ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง 325-332

 ตอนที่ 325 จัดสินเดิม


 


วันแต่งใกล้เข้ามา สินเดิมของผู้หญิงทั่วไปล้วนเตรียมตั้งแต่เกิด ชุดแต่งก็เริ่มทำหลังจากอายุสิบห้า ดังนั้นการจัดเตรียมจึงไม่ได้เร่งรีบนัก


 


 


เพียงแต่น่าอวี้ไม่เหมือนกัน บ้านของนางถูกคนวางเพลิงเผาจนไม่เหลือสิ่งใด และก็อย่าได้หวังจะให้แม่เสือดุของบ้านเจี่ยงเหว่ยจะใจดีจัดเตรียมสินเดิมให้คนนอกคนหนึ่ง เพียงแต่หากก่อนหน้านี้นางไม่ได้บอกลูกชายเจี่ยงเหว่ยเป็นตัวเองที่ทำให้ตายเสียละก็ บางทีเจี่ยงเหว่ยอาจจะจัดเตรียมให้นาง ยามนี้ ทั้งบ้านเจี่ยงแทบอยากจะฆ่านางเสียแล้ว ยังจะหวังให้พวกเขาจัดเตรียมสินเดิมให้นาง? ฝันไปเถอะ!


 


 


เพียงแต่ยังดีที่นางยังมีเงินเก็บส่วนตัวอยู่ ใช้ซื้อผ้าคลุมหน้าก็น่าจะพอ


 


 


อวี๋เอ๋อร์กลับมาด้วยความโมโห นางวางอ่างทองแดงบนชั้นแรงๆ แล้วตะโกนใส่ข้างนอกว่า “นางมารร้าย! นางอ้วนแก่! ถุย! ก็ไม่ดูสภาพตัวเองเป็นเช่นไร อ้าปากก็พ่นขี้ออกมา ยังเป็นถึงภรรยาขุนนางอีก? เหลวไหล!”


 


 


น่าอวี้ไม่ได้มีการตอบสนองมากมายดั่งนางนัก นางปิดหนังสือ แล้วเข้าไปดึงอวี๋เอ๋อร์กลับมา “พอได้แล้ว หากเจ้ามีความกล้าเช่นนั้นก็ด่าต่อหน้าเสีย เจ้ายังจะฟังนางด่าได้อีกกี่วันหรือ วันมะรืนก็ไปได้แล้ว อยากจะจัดการนาง หลังจากนี้มีโอกาสมากมาย”


 


 


อวี๋เอ๋อร์หุบปากด้วยความเหนื่อยหน่าย จู่ๆ ก็เป็นกังวลขึ้นมา “ที่แต่งไปด้วยเป็นหลานสาวเจ้ากรมศาลต้าหลี่ซื่อยังมีลูกสาวปราชญ์มหาสำนักอะไรนั่น แต่ละคนล้วนมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าเจ้ากรมทหาร สินเดิมของพวกนางคงกองเป็นภูเขาเสียแล้ว พวกเราไม่มีอะไรเลย ไปแล้วจะต้องถูกคนอื่นดูถูกแน่ๆ วันหลังหากถูกรังแก แม้แต่ที่พึ่งพิงก็ไม่มี”


 


 


น่าอวี้เทเครื่องประดับที่อยู่ในกล่องออกมาทั้งหมด สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเจี่ยงเหว่ยที่แอบให้กับนาง แม้ว่าจะไม่ได้เครื่องประดับที่มีราคามากนัก เพียงแต่อย่างน้อยก็ยังแลกเงินสิบยี่สิบตำลึง นางคิดไว้อย่างละเอียด ไปแล้วก็ต้องใช้เงินอยู่อย่างเลี่ยงไม่ได้ นำเครื่องประดับเหล่านี้ไปโรงจำนำแลกเป็นเศษเงินก็พออยู่ได้ระยะหนึ่ง รถมาถึงที่ย่อมมีทางไป รอให้ใช้หมดแล้วค่อยหาวิธีเสียเถิด!


 


 


“พอได้แล้ว อย่าได้พูดสิ่งที่ไร้ประโยชน์นักเลย ไปจำนำเครื่องประดับเหล่านี้กับข้าเสียก่อน ไม่มีเงินติดตัวไม่ได้”


 


 


อวี๋เอ๋อร์ขันรับ นางไปหยิบร่ม ข้างนอกแดดแรงนัก นายหญิงน้อยของนางที่มีผิวอ่อนๆ เช่นนี้ถูกแดดไม่ได้


 


 


นึกไม่ถึง พอออกจากประตูไปก็เจอเจี่ยงฮูหยินมาหาเรื่องถึงที่ ข้างหลังมีหมัวหมัวสองคนตามมา คนหนึ่งในมือถือเชือกอีกคนถือแส้ เจี่ยงฮูหยินทำสีหน้าเหน็บแนม สั่งให้หมัวหมัวสองคนผลักน่าอวี้และอวี๋เอ๋อร์เข้าไปในห้อง


 


 


“นางยั่วสวาทชั้นดีจริงๆ เหมือนดั่งแม่ของนางในตอนนั้น ข้าว่า พ่อของเจ้าก็ตายเพราะเจ้าและแม่ของเจ้ากระมัง? ทำให้พ่อของเจ้าตายไม่พอ ตอนนี้ยังคิดจะทำร้ายบ้านข้าอีก?”


 


 


เจี่ยงฮูหยินชูมือคิดจะตบนาง แต่นางก็รู้เรื่องอยู่ นางฝืนทนเอาไว้ กลัวจะทิ้งรอย ในคืนแต่งงานถูกเห็นเข้าจะอธิบายไม่ได้ เพียงแต่ความโกรธนี้ต้องระบาย นางสั่งหมัวหมัวใช้เชือกมักนางไว้ รอให้นางขยับไม่ได้แล้ว ก็สะบัดมือฟาดจนนางหายใจแทบไม่ออก


 


 


“เจี่ยงน่าอวี้ เจ้าทำให้ลูกชายข้าตาย อย่าได้คิดว่าแต่งไปอยู่จวนท่านอ๋องแล้วจะรอดไปได้ ข้าจะบอกเจ้าให้ ไม่ช้าก็เร็วข้าจะต้องฆ่าเจ้า วันนี้เป็นเพียงการสั่งสอน ท่านอ๋องป่วยจนลุกไม่ขึ้นแล้ว คิดว่าก็คงไม่มีแรงร่วมหอกับเจ้า ในเมื่อใบหน้านี้แตะไม่ได้ เช่นนั้นข้าก็จะฟาดตัวเจ้าให้เละ!”


 


 


ว่าแล้วเป็นคนโง่กันทั้งบ้าน ก่อนที่นางจะฟาดแส้ครั้งต่อไปนั้นจู่ๆ น่าอวี้ก็หัวเราะขึ้นมา มุมปากนางยังมีเลือดไหลอยู่ ดูไปแล้วน่ากลัวนัก “มิน่าถึงได้ว่าลูกชายเจ้าโง่นัก พ่อแม่ล้วนไร้สมอง ลูกชายที่คลอดออกมาจะไม่โง่ได้อย่างไร!”


 


 


 


 


——


 


 


ตอนที่ 326 พิรุธของบ้านเจี่ยง


 


 


 


 


เจี่ยงฮูหยินถูกน่าอวี้พูดใส่เช่นนี้ตาแดงขึ้นมาทันที สะบัดมือฟาดไปอีกครั้ง ครั้งนี้เห็นเลือดไหลออกมา น่าอวี้อ่อนแอเป็นทุนเดิม นางมารร้ายคนนี้ยังเอาแส้ไปแช่อยู่ในน้ำเกลืออีก ฟาดไปสองทีก็แทบจะฆ่านางได้เลย


 


 


น่าอวี้เป็นคนที่รู้จักอ่อนน้อม เพียงแต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ยิ่งอ่อนน้อมมีแต่จะทำให้นางรุนแรงยิ่งขึ้น


 


 


อวี๋เอ๋อร์ถูกหมัวหมัวอุดปากไว้อย่างแน่นหนา เห็นสภาพของน่าอวี้นี้ นี่คือคิดจะฆ่านางเสียเพื่อแก้แค้นให้ลูกชายของนางกระมัง? น่าอวี้หายใจรวยริน แต่ก็ดันทุรังยิ้มให้ได้ ครึ่งหนึ่งเพราะเย้ยหยันอีกครั้งเพราะปลง ไม่เกรงกลัวต่อแส้ที่อยู่ในมือนางเลย


 


 


“หากไม่พูดคนทั้งบ้านเจ้าล้วนเป็นคนโง่อย่างที่สุด ลูกชายของเจ้าเป็นข้าที่ฟ้อง เพียงแต่คนที่ฆ่าเขาไม่ใช่ข้าเสียหน่อย ข้าขอเตือนเจ้าไว้ อย่าได้ทำให้ข้าโกรธ เจี่ยงเหว่ยมีพิรุธมากมายอยู่ในมือข้า หากข้าเป็นอะไรไป จะมีคนที่เอาความผิดของเขาไปฟ้องฝ่าบาททันที เจี่ยงเหว่ยเคยทำอะไรไว้เจ้าก็น่าจะรู้ดีกระมัง เพียงข้อเดียวก็พอประหารทั้งบ้านได้แล้ว”


 


 


เจี่ยงฮูหยินตอนแรกไม่เชื่อนาง ในใจแค้นจนแทบทนไม่ไหว นางย่อตัวลง ชูมือฟาดใส่หน้านาง มือของนางสวมแหวนอยู่เต็ม ฝ่ามือที่ฟาดลงไปนั้น ใบหน้าที่งดงามของน่าอวี้ก็บวมขึ้นมาทันที ตามมาด้วยรอยฝ่ามือ สยองยิ่งนัก


 


 


“พูดจาเหลวไหล เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อเจ้าหรือ” แม้จะพูดเช่นนั้น เพียงแต่ในใจนางก็สั่นคลอนไม่มากก็น้อย เบี้ยหวัดหนึ่งปีของเจี่ยงเหว่ยก็มีเท่านั้น เพียงแต่เขาทำตัวเจ้าชู้อยู่ข้างนอกนั้น เลี้ยงภรรยาน้อย หาชู้รัก ทั้งซื้อกำไลให้พวกนาง ทั้งซื้อย้างให้ เพียงเบี้ยหวัดน้อยนิดของเขานั้น คงจะถูกสูบจนหมดตัวแล้ว ยังจะมีใครยอมอยู่กับเขาอีก


 


 


น่าอวี้เป็นคนฉลาดเพียงใด มองดูเจี่ยงฮูหยินเหม่อลอยอยู่ก็รู้ว่าคำพูดของนางอย่างน้อยก็เชื่อไปเจ็ดแปดส่วนแล้ว น่าอวี้ไม่รีบร้อน ยามนี้ในใจเจี่ยงฮูหยินต้องกระวนกระวายเป็นแน่แท้ นางยิ่งแกล้งแสดงออกอย่างเฉยเมย ในใจนางก็ยิ่งร้อนรน จึงใส่ไฟเพิ่มอีกว่า “เจ้าย่อมไม่เชื่อข้าอยู่แล้ว เพียงแต่หากเจ้าไม่เชื่อละก็ พวกเราจะลองดูกันก็ได้ เพียงแค่เจี่ยงเหว่ยเขาลักลอบขายเกลือข้อเดียวก็เพียงพอที่จะถูกตัดศีรษะแล้วกระมัง? ยังมีสมุดบัญชีของเขาเหล่านั้น อย่าคิดว่าซ่อนอยู่ในห้องลับจะปลอดภัย บนโลกนี้ไม่มีกำแพงที่ลมไม่ทะลุผ่าน คิดจะจับพิรุธของเขา ก็ไม่ได้ยากเย็นนัก”


 


 


เจี่ยงฮูหยินเสียวสันหลังขึ้นมา ตอนแรกยังคิดว่านางเด็กนี่โกหกหลอกนาง เพียงแต่เรื่องที่ลักลอบขายเกลือนั้นนางรู้ได้อย่างไร ยังมีห้องลับในห้องของเจี่ยงเหว่ย ห้องลับรู้กันเพียงพวกเขาสองคนแม้แต่ลูกชายของนางก็ยังไม่รู้ว่าในบ้านมีห้องลับอยู่ เก่งเสียเหลือเกิน ตอนแรกนางก็เห็นว่าเจ้าเด็กนี่ไม่ใช่คนดีเก็บเอาไว้ไม่ได้ ล้วนเป็นเฒ่าลามกเจี่ยงเหว่ยนี้ ความเจ้าชู้บังเกิดบอกจะให้นางอยู่ให้ได้ คราวนี้เป็นอย่างไร สุดท้ายแล้วบ้านของนางทั้งบ้านล้วนตายเพราะเจ้าเด็กนี่!


 


 


“สมุดบัญชีเหล่านั้น ข้าได้คัดลอกและซ่อนเอาไว้แล้ว พวกเจ้าอย่าได้คิดว่าข้าเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ไร้ที่พึ่งพิงจะรังแกได้ง่าย ส่วนเจ้า หากไม่ฆ่าข้าเสียตอนนี้แล้วรอให้ถูกประหารทั้งบ้าน ก็ปล่อยข้าไปเสีย รอให้ข้าออกไปแล้ว ส่งหลักฐานให้กับฝ่าบาทด้วยตัวเอง” พูดจบนางก็ยิ้มอย่างเ**้ยมโหด “เหมือนว่าทั้งสองทางล้วนเป็นทางตายเพียงแต่ไม่เป็นไร ยังมีทางที่สามอยู่… เตรียมสินสอดให้ข้า เตรียมให้ข้าตามสินสอดของแม่นางอีกสองคนที่เหลือ ได้แต่มากกว่าน้อยกว่าไม่ได้ จากนั้นก็แต่งข้าออกไปอย่างยิ่งใหญ่ หากเป็นเช่นนั้น ข้าอาจจะรู้สึกขอบคุณพวกเจ้าอยู่บ้าง อาจจะไม่ลงมือก็ไม่แน่”


 


 


เจี่ยงฮูหยินโกรธนางจนตัวสั่น “เจ้า! เจี่ยงน่าอวี้ เจ้าอย่าได้เหิมเกริมนัก!”


ตอนที่ 327 กลยุทธ์ทุกข์กาย 


 


 


 


 


 


เจี่ยงฮูหยินไม่ได้ระบายความโกรธกลับเอาความโกรธไปเพิ่มอีก ก่อนจะไปน่าอวี้ยังเยาะเย้ยนาง “หากจะไม่ให้ใครรู้ก็ต้องไม่กระทำ ในเมื่อเจี่ยงฮูหยินจะไป ก็คือเลือกทางที่สามแล้ว เช่นนั้นข้าก็จะรอข่าวดีแล้วกัน” 


 


 


นางยั่วสวาท! นางยั่วสวาท! เจ้าเด็กนี่เป็นปีศาจสร้างหายนะ นึกไม่ถึงว่าได้เลี้ยงคนเนรคุณเอาไว้ ไม่อาจแก้แค้นให้ลูกชายแถมยังเสียเปรียบนางอีก หรือว่าหลังจากนี้จะถูกนังเด็กนี่ข่มขู่ไปตลอดแล้วหรือ 


 


 


น่าอวี้ถูกฟาดด้วยแส้ไปสองครั้งและอีกหนึ่งฝ่ามือแต่กลับไม่มีน้ำตาร่วงลงมา อวี๋เอ๋อร์กลับร้องไห้อย่างหนัก นางเป็นกังวลแผลของน่าอวี้ แต่ก็ไม่กล้าแตะตัวนาง นางแก้มัดให้น่าอวี้ นางกลั้นไว้ไม่อยู่ ยิ่งร้องหนักขึ้นไปอีก “นางปีศาจนี่ ลงมือเ**้ยมโหดเหลือเกิน คุณหนู ท่านเจ็บหรือไม่ ข้า… ข้าจะไปเรียกท่านหมอให้” 


 


 


“ประคองข้าขึ้นมาก่อน” แส้ที่แช่น้ำเกลือมา พอฟาดลงไปเกิดเป็นรอยแผล ความเจ็บนั้นลึกลงถึงกระดูก อวี๋เอ๋อร์ประคองนางขึ้นมาอย่างระมัดระวัง สูดจมูกไปพลางถามไปพลางว่า “คุณหนู ท่านรู้ได้อย่างไรว่าที่บ้านเจี่ยงมีห้องลับ ยังมีหลักฐานที่เจี่ยงเหว่ยโกงเงินอีก ท่านเริ่มหาหลักฐานตั้งแต่เมื่อใด ไฉนข้าถึงไม่รู้อะไรเลย” 


 


 


น่าอวี้ยิ้มตบมืออวี๋เอ๋อร์เบาๆ “ต้องบอกว่าบ้านเจี่ยงเหว่ยทั้งบ้านล้วนเป็นคนโง่ทั้งสิ้น ข้าหลอกนาง ที่พูดไปเมื่อครู่ข้าล้วนแต่งขึ้นมาเอง เดือนก่อนมีคนที่บอกว่าตัวเองเป็นเถ้าแก่ค้าผ้ามาหาเจี่ยงเหว่ยเจ้ายังจำได้หรือไม่ ตอนที่ข้าส่งชาไปให้เห็นมือของเถ้าแก่ค้าผ้านั่น เหมือนเถ้าแก่ค้าผ้าเสียที่ไหน จึงสังเกตขึ้นมา ตอนหลังข้าเห็นสมุดบัญชีเล่มหนึ่งในห้องหนังสือของเจี่ยงเหว่ย ในนั้นบันทึกว่าวันนี้ซื้อเกลือมาเท่าใด ในบ้านจะกินเกลือไปได้มากมายเพียงใด เขาซื้อมามากมายในคราวเดียว ไม่ใช่ลักลอบขายเกลือแล้วจะเป็นอะไร” 


 


 


“ยังมีอีก เขาทำเรื่องชั่วๆ มากมายเช่นนี้ สมุดบัญชีจะต้องหาที่ซ่อน ดังนั้นข้าจึงเดาว่ามีห้องลับ นึกไม่ถึงว่าข้าจะเดาถูกเข้าให้ แม้ว่าจะถูกฟาด เพียงแต่ก็สามารถแลกสินเดิมมากมายได้ พวกเราไปแล้วชีวิตก็จะได้ดีขึ้นสักหน่อย” พูดถึงตรงนี้นางก็เกิดความรู้สึกเศร้าขึ้นมา “เพียงแต่ไม่รู้ว่าน่ายงถูกพวกเขาซ่อนไว้ที่ใด เขายังไม่หย่านมเลย ก็ไม่รู้ว่ามีคนเลี้ยงเขาหรือไม่ ยามนี้จะอยู่ดีหรือไม่” 


 


 


อวี๋เอ๋อร์ร้องไห้ขึ้นมาไม่จบไม่สิ้น ร้องไปพลางยังปลอบไปพลางว่า “ท่านวางใจเถิด นายน้อยต้องไม่เป็นอะไร เรื่องมาถึงเช่นนี้แล้ว ท่านก็เป็นห่วงตัวเองก่อนเถิด รอยแผลบนตัวนี้ บ่าวเห็นแล้วช้ำใจยิ่งนัก” 


 


 


น่าอวี้บ่นนาง “พอได้แล้ว เลิกร้องได้แล้ว ข้ายังไม่ตาย หากเจ้าไม่อยากให้ข้าตายละก็รีบไปหาหมอให้ข้า ช้าไปนิดเดียว ข้าคงได้ตายแล้วจริงๆ” 


 


 


ที่ถูกฟาดไปสองทีนั้นคือถูกฟาดสุดแรงเกิด ยามนี้นางจะขยับแขนก็ยังไม่ได้เลย เจ็บจนกัดฟัน วันมะรืนนี้ก็เป็นวันแต่งงานแล้ว เฝิงเยี่ยไป๋ป่วยอยู่ คงไม่อาจไปดูทีละห้อง เกรงว่าร่วมหอก็ยังไม่ได้ ยามนี้ก็ต้องให้ตัวเองไปหาแล้ว เพียงแต่จะเปิดเผยเกินไปไม่ได้ บางทียามนี้เฝิงเยี่ยไป๋ก็อาจจะเริ่มสงสัยแล้วว่าตัวเองเป็นคนที่ฮ่องเต้ส่งมาหรือไม่ เพียงแต่พอคิดอีกที วันนี้ที่ถูกฟาดไปก็ใช่ว่าจะไม่ได้ผลดีใดๆ เลย กลยุทธ์ทุกข์กาย ต่อให้เป็นเฝิงเยี่ยไป๋ หลังจากที่ได้เห็นแล้วจะมากจะน้อยก็ต้องสงสารบ้าง 


 


 


เพียงแต่สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่ใช่ปัญหา ที่มีปัญหาคือเว่ยเฉินยาง แม่นางผู้นี้ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมแม้แต่น้อย นางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตน แต่ในใจเฝิงเยี่ยไป๋มีแต่นาง การมีอยู่ของนางก็จะต้องเป็นปัญหาใหญ่สำหรับตนแน่ๆ 


 


 


  


 


 


—— 


 


 


ตอนที่ 328 ข้าห้ามเขาได้หรือ 


 


 


 


 


 


เว่ยเฉินยางเป็นภรรยาคนแรกที่เฝิงเยี่ยไป๋แต่งเข้ามาตามพิธี ทั้งยังเป็นพระชายา เฝิงเยี่ยไป๋จะแต่งผู้หญิงคนอื่นเข้ามา นางก็ต้องนั่งในตำแหน่งภรรยาหลวงให้ทุกคนคำนับ 


 


 


สามีตัวเองแต่งผู้หญิงคนอื่นเข้าบ้าน นางยังต้องปั้นหน้ายิ้มต้อนรับพวกนาง นี่คือความเศร้าของผู้หญิง ผู้ชายของเจ้ามีภรรยาสามคนสี่คนเป็นเรื่องดี หากเจ้าไม่พอใจ ชักสีหน้าในวันแต่งงาน นั่นก็คือคนขี้อิจฉา จะถูกคนด่าเอาได้ 


 


 


ไม่ใช่เพียงเท่านั้น นางยังต้องสวมชุดสีแดง เฝิงเยี่ยไป๋แกล้งป่วยได้แนบเนียนนัก สีหน้าของเขาขาวซีด ยามที่เผยโฉมต่อหน้าทุกคนนั้นท่าทางเกือบจะสิ้นชีพ ดูไปแล้วก็เหมือนจะเป็นเรื่องจริงเช่นนั้น เหล่าพระชายารองต่างเข้ามาในจวน เฝิงเยี่ยไป๋ดื่มเหล้าไม่ได้ ย่อมให้เหลียงอู๋เย่ว์ทำแทน เขาถอยออกไปอย่างรวดเร็ว กลับทำเอาตัวเองสบายนัก 


 


 


เว่ยหมิ่นและเฉินยางนั่งคุยอยู่ด้วยกัน เฉินยางฝืนยิ้ม เรียกเว่ยหมิ่นไปกินดื่ม เล่าเรื่องต้าหมี่เป็นเช่นนั้นเช่นนี้ และก็เล่าเรื่องตลกที่ซั่งเหมยเล่าให้นางฟัง พูดคุยทุกเรื่อง ก็คือไม่พูดถึง ‘คนเหล่านั้น’ 


 


 


เว่ยหมิ่นรู้ว่าในใจนางรู้สึกแย่ นางคุยอยู่เป็นเพื่อนเฉินยางอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็กุมมือนาง ชิงถามนางว่า “ข้าได้ยินเหลียงอู๋เย่ว์เล่า ผู้หญิงเหล่านี้ล้วนเป็นเจ้าที่เลือกให้เขา” 


 


 


เฉินยางทำเสียงหึเบาๆ ด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด “เป็นเขาที่ให้ข้าเลือกให้เขา” 


 


 


เจ้าเด็กนี่… เว่ยหมิ่นไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี เฝิงเยี่ยไป๋ให้นางเลือกคือหมายถึงเช่นนี้หรือ นางคิดเป็นจริงไปเสียแล้ว? 


 


 


“เขาให้เจ้าเลือกเจ้าก็เลือกให้เขาเสียจริงแล้ว? ไม่โกรธ? ไม่วุ่นวายกับเขา?” 


 


 


“ข้าจะโกรธอะไรเล่า ข้าห้ามเขาได้หรือ” นางบุ้ยปาก เสียงสะอึ้น ใบหน้าที่ยิ้มอยู่กลายเป็นน้อยใจ 


 


 


เว่ยหมิ่นตบไหล่นางเบาๆ “ไฉนถึงห้ามไม่ได้ เจ้าไม่ลองดูจะรู้ได้อย่างไรว่าไม่ได้ เจ้าวุ่นวายกับเขาเลย! ชี้จมูกด่าเขา หากเจ้ากล้าแต่ง ข้าจะฆ่าผู้หญิงพวกนั้นให้หมด ผู้ชายล้วนชอบบอกว่าผู้หญิงไร้เหตุผลไม่ใช่หรือ เช่นนั้นเจ้าก็ไร้เหตุผลใส่เขา มีเหตุผลแล้วคนอื่นยังคิดว่าเจ้ารังแกง่ายด้วยซ้ำ!” 


 


 


เฉินยางทำหน้าบูดบึ้ง “ฮ่องเต้มีราชโองการพระราชทานงานสมรส ข้าจะวุ่นวายอะไรได้เล่า ขัดราชโองการเป็นความผิดใหญ่ อย่ารอให้สุดท้ายแล้วทำเขาลำบากอีก” 


 


 


“ถึงยามนี้แล้วเจ้ายังคิดเพื่อเขาอยู่อีก!” เว่ยหมิ่นชูมือทำท่าเจ้าเก่งจริงๆ ใส่นาง แล้วส่ายหน้าถอนหายใจไม่หยุด “พระหัตถ์ของฝ่าบาทยาวเพียงใด จะยุ่งเรื่องในบ้านของคนอื่นก็ขาดเหตุผล เจ้าน่ะ… จะให้ข้าว่าเจ้าอย่างไรดี เจ้าอ่อนแอเกินไป หากเป็นข้า ไม่ให้เข้าบ้านแม้แต่คนเดียวเลย” 


 


 


เฉินยางยื่นมือไปเอาต้าหมี่มากอดไว้แล้วลูบ จู่ๆ ก็ทำท่าเ**้ยมโหดพูดว่า “พวกนางจะให้ดีก็อย่าได้มายุ่งกับข้า และอย่าได้คิดว่าข้ารังแกได้ง่ายนัก ไม่เช่นนั้นข้าจะให้พวกนางอยู่ไม่สุข” พูดจบนางหยุดเล็กน้อยก็พูดอีกว่า “เพียงแต่น่าอวี้ไม่เป็นไร นางมาแล้วข้าก็รู้สึกดีใจอยู่ วันหลังอยากจะเจอก็ไม่ต้องรอ สามารถเจอได้ทุกวัน” 


 


 


น่าอวี้ก็อยู่ในนั้น จุดนี้กลับทำให้เว่ยหมิ่นประหลาดใจ เพียงแต่แม่นางผู้นี้ก็ซื่อสัตย์ นิสัยอ่อนโยน สำหรับเฉินยางแล้ว อย่างน้อยก็ไม่ได้เป็นศัตรู เพียงแต่อย่างไรเสียก็แต่งงานกับชายคนเดียวกัน ก็ต้องมียามที่รักคนใดมากกว่า ยามนี้ยังเรียกพี่เรียกน้อง ชีวิตหลังจากนี้อีกยาวไกล ต้องมียามที่ความสัมพันธ์จืดจางลง 


 


 


เฉินยางเป็นคนโง่ที่คนอื่นพูดเอาใจนางเล็กน้อยนางก็จะให้ใจไปทั้งหมด เว่ยหมิ่นกลัวนางจะถูกเอาเปรียบ จึงทำสีหน้าเคร่งเครียดแล้วพูดว่า “ต่อให้เป็นน่าอวี้ เจ้าก็ต้องระวังนางเสียหน่อย ใจคนยากจะคาดเดา โดยเฉพาะผู้หญิง เข้าใจหรือไม่” 


ตอนที่ 329 คืนนี้ก็ให้นางมาปรนนิบัติแล้วกัน


 


 


 


 


ใจผู้หญิงดั่งเข็มใต้ทะเล เว่ยหมิ่นเห็นละครที่เหล่าสนมเพื่อจะแย่งชิงคืนแห่งความสุขกันอย่างเอาเป็นเอาตายในวังจนชินเสียแล้ว จวนท่านอ๋องก็เฉกเช่นเดียวกับในวัง ไม่ต้องสนว่าเป็นใคร ระวังตัวไว้ไม่ผิดแน่ๆ


 


 


เฉินยางชอบน่าอวี้อยู่ เพียงแต่ได้ยินเว่ยหมิ่นพูดเช่นนี้ก็กระวนกระวายใจ น่าอวี้ไม่เหมือนเป็นคนเช่นนั้นเลย นางดีอยู่ อย่างน้อยในใจนางไม่เหมือนกับคนที่ไม่ประสงค์ดีเช่นนั้น เพียงแต่คำเตือนของเว่ยหมิ่นก็ใช่ว่าจะไร้เหตุผลไปเสียหมด เป็นไปไม่ได้ที่นางจะเกลียดน่าอวี้โดยไร้เหตุผล นางคิดอยู่ในใจเล็กน้อยแล้วก็พยักหน้าฟังเอาไว้แล้ว


 


 


หลังงานแต่งจบลง ก็เป็นคืนร่วมหอแล้ว เฉาเต๋อหลุนมาถามเขา วันนี้อยากจะพักอยู่ที่ห้องพระชายารองคนใด เฝิงเยี่ยไป๋โกรธจนเขวี้ยงหนังสือไป “เหลวไหล สมองเจ้าถูกสุนัขกินเสียแล้วหรืออย่างไร ข้าแสดงให้คนนอกเห็นว่าป่วยจนลุกไม่ขึ้นแล้วยังจะต้องร่วมหออีก? ไสหัวไป!”


 


 


เฉาเต๋อหลุนโค้งคำนับด้วยความหวาดระแวง ไม่รู้จริงๆ ว่าความโกรธของเขามาจากที่ใด เขาเสี่ยงพูดขึ้นมาอีกว่า “ท่านอ๋อง คนเหล่านี้ล้วนเป็นฝ่าบาทที่ส่งมาไม่อาจปฏิเสธได้ เพียงแต่สามารถเรียกคนหนึ่งมาปรนนิบัติอยู่ข้างกาย เพื่อให้เป็นมารยาท ถึงพระกรรณฝ่าบาท ก็จะอธิบายได้ไม่ใช่หรือ”


 


 


ความโกรธของเฝิงเยี่ยไป๋ยังไม่หายไป วันนี้เว่ยเฉินยางยิ้มหน้าแป้น ตั้งแต่ต้นจนจบวุ่นวายนานเช่นนี้แล้ว ถึงกับยังทนจนถึงที่สุด ไม่ได้แสดงความไม่พอใจใดๆ เลย นางดีใจเช่นนี้ เขากลับไม่ดีใจเสียแล้ว เจ้าเด็กนี่ไม่มีใจเลยจริงหรือ มองเขาแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นดีใจเช่นนี้เลยหรือ


 


 


ไม่ใช่ว่านางดีกับน่าอวี้หรือ ได้ นางดีใจ เช่นนั้นก็ให้สมดั่งที่นางหวัง ให้นางดีใจเพิ่มเสียอีกหน่อย


 


 


“ไปเรียกเจี่ยงน่าอวี้มา คืนนี้ก็ให้นางปรนนิบัติแล้วกัน”


 


 


อายุเช่นนี้แล้ว ยังทำตัวดั่งเด็กอีก เฉาเต๋อหลุนขานรับ ก็ให้บ่าวไปเชิญนางมาแล้ว


 


 


ต่างคนต่างรู้ว่าร่างกายเฝิงเยี่ยไป๋ไม่ดี แม้แต่เตียงก็ยังลงไม่ได้ ย่อมไม่มาเปิดผ้าคลุมหน้าของพวกนางอย่างแน่นอน เพียงแค่ส่งขันทีไปที่ห้องของแต่ละคน แล้วเอาไม้ไปเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวทั้งสามคน ถือเสียว่าทำพิธีแทนเขาไป


 


 


ที่จริงแล้วในใจของอีกสองคนที่เหลือก็ไม่ได้หวังอะไร พวกนางให้สาวใช้หมัวหมัวปรนนิบัติเก็บกวาดเรียบร้อยแล้วนอนไปอย่างรวดเร็ว มีเพียงน่าอวี้ นางเปลี่ยนชุดธรรมดา ยังคงจุดเทียนรออยู่ แผลบนตัวยังไม่หายสนิท พอถึงกลางคืนก็ค่อยๆ เจ็บขึ้นมา


 


 


อวี๋เอ๋อร์สงสารนาง นางหาวไปหลายครั้งกล่อมนางว่า “คุณหนู ให้บ่าวปรนนิบัติท่านนอนเสียก่อนเถิดท่านอ๋องป่วยถึงเช่นนั้นแล้ว จะมาได้อย่างไรอีก พรุ่งนี้เช้าพวกเราค่อยไปคำนับก็ได้เช่นกัน อย่างไรเสียก็แต่งเข้ามาแล้ว ยังขาดโอกาสที่จะได้เจอกันอีกหรือ”


 


 


น่าอวี้พูดอย่างมั่นใจว่า “เขามาไม่ได้แต่ข้าไปได้นี่ ในเมื่อแต่งเข้ามาแล้ว เช่นนั้นพวกเราจะว่างอยู่ไม่ได้ แม่นางสองคนนั้นคิดว่าคงยังไม่มีใจที่จะแย่งความรัก เฉินยางก็เป็นคนที่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่มาหาเรื่องเอง ยามนี้เป็นโอกาสที่ดีของพวกเรา ไม่อาจบอกได้ว่ายึดหัวใจของเขามาได้ทั้งหมด แต่หากได้ความรักมาบ้างสักเล็กน้อย ก็ถือว่าไม่เหนื่อยเปล่า”


 


 


“เช่นนั้นท่านก็ระวังร่างกายเสียหน่อย แผลยังไม่หายดีเลย ฝืนอยู่เช่นนี้ ดูผิวดีๆ ของท่านสิ ทิ้งรอยแผลเอาไว้ก็ไม่น่ามองแล้ว ถึงยามนั้นคิดว่าท่านอ๋องคงจะไม่อยากจะมองท่านแล้ว”


 


 


“เรื่องนี้ไม่ต้องกังวลนัก” ตั้งแต่ที่น่าอวี้เข้าประตูมา รอยยิ้มบนหน้าก็ไม่เคยหายไปเลย “เขาไม่เหมือนกับชายธรรมดาทั่วไป หากเขาเป็นคนที่มองเพียงภายนอก เว่ยเฉินยางจะสามารถแต่งงานกับเขาได้หรือ เขาเป็นผู้ที่มีความรู้มากมาย หญิงงามอะไรบ้างที่เขาไม่เคยเห็น สำหรับเขานั้น หน้าตาไม่ได้สำคัญเท่าความรู้ความสามารถ เจ้าคอยดูเถอะ ในเมื่อข้าแต่งเข้ามาอยู่ในจวนท่านอ๋องได้ ก็สามารถกุมอำนาจเอาไว้ได้”


 


 


 


 


——


 


 


ตอนที่ 330 ไปห้องนอนท่านอ๋องแล้ว


 


 


 


 


บางครั้งอวี๋เอ๋อร์ก็รู้สึกตัวเองโชคดีที่ได้อยู่กับเจ้านายดี น่าอวี้ฉลาด ยังมีความสามารถที่คาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าได้แม่นยำนัก ก็ไม่ใช่หรือ ความพยายามย่อมไม่ทำให้ใครผิดหวัง เฉาเต๋อหลุนมาเชิญนางให้ไปปรนนิบัติเฝิงเยี่ยไป๋แล้ว


 


 


น่าอวี้ไม่แสดงอาการประหลาดใจออกมา นางยิ้มให้เฉาเต๋อหลุน แสดงสีหน้าเขินอายยามเพิ่งไปห้องนอนครั้งแรกถามว่า “ผู้ดูแลใหญ่ ข้า…ข้าเพิ่งครั้งแรก ไม่รู้ว่าควรเตรียมอะไรบ้าง ได้ยินว่าท่านอ๋องป่วยหนัก มีสิ่งใดที่ต้องระวังหรือไม่ ข้าไม่ได้เป็นอะไรนัก เพียงเกรงว่าจะเสียมารยาทกับท่านอ๋อง เช่นนั้นจะเป็นโทษใหญ่หลวงเอาได้”


 


 


เฉาเต๋อหลุนโค้งตัวครึ่งหนึ่งพูดว่า “ที่ต้องระวังก็ไม่ได้มีอะไรนัก ยาของท่านอ๋องก็ได้ดื่มไปแล้ว ท่านคอยฟังคำสั่งอยู่ข้างๆ เป็นพอ เพียงแต่ท่านเป็นเจ้านาย ไม่เหมือนกับพวกเราที่เป็นบ่าว ท่านอ๋องสั่งให้ท่านทำสิ่งใด ท่านก็สั่งให้บ่าวไปทำเป็นพอ ขอเพียงเฝ้าท่านอ๋องเอาไว้ ท่านอ๋องก็ดีใจแล้ว”


 


 


น่าอวี้ไม่ได้แสดงออกอย่างสูงส่งนัก ได้ยินเขาพูดจบก็กล่าวขอบคุณ นางเรียกอวี๋เอ๋อร์ไปด้วยกัน แล้วเดิมตามเฉาเต๋อหลุนไปเลย


 


 


เพิ่งออกจากประตูหงเย่ว์เซวียน ก็เจอซั่งเหมย ซั่งเหมยเห็นน่าอวี้ ก็รีบย่อตัวลงคำนับเจ้านายใหม่ น่าอวี้ประคองนางขึ้นมาพูดว่า “ไม่ต้องมากพิธี” นางขมวดคิ้ว สีหน้ามีความละอายใจเล็กน้อย “ขอให้แม่นางกลับไปบอกพระชายา บอกว่าพรุ่งนี้เช้าข้าจะไปน้อมทักทายนาง เรื่องนี้พูดแล้วยาว ขอให้ข้าได้ค่อยๆ อธิบายให้นางฟัง”


 


 


ซั่งเหมยกล่าวว่าจะบอกให้แน่นอน จากนั้นก็มองส่งพวกนางไปที่ห้องนอนท่านอ๋อง


 


 


“นายหญิง! นายหญิง! นายหญิง!” คนยังมาไม่ถึงเสียงกลับถึงก่อนเสียแล้ว ได้ยินเสียงนี้ก็รู้ว่าเป็นซั่งเหมย เฉินยางวางผ้าปักลง แล้วพูดไปที่ประตูว่า “กลางคืนเช่นนี้ เจ้าเสียงเบาหน่อย”


 


 


ซั่งเหมยเปิดท่านเข้ามาแล้ว นางหอบหายใจเล็กน้อย แล้วพูดว่า “นายหญิง ท่านลองเดาดู เมื่อครู่ตอนที่บ่าวกลับมาได้เจอใครเข้า”


 


 


เฉินยางมองดูสีหน้าของนาง แสร้งทำเป็นตกใจว่า “เจ้าเจอผีเข้าให้แล้วหรือ”


 


 


ซั่งเหมยกระทืบเท้า ถุยไปสามครั้งแล้วพูด “อามิตตาพุทธ” จากนั้นขึ้นไปพูดว่า “ข้าเห็นแม่นางเจี่ยงแล้ว ไม่…ไม่ใช่ เป็นพระชายารองเจี่ยงแล้ว เป็นผู้ดูแลเฉานำไปด้วยตัวเอง ไปทางห้องนอนของท่านอ๋องแล้ว”


 


 


เฉินยางกระตุกในใจ ความรู้สึกเศร้าหมองค่อยๆ โผล่ขึ้นมา เขารู้ว่าน่าอวี้สนิทกับนาง ยังจะเรียกน่าอวี้ไปปรนนิบัติเขา จงใจหรือ เขาจะให้พวกนางหลังจากนี้อยู่อย่างไร เมื่อต้องเจอหน้าจะอึดอัดเพียงใด


 


 


ซั่งเหมยเห็นนางเหม่อลอย แล้วก็นึกถึงคำพูดของน่าอวี้ก็พูดอีกว่า “พระชายารองเจี่ยงพูดว่า พรุ่งนี้เช้าค่อยมาน้อมทักทายนายหญิง ถึงตอนนั้นจะค่อยๆ อธิบายให้ท่านฟัง”


 


 


ไม่มีสิ่งใดต้องอธิบาย ไม่ใช่ความผิดของนางเสียหน่อย เป็นนางที่เลือกเอง เห็นว่านางสวย มีมารยาทและอ่อนโยน ให้นางแต่งเข้ามาตัวเองก็จะได้มีเพื่อน ยามที่เพิ่งจะเลือกนั้น นางยังไม่ได้รู้สึกแย่ดั่งเช่นยามนี้ รู้สึกว่าไม่มีอะไรมากนัก ยังรู้สึกว่าเป็นตัวเองที่ใจแคบ ยามนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ในใจนางทั้งรู้สึกแย่และอึดอัด นางอยากจะร้องไห้ นางกะพริบตา จมูกเริ่มแดง นางรีบหันหน้าไปอีกทาง เสียงหม่นหมอง “รู้แล้ว ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าออกไปเถิด ข้าง่วงแล้ว อยากจะนอนแล้ว”


 


 


นายหญิงของพวกเราไม่รู้จักแย่งความรัก ทั้งๆ ที่รู้สึกน้อยใจ เพียงแต่กลับไม่ยอมพูดออกมา ยามนี้ก็ควรจะไปหาท่านอ๋องอย่างเปิดเผย จะทะเลาะหรือคุยกันดีๆ ก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือต้องให้ท่านอ๋องรู้ว่าในใจท่านมีเขาอยู่!


 


 


ซั่งเหมยเป็นกังวล นายหญิงผู้นี้ช่างน่าหงุดหงิดนัก ไม่เคยเห็นใครที่พูดไม่เป็นเท่านางเลย จะทิ้งความสุขต่างๆ ไม่เอาเสียทั้งหมดหลังจากนี้ก็ไม่ได้กระมัง ผู้ที่เป็นนายหญิงไม่เอาไหน พวกนางที่เป็นบ่าวยังจะหวังก้าวหน้าได้อย่างไร!


ตอนที่ 331 ผู้ชายกับผู้หญิงไม่เหมือนกัน 


 


 


 


 


 


หากนับดูดีๆ แล้ว นี่น่าจะเป็นการเจอกันครั้งที่สี่ระหว่างน่าอวี้กับเฝิงเยี่ยไป๋ ที่อวี้เฉวียนซานจวงหนึ่งครั้ง ที่ ‘ฉื่อเจียนฝูเซิง’ หนึ่งครั้ง ยังมีตอนที่นางมาเยี่ยมเฉินยางได้เจอเขาอีกหนึ่งครั้ง และครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่สี่ 


 


 


แม้ว่านางจะมาที่จวนท่านอ๋องอยู่เป็นเพื่อนเฉินยางบ่อยๆ เพียงแต่เขานอนป่วยอยู่บนเตียงไม่พบแขกมาตลอด ครั้งที่แล้วก็เพราะความบังเอิญถึงได้เจอครั้งหนึ่ง จำนวนครั้งที่ได้พบก็ไม่น้อยแล้ว เพียงแต่ในใจนางก็ยังคงกระวนกระวาย วันนี้ไม่เหมือนดั่งวันก่อน ครั้งนี้นางมาพบเขาในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง จะพูดสิ่งใดกระทำสิ่งใดล้วนต้องระวังเป็นพิเศษ นางไม่ได้กลัวเขา เป็นนางที่รู้ดีอยู่ในใจ ที่เฝิงเยี่ยไป๋เรียกนางไปเพราะจงใจยั่วโมโหเว่ยเฉินยาง 


 


 


เวลาผ่านมานานเช่นนี้แล้ว ระหว่างทั้งสองคนเกิดอะไรขึ้นนางก็มองออกแล้ว เว่ยเฉินยางไม่เก่งเรื่อง ‘ชายหญิง’ นัก เฝิงเยี่ยไป๋มีความรักมากมายไม่อาจแสดงออกมาได้ ทั้งสองคนเหมือนดั่งปลายเข็มกับปลายเข็ม คนหนึ่งซ่อนความรู้สึกอยุ่ในใจไม่พูดไม่แสดงออกมา อีกคนพูดแล้วทำแล้ว คนนี้ก็ไม่ยอมเข้าใจเสียที ทั้งสองคนต่างไม่ยอมกัน เดินจนถึงทางตัน ไม่มีใครยอมหันหัวกลับมา ต่างทรมานอยู่เช่นนั้น เจ็บก็เจ็บด้วยกัน 


 


 


หลังจากที่เฉาเต๋อหลุนพานางมา ก็ไม่ได้พูดอะไรแล้วเดินจากไป เรื่องเช่นนี้ คนอื่นช่วยนางไม่ได้ มีเพียงต้องพึ่งตัวเองเท่านั้น 


 


 


“ข้าน้อยน้อมทักทายท่านอ๋อง” นางยืนอยู่นอกประตูแม้เขาจะไม่เห็น พิธีมารยาทก็ครบถ้วน 


 


 


เฝิงเยี่ยไป๋แสร้งไอสองที แล้วพูดด้วยเสียงแหบแห้งเรียกให้นางเข้ามา 


 


 


น่าอวี้ให้อวี๋เอ๋อร์อยู่รอที่ข้างนอก นางเปิดม่านเข้าไปข้างใน นางได้เปลี่ยนชุดเป็นกระโปรงยาวสีชมพู รัดสายคาดเอวเผยรูปร่างที่อ่อนช้อย ตั้งแต่ศีรษะถึงเท้า ไม่มีที่ใดที่ไม่น่ามองเลย วันก่อนที่ได้พบนาง ในความเรียบนิ่งมีความทะเล้น วันนี้เจอนางกลับมีความเขินอาย ความรู้สึกที่ต่างกันสองอย่าง สำหรับเขาแล้ว พอที่จะประหลาดใจ แต่ยังห่างไกลที่จะทำให้เขาอ่อนไหว 


 


 


“มาแล้ว” เขาเหลือบมอง “ให้เจ้าแต่งมาอยู่จวนท่านอ๋องนี้ ลำบากเจ้าแล้ว” 


 


 


น่าอวี้ประคองเขาให้นั่ง “เหตุใดท่านอ๋องจึงพูดเช่นนี้ คนอื่นอยากแต่งเข้ามายังแต่งไม่ได้เลย ข้าได้สวรรค์ทรงโปรด ถึงได้มีโชคเช่นนี้” 


 


 


เขาตอบเพียงอืมเบาๆ แล้วชี้ไปที่ชาบนโต๊ะ น่าอวี้รับรู้ นางจับแก้วชาลองอุณหภูมิ เย็นแล้ว นางรินให้เขาใหม่หนึ่งแก้วแล้วส่งไห้ด้วยสองมือ รอเขาดื่มเสร็จ ก็รับแก้วชากลับมาวางไว้ที่เดิม 


 


 


“ท่านอ๋อง…” นางถือพัดโบกลมให้เขาเบาๆ น้ำเสียงมีความจนใจว่า “เมื่อก่อนข้าไม่เคยได้คิดที่จะแต่งกับท่านอ๋อง จึงได้สนิทกับพระชายา เพียงแต่ตอนนี้ดูแล้วก็จะรู้สึกจงใจเสียแล้ว ข้ารู้ว่าท่านรักพระชายามาก วันนี้… พระชายาต้องรู้สึกไม่ดีอยู่แน่ๆ คืนนี้ท่านไม่ควรจะให้ข้ามาหาเลย” 


 


 


เฝิงเยี่ยไป๋มองนางเล็กน้อย ทำเสียงหึว่า “นางรู้สึกไม่ดี? วันนี้ข้าเห็นนางยิ้มดีใจนัก รู้สึกไม่ดีตรงไหนกัน!” 


 


 


เริ่มต้นด้วยหมากนี้ถือว่าเดินถูกแล้ว หากเริ่มต้นมาก็เข้าใกล้ตีสนิทจะทำเอารู้สึกรังเกียจได้ พูดสิ่งที่อยู่ในใจเขาอย่างน้อยก็แลกความรู้สึกดีได้ วันเวลายังอีกยาวไกล รีบร้อนไม่ได้ 


 


 


น่าอวี้ขยับเข้าไปใกล้ๆ ปลอบเขาอย่างจริงจังว่า “ผู้ชายและผู้หญิงไม่เหมือนกัน ผู้หญิงล้วนรู้ดีอยู่ในใจ เพียงแต่ปากไม่พูด นางต้องการคนปลอบ… ตอนที่ข้ามาได้เจอซั่งเหมย ซั่งเหมยกลับไปต้องบอกนางเรื่องที่ระหว่างทางพบข้าแน่ๆ ท่านว่านางไม่เสียใจ เพียงแต่ข้าเดา ตอนนี้พระชายาต้องนอนร้องไห้อยู่บนเตียงแน่ๆ หากท่านเรียกนางมาตอนนี้ จะต้องเห็นสองตาบวมแบ่ง ความรู้สึกของผู้หญิงอ่อนไหวนัก ประโยคเดียว สายตาเดียวก็สามารถคิดเตลิดไปไกลได้ ปกตินางยิ่งคิดมักจะยิ่งน้อยใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่ท่านทำเรื่องที่เข้าใจผิดได้ง่ายๆ เช่นนี้!” 


 


 


 


 


 


—— 


 


 


ตอนที่ 332 ประหลาดใจ 


 


 


 


 


 


ที่เฝิงเยี่ยไป๋เรียกน่าอวี้มาหนึ่งคือจงใจยั่วโมโหเว่ยเฉินยาง สองคืออยากจะลองดูว่าแม่นางคนนี้คิดไม่ดีหรือไม่ หากนางมีเป้าหมายแอบแฝง คิดจะใช้โอกาสนี้ปีนสูงขึ้นไป หรือพูดใส่ร้ายเฉินยางเพื่อเอาใจเขา เช่นนั้นเขาก็จะไม่ต้อนรับนางอีก ตอนแรกในบ้านมีผู้หญิงเพิ่มขึ้นมาหลายคนเขารู้สึกวุ่นวายนัก หากแต่ละคนล้วนคิดไม่ดี เช่นนั้นก็จะเก็บไว้ไม่ได้แม้แต่คนเดียว จัดการพวกนางเสียให้หมด น่าอวี้ก็ไม่ยกเว้น 


 


 


เพียงแต่แม่นางนี้เขาดูไม่ผิดจริงๆ จิตใจสะอาด ไม่ได้เจ้าเล่ห์นัก กลับทำให้เขาประหลาดใจ ไม่ได้พูดใส่ร้ายเฉินยาง ทั้งยังยืนอยู่ฝั่งเฉินยางให้ทั้งสองคนคืนดีกัน จุดนี้ไม่เลวนัก ได้ใจเขาจริงๆ 


 


 


เขาค่อยๆ คลายคิ้วที่ขมวดอยู่ หากนางสามารถเป็นคนกลางที่กล่อมให้ทั้งสองคนคืนดีกันได้ แม้เขาจะไม่อาจให้นางเป็นผู้หญิงของตัวเอง อยู่ในบ้านนี้ก็จะไม่ให้นางลำบาก 


 


 


“พวกเจ้าเป็นผู้หญิงเช่นกัน หากตามที่เจ้าพูด ข้าควรจะทำอย่างไรกับนาง เจ้าเด็กนี้ดื้อดึงยิ่งนัก พูดเหตุผลให้นางฟังก็ฟังไม่เข้า พอมีอารมณ์ขึ้นมา ก็บีบคอเจ้าให้ตาย ข้าโกรธจนเจ็บไปทั้งหัวใจแล้วก็ยังทำอะไรนางไม่ได้” 


 


 


คำพูดนี้แฝงด้วยความเหนื่อยใจอยู่ลึกๆ กลับไม่ได้มีความรู้สึกที่กล่าวโทษเลย โกรธเสียที่ไหน เป็นการฟ้องที่จนใจชัดๆ รักนาง กลับไม่ได้รับความรักจากนาง ปล่อยมือไม่ได้ โกรธเจียนตายก็ได้แต่ฝืนทนอย่างเดียวดาย 


 


 


น่าอวี้รู้ว่าหมากก้าวนี้ของตัวเองเดินถูกแล้ว หากนางเข้ามาก็ใส่ร้ายเฉินยาง ยามนี้ก็คงจะถูกไล่ออกไปเสียแล้วกระมัง! คนน่ะ ที่สำคัญก็คือสมอง ความฉลาดสำคัญกว่าแผนการเล่ห์เหลี่ยมใดๆ 


 


 


นางไม่อยากให้พวกเขาคืนดีกัน เพียงแต่พูดออกมาแล้ว ไม่มีความคิดก็ไม่ได้เสีย อย่างไรก็กล่อมไปเสียก่อน เฉินยางมีนิสัยเช่นนี้ พวกเขาสองสามวันทะเลาะที เวลายังอีกยาวไกล ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีโอกาสเข้าแทรกได้ 


 


 


“ระหว่างสามีภรรยาที่สำคัญที่สุดคืออย่าได้เข้าใจผิดกัน ท่านน่ะอย่าได้สนข้าเลย ตอนนี้รีบไปหาพระชายาเถิด เกรงว่าตอนนี้ร้องไห้จนไม่น่าดูแล้ว วันนี้ทั้งวันฝืนยิ้มอยู่ตลอด ไม่ง่ายเอาเสียเลย!” พูดจบนางถึงได้ตกใจว่าเขาลงจากเตียงไม่ได้ จึงพูดด้วยสีหน้าละอายใจว่า “ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้า… โอ๊ย ข้าปากไวไปหน่อย ไม่เช่นนั้นให้ข้าไปเรียกพระชายามาให้ท่านดีหรือไม่” 


 


 


เมื่อครู่นี้คือแกล้งเขาเล่น? ก็ดี ไม่ตื่นตกใจ ไม่เสแสร้ง ควรเป็นอย่างไรก็เป็นเช่นนั้น เขาก็ไม่ได้ใจแคบโทษนางเพราะเรื่องเพียงเท่านี้ เขาตบมือให้นางนั่งลง พูดขึ้นช้าๆ ว่า “ไม่รีบ ดึกเช่นนี้แล้ว คนไร้ความสามารถอย่างนาง ร้องไห้ก็น่าจะร้องจนหลับไปเสียแล้ว หากข้าไปอีกก็เกรงว่าจะปลุกนางตื่นอีก พรุ่งนี้ค่อยเรียกนางกล่อมเป็นพอแล้ว” 


 


 


น่าอวี้ขานรับ นางก้มหน้าลง ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรอีก บรรยากาศเงียบสงัดทันที 


 


 


เฝิงเยี่ยไป๋มองนางขึ้นลงเล็กน้อย พูดกึ่งล้อเล่นว่า “นึกไม่ถึงว่าเจี่ยงเหว่ยถึงกับมีลูกสาวที่หน้าตางดงามมีมารยาทเช่นนี้ นี่คงเป็นบุญของเขาแล้ว” 


 


 


ตอนแรกน่าอวี้ก็ไม่ได้มีใจที่จะปิดบังความสัมพันธ์ของตนและเจี่ยงเหว่ย ก่อนหน้านี้เพียงแต่กลัวว่าจะไม่สามารถทำให้เขาจำได้ถึงได้ยกเจี่ยงเหว่ยขึ้นมาพูด ตอนนี้นางก็แต่งเข้ามาแล้ว แทนที่จะถูกเขาสงสัยว่าตัวเองมีเป้าหมายแอบแฝงในวันหลัง ไม่สู้ตอนนี้สารภาพเสีย นางเปลี่ยนสีหน้าเป็นโกรธแค้นพูดว่า “ท่านอ๋องยังไม่ทราบ เจี่ยงเหว่ยไม่ใช่ท่านพ่อของข้า ที่จริงแล้วเป็นอาของข้า บ้านข้านั้นเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นมา ทั้งบ้านเหลือเพียงน้องชายกับข้า เพราะมีชีวิตอยู่ต่อไม่ไหวถึงได้มาที่เมืองหลวงฝากชีวิตไว้กับเขา” 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม