หวนแค้นชะตารัก 314-321

 ตอนที่ 314 จัดการเรื่องราวหลังการตายของซูเหลียงอิน


  


คำพูดของนางทำให้เสี่ยวเหลียนไม่รู้จะตอบอย่างไร วังในมีผู้หญิงมากมาย การรักฝ่าบาทย่อมเป็นเรื่องทุกข์ทรมาน ก่อนหน้านี้กู้ชิงเฉิงก็เป็นเช่นนี้ เสี่ยวเหลียนจึงไม่พูดเตือน บางทีสภาพอย่างนี้จะเป็นผลดีต่อกู้ชิงเฉิง อย่างน้อยก็ไม่รู้สึกหดหู่เหมือนเมื่อก่อน


 


 


เฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงจัดคนส่งซูจิ่วซือออกไปนอกเมืองด้วยพระองค์เอง โลงศพของซูเหลียงอินอยู่ในคฤหาสน์หลังหนึ่งนอกเมือง


 


 


นางปลิดชีวิตตัวเองหนีความผิด เดิมทีควรโยนศพทิ้งบนเขารกร้าง เฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงให้ส่งศพนางมาที่นี่ ถือว่าทรงเห็นแก่ซูเหลียงอินมาก แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะจัดพิธีศพอย่างเอิกเกริก


 


 


ขณะที่ซูจิ่วซือมาถึงนอกเมือง ซูเหิงและกู้หลียวนอยู่ที่นั่นแล้ว คฤหาสน์หลังนี้เดิมเป็นของเฟิ่งอวิ๋นหล่าง บัดนี้ทรงพระราชทานให้ซูจิ่วซือแล้ว


 


 


ซูเหิงและกู้หลียวนสวมชุดขาว ซูจิ่วซือก็เช่นกัน ใบหน้าไม่ได้ทาแป้ง บนศีรษะมีเพียงดอกไม้ประดิษฐ์สีขาว


 


 


“เด็กคนนี้โง่จริงๆ นางกลัวว่าจะทำให้พวกเจ้าพลอยเดือดร้อน เป็นเด็กโง่เขลา”


 


 


กู้หลียวนเองก็รู้สึกเสียดายมาก เขาไม่สนิทกับซูเหลียงอินเป็นพิเศษ แต่ก็ชอบเด็กสาวคนนี้มาก รู้สึกว่านางเป็นคนที่น่ารัก


 


 


“กู้หลียวนนี่น้องสาวข้า ไม่ต้องให้คนสกุลกู้อย่างเจ้ามาตีสีหน้าอยู่ที่นี่ รีบไสหัวไป”


 


 


ซูเหิงเกลียดคนสกุลกู้อยู่ลึกๆ เขาแปลกใจที่ซูจิ่วซือสนิทสนมกับกู้หลียวนและกู้ชิงเฉิง ยังหลงรักกู้เฉินหรง เขาไม่ชอบคนสกุลกู้


 


 


กู้หลียวนขมวดคิ้ว รู้ดีว่าซูเหิงอารมณ์ไม่ดี แต่ไม่ถือสาซูเหิงและไม่พูดตอบ


 


 


ซูจิ่วซือกลับเดินเข้ามาหา พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ซูเหิง หลียวนเป็นรุ่นพี่ของเรา คอยช่วยเหลือเราตลอดมา เจ้าทำแบบนี้กับหลียวนไม่ได้ หลียงอินกับหลียวนก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน วันหน้าเราจะเป็นครอบครัวเดียวกัน”


 


 


“แต่เขาแซ่กู้”


 


 


“เป็นอย่างนั้นแล้วจะยังไง? ในตัวเขามีสายเลือดของป้า เป็นญาติผู้พี่ของเรา เหลียงอินไม่อยู่แล้ว พวกเราไม่ว่าใครจะเกิดเรื่องอีกไม่ได้ ซูเหิง ในเมืองหลวง ข้ามีพวกเจ้าเท่านั้นแล้ว”


 


 


คำพูดซูจิ่วซือแฝงด้วยความปวดร้าว


 


 


เวลานี้นางคิดถึงกู้เฉินหรงเป็นพิเศษ พอคิดถึงเขาจึงรู้สึกสบายใจขึ้น กู้เฉินหรงกลายเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจนางอย่างไม่รู้ตัว นางรู้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กู้เฉินหรงจะยืนอยู่กับนาง


 


 


“เด็กโง่ อย่าเศร้าไปเลย ถ้าเจ้ามีเรื่องอะไร ขอให้บอกเถอะ ข้ารับปากกู้เฉินหรงแล้วว่าจะดูแลเจ้าให้ดี” กู้หลียวนไม่เคยเห็นซูจิ่วซือแสดงท่าทีเช่นนี้ ที่ผ่านมาที่เขาเห็นซูจิ่วซือมักจะเยือกเย็นและเลือดเย็น ราวกับว่าไม่ว่าไม่มีอะไรที่กระทบนาง ความจริงแล้วเด็กสาวคนนี้เป็นคนยึดมั่นในความรักและคุณธรรม


 


 


“พี่สาวข้า ข้าดูแลได้ เจ้าไม่ต้องยุ่ง”


 


 


ซูเหิงยังคงไม่ชอบกู้หลียวน เขาคิดว่ากู้เฝิ่นไต้เป็นคนฆ่าซูเหลียงอิน จึงรู้สึกเป็นศัตรูกับสกุลกู้มาก


 


 


“เจ้าไม่รบกวนพี่สาวเจ้าก็ไม่เลวแล้ว ซูเหิง คนหนุ่มเลือดร้อนบางครั้งก็ไม่ใช่เรื่องดี ถูกคนอื่นหลอกใช้ได้ง่าย เจ้าควรเอาอย่างจิ่วซือ เยือกเย็น ตั้งใจเรียนรู้วิธีปฏิบัติตัวในเมืองหลวง”


 


 


กู้หลียวนไม่ถือสาซูเหิง ถึงอย่างไรซูเหิงก็เพิ่งอายุสิบเจ็ด อายุน้อยกว่าเขามาก เขาไม่อยากถือสาเด็กหนุ่มในเรื่องเหล่านี้ เมื่อคำนึงว่าเขาเป็นน้องชาย จึงเตือนเขาด้วยความหวังดี


 


 


ซูเหิงไม่พูดอะไร เขารู้ว่าที่กู้หลียวนพูดนั้นมีเหตุผล แต่เวลานี้เขาอารมณ์ไม่ดี เขาเพิ่งกลับมาเมืองหลวงไม่นาน ก็เผชิญกับเหตุการณ์สูญเสียทั้งมารดาและน้องสาว แม้แต่ตัวเองก็เฉียดผ่านประตูผี ทำให้เขาแค้นใจที่ตนไร้ความสามารถ และเศร้าโศกเสียใจ


 


 


 


 


——


 


 


ตอนที่ 315 ทุกสิ่งทุกอย่างควรสิ้นสุดเสียที


 


 


 


 


พอเห็นกู้หลียวน ก็เหมือนเจอที่ระบายออก เขาจึงโยนโทสะทั้งหมดใส่กู้หลียวน เพราะเขาเป็นคนสกุลกู้


 


 


ซูจิ่วซือตบไหล่ซูเหิงเบาๆ บอกให้รู้ว่าซูเหิงควรใจเย็นๆ


 


 


“ขอโทษ”


 


 


ซูเหิงทิ้งคำพูดนี้ไว้ขณะเดินไปที่ข้างโลงศพของซูเหลียงอิน แล้วคุกเข่าลงหน้าโลงศพ เผากระดาษให้ซูเหลียงอิน


 


 


“หลียวน อย่าถือสาซูเหิงเลย เขาเข้าใจ เพียงแต่อารมณ์ไม่ดี”


 


 


ซูจิ่วซือไม่อยากให้เกิดช่องว่างระหว่างซูเหิงกับกู้หลียวน ทั้งสองเป็นญาติของนาง เป็นญาติเท่าที่มีอยู่


 


 


“ข้าจะถือสาหาความได้อย่างไร ซูเหิงอายุยังน้อย ไม่เหมือนเจ้าที่รู้จักควบคุมอารมณ์ ข้าเข้าใจดี เขาเพิ่งมาถึงเมืองหลวงก็พบการเปลี่ยนแปลงมากมาย ไม่แปลกที่จะอารมณ์ไม่ดี จิ่วซือ เจ้าจะจัดการสกุลกู้เมื่อไหร่”


 


 


วันนั้นหลังจากทั้งสองคุยกัน กู้หลียวนจึงรู้ว่าซูจิ่วซือวางแผนจะจัดการตระกูลกู้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับซูเหลียงอินน่าจะทำให้ซูจิ่วซือลงมือเร็วขึ้น


 


 


“ข้าไม่ได้จัดการสกุลกู้ แต่จัดการซูเหมย”


 


 


ซูจิ่วซือย่อมไม่จัดการสกุลกู้ นี่เพราะเป็นสกุลกู้ของกู้เฉินหรง นางต้องการชีวิตของซูเหมย อยากให้ซูเหมยทุกข์ทรมานแสนสาหัสแล้วค่อยตาย จึงจะระบายความแค้นในใจนางได้


 


 


บัดนี้ซูเหมยได้ลิ้มรสความเจ็บปวดที่สูญเสียลูกสาวแล้ว ต่อไปควรจะเสียกู้เหยี่ยนอย่างสิ้นเชิง ซูจิ่วซือต้องการให้กู้เหยี่ยนเห็นชัดๆ ว่าผู้หญิงข้างหมอนคนนี้มีเรื่องปิดบังเขามากแค่ไหน


 


 


นางรู้ว่าระยะนี้กู้เหยี่ยนเย็นชาต่อซูเหมยมาก คิดว่าซูเหมยคงทุกข์ทรมาน ทุกสิ่งทุกอย่างควรสิ้นสุดเสียที


 


 


“เจ้าเองก็ต้องระวังตัว จิ่วซือ เรื่องนี้ข้าช่วยเจ้าไม่ได้ แต่จะไม่ขัดขวางเจ้า”


 


 


“ข้าจัดการเอง เจ้าไม่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง”


 


 


ซูจิ่วซือไม่ได้เคยคิดจะให้กู้หลียวนยื่นือเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ นางวางแผนเล่นงานซูเหมยไว้แล้ว ก่อนจัดการซูเหมย ต้องจัดการซูเหวิน ให้ซูเหมยเห็นกับตาตัวเองว่าน้องชายสุดที่นักของนางถูกขับออกจากจวนอย่างไร


 


 


กู้หลียวนไม่ได้ซักถามต่อ เขาไม่ชอบซูเหมย แต่ถึงอย่างไรซูเหมยก็เป็นแม่เลี้ยงของเขา ให้เขาช่วยซูจิ่วซือสังหารแม่เลี้ยง เขาทำไม่ได้ เขาจึงไม่อยากรู้แผนการรายละเอียดของซูจิ่วซือ


 


 


กู้หลียวนไม่เคยสงสัยในความสามารถของซูจิ่วซือ


 


 


ทั้งสามเฝ้าห้องพิธีศพ ไม่มีใครพูด อยู่เป็นเพื่อนซูเหลียงอินเงียบๆ วันพรุ่งนี้ก็จะทำพิธีฝังศพแล้ว นี่เป็นคืนสุดท้ายที่พวกเขาจะอยู่ซูเหลียงอิน


 


 


…..


 


 


เมืองหลวงตูเฉิงแคว้นเจียง


 


 


กู้เฉินหรงอยู่ที่ตำหนักหันจาง เป็นวังที่ประทับของซุ่นตี้ซึ่งเป็นพระอัยกา เขามาถึงเมืองหลวงตูเฉิงแคว้นเจียงหลายวันแล้ว ซุ่นตี้ทรงประกาศฐานะของกู้เฉินหรงอย่างเป็นทางการ เขาเปลี่ยนชื่อเป็นฟู่เฉินหรงอย่างเป็นทางการ คารวะบรรพชนคืนสู่ตระกูลอย่างเป็นทางการ


 


 


ไม่มีใครสงสัยฐานะของฟู่เฉินหรง เพราะเขาหน้าตาเหมือนรัชทายาทตวนฮุ่ยที่เสียชีวิตไปมาก มองออกทันทีว่าเป็นพ่อลูกกัน จึงไม่ต้องสงสัย


 


 


ซุ่นตี้ซึ่งทรงชราภาพแล้ว ประทับนั่งบนราชบัลลังก์ จอนพระเกศาสองข้างหงอกแล้ว พระพักตร์มีรอยเ**่ยวย่นลึก แม้ทรงชราภาพ แต่พระวรกายยังเปี่ยมด้วยพระบารมี ดวงพระเนตรที่ขุ่นมัวยังมีประกาย


 


 


พระพลานามัยถดถอยลงมากแล้ว ทรงไอเป็นพักๆ สำหรับพระองค์การตามฟู่เฉินหรงกลับมาจึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจรอช้า


 


 


“เฉินหรง หลานกลับมาหลายวันแล้ว คงเข้าใจสถานการณ์ในเมืองหลวงดี พรุ่งนี้เราจะประกาศต่อทั่วหล้า แต่งตั้งเจ้าเป็นรัชทายาทอย่างเป็นทางการ นับจากนี้ไปเจ้าก็คือรัชทายาทแห่งแคว้นเจียง ภารกิจในการทำให้แคว้นเจียงรุ่งเรืองตกเป็นภาระของเจ้าแล้ว”


 


 


ฟู่เฉินหรงสีหน้าเคร่งขรึมยืนอยู่เบื้องหน้าพระพักตร์ซุ่นตี้ เขาคุกเข่าลง “หลานจะไม่ทำให้พระอัยกาผิดหวังพ่ะย่ะค่ะ”


ตอนที่ 316 คารวะบรรพชนคืนสู่ตระกูล 


 


 


 


 


 


“เรารู้ว่าเจ้าสามารถแบกรับภารกิจใหญ่ได้ ไม่ทำให้เราผิดหวัง เราจะมอบหน่วยองครักษ์อุทยานตะวันออกของเราให้เจ้า พวกเขาจะคุ้มครองความปลอดภัยของเจ้า เรายังจะมอบขุนนางเก่าหลายคนให้เจ้า วันหลังพวกเขาจะติดตามเจ้า พวกเขาเป็นคนที่เราคัดสรรมาแล้ว ไม่ต้องสงสัยในความจงรักภักดีของพวกเขา 


 


 


นอกจากนี้ที่สำคัญที่สุดคือได้รับการสนับสนุนจากแม่ทัพสยบปฐพี แม่ทัพนี้บัญชาทัพใหญ่ ซิ่นอ๋องยังต้องยำเกรงเขาสามส่วน เวลานี้ซิ่นอ๋องพยายามดึงแม่ทัพสยบปฐพีเป็นพวก 


 


 


เฉินหรง แม่ทัพสยบปฐพีมีบุตรชายสามธิดาหนึ่ง เขารักธิดาคนเดียวมาก นางสวยสง่าเฉลียวฉลาด เด็ดเดี่ยวห้าวหาญ เคยปลอมตัวเป็นชายไปร่วมรบกับบิดา เป็นแม่ทัพเก่งกาจที่หาได้ยาก มีความสามารถเหนือพี่ชายทั้งสอง 


 


 


เฟิงชิงสุ่ยมีบารมีมากในกองทัพตระกูลเฟิง ถ้าเจ้าได้นางเป็นภรรยา ก็จะได้รับการสนับสนุนจากกองทัพตระกูลเฟิง ถึงตอนนั้นเฟิงชิงสุ่ยยังช่วยเจ้าอีกแรงหนึ่ง เมื่อมีการสนับสนุนจากพวกเขา เจ้าจะอยู่ในตำแหน่งรัชทายาทอย่างมั่นคง” 


 


 


ฟู่เฉินหรงเคยได้ยินชื่อเสียงของเฟิงชิงสุ่ยมาก่อน เพิ่งมาถึงแค้วนเจียงก็ได้ยินข่าวเกี่ยวกับเฟิงชิงสุ่ยไม่น้อย 


 


 


นางเป็นธิดาคนเดียวของเฟิงเชียนซึ่งเป็นแม่ทัพสยบปฐพี ศึกษาตำราพิชัยสงครามตั้งแต่เล็กจนเชี่ยวชาญ เคยปลอมตัวเป็นชายออกไปรบร่วมกับเฟิงเชียน รบชนะชนเผ่าเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนที่คอยรบกวนชายแดนแคว้นเจียงเป็นประจำ ชื่อเสียงของนางจึงเลื่องลือตั้งแต่นั้น  


 


 


ซุ่นตี้ทรงอยากแต่งตั้งให้นางเป็นแม่ทัพ แต่เฟิงชิงสุ่ยปฏิเสธ แม้นางไม่ได้เป็นขุนนางราชสำนัก แต่เฟิงชิงสุ่ยมีบารมีมากในกองทัพตระกูลเฟิง ถือว่าเป็นผู้สืบทอดของเฟิงเชียน พี่ชายสามคนล้วนสู้นางไม่ได้ 


 


 


ผู้หญิงแปลกเช่นนี้นับว่าเป็นบุคคลในตำนาน ถ้าไม่มีซูจิ่วซือ ฟู่เฉินหรงย่อมไม่ปฏิเสธนาง แต่เขามีซูจิ่วซือแล้ว 


 


 


ฟู่เฉินหรงไม่ลังเลแม้แต่น้อย ทันทีที่ซุ่นตี้ตรัสจบ เขาก็ปฏิเสธทันที “เสด็จปู่ หลานสามารถร่วมมือกับแม่ทัพสยบปฐพี แต่หลานไม่สามารถแต่งงานกับเฟิงชิงสุ่ย ในใจหลานมีคนรักแล้ว” 


 


 


“เจ้าหมายถึงองค์หญิงอันผิงแห่งแคว้นเว่ยใช่หรือไม่” 


 


 


แม้พระองค์ไม่เคยทอดพระเนตรเห็นนางมาก่อน แต่ซุ่นตี้ทรงรู้ว่ามีซูจิ่วซืออยู่ 


 


 


ฟู่เฉินหรงไม่ปฏิเสธ “ใช่พ่ะย่ะค่ะ นางคือคนที่หลานรัก หลานจะแต่งงานกับนาง” 


 


 


“เหลวไหล องค์หญิงแคว้นเว่ยไม่มีอำนาจบารมีจะช่วยอะไรเจ้าได้ เฉินหรง เวลานี้เจ้าไม่ใช่ปลอดภัยไร้กังวล แต่มีภัยรอบด้าน ถ้าไม่ระวังตัว แม้แต่เราก็ปกป้องเจ้าไม่ได้ ทั้งหมดนี้เป็นการตระเตรียมที่ดีที่สุด เฟิงชิงสุ่ยมีคุณสมบัติที่จะเป็นชายาของเจ้า องค์หญิงแคว้นเว่ยคนนั้นไม่คู่ควรกับเจ้า” 


 


 


ซุ่นตี้ไม่พอพระทัยเมื่อทรงได้ยินว่าฟู่เฉินหรงจะแต่งงานกับองค์หญิงแห่งแคว้นเว่ย พระองค์ทรงทุ่มเทจัดการทุกอย่างไว้แล้ว ถ้าฟู่เฉินหรงไม่ยอมปฏิบัติตาม ที่ทรงทุ่มเทไปก็เปล่าประโยชน์ 


 


 


พระองค์ทรงรู้ดีว่าซิ่นอ๋องเป็นคนโหดเ**้ยม ไม่ทรงปรารถนาที่จะให้แคว้นเจียงตกอยู่ในมือซิ่นอ๋อง จึงทรงเลือกฟู่เฉินหรง ทรงเชื่อว่าฟู่เฉินหรงจะเป็นฮ่องเต้ที่ดีได้ 


 


 


“เรื่องอื่นหลานสามารถทำตามที่เสด็จปู่จัดการได้ ยกเว้นเรื่องแต่งงาน หลานอยากตัดสินใจเอง” 


 


 


“ถ้าเจ้าชอบนางจริง สามารถเอานางมาอยู่เคียงข้าง เป็นชายารอง แต่ชายาเอกจะต้องเป็นเฟิงชิงสุ่ย เฉินหรง นี่เป็นราชโองการ เจ้าไม่อาจขัดขืน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับเรื่องรักใคร่ของชายหญิง เจ้ามีภาระรับผิดชอบแคว้นเจียงทั้งแผ่นดิน” 


 


 


พอตรัสถึงตอนท้าย ซุ่นตี้ทรงตื่นเต้น ทรงไอหลายครั้ง จากนั้นจึงตรัสต่อ “สุขภาพของเราไม่เหมือนก่อนแล้ว คงช่วยเจ้าได้อีกไม่นาน เฉินหรง ภาระนี้หนักมาก แต่เจ้าต้องรับไว้ เจ้าเป็นเด็กฉลาด จะเอาแต่ใจตัวเองไม่ได้” 


 


 


“เสด็จปู่ หลานเข้าใจพระประสงค์ของเสด็จปู่ดี หลานจะร่วมมือกับเฟิงเชียน แต่ไม่อยากแต่งง่านกับเฟิงชิงสุ่ย เรื่องอื่นไม่มีปัญหา” 


 


 


“เจ้าควรเข้าใจ การแต่งงานเป็นวิธีเชื่อมสัมพันธ์ที่ดีที่สุด” 


 


 


 


 


 


—— 


 


 


ตอนที่ 317 แต่งตั้งรัชทายาท 


 


 


 


 


 


ฟู่เฉินหรงย่อมเข้าใจ แต่เขาไม่อยากทำให้ซูจิ่วซือผิดหวัง 


 


 


ทั้งสองสัญญาจะครองรักกันจนแก่เฒ่า ซูจิ่วซือเป็นหญิงที่เคยผิดหวังมาก่อน เขาตัดสินใจไว้แล้วว่าจะรักและทะนุถนอมซูจิ่วซือ ถ้าเขาแต่งงานกับหญิงอื่น เขารู้ว่าซูจิ่วซือคงไม่ยอมพบเขาอีก เขาอาจสูญเสียนางตลอดกาล 


 


 


ตั้งแต่ต้นจนจบนางคือหญิงที่เขาจะแต่งงานด้วย 


 


 


เขาไม่ชอบให้ใครข่มขู่ ยิ่งไม่ชอบอาศัยการแต่งงานเป็นเครื่องมือ 


 


 


“เจ้ากลับไปก่อน คิดทบทวนที่เราพูดให้ดี เฉินหรง เจ้าเป็นเด็กฉลาด” 


 


 


ซุ่นตี้ไม่ตรัสอะไรอีก ทรงโบกพระหัตถ์ให้กู้เฉินหรงออกไป 


 


 


กู้เฉินหรงเองก็รู้ว่าซุ่นตี้ตรัสไปก็ไร้ประโยชน์ พอกราบถวายบังคมแล้วก็ออกไป เขาไม่มีวันรับปากแต่งงานครั้งนี้ และไม่มีวันแต่งงานกับเฟิงชิงสุ่ย 


 


 


หลังจากที่กู้เฉินหรงไปแล้ว ขันทีใหญ่หวังฝูซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ยกน้ำชาถวายซุ่นตี้ แล้วทูลอย่างระมัดระวังว่า “ฝ่าบาท เกรงว่าองค์รัชทายาทคงไม่รับปากแต่งงาน” 


 


 


“เราแค่ถามความเห็นเขา เขาจะตกลงหรือไม่ไม่สำคัญ เฟิงชิงสุ่ยพยักหน้ารับแล้ว ในเมื่อนางยินดีแต่งงาน พรุ่งนี้เราจะประกาศพระราชทานการหมั้นหมาย พอมีราชโองการแล้ว ก็ไม่ขึ้นกับเขาว่าจะแต่งหรือไม่ ขณะนี้สถานการณ์เป็นอย่างไร เฉินหรงรู้แก่ใจดี ไม่อาจทำเรื่องโง่เขลาเพราะผู้หญิงคนเดียว เขาต้องรับภาระแคว้นเจียงทั้งหมด เราไม่ยอมให้ผู้หญิงคนเดียวทำให้เสียการใหญ่ ถ้าเขายังยืนกรานปฏิเสธ เราคงต้องสังหารผู้หญิงคนนั้น” 


 


 


ซุ่นตี้ทรงยกถ้วยชาขึ้น พระเนตรฉายแววอำมหิต ทรงจิบชาแล้ววางลง 


 


 


“คิดดูแล้วองค์รัชทายาทคงไม่ทำเรื่องโง่เขลาอย่างนั้นพ่ะย่ะค่ะ” 


 


 


หวังฝูไม่กล้าพูดมาก เขาเข้าใจพระทัยซุ่นตี้ดี นี่เป็นเรื่องที่ค้างคาพระทัยพระองค์ตลอดมา 


 


 


พระองค์ทรงปรารถนาให้ฟู่เฉินหรงอยู่ในตำแหน่งรัชทายาทอย่างมั่นคง หลายปีมานี้ซุ่นตี้ทรงสิ้นหวังต่อซิ่นอ๋องอย่างสิ้นเชิง ซิ่นอ๋องคอยบีบคั้นพระองค์ ความสัมพันธ์ระหว่างพระบิดากับพระโอรสตึงเครียดมาก ต่างเคียดแค้นจนอยากสังหารอีกฝ่ายหนึ่ง 


 


 


ซุ่นตี้ทรงประทับนั่งเอนพิงบัลลังก์มังกร เวลานี้พระองค์ทรงคาดหวังว่าพระนัดดาคนนี้คงไม่ทำให้ทรงผิดหวัง เวลาของพระองค์เหลือไม่มากจริงๆ ทรงฝืนพระวรกายเต็มที่แล้ว 


 


 


….. 


 


 


หลังจากฝังศพซูเหลียงอิน ซูจิ่วซือและซูเหิงกลับมาที่จวนอันผิงโหวพร้อมกัน 


 


 


พอกลับมาถึงซูจิ่วซือและซูเหิงนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ ให้คนไปตามซูเหวินกับลูกชายทั้งสองมาพบ 


 


 


ซูฉีหามือสังหารมาแล้ว แต่ซูเหวินห้ามไว้ แต่เขายังไม่ยอมรามือ เวลานี้เห็นซูจิ่วซือนั่งในตำแหน่งประธานซึ่งเดิมทีเป็นที่นั่งของเขาก็ยิ่งแค้นใจ 


 


 


ซูจิ่วซือข่มเหงกันเกินไปแล้ว 


 


 


“จิ่วซือ เจ้าเป็นผู้เยาว์ ทำไมจึงไม่รู้จักแบบแผน ถึงกับนั่งบนที่นั่งของท่านพ่อ” 


 


 


ในที่สุดซูฉีก็เอ่ยขึ้น ไม่อาจอดกลั้นอีกต่อไป 


 


 


ซูจิ่วซือพูดเสียงกร้าว “ข้ามีศักดิ์เป็นองค์หญิงที่องค์ไทเฮาทรงพระราชทาน เวลานี้อารองไม่ใช่อันผิงโหวและลาออกจากราชการ ไม่ใช่ขุนนางใหญ่ราชสำนัก ตามหลัก พวกเจ้าพบข้าควรคุกเข่าคารวะ ข้าไม่ยึดถือแบบแผน ยอมให้ละเว้น พวกเจ้ายังไม่พอใจอีกหรือ” 


 


 


“เจ้า…” ซูฉีโกรธจนพูดไม่ออก 


 


 


“ซูฉี ที่นั่งนี่เวลานี้พี่สาวข้าเท่านั้นที่มีคุณสมบัติที่จะนั่งได้ พวกเจ้ารีบเก็บข้าวของแล้วไสหัวไป” 


 


 


ซูเหิงเหลือบมองซูฉีอย่างไม่เกรงใจ 


 


 


พอซูฉีได้ยินว่าซูจิ่วซือจะขับไล่พวกตนออกไปก็โกรธจนกำหมัดแน่น พ่อของเขาเพิ่งลาออกจากราชการ นางก็ขับไสไล่ส่งทันที ทำอย่างนี้เกินไปจริงๆ คิดว่าจวนอันผิงโหวเป็นบ้านของนาง  


 


 


“เจ้าทำเกินไปแล้ว ถึงท่านพ่อจะลาออกก็จริง แต่ที่นี่คือบ้านพวกข้า เจ้าอาศัยอะไรมาขับไล่พวกข้า 


 


 


ซูหังลูกชายของซูเหวินเปิดปากพูดขึ้น 


 


 


“อาศัยอะไรหรือ ก็อาศัยที่ซูเหิงรับตำแหน่งอันผิงโหว ที่นี่ก็คือบ้านพวกข้า ถ้าอยากอยู่ใต้ชายคาข้าก็ต้องดูว่าข้ายินยอมหรือไม่ ถ้าพวกเจ้าคุกเข่าลงอ้อนวอนข้า ไม่แน่ ถ้าข้าใจอ่อน อาจจะให้พวกเจ้าอยู่ต่ออีกสองสามวัน” 


ตอนที่ 318 ขับออกจากจวนอันผิงโหว


 


 


 


 


ซูจิ่วซือผุดรอยยิ้มจางๆ ที่มุมปาก แววตาเยือกเย็นขึ้นอีก


 


 


เมื่อก่อนเคยถูกข่มเหง นางต้องทวงคืน ต้องให้ซูเหวินลิ้มรสชาติของการถูกขับออกจากจวน


 


 


ถึงตอนนี้แม้แต่ซูเหวินก็ทนไม่ไหว สิบปีก่อนเขาไม่ได้ออกหน้า นางฟางเป็นคนออกหน้าขับไล่นางหวังกับลูกสาว ตอนนั้นนางหวังคุกเข่าอ้อนวอนเขาที่นอกบ้าน แต่เขาไม่ให้นางหวังพบ


 


 


สิบปีต่อมา เขากลับถูกเด็กสาวคนหนึ่งขับออกจากจวนผิงอัน น่าหัวเราะจริงๆ ถ้าเรื่องนี้กระจายออกไป เขาคงไม่มีหน้าจะอยู่ในเมืองหลวง กลายเป็นที่เย้ยหยันของผู้คน


 


 


ซูเหวินโกรธจนเส้นเอ็นสีเขียวบนหน้าผากปูด ซูจิ่วซือข่มเหงกันเกินไป


 


 


แต่เวลานี้เขาหมดอำนาจ เรื่องนี้ฝ่าบาททรงยอมรับ บวกกับเบื้องหลังของซูจิ่วซือยังมีไทเฮาและกุ้ยเฟยหนุน เขาย่อมไม่กล้าใช้ไม้แข็งปะทะกับซูจิ่วซือ


 


 


ซูฉีเป็นคนอารมณ์ร้อน เขาทนไม่ไหวที่ถูกซูจิ่วซือข่มเหง จึงโผเข้าใส่จะทำร้ายซูจิ่วซือ ซูเหิงเห็นก็ยกเท้าขึ้นถีบซูฉี เขาฝึกวรยุทธมาระยะหนึ่ง สามารภเอามาใช้รับมือกับซูฉีได้อย่างเหลือเฟือ


 


 


ซูฉีถูกซูเหิงถีบล้มลงกับพื้น ซูเหิงยืนอยู่ตรงหน้าเขา ก้มลงมองซูฉี “บังอาจทำร้ายพี่สาวข้า ต้องลองถามกำปั้นข้าดูก่อนว่ายอมหรือไม่”


 


 


สายลมสายน้ำย่อมเคลื่อนไหววนเวียน สิ่งที่ไม่ใช่ของพวกเขาสุดท้ายก็ต้องคืนไป


 


 


“อารอง อย่าฝืนยื้อต่อไปเลย รีบออกจากจวนอันผิงโหว ใช่สิ อย่าออกทางประตูใหญ่ พวกเจ้าออกทางประตูหลัง ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องที่มีเกียรติ มีคนเห็นมาก พวกเจ้าย่อมเสียหน้า”


 


 


ซูเหวินจำต้องอดกลั้น ในที่สุดก็ข่มโทสะในใจลงไป


 


 


พอได้ข่าวว่าซูเหวินลาออกจากราชการ ถูกถอดบรรดาศักดิ์ คนรับใช้ในจวนผิงอันโหวต่างลู่ตามลม เริ่มเอาอกเอาใจซูจิ่วซือไว้แล้ว เวลานี้พวกเขาโดดเดี่ยว ไม่อาจทำอะไรได้


 


 


เขายอมรับว่าตนพ่ายแพ้ แพ้เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง แม้ยังทำใจไม่ได้ แต่เขาไม่อยากต่อสู้กับเด็กผู้หญิงคนนี้อีก คิดแต่ว่าจะกลับไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่บ้านเดิม ขืนสู้ต่อไป อาจแพ้พ่ายถึงชีวิต


 


 


“ซูฉี ซูหัง ไปกันเถอะ!”


 


 


ซูเหวินกล้ำกลืนโทสะ ระงับใจให้สงบ แล้วหันมามองพี่น้องคู่นี้อีกครั้ง เขาถูกยั่วโมโหจนแทบจะกระอักเลือด เมื่อก่อนนางหวังก็พาลูกชายหญิงออกจากจวนอันผิงโหวทางประตูหลัง บัดนี้ซูจิ่วซือบอกให้พวกเขาออกไปทางประตูหลัง เป็นการจงใจอย่างเห็นได้ชัด


 


 


“ท่านพ่อ เราจะไปอย่างนี้ได้หรือ ต่อให้ท่านพ่อไม่ใช่อันผิงโหว แต่เรายังเป็นคนสกุลซู เมื่อต้องแยกบ้านก็ต้องแบ่งทรัพย์สิน ซูจิ่วซือ เจ้าเอาสมุดบัญชีออกมา ต้องแบ่งทรัพย์สินในจวนก่อน ถ้าได้เงินแล้วพวกข้าค่อยไป”


 


 


เมื่อไม่อาจอยู่ในจวนอันผิงโหวได้ ซูหังจึงคิดจะขอแบ่งทรัพย์สิน ไม่เช่นนั้นคงออกจากจวนโดยไม่มีเงินติดตัว พวกเขาจะใช้ชีวิตอย่างไร


 


 


“น้องรอง ถึงอย่างไรก็เป็นอารองของเรา ให้พวกเขาออกไปอย่างนี้ไร้คุณธรรมเกินไป ในตัวเจ้ามีเงินบ้างไหม ถ้ามี เอาให้พวกเขาบ้าง ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กน้อยของเรา”


 


 


“พี่พูดถูก ข้าจะหาดู”


 


 


ซูเหิงได้ยินก็หยิบถุงใส่เงินออกจากเอว เปิดดู แล้วล้วงเหรียญทองแดงออกมาสามเหรียญ โยนเหรียญลงบนพื้น “เหลือแค่สามอีแปะ คนละหนึ่งอีแปะพอดี อารอง คนเราต้องรู้จักพอเพียง หยิบอีแปะบนพื้นแล้วไปเถอะ!”


 


 


“พวกเจ้าไล่ตะเพิดขอทานรึ จวนผิงอันโหวมีที่นาและโฉนดที่ดินมากมาย ซูเหิง เจ้าเอาเงินสามอีแปะมาไล่พวกข้าไป ข้าขอบอกพวกเจ้า อย่าแม้แต่จะคิด อย่างน้อยก็ต้องให้เงินพวกข้าหนึ่งหมื่นตำลึง”


 


 


 


 


——


 


 


ตอนที่ 319 ข้าจะปกป้องพี่เอง


 


 


 


 


ซูฉีลุกขึ้นจากพื้น ปัดฝุ่นตามตัว พูดขึ้นด้วยสีหน้าแข็งกร้าว


 


 


ซูจิ่วซือลุกขึ้นยืน แล้วหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลก “กลางวันแสกๆ เจ้ายังฝันอยู่หรือ ถ้าเจ้าไม่อยากได้เหรียญสามอีแปะ ข้าก็ไม่ฝืนใจ พวกเจ้ายังหนุ่มแน่น ออกไปแล้วจะหาเงินไม่ได้เชียวหรือ


 


 


อารอง รีบพาลูกชายสองคนไปเถอะ ไม่งั้นถ้าเกิดข้าไม่พอใจ ไม่แน่ อาจจะหักขาสองคนนี้ ถึงตอนนั้นเกรงว่าอาจจะไม่มีเงินรักษา


 


 


จริงสิ เจ้ายังมีพี่สาวแสนดีคนหนึ่ง ถ้าไม่มีเงินจริงๆ ก็ไปขอพี่สาวเจ้าได้ นางคงจุนเจือพวกเจ้าได้”


 


 


“ซูจิ่วซือ เจ้า…” ซูฉีโกรธจัดจนกัดฟันกรอด เขาอยากบีบคอซูจิ่วซือให้ตายคามือ “เจ้าจะเสียใจภายหลัง”


 


 


“งั้นหรือ ข้าจะรอดู”


 


 


ซูจิ่วซือจ้องกลับ สายตาฉายอำนาจบีบคั้น ไม่ได้ใส่ใจคำขู่ของซูฉีแม้แต่น้อย


 


 


“พี่ มัวเสียเวลาพูดกับคนพวกนี้ทำไม อารอง จะออกไปเองหรือให้ข้าเรียกคนมาเชิญออกไป เสื้อผ้าของพวกเจ้า ข้าให้คนขนออกไปแล้ว ออกพ้นประตูหลังก็จะเห็น ข้ามีธุระไม่ไปส่งแล้ว”


 


 


ซูฉียังอยากพูดอีก แต่ซูเหวินร้องห้าม ขืนพูดมากกว่านี้พวกตนจะยิ่งถูกข่มเหง เขาพูดเสียงเย็นชา “ไปกันเถอะ”


 


 


ซูหังเดินตามไป ซูฉีตามไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนไปยังหันมาถลึงตาใส่ซูจิ่วซือด้วยความเคียดแค้น อย่างมากก็ตายไปพร้อมกัน เขาไม่ยอมปล่อยซูจิ่วซือเด็ดขาด


 


 


พอพวกนั้นไปแล้ว ซูเหิงจึงรู้สึกว่าได้ระบายความแค้นในใจออกไปกว่าครึ่ง


 


 


เขายังจำภาพเหตุการณ์ตอนที่ออกจากจวนผิงอันโหวเมื่อสิบปีก่อนอย่างชัดเจน วันนั้นฝนตก นางฟางขับไล่พวกตนออกจากจวนอันผิงโหวอย่างโหดร้าย โยนเสื้อผ้าพวกเขาไว้กลางสายฝน นางหวังพูดขอร้องซูเหวิน แต่ซูเหวินไม่ออกมาปรากฏตัว


 


 


บัดนี้ในที่สุดพวกเขาก็ได้กลับบ้านแล้ว เอาสิ่งที่เป็นของพวกเขากลับคืน แต่แม่และน้องสาวจากไปแล้ว


 


 


เขาเหลือเพียงพี่สาวคนเดียว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาต้องปกป้องพี่สาว ต้องไม่ให้พี่สาวเกิดเรื่องอีก สำหรับเขาแล้ว พี่สาวคือญาติใกล้ชิดคนเดียวของเขาในโลกนี้


 


 


“พี่ ซูฉีเป็นคนวู่วาม เป็นไปได้มากว่าจะเล่นงานเรา เราชิงลงมือก่อนจะดีกว่า หาคนมากำจัดซูฉี ป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องเดือดร้อน”


 


 


ซูจิ่วซือเห็นด้วยในเรื่องนี้ ซูฉีเป็นคนวู่วามจริง เวลานี้นางไล่พวกเขาออกจากจวนอันผิงโหวแล้ว ซูฉีไม่ยอมรามือแน่นอน การชิงเล่นงานอีกฝ่ายก่อน เป็นวิธีป้องกันเหตุร้ายที่ดี กับครอบครัวซูเหวิน นางจะไม่ปรานีเด็ดขาด ในเมื่อคนพวกนี้ไร้คุณธรรม นางย่อมไม่ยึดถือคุณธรรม


 


 


“เรื่องนี้พี่จัดการเอง”


 


 


ซูเหิงสั่นหัว “พี่ ข้าเอง ต่อไปเรื่องแบบนี้ปล่อยให้ข้าทำเถอะ ข้าเป็นผู้ชาย ข้าปกป้องพี่เอง”


 


 


ซูจิ่วซือสีหน้าชื่นชม “ดูแล้วซูเหิงของพี่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว”


 


 


ก่อนนี้นางจะจัดการเรื่องทำนองเอง หลังจากผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย นางจึงเข้าใจที่หวังเฉิงเคยพูดไว้


 


 


ต้องให้เขามีความสามารถปกป้องตัวเอง อีกไม่นานนางต้องออกจากเมืองหลวง ต่อจากนี้ซูเหิงต้องพึ่งตัวเอง นางไม่อาจอยู่ข้างๆ คอยปกป้องน้องชายคนนี้ตลอดไป


 


 


นับจากนี้ไปเขาคือผิงอันโหว เรื่องในจวนโหวต้องให้เขาดูแลเอง นางเชื่อมั่นว่าซูเหิงทำได้ดีแน่นอน เด็กหนุ่มคนนี้ในที่สุดก็โตเป็นผู้ใหญ่ที่สามารถแบกรับทุกอย่าง


 


 


“ข้าโตแล้วนะ เหลียงอินบอกข้าหลายครั้งแล้วว่าพี่เหนื่อยเกินไปแล้ว ต่อจากนี้ข้าหวังว่าพี่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เรื่องอื่นปล่อยให้ข้าจัดการเอง ข้าจะปกป้องพี่ให้ดี”


 


 


ซูจิ่วซือพยักหน้า คนต่อไปที่นางต้องจัดการคือซูเหมย


ตอนที่ 320 เจ้ายอมรับได้หรือไม่ 


 


 


 


 


 


หลังจากที่ซูเหวินออกจากจวนอันผิงโหวแล้ว ซูจิ่วซือและซูเหิงก็มีงานมากขึ้น ซูจิ่วซือรับผิดชอบดูแลงานบ้านงานเรือนทั้งหมดในจวนอันผิงโหวชั่วคราว นางรับงานต่างๆ มาไว้ในมือ 


 


 


ส่วนซูเหิงเข้ารับราชการเป็นขุนนาง แต่ละวันก็มีงานยุ่งมาก 


 


 


สองวันต่อมาขณะที่ซูจิ่วซือกำลังตรวจสมุดบัญชี จู่ๆ กู้หลียวนก็มาหา ยังไม่ทันเข้าไปในห้องหนังสือ เสียงก็มาถึงก่อน “จิ่วซือ ข้าได้ข่าวว่าซูฉีเมาเหล้าตกลงไปในทะเลสาบจมน้ำตายแล้ว” 


 


 


ซูจิ่วซือไม่ได้เงยหน้าขึ้น เพียงแต่ร้องอืมเบาๆ 


 


 


“เจ้าเป็นคนจัดการ!” 


 


 


ซูจิ่วซือไม่ปฏิเสธ ถือว่ายอมรับอย่างเงียบๆ 


 


 


กู้หลียวนยืนพิงโต๊ะทำงานของซูจิ่วซือ “ท่านน้าพาซูหังออกจากเมืองหลวงแล้ว” 


 


 


“ถือว่าอารองรู้สถานการณ์ รู้ว่ารักษาชีวิตไว้ดีกว่า ซูฉีต่างออกไป คิดแต่จะรนหาที่ตาย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าไม่ช่วยให้เข้าสมใจได้อย่างไร” 


 


 


“เดิมทีซูฉีก็เป็นคนวู่วาม เจ้าขับไล่พวกเขาออกจากจวนอันผิงโหวอย่างนี้ เขาต้องแก้แค้นเจ้าแน่ จิ่วซือ ข้าอยู่ข้างเดียวกับเจ้า แค่ถามดูเท่านั้นเอง 


 


 


ใช่สิ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ไม่รู้ว่าเจ้าได้ข่าวหรือยัง เฉินหรงได้รับแต่งตั้งเป็นรัชทายาทแล้ว อนาคตเจ้าจะรุ่งเรือง เป็นไปได้มากที่จะได้เป็นฮองเฮา พอรู้ว่าเฉินหรงเป็นรัชทายาทแคว้นเจียง ท่านแม่คงนึกเสียใจที่เมื่อก่อนเคยทำกับเฉินหรงอย่างนั้น ย่อมกลัวว่าเฉินหรงจะแก้แค้น” 


 


 


“เรื่องนี้ข้าได้ข่าวแล้ว เฉินหรงแค้นนาง แต่อย่างไรก็คงนึกถึงบุญคุณที่นางเลี้ยงดู คงไม่ฆ่านางหรอก หลียวน ต่อไปเจ้าตั้งใจจะทำอะไร” 


 


 


“ข้าคิดไว้แล้ว ข้าไปแคว้นเจียงกับเจ้า ที่เมืองหลวงนี่ไม่มีอะไรสนุก ข้าเองก็ไม่อยากแย่งสิทธิการเป็นผู้สืบทอดสกุลกู้กับจื่อหยวน เดิมทีข้าก็ไม่สนใจอยู่แล้ว ยังไม่เคยไปเมืองหลวงตูเฉิง ไปเที่ยวที่นั่นก็ดีเหมือนกัน” 


 


 


พอซูจิ่วซือได้ยินว่ากู้หลียวนจะไปแคว้นเจียงกับตนก็ดีใจมาก นางวางสมุดบัญชีในมือลง “ดีจริง เราไปหาเฉินหรงด้วยกัน” 


 


 


“แต่ว่า ยังมีอีกเรื่อง…” กู้หลียวนอ้ำอึ้ง ที่จริงเขาไม่อยากบอกซูจิ่วซือ แต่รู้สึกว่าถ้าปิดบังคงไม่ดี พอคิดทบทวนแล้ว จึงตัดสินใจบอกซูจิ่วซือ 


 


 


“พูดเถอะ! ข้าฟังอยู่ หรือกลัวว่าข้าจะรับไม่ได้” 


 


 


“ฮ่องเต้แคว้นเจียงทรงจัดการหมั้นหมายให้เฉินหรง เป็นเฟิงชิงสุ่ยธิดาของแม่ทัพสยบปฐพีแห่งแคว้นเจียง เจ้าเคยได้ยินชื่อนางหรือไม่” 


 


 


กู้หลียวนพูดพลางสังเกตสีหน้าซูจิ่วซือ แล้วเห็นสีหน้านางเกร็ง แล้วกลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว 


 


 


เขาจึงพูดต่อ “เฉินหรงเป็นคนอย่างไรพวกเรารู้ดี การหมั้นหมายครั้งนี้ย่อมไม่ใช่ความต้องการของเฉินหรง ฮ่องเต้มักชอบจับคู่สะเปะสะปะ มีราชโองการหมั้นหมายตามพระทัย ไม่เคยถามว่าพอใจหรือไม่ อยากแต่งงานหรือไม่” 


 


 


ซูจิ่วซือได้ยินเรื่องนี้ก็รู้สึกหงุดหงิด แต่นางมั่นใจในตัวกู้เฉินหรงจึงยังคงสงบนิ่ง นางหลุบตาลง ไม่แสดงความรู้สึกออกมาทางแววตา “ฮ่องเต้แคว้นเจียงทรงจัดการหมั้นหมายเฟิงชิงสุ่ยให้เฉินหรง ความจริงแล้วก็เพื่อให้เขาอยู่ในตำแหน่งรัชทายาทได้อย่างมั่นคง  


 


 


เฟิงเชียนบิดาเฟิงชิงสุ่ยกุมอำนาจทางทหารไว้ในมือ เวลานี้เฉินหรงไม่มีอิทธิพลหนุนหลัง เพิ่งไปถึงแคว้นเจียงไม่นาน ถ้ามีเฟิงเชียนสนับสนุน คงช่วยเขาได้จริง ถ้าข้าเป็นฝ่าบาท ก็คงทำอย่างนี้” 


 


 


กู้หลียวนมองดูซูจิ่วซือด้วยความประหลาดใจ ท่าทีของนางแตกต่างจากเด็กสาวทั่วไป ได้ยินเรื่องนี้ ยังสามารถวิเคราะห์ได้อย่างสงบ ไม่เข้าใจกู้เฉินหรงผิดไป แล้วไม่ยอมพบกู้เฉินหรงหรือก่อความวุ่นวาย 


 


 


“เจ้ายอมรับได้หรือ” 


 


 


ซูจิ่วซือจับสมุดบัญชีที่วางบนโต๊ะ แล้วสั่นหัว “ยอมรับไม่ได้” 


 


 


“งั้นเจ้า…” 


 


 


 


 


 


—— 


 


 


ตอนที่ 321 ศัตรูหัวใจที่แข็งแกร่ง 


 


 


 


 


 


“การหมั้นหมายกับการแต่งงานเป็นคนละเรื่องกัน รอให้สะสางงานในมือเสร็จ ข้าจะไปหาเฉินหรง 


 


 


ข้าอยากฟังความเห็นของเขา ถ้าเขาตั้งใจจะแต่งงานกับเฟิงชิงสุ่ย ข้าจะไปจากแคว้นเจียง ข้าไม่ยอมเป็นเมียน้อยของใครทั้งนั้น และไม่ชอบให้เขามีเมียน้อยมาแทรกระหว่างเขากับข้า” 


 


 


“เป็นผู้หญิงที่ดี มีปณิธาน พี่ชื่นชมเจ้า แม้จะยากสักหน่อย แต่พี่ต้องช่วยเต็มที่ ถึงอย่างไรก็ไม่ยอมให้ใครข่มเหงน้องสาวข้าเด็ดขาด แต่เฟิงชิงสุ่ยร้ายกาจกว่าองค์หญิงสามมาก พอไปถึงแคว้นเจียง เจ้าต้องระวังนาง” 


 


 


เดิมทีซูจิ่วซือไม่รู้ว่าเฟิงชิงสุ่ยเป็นใคร หลังจากฟู่เฉินหรงไปแคว้นเจียงแล้ว นางจึงเริ่มสอบถามเรื่องราวของเมืองหลวงตูเฉิง จนเข้าใจเรื่องราวไม่น้อย นางจึงรู้เรื่องเฟิงชิงสุ่ย ถึงขั้นนับถือเฟิงชิงสุ่ย 


 


 


ผู้หญิงคนนี้สามารถเข้าสู่สนามรบสังหารข้าศึก อยู่ในห้องยังดีดพิณ รูปโฉมงดงามยิ่งนัก ถือว่าเป็นยอดหญิง 


 


 


เป็นผู้หญิงที่ใครๆ ในเมืองหลวงตูเฉิงอยากแต่งงานด้วย ซุ่นตี้ทรงชื่นชมผู้หญิงคนนี้มาก ยอมละเมิดแบบแผนอนุญาตให้นางเลือกสามีเอง ที่นางเป็นคู่หมั้นของฟู่เฉินหรง คงเป็นเพราะนางชอบฟู่เฉินหรงแน่ 


 


 


กู้เฉินหรงอยู่เมืองหลวงแคว้นเว่ยเป็นที่ต้องตาของหญิงสาว นึกไม่ถึงว่าพอไปที่เมืองหลวงแคว้นเจียงก็ยังเป็นเช่นนี้ เพิ่งไปถึงก็มีคู่หมั้นที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ 


 


 


ซูจิ่วซือรู้ว่าเฟิงชิงสุ่ยโดดเด่นดีเลิศ ทั้งยังเป็นคนเฉลียวฉลาด เดิมทีนางก็ชื่นชมคนแบบนี้ ถ้าเฟิงชิงสุ่ยไม่คิดร้ายต่อนาง นางกลับยินดีเป็นเพื่อนด้วย 


 


 


นางไม่ใส่ใจว่าใครจะชอบฟู่เฉินหรงแต่คำนึงว่าฟู่เฉินหรงคิดอย่างไร จะทำอย่างไร 


 


 


“ข้ามีแผนในใจแล้ว” 


 


 


“เจ้ามีความมั่นใจอย่างนี้เอง มิน่าเฉินหรงจึงคิดถึงเจ้าเสมอ ตอนมาที่นี่ข้ายังลังเลว่าควรบอกเจ้าเรื่องนี้หรือไม่ ดูแล้วที่ข้าวิตกเกินไป เจ้าทั้งสองเป็นเนื้อคู่กัน ข้ายอมรับ” 


 


 


กู้หลียวนยอมรับนับถือสองคนนี้จริงๆ ซูจิ่วซือมั่นใจตลอดมา เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูหัวใจอย่างเฟิงชิงสุ่ย นางยังคงมั่นใจ ไม่หวั่นไหว ถ้าเป็นคนอื่น พอได้ยินเรื่องราวความเป็นมาของเฟิงชิงสุ่ย เกรงว่าคงยอมแพ้ไปแล้ว เพราะรเฟิงชิงสุ่ยเป็นศัตรูหัวใจที่แข็งแกร่ง คุณหนูทั่วไปไม่อาจเทียบกับนางได้ ไม่ใช่อาศัยฐานะ แต่อาศัยความสามารถที่แท้จริงของนาง 


 


 


“ข้าตั้งใจมาที่นี่เพื่อบอกข่าวให้เจ้ารู้ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ท่านแม่ข้าป่วย คงเป็นเพราะโมโหเจ้า สองวันนี้นอนซมอยู่กับเตียง จื่อหยวนคอยดูแลอยู่” 


 


 


ซูจิ่วซือร้องอืมออกมา ป่วยก็ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ถือโอกาสป่วยต่อไปไม่ต้องลุกขึ้นอีก! 


 


 


ซูเหมยสมควรตายตั้งแต่ยี่สิบปีก่อนแล้ว นางปล่อยให้ซูเหมยมีชีวิตสุขสบายมายี่สิบปี ยี่สิบปีควรจะสิ้นสุดแล้ว บัดนี้นางไม่คิดจะหยอกล้อกับซูเหมยอีก แต่เตรียมจะยุติด้วยมือตัวเอง 


 


 


แต่เวลานี้นางยังรอของสิ่งหนึ่ง รอให้ได้ของสิ่งนี้แล้ว ก็ถึงวันตายของซูเหมย  


 


 


“เจ้ากับจื่อหยวนเลิกกันแล้วใช่หรือไม่”  


 


 


ซูจิ่วซือพยักหน้า “อืม เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว” 


 


 


“ระยะนี้จื่อหยวนเปลี่ยนไป พอเห็นข้าก็ตีหน้ายักษ์ใส่ ถ้าเจ้าขืนทำอะไรท่านแม่ จื่อหยวนต้องแค้นเจ้าแน่ ถึงตอนนั้นก็จะกลายเป็นศัตรูกันจริงๆ” 


 


 


“แล้วจะเป็นอย่างไรไป ซูเหมยติดหนี้ข้า เขาจะแค้นก็ก็แค้นไป! หลียวน ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ยุ่งกับเรื่องนี้” 


 


 


“ข้ายังคงยืนยันคำเดิม เอาละ เจ้าทำธุระของเจ้าเถอะ ข้าไปแล้ว ถ้ามีอะไรจะให้ข้าช่วย ไปหาข้าโดยตรงเลย ข้ามีเพื่อนมากมายในวงการนักเลง ถ้าอยากรู้ข่าวอะไรก็มาหาข้าได้” 


 


 


“ได้” 


 


 


ซูจิ่วซือยิ้มให้กู้หลียวน เวลานี้ได้เห็นลูกชายบ่อยๆ ทั้งยังเป็นเพื่อนสนิทกัน นางพอใจมาก 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม