั้งใจ


 


 


“งั้นไปเดินเล่นที่สนามดีไหม วันนี้อากาศดี” เฉวียนหมิงพูดชวน ข้างนอกแสงแดดสดใส อากาศสดชื่น ถือว่าสภาพอากาศดีมาก


 


 


“ดีเลยค่ะ” อีลั่วเสวี่ยขานรับ ทั้งคู่เดินออกไป มีอาเหมาอยู่ด้วย บอกตามตรงว่าไม่ค่อยคุ้น ต่อหน้าผู้ใหญ่ ย่อมไม่สามารถพูดอะไรได้เต็มที่


 


 


อาเหมากินข้าวต้มคำสุดท้ายพลางมองตามหลังทั้งคู่ไป เขาเองยอมลำบากเพื่อสร้างโอกาสให้หนุ่มสาวคู่นี้ ถึงกับรอกินข้าวต้มอยู่เป็นสุดท้าย


 


 


ที่สนามแสงแดดกำลังอุ่นดี ดอกไม้ที่อาเหมาดูแลอย่างดียังมีน้ำค้างเกาะอยู่ พอถูกแสงแดดก็สะท้อนส่องประกายแวววาว บนสนามหญ้ามีทางสายเล็กๆ ที่คดเคี้ยว ล้อมรอบคฤหาสน์ ส่วนถนนสายหลักตรงออกไปด้านนอก


 


 


ทั้งคู่เดินไปตามทางสายเล็ก รู้สึกถึงอากาศบริสุทธิ์พัดมากระทบใบหน้า พร้อมกับแสงแดดที่อบอุ่นและลมอ่อนๆ ทำให้จิตใจสงบเป็นพิเศษ แดดส่องศาลาในสนามจนดูอบอุ่นงดงาม


 


 


อีลั่วเสวี่ยพาเฉวียนหมิงมานั่งในศาลา หันข้างรับแดดเล็กน้อย เหมือนให้ไออุ่นตามธรรมชาติอาบลงบนร่าง


 


 


“ก่อนนี้อยู่ทางนั้น คุณไม่เคยอยู่เป็นเพื่อนผมแบบนี้เลย” ตอนเช้ารีบกินอาหารแล้วไปมหาวิทยาลัย บางทีก็ไม่กิน กลางคืนหลังจากกินมื่อค่ำเสร็จก็ขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง


 


 


อีลั่วเสวี่ยได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว แล้วเอามือข้างหนึ่งยันคาง กะพริบตาที่สดใสแวววาว “ฟังดูเหมือนบางคนกำลังต่อว่า? ไงหรือ จะคิดบัญชีเก่ากับฉันใช่ไหม?”


 


 


เฉวียนหมิงยกมุมปาก สีหน้าอ่อนโยน “ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ถ้าผมยกเรื่องเก่าขึ้นมา แล้วรู้สึกน่าน้อยใจ คุณจะปลอบโยนผมยังไง?” ผู้ชายที่รู้จักเอาใจยังรู้จักอ้อน ใครจะต้านทานได้ โดยเฉพาะยังเป็นผู้ชายรูปหล่อด้วย


 


 


อีลั่วเสวี่ยรู้สึกว่าตัวเองไม่รู้จะรับมืออย่างไร ในใจรู้สึกผิด “งั้นคุณบอกมา อยากให้ฉันทำอะไร? ถ้าคุณไม่รู้สึกว่ายุ่งยาก มาดูดวงอาทิตย์ขึ้นที่นี่กับฉันทุกวันก็ได้ค่ะ”


 


 


“ไม่ยุ่งยากเลย แต่นอกจากเรื่องนี้แล้วผมยังมีเรื่องหนึ่งจะขอร้อง คุณจะรับปากผมไหม?”


 


 


“ฉันมีทางเลือกหรือคะ?” ตื่นเช้ามา กินอาหารเช้ามื้อใหญ่ที่เขาทำ ขืนปฏิเสธก็คงจะไม่ค่อยเข้าที อีกอย่างเขาคงไม่ให้ตนเองทำเรื่องยากหรือเรื่องที่ไม่อยากทำ รับปากย่อมไม่เป็นไร


 


 


เฉวียนหมิงเม้มปากแล้วนั่งลง ยื่นมือออกไปดึงอีลั่วเสวี่ย “อาเสวี่ย สุดสัปดาห์นี้คุณเป็นเพื่อนผมไปงานเลี้ยงกลางคืน คราวก่อนไม่ได้พาเพื่อนหญิงไปด้วย คราวนี้คงจะไม่ได้”


 


 


ก่อนนี้เขานั่งรถกเข็น ไม่มีเพื่อนหญิงมาด้วยจึงไม่ใช่ปัญหา แต่เวลานี้ต่างไปแล้ว ยังมีอีกสาเหตุหนึ่ง พาเธอไปด้วยจะดีกว่า


 


 


“งานเลี้ยงกลางคืน? ได้ ฉันไปกับคุณค่ะ” อีลั่วเสวี่ยคิดเล็กน้อย สุดสัปดาห์นี้ไม่ไม่แผนอะไร เธอจึงตอบตกลง


ตอนที่ 332 เป็นเพื่อนคุณเดินช้อปปิ้ง


 


 


เฉวียนหมิงได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มสีหน้าระรื่น ประสานกับใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา บวกกับแสงแดดยามเช้าขณะนี้ ชวนให้หลงใหล แสงที่อบอุ่นสาดลงบนร่างเขา ดูราวกับเทพบุตร


 


 


“งั้นเดี๋ยวผมพาคุณไปเลือกซื้อชุด” ผู้หญิงของเขาเฉวียนหมิงไปร่วมงาน ย่อมต้องเป็นคนที่สวยที่สวยที่สุดในงาน เขาต้องการให้ทุกคนเห็นว่ามีเขาเฉวียนหมิงคอยปกป้อง ใครก็อย่าหวังในตัวเธอ รวมทั้งนายคนนั้นด้วย!


 


 


อีลั่วเสวี่ยได้ยินก็อดเลิกคิ้วขึ้นไม่ได้ “ก็แค่งานเลี้ยงเท่านั้น ไม่ต้องทำอะไรใหญ่โตหรอก ฉันไม่ใช่คนสำคัญอะไร?”


 


 


เหมือนที่กล่าวกันในสังคมไฮโซทุกครั้งที่มีงานเลี้ยง ล้วนต้องแต่งให้ดูสวยตั้งแต่บนจดล่างจากข้างในถึงข้างนอก พอคิดดูอีลั่วเสวี่ยจึงไม่รู้สึกแปลกแล้ว คนในสังคไฮโซล้วนเป็นนานทุนใหญ่ เป็นคนร่ำรวย


 


 


ในงานเลี้ยงแบบนี้จึงเป็นเวลาที่จะอวดฐานะและรสนิยมของตัวเอง แล้วจะพลาดได้อย่างไร


 


 


“คนสำคัญ? น่าจะใช่ เดี๋ยวผมจะไปกับคุณ ผมยังไม่เคยเป็นเพื่อนคุณไปซื้อเสื้อผ้าเลย” เฉวียนหมิงพูดถึงตรงนี้ก็มีความคาดหวัง ในหนังสือและในทีวีล้วนบอกแล้ว ในฐานะเพื่อนชายต้องทำหลายอย่างกับเพื่อนหญิงของตนเอง


 


 


ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฉากช้อปปิ้งและเดินเที่ยวในภาพยนตร์ ผู้ชายที่สอบผ่านยังต้องเก่งในการเลือกชุดสวยๆ ด้วย


 


 


อีลั่วเสวี่ยคิดทบทวนเล็กน้อย แล้วมองเฉวียนหมิงด้วยแววตาสงสัย “ไม่เคยเลยหรือ?” ดูเหมือนจะไม่เคยจริงๆ แหละ


 


 


“คุณว่าไงล่ะ?” เฉวียนหมิงยกมุมปากขึ้น เสื้อผ้าเธอคราวก่อนเขาซื้อมาให้เองเลย หลังจากนั้นก็ไม่เคยพาเธอไปซื้อเสื้อผ้า ยกเว้นที่ไปดูหนังด้วยกันคราวก่อน


 


 


แต่ตอนนั้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ยังซับซ้อนมาก ไม่นับ ไม่นับหรอก


 


 


“งั้นคุณรอฉันที่นี่ ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน” ในเมื่อเป็นแฟนกัน ย่อมขาดไม่ได้ในการไปงานเลี้ยงแบบนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่เธอเป็นภรรยาตามกฎหมายของเฉวียนหมิง


 


 


เขามองตามหลังอีลั่วเสวี่ยไป นั่งอยู่ในศาลา ใช้มือยันคาง มองดูทัศนียภาพในสนาม แล้วยิ้มที่มุมปากอย่างไม่รู้ตัว


 


 


เพราะอารมณ์ดีทำให้มองอะไรก็สวยไปหมด


 


 


ผ่านไปครู่หนึ่งเฉวียนหมิงกลับมาเอาของที่ห้อง แล้วนั่งรอที่โซฟาในห้องรับแขก


 


 


ไม่นานนักอีลั่วเสวี่ยเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเดินลงมาจากชั้นบน พอดีอาเหมาล้างจานชามเสร็จเดินออกมา เห็นอีลั่วเสวี่ยเปลี่ยนชุดและเฉวียนหมิงที่นั่งรออยู่ ผงะเล็กน้อยแล้วถาม “คุณหนูใหญ่ คุณชายเฉวียน จะออกไปข้างนอกหรือครับ?”


 


 


“ใช่แล้ว” เฉวียนหมิงพยักหน้าพลางตอบแทนอีลั่วเสวี่ย


 


 


แกมองดูเฉวียนหมิงและอีลั่วเสวี่ย แล้วแกล้งถามด้วยความสงสัย “งั้นมื้อเที่ยงจะกลับมากินไหม ถ้าจะกลับมาก็ต้องบอกล่วงหน้า อาจะได้เตรียมอาหารไว้ให้”


 


 


“คงไม่มาครับ ผมกับอาเสวี่ยมีธุระออกไปข้างนอก อาจจะกลับมาตอนกลางคืน อาเหมา มื้อเย็นก็ไม่ต้องเตรียมให้พวกเราครับ” เฉวียนหมิงพูดจบก็ยื่นมือให้อีลั่วเสวี่ย


 


 


เธอคล้องแขนเขา เธอเป็นคนแบบนี้เอง ถ้าตกลงใจแน่นอนแล้ว เธอไม่แคร์สายตาใครทั้งสิ้น อีกทั้งเวลานี้เป็นยุคปัจจุบัน ไม่ใช่สมัยโบราณ ไม่จำเป็นต้องหัวโบราณอย่างนั้น


 


 


เธออีลั่วเสวี่ยมีชีวิตใหม่อีกครั้ง ชีวิตชาตินี้เธอตั้งใจว่าจะทำตามใจตัวเอง ส่วนเรื่องอื่นนั้นเป็นเรื่องรอง


 


 


อาเหมากลอกตารอบหนึ่ง ยิ้มแล้วว่า “งั้นคุณสองคนระหว่างทางระวังความปลอดภัยด้วย”


 


 


“ลาก่อนค่ะ อาเหมา” อีลั่วเสวี่ยยิ้มร่า เผยให้เห็นฟันสวยที่ขาวสะอาด เธอหันมาสบตากับเฉวียนหมิง ทั้งคู่เดินสวมรองเท้าที่ข้างประตู แล้วเปิดประตูเดินออกไป


 


 


ท่าทางคลอเคลียกันราวกับสามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงานใหม่ๆ แทบไม่อยู่ห่างกัน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องทำด้วยกัน รักกันอย่างหวานชื่น


 


 


ทั้งสองเดินอาบแดดยามเช้าที่ค่อยๆ อุ่นขึ้น ไปตามทางสายเล็กตรงไปที่ประตู จากนั้นนั่งรถของเฉวียนหมิงขับไปที่ประตูเหล็กของคฤหาสน์


 


 


 


 


ตอนที่ 333 ยอดบุรุษกับโฉมงาม


 


 


เฉวียนหมิงขับรถอย่างสุขุมมาก ระหว่างทางไม่บีบแตรตามอำเภอใจ อีลั่วเสวี่ยนั่งในรถด้วยรู้สึกรื่นรมย์ อากาศในรถบริสุทธิ์ ข้าวของต่างๆ ในรถจัดวางอย่างเป็นระเบียบ


 


 


สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกปลาบปลื้มมากก็คือมีเสื้อโค้ทสำหรับผู้หญิงด้วย ไม่บอกก็รู้ว่าเฉวียนหมิงเตรียมไว้ให้เธอ เพราะเป็นขนาดเดียวกับเธอ ยังเป็นแบบที่เธอชอบด้วย


 


 


ลูกบอลเงิน “แม่คุณ เจ้าหนุ่มรูปหล่อคนนี้ช่างเอาใจเก่งจริงนะ แม้แต่ข้าก็ชักชอบเขาแล้ว นี่ถ้าข้าเป็นผู้หญิง รับรองว่าถ้าไม่ใช่เขาจะไม่แต่งงานเด็ดขาด!”


 


 


“ไม่ใช่เขาจะไม่แต่งงานเด็ดขาด! คริคริ…ข้าคงโชคดีใช่ไหมที่เจ้าไม่ใช่หุ่นยนต์สาวสวย?” ในทีวีมีฉายเรื่องที่หนุ่มหล่อมีแฟนเป็นหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ชั้นสูงใช่หรือ


 


 


อีลั่วเสวี่ยไม่รอให้ลูกบอลเงินตอบก็พูดเสริมว่า “ต่อให้เจ้าเป็นหุ่นยนต์ก็เถอะ เจ้าก็ไม่ใช่แบบที่เขาจะชอบ” เฉวียนหมิงไม่ใช่คนประเภทที่ลุ่มหลงกับความสวยของผู้หญิง


 


 


ลองคิดดูอีลั่วเสวี่ยก่อนหน้านี้ ต่อให้เธอเป็นคนที่สดใสน่ารัก แต่ในเมือง F มีผู้หญิงอีกมากที่มีสถานะและหน้าตาเหนือกว่า แต่เขากลับเลือกเธอ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็พอจะมองออกว่าเฉวียนหมิงเป็นคนที่ให้ความสำคัญต่อความรัก ไม่ใช่แค่หน้าสวยและรูปร่างเซ็กซี่


 


 


ที่อีลั่วเสวี่ยแสดงความฉุนเฉียวทำให้ลูกบอลเงินแปลกใจ “ขี้โมโหจริงนะ ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้แย่งคนกับเจ้าสักหน่อย อย่าทำเป็นเหมือนหวงลูกวัวเลย”


 


 


ในคำพูดของเจ้ลูกบอลเงินพูดเป็นนัยถึงความคิดของอีลั่วเสวี่ย ทำให้ใบหน้าเธอแดงเรื่อทันที


 


 


“เป็นอะไรหรือ ในรถร้อนไปใช่ไหม อยากปรับแอร์ให้เย็นไหม?” พอดีเฉวียนหมิงหันมามอง เห็นอีลั่วเสวี่ยหน้าแดงเล็กน้อย เลยคิดว่าเป็นเพราะในรถร้อนไป จึงถามด้วยความห่วงใย


 


 


เขาไม่ปรับแอร์ตามอำเภอใจ แต่ถามสุภาพสตรีก่อน แสดงให้เห็นถึงความเป็นสุภาพบุรุษของเฉวียนหมิง


 


 


อีลั่วเสวี่ยโบกมือ “ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อน จะเป็นหวัดได้ง่าย” ที่จริงสำหรับเธอแล้วไม่มีปัญหา สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรแล้ว ความร้อนหนาวส่งผลต่อพวกเขาไม่มาก


 


 


ในโลกของพวกเขา ต่อให้หิมะโปรยปราย เด็กสาวที่รักสวยรักงาม อย่างมากก็แค่ใส่กระโปรงยาวแล้วเพิ่มเสื้อคลุม นอกนั้นอาศัยไอทิพย์ในกายก็ต้านทานความหนาวได้


 


 


แต่เฉวียนหมิงกลับต่างออกไป ดูภายนอกเหมือนเขาปกติดี แต่ที่จริงร่างกายเขาอ่อนแอ แค่ไข้หวัดก็สามารถทำให้สุขภาพเขาทรุดลงอย่างรวดเร็ว


 


 


เฉวียนหมิงเห็นสีหน้าเธอเป็นปกติแล้ว จึงไม่เอ่ยถึงอีก ไม่นานนักรถของเฉวียนหมิงก็ขับเข้าในลานจอดรถใต้ดินของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง หลังจากจอดรถแล้วเขาก็เดินออกมาเปิดประตูรถให้อีลั่วเสวี่ยด้วยความเอาใจใส่ ช่วยเธอถือกระเป๋า ควงแขนเธอเดินไปที่ลิฟท์


 


 


ท่าทางที่ทั้งคู่ใกล้ชิดแนบแน่นกันสะดุดตาคู่รักข้างๆ ฝ่ายชายเอาอย่างทันที ทำให้แฟนเขายิ้มหน้าบาน


 


 


พอเข้าไปในลิฟท์ เฉวียนหมิงกดชั้นสี่ ชั้นสี่ของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ก็คือร้าน KMQ ของเขา


 


 


“ยินดีต้อนรับค่ะ สองท่านต้องการชมเสื้อผ้าสำหรับสุภาพสตรีหรือสุภาพบุรุษคะ” อีลั่วเสวี่ยและเฉวียนหมิงเพิ่งเดินเข้ามาในร้านค้าที่ใหญ่โตมาก พนักงานแนะนำสินค้าก็เดินยิ้มมาหาทันที


 


 


สินค้าแบรนด์ KMQ ราคาแพงมาก คนที่มาที่นี่โดยพื้นฐานแล้วอย่างน้อยจะซื้อหนึ่งชุด ขณะที่พนักงานขายจะได้เปอร์เซ็นต์จากการขายไม่น้อย ดังนั้นพวกเขาจึงต้องบริการลูกค้าทุกคนอย่างดี ไม่เพียงเป็นความต้องการในงานบริการ ยังทำให้ผลงานของพวกเขาสูงขึ้น


 


 


อีลั่วเสวี่ยชำเลืองมองเฉวียนหมิง “คุณไม่เลือกหรือคะ?”


 


 


เฉวียนหมิงเชิดมุมปากขึ้น ก้มหน้าเล็กน้อย “แน่นอนว่าเลือก แต่คุณต้องช่วยผมเลือกด้วยนะ”


 


 


“ทำไมล่ะ คุณเลือกเองไม่เป็นหรือ?” อีลั่วเสวี่ยรู้สึกแปลกใจ เสื้อผ้าที่เขาเลือกให้เธอสวยทุกตัว หรือว่าเลือกของตัวเองไม่เป็น หรือว่าอยากให้เธอเลือกให้?


ตอนที่ 334 พบกันอีกแล้ว 


 


 


“ผมเลือกเป็นหรอก  แต่ถ้าคุณเลือกให้ผมจะยิ่งชอบ” เสียงที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์ดึงดูดบวกกับแววตาที่มีความรักอย่างลึกล้ำ ทำให้แม้แต่ดวงตาพนักงานแนะนำสินค้าที่อยู่ข้างๆ ยังทอประกายออกมา 


 


 


สวรรค์โปรด ถ้าสามารถมีผู้ชายที่หล่อเหลามีเสน่ห์แบบนี้มาจีบ จะให้เธอทำอะไรก็ยอมทั้งสิ้น  


 


 


อีลั่วเสวี่ยหน้าแดงทันที คนอย่างเขา ทำไมเธอถึงไม่รู้มาก่อนว่าเขามีวิธีพูดกับเด็กสาวขนาดนี้ แต่เขากลับไม่รู้ว่าพูดอย่างนี้เหมือนพูดจีบสาว 


 


 


“อาเสวี่ย คุณจะปฏิเสธผมหรือ?” เฉวียนหมิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย สีหน้าดูห่อเ**่ยวลง ราวกับปฏิเสธเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งยวด 


 


 


“ฉันไม่ได้บอกสักหน่อย” อีลั่วเสวี่ยยกมุมปากขึ้น สุดท้ายเธอไม่ได้ปฏิเสธเขา เฉวียนหมิงเห็นเช่นนี้ก็ยิ้มที่มุมปากทันที 


 


 


เฉวียนหมิงมองดูพนักงานแนะนำสินค้า “เสื้อผ้าผู้หญิงอยู่ไหน ให้เธอเลือกก่อน” 


 


 


พอพนักงานแนะนำสินค้าได้ยินจึงตั้งสติได้ หน้าแดงเล็กน้อย คุณพระช่วย คนหล่ออย่างนี้พูดกับเธอ ช่างโชคดีจริงๆ เดี๋ยวต้องไปคุยโม้กับเพื่อนสักหน่อย 


 


 


เธอเป็นพนักงานแนะนำสินค้าที่นี่มานาน เห็นหนุ่มหล่อทุกประเภทมาแล้ว แต่ยังไม่เคยเห็นใครหล่อเหลาทั้งยังเย็นชาและหยิ่งผยองแบบนี้มาก่อน 


 


 


“อ้อ เชิญคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงมาทางนี้เลยค่ะ” เพราะถ้าเรียกว่าคุณน้องอาจทำให้คนเข้าใจผิดว่าไม่ชอบ ดังนั้นร้านค้าที่มีระดับหน่อยจะเรียกขานลูกค้าแบบนี้ ทั้งยังดูมีมารยาทมาก 


 


 


พออีลั่วเสวี่ยเห็นเฉวียนหมิงเดินนำหน้าไป จึงต้องเดินตามไป ราวกับแฟนสาวที่ทำตัวน่ารัก 


 


 


“ตัวนี้…อาเสวี่ย คุณคิดว่าอย่างไรบ้าง” ในเสื้อผ้าเลิศหรูมากมาย เฉวียนหมิงมักจะสามารถเลือกชุดที่เหมาะกับรสนิยมและขนาดของอีลั่วเสวี่ยได้เสมอ ไม่จำเป็นต้องดูเบอร์เสื้อเลย 


 


 


และเธอเองก็ชอบชุดที่เขาเลือกให้ จึงเพียงแต่พยักหน้า “ไม่เลว แต่ชุดนี้ใส่ในเวลาปกตินี่ค่ะ” ไหนบอกว่าไปงานเลี้ยงไม่ใช่หรือ น่าจะชื้อชุดแบบพิธีการประเภทกระโปรงยาว ที่ดูโดดเด่นและมีความเป็นผู้ใหญ่หน่อย 


 


 


“คุณใส่แล้วดูสวยก็พอ ส่วนชุดที่เป็นพิธีการเดี๋ยวค่อยซื้อ” คุณใส่แล้วสวยก็ใช้ได้แล้ว ซื้อเสื้อผ้าก็ต้องทั้งที่ใช้ในชีวิตประจำวันและใช้ใส่ออกงานใช่ไหม พอดีซื้อด้วยกันไปเลย 


 


 


“ฉันมีเสื้อผ้าเยอะแล้ว” ออกความเห็นอย่างเนือยๆ มีเงินไม่เท่ากับว่าจะใช้อย่างไรก็ได้ เธอมีเสื้อผ้ามากจริงๆ แล้ว ก่อนหน้านี้เฉวียนหมิงทยอยซื้อให้เธอไว้ไม่น้อย ยังมีที่ส่งมาให้อีก รวมทั้งที่เธอซื้อตอนที่ไปช้อปปิ้งกับหลิ่วเฟยซวงด้วย 


 


 


เสื้อผ้าเหล่านี้เกือบจะเท่ากับที่เจ้าของร่างเดิมซื้อเมื่อก่อนหลายปีแล้ว เมื่อรวมเข้ากับร่างนี้ นิสัยประหยัดมัธยัสถ์ของอีลั่วเสวี่ยจึงหล่อหลอมเข้าด้วยกันอย่างไม่รู้ตัว 


 


 


เฉวียนหมิงเลิกคิ้วขึ้น “แต่ผมรู้สึกว่ายังไม่พอ ลองดูตัวนี้” เขาพูดพลางหยิบอีกตัวขึ้นมา วางตรงหน้าอีลั่วเสวี่ยเพื่อทาบดู แล้วมองพิจารณาอย่างจริงจัง 


 


 


คำสนทนาแบบนี้ คำพูดที่แข็งกร้าวและวางอำนาจแบบนี้ เหมือนท่านประธานจอมเผด็จการในละครดราม่าทางทีวีที่พูดจาเฉียบขาด ใช้จ่ายมือเติบ พนักงานแนะนำสินค้าที่อยู่ข้างๆ มองดูด้วยสีหน้าอิจฉา 


 


 


“นี่คุณพูดเองนะ งั้นอย่าโทษว่าฉันทำให้คุณกระเป๋าฉีกล่ะ” ฝ่ายชายใจกว้างอย่างนี้แล้ว ถ้าเธอขืนขัดใจอีก ก็เท่ากับเธอตระหนี่ไปหน่อย อีกอย่างร้านนี้เป็นของเฉวียนหมิงนี่นา จะกลัวอะไร 


 


 


ตามกฎหมายแล้วเธอมีส่วนในทรัพย์สินของเฉวียนหมิงด้วย พอคิดดีแล้วอีลั่วเสวี่ยจึงเลิกกังวล มาซื้อของในร้านของตัวเองยังมีอะไรที่ต้องกลัวอีก! 


 


 


“เฉียบมาก แม่คุณ ซื้อเสื้อผ้าร้านเขาให้เกลี้ยงเลย แล้วเราค่อยเอาไปขายต่อ ฮ่า ฮ่า!” ลูกบอลเงินเปล่งแสงออกมาจากลูกตา ทุกอย่างที่มันเห็นว่าขายได้เงินย่อมดีทั้งสิ้น 


 


 


ซื้อให้เกลี้ยงร้านหรือ ฝันไปเหอะ! 


 


 


เฉวียนหมิงเลือกอยู่ข้างหน้า อีลั่วเสวี่ยอยู่ข้างหลังค่อยเอามาเทียบตัวกับกระจกที่มีอยู่เป็นระยะ ดูว่าใส่แล้วจะเป็นอย่างไร พอรู้สึกถูกใจก็จะยื่นให้พนักงาน 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 335 เฉวียนหมิงรู้จักจีบสาว 


 


 


ไม่นานนัก พนักงานแนะนำสินค้าแทบจะถือเสื้อผ้าในมือไม่ไหวแล้ว คนในร้านรู้แล้วว่ามีเศรษฐีใหญ่มา จึงมีพนักงานอีกคนมาสมทบทันที 


 


 


“ได้แล้วค่ะ น่าจะพอแล้ว เราไปดูชุดของคุณก่อน แล้วค่อยลองใส่ดูว่าเป็นยังไง” บางชุดก็ดูดี แต่พอใส่แล้วอาจรู้สึกต่างกัน 


 


 


เฉวียนหมิงได้ฟังก็รู้สึกว่ามีเหตุผล จากนั้นจึงเดินตามอีลั่วเสวี่ยไปที่แผนกเสื้อผ้าผู้ชาย  


 


 


เป็นครั้งแรกที่อีลั่วเสวี่ยซื้อเสื้อผ้าให้ผู้ชาย ถึงกับมีเหงื่อซึมออกมากลางฝ่ามือ สองตัวแรกที่เลือกให้ เฉวียนหมิงไม่แสดงอาการตื่นเต้นยินดีเป็นพิเศษ แต่ต่อมาเธอจึงหาไสตล์ที่เขาชอบเจอ 


 


 


ถึงตอนนี้ที่ทั้งคู่ทำสลับกับเมื่อกี้ อีลั่วเสวี่ยเลือกกางเกงยื่นให้เฉวียนหมิง ส่วนเขามาเทียบดูที่หน้ากระจก ท่าทางเขาดูแล้วสบายตามาก ราวกับนายแบบชื่อดังกำลังเดินโชว์ 


 


 


แน่นอนว่าเขาย่อมมีความภูมิฐานกว่านายแบบ สองสาวพนักงานแนะนำสินค้าจ้องมองเฉวียนหมิงไม่วางตา 


 


 


อีลั่วเสวี่ยกำลังหยิบเสื้อตัวหนึ่ง พอหันมาเห็นสายตาของพนักงานแนะนำสินค้าก็สะอึก รู้สึกไม่พอใจ ผู้ชายคนนี้เป็นของเธอ ห้ามไม่ให้ใครหมายตาเด็ดขาด 


 


 


“ลองดูค่ะ ตัวนี้เข้าท่าไหม” เธอไม่ได้ยื่นให้เฉวียนหมิง กลับมายืนตรงหน้าเขา เขย่งเท้าเล็กน้อย เอาเสื้อทาบอกเขา ยิ้มอย่างอ่อนหวาน 


 


 


เฉวียนหมิงหันกลับมาจ้องมองเธอ ก้มหน้าลงเล็กน้อย จุมพิตหน้าผากเธอเบาๆ “สวยสู้คุณไม่ได้หรอก” 


 


 


คริ ถูกจีบอีกแล้ว อีลั่วเสวี่ยบ่นในใจ แต่เป็นการบ่นที่ชื่นมื่น 


 


 


เธอเชิดหน้าขึ้น “ฉันสวยขนาดนั้นเลยหรือคะ?” อยากจีบใช่ไหม งั้นให้คุณจีบให้พอใจเลย ทำให้สองสาวข้างๆ อิจฉาตาร้อนจนอกแตกตายเลย 


 


 


ลูกบอลเงิน “โห! จีบเก่งจริงนะ หัวใจข้าแทบเต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว” 


 


 


อีลั่วเสวี่ยยิ้มที่มุมปากอย่างไม่รู้ตัว ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ดึงชายเสื้อเขาขึ้นเล็กน้อย “นับว่าคุณตาแหลม แต่คำพูดทำนองนี้ ถ้าภายหลังฉันพบว่าคุณพูดกับคนอื่น คุณต้องโดนเล่นงานแน่” 


 


 


“ต่อหน้าสาวอื่น ผมพูดอะไรไม่ออกเลย” เฉวียนหมิงตอบเช่นนี้ จากนั้นทั้งคู่ก็ไปที่แผนกชุดพิธีการ เลือกชุดที่เป็นแบบคู่รัก รวมกับที่เลือกไว้ก่อน ให้ห่อเลยโดยไม่ต้องลองใส่ก่อน 


 


 


พนักงานหลายคนช่วยกันเอาเสื้อผ้าบรรจุ “นี่เป็นชุดราตรีค่ะ อันนี้ของคุณผู้ชาย อันนี้ของคุณผู้หญิง กรุณาตรวจดูว่าของครบไหมค่ะ” 


 


 


ท่าทางเหมือนซื้อมากเกินไปจึงเพียงแต่ดูจะจำนวน ไม่ใช่ดูว่าซื้อเสื้อผ้าแบบไหนบ้าง 


 


 


“ทั้งหมดสามสิบสองชุด ไม่ผิด” ชุดพิธีการสองชุด เธอกับเฉวียนหมิงคนละสิบห้าชุด ในหนึ่งสัปดาห์ใส่วันละหนึ่งชุดจะไม่ซ้ำเลย 


 


 


พนักงานแนะนำสินค้ายิ้ม “ทั้งหมดแปดแสนเก้าหมื่นค่ะ ลดราคาให้ท่านเหลือแปดแสนแปดหมื่น ไม่ทราบว่าพวกท่านจะรูดบัตรหรือจ่ายเป็นเช็คคะ?” การซื้อของจำนวนมากในร้านแบบนี้ ไม่ต้องคำนึงถึงเงินสดเลย เพราะคงไม่มีใครติดเงินสดมากมายมาซื้อเสื้อผ้ามากขนาดนี้ ไม่งั้นพวกเธอคงเสียเวลานับนานแน่ 


 


 


“ไม่ต้องเลย” เฉวียนหมิงหยิบนามบัตรของตนเองออกมา เขียนคำว่าแปดแสนเก้าหมื่นลงไป แล้วเซ็นชื่อ “เอาไปให้ที่ฝ่ายการเงินก็พอ” 


 


 


หัวหน้าพนักงานขายถึงกับตะลึง มองดูเฉวียนหมิงด้วยความแปลกใจ พูดติดอ่างเล็กน้อย “ท่าน…ท่านประธาน” คุณพระช่วย เถ้าแก่ของพวกตนมาซื้อของที่ร้านนี้! 


 


 


ที่เฉวียนหมิงมาซื้อของที่นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก คราวก่อนก็ไปอีกร้านหนึ่ง แต่เพราะคนที่ร้านนั้นจำเขาได้แล้ว ครั้งนี้จึงเปลี่ยนร้าน ข้อแรกมาเพื่อสัมผัสกับการซื้อสินค้าตามปกติ ข้อสองมาดูว่าพนักงานของตนเองได้มาตรฐานหรือไม่ ถ้าไม่ได้มาตรฐานคงต้องมีการตรวจสอบกันใหม่ เห็นได้ชัดว่าเขาค่อนข้างพอใจ 


ตอนที่ 336 ที่แท้เป็นคุณ 


 


 


บังเอิญเมื่อคืนเฉวียนหมิงขับรถเอาน้ำแกงไก่มาให้อีลั่วเสวี่ย จึงออกมาโดยไม่ได้พกเครดิตการ์ดและกระเป๋าสตางค์มา เพียงแต่ในเสื้อติดนามบัตรมาสองสามใบ จะอย่างไรก็เป็นร้านของตนเอง สามารถใช้แทนเช็คได้ 


 


 


เดิมเขาตั้งใจจะจ่ายเงินโดยตรง ไม่อยากทำตัวเด่นแบบนี้ แต่จำเป็นต้องทำเพราะไม่เงินติดตัว  


 


 


ถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงหูเจ้าลูกบอลเงิน ไม่แน่นะ มันคงร้องโวยวายแน่ ไม่มีเงิน ถ้าคนอย่างเฉวียนหมิงไม่มีเงิน งั้นโลกนี้คนไม่มีเงินก็มีเกลื่อนไปทั่วแน่ 


 


 


“อืม ตั้งใจทำงานกัน ไม่เลวเลย” 


 


 


พอได้ยินคำชม หัวหน้าและพนักงานแนะนำสินค้าพากันยิ้มร่า ตื่นเต้นจนพูดไม่ออก 


 


 


ขณะที่เฉวียนหมิงกำลังจะหิ้วถุงเสื้อผ้า อีลั่วเสวี่ยมือไวตาไว ชิงหิ้วถุงที่หนักที่สุดทั้งหมดไว้เอง ที่เหลือดูเหมือนมากแต่น้ำหนักเบาทิ้งให้เฉวียนหมิงหิ้ว 


 


 


เฉวียนหมิงเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกปลื้มใจ แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกว่าที่ตนเองป่วยไม่เห็นจะไม่ดีตรงไหน ได้รับการดูแลอย่างห่วงใยจากเธอ เกรงว่านอกจากเขาแล้ว แม้แต่ก่อนหน้านี้ที่อวิ๋นเว่ยป่วยก็ยังไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีเช่นนี้จากเธอ 


 


 


หลังจากเฉวียนหมิงและอีลั่วเสวี่ยผละไปแล้วครู่หนึ่ง บรรดาพนักงานยังไม่หายตื่นเต้น “เจ๊ ฉันดูไม่ผิดใช่ไหม เขาเป็นเถ้าแก่ของพวกเราจริงๆ หล่อจังเลย!” 


 


 


ในร้านมีรูปถ่ายของเถ้าแก่พวกเขา เคยเห็นและจำได้ แต่วันนี้หลังจากได้เจอกับตัวจริงจึงพบว่าตัวจริงหล่อกว่าในรูปถ่ายเป็นร้อยเท่า! 


 


 


หัวหน้าพยักหน้า “ใช่ เขานี่แหละ” เพราะคนอื่นคงไม่กล้าแอบอ้างใช้นามบัตรเขา ยังไงก็เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ดังนั้นนอกจากเขาแล้วก็ไม่มีใคร 


 


 


เธอเองเคยได้ยินผู้จัดการร้านบอกว่าครึ่งปีก่อน ที่ร้านสาขาอีกแห่ง ท่านประธานเคยมาซื้อเสื้อผ้า เป็นเสื้อผ้าผู้หญิงทั้งหมด หรือว่าซื้อให้ผู้หญิงคนนี้ 


 


 


แย่จริง ลืมสังเกตว่าเธอหน้าตาเป็นอย่างไร คราวหน้าถ้าเธอมาอีกจะได้นอบน้อมเป็นพิเศษ 


 


 


“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครนะ ทำไมถึงใกล้ชิดกับท่านประธานอย่างนี้ ยัง…ยังสนิทสนมกันขนาดนี้” ประธานของพวกเขามีแฟนแล้ว น่าเศร้าจริงๆ ก่อนหน้านี้ยังคิดว่าเขาเป็นหนุ่มโสด ที่แท้ข่าวพวกนั้นกุขึ้น 


 


 


“ไม่รู้เหมือนกัน เดี๋ยวฉันจะให้เพื่อนที่เป็นลูกหลานเศรษฐีสืบดู ดูสิว่าจะได้ข่าวไหม” เพื่อนพนักงานคนหนึ่งเอ่ยขึ้น 


 


 


อีลั่วเสวี่ยและเฉวียนหมิงไม่ได้ใส่ใจว่าการมาซื้อเสื้อผ้าของพวกตนจะส่งผลสะเทือนต่อคนอื่นอย่างไร เธอกับเฉวียนหมิงไปหาอะไรกินที่ร้านอาหาร แล้วแวะหาที่เปลี่ยนชุดพิธีการ จากนั้นจึงตรงไปที่งานเลี้ยง 


 


 


สถานที่แห่งนี้ก็คือที่ที่หนานหลิวเฟิงเคยเชิญไปฉลองวันเกิด เป็นโรงแรมแบบคฤหาสน์ที่ราคาแพงที่สุดของเมือง F 


 


 


เฉวียนหมิงเพิ่งจอดรถ กำลังเปิดประตูรถให้อีลั่วเสวี่ย ก็มีรถสองสามคันทยอยมาถึง เธอรู้จักทุกคนที่ลงมาจากรถ หนานหลิวเฟิง มั่วเฉินเซวียน หลานเย่หมิงและเว่ยเหลียนเฉิง คนเหล่านี้เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ จะพลาดโอกาสแบบนี้ได้อย่างไร 


 


 


บางคนอย่าเห็นว่าตอนที่อยู่ในมหาวิทยาลัยเหมือนอยู่ว่างไม่มีอะไรทำ ที่จริงพวกเขาอยู่ข้างนอกทุ่มเทไม่น้อย ต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงประเภทต่างๆ เรียนรู้การสร้างความสัมพันธ์กับคนในแวดวงไฮโซด้วยกัน เรื่องนี้มีการแข่งขันรุนแรงยิ่งกว่าในงานอาชีพ 


 


 


นอกจากพวกเขาแล้วอีลั่วเสวี่ยยังเห็นอีกคน คนผู้นี้ไม่ถือว่าแปลกหน้า เขาก็คือซีเหมินหลงเซี่ยว 


 


 


“เฉวียนหมิง คุณพาคนสำคัญที่บ้านมาแล้วจริงๆ ไม่แนะนำหน่อยหรือ” ซีเหมินหลงเซี่ยวพูด แกล้งทำสีหน้าแปลกใจ ทำท่าเหมือนเห็นอีลั่วเสวี่ยแต่ไม่รู้จักชื่อเธอ 


 


 


เฉวียนหมิงชำเลืองมองอีลั่วเสวี่ยซึ่งไม่มีท่าทีแปลกใจ จึงรู้ทันทีว่าเธอจำซีเหมินหลงเซี่ยวได้ 


 


 


“อีลั่วเสวี่ย ภรรยาผมครับ ซีเหมินหลงเซี่ยว ซีอีโอของไหลย่ากรุ๊ป เป็นเจ้าภาพของงานในคืนนี้ อาเสวี่ย รู้จักกันหน่อย” เขาเองก็ต้องทำทีว่าซีเหมินหลงเซี่ยวไม่เคยพบอีลั่วเสวี่ย 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 337 โดนคุณหลอกแล้ว 


 


 


อีลั่วเสวี่ยยิ้ม ยื่นมือออกไป “สวัสดีค่ะ ได้ยินเฉวียนหมิงบอกว่าคืนนี้มีงานเลี้ยงอยากให้ฉันมาด้วย คิดไม่ถึงว่าเจ้าภาพของงานจะเป็นคุณ ยิ่งคิดไม่ถึงว่าที่แท้คุณก็คือซีอีโอของไหลย่ากรุ๊ป” 


 


 


ใช่แล้ว ตอนนั้นที่ร้านเครื่องหยกของหลิ่วเฟยอวิ๋น ตอนนั้นซีเหมินหลงเซี่ยวไม่ได้เอ่ยถึงสถานพภาพเบื้องหลังนามบัตรนั้น เธอย่อมแกล้งทำเป็นไม่รู้ 


 


 


เธอตีสีหน้ายิ้มด้วยความแปลกใจได้อย่างพอเหมาะ ท่าทางเหมือนนึกไม่ถึงจริงๆ แม้แต่เฉวียนหมิงเห็นแล้วก็ยังนึกชมในใจ “ผู้หญิงคนนี้เวลาแสดงละคร แสดงได้สมบทบาทยิ่งกว่าตนเอง” 


 


 


ไม่เลวจริงๆ ดูเหมือนเธอจะเรียนรู้เล่ห์กลที่ใช้ในสังคมไฮโซตามปกติได้แล้ว เป็นเด็กสาวที่เก่ง เรียนรู้ได้เร็ว 


 


 


ซีเหมินหลงเซี่ยวเลิกคิ้วขึ้น “ผมเองก็คิดไม่ถึงว่าคุณอีจะเป็นภรรยาของเฉวียนหมิง” เขาพูดพลางยื่นมือออกไปจับมือกับอีลั่วเสวี่ย สายตาจับจ้องที่แหวนหยกบนนิ้วเธอ 


 


 


“แหวนหยกสวยมากครับ น่าเสียดาย คราวก่อนผมไปซื้อแหวนที่พิเศษแบบนี้ไม่ได้ ได้ยินว่าเถ้าแก่ร้านเครื่องหยกเป็นเพื่อนกับคุณอี มิน่าถึงได้มอบแหวนหยกเนื้อดีอย่างนี้ให้คุณ ลูกค้าอย่างเราไม่โชคดีอย่างนั้น” 


 


 


พอเขาพูดจบก็แกล้งชำเลืองมองเฉวียนหมิงอย่างท้าทาย ผู้ชายคนอื่นมอบของให้เธอ เขาจะไม่พอใจหรือไม่ 


 


 


และแล้วเฉวียนหมิงก็ผงะเล็กน้อย เขารู้ว่าบนมืออีลั่วเสวี่ยนอกจากกำไลแล้วยังมีแหวนหยกเพิ่มขึ้นอีกวง เนื่องจากเขารู้ว่าเธอชอบของโบราณจึงไม่ได้คิดอะไรมาก แต่กลับเป็นหลิ่วเฟยอวิ๋นที่ให้แหวนวงนี้กับเธอ 


 


 


เดี๋ยวก่อน ทำไมแหวนวงนี้ถึงดูเหมือนของที่ขายในสถานที่ประมูลใต้ดินล่ะ? 


 


 


อีลั่วเสวี่ยย่อมรู้ดีว่าเฉวียนหมิงเป็นคนขี้หึง เธอชำเลืองมอง เห็นใบหน้าเขาหมองลง จึงเบียดเข้าใกล้เขา 


 


 


“นั่นเป็นเรื่องธรรมดาค่ะ นั่นต้องยกความดีให้เพื่อนฉัน ถ้าเราไม่ใช่เพื่อนของน้องสาวเขา คงไม่ได้รับน้ำใจแบบนี้ ควรจะรู้ว่าโลกนี้มีแหวนหยกเนื้อดีแบบนี้เพียงสามวง ถูกพวกเราเหมาครอบครองหมดค่ะ” 


 


 


พวกเรา สามวง ตามข้อมูลนี้ทำให้เฉวียนหมิงรู้ทันทีว่าเป็นใครสามคนที่มีแหวนนี้ สีหน้าเขาสดใสขึ้นทันที 


 


 


ซีเหมินหลงเซี่ยวเชิดมุมปากขึ้น ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาจริงๆ สามารถทำให้ใจเฉวียนหมิงหวั่นไหวได้ คำพูดแค่สองสามประโยคก็ทำให้เฉวียนหมิงเปลี่ยนไปได้ ไม่ธรรมดาเลย 


 


 


หนานหลิวเฟิงจ้องแขนอีลั่วเสวี่ยที่คล้องกับแขนเฉวียนหมิง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ส่วนที่ซีเหมินหลงเซี่ยวคุยกับอีลั่วเสวี่ยนั้นดูเหมือนเขาไม่มีใจจะฟัง 


 


 


“ฮ่าฮ่า งั้นผมคงได้แต่นึกเสียดาย ในฐานะคนในย่อมเหนือกว่า ได้แหวนหยกที่ดีที่สุด พวกคุณว่าจริงไหม?” ซีเหมินหลงเซี่ยวหัวเราะเหมือนนักเลงดูน่ารำคาญ แน่นอนว่านี่คือความคิดของอีลั่วเสวี่ย 


 


 


เมื่อเทียบกับมั่วเฉินเซวียน มีคนที่เธอไม่อยากสัมผัสด้วยเพิ่มขึ้นอีกคน 


 


 


“คุณซีเหมินก็รู้สึกเสียดายเรื่องอย่างนี้ด้วย น่าแปลกใจจริงๆ แต่ว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่จะสนทนากัน งานเลี้ยงกลางคืนอากาศเย็น ไปคุยกันข้างในดีกว่าครับ” มั่วเฉินเซวียนเสนอ สุดท้ายยังมองมาที่อีลั่วเสวี่ย 


 


 


ผู้หญิงคนนี้เหมือนนางปีศาจ ทุกครั้งที่เห็นรู้สึกว่าจะสวยขึ้น เหลือเกินจริงๆ แม้แต่ซีเหมินหลงเซี่ยวก็ยังสนใจเธอ 


 


 


เดิมเฉวียนหมิงคล้องแขนอีลั่วเสวี่ย พอได้ยินเช่นนี้ก็โอบเธอเข้ามาในอ้อมกอดโดยตรง ใช้ความร้อนในร่างกายให้ความอบอุ่นแก่เธอ ดูสนิทชิดเชื้อทั้งยังแสดงถึงการเอาใจใส่เป็นพิเศษด้วย 


 


 


นอกจากนี้ยังเป็นการอาศัยโอกาสนี้เป็นการเตือนต่อสายตาที่มุ่งร้ายว่าเธอเป็นของเขา! 


 


 


“ไปแล้ว” หลานเย่หมิงและเว่ยเหลียนเฉิงใช้ข้อศอกกระทุ้งหนานหลิวเฟิงที่ยังยืนเหม่ออยู่ 


 


 


พอเข้ามาในห้องโถงใหญ่อีลั่วเสวี่ยจึงพบว่าตนถูกเฉวียนหมิงหลอก ที่บอกว่าต้องพาเพื่อนหญิงมาด้วย ที่จริงไม่จำเป็นเลย ในนี้คนที่มากันแล้วส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย แน่นอนว่ามีเด็กสาวไม่น้อย แต่ไม่ใช่งานเลี้ยงทั่วไปแน่ 


 


 


“เฉวียนหมิง คุณถึงกับหลอกฉัน” อีลั่วเสวี่ยขยับเข้าใกล้เฉวียนหมิง พูดด้วยความไม่พอใจ 


 


 


เฉวียนหมิงไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เขาก้มหน้าเล็กน้อย “เอ๊ะ? เรื่องนี้โทษผมไม่ได้ ผมเองก็ไม่รู้ว่าพวกเขาไม่พาเพื่อนหญิงมา อีกอย่างมีคุณอยู่ด้วยผมรู้สึกดีมาก” 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม