ลิขิตฟ้าชะตารัก 315-318

 ตอนที่ 315 แย่แล้ว 


 


 


 


 


 


“เจ้า!” อวี้อาเหราถูกข่มขู่ด้วยวาจานี้ของนางก็ถึงกับพูดไม่ออก 


 


 


ในเมื่อเรื่องเกี่ยวข้องกับหนิงจื่อเย่ นางก็ไม่กล้าที่จะลงมือส่งเดช แน่นอนว่าต้องไม่กล้าที่จะจัดการคนของเขาด้วย แต่หากปล่อยตัวแม่นางเซียวที่ทำร้ายเจาเอ๋อร์ไปเฉยๆ นางก็รู้สึกคับข้องใจอยู่บ้าง แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในยามนี้นั้นก็ยากเกินกว่าที่นางจะรับมือได้ 


 


 


“ครั้งนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไป แต่หากครั้งหน้าจับได้อีก ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆ แน่” เมื่อคิดอยู่นาน อวี้อาเหราก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด  


 


 


เมื่อแม่นางเซียวได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะเสียงเย็น “ครั้งหน้าเจ้าก็คงไม่อาจจับตัวข้าได้ง่ายๆ อีก นี่ก็ไม่รู้ว่าเจ้าสำนักคิดอะไรอยู่ ตัวเจ้านั้นมีวรยุทธ์อ่อนด้อยถึงเพียงนี้ หากไม่มีเหล่าข้ารับใช้ก็แทบจะทำอะไรไม่ได้ แต่ก็ยังปล่อยให้เจ้า…” 


 


 


ประโยคที่เหลือ นางกลับไม่ได้พูดออกมา 


 


 


อวี้อาเหราไม่สนใจนาง กวาดสายตามองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่ารอบบริเวณไม่มีใครอยู่แล้วจึงกล้าที่จะปลดเชือกออกจากตัวนาง เมื่ออีกฝ่ายรับรู้ได้ถึงความเป็นอิสระ สายตาเย็นชาก็มองมาที่นางอย่างมาดร้าย จากนั้นอีกฝ่ายก็หนีไป 


 


 


เมื่อเห็นอีกฝ่ายจากไปแล้ว อวี้อาเหราก็รีบตะโกนขึ้นมาในทันที “แย่แล้ว! แย่แล้ว!” 


 


 


“คุณหนูเกิดอะไรขึ้นขอรับ” พวกของตาเว่ยต่างพากันตื่นตกใจ รีบเข้ามาหาในทันที เมื่อเห็นอวี้อาเหรายืนอยู่ที่ริมน้ำเพียงคนเดียว ไม่เห็นแม้แต่เงาของแม่นางเซียว พวกเขาก็ขมวดคิ้ว “คุณหนู แม่นางเซียวหายไปไหนแล้วขอรับ” 


 


 


“เมื่อครู่นี้ ไม่รู้ว่านางใช้กลเม็ดอะไร ข้าคิดว่าเป็นฝุ่นพิษจึงรีบร้องขอความช่วยเหลือ ทว่าเพียงชั่วพริบตานางก็หายตัวไปเสียแล้ว!” อวี้อาเหราแสดงท่าทีโกรธขึ้ง ท่าทางราวกับว่ากำลังถูกผู้อื่นหลอกอยู่ จึงพูดขึ้นอย่างเจ็บแค้น “ครั้งหน้าหากข้าจับได้ก็อย่าได้คิดที่จะหนีไปง่ายๆ อีก!” 


 


 


“จะให้ข้าน้อยตามไปหรือไม่ขอรับ” ต้าเว่ยเสนออย่างระมัดระวัง 


 


 


อวี้อาเหราโบกมือ “ไม่ต้อง ตอนนี้ฟ้าก็มืดแล้ว คาดว่านางคงหนีไปไกลแล้วล่ะ วันนี้ทุกคนเหนื่อยมาทั้งวัน ไปพักผ่อนให้สบายเถิด ตลาดมืดแห่งนี้ไม่ปลอดภัยยิ่งนัก หากพวกเจ้าไปแล้วไม่มีใครดูแลข้าจะทำอย่างไร” 


 


 


“คุณหนูกล่าวได้ถูกต้องขอรับ” ต้าเว่ยทำได้เพียงพยักหน้าลง 


 


 


ยามนี้เอง ฉู่ป๋ายก็เดินก้าวเข้ามาอย่างเงียบๆ สายตาเรียบเย็นจ้องมองมาที่ร่างของนาง “นางไปแล้ว?” 


 


 


“อืม” อวี้อาเหราตอบรับ เมื่อถูกดวงตาคู่นั้นของเขาจ้องมองก็ราวกับถูกเขาเปิดโปงสถานะเสียแล้วอย่างไรอย่างนั้น อาการร้อนตัวของผู้กระทำความผิดอย่างแปลกประหลาดก็ได้แพร่ขยายไปทั่วจิตใจไม่หยุดหย่อน นางไม่อาจพิเคราะห์ถึงอารมณ์ของเขาในยามนี้ได้เลย ดวงตาคู่นั้นที่ชัดเจนถึงเพียงนั้น ราวกับเขาได้มองออกถึงความในใจของนางอย่างทะลุปรุโปร่งเสียหมดแล้ว แต่ก็ยังคงไม่แน่ใจ ราวกับกำลังรอดูท่าทีของนางก่อนถึงค่อยยืนยันให้แน่ชัด 


 


 


ใจของนางพลันเต้นระส่ำขึ้นมา 


 


 


“หานสือไปซื้อสุราและอาหารกลับมาแล้ว ไปกินข้าวกันเถิด” หลังจากที่ฉู่ป๋ายพูดขึ้นมาง่ายๆ ก็หันหลังแล้วเดินจากไป การกระทำของเขาช่างเหมือนสายลม ที่เดี๋ยวเดียวก็พัดผ่านมาโดยไม่รู้ตัว แล้วทันใดนั้นก็จากไปโดยยังไม่ทันได้รู้ตัว ไม่ว่าจะใครหรืออะไรก็ไม่อาจทัดทานได้เลย 


 


 


อวี้อาเหรามองพวกต้าเว่ย แล้วจึงค่อยก้าวเท้าออกไปทานอาหาร 


 


 


หลังจากที่นางปล่อยตัวแม่นางเซียวแล้ว ในใจของนางก็รู้สึกผิดอยู่ตลอดเวลา 


 


 


เมื่อมาถึงลานด้านหน้าแล้ว นางก็ได้กลิ่นหอมลอยโชยเข้ามา มีทั้งเหล้าและอาหารพร้อมสรรพ 


 


 


เช่นนั้นถึงได้เห็นว่าด้านนอกมีโต๊ะตัวหนึ่งวางตั้งอยู่ และชายชรานั่งอยู่ที่ม้านั่งแล้วจ้องมองอาหารที่อยู่บนโต๊ะนิ่ง น้ำลายแทบจะไหลย้อยหยดลงมาในอาหาร มุมปากของนางโค้งขึ้น แล้วก้าวยาวๆ เข้ามา ยื่นมือเข้าไปขวางทางเขา 


 


 


“ท่านจะรีบไปทำไมกัน น้ำลายจะไหลลงมาอยู่แล้ว รีบเช็ดเสียสิ” 


 


 


ชายชราได้ยินดังนั้นก็รีบยกมือขึ้นเช็ดมุมปาก แต่กลับไม่พบน้ำลายแม้แต่หยดเดียว ทันใดนั้นก็รีบจ้องมองนางอย่างโกรธเคือง “ยายหนูนี่ เจ้าหลอกข้าอีกแล้วรึ” 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 316 อยากทะเลาะก็ไปทะเลาะที่อื่น 


 


 


 


 


 


“อืม เป็นข้าที่หลอกท่าน แต่ใครจะคิดเล่าว่าท่านจะมีสติปัญญาที่ต่ำต้อยจนชวนซาบซึ้งใจถึงเพียงนี้” อวี้อาเหราก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิดเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังยักคิ้วหลิ่วตาอย่างโอหัง รู้สึกสนุกสนานทุกครั้งที่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับชายชราเช่นนี้ 


 


 


“เจ้าน่ะสติปัญญาต่ำ!” ชายชราตะคอกกลับเสียงดัง 


 


 


“สติปัญญาต่ำหมายความว่าอย่างไรหรือขอรับ” หานสือถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจนัก 


 


 


อวี้อาเหราหัวเราะอย่างขบขัน “ก็หมายความว่าไม่มีสมองน่ะสิ เข้าใจหรือไม่” 


 


 


ทว่าหลังจากนั้น นางก็เกิดสงสัยขึ้นมาในชั่วขณะ แน่นอนว่าหานสือย่อมไม่เข้าใจคำนี้ แต่เหตุใดชายผู้นี้ถึงเข้าใจได้ในทันที เป็นเพราะนางคิดมากไปหรือชายชราคนนี้มีอะไรผิดปกติ? 


 


 


“คิดอะไรอยู่หรือนางหนู เจ้าคงไม่ได้คิดที่จะแย่งน่องไก่ของข้าหรอกใช่หรือไม่” ชายชรายกมือขึ้นโบกตรงหน้านาง เมื่อเห็นนางหลุบตาลงต่ำ มองน่องไก่หอมๆ วางอยู่ตรงหน้าหนึ่งจาน เขาจึงโอบรอบจานไก่เอาไว้ทันที แล้วจึงจ้องมองนางอย่างระแวดระวัง 


 


 


อวี้อาเหรารู้สึกจนใจ ตาแก่ที่ทำตัวเหมือนเด็กคนนี้จะเป็นนักพรตชราผู้มีสติสัมปชัญญะได้อย่างไร เมื่อครู่นี้นางคงคิดมากเกินไป เช่นนั้นจึงรีบแย่งน่องไก่มาจากมือของเขา แล้วจึงพยักหน้ายอมรับ “ใช่แล้ว ข้าก็กำลังคิดว่าจะแย่งน่องไก่ของเจ้าอยู่พอดี ไม่ใช่สิ น่องไก่พวกนี้ไม่ใช่ของท่านเสียหน่อย เหตุใดข้าจะกินไม่ได้เล่า” 


 


 


“ข้าไม่สน ข้าไม่สน มันอยู่ในมือของข้าก็ต้องเป็นของข้าสิ!” ชายชราโวยวายขึ้นราวกับเด็กน้อย ไม่ยอมปล่อยมือเพราะกลัวว่าอวี้อาเหราจะเข้ามาแย่งไป 


 


 


เมี่ยวอวี้รู้สึกขบขันยิ่งนัก “คุณหนู ท่านอย่าได้รังแกท่านผู้เฒ่าอีกเลยเจ้าค่ะ เอาน่องไก่ให้เขาทานเถิด ตรงนี้ยังมีของอร่อยอีกมาก ไม่ด้อยไปกว่าน่องไก่หรอกเจ้าค่ะ” 


 


 


“ก็ได้ ข้าก็คร้านจะสนใจเขาเหมือนกัน” อวี้อาเหราว่าอย่างอารมณ์ดี ไม่นึกต่อล้อต่อเถียงตามชายชราอีกต่อไป นั่งลงข้างโต๊ะ ก่อนที่ทุกคนจะทานอาหารง่ายๆ ที่นี่ไม่เหมือนจวนอ๋องในเมืองเฟิ่งเฉิง เป็นเพียงเรือนไม้หลังเล็กๆ เจาเอ๋อร์กำลังพักผ่อนอยู่ด้านใน แน่นอนว่าไม่อาจเข้าไปรบกวน ดังนั้นจึงต้องทานอาหารกันที่โต๊ะด้านนอก 


 


 


แม้จะบอกว่าเรียบง่ายไม่หรูหรา แต่เมื่อได้ทานแล้วกลับรู้สึกสบายใจกว่าทานข้าวกับพวกปากว่าตาขยิบพวกนั้นเสียอีก 


 


 


นายบ่าวทั้งหมดล้อมวงทานอาหารด้วยกัน บางครั้งอวี้อาเหราก็แย่งน่องไก่ในมือของชายชรามากินบ้าง จนทำให้เขาจำต้องหลบนางแล้วค่อยๆ ทานของตัวเอง แต่เมื่อเห็นว่าบนโต๊ะยังมีของน่ากินอีกมากมาย จึงไม่ยอมจากไปไหน 


 


 


บรรยากาศคึกคักแบบนี้ที่นานๆ จะได้พบสักครา แต่มีเพียงฉู่ป๋ายที่ยังนั่งทานเงียบๆ คนเดียว ทุกคำที่ทานล้วนดูสง่างาม ร่างของเขาแผ่รังสีแห่งความสูงศักดิ์ที่ต่างจากผู้อื่นออกมา อวี้อาเหราเห็นเช่นนั้นก็ย่นจมูก “แค่กินข้าว ก็ไม่เห็นจะต้องวางท่านักเลย” 


 


 


“วางท่าอย่างไรกัน” ฉู่ป๋ายหรี่ตา 


 


 


อวี้อาเหราเพียงพูดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น ไม่คิดว่าเขาจะถามกลับอย่างจริงจังเช่นนี้ เมื่อคิดแล้วจึงค่อยพูดขึ้นว่า “อย่าละเมียดละไมก็พอ” 


 


 


ฉู่ป๋ายพยักหน้าลงเล็กน้อย จากนั้นก็ทานต่อไปด้วยท่าทีละเมียดละไมเช่นเดิม คีบหัวแครอทสีแดงหั่นเป็นเส้นใส่ถ้วยของนาง “อย่าเอาแต่ทานเนื้อ ไม่ดีต่อร่างกาย” 


 


 


“ข้าไม่อยากกิน” อวี้อาเหราเขี่ยแครอทออก แต่กลับถูกเขาบังคับให้หยุดการกระทำไว้ “ไม่อยากกินก็ต้องกิน” 


 


 


สิ่งที่นางไม่ชอบกินมากที่สุดก็คือหัวแครอท แต่เขาก็ยังบังคับนางให้กินเข้าไปอีก นางไม่กินไม่ได้หรืออย่างไร 


 


 


ทั้งสองคนทานอาหาร ทว่ามือเท้าไม่อยู่สุข ผลักจานอาหารบนโต๊ะกันไปมา จนทำให้คนที่เหลือต้องวางตะเกียบและถ้วยลงแล้วหันมามองคนทั้งสอง 


 


 


ชายชราวางตะเกียบลง แล้วตบเข้ากับโต๊ะแรงๆ “เจ้าเห็นโต๊ะอาหารเป็นสนามรบหรืออย่างไร หากอยากจะทะเลาะกันก็ไปทะเลาะที่อื่น อย่าขัดขวางพวกเราตอนกินข้าว” 


ตอนที่ 317 ไม่ให้เจ้าร่วมหอ 


 


 


 


 


 


เมื่อถูกชายชราดุเข้าให้เช่นนี้ ทั้งสองจึงเงียบไป 


 


 


หลังจากทานอาหารแล้ว ท้องฟ้าก็ค่อยๆ มืดมิดลง ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันจากไป 


 


 


ชายชราโบกมืออย่างไม่ใส่ใจนัก “พวกเจ้ารีบไปเถิด หากอยู่กันที่นี่ข้าจะนอนไม่หลับเอา อย่าลืมเอาตัวแม่นางน้อยที่นอนสลบอยู่บนเตียงไปด้วยล่ะ ก่อนไปก็ทิ้งเงินไว้เป็นค่าเสบียงให้ข้าด้วย” 


 


 


“ข้าไม่ให้ ท่านจะทำไม” อวี้อาเหราหัวเราะเยาะ 


 


 


“นางหนูคนนี้ ชอบรังแกข้าอยู่เรื่อยเชียว!” ชายชราก่นด่า 


 


 


ทั้งสองเริ่มต้นต่อล้อต่อเถียงกันตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบ จนทำให้ผู้ที่มองอยู่ถึงกับหัวเราะ 


 


 


ชายชราไม่อยากจะเถียงกับนางอีก เช่นนั้นจึงพูดขึ้นอย่างอารมณ์ไม่ดีว่า “รีบไปหยิบของแล้วก็ไปเสียที ช่างขัดหูขัดตาข้ายิ่งนัก วันนี้ข้าได้พบเจ้าก็ลดอายุข้าไปได้หลายปีแล้ว สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมกับข้ายิ่งนัก…” 


 


 


“ข้าไปก็ได้ ท่านไม่ต้องร้องไห้อ้อนวอนสวรรค์หรอกน่า” อวี้อาเหรามองการแสดงเกินจริงของชายชราอย่างเบื่อหน่ายจนหมดวาจาที่จะพูด 


 


 


ตอนที่มาพวกเขาก็ไม่ได้มีของอะไรมากมายนัก ดังนั้นจึงกลับไปมือเปล่า มีเพียงเจาเอ๋อร์ที่จัดการได้ยากหน่อย สภาพของนางในตอนนี้ก็คงไม่อาจจะเดินทางได้ จะต้องหาคนมาช่วยแบกนาง อวี้อาเหรามองไปทางผู้คนที่อยู่รายล้อม สุดท้ายแล้วสายตาก็หยุดลงที่ร่างของหานสือ “เห็นว่าความสัมพันธ์ของเจ้ากับเจาเอ๋อร์นั้นไม่เลวนัก เช่นนั้นเจ้าก็มาแบกนางเถิด” 


 


 


“คุณหนูรอง ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกัน…” หานสือก้มหน้าลงด้วยสีหน้าแดงก่ำ 


 


 


อวี้อาเหราพลันรู้สึกขันขึ้นมา “ข้าไม่ได้ให้เจ้าอุ้มเจาเอ๋อร์เข้าห้องหอเสียหน่อย จะหน้าแดงไปทำไมกัน” 


 


 


เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนที่อยู่ที่นั่นทั้งหมดก็หัวเราะพรืดออกมาทันที 


 


 


ใบหน้าของหานสือที่แดงอยู่แล้วก็ยิ่งแดงเข้าไปใหญ่ จนดูเหมือนผลแอปเปิ้ลสุก 


 


 


สุดท้ายแล้ว เขาก็กลายเป็นคนที่แบกเจาเอ๋อร์แล้วออกเดินทาง 


 


 


พวกเขาสวมหน้ากากแล้วเดินทางออกจากตลาดมืด แม้ปากอวี้อาเหราจะพูดเช่นนั้นแต่ก่อนที่จะออกเดินทาง นางก็ได้มอบเงินให้ชายชราเป็นจำนวนมาก แล้วจึงกลับมายังโรงเตี๊ยม หลงจู๊เจ้าของโรงเตี๊ยมไม่เห็นพวกนางเสียทั้งวันก็คิดว่าคงเกิดเรื่องจนไม่กลับมาแล้ว ทว่าเมื่อเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึงเสียจนต้องยืนขึ้นอยู่หน้าโต๊ะเก็บเงินไร้ปฏิกิริยาตอบรับ 


 


 


อวี้อาเหราคร้านจะสนใจเขา เพียงใช้สายตาส่งให้ชิงอวิ๋น “เอาของมาให้ข้า” 


 


 


ชิงอวิ๋นเข้าใจขึ้นมาทันที จากนั้นก็ส่งปิ่นรูปหงส์ให้นาง 


 


 


หลังจากที่นางนำเอากล่องบุผ้าสอดเข้าไปในแขนเสื้อ เมื่อหันไปมองฉู่ป๋ายแล้วก็หันไปสั่งหานสือว่า “เจ้าแบกเจาเอ๋อร์ไปยังห้องของนางเถิด ข้ามีเรื่องจะคุยกับซื่อจื่อของเจ้า” 


 


 


“ขอรับ” หานสือที่แบกเจาเอ๋อร์มาตลอดทาง แน่นอนว่าต้องรู้สึกไม่สบายตัวเป็นแน่ ในยามนี้เขาเหนื่อยหอบมาเสียนานแล้ว โชคยังดีที่มีรถม้า เพราะมิเช่นนั้นหากจะต้องแบกนางมาจากตลาดมืดก็คงเปลืองแรงน่าดู 


 


 


อวี้อาเหราและฉู่ป๋ายเดินไปข้างบน ก่อนจะเข้าไปยังห้องของนาง 


 


 


หลังจากที่ปิดประตูลง นางก็นำกล่องบุผ้าออกมาจากแขนเสื้ออย่างลับๆ ล่อๆ ก่อนที่จะส่งมันให้กับเขา หลังจากที่ฉู่ป๋ายกวาดตามองเล็กน้อย สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที จากนั้นจึงค่อยเปลี่ยนท่าทีเป็นนิ่งสงบ แล้วพยักหน้าลง “ของชิ้นนี้งดงามมากจริงๆ เหมาะสมแล้วกับราคาสิบห้าตำลึงทอง” 


 


 


“เท่านี้เองหรือ ไม่มีอะไรจะพูดอีกหรืออย่างไร” อวี้อาเหราชะงัก 


 


 


“ไม่มีแล้ว” ฉู่ป๋ายพยักหน้าลงอย่างจริงจัง 


 


 


อวี้อาเหราระบายความผิดหวังออกมา นางก็คิดว่าของสวยงามถึงเพียงนี้จะได้รับคำชื่นชมมากมายแท้ๆ แต่ก็ไม่คิดเลยว่าของที่มีมูลค่าเช่นนี้ สำหรับเขาแล้วก็เป็นเพียงของธรรมดาไร้ราคา แต่เมื่อคิดดูแล้วก็ไม่แปลกนักหรอก จวนเซิ่นอ๋องล้วนแล้วแต่มีของดีๆ ทั้งนั้น ปิ่นรูปหงส์ชิ้นนี้ ในสายตาของนางก็ถือว่าเป็นของที่ดีมากแล้ว แต่ในสายตาของเขาก็คงเป็นเพียงของเล็กน้อยไม่มีราคาค่างวดอะไร 


 


 


สีหน้าท่าทางของฉู่ป๋ายดูเรียบเย็น “วันนี้เจ้าคงไม่ได้ถามแม่นางเซียวกระมัง ว่าของเช่นนี้นางได้มันมาอย่างไร” 


 


 


“โอย ข้าลืมไปเลย!” อวี้อาเหราตบหน้าผากอย่างแสนเสียดาย 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 318 อย่างเสแสร้งไปหน่อยเลย 


 


 


 


 


 


นางมัวแต่สนใจเรื่องข่าวคราวของนักพรต จึงลืมเรื่องของปิ่นรูปหงส์นี่ไปเสียสนิท ไหนเลยจะนึกถึงเรื่องนี้ได้เล่า แต่จะมาเสียดายตอนนี้ก็คงไร้ประโยชน์เสียแล้ว นางปล่อยตัวแม่นางเซียวไปแล้ว และในยามนี้ยิ่งรู้ว่านางนั้นเป็นคนของเม่ยเก๋อก็ยิ่งทำให้รับมือยากไปกันใหญ่ 


 


 


หลังจากสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองได้แล้ว อวี้อาเหราจึงเงยหน้าขึ้น “เจ้ามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อใดกัน” 


 


 


“เพิ่งมาถึงเมื่อเช้าตรู่วันนี้” ฉู่ป๋ายตอบคำ 


 


 


“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ตรงไปยังตลาดมืดเลยสินะ?” อวี้อาเหรานึกสงสัยขึ้นมา 


 


 


“ข้าก็พักผ่อนอยู่ที่นี่ครู่หนึ่ง จากนั้นถึงค่อยไปที่ตลาดมืด” ฉู่ป๋ายตอบอีกครั้ง 


 


 


อวี้อาเหราพยักหน้าแสดงท่าทีว่าเข้าใจแล้ว หลังจากนั้นก็เลิกคิ้วขึ้น “เช่นนั้นเจ้าพักอาศัยอยู่ที่ไหนหรือ พาข้าไปดูหน่อยสิ” 


 


 


นางเพียงอยากรู้ว่าฉู่ป๋ายอยู่ที่ไหนในเมืองนี้เท่านั้น หากยึดตามนิสัยของเขาที่อยู่ในจวนเซิ่นอ๋อง แม้ว่าจะอยู่ที่วันเป่าหัวซื่อก็ยังให้หานสือทำอาหารด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพราะความหรูหราฟุ่มเฟือย แต่เป็นเพราะความประณีตในการกินอยู่ต่างหาก 


 


 


ราวกับฉู่ป๋ายเข้าใจถึงความคิดของนาง มุมปากของเขาจึงโค้งขึ้นเล็กน้อย “ตกลง” 


 


 


ดังนั้น อวี้อาเหราจึงเดินตามเขาออกมา ที่แท้เขาก็พักอยู่ข้างๆ นี่เอง ทั้งเครื่องเรือนและการตกแต่งห้องนั้นก็แทบจะเหมือนกับห้องของนางไม่มีผิดเพี้ยน ช่างเป็นเรื่องที่น่าบังเอิญเสียยิ่งนัก นี่เขาก็คงไม่ได้จงใจจะตามมาพักอยู่ข้างๆ นางหรอกนะ? 


 


 


ฉู่ป๋ายเลิกคิ้วขึ้น “ไม่ใช่ว่าข้าอยากที่จะอยู่ข้างๆ เจ้า แต่ได้ยินมาว่าคนที่เพิ่งเข้ามาพักที่นี่นั้นได้ชุบมือเปิบซื้อเอาทั้งโรงเตี๊ยมมาเป็นของตัวเองเสียหมดแล้ว อีกทั้งก็เกือบจะจุดไฟเผาที่นี่ จนคนทั่วไปไม่อาจอยู่ข้างๆ นางได้ แต่แม่นางเจ้าของโรงเตี๊ยมผู้นั้นก็ขอร้องให้ข้าอยู่ที่นี่ ข้าเห็นว่านางช่างน่าสงสารนัก เช่นนั้นจึงจำยอมต้องอยู่ที่นี่” 


 


 


“คนผู้นั้นก็คือข้าเอง” 


 


 


อวี้อาเหราถลึงตาจ้องมองเขา วาจานี้ก็ไม่ใช่ว่าเขากำลังตีวัวกระทบคราดด่านางอยู่หรืออย่างไร 


 


 


“อ้อ? ที่แท้ก็เป็นเจ้าเองหรือ” ฉู่ป๋ายพยักหน้าอย่างเข้าใจ ดูจากสีหน้าแล้วก็บอกได้ว่าเขาเองก็เพิ่งรู้จริงๆ นางมองสีหน้าของเขาแล้วก็หมดคำที่จะเอ่ย “เจ้าอย่าได้เสแสร้งไปหน่อยเลย เห็นแล้วข้าคลื่นไส้นัก” 


 


 


สีหน้าของฉู่ป๋ายนิ่งเฉย สีหน้าเรียบนิ่งเป็นปกติ “เช่นนั้นเหตุใดเจ้าต้องเผาร้านของเขาด้วยเล่า ฆ่าคนวางเพลิงนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่นัก โทษของเจ้าไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย แม้ว่าจะมีหลิงอ๋องคอยช่วยเหลือ แต่ก็คงหนีความกริ้วของฮ่องเต้ไม่พ้น” 


 


 


“ก็เขารนหาที่เอง หากเขาไม่ยั่วยุข้าไหนเลยจะเกิดเรื่องได้ เมื่อวานนี้ข้าเพียงแต่ต้องการจะสั่งสอนเขาเท่านั้น ไม่ได้ต้องการจะเผาร้านเขาจริงๆ เสียหน่อย อีกอย่างข้าก็ไม่ได้ต้องการจะทำลายร้านของเขา หากเจ้าไม่ยินดี ข้ากลับก็ได้” 


 


 


อวี้อาเหราเห็นท่าทางเขาจริงจังเช่นนี้ ก็ไม่กล้าเอาแต่ใจอีก 


 


 


เป็นเพราะว่าทุกคำพูดของเขานั้นล้วนมีเหตุผล นางนั้นยามที่อยู่เมืองเฟิ่งเฉิงก็มักจะโดนปองร้ายอิจฉาริษยามาตลอด ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะใช้โอกาสนี้เล่นงานนางก็ได้ ฆ่าคนวางเพลิงนั้นโทษไม่เบา เหตุการณ์นี้อาจจะทำให้นางไม่อาจยืนอยู่ในสังคมได้อีกต่อไป และคนทั้งจวนหลิงอ๋องก็คงจะโดนหางเลขไปด้วย 


 


 


“เจ้ารู้ว่าเรื่องนี้หนักหนาก็ดีแล้ว ประเดี๋ยวเจ้ากลับไปแล้วก็ไปจัดการให้ดีเถิด หลังจากนี้หากจะเล่นอะไรก็อย่าเล่นให้เกินพอดี อีกทั้งวาจาที่ข่มขู่แม่นางเซียวในวันนี้อีก เจ้าไปเอามาจากที่ใดกัน” ฉู่ป๋ายสั่งสอนอยู่ชั่วครู่ แล้วจึงตัดเข้าเรื่องที่อยากรู้ 


 


 


อวี้อาเหราแย้มยิ้มเจิดจ้า “เจ้าอยากรู้หรือ” 


 


 


“อืม” เขาพยักหน้ารับด้วยสีหน้าปกติ 


 


 


“แต่ข้าไม่อยากบอกเจ้านี่นา” อวี้อาเหรากะพริบตาอย่างสาสมใจ หมุนตัวแล้วเดินออกไปด้านนอก ไม่หันกลับมาพูดด้วยซ้ำ “เจ้าเองก็พักผ่อนดีๆ เถิด หากป่วยไข้ขึ้นมาอีกก็ให้หานสือไปตามข้าที่ห้องก็แล้วกัน ตอนนี้ข้าก็จะไปดูเสียหน่อยว่าหานสือดูแลเจาเอ๋อร์ดีหรือไม่” 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม