หวนแค้นชะตารัก 322-329

 ตอนที่ 322 ข้ามีคนรักแล้ว


 


วังตะวันออก


 


 


ฟู่เฉินหรงอยู่ในชุดขุนนางสีเหลืองอมน้ำตาล ปักลายงูเหลือมสี่กรงเล็บ นั่งในตำแหน่งเจ้าบ้าน


 


 


ถัดลงมามีหญิงสาวโฉมงามนั่งอยู่ เสื้อสีม่วงขับให้นางยิ่งดูสูงศักดิ์ ความอ่อนหวานของนางต่างจากหญิงสาวทั่วไป หว่างคิ้วแฝงด้วยความห้าวหาญ


 


 


นางคือเฟิงชิงสุ่ยผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือทั่วแคว้นเจียง แทบไม่มีใครในแคว้นเจียงไม่รู้จัก ผู้ชายที่อยากแต่งงานกับนางต่างเดินย่ำเข้าออกจวนแม่ทัพสยบปฐพีจนธรณีประตูชำรุด


 


 


แต่ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ทรงอนุญาตให้เฟิงชิงสุ่ยเลือกสามีได้อย่างอิสระ นางซึ่งอายุยี่สิบเต็มจึงยังไม่ออกเรือน แม้อายุไม่น้อยแล้ว ลูกหลานตระกูลใหญ่มากมายในเมืองหลวงก็ยังอยากแต่งงานกับนาง


 


 


เวลานี้ฮ่องเต้ทรงหมั้นหมายเฟิงชิงสุ่ยให้ฟู่เฉินหรง ไม่มีใครกล้าพูดอะไร เพียงแต่รู้สึกว่าเหมาะสมกันดี


 


 


ฟู่เฉินหรงถือถ้วยชาไว้ในมือ ราชโองการหมั้นหมายมาถึงอย่างกะทันหัน ทั้งๆ ที่เขาทูลปฏิเสธกับฮ่องเต้แล้ว คาดไม่ถึงว่าพระองค์จะทรงใช้วิธีนี้มาทำให้เขายอมรับการหมั้นหมาย


 


 


พระราชทานการหมั้นหมายแล้วจะเป็นอย่างไร เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่แต่งงานกับเฟิงชิงสุ่ย ว่าไปแล้วเขายังมีการหมั้นหมายที่แคว้นเว่ยอีก


 


 


“ไม่ทราบว่าองค์รัชทายาทเรียกหม่อมฉันมา มีเรื่องอะไรหรือ”


 


 


กู้เฉินหรงดื่มชา แล้ววางถ้วยชาลงบนโต๊ะ “ข้าได้ยินชื่อเสียงคุณหนูเฟิงมานานแล้ว รู้ว่าคุณหนูเฟิงเป็นยอดหญิง เสียดายที่ข้ามีคนรักแล้ว ไม่อาจแต่งงานกับคุณหนูเฟิง ต้องขออภัยคุณหนูเฟิงด้วย”


 


 


ในเมื่อไม่อาจทูลซุ่นตี้อย่างชัดเจน เขาจึงขอพูดกับเฟิงชิงสุ่ยให้ชัดเจนเอง เฟิงชิงสุ่ยต่างจากคุณหนูตระกูลใหญ่ทั่วไป เขาไม่อยากให้นางเข้าใจเขาผิด จึงอยากให้นางเข้าใจความคิดของเขา อย่าให้เกิดความรู้สึกที่ไม่เป็นผลดีต่อเขา


 


 


เวลานี้เขาต้องการซูจิ่วซือเท่านั้น ไม่ต้องการข้องเกี่ยวกับหญิงอื่น ไม่เช่นนั้นซูจิ่วซือคงไม่พอใจ


 


 


เขาทุ่มเทมากมายกว่าซูจิ่วซือจะรับรัก ถ้าเขาจัดการเรื่องเฟิงชิงสุ่ยไม่ดี เขารู้ว่าซูจิ่วซือต้องจากไปแน่ นางไม่ใช่คนที่ยอมทนเพื่อเลี่ยงปัญหา เขาเองก็ไม่อยากทำให้นางเสียใจ


 


 


เฟิงชิงสุ่ยเชื่อมั่นในตัวเอง และนางสามารถช่วยฟู่เฉินหรงได้ นางจึงประหลาดใจที่ฟู่เฉินหรงปฏิเสธนาง


 


 


นางหลงรักฟู่เฉินหรง ยังมั่นใจว่าสามารถทำให้เขารักนางได้ คิดไม่ถึงว่าพอพบกันอย่างเป็นทางการครั้งแรกก็ถูกเขาปฏิเสธ เดิมทีนางคิดว่าที่ฟู่เฉินหรงเชิญนางมายังวังตะวันออกเพราะเขาชอบนาง แต่กลับคาดผิด


 


 


ฟู่เฉินหรงปฏิเสธนางเพื่อหญิงคนหนึ่ง แสดงว่าเขาเป็นคนที่ยึดมั่นในความรักและคุณธรรม และยังแสดงว่าสายตานางใช้ได้ ดูคนไม่ผิด


 


 


ถ้าพลาดผู้ชายอย่างนี้ น่าเสียดายจริงๆ ยากที่จะเจอผู้ชายที่ทำให้นางหวั่นไหว จึงไม่อาจปล่อยไปง่ายๆ


 


 


สีหน้าเฟิงชิงสุ่ยเกร็งเล็กน้อย แล้วกลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว นางพยักหน้าให้ฟู่เฉินหรง “หม่อมฉันเห็นองค์รัชทายาทครั้งแรกก็ประทับใจ ยินดีแต่งงานเป็นชายาของพระองค์


 


 


แต่หม่อมฉันก็ทราบดีว่าความรักนั้นไม่อาจฝืนใจ พระองค์ยึดมั่นในความรักและคุณธรรม หม่อมฉันชื่นชมองค์รัชทายาท การหมั้นหมายครั้งนี้เป็นราชโองการของฝ่าบาท หม่อมฉันจะไม่บีบให้องค์รัชทายาทรับหม่อมฉันเป็นชายา


 


 


หม่อมฉันมีความคิดหนึ่ง ไม่ทราบว่าองค์รัชทายาทอยากฟังหรือไม่”


 


 


“ยินดีฟังอย่างละเอียด”


 


 


“องค์รัชทายาทโปรดให้เวลาหม่อมฉันสามเดือน ถ้าพ้นสามเดือนนี้แล้วพระองค์ยังไม่อยากแต่งงานกับหม่อมฉัน หม่อมฉันจะเข้าเฝ้าฝ่าบาท ขอให้ทรงถอนราชโองการ ถึงตอนนั้นหม่อมฉันยังคงจะเกลี้ยกล่อมให้บิดายืนอยู่กับฝ่ายองค์รัชทายาท พระองค์เห็นอย่างไรเพคะ”


 


 


 


 


——


 


 


ตอนที่ 323 ไม่จำเป็น


 


 


 


 


เฟิงชิงสุ่ยจะใช้การถอยเป็นการรุก นางเป็นฝ่ายถอย ฟู่เฉินหรงไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ ยามนี้เขาต้องการการสนับสนุนจากแม่ทัพสยบปฐพี


 


 


ถ้าการหมั้นหมายยังอยู่ ย่อมแสดงว่าแม่ทัพสยบปฐพีอยู่ข้างฟู่เฉินหรง


 


 


นี่เป็นเรื่องที่เป็นผลดีต่อเขา ไม่มีผลเสีย


 


 


ขณะนี้ฟู่เฉินหรงตกอยู่ในสภาพที่ภายในมีทุกข์ภายนอกมีภัย ถ้าแม่ทัพสยบปฐพี ยืนอยู่ข้างเขา ย่อมช่วยให้เขายืนได้อย่างมั่นคง นับว่าข้อเสนอของเฟิงชิงสุ่ยน่าสนใจมาก


 


 


“คุณหนูเฟิง ข้าแน่ใจว่าข้าไม่แต่งงานกับเจ้า อย่าว่าแต่สามเดือนเลย ต่อให้สามสิบปี ก็ไม่เปลี่ยนใจ


 


 


ถ้าคุณหนูเฟิงมีความคิดเช่นนี้ ขอให้เลิกคิดเถอะ ข้ายินดีร่วมมือกับคุณหนูเฟิง แต่ไม่คิดจะเอาความรักมาเสี่ยง ความรักของข้ามีให้คนคนเดียวเท่านั้น”


 


 


เฟิงชิงสุ่ยนึกไม่ถึงว่าฟู่เฉินหรงยังคงปฏิเสธ ในใจนางรู้สึกผิดหวัง แต่ยังไม่ยอมแพ้ “องค์รัชทายาทไม่กล้าแม้แต่จะให้เวลาข้าสามเดือนหรือ”


 


 


“ไม่จำเป็น ไม่มีความหมาย”


 


 


“ถ้าองค์รัชทายาทสามารถยกเลิกการหมั้นหมายครั้งนี้ กระหม่อมยินดีรอ ไม่บังอาจมีข้อสงสัยใดๆ แต่หม่อมฉันยังคงยืนยันว่าจะรอสามเดือนแล้วค่อยไปทูลฝ่าบาท หม่อมฉันจะไม่ทูลฝ่าบาทก่อนเวลาเด็ดขาด”


 


 


มุมปากเฟิงชิงสุ่ยมีรอยยิ้มผุดขึ้นเป็นครั้งคราว นี่คือความตั้งใจของนาง นางจะไม่เป็นฝ่ายยกเลิกงานแต่งงานเอง และเชื่อว่าเวลานี้ฟู่เฉินหรงไม่มีความสามารถที่จะยกเลิกการหมั้นหมายนี้ มีเรื่องมากมายรอให้เขาจัดการ ฝ่าบาทเองย่อมไม่ทรงเห็นด้วย


 


 


ฟู่เฉินหรงคาดไม่ถึงว่าเฟิงชิงสุ่ยจะยืนยันการตัดสินใจของนางเช่นนี้ ช่างเถอะ อย่างไรเขาก็พูดชัดเจนมากแล้ว ส่วนเฟิงชิงสุ่ยจะทำอย่างไร เขาไม่อาจยุ่งเกี่ยวได้


 


 


“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็แล้วแต่คุณหนูเฟิงเถอะ” ที่ควรพูดก็พูดหมดแล้ว ฟู่เฉินหรงเตรียมออกคำสั่งให้ส่งแขก “เรื่องที่ข้าจะพูดก็พูดไปหมดแล้ว ถ้าคุณหนูเฟิงไม่มีเรื่องอื่น เชิญกลับเถอะ! ข้ามีงานราชการต้องจัดการ”


 


 


เฟิงชิงสุ่ยลุกขึ้น แล้วย่อตัวคารวะฟู่เฉินหรง “หม่อมฉันขอลา”


 


 


นางพูดจบก็ผละออกไปพร้อมกับชิวซูสาวใช้คนสนิท ฟู่เฉินหรงรู้สึกปวดหัว เรื่องนี้มีการประกาศไปทั่วแคว้นแล้ว ย่อมแพร่สะพัดไปถึงแคว้นเว่ยด้วย


 


 


ไม่รู้ว่าซูจิ่วซือจะเข้าใจเขาผิดหรือไม่ เขาคิดทบทวน จึงตัดสินใจเขียนจดหมายถึงซูจิ่วซือ


 


 


เขาอยู่ที่นี่ยังปลีกตัวไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นคงกลับแคว้นเว่ยเพื่ออธิบายให้ซูจิ่วซือฟังอย่างกระจ่าง ที่ผ่านมาซูจิ่วซือเคยถูกทำร้ายจิตใจ จึงไม่ไว้ใจผู้ชาย เขากลัวว่าซูจิ่วซือจะไม่พอใจ


 


 


“องค์รัชทายาท เวลานี้วิธีที่ดีที่สุดคือการหมั้นหมายคุณหนูเฟิงเป็น พระองค์ควรพิจารณาให้ดี”


 


 


ปิงอวิ๋นได้ยินการสนทนาเมื่อครู่ จึงเข้ามาเตือน


 


 


ฟู่เฉินหรงขมวดคิ้ว “ข้ายังต้องพิจารณาอีกหรือ นี่เป็นทางลัดก็จริง แต่บังเอิญข้าไม่ชอบทางลัด ปิงอวิ๋น เจ้ารู้ดีว่าข้าคิดอย่างไร วันหลังขืนบังอาจพูดแบบนี้อีก ข้าไม่เอาเจ้ามาอยู่ใกล้ชิด”


 


 


“ผู้น้อยปากพล่อย หวังว่าองค์รัชทายาทจะให้อภัย แต่ผู้น้อยเป็นห่วงพระองค์ ผู้น้อยคิดว่าพระองค์ให้คุณหนูซูเป็นชายารองก็ได้ ทำเช่นนี้นางคงไม่น้อยใจ”


 


 


ปิงอวิ๋นก้มหน้ายอมรับผิด


 


 


“จะไม่น้อยใจหรือ จะให้จิ่วเอ๋อเป็นชายารองได้อย่างไร วันหลังอย่าพูดเรื่องนี้อีก”


 


 


ฟู่เฉินหรงพูดจบก็ไปที่ห้องหนังสือ เขียนจดหมายถึงซูจิ่วซือ


 


 


ปิงอวิ๋นรู้สึกเป็นห่วงฟู่เฉินหรง เขาเพิ่งมาถึงเมืองหลวงตูเฉิง การปฏิเสธโอกาสดีที่มาหาถึงบ้าน เป็นเรื่องที่ไม่ฉลาด แต่นางรู้นิสัยฟู่เฉินหรงดี จึงไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่หวังว่าพอถึงเวลาซูจิ่วซือจะคำนึงถึงสถานการณ์บ้านเมือง


ตอนที่ 324 ไปหาซูเหมย


 


 


 


 


ซูจิ่วซือไม่รู้สภาพทางฟู่เฉินหรง เวลานี้นางจดจ่ออยู่ที่ซูเหมย


 


 


หลังจากนางได้รับของที่จื่อหลานส่งมาให้ นางก็นิ่งเงียบอยู่นาน นางนั่งหน้ากระจกสัมฤทธิ์ สวมหน้ากากหนังคนบนหน้า ใบหน้าที่คุ้นเคยกลับมาอีกครั้ง


 


 


ใช่ นางวานหวังเฉิงหาคนในวงการนักเลงทำหน้ากากหนังคน นางจะยุติเรื่องราวทั้งหมดในฐานะซูหลิ่ว


 


 


จื่อหลานไม่รู้จักซูหลิ่ว ไม่รู้ด้วยว่าทำไมซูจิ่วซือจึงต้องสวมหน้ากากหนังคนแบบนี้ จึงถามด้วยความแปลกใจ “คุณหนู นี่ใครเจ้าคะ”


 


 


“จื่อหลาน เรื่องนี้เจ้าอย่าถามเลย เราไปที่หอหมิงเซียงกันเถอะ”


 


 


จื่อหลานไม่ถามอะไรอีก รีบออกไปสั่งให้คนเตรียมรถม้า ซูจิ่วซือกำชับให้จอดรถที่ประตูหลัง นางไม่อยากเป็นเป้าสายตาคนอื่น ต้องการไปยุติเรื่องราวทั้งหมดอย่างเงียบๆ


 


 


จื่อหลานตามซูจิ่วซือขึ้นรถม้า ระหว่างทางซูจิ่วซือไม่พูดอะไร ในสมองมีภาพเหตุการณ์ในอดีตผุดขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า หนี้ที่ซูเหมยติดค้างได้เวลาชดใช้แล้ว


 


 


นางรู้เรื่องราวที่ซ่อนเร้นตอนนั้น นางจะไม่ฆ่ากู้เหยี่ยน แต่ก็ไม่ให้อภัยเขา ตั้งแต่นี้ไปสำหรับนางแล้วกู้เหยี่ยนเป็นเพียงคนแปลกหน้า


 


 


จื่อหลานรู้สึกว่าวันนี้ซูจิ่วซือมีอะไรผิดปกติ เงียบขรึมเป็นพิเศษ ราวกับเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น นางเป็นห่วงซูจิ่วซือ กลัวว่าจะเกิดเหตุที่ไม่คาดฝัน


 


 


ทั้งสองไม่พูดไม่จา จื่อหลานเองก็ไม่กล้าถามมาก


 


 


พอมาถึงหอหมิงเซียง จื่อหลานกระโดดลงจากรถม้าก่อน แล้วยื่นมือมาประคองซูจิ่วซือลงจากรถม้า ซูจิ่วซือให้นางรออยู่ในรถม้า อย่าออกมาให้คนอื่นเห็น จื่อหลานไม่รู้เจตนาที่ซูจิ่วซือทำเช่นนี้ แต่ยังคงพยักหน้ารับคำ ซูจิ่วซือเดินตามลำพังไปบนห้องพิเศษบนชั้นสองของหอหมิงเซียง


 


 


ก่อนมานางใช้ชื่อซูจิ่วซือนัดหมายให้ซูเหมยมาพบที่นี่ ซูเหมยเคียดแค้นซูจิ่วซือมาก จึงพาคนมาด้วย


 


 


เสี่ยวเอ้อคนรับใช้ในร้านเปิดประตูห้อง ซูจิ่วซือซึ่งตามหลังมาเดินเข้าไปในห้อง


 


 


ซูเหมยเงยหน้าขึ้น ทันทีที่เห็นหน้าตาของซูจิ่วซือ ก็ได้ยินเสียงปิดประตู แล้วถ้วยชาในมือก็ตกลงบนพื้น น้ำชาร้อนกระจายไปทั่ว แต่นางกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ได้แต่มองซูจิ่วซืออย่างตกตะลึง ใบหน้าซีดเผือดทันที


 


 


เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ซูหลิ่วตายไปยี่สิบปีแล้ว 0tมาปรากฏตัวได้อย่างไร ทั้งยังมาอยู่เบื้องหน้านางกลางวันแสกๆ ผีหลอกแน่ๆ


 


 


มือในชายแขนเสื้อของซูเหมยกำแน่น จนมุมเสื้อยับแล้ว นางค่อยๆ ตั้งสติ ฝืนทำใจให้สงบ


 


 


“ไม่เจอกันนานแล้วนะ”


 


 


เสียงพูดยังคงเป็นเสียงของซูหลิ่ว


 


 


สีหน้าของซูเหมยหวาดผวา เสียงนี้เป็นฝันร้ายของนาง ทำไมแม้แต่เสียงก็เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน


 


 


“ซูเหมยเจ้าคงไม่อยากให้คนนอกเห็นท่าทางเจ้าตอนนี้ใช่ไหม”


 


 


ซูจิ่วซือเดินอย่างมั่นใจมาที่เบื้องหน้าซูเหมย ดึงม้านั่งออก แล้วนั่งลง


 


 


แล้วสั่งเสี่ยวเอ้อซึ่งไม่รู้เรื่องรู้ราว “เอาชาผู่เอ่อร์หนึ่งกา แล้วเอาบ๊วยเค็มกับบ๊วยสดอย่างละจาน อีกหนึ่งชั่วยามค่อยยกมานี่”


 


 


นี่เป็นชาที่ซูหลิ่วชอบดื่มที่สุด ส่วนบ๊วยเค็มกับบ๊วยสดเป็นของว่างที่ทั้งสองชอบกิน ซูหลิ่วชอบกินบ๊วยเค็ม ซูเหมยชอบกินบ๊วยสด


 


 


เสี่ยวเอ้อออกไปเตรียมของทันที มือของซูเหมยสั่นระริก นางไม่อยากจะเชื่อ แต่ผู้หญิงตรงหน้านี้ทั้งหน้าตาและเสียงก็เหมือนซูหลิ่ว และยังรู้ว่าเมื่อก่อนทั้งสองชอบอะไร


 


 


หน้าตาเหมือนกันเป็นความบังเอิญ เสียงก็เหมือนกันได้ ทำให้นางคิดไม่ออกว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ผู้หญิงคนนี้อายุยังน้อย จะรู้จักเสียงของซูหลิ่วได้อย่างไร


 


 


 


 


——


 


 


ตอนที่ 325 ทั้งหมดไม่ใช่ชะตากรรมเจ้า


 


 


 


 


“ฮูหยิน ไม่เป็นไรใช่หรือไม่!”


 


 


สาวใช้ซึ่งอยู่ข้างๆ เห็นสีหน้าของซูเหมยดูผิดปกติ เดี๋ยวคล้ำเดี๋ยวซีด ราวกับพยายามข่มความรู้สึกอย่างสุดกำลัง ในที่สุดก็เอ่ยถาม


 


 


“พวกเจ้าออกไป ไปเฝ้าที่หน้าประตู”


 


 


“เจ้าค่ะ ฮูหยิน”


 


 


สาวใช้เหลือบมองซูเหมยด้วยความกังวล แต่สุดท้ายก็ออกไป


 


 


ซูจิ่วซือค่อยๆ รินชาให้ตัวเองถ้วยหนึ่ง นางใจเย็นเป็นพิเศษ “ซูเหมย หลายปีมานี้ เจ้ามีความสุขดีหรือไม่”


 


 


”เจ้าเป็นใครกันแน่”


 


 


“เจ้าไม่รู้จักข้าแล้วหรือ น้องสาวคนดีของข้า ถึงอย่างไรเราก็โตมาด้วยกัน ข้าคิดถึงเจ้าทุกวัน ทำไมเจ้าจำข้าไม่ได้”


 


 


“ซูหลิ่วตายไปยี่สิบปีแล้ว”


 


 


ซูเหมยจ้องมองซูจิ่วซืออย่างไม่กะพริบตา ไม่ยอมให้ความรู้สึกใดๆ บนใบหน้านั้นรอดสายตา


 


 


ซูจิ่วซือจิบชาด้วยกิริยาสง่างาม แล้ววางถ้วยชาในมือลง มองดูซูเหมยอย่างเย็นชา “บางทีคงเพราะสวรรค์รู้ว่าข้าทำใจไม่ได้ จึงยอมให้ข้ากลับมา ให้ข้ามาพบเจ้าอีกครั้ง ซูเหมย ยี่สิบก่อนเจ้าร่วมมือกับหงเหลียนวางยาพิษข้า แล้วแย่งลูกชายหญิงของข้าไป ข้ายังจำเท้าเจ้าที่เหยียบลงบนร่างข้าได้”


 


 


ซูเหมยขวัญผวา รู้สึกขนลุกซู่


 


 


ก่อนซูหลิ่วตาย นางเหยียบร่างซูหลิ่วจริง แต่เรื่องนี้ไม่มีใครรู้เห็น มีเพียงซูหลิ่วเท่านั้นที่รู้ แล้วนางรู้ได้อย่างไร หรือนางเป็นซูหลิ่วจริงๆ


 


 


ถ้านางเป็นผี ทำไมจึงปรากฏตัวเบื้องหน้านางกลางวันแสกๆ ถ้าไม่ใช่ แล้วนางรู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร


 


 


ซูจิ่วซือเห็นสีหน้าซูเหมยแสดงความหวาดกลัว จึงหัวเราะขึ้นทันที “เจ้ากลัวหรือ เมื่อก่อนตอนที่เจ้าฆ่าคน ยังไม่นึกกลัว เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าก่อนข้าตาย ข้าพูดอะไรกับเจ้า เจ้าบอกว่านี่เป็นชะตากรรมของข้า งั้นเวลานี้ก็เป็นชะตากรรมของเจ้าไม่ใช่หรือ


 


 


ข้าได้ยินว่าลูกสาวเจ้าตายแล้ว กู้เหยี่ยนก็ไม่ใส่ใจเจ้านัก ดูแล้วยี่สิบปีมานี้เจ้าไม่สมใจเท่าไร ข้าบอกเจ้าก่อนแล้วว่าคนอย่างเจ้าย่อมพบจุดจบไม่ดี


 


 


เจ้าดูสิ กรรมกำลังตามสนองเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ ของที่แย่งมาก็คือของที่แย่งมา เจ้าได้ครอบครองกู้เหยี่ยนจริงหรือ”


 


 


คำพูดนี้ยั่วให้ซูเหมยโกรธ นางถลึงตาใส่ซูจิ่วซือ “ยี่สิบปีมานี้คนที่อยู่เคียงข้างพี่เหยี่ยนก็คือข้า ซูหลิ่ว เจ้าตายแล้วก็ตายไป จะมาทำอะไรอีก เจ้าคิดว่าจะแย่งกู้เหยี่ยนคืนได้หรือ”


 


 


“ข้าแย่งเขาเพื่ออะไร ยี่สิบปีก่อนข้าก็บอกเจ้าแล้ว ข้าไม่ต้องการเขา คนที่ข้าไม่ต้องการ เจ้าอยากแย่งก็แย่งเถอะ! แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้เอาใจใส่เจ้าอย่างที่เจ้าคาดหวัง ยี่สิบปีมานี้เจ้าคงทุกข์ใจมาก! เจ้าไม่เคยได้สิ่งที่อยากได้จริงๆ”


 


 


ซูเหมยสีหน้าโกรธเกรี้ยว นางรู้ว่าซูหลิ่วพูดถูก นางไม่เคยได้สิ่งที่อยากได้จริงๆ นางรักกู้เหยี่ยนมาก เคยคิดว่าตนเป็นผู้ชนะ แย่งกู้เหยี่ยนจากมือซูหลิ่วได้จริงๆ


 


 


แต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากซูหลิ่วตายแล้ว กู้เหยี่ยนกลับไม่ลืมซูหลิ่วเลย


 


 


หลายปีมานี้ นางไม่เคยสลัดซูหลิ่วไปได้ มีชีวิตอยู่ใต้เงาซูหลิ่วตลอดมา จนถึงบัดนี้ กู้เหยี่ยนไม่อยากพูดกับนางเกินจำเป็นแม้แต่ประโยคเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะใกล้ชิดนาง ความเป็นผัวเมียเหลือเพียงในนามนานแล้ว


 


 


สิ่งที่นางคิดว่าเป็นเกียรติยศและความรุ่งโรจน์ก็สลายไปตามการเสียชีวิตของกู้ฝิ่นไต้ กู้เฝิ่นไต้ทำให้ฝ่าบาทกริ้ว หลังจากนั้นพระองค์ก็ไม่ได้ใส่พระทัยนางอีก สิ่งที่ได้มาอยากยากเย็นสุดท้ายก็เหลือแต่ความว่างเปล่า


 


 


แต่นางไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ต่อหน้าซูหลิ่ว นางมองดูซูจิ่วซือ พูดเสียงกร้าว “เจ้าอย่าลืมสิ หลียวนกับชิงเฉิงเรียกข้าเป็นแม่มาหลายปีแล้ว พวกเขาจำหน้าตาซูหลิ่วไม่ได้ รู้แต่ว่าข้าคือแม่ ลูกๆ และสามีเจ้าอยู่ข้างตัวข้า ซูหลิ่ว เจ้าพอใจหรือ”


ตอนที่ 326 ซูหลิ่ว เจ้ากลับมาแล้ว


 


 


 


 


พอถึงตอนนี้ซูเหมยก็เชื่อแล้วว่าเด็กสาวตรงหน้าคือซูหลิ่ว เพราะนางรู้เรื่องราวมากมาย คนอื่นไม่อาจรู้ชัดเจนอย่างนี้ รู้กระทั่งว่าก่อนตายซูหลิ่วพูดอย่างไรบ้าง


 


 


“ข้าเคยบอกว่ากู้เหยี่ยนไม่ใช่สามีข้าอีกต่อไป ข้ายังบอกกับเจ้าว่าสักวันเด็กจะโตขึ้น ย่อมรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นครั้งนั้น เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าพวกเขาถือเจ้าเป็นแม่ หลายปีมานี้เจ้าทำกับพวกเขาอย่างไร ในใจเจ้าคงรู้ดี ซูเหมย วันเวลาดีๆ ของเจ้าหมดแล้ว”


 


 


“เจ้าจะทำอะไรข้าได้ ยี่สิบปีก่อนข้าวางยาพิษฆ่าเจ้าได้ เวลานี้ก็ทำได้ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นคนหรือผีก็ต้องตายด้วยน้ำมือข้า”


 


 


ทันทีที่ซูเหมยพูดจบ ประตูห้องพิเศษก็ถูกผลักเปิดออก กู้เหยี่ยนเดินสีหน้ากร้าวเข้ามา เขาถลึงตามองซูเหมยอย่างเคียดแค้น “เจ้าเป็นคนทำจริงๆ”


 


 


ซูเหมยคาดไม่ถึงว่ากู้เหยี่ยนก็อยู่ที่นี่ นางอยากลุกขึ้นยืน แต่แข้งขาไม่มีแรงขึ้นมาทันที มองดูกู้เหยี่ยนอย่างตื่นตระหนก ร้อนใจอยากพูดแก้ตัว “พี่เหยี่ยน ไม่ใช่นะ ข้า…”


 


 


กู้เหยี่ยนไม่มองซูเหมย ราวกับว่าถ้ามองจะทำให้ดวงตาแปดเปื้อน แต่กลับจ้องมองที่ซูจิ่วซือ ทั้งตื่นเต้นดีใจ “ซูหลิ่ว เจ้ากลับมาแล้ว”


 


 


ซูจิ่วซือไม่หวั่นไหว นางถอยสองสามก้าว แววตาเฉยชา ราวกับว่าสำหรับนางแล้วกู้เหยี่ยนเป็นเพียงคนแปลกหน้า “ข้าจะไปแล้ว เพียงแต่ยังมีเรื่องคาใจ จึงตั้งใจกลับมาจัดการเรื่องที่คาใจอยู่”


 


 


“ขอโทษด้วย ซูหลิ่ว ตอนนั้นข้าผิดไปแล้ว ข้าขอโทษ”


 


 


กู้เหยี่ยนเสียใจมาก หวนคิดถึงเรื่องราวทั้งหมด ก็ยิ่งรู้สึกอยากขอโทษซูหลิ่ว เขาไม่รู้ว่าทั้งหมดนี้ซูเหมยเป็นคนจัดการ เขาถูกซูเหมยหลอก จึงเสียใจที่ทำต่อซูหลิ่วอย่างนั้น ทั้งๆ ที่เจอผู้หญิงที่ดีที่สุด เขากลับไม่เห็นคุณค่า จนเสียนางไป ทำให้นางตายด้วยความคับแค้น


 


 


“เจ้าไม่ต้องขอโทษข้า พูดขอโทษมากกว่านี้ ข้าก็ไม่ให้อภัยเจ้า กู้เหยี่ยน ระหว่างเจ้ากับข้าตัดขาดจากกันเด็ดขาดแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดถึงข้า ข้าเพียงแต่หวังว่าต่อไปเจ้าจะดูแลหลียวนกับชิงเฉิงให้ดี เรื่องในอดีตข้าไม่อยากเอ่ยถึงอีก และไม่อยากฟังด้วย”


 


 


ซูจิ่วซือปล่อยวางกู้เหยี่ยนแล้วจริงๆ เวลานี้สำหรับนางแล้วกู้เหยี่ยนเป็นเพียงคนแปลกหน้า นางไม่เคียดแค้นกู้เหยี่ยน แต่ก็ไม่ยกโทษให้ เรื่องราวต่างๆ ระหว่างนางกับเขาจบสิ้นแล้ว นางปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระ


 


 


ผลที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องที่กู้เหยี่ยนคาดไว้แล้ว เรื่องที่เขาทรยศนางเป็นความจริงที่ไม่อาจโต้แย้ง


 


 


เขาเพียงแต่นึกเสียใจ เสียใจที่เมื่อก่อนไม่ได้ดูแลซูหลิ่วให้ดี บัดนี้ได้เห็นหน้าซูหลิ่วอีกครั้ง เขาก็พอใจแล้ว อย่างน้อยก็มีโอกาสขอโทษต่อหน้านาง


 


 


ซูจิ่วซือไม่มองกู้เหยี่ยน นางเดินมาตรงหน้าซูเหมยซึ่งยังคงตกตะลึง ชูมือขึ้นแล้วตบหน้าซูเหมย ดูเหมือนซูจิ่วซือจะออกแรงตบสุดกำลัง หน้าซูเหมยจึงมีรอยนิ้วสีแดงห้านิ้วผุดขึ้นทันที แก้มข้างหนึ่งบวมเป่ง


 


 


ซูเหมยเซถลาล้มลงกับพื้น มีเลือดแดงสดไหลออกมาจากมุมปาก


 


 


ซูจิ่วซือก้มลงมองซูเหมย “เจ้าติดหนี้ข้า ข้าอยากตบเจ้านานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาส วันนี้ข้าคืนให้เจ้า”


 


 


“เจ้า…ซูหลิ่ว เจ้าตบข้าแล้วจะอย่างไร เจ้าตายไปแล้ว ไม่อาจฟื้นชีวิตได้ อย่างมากข้าก็ไปอยู่เป็นเพื่อนเจ้าในนรก แต่ถึงอย่างไรข้าก็มีชีวิตอยู่มากกว่าเจ้ายี่สิบปี”


 


 


ซูเหมยรู้ว่ากู้เหยี่ยนไม่ช่วยนางแน่ นางรู้สึกใจหาย พอถึงตอนนี้จึงไม่กลัวตายแล้ว นางยิ้มเยาะซูจิ่วซือ


 


 


ซูจิ่วซือนั่งลง มองซูเหมยอย่างเย็นชา “เจ้าคิดผิดแล้ว เจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะอยู่เป็นเพื่อนข้า”


 


 


 


 


——


 


 


ตอนที่ 327 ฆ่าซูเหมยด้วยมือตัวเอง


 


 


 


 


นางฟื้นชีพนานแล้ว ถึงซูเหมยตายไปก็หานางไม่เจอ ซูเหมยอายุยืนกว่าซูหลิ่วยี่สิบปีก็จริง แต่หลังจากนั้นซูหลิ่วมีชีวิตต่อในร่างซูจิ่วซือ จึงมีเวลาอยู่ในโลกนี้นานกว่าซูเหมยมาก


 


 


ซูจิ่วซือไม่อยากพูดไร้สาระกับซูเหมยอีก ที่ควรพูดก็พูดพอสมควรแล้ว นางล้วงมีดสั้นที่เตรียมไว้ออกจากอกเสื้อ แทงเข้าที่อกซูเหมยอย่างสุดแรง


 


 


ซูเหมยคาดไม่ถึงว่าซูจิ่วซือจะฆ่านางต่อหน้าผู้คน นางเบิ่งตากว้าง “เจ้า…เจ้า…”


 


 


เลือดสีแดงสดกระเซ็นถูกใบหน้าซูจิ่วซือ สีหน้าซูจิ่วซือไร้ความรู้สึก อำมหิตและสงบนิ่ง พอแน่ใจว่ามีดปักเข้าที่อกซูเหมยจนมิดด้ามจึงคลายมือออก หยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดใบหน้าและมือ “นี่คือเหตุผลที่ข้ามาพบเจ้าวันนี้ ข้าต้องการส่งเจ้าไปนรกด้วยตัวเอง”


 


 


ร่างซูเหมยอาบเลือดแดงฉาน นางดิ้นรนอยากลุกขึ้นแต่ไม่มีเรี่ยวแรง ได้แต่ชำเลืองมองกู้เหยี่ยนซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่มีท่าทีว่าจะเดินมาหา ไม่แม้แต่จะร้องห้าม ได้แต่มองนางตายด้วยน้ำมือซูหลิ่วอย่างเย็นชา


 


 


กู้เหยี่ยน เจ้าใจร้ายจริงๆ เป็นผัวเมียกันยี่สิบปี เจ้ากลับอำมหิตไร้น้ำใจกับข้าอย่างนี้


 


 


ซูจิ่วซือลุกขึ้น เก็บผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือด นางแทงถูกจุดสำคัญ ซูเหมยไม่อาจมีชีวิตต่อไปได้ การแทงครั้งนี้เป็นการบอกลาซูหลิ่วอย่างสิ้นเชิง


 


 


นับจากนี้ไปนางจะลืมความทรงจำของซูหลิ่ว เป็นซูจิ่วซืออย่างแท้จริง ถึงตอนนี้ซูหลิ่วบรรลุความปรารถนาแล้ว


 


 


นางไม่หันไปมองซูเหมยบนพื้นอีก เตรียมไปจากห้อง เรื่องที่เหลือปล่อยให้กู้เหยี่ยนจัดการ ขณะที่เดินเฉียดกู้เหยี่ยน จู่ๆ กู้เหยี่ยนก็ยื่นมือมาคว้าข้อมือซูจิ่วซือ “เจ้าจะไปไหน”


 


 


“แน่นอนว่าไปยังที่ที่ข้าควรจะไป กู้เหยี่ยน ยี่สิบปีก่อนข้าตายไปแล้ว โลกนี้ไม่มีซูหลิ่วอีกต่อไป บัดนี้ข้าสมใจแล้ว ซูหลิ่วจะไม่ปรากฏตัวอีก เจ้าลืมซูหลิ่วเถอะ นางไม่อยากให้เจ้าจำ กู้เหยี่ยน ปล่อยมือ”


 


 


กู้เหยี่ยนรู้ว่าถ้าครั้งนี้ปล่อยมือ ต่อไปเขาจะไม่พบซูหลิ่วอีก เขาไม่อยากปล่อยมือ แต่ก็ไม่มีหน้าจะขอให้นางอยู่ต่อ และไม่กล้าขอให้นางยกโทษ


 


 


“ปล่อยมือ”


 


 


น้ำเสียงซูจิ่วซือกร้าวขึ้น ทำให้ผิดหวังไปแล้วไม่อาจแก้ไขได้ ระหว่างนางกับกู้เหยี่ยนเป็นไปไม่ได้แล้ว


 


 


ในที่สุดกู้เหยี่ยนก็คลายมือ ซูจิ่วซือออกไปจากห้อง


 


 


ซูเหมยนอนที่พื้น นางรู้สึกเวียนศีรษะ จากนั้นก็ได้ยินเสียงก้าวเดิน พอเงยหน้าขึ้น ก็พบว่ากู้เหยี่ยนเดินมาอยู่ข้างๆ


 


 


กู้เหยี่ยนนั่งลง มองดูซูเหมยอย่างเย็นชา “เจ้าเป็นคนทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าไม่มีเจ้า ข้าย่อมไม่เสียซูหลิ่วไป”


 


 


ซูเหมยอยากหัวเราะ แต่เจ็บที่หน้าอกมาก ถึงตอนนี้นางสิ้นหวังต่อกู้เหยี่ยนอย่างสิ้นเชิง อาศัยแรงเฮือกสุดท้ายยิ้มหยัน “ถ้าไม่มีข้า ก็ยังมีคนอื่น กู้เหยี่ยน ทำไมเจ้าถึงโทษข้า ข้าไม่ได้บังคับเจ้าให้อยู่กับข้า ถ้าเจ้าไม่มีความคิดอย่างนั้น ข้าจะหลอกเจ้าได้หรือ


 


 


กู้เหยี่ยน ข้ายอมรับ ข้าอิจฉาซูหลิ่วมาตั้งแต่เล็ก นางดีทุกอย่าง ไม่ว่าอะไรก็เหนือกว่าข้า ถ้ามีนางอยู่ ก็ไม่มีใครสนใจข้า แล้วเจ้าล่ะ


 


 


เจ้าเกิดในครอบครัวต่ำต้อย รู้สึกน้อยใจในชาติกำเนิดตัวเองอย่างเข้ากระดูก เจ้ารู้สึกว่าซูหลิ่วไม่เข้าใจเจ้า รู้สึกว่านางโดดเด่นเกินไป จึงอยากกดนางลงไป ข้อนี้เจ้าคงไม่กล้ายอมรับ


 


 


ต่อมานางยอมให้เจ้ากดลงไป พอนางตายแล้ว เจ้ากลับรู้สึกผิด หวนนึกถึงความดีของนาง ลืมนางไม่ลง เจ้าคิดว่าซูหลิ่วยังจะรับน้ำใจของเจ้าหรือ”


ตอนที่ 328 เจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะตายกับข้า 


 


 


 


 


 


พอพูดจบซูเหมยก็หัวเราะ “สมน้ำหน้า กู้เหยี่ยน เจ้า…สมน้ำหน้า เจ้าไม่คู่ควรกับ…ซูหลิ่ว…” 


 


 


“หุบปาก” 


 


 


สีหน้ากู้เหยี่ยนโกรธขึ้ง เขารู้ว่าซูเหมยพูดถูก ต่อให้ไม่มีซูเหมยก็จะมีคนอื่น เขาโทษซูเหมยเป็นการปลอบใจตัวเอง 


 


 


“ซูหลิ่วจงใจ นางจงใจไว้ชีวิตเจ้า กู้เหยี่ยน…ชีวิตนี้เจ้าไม่มีวันมีความสุขหรอก เจ้าจะมีชีวิตอยู่ด้วยความละอายใจ นางตั้งใจทรมานเจ้า 


 


 


ฮ่าๆ…เราต่างพ่ายแพ้ ในที่สุดก็แพ้ซูหลิ่ว 


 


 


นางตายไปนานแล้ว ถึงทุกข์ทรมานก็ชั่วประเดี๋ยว แต่ข้าทรมานมายี่สิบปีแล้ว เจ้า…ยิ่งนานกว่า เห็นเจ้าเป็นอย่างนี้ ข้าก็วางใจ ข้าวางใจจริงๆ…กู้เหยี่ยน ข้าทำผิดต่อซูหลิ่ว แต่ไม่ได้…ทำผิดต่อเจ้า…ไม่เคยเลย…” 


 


 


ถึงตอนนี้ซูเหมยหวังว่าชีวิตที่เหลืออยู่ของกู้เหยี่ยนจะเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน นี่เป็นสิ่งที่กู้เหยี่ยนสมควรจะได้รับ ต่อให้นางจะเห็นแก่ตัวเพียงไร โหดเ**้ยมแค่ไหน ก็ไม่เคยทำอะไรกู้เหยี่ยน นางจึงเคียดแค้นกู้เหยี่ยน อยากให้เขาพบจุดจบที่ไม่ดี 


 


 


กู้เหยี่ยนดึงมีดออกจากอกซูเหมย ซูเหมยอาเจียนเป็นเลือดกองใหญ่ “เจ้าคิดจะฆ่าตัวตาย…ดีแล้ว เราตายด้วยกัน” 


 


 


“เจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะตายไปกับข้า”  


 


 


กู้เหยี่ยนตอบกลับอย่างเย็นชา เขาเพียงแต่อยากเก็บมีดสั้นเล่มนี้ไว้ เพราะเป็นของของซูหลิ่ว 


 


 


พอถึงตอนนี้ก็มีคนผลักประตูห้อง เสี่ยวเอ้อเดินนำกู้จื่อหยวนเข้ามา เสี่ยวเอ้อยกน้ำชาและขนมมาด้วย พอเปิดประตูออกก็ตกตะลึงกับภาพเบื้องหน้า 


 


 


ขณะที่กำลังสับสน ชาและขนมในมือเสี่ยวเอ้อตกลงบนพื้น ส่งเสียงดังเพล้ง พอได้สติเขารีบโกยอ้าวออกไป 


 


 


กู้จื่อหยวนได้กลิ่นคาวเลือด จากนั้นก็เห็นซูเหมยนอนอยู่บนพื้น และเห็นมีดเปื้อนเลือดในมือกู้เหยี่ยน เขารีบก้าวไปหาซูเหมย “ท่านแม่ ท่านแม่เป็นอย่างไรบ้าง” 


 


 


ซูเหมยยังเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้าย นางชี้นิ้วไปที่กู้เหยี่ยนอย่างยากเย็น “เขา…จื่อหยวน เขาไม่คู่ควรจะเป็นพ่อเจ้า เขา…” 


 


 


ซูเหมยกระอักเลือดออกมาอีก นางไม่อาจบอกกู้จื่อหยวนว่าซูหลิ่วฆ่านาง พูดออกไปก็ไม่มีคนเชื่อ เวลานี้นางเคียดแค้นกู้เหยี่ยนสุดขีด จึงคิดจะแก้แค้นเขา นางต้องการให้ลูกชายเคียดแค้นกู้เหยี่ยน ให้กู้เหยี่ยนลิ้มรสการสูญเสียเมียสูญเสียลูก 


 


 


ซูเหมยพูดจบก็หมดลมหายใจ ตายแล้วก็ยังลืมตาโพลง แสดงว่านอนตายตาไม่หลับ 


 


 


กู้จื่อหยวนทรุดนั่งลงกับพื้น ยื่นมือที่สั่นระริกไปตรวจดูลมหายใจของซูเหมย พอรู้ผลเขาก็ใจหายวาบ หันหน้ามาอย่างมึนชา แล้วจู่ๆ ก็ตะคอกใส่กู้เหยี่ยน “ทำไม ทำไมต้องฆ่าท่านแม่ ท่านพ่อ บอกข้าเกิดอะไรขึ้น” 


 


 


กู้เหยี่ยนสงบนิ่งมาก สีหน้าแข็งกร้าว ไม่อธิบายอะไร เขารู้ว่าซูเหมยจงใจทำ 


 


 


เขาติดหนี้ซูหลิ่ว เดิมทีเขาเตรียมรับผิดเอง ถือว่าเป็นการตอบแทนซูหลิ่ว หลายปีมานี้ ในใจเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน กระทั่งยามหลับตาก็เห็นซูหลิ่วมาหา ถามเขาว่าเพราะอะไร 


 


 


พอกู้เหยี่ยนไม่พูด ยิ่งทำให้กู้จื่อหยวนเดือดดาล เขายื่นมือมาคว้าคอเสื้อกู้เหยี่ยน ดวงตาแดงก่ำ เส้นเอ็นบนมือปูด “ท่านพ่อ ท่านพ่อเป็นบ้าไปแล้วหรือ ท่านแม่เป็นภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก แต่ท่านพ่อกลับทำกับท่านแม่อย่างนี้ ท่านพ่อไม่สมควรจะเป็นพ่อข้า ข้าไม่มีพ่อแบบนี้” 


 


 


เขารู้ว่าซูเหมยออกจากบ้าน เขาผ่านมาทางนี้จึงตั้งใจมาแวะหาซูเหมย นึกไม่ถึงว่าพอเข้ามาก็เจอสภาพนี้ น่าหัวเราะจริงๆ ท่านพ่อที่เขาเคารพรักกลับสังหารท่านแม่ของเขา 


 


 


 


 


 


—— 


 


 


ตอนที่ 329 ความแค้นของกู้จื่อหยวน 


 


 


 


 


 


“ซูเหมยไม่ใช่ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของข้า” 


 


 


“เพราะท่านป้าอีกแล้วหรือ ตอนนั้นถ้าท่านพ่อตัดใจจากท่านป้าไม่ได้ ก็ไม่ควรแต่งงานกับท่านข้า และไม่ควรมีลูกอย่างข้า” 


 


 


ถึงตอนนี้กู้จื่อหยวนพลอยเกลียดซูหลิ่วไปด้วย นางเป็นคนทำลายชีวิตครอบครัวของเขา เขารู้มาตลอดว่าซูหลิ่วเป็นปมค้างใจสำหรับซูเหมย 


 


 


กู้เหยี่ยนไม่คิดจะเล่าเหตุการณ์ครั้งนั้นให้กู้จื่อหยวนรู้ เขาไม่โต้แย้ง ก็เหมือนที่ซูเหมยพูด ทั้งหมดนี้เป็นกรรมตามสนอง เขาจึงยอมรับผลทุกอย่างที่เกิดขึ้น 


 


 


พอเห็นว่ากู้เหยี่ยนไม่พูดอะไร กู้จื่อหยวนจึงถือว่ากู้เหยี่ยนยอมรับแล้ว เขาคุกเข่าลงกับพื้น กอดซูเหมยไว้แน่น เส้นเอ็นบนมือโปนขึ้น ดวงตาฉายแววเคียดแค้นอย่างชัดเจน เขาไม่สามารถแก้แค้นให้ซูเหมย ต่อให้แค้นใจเพียงไรก็ไม่อาจสังหารพ่อของตัวเองได้ 


 


 


กู้เฝิ่นไต้เพิ่งตายไม่นาน บัดนี้ซูเหมยก็จากไปแล้ว เขาไม่อยากอยู่ในบ้านสกุลกู้อีกต่อไป คนที่ใกล้ชิดที่สุดของเขาจากไปหมด สำหรับเขาสกุลกู้ไม่มีความหมายแล้ว 


 


 


เขาเริ่มโกรธแค้นสวรรค์ ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมสวรรค์จึงพรากทุกอย่างของเขาไป ซูจิ่วซือถูกแย่งไปแล้ว ญาติใกล้ชิดก็ไม่มีแล้ว ถึงตอนนี้เขาไม่เหลืออะไรเลย ชะตากรรมของเขานี่ไม่ควรเป็นอย่างนี้ เขาไม่ยอมรับและไม่อาจรับได้ 


 


 


“บางเรื่องไม่ใช่เป็นอย่างที่เจ้าคิด จื่อหยวน ทั้งหมดนี้แม่เจ้าสมควรได้รับ โทษใครไม่ได้ พ่อไม่ได้ทำผิดต่อซูเหมย” 


 


 


“ถึงขั้นนี้แล้ว ท่านพ่อยังไม่รู้สำนึกอีก” กู้จื่อหยวนยิ้มหยัน “ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต ข้าไม่ช่วยท่านพ่อเด็ดขาด” 


 


 


“พ่อเองก็ไม่ต้องการให้เจ้าช่วย เวลานี้จะเป็นหรือตายก็ไม่ต่างกัน”  


 


 


กู้เหยี่ยนเลิกมองซูเหมยบนพื้น รอให้เจ้าเมืองส่งเจ้าหน้าที่มา เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น เสี่ยวเอ้อต้องแจ้งทางการแน่ จะตัดสินลงโทษอย่างไรก็ช่างเถอะ เขาไม่ใส่ใจ เขาได้เห็นซูหลิ่วเป็นครั้งสุดท้าย ก็เหมือนได้แก้ปมในใจแล้ว 


 


 


เจ้าเมืองนำเจ้าหน้าที่มาด้วยตัวเองคุมตัวกู้เหยี่ยนไป 


 


 


กู้หลียวนได้ข่าวก็รีบมา เห็นเพียงกู้จื่อหยวนนั่งเหม่ออยู่บนพื้น เขาอกดศพซูเหมยไม่ขยับเขยื้อน 


 


 


แม้กู้หลียวนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รู้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับซูจิ่วซือ เพียงแต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมกู้เหยี่ยนจึงเข้าไปพัวพัน และตลอดเวลากู้เหยี่ยนไม่พูดแก้ตัวแม้แต่คำเดียว เรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่ 


 


 


ซูจิ่วซือไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตให้กู้หลียวนรู้ นางคิดว่านี่เป็นบุญคุณความแค้นระหว่างพวกเขา ไม่เกี่ยวกับลูก และไม่คิดจะดึงลูกเข้ามาพัวพัน จึงไม่เอ่ยเรื่องนี้กับกู้หลียวน คิดแต่ว่าจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองอย่างลับๆ  


 


 


“จื่อหยวน…” 


 


 


“ท่านแม่ตายแล้ว” แววตากู้จื่อหยวนว่างเปล่า ราวกับว่าในดวงตาไม่มีอะไรเลย และดูล้ำลึกจนไม่มีใครเข้าใจ “เจ้าคงไม่เสียใจแน่ เจ้าไม่เคยถือท่านแม่เป็นแม่เจ้า เจ้าก็เหมือนพี่รอง ตอนนั้นพี่รองจะฆ่าท่านแม่ เจ้ายังอยู่ข้างเดียวกับพี่รอง พี่ใหญ่ ท่านแม่เลี้ยงดูเจ้ามาหลายปี แต่เจ้าไม่เคยสำนึกบุญคุณ” 


 


 


“ในใจท่านแม่ มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่เป็นลูกชาย ข้ากับเฉินหรงไม่เคยเป็น จื่อหยวน เรื่องระหว่างเฉินหรงกับท่านแม่ จะโทษเฉินหรงไม่ได้ เขารู้ชาติกำเนิดของตัวเองดี” 


 


 


“ข้าก็รู้ เวลานี้เขาเป็นรัชทายาทแห่งแคว้นเจียง ถ้าไม่มีท่านแม่ เขาจะมีชีวิตจนถึงเดี๋ยวนี้หรือ จะกลับไปรับตำแหน่งรัชทายาทที่แคว้นเจียงได้หรือ 


 


 


พ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงของเขาที่หมู่บ้านบนภูเขาจะอบรมคนให้เป็นรัชทายาทได้หรือ เขามีวันนี้เป็นเพราะท่านแม่มอบให้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้เขาคงเป็นเพียงชาวนาที่รู้จักแต่ผ่าฟืนทำนาเท่านั้น” 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม