หมอยาหวานใจท่านประธาน 322-329
ตอนที่ 322 เฉวียนหมิงอยู่ค้างคืน
“อาเสวี่ย ล้างมื้อแล้วมากินมื้อค่ำกัน” เฉวียนหมิงเดินออกมาจากครัวแล้วพูดเตือนเธอ
มุมปากอีลั่วเสวี่ยยิ้มกระตุก “อืม เดี๋ยวฉันมาค่ะ”
รอจนทั้งคู่นั่งที่โต๊ะอาหารแล้ว อาเหมาเหลือบมองกล่องอาหารเก็บความร้อนบนโต๊ะ “เอ๊ะ? นี่เป็นอะไรหรือ?”
“เออ น้ำแกงไก่ค่ะ เป็นน้ำแกงไก่ที่เฉวียนหมิงเอามาให้” อีลั่วเสวี่ยยิ้มร่า พูดเสียงดังขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เหมือนต้องการอวด เธออารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“อาเสวี่ย ชิมสิ” เฉวียนหมิงยกกล่องอาหารเก็บความร้อนมา แล้วหยิบทัพพีและชาม ตักให้อีลั่วเสวี่ยชามหนึ่งก่อน แล้วจึงตักให้อาเหมา
ทั้งสองยกชามขึ้น ซดสองสามคำ ดวงตาเจิดจ้าขึ้น “รสชาติไม่เลวเลย คิดไม่ถึงว่าคุณชายเฉวียนจะมีฝีมือทำครัวดีอย่างนี้ วันหน้าคุณหนูใหญ่เรามีลาภปากแล้ว”
อีลั่วเสวี่ยหน้าแดง “อาเหมา พูดอะไรนี่”
“ไม่พูด ไม่พูด คุณหนูใหญ่ไม่ให้พูด งั้นฉันไม่พูดแล้ว” อาเหมาหัวเราะร่าราวกับคนแก่ขี้เล่น ที่จริงเขาฉวยโอกาสตอนที่อีลั่วเสวี่ยก้มหน้า คอยส่งสายตาให้เฉวียนหมิง เป็นการแสดงความพอใจและให้กำลังใจเขา
สีหน้าเฉวียนหมิงพึงพอใจมาก ดูแล้ววิธีนี้ไม่เลวเลย ทำให้คนรอบข้างเธอกลายเป็นคนของตนเอง เช่นนี้แล้วก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนบอกเธอว่าตนเองไม่ดี
อีลั่วเสวี่ยเบ้ปากอย่างจนใจ แล้วค่อยๆ ซดน้ำแกงไก่กินจนหมด แล้วจึงเริ่มกินข้าว
“เอ๊ะ ทำไมคุณไม่กินบ้างล่ะ?” เฉวียนหมิงตักน้ำแกงไก่ให้พวกเขา ตนเองกลับไม่กิน หรือว่ากลัวว่ายังเย็นไม่พอ ที่จริงยังเหลืออีกมาก
“ก่อนหน้านี้ผมกินไปไม่น้อยแล้ว อีกอย่างอาเหมาผัดผักที่ผมชอบกิน ถ้าผมกินไม่หมด เท่ากับทำให้อาเหมาเสียกำลังใจ” พูดพลางใช้ตะเกียบคีบกิน
เขาย่อมไม่บอกเด็ดขาดว่าวันนี้เขาตื่นแต่เช้า เพื่อตุ๋นนำแกงไก่ ตุ๋นไก่เสียไปหลายตัว แต่ละตัวชิมเล็กน้อย เว้นระยะหนึ่งก็ชิมอีก สุดท้ายจึงคาดเดาได้ว่าคงไม่อยากกินน้ำแกงไก่แล้ว
อีลั่วเสวี่ยกับอาเหมาไม่ได้คิดอะไร เข้าใจว่าเฉวียนหมิงแค่อยากกินผัดผักเท่านั้นเอง
อาหารมื้อนี้ทั้งสามกินกันอย่างเอร็ดอร่อยและเบิกบานใจ พอกินเสร็จอาเหมาเงยหน้าขึ้นมอง
“อ้าว เกือบสี่ทุ่มแล้ว จากที่นี่กลับไปคงต้องขับรถไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมง คุณชายเฉวียนพักที่นี่เลยดีกว่า คุณหนูใหญ่เห็นอย่างไรครับ?”
อีลั่วเสวี่ยผงะ เธอเองกลับไม่ได้นึกว่าจะให้เฉวียนหมิงค้างคืนที่นี่ แต่พออาเหมาเอ่ยเช่นนี้ ทั้งตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว บวกกับที่เฉวียนหมิงอุตส่าห์ลำบากเอาน้ำแกงไก่มาให้ ถ้าเธอไม่ชวนเขาค้างที่นี่ ออกจะใจดำไปหน่อย
“เฉวียนหมิง คุณมีงานมากใช่ไหม? ถ้าไม่จัดการจะเป็นอะไรไหม?” ถ้าจะชวนเขาตรงๆ เธอเองก็รู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะ แม้ทั้งสองจะแต่งงานกัน แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ค่อนข้างซับซ้อน
อีลั่วเสวี่ยจึงเปลี่ยนวิธีพูดให้นุ่มนวลขึ้น
“หมอหมิงบอกว่านอนดึกไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ ดังนั้นเดี๋ยวนี้ผมไม่จัดการงานของบริษัทตอนกลางคืนแล้ว” เฉวียนหมิงตอบ ท่าทางสงบนิ่ง แต่ที่จริงในใจเปี่ยมด้วยความคาดหวัง
“งั้นค้างที่นี่เถอะค่ะ บังเอิญก่อนหน้านี้สะสางเสื้อผ้าของคุณพ่อ มีหลายชุดที่ซักแล้วยังไม่ได้ใส่ คุณใช้แก้ขัดได้”
มีรอยยิ้มที่มุมปากเฉวียนหมิง “ดีเลย งั้นต้องรบกวนคุณแล้ว ห้องผมอยู่ไหน?”
“คุณหนูใหญ่ ข้างๆ ห้องคุณมีห้องว่างห้องหนึ่ง ให้คุณชายเฉวียนพักห้องนั้นได้ ส่วนห้องอื่นๆ ไม่ได้จัดเตียงไว้” อาเหมาพูดพลางเก็บจานชาม ดวงตาเจิดจ้าขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
“ห้องนั่นเอง ผมไปเองได้” เฉวียนหมิงพูดแล้วเดินขึ้นบันไดไปเอง
พอดีอาเหมาเดินมาเช็ดโต๊ะ อีลั่วเสวี่ยอดถามเบาๆ ไม่ได้ “อาเหมา อาจงใจใช่ไหม ห้องรับแขกที่ห้องในบ้าน มีห้องไหนบ้างที่ไม่เตรียมไว้?” ตระกูลอวิ๋นไม่ขาดเงิน ห้องที่มีอยู่ล้วนตกแต่งพร้อมหมด
ตอนที่ 323 ฉันกลัวว่าฉันจะกินเขา
“อาจงใจจริงๆ” คำตอบของอาเหมาเหนือความคาดหมายของอีลั่วเสวี่ย เขามองออกว่าคุณหนูใหญ่บ้านตนมีใจให้เฉวียนหมิงชัดเจน แต่เก็บความรู้สึกไว้ในใจ ยังกระดากอาย
คิดดูแล้วเด็กสาวสมัยนี้ บางคนยังเปิดเผยตรงๆ ยิ่งกว่าผู้ชาย ดูออกว่าเฉวียนหมิงเป็นผู้ชายที่ดี ส่วนคุณหนูใหญ่ไม่รู้จักแสดงความรู้สึกของตนเองออกมา เขาเองไม่เข้าใจ ทำไมบางครั้งดูเหมือนเป็นคนเปิดเผย แต่เรื่องความรักกลับระวังตัวแจ คร่ำครึไปหน่อย
อาเหมาย่อมไม่รู้ว่าที่อีลั่วเสวี่ยเป็นเช่นนี้นั้น สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะเธอไม่ใช่คนของโลกนี้ ทัศนคติเรื่องความรักยังคงเป็นแบบโลกเดิม บวกกับเธอไม่มีประสบการณ์ในเรื่องความรัก ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
“คุณหนูใหญ่ชอบก็แสดงออกมา อาเหมาสนับสนุนคุณ คุณชายเฉวียนเป็นเด็กหนุ่มที่ดีคนหนึ่ง” แม้ว่าท่านแม่ทัพอาจจะมีความคิดเห็นเป็นของตนเอง แต่ในความคิดเขา ชีวิตคนยากที่พบกับคนที่ตนเองรักและอีกฝ่ายก็รักตนเอง
ในเมื่อพบแล้วก็ต้องทะนุถนอมกันและกันให้ดี อย่าให้พลาดไป ชีวิตคนนั้นไม่ง่าย ใครจะรู้ว่าวันหน้าจะเกิดอะไรขึ้น
อีลั่วเสวี่ยเผยอปาก กลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี มองไปทางเฉวียนหมิงเงียบๆ สุดท้ายจึงเดินตามขึ้นไป
จนเมื่อเธอเปิดประตูห้อง เฉวียนหมิงก็ยกผ้าห่มและผ้าปูนอนที่พับไว้วางลงไป “คุณยังไม่ไปพักหรือ?”
“อ้อ ฉันมาช่วยคุณ กลัวว่าคุณจะไม่รู้ว่าของที่ต้องใช้อยู่ที่ไหน” แววตาอีลั่วเสวี่ยเหม่อลอยเล็กน้อย พูดพลางเดินมา กดมุมหนึ่งของผ้าปูที่นอน แล้วสะบัดเบาๆ
เฉวียนหมิงเลิกคิ้วขึ้น “ที่จริงผมทำเองได้ ปกติคุนเข้านอนเร็ว ไปเถอะ” ที่เธอเข้านอนเร็ว นั่นเพราะเธอต้องไปบำเพ็ญเพียร ดังนั้นที่ผ่านมาหลังจากมื้อเย็นแล้วก็จะเข้าห้องแล้วไม่ออกมาอีก
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เสียเวลามากหรอก” สุดท้ายทั้งสองช่วยกันปูเตียงอย่างรวดเร็ว
อีลั่วเสวี่ยปัดมือ “ลิ้นชักบนชั้นในห้องน้ำมีผ้าขนหนูกับแปรงสีฟัน คุณหยิบเอง ฉันไม่ไปเอาให้นะ”
“ได้ ไปพักเถอะ ราตรีสวัสดิ์” เฉวียนหมิงยืนอยู่ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ได้แต่บอกให้เธอไปพัก ที่จริงเขาอยากเห็นเธอนานหน่อย
หลังจากที่เธอไปจากคฤหาสน์ของเขาแล้ว เวลาที่เขาพบเธอก็ยิ่งน้อยลง มักรู้สึกว่ามองอย่างไรก็ไม่พอ
“งั้นฉันไปแล้วนะ” อีลั่วเสวี่ยจัดผมบนศีรษะเล็กน้อย รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ แต่พูดไม่ถูก สุดท้ายจึงหันหลังกลับเดินออกไป วินาทีถัดมากลับถูกสองแขนที่แข็งแรงกอดไว้ เป็นเฉวียนหมิง
“อาเสวี่ย ราตรีสวัสดิ์” เสียงทุ้มต่ำที่มีเสน่ห์ดังขึ้นข้างหูเธอ ยังรู้สึกลางๆ ถึงลมหายใจที่ร้อนผ่าว อีลั่วเสวี่ยหน้าแดงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
ขณะเดียวกันเธอรู้สึกใจว้าวุ่น หัวใจเธอราวกับถูกล้อมไว้ด้วยน้ำที่อุ่น อุ่นสบาย รู้สึกหวงแหนอ้อมกอดนี้
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ” อีลั่วเสวี่ยเลียริมฝีปาก น้ำเสียงอ่อนหวาน เหมือนแมวขี้อ้อน คอยคลอเคลีย ทำให้คนอดใจไม่ไหวอยากอุ้มไว้ในอ้อมกอด
เฉวียนหมิงหันมามอง เห็นแก้มอีลั่วเสวี่ยแดงเรื่อ มุมปากเชิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ขณะเดียวกันกระดูกไหปลาร้าที่น่ามองก็อยู่ในสายตาเขา ทำให้เขารู้สึกคอแห้งผากอย่างประหลาด
สุดท้ายเขาถึงกับกลืนน้ำลาย อีลั่วเสวี่ยครางเบาๆ ใบหน้ายิ่งร้อนผ่าว เธอรู้สึกได้ว่ามีเสียงหัวใจเต้าระทึกอยู่ที่แผ่นหลังของตนเอง ห้องร้อนขึ้นทุกที
ร่างเธอขยับเล็กน้อย เฉวียนหมิงคลายมือออก
“ฉันไปละนะ คุณก็รีบพักผ่อน ราตรีสวัสดิ์” อีลั่วเสวี่ยแทบจะหนีไปอย่างร้อนรน เธอเปิดประตู ก้าวพรวดออกไป กลับไปที่ห้องของตนเอง
ประตูของสองห้องปิดลงแทบจะพร้อมกัน จะเห็นได้ว่าเธอรวดเร็วแค่ไหน
เฉวียนหมิงมองตามหลังเธอไป แล้วยิ้มอย่างรักใคร่ ที่ที่มีเธออยู่ อากาศที่หายใจช่างน่ารื่นรมย์จริงๆ
ตอนที่ 324 เมฆหนา
“อ๊ะฮ่า ใครนี่ เจ้ายังเป็นอีลั่วเสวี่ยอยู่หรือเปล่า ดูย่ำแย่แบบนี้ ไม่เหมือนเจ้าเลยจริงๆ” ลูกบอลเงินมองดูอีลั่วเสวี่ยที่ยืนหลังพิงประตู มันกลอกตารอบหนึ่ง น้ำเสียงเย้ยหยัน
อีลั่วเสวี่ยทำตาขวางใส่ลูกบอลเงิน “คราวหน้าถ้าเราอยู่กันตามลำพัง เจ้ากล้าเข้ามาวุ่นวาย ระวังตัวเถอะ ข้าจะจับเจ้าถอดเป็นชิ้นๆ ให้เจ้ากลับดาวไม่ได้”
“เข้าใจแล้ว ก็แค่ให้เจ้ามีสิทธิในชีวิตส่วนตัวใช่ไหม ข้าไม่เข้าไปในห้องก็ได้” ไม่ต้องเข้ามาในห้อง มันก็ได้ยินและมองเห็นสีหน้าอีกฝ่ายได้ แน่ละ มันไม่บอกเรื่องนี้กับอีลั่วเสวี่ย
“จำไว้ก็ดีแล้ว” เนื่องจากเจ้าลูกบอลเงินถือเธอเป็นเจ้านาย ปกติแล้วจะไม่จากไปนาน ข้อแรกเป็นการคุ้มกันความปลอดภัยของมัน ข้อสองไม่มีเจ้าของร้านคนไหนจะทิ้งร้านของตนเอง
ลูกบอลเงินลอยมาอยู่ตรงหน้าอีลั่วเสวี่ย “แต่พูดก็พูดเถอะ เจ้าวิ่งหนีอะไรมา เจ้ากลัวเฉวียนหมิงจะกินเจ้าแล้วทิ้งหรือ?” ท่าทางเมื่อกี้…ดูเหมือนจะเขินอาย นับว่าเพิ่งเห็นครั้งแรก
“กินแล้วทิ้ง? ข้ากลัวว่าข้าจะกินเขาต่างหาก” เธอจำต้องยอมรับว่า คนรูปหล่ออย่างเฉวียนหมิงสามารถทำให้ผู้หญิงทำผิดได้ โดยเฉพาะเธอ บัดนี้เธอยอมรับเขาจากส่วนลึกของหัวใจ
ผู้ชายหล่อเหล่าวนเวียนอยู่ตรงหน้าเธอ คอยมองตาด้วยดวงตาที่เปี่ยมด้วยรักตลอดเวลลา เธอเองก็เป็นผู้หญิงธรรมดา จะอดใจไว้หรือ คริคริ…
ลูกบอลเงินได้ยิน ก็ถอยห่างจากเธอทันที มันแปลกใจมาก “แม่คุณ เจ้าไม่ธรรมดาจริงๆ!” เธอจะรุกแล้วใช่ไหมนี่ โอ้แม่เจ้า หมอนี้หล่อนี่นา เจ้านายของมันก็ควรจะวางตัวอย่างนี้!
อีลั่วเสวี่ยทำอะไรไม่ถูก แล้วลูบหน้าอย่างไม่รู้ตัว คิดอะไรนี่ ก็สองชาติของเธอยังไม่เคยมีผู้ชาย นึกถึงเพศตรงข้ามแล้ว
เธอใช้น้ำเย็นล้างหน้าแรงๆ นอนลงบนเตียงทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ เพราะห้องข้างๆ มีหนุ่มรูปหล่อ พอคิดถึงเฉวียนหมิง เธอก็รู้สึกว่าความคิดสับสนไปหมดแล้ว
จนกระทั่งกลางดึก เธอทนไม่ไหว เริ่มทำสมาธิ เข้าสู่สภาวะบำเพ็ญเพียร จึงรู้สึกดีขึ้นบ้าง อันความรักนั้นสามารถทำให้คนที่มีจิตใจมุ่งมั่นอย่างแรงกล้ายอมโยนเสื้อเกราะทิ้ง
อีกด้านหนึ่งทางอวิ๋นเว่ยซึ่งกลับไปสองเดือนกว่าแล้ว ฐานะเขาในกองทัพไม่ได้รับผลกระทบ จึงหาเวลากลับไปเยี่ยมบ้านสกุลอวิ๋น
“ท่านแม่ทัพ นายท่านรอคุณอยู่ในห้องหนังสือครับ” เพิ่งกลับถึงคฤหาสน์หรูหรา ขณะที่เดินผ่านสนาม คนสวนกำลังตัดแต่งต้นไม้ พอเห็นอวิ๋นเว่ยก็พูดเตือนทันที
“รู้แล้ว ฉันจะไปหาท่าน”
พอมาถึงหน้าประตูห้องหนังสือ อวิ๋นเว่ยจัดเสื้อผ้าให้เข้ารูป เคาะประตูแล้วเดินเข้าไป
“พ่อ ผมกลับมาแล้วครับ”
มีเสียงดัง “เพี๊ยะ!” ผู้เฒ่าซึ่งใช้พู่กันเขียนอยู่ที่โต๊ะข้างหน้าวางพู่กันลงบนโต๊ะ แล้วตบโต๊ะอย่างแรง จนทำให้หมึกกระจาบไปบนโต๊ะ
“ยังรู้จักกลับมาหรือ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่บอกให้ทางบ้านรู้ แกรู้ไหม แม่แกโมโหจนล้มป่วยแล้ว! แกนะแก!” ท่านผู้เฒ่าพูดตำหนิ แต่พอเห็นแววตาอวิ๋นเว่ยเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด สุดท้ายจึงไม่พูดต่อ
ผู้เฒ่าโบกมือ “ช่างเถอะ ด่าแกไปก็เท่านั้น วันหลังถ้าเรื่องแบบนี้ต้องปรึกษากับทางบ้าน ถึงพ่อจะถอยออกมาแล้ว คนพวกนั้นไม่กล้าทำอะไรตามอำเภอใจหรอก” ท่านผู้เฒ่าหมายกถึงเรื่องที่อวิ๋นเว่ยถูกลอบสังหารหลังจากบาดเจ็บ
ท่าผู้นี้ก็คืออวิ๋นเซิน บิดาของอวิ๋นเว่ย
“พ่อครับ แม่ผมสุขภาพเป็นยังไงบ้าง?” อวิ๋นเว่ยนั่งลงด้วยความรู้สึกผิด เขาพักฟื้นอยู่ในกองทหารจนหายดี มองไม่เห็นอาการป่วยแล้ว จึงได้กลับมา ไม่เช่นนั้นแม่เขาคงต้องถอนหายใจไม่รู้กี่ครั้ง
“พ่อไม่ได้บอกทุกเรื่องให้แม่แกรู้ บอกเพียงว่าแกถูกยิงเข้ารับการผ่าตัด ต้องพักฟื้น ไม่เหมาะจะเดินทางไกล แม่แกถึงวางใจ โขคดีที่ในโทรศัพท์แกไม่ได้เผลอพิรุธออกมา”
ตอนที่ 325 ทำไมไม่พาหลานสาวพ่อกลับมา
อวิ๋นเว่ยได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจหนักๆ “งั้นก็ดีแล้ว ขอบคุณครับพ่อ” ขอบคุณที่บิดาไม่ได้พูดทั้งหมด ที่เขาไม่ได้แจ้งให้คนที่บ้านรู้ เป็นเพราะก่อนหน้านี้เขาเคยบอกกับจ้าวจวินและพวกว่าถ้าเกิดเขาเป็นอะไรไป ต้องยืดเวลาบอกครอบครัวเขาให้ช้าหน่อย ยกเว้นเขาใกล้หมดลมหายใจแล้ว มิฉะนั้นห้ามบอก มารดาเขาทนรับความกระทบกระเทือนใจไม่ได้
“เราพ่อลูกกัน พูดขอบใจเป็นการเกรงใจเกินไป จริงสิ ได้ยินว่าแกอยู่ข้างนอกหาหลานสาวคนหนึ่งให้พ่อ ทำไมคราวนี้กลับมา ถึงไม่มากับแกด้วยล่ะ?”
อวิ๋นเว่ยมีคุณหนูใหญ่แล้ว มีเวลาว่างเป็นต้องโทรหา รักและเอ็นดูไม่มีอะไรเทียบได้ ถึงกับยกคฤหาสน์เก่าตระกูลอวิ๋นมอบให้เป็นชื่อเธอ บวกกับลูกน้องเขาต่างวิจารณ์เรื่องนี้จนกระฉ่อน แกจึงพลอยแปลกใจไปด้วย
“พ่อ คงไม่คิดจะเอาบ้านกลับคืนมาใช่ไหม พ่อเคยบอกว่าบ้านหลังนั้นเป็นของผม ผมจะจัดการอย่างไรก็ได้” ก่อนนี้ที่เขาแต่งงาน บ้านหลังนั้นใช้ชื่อภรรยาเขาแล้ว
อวิ๋นเซินแปลกใจ “พ่อของแกเป็นคนใจแคบแบบนั้นหรือ พ่อแปลกใจต่างหาก เด็กสาวอะไรถึงทำให้ลูกชายพ่อยอมสละขนาดนั้น”
แม้จะบอกว่าเป็นบุตรสาวบุญธรรม แต่อวิ๋นเว่ยปฏิบัติต่อเธออย่างนี้ สนิทเหมือนคนในครอบครัว อย่างไรก็น่าจะพามาให้ดูตัวบ้าง มารู้จักปู่กับย่า ไม่งั้นจะใช้ได้หรือ ไม่งั้นอาจถูกคนใส่ร้ายว่ ลูกชายตนรับเธอเป็นลูกสาว แต่ลับหลังไม่รู้ว่าจะลือกันอย่างไร
“เธอหรือครับ เป็นเด็กฉลาดและคล่องมาก พ่อต้องชอบเธอแน่นอน เธอชื่ออีลั่วเสวี่ย ชื่อเพราะใช่ไหมครับ?”
“อวิ๋นลั่วเสวี่ย อีลั่วเสวี่ย…” อวิ๋นเซินนึกทบทวน หลานสาวในอดีตนั้น เขาได้อุ้มหลายครั้ง ผิวขาวราวกับหิมะ อ่อนนุ่มจนแทบปริเมื่อถูกลมพัด เพราะเธอเกิดในวันที่หิมะตก
ครั้งนั้นเขากับเมียอยากให้หลานอยู่ด้วย แต่ตอนนั้นคำนึงว่าลูกชายต้องการที่พึ่งพิงทางใจ มีลูกสาวที่น่ารักอยู่ด้วย บางทีเขาคงไม่เศร้าจนเกินไป
แต่คิดไม่ถึงว่าต่อมาจะเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น ถ้าทีแรกพวกตนยืนกราน บางทีอาจจะไม่เกิดเรื่องตอนหลังนั้นแล้ว เรื่องเศร้าในอดีตที่ลืมไปนานแล้วผุดขึ้นมาจากส่วนลึกของหัวใจ
เพราะเกิดเรื่องนั้นขึ้น พวกเขาต่างรู้สึกว่าตนเองต้องรับผิดชอบ หลายปีมานี้จึงไม่ได้กลับไปเมือง F อีก ก่อนนี้เมือง F มีขนาดเท่าอำเภอ เวลานี้ผ่านไปยี่สิบกว่าปีแล้ว
“ลูกพ่อ ทำไมไม่พาเธอมานับญาติ มีพ่ออย่างแกแล้ว ก็ควรบอกเธอว่ายังมีปู่กับย่า แกไม่ได้พูดงั้นหรือ?” อวิ๋นเซินขมวดคิ้ว
อวิ๋นเว่ยยิ้ม “ผมก็แค่ลืมไป อีกอย่างผมรับลูกสาว ไม่ใช่พ่อกับแม่รับหลานสาว”
“ไอ้ลูกเวร ลูกสาวแกไม่ใช่หลานข้าหรือไง?” เวลานี้ดูแล้ว ที่อวิ๋นเว่ยมีนิสัยพูดจาหยาบกร้านหัดมาจากใครคงไม่ต้องบอกว่า ตามพ่อนั่นเอง
“ผมไม่ได้ไม่บอกหรอก พ่ออย่าโมโห” อวิ๋นเว่ยเริ่มเหงื่อแตก ข้อเสียอย่างเดียวของบิดาเขาคือชอบขึ้นเสียง แต่เขากลับไม่รู้ตัวว่าเขาเองก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน
“พ่อโมโหแล้วหรือ ใครโมโห? ไม่ใช่พ่อ!” อวิ๋นเซินเชิดคางขึ้นอย่างหยิ่งผยอง แล้วนั่งพิงเก้าอี้
อวิ๋นเว่ยกุมขมับ “ใช่ครับ พ่อไม่ได้โมโห”
“นี่ ไอ้ลูกชาย ข้ากำลังพูดเรื่องหลานสาวกับแก ทำไมเปลี่ยนเรื่องพูด พ่อถามแกว่าทำไมไม่พาเธอกลับมาด้วย? บอกมา แกทิ้งเธอไว้ที่ไหน มีคนดูแลเธอไหม?”
“พ่อ พ่อก็รู้อยู่แล้ว ที่บ้านเก่าตระกูลอวิ๋น เมือง F อาเหมาคอยดูแล พ่อจะถามทำไม” ต้องฟังเขาพูดให้ได้หรือ พ่อข่าวไวกว่าเขาด้วยซ้ำ
“นั่นจะเหมือนกันหรือ ข่าวอาจผิดพลาด ต้องฟังแกพูดถึงจะแม่นยำ แกนะแก ทำไมไม่พาเธอมาด้วย ให้แม่แกพลยยดีใจด้วย”
ตอนที่ 326 ยังไม่ถึงเวลา
อวิ๋นเว่ยลูบท้ายทอย “เธอยังต้องไปเรียนครับ ไม่ใช่มาได้ตามใจชอบ ถ้าทำให้เสียการเรียนแล้วจะทำอย่างไร” ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเรื่องนี้ แต่ปัญหาคือตอนนั้นใกล้เปิดภาคเรียนแล้ว
เขาจะทำอะไรได้ เขาเองก็นึกเสียดาย แต่ไม่เป็นไรหรอก ต่อจากนี้ยังมีโอกาสที่จะให้พ่อแม่ตนได้พบเธอ
อวิ๋นเซินคิดเล็กน้อยแล้วพยักหน้า “ก็ใช่ เด็กคนนั้นยังเรียนมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยไหน คณะอะไร มีรูปให้พ่อดูหน่อยไหม” สามารถทำให้ลูกชายตนชื่นชมได้ เด็กสาวคนนี้ไม่ธรรมดาแน่
“มีครับ พ่อ นี่ครับ” อวิ๋นเว่ยหยิบมือถือออกมา ท่าทางราวกับมอบของล้ำค่าให้ เปิดภาพถ่ายคู่ที่เขาเคยถ่ายกับอีลั่วเสวี่ย อย่าว่าไป ดูหน้าตาแล้วมีส่วนคล้ายกัน
พออวิ๋นเซินเห็นรูปถ่ายก็แปลกใจทันที “ลูกพ่อ แกแน่ใจนะว่าไม่ได้หาลูกสะใภ้ให้พ่อ ไม่มีผู้หญิงอื่น?” หรือเจ้าลูกนี้แอบไปมีผู้หญิงไว้ข้างนอกจริงๆ นี่ก็คือลูกสาวแท้ๆ ของพวกเขา
ก็แค่อาศัยโอกาสนี้ทำให้เธอมาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาเท่านั้น ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เขาไม่ยอมรับ คนตระกูลอวิ๋นของพวกเขา ไม่ว่าชายหญิงต้องปฏิบัติต่อความรักอย่างจริงจัง
แน่ละนี่เป็นสภาพพิเศษ ก่อนนี้พวกเขาเคยสนับสนุนให้ลูกชายแต่งงานใหม่ เพราะอย่างไรเขาก็ต้องมีคนมาดูแล จะอยู่เป็นหม้ายตลอดไปได้หรือ น่าเสียดายที่ลูกชายไม่ฟัง
อวิ๋นเว่ยได้ยินเช่นนั้นมุมปากกระตุกทันที “พ่อ พ่อพูดบ้าอะไร ผมเป็นคนประเภทนั้นหรือ?” เขานึกอย่างไรก็นึกไม่ถึงว่าหลังจากบิดาดูรูปถ่ายแล้วจะคิดถึงปัญหานี้
“ใครจะรู้ได้ พอลูกโตแล้ว พ่อแม่ก็คุมไม่ได้ พ่อจะรู้ได้อย่างไรว่าแกแอบไปทำอะไรไว้” อวิ๋นเซินสีหน้าจริงจัง
จากนั้นก็ขยายรูปให้ใหญ่ขึ้นแล้วดู พอดูอย่างละเอียด สีหน้าก็อ่อนโยนลง “เหมือน เหมือนจริงๆ ลูกพ่อ มีโทรศัพท์ไหม พ่ออยากคุยกับหลานสาวคนนี้ ไม่สิ พ่อจะคุยแบบวิดีโอคอลล์”
ยายหนูนี่ท่าทางฉลาดจริงๆ วันหลังเขามีหลานสาวแล้ว ถ้าใครยังหัวเราะเยาะเขา ต้องโดนดีแน่
อวิ๋นเว่ยรีบดึงมือถือกลับมา “ไม่ได้ ไม่ได้หรอกครับ เสวี่ยเอ๋องานเรียนยุ่งมาก เธอยังต้องจัดการงานของบริษัทด้วย ไม่มีเวลาคุยวิดีโอคอลล์กับพ่อหรอก” พูดเป็นเล่น แม้แต่จะคุยโทรศัพท์กับตัวเขาเองก็ยังไม่ค่อยมีเวลา จะให้พ่อตนเองไปรบกวนเธอได้หรือ
พอเห็นสีหน้าบิดาไม่พอใจ อวิ๋นเว่ยรีบพูดแก้ตัวทันที “อีกอย่าง ตัวพ่อสำหรับเธอแล้วถือว่าเป็นคนแปลกหน้า ต้องให้เวลาเธอปรับตัวบ้าง พ่อรู้ไหม พอใกล้ปลายปี ในวันเกิดครบหกสิบสี่ของพ่อ ถึงตอนนั้นผมจะพาเธอมานับญาติครับ”
พออวิ๋นเซินคิดทบทวนดู สีหน้าที่หมองคล้ำก็ค่อยๆ สดใสขึ้น “อย่างนี้ค่อยยังชั่วหน่อย จำไว้นะ ต้องพาเธอมาให้ได้ รู้ใช่ไหม” คนในครอบครัวตัวเองจะไม่มาได้อย่างไร
“ไม่ถูก แกจะปล่อยยายหนูไว้ที่นั่นได้ยังไง ถ้าพวกที่คราวก่อนมาลอบสังหารรู้ว่ายายหนูอยู่ที่นั่น จะไม่อันตรายหรือไง?”
เมื่อกี้ยังเหมือนไม่ค่อยใส่ใจ แต่หลังจากดูรูปแล้ว ก็เปลี่ยนเป็นเรียกยายหนูทุกคำ คงเห็นเธอเป็นหลานสาวจริงๆ แล้ว คนตระกูลอวิ๋นง่ายๆ และยอมรับความจริง
ยอมรับคนเร็วมาก แต่กลับปกป้องตลอดไป
อวิ๋นเว่ยเห็นบิดาเอาใจใส่อีลั่วเสวี่ยเช่นนี้ ก็ดีใจมาก
“วางใจเถอะครับ เสวี่ยเอ๋อฝีมือเยี่ยมมาก อีกอย่างยังมีเฉวียนหมิงคอยปกป้องเธอ เรื่องนี้พ่อไม่ต้องกังวลครับ” สำหรับเฉวียนหมิงนั้น แม้ว่าตอนนี้เขาไม่ค่อยเห็นด้วยที่จะให้ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน แต่เขาเป็นคนที่ผ่านโลกมา มองออกว่าลูกสาวเธอดีต่อเขาเป็นพิเศษ คิดดูแล้วคงต้องปล่อยไปเอง ขณะนี้ร่างกายเขาดีขึ้นแล้ว ย่อมคุ้มครองเธอไม่ให้ได้รับอันตรายเด็ดขาด
ตอนที่ 327 ข้อเสนอของแม่เฒ่า
ส่วนปัญหาความปลอดภัยนั้น ผ่านเหตุการณ์ครั้งก่อน ทำให้เขาไม่วิตกแม้แต่น้อย เธอเป็นผู้บำเพ็ญเพียร ฝีมือยังเหนือทหารในหน่วยเขาสิบคนรวมกัน
ถึงตอนนั้นเธอไม่เล่นงานคนก็ดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าคนอื่นจะเล่นงานเธอ อีกอย่างนอกจากเฉวียนหมิงแล้วยังมีหลิงเป่าถังอยู่ที่นั่น เขารู้ดีถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับหลิงเป่าถัง ถ้าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ หลิงเป่าถังไม่นิ่งนอนใจแน่นอน จะอย่างไรเฟิงฉี่ก็เรียกเธอว่าเจ๊ทุกคำ ไม่ใช่เรียกอย่างเรื่อยเปื่อย
“เฉวียนหมิง เฉวียนหมิง…หลานชายของตาเฒ่าเฉวียนสือหรือ?” อวิ๋นเซินคิดเล็กน้อย ในหัวมีภาพเด็กชายหน้าตาหล่อเหลา แววตาฉลาดเฉลียวแฝงไว้ด้วยความเย็นชา
อวิ๋นเว่ยผงกหัว “ใช่เขาครับ ดังนั้นพ่อวางใจได้”
“วางใจ เจ้าหนูนั่นตอนเด็กก็ฉลาดดีหรอก แต่เวลานี้ใครจะรู้ว่าเป็นยังไงบ้าง แม้ตาเฒ่าเฉวียนสือจะพูดอวดไม่ขาดปากว่าหลานชายตัวเองเก่งกาจขนาดไหน แต่เขานั่งเก้าอี้เข็นไม่ใช่หรือ แล้วจะคุ้มครองยายหนูได้ยังไง”
มุมปากอวิ๋นเว่ยกระตุก คิดในใจว่า “พ่อ อย่าดูถูกคนอย่างเฉวียนหมิงเชียว ถ้าเฉวียนสือได้ยินเข้า ถ้าไม่ทะเลาะกันก็คงแปลก”
“เขากินโอสถทิพย์ที่เฟิงฉี่แห่งหลิงเป่าถังขอมาจากอาจารย์ เดินเหินไม่มีปัญหาแล้ว ผมว่านะ พ่อ ทำไมพอตื่นเต้นยิ่งกว่าผมอีก เสวี่ยเอ๋อเป็นลูกสาวผม ผมหามา” อวิ๋นเว่ยเน้นคำพูดสองประโยคหลัง
เวลานี้ดูแล้วเขาเป็นเหมือนแม่บ้าน ต้องคอยรายงานความเคลื่อนไหวของอีลั่วเสวี่ยให้รู้
อวิ๋นเซินไม่สนใจคำพูดของลูกชาย เขาพึมพำออกมา “ลูกสาวแกก็คือหลานฉัน มีปัญหาไหม?”
“ครับ ไม่มีปัญหา” อวิ๋นเว่ยพูดคล้อยตาม ถึงตอนนี้ประตูเปิดออก แม่เฒ่าท่าทางมีสง่าราศรีคนหนึ่งเดินเข้ามา
แม่เฒ่าสวมเสื้อตัวหลวมโพรก คลุมไหลด้วยผ้าคลุมไหล่ขนแกะหนาหนัก ดูท่าทางสูงศักดิ์แต่ไม่ขาดความเมตตา ข้างๆ เป็นเด็กสาวคนหนึ่ง ขณะนี้กำลังเกาะมือเด็กสาวคนนี้
“อะไรไม่มีปัญหา สองพ่อลูกนี่พอลูกชายกลับมาก็แอบมาคุยกันเอง จนลืมยายแก่อย่างฉันไปแล้ว” ฝานเหม่ยหลิงถลึงตาใส่อวิ๋นเซิน ท่าทางไม่พอใจมาก
ทุกครั้งทำเหมือนปรึกษางานใหญ่ของชาติ ทำให้แม่เฒ่าต้องรอพักหนึ่งจึงจะมาพบได้
“แม่ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ ตอนที่ผมมาถึง ได้ยินว่าแม่พักผ่อนอยู่ ก็เลยมาพบพ่อที่นี่ก่อน แม่ก็รู้ที่เราคุยกันนั้นแม่ไม่สนใจหรอกครับ” อวิ๋นเว่ยพูดพลางคลำหน้าผาก แล้ววิ่งมาหามารดา ช่วยพยุงแม่เฒ่า
“สวัสดีค่ะอาอวิ๋น” เด็กสาวทักทาย มองดูเขาด้วยสายตาเคารพ ยิ้มอย่างมีมารยาท เธอชื่อฝานเจียวเจียว เป็นหลานสาวของพี่ชายแม่เฒ่า จึงถือเป็นหลานของนางด้วย
อวิ๋นเว่ยพยักหน้ารับ แสดงว่าตนเองได้ยินแล้ว แล้วพยุงมารดานั่งลง
ฝานเจียวเจียวช่วยจัดผ้าคลุมไหล่ให้แม่เฒ่าทันทีด้วยความเอาใจใส่ “เข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว อากาศเย็น ย่ารองต้องระวังหน่อยค่ะ”
แม่เฒ่าดึงฝานเจียวเจียวนั่งลงด้วยความใจดี “เป็นเจียวเจียวค่อยเอาใจใส่ ถ้าหนูเป็นหลานสาวฉันก็คงดีหรอก เสี่ยวเว่ย ไม่งั้นลูกรับเจียวเจียวเป็นลูกสาวเถอะ พออย่างนี้แล้วยายแก่อย่างแม่จะได้มีคนอยู่เป็นเพื่อนแล้ว”
ลูกชายตนเองไม่แต่งงานใหม่เสียที ไม่รู้ว่าสกุลอวิ๋นจะมีผู้สืบทอดหรือไม่ นางไม่ใช่คนที่ยึดติดแบบแผนโบราณ ต้องมีผู้สืยสายเลือดสกุลอวิ๋นให้ได้ ก็เพียงอยากมีคนฝากผีฝากไข้ได้สักคน ไม่เช่นนั้นพอพวกตนสามคนพ่อแม่ลูกจากไปแล้ว กิจการใหญ่โตของสกุลอวิ๋นจะทิ้งไว้ให้ใคร?
อวิ๋นเว่ยขมวดคิ้ว “แม่ เรื่องนี้แม่เอ่ยถึงหลายครั้งแล้ว พ่อแม่ของเจียวเจียวก็ยังอยู่ ยังเป็นลูกสาวคนเดียวด้วย แม่จะแย่งหลานสาวคนอื่นหรือครับ?”
ฝานเหม่ยหลิงมีหลานสาวฝานเจียวเจียวมาอยู่เป็นเพื่อนบ่อยๆ หลานสาวคนนี้อยากได้อวิ๋นเว่ยเป็นพ่อบุญธรรม ต้องการอาศัยอิทธิพลของตระกูลอวิ๋นไต่เต้าสูงขึ้น
ตอนที่ 328 ฝานเจียวเจียว
เพราะปัญหานี้เอง สกุลฝานมีความทะเยอทะยานใหญ่นัก แม่ตนเองไม่รู้เรื่องนี้ แต่เขารู้ ถ้าไม่มีจุดมุ่งหมายใดๆ ก่อนหน้านี้เขาคงรับเธอเป็นลูกบุญธรรมไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องรอจนเดี๋ยวนี้
นอกจากนี้แล้วยายหนูฝานเจียวเจียวอะไรก็ดีหรอก แต่เขาไม่รู้ว่าทำไมตนเองจึงไม่ชอบเด็กคนนี้ เมื่อก่อนเขารู้สึกผิดต่อลูกสาวที่เสียชีวิตตั้งแต่เล็กตลอดเวลา จึงไม่รับลูกสาวบุญธรรม
แต่หลังจากที่เขาได้พบอีลั่วเสวี่ย จึงตระหนักว่าเรื่องนี้ต้องอาศัยบุญวาสนา พอเห็นก็ถูกชะตา ต่างมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน ไม่เช่นนั้นแค่เรียกว่าพ่อบุญธรรมหรือเรียกพ่ออย่างขอไปที จะมีประโยชน์อะไร
“ย่ารอง ไม่ต้องติดใจเรื่องนี้หรอกค่ะ จะทำให้อาอวิ๋นลำบากใจค่ะ หนูเรียกว่าอาอวิ๋น ทั้งยังเป็นหลานสาวของย่ารอง ไม่ต่างกันหรอกค่ะ” ฝานเจียวเจียวยิ้ม ท่าทางเหมือนไม่ใส่ใจ ยิ้มอย่างสนิทสนม แต่ความรู้สึกเสียดายที่วาบขึ้นในดวงตาไม่อาจรอดพ้นจากสายตาของอวิ๋นเซินได้
เด็กคนนี้แววตาเจ้าเล่ห์นัก ไม่เหมาะจะเป็นด็กในตระกูลอวิ๋น กลับเป็นอีลั่วเสวี่ยนั่น แววตาใสบริสุทธิ์ ในนั้นยังแสดงให้เห็นว่ามองคนทะลุปรุโปร่ง
แม้จะดูเพียงรูปถ่าย แต่เขารู้สึกเหมือนคนมายืนอยู่ตรงหน้า นี่คือสาเหตุที่คนอย่างเขาอวิ๋นเซินอยากพบอีลั่วเสวี่ย
แม่เฒ่าถอนหายใจด้วยความเสียดาย เรื่องที่ลูกชายตัวเองได้รับบาดเจ็บ นางรู้บ้างเล็กน้อย และไม่อยากเพราะเรื่องนี้ทำให้ทุกคนไม่สบายใจ ก่อนหน้านี้เพราะจะให้เขาแต่งงานใหม่ กลับทำให้เขาไม่ยอมกลับบ้านถึงหนึ่งปี
“เป็นเจียวเจียวที่รู้ความ ย่ารองอย่างฉันมีหลานอย่างนี้ก็พอใจแล้วละ”
อวิ๋นเซินกลอกตา “เรื่องนี้ไม่แน่หรอก อยากได้หลานสาว ก็ไม่เห็นยาก ผ่านไปสักพักจะมีหลานสาวมาหาเธอหรอก” เขาลากหางเสียงยาว ดูอารมณ์ดีมาก
แม่เฒ่ากับฝานเจียวเจียวแปลกใจ ความเป็นไปได้อย่างหนึ่งผุดขึ้นในใจ แล้วหันไปมองอวิ๋นเว่ยทันที หรือว่าเขามีภรรยาแล้วได้ลูกแล้ว น่าจะเป็นเด็กทารก?
“ลูกแม่ พ่อแกล้อเล่นใช่ไหม?”
“เปล่าครับ เมื่อกี้ผมพูดเรื่องนี้กับพ่อแล้ว แม่ ผมกลับไปเมือง F คราวนี้เจอเด็กที่ฉลาดรู้จักเหตุผล ผมรับเธอเป็นลูกสาวบุญธรรม อีกระยะหนึ่งเธอปิดเทอม ผมจะส่งคนไปรับมาเยี่ยมพ่อกับแม่ครับ”
แม่เฒ่าแปลกใจ สีหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ “ลูกสาวบุญธรรม รับแล้ว? แม่ยังคิดว่าลูก…” พูดไม่ได้ว่าชอบหรือไม่ ในใจรู้สึกสับสน
ฝานเจียวเจียวตกใจมาก จากนั้นก็เก็บงำความไม่พอใจในดวงตา เม้มริมฝีปากแน่น จู่ๆ ก็มีก้างขวางคอ น่าแค้นจริง!
“แม่ คิดไปไกลแล้ว ผมจะมีเวลาและความพยายามหรือ” อวิ๋นเว่ยกระอักกระอ่วน ก่อนหน้านี้ยังบอกให้เขารับลูกบุญธรรม ชายหรือหญิงก็ได้ พอใจทั้งสิ้น ทำไมแม่ตนเองช่างวุ่นวายนัก?
สีหน้าแม่เฒ่าสงบลง “ลูกแม่ แน่ใจแล้วนะ ตรวจสอบนิสัยใจคอหรือยัง มุ่งหวังอะไรในสกุลอวิ๋นเราหรือเปล่า?”
มุ่งหวังอะไรหรือ? ด้วยฝีมือและความสามารถของเธอ ไม่รู้ว่ากลุ่มอิทธิพลมากเท่าไรที่อยากดึงเธอมาเป็นพวก ใช้เวลามานานหรอก จะมีฐานะสูงกว่าสกุลอวิ๋นของพวกเขา แล้วจะมุ่งหวังอะไรจากตระกูลอวิ๋น
แน่นอนว่าเรื่องนี้อวิ๋นเว่ยไม่คิดจะพูด ลั่วเสวี่ยเคยบอกเขาว่า ที่เธอรู้จักบำเพ็ญเพียรนั้น ไม่เปิดเผยออกไปจะดีกว่า
“แม่ เรื่องนี้แม่ไม่ต้องกังวล ลั่วเสวี่ยไม่ใช่คนอย่างที่แม่คิด ผมรับประกัน ถ้าแม่พบเธอ แม่ต้องชอบเธอแน่นอน ตอนนี้อย่าเพิ่งมองเธออย่างมีอคติครับ”
อวิ๋นเว่ยในฐานะลูกชายย่อมฟังออกว่าคำพูดมารดามีความหมายอะไร จึงรีบแก้ตัวแทนอีลั่วเสวี่ย
ตอนที่ 329 ช่วยตรวจสอบคนให้หน่อย
อวิ๋นเซินเห็นเช่นนั้นจึงพูดว่า “ยายเฒ่า ก่อนนี้เธอบอกเองว่าต้องคุ้นเคยกันก่อนจึงจะรู้ว่าเป็นคนยังไง วันนี้ไม่เหมือนที่พูดเลย”
แม่เฒ่าถลึงตาใส่สามี “พ่อลูกสองคนนี้เริ่มเถียงแทนเธอแล้ว ฉันแปลกใจนักว่าเธอเป็นลูกบ้านไหน?” แม่เฒ่าคิดทันทีว่าน่าจะเป็นคนในแวดวงเดียวกัน
“แม่ เธอไม่ใช่คนของเราที่นี่ เธออยู่ที่เมือง F ชื่ออีลั่วเสวี่ย เป็นเด็กกำพร้าไม่มีพ่อแม่” พ่อแม่บุญธรรมตายไปแล้ว เท่ากับไม่มีพ่อแม่นั่นเอง สกุลอีไม่นับว่าเป็นครอบครัวเธอ
พอแม่เฒ่าได้ยินเช่นนี้ก็คลายความกังวลลงไม่น้อย เด็กที่ไม่มีพ่อแม่ ก็ไม่ต้องกลัวว่าพ่อแม่เด็กจะมาวุ่นวาย
“อีลั่วเสวี่ย ลั่วเสวี่ย…” นึกถึงที่เคยอุ้มหลานสาวตอนเด็ก แม่เฒ่าคิดถึงหลาน ชื่อก็คล้ายกัน น่าจะเป็นบุญวาสนา หลายปีมานี้ลูกชายไม่ได้แต่งงานใหม่ เวลานี้จะพาลูกสาวบุญธรรมมา นี่คงเป็นชะตาลิขิตไว้แล้ว
ฝานเจียวเจียวกลอกตา “งั้นหนูต้องแสดงความยินดีกับอาอวิ๋นและปู่รองด้วยค่ะ ยังต้องยินดีที่จากนี้ตัวเองจะมีน้องสาว!” น้ำเสียงเธอเบิกบานใจ พยายามทำให้บรรยากาศดีขึ้น
“น้องสาว? ไม่หรอก ลั่วเสวี่ยอายุมากกว่าเธอ วันหลังเจียวเจียวต้องเรียกเธอว่าพี่จึงจะถูก” พออวิ๋นเว่ยได้ยินคนเอ่ยชื่ออีลั่วเสวี่ย ก็ลืมเรื่องอื่นหมด อยากอวดลูกสาว
สีหน้าฝานเจียวเจียวแข็งทื่อ “งั้นหรือค่ะ พี่สาวก็ดีออก จริงด้วยย่ารอง วันหลังจะมีคนอยู่เป็นเพื่อนย่ารองเพิ่มอีกคนแล้ว”
แม่เฒ่าพยักหน้า “เจียวเจียวช่างเข้าใจอะไรดี” แม่เฒ่าพูดพลางตีหลังมือหลานสาวเบาๆ สีหน้าเปี่ยมด้วยความเอ็นดู
“จริงสิแม่ ผมอยากกินกับข้าวฝีมือแม่” บรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความยินดีปรีดา อวิ๋นเว่ย รู้สึกท้องหิวขึ้นมา จึงพูดขึ้น
อวิ๋นเว่ยกลับมาจากริมขอบของความตายทำให้เขาเข้าใจเรื่องหนึ่ง เขาเป็นหนี้พ่อแม่มากเหลือเกิน ต้องช่วงชิงโอกาสที่พวกท่านยังมีชีวิตอยู่บนโลก กตัญญูต่อพวกท่านให้มาก
ขอเพียงให้พวกท่านมีความสุข จะให้เขาทำอะไรก็ได้
พอแม่เฒ่าได้ยินก็รู้สึกเบิกบานใจ คำพูดประโยคหนึ่งที่แม่ทุกคนอยากฟังก็คือลูกๆ ชอบกินกับข้าวที่ตนเองทำ
“จริงหรือ งั้นแม่จะไปทำเดี๋ยวนี้เลย พอดีทันมื้อเที่ยง แม่จะไปบอกป้าจางว่าไม่ต้องทำกับข้าวมื้อนี้” แม่เฒ่าพูดพลางลุกขึ้นเดินออกไป
ฝานเจียวเจียวเห็นเช่นนั้นก็ตามออกไปทันที “ย่ารอง หนูมาช่วยแล้ว ค่อยๆ เดิน ระวังบันได…”
หลังจากกินอาหารเสร็จ เดิมฝานเจียวเจียวเตรียมจะเป็นเพื่อนแม่เฒ่าไปเดินเล่นย่อยอาหาร แต่คิดไม่ถึงว่าอวิ๋นเว่ยจะเดินเป็นเพื่อนเอง เธอจึงต้องเลิกล้มความคิดนี้
“เจียวเจียวคงมาอยู่ที่นี่ระยะหนึ่งแล้ว เกรงว่าปู่หนูรวมทั้งพ่อแม่จะคิดถึง ช่วงนี้ฉันอยู่บ้าน ฉันจะดูแลย่ารองของเธอเอง เธอไปพักผ่อนเถอะ” อวิ๋นเว่ยยิ้มแล้วพูด
ฝานเจียวเจียวย่อมเข้าใจความหมายในคำพูดนี้ นั่นคือตอนนี้ไม่ต้องให้เธออยู่เป็นเพื่อนแม่เฒ่าแล้ว เธอเคยได้ยินคำพูดทำนองนี้ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง จนชินชาแล้ว แต่วันนี้กลับรู้สึกแปลกๆ
“พอดีหนูกำลังจะลาย่ารองพอดี เช้านี้แม่โทรมา ขอให้หนูเป็นเพื่อนไปท่องเที่ยวค่ะ”
แม่เฒ่ายิ้มแล้วพูดว่า “งั้นก็รีบกลับไปเถอะ ทุกครั้งที่ให้หลานอยู่ที่นี่ พ่อแม่หนูคงโมโหอาอย่างฉันแน่” แม่เฒ่ายิ้มร่า
ฝานเจียวเจียวจึงบอกลาคนในตระกูลอวิ๋นในสภาพเช่นนี้ แล้วออกไปจากบ้าน
พออยู่บนรถเธอหยิบมือถือออกมา แล้วโทรศัพท์ “ช่วยฉันตรวจสอบคนคนหนึ่งหน่อย อีลั่วเสวี่ย คนเมือง F ขอข้อมูลทั้งหมดของหล่อน” เธออยากรู้นักว่าเธอเป็นใครกันแน่ อวิ๋นเว่ยถึงได้ชื่นชม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น