ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง 317-324

 ตอนที่ 317 หากมียาเช่นนั้นเจ้าก็ควรจะกิน


 


 


เฝิงเยี่ยไป๋ได้ส่งคนแอบเฝ้าติดตามเฉินยางอยู่จริง เรื่องที่เขาต้องทำมีอยู่มาก ไม่อาจอยู่กับนางได้ตลอดเวลา แต่ก็ไม่วางใจ จึงได้แต่ส่งคนปกป้องนาง เพียงแต่เรื่องจับแมวนี้กลับทำเอาเขาประหลาดใจ ผู้ชายหยาบกร้านเช่นนี้ ปีนต้นไม้จับแมว คิดอย่างไรก็รู้สึกประหลาด


 


 


เพียงแต่ที่น่าดีใจคือนางไม่ได้แสดงออกว่ารังเกียจนัก อย่างน้อยก็รู้ว่าเขากำลังปกป้องนางอยู่ รู้ผิดชอบชั่วดีเช่นนี้ดีที่สุดแล้ว เขาวางแมวอยู่ในอ้อมกอดของนาง จากนั้นก็กอดนางเอาไว้ ในใจเกิดความรู้สึกอิ่มเอมขึ้นมาทันที


 


 


เมื่อก่อนรู้สึกว่าชีวิตยิ่งมีสีสันก็ยิ่งดี ไม่ได้เจอคนที่สามารถฝากหัวใจเอาไว้ได้ แทบอยากจะเปลี่ยนผู้หญิงที่อยู่ข้างกายไม่ซ้ำแต่ละวัน วันๆ ไม่อยู่ในบ้าน เล่นที่สามารถเล่นได้เสียให้หมด ชีวิตสั้นนัก ต้องรีบหาความสุข ใครจะรู้ว่าตัวเองจะตายเสียวันใด! ยามนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว หัวใจมีที่พักพิง ไปถึงที่ใดก็คิดถึงบ้าน ยามนี้เพิ่งได้รู้สึกตัวว่าชีวิตที่รื่นรมย์เหล่านั้นล้วนเสียเปล่า แต่งงานมีภรรยาอุ่นเตียงไว้ กังวลก็เพียงแค่ชีวิตจะอยู่อย่างไร ไม่ต้องมีกลอุบายมากมายเช่นนี้ กลับบ้านไปได้ดื่มชาอุ่นจากมือนางได้เห็นรอยยิ้มบนหน้านางก็เพียงพอแล้ว หากมีลูกอีกคนหนึ่ง เช่นนั้นชีวิตของเขาก็สมบูรณ์แล้ว ถือว่าไม่เสียชาติเกิดมา


 


 


เฉินยางยังคงซื่อบื้อ ความรู้สึกของเขาที่ซ่อนอยู่ในใจไม่พูดออกมา สำพังให้นางเดาก็เดาไม่ออกแน่แท้ เพียงแต่นางชอบเฝิงเยี่ยไป๋ที่เป็นเช่นนี้ ไม่โมโห พูดจาไพเราะ ไม่มีท่าทางแข็งกร้าวดั่งปกติ ดูแล้วก็สบายใจนัก


 


 


เขาวางศีรษะไว้บนบ่านาง ลมหายใจเป่าที่หูนางเบาๆ ทั้งจั๊กจี้ทั้งร้อน เฉินยางนึกถึงเว่ยหมิ่นขึ้นมาอีกครั้ง นางเกาหูแล้วถามเขาว่า “ไฉนช่วงนี้เว่ยหมิ่นถึงไม่มาเช่นกันแล้ว”


 


 


เว่ยหมิ่น? วันก่อนเขาให้เฉาเต๋อหลุนไปจวนท่านหญิงอยู่นั้น ได้ยินว่าทั้งสองคนช่วงนี้ทะเลาะกัน คนใช้บอกว่าจวิ้นหม่าอยากได้ลูก ท่านหญิงบอกว่าไม่อยากมี จากนั้นจวิ้นหม่ารู้สึกเสียหน้าจึงโกรธ บอกจะไป ถูกท่านหญิงลากกลับมาอีก ยามนี้ทั้งสองคนใครก็ไม่สนใคร นำพาพวกคนใช้อย่างพวกเขาพลอยถูกลูกหลงไปด้วย


 


 


เล่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองคนนางก็ใช่ว่าจะเข้าใจ จึงเลือกหลักคิดสำคัญเล่าให้นางฟังจะได้เข้าใจง่าย เขาพูดว่า “เว่ยหมิ่นอยู่บ้านปั้นลูกกับเหลียงอู๋เย่ว์อยู่เลย ก่อนที่เด็กจะคลอดออกมา นางก็จะไม่มาแล้ว”


 


 


เฉินยางอ้าปากกว้างร้อง “อ๋อ” ออกมา “เช่นนั้นแล้วไม่ใช่ว่าข้าจะไม่ได้เจอนางปีหนึ่งเลยหรือ ไม่เช่นนั้นข้าไปเยี่ยมนาง ให้ท่านหมออิ๋งโจวจัดยาที่ทำให้มีลูกได้เร็วๆ ที่จริงแล้วเหลียงอู๋เย่ว์น่าสงสารยิ่งนัก ทุกครั้งที่ข้าเห็นเขา ก็รู้สึกเขาน่าสงสารอย่างบอกไม่ถูกนัก


 


 


“เจ้าคิดว่าท่านหมออิ๋งโจวรักษาได้ทุกโรคเลยหรือ นั่นเป็นปัญหาของผู้หญิง อิ๋งโจวก็ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องนี้นัก หาเขาใช้ไม่ได้ อีกอย่าง หากมียาเช่นนั้นอยู่จริง ก็ควรเป็นเจ้าที่จะต้องกิน” เขานวดท้องที่แบนราบของนาง “ครั้งที่แล้วขู่เจ่ามา ข้ายังคุยกับเขาอยู่เลย เขาบอกว่าชะตาข้าจะต้องมีทั้งลูกชายลูกสาว ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพิ่มนัก เจ้าว่าท้องเจ้ายามนี้จะมีแล้วหรือไม่ ช่วงนี้รู้สึกไม่สบายหรือไม่ พรุ่งนี้ข้าจะให้เฉาเต๋อหลุนหาหมอหญิงมาดูเจ้า ข้ามั่นใจในความสามารถของตัวเองอยู่”


 


 


ยิ่งพูดยิ่งเหลวไหล เฉินยางปัด ‘กรงเล็บสุนัข’ ของเขาออก สีหน้าหวาดระแวง “พวกนางบอกว่าคลอดลูกเจ็บยิ่งนัก เจ็บเจียนตายเช่นนั้น ท่านแม่ของข้าก็ตายยามที่คลอดข้าออกมา หน้าของนางข้าก็ยังไม่เคยเห็นเลย”


 


 


——


 


 


ตอนที่ 318 ท่านยอมทิ้งตำแหน่งอ๋องหรือ


 


 


 


 


เฉินยางพอพูดถึงแม่ของนางก็คิดถึงพ่อของนางขึ้นมา พ่อของนางลำบากมากเกินไป เลี้ยงดูนางมาด้วยความยากลำบาก แต่สุดท้าย นางยังไม่ทันได้แสดงความกตัญญูด้วยก็ต้องไปอยู่กับคนอื่น ไปเป็นคนของครอบครัวอื่นเสียแล้ว อนาคตข้างหน้ามีแค่วันปีใหม่เท่านั้นที่จะสามารถกลับไปได้ครั้งหนึ่ง พอนึกถึง นางก็บุ้ยปาก น้ำตาก็กลั้นไว้ไม่อยู่แล้ว ร่วงหยดลงมาใส่หลังมือของเฝิงเยี่ยไป๋


 


 


อยู่ดีๆ ทำไมถึงร้องไห้เสียเล่า เขาจับนางให้หันกลับมาเผชิญหน้า ผู้หญิงพอถึงจุดนี้ พอน้ำตาไหลอะไรก็ไม่ชัดเจน ในมือไม่มีผ้าเช็ดหน้าเลย เขาจึงทำได้เพียงเอาแขนเสื้อไปเช็ดน้ำตาให้นาง ไม่เคยคิดเลยว่ายิ่งเช็ดน้ำตาจะยิ่งเยอะ ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ได้ยินนางพูดออกมาด้วยความน้อยใจ “ข้าช่างอกตัญญูเหลือเกิน พ่อของข้าเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับข้า ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยทำอะไรให้ข้ารู้สึกน้อยใจ ตอนนี้ข้ากลับไม่สามารถแสดงความกตัญญูอยู่ข้างกายเขา และก็ไม่รู้ว่าพ่อของข้าจะเป็นอย่างไรบ้าง”


 


 


นางไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น นางถูกคนที่บ้านสอนคุณธรรมของสตรีมาตั้งแต่เล็ก ถูกเตรียมตัวให้ออกเรือนตั้งแต่เกิด พ่อของนางไม่ได้ร้องขออะไรอื่นกับนางเลย ของแค่นางมีความสุขก็พอ นางใช้ชีวิตง่ายๆ ตามใจนาง ตั้งแต่เล็กจนโตนางนั้นไม่เคยห่างกับพ่อของนางเลย เขาคิดไม่ถึงเลยว่าพอพูดถึงมีลูกแค่ประโยคเดียวจะทำให้นางมีปฏิกิริยาตอบกลับมาเยอะขนาดนี้ รีบพูดปลอบไปว่า “ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไรเลย ไม่คุ้มกับที่ต้องร้องไห้หนักขนาดนี้ ใครบอกว่าเจ้าไม่กตัญญูกัน พ่อของเจ้ารู้ดีว่าในใจของเจ้าคิดถึงเขา เขายังจะต้องดีใจด้วยซ้ำ”


 


 


 “เพื่อข้า ทั้งชีวิตนี้พ่อข้าใช้ชีวิตอย่างลำบากมาก จนถึงตอนนี้ท่านพ่อยังไม่ได้แต่งงานใหม่ แต่ก่อนตอนข้าอยู่ ยังมีคนคอยคุยเป็นเพื่อนกับเขาแก้กลุ้ม ต่อมาข้าไม่อยู่แล้ว เขาคนเดียวจะต้องลำบากขนาดไหน ปากเขาไม่พูดออกมา แต่ความจริงแล้วข้ารู้หมด แม้ว่าหน้าตาจะบอกว่าไม่ให้ข้าไม่ว่าจะเกิดอะไรก็อย่ากลับบ้าน แต่ในใจกลับอยากให้ข้ากลับไปมากกว่าใคร ข้า…” นางหยุดพักเล็กน้อย “ข้าสามารถรับพ่อข้ามาอยู่ด้วยจะได้ไหม ให้เขามาอยู่กับเราได้หรือไม่”


 


 


พ่อตาอาศัยอยู่ด้วยหรือ นอกจากลูกเขยแต่งเข้าแล้ว ก็ไม่เคยได้ยินว่ามีใครทำอย่างนี้มาก่อน สามีภรรยาเขาอยู่ด้วยกันดีๆ คิดไม่ถึงว่าจะรับพ่อตามาอยู่ด้วย รู้สึกไม่เป็นอิสระ จะบอกว่าเขาไม่กตัญญูก็ไม่ใช่ พ่อนะ พ่อตาก็เป็นพ่อ เป็นพ่อก็ต้องเลี้ยงดูดีๆ พอถึงตอนนั้นค่อยจัดการหาบ้านสักหลังให้พ่อตาอยู่ ย้ายมาอยู่อย่างมีหน้ามีตา แล้วค่อยให้คนใช้ร้อยกว่าคนมาคอยปรนนิบัติ ถ้าหากรู้สึกว่าชีวิตตอนแก่เหงา ในเมืองมีผู้หญิงสวยๆ ให้เลือก เลือกคนไหนได้คนนั้น ขอเมียสิบคนเก้าคนกลับจวนมาปรนนิบัติ ไม่มีอะไรทำก็เล่นกับนก เลี้ยงปลา ฟังเพลง ในบ้านมีผู้หญิงเอวสวยมาเต้นไปด้วยดื่มเหล้าไปด้วยเต็มไปหมด วันเวลาแบบนี้ ยังมีอะไรที่จะสุขสบายไปกว่านี้ได้อีก


 


 


แต่ความจริงภายในใจลึกๆ แล้วกลับไม่สามารถพูดกับนางได้ พูดออกมาเดี๋ยวโดนหาว่าเขาไม่ปกติ พาท่านพ่อของนางไปในทางไม่ดี ช่างลำบากใจจริงๆ มองเห็นนางร้องไห้ เขากลับไม่มีวิธีการอะไรเลย นอกเสียจากปลอบใจ


 


 


ปลอบไปก่อน ที่เหลือ รอวันที่กลับไปหรู่หนานก่อนแล้วค่อยวางแผนก็ยังไม่สาย พอคิดได้อย่างนี้ ก็พูดปลอบขึ้นว่า “พ่อเจ้าก็คือพ่อข้า เจ้าอยากแสดงความกตัญญูต่อพ่อนั้นไม่ผิด แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ตอนนี้เราอยู่ที่ไหน ถ้าตอนนี้รับพ่อของเจ้ามา ไม่เท่ากับว่ายกมือป้อนอาหารเข้าปากฮ่องเต้เองหรอกหรือ รอสักพักก่อน รอให้ทางนี้สงบลงก่อน แล้วเราค่อยกลับหรู่หนาน พอถึงตอนนั้นจะไปกตัญญูกับท่านพ่ออย่างไรก็ได้ วันเวลาข้างหน้ายังอีกยาวไกล เรื่องแค่นี้เอง มองแง่ดีหน่อย ไม่ต้องร้องไห้แล้ว ร้องไห้จนหน้าลายหมดแล้ว”


 


 


นางหยุดร้องไห้ ในตายังมีน้ำคลออยู่ ถามเขาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “ท่านยอมทิ้งตำแหน่งอ๋องหรือ”


ตอนที่ 319 ฮ่องเต้พระราชทานงานสมรส 


 


 


 


 


 


เป็นถึงท่านอ๋อง นอกจากฮ่องเต้เขาก็นับว่าใหญ่สุดแล้ว ผู้ที่เป็นข้าราชการอยู่ข้างล่างล้วนต้องเคารพเขา เอาใจเขา ปรนนิบัติเขาเหมือนดั่งบรรพบุรุษเช่นนั้น คำพูดดีๆ มีให้เขามากมาย ช่างได้หน้าเสียกระไร ผู้ชายล้วนรักอำนาจไม่ใช่หรือ นางไม่เชื่อว่าเขาจะตัดใจได้ 


 


 


ที่จริงแล้วเฝิงเยี่ยไป๋ก็ไม่สนใจตำแหน่งท่านอ๋องอะไรนั่นจริงๆ เขาอยู่ที่นี่มีคนเอาใจ กลับไปที่หรู่หนานก็มีคนเอาใจเช่นกัน มีเงินก็เป็นใหญ่ เงินทองของเขานั้น พอให้เขาเป็นใหญ่ไปอีกสิบชาติยังเหลือๆ 


 


 


เฉินยางถามเขาว่าตัดใจได้หรือ ย่อมตัดใจได้อยู่แล้ว เขานอกจากตัดใจจากนางไม่ได้ บนโลกนี้ ก็ไม่มีอะไรที่เขาตัดใจไม่ได้แล้ว 


 


 


ฮ่องเต้ส่งนักพรตมาก็เพื่อจะปูทางให้กับราชโองการที่จะตามมา เฝิงเยี่ยไป๋เป็นคนฉลาดยิ่งนัก คิดจะจัดวางคนอยู่ข้างตัวเขา ก็ต้องทำให้แนบเนียน ส่งคนไปตรงๆ ไม่ได้แน่นอน จะต้องหาวิธีให้ได้ ก็พอดีว่าเขาป่วยหนักลุกไม่ไหวไม่ใช่หรือ หมอหลวงยังทำอะไรไม่ได้ เช่นนั้นก็ได้แต่เชิญนักพรตไปเสียแล้ว ไม่สนว่าเป็นโชคร้ายหรือหายนะอะไรนั่น เอางานมงคลเข้ามาล้าง โรคอะไรยังหายไม่ได้อีกหรือ 


 


 


วันถัดมาราชโองการพระราชทานงานสมรสก็ลงมาแล้ว 


 


 


มีแม่นางอยู่ห้าหกคน มีลูกสาวคนรองของเฉิงเอินกง น้องสาวของท่านแม่ทัพเกรียงไกร ลูกสาวคนเล็กของเจ้ากรมทหาร ลูกสาวปราชญ์มหาสำนัก หลานสาวเจ้ากรมศาลต้าหลี่ซื่อ ยังมีลูกสาวของเสนาบดีกรมทหารเจี่ยงเหว่ย… เจี่ยงน่าอวี้! 


 


 


หลี่เต๋อจิ่งสะบัดแส้ปัดในมือ ยิ้มได้เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก “เมื่อวานนักพรตกลับไปพูดแล้ว ท่านน่ะถูกผีร้ายเข้าสิง ผีร้ายนี้ขับไล่ไม่ยาก ที่ยากคือเรื่องหลังจากนี้ จวนท่านอ๋องนี้ตั้งแต่ที่ซู่อ๋องออกจากเมืองหลวงไปก็ไม่มีใครอาศัยอยู่ ไร้ชีวิตชีวายิ่งนัก จวนนี้คงจะถูกผีร้ายบางอย่างยืดเอาไว้เสียแล้ว ผีร้ายน่ะ กลัวลมปราณของคนที่สุด ท่านเข้ามาอาศัยแล้ว มันไม่มีที่หลบ จึงได้แต่มุดเข้าไปอยู่ในร่างคน! เพียงแต่ไม่เป็นไรขอเพียงมีงานมงคลสมรสมาล้างก็พอแล้ว เรื่องงานมงคลนี้ หนึ่งคือเพื่อไล่สิ่งชั่วร้าย สองคือ… ก็เห็นว่าวังหลังของท่านจืดจางยิ่งนัก ถือเสียว่าหาเพื่อนให้พระชายา คนเหล่านี้ล้วนเป็นฝ่าบาทและไทเฮาที่ตั้งใจเลือกให้ หน้าตาดีทุกคน ความรู้และการเอาใจ ทั้งดนตรีเล่นหมากเขียนอักษรและวาดภาพล้วนชำนาญทุกด้าน ท่านเลือกดู หากเห็นแล้วสบายตาแต่งหมดเลยก็ไม่เป็นไร หากไม่อยากแต่งคนมากมายนัก เลือกคนที่ถูกตาต้องใจก็ได้” 


 


 


สภาพของเฝิงเยี่ยไป๋นี้ไม่สามารถคุกเข่าขอบพระทัยรับราชโองการได้ วันนี้คืออะไรกัน แม้แต่งานสมรสของเขาเองก็ใส่ใจขึ้นมาเสียแล้ว? สายตาที่มีอยู่เต็มจวนท่านอ๋องยังไม่พอ ยังคิดจะส่งคนมาอยู่ข้างหมอนเขาอีกคน? ตัวเองแกล้งป่วย กลับทำให้ฮ่องเต้ได้โอกาสเสียแล้วอย่างนั้นหรือ 


 


 


เขาแกล้งกระแอมเบาๆ เงยหน้ามองหลี่เต๋อจิ่งด้วยความอ่อนเพลีย “ยามนี้ข้า… แค่กๆ ยามนี้ลงจากเตียงยังลำบาก… ไม่ควรจะทำให้ลูกสาวของใต้เท้าทั้งหลายต้องลำบากนัก เกรงว่า… แค่กๆ เกรงว่าแต่งกลับมาแล้วก็ไม่อาจให้ชีวิตดีๆ ได้ รังแต่จะทำให้ชีวิตของพวกนางต้องลำบาก” 


 


 


หลี่เต๋อจิ่งพูดอย่างหม่นหมองว่า “สามารถสมรสกับท่านอ๋องได้เป็นบุญของพวกนาง ท่านอ๋องเป็นยอดคน จะบอกว่าทำให้ชีวิตพวกนางลำบากได้อย่างไรกัน ได้ปรนนิบัติท่านอ๋องเป็นบุญเก่าของบรรพบุรุษของพวกนาง ท่านมีจิตใจดีงามยิ่งนัก เพียงแต่ยามนี้แล้วก็ต้องคิดถึงตัวเองเสียบ้าง ยังมีพระชายา มีคนอยู่เป็นเพื่อนก็น่ายินดีไม่ใช่หรือ” 


 


 


ดีเสียเหลือเกิน! นี่คือไม่คิดจะให้ทางถอยกับเขาเลย ได้ เก่งเสียจริงๆ ราชโองการฉบับหนึ่งสั่งลงมาบนศีรษะของเขา ขัดราชโองการเท่ากับหมิ่นฮ่องเต้ ทำให้ฮ่องเต้เสียพระพักตร์ อีกทั้งยังเป็นการอ้างเรื่องที่ว่าทำเพื่อเขา ไม่ได้ให้เขาปฏิเสธได้เลย 


 


 


“ต้องขอให้ฝ่าบาทมีพระบรมราชานุญาตให้ข้าคิดเสียก่อน อย่างไรเสียก็เป็นการแต่งคนเข้าบ้าน ไม่ใช่หมาแมว อย่างไรก็ต้องคุยกับภรรยาข้าก่อน” 


 


 


 


 


 


—— 


 


 


 ตอนที่ 320 เขาไม่มีภรรยาน้อยใหญ่ถึงจะแปลก 


 


 


 


 


 


อย่างไรเสียราชโองการฮ่องเต้ก็ลงมาแล้ว เขายังจะทำอย่างไรได้อีก ก็เลือกแล้วกัน! จะเลือกก็ต้องใช้เวลาเสียหน่อย เพียงแต่ยังดีที่ไม่ต้องฝืนบอกว่าไม่เอา 


 


 


หลี่เต๋อจิ่งมอบราชโองการให้เฉาเต๋อหลุน ยิ้มพูดว่า “ได้ เช่นนั้นท่านเลือกก่อน เลือกได้แล้วก็ให้คนเข้ามาบอกในวัง ฝ่าบาทก็จะได้มีราชโองการพระราชทานงานสมรสให้” 


 


 


เลือกเสร็จแล้วก็พระราชทานงานสมรสให้ นิสัยรีบร้อนของฮ่องเต้นี้ช่างไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ แม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้วก็ตาม! 


 


 


ที่จริงแล้วเขาสามารถเลือกได้ทันทีแล้วแต่งเข้ามา อย่างมากก็เพียงเลี้ยงคนว่างอยู่ในบ้านไม่กี่คน เขาไม่แตะพวกนาง เลี้ยงพวกนางอย่างดีอยู่ในบ้าน และยังคงหวานซึ้งกับเฉินยาง ก็ไม่ได้มีผลแต่อย่างใด เพียงแต่เฉินยางจะคิดอย่างไรเขาไม่รู้ นางไม่มีเล่ห์กลนัก ตั้งแต่ต้นก็ไม่เคยแสดงอาการหึงหวงกับเขา เขาไม่แน่ใจว่า ตกลงตัวเองมีความสำคัญเพียงใดในใจของนาง 


 


 


พูดตามตรงก็คือกลัวนางโกรธ ไม่สนว่าแสร้งทำละครหรือเพื่อตบตาคนอื่น อย่างไรเสียก็เป็นการแต่งหญิงเข้าบ้าน นางเป็นถึงภรรยาหลวง เป็นนายหญิงใหญ่ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องบอกนางถึงจะได้ 


 


 


เขาเปลี่ยนจากท่าทางป่วยหนักก่อนหน้านี้ ยืนขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เดินวนไปมาอยู่ในห้องหลายรอบ คิดอยู่ว่าอีกเดี๋ยวจะเอ่ยปากอย่างไร 


 


 


เฉาเต๋อหลุนเห็นท่าทางของเขานั้น ยังคิดว่าเขากังวลเรื่องจุดประสงค์ของฮ่องเต้ จึงโค้งตัวก้าวขึ้นไปก้าวหนึ่งพูดว่า “ท่านอ๋อง บ่าวจะไปสืบแม่นางเหล่านี้ รอให้สืบได้แล้ว กลับมาบอกท่าน หากมาด้วยราชโองการของฮ่องเต้จริง ราชโองการไม่อาจขัด พวกเราก็จะระวังมากขึ้น ป้องกันให้ดีเป็นพอ” 


 


 


เฝิงเยี่ยไป๋สะบัดมือพูดว่า “ไม่จำเป็น จุดประสงค์ของฮ่องเต้ไม่ต้องเดาก็รู้” เขามองรายชื่อบนราชโองการอีกครั้งแล้วพึมพำว่า “น่าอวี้ เจี่ยงน่าอวี้รึ ถึงกับมีนางอยู่ด้วย” 


 


 


น่าอวี้เป็นแม่นางที่ไม่เลวนัก ตรงกับความชอบของเขา ฉลาดแต่ไม่เจ้าเล่ห์ มีมารยาท ถามสิ่งที่ควรถาม สิ่งที่ไม่ควรถามก็รู้จักหุบปาก เป็นแม่นางดีที่รู้เรื่องนัก หากจะบอกว่าเบาใจละก็ นางเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่ง ภาพลักษณ์ของนางในหัวของเขาไม่เลวมาตลอด เพียงแต่แม่นางเช่นนี้ หากถูกฮ่องเต้ใช้ประโยชน์มาจัดการเขา ก็เป็นปัญหาอยู่ไม่น้อย 


 


 


เฉาเต๋อหลุนอยากจะออกความคิดให้เฝิงเยี่ยไป๋ เพียงแต่ความคิดของเฝิงเยี่ยไป๋ลึกซึ้งนัก ความคิดของตัวเองช่วยเขาไม่ได้ จึงได้แต่ยืนนิ่งรออยู่ข้างๆ 


 


 


เมื่อเรื่องที่ฮ่องเต้พระราชทานงานสมรสให้เฝิงเยี่ยไป๋นั้นลอยเข้าหูซั่งเหมยกับซั่งเซียง ปากที่เก็บอะไรไม่อยู่นั้นต้องรักษาความลับไม่ได้แน่ๆ กลับไปก็เล่าให้เฉินยางฟังเสียแล้ว ตอนที่เฉินยางลูบแมวอยู่นั้นไม่ทันระวังออกแรงมากไป แมวถูกลูบจนเจ็บ ก็ร้องเมี้ยวแล้วข่วนนางไปสองแผล 


 


 


ซั่งเหมยพูดว่า “ผู้ดูแลใหญ่ที่อยู่ข้างพระวรกายฮ่องเต้หลี่เต๋อจิ่งมามอบราชโองการ บ่าวแอบได้ยินอยู่นอกประตู บอกว่าจะพระราชทานงานสมรสให้ท่านอ๋อง มีลูกสาวเจ้ากรมทหาร น้องสาวของท่านแม่ทัพ หลานสาวของเจ้ากรมศาลต้าหลี่ซื่อ รวมๆ แล้วมีห้าหกคน ล้วนจะแต่งเข้ามาในจวน” 


 


 


ซั่งเซียงทายาให้เฉินยางไปพลางแล้วแก้ไปพลางว่า “ไม่ได้บอกว่าทั้งหมด บอกว่าเลือกคนที่ถูกใจแต่งเข้ามาก็ได้แล้ว… บอกว่าจะได้เป็นเพื่อนกับท่านพอดี!” 


 


 


ซั่งเหมยบุ้ยปากพูดว่า “ลูกหลานทั้งหลายนี้ล้วนมีหน้าตาสวยงาม เลือกคนที่ถูกใจ จะมีไม่ถูกใจเสียที่ใด คงจะแต่งเข้ามาทั้งหมด ถึงยามนั้น ในจวนจะต้องคึกคักแน่ๆ” 


 


 


ในใจเฉินยางกระตุก บอกไม่ถูกว่ารู้สึกไม่ดีอย่างไร ก็เพียงแต่รู้สึกไม่ดี ผู้ชายนั้น มีภรรยาสามคนสี่คนเป็นเรื่องปกติ เฝิงเยี่ยไป๋ก็เช่นกัน หากเขาไม่มีภรรยาสามคนสี่คน คนอื่นถึงจะรู้สึกผิดปกติกระมัง! 


ตอนที่ 321 เจ้าเลือกให้ข้า เลือกคนใดก็แต่งคนนั้น 


 


 


 


 


 


เฉินยางเก็บความรู้สึกเจ็บ ในใจไม่รู้เกิดอะไรขึ้นเริ่มปั่นป่วนขึ้นมา เพียงแต่ไม่แสดงออกที่สีหน้า ฮ่องเต้ก็มีสามตำหนักหกหมู่เรือนเจ็ดสิบสองสนมไม่ใช่หรือ ฮองเฮาเป็นถึงภรรยาหลวง ก็ให้ฮ่องเต้สมรสใหม่อยู่ทุกปีไม่ใช่หรือ ฮองเฮาเป็นมารดาใต้ฟ้าตัวอย่างของประชาชน เฉินยางแม้จะรู้สึกไม่ดี เพียงแต่นี่เป็นงานสมรสที่ฮ่องเต้พระราชทานให้เขา เขาก็ไม่อาจขัดราชโองการได้กระมัง เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว นางก็จะให้เขาลำบากใจไม่ได้ 


 


 


นางเหมือนดั่งมีก้างติดคอ สงบอารมณ์อยู่นานถึงได้พูดออกมาว่า “พวกเจ้าไปแอบฟัง ม่กลัวท่านพี่รู้แล้วถลกหนังพวกเจ้าหรือ” 


 


 


ซั่งเหมยซั่งเซียงสบตากันแล้วพูดว่า “พวกบ่าวไม่ใช่ว่าเป็นห่วงท่านหรือ ท่านคิดดู รอให้เหล่านางยั่วสวาทพวกนั้นเข้ามาในจวนท่านอ๋อง ท่านอ๋องคงถูกพวกนางสูบวิญญาณไป ถึงยามนั้น ท่านก็จะไม่ได้รับความรักจากท่านอ๋องแล้ว หากท่านอ๋องไม่มาหาท่านจะทำอย่างไร ของดีๆ เก็บไว้ให้เหล่านางยั่วสวาทพวกนั้น ปล่อยให้พวกนางขี่อยู่บนศีรษะของท่าน น้อยใจเพียงใดก็ไม่มีที่ระบาย!” 


 


 


เฉินยางยังไม่เลอะเลือนถึงขั้นฟังพวกนางพูดแล้วจะพาลเกลียดคนที่นางยังไม่เคยพบหน้า ฮ่องเต้พระราชทานงานสมรส ไม่ว่าใครก็ทำอะไรไม่ได้ อีกอย่าง พวกนางแต่งกับเฝิงเยี่ยไป๋ ไม่ได้แต่งกับนางเสียหน่อย ขอเพียงต่อหน้าดีกันก็พอ หลังจากนี้หากอยู่ด้วยกันได้ก็อยู่ อยู่ด้วยกันไม่ได้ก็ไม่ต้องเจอเสีย ต่อให้เฝิงเยี่ยไป๋เห็นแก่ท่านพ่อของเขาที่ตายจากไป วันหลังเบื่อนางแล้ว ก็คงไม่ถึงกับไม่สนใจนางกระมัง 


 


 


พอคิดได้เช่นนี้ก็รู้สึกเศร้านัก จู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งถึงหลายคนมาแบ่งความรักของเฝิงเยี่ยไป๋ที่มีต่อนาง จะบอกว่าไม่รู้สึกแย่ก็คงเป็นเรื่องโกหก ไม่เสียดายเป็นเรื่องปลอม ไม่โกรธก็เป็นเรื่องโกหก เพียงแต่นางจะทำอย่างไรได้ นิสัยไม่แย่งกับใครเป็นธรรมชาติ เป็นของของนาง ใครจะแย่งกับนางนางไม่ยอม ไม่ใช่ของของนาง แย่งมาแล้วก็ไร้ประโยชน์ ไม่ช้าก็เร็วต้องจากไปอยู่ดี 


 


 


นิสัยของนางก็เป็นเช่นนี้ ทำเอาเฝิงเยี่ยไป๋โกรธจนหัวใจสั่นเทาไปด้วย ที่พูดเช่นนี้ คือนางไม่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อยหรือ 


 


 


“เจ้าดูเองแล้วกัน” เฝิงเยี่ยไป๋โยนราชโองการตรงหน้านาง “เจ้าเลือกให้ข้า เลือกคนใดก็แต่งคนนั้น” 


 


 


เขาแต่งภรรยาเองยังต้องให้นางเลือก เฉินยางรู้สึกเศร้าขึ้นมา ภาพตรงหน้ามีน้ำขึ้นมาทำให้สายตามัวสลัว นางฝืนข่มความน้อยใจเอาไว้ แล้วเริ่มเลือกจากในราชโองการจริงๆ จังๆ ขึ้นมา 


 


 


“หลานสาวของเจ้ากรมศาลต้าหลี่ซื่อฉลาดใช่หรือไม่ แต่งนางเข้ามา ก็ไม่ต้องกังวลว่าในจวนจะมีคนที่มือเท้าไม่สะอาดแล้ว” 


 


 


“น้องสาวของท่านแม่ทัพเกรียงไกร เช่นนั้นแล้วก็น่าจะเก่งวิทยายุทธ์กระมัง หากมีอันตรายอะไรนางก็ปกป้องเจ้าได้” 


 


 


“ลูกสาวของปราชญ์มหาสำนัก ความรู้ก็ต้องมีมาก ยามที่ไม่มีสิ่งใดจะทำก็สามารถเล่นหมากแต่งกลอนเป็นเพื่อนท่านได้ ก็ไม่เลว” 


 


 


“ของเจ้ากรมทหารนี้… คนนี้น่าจะเก่งกระมัง! เพียงแต่ไม่เป็นไร คนเก่งสามารถดูแลจวนได้” 


 


 


“ยังมี… น่าอวี้ คนนี้ดีๆ น่าอวี้ท่านเองก็เคยเจอ ทั้งสวยและมีมารยาท แถมยังเป็นผู้รอบรู้ นิสัยอ่อนโยนดี อืม… ก็ไม่มีอะไรไม่ดีเลย ข้าก็ชอบนาง น่าอวี้ต้องแต่ง” 


 


 


“ส่วนคนอื่นๆ …” นางเลือกจนตาลาย ขมวดคิ้วชี้ไปชี้มาบนชื่อทั้งหลาย สุดท้ายถึงกับคิดไม่ออกว่าจะตัดใครออกได้ เหมือนว่านอกจากนางแล้ว ผู้หญิงเหล่านี้ล้วนเหมาะสมกับเฝิงเยี่ยไป๋ทั้งนั้น! 


 


 


สุดท้ายนางวงบนราชโองการอย่างใจกว้าง “ไม่เช่นนั้นก็แต่งพวกนางเข้ามาเสียให้หมดเถิด แต่งเข้ามาดี อย่างไรเสียข้าก็ไม่เห็นว่ามีใครไม่เหมาะสม” 


 


 


เฝิงเยี่ยไป๋กัดฟันพูดว่า “มากเกินไปแล้ว แต่งเข้ามาหมดวุ่นวายเกินไป ทนไม่ไหว” 


 


 


“เช่นนั้นก็…” นางวงใหม่อีกครั้ง “แต่งสามคนนี้แล้วกัน!” 


 


 


  


 


 


—— 


 


 


ตอนที่ 322 ปล่อยให้ผู้หญิงคนอื่นแย่งผู้ชายของเจ้า 


 


 


 


 


 


เฝิงเยี่ยไป๋มองตามนิ้วที่นางชี้ คนที่หนึ่งเป็นน่าอวี้ คนที่สองเป็นลูกสาวปราชญ์มหาสำนัก คนสุดท้ายเป็นหลานสาวเจ้ากรมศาลต้าหลี่ซื่อ 


 


 


หลังจากเลือกเสร็จนางยังบ่นอีก “เป็นท่านที่แต่งภรรยาไม่ใช่ข้าแต่งเสียหน่อย ท่านก็เลือกเองเสียบ้าง หากที่ข้าเลือกท่านไม่ชอบล่ะ” 


 


 


ครั้งก่อนที่นางตั้งใจทำเรื่องหนึ่งนั้น คือตอนที่นางเพิ่งแต่งเข้ามา เพื่อขอขนมแล้วพยายามเอาใจเขาแลกจูบ และครั้งนี้ นางทำเช่นนี้ กลับเพื่อจะผลักใสเขา 


 


 


รอให้นางเลือกเสร็จ เฝิงเยี่ยไป๋ถามนางว่า “เช่นนั้นแล้วเจ้าเล่า เจ้าจะทำอย่างไร ผู้ชายล้วนรักใหม่ลืมเก่า ข้าแต่งพวกนางเข้ามา พวกนางก็จะแย่งความรักที่ควรจะเป็นของเจ้าไป ของกินของใช้ ยังมีเงินทอง ล้วนต้องแบ่งออกไป เจ้ายอมเห็นเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นหรือ” 


 


 


ไม่ยอม! ไม่ยอม! ไม่ยอม! นางร้องตะโกนอยู่ในใจ มีความรู้สึกเจ็บที่บอกไม่ถูกนักกำลังก่อตัวจากแขนขาไปที่หัวใจ  


 


 


เจ็บจริงๆ เลย! นางสูดจมูก กลั้นน้ำตาที่อยู่ตรงขอบตาเอาไว้ แถมยังต้องแสร้งทำเป็นใจกว้าง “ท่านแต่งพวกนางแล้ว สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่พวกนางควรจะได้ ข้ารู้สึก…ข้ารู้สึกว่าข้าน่าจะอยู่กับพวกนางได้ดี” 


 


 


เขาอ้าปากด้วยความรู้สึกเศร้านัก “เว่ยเฉินยาง เจ้าไม่สนใจข้าขนาดนี้เลยหรือ เจ้าใจกว้างถึงขนาดปล่อยให้ผู้หญิงคนอื่นแย่งผู้ชายของเจ้าได้อย่างง่ายดายเช่นนี้หรือ เจ้าไม่รักข้าเลยใช่หรือไม่” 


 


 


นางส่ายหน้า “ไม่ใช่” เพียงแต่ประโยคหลังเต็มๆ ที่ว่า ‘ข้าสนใจท่าน ข้าไม่ได้ใจกว้างเช่นนั้น ข้าไม่ใช่ว่าไม่รักท่าน’ อย่างไรเสียก็พูดไม่ออก 


 


 


เป็นเขาที่ยอมรับเอง ผู้ชายล้วนรักใหม่ลืมเก่า หากนางพูดประโยคที่เหลือนั้นออกมา เขากลับเบื่อนางอย่างรวดเร็ว เช่นนั้นเว่ยเฉินยางในวันนี้ก็จะกลายเป็นตัวตลกเสียแล้ว 


 


 


นางนอกจากพูดว่าไม่ใช่ ก็ไม่พูดอะไรอีกเลย 


 


 


ความดีใจของเฝิงเยี่ยไป๋ที่เกิดขึ้นไม่ทันไรก็หายไปในทันที เพียงเท่านี้หรือ เพียงแค่ประโยคเดียวว่า ‘ไม่ใช่’ ก็ตอบกลับเขาแล้วหรือ นางรักท่านพ่อของนางได้ เพื่ออิ๋งโจวแล้วมาเอาใจเขาได้ เกิดความสงสารกับเหลียงอู๋เย่ว์ที่เจอเพียงไม่กี่ครั้งเพราะความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเว่ยหมิ่น เพียงแต่ไฉนถึงไม่ยอมแบ่งความรักส่วนหนึ่งมาให้เขาบ้าง 


 


 


ขอเพียงนางพูดประโยคเดียวว่า “ข้าไม่อยากให้ท่านแต่งคนอื่นเข้ามาอีก” เพียงคำพูดง่ายๆ นี้ ราชโองการนี้ เขาสามารถที่จะหาข้ออ้างปฏิเสธได้ แล้วสาบานกับนางว่า ‘ชาตินี้จะไม่แต่งใครอีก’ ความยากลำบากใดๆ ล้วนให้เขาจัดการ เขาเพียงอยากให้นางรักเขาดีๆ 


 


 


ความรักนั้นช่างทรมานเป็นที่สุด เจ้าไม่เคยจะเดาได้เลยว่าอีกคนหนึ่งในใจคิดอย่างไร ฉะนั้นจึงไม่กล้าแสดงความเอาใจเสียก่อน ทั้งๆ ที่ความรักในใจแทบจะแหลกละเอียดแล้ว เพียงแต่ปากก็ต้องยั้งเอาไว้ ถึงขั้นใจดำ รักยิ่งลึกก็ยิ่งกลัว นักยิ่งนานก็ยิ่งไม่กล้าพูดออกมาง่ายๆ 


 


 


สุดท้ายเขาก็ได้เพียงกัดฟันพูดว่า “ได้ ในเมื่อเป็นเจ้าที่เลือกให้ข้า เช่นนั้นข้าก็จะฟังเจ้า แต่งพวกนางเข้ามาให้หมด” 


 


 


คืนนั้นเฉาเต๋อหลวนก็กลับวังรายงานแล้ว ฮ่องเต้ตรัสถามว่าเลือกใคร พั่งไห่ทูลว่า “สามคน คนหนึ่งเป็นหลานสาวเจ้าอาวาสวัดต้าหลี่ คนหนึ่งเป็นลูกสาวปราชญ์มหาสำนัก ยังมีอีกก็คือน่าอวี้ ดูจากเช่นนี้แล้วน่าอวี้ก็ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์เสีย อย่างน้อยก่อนหน้านี้ที่ปูทางมานาน เฝิงเยี่ยไป๋ปฏิบัติกับนางคงจะไม่เหมือนกันกระมังพ่ะย่ะค่ะ” 


 


 


ฮ่องเต้ส่งเสียง ‘อุบ’ เบาๆ “พรุ่งนี้เรียกสามคนนี้เข้าวังให้ไทเฮาดู จะแสดงละครต้องแสดงให้ครบชุด อย่าให้เฝิงเยี่ยไป๋ดูพิรุธออก ฝั่งน่าอวี้นั้นได้ว่าอย่างไรบ้าง” 


 


 


พั่งไห่ทูลว่า “แม่นางนี้ใจเ**้ยมใช้ได้เลยพ่ะย่ะค่ะ ลูกชายคนโตของเจี่ยงเหว่ยก็เป็นนางที่ยืมดาบฆ่าคน เจี่ยงเหว่ยวุ่นวายจะฆ่านางเสียให้ได้ถูกบ่าวห้ามเอาไว้ บ่าวคิดว่าทั้งสองคนนี้ไม่ช้าก็เร็วต้องตายกันไปเสียข้างพ่ะย่ะค่ะ” 


ตอนที่ 323 หลีกทางให้


 


 


 


 


ฮ่องเต้ขมวดพระขนงตรัสว่า “เจ้าโง่เจี่ยงเหว่ยนี้ เจ้าเฝ้าเขาไว้ให้ดีๆ หากเขากล้าทำเสียเรื่อง รีบประหารทันที!”


 


 


พั่งไห่ขานตอบแล้วถอยออกไป


 


 


รุ่งเช้า ราชโองการพระราชทานสมรสก็มาถึงบ้านของแม่นางเหล่านั้น ช่างเป็นภาพที่บางคนมีความสุขและบางคนเศร้าเสียใจ ที่มีความสุขย่อมเป็นน่าอวี้ เพียงแต่นางเก็บซ่อนความดีใจเอาไว้ แสดงความเศร้าโศกบนหน้า ที่เหลือสองคนนั้นกลับร้องไห้เอาเป็นเอาตาย ท่านอ๋องคนนั้นหากดีๆ อยู่ก็ช่างเสีย แต่ดันเป็นคนป่วยหนัก ล้วนบอกว่าเขาถูกผีร้ายเข้าสิง ใกล้จะตายเสียแล้วเช่นนั้น


 


 


เพียงแต่ราชโองการก็ลงมาแล้ว ไม่ยิมยอมก็จะทำอย่างไรได้อีก ไม่อยากถูกตัดศีรษะก็ต้องไป แม่นางแต่ละคนแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็ถูกส่งขึ้นรถม้า กำชับอีกเล็กน้อย ก็เข้าไปในวัง


 


 


ก่อนจะแต่งงาน ต้องไปถูกไทเฮาสั่งสอนเสียหน่อย ก็เป็นเรื่องเช่นเตือนให้พวกนางรู้ว่าเข้าจวนอ๋องไปแล้วทุกเรื่องล้วนถือท่านอ๋องเป็นสำคัญ อะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด สุดท้ายก็พูดถึงเฉินยาง นางถอนหายใจพูดว่า “พวกเจ้าล้วนเป็นแม่นางที่มีมารยาท วันหลังหากใครทำได้ดี ตำแหน่งพระชายาอ๋องนี้ก็ใช่ว่าจะถูกแทนที่ไม่ได้ ดูเพียงว่าพวกเจ้ามีความมุมานะหรือไม่แล้ว หากทำได้ดี ข้าจะเลื่อนฐานะให้พวกเจ้าด้วยตัวเอง”


 


 


สองคนที่เหลือไม่ได้สนใจเท่าไรนัก เพราะไม่อยากจะแต่งแม้แต่น้อย ทว่าน่าอวี้ไม่เหมือนกัน นางมีความมุมานะ เป็นพระชายาได้ย่อมดีที่สุด เพียงแต่เฉินยาง… ช่างเถิด เรื่องต่อจากนี้ค่อยคิดกันวันหลัง!


 


 


ในจวนอ๋องก็คึกคัก งานสมรสถูกจัดสามวันหลังจากนี้ ในจวนก็เริ่มตกแต่งแล้ว สิ่งของในเรือนของเจาอี๋[1]ทั้งสามต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด คนในจวนอ๋องต่างวุ่นวายกันขึ้นมา เฉินยางไปเดินเล่นข้างนอก แทบจะทุกคนต่างเร่งรีบกันหมด ตั้งแต่ข้างในยันข้างนอกล้วนเปลี่ยนเป็นสีแดงของงานมงคล แม้แต่ในห้องของนางก็ถูกแปะอักษรมงคลคู่สีแดงตัวใหญ่ๆ


 


 


ซั่งเหมยวั่งเซียงวิ่งเข้ามาจากข้างนอก ใช้มือโบกพัดไปพลางพูดไปพลางว่า “เรือนของแม่นางน่าอวี้อยู่ติดกับท่านอ๋องเลยนะเจ้าคะ”


 


 


คำพูดนี้เหมือนจงใจพูดให้เฉินยางฟัง


 


 


เฉินยางเงี่ยหูฟังซั่งเซียงพูดว่า “ก็ไม่ใช่หรือ เลี้ยวไปเล็กน้อยก็ถึงแล้ว วันหลังจะไปก็สะดวกขึ้น”


 


 


ต้าหมี่กระโดดขึ้นมาบนตัวเฉินยาง แล้วร้องเมี้ยวเอาใจ จากนั้นก็หาวแล้วนอนไป


 


 


เฉินยางพูดอย่างท้อแท้ว่า “พวกเจ้าไม่ต้องพูดอ้อมๆ ฟ้องให้ข้าฟัง ข้ารู้หมดแล้ว”


 


 


ซั่งเหมยซั่งเซียงพูดมิบังอาจ เห็นนางท่าทางเบื่อหน่าย ซั่งเหมยจึงเข้าไปปลอบ “ท่านไม่ควรใจกว้างเช่นนี้ ไปตรงหน้าท่านอ๋อง สร้างความวุ่นวาย หนึ่งร้องไห้สองวุ่นวายสามแขวนคอ ให้มันวุ่นวายนัก แล้วให้ท่านอ๋องปฏิเสธไปก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ”


 


 


เฉินยางพิงหน้าต่างเหม่อลอย “ข้าไม่ใช่นางมารร้ายเสียหน่อย อีกอย่าง ราชโองการที่ฮ่องเต้สั่งลงมาด้วยพระองค์เอง จะเป็นสิ่งที่ข้าวุ่นวายแล้วสามารถทำให้เขาขัดราชโองการได้หรือ ถึงยามนั้นเกิดฮ่องเต้ทรงกริ้วขึ้นมา พวกเรามีหวังจบสิ้นกันพอดี”


 


 


ซั่งเหมยพูดอีกว่า “เช่นนั้นแล้วท่านก็หมั่นไปหาท่านอ๋องบ่อยๆ เอาใจท่านอ๋องให้มาก ท่านอ๋องดีใจแล้ว ย่อมรักท่านมากกว่า ชีวิตของท่านก็จะได้สุขสบายมิใช่หรือไร”


 


 


นางเริ่มบ่นขึ้นมาอีก “เขาได้ใหม่แล้วจะยังจำข้าได้อย่างไร ไยต้องหาเรื่องใส่ตัวนัก ข้าใช้ชีวิตสงบๆ ของข้าดีกว่า ไม่ต้องสนพวกเขา”


 


 


เมื่อคืนนางเพิ่งร้องไห้อยู่ในผ้าห่มทั้งคืน ทั้งน้อยใจทั้งรู้สึกแย่ ตอนเช้าตื่นขึ้นมา สองตาบวมเบ่งน่าตกใจยิ่งนัก นางเอาน้ำแข็งจาก ‘หลิงอิน’ ใช้ผ้าห่อไว้ประคบที่ตา ถึงไม่ให้ซั่งเหมยซั่งเซียงสังเกตเห็นความผิดปกติได้


 


 


 


 


——


 


 


[1] เจาอี๋ ชื่อตำแหน่งพระชายารอง


 


 


 


 


ตอนที่ 324 คนโชคร้ายที่เหมือนกัน


 


 


 


 


เหลียงอู๋เย่ว์ฉวยโอกาสที่เว่ยหมิ่นเข้าวังแอบย่องออกมาหาเฝิงเยี่ยไป๋ เขาเพิ่งรับรองกับเว่ยหมิ่นว่าความรักของเฝิงเยี่ยไป๋ที่มีต่อเว่ยเฉินยางนั้นเป็นความรักที่มีให้เพียงคนเดียว หาที่ใดเปรียบบนโลกนี้ไม่ได้อีกแล้ว ไม่เปลี่ยนใจอย่างแน่นอน นี่ก็เพิ่งผ่านไปไม่นาน ก็ถูกตบหน้าเสียแล้ว


 


 


“ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเจ้าคิดอย่างไร เจ้าเบื่อเฉินยางแล้วจริงๆ หรือ”


 


 


เขายังมีเรื่องวุ่นวายมากมายยังไม่จัดการเลย กลับมายุ่งเรื่องของเขาอีก เป็นพี่น้องกันถึงเช่นนี้ ยังจะมีอะไรต้องพูดอีก


 


 


เฝิงเยี่ยไป๋มองม่านแดงในห้องอย่างเหม่อลอย ผ่านไปอยู่นานถึงได้พูดว่า “เจ้าจะเข้าใจอะไร ปัญหาระหว่างพวกเราอยู่ที่นางไม่ได้อยู่ที่ข้า นางเป็นน้ำแข็งที่ไม่ละลาย เจ้าดีกับนางอย่างไร นางก็ไม่สนใจ ดั่งเช่นเรื่องนี้ ยังเป็นนางที่เลือกให้ข้าเลย บางครั้งข้าก็อยากจะควักหัวใจนางออกมาดูว่ามีน้ำแข็งที่ไม่อาจละลายเกาะอยู่หรือไม่!”


 


 


“เจ้าโตเพียงใดแล้ว เจ้าอายุเลยยี่สิบเก้าไปแล้ว ย่างเข้าสามสิบ อายุสิบสี่ก็รู้จักไปหานางโลมแล้ว ยามที่เจ้าเล่นผู้หญิงแม่ของนางยังไม่ท้องนางเลย นางเป็นเพียงแม่นางตัวเล็กๆ จะหัวช้าในเรื่องนี้ก็เข้าใจกันได้ เจ้าหวังจะให้นางเป็นเหมือนดั่งชู้รักของพวกเจ้านั้น เจ้าเลิกคิ้วก็รู้ว่าต้องเข้ามาหาเจ้า ทำไม่ได้หรอก หากนางเป็นเช่นนั้นจริง ยามนั้นเจ้าก็ควรจะร้องไห้แล้ว”


 


 


คำพูดนี้มีเหตุผล เพียงแต่ในใจเฝิงเยี่ยไป๋ก็ยังรู้สึกตะหงิกอยู่ “นางเป็นท่อนไม้เช่นนั้น ข้าถามนางตรงๆ ว่าไม่รักข้าแล้วใช่หรือไม่ นางพูดเพียง ‘ไม่ใช่’ ก็จบเสียแล้ว นี่เป็นเรื่องอะไรกัน ไม่ใช่อะไร ท่อนไม้ท่อนหนึ่ง ไม่รู้จักพูด!”


 


 


เหลียงอู๋เย่ว์ปลอบเขา “นางหน้าบาง เจ้าต้องบังคับนางพูดเพื่อสิ่งใดกันเล่า เมื่อรักถึงขั้นก็รู้ตัวไปเอง รอให้นางรู้สึกตัวแล้ว เข้าใจแล้ว เจ้ายังต้องกังวลว่านางพูดไม่เป็นอีกหรือ”


 


 


“จนถึงยามนี้นางก็ยังไม่เคยมาถามข้าเรื่องงานสมรสเลย นางกินดีหลับดีทุกวัน มีเพียงข้าที่เหมือนดั่งถูกย่างอยู่บนกองไฟเช่นนั้น เจ้าดูเสียเถิด เช่นนี้แล้วยังจะให้ข้าค่อยเป็นค่อยไป ผ่านมานานเช่นไรแล้ว นางรู้เรื่องแล้วหรือ ไม่! กลับเป็นข้าที่คิดไปเอง!”


 


 


นี่ก็คงจะอดทนมามากแล้ว ไม่เช่นนั้นก็คงจะไม่เล่าความทุกข์ด้วยความเจ็บปวดให้เขาฟัง ก็จริง พวกเขาเป็นพี่น้องกันร่วมทุกข์กันมา เส้นทางความรักไม่มีใครราบรื่น เดินมาถึงยามนี้อย่างยากลำบาก หากไม่ใช่ความรักที่มีอยู่นั้น คงปล่อยมือไปนานแล้ว


 


 


“ไม่มีวิธี ไม่ใช่นำทัพทำศึกเสียหน่อย นอกจากรอก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว ไม่เช่นนั้นเจ้าก็ปล่อยมือไป ทั้งสองคนก็จะได้อยู่เป็นสุข ไม่ต้องต่างคนต่างทรมาน ทำเอาจะเป็นจะตายอยู่ทุกวัน”


 


 


เฝิงเยี่ยไป๋ตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน “เป็นไปไม่ได้ ปล่อยมือรึ ฝันไปเถอะ!”


 


 


คำพูดที่ว่าฝันไปเสียเถิดก็ไม่รุ้ว่าพูดถึงตัวเขาเอง หรือว่าพูดถึงเฉินยางกันแน่


 


 


เหลียงอู๋เย่ว์ยิ้มด้วยความจนใจ “เจ้าดู ให้เจ้าปล่อยมือเจ้าก็ไม่ยอม จะต่างคนต่างทรมานไปตลอดชาติคงไม่ได้กระมัง ค่อยๆ รอไป รอจนรู้เรื่องก็ได้แล้ว นางยังเด็ก รอให้นางโตอีกไม่กี่ปี นางเข้าใจขึ้นมาแล้ว เจ้าก็รอถึงวันนั้นแล้ว”


 


 


“เด็ก? โตเพียงใดถึงจะเรียกว่าโต? ตอนไทเฮาสิบห้าปีข้าก็เดินเป็นแล้ว นางยังเด็ก? ล้วนเป็นเพราะถูกตามใจ!”


 


 


“ถูกตามใจ? ข้าว่าพ่อของนางก็สอนนางได้ดี หากตามใจก็เป็นเจ้าที่ตามใจ อยู่ในมือเจ้าเป็นเหมือนดั่งสมบัติ! ว่าไม่ได้แตะไม่ได้ ยามนี้เจ้ายังมีหน้าบอกว่าเพราะถูกตามใจอีกหรือ” เหลียงอู๋เย่ว์นึกถึงสภาพของตัวเองก็รู้สึกเหนื่อยใจ “ข้ากลับมีคนที่อยากตามใจ เพียงแต่นางไม่ให้ข้าตามใจ ข้าเครียดยิ่งกว่าเจ้าเสียอีก ข้าพูดอะไรไปหรือ”


 


 


พวกเขาสามคนเป็นเพื่อนตั้งแต่ยังเด็ก ทั้งสามคนล้วนโชคร้ายเหมือนกัน ไม่มีใครราบรื่นบนเส้นทางแห่งความรักเลย


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม