เนตรเซียนทะลุสมบัติ 314-320

 ตอนที่ 314 คอยดูละกัน


สีหน้าของซ่งห้าวซวนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ” งั้นเรามาคอยดูกัน ! “


” ได้สิ งั้นก็ค่อยมาดูละกัน ฉันละอยากเห็นจริงๆ ว่าซ่งห้าวซวนจะรุ่งเรืองไปได้ซักกี่น้ำ ! ” หยางโปพูดขึ้น


” ซ่งห้าวซวนจะต้องรุ่งเรืองต่อไป อย่างน้อยก็มากพอที่จะไล่ตามสืออี๋ถางทัน ! ” ซ่งห้าวซวนพูดขึ้นเสียงดัง


เมื่อพูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินจากไปทันที


หยางโปมองไปทางแผ่นหลังที่เดินจากไปของซ่งห้าวซวน จึงอดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ เรื่องนี้ดูเหมือนจะไม่ง่ายขนาดนั้นซะแล้ว ซ่งห้าวซวนต้องการฆ่าล้างผลาญเขาให้หมดอย่างนั้นเหรอ ?


ตัวเองจะต้องเร่งมือสักหน่อยแล้ว !


 


ในคืนนั้น เมื่อหยางโปกลับมาถึงบ้าน เขาก็เอาแต่ครุ่นคิดอยู่นานทีเดียว จากนั้นเขาก็โทรศัพท์ไปหาลัวย่าวหัว


” ตอนนี้นายพอจะมีคนที่เชื่อใจได้สักคนไหม ? “


….


วันที่สอง ในขณะที่หยางโปกำลังนั่งแกะสลักอยู่ในร้านนั้น ฝีมือการแกะสลักของเขาดูชำนาญมากขึ้นเรื่อยๆ สัตว์แต่ละตัวที่ถูกเขาแกะสลักออกมานั้น ดูสมจริงราวกับมีชีวิตขึ้นมายังไงอย่างนั้น


ฮ้าวซวนเก๋อที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ยังคงคึกคักครื้นเครงอยู่เหมือนเดิม เครื่องขยายเสียงที่โฆษณาอยู่หน้าประตูก็ส่งเสียงดังกังวานอยู่ตลอดเวลา บรรดากลุ่มคนก็ยังคงทะลักเข้าไปภายในร้านราวกับคลื่นทะเล เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้ตลอดทั้งวัน


 


หยางโปทำได้เพียงแค่เงยหน้าขึ้นมองแวบหนึ่ง โดยที่ไม่ได้มองมากมายเท่าไหร่นัก เพราะในร้านของเขาก็มีลูกค้าอยู่คนหนึ่งเช่นเดียวกัน ซึ่งมองดูแล้วก็รู้สึกคุ้นหูคุ้นตามากทีเดียว ไม่นานหยางโปก็นึกออกว่าคนนี้คือลูกค้าที่มาซื้อของในร้านสืออี๋ถางเมื่อปีที่แล้ว


” คุณถาง สวัสดีครับ ! ” หยางโปยิ้มพร้อมกล่าวทักทายขึ้น


ผู้มาเยือนมองมาทางการแกะสลักที่อยู่ในมือของหยางโป ก่อนจะยิ้มแล้วพูดกับหยางโปว่า ” เถ้าแก่นี่ความจำดีจริงๆ อีกทั้งยังมีความอดทนและยังมีอารมณ์สุนทรีย์มากอีกด้วย ฝั่งตรงข้ามมีร้านขายวัตถุโบราณเปิดใหม่ ได้ยินมาว่าราคาก็ถูกลงมากอีกด้วย เถ้าแก่ก็ยังนั่งติดที่อยู่เหมือนเดิม ? “


 


” นี่เป็นการทำธุรกิจครับ มันไม่ใช่เรื่องที่นั่งติดหรือไม่ติดที่นิครับ ? ” หยางโปพูดพร้อมยิ้ม ” การทำธุรกิจเป็นเรื่องธรรมชาติ ก็เหมือนกับคุณถางยังไงละครับ ในเมื่อฝั่งตรงข้ามคึกคักออกอย่างนั้น คุณก็ยังไม่ได้ไปเลยใช่ไหมละครับ ? “


คุณถางยิ้มออกมา ” เถ้าแก่ช่างมีความเชี่ยวชาญด้านการทำธุรกิจจริงๆนะครับ ! “


ในขณะที่พูด คุณถางก็ได้ยกนิ้วขึ้นมาชี้ไปฝั่งตรงข้าม ” จริง ๆ แล้ว ผมเองก็เคยไปฝั่งตรงข้ามมาแล้ว หลังจากที่เดินดูของไปบางส่วนแล้ว ก็พบว่าของฝั่งนั้นล้วนแล้วแต่เป็นของปลอมทั้งหมด ถ้าเป็นของจริงย่อมราคาแพงเกินขีดจำกัดกว่านี้อยู่แล้ว อีกอย่างของบางอย่างก็ยังมีจุดด่างพร้อยอีกด้วย “


หยางโปหัวเราะเหอเหอออกมา ” ผมยังไม่เคยไปดูของฝั่งตรงข้ามเลย ! “


 


คุณถางส่ายหน้า ” ถ้าทำธุรกิจเหมือนกับฝั่งตรงข้ามละก็ โลกใบนี้ก็คงจะวุ่นวายน่าดูเลยนะครับ ดังนั้นผมจึงยังมาร้านสืออี๋ถางแห่งนี้ เพราะอยากจะมาดูว่าร้านนี้ของเถ้าแก่มีของอะไรที่น่าซื้อบ้าง “


หยางโปชี้ไปบนตู้วางหนังสือ ” เชิญดูได้ตามสบายเลย ! “


คุณถางมองตามไปแวบหนึ่ง ด้วยความสงสัยเล็กน้อย ” ทั้งหมดนี้เป็นของจริงทั้งหมดเลยเหรอ ? “


หยางโปพยักหน้า ” ทั้งหมดนี้เป็นของจริงแท้แน่นอน ! “


คุณถางมองไปทางหยางโปด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็ยิ้มออกมา ” เป็นแบบนั้นจริงๆ ร้านขายของที่อยู่ฝั่งตรงข้ามไม่มีค่าพอที่จะต้องไปกังวลอะไรเลยซินะครับ ! “


เมื่อพูดจบ คุณถางก็เดินไปเลือกของอย่างละเอียดถี่ถ้วน


 


หยางโปก้มหน้าลงแกะสลักต่อ แต่ในใจกลับล่องลอยออกไปไกลแล้ว หวังว่าการจัดการของเขาจะประสบความสำเร็จ


สุดท้ายคุณถางก็เลือกภาพวาดดอกกล้วยไม้ขึ้นมา 1 ชิ้น นี่เป็นผลงานของจิตรกรเหวิน เผิงในราชวงศ์หมิง


” คุณถางช่างตาถึงมากจริงๆ ” หยางโปอดที่จะออกปากชื่นชมออกมาไม่ได้


คุณถางหยิบภาพวาดนั้นขึ้นมาวางบนโต๊ะ ” มันดียังไง ? “


หยางโปยิ้มแล้วพูดว่า ” ภาพวาดดอกกล้วยไม้ชิ้นนี้เป็นภาพวาดที่มีราคาสูงที่สุดในร้านของผม นึกไม่ถึงว่าผลงานชิ้นนี้จะถูกคุณถางเลือกออกมาเลยนะครับ ! “


 


คุณถางหัวเราะฮ่าฮ่าออกมา ” เถ้าแก่ก็พูดเป็นเล่นไป ภาพวาดอื่นๆล้วนแล้วแต่เป็นผลงานในสมัยราชวงศ์ชิงทั้งนั้น มีเพียงภาพนี้ภาพเดียวที่เป็นของราชวงศ์หมิงราคาก็เลยสูงขึ้นมาหน่อย อีกอย่างเหวิน เผิงก็ไม่ใช่จิตรกรที่มีชื่อเสียงโด่งดังอะไรด้วย เพียงแต่เพราะว่าพ่อของเขาเป็นคนที่มีชื่อเสียง จึงทำให้แสงสุขสกาวของเขาถูกปกคลุมไป “


เหวินเผิงเป็นลูกชายคนโตของเหวินเจิ้งหมิง ชำนาญด้านการวาดภาพ และชำนาญด้านการแกะสลักตราเป็นอย่างยิ่ง ได้รับการยอมรับว่าเป็นบรรพจารย์รุ่นบุกเบิกด้านการแกะสลักตราสัญลักษณ์ในราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง


หยางโปยิ้มออกมา ” งั้นคุณก็ตาถึงมากจริงๆ ภาพนี้ช่างงดงามดูเรียบๆ ไม่ฉูดฉาด โดดเด่นไม่เหมือนใคร ดูวิเศษเลิศล้ำมากจริงๆ ! “


 


คุณถางส่ายหน้า ” เอาละ เถ้าแก่ คุณไม่จำเป็นจะต้องยกยอปอปั้นขนาดนั้นกับผมขนาดนั้นก็ได้ จะให้ราคาผมเท่าไหร่ ? “


หยางโปยิ้มแล้วพูดว่า ” 1.8 ล้านหยวนครับ ! “


” แพงมาก ! ” คุณถางตื่นตกใจขึ้นมาทันที


….


ธุรกิจของฮ้าวซวนเก๋อนั้นดีมาก จนทำให้ซ่งห้าวซวนหยุดเดินไม่ได้เลยทีเดียว เขาซื้อคอมพิวเตอร์ที่ใช้ชำระเงินมาจากธนาคารโดยเฉพาะ ดูเหมือนตอนนี้เขาจะฉลาดปราดเปรื่องมากจริงๆ ในขณะที่มองไปยังลูกค้าที่อยู่ตรงหน้า เข้าก็อดที่จะด่าทอออกมาในใจไม่ได้ ทุกคนต่างก็โง่งมกันทั้งนั้น ของราคาถูกเหล่านี้ พวกเขายังอยากมาซื้อกันอีก มิน่าละฝั่งตรงข้ามถึงได้เปิดทำการต่อไปได้ ที่แท้ร้านขายของวัตถุโบราณก็สร้างกำไรมหาศาลแบบนี้นี่เอง !


 


ณ ช่วงเที่ยงวัน ร้านค้าที่คึกคักเมื่อสักครู่นี้ก็ไม่มีลูกค้าอีก


ซ่งห้าวซวนจึงซื้อข้าวมาจากข้างนอก และสร้างกำลังใจให้แก่ทุกคน ตัวเองถึงจะได้นั่งลง


ในตอนนั้นเอง ชายวัยกลางคนสวมใส่เสื้อจีนผ่าหน้าสีดำ กางเกงคลุมเท้า ใส่รองเท้าผ้าคนหนึ่งเดินเหยียบย้ำเข้ามา


ซ่งห้าวซวนมองพิจารณาของแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายใส่แหวนมรกตขนาดใหญ่วงหนึ่งบนนิ้ว นอกจากนี้บนหัวแม้โป้งก็ยังมีแหวนหยก บนข้อมือก็สวมใส่กำไลลูกประคำ บนคอห้อยหยกเจ้าแม่กวนอิมสีขาว และถือชามเซรามิคสีเหลืองอร่ามอยู่ในมือ เขาจึงได้ยิ้มออกมาแล้วกล่าวทักทายในทันที ” สวัสดีครับ ! “


ชายวัยกลางคนมองมาทางซ่งห้าวซวน ” สวัสดีเถ้าแก่ ! กำลังกินข้าวอยู่เหรอ ? ฉันไม่ได้มารบกวนการทานข้าวของพวกคุณหรอกใช่ไหม ? “


 


ซ่งห้าวซวนส่ายหน้า ” ร้านนี้เปิดเพื่อการค้าขาย จะเป็นการรบกวนได้ยังไงกันละครับ คุณต้องการอะไรเหรอครับ ? “


” ฉันอยากเอาชามนี้มาขาย เถ้าแก่เสนอราคามาได้เลย ! ” ชายวัยกลางคนพูดขึ้น


” หลาวหลิว นายมานี่ ! ” ซ่งห้าวซวนหันไปกวักมือเรียกชายแก่คนหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง


หลาวหลิวคืออาจารย์เนตรศักดิ์สิทธิ์ที่ซ่งห้าวซวนเชิญมาโดยเฉพาะ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถวิเคราะห์วัตถุโบราณได้ก็ตาม แต่เขาก็รู้ว่าภายในร้านจำเป็นต้องมีอาจารย์ที่มีความสามารถด้านการวิเคราะห์ด้วยสักคนหนึ่ง เหมือนกับเหตุการณ์ตรงหน้า ชามใบนี้จำเป็นต้องให้เขาเป็นคนวิเคราะห์ และอาจจะสามารถซ่อมแซมจุดรั่วไหลได้


 


จากการได้ยินข้อมูลของเขา แซ่หยางที่อยู่ฝั่งตรงข้ามคนนั้น สาเหตุที่เปิดร้านขายของได้ เป็นเพราะเขาสามารถซ่อมแซมรอยตำหนิได้อย่างนั้นเหรอ ?


อาจารย์หลิวนำชามใบนั้นวางลงบนโต๊ะ เขารู้สึกได้ถึงความกระวนกระวายใจของเถ้าแก่อยู่เงียบๆในใจ แต่หลังจากที่ใช้ทักษะไปประมาณ 3-5 นาที เขาสามารถกินข้าวไปตรวจไปได้ มาให้ตรวจสอบในเวลานี้ เขาก็ต้องกินข้าวนี่นา ?


อาจารย์หลิวเดินไป จากนั้นก็หยิบถ้วยเล็ก ๆสีอ่อนขึ้นมาจากโต๊ะ จากนั้นก็พลิกไปดูใต้ท้องถ้วย แล้วก็เห็นว่าเป็นชามที่ถูกสร้างขึ้นมาในสมัยจักรพรรดิกวังซวี่ในราชวงศ์ชิง บนตัวชามยังมีรูปมังกรขดตัวอยู่อีกด้วย มังกรที่ร่ายระบำไปมาเหล่านี้ ช่างดูดุร้ายและทรงอำนาจมากทีเดียว


 


อาจารย์หลิวถือว่าเป็นอาจารย์วิเคราะห์ที่อยู่ในระดับกลางในสายอาชีพนี้เลยก็ว่าได้ หลังจากที่เขามองดูไปสักครู่แล้ว ก็ไม่พบปัญหาใดๆ เขาจึงหมุนตัวแล้วเดินไปทางซ่งห้าวซวน ก่อนจะกระซิบข้างหูของเขาว่า


” ของจริงครับ เป็นชามลายที่ใช้กันในสมัยจักรพรรดิกวังซวี่ในราชวงศ์ชิง ! “


ซ่งห้าวซวนรีบแสดงสีหน้าปิติยินดีขึ้นมาทันที เขาเองก็รู้ว่าชามสีเหลืองสดใสแบบนี้ต้องเป็นของที่จักรพรรดิทรงใช้อย่างแน่นอน จึงอดที่จะถามอีกฝ่ายไม่ได้ว่า ” ชามใบนี้ของคุณ จะขายอยู่ที่เท่าไหร่ครับ ? “


ชายวัยกลางคนยิ้ม ” เถ้าแก่ คุณพูดผิดแล้วครับ คุณเป็นคนเสนอราคามา เรามาขายของ เพื่อให้ได้ราคาที่สูง ถนนสายนี้ ร้านไหนให้ราคาสูง เราก็ขายร้านนั้นแหละครับ ผู้เฒ่าเก๋อเราก็ไปมาแล้ว แต่ร้านนั้นมีของขายอยู่ไม่น้อยเลย โอกาสในการร่วมมือกันหลังจากนี้ก็น่าจะเยอะมากอีกด้วย !


 


เมื่อซ่งห้าวซวนได้ยินประโยคนี้ จึงได้เกิดความรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที ” ในเมื่อเป็นชามที่จักรพรรดิทรงใช้ งั้นก็ให้ 2 ล้านหยวน ! “


อาจารย์หลิวเดินกลับไป จากนั้นก็หยิบชามข้าวขึ้นมากำลังทำท่าจะกินต่อ เมื่อได้ยินว่า ” 2 ล้านหยวน ” สามคำนี้ เขาก็อึ้งงันขึ้นมาในทันที ราคานี้สูงเกินไปรึเปล่าเนี่ย !


ตอนที่ 315 ไม่ได้หายากอะไรเลย


อาจารย์หลิวกำลังจะยืนขึ้นขัดขวาง คิดไม่ถึงว่าชายวัยกลางคนตอบกลับมาด้วยใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความปิติยินดีว่า ” เยี่ยม ! เถ้าแก่ช่างตรงไปตรงมาจริงๆเลย ! “


ซ่งห้าวซวนเห็นอีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างตรงไปตรงมา จึงเกิดรู้สึกเสียใจภายหลังขึ้นมาทันที เขารู้ว่าราคาที่ตัวเองโพล่งออกไปนั้นสูงมาก ! เขาหมุนตัวแล้วมองไปทางหลาวหลิว เมื่อเห็นว่าเขากำลังนั่งกินข้าวอยู่ จึงเกิดความฉุนเฉียวขึ้นมาในใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


” 2 ล้านหยวนไม่ได้แล้วละ ! ” ซ่งห้างซวนพูดออกไปตามตรง


ชายวัยกลางคนอึ้งงันไปในทันที จากนั้นก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” เถ้าแก่ ราคานี้คุณเป็นคนเสนอให้ฉันเองนะ ตามกฎแล้ว มันทำแบบนี้ไม่ได้นะเถ้าแก่ ! “


 


อาจารย์หลิวรีบวิ่งออกไปทันที จากนั้นก็ดึงซ่งห้าวซวนเอาไว้ แต่ซ่งห้าวซวนกลับสะบัดมือออก แล้วสลัดตัวออกไป อาจารย์หลิวจึงขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยังพยายามพูดด้วยน้ำเสียงต่ำๆว่า ” กฎกติกาของสายงานนี้เข้มงวดมาก ในเมื่อเรารับของมาแล้ว ราคาที่เสนอออกไปไม่สามารถกลับคำได้ ถ้าคุณทำลายกฎกติกา ก็เท่ากับทำลายร้านของเราด้วย ทุกคนจะมาหัวเราะเยาะเราได้ ! “


ซ่งห้าวซวนขมวดคิ้ว เขาไม่เคยประกอบการสายอาชีพนี้มาก่อน แน่นอนว่ากฎกติกาในการค้าขายธุรกิจต้องล้วนแล้วแต่ชัดเจนแบบนี้ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าใบหน้าของอีกฝ่ายแสดงออกถึงการเหยียดหยามออกมา ส่งผลให้เขาก่อเกิดอาการโกรธเคืองขึ้นมาในทันที


ซ่งห้าวซวนเกิดความสับสนขึ้นมาทันที จึงอดที่จะพูดกับอาจารย์หลิวด้วยเสียงต่ำๆไม่ได้ว่า ” แล้วราคาจริงๆมันเท่าไหร่กันแน่ ? “


 


” ประมาณ 1.2ไม่ก็ 1.3 หยวน ” อาจารย์หลิวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากออกไป


” ได้ งั้นก็ 2 ล้านหยวน ! ” ซ่งห้าวหยวนตบโต๊ะขึ้นมาในทันที


ชายวัยหลางคนก็แสดงความกระตือรือร้นขึ้นมา เพียงแต่เขาได้นำพาความระแวดระวังปะปนมาในความกระตือรือร้นนั้นด้วย เพราะเขากลัวว่าซ่งห้าวซวนจะช่วงชิงของของเขาไป


ไม่นาน ทั้งสองฝ่ายก็ทำการเซ็นสัญญาการซื้อขายกัน ส่วนเงินจะถูกโอนเข้าไปในธนาคาร


ชายวัยกลางคนไม่ได้อยู่ที่นี่นาน เมื่อธุรกิจเสร็จสิ้นเขาก็จากไปในทันที


” อาจารย์หลิว ทำไมคุณถึงไม่เตือนผมเรื่องราคาของชามเซรามิคใบนี้ ? ” ซ่งห้าวซวนพูดขึ้น


 


อาจารย์หลิวมองไปทางซ่งห้าวซวนแวบหนึ่ง ” เถ้าแก่ ผมเห็นคุณและเขาพูดคุยกันเป็นอย่างดี ก็เลยคิดว่าคุณจะกดราคาลงไปอีก ที่ไหนได้คุณดันประมูลไปซะอย่างนั้น ? “


” ฉันจะประมูลหรือไม่ประมูล นายจะพูดออกมาไหมละ ? หลังจากวิเคราะห์เสร็จนายน่าจะบอกราคากับฉันก่อน ฉันจะได้เตรียมพร้อมเอาไว้ในใจ ในตอนเจรจากัน จะได้ระงับอารมณ์ลงไปได้บ้าง ! ” ซ่งห้าวซวนพูดตำหนิเสียงดัง


อาจารย์ที่นั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะมาโดยตลอด ดวงตาจ้องเขม็งไปทางชามข้าวด้านหน้าอย่างเหม่อลอย โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาตั้งใจหรือไม่ตั้งใจฟังกันแน่ ส่วนพนักงานอีกสามคนที่กำลังเก็บเงินชายวัยกลางคนก็ต่างพากันหยุดลงในทันที เมื่อได้ยินเสียงตำหนิของซ่งห้าวซวน ถึงแม้ว่าทุกคนจะรู้ว่าการประเมินในครั้งนี้จะไม่มีเหตุผลก็ตาม แต่ถึงยังไงซ่งห้าวซวนก็เป็นเถ้าแก่ !


 


เมื่อซ่งห้าวซวนเห็นว่าทุกคนต่างพากันตั้งอกตั้งใจฟัง จึงได้พยักหน้าอย่างพึงพอใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” เอาละ ต่อไปถ้ามีเรื่องอะไรจะต้องทำการรายงานฉันก่อนล่วงหน้า ทุกคนกินข้าวต่อเถอะ ! “


เพราะการตำหนิที่เข้มงวดของซ่งห้างซวน จึงทำให้ทุกคนต้องระมัดระวังตัวเองมากเป็นพิเศษ ในขณะที่กำลังกินข้าวอยู่นั้น ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาเลย แม้กระทั่งเสียงเคี้ยวข้าวก็ยังลดน้อยลงไปมากทีเดียว


หยางโปที่นั่งอยู่ในร้าน ดวงตากำลังจ้องเขม็งไปทางสถานการณ์ของฝ่ายตรงข้ามอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นชายวัยกลางคนเดินออกมามือเปล่า ใบหน้าจึงได้ปรากฏรอยยิ้มจางๆออกมา เขาเข้าใจในทันทีว่าเรื่องนี้ได้ผลแล้ว !


 


เสียงของลัวย่าวหัวดังเล็กลอดออกมาจากในโทรศัพท์ ” เป็นยังไงบ้าง ? เป็นยังไงบ้าง ? “


” สำเร็จแล้ว ! เขาออกมาแล้ว ไม่มีของอยู่ในมือด้วย อ่ะ ฉันเห็นสถานการณ์ของฝั่งตรงข้ามแล้ว ดูเหมือนว่าซ่งห้าวซวนจะแสดงอาการโกรธเคืองออกมาแล้วด้วย น่าจะกำลังสั่งสอนลูกน้องอยู่ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ ? ” หยางโปมองไปยังร้านฝั่งตรงข้ามด้วยความประหลาดใจ


” วางใจเถอะ ตราบใดที่ขายได้ก็ดีแล้ว ฉันจะทำตามสิ่งที่นายพูด เสนอราคาต่ำให้แก่เขา เราไม่มีทางขาดทุนอย่างแน่นอน ! ” ลัวย่าวหัวพูดขึ้น


หยางโปพยักหน้า ” ขาดทุนไม่มีทางอย่างแน่นอน เอาตามที่เสนอราคาให้เขา ที่เหลือก็เป็นกำไร “


” จริงสิ นายซื้อชามเซรามิคชิ้นนั้นมาเท่าไหร่ ? ” ลัวย่าวหัวถามขึ้นด้วยความอยากรู้


 


หยางโปหัวเราะคิกคักก่อนจะตอบกลับไปว่า ” 5 แสนหยวน ! “


” เชี้ย นายนี่มันโคตรเจ๋งเลย ! ” ลัวย่าวหัวพูดออกมาด้วยความตกใจ


ไม่นาน หยางโปก็ได้ยินเสียงโห่ร้องด้วยความตกใจดังขยายออกมาจากอีฝ่าย ” อะไรนะ ? ขายไปได้ 2 ล้านหยวน ! “


หยางโปตื่นตกใจตาม เงินจำนวนมหาศาลก่อนหน้านี้ อย่างน้อยก็ถึงกำไรครึ่งปีหลังของฝ่ายตรงข้ามแล้ว!


….


 


ซ่งห้าวซวนไม่เกิดความสงสัยเลยว่าเซรามิคลายในมือชิ้นนี้มีราคาสูงมาก อีกทั้งยังเป็นสิ่งของที่จักรพรรดิทรงใช้มาอีกด้วย นี่จึงทำให้เขารู้สึกฮึกเหิมคึกคักขึ้นมาทันที เขานำเซรามิคลายนี้ห่อเอาไว้ จากนั้นก็นำใส่กล่องด้วยความครื้นเครงใจ


เขาเดินมาข้างกายของพนักงานชำระเงินเสี่ยวหยู้ ก่อนจะถามเธอว่า ” ตั้งแต่เราเปิดร้านตอนเช้ามาเราขายไปได้เท่าไหร่ ? “


” ตอนเช้าขายไปได้ 170,000 หยวนคะ ! “


 


ซ่งห้าวซวนยิ่งตื่นเต้นขึ้นไปใหญ่ เมื่อวานทั้งวันขายได้ 300,000 กว่าหยวน ถึงต่อมามันจะลดลงก็ตาม แต่อัตราส่วนก็น่าจะอยู่มีประมาณ 200,000 หยวน เมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าเราเปิดร้านไปตลอด 1 ปีก็จะมีเงินอยู่ที่ 70 ล้านหยวน ถ้านำกำไร 7 ส่วน ออกมาคิด เขาจะได้กำไรอย่างน้อย 50 ล้านหยวนเลยทีเดียว !


สายอาชีพนี้สร้างกำไรมหาศาลแบบนี้นี่เอง ซ่งห้าวซวนรู้สึกว่าตัวเองเกิดรักในอาชีพนี้เข้าแล้ว ถึงเขาจะไม่ได้รับการสืบทอดกิจการต่อ แต่เขาก็ยังสามารถเสพสุขความสบายไปได้ตลอดชีวิตอยู่ดี !


เมื่อนึกถึงชายชราในบ้านที่มาได้ยินเรื่องแผนการของเขา แล้วควักเงินแค่ 5 ล้านออกมาแถมยังขี้งกราวกับพ่อไก่ขนเหล็กยังไงอย่างนั้น เขารู้สึกขาดทุน ถ้ามีเงินทุนอยู่ในมือมากอีกสักหน่อย เขาจะสร้างเงินอีกได้มากมายแค่ไหนกัน ?


 


เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ ซ่งห้าวซวนก็อุ้มกล่องเดินขึ้นไปบนตึก จากนั้นเขาก็โทรศัพท์หาชายชราคนนั้น เพื่อขอเงินเพิ่มขึ้น เขาต้องได้ครอบครองทะเลสีครามผืนนี้ !


หยางโปโทรศัพท์ไปหาลัวย่าวหัวอีกครั้ง ซึ่งลัวย่าวหัวกำลังตื่นเต้นจนควบคุมตัวเองไม่อยู่


” นายไปหาการซื้อขายมา นายเป็นคนเสนอของปลอมมา ฉันจะไปหาคน เราต้องร่วมมือกันและกัน จะได้สร้างเม็ดเงินที่มหาศาลมากกว่านี้อีก ! “


หยางโปพยักหน้า ” เงินนี้ได้มาอย่างง่ายดาย “


” นายวางใจเถอะ นอกจากเงินมูลค่า 100,000 หยวนที่จ่ายออกไปแล้ว เราที่เหลือก็ยังมีอีกคนละครึ่ง ! “


ลัวย่าวหัวพูดขึ้น ซึ่งในระหว่างนั้นเขาก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้


 


” ซ่งห้าวซวนมีฐานะอะไรกันแน่ ? “หยางโปเอ่ยถามขึ้น


ลัวย่าวหัวอึ้งงันไป ” ไม่มีฐานะอะไรนิ ! “


” นี่มันก็หลายวันเข้าไปแล้ว ฉันเชื่อว่านายน่าจะหาข้อมูลมาได้แล้วนะ เขามีฐานะอะไรกันแน่ นายต้องน่าจะรู้อย่างชัดเจนแล้วนะ ! ” หยางโปพูด


ลัวย่าวหัวเกิดความสงสัยขึ้นมาทันที เขาค้นหาข้อมูลมาปล้วแน่นอน เพียงแต่เขาเอาแต่ดีใจอยู่ ก็เลยคิดว่า


หยางโปไม่น่าจะเอ่ยปากถาม ดังนั้นจึงไม่ได้พูดออกไป


” นายพูดมา ฉันรอฟังอยู่ ! ” หยางโปพูด


 


ลัวย่าวหัวกัดฟันกรอด ” เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของนาย เป็นลูกชายของน้องชายภรรยาของชุยซื่อหยวน เพราะชุยซื่อหยวนไม่มีทายาท เขาจึงรับเลี้ยงซ่งห้าวซวนมาเลี้ยงดู จากความคิดของภรรยาของชุยซื่อหยวน เธออยากจะให้ซ่งห้าวซวนสืบทอดมรดกของต้นตระกูลของชุยซื่อหยวน ! นี่เป็นแรงต่อต้านในความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกที่ยังอยู่ !


” ความสัมพันธ์พ่อลูกอะไร ? ลัวย่าวหัว นายไม่ต้องสนใจหรอก ! หยางโปพูดขึ้นด้วยความโกรธเคือง


” อย่า นายอย่าเพิ่งโกรธ ฉันไม่ได้บอกนาย เพราะกลัวว่านายจะโกรธ ” ลัวย่าวหัวยิ้มพร้อมพูดขึ้น


หยางโปขมวดคิ้ว ” ช่วงชิงทรัพย์สินของครอบครัว ? รับมรดกตกทอด หรือว่าเขายังต้องการจะสืบทอดอะไรอีก ? “


 


” ถึงยังไงชุยซื่อหยวนก็อยู่ในตำแหน่งที่สูง มีของที่ไม่เคยเห็นและจับต้องไม่ได้ แต่การมีอยู่ของของเหล่านี้ จะต้องมีการพัฒนาในอนาคตอย่างแน่นอน “


” ฉันไม่ยอมให้มันง่ายขนาดนั้นหรอก ! “


ตอนที่ 316 ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน


เงินที่อยู่ในมือของซ่งห้าวซวนถูกใช้ออกไปจนเกือบหมดแล้ว แล้วยิ่งเขาเพิ่งจะทำการซื้อชามเซรามิคลายมูลค่า 2 ล้านหยวนไปก่อนหน้านั้นอีกด้วย เงินทุนในมือของเขาจึงเหลืออยู่ไม่มากแล้ว เมื่อคิดได้ว่าต่อไปอาจจะมีผู้ขายเข้ามาเยี่ยมชมในร้านอีก เขาก็ไม่ยอมเสียโอกาสเพียงเพราะไม่มีเงินอย่างแน่นอน ดังนั้น เขาจึงได้โทรศัพท์ไป


เมื่อทำการสาธยายถึงคุณประโยชน์และผลเสียที่เกิดขึ้น ซ่งห้าวซวนได้นำกำไรที่ได้ตั้งแต่เปิดกิจการมา 2 วันนี้บอกเล่าออกไป ส่งผลให้พ่อของเขาตื่นตกใจไปในทันที ไม่นาน เงินทุนกว่า 10 ล้านหยวนก็โอนเข้าบัญชีของซ่งห้าวซวน !


ซ่งห้าวซวนยืดตัวตรง เขาคิดว่าภูมิหลังและศักยภาพของตัวเองจะสามารถทำให้ตัวเองเดินเข้าไปในโรงประมูลจินหลิงชุนในเมืองได้ !


 


วันที่สอง ในขณะที่หยางโปกำลังนั่งแกะสลักอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่มาหยุดลงตรงหน้าของตัวเอง เขาจึงเงยหน้าขึ้นเหมือนที่ทำทุกที ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” อยากได้วัตถุโบราณ เชิญเลือกได้ตามสบายเลยครับ ! “


” ฉันอยากได้ของที่อยู่ในมือนาย ! “


มือของหยางโปไถลลื่น จนเกือบจะทำลายการแกะสลักนั้นทันที เขาเงยหน้าขึ้นมอง ” ชุยอี้ผิง นายมาได้ยังไง ? นายเรียนอยู่ไม่ใช่เหรอ ? “


” ฉันเป็นนักสเก็ตช์ภาพธรรมชาติระดับประเทศเลยนะ ! ” ชุยอี้ผิงยิ้มออกมา


หยางโปก้มหน้าทำตัวไม่ว่างอีกครั้ง เพราะเขารู้สึกว่าการมาของชุยอี้ผิงในครั้งนี้ต้องไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน ” สเก็ตช์ภาพธรรมชาติระดับประเทศ ฟังดูแล้วรู้สึกไม่เลวเลยนะ ! “


 


ชุยอี้ผิงหัวเราะฮ่าฮ่า ออกมา ” ในเมื่อนายเรียนแกะสลักมา ก็อย่ามาปิดประตูสร้างเกวียนเลย ออกไปเดินเล่นสักหน่อย เถอะ เผื่อว่าฝีมือการแกะสลักอาจจะคล่องมากขึ้นก็ได้นะ ! “


หยางโปพยักหน้า ” ถ้ามีเวลาฉันจะออกไปแน่นอน ! “


ชุยอี้ผิงนั่งลง ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” ฉันเห็นร้านขายวัตถุโบราณเปิดใหม่ตรงข้ามนายอยู่ร้านหนึ่ง เป็นยังไงบ้าง ? สร้างผลกระทบให้แก่ร้านนายบ้างไหม ? “


หยางโปหยุดแกะสลักลง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นไปมองชุยอี้ผิง เขาไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะไม่รู้ว่าร้านขายของนั้นเป็นของใคร แต่เขาก็ยังตอบกลับไปว่า ” ก็ดี “


 


ชุยอี้ผิงยิ้มเล็กน้อย ” ฉันเองก็เพิ่งจะได้ยินข่าวมา จึงได้รีบร้อนตรงมาที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่เลย นายวางใจเถอะ เดี๋ยวช่วงบ่ายร้านฮ้าวซวนเก๋อก็ปิดแล้ว ! “


เมื่อพูดจบ ชุยอี้ผิงก็หมุนตัวเดินจากไป


” เดี๋ยวก่อน ! ” หยางโปรีบเรียกอีกฝ่ายเอาไว้ เขารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า ชุยอี้ผิงต้องสั่งให้ซ่งห้าวซวนปิดร้านอย่างแน่นอน มันมีโอกาสเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะปิดร้านเพื่อหลีกเลี่ยงการล่วงเกินต่อชุยซื่อหยวน แต่เป้าหมายของเขาไม่หยุดลงแค่นี้แน่ๆ


” ช่างเถอะ ร้านขายวัตถุโบราณฝั่งตรงข้ามไม่ได้สร้างผลกะทบอะไรต่อฉัน และไม่ได้สร้างผลกระทบต่อธุรกิจค้าขายของสืออี๋ถางอะไรเลย นายวางใจเถอะ ” หยางโปพูด


 


ชุยอี้ผิงมองกลับมา ” นายแน่ใจ ? “


” นายลองอยู่ที่นี่สักสองวันเดี๋ยวนายก็รู้เอง ที่ของฉันกว้างขวางมาก อย่างน้อยก็สามารถวางกระดานวาดรูปได้แผ่นหนึ่งเลยนะ ! ” หยางโปพูด


ชุยอี้ผิงเกิดความสงสัยเล็กน้อย จากนั้นก็หันหน้าไปมองหยางโป แล้วก็เห็นว่าใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความมั่นใจไม่ตัวเอง เขาจึงเกิดความอยากรู้ขึ้นมาในจิตใจ ก่อนจะพยักหน้ายอมรับ แล้วพูดว่า ” ก็ดี แต่ถ้านายประคับประคองต่อไปไม่ไหวจริงๆ ก็รีบบอกฉันก็แล้วกัน ! “


หยางโปยิ้ม ” ธุรกิจขายวัตถุโบราณไม่ได้แข่งขันกันเพียงแค่ชั่วข้ามคืน ถึงจะประเดิมเปิดร้านมา 3 ปี ฉันก็ไม่มีทางหิวจนตาย ! “


 


ชุยอี้ผิงยิ้ม โดยไม่พูดอะไร


ต่อจากนั้น ชุยอี้ผิงก็นั่งลงวาดภาพภูเขาและแม่น้ำในร้านของหยางโปต่อจริงๆ ส่วนหยางโปก็นั่งแกะสลักต่อไป


ในช่วงเที่ยง ชายวัยกลางคนคนนั้นได้เข้าไปในร้านฮ้าวซวนเก๋ออีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ในมือของชายวัยกลางคนนั้นได้ถือภาพวาดภาพหนึ่งเดินเข้าไป


หยางโปมองไปทางชายวัยกลางคนที่เดินเข้าไปคนนั้น โดยไม่พูดอะไร


ไม่นาน ชายวัยกลางคนนั้นก็เดินออกมาด้วยมือเปล่าอีกครั้ง พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม


เบอร์โทรศัพท์ของลัวย่าวหัวก็โทรเข้ามาติดๆ หยางโปมองไปทางด้านชุยอี้ผิงแวบหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินออกไป


 


” ฮ่าฮ่า ครั้งนี้เราได้เงินมหาศาลเลยทีเดียว ภาพวาดของต่งฉีชางถูกขายไปในราคา 8 ล้านหยวน ! “


หยางโปเพิ่งจะกดรับโทรศัพท์ได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงแห่งความดีใจของลัวย่าวหัวดังออกมาในทันที


หยางโปเองก็ตื่นเต้นดีใจไม่แพ้กัน ภาพนี้คือภาพที่เขาเสนอออกไป เพียงแต่ภาพนี้เป็นของลอกเลียนแบบในช่วงยุคกลางของราชวงศ์ชิง มีมูลค่าอยู่ที่ 2 แสน-3 แสน แต่ตอนนี้ถูกขายไปในราคา 8 ล้านหยวน ช่างเป็นตัวเลขทางดาราศาสตร์จริง ๆ !


” คนที่นายหามาพึ่งได้ไหม ? ” หลังจากหยางโปยิ้มออกมา ก็นึกถึงการจัดการผลที่ตามมาได้


ลัวย่าวหัวพับเช็คเงินก่อนจะพูดขึ้นว่า ” นายวางใจเถอะ เขาเปลี่ยนอาชีพแล้ว กำลังจะไปทำงานในจุดที่สูงที่สุดของโลกแล้วละ ! “


 


หยางโปตื่นตกใจ แต่ก็วางใจลง ” ดี ! เงินส่วนหนึ่งที่ต้องให้ครอบครัวมีจำนวนไม่น้อยเลย ให้เพิ่มอีกนิดก็ไม่น่าจะเป็นอะไร ยังไงก็ต้องให้เขาจากไปโดยเร็ว และต้องปิดปากเขาเอาไว้ ! “


ลัวย่าวหัวตื่นตกใจเป็นอย่างมาก ” ต่อไปเราจะไม่ทำกันอีกแล้วใช่ไหม ? “


หยางโปส่ายหน้า ” ไม่สามารถทำได้แล้ว ถึงจะบอกว่าเรื่องนี้รู้กันไม่เกิน 3 คนก็ตาม แต่จะรู้ได้ยังไงว่าเรื่องนี้จะไม่มีวันรั่วไหล ? ให้เขาไปตอนนี้ แล้วอย่าให้เขานั่งรถประจำทางโดยเด็ดขาด อำพรางตัวเขาอย่างระมัดระวังด้วย ! “


” นายวางใจเถอะ ฉันจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้เลย ! ” ถึงแม้ว่าลัวย่าวหัวจะรู้สึกเสียดายอยู่ภายในใจ เพราะเดิมทีเขาตั้งใจจะทำแบบนี้อีกสักหน่อย แต่ในเมื่อหยางโปพูดแบบนี้ เขาก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรอีก


 


เมื่อกลับเข้าไปในร้าน ชุยอี้ผิงก็วาดภาพภาพเสร็จพอดี เขายืนจ้องมองภาพตรงหน้านั้นจากที่ไกล ๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” ธุรกิจนายไม่ดีเหรอ ? ธุรกิจค้าขายฝั่งตรงข้ามยังคงรุ่งเรืองมากขนาดนั้น ! “


” ฉันยังขอยืนยันประโยคเดิม เปิดร้านช่วงแรกก็เหมือนกับไม่เปิด เปิดร้านมาสามปีก็เหมือนกับมีข้าวกินอยู่ตลอดเวลา ! ” หยางโปพูด


เขาเองก็ไม่สามารถอธิบายโดยละเอียดได้ เวลาล่วงเลยผ่านไป เขาก็ได้ล้วงเอาเงินในกระเป๋าจากฝ่ายตรงข้ามมาได้เป็นกอบเป็นกำแล้ว


ชุยอี้ผิงมองไปทางอีกฝ่ายแวบหนึ่ง โดยที่ไม่พูดอะไรออกมาอีก


 


เมื่อถึงตอนพลบค่ำ หยางโปก็นำสัตว์ที่แกะสลักไว้ไปวางเอาไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็ยืดแขนขาบิดตัวด้วยความเกียจคร้าน แต่แล้วก็เห็นว่าซ่งห้าวซวนเดินเข้ามาในร้าน พลางพูดขึ้นว่า ” เถ้าแก่หยาง เป็นยังไงบ้างครับ ? เราจะคอยดูกันและกัน แต่ทำไมฉันรู้สึกว่าธุรกิจค้าขายของสืออี๋ถางไม่ค่อยจะได้อะไรเลยละ ? “


หยางโปมองกลับไป ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม ” เถ้าแก่ซ่ง นายใช้ของปลอมมาแอบอ้างว่าของจริงมาขาย การกระทำแบบนี้ไม่ช้าก็เร็วเดี๋ยวก็ถูกจับได้ ความรุ่งเรืองของฮ้าวซวนเก๋อคงจะยืนหยัดอยู่ได้ไม่นานหรอกครับ รอให้ถึงเวลานั้น หวังว่านายคงจะยังพูดแบบนี้ได้อีกนะครับ ! “


ซ่งห้าวซวนหัวเราะเย้ยยันออกมา ” นายไม่ต้องมาพูดจาเหลวไหล เพื่อทำลายชื่อเสียงของฮ้าวซวนเก๋อ


หรอก ! เถ้าแก่หยาง เชื่อฉันสิ สืออี๋ถางต้องได้ปิดตัวลงอย่างแน่นอน ! “


 


” เถ้าแก่ซ่ง ช่วยเชื่อผมหน่อยเถอะครับ ฮ้าวซวนเก๋อไม่สามารถขายดีแบบนี้ไปได้ทุกวันหรอก ! ” หยางโปพูด


ซ่งห้าวซวนก็ไม่ได้สนใจ เขาหันกลับไปมอง แต่เมื่อเห็นว่ามีกระดานวาดรูปวางอยู่ภายในร้าน เขาก็เดินไป จากนั้นก็ยืนมองอยู่ชั่วครู่ แล้วก็ยิ้มออกมา ” น่าขำจริงๆ นึกไม่ถึงว่าเถ้าแก่หยางจะวาดรูปได้แย่ขนาดนี้ ฝีมือเหมือนกับเด็กนักเรียนเลย ! “


ชุยอี้ผิงที่ออกไปล้างมือแล้วกลับมา ก็ได้ยินประโยคนี้พอดี ใบหน้าของเขาแข็งทื่อไปในทันที ” ถ้านายพูดไม่เป็นก็ไม่ต้องพูด ! “


” นี่ไม่ใช่เรื่องของนาย ! ” ซ่งห้าวซวนเอ่ยปากโดยที่ไม่ได้หมุนตัวหันกลับไปมอง


” นายบอกว่าไม่ใช่เรื่องอะไรของฉันใช่ไหม ? ” ชุนอี้ผิงเดินเข้าไป แล้วไปหยุดอยู่ด้านหลังของซ่งห้าวซวน


 


ในตอนนั้นเองที่ซ่งห้าวซวนรู้สึกว่ามันมีบางอย่างไม่ถูกต้อง เขาจึงหมุนตัวกลับมามอง แล้วก็เห็นชุยอี้ผิง กำลังหัวเราะเยาะเย้ยอยู่ ” ที่แท้ของพี่ผิงนี่เอง พี่มาที่นี่ได้ยังไงครับ ? “


ชุยอี้ผิงถลึงตาใส่ซ่งห้าวซวน ” ฉันจะอยู่ที่ไหน ต้องรายงานนายด้วยเหรอ ? “


” ไม่ ไม่ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เพียงแค่อยากรู้นิดหน่อยก็เท่านั้นเอง ” ซ่งห้าวซวนรีบโบกมือไปมาทันที ” ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว พี่น่าจะยุ่งอยู่ งั้นผมของตัวกลับก่อนนะครับ “


เมื่อพูดจบ ซ่งห้าวซวนก็หนีออกไปราวกับหมาจนตรอกในทันที !


ตอนที่ 317 โอบล้อม


ซ่งห้าวซวนวิ่งออกมาจากร้านสืออี๋ถางด้วยความตื่นตกใจอยู่ภายในใจ เพราะเขาคิดไม่ถึงว่าชุยอี้ผิงจะมาถึงที่นี่ได้ และก็ไม่รู้ด้วยว่ามาถึงกี่วันแล้ว ถ้าชุยอี้ผิงมาถึงที่นี่ได้ละก็ งั้นก็บ่งบอกได้อย่างชัดเจนอยู่แล้วว่า ชุยซื่อหยวนรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน !


ซ่งห้าวซวนเกิดความรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาอยู่ภายในใจ เขารีบโทรศัพท์ไปบอกเรื่องนี้กับหลีหมิ่นทันที


หลีหมิ่นกลับยังคงสงบนิ่ง ” ไม่เป็นไร นายก็ทำงานต่อไป เราทำธุรกิจค้าขายไปปกตินั้นแหละ ดูสิใครจะสำเร็จก่อนกัน ? “


เมื่อซ่งห้าวซวนได้ยินประโยคนี้ จึงได้วางใจลงทันที ” คุณป้า ผมรู้อยู่แล้วป้าเก่งที่สุด ! “


….


 


ชุยอี้ผิงมองไปทางหยางโป ” คุณอารู้เรื่องนี้แล้ว ที่เขาให้ฉันมา ก็เพื่อจัดการเรื่องนี้นี่แหละ เอาแบบนี้ไหม พรุ่งนี้ฉันจะไปคุยกับเขาว่าให้เขาไปไกลกว่านี่หน่อย “


หยางโปส่ายหน้า ” ไม่เป็นไร เรื่องนี้นายไม่ต้องเข้ามาแทรกแซงหรอก ฉันจัดการได้ อีกอย่าง ธุรกิจค้าขายของสืออี๋ถางก็ไม่เหมือนกับที่นายคิดเอาไว้อีกด้วย “


ชุยอี้ผิงอ้าปากทำท่าจะพูดบางอย่างออกไปมากกว่านี้ แต่กลับถูกหยางโปยื่นมือออกไปขวางเอาไว้ ” นายวางใจเถอะ “


….


 


วันที่สอง ในตอนที่ชุยอี้ผิงเดินมาถึงปากทางของร้านสืออี๋ถางนั้น เขาก็ต้องอึ้งงันไปในทันที เขารู้สึกว่าบนถนนเส้นนี้แออัดเบียดเสียดมากเป็นพิเศษ เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นว่าหน้าร้านของสืออี๋ถางเต็มไปด้วยกลุ่มคนจำนวนมากเลยทีเดียว !


ชุยอี้ผิงตื่นตกใจเป็นอย่างมาก จากนั้นก็รีบเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว ไม่นาน เขาก็พบว่าทิศทางที่กลุ่มคนเหล่านี้ล้อมรอบอยู่นั้นไม่ใช่สืออี๋ถาง แต่กลับเป็นร้านฮ้าวซวนเก๋อที่อยู่ตรงข้ามกับร้านสืออี๋ถาง !


เมื่อเดินเข้าไปในร้านสืออี๋ถาง ก็เห็นว่าหยางโปกำลังนั่งแกะสลักอยู่ในนั้นอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าไม่ได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมภายนอกอะไรเลย ชุยอี้ผิงจึงอดที่จะถามขึ้นไม่ได้ว่า ” ฝั่งตรงข้ามมีเรื่องอะไรกันเหรอ ? “


 


หยางโปยิ้มเล็กน้อย ” นายก็ฟังดูสิ “


ชุยอี้ผิงตั้งอกตั้งใจฟัง และได้ยินเสียงโห่ร้องตะโกนเข้ามาจากด้านนอกว่า ” คืนเงินฉันมาเลย ! ” ” ถล่มไอ้พวกลวงโลก ! “


ชุยอี้ผิงไม่เข้าใจ ” มันหมายความว่าอะไร ? “


” เพราะร้านฮ้าวซวนเก๋อขายแต่ของปลอมยังไงละ แล้วคนจำนวนมากเหล่านั้นต่างเสียเงินซื้อของปลอมไป พวกเขาจึงคิดว่าฮ้าวซวนเก๋อนั้นหลอกลวงพวกเขา ดังนั้นจึงออกมาประท้วงสิทธิที่ไม่ชอบธรรมนี้ ” หยางโปพูดขึ้นโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา


 


” ไหนบอกว่าเป็นธุรกิจในแวดวงวัตถุโบราณไง หากวิเคราะห์อย่างละเอียดแล้วไม่จำเป็นต้องคืนสินค้าไม่ใช่เหรอ ? ในเมื่อทำธุรกิจค้าขายไปแล้ว ทำไมยังมาเรียกร้องขอคืนสินค้าอีกละ ? ” ชุยอี้ผิงพูด


” จากที่พูดมา กฎกติกาเก่าก็เป็นแบบนี้แหละ แต่กฎกติกาเก่าเหล่านี้ไม่ได้สอดคล้องกับกฎหมายนะ ถ้ามีคนมาโวยวายมากเกินไป นายคิดว่าสิ่งที่ต้องจัดการคืออะไร ? ” หยางโปเงยหน้ามองออกไป


ชุยอี้ผิงก็อึ้งงันไป เขาเข้าใจว่ามันหมายความว่าอะไร ถ้าด้านนอกไม่สลายตัวไป ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะต้องร้ายแรงมากอย่างแน่นอน และอาจจะถึงขั้นจับตัวซ่งห้างซวนออกมาเลยทีเดียว ชุยอี้ผิงตื่นตกใจขึ้นมาทันทีเขาหันกลับไปมองหยางโป ก่อนถามขึ้นว่า ” นายจะเข้าร่วมด้วยไหม ? “


หยางโปส่ายหน้า ” เรื่องแบบนี้ ถ้าฉันเข้าร่วมด้วยก็เท่ากับว่ามือของฉันก็สกปรกไปด้วยนะสิ ! “


 


เมื่อพูดจบหยางโปก็หัวเราะเสียงเย็นชาออกมา เขารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า เรื่องนี้ไม่ช้าก็เร็วยังไงมันก็ต้องระเบิดออกมาอยู่ดี ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจ และปล่อยให้อีกฝ่ายดำเนินการต่อไป เพียงแต่ว่าเขานึกไม่ถึงว่าการโอบล้อมนี้จะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้ก็เท่านั้น !


เดิมทีหยางโปคิดว่าจะเกิดปรากฏการณ์การโอบล้อมขนาดเล็กเพื่อเรียกร้องขอคืนสินค้าเท่านั้น ซึ่งซ่งห้าวซวนย่อมปฏิเสธได้ แต่หลังจากนั้นเรื่องนี้กลับขยายเป็นวงกว้างอีกครั้ง เรื่องนี้จึงเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการเอาไว้ มันไม่ได้เกิดจากการบ่มเพาะ แต่มันเกิดจากการระเบิดออกมาอย่างฉับพลัน


แต่เหตุการณ์นี้ก็บ่งบอกได้ถึงปัญหาอย่างหนึ่ง ร้านฮ้าวซวนเก๋อนั้นขายของปลอมหลอกลวงผู้บริโภคเป็นเรื่องที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเป็นอย่างมาก


 


ชุยอี้ผิงมองไปทางหยางโป โดยไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะหมุนตัวแล้วนำสิ่งของของตัวเองจัดแจงวางลงให้เรียบร้อย แล้วเริ่มวาดภาพในทันที


เพียงแต่ว่าสภาพจิตใจของชุยอี้ผิงในวันนี้ไม่ดีเท่าที่ควร เขาจึงได้เงยหน้าขึ้นแล้วมองออกไปยังฝั่งตรงข้ามอยู่ตลอดเวลา


คนข้างนอกยังคงตะโกนโห่ร้องกันอย่างต่อเนื่อง ไม่นานตำรวจก็มาถึง แต่ทุกคนก็ยังพยายามจะเข้าไปในร้านเพื่อเรียกร้องขอคืนสินค้า ทำให้ตำรวจเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไป


เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับ หยางโปจึงทำการปิดประตูร้านตั้งแต่วินาทีแรก แต่ในตอนที่เขากำลังจะปิดประตูร้านอยู่นั้น ชายชราคนหนึ่งกลับวิ่งเข้ามา แล้วพูดกับหยางโปว่า ” ฉันขอเข้าไปหลบหน่อยได้ไหม ? ข้างนอกหนาวจะตายอยู่แล้ว “


 


หยางโปชำเลืองมองไปแวบหนึ่ง แล้วก็เห็นว่าในมือของเขากำลังถือแจกันลายครามใบหนึ่ง หยางโปเกิดความลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยังพยักหน้า ” ได้ครับ “


ชายชราจึงเดินตามเข้าไปในร้าน จากนั้นหยางโปก็ได้ปิดประตูลง พร้อมกับทำการล็อคจากด้านใน


กลุ่มคนที่ยังคงฮึกเหิมอยู่ด้านนอก ต่างก็พากันส่งเสียงโห่ร้องประท้วงกันดังมากขึ้นเรื่อยๆ


” คืนเงินที่แลกมาด้วยหยดเลือดและหยาดเหงื่อมา ฉันต้องการคืนสินค้า ! “


” ร้านฮ้าวซวนเก๋อหลอกลวงผู้บริโภค เอาของปลอมหลอกว่าเป็นของแท้มาขายให้แก่ผู้บริโภค เราต้องการคืนสินค้า ! “


” เถ้าแก่ร้านฮ้าวซวนเก๋อสารเลว รีบเอาของของแกคืนไป ! “


 


….


เมื่อหยางโปได้ยินเสียงตะโกนโห่ร้องแบบนี้ ก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้


ชายชราที่เดินตามเข้ามาในร้านกลับอดที่จะยิ้มออกมาด้วยความลำบากใจไม่ได้ แจกันลายครามที่อยู่ในมือของเขาถูกวางลงบนโต๊ะ ก่อนจะหันไปพูดกับหยางโปว่า ” เถ้าแก่ นายคิดว่าเครื่องลายครามชิ้นนี้ราคาเท่าไหร่ ? “


เมื่อหยางโปนั่งลง จากนั้นก็มองไปทางชายชราคนนั้น ก่อนจะส่ายหน้าแล้วพูดว่า ” ซื้อจากฝั่งตรงข้ามมาใช่ไหมครับ ? “


ชายชราพยักหน้า ” ใช่ “


 


หยางโปกลับส่ายหน้า ” ผมขอบอกให้คุณรอผลลัพธ์จากฝั่งตรงข้ามดีกว่าครับ ส่วนแจกันใบนี้ในมือของคุณถือว่าไม่เลวเลย “


ชายชรามองไปทางหยางโป ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” งั้น คุณจะเสนอราคามาเท่าไหร่ ฉันจะขายให้คุณดีไหม ? “


หยางโปกลับแสดงอาการเบื่อหน่ายออกมาแทน ” คุณลุงครับ เราอย่าคุยเรื่องนี้ดีกว่านะครับ คุณขายไม่ได้ ผมก็ซื้อไม่ได้ ดังนั้นเรื่องต่อรองราคา เราอย่ามาพูดกันเลยจะดีกว่านะครับ “


คนที่ยืนอยู่ด้านข้างปิดปากเงียบไร้ซึ่งเสียงใดๆ เขาพอจะเดาออกว่าในเวลานี้ ทุกคนต่างก็ต้องการหลีกเลี่ยงประตูตรงข้าม และหลบหลีกความวุ่นวาย


 


เมื่อผ่านไปสักพักใหญ่ ชายชราคนนั้นก็เดินมาตรงหน้าชั้นวางสินค้าของหยางโป จากนั้นก็ทำการดูสินค้าอย่างละเอียดถี่ถ้วน


หยางโปขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้พูดอะไรออกมา


ชุยอี้ผิงเองก็เกิดความเบื่อหน่าย เขามองไปทางชายชราคนนั้นก่อนพูดขึ้นว่า ” คุณลุง ทำไมคนพวกนั้นถึงได้เยอะมากมายขนาดนี้ คนเหล่านั้นต่างก็ต้องการคืนสินค้ากันหมดเลยเหรอครับ ? “


ชายชราส่ายหน้าด้วยความลำบากใจ ” ฉันก็ไม่รู้แน่ชัดหรอก แจกกันใบนี้ของฉันถูกซื้อมาเมื่อ 2 วันก่อน เมื่อวานฉันเลยเชิญเพื่อนคนหนึ่งของฉันมาช่วยทำการวิเคราะห์ แต่เพื่อนกลับบอกว่าฉันถูกหลอกเข้าแล้ว นี่ไม่ใช่เครื่องลายครามของซูสีไทเฮา แต่เป็นของลอกเลียนแบบขึ้นมาเท่านั้น ! “


 


” เช้าวันนี้ ฉันเลยไปออกกำลังกายในสวนสาธารณะ และก็บังเอิญเจอกับเพื่อนเก่าพอดี ฉันเลยเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้พวกเขาฟัง พบว่าพวกเขาเองก็ซื้อของมาจากร้านนี้เหมือนกัน นึกไม่ถึงว่าจะเจอเพื่อนที่ถูกหลอกแบบนี้เหมือนกัน สรุปแล้วทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นของปลอมทั้งสิ้น ! “


ชุยอี้ผิงมองออกไปด้วยความอยากรู้ ” ถึงเพื่อนๆจะค้นพบเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ก็ไม่น่าจะมารวมตัวกันมากมายขนาดนี้เลยนี่นา ? “


” พวกเราเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ในตอนที่พวกเรามาถึง ก็เห็นว่าหน้าประตูมีคนกลุ่มหนึ่งยืนออกันอยู่แล้ว ต่อมาคนที่เดินผ่านไปผ่านมาบนถนนเส้นนี้ก็ต่างมาถามพวกเรา ไม่นานก็เกิดการรวมตัวกันขึ้น ถ้ามีปัญหาละก็ ก็น่าจะเป็นปัญหาของร้านฮ้าวซวนเก๋อแล้วละ ” ชายชราพูดขึ้นด้วยความโกรธเคือง


 


ชุยอี้ผิงมองไปทางหยางโปอย่างฉับพลัน เมื่อเห็นว่าเขาแสดงท่าทางไม่ได้สนใจกับเรื่องภายนอกเลย เขาก็เข้าใจในทันที บางทีหยางโปอาจจะคาดเดาเรื่องนี้เอาไว้ก่อนแล้ว เขาจึงมองออกไปข้างนอกอีกครั้ง จนมั่นใจในที่สุด คนที่ซื้อของมาจากร้านฮ้าวซวนเก๋อล้วนแล้วแต่เป็นคนที่เกษียณทั้งนั้น พวกเขาไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องทำ ข่าวคราวจึงได้แพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว !


ตอนที่ 318 ละครตลก


สภาพจิตใจของซ่งห้าวซวนในวันนี้ถือว่าไม่เลวมากทีเดียว เขาตั้งใจใส่สูทสีขาวเป็นพิเศษ เฝ้ารอคอยการเก็บเกี่ยวที่มากพอ และช่วงเวลาสุดท้ายก็มาถึง ร้านขายวัตถุโบราณล้วนแต่นำพากำไรจำนวนมหาศาลมาให้เขาในทุกวัน กำไรเหล่านี้ทำให้เขาอิ่มอกอิ่มใจมาก จนกระทั่งเขาลืมไปว่าตัวเองนั้นมีเป้าหมายอยู่


ที่โรงประมูลจินหลิง !


เพื่อคุณอา และเพื่อตัวเอง เขาต้องทำลายหยางโปให้ย่อยยับให้ได้ !


ในขณะที่ขับรถ BMW สีขาวทะลุเข้ามาในถนนที่คุ้นเคยนั้น ด้านหน้ากลับติดแออัดอย่างฉับพลัน เมื่อนั่งรอในรถกว่า 20 นาทีแล้ว ซ่งห้าวซวนก็ยังไม่เห็นว่ารถด้านหน้าไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อน เขาเสียเวลาไปกว่าครึ่งชั่วโมงอีกครั้ง ในที่สุดก็ขับรถออกไปด้านข้าง แล้วเลี้ยวเข้าไปในลานจอดรถเก็บเงินของห้างสรรพสินค้า ซึ่งที่นี่อยู่ไม่ห่างจากร้านฮ้าวซวนเก๋อมากนัก เขาสามารถเดินไปได้


 


หลังจากที่เลี้ยวเข้ามาในถนนที่คุ้นเคยแล้ว ไม่นานซ่งห้าวซวนก็ค้นพบว่ามีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง เพราะเขาเห็นกลุ่มคนจำนวนมากยืนล้อมกันอยู่ด้านหน้า คนเหล่านี้น่าจะเป็นชนวนที่ทำให้เกิดรถติดอย่างแน่นอน แต่ เมื่อเขามองไปด้านหน้า ก็เห็นกลุ่มคนกำลังรุ่มกันก่อเรื่องอยู่หน้าร้านของเขา !


ในใจของเขาจึงเต็มไปด้วยความโกรธเคือง ซ่งห้าวซวนจึงได้รีบวิ่งไปข้างหน้า และเขาก็เห็นว่าบริเวณรอบนอกของกลุ่มคนนั้นมีตำรวจรักษาความสงบกำลังพูดจาโน้มน้าวอยู่ เขาจึงอดที่จะสบถด่าทอออกมาว่า ” ขยะ ” ไม่ได้ ! แต่แล้วเขาก็เริ่มเกิดความสงสัยขึ้นมา เพราะเขาได้ยินเสียงตะโกนของคนเหล่านั้นว่า คืนสินค้า ? จะเป็นไปได้ยังไง ?


 


เมื่อคิดได้ เขาก็หมุนตัวเตรียมจะออกไปจากที่นี่ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าคนที่ยืนล้อมกันอยู่หน้าประตูเหล่านั้น ได้ทำการทุบประตูป้องกันขโมยอย่างดีจนเกิดเสียงดังปังๆ เขาจึงได้บันดาลโทสะขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็วิ่งเข้าไป !


” จับเอาไว้ ! รีบจับเอาไว้ ! เจ้าโจรพวกนี้ ต้องการอะไร ! ” ซ่งห้าวซวนตะโกนออกไปเสียงดัง


เสียงตะโกนของซ่งห้าวซวนจมหายลงไปในเสียงเอะอะโวยวายของกลุ่มคน จึงไม่ได้ถูกทุกคนสังเกตเห็น แต่แล้วกลับมีเพื่อนร่วมงานที่ปะปนอยู่ในกลุ่มคนนั้นเห็นเถ้าแก่พุ่งเข้ามา จึงอดที่จะชี้ออกไปทางซ่งห้าวซวนไม่ได้ ” เถ้าแก่ เถ้าแก่ พวกเขาจะพังร้านแล้ว ! “


 


เสียงตะโกนของเพื่อนร่วมงาน ทำให้จุดสนใจของทุกคนได้ถูกดึงดูดลงมาบนตัวของซ่งห้าวซวนในชั่วพริบตาเดียว จนกระทั่งเสียงเอะอะโวยวายในตอนนี้ก็ได้เงียบลง


ซ่งห้าวซวนรีบหยุดก้าวขาต่อในทันที จากนั้นก็มองออกไปด้วยความประหลาดใจ ถึงแม้ว่าเขาจะเคยพูดบรรยายต่อหน้าคนกว่าร้อยคนมาก่อนก็ตาม แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาแห่งความเคียดแค้นชิงชังราวกับหมาป่าของคนเกือบร้อยคนจริงๆ เขากลับรู้สึกว่าขาทั้งสองข้างของตัวเองนั้นแทบจะอ่อนระทวยลงในชั่วพริบตาเดียว !


” เขาคือเถ้าแก่ ให้เขาคืนเงินมาเดี๋ยวนี้ ! “


เสียงตะโกนดังขึ้น ทำให้ทุกคนได้ปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมาในทันที ทุกคนจึงได้กรูกันเข้าไปหาซ่งห้าวซวน


 


ซ่งห้าวซวนหมุนตัวกำลังจะวิ่งไปด้านหลัง แต่เท้าของเขากลับอ่อนแรงลง อัมพาตไปทั้งตัว สุดท้ายก็ล้มลงไปกองกับพื้น


ตำรวจที่เฝ้าระวังอยู่รอบทิศทางต่างพากันตื่นตกใจ จากนั้นก็รีบพุ่งเข้าไปหาทันที เพื่อจะช่วยเขาออกมา แต่คนที่พุ่งเข้าไปนั้นมากมายยิ่งกว่าคลื่นยักษ์ที่สาดอย่างกระหน่ำเสียอีก ใครก็ไม่สามารถขัดขวางได้ !


หยางโปที่ยืนอยู่ในร้าน มองเห็นภาพนี้ ก็เกิดอาการหวั่นไหวขึ้นมาไม่น้อย !


ชุยอี้ผิงที่กำลังมองดูความวุ่นวายอยู่บนถนน ก็ได้ยินเสียงตะโกนโห่ร้องเช่นเดียวกัน เขาหมดคำพูด ซ่งห้าวซวนนั้นเป็นคนที่ไอคิวต่ำจริงๆ เมื่อเจอกับสถานการณ์นี้จะไม่วิ่งได้ยังไง ?


” เขาพุ่งเข้าไปในร้านแล้ว ! ” คนชราที่อยู่ในร้านหยางโปก็ได้ตะโกนออกมาอย่างฉับพลัน


 


หยางโปเงยหน้ามองออกไป โดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเปิดประตูฝั่งตรงข้าม คนที่กรูเข้าไปเป็นจำนวนมากนั้น ไม่ต้องคิดเยอะก็รู้ได้ว่า กลุ่มคนที่พุ่งเข้าไปนั้นต้องการแย่งชิงของที่อยู่ในร้านจนหมดเกลี้ยง !


” เถ้าแก่ ให้ฉันออกไป ฉันจะไปเอาของ ไม่อย่างนั้นฉันจะขาดทุนมหาศาลเลยละ ” คนชราตะโกนขึ้นมาอย่างฉับพลัน


หยางโปมองไปทางละครตลกด้านหน้า เขาหมุนตัวแล้วจ้องเขม็งไปทางอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา ” แย่งของของทุกคน คุณคิดว่าจะวิ่งหนีพ้นเหรอครับ ? คนที่คอยสังเกตการณ์อยู่ด้านนอกก็มากมายขนาดนั้น ! “


คนชราถูกขู่จนตื่นกลัวไปในทันที เขาจึงไม่กล้าพูดอะไรขึ้นมาอีก


 


หยางโปหมุนตัวแล้วมองออกไปต่อ เขาไม่ยอมเปิดประตู เพราะเขากลัวว่าภายในร้านจะต้องพบเจอกับการพุ่งเข้ามาจากคนภายนอกเหล่านั้น ถึงยังไงตอนนี้ด้านนอกก็มีคนมากมายขนาดนั้น ยังไงก็ไม่มีทางพบเจอกับความเสียหายได้ ซ่งห้าวซวนเปิดกิจการมาหลายวันแล้ว ของที่โดนซื้อไปก็เยอะ ไม่แปลกที่จะมีปฏิกิริยาตอบสนองมากมายขนาดนี้กลับมา


ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ควรดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท ถ้ามีคนตะโกนโห่ร้องขึ้นมาจริงๆ ก็อาจจะมีคนพุ่งตามกันเข้าไปในร้านก็เป็นได้ !


ซ่งห้าวซวนถูกช่วยออกมาจากกลุ่มคนเหล่านั้นในที่สุด หยางโปเห็นว่าในกลุ่มคนที่ถูกตำรวจจำนวนมากขัดขวางอยู่ด้านหลังนั้นมีคนๆหนึ่งพุ่งออกมาไปจากด้านหลัง เสื้อสูทสีขาวดุจหิมะที่เขาสวมใส่นั้นล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยรอยเท้า !


 


กลุ่มคนที่อยู่ด้านนอก ยังคงยืนหยัดประท้วงจนมาถึงช่วงเที่ยง จึงจะค่อยๆสลายตัวไป หยางโปจึงได้เปิดประตูให้คนชราออกไป


ในตอนที่คนชราจากไปนั้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง พร้อมกับต่อว่าหยางโปว่ายืดเยื้อการชดเชยของเขา


หยางโปไม่ได้พูดอะไรมากความ เรื่องนี้ไม่ได้เล็กๆเลย เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าจะจัดการมันยังไง ?


ดูเหมือนว่าความตื่นเต้นสนุกสนานของชุยอี้ผิงได้ลดลงไปแล้ว จากนั้นก็มองออกไปข้างนอก ” เดิมทีฉันคิดว่าร้านฮ้าวซวนเก๋อจะยังยืนหยัดไปได้นานกว่านี้ นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ! “


 


หยางโปอึ้งงันไป เดิมทีเขาคิดว่าอีกฝ่ายนั้นจะมาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเหล่านี้ แต่เมื่อมองอย่างละเอียดในตอนนี้แล้ว กลับไม่ใช่ว่าเขามีความหมายอื่น พวกเขาอยากเห็นธุรกิจของหยางโปแย่ลง ไม่มีรายได้ เมื่อเป็นแบบนี้ การกลับไปหาครอบครัวน่าจะดีที่สุดแล้ว !


หยางโปหัวเราะออกมาเบาๆ ” อย่าลืมนะ ว่าฉันยังมีซื่อเหอหยวนแห่งหนึ่งอยู่ในเมืองปักกิ่ง ถ้าจะให้ฉันล้มละลาย เกรงว่าจะต้องใช้เวลาหลายปีเลยทีเดียว “


ชุยอี้ผิงตื่นตระหนกตกใจขึ้นมาในทันที เขาคิดไม่ถึงว่าประโยคที่ฟังดูอนิจจังจะทำให้หยางโปเดาความคิดของเขาได้ เขารีบหัวเราะแล้วพูดว่า ” นายก็คิดมากเกินไป “


หยางโปไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก


 


เมื่อชุยอี้ผิงจากไป หยางโปก็มองไปทางขยะที่อยู่บนถนน หลายวันมานี้มีละครตลกเกิดขึ้น ถึงหยางโปจะเป็นพระเอก แต่เขาก็ยังสามารถเล่นบทบาทของผู้ชมได้อีกด้วย


ไม่นาน หยางโปก็สลัดหลุดพ้นจากเรื่องวุ่นวายที่มีส่วนพัวพันเรื่องนี้ออกไปได้ เขาไม่ได้มีเวลามานั่งเล่นเกมส์กับอีกฝ่าย


แต่ ข่าวของลัวย่าวหัวรวดเร็วมาก ไม่นานก็โทรศัพท์เข้ามา


” นึกไม่ถึงว่าจะล้มเร็วขนาดนี้ ? เราสูญเสียไปไม่น้อยเลยนะ ! “


” นายจะไปสูญเสียอะไร ? ” หยางโปไม่เข้าใจ


 


ลัวย่าวหัวหัวเราะออกมา ” เดิมทีเราจะได้ร่ำรวยในเส้นทางนี้แล้วเชียว ดันหยุดชะงักลงซะได้ มันน่าเสียดาย ! มันน่าเสียดายจริงๆ !


หยางโปส่ายหน้า ” นี่ไม่นับสิ ! “


เมื่อพูดจบ หยางโปก็ได้ยินเสียงพูดมาจากด้านนอก ” เถ้าแก่หยาง ยินดีกับความร่ำรวยด้วย !


เมื่อหยางโปเงยหน้าขึ้นแล้วมองออกไป ก็เห็นว่าลัวย่าวหัวได้มายืนอยู่ด้านนอกแล้ว ก่อนที่มือทั้งสองข้างจะบิดลูกบิดเข้ามา


” นายมาได้ยังไงเนี่ย ? ” หยางโปถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ


ลัวย่าวหัวจึงยิ้มแล้วพูดว่า ” ถ้าไม่มาตอนเช้า จะได้เห็นฉากที่น่าคึกคักแบบนี้เหรอ ? หาดูยากจะตาย ! “


 


หยางโปส่ายหน้า แล้วก็ไม่ได้ยกประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีก ก่อนจะเอ่ยปากว่า ” นายบอกว่าอีกนานกว่าจะกลับมาไม่ใช่เหรอ ? ทำไมถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้ละ จัดการเรื่องราวในเมืองปังกิ่งเรียบร้อยแล้วเหรอ ? “


ลัวย่าวหัวพยักหน้า ” ที่นี่เปิดร้านแล้ว ดังนั้นฉันก็ต้องกลับมาคุมงานสิ “


หยางโปขมวดคิ้ว ” ดูจากแก้มทั้งสองข้างที่แดงระเรื่อของนายแล้ว นายต้องกลับไปฉลองปีใหม่กับครอบครัวมาอย่างแน่นอน ขอข้อมูลหน่อยสิ สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง ? อีกฝ่ายเป็นยังบ้าง ? “


ลัวย่าวหัวมองไปทางหยางโปด้วยความตื่นตกใจ ” บอกมา ใครเป็นคนบอกนาย ? “


หยางโปหัวเราะฮ่าฮ่าออกมา ” ไปหาครอบครัวมาจริงๆด้วย ฉันเห็นว่าอายุของนายก็ปาไปตั้งเท่าไหร่แล้วเลยคิดว่านายน่าจะถูกบีบบังคับให้แต่งงานอย่างแน่นอน เลยเดาไปมั่วๆ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นความจริง !


” นาย ! ” ลัวย่าวหัวชี้ไปทางหยางโป เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อไปอีกดี


ตอนที่ 319 เงื่อนงำของจักรพรรดิหยวนหนิงจง


หยางโปยิ้มออกมา ” แล้วมันเป็นยังไงบ้างละ ? “


ลัวย่าวหัวนั่งลง จากนั้นก็ล้วงไปหยิบบัตรธนาคารใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าขึ้นมาวางบนโต๊ะ ” ถ้ายังเห็นฉันเป็นเพื่อน ก็อย่าถามคำถามนี้กับฉันอีก ! ถ้ายังคิดว่าจะถามต่อ เงินที่อยู่ในบัตรธนาคารใบนี้ ก็ไม่ต้องเอาไป ! “


หยางโปมองไปทางบัตรธนาคารแวบหนึ่ง เขาจึงเดาออกได้ในทันที ความน่ากลัวของบัตรใบนี้ก็คือเงินที่ได้มาจากร้านขายวัตถุโบราณฝั่งตรงข้ามที่ได้มาเมื่อสองวันก่อน ในนี้น่าจะมีจำนวน 4 ล้านหยวนโดยประมาณ


หยางโปหยิบบัตรธนาคารขึ้นมา ” ช่างเถอะ ให้นายละกัน “


 


” ต่อมอยากรู้ช่างใหญ่มากจริงๆ ! ” ลัวย่าวหัวพูดขึ้นด้วยความโกรธเคือง


หยางโปยิ้มออกมา จากนั้นก็นำบัตรนั้นวางลงอีกครั้ง ” อ่ะ ช่างเถอะ ฉันคืนบัตรนี้ให้นาย การขุดห้องใต้ดินของซื่อเหอหยวนยังต้องใช้เงิน “


ลัวย่าวหัวแย่งกลับมาอยู่ในมือ ” ก็ดี ที่เหลือเป็นค่าวิ่งเต้นทำงานให้กับคนอื่นของฉันก็แล้วกัน ! “


” ได้ ช่วยนายตกแต่งด้วยละกัน ซ่อมแซมของเก่า นายเองก็น่าจะเข้าใจ ” หยางโปพูด


ลัวย่าวหัวพูดขึ้นด้วยความลำบาก ” ตกแต่งก็ต้องเอาในนี้ อย่างนั้นก็เหลือไม่กี่หยวนนะสิ !


” ฉันไม่สน ฉันจะให้นายจัดการเรื่องนี้ ! ” หยางโปพูด


….


 


หยางโปปิดร้าน แล้วไปยังไซส์ก่อสร้างของโรงประมูลจินหลิงชุนพร้อมกับลัวย่าวหัว เทศกาลโคมไฟก็ผ่านไปหลายวันแล้ว แต่คนงานในพื้นที่ก็ยังน้อยมากอยู่ เกรงว่าอีกหลายวันงานถึงจะคืบหน้าได้


ชุยอี้ผิงโทรศัพท์มาหาหยางโป เพื่อบอกว่าเขาจะไปจากที่นี่แล้ว


หยางโปยังไม่ได้โต้กลับไปหาชุยซื่อหยวน เขาเองก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก แต่อย่างน้อยเขาก็เข้าใจชัดเจนอยู่เรื่องหนึ่ง ร้านขายวัตถุโบราณฝั่งตรงข้าม ที่เปิดได้ไม่ถึง 10 วัน ก็ได้ปิดตัวลงแล้ว


ภายในสายงานของวัตถุโบราณ ยากที่จะหลีกพ้นเหล่าข่าวลือซุบซิบนินทาได้ ซึ่งในนั้นก็ยังมีการยกประเด็นบางอย่างขึ้นมาว่า เถ้าแก่ร้านสืออี๋ถางได้แสดงความกระตือรือร้นต่อเรื่องนี้มาก แม้กระทั่งเรื่องที่มีคนขายเครื่องลายครามปลอม ก็ถูกยัดเยียดข้อหาขายของโจรลงบนหัวของหยางโป แน่นอนว่าไม่ถือว่าขายของโจรให้แก่คนอื่น ความจริงแล้วเขาทำ เพียงแต่ไม่ได้ทิ้งเงื่อนงำใดๆเอาไว้ข้างหลังเท่านั้น


 


วันนั้นซ่งห้าวซวนถูกต่อยตีจนกระดูกหักไป 3 ท่อน จนต้องเข้าโรงพยาบาลแถมเงิน 15 ล้านหยวนก็ถูกเขานำไปชดเชยจนสะอาดเกลี้ยงภายในระยะเวลาสั้นๆแค่ครึ่งเดือน จนสามารถยั่วโมโหให้ชายชราของครอบครัวของเขาพุ่งตรงมาที่นี่จากเมืองปักกิ่งได้ในคืนนั้น แต่เมื่อเห็นเขานอนอยู่บนเตียง กลับไม่ได้ลงมืออะไร นอกจากจะร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด !


15 ล้านหยวน แทบจะเท่ากับมรดก 1 ใน 5 ส่วนของตระกูลซ่งเลยทีเดียว และมันก็ต้องถูกชดเชยค่าเสียหายไปหมด จะไม่ทำให้พวกเขาเจ็บปวดหัวใจได้ยังไง !


ดูเหมือนว่าหยางโปจะไม่ได้ยินข่าวเหล่านี้ จึงได้แต่นั่งตั้งอกตั้งใจฝึกฝนการแกะสลักอยู่ภายในร้านอย่างเงียบๆ ทุกๆ 10 วัน เขามักจะนำสิ่งของที่ตัวเองแกะสลักไปส่งหลิ่วมีดเดียว ซึ่งหลิ่วมีดเดียวจะโทรศัพท์มาหาเขาโดยตรง เพื่อทำการประเมิน


 


หยางโปมีการพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเวลาร่วงเลยผ่านไป พอผ่านไปชั่วแวบเดียวก็ผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว


หยางโปจึงได้กลับไปบ้านเก่าอีกครั้ง เพื่อไปดูแม่ และไปช่วยเธอย้ายของเข้าไปในเมืองด้วย เขาถึงได้วางใจ


จากนั้นก็เดินมายังตลาดมืด แต่กลับไม่พบสินค้าที่ดีเลยสักชิ้น แถมในร้านก็มีการขายของในราคาที่สูงออกไป 3 รายการด้วย สถานการณ์ที่รายได้ไม่พอรายจ่าย ทำให้หยางโปเกิดความเป็นกังวลอย่างมาก แต่พอเขาไปยังร้านขายวัตถุโบราณในบริเวณนี้ ก็ยังไม่ได้รับผลงานอะไร


หยางโปนั่งลงในร้าน ด้วยท่าทางเหม่อลอย ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงหัวเราะฮ่าฮ่าออกมา เขาเงยหน้ามองออกไป แล้วก็เห็นตาอ้วนหลิวและลัวย่าวหัวกำลังเดินเข้ามาพร้อมกัน


 


หยางโปตื่นตกใจไม่น้อย ” นายมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ? “


” เพิ่งจะมาถึง นี่ใช่ไหมถึงไม่ให้ลัวย่าวหัวมาด้วย ” ตาอ้วนหลิวยิ้มพร้อมพูดขึ้น


หยางโปรีบยกชาให้พวกเขา ” ตาอ้วนหลิว นายก็ยุ่งมากขนาดนั้น มาพักร้อนในโรงประมูลจินหลิงชุนเหรอ ? ทำไมไม่พาภรรยามาด้วยละ ? “


ตาอ้วนหลิวโบกมือไปมา ” นายก็รู้ว่าฉันนะยุ่งมาก ก่อนหน้านั้นก็เพิ่งจะพาภรรยาและลูกไปพักร้อนที่มัลดีฟส์มา พอกลับมาก็เป็นเรื่องใหญ่เลย ! “


หยางโปยิ้มพร้อมพูดขึ้นว่า ” น่าอิจฉาจริงๆเลยนะครับที่ได้ไปพักร้อน แถมยังไปมัลดีฟส์อีกด้วย ตอนนี้จะไปไหนก็ได้จังหวะทั้งนั้น ! “


 


ตาอ้วนหลิวยิ้มออกมา ” น้องชายไม่มีเงินไม่มีเวลาเหรอ ? “


” ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เพียงแค่ไม่มีคนไปด้วย และก็ไม่มีอารมณ์ไปก็เท่านั้น ” หยางโปพูด


ลัวย่าวหัวพูดขึ้น ” ถ้านายพูดแบบนี้ ฉันก็อยากจะบอกนายว่า นายสามารถหาคนไปเป็นเพื่อนนายได้ สาวๆไง แค่ต้องจ่ายเงินมากหน่อย ! “


” หึ ฉันก็จะพูดสักคำว่า ในอดีตก็มากพอแล้ว ! ” หยางโปพุด


ลัวย่าวหัวหัวเราะคิกคักออกมา ” ฉันสามารถแนะนำให้นายได้หลายอาชีพเลยนะ “


หยางโปไร้คำพูด ก่อนจะยกชาขึ้นมาดื่ม


 


เมื่อพูดคุยกันไปพักใหญ่ ตาอ้วนหลิวก็ล้วงไปหยิบกล่องใบหนึ่งขึ้นมา จากนั้นก็เคลื่อนไปทางหยางโป


หยางโปมองไปด้วยความประหลาดใจ ” นี่หมายความว่ายังไง ? “


” นายดูก่อนสิ นี่เป็นของที่ฉันได้รับมาเมื่อเร็วๆนี้ ” ตาอ้วนหลิวพูดขึ้นอย่างลึกลับ


หยางโปเกิดความประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะรับกล่องนั้นมา แล้วเปิดออกเบาๆ แล้วก็พบว่ามีกระจกทองแดงวางอยู่ในกล่องนั้น


บนกระจกทองแดงนั้นเต็มไปด้วยคราบสกปรกสีดำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านหน้าของกระจกทองแดงที่ไม่มีการประดับตกแต่งอะไรเลย แต่เมื่อมองอย่างละเอียดแล้ว นี่เป็นกระจกสะท้อนเรื่องราวของคนและม้า แบ่งออกเป็น 3 ส่วน สวนหนึ่งประดับตกแต่งด้วยกลีบดอกบัว ส่วนที่สองเป็นภาพของกองกำลังทหารที่ยอดเยี่ยม ส่วนที่สามเป็นภาพของจักพรรดิที่นั่งอยู่บนบัลลังก์


 


หยางโปมองดูอย่างละเอียดอยู่พักหนึ่ง ก็ค้นพบว่าส่วนตกแต่งของการทหารและฮ่องเต้นั้นล้วนแต่เป็นรูปแบบของชนกลุ่มน้อยทั้งนั้น หลังจากที่ครุ่นคิดอย่างละเอียดแล้ว ณ เบื้องหน้าสายตาของเขาก็พลันเกิดแสงก่อตัวขึ้นมาระยิบระยับ ส่งผลให้หยางโปตื่นตกใจมากทีเดียว !


” นี่เป็นกระจกของราชวงศ์หยวน ? ” หยางโปพูดขึ้นด้วยความตกใจ


หยางโปเงยหน้าขึ้นมองตาอ้วนหลิว ด้วยความตื่นตกใจมาก วัตถุโบราณในสมัยราชวงศ์หยวนที่เขาเคยเห็นมานั้นมีไม่เยอะมากนัก ชนกลุ่มน้อยในประวัติศาสตร์นี้ได้ปกครองราชวงศ์ ดูเหมือนว่าจะไม่สมบูรณ์มาตั้งแต่กำเนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาด้านวัฒนธรรม ล้วนเกิดจากการถดถอยทั้งนั้น


 


ตาอ้วนหลิวพยักหน้า ” คนๆนั้นบอกว่านี่เป็นของที่ขุดออกมาจากหลุมศพจักรพรรดิหยวนหนิงจง ! “


” จักรพรรดิหยวนหนิงจง ? ” หยางโปก็ตื่นตกใจขึ้นมาทันที จากนั้นก็ยืนขึ้น ” นายพูดว่าอะไรนะ ? จักรพรรดิหยวนหนิงจงเหรอ ? “


ตาอ้วนหลิวพยักหน้าอย่างหนักแน่นอีกครั้ง ” ใช่ หลุมศพจักรพรรดิหยวนหนิงจง ! “


หยางโปจ้องเขม็งไปทางกระจกที่อยู่ตรงหน้า ด้วยความตื่นตกใจ เขาเข้าใจความหมายของตาอ้วนหลิวทันที พวกเขาเคยทำการประมูลได้ในตลาดมืดที่มองโกเลียและได้เข้าร่วมเมื่อหลายปีก่อน ในนั้นมีบันทึกของหลุมศพจักรพรรดิหยวนหนิงจง 1 เล่มอีกด้วย !


 


แต่ในตอนนั้นพวกเขายังไม่ได้คิดอะไรมาก เลยรู้สึกว่าบันทึกนั้นเป็นของปลอม ตอนนี้ตาอ้วนหลิวกลับหยิบกระจกออกมา จึงได้ทำการบอกเรื่องนี้กับเขา !


” หรือว่านายคิดว่าชาวญี่ปุ่นหาหลุมศพจักรพรรดิหยวนหนิงจงเจอแล้ว ? ” หยางโปถามขึ้น


ต้าอ้วนหลิวพยักหน้าอย่างหนักแน่นอีกครั้ง ” ตอนนี้ในตลาดเมืองปักกิ่ง ก็ค้นพบของในสมัยราชวงศ์หยวนไม่น้อยเลย ฉันรู้สึกว่าชาวญี่ปุ่นต้องหาหลุมศพจักรพรรดิหยวนหนิงจงเจอแล้วอย่างแน่นอน ! “


หยางโปหันหน้าไปมองกระจกอีกครั้ง จักรพรรดิหยวนหนิงจงขึ้นครองราชย์ไม่เกิน 53 วัน ดังนั้นกระจกชิ้นนี้จึงต้องหาเจอก่อน ท่านพ่อของจักรพรรดิหยวนหนิงจงคือหยวนหมิงจง หลังจากที่ขึ้นครองราชย์ได้เพียงครึ่งปี ก็ถูกจักรพรรดิหยวนเหวินจงวางยาพิษจนตาย ซึ่งประวัติศาสตร์นี้วุ่นวายมาก !


 


หยางโปไม่มีทางมั่นใจเรื่องเวลาได้เลย แต่เขากล้ามั่นใจว่ากระจกชิ้นนี้ต้องเป็นของที่สืบทอดมาจากสมัยจักรพรรดิหยวนหนิงจงอย่างแน่นอน อีกทั้งเมื่อดูจากภาพที่ตกแต่งอยู่บนกระจกนี้ คนทั่วไปไม่มีทางใช้ได้อย่างแน่นอน มีเพียงจักรพรรดิเท่านั้นถึงจะใช้กระจกชิ้นนี้ตกแต่งพระเกี้ยวได้ !


เมื่อเป็นแบบนี้ ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าทั้งหมดที่ตาอ้วนหลิวบอกมา มีคนได้ค้นพบหลุมศพจักรพรรดิหยวนหนิงจงแล้ว !


ตอนที่ 320 พรสวรรค์การแกะสลัก


หยางโปหยิบกระจกขึ้นมา ” ยังมีเบาะแสอื่นๆอีกไหม ? “


” ตอนนี้ยังไม่มี “ตาอ้วนหลิวพูดขึ้น


หยางโปเกิดความสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย เขาเพิ่งจะเงยหน้าขึ้นมองไปทางตาอ้วนหลิว ” ความหมายของนายก็คือ ? “


” ทำเพื่อตั๋ว ! ” ตาอ้วนหลิวพูดขึ้น


หยางโปมองไปทางตาอ้วนหลิว เมื่อเห็นใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ลัวย่าวหัวก็แสดงท่าทางกระโดดโลดเต้นดีใจ เขาอดที่จะพูดขึ้นไม่ได้ ” ตอนนี้เรามีเพียงกระจกชิ้นนี้ ไม่ได้มีเงื่อนงำอะไร เกรงว่าจะไม่มีวิธีการอื่นด้วย ? “


 


ตาอ้วนหลิวยิ้มออกมา ” ในเมื่อมีเงื่อนงำแล้ว เราก็ค่อยๆกลับไปสำรวจก็แล้วกัน เดี๋ยวก็คงหาเจอ ! “


หยางโปพยักหน้ายอมรับ ” งั้นก็ดี กลัวว่าครั้งนี้จะได้ออกประเทศไปนะสิ ! “


หยางโปเชื้อเชิญสำเร็จ ตาอ้วนหลิวถือกระจกไปหาหลูตงซิงอีกครั้ง ซึ่งไม่นานหลูตงซิงก็ตอบกลับมา


ตาอ้วนหลิวตั้งใจจะกลับไปสำรวจเงื่อนงำในเมืองปักกิ่งในคืนนั้น หยางโปเองก็คิดว่าการแกะสลักในช่วงนี้ก็เข้าสู่สภาวะคอขวดแล้ว เขาจำเป็นจะต้องแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับหลิ่วมีดเดียว อีกทั้ง ในตอนที่ตาอ้วนหลิวติดตามหาเบาะแสเพิ่มเติมนั้น วัตถุโบราณที่ค้นพบก็จำเป็นจะต้องให้เขามาทำการประเมิน ดังนั้นเขาจึงได้ตามไปยังเมืองปักกิ่ง ลัวย่าวหัวต้องอยู่ที่นี่


….


 


เขาได้พบเจอกับเฉาหยวนเต๋ออีกครั้ง ช่วงเที่ยงในวันที่สอง เฉาหยวนเต๋อรู้ว่าหยางโปมาถึงเมืองปักกิ่งแล้ว จากนั้นก็ตรงมาเคาะประตูบ้านของเขาในทันที


หยางโปมองออกไปด้วยความประหลาดใจ ” ผู้อำนวยการเฉามีเวลาว่างมาได้ยังไงเหรอครับ ? “


เฉาหยวนเต๋อหัวเราะออกมาก่อนจะพูดขึ้นว่า ” นายอย่ามาเหน็บแนมฉันเลยนะ ฉันมาขอบคุณนายโดยเฉพาะเลยนะ ครั้งที่แล้วถ้าไม่ใช่เพราะนายช่วยฉันเอาไว้ วัยชราของฉันก็คงจะไม่มีเหลือแล้ว ! “


หยางโปโบกมือไปมา ” อย่างพูดแบบนี้เลยครับ ยังไงก็ถือว่าเราก็ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันแล้ว ! “


เฉาหยวนเต๋อหัวเราะฮ่าฮ่าออกมา ” เรานำวัตถุโบราณที่ขุดออกมาจากสุสาน มาทำการเข้าสู่กระบวนการขั้นตอนสุดท้าย ก่อนจะทำการแพร่ข่าวบางส่วนออกไป ซึ่งหลังจากนี้อาจจะดึงดูดนักข่าวทุกประเทศเข้ามา นายมีความสนใจที่จะไปปรากฏตัวในสถานที่ด้วยไหม ? “


 


หยางโปรีบส่ายหน้า ” เรื่องนี้ไม่ต้องมาหาผมแล้ว พวกคุณน่าจะมั่นใจได้จากเจ้าของสุสานแล้วมั้ง ? “


เฉาหยวนเต๋อมองไปทางหยางโป แล้วก็เห็นว่าเขามีทัศนคติที่เด็ดเดี่ยวมาก จึงไม่พูดโน้มน้าวอีก นอกจากจะอธิบายว่า ” เจ้าของสุสานยังไม่แน่ใจเลย ตอนนี้ทำได้เพียงแค่รู้ว่าเขาเป็นจักรพรรดิในราชวงศ์ชิง แต่ในสุสานไม่ได้ค้นพบว่ามีของมีเป็นเอกลักษณ์ชัดเจนนัก พวกเราก็ต้องเข้าไปทำการสำรวจเพิ่มอีกขั้นหนึ่ง แต่ หลังจากที่โคมไฟมังกรขดตัวได้ถูกประกาศออกไป จะต้องเป็นที่สะดุดตาอย่างแน่นอน !


หยางโปยิ้มออกมา ” สิ่งของประหลาดแบบนี้น่าจะดำรงอยู่ในตำนาน ในตอนที่มันปรากฏออกมา ผมเองก็ตกใจไม่แพ้กัน “


 


หลังจากที่พูดคุยอยู่เป็นระยะเวลายาวนาน หยางโปและเฉาหยวนเต๋อก็ไปกินอาหารมื้อค่ำด้วยกัน หยางโปลองหยั่งเชิงสอบถามเกี่ยวกับโบราณวัตถุของราชวงศ์หยวนกับอีกฝ่าย ซึ่งเฉาหยวนเต๋อก็ล้วนแล้วแต่นึกถึงแต่โคมไฟมังกรขดตัวอยู่เต็มสมอง จึงไม่รับรู้ความหมายในการหยั่งเชิงของหยางโป


ในช่วงบ่าย เมื่อส่งเฉาหยวนเต๋อแล้ว หยางโปก็เดินทางมาถึงหน้าร้านของหลิ่วมีดเดียว ซึ่งเขาก็เห็นว่าหลิ่วมีดเดียวกำลังนั่งใส่หูฟังดูหนังอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ด้วยท่าทางสบายอารมณ์อยู่ ส่วนหูชิงชิงเองก็นั่งฝึกฝนการแกะสลักอยู่ด้านข้างของเขา


เขาจำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อน ในร้านยังไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ ผ่านไปหลายปีถึงจะติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์


เมื่อหยางโปเดินเข้ามา ก็ได้ดึงดูดความสนใจของคนทั้งสองในทันที หลิ่วมีดเดียวมองไปทางหยางโปแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันกลับมาจ้องเขม็งตรงหน้าคอมพิวเตอร์ต่อ ส่วนหูชิงชิงก็ตะโกนเรียนออกไปว่า ” รุ่นพี่ ” ด้วยน้ำเสียงเย็นชา และก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก


 


หยางโปรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เขานึกไม่ถึงว่าทั้งสองคนจะมีปฏิกิริยาตอบสนองแบบนี้ หูชิงชิงก็แสดงท่าทางขุ่นเคืองอย่างแปลกประหลาดออกมา และยังโน้มเอียงไปทางโหดร้ายอีกด้วย พฤจิกรรมไม่ปกติก็ถือว่ายังไม่เป็นไร แต่หลิ่วมีดเดียวนี่นะสิเป็นอะไร ?


หยางโปเดินเข้าไป จากนั้นก็มองไปทางคอมพิวเตอร์ แล้วก็เห็นว่าหลิ่วมีดเดียวนั้นกำลังดูองค์หญิงกำมะลออยู่ ! เขากำลังดูหนังของฉยงเหยาอยู่ ชายชราคนหนึ่งกำลังนั่งดูหนังของฉยงเหยาโศกเศร้าปลุกเร้าอารมณ์อยู่เนี่ยนะ !


ความแตกต่างที่เห็นอย่างชัดเจนนี้ ทำให้หยางโปอึ้งงันไปชั่วขณะ


” ทำไมเหรอ ? ฉันจะดูละครไม่ได้เลยรึไง ? ” หลิ่วมีดเดียวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา


 


หยางโปถึงกับเหงื่อเย็นออกมาในทันที ก่อนจะพยักหน้า ” ได้ ได้ครับ คุณจะทำอะไรก็ได้ครับ ! ศิลปะย่อมไร้พรหมแดนอยู่แล้ว ไม่ว่าศิลปะแบบไหน ก็ล้วนแล้วแต่จินตนาการได้ทั้งนั้น “


หยางโปยกยอปอปั้นไปทีหนึ่ง จากนั้นก็มองไปทางหูชิงชิงแวบหนึ่ง หรือว่าเขาต้องรับหูชิงชิงเป็นลูกศิษย์ หลิ่วมีดเดียวถึงได้อารมณ์ไม่ดีแบบนี้ ?


หยางโปทำได้เพียงแค่เดินไปทางหูชิงชิง จากนั้นหยางโปก็กระพริบตาปริบๆใส่หูชิงชิง ” เป็นอะไร ? “


” หลงเข้าซะแล้ว ! ” หูชิงชิงพูดเสียงต่ำออกมา


” ผละ ! ” หยางโปหลุดขำออกมาในทันที เขาคิดไม่ถึงว่าหลิ่วมีดเดียวปรมาจารย์ทางด้านแกะสลักผู้นี้จะมาเป็นแฟนตัวยงให้กับละครโทรทัศน์แบบนี้ได้


 


ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่สบายใจของหลิ่วมีดเดียว เขาจ้องเขม็งไปทางหยางโป ” หุบปาก อย่ามารบกวนฉัน ! “


หูชิงชิงกลอกตาไปมา จากนั้นก็ทำการแกะสลักต่อ


หยางโปก็หมดหนทาง ทำได้เพียงแค่นำผลงานของตัวเองออกมาวางบนโต๊ะ จากนั้นเขาก็หยิบตำราที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาเปิดอ่าน


แต่ไม่รู้ว่าเนิ่นนานเท่าไหร่ หยางโปจึงได้ยินเสียงโห่ร้องตะโกนออกมา เขาเงยหน้าขึ้นมอง แล้วก็เห็นว่าหลิ่วมีดเดียวได้ถอดหูฟังออกแล้ว จากนั้นก็หยิบผลงานการแกะสลักไม้ที่ตัวเองพามาชิ้นนั้นขึ้นมามองอย่างเหม่อลอย


 


ผลงานการแกะสลักไม้เป็นการแกะสลักของเขาในช่วงนี้ เขาไปซื้อไม้จากต้นลูกท้อที่ดูหยาบกระด้างจากในตลาดมาโดยเฉพาะและเริ่มลงมือแกะสลัก การแกะสลักภาพโป๊ยเซียนข้ามทะเลบนไม้ลูกท้อ ดูเหมือนว่าในเวลานี้ ฝีมือการแกะลักของเขาจะพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว ในตอนที่แกะสลักนั้น ก็ใช้สมาธิและปัญญาไปมากทีเดียว !


เมื่อเห็นใบหน้าของหลิ่วมีดเดียวแสดงอาการตกใจออกมา หยางโปจึงอดที่จะแสดงความตื่นเต้นดีใจออกมาไม่ได้


” นายใช้เวลาฝึกฝนนานแค่ไหนในทุกวัน ? ” หลิ่วมีดเดียวมองไปทางหยางโป


” ประมาณ5-6ชั่วโมง ” หยางโปพูด


 


หลิ่วมีดเดียวจ้องเขม็งไปทางภาพนั้นสักครู่ สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมา ” เอาละ นายไม่ต้องแกะสลักไม้อีกแล้ว ไปแกะสลักหยกเถอะ นายหยิบเอาหยกที่อยู่ตรงนั้นของฉันไปได้เลย ขัดเกลาให้ละเอียดก่อนแล้วค่อยลงมีแกะสลัก หลังจากที่แกะสลักเสร็จแล้ว ก็นำมาขายให้ฉันที่นี่ ! “


หยางโปแสดงอาการตื่นเต้นมาก เขาเข้าใจความหมายที่หลิ่วมีดเดียวพูดออกมา ระดับของเขาพัฒนาไปถึงระดับมาตรฐานแล้ว และถือว่าเขาออกงานได้แล้ว !


หูชิงชิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง ก็จ้องเขม็งไปทางกล่องใส่เครื่องเขียนนั้น ” อาจารย์ ไม่ยุติธรรมเลย อาจารย์เห็นแก่ตัว ทำไมหนูที่เรียนแกะสลักก่อนเขา แต่เขาดันได้ไปแกะสลักหยกแล้วละ ส่วนหนูกลับยังนั่งแกะสลักไม้อยู่เลย ? “


 


หลิ่งมีดเดียวมองไปทางหูชิงชิง เขานำกล่องใส่เครื่องเขียนนั้นยื่นออกไป ” นี่เป็นผลงานของรุ่นพี่เธอ เธอลองดูสิ แล้วนำมาเปรียบเทียบกัน ดูสิว่าผลงานของพวกเธอทั้งสองของใครดีกว่ากัน ? “


หูชิงชิงเบะปาก ” ของหนูดีกว่า ! “


” เห็นอยู่จะๆก็ยังจะพูดโกหก ! ” หลิ่วมีดเดียวตำหนิ สักพักเขาก็ถามขึ้นอีกครั้งว่า ” ตอนนี้เธอดูสิ ว่าของใครดีกว่ากัน ? “


หูชิงชิงชำเลืองมองดู จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยท่าทางหมดกำลังใจว่า ” ของเขาดีกว่านิดหน่อยเอง “


” เธอฝึกฝนแกะสลักไม้มา 6 ปีแล้ว บวกกับทักษะศิลปะของเธอก็สูงกว่า แต่ทำไมเธอถึงเทียบเท่าหยางโปไม่ได้ ? เป็นเพราะพรสวรรค์ ? ความขยัน ? หรืออะไรไหนเธอลองบอกสิ ” หลิ่วมีดเดียวจ้องมองไปทางหูชิงชิง


 


” ต้องเป็นพรสวรรค์สิ ! ” หูชิงชิงพุด


” แล้วความขยันละ ? ตอนนี้ฉันขอถามเธอสักหน่อย นอกจากที่ฉันแล้วนายได้กลับไปฝึกฝนที่บ้านบ้างไหม ? ” หลิ่วมีดเดียวถาม


ได้ยินแบบนั้นหูชิงชิงอึ้งก็งันไปในทันที

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม