หวนแค้นชะตารัก 330-337

 ตอนที่ 330 เขาเองก็เห็นแก่ตัว 



 


ตั้งแต่พี่น้องแตกคอกัน กู้จื่อหยวนก็เคียดแค้นกู้เฉินหรง เวลานี้กู้เฉินหรงได้เป็นรัชทายาทที่ทรงเกียรติแห่งแคว้นเจียง และยังแย่งชิงซูจิ่วซือไปด้วย 


 


 


ส่วนเขาไม่เหลืออะไรเลย เขาไม่เข้าใจสวรรค์จริงๆ ทำไมจึงเข้าข้างกู้เฉินหรงซึ่งไม่ยึดถือความเป็นพี่น้องและไม่รู้จักบุญคุณ 


 


 


กู้หลียวนคาดไม่ถึงว่ากู้จื่อหยวนจะพูดเช่นนี้ เวลานี้กู้จื่อหยวนดึงดันความคิดนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่กู้จื่อหยวนคนเดิมแล้ว 


 


 


แน่นอนว่าเขาไม่อาจเห็นด้วยกับคำพูดนี้ “จื่อหยวน เจ้าพูดอย่างนี้ไม่รู้สึกว่าเห็นแก่ตัวหรือ เรื่องฆ่าแม่เพื่อแย่งลูก ในสายตาเจ้าไม่สมควรพูดถึงหรือ สมองของเจ้ามีความคิดไม่ปกติ ข้าไม่อยากทะเลาะกับเจ้า” 


 


 


“ที่ข้าพูดไม่ใช่ความจริงหรอกหรือ พี่รองนึกถึงแต่อนาคต ไม่อยางนั้นจะกลับไปแค้วนเจียงหรือ ในเมื่อนึกถึงแต่อนาคต ถ้างั้นทุกอย่างที่เขามีในวันนี้ล้วนเป็นสิ่งที่สกุลกู้มอบให้ แล้วเขายังมีหน้ามาจะโกรธแค้นสกุลกู้หรือ 


 


 


พี่ใหญ่ ถึงพี่จะเป็นพี่ชายคนละแม่ แต่ก็เป็นพี่น้องกัน พี่คอยแต่ช่วยพี่รอง ไม่ถือข้าเป็นน้องเลย” 


 


 


“เวลานี้เจ้าช่างไม่มีเหตุผลเลย เราสามคนโตมาด้วยกัน ยังต้องแบ่งลูกจริงลูกเลี้ยงหรือ 


 


 


ท่านแม่คิดอย่างนี้ เดิมทีข้านึกว่าเจ้าไม่คิดอย่างท่านแม่ แต่ความจริงแล้วเจ้าเองก็คิดอย่างนี้ 


 


 


เฉินหรงไม่ได้ทำร้ายท่านแม่ถึงตาย ถือว่าได้ตอบแทนบุญคุณสูงสุดแล้ว เจ้าเคยคิดถึงความทุกข์ในใจเขาบ้างไหม ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร 


 


 


เวลานี้ท่านแม่ก็จากไปแล้ว ข้าไม่อยากโต้เถียงเรื่องนี้กับเจ้า ใครผิดใครถูกไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้ว 


 


 


เจ้าวางใจเถอะ ข้าไม่แย่งอำนาจการสืบทอดสกุลกู้กับเจ้า ท่านแม่คิดตลอดเวลาว่าจะมอบอำนาจการสืบทอดสกุลกู้ให้เจ้า กลัวว่าข้ากับเฉินหรงจะอิจฉา ความจริงแล้วข้ากับเฉินหรงไม่มีความคิดนี้เลย ข้าจะไปจากสกุลกู้ ต่อจากนี้สกูลกู้เป็นของเจ้า” 


 


 


กู้หลียวนโกรธกู้จื่อหยวนจริงๆ เขาสีหน้าแข็งกร้าวตอลดเวลา ความผูกพันฉันพี่น้องจบสิ้นลงอย่างแท้จริงแล้ว ถึงเวลานี้สกุลกู้แตกแยกเป็นเสี่ยงๆ ก่อนหน้านี้ภายนอกยังดูกลมเกลียวกัน บัดนี้แม้แต่ความกลมเกลียวภายนอกก็ไม่มีแล้ว 


 


 


กู้จื่อหยวนไม่พูดอะไรอีก สกุลกู้กลายเป็นเช่นนี้ เขายังจะเอาสกุลกู้ไว้ทำอะไรอีก ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของใครกันแน่ ใครทำให้ครอบครัวดีๆ กลายเป็นเช่นนี้ ซูจิ่วซือหรือ 


 


 


นับตั้งแต่นางปรากฏตัวขึ้น สกุลกู้กับจวนอันผิงโหวก็เกิดเรื่องไม่หยุดหย่อน ก่อนนี้เขารักซูจิ่วซือ คอยปกป้องนาง แต่บัดนี้รู้สึกว่าน่าหัวเราะ หญิงที่เขารักคิดแต่จะทำลายสกุลกู้ให้พินาศ 


 


 


นับจากนี้ไปเขาจะไม่รักซูจิ่วซืออีก เขาเคียดแค้นนาง และเคียดแค้นกู้เฉินหรง เขาคิดว่าสองคนนี้ร่วมกันทำลายสกุลกู้ ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ 


 


 


กู้จื่อหยวนอุ้มซูเหมยขึ้นจากพื้น ขณะที่เดินผ่านกู้หลียวน เขาพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “ท่านพ่อคิดถึงแม่บังเกิดเกล้าของเจ้าตลอดเวลา เห็นท่านแม่ตาย เจ้าคงดีใจใช่ไหม 


 


 


กู้ชิงเฉิงบีบคั้นเฝิ่นไต้จนตาย เจ้าไม่รู้สึกรู้สาต่อการตายของท่านแม่ ที่แท้ท่านแม่เลี้ยงหมาป่าอกตัญญูไว้สองตัว การตายของแม่แท้ๆ ของเจ้าโทษแม่ข้าไม่ได้ นับจากนี้ไปเจ้ากับข้าไม่ใช่พี่น้องกัน” 


 


 


กู้จื่อหยวนทิ้งคำพูดนี้ไว้แล้วออกไปจากห้องนี้ไม่หันมามองอีก 


 


 


ถึงกับบอกว่าเขากับกู้ชิงเฉิงเป็นหมาป่าอกตัญญู ทำไมเขาไม่คิดบ้างว่ากู้เฝิ่นไต้กับซูเหมยทำกับเขาสองพี่น้องอย่างไร 


 


 


เวลานี้กู้จื่อหยวนไม่รับฟังอะไรทั้งสิ้น ดึงดันที่จะโยนความผิดทั้งหมดมาให้เขากับเฉินหรง จึงไม่อาจเลี่ยงความแตกแยกได้  


 


 


แม้เขาไม่ต้องการให้เกิดเรื่องเช่นนี้ แต่ก็ไม่สามารถควบคุมได้ 


 


 


ที่สกุลกู้มีวันนี้ เขาสังหรณ์ใจมานานแล้ว ซูเหมยเห็นแก่ตัวเกินไป ก่อนหน้านี้เขาคิดว่ามีเพียงกู้เฝิ่นไต้ที่จิตใจต่ำช้า ส่วนกู้จื่อหยวนจิตใจบริสุทธิ์ หลังจากเกิดเรื่องมายมาย เขาจึงพบว่าความจริงแล้วกู้จื่อหยวนก็ไม่ได้มีจิตใจดีงามแต่อย่างไร  


 


 


เป็นคนเห็นแก่ตัว 


 


 


—— 


 


 


ตอนที่ 331 ต่อไปจะเป็นเพียงคนแปลกหน้า 


 


 


 


 


 


พอกลับจวนอันผิงโหว ซูจิ่วซือก็โยนหน้ากากซูหลิ่วทิ้ง ต่อไปนางจะไม่ปรากฏตัวในฐานะซูหลิ่วอีก  


 


 


จื่อหลานรายงานเหตุการณ์ภายนอกให้ซูจิ่วซือฟัง พอได้ยินว่ากู้เหยี่ยนถูกเจ้าเมืองพาตัวไป ซูจิ่วซือไม่แสดงอาการอะไรเลย ถ้ากู้เหยี่ยนอยากพ้นผิด ก็ควรออกไปตั้งแต่แรก  


 


 


แม้กู้เหยี่ยนจะทำอย่างนี้ นางก็ไม่สะเทือนใจ ยิ่งไม่มีวันให้อภัย ทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างนางกับกู้เหยี่ยนเป็นอดีตไปแล้ว นางจะลืมให้หมด  


 


 


นี่เป็นจุดจบระหว่างนางกับกู้เหยี่ยน ไม่โกรธแค้นเขาอีก ต่อไปจะเป็นคนแปลกหน้า  


 


 


ตอนฟื้นชีพใหม่ นางโกรธแค้นซูเหมย โกรธแค้นกู้เหยี่ยน แทบจะมีชีวิตเพื่อแก้แค้น เวลานี้นางสมความตั้งใจแล้ว หัวใจมีคนที่นางรัก นางมีความหวังต่อชีวิตในอนาคตอย่างเต็มเปี่ยม รอวันเวลาที่จะอยู่เคียงข้างฟู่เฉินหรง 


 


 


รอให้นางจัดการเรื่องราวในจวนอันผิงโหวให้เรียบร้อยก่อน นางจะออกจากเมืองหลวงไปตามหาฟู่เฉินหรง อยากพบฟู่เฉินหรงให้เร็วหน่อย 


 


 


….. 


 


 


อีกด้านหนึ่ง ชิงซานเอาจดหมายที่ฟู่เฉินหรงเขียนผูกที่ขาของนกพิราบสื่อสาร ทันทีที่ปล่อยนกพิราบ ปิงอวิ๋นซึ่งซ่อนตัวอยู่ก็ยิงนกตกลงมาทันที 


 


 


นางรู้ว่าเป็นจดหมายที่เขียนให้ซูจิ่วซือแน่ นางไม่ได้อ่านจดหมาย แต่ฉีกทิ้งทันที แล้วโยนซากนกพิราบสื่อสารทิ้ง 


 


 


นางเป็นหัวหน้าองครักษ์อุทยานตะวันออก เจ้านายของนางคือซุ่นตี้ มีภารกิจในการปกป้องความปลอดภัยของฟู่เฉินหรง 


 


 


เวลานี้นางกระทำทุกอย่างตามความต้องการของซุ่นตี้ ซุ่นตี้ทรงสั่งนางอย่าให้ผู้หญิงคนหนึ่งมากำหนดฟู่เฉินหรง สำหรับพระองค์แล้ว ฟู่เฉินหรงเป็นความหวังในอนาคตของแคว้นเจียง พระองค์ไม่มีวันอนุญาตให้ฟู่เฉินหรงพ่ายแพ้แก่ซิ่นอ๋องเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง 


 


 


วันข้างหน้า ฟู่เฉินหรงจะครองบัลลังก์ ต้องไม่ให้ความรักของผู้หญิงมาเป็นอุปสรรค 


 


 


….. 


 


 


วังฉางชิวกง 


 


 


พระสนมโหรวนั่งเอนหลังบนเก้าอี้นวม ไฉ่ซือคุกเข่าที่พื้นแกะองุ่นให้พระสนมโหรว เป็นเวลาปลายฤดูร้อนแล้ว อากาศเย็นลงมาก พระสนมโหรวเปิดคอเสื้อกว้าง ดูเย้ายวนเป็นพิเศษ 


 


 


นางยื่นมือบอบบางไปรับองุ่นที่ไฉ่ซือยื่นให้ หยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำองุ่นที่เลอะริมฝีปาก 


 


 


พูดเสียงเนิบนาบ “ข้าคิดอยู่ว่าจะร่วมมือกับซูจิ่วซืออย่างไรดี ซูหลิ่วตายไปแล้ว กู้เหยี่ยนก็ติดคุก  


 


 


ข้าอยากรู้จริงๆ ซูจิ่วซือทำอย่างไรจึงให้กู้เหยี่ยนยอมรับผิดแทน ได้ข่าวว่ากู้เหยี่ยนรับสารภาพโดยไม่โต้แย้งแม้แต่คำเดียว เรื่องนี้น่างุนงงมาก” 


 


 


พระสนมโหรวคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่ 


 


 


ตั้งแต่ต้นจนจบแม้ซูจิ่วซือไม่ได้เปิดเผยตัว แต่อาศัยความรู้สึกลึกๆ นางคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับซูจิ่วซือ แต่ไม่เข้าใจจริงๆว่าซูจิ่วซือทำอย่างไร นางรู้สึกชื่นชมซูจิ่วซือมากขึ้นเรื่อยๆ 


 


 


เมื่อพ่อแม่บุญธรรมของพระราชนัดดาไม่อยู่แล้ว ภารกิจของนางก็สิ้นสุดลง ไม่รู้ว่าต่อไปภารกิจที่ซิ่นอ๋องจะมอบให้นางเป็นอะไร  


 


 


ถ้าเดาไม่ผิด อีกไม่นานนางคงได้รับจดหมายจากซิ่นอ๋อง 


 


 


“เรื่องนี้สำเร็จแล้ว พระสนมสบายใจได้” ไฉ่ซือพูดขึ้น ยื่นองุ่นให้พระสนมโหรวอีกครั้งหนึ่ง “พระสนม ช่วงนี้กุ้ยเฟยเข้าออกวังเจี้ยนจางกงบ่อยๆ สถานการณ์เวลานี้ อีกไม่นานฝ่าบาทคงจะแต่งตั้งกุ้ยเฟยเป็นฮองเฮา” 


 


 


“เดิมทีฝ่าบาทก็ถือว่าตำแหน่งฮองเฮาต้องเป็นของกู้ชิงเฉิง กู้เฝิ่นไต้เพียงแต่แทรกเข้ามา 


 


 


ใครจะเป็นฮองเฮาไม่สำคัญสำหรับพวกเรา ดูแล้วกู้ชิงเฉิงคงจะคิดตก เมื่อก่อนเคยทะนงตนก็ยอมลดตัวลงยอมรับฝ่าบาท เรื่องนี้ซูจิ่วซือมีส่วนอย่างมาก  


 


 


ตั้งแต่กู้ชิงเฉิงกับซูจิ่วซือไปมาหาสู่กันมากขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับฝ่าบาทก็ดีขึ้นอย่างชัดเจน ซูจิ่วซือก็แปลกจริงๆ คนสกุลกู้เหมือนกัน แต่ปฏิบัติตัวต่อแต่ละคนต่างกัน 


ตอนที่ 332 ความขัดแย้งคุกรุ่น  


 


 


 


 


 


เวลานี้พระทัยของว่าฝ่าบาทอยู่ที่กุ้ยเฟย นานเข้า บ่าวกลัวว่าพระสนมจะไม่เป็นที่โปรดปรานอีกต่อไป” 


 


 


“ข้ามีองค์หญิงใหญ่ กลัวอะไร คนอื่นต่างหากที่กลัว เราดูอยู่ห่างๆ ก็พอ ไม่ต้องใส่ใจเรื่องนี้” 


 


 


พระสนมโหรวไม่ได้รักเฟิ่งอวิ๋นหล่าง นางเข้าวังมาเพื่อปฏิบัติหน้าที่ 


 


 


ถ้าเฟิ่งอวิ๋นหล่างไม่ปรารถนาให้นางถวายการรับใช้ ก็เป็นเรื่องดีสำหรับนาง ตั้งแต่รักหลี่ซั่ว นางไม่อยากใกล้ชิดกับเฟิ่งอวิ๋นหล่างนัก โชคดีที่หลายเดือนมานี้เฟิ่งอวิ๋นหล่างไม่ได้ให้นางถวายการรับใช้แล้ว 


 


 


ไฉ่ซือรู้เรื่องระหว่างพระสนมโหรวกับหลี่ซั่ว แต่นางไม่รู้ว่าพระสนมโหรวรักหลี่ซั่วจริงๆ  เรื่องนี้พระสนมโหรวไม่ได้บอกให้ใครรู้ แม้แต่ไฉ่ซือ นางระวังตัวเสมอ ทำให้ไฉ่ซือคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นการแสดงละคร 


 


 


คืนนั้น พระสนมโหรวได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง พออ่านเสร็จ นางก็เผาจดหมายในมือทันที นึกไม่ถึงว่าภารกิจต่อไปจะมาเร็วขนาดนี้ 


 


 


หลังจากซูเหมยตาย ตามแบบแผนแล้วซูจิ่วซือกับซูเหิงควรไปคารวะศพ เพราะเป็นอาของทั้งสอง ถ้าไม่ไปก็ถือว่าทำผิดแบบแผน อาจจะเป็นจุดอ่อนให้คนเอาไปพูด แม้ทั้งสองไม่อยากไป สุดท้ายก็ยังไปจวนสกุลกู้ด้วยกัน 


 


 


ในห้องพิธีศพ กู้จื่อหยวนกับกู้หลียวนในชุดไว้ทุกข์สีขาวคุกเข่าอยู่ที่พื้น ซูจิ่วซือกับซูเหิงเดินตามกันเข้าไป ทั้งสองจุดธูปด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก หลังจากคารวะตามแบบแผนสามครั้ง ก็เอาธูปปักที่หน้าโลง  


 


 


“พี่หลียวน พี่จื่อหยวน ระงับความเศร้าด้วย” 


 


 


กู้จื่อหยวนอายุมากกว่าซูเหิงหนึ่งปี ซูเหิงพูดปลอบใจตามมารยาทอย่างราบเรียบ 


 


 


กู้จื่อหยวนสงบมาก เงยหน้าขึ้น แววตาไม่มีความกระตือรือร้นอย่างเมื่อก่อน แต่เหมือนบ่อลึก ได้แต่พยักหน้า 


 


 


“ข้ามีธุระ ขอลาก่อน” 


 


 


คนพูดยังคงเป็นซูเหิง พูดจบก็เตรียมออกไปพร้อมกับซูจิ่วซือ ตลอดเวลาซูจิ่วซือไม่พูดสักคำ เวลานี้นางกับกู้จื่อหยวนไม่มีอะไรจะพูดกันแล้ว  


 


 


กู้จื่อหยวนซึ่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นผุดลุกขึ้นทันที “จิ่วซือ ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า” 


 


 


“เจ้าอย่าทำให้พี่สาวข้าลำบากใจ มีอะไรก็พูดตอนนี้เลย” 


 


 


เวลานี้ซูเหิงเอาใจใส่ซูจิ่วซือเป็นพิเศษ นางเป็นญาติใกล้ชิดเพียงคนเดียวของเขาในโลกนี้ 


 


 


เด็กหนุ่มอายุใกล้เคียงกันสองคนมองหน้ากัน ความขัดแย้งคุกรุ่น ทั้งสองผ่านเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงอย่างมากในครอบครัว ไม่มีใครยอมถอย ต่างโกรธแค้นอีกฝ่าย แต่พยายามควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของตนอย่างเต็มที่ 


 


 


“ซูเหิง เจ้ากลับไปก่อน เดี๋ยวพี่ตามไป” 


 


 


“พี่…” 


 


 


“พี่ไม่เป็นไรหรอก เจ้ายังต้องไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทไม่ใช่หรือ กลับไปก่อน อย่าให้สาย” 


 


 


พอถึงตอนนี้ซูเหิงจึงพยักหน้า พูดเตือนเสียงกร้าว “ถ้าเจ้าขืนไม่เคารพพี่สาวข้า ข้าไม่มีวันปล่อยเจ้าแน่” 


 


 


ซูเหิงพูดทิ้งท้ายไว้ แล้วจากไป 


 


 


“ออกไปคุยกันข้างนอกเถอะ” กู้จื่อหยวนพูดจบ ไม่มองหน้าซูจิ่วซือ เดินออกไปจากห้องพิธีศพทันที 


 


 


ซูจิ่วซือมองกู้หลียวนแวบหนึ่ง พยักหน้าให้เขา บอกให้รู้ว่านางไม่เป็นไร แล้วจึงเดินตามกู้จื่อหยวน กู้หลียวนยังคงคุกเข่าอยู่กับพื้นเผ่ากระดาษให้ซูเหมย พูดพึมพำ “ท่านแม่ สภาพเวลานี้ท่านแม่ก็เห็นแล้ว ท่านแม่เสียใจหรือไม่” 


 


 


ซูจิ่วซือเดินตามกู้จื่อหยวนไปที่ใต้ต้นหวยนอกห้องพิธีศพ กู้จื่อหยวนหยุดเดิน สายตาจ้องซูจิ่วซืออย่างแข็งกร้าว “คนใช้ที่หอบอกว่าวันนั้นมีคนไปหาท่านแม่ที่ห้องพิเศษ คนนั้นเป็นเจ้าใช่หรือไม่” 


 


 


“มีใครเห็นข้าไหม จื่อหยวน ถ้าเจ้าสงสัยว่าการตายของแม่เจ้าเกี่ยวข้องกับข้า ก็เอาหลักฐานมา ถ้าไม่ใช่ ก็ไม่มีอะไรต้องพูด เจ้าเมืองย่อมจะสืบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียด” 


 


 


 


 


 


—— 


 


 


ตอนที่ 333 เป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง 


 


 


 


 


 


ซูจิ่วซือสงบเป็นพิเศษ เรื่องนี้นางไม่คิดจะบอกใคร นี่เป็นเรื่องระหว่างนางกับซูหลิ่ว  


 


 


กู้จื่อหยวนบีบคั้นซูจิ่วซือ แววตานั้นทั้งดิ้นรนและปวดร้าว “แม่ข้าเคยคิดจะฆ่าเจ้าจริง แต่เจ้าก็ยังปลอดภัยดี 


 


 


ข้าพยายามปกป้องเจ้าต่อหน้าท่านแม่ ซูจิ่วซือ ทำไมเจ้าถึงได้แค้นแม่ข้า ท่านแม่เคยคิดจะปล่อยเจ้า แต่เจ้าบีบคั้นท่านแม่ ถึงอย่างไรท่านแม่ก็เป็นอาของเจ้า เจ้าทำอย่างนี้กับผู้อาวุโสหรือ” 


 


 


“เรื่องระหว่างข้ากับแม่เจ้าไม่เกี่ยวกับเจ้า ที่แม่เจ้าเป็นอย่างนี้ ข้าไม่มีอะไรจะพูด เป็นไปตามกรรม ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว จื่อหยวน ถ้าเจ้าไม่มีธุระอะไร ข้าไปก่อนละ”  


 


 


ซูจิ่วซือสงบตลอดเวลา ไม่ได้หลบสายตาของกู้จื่อหยวน สายตาของนางก็ไม่มีความรู้สึกใดๆ  


 


 


“ซูจิ่วซือ วันนี้ที่ข้ามาหาเจ้าก็เพราะจะบอกเจ้าว่า ตั้งแต่นี้ไปข้ากู้จื่อหยวนไม่มีวันรักเจ้าอีก” 


 


 


“เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว” 


 


 


กู้จื่อหยวนเป็นอย่างนี้สำหรับซูจิ่วซือแล้วเป็นเรื่องดี นางเองก็ไม่อยากจะให้ชายอื่นมาติดพัน 


 


 


กู้จื่อหยวนยิ้มหยัน “เจ้ากับพี่รองก็ไม่มีวันพบจุดจบที่ดี ถ้าไม่เชื่อ คอยดูก็แล้วกัน เวลานี้เขาเป็นรัชทายาทแคว้นเจียง ไม่ใช่คนที่เจ้าจะไขว่คว้าได้ สักวันหนึ่งเจ้าจะเสียใจภายหลัง” 


 


 


“ข้าไม่เคยเสียใจเรื่องที่ตัวเองทำ กู้จื่อหยวน เจ้าไม่เข้าใจข้า หวังว่าวันหลังเจ้าจะพบคนที่รักเจ้าอย่างแท้จริง ข้าขอตัวก่อน” 


 


 


พูดจบ ซูจิ่วซือก็จากไปไม่หันกลับ ไม่ลังเลแม้แต่น้อย 


 


 


พอซูจิ่วซือไปแล้ว กู้จื่อหยวนก็ชกกิ่งต้นไหวอย่างแรง ดวงตาฉายแววดุดันอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน สักวันหนึ่งเขาจะทำให้นางเสียใจภายหลัง ให้นางมาขอร้องเขา 


 


 


สองวันต่อมา ซูจิ่วซือเข้าวังไปบรรยายต่อ พอบรรยายจบ พระสนมโหรวก็เชิญซูจิ่วซือไปที่วังฉางชิวกง ทั้งสองเดินตามกันเข้าไปในวัง 


 


 


ขณะที่เข้าไปก็เห็นเด็กน้อยอายุสี่ขวบกำลังเล่นลูกกลมสีรุ้งอยู่ที่สนาม ข้างๆ มีสาวใช้สองคนดูแลอยู่ เด็กน้อยที่เล่นอย่างสนุกสาน ก็คือองค์หญิงใหญ่ลูกสาวของพระสนมโหรวนั่นเอง 


 


 


พอองค์หญิงใหญ่เห็นพระสนมโหรวกลับมา ก็รีบทิ้งลูกกลมสีรุ้งในมือ โผเข้าหาอ้อมอกของพระสนมโหรว พูดออดอ้อน “ท่านแม่ ท่านแม่กลับมาแล้ว ท่านแม่มาเล่นกับข้า” 


 


 


พระสนมโหรวอุ้มลูกสาวขึ้นมา ลูบหัวองค์หญิงใหญ่ พูดเสียงอ่อนโยน “ตอนนี้แม่มีธุระ ให้แม่นมเล่นกับลูกก่อน ดีหรือไม่” 


 


 


“ก็ได้ ข้าจะอยู่ข้างนอกรอท่านแม่” 


 


 


พระสนมโหรวพยักหน้า วางองค์หญิงใหญ่ลง แล้วพาซูจิ่วซือเข้าไปในห้องโถง 


 


 


ซูจิ่วซือได้แต่ดูอยู่ข้างๆ ไม่พูดไม่จา พอเห็นเด็กน้อยน่ารัก หัวใจก็อ่อนโยนลงโดยไม่รู้ตัว นึกถึงกู้หลียวนกับกู้ชิงเฉิงตอนเล็ก 


 


 


องค์หญิงใหญ่หน้าตาน่ารักมาก คิ้วตาคล้ายพระสนมโหรว และเป็นเด็กคนเดียวในวัง เฟิ่งอวิ๋นหล่างกับไทเฮาจึงทรงรักใคร่เป็นพิเศษ 


 


 


เมื่อเป็นองค์หญิง บรรดาพระสนมจึงไม่ถือเป็นศัตรู องค์หญิงใหญ่จึงเป็นศูนย์รวมความรักของทุกคน 


 


 


พอเข้าไปในห้องโถง พระสนมโหรวก็ให้คนยกชามาให้ มุมปากมีรอยยิ้มน่ารัก “องค์หญิงช่างมีความรู้กว้างขวางจริงๆ วันนี้บรรยายได้ยอดเยี่ยม ข้าฟังอย่างเพลิดเพลิน 


 


 


ว่าไปแล้วข้าชื่นชมองค์หญิงมาก ใช้เวลาไม่กี่เดือนก็สามารถได้รับตำแหน่งองค์หญิง และยังช่วยให้น้องชายแท้ๆ ได้ตำแหน่งอันผิงโหวกลับคืน เวลานี้สกุลกู้ตกต่ำแล้ว องค์หญิงเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง” 


ตอนที่ 334 เจตนาของพระสนมโหรว 


 


 


 


 


 


“พระสนมโหรวชมเกินไป บางเรื่องเป็นลิขิตฟ้า ชะตากรรมกำหนดไว้แล้ว ข้าเพียงแต่ทำตามลิขิตฟ้า วันนี้พระสนมโหรวให้ข้ามาที่นี่ มีอะไรจะสั่งหรือ” 


 


 


“ข้าหรือจะกล้าสั่ง เมื่อวานฝ่าบาทให้คนเอาองุ่นดำสดมาให้ข้า รสหวานมาก จึงเชิญองค์หญิงมาชิม” 


 


 


พระสนมโหรวยิ้ม พูดจบก็ให้สาวใช้ยกองุ่นดำเข้ามา องุ่นดำบนจานผลไม้ดูสดมาก มีหยดน้ำเกาะอยู่ 


 


 


“พระสนมมีน้ำใจ” ซูจิ่วซือพยักหน้า นึกถึงเรื่องกู้เฝิ่นไต้ กู้ชิงเฉิงเคยส่งคนมาสืบเรื่องนี้ แต่สืบไม่ถึงพระสนมโหรว ซูจิ่วซือก็ได้แต่สงสัย 


 


 


คืนนั้นยามรักษาการณ์จงใจปล่อยกู้เฝิ่นไต้ออกจากวังเว่ยยางกงแน่ เฟิ่งอวิ๋นหล่างได้ลงโทษยามรักษาการณ์ที่เฝ้ายามในคืนนั้นทั้งหมด ทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าตนไม่ผิด ไม่มีใครบงการ  


 


 


นางหยิบองุ่นเข้าปากเม็ดหนึ่ง รสหวานฉ่ำจริงๆ  พอกินองุ่นเม็ดนั้นแล้ว จึงแสร้งถามขึ้น “ทำไมพระสนมจึงปล่อยกู้เฝิ่นไต้ออกไป” 


 


 


พระสนมโหรวชะงัก สีหน้ากลับไม่มีอะไรผิดปกติ “ข้าไม่เข้าใจความหมายขององค์หญิง ฮองเฮาแอบหนีออกจากวังเกี่ยวข้องกับข้าอย่างไร 


 


 


ทำไมข้าต้องช่วยฮองเฮา ทำอย่างนี้ข้าจะได้ประโยชน์อะไร องค์หญิงก็ไม่ใช่ไม่รู้จักข้าแค่วันเดียว ข้าเป็นเหมือนคนที่ทำอะไรไม่เป็นผลดีต่อตัวเองหรือ” 


 


 


เพราะไม่เข้าใจสาเหตุความเป็นมา ซูจิ่วซือจึงไม่มั่นใจในเรื่องนี้ เมื่อกี้นางเพียงแต่ลองสอบถามพระสนมโหรวเท่านั้น 


 


 


“ข้ารู้แต่ว่ายามรักษาการณ์อยู่ภายใต้การดูแลของไต้เท้าหลี่” 


 


 


“แล้วอย่างไร แค่เรื่องนี้คงไม่สงสัยข้า ข้ากับกุ้ยเฟยไม่มีความแค้นต่อกัน นางเป็นที่โปรดปรานหรือไม่ มีชีวิตอยู่หรือไม่ ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าสักนิด ข้าไม่ได้รักฝ่าบาท และไม่ต้องการแย่งชิงความรักกับนาง” 


 


 


คำพูดนี้เป็นความจริง ซูจิ่วซือเชื่อ ในที่สุดนางจึงมั่นใจว่าเป็นเฟิ่งหลิงอวี่ เพียงแต่ว่าท่าทีของยามรักษาการณ์ทำให้นางประหลาดใจ  


 


 


“พระสนม กู้เฝิ่นไต้ทำร้ายน้องสาวข้า ข้าไม่ยอมปล่อยคนที่ทำร้ายน้องสาวข้าเด็ดขาด ถ้าข้าตรวจสอบเรื่องนี้พบว่าเกี่ยวข้องกับพระสนม ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ” 


 


 


พระสนมโหรวหัวเราะ แกะเปลือกองุ่นอย่างอ่อนช้อย “องค์หญิงกุมจุดอ่อนของข้าไว้ในมือ ข้าหรือจะกล้าทำอะไร องค์หญิง ระหว่างเราไม่มีความแค้นต่อกัน ข้าได้รับคำสั่งมา ไม่มีทางเลือก 


 


 


ถ้าช่วยองค์หญิงได้ ข้าไม่ปฏิเสธแน่ คนที่ข้าไม่อยากเป็นศัตรูที่สุดก็คือองค์หญิง เวลานี้องค์หญิงได้ทุกอย่างสมความปรารถนาแล้ว แต่อยู่คนละที่กับฟู่เฉินหรง นึกแล้วก็น่าเสียดาย องค์หญิงไม่คิดจะไปหาฟู่เฉินหรงหรือ” 


 


 


ซูจิ่วซือคาดเดาเจตนาของพระสนมโหรว นางสนับสนุนตนไปหาฟู่เฉินหรง ย่อมไม่รู้สึกว่านางทำอย่างด้วยเจตนาดี ที่นางพูดคงมีจุดหมายบางอย่าง 


 


 


“เรื่องของข้าไม่อยากรบกวนพระสนม” 


 


 


“เจ้ากับข้าเป็นผู้หญิงเหมือนกัน เจ้าก็รู้ความลับของข้า ข้าเองก็ไม่มีอะไรต้องปิดบัง ชีวิตนี้ ได้พบคนที่ใจตรงกันไม่ใช่เรื่องง่าย ฟู่เฉินหรงหลงรักเจ้ามาตลอด แม้แต่ข้าเองก็ยังรู้สึกซาบซึ้ง 


 


 


เจ้าไม่เหมือนข้าที่ถูกกักอยู่ในวัง ได้แต่เก็บความลับนี้ไว้ ไม่กล้าเปิดเผยแม้แต่นิดเดียว เจ้ามีโอกาสได้อยู่กับฟู่เฉินหรงอย่างเปิดเผย หวังว่าเจ้าทั้งสองจะได้ครองรักกันในที่สุด” 


 


 


 


 


 


—— 


 


 


ตอนที่ 335 เล่ห์เหลี่ยมล้ำลึก 


 


 


 


 


 


 ถ้าเป็นคนอื่นคงซาบซึ้งในคำพูดที่เปิดเผยของพระสนมโหรว เสียดายที่ซูจิ่วซือไม่ได้คิดอย่างนี้ นางยังคงสงบ ไม่แสดงท่าทีใดๆ  ต่อการสนับสนุนของพระสนมโหรว “พระสนมลำบากไปแล้ว ข้ากับฟู่เฉินหรงแยกทางกันตั้งนานแล้ว” 


 


 


“เจ้าสองคนแยกทางกันได้อย่างไร” 


 


 


“ขออภัยข้าไม่อาจบอกได้” 


 


 


“ข้าเป็นคนนอก แต่ก็อยากเตือนเจ้าไว้ อย่าให้ตัวเองเสียใจภายหลัง โลกนี้มีผู้ชายมากมาย แต่ผู้ชายที่รักเราอย่างนี้มีน้อยมาก และเจ้าก็ไม่ใช่ไม่รักฟู่เฉินหรง ไม่งั้นเจ้าคงไม่ใส่ใจเรื่องของเขาอย่างนี้ 


 


 


ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ องค์หญิงคิดให้ดี ข้าหวังดีต่อองค์หญิงจริงๆ  อยากให้องค์หญิงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขข้าจึงจะไม่นึกถึงเรื่องของข้าเอง” 


 


 


ซูจิ่วซือหัวเราะ “เจ้านายของพระสนมกับฟู่เฉินหรงเป็นศัตรูกัน” 


 


 


“แล้วจะเป็นอย่างไร เจ้านายจะชนะหรือไม่ข้าไม่ใส่ใจ ถึงอย่างไรข้าก็ไม่กลับแคว้นเจียง  


 


 


ถ้าเขาตายก็ยิ่งดีไม่ใช่หรือ ข้าจะได้พ้นจากการควบคุมของเขา ข้าไม่ได้ซื่อสัตย์ต่อเจ้านายอย่างที่เจ้าคิด เป็นเพราะถูกสถานการณ์บีบเท่านั้น” 


 


 


พระสนมโหรวพูดกับซูจิ่วซืออย่างเปิดเผย ซูจิ่วซือนึกไม่ถึงว่าพระสนมโหรวจะพูดอย่างนี้ นางไม่ใส่ใจว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อพระสนมโหรว แต่ระแวดระวังพระสนมโหรวมาก ผู้หญิงคนนี้เล่ห์เหลี่ยมล้ำลึกไม่ธรรมดา  


 


 


แต่ที่พระสนมโหรวไม่ได้ซื่อสัตย์ต่อซิ่นอ๋อง คำพูดนี้ซูจิ่วซือเชื่อ การที่พระสนมโหรวรักหลี่ซั่ว ก็เท่ากับทรยศ 


 


 


เวลานี้นางยังไม่รู้ว่าซิ่นอ๋องควบคุมพระสนมโหรวอย่างไร ถ้ารู้วิธีการของซิ่นอ๋อง นางก็สามารถทำให้พระสนมโหรวทรยศต่อซิ่นอ๋องได้ พอถึงตอนนั้นไม่แน่อาจจะเป็นประโยชน์ต่อนาง 


 


 


เวลานี้นางกับพระสนมโหรวไม่ได้ขัดแย้งกันเรื่องผลประโยชน์ นางไม่เป็นภัยคุกคามพระสนมโหรว พระสนมโหรวเองก็เป็นคนฉลาด ไม่เป็นปรปักษ์กับนางแน่ 


 


 


เวลานี้พระสนมโหรวสนับสนุนนางให้ไปหาฟู่เฉินหรงที่แคว้นเจียง ต้องมีเจตนาอะไรบางอย่าง นางไม่เชื่อว่าพระสนมโหรวอยากให้นางกับฟู่เฉินหรงได้ครองรักกันสมปรารถนา 


 


 


แม้ในใจนางอยากไปหาฟู่เฉินหรง แต่นางไม่มีวันเปิดเผยให้พระสนมโหรวรู้ พระสนมโหรวจะได้ไม่คิดว่านางทำตามที่พระสนมโหรวพูด 


 


 


“พระสนมพูดอย่างนี้ไม่กลัวคนของเจ้านายได้ยินหรือ” 


 


 


“ในเมื่อกล้าพูดย่อมไม่กลัวอยู่แล้ว องค์หญิงกลับไปคิดให้ดี ฟู่เฉินหรงรักองค์หญิงปานนี้ ถ้าพลาด คงเสียใจไปตลอดชีวิต  


 


 


“สายแล้ว ถ้าพระสนมไม่มีธุระอื่น ข้าก็ขอตัวก่อน” 


 


 


พระสนมโหรวพยักหน้า ซูจิ่วซือลุกออกไปจากวังฉางชิวกง พระสนมโหรวไม่ได้รั้งซูจิ่วซือไว้ 


 


 


พอซูจิ่วซือไป พระสนมโหรวก็ไม่มีกะใจจะกินองุ่น  


 


 


เวลานี้ซูจิ่วซือคิดอย่างไร นางคาดเดาไม่ถูก ไม่รู้ว่าซูจิ่วซือวางแผนอย่างไรแน่ เมื่อกี้นางสนับสนุนซูจิ่วซือขนาดนี้ แต่ซูจิ่วซือกลับไม่แสดงท่าทีแม้แต่น้อย ทำให้นางดูไม่ออกสักนิด ไม่มั่นใจแม้แต่น้อย 


 


 


พระสนมโหรวนวดขมับ ซูจิ่วซือเป็นคนที่น่าปวดหัวจริงๆ   


 


 


พระสนมโหรวสงบลงอย่างรวดเร็ว ความคิดของซูจิ่วซือล้ำลึกสุดหยั่ง ถ้าซูจิ่วซือกับฟู่เฉินหรงร่วมมือกัน ไม่แน่ฟู่เฉินหรงอาจจะเอาชนะซิ่นอ๋อง หากพวกเขาเอาชนะซิ่นอ๋อง นางอาจจะได้รับอิสรภาพใช่หรือไม่ 


 


 


อย่างน้อยก็ไม่ต้องวิตกว่าซิ่นอ๋องจะรู้เรื่องของหลี่ซั่ว ไม่เช่นนั้นนางกับหลี่ซั่วคงไม่พบจุดจบที่ดีแน่ แต่เวลานี้ฟู่เฉินหรงยังมีกำลังไม่มาก ซิ่นอ๋องมีฐานมั่นคง นางไม่กล้าเสี่ยง เพราะอาจจะหนีไม่พ้น ควรจะคอยสังเกตไปก่อน  


 


 


ถ้าทั้งสองมีโอกาสเอาชนะซิ่นอ๋องได้มากกว่าครึ่ง นางก็จะเสี่ยง 


 


 


เวลานี้นางไม่กล้าตัดสินใจใดๆ  ได้แต่เฝ้าดู


ตอนที่ 336 ทำไมจึงช่วยจิ่วซือ 


 


 


 


 


 


วังหย่งโซ่วกง  


 


 


เสิ่นไทเฮาประทับนั่งบนพระเก้าอี้ หวังเฉิงนั่งต่ำลงมา ห้องโถงนี้มีแต่พระนางกับเขา สาวใช้ออกไปหมดแล้ว 


 


 


พอทอดพระเนตรเห็นหวังเฉิงผมหงอกทั้งศีรษะ เสิ่นไทเฮาก็ทอดถอนพระทัย ทุกครั้งที่ทอดพระเนตรเห็นหวังเฉิงพระนางทรงรู้สึกใจหาย ชั่วพริบตา เวลาก็ผ่านไปหลายปีแล้ว 


 


 


พระนางชรา หวังเฉิงก็ชรา 


 


 


“ไทเฮา แม่หนูจิ่วซือกับคุณชายรองสกุลกู้รักกันจริงๆ  ข้าเห็นกับตา อยากให้เด็กทั้งสองได้สมหวัง  


 


 


เวลานี้กู้ชิงเฉิงกลายเป็นฟู่เฉินหรง เป็นรัชทายาท ถ้าอย่างนั้นก็ให้จิ่วซือเป็นอิสระเถอะ! นางกับคุณชายเล็กสกุลกู้เป็นไปไม่ได้แล้ว กลัวว่าจะกลายเป็นความแค้นต่อกัน” 


 


 


หวังเฉิงเข้าวังมาคราวนี้ก็เพื่อซูจิ่วซือ ซูจิ่วซือจะออกจากเมืองหลวง ย่อมไม่อาจไปโดยไม่บอกกล่าว ซูเหิงยังอยู่ในเมืองหลวง ถ้าไทเฮาทรงกริ้ว ก็จะทำให้ซูเหิงพลอยเดือดร้อนไปด้วย 


 


 


นางจะไปแคว้นเจียง แต่ซูเหิงไม่ต้องการเช่นนั้น ยืนยันจะอยู่ที่จวนอันผิงโหว นางไม่อาจบังคับซูเหิงได้ จวนอันผิงโหวเป็นบ้านของซูเหิงไปแล้ว 


 


 


ซูจิ่วซือจึงไปหาหวังเฉิง ให้เขาช่วยทูล เขาเป็นมีฐานะพิเศษสำหรับเสิ่นไทเฮา คำพูดของเขามีความหมายมากกว่าใคร 


 


 


เรื่องนี้ เสิ่นไทเฮาทอดพระเนตรเห็นอยู่แล้ว และทรงรู้ดีว่าซูจิ่วซือไม่ใช่เด็กธรรมดา  


 


 


ต่อหน้าพระนางซูจิ่วซือนอบน้อมเป็นพิเศษ รู้จักรุกรู้จักถอย พระนางจึงไม่ถือสาซูจิ่วซือ ได้แต่ลืมพระเนตรข้างหนึ่งหลับพระเนตรอีกข้างหนึ่ง ถึงกับทรงพยายามปกป้องซูจิ่วซือ 


 


 


พระนางทรงชอบซูจิ่วซือจริงๆ  


 


 


“หวังเฉิง ทำไมจึงช่วยจิ่วซือ” 


 


 


เสิ่นไทเฮาทรงมองออกว่าหวังเฉิงรักซูจิ่วซือเป็นพิเศษ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพูดแทนซูจิ่วซือ แม้ซูจิ่วซือเป็นศิษย์ของเขา แต่พระนางก็ไม่เข้าพระทัยนักว่าทำไมหวังเฉิงจึงเลือกซูจิ่วซือ 


 


 


จู่ๆ  หวังเฉิงก็มองเสิ่นไทเฮา ยิ้มให้พระนาง น้ำเสียงนั้นอาวรณ์ “เด็กคนนี้ลำบากมามาก รู้สึกว่านางเหมือนไทเฮาในวัยสาว 


 


 


เวลานั้นไทเฮาก็ไร้ที่พึ่งเช่นเดียวกับนาง อาศัยความสามารถของตัวเองจนตั้งหลักได้ในวังใน และก้าวมาจนถึงทุกวันนี้ ข้ารู้ว่าเส้นทางนี้ลำบาก จิ่วซือก็เหมือนไทเฮาเมื่อก่อน ระหว่างเราไม่อาจสมหวังได้ ข้าอยากให้เด็กคนนี้สมหวังจริงๆ   


 


 


คำพูดของหวังเฉิงกระทบพระทัยของเสิ่นไทเฮาทันที แม้พระทัยจะสั่นไหว แต่ก็ไม่อาจเผยออกมามากเกินไป จึงทรงพยายามปกปิดพระอารมณ์อย่างเต็มที่ 


 


 


พระนางไม่มีตระกูลใหญ่เข้มแข็งที่สามารถพึ่งพาได้ ไม่ได้เป็นคนเมืองหลวง เมื่อเป็นเช่นนี้การตั้งหลักอย่างมั่นคงในวังในจึงเป็นเรื่องลำบากจริงๆ  เส้นทางที่ผ่านมา แต่ละก้าวเต็มไปด้วยอุปสรรค อันตรายถึงชีวิต ในที่สุดก็สามารถผลักดันพระโอรสขึ้นครองบัลลังก์ได้สำเร็จ  


 


 


เส้นทางนี้ลำบากเพียงไร พระนางทรงรู้ดี 


 


 


ซูจิ่วซือเหมือนพระนางมาก คงเป็นเช่นนี้เอง พระนางจึงทรงรักซูจิ่วซือเป็นพิเศษ  


 


 


“เจ้าพูดมีเหตุผล ข้าเองก็ไม่อาจทนเห็นคู่รักต้องแยกทางกัน จิ่วซือเป็นศิษย์คนเดียวของเจ้า ข้าก็ไม่ได้ห้ามจิ่วซือ นางอยากไปก็ไปได้! ไม่ต้องห่วงซูเหิง ข้าจะช่วยดูแลซูเหิง” 


 


 


เสิ่นไทเฮาตรัส ราวกับว่าทรงให้เกียรติหวังเฉิงจึงช่วยซูจิ่วซือ ความจริงแล้วกลับเป็นความคิดของพระนางเอง ความคิดนี้พระนางไม่ปรารถนาจะบอกหวังเฉิง เขาเป็นคนวงการนักเลง ไม่มีวันเข้าใจเรื่องนี้ พระนางก็ไม่คาดหวังว่าเขาจะเข้าใจ 


 


 


เวลานี้ฟู่เฉินหรงเป็นรัชทายาทแคว้นเจียง วันข้างหน้ามีความเป็นไปได้มากว่าจะสืบทอดบัลลังก์ฮ่องเต้แคว้นเจียง อนาคตสถานการณ์ของแคว้นเจียงกับแคว้นเว่ยจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ ไม่มีใครบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าซูจิ่วซืออยู่เคียงข้างฟู่เฉินหรง ในพระหัตถ์ของพระนางยังมีซูเหิง หากเกิดอะไรขึ้นระหว่างแคว้นเจียงกับแคว้นเว่ย พระนางยังสามารถอาศัยซูเหิงมาควบคุมซูจิ่วซือได้ 


 


 


 


 


 


—— 


 


 


ตอนที่ 337 บ่มเพาะจื่อหลาน 


 


 


 


 


 


พระนางจะทรงดูแลซูเหิง ให้ซูเหิงสำนึกในพระกรุณาของพระนาง พอได้เวลาจึงค่อยอาศัยซูเหิงมาควบคุมซูจิ่วซืออีกที  


 


 


หวังเฉิงยังนึกว่าเสิ่นไทเฮาซาบซึ้งในคำพูดของตน ไม่รู้ว่าเสิ่นไทเฮาทรงคิดเช่นนี้ สีหน้าของเขาแช่มชื่น “ขอบพระทัยไทเฮา ถ้าจิ่วซือรู้ คงจะดีใจมาก กระหม่อมขอขอบพระทัยไทเฮาแทนนาง” 


 


 


เสิ่นไทเฮาแย้มพระสรวลอย่างเจื่อนๆ  ไม่ได้ตรัสอีก หวังเฉิงยังคงเป็นหวังเฉิงคนเดิม แต่พระนางไม่ได้เป็นคนเดิมอีกต่อไป เวลานี้พระนางทรงคิดซับซ้อนกว่าอดีตมาก 


 


 


พระนางทรงสนทนากับหวังเฉิงในเรื่องทั่วไปที่ไม่สลักสำคัญ หวังเฉิงได้แต่ฟัง รู้สึกเหมือนย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน 


 


 


เวลานั้นเสิ่นไทเฮาชอบไปคุยกับเขา แต่ที่ต่างออกไปคือ เสิ่นไทเฮาเวลานั้นแววตาเป็นประกาย แต่เวลานี้พระเนตรของพระนางไม่มีประกายอีกต่อไป 


 


 


เวลานี้สายพระเนตรของเสิ่นไทเฮาล้ำลึกสุดหยั่ง เขาดูไม่เข้าใจ และไม่รู้ว่าพระทัยของเสิ่นไทเฮาคิดอะไร 


 


 


แม้เขาจะกลับมาแล้ว แต่ระยะห่างระหว่างเขากับพระนางช่างไกลเหลือเกิน  


 


 


ในใจของหวังเฉิงยังคงมีเสิ่นไทเฮา แต่เขาเข้าใจดี เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะทูลเสิ่นไทเฮาอย่างนั้นอีก เวลานี้พระนางเป็นเจ้า เขาเป็นบ่าว สิ่งที่เขาทำได้คือจงรักภักดีต่อพระนาง อยู่ใกล้ชิดกับพระนางในฐานะคนคุ้นเคยกัน 


 


 


 


 


 


ทางด้านซูจิ่วซือกำลังเก็บข้าวของอยู่ที่จวนอันผิงโหว นางเตรียมว่าอีกไม่กี่วันก็จะออกไปจากเมืองหลวง ซูเหิงโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ดูแลจวนอันผิงโหวได้ไม่มีปัญหา เวลานี้จวนอันผิงโหวขาดอย่างเดียวก็คือนายหญิงที่จะดูแลงานบ้านงานเรือน 


 


 


เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับซูเหิงเอง นางหวังว่าซูเหิงจะพบผู้หญิงที่หัวใจตรงกัน เดิมทีนางควรจะอยู่จัดการงานในจวนต่อ จนกว่าซูเหิงแต่งงาน แต่เวลานี้ฟู่เฉินหรงกำลังลำบาก นางอยากไปอยู่เคียงข้างฟู่เฉินหรง 


 


 


เมื่อก่อนตอนที่นางฟันฝ่าอันตราย ฟู่เฉินหรงก็อยู่เคียงข้างนางมาตลอด เวลานี้นางควรไปอยู่กับเขา  


 


 


พอคิดอย่างนี้ ซูจิ่วซือก็อยากให้จื่อหลานอยู่รับใช้ใกล้ชิดซูเหิง จื่อหลานเป็นคนทำงานรอบคอบ อยู่กับซูจิ่วซือมานานแล้ว จัดการงานต่างๆ  คล่องแคล่ว ให้นางช่วยซูเหิงดูแลงานบ้านงานเรือนในจวนอันผิงโหวชั่วคราว ซูจิ่วซือรู้สึกว่าจื่อหลานทำได้  


 


 


พอรู้ว่าซูจิ่วซือตัดสินใจอย่างนี้ จื่อหลานก็ตะลึง แล้วทัดทาน “คุณหนู บ่าวไปแคว้นเจียงกับคุณหนู บ่าวเป็นคนของคุณหนู ชาตินี้ขออยู่รับใช้คุณหนูเท่านั้น” 


 


 


“ใครก็รับใช้ข้าได้ทั้งนั้น แต่ไม่ใช่ว่าใครก็ดูแลงานบ้านงานเรือนในจวนอันผิงโหวได้  


 


 


จื่อหลาน เจ้าอยากเป็นบ่าวไปตลอดชีวิตหรือ เจ้าเป็นคนเก่ง ชอบเรียนรู้ ข้าอยากสนับสนุนเจ้า หวังว่าเจ้าคงไม่ทำให้ข้าผิดหวัง หลายเดือนมานี้เจ้าติดตามข้าก็ได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง 


 


 


จื่อหลาน เวลานี้ข้าไม่มีใครที่พอจะฝากฝังได้ มีแต่ฝากฝังไว้กับเจ้า เจ้ายินดีช่วยข้าหรือไม่” 


 


 


ซูจิ่วซือถามอย่างจริงจัง 


 


 


จื่อหลานรู้ว่าซูจิ่วซือไม่ได้พูดเล่น นางรีบคุกเข่าลงกับพื้น รับปากอย่างหนักแน่น “บ่าวยินดีเจ้าค่ะ จะไม่ทำให้คุณหนูผิดหวัง คุณหนูไปแคว้นเจียง ดูแลตัวเองให้ดีนะเจ้าคะ” 


 


 


พอได้ยินจื่อหลานรับปาก ซูจิ่วซือก็วางใจ เข้าไปประคองจื่อหลาน “ไม่ต้องห่วงข้า ข้ามีคนดูแลใกล้ชิดอยู่แล้ว จื่อหลาน เจ้าไม่รู้หนังสือ บัญชีต้องให้ซูเหิงดู 


 


 


เจ้ารับผิดชอบดูแลงานประจำวันในจวนโหว เป็นเรื่องที่เจ้าถนัดอยู่แล้ว” 


 


 


หลายเดือนมานี้จื่อหลานติดตามซูจิ่วซือใกล้ชิดได้เรียนรู้อะไรมากมาย ความกล้าหาญและฉลาดของซูจิ่วซือส่งผลต่อนาง ในเมื่อซูจิ่วซือฝากฝัง นางก็ตัดสินใจแล้วว่าจะทำให้ดี นางพยักหน้าอย่างหนักแน่น “บ่าวเข้าใจ” 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม