ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด 330-337

 ตอนที่ 330 ท่านอย่าแตะต้องข้า


 


 


ตอนนี้เธอกำลังสวมหน้ากากหน้าคน หน้าตาเหมือนเฟิงอิ๋น หากเซียวเหยี่ยนจะร่วมหอกับตนจริงๆ เช่นนั้นจะทำอย่างไร


 


 


เธอไม่มีทางจะสวมหน้ากากเฟิงอิ๋นทำอย่างว่ากับเซียวเหยี่ยนแน่


 


 


ไม่มีทาง เซียวเหยี่ยนทำแบบนี้ไม่ได้ บางทีทุกอย่างนี้อาจเป็นแค่การแสดง หลิงอวี้จื้อปลอบใจตนเองไม่หยุด อยากทำให้ตนเองใจเย็นลง


 


 


ในที่สุดเธอก็ได้ยินเสียงประตูห้องเปิดเอี๊ยด เซียวเหยี่ยนเข้ามาแล้ว พร้อมอาการเมาเล็กน้อย


 


 


หลิงอวี้จื้อเช็ดฝ่ามือเปียกเหงื่อกับเสื้อผ้า แอบด่าว่าตัวเองขี้ขลาด แต่ชั่วเวลาแค่ครู่เดียว เซียวเหยี่ยนก็เดินมาตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ


 


 


“พวกเจ้าออกไปให้หมดเถิด!”


 


 


เสียงของเซียวเหยี่ยนมีความเมาเล็กน้อย ไม่สุขุมเหมือนปกติ


 


 


เขายืนอยู่ตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ แค่จ้องตรงมาที่หลิงอวี้จื้อ รอสักครู่ก็ไม่เห็นว่าเซียวเหยี่ยนจะกระทำการใด ๆ


 


 


หลิงอวี้จื้อตัดสินใจแล้วว่าจะเปิดผ้าคลุมแดงเอง อยู่ๆ เซียวเหยี่ยนก็ยื่นมือออกมาดึงผ้าคลุมแดงบนหัวหลิงอวี้จื้อออก เรียกเบา ๆ


 


 


“เฟิงอิ๋น”


 


 


เสียงนี้ทำให้หลิงอวี้จื้อใจเย็นวาบทันที หากตนเองไม่ได้ยับยั้งไว้ เขาก็คิดจะร่วมหอกับเฟิงอิ๋นจริงๆ เขาจำตัวเองไม่ได้เลยจริงๆ


 


 


หลิงอวี้จื้อเงยหน้าขึ้น เซียวเหยี่ยนที่อยู่ตรงหน้าสวมชุดแต่งงานสีแดง รูปงามมีชีวิตชีวา ใบหน้ามีเลือดฝาดเล็กน้อย มีอาการเมากรึ่มๆ เซียวเหยี่ยนในลักษณะนี้น่าหลงใหล รูปหล่อและดูหนุ่มแน่น ยืนอยู่ตรงนั้นดูสูงส่งไร้ใครเทียม ถึงจะเก็บตัวยิ่งกว่าตอนที่อยู่เมืองหลวง ก็ปิดบังความสง่าที่มีมาแต่กำเนิดไม่ได้


 


 


เธออ้าปากจะพูดอะไร สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ได้แต่จ้องมองเซียวเหยี่ยนอยู่อย่างนี้


 


 


“จากวันนี้ไปพวกเราจะไม่จากกันแล้ว”


 


 


“ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าคือใคร”


 


 


คราวนี้หลิงอวี้จื้อรู้สึกว่าหัวใจตนเองกำลังมีเลือดออก เซียวเหยี่ยนจำเธอไม่ได้แล้ว ความเร็วในการตกหลุมรักใครอีกคนก็เร็วเกินไป


 


 


ไม่นานก็คุยเรื่องแต่งงานกับเฟิงอิ๋นเสียแล้ว มิหนำซ้ำเฟิงอิ๋นพูดอะไรก็เชื่อเช่นนั้น เธอสงสัยว่ายาที่เฟิงอิ๋นให้เซียวเหยี่ยนกินไม่ใช่ยาความจำเสื่อม แต่เป็นยาทำลายสติปัญญา


 


 


“เจ้าเป็นผู้หญิงของข้า”


 


 


สีหน้าของหลิงอวี้จื้อหมองลงไปทันที แล้วหันไปทางอื่น ในใจรู้สึกผิดหวังในตัวเซียวเหยี่ยน ที่เธอเผชิญอยู่ตอนนี้เป็นเซียวเหยี่ยนตัวปลอมแน่นอน


 


 


เซียวเหยี่ยนเชยคางเธอขึ้น แล้วก้มลงจูบหลิงอวี้จื้อทันที


 


 


หลิงอวี้จื้อนึกไม่ถึงว่าอยู่ๆ เซียวเหยี่ยนจะจูบเธอ ยื่นมือออกไปจะผลักเขาออก แต่ก็ผลักไม่ไป จูบของเซียวเหยี่ยนยิ่งลึกขึ้น เธอใช้กำลังทั้งหมดผลักเซียวเหยี่ยน มองเซียวเหยี่ยนด้วยสีหน้าโมโห


 


 


“ท่านอย่าแตะต้องข้า”


 


 


ต่อหน้าคนอื่นสามารถแสดงได้ดั่งใจ แต่กับเซียวเหยี่ยนกลับแสดงต่อไม่ได้ ในใจรู้สึกเศร้ามาก เธอทุ่มเทแรงกายแรงใจตามหาเซียวเหยี่ยนจนพบ เขาลืมเธอไปแล้วไม่ว่ากัน ยังจะแต่งงานกับผู้หญิงอื่นอีก ที่ยิ่งทำให้เธอรับไม่ได้ก็คือ เขาเห็นเธอเป็นเฟิงอิ๋นไปแล้วจริงๆ


 


 


เธอจะร่วมหอกับเขาแทนเฟิงอิ๋นได้อย่างไร ถึงแม้คนๆ นั้นจะเป็นเซียวเหยี่ยนก็ไม่ได้


 


 


“เจ้าเป็นอะไรไป”


 


 


“ท่านว่าข้าเป็นอะไร เซียวเหยี่ยน ท่านแค่สูญเสียความทรงจำไป เหตุใดสมองถึงกลายเป็นโง่เขลาไปแล้ว ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ผู้ฉลาดปราดเปรื่องไปไหนแล้ว เฟิงอิ๋นพูดอะไรท่านก็เชื่อเช่นนั้น ท่านไม่เคยสงสัยคำพูดของนางเลยหรือ


 


 


นางเคยบอกท่าน เรื่องฐานะที่แท้จริงของท่านหรือไม่ ท่านชื่อเซียวเหยี่ยน เป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งแคว้นเว่ยตะวันตก ท่านปล่อยให้ผู้หญิงคนหนึ่งจูงจมูกเดินได้อย่างไร”


 


 


หลิงอวี้จื้อโมโหมาก ใบหน้าเล็กขมวดเป็นก้อน แทบอยากจะต่อยหน้าเซียวเหยี่ยนสักสองที


 


 


“ข้ารู้ว่าข้าชื่อเซียวเหยี่ยน และข้าก็รู้ด้วยว่าเมื่อก่อนข้าเป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ของแคว้นเว่ยตะวันตก เรื่องเหล่านี้เฟิงอิ๋นมิได้ปิดบังข้า”


 


 


“ในเมื่อรู้ เช่นนั้นท่านควรทราบดี ว่าเมื่อก่อนท่านมีคู่หมั้นอยู่หนึ่งคน”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 331 คิดไม่ถึงว่าเขาจะเปลี่ยนใจไปแล้ว


 


 


เซียวเหยี่ยนมองไปทางอื่น พูดโดยไม่แยแส


 


 


“เช่นนั้นแล้วอย่างไร ข้าไม่ได้คิดจะกลับไปแคว้นเว่ยตะวันตกอีก ต่อไปจะอยู่กับเฟิงอิ๋นที่สำนักอู๋จี๋ นับจากนี้ไปอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้ตายไปแล้ว”


 


 


“ท่านพูดอะไร”


 


 


หลิงอวี้จื้อนึกว่าตนเองฟังผิด มองเซียวเหยี่ยนอย่างตกตะลึง


 


 


“ท่านพูดอีกทีซิ”


 


 


“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคู่หมั้นของอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ นับว่าข้าทำให้เจ้าผิดหวัง ข้าจะไม่ทำให้เจ้าลำบาก เจ้ารีบไปจากที่นี่ ข้าไม่สามารถไปจากเฟิงอิ๋นได้ จะอยู่ที่นี่ต่อไปตลอดชีวิต”


 


 


หลิงอวี้จื้อรับเรื่องมากมายขนาดนี้ไม่ไหว ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวจับแขนเสื้อเซียวเหยี่ยน


 


 


“ท่านต้องการอยู่ที่นี่เพื่อเฟิงอิ๋นจริงหรือ”


 


 


“ใช่ เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดให้เปลืองแรง รีบไปจากที่นี่ ข้าไปกับเจ้าไม่ได้”


 


 


น้ำเสียงเซียวเหยี่ยนเย็นชา น้ำเสียงนี้เหมือนน้ำเสียงที่ใช้พูดกับคนแปลกหน้า ราวกับว่าสองคนนี้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน


 


 


หลิงอวี้จื้อไม่มีทางเชื่อว่าคำพูดเหล่านี้เป็นคำพูดที่เซียวเหยี่ยนเอ่ยออกมา สติหลุดลอยไปโดยสิ้นเชิง นี่มันเป็นไปได้อย่างไร เซียวเหยี่ยนพูดเช่นนี้กับเธอได้อย่างไร คนๆ นี้ไม่ใช่เซียวเหยี่ยนแน่ เซียวเหยี่ยนของเธอไม่มีทางทำกับเธอเช่นนี้


 


 


เห็นหลิงอวี้จื้อยังดึงแขนเสื้อตนเองอยู่ เซียวเหยี่ยนก็ดึงแขนเสื้อกลับมาอย่างไม่ใยดี ถามว่า


 


 


“เฟิงอิ๋นอยู่ที่ไหน”


 


 


หลิงอวี้จื้อไม่ได้ยินประโยคนี้ ในสมองมีแต่คำพูดที่เซียวเหยี่ยนพูดกับเธอก่อนหน้านี้ เธอเงยหน้าขึ้น มองเซียวเหยี่ยนตาไม่กระพริบ


 


 


“ข้าไม่เชื่อ อาเหยี่ยน ท่านบอกข้ามา ท่านกำลังแสดงละครอยู่ ใช่หรือไม่”


 


 


“เจ้าจะเอาอย่างไรอีก อย่ามาทำตัวพูดดีๆ ไม่ยอม ต้องบังคับถึงจะยอม”


 


 


เมื่อเผชิญกับการราวีของหลิงอวี้จื้อ น้ำเสียงของเซียวเหยี่ยนก็เริ่มเหลือทนแล้ว


 


 


เห็นหลิงอวี้จื้อไม่พูดอะไร และไม่มีทีท่าว่าจะไป เซียวเหยี่ยนก็พูดเสริมอีกประโยค


 


 


“เจ้ารีบไปจากที่นี่ ข้าไม่อยากให้เฟิงอิ๋นเข้าใจผิดว่าข้ายังคิดถึงเจ้า ข้ารับปากเฟิงอิ๋นไว้แล้ว จากวันนี้ไปจะมีนางเป็นผู้หญิงคนเดียว ข้าไม่อยากฆ่าเจ้า แต่เจ้าอย่ามาบังคับข้า”


 


 


หลิงอวี้จื้อคิดไม่ถึงว่าเซียวเหยี่ยนจะคิดถึงเฟิงอิ๋นขนาดนี้ นึกไม่ถึงว่าเขาจะพูดเช่นนี้ออกมาได้ เธอขยับปาก ผ่านไปสักพักถึงพูดว่า


 


 


“ท่านไม่อยากฟื้นคืนความทรงจำแล้วหรือ”


 


 


“มีนางอยู่ ข้าก็ไม่ต้องการฟื้นคืนความทรงจำแล้ว และไม่อยากคิดถึงใครอื่นอีก นางเคยให้ยาถอนพิษข้าแล้ว แต่ข้าไม่ได้กิน ข้าตัดสินใจแล้ว หวังว่าต่อไปเจ้าจะไม่มาตามรังควานข้าอีก”


 


 


คำพูดของเซียวเหยี่ยน แต่ละประโยคยิ่งเกินเลยขึ้นไปทุกที หลิงอวี้จื้อไม่เชื่อว่าคำพูดเหล่านี้เซียวเป็นคนพูด เธอดึงปิ่นปักผมบนหัวมาจ่อคอทันที


 


 


“เซียวเหยี่ยน ท่านเชื่อหรือไม่ว่าข้าจะตายต่อหน้าท่าน”


 


 


เซียวเหยี่ยนมองเธอราวกับเป็นสมบัติล้ำค่ามาตลอด ทนดูเธอบาดเจ็บไม่ได้ที่สุด


 


 


หากเธอใช้การตายมาขู่ จะต้องทดสอบได้แน่นอนว่าเซียวเหยี่ยนพูดจริงหรือโกหก ใครจะรู้ว่าเซียวเหยี่ยนจะชำเลืองมองหลิงอวี้จื้อโดยไม่แยแสแวบหนึ่ง แล้วเสมองทางอื่นทันที


 


 


“หากเจ้าอยากตาย ก็เชิญ”


 


 


หลิงอวี้จื้อไม่เชื่อความชั่วร้ายนี้ เธอถือปิ่นแทงเข้าไปหน่อยนึง เลือดสีแดงสดทะลักออกมาจากคอทันที เพียงแต่เซียวเหยี่ยนไม่แม้แต่จะชายตามอง


 


 


หลิงอวี้จื้อได้แต่รู้สึกหมดสิ้นกำลังใจ รู้สึกราวกับว่ามีคนมาบีบคอเธอ ขนาดหายใจยังหายใจไม่ออก เธอคลายมือ ปิ่นในมือตกลงพื้น


 


 


เดิมทีแค่จะลองเชิง เธอจะเอาชีวิตมาแลกกับสาเหตุเพียงแค่นี้ไม่ได้ ตายไปแบบนี้ ไม่คุ้มค่าอย่างยิ่ง


 


 


ตั้งแต่ต้นจนจบเซียวเหยี่ยนไม่มองเธอเลย หลิงอวี้จื้อปวดใจจนหายใจไม่ออก


 


 


แปลกแท้ ที่แท้ใจมันเจ็บปวดได้จริงๆ ความรู้สึกแบบนี้เพิ่งเคยมีเป็นครั้งแรก เธอนึกว่าเธอกับเซียวเหยี่ยนจะรักกันหวานชื่นอย่างนี้ไปจนแก่เฒ่า ไม่เคยคิดเลยว่ายังไม่ทันจะได้แต่งงานก็เกิดเรื่องเช่นนี้เสียแล้ว คิดไม่ถึงว่าเขาจะเปลี่ยนใจไปแล้ว



ตอนที่ 332 นับจากวันนี้ไปข้าจะไม่เสียดายเซียวเหยี่ยนแล้ว


 


 


“ได้ ข้าจะทำตามความปรารถนาของท่าน เซียวเหยี่ยน ข้าจะไม่ยุ่งกับท่านแล้ว ต่อไปท่านก็อย่ามาหาข้าอีก อยู่กับเฟิงอิ๋นของท่านไปให้ดีๆ ขอให้รักกันจนแก่เฒ่า ข้าจะถือเสียว่าไม่เคยรู้จักท่าน เซียวเหยี่ยน ต่อไปคงไม่พบกันอีก”


 


 


ทิ้งประโยคนี้ไว้แล้ว หลิงอวี้จื้อก็ผลักประตูออกจากห้อง


 


 


ชิวเยี่ยที่อยู่ตรงประตูเห็นหลิงอวี้จื้อออกมากระทันหัน ก็ถามขึ้นอย่างสงสัย


 


 


“ผู้คุมกฎ เหตุใดท่านถึงออกมาแล้วเจ้าคะ”


 


 


“ข้ากับท่านหลานเขยทะเลาะกันเล็กน้อย ข้าอยากสงบสติอารมณ์คนเดียว ชิวเยี่ย เจ้าไม่ต้องตามมาแล้ว”


 


 


หลิงอวี้จื้อยังคงใช้เสียงของเฟิงอิ๋น ขอบตาเธอค่อนข้างแดง แต่เสียงของเธอนิ่งสงบอย่างน่าประหลาดใจ พูดจบก็ชี้ไปที่มั่วชิงที่เฝ้าอยู่ข้างๆ


 


 


“เจ้าตามข้ามา”


 


 


พูดจบก็เดินก้าวเท้ายาวๆ จากไป มั่วชิงเห็นว่าผิดปกติ จึงรีบตามไปทันที เพียงแต่คราวนี้ก็ไม่กล้าถามอะไรมาก


 


 


ชิวเยี่ยได้แต่รู้สึกว่าแปลกมาก ตั้งแต่เฟิงอิ๋นพาเซียวเหยี่ยนกลับมาด้วย นอกจากสองวันแรกที่เซียวเหยี่ยนค่อนข้างจะเย็นชาแล้ว หลังจากนั้นทั้งสองคนก็สามัคคีกลมเกลียวกันมาตลอด เหตุใดจึงมาทะเลาะกันในคืนวันแต่งงาน


 


 


นางอยู่ข้างกายเฟิงอิ๋นมาหลายปี ยังไม่เคยเห็นเฟิงอิ๋นร้องไห้มาก่อน ดังนั้นนางจึงรู้สึกได้ถึงความร้ายแรงของสถานการณ์


 


 


ได้ยินหลิงอวี้จื้อพูดเช่นนี้ ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก เฝ้าหน้าประตูไปตามระเบียบ


 


 


เรือนของเฟิงอิ๋นใหญ่มาก หลิงอวี้จื้อพามั่วชิงสุ่มเข้าไปในห้องๆ หนึ่ง มู่หรงนี่อวิ๋นถือไม้กวาดแอบสังเกตการเคลื่อนไหวทางนั้นอยู่ตลอด เห็นมั่วชิง ก็แอบตามไปเงียบๆ ทันที พวกนางเพิ่งจะเข้าไปในห้อง มู่หรงนี่อวิ๋นก็ตามเข้าไป


 


 


เห็นหลิงอวี้จื้อตาแดงๆ มู่หรงนี่อวิ๋นก็ปวดใจขึ้นมาทันที


 


 


“อวี้จื้อ เจ้าเป็นอะไรไป”


 


 


“ข้าใส่หน้ากากอยู่ เจ้ายังรู้ว่าเป็นข้าหรือ”


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นกรอกตาใส่หลิงอวี้จื้อ


 


 


“นางมารร้ายเฟิงอิ๋นร้องไห้เป็นด้วยหรือ เจ้าดูถูกระดับความเข้าอกเข้าใจที่ข้ามีต่อเจ้าเกินไปแล้ว เซียวเหยี่ยนรังแกเจ้าหรือ”


 


 


“อย่าพูดถึงคนเลวนั่นเลย เขาสูญเสียความทรงจำเสียที่ไหน เฟิงอิ๋นเปลี่ยนสมองเขาไปแล้วแน่นอน เขารู้สถานะของตนเองอยู่ทนโท่ นึกไม่ถึงว่าจะบอกว่าอยากอยู่กับเฟิงอิ๋นที่นี่ไปตลอดชีวิต


 


 


เขาอยากอยู่ ก็ให้เขาอยู่ พวกเรารีบไปเถิด นับจากวันนี้ไปใครก็อย่าพูดถึงเซียวเหยี่ยนต่อหน้าข้าอีก คู่หมั้นข้าได้ตายไปแล้ว”


 


 


หลิงอวี้จื้อโกรธจัด สิ่งที่พูดออกมาก็ไม่น่าฟัง


 


 


มั่วชิงกับมู่หรงนี่อวิ๋นมองหน้ากัน เห็นได้ชัดว่ามั่วชิงไม่เชื่อว่าเซียวเหยี่ยนจะพูดเช่นนั้น ยังคงเข้าข้างเจ้านายของตนเอง


 


 


“คุณหนู มีเรื่องอะไรเข้าใจผิดกันหรือไม่เจ้าคะ”


 


 


“ข้าไม่ได้หูหนวก เขาพูดชัดเจนแจ่มแจ้ง”


 


 


หลิงอวี้จื้อพูดจบก็ชี้คอตนเอง


 


 


“เห็นหรือยัง ข้าใช้ความตายขู่เขา เขาไม่ชายตามองสักนิด ข้า… อย่าพูดถึงเลย ข้าถอยแล้ว ข้าไม่รู้จักเขาแล้ว”


 


 


เห็นคอหลิงอวี้จื้อมีรอยเลือด มู่หรงนี่อวิ๋นก็พุ่งเข้ามา


 


 


“เจ้านี่โง่จริง แทงคอตนเองจริงๆ ด้วย ถ้าลึกอีกหน่อย เจ้าคง…”


 


 


“คอข้าเองข้ารู้ ข้าไม่ได้คิดจะตายที่นี่จริงๆ หรอก”


 


 


“นึกไม่ถึงเลยว่าท่านอ๋องจะทำกับเจ้าเช่นนี้ ข้าจะไปคิดบัญชีเขา”


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นพูดจบก็จะออกไปหาเซียวเหยี่ยน หลิงอวี้จื้อดึงมือมู่หรงนี่อวิ๋นไว้


 


 


“เจ้าอย่าบุ่มบ่าม แผลนี้ข้าทำเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา ตอนนี้พวกเราหาวิธีออกจากที่นี่เถิด”


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นรู้สึกคับข้องใจทันใด กระทั่งเวลานี้แล้ว หลิงอวี้จื้อยังคงปกป้องเซียวเหยี่ยน พอได้ยินว่าเขาจะไปหาเซียวเหยี่ยน ก็หยุดเขาทันที เหมือนเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่ง


 


 


“คุณหนู ท่านตัดสินใจแล้วหรือ”


 


 


“เขาอยากอยู่กับเฟิงอิ๋นจนแก่เฒ่าแล้ว ข้าจะอยู่ที่นี่ไปเพื่ออะไร รอให้เขามาดูแคลนข้าหรือ ข้าเองก็ใช่ว่าจะขายไม่ออก นับจากวันนี้ไปข้าจะไม่เสียดายเซียวเหยี่ยนแล้ว”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 333 เจอคนคุ้นเคยอีกแล้ว


 


 


หลิงอวี้จื้อพูดจาปากแข็ง แต่ดวงตายังมีน้ำตารื้น เธอรักเซียวเหยี่ยนจริงๆ และรักมากด้วย ความรักครั้งหนึ่ง แค่บอกว่าจะเลิกก็เลิกได้อย่างไร คำพูดเหล่านั้นก็แค่พูดให้ตนเองฟังเท่านั้น


 


 


“พวกเราต้องหาวิธีออกจากที่นี่ ชุนเหนียงบอกว่าจะช่วย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยจริงหรือไม่ ถ้านางจะตัดรากถอนโคนให้หมด เช่นนั้นพวกเราคงตายแน่ๆ บนเขาอวิ๋นเฟิงนี้ล้วนเป็นค่ายกล ไม่มีคนในคอยช่วย พวกเราไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว ข้าจะไปหาชุนเหนียง”


 


 


ตอนนี้คนที่พอช่วยเธอได้ก็มีแต่ชุนเหนียงแล้ว ไม่ว่าชุนเหนียงจะมีแผนอื่นหรือไม่ เธอก็ต้องลองดู


 


 


เธอเพิ่งจะออกจากห้องไปก็เห็นเซียนเอ๋อร์มองไปรอบทิศ ดูเหมือนกำลังหาใคร เธอรีบเข้าไปเรียกเซียนเอ๋อร์ พอเห็นหลิงอวี้จื้อ เซียนเอ๋อร์ก็กดเสียงต่ำ พูดเบาๆ ตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ


 


 


“ชุนเหนียงให้ข้ามาพาพวกเจ้าออกไป พวกเจ้าตามข้ามา”


 


 


“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเรามีกันสองสามคน”


 


 


“เจ้าไม่ต้องถามมาก อยากหนีไปก็ตามข้ามา นี่เป็นเสื้อผ้าที่เตรียมเอาไว้ให้เจ้า รีบเปลี่ยนเดี๋ยวนี้เลย เร็วเข้า”


 


 


เซียนเอ๋อร์พูดจบก็ยื่นห่อผ้าให้หลิงอวี้จื้อ หลิงอวี้จื้อรับห่อผ้ามา กลับไปที่ห้อง เปลี่ยนเป็นชุดสาวใช้ด้วยความเร็วสูงสุด ถอดหน้ากากหน้าคนออกแล้ว หลิงอวี้จื้อผู้โกรธจัดก็เหยียบย่ำหน้ากากนั้นสองที


 


 


เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว พวกเขาสามคนก็ตามหลังเซียนเอ๋อร์ไป


 


 


เซียนเอ๋อร์เป็นคนของชุนเหนียง ทุกคนในสำนักอู๋จี๋ต่างรู้จัก ดังนั้นจึงไม่มีใครมาหยุดยั้งเซียนเอ๋อร์ สองสามคนนี้ต่างเดินโฉบไปมาในสำนักอู๋จี๋อย่างราบรื่น พวกเขาสามคนก้มหน้าตลอด กลัวว่าจะไปดึงดูดความสนใจของผู้อื่น


 


 


ตอนนี้เองที่พบเจอคนอีกสองสามคน เซียนเอ๋อร์ที่นำทางอยู่ข้างหน้าทำความเคารพอย่างนอบน้อม เรียกคำหนึ่ง


 


 


“ทำความเคารพผู้คุมกฎเสวี่ยเจ้าค่ะ”


 


 


“เซียนเอ๋อร์ ดึกขนาดนี้แล้ว เจ้าจะไปไหนหรือ”


 


 


“บ่าวรับคำสั่งชุนเหนียงจัดการธุระเรื่องหนึ่งเจ้าค่ะ ผู้คุมกฎเสวี่ยไม่ได้กลับมาสักพักแล้วนะเจ้าคะ”


 


 


หลิงอวี้จื้อรู้สึกว่าเสียงนี้คุ้นหูมาก เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน มู่หรงนี่อวิ๋นมีปฏิกิริยามากที่สุด เงยหน้าขึ้นมาดูผู้คุมกฎเสวี่ยที่อยู่ต่อหน้าทันใด


 


 


สายตานี้ปะทะกับผู้คุมกฎเสวี่ยพอดี มู่หรงนี่อวิ๋นตะลึงจนพูดไม่ออก นี่เป็นไปได้อย่างไร พี่รองของเขากลายเป็นผู้คุมกฎของสำนักอู๋จี๋ไปได้อย่างไร บ้าบอคอแตก ไร้สาระสิ้นดี


 


 


หลิงอวี้จื้อแอบเหลือบมอง และเห็นมู่หรงกวานเสวี่ยด้วย เธอแอบดึงมุมเสื้อของมู่หรงนี่อวิ๋น ไม่อยากให้มู่หรงนี่อวิ๋นแสดงออกชัดเจนขนาดนั้น


 


 


ในใจเธอก็ตกตะลึงไปไม่น้อยกว่ามู่หรงนี่อวิ๋น เมื่อก่อนเธอสงสัยว่ามู่หรงกวานเย่ว์มีอะไรเกี่ยวจ้องกับสำนักอู๋จี๋ แต่นึกไม่ถึงว่าตัวกลางความสัมพันธ์จะเป็นมู่หรงกวานเสวี่ย มิน่านางถึงใช้พิษเป็น ที่แท้ก็เป็นคนของสำนักอู๋จี๋


 


 


เพียงแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดจุกจิกเรื่องนี้ ได้แต่หวังว่ามู่หรงกวานเสวี่ยพอจะเห็นแก่น้องชายแท้ๆ ของตนเอง แสร้งทำเป็นไม่รู้จัก ดีกว่าทำให้น้องชายแท้ๆ ตกที่นั่งลำบาก


 


 


เห็นได้ชัดว่า เธอคิดผิดแล้ว


 


 


มู่หรงกวานเสวี่ยเดินมาตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ น้ำเสียงเย็นชา


 


 


“เงยหน้าซิ”


 


 


หลิงอวี้จื้อรู้ว่าตนเองหลบไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เงยหน้าขึ้นอย่างเสียมิได้ สองสายตาประสานกัน มู่หรงกวานเสวี่ยแค่นยิ้มเย็นชาออกมา


 


 


“นึกไม่ถึงว่าจะเจอเจ้าที่นี่”


 


 


“เจียงฮูหยิน บังเอิญจริง นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะอยู่ที่สำนักอู๋จี๋”


 


 


“เซียนเอ๋อร์ คนผู้นี้คือคุณหนูใหญ่แห่งจวนท่านมหาเสนาบดี บัดนี้มาเยี่ยมสำนักอู๋จี๋ด้วยตนเอง เหตุใดถึงพาออกไปเงียบๆ เล่า ต้องพาไปพบเจ้าสำนักให้ดีๆ สิ เจ้าว่าใช่หรือไม่”


 


 


เซียนเอ๋อร์รู้ว่าพวกเขามีสถานะเช่นนี้เสียที่ไหน ตกใจจนแทบจะคุกเข่ากับพื้น


 


 


“บ่าวไม่ทราบสถานะของพวกเขา นึกว่าเป็นสาวใช้ธรรมดา ถึงได้พาออกไปทำธุระเจ้าค่ะ”



ตอนที่ 334 ฟ้ากำหนดให้มีภัยครั้งนี้


 


 


“เรื่องนี้โทษเจ้ามิได้ คุณหนูใหญ่คนนี้ฉลาดแกมโกงที่สุด ส่งคนๆ นี้มาให้ข้าเถิด ข้าจะพาไปพบเจ้าสำนัก เจ้าถอยไป”


 


 


มู่หรงกวานเสวี่ยโบกมือ เซียนเอ๋อร์ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก ได้แต่ถอยไปอย่างเคารพ


 


 


สำนักอู๋จี๋มีผู้คุมกฎทั้งหมดสี่คน นอกจากเฟิงอิ๋นแล้ว คนอื่นไม่ค่อยได้อยู่ที่สำนักอู๋จี๋


 


 


เวลาที่มู่หรงกวานเสวี่ยกลับมานั้นน้อยมาก แต่นางเป็นคนแรกที่มาไหว้ฝากตัวกับเจ้าสำนัก ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่คนสำคัญที่สุดของเจ้าสำนัก แต่เป็นคนที่เจ้าสำนักโปรดที่สุด ดังนั้นทุกคนในสำนักอู๋จี๋เห็นมู่หรงกวานเสวี่ยต่างก็เคารพนอบน้อม


 


 


เซียนเอ๋อร์ไปแล้ว มู่หรงนี่อวิ๋นก็ทนไม่ไหว รีบซักต่อ


 


 


“พี่รอง พี่กลายเป็นผู้คุมกฎสำนักอู๋จี๋ได้อย่างไร เกิดอะไรขึ้นกันแน่”


 


 


เห็นได้ชัดว่ามู่หรงกวานเสวี่ยก็ไม่นึกว่าจะเจอมู่หรงนี่อวิ๋นที่นี่ แต่กลับไม่คิดจะพูดอะไรกับมู่หรงนี่อวิ๋นมาก ชี้มู่หรงนี่อวิ๋น สั่งการว่า


 


 


“พวกเจ้าพาเขาออกไปจากสำนักอู๋จี๋”


 


 


อย่างไรเขาก็เป็นน้องชายนาง นางไม่อยากทำอะไรมู่หรงนี่อวิ๋น อยากพาเขาส่งออกไปจากสำนักอู๋จี๋เท่านั้น ถึงแม้เขาจะอยากเข้ามาก็เป็นไปไม่ได้แล้ว


 


 


ได้รับคำสั่งจากมู่หรงกวานเสวี่ย สาวใช้ข้างหลังก็รีบก้าวขึ้นมา เตรียมพามู่หรงนี่อวิ๋นไป


 


 


หลิงอวี้จื้อยังอยู่ที่นี่ มู่หรงนี่อวิ๋นย่อมไม่ไปอยู่แล้ว เพิ่งหยิบกริชเล่มหนึ่งออกมาจากอก ไม่ทันพ้นสามกระบวนท่า เขาก็ถูกสาวใช้ของมู่หรงกวานเสวี่ยจับได้แล้ว พวกนางคล้องแขนมู่หรงนี่อวิ๋นไว้อย่างแน่นหนา ทำให้เขาเคลื่อนไหวไม่ได้


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นร้อนใจแล้ว ตะโกนเสียงดังว่า


 


 


“พี่รอง พี่อย่าทำอะไรหลิงอวี้จื้อเลย พี่ปล่อยนางไปเถิด ถือว่าข้าขอร้อง”


 


 


“เจ้าถูกผีสิงไปแล้วหรือ นางนี่มันมีอะไรดี ดูปราดเดียวก็เห็นแล้วว่ายังไม่โตเต็มที่เลย นางเป็นว่าที่พระชายาท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ถึงทีเจ้าต้องเป็นกังวลด้วยหรือ


 


 


เรื่องของข้าเจ้าไม่ต้องมายุ่ง ออกไปจากสำนักอู๋จี๋แล้ว เจ้ารีบกลับเข้าเมืองหลวงทันที เรื่องที่เจ้าออกจากเมืองหลวงโดยไม่ได้รับอนุญาต พี่ใหญ่กับท่านพ่อไม่พอใจแล้ว”


 


 


มู่หรงกวานเสวี่ยไม่ชอบหลิงอวี้จื้ออยู่แล้ว เรื่องที่เธอถ่มน้ำลายใส่นางครั้งที่แล้ว นางยังจำได้ตลอด หากไม่ใช่เพราะไม่สามารถทำโจ่งแจ้งต่อหน้าหัวหน้าพ่อบ้านได้ วันนั้นนางคงเก็บหลิงอวี้จื้อไปแล้ว วันนี้ได้เจอโอกาสทองที่นานทีมีหน นางย่อมไม่ปล่อยไปแน่นอน


 


 


“พี่รอง เรื่องของพี่ร้ายแรงกว่าเรื่องของข้านัก พี่ปล่อยหลิงอวี้จื้อ ข้าจะช่วยปิดความลับนี้ให้”


 


 


“เจ้าอยากพูดก็พูดไป เรื่องนี้ก็ต้องให้พวกเขาเชื่อด้วยถึงจะได้นะ”


 


 


มู่หรงกวานเสวี่ยพูดจบก็โบกมือ สาวใช้เข้าใจความหมายของนาง บังคับให้มู่หรงนี่อวิ๋นเดินออกไป


 


 


หลิงอวี้จื้อไม่ได้ให้มั่วชิงห้ามไว้ มู่หรงนี่อวิ๋นไปจากที่นี่ก็ดี จะได้ไม่ทำให้เขาต้องลำบากไปด้วย ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่หือไม่อืออะไร


 


 


สำหรับสถานะของมู่หรงกวานเสวี่ย เธอก็ตกใจไม่น้อยไปกว่ามู่หรงนี่อวิ๋น ที่เธอไปจวนมู่หรงแล้วพบกับมู่หรงกวานเสวี่ยคราวที่แล้ว มั่วชิงก็อยู่ข้างๆ ด้วย


 


 


มั่วชิงเปลี่ยนใบหน้าแล้ว แต่มู่หรงกวานเสวี่ยคงไม่ได้เปลี่ยน เหตุใดตอนนั้นมั่วชิงถึงจำมู่หรงกวานเสวี่ยไม่ได้ ออกไปแล้ว เธอต้องถามให้กระจ่างว่าเกิดอะไรขึ้น สำนักอู๋จี๋แห่งนี้ยังเป็นลัทธิมารจริงๆ


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นออกไปไกลมากแล้วยังคงเรียกมู่หรงกวานเสวี่ยอยู่


 


 


เมื่อทำอะไรไม่ได้ สาวใช้จึงทำได้เพียงกดจุดเขา มู่หรงนี่อวิ๋นเริ่มเสียดายอีกครั้งที่ตนเรียนมาไม่ดี หากรู้เร็วกว่านี้สักนิดจะต้องได้ฝึกวิทยายุทธ์อย่างหนักแน่ เมื่อก่อนหลงคิดว่าวิทยายุทธ์ของตนเองเพียงพอแล้ว ตอนนี้ได้พบผู้มีฝีมือสูงส่งถึงได้รู้ว่าตนเองยังอ่อนอยู่มาก


 


 


เมื่อมู่หรงนี่อวิ๋นถูกพาตัวไปแล้ว มู่หรงกวานเสวี่ยก็เดินไปตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ นางหน้าตางดงามอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้นางจึงสูงกว่าหลิงอวี้จื้อเพียงเล็กน้อย นางหัวเราะเอิ๊กอ๊าก


 


 


“นึกไม่ถึงเลยนะ นึกไม่ถึง แค่ข้ากลับมาสำนักอู๋จี๋หนหนึ่งก็ได้รับรางวัลเช่นนี้เลย หลิงอวี้จื้อ ข้าได้ยินมาว่าวันนี้เฟิงอิ๋นแต่งงาน ผู้ชายของนางคงไม่ใช่เซียวเหยี่ยนหรอกกระมัง!”


 


 


“ข้ามาหาอาเหยี่ยนที่อำเภอฉางหนิงจริง แต่ข้าถูกจับเข้ามา


 


 


เจียงฮูหยินปิดได้มิดชิดจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นผู้คุมกฎแห่งสำนักอู๋จี๋ ดูท่าสำนักอู๋จี๋นี้มีมาหลายปีแล้ว หากใต้เท้าเจียงรู้ข่าวนี้คงยินดีอย่างยิ่ง”


 


 


ใจหลิงอวี้จื้อเข้าใจดี พบมู่หรงกวานเสวี่ยแล้วคงหนีไม่พ้นภัย


 


 


ฟ้าคงกำหนดให้มีภัยครั้งนี้จริงๆ ถึงดันมาพบกับมู่หรงกวานเสวี่ยที่นี่ได้


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 335 ปริศนา


 


 


ยังมีอีกเรื่องที่เธอคิดไม่ตก ในเมื่อมู่หรงกวานเสวี่ยเป็นผู้คุมกฎของสำนักอู๋จี๋ เช่นนั้นสำนักอู๋จี๋คงมีมานานแล้ว ตอนนี้นางเพิ่งจะอายุยี่สิบกว่าปี ตอนที่มาสำนักอู๋จี๋อายุคงยังน้อยมาก


 


 


เหตุใดอยู่ดีๆ มู่หรงหงถึงส่งลูกสาวในไส้ของตนเองมาสถานที่เช่นนี้ได้ ตามคำบรรยายของมั่วชิง การฝึกวิชาของสถานที่ประหลาดนี้ค่อนข้างน่ากลัว ไม่ต่างอะไรกับนรก


 


 


ฝึกวิชาหลายปีเข้า โดยปกติจะมีคนตายไปครึ่งหนึ่ง


 


 


ลูกสาวของภรรยาหลวงสำคัญกว่าลูกสาวของอนุภรรยามาก หรือว่ามู่หรงหงกับสำนักอู๋จี๋มีความเกี่ยวข้องกันมาตั้งนานแล้ว กลุ่มสมาคมในยุทธภพนี้ นึกไม่ถึงว่าจะมีความเกี่ยวพันไปถึงราชสำนัก


 


 


“เจ้าไม่ต้องมาขู่ข้าหรอก เจ้าคิดว่าเจ้าจะออกไปจากสำนักอู๋จี๋ได้หรือ”


 


 


มู่หรงกวานเสวี่ยหัวเราะเย็นชาหนึ่งครั้ง แล้วโบกมือ


 


 


” พาตัวไป”


 


 


พูดจบก็ไปนำทางข้างหน้า สาวใช้ของมู่หรงกวานเสวี่ยกำลังจะเข้ามาจับตัวหลิงอวี้จื้อกับมั่วชิง หลิงอวี้จื้อผลักพวกนางออก


 


 


“ข้ามีขา เดินเองได้ ไม่ต้องรบกวนพวกเจ้า”


 


 


สาวใช้ก็ไม่ได้บังคับ ตามหลังพวกนางมา บริเวณนี้ในสำนักอู๋จี๋จุดโคมไฟทุกที่ ดังนั้นจึงสว่างไสวมาก เดินเลี้ยวไปเลี้ยวมาสักครู่ พวกเธอก็มาถึงเรือนที่ใหญ่ที่สุดของสำนักอู๋จี๋ ข้างในจุดโคมไฟแถวหนึ่ง ทำให้ทั้งเรือนเปล่งประกาย สว่างราวกับกลางวัน


 


 


ยืนอยู่ตรงประตูเรือน หลิงอวี้จื้อก็ร้องอุทาน เรือนนี้หรูหราเกินไปหน่อย


 


 


ข้างในเรือน การตกแต่งจัดวางตึกศาลาต่างๆ ประณีตบรรจง มีภูเขาปลอม หินใหญ่ยักษ์ ได้ยินเสียงธารน้ำไหลอยู่ไกลๆ ระดับความหรูหรานี้ไม่ต่างจากวังหลวงนัก ถึงขั้นวิจิตรกว่าวังหลวงเสียอีก


 


 


เดินผ่านระเบียงทางเดินยาวๆ เข้ามา พวกเขาก็เข้ามาถึงข้างในโถงใหญ่ของเรือนหลัก ภาพที่เข้ามาในดวงตา คือทุกที่ล้วนเป็นสีทองประกาย แวววาวจนเธอรู้สึกแทบลืมตาไม่ขึ้น พื้นห้องเป็นสีเขียวมรกต ดูเหมือนจะเป็นหินหยกชนิดหนึ่ง มีหยกรูปร่างแปลกตาต่างๆ นานาวางอยู่ทั้งสี่ทิศ บนเสาล้วนฝังทองคำ


 


 


หรูหราเกินไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าเจ้าสำนักสำนักอู๋จี๋จะอวดหรูสุดๆ เช่นนี้ พวกเขาเอาเงินมากมายขนาดนั้นมาจากไหน หรือว่าเบื้องหลังจะมีเสี่ยเลี้ยงซ่อนอยู่


 


 


ที่นั่งหลักในห้องโถงใหญ่มีผู้หญิงสวมชุดสีดำนั่งอยู่ ผมยาวเกล้าขึ้นปักด้วยปิ่นเพียงอันเดียว หน้าตากลางๆ ไม่สวยไม่ขี้เหร่ ท่าทางดูเป็นเพศตรงกลางมาก เห็นครั้งแรกนึกว่าเป็นผู้ชาย เพียงแต่ดูนุ่มนวลกว่าผู้ชายสักหน่อย


 


 


มู่หรงกวานเสวี่ยคุกเข่าลงทำความเคารพอย่างนอบน้อม


 


 


“ศิษย์มาแล้วเจ้าค่ะ ยังดีที่ท่านอาจารย์ยังไม่ไปพักผ่อน”


 


 


“คืนนี้ดื่มไปหลายจอก คราวนี้ปวดหัวมาก ได้ยินว่าเจ้ามา ดื่มยาแก้เมาไปแล้วถึงได้ฝืนลุกขึ้นมาได้ กวานเสวี่ย เจ้ามาสายแล้วจริงๆ เฟิงอิ๋นเข้าห้องหอไปแล้ว จะแสดงความยินดีกับนาง ต้องรอพรุ่งนี้แล้ว”


 


 


เจ้าสำนักพูดจบก็นวดขมับ ตอนเย็นนางดื่มสุราไปไม่น้อยจริงๆ ยังคงปวดหัวอยู่ ไม่ได้ดื่มจนสุดขนาดนี้มาหลายปีแล้ว


 


 


หลิงอวี้จื้อกับมั่วชิงคุกเข่ากับพื้น หลิงอวี้จื้อยังดี สบายตัวมาก


 


 


แต่มั่วชิงไม่เหมือนกัน ตัวสั่นเล็กน้อย ราวกับกำลังควบคุมตัวเองสุดกำลัง ตรงหน้าเป็นคู่อริที่ฆ่าครอบครัวนางทั้งตระกูลด้วยน้ำมือตนเอง แต่นางกลับทำอะไรนางไม่ได้ ความหวาดกลัวนั้นแทรกซึมลึกเข้าไปในไขกระดูกตั้งนานแล้ว


 


 


“กวานเสวี่ย สองคนข้างหลังเจ้าคือใคร”


 


 


ไม่มีร่องรอยความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของเจ้าสำนัก นางกวาดตามองหลิงอวี้จื้อกับมั่วชิงปราดหนึ่งแล้วก็ย้ายสายตาไปที่อื่น


 


 


“ท่านอาจารย์ ข้ากำลังจะแนะนำอยู่พอดี ท่านนี้เป็นคุณหนูใหญ่ ลูกสาวของภรรยาหลวงแห่งจวนท่านมหาเสนาดีเจ้าค่ะ”


 


 


“คนที่เมื่อก่อนปัญญาอ่อนหรือ”


 


 


ได้ยินตัวตนของหลิงอวี้จื้อ เจ้าสำนักก็เริ่มสนใจ ถามขึ้น


 


 


มู่หรงกวานเสวี่ยพยักหน้า


 


 


“ใช่คุณหนูใหญ่คนนั้นเจ้าค่ะ นางเป็นว่าที่พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ อยู่ๆ นางก็แฝงตัวเข้ามาข้างในสำนักอู๋จี๋ คงจะมาหาท่านอ๋อง ศิษย์ได้ยินมาว่าท่านอ๋องหายตัวไปเจ้าค่ะ”



ตอนที่ 336 นั่นล้วนเป็นข่าวลือผิดๆ ของชาวบ้าน


 


 


มู่หรงกวานเสวี่ยไม่ได้พูดชี้ชัด แต่มีเจตนาให้เข้าใจตามนั้น ตอนนี้สำนักอู๋จี๋มีผู้ชายมาเพียงคนเดียว ความหมายชัดเจนไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว


 


 


ตามคาด เมื่อเจ้าสำนักได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าก็ขรึมลงเล็กน้อย


 


 


หลิงอวี้จื้อแอบอุทานว่าไม่ดีแล้ว ถึงแม้ว่าการกระทำของเซียวเหยี่ยนจะทำให้เธอโกรธจนแทบกระอักเลือด แต่เธอไม่อยากให้เซียวเหยี่ยนเกิดเรื่อง ต้องไม่ให้พวกนางรู้เด็ดขาดว่าเซียวเหยี่ยนอยู่ในสำนักอู๋จี๋ มิเช่นนั้นจะไม่สามารถรับประกันชีวิตของเซียวเหยี่ยนได้


 


 


หลิงอวี้จื้อเงยหน้าขึ้น ใบหน้าตุ๊กตานั้นดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาแดงเล็กน้อย


 


 


“ข้าเป็นว่าที่พระชายาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จริงๆ แต่นี่ไม่ใช่ความตั้งใจของข้า ข้าเป็นเพียงลูกสาวขุนนางตัวเล็กๆ คำสั่งจากเบื้องบนไม่สามารถขัดได้ คนที่ข้าหมายปองมาตลอดคือคุณชายมู่หรง มาอำเภอฉางหนิงคราวนี้ก็ตั้งใจมาตามหาคุณชายมู่หรง คุณชายมู่หรงมีใบหน้าที่สวยงามกว่าผู้หญิงเสียอีก ดังนั้นจึงชอบแต่งหญิงเป็นงานอดิเรก พวกเราก็จับพลัดจับผลูเข้ามาในสำนักอู๋จี๋ กลายเป็นสาวใช้ของสำนักอู๋จี๋ คิดหาวิธีจะออกจากที่นี่มาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าจะพบเข้ากับคุณหนูรองระหว่างทาง นางอคติกับข้าเสมอ เจอข้าอยู่กับมู่หรงนี่อวิ๋น ก็บังคับให้มู่หรงนี่อวิ๋นออกไปจากสำนักอู๋จี๋ คิดจะยืมมือเจ้าสำนักมากำจัดข้า ถึงเวลาก็จะโยนเรื่องทั้งหมดนี้ให้เจ้าสำนัก เพื่อไม่ให้มู่หรงนี่อวิ๋นตำหนิโทษนาง”


 


 


หลิงอวี้จื้อพูดจบก็ปาดน้ำตา แล้วอยู่ๆ ก็จับมือมู่หรงกวานเสวี่ย


 


 


“คุณหนูรอง เหตุใดไม่ยอมให้ข้ากับนี่อวิ๋นสมหวัง ข้ากับเขารักกันอย่างจริงใจ เราคิดวิธียกเลิกการหมั้นได้แล้ว คราวนี้มู่หรงนี่อวิ๋นก็มาหาท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เพื่อจะพูดเรื่องนี้ ข้ากลัวว่าเขามีอันตรายจึงตามมาด้วย พวกเราอยากมาขอร้องให้ท่านอ๋องสงเคราะห์ข้ากับนี่อวิ๋น คุณหนูรอง เจ้ารักนี่อวิ๋นที่สุดแล้ว อย่าพรากพวกเราจากกันเลย ได้หรือไม่”


 


 


หลิงอวี้จื้อร้องไห้น้ำตาอาบหน้างดงาม ท่าทางที่จริงใจนั้นดูอย่างไรก็ไม่เหมือนแกล้งทำ ดูเหมือนเป็นคู่รักที่รักใคร่ใหลหลงกับมู่หรงนี่อวิ๋น


 


 


สำหรับหลิงอวี้จื้อแล้วนี่เป็นเรื่องธรรมดามาก ในดวงตาล้วนเป็นละครทั้งสิ้น เปี่ยมไปด้วยความรัก เปี่ยมไปด้วยความวิงวอน


 


 


มู่หรงกวานเสวี่ยนึกไม่ถึงว่าหลิงอวี้จื้อจะพูดจาเหลวไหลเป็นเรื่องเป็นราวได้ ทำเสียงเชอะอย่างเย็นชา


 


 


“ใครๆ ก็รู้ว่าท่านอ๋องรักหลงเจ้าปานจะกลืน”


 


 


“ท่านอ๋องฐานะสูงส่งอำนาจมากมาย จะมารู้สึกเช่นนั้นกับผู้หญิงคนหนึ่งได้อย่างไร นั่นเป็นข่าวลือผิดๆ ของชาวบ้านเท่านั้น ท่านอ๋องอยู่สูงเกินเอื้อมมาตลอด ไม่เคยมีพระชายา อยู่ๆ อยากจะมาแต่งงานกับข้า ทุกคนจึงจินตนาการเรื่องราวเช่นนี้ออกมาเอง ที่จริงท่านอ๋องเห็นว่านี่อวิ๋นชอบข้า จึงจงใจยั่วโมโหไทเฮา คนที่เขาชอบคือไทเฮา แต่ไทเฮาไม่มีทางอยู่กับเขาได้ ถูกปฏิเสธหลายครั้ง รู้ว่าไทเฮารักนี่อวิ๋นที่สุด จึงจงใจแย่งคนรักเขาไป เพื่อลงโทษไทเฮา อย่างไรเสียแต่งงานกับข้าแล้วทิ้งให้ข้าแห้งเ**่ยวอยู่ข้างกายก็พอ ผู้หญิงหนอ ถูกกำหนดให้เป็นเครื่องสังเวยอยู่แล้ว”


 


 


หลิงอวี้จื้อแต่งเรื่องเป็นเรื่องเป็นราว ประกอบกับสีหน้าของเธอ และเรื่องซุบซิบนินทาของเซียวเหยี่ยนกับไทเฮาที่มีมานานแล้ว ด้วยเหตุนี้ การพูดของเธอจึงมีความน่าเชื่อถือมาก


 


 


เมื่อเห็นเจ้าสำนักเกือบจะเชื่อคำพูดของหลิงอวี้จื้อ มู่หรงกวานเสวี่ยก็เริ่มร้อนใจแล้ว


 


 


เมื่อก่อนนางไม่รู้เลยว่าแม่สาวน้อยคนนี้จะเล่นละครเก่งเช่นนี้ ซ้ำยังแสดงเสียเหมือนมาก เหมือนเธอรักกับมู่หรงนี่อวิ๋นแบบยอมตายถวายชีวิตจริงๆ เห็นๆ กันอยู่ว่าเรื่องทั้งหมดนี้มู่หรงนี่อวิ๋นรักอยู่ข้างเดียว


 


 


“ท่านอาจารย์ อย่าฟังนางพูดจาเหลวไหล ข้าว่าสามีของเฟิงอิ๋นน่าสงสัยมาก ท่านอาจารย์ถามให้กระจ่างว่าตัวตนของเขาคือใครดีกว่าเจ้าค่ะ เพื่อไม่ให้มีคนฉวยโอกาสขณะที่กำลังชุลมุน”


 


 


อย่างไรเสียเซียวเหยี่ยนก็หักหลังมู่หรงกวานเย่ว์แล้ว หากสามารถทำให้เขาตายที่นี่ได้ เช่นนั้นก็จะดีที่สุด ถึงแม้มู่หรงกวานเย่ว์ไม่อยากให้เซียวเหยี่ยนตาย แต่นางกลับคิดว่านี่เป็นโอกาสทองที่หายาก ไม่ง่ายเลยที่เซียวเหยี่ยนจะมาตกอยู่ในมือของสำนักอู๋จี๋ได้ นางไม่มีทางปล่อยไปเด็ดขาด


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 337 ผู้หญิงสองสามคนบนละครเวทีเดียวกัน


 


 


“ผู้คุมกฎเฟิงไม่ใช่คนเช่นนี้ ถึงคุณหนูรองจะเกลียดชังข้า แต่จะพูดใส่ร้ายผู้คุมกฎเฟิงไม่ได้”


 


 


เจ้าสำนักกำลังจะเอ่ยปาก ทันใดนั้นก็มีสาวใช้กลับเข้ามารายงาน


 


 


“เจ้าสำนัก ผู้คุมกฎเฟิง…”


 


 


เห็นสาวใช้พูดจาอ้ำๆ อึ้งๆ เจ้าสำนักก็เริ่มรำคาญ


 


 


“เฟิงอิ๋นเป็นอะไร”


 


 


“ผู้คุมกฎเฟิงอยู่ในห้องชุนเหนียงเจ้าค่ะ”


 


 


เพิ่งสิ้นเสียงของสาวใช้ ชุนเหนียงก็ยักย้ายส่ายสะโพก ร้องไห้กระซิกเข้ามา มวยผมของนางยุ่งเหยิง พอเห็นเจ้าสำนัก ก็คุกเข่ากับพื้นดังตุบ


 


 


“เจ้าสำนัก ท่านต้องช่วยข้าตัดสินนะเจ้าคะ คืนนี้เป็นคืนแต่งงานของผู้คุมกฎเฟิงแท้ๆ แต่นางไม่อยู่ในห้อง กลับแอบเข้าไปในห้องข้า นางบอกว่าวันนี้เจ้าสำนักดื่มไปไม่น้อย คงจะเมาแล้ว บังคับให้ข้าขโมยกุญแจห้องตะวันตกจากตัวเจ้าสำนัก ข้าไม่ทำตาม นางก็ทำข้าเสียจนมีสภาพเช่นนี้ บอกว่าจะทำให้เจ้าสำนักรังเกียจข้าตั้งแต่นี้ไป นางมีแผนเรื่องห้องตะวันตกมาโดยตลอดเจ้าค่ะ”


 


 


ชุนเหนียงพูดพลางร้องไห้ น้ำตาอาบหน้างดงาม เผยรอยแดงบนกระดูกไหปลาร้าที่เห็นได้ชัดเจน ท่าทางเหมือนถูกคนกระทำสิ่งที่ไม่สามารถบรรยายได้มา


 


 


ชุนเหนียงก็ช่างพูด นึกไม่ถึงว่าจะใช้วิธีนี้ ช่างไม่กลัวว่าเจ้าสำนักจะเลิกโปรดปรานนางไปจริงๆ


 


 


แล้วเรื่องห้องตะวันตกนั่นคืออะไรอีกล่ะ ดูท่าทางน่าจะเป็นที่ที่สำคัญมาก มิเช่นนั้นสีหน้าของเจ้าสำนักคงไม่เหยเกขนาดนี้


 


 


“เฟิงอิ๋นล่ะ เรียกนางมาเดี๋ยวนี้”


 


 


ตอนที่ชุนเหนียงรีบเข้ามา เฟิงอิ๋นก็รู้แล้วว่าท่าจะไม่ดี จึงตามมาอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องรอให้สาวใช้ไปเรียก เฟิงอิ๋นกระวีกระวาดเข้ามา มวยผมของเธอก็ยุ่งเหยิงอยู่บ้างเหมือนกัน รีบคุกเข่าลงกับพื้น


 


 


“เฟิงอิ๋น เกิดเรื่องอะไรกันแน่”


 


 


“ท่านอาจารย์ ท่านอย่าฟังชุนเหนียงพูดเหลวไหลนะเจ้าคะ นางทำให้ข้าไปอยู่ในห้องนางเองเพื่อจะได้ใส่ร้ายข้า ศิษย์ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่เคารพท่านอาจารย์เลย วันนี้เป็นคืนแต่งงานของศิษย์ ไม่ว่าอย่างไร ศิษย์ไม่มีทางทำเรื่องพรรค์นี้ในคืนนี้แน่”


 


 


เฟิงอิ๋นมองหน้าชุนเหนียงอย่างเกลียดชัง ผู้หญิงคนนี้น่ารังเกียจเกินไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะทำนางเสียเรื่อง ไม่ง่ายเลยกว่านางจะแต่งงานกับเซียวเหยี่ยนได้ มาโดนชุนเหนียงทำลายไปต่อหน้าต่อตา และไม่รู้ด้วยว่าคนที่ไหว้ฟ้าดินกับเซียวเหยี่ยนคืนนี้คือใคร


 


 


“เจ้าสำนัก อยู่ดีๆ ข้าจะพาผู้คุมกฎเฟิงเข้าห้องตัวเองเพื่อเหตุใด การแต่งงานนี้เป็นแค่ฉากบังหน้า เพื่อฉวยโอกาสตอนที่เจ้าสำนักเมา บังคับข้าให้ไปขโมยกุญแจห้องตะวันตก ปกติเจ้าสำนักไม่ได้ดื่มสุรามาก ยกเว้นวันนี้เท่านั้น ผู้คุมกฎเฟิงคาดการณ์เรื่องนี้ไว้แม่นยำ หากผู้คุมกฎเสวี่ยไม่มาอย่างกระทันหัน หากข้ามัวแต่ต้านทานผู้คุมกฎเฟิงอยู่ เกรงว่าคงจะไม่ได้พบเจ้าสำนักอีก”


 


 


ชุนเหนียงพูดจบก็เริ่มร้องไห้อีก เช็ดน้ำตาไม่หยุด น้ำตานั้นยิ่งเช็ดก็ยิ่งมากขึ้น


 


 


หลิงอวี้จื้อชมละครอย่างสนุก สมน้ำหน้าจริงๆ


 


 


เห็นชุนเหนียงใส่ร้ายตน เฟิงอิ๋นผู้ไม่สันทัดเรื่องตีหน้าเศร้าพอโมโหเข้า ก็เข้าไปบีบคอชุนเหนียงทันที


 


 


“ชุนเหนียง ถ้าเจ้ากล้าพูดจาเหลวไหลไร้สาระอีก ข้าจะฆ่าเจ้า”


 


 


“เจ้าสำนัก ช่วยด้วย…”


 


 


ชุนเหนียงดิ้นรนตะโกน


 


 


“สามหาว”


 


 


เจ้าสำนักตวาดเสียงดัง


 


 


เฟิงอิ๋นถึงได้รู้ตัวว่าวู่วามเกินไปแล้ว คลายมือทันที คุกเข่ากับพื้นขออภัย


 


 


“ท่านอาจารย์ ศิษย์อยู่เคียงข้างท่านอาจารย์มาหลายปี ทุ่มเทแรงกายแรงใจมาตลอด ศิษย์เป็นคนอย่างไร ท่านอาจารย์ก็รู้ดี จะไปเอากุญแจห้องตะวันตกมาได้อย่างไร ชุนเหนียงใส่ร้ายข้าทั้งเพ นางริษยาศิษย์มาตลอดที่เจ้าสำนักให้ความสำคัญ ดังนั้นจึงใส่ร้ายศิษย์”


 


 


เรื่องที่สองคนนี้ไม่ลงรอยกัน เจ้าสำนักย่อมรู้อยู่แล้ว ยังคงทำหน้าขรึม ชุนเหนียงยอมลดละเสียที่ไหน ร้องไห้ต่อ


 


 


“เจ้าสำนัก ต่อหน้าท่าน ผู้คุมเฟิงยังกล้าลงมือกับข้า มิต้องพูดถึงตอนที่ท่านไม่อยู่”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม