กับดักรักในรอยแค้น 324-331

      ตอนที่ 324 ขอร้องล่ะได้หรือเปล่า 


 


 


           เธอจะต้องคิดหาวิธีถึงจะถูก ไม่อย่างนั้นถ้าหากให้เฉิงเฮ่าเจอหน้ากับเผยหนานเจวี๋ยจริงๆ ล่ะก็ เธอก็จะรับประกันไม่ได้ว่าเขาจะเกิดเรื่องหรือเปล่า 


 


 


           หลังจากครุ่นคิดแล้ว ฉู่อีอีล็อคเป้าหมายของเธอไว้ที่คนเฝ้าด้านนอกห้อง 


 


 


           ตอนกลางวัน ขณะที่ฉู่อีอีลงมากินข้าวชั้นล่าง หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าเฉิงเฮ่าไม่ได้อยู่ในห้อง เธอเดินไปยังห้องครัว 


 


 


           วิธีเดียวที่เธอจะใช้ได้ก็คือขอยืมโทรศัพท์มือถือของคนใช้ พนักงานชั่วคราวที่ทำอาหารให้ฉู่อีอีกินคนนั้น จะมาที่นี่เฉพาะในเวลาที่กำหนดไว้ในตอนเที่ยงและตอนเย็นเท่านั้น ทุกครั้งหลังจากรอจนฉู่อีอีและเฉิงเฮ่ากินข้าวเสร็จแล้ว เธอถึงจะจากไป 


 


 


           ฉู่อีอีคว้าโอกาสนี้ไว้ เธอเดินไปที่ห้องรับแขกถือแก้วใบหนึ่งแล้วเดินไปยังห้องครัว ทำทีเหมือนจะไปรินน้ำดื่ม 


 


 


           สองคนที่เฝ้าห้องกินข้าวเห็นฉู่อีอีเดินไปที่ห้องครัวก็ไม่ได้ใส่ใจ ยังคงยืนเฝ้าอยู่ที่เดิม 


 


 


           หลังจากเข้าไปในห้องครัวแล้ว ฉู่อีอีแอบมองออกไปข้างนอก หลังจากมั่นใจแล้วว่าสองคนนั้นไม่ได้ตามมา แอบถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็เดินไปข้างๆ พนักงานชั่วคราว 


 


 


           “พี่สาว พี่จะให้ฉันยืมโทรศัพท์มือถือหน่อยจะได้หรือเปล่า” ฉู่อีอีเดินไปข้างๆ คนรับใช้ชั่วคราว สายตาที่มองเธอมีความวิงวอน นี่คือโอกาสเดียวของเธอ เธอต้องลองดู 


 


 


           แม้ไม่กล้ารับประกันว่าเธอจะยอม แต่ว่าเธอยังต้องลองดู 


 


 


           พนักงานชั่วคราวได้ยินคำพูดของฉู่อีอีแล้ว เห็นดวงตาที่น่าสงสารของเธอ ในใจไม่อยากก่อเรื่อง มาทำอาหารที่นี่ตั้งหลายวัน เธอมองออกตั้งนานแล้ว ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นแค่ผู้หญิงที่เจ้าของบ้านจับตัวกลับมาก็เท่านั้น 


 


 


           “ขอร้องล่ะได้หรือเปล่า แค่เอามือถือให้ฉันยืมใช้แป๊บเดียวก็พอ หนึ่งนาที หนึ่งนาทีฉันจะคืนให้พี่” ดวงตาของฉู่อีอีมีน้ำตาคลอ เอ่ยปากไม่หยุด 


 


 


           “แต่ว่า ถ้าคุณชายรู้จะต้องไม่ปล่อยฉันแน่” แม้ว่าอยากจะช่วยฉู่อีอีมาก แต่ว่าเธอกลัวตายมากกว่า 


 


 


           “ไม่หรอก ฉันรับรอง ฉันรับรองว่าเขาจะไม่สงสัยพี่แน่นอน ขอร้องพี่ล่ะ เร็วสิ ไม่งั้นจะไม่ทันการนะ”  


 


 


ฉู่อีอีร้อนใจจนอยากจะร้องไห้แล้ว ก็แค่ขอยืมโทรศัพท์มือถือส่งข้อความเท่านั้น มันช่างยากเหลือเกิน 


 


 


           ครุ่นคิดหลายรอบ พนักงานชั่วคราวคนนั้นก็ยังตัดสินใจเอาโทรศัพท์มือถือให้ฉู่อีอียืม “ก็ได้ นาทีเดียวนะ” 


 


 


           ฉู่อีอีดีใจ ขอบคุณคนคนนั้น ยื่นมือออกไปรับโทรศัพท์มือถืออย่างรวดเร็วแล้วส่งข้อความหาเผยหนานเจวี๋ย จากนั้นก็ลบข้อความทิ้งอย่างรวดเร็ว เมื่อทำทุกอย่างเสร็จแล้ว ฉู่อีอีพบว่าสองมือของเธอสั่นเทาจนน่ากลัว 


 


 


           “ขอบคุณนะ” ฉู่อีอีขอบคุณคนคนนั้น จากนั้นก็หันหลังรินน้ำหนึ่งแก้วแล้วเดินออกไปยังห้องกินข้าว เธอใช้เวลาอยู่ในห้องครัวนานเกินไปแล้ว ถ้าเธอไม่รีบออกมาอีกล่ะ จะต้องทำให้พวกเขาสงสัยแน่นอน 


 


 


           เพิ่งจะมาถึงห้องกินข้าว ฉู่อีอีก็ถูกส่งกลับห้องตามคาด 


 


 


           ในห้อง ฉู่อีอีเดินกลับไปกลับมาไม่หยุด สองมือประสานกัน หวังว่าเผยหนานเจวี๋ยจะเห็นข้อความ 


 


 


           อีกฝ่าย หลังจากเผยหนานเจวี๋ยได้รับข้อความจากเฉิงเฮ่าแล้ว ก็รีบส่งคนไปจัดการแล้ว ในความของเขา คนคนนั้นจะต้องลักพาตัวโดยไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าอย่างแน่นอน 


 


 


           หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว เผยหนานเจวี๋ยหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะขึ้นมา หน้าจอสว่างขึ้นปรากฏข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน 


 


 


           ทันทีที่เปิดอ่าน จะต้องเป็นข้อความที่ฉู่อีอีส่งหาเขาแน่นอน เนื้อหาข้อความเป็นเพียงตัวอักษรธรรมดาไม่กี่ตัว [หนานเจวี๋ย ฉันอยู่ที่อาคาร B ในเขตวิลล่าชานเมืองตะวันตก] 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยตื่นตกใจ ลุกขึ้นยืนเดินออกไปข้างนอกทันที พลางสั่งการให้คนไปเจอหน้าเฉิงเฮ่า 


 


 


           กดตำแหน่งที่ตั้งในข้อความ เผยหนานเจวี๋ยพาคนไปที่นั่น เมื่อเขาเพิ่งมาถึงด้านหน้าประตูวิลล่า ก็เห็นว่ามีคนยืนอยู่เต็มวิลล่าไปหมด 


 


 


 


 


 


     ตอนที่ 325 ช่วยฉู่อีอีหนีออกมา 


 


 


           กัดฟันสายตาเย็นยะเยือก กวาดตาค้นหาทั่วทุกทิศ เมื่อเขาเห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ที่ระเบียงชั้นสามจากที่ไกลๆ เผยหนานเจวี๋ยมองจ้องไป พบว่าเธอคือฉู่อีอีจริงๆ 


 


 


           ดีจังเลย เธอไม่เป็นไร ในใจรู้สึกโล่งอก รีบคิดหาวิธีทันที เขาตัดสินใจหลอกล่ออีกทางเพื่อโจมตีอีกทาง หลังจากพูดคุยกับคนข้างๆ ครู่หนึ่งแล้ว เผยหนานเจวี๋ยก็ลงจากรถไปก่อน 


 


 


           ขณะที่คนอื่นๆ เข้าไปโดยตรง เผยหนานเจวี๋ยอาศัยช่วงชุลมุน ปะปนเข้าวิลล่าไป 


 


 


           ที่ชั้นบน ทันทีที่วิ่งขึ้นมาถึงชั้นสาม ระบุตำแหน่งเมื่อครู่ของฉู่อีอีได้แล้ว เพิ่งจะออกมาจากมุม ก็เห็นว่ามีคนอยู่ด้านนอกห้องของฉู่อีอี เขารีบหลบทันที การบุกเดี่ยวในตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายมีกันสองคน หากต่อสู้กันมีแต่จะเสียเวลาเท่านั้น 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยคิดในใจ กวาดสายตาเห็นแจกันตรงหัวบันได คิดหาวิธีท่ามกลางสถานการณ์คับขัน เขายกขาเตะมันอย่างแรง แจกันใบนั้นร่วงลงสู่พื้น ส่งเสียงดังชัดเจน 


 


 


           เมื่อชายสองคนด้านนอกประตูได้ยินเสียงดัง ก็รีบวิ่งไปที่บันได ในเวลานี้เผยหนานเจวี๋ยซ่อนตัวอยู่ในกล่องใบใหญ่ เมื่อเห็นสองคนออกมา ยื่นมือผลักข้างละคน ทั้งสองคนตัวลอยและกลิ้งลงไปชั้นล่างแล้ว 


 


 


           มองดูสองคนที่สลบเหมือด เผยหนานเจวี๋ยรีบเดินไปยังห้องของฉู่อีอีทันที 


 


 


           เปิดประตูออก เผยหนานเจวี๋ยตะโกนเรียกทันใด “อีอี” 


 


 


           อีอีที่ยืนอยู่ที่ระเบียงได้ยินเสียงคุ้นเคยก็ดีใจ กลับหลังหัน เห็นเผยหนานเจวี๋ยอยู่ด้านหลังตัวเอง ดีใจมาก ปรี่เข้าไปหาเขาทันที ดีจังเลย ในที่สุดเขาก็ได้รับข้อความของเธอแล้ว ในที่สุดเขาก็มาแล้ว 


 


 


           น้ำตาพรั่งพรูในวินาทีที่เห็นเผยหนานเจวี๋ย ไม่มีใครรู้ว่าหลายวันนี้เธอผ่านอะไรมาบ้าง 


 


 


           “หนานเจวี๋ย” สองมือของฉู่อีอีกอดเผยหนานเจวี๋ยแน่น ซุกศีรษะอยู่ในอกของเขา 


 


 


           “อีอี ไม่ต้องกลัว ผมอยู่นี่ พวกเรากลับกัน” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ย ยื่นมือตบๆ หลังของฉู่อีอี 


 


 


           “ที่นี่อันตรายมาก หนานเจวี๋ย คุณไม่ควรมาเลย” ฉู่อีอีเงยหน้าที่เปื้อนน้ำตามองเผยหนานเจวี๋ยพร้อมเอ่ย 


 


 


           “เด็กโง่ ผมจะไม่มาได้ยังไง” เผยหนานเจวี๋ยพูดจบ จูงมือฉู่อีอีเดินออกไปจากห้อง 


 


 


           ฉู่อีอีมองแผ่นหลังที่สูงใหญ่ของเผยหนานเจวี๋ย รู้สึกซาบซึ้งในใจ มือน้อยๆ จับมือใหญ่โตของเขาแน่น 


 


 


           ชั้นล่างเกิดความวุ่นวาย คนของเผยหนานเจวี๋ยเพียงแค่ก่อความโกลาหลเล็กน้อยก็จากไปแล้ว เพราะเผยหนานเจวี๋ยบอกพวกเขาไว้ว่าเพียงแค่ทำให้เขาเข้าไปได้ก็พอแล้ว 


 


 


           ซ่อนตัวอยู่ที่ชั้นสอง เผยหนานเจวี๋ยคอยสังเกตความเคลื่อนไหวภายนอก ในใจรู้ดีว่าแบบนี้พวกเขาออกไปไม่ได้แน่ ฉะนั้นเขาจึงกำลังรอจังหวะเวลา 


 


 


           เขาแจ้งความไว้ก่อนที่จะมาแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นาน ตำรวจก็คงจะมาถึงแล้ว 


 


 


           เป็นไปตามคาด ไม่ช้าตำรวจก็มาถึงแล้ว ลูกน้องของเฉิงเฮ่าเห็นตำรวจที่ปรากฏตัวกะทันหัน จู่ๆ ก็ทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย 


 


 


           “ตำรวจ อย่าขยับ!” เมื่อโจรกระจอกพวกนั้นได้ยิน ก็รีบเอาสองมือไว้บนหัว แต่ละคนก้มตัวลงอย่างเชื่อฟัง 


 


 


           ตลกน่า คนเขามีปืน เหตุการณ์เล็กน้อยที่ทำให้เกิดสงครามนั้นเป็นเรื่องที่อันตรายมาก 


 


 


           เมื่อเผยหนานเจวี๋ยได้ยินเสียงเตือนของตำรวจ ก็จูงมือของฉู่อีอีเดินลงมาชั้นล่าง 


 


 


           “สารวัตรหวง คุณมาแล้วเหรอ พวกเขากักขังหน่วงเหนี่ยวคู่หมั้นของผม เชื่อว่าคุณคงจะรู้ว่าต้องทำยังไงนะ” เผยหนานเจวี๋ยเดินออกมาจากในบ้าน มองสารวัตรหวงพร้อมเอ่ย 


 


 


           “วางใจเถอะครับคุณเผย ผมรู้ดี เรื่องทางนี้ไว้เป็นหน้าที่ผม คุณพาคู่หมั้นของคุณกลับบ้านก่อนเถอะครับ” สารวัตรหวงมองเผยหนานเจวี๋ยพร้อมเอ่ยปากทันที บนใบหน้ามีรอยยิ้ม 


     ตอนที่ 326 อันตรายแค่ไหนผมก็จะช่วยคุณ 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยได้ยินแล้วพยักหน้า ประคองฉู่อีอีจากไป 


 


 


           บนรถ ฉู่อีอีหลับตาพิงซบในอ้อมอกของเผยหนานเจวี๋ย 


 


 


           “อีอี คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยถาม ยื่นมือตบหลังของเธอเบาๆ น้ำเสียงเจือปนความเจ็บปวด สองวันนี้เขาเป็นห่วงเธอมากจริงๆ 


 


 


           กลัวว่าเธอจะเจอกับอุบัติเหตุอะไร 


 


 


           “ฉันไม่เป็นไร หนานเจวี๋ย คุณเป็นห่วงฉันใช่หรือเปล่า” ฉู่อีอีลืมตา เงยหน้าสบตากัยเผยหนานเจวี๋ย หลังจากเห็นสายตาที่เป็นกังวลของเขาแล้ว ดวงตาก็แดงก่ำ 


 


 


           คิดถึงเรื่องที่ถูกเฉิงเฮ่ากักขังหลายวันนี้ ทุกวันถูกเขาบังคับขืนใจ ในใจของเธอก็รู้สึกผิดต่อเผยหนานเจวี๋ย 


 


 


           “เด็กโง่ ผมก็ต้องเป็นห่วงคุณอยู่แล้ว” เผยหนานเจวี๋ยได้ยินคำพูดของฉู่อีอี ในใจก็ยิ่งรู้สึกผิด คิดถึงเรื่องที่ตัวเองไม่รู้ว่าเธอหายตัวไปตั้งนานขนาดนั้น 


 


 


           ฉู่อีอีได้ยินคำตอบของเผยหนานเจวี๋ย พยักหน้า จากนั้นก็กอดเขาอีกครั้ง เธอชอบอ้อมกอดของเขาที่สุดเลย 


 


 


           “หนานเจวี๋ย คุณรู้หรือเปล่าว่าเมื่อกี้มันอันตรายแค่ไหน” ฉู่อีอีเอ่ยปากอย่างอ่อนล้า หลับตา มุมปากยกยิ้มน้อยๆ จนแทบมองไม่เห็น 


 


 


           “อีอี ไม่ว่าจะอันตรายแค่ไหน ผมก็จะช่วยคุณ” เผยหนานเจวี๋ยพูด ความเจ็บปวดในดวงตายิ่งเด่นชัดขึ้น  


 


 


           รถขับไปจนถึงวิลล่าของบ้านเผย หลังจากถึงวิลล่าแล้ว เผยหนานเจวี๋ยอุ้มฉู่อีอีลงมาจากรถ แล้วพาขึ้นไปชั้นบน 


 


 


           ในห้องนอน เผยหนานเจวี๋ยยืนอยู่ข้างเตียง มองดูฉู่อีอีที่ผล็อยหลับไปแล้ว ในใจของเผยหนานเจวี๋ยเริ่มรู้สึกสับสนอีกครั้ง 


 


 


           หลังจากช่วยฉู่อีอีกลับมาแล้ว เผยหนานเจวี๋ยก็คิดถึงฉู่เจียเสวียนโดยไม่รู้ตัวอีกครั้ง 


 


 


           คนที่เขาชอบในตอนนี้คือฉู่เจียเสวียน แม้ว่าเขากับฉู่เจียเสวียนจะเป็นไปไม่ได้ เขารู้สึกว่าก็ไม่ควรฉุดรั้งฉู่อีอี เดิมทีเขาต้องการคุยกับฉู่อีอีให้รู้เรื่อง แต่ว่าพอมาเกิดเรื่องแบบนี้เข้า ไม่ว่าอย่างไรเผยหนานเจวี๋ยก็พูดเรื่องที่เขาไม่ชอบเธอไม่ออก 


 


 


           ถ้าหากเขาพูดออกไปแล้ว ฉู่อีอีคิดไม่ตกฆ่าตัวตายอีกครั้งจะทำอย่างไร ในใจรู้สึกว้าวุ่น เอื้อมมือช่วยห่มผ้าให้ฉู่อีอี หันหลังออกจากห้องไปอย่างหงุดหงิด 


 


 


           ในห้องหนังสือ 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานแล้ว สายตาจ้องอยู่ที่เอกสารบนโต๊ะ แต่ว่าในสมองกลับรู้สึกหงุดหงิด 


 


 


           ตอนนี้ฉู่เจียเสวียนมีกงจวิ้นฉือข้างกายแล้ว อีกทั้งตอนนี้ชีวิตของเธอก็ดีมาก ไม่จำเป็นต้องมีเขา 


 


 


           ส่วนฉู่อีอีทำอะไรตั้งมากมายเพื่อทำร้ายฉู่เจียเสวียน อาจเป็นไปได้มากว่าเธอรู้สึกว่าเขาปฏิบัติต่อเธอไม่ดี สุดท้ายแล้วมันก็เป็นความผิดของเขา 


 


 


           ถ้าหากเขาไม่เย็นชาต่ออีอีเพียงนั้น อีอีก็จะไม่ทำร้ายฉู่เจียเสวียน ถ้าหากเขาไม่เย็นชาต่อฉู่อีอี เช่นนั้นเธอก็จะไม่ถูกคนจับตัวไป 


 


 


           ระหว่างที่ใจลอย จู่ๆ ประตูห้องหนังสือของเผยหนานเจวี๋ยก็เปิดออก ฉู่อีอีเข้ามาจากข้างนอก แววตาเปี่ยมไปด้วยความตื่นตระหนก 


 


 


           “หนานเจวี๋ย…” ฉู่อีอีโผเข้ากอดเผยหนานเจวี๋ย น้ำตาเปล่งประกายอยู่ในดวงตา ร่างกายสั่นเทาแผ่วเบา 


 


 


           “อีอี คุณเป็นอะไรไป” เผยหนานเจวี๋ยมองฉู่อีอีในอ้อมอก เอ่ยปากอ่อนโยน 


 


 


           “หนานเจวี๋ย ฉันนึกว่าคุณไม่ต้องการฉันแล้ว” ฉู่อีอีตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนของเขา น้ำเสียงคับข้องใจเหลือแสน ราวกับว่าเธอคือเด็กน้อยที่ถูกทอดทิ้ง 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยได้ยินคำพูดของฉู่อีอี เจ็บปวดในใจ 


 


 


           “ไม่หรอก อีอี ผมจะอยู่ที่นี่ตลอดไป คุณไม่ต้องเป็นห่วง” เผยหนานเจวี๋ยพูดกับฉู่อีอี ความเจ็บปวดผุดขึ้นอยู่ในแววตา 


 


 


           ฉู่อีอีพยักหน้า ไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่กอดเผยหนานเจวี๋ยแน่นไม่หยุด ราวกับต้องการเอาเผยหนานเจวี๋ยรวมเข้ากับเลือดเนื้ออย่างไรอย่างนั้น 


 


 


 


 


 


       ตอนที่ 327 เฉิงเฮ่า 


 


 


           หลังจากส่งฉู่อีอีกลับห้องนอนและกล่อมเธอจนหลับแล้ว เผยหนานเจวี๋ยจึงหันหลังจากไป ที่ระเบียง เงยหน้ามองดวงดาวเต็มท้องฟ้า เผยหนานเจวี๋ยถอนหายใจยืดยาว 


 


 


           ผ่านเรื่องครั้งนี้ไปแล้ว เขาควรจะอธิบายให้ฉู่อีอีฟัง ว่าเขารักษาสัญญาที่ให้ไว้กับฉู่อีอีไม่ได้ 


 


 


           เขาคิดถึงเธอมากจริงๆ มองดูดวงดาวเต็มท้องฟ้า เผยหานเจวี๋ยรู้สึกราวกับว่าเห็นใบหน้าของฉู่เจียเสวียนด้วย 


 


 


           ดึงสติกลับมา ดื่มไวน์ที่อยู่ในแก้วจนหมด หันหลังกลับเข้าห้องหนังสือ 


 


 


           เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปหลายวัน เรื่องของฉู่อีอีก็ผ่านไปเช่นนี้แล้ว 


 


 


           ในออฟฟิศท่านประธานที่บริษัทกลุ่มเผย เผยหนานเจวี๋ยกำลังทบทวนเอกสารอย่างจริงจัง จู่ๆ โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะก็ดังขึ้น 


 


 


           “ฮัลโหล” เห็นเบอร์แปลกโทรเข้ามา เผยหนานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ไม่ได้คิดมาก 


 


 


           “คุณเผยหนานเจวี๋ย?” เสียงที่มีเสน่ห์ดังขึ้น เผยหนานเจวี๋ยตกใจ เขานั่นเอง ผู้ชายที่จับฉู่อีอีไป เขากล้ารับประกันได้เลยว่าเขาไม่ได้ฟังผิดอย่างแน่นอน 


 


 


           “มีอะไร” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวเย็นชา น้ำเสียงเยือกเย็นลงทันใด คาดเดาอยู่ในใจว่าเขาโทรมาหาตัวเองทำไม 


 


 


           “ดูแล้วคุณเผยยังจำผมได้นะ” เสียงหัวเราะดังมาจากปลายสาย ดวงตาของเฉิงเฮ่าส่องประกายสลัว 


 


 


           “มีอะไรก็รีบพูดมาเถอะ” เผยหนานเจวี๋ยไม่ต้องการพูดจาเหลวไหลกับเขา เอ่ยถามตรงๆ ดวงตามีความเย็นยะเยือก 


 


 


           “ผมชื่อเฉิงเฉ่า ไม่ทราบว่าคุฌเผยเคยได้ยินหรือเปล่า” 


 


 


           เฉิงเฮ่า? เผยหนานเจวี๋ยพูดชื่อซ้ำอยู่ในใจ รู้สึกว่าคุ้นกับชื่อนี้มาก แต่ว่าคิดไม่ออกว่าเคยได้ยินที่ไหน 


 


 


           “ไม่เคย คุณหาผมมีอะไรกันแน่ ถ้าไม่มีล่ะก็ ผมจะวางหูแล้ว” เผยหนานเจวี๋ยพูดจบ กำลังต้องการจะวางหูพอดี ก็ได้ยินเสียงของเฉิงเฉ่าดังขึ้น  


 


 


           “คุณเผย คราวก่อนคุณช่วยอีอีออกไปได้ เพื่อเป็นการชื่นชมในความกล้าหาญของคุณ ผมก็เลยส่งของขวัญชิ้นพิเศษให้คุณ” พูดจบ เขาก็วางหูแล้ว 


 


 


           ไม่นาน เขาก็ได้รับเอ็มเอ็มเอสข้อความหนึ่ง ข้างในมีร่างที่โป๊เปลือย 


 


 


           ม่านตาหดตัวลง ริมฝีปากของเผยหนานเจวี๋ยเม้มกันจนเป็นเส้นตรง 


 


 


           เขาน่าจะรู้ตั้งนานแล้ว ฉู่อีอีถูกเขาจับตัวไปหลายวันแบบนั้น มันจะไม่เป็นอันตรายได้อย่างไร รู้สึกจุกแน่นในหัวใจทันที ฉู่อีอีก็ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง 


 


 


           ระหว่างที่อึ้งอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นอีกครั้ง ยังคงเป็นเบอร์เดิม “คุณเผย คุณชอบของขวัญชิ้นนี้หรือเปล่า” เสียงที่มืดมนและมีเสน่ห์พูดต่อ 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยกำโทรศัพท์มือถือไว้แน่น ราวกับว่าจะบีบให้มันแตกละเอียด “ฉันไม่สนว่านายเป็นใคร ถ้าหากนายกล้าเผยแพร่รูปนี้ออกไปล่ะก็ ฉันรับประกัน ว่านายจะไม่ได้เดินออกไปจากเมืองนี้แน่!” 


 


 


           “หึหึ คุณเผย ผมเชื่อว่าคุณมีความสามารถนี้ พวกเราทำข้อแลกเปลี่ยนกันเป็นไง” เฉิงเฮ่ากล่าว บนใบหน้ามีรอยยิ้มกระหายเลือด 


 


 


           “แลกเปลี่ยนอะไร?” เอ่ยปากเย็นชา เผยหนานเจวี๋ยคาดเดาเป้าหมายของเขาอยู่ในใจไม่หยุด 


 


 


           “ผมมีธุรกิจอยากคุยกับคุณเผย ไม่รู้ว่าคุณเผยสนใจหรือเปล่า” เฉิงเฮ่าพูด แสงสลัวในแววตายิ่งมืดมนกว่าเดิม 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ย ฉู่อีอีเป็นผู้หญิงของฉันได้แค่คนเดียวเท่านั้น ในเมื่อฉู่อีอีชอบนายขนาดนั้น งั้นฉันก็จะค่อยๆ แย่งของที่อยู่ในมือนายทีละอย่างๆ 


 


 


           เขาอยากให้ฉู่อีอีเข้าใจอย่างชัดเจนว่ามีเพียงเขาที่คู่ควรกับเธอ ผู้ชายคนอื่นอย่าแม้แต่จะคิด 


 


 


           “ธุรกิจอะไร” หัวใจเต้นแรงขึ้น ถามเขาอย่างระมัดระวัง 


 


 


           “พรุ่งนี้บ่ายโมง พวกเราเจอกันที่ร้านกาแฟหวงเจีย” พูดจบ เฉิงเฮ่าก็วางหูแล้ว 


 


 


           เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณโทรศัพท์ถูกตัดไป แววตาของเผยหนานเจวี๋ยยิ่งเยือกเย็นกว่าเดิม ก้มหน้าดูรูปถ่ายในมือถือ เผยหนานเจวี๋ยรู้สึกทุกข์ใจอย่างอธิบายไม่ถูก 


   ตอนที่ 328 ความรู้สึกถึงอันตรายของฉู่อีอี 


 


 


           ตอนกลางคืนเมื่อถึงบ้าน หลังจากเผยหนานเจวี๋ยกับฉู่อีอีกินข้าวเสร็จแล้วก็นั่งอยู่บนโซฟา 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยมองใบหน้าด้านข้างฉู่อีอี สายตาเปี่ยมด้วยการค้นหา 


 


 


           ‘เอาอีกแล้ว’ รู้สึกว่าสายตาของเผยหนานเจวี๋ยกำลังมองเธออีกครั้ง ฉู่อีอีรู้สึกสงสัยอย่างอดไม่ได้ คืนนี้เขาเป็นอะไรไป เธอรู้สึกว่าคืนนี้เผยหนานเจวี๋ยมีท่าทางแปลกๆ 


 


 


           ตั้งแต่ลงมาจากบริษัทจนถึงบ้าน เผยหนานเจวี๋ยมักจะมองเธอเช่นนี้ตลอด ในตอนแรก เธอยังนึกว่าเขาคิดถึงเธอ แต่ว่าตอนนี้ดูแล้วไม่น่าใช่ 


 


 


           “หนานเจวี๋ย คุณเป็นอะไรไป” หลายวันนี้ เผยหนานเจวี๋ยกลับวิลล่าตรงเวลา อีกทั้งยังดูแลเธอเป็นอย่างดี ส่วนเธอก็ค่อยๆ ทิ้งเฉิงเฮ่าไปเบื้องหลังแล้ว ไม่ไปคิดถึงเขาอีก 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยส่ายหน้า เพียงแค่ละสายตาออกจากฉู่อีอี เขาจะพูดกับเธอได้อย่างไร ถ้าหากเธอรู้ว่าเขารู้แล้วว่าเธอหลับนอนกับผู้ชายคนอื่น เธอจะรับได้หรือเปล่า 


 


 


           เมื่อเขาเห็นรูปถ่ายรูปนั้นในวันนี้ ในใจก็ไม่สามารถทนไม่ได้ ถ้าหากปล่อยให้เธอรู้ล่ะก็…เผยหนานเจวี๋ยไม่กล้าคิด 


 


 


           วันนี้เมื่ออีกฝ่ายบอกชื่อของตัวเอง เผยหนานเจวี๋ยก็สั่งให้คนตรวจสอบรายละเอียดของเฉิงห่าวแล้ว แต่สืบเจอเพียงแค่เขามีบริษัทแห่งหนึ่งที่ต่างประเทศ มีบริษัทแห่งหนึ่งในประเทศ และเขาเพิ่งกลับเมืองจีนมาได้ไม่นาน 


 


 


           เม้มปาก เผยหนานเจวี๋ยเอ่ย “อีอี ดึกมากแล้ว คุณไปพักผ่อนก่อนเถอะ ผมยังมีเอกสารที่ต้องจัดการ คุณไม่ต้องรอผม” 


 


 


พูดจบ เผยหนานเจวี๋ยก็ขึ้นชั้นบนไปก่อน 


 


 


           ตอนนี้เขาไม่สามารถเผชิญหน้ากับฉู่อีอีได้ ในทางตรงกันข้าม ในใจของเขาคิดว่าถ้าหากเขาไม่ได้เย็นชาต่อฉู่อีอีล่ะก็ คนอื่นก็จะไม่สามารถฉวยโอกาสได้ 


 


 


           ฉู่อีอีมองดูเงาของเผยหนานเจวี๋ย รู้สึกอึดอัดใจจางๆ สำหรับเหตุผลที่เธอไม่สบายใจนั้น เธอก็บอกไม่ได้ 


 


 


           หลายวันนี้ เธออยู่ในบ้านตลอดเวลา เดิมทีเธอกังวลมาตลอดว่าเฉิงเฮ่าจะตามหาเธอจนเจอ แต่ว่าโชคดีที่เขายังไม่มา 


 


 


           บ่ายโมงของวันต่อมา เผยหนานเจวี๋ยถึงสถานที่นัดหมายกับเฉิงเฮ่า แต่ว่าเผยหนานเจวี๋ยรอเกือบสองชั่วโมง ก็ไม่เห็นเฉิงเฮ่าปรากฏตัว 


 


 


           ‘หรือว่าเขาจะถูกอีกฝ่ายแกล้งซะแล้ว’ เผยหนานเจวี๋คิดในใจอย่างไม่พอใจ แววตาเปี่ยมด้วยความโมโห 


 


 


           “คุณเผย?” ในที่สุด ในขณะที่เผยหนานเจวี๋ยรอจนเกือบหมดความอดทน เฉิงเฮ่าก็โผล่มาแล้ว 


 


 


           เงยหน้าขึ้น ก็เห็นใบหน้ายิ้มแสยะของเฉิงเฮ่ามองมาที่เขา 


 


 


           “เฉิงเฮ่า?” เผยหนานเจวี๋นกล่าวพร้อมมองเฉิงเฮ่า 


 


 


           “ถูกต้อง” เฉิงเฮ่าไม่รอเผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปากก็นั่งลงตรงข้ามเขา สายตามองดูเผยหนานเจวี๋ยอย่างสำรวจ 


 


 


           ‘หน้าตาใช้ได้ แต่ว่าเขาก็ไม่ได้ด้อยกว่าอีกฝ่ายเท่าไร’ หลังจากสำรวจเผยหนานเจวี๋ยเรียบร้อยแล้ว เฉิงเฮ่าก็ได้ทำการประเมินผลด้วยความยุติธรรม นอกจากมีเงินนิดหน่อย เขาก็ดูไม่ออกจริงๆ ว่าเขาสู้เผยหนานเจวี๋ยไม่ได้ตรงไหน และไม่เข้าใจว่าทำไมฉู่อีอีถึงชอบเขาขนาดนั้น 


 


 


           ช่างเถอะ ในเมื่อเธอชอบ งั้นเขาก็จะใช้ให้เป็นประโยชน์ก็แล้วกัน 


 


 


           “คุณหาผมมีธุรกิจอะไรจะคุยกับผมเหรอ” เผยหนานเจวี๋ยยิงถามตรงประเด็น มองดูใบหน้าของเฉิงเฮ่า เขารู้สึกว่าคุ้นตาเล็กน้อย แต่ว่าคิดไม่ออกเลยสักนิดว่าเคยเจอเขาที่ไหน 


 


 


           “คุณเผยเป็นคนใจร้อนตามคาดจริงๆ งั้นผมก็ไม่อ้อมค้อมแล้ว” เฉิงเฮ่าเอ่ยปากบอกเป้าหมายของเขากับเผยหนานเจวี๋ย 


 


 


           เดิมที เขามีล็อตสินค้าอลูมิเนียมอยู่ที่ต่างประเทศ จำเป็นต้องจัดส่งมายังตลาดภายในประเทศ แต่ไม่สามารถหาผู้ช่วยได้เลย ยิ่งทำให้หาผู้ขายไม่ได้ด้วย ถ้าไม่คิดวิธีจัดส่งเข้ามา โครงการของเขาก็จะไม่ประสบความสำเร็จ หากทำตามขั้นตอนจะต้องใช้เวลาประมาณครึ่งเดือน ฉะนั้นเขาจึงคิดที่จะมาหาเผยหนานเจวี๋ย 


 


 


          


 


 


     ตอนที่ 329 คุณพอใจแล้วยัง 


 


 


           “นี่คือธุรกิจที่คุณบอกเหรอ” ฟังเฉิงเฮ่าจบแล้ว เผยหนานเจวี๋ยกล่าวเย็นชา แววตาที่มองเขาเปี่ยมด้วยความเยือกเย็น 


 


 


           เขานึกว่าเป็นธุรกิจใหญ่อะไรเสียอีก ที่แท้ก็แค่ชุดของอลูมิเนียมที่มีมูลค่าเพียงห้าสิบล้านเท่านั้น 


 


 


           “ผมรู้ว่าคุณเผยร่ำรวยล้นฟ้า ดูถูกธุรกิจเล็กๆ พวกนี้ แต่ว่าผมต้องการอลูมิเนียมชุดนี้จริงๆ ถ้าหากนำเข้ามาไม่ได้ อาคารมูลค่าหลายร้อยล้านของผมก็ต้องหยุดชะงักแล้ว” ใบหน้าของเฉิงเฮ่าแสดงอาการไม่แยแสโดยสิ้นเชิง ไม่ร้อนรนเหมือนที่เขาพูดเลยสักนิด 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยเข้าใจเป็นอย่างดี เป้าหมายของเขาไม่ใช่แค่อลูมิเนียมธรรมดาแน่นอน 


 


 


           “ได้ ผมรับปากคุณ คุณเอารูปพวกนั้นให้ผม แล้วรับปากว่าจะไม่โผล่มาให้อีอีเห็นหน้าอีก ไม่อย่างนั้น ผมจะทำให้คุณเสียใจแน่” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวเย็นชา แววตาที่มองเฉิงเฮ่าไม่มีความอบอุ่นแม้แต่น้อย 


 


 


           เฉิงเฮ่าได้ยินคำพูดของเผยหนานเจวี๋ยแล้วกลับรู้สึกสบายใจ หยิบม้วนฟิล์มนั้นออกมาทันที ส่งให้เผยหนานเจวี๋ย 


 


 


           อย่างไรก็ตามเพียงแค่เขาต้องการ ฉู่อีอีก็จะต้องอยู่ในมือของเขา สำหรับเขาแล้วฟิล์มพวกนี้เป็นแค่ของที่ไร้ประโยชน์เท่านั้น 


 


 


           “คุณเผย แบบนี้พอใจแล้วยัง” เฉิงเฮ่ากล่าวพร้อมมองเผยหนานเจวี๋ย เผยหนานเจวี๋ยพยักหน้า 


 


 


           จากนั้นก็โทรศัพท์หาผู้ช่วย ให้เขาส่งหนังสือสัญญาฉบับหนึ่งมาให้ 


 


 


           ประสิทธิภาพการทำงานของผู้ช่วยนั้นสูงมาก ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเขาก็ส่งหนังสือสัญญามาแล้ว 


 


 


           “คุณเผย ยินดีที่ได้ร่วมมือกันนะครับ” เฉิงเฮ่ายื่นมือต้องการจะจับมือกับเผยหนานเจวี๋ย แต่ว่าเผยหนานเจวี๋ยได้แต่มองเขาอย่างเย็นชา 


 


 


           “เฉิงเฮ่า หวังว่าคุณจะจำที่ผมพูดวันนี้ได้” เผยหนานเจวี๋ยพูดจบ ร่างกายที่สูงใหญ่ลุกขึ้นยืน ออกไปจากร้านกาแฟทันที 


 


 


           เฉิงเฮ่าหดมือกลับอย่างสง่างาม มองแผ่นหลังของเผยหนานเจวี๋ย หรี่ตา 


 


 


           หนานเจวี๋ย สักวันหนึ่ง ฉันจะเหยียบร่างที่ภาคภูมิใจของนายให้จม 


 


 


           เวลาเที่ยงคืน ทันใดนั้นก็มีเสียงโห่ร้องดังออกมาจากห้องของฉู่เจียเสวียน 


 


 


           “สุขสันต์วันเกิด!” ถังถังกับฉู่เจียเสวียนกึ่งนั่งอยู่บนเตียง เห็นเพียงของว่างมากมายกระจัดกระจายอยู่บนเตียง 


 


 


           “ที่รัก ขอบคุณนะ เห็นพวกเราในตอนนี้แล้วก็นึกถึงตอนที่อยู่มหา’ลัยเลย ตอนนั้นพวกเราก็ทำแบบนี้ ฉลองไปพลางกินของว่างไปพลาง เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ เลยนะ” ถังถังเอื้อมมือโอบคอของฉู่เจียเสวียน พูดกับเธออย่างสบายอกสบายใจ 


 


 


           “นั่นสิ มา พวกเราชนแก้วกัน ดื่มให้กับอดีต” ฉู่เจียเสวียนเอ่ย เอื้อมมือหยิบแก้วทรงสูงที่โต๊ะข้างเตียง ยื่นให้ถังถังหนึ่งแก้ว 


 


 


           ถังถังยื่นมือรับ สองแก้วชนกัน ส่งเสียงดังแจ่มใส เมื่อเงยหน้าขึ้น ทั้งสองคนก็ดื่มไวน์ในแก้วจนหมด 


 


 


           วันนี้เป็นวันเกิดของถังถัง เวลาห้าทุ่มของคืนก่อนหน้า จู่ๆ ถังถังก็มาที่บ้านของฉู่เจียเสวียน บอกว่าอยากรำลึกถึงสมัยมหาวิทยาลัย และฉลองวันเกิดถึงรุ่งสาง 


 


 


           คืนนี้ถังถังรื่นเริงเป็นพิเศษ ไม่รู้เป็นเพราะว่ามีความสุขจริงๆ หรือเปล่า ดังนั้นเธอจึงดื่มเยอะไปหน่อย แก้วแล้วแก้วเล่า ฉู่เจียเสวียนมองพร้อมขมวดคิ้ว 


 


 


           “ถังถัง เธอเป็นอะไรไป” ฉู่เจียเสวียนขมวดคิ้ว เธอดื่มไวน์ขวดนั้นไปครึ่งหนึ่งแล้ว 


 


 


           “ฉันไม่ได้เป็นอะไรนี่นา มีความสุข มา ที่รัก แก้วนี้เพื่อเธอกับจวิ้นฉือ อวยพรให้พวกเธอสองคนเป็นทองแผ่นเดียวกันเร็วๆ!” บนใบหน้าของถังถังมีรอยยิ้มแจ่มใส มองฉู่เจียเสวียนพร้อมเอ่ย 


 


 


           เงยหน้าดื่มไปอีกแก้ว 


 


 


           “เอาล่ะ ถังถัง ถึงจะมีความสุขเธอก็อย่าดื่มเยอะเลย พรุ่งนี้ปวดหัวจะทำยังไง” ฉู่เจียเสวียนย่นคิ้วมองเธอ แววตามีงุนงง 


 


 


           “เฮ้ย นานๆ ทีจะมีความสุข ก็ต้องดื่มให้เต็มที่อยู่แล้ว” ถังถังเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ มองฉู่เจียเสวียนพร้อมยิ้มสดใส 


 


 


           “แต่…” 


 


 


           “เอาน่า ที่รัก เธอก็เห็นว่าพวกเราไม่ได้ดื่มไวน์กันแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว? เธออย่าขัดความสุขได้หรือเปล่า” ถังถังมองฉู่เจียเสวียนเอ่ย แม้ว่าใบหน้าจะยิ้มเบิกบาน แต่ว่าแววตาของเธอมีประกายความสิ้นหวังแวบหนึ่ง 


       ตอนที่ 330 คุณยังรักเขาไหม


 


 


           ฉู่เจียเสวียนก้มหน้าพอดี ไม่เห็นประกายความสิ้นหวังนั้นของถังถัง


 


 


           “เอาเถอะ” ฉู่เจียเสวียนครุ่นคิดแต่ตอบได้เพียงเท่านี้ ใครบอกให้วันนี้เธอใหญ่ที่สุดล่ะ? เธอก็ทำได้เพียงเออออตามเท่านั้น


 


 


           ได้ยินคำตอบของฉู่เจียเสวียน คราวนี้ถังถังยิ่งดื่มหนักว่าเดิมแล้ว แก้วแล้วแก้วเล่า ดื่มจนไม่พักหายใจหายคอ


 


 


           ในที่สุด เมื่อขวดไวน์ว่างเปล่า ถังถังก็เมาพับไปแล้ว ในตอนนี้ฉู่เจียเสวียนก็เมาเล็กน้อย หน้าแดงชวนหลงใหล


 


 


           เมื่อเห็นถังถังนอนแผ่หลาอยู่บนเตียง ฉู่เจียเสวียนสูดหายใจลึก ยื่นมือตบๆ หน้า ต้องการให้ตัวเองตื่นตัวขึ้นมาบ้าง


 


 


           ย้ายของว่างที่อยู่บนเตียงทั้งหมดมาไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็จัดตัวถังถังให้ตรง ดึงผ้าห่มให้เธออย่างดี


 


 


           “ต้องมีความสุข…เธอจะต้องมีความสุข…” จู่ๆ ถังถังบ่นพึมพำ ฉู่เจียเสวียนอึ้งไป ยื่นหูไปใกล้ปากของเธอ ต้องการฟังให้ชัดว่าเธอพูดอะไร


 


 


           แต่ว่า ถังถังไม่ได้พูดอะไรอีก มีเพียงปากที่ขยับ ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย ฉู่เจียเสวียนส่ายหน้าและหัวเราะ จากนั้นก็เดินออกไปจากห้องเพื่อต้มน้ำแกงแก้เมาให้ถังถัง ทันทีที่ประตูปิดลง ถังถังก็พึมพำอีกครั้ง “จวิ้นฉือ…นายจะต้องมีความสุข จวิ้นฉือ…”


 


 


           หลังจากที่ฉู่เจียเสวียนออกจากห้องนอนไปแล้ว ก็เข้าไปต้มน้ำแกงแก้เมาในห้องครัวทันที


 


 


           หลังจากต้มเสร็จ ฉู่เจียเสวียนตักน้ำแกงแก้เมาใส่ถ้วย ถือถ้วยออกไปจากห้องรับแขก วางถ้วยแก้งลงบนโต๊ะ ฉู่เจียเสวียนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา


 


 


           เพียงจะหยิบออกมา จู่ๆ โทรศัพท์มือถือก็ดึงขึ้นแล้ว ฉู่เจียเสวียนสะดุ้งโหยง โทรศัพท์มือถือเกือบลื่นหลุดจากมือของเธอ


 


 


           ตบๆ หน้าอก มองดูสายเรียกเข้าที่คุ้นเคย ฉู่เจียเสวียนยิ้ม จากนั้นก็กดรับสาย “ฮัลโหล จวิ้นฉือ ดึกป่านนี้แล้วคุณยังไม่นอนเหรอ”


 


 


           “อืม นอนไม่หลับ ถังถังน่าจะอยู่กับคุณใช่ไหม” ดังที่ทุ้มต่ำอบอุ่นดังขึ้น เจือปนรอยยิ้มเล็กน้อย


 


 


กงจวิ้นฉือเดินไปยังหน้าต่างบานใหญ่ มองดูดาวนอกหน้าต่าง ยิ้ม


 


 


           “คุณรู้ได้ยังไง เธอเพิ่งมาคืนนี้ตอนห้าทุ่มกว่าๆ” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปากสงสัย เลิกคิ้ว


 


 


           “เมื่อก่อนตอนอยู่เมืองนอก เขาก็เคยลากผมไปดื่มเหล้าที่บาร์ในเช้าวันเกิดของเขา บอกว่าเพื่อเป็นการฉลอง” กงจวิ้นฉือยิ้มเอ่ย สายตามองไปยังที่ไกลๆ ราวกับว่ากำลังตามหาความทรงจำ


 


 


           “เหรอคะ เขาชอบทำอะไรแบบนี้แหละ คุณโทรมาหาฉันดึกป่านนี้เพื่อจะบอกฉันเรื่องนี้เหรอ” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยถาม ใบหน้าไร้รอยยิ้ม มือสางผม ลุกขึ้นยืน เปิดประตูบานใหญ่แล้วเดินออกไปยังระเบียง สายลมยามค่ำคืนที่พัดผ่านตัวเธอ ทำให้ความง่วงซึมในสมองตื่นตัวไม่น้อย


 


 


           “ฟังจากน้ำเสียงของคุณแล้ว ถ้าผมไม่มีอะไรก็หาคุณไม่ได้งั้นสิ” เอ่ยขำ กงจวิ้นฉือพูดเสียงสูงขึ้นเล็กน้อย


 


 


           “ไม่ใช่สักหน่อย ฉันยินดีเสมอ” ริมฝีปากยกยิ้ม ใบหน้าที่ละเอียดอ่อนยิ่งสวยงามยิ่งขึ้นในตอนกลางคืน เธอเอื้อมมือจับราว หันกลับมาและเอนหลังพิงบนราวนั้น


 


 


           “หึหึ พูดเหมือนจะจริงอย่างนั้นแหละ ถังถังล่ะ” เสียงที่อบอุ่นของกงจวิ้นฉือดังขึ้น น้ำเสียงสดชื่นเหมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิ


 


 


           “คืนนี้เขาดื่มหนัก ตอนนี้หลับไปแล้ว ทำไมดึกป่านนี้แล้วคุณยังไม่นอนล่ะ” ฉู่เจียเสวียนกล่าว เปลือกตาเริ่มหนักอึ้ง


 


 


           ที่จริงเธอก็ดื่มไปไม่น้อย เพียงแค่ไม่ได้เยอะเหมือนถังถังก็เท่านั้น


 


 


           “คิดถึงคุณน่ะ ก็เลยนอนไม่หลับ” กงจวิ้นฉือพูดขึ้น น้ำเสียงจริงจัง ดวงตามองดาวบนท้องฟ้าตลอดเวลา เหมือนกับฉู่เจียเสวียนอยู่บนฟากฟ้า


 


 


           ฉู่เจียเสวียนได้ยินคำพูดของกงจวิ้นฉือ ตื่นตัวขึ้นมาทันใด รอยยิ้มบนใบหน้าก็จางหายไปด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่กงจวิ้นฉือพูดจาลึกซึ้งแบบนี้กับเธอ


 


 


           “คุณดื่มเหรอ ทำไมคืนนี้คุณถึงได้อ่อนไหวแบบนี้ล่ะ” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยสงสัย


 


 


           “อืม ดื่มวิสกี้ไปแก้วนึง แต่ผมสติครบถ้วน” กงจวิ้นฉือกล่าว น้ำเสียงจริงจัง ตั้งแต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยดื่มเหล้าจนเมา ไม่ใช่เพราะเขาอวดเก่ง แต่เขาไม่เคยดื่มเหล้าเยอะ ฉะนั้นจึงไม่เมา


 


 


           จู่ๆ โทรศัพท์ก็ตกอยู่ในความเงียบ กงจวิ้นฉือไม่รอให้ฉู่เจียเสวียนตอบ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากอย่างลังเล “เจียเสวียน…”


 


 


           “หืม?” ฉู่เจียเสวียนได้ยินกงจวิ้นฉือพูด รีบตอบรับทันที


 


 


           “ถามคุณเรื่องนึง” สูดหายใจลึก เสียงที่ทุ้มต่ำของกงจวิ้นฉือดังมาจากปลายสาย


 


 


           “อะไรเหรอ”


 


 


           “คุณยังรักเขาไหม”


 


 


           ได้ยินคำถามของกงจวิ้นฉือ ฉู่เจียเสวียนรู้โดยธรรมชาติว่า ‘เขา’ ของกงจวิ้นฉือคือใคร รู้สึกว้าวุ่นใจทันใด เพราะเธอไม่เคยคิดว่ากงจวิ้นฉือจะถามเธออย่างกะทันหันเช่นนี้ เธอไม่ทันแม้แต่จะคิด


 


 


           นึกถึงวันนั้นที่ร้านกาแฟ คำที่เขาเคยพูดกับเธอ


 


 


           “เจียเสวียน เหมือนว่าผมจะชอบคุณเข้าแล้ว”


 


 


           ในขณะนั้นเธอรู้สึกชัดเจนว่าหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ


 


 


           รักเขาเหรอ หึหึ แน่นอนว่าไม่รักอยู่แล้ว มันเป็นเพียงแค่ฝันฉากหนึ่งของเธอเท่านั้น


 


 


           ตอนเด็กๆ นึกว่ามีวาสนาเป็นเนื้อคู่กับเขา แต่ว่าเมื่อโตขึ้นจึงรู้ว่านั่นเป็นเพียงฉากฝันที่เธอสร้างขึ้นมาก็เท่านั้น ตอนนี้ฝันได้สลายไปแล้ว เธอจะยังรักเขาอยู่ได้อย่างไร


 


 


           “ฉันไม่ได้รักนานแล้ว” ผ่านไปสักพัก ฉู่เจียเสวียนเอ่ย วินาทีที่ตอบนั้น หัวใจของเธอทั้งรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยและทั้งโล่งอกเล็กน้อย


 


 


           สามปีนี้ กงจวิ้นฉือไม่เคยเอ่ยปากถามเธอเช่นนี้เลย ฉะนั้นตอนที่เขาถาม ในใจเธอมีความตื่นตระหนก แต่มันยิ่งโล่งใจมากกว่า


 


 


           กงจวิ้นฉือได้ฟังคำตอบของฉู่เจียเสวียนแล้ว ก็รู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก


 


 


           ใบหน้าที่สุขุมสง่างามมีรอยยิ้ม เดิมทีเขายังกังวลใจว่าช่วงนี้ฉู่เจียเสวียนและเผยหนานเจวี๋ยเจอหน้ากันบ่อยขึ้นเนื่องด้วยเรื่องงานแล้วถ่านไฟเก่าจะคุหรือเปล่า ตอนนี้คิดดูแล้วเขาคงจะคิดมากไปเอง


 


 


           เรื่องบางเรื่องเช่นบาดแผลของคน ไม่ควรถกขึ้นมาง่ายดายนัก แต่ว่าบางอย่างใช่ว่าเมื่อเวลาผ่านไปแล้วจะปล่อยวางได้จริงๆ เมื่อวันนั้นที่สามารถเมินเฉยได้แล้ว เชื่อว่าเวลานั้นต่างหากจึงจะสามารถสงบลงได้จริงๆ


 


 


           “เจียเสวียน ดึกมากแล้ว รีบพักผ่อนเถอะ ดึกมากแล้ว” กงจวิ้นฉือพูด น้ำเสียงสบายใจ


 


 


           “โอเค พรุ่งนี้เป็นวันสุดสัปดาห์ ฉันจะไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า คุณไม่ต้องตามหาฉัน คุณมีธุระก็ไปทำธุระของคุณก่อน ฉันไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเสร็จแล้วจะกลับมาหาคุณ” ฉู่เจียเสวียนกล่าว ยื่นมือปิดปากหาว ดวงตาที่สดใสกระพริบถี่


 


 


           “โอเค ราตรีสวัสดิ์”


 


 


           “ราตรีสวัสดิ์” วางสาย ฉู่เจียเสวียนสูดอากาศที่บริสุทธิ์ยามค่ำคืนลึกๆ จากนั้นก็กลับหลังหันเข้าห้องรับแขกไป


 


 


           เดิมทีเธอต้องการดื่มน้ำแกงแก้เมานี้ แต่เธอพบว่าเธอไม่เมาอีกต่อไปแล้ว ส่วนน้ำแกงแก้เมานั้นก็ยกขึ้นชั้นบนให้ถังถังดื่มแล้ว


 


 


 


 


     ตอนที่ 331 งานอาสาสมัคร


 


 


           เช้าวันต่อมา หลังจากฉู่เจียเสวียนตื่นแล้วก็พบว่าถังถังยังคงนอนอยู่ มุมปากยกยิ้ม ส่ายหน้า เปิดผ้าห่มลงมาจากเตียง เข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา


 


 


           หลังจากล้างตาล้างตาเสร็จแล้ว ก็เห็นถังถังนั่งอยู่บนเตียง นวดคลึงศีรษะ ยังคงหลับตาแน่น เมื่อได้ยินความเคลื่อนไหวเธอก็ลืมตาขึ้น เห็นฉู่เจียเสวียนล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อยแล้ว


 


 


           “ที่รัก เธอเป็นไงบ้าง” ถังถังกล่าว มองฉู่เจียเสวียนด้วยท่าทางกะตือรือร้น เห็นได้ชัดว่าสติของเธอยังไม่ฟื้นคืนเต็มที่


 


 


           “ฮือๆ…ฉันปวดหัวจังที่รัก” ถังถังพูดขึ้น จากนั้นก็ล้มตัวลงบนเตียงและหลับตาลงอีกครั้ง


 


 


           “เมื่อคืนบอกเธอแล้วว่าอย่าดื่มเยอะขนาดนั้นเธอก็ไม่เชื่อ เรียกให้เธอดื่มแกงแก้เมาเธอก็ไม่ดื่ม คราวนี้สบายตัวล่ะสิ?” ฉู่เจียเสวียนกล่าว เดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อและเริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้า


 


 


           เมื่อคืนเธอเอาน้ำแกงแก้เมามาให้เธอดื่มแล้ว แต่ว่าเธอก็ไม่ฟัง คราวนี้เป็นไงล่ะ เปลี่ยนเสื้อออกมาแล้วก็พบว่าถังถังนอนอยู่บนเตียงอีกครั้ง หัวเราะ เปิดประตูห้องจากนั้นก็เดินลงไปชั้นล่าง


 


 


           ซูซานซานทำเหมือนทุกครั้ง เธอเตรียมอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ในเวลานี้เห็นเธอลงมาก็ยิ้ม “ถังถังล่ะ เขายังไม่ตื่นเหรอ”


 


 


“เปล่าค่ะ ยัยนั่นน่ะตื่นแล้ว แต่ว่าหลับต่อ” ฉู่เจียเสวียนหัวเราะ เอื้อมมือตักโจ๊ก แล้วเริ่มกิน


 


 


           ซูซานซานได้ยินแล้วก็พยักหน้า และเริ่มลงมือกินอาหารเช้าด้วย


 


 


           “อ้อ แม่คะ วันนี้เป็นวันเกิดถังถัง คืนนี้พวกเราไปกินข้าวข้างนอกกันเถอะค่ะ” ฉู่เจียเสวียนราวกับนึกอะไรบางอย่างได้ พูดกับซูซานซาน


 


 


           “ได้ งั้นแม่ไม่ทำข้าวเย็นนะ” ซูซานซานยิ้มตอบ


 


 


           “อืม จริงสิ เดี๋ยวหนูจะไปเป็นอาสาสมัครที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แม่คะ ตอนบ่าย หนูจะให้จวิ้นฉือมารับแม่” ฉู่เจียเสวียนพูด กินโจ๊กคำสุดท้ายในถ้วยจนหมด ลุกขึ้นยืน


 


 


           “ได้ จวิ้นฉือไม่ได้ไปด้วยกันกับลูกเหรอ” ซูซานซานเอ่ยถาม สายตามองตาฉู่เจียเสวียน


 


 


           “ไม่ค่ะ เขางานยุ่งขนาดนั้น ยิ่งไปกว่านั้นหนูก็ไม่ได้ไปครั้งแรก แม่วางใจเถอะ” ฉู่เจียเสวียนยิ้มเอ่ย เห็นสายตาเป็นกังวลของซูซานซานก็ส่งสายตาให้เธอวางใจ


 


 


           ตั้งแต่ฉู่เจียเสวียนแท้งลูก ขอเพียงมีเวลาว่างก็จะไปทำงานอาสาสมัครที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เพราะเธอรู้สึกว่าเด็กเหล่านั้นน่าสงสารเกินไปแล้ว ฉะนั้นเธอจึงต้องการให้ความรักแก่พวกเขาสักหน่อย แม้เธอไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่ว่าเธอก็อยากเป็นกำลังส่วนหนึ่งในการมอบความรักเล็กๆ น้อยๆ แก่เด็กเหล่านั้น


 


 


           “ได้” ซูซานซานฟังแล้วก็พยักหน้า ไม่ได้ถามอะไรต่ออีก


 


 


ก่อนที่ฉู่เจียเสวียนจะไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก็กลับไปที่ร้านชุดแต่งงานก่อน เพราะไม่รู้ว่าถังถังจะมาถึงบริษัทเมื่อไร ฉะนั้นเธอจึงจัดการงานสำคัญให้เสร็จก่อนเธอจึงจะไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า


 


 


           เธอจะไปเป็นอาสาสมัครที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตอนสิบเอ็ดโมงเช้า ดังนั้นเธอยังมีเวลาอีกมาก


 


 


           ขณะที่ฉู่เจียเสวียนออกไปจากวิลล่านั้น ถังถังจึงค่อยๆ ตื่นขึ้น แต่ว่าเธอปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัวจนแทบทนไม่ไหว ทั้งๆ ที่เธอเมาค้างไปเพียงครู่เดียวเท่านั้น ทำไมเธอถึงได้เหนื่อยแบบนี้


 


 


           หลังจากตื่นนอนและเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำแล้ว ถังถังจึงรู้สึกสดชื่นขึ้นมาเล็กน้อย เก็บข้าวของเสร็จแล้วก็ลงมายังห้องรับแขก เห็นซูซานซานกำลังตัดแต่งสวนภายใต้แสงอาทิตย์


 


 


           เธอก้าวเท้าเดินออกไป เพิ่งมาถึงที่ระเบียง แสงอาทิตย์ก็ส่องอยู่บนตัวของเธอ ทำให้ผิวของเธอขาวดุจหิมะชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อกวาดตามองแต่ไม่พบฉู่เจียเสวียนก็รู้ว่าเธอกลับไปที่บริษัทแล้ว


 


 


           “คุณน้าซู” ถังถังเอ่ย มองซูซานซานด้วยรอยยิ้ม


 


 


           “ถังถัง เธอตื่นแล้วเหรอ รีบไปกินข้าวเช้าเถอะ”


 


 


           ซูซานซานพูด วางกรรไกรตัดแต่งในมือลง เดินเข้าไปในบ้าน ง่วนกับการเอาอาหารเช้าให้ถังถังกิน ถังถังตามหลังเธอไป


 


 


           หลังจากซูซานซานนำอาหารเช้าให้ถังถังกินเสร็จแล้ว ถังถังจึงกลับไปที่บริษัท


 


 


           ในออฟฟิศท่านประธานของบริษัทกลุ่มเผย ใบหน้าของเผยหนานเจวี๋ยหล่อเหลาและเย็นชา กำลังทบทวนเอกสารในมือด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม