เนตรเซียนทะลุสมบัติ 307-313
ตอนที่ 307 เปิดร้านใหม่อีกครั้ง
เมื่อกลับมาถึงถ้ำ ลัวย่าวหัว เฉาหยวนเต๋อและคนอื่นๆก็ทำการตรวจสอบรูปปั้นหินที่ฝั่งพร้อมกันอย่างละเอียดอีกครั้ง
ลัวย่าวหัวพูดขึ้นว่า ” ชาวญี่ปุ่นทั้ง 3 คนฆ่าตัวตายแล้ว พวกเราไม่เห็นยาพิษในปากของพวกเขาเลยสักนิดเดียว “
ลัวซือเต๋อมองไปแวบหนึ่ง ไม่เป็นไร ยังไงก็ประหยัดความยุ่งยากของเราไปได้
หยางโปที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ไม่ได้พูดมากความ
เมื่อดึงดูดลัวซือเต๋อเข้ามา ต่อไป ก็ทำการติดต่อสถาบันวิจัยโบราณคดีไปอีกครั้ง หยางโปไม่ได้หยุดพักชั่วคราว เขาและลัวย่าวหัว ตาอ้วนหลิวก็แยกตัวกันไปก่อน ในเมื่อไม่สามารถนำสมบัติติดตัวออกไปด้วยได้ จึงแยกตัวออกไปก่อนน่าจะดีกว่า
เมื่อกลับมาถึงโรงแรม หยางโปและคนอื่นๆก็กลับไปยังเมืองปักกิ่งทันที
หยางโปรับสายโทรศัพท์ของจิ่งซ่าวหัว ซึ่งอีกฝ่ายยินดีจะรับข้อตกลงการเดิมพัน
หยางโปรีบกลับมายังโรงประมูลจินหลิงด้วยความเร่งรีบ วัตถุโบราณที่เขาได้ทำการขนย้ายมาก่อนหน้านั้นได้มาถึงโรงประมูลจินหลิงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำลังรอให้เขามารับ เขาจำเป็นต้องจ่ายค่าดูแลรักษาที่ยืดเวลาออกไปเป็นจำวนวนหนึ่งก็เท่านั้น สิ่งสำคัญก็คือเขาไม่อาจวางใจวัตถุโบราณเหล่านั้นได้เลย
ลัวย่าวหัวช่วยในเรื่องของการจัดหาทนายความ จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ทำการลงนามข้อตกลง ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองปักกิ่ง หยางโปลงทุน 1 ล้านบาทเพื่อครองครองหุ้นส่วน 30% ของเว็บไซต์ถาวหัว และในเวลาเดียวกัน การค้าขายของเว็บไซต์ถาวหัวก็ได้ดำเนินการจัดตั้งเงื่อนไขเป็นที่เรียบร้อย ถ้าในสิ้นปีมียอดการขายต่ำกว่า 30 ล้าน หยางโปจะมีสิทธิซื้อหุ้นส่วนที่สูงขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้ หรือให้เว็บไซต์ถาวหัวซื้อคืนในราคาที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า !
เงื่อนไขแบบนี้พูดได้ว่าโหดร้ายมากทีเดียว แต่จิ่งซ่าวหัวไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ เมื่อปีก่อนมาจนถึงระยะหลังๆ เขาได้วิ่งวุ่นไปหาองค์กรในการลงทุน แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครลงทุนให้กับเว็บไซต์ของเขาเลยสักแห่ง ถ้าไม่สามารถจัดหาเงินทุนได้ เว็บไซต์ถาวหัวคงจะดำเนินการต่อไปไม่ได้
หลังจากสิ้นสุดการลงนามข้อตกลงแล้ว จิ่งซ่าวหัวก็ได้แสดงออกถึงความจนปัญญาอย่างเห็นได้ชัด
” คุณหยางโป ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ ! “
หยาบโปจับมือกับอีกฝ่าย ” หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นครับ หวังว่ากิจการของพวกเราจะสามารถพัฒนาไปอย่างราบรื่นได้ ผู้จัดการจิ่งโปรดวางใจได้เลยนะครับ ผมไม่รบกวนการดำเนินงานของเว็บไซต์ถาวหัวอย่างแน่นอน “
” ขอบคุณมาก ” จิ่งซ่าวหัวพูดขึ้น
เพราะหยางโปต้องนั่งเครื่องกลับโดยด่วน ลัวย่าวหัวจึงได้ไปส่งเขาที่สนามบิน จากนั้นก็อดที่จะถามขึ้นไม่ได้ว่า ” นายคิดว่าต่อไปเว็บไซต์ของเราจะพัฒนาขึ้นไปได้ไหม ? เว็บไซต์ถาวหัวเป็นการขายภาพอออนไลน์ อาจจะไม่ประสบความสำเร็จก็ได้นะ ! “
หยางโปหัวเราะออกมา ” นายไม่คิดบ้างเหรอว่ากิจการนี้สอดคล้องเหมาะสมกับการขายภาพถ่ายของนายมากแค่ไหน ? เพียงแต่นำการโฆษณาแบบไม่ผ่านสื่อออนไลน์ BTL ย้ายมาในรูปแบบการโฆษณาแบบผ่านสื่อออนไลน์ ATL อีกทั้งยังเพิ่มการตลาดเฉพาะทางอีกด้วย ฉันถูกใจเว็บไซต์ถาวหัวมาก ถึงมันจะเล็ก แต่ศักยภาพในการพัฒนานั้นมหาศาลมากทีเดียวเลยละ ! “
” นายน่าจะเห็นแล้ว ผลงานที่ถูกขายออกไปผ่านทางเว็บไซต์ถาวหัวมากมายเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นผลงานของนักเรียนโรงเรียนสอนศิลปะ ไม่ก็ศิลปินของเหล่าวัยรุ่นทั้งนั้น ถึงพวกเขาจะไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังมากมายก็ตาม แต่ทักษะความสามารถยอดเยี่ยมมาก เมื่อเป็นแบบนี้ ราคาของสินค้าจึงได้ต่ำลงมา “
” ถ้าพูดถึงครอบครัวธรรมดาละก็ หลังจากที่ตกแต่งและปรับปรุงแล้ว ถึงจะเป็นผลงานศิลปะที่เอาไว้ประดับกำแพงก็ตาม แต่มันก็เป็นผลงานศิลปะที่ซื้อมาในราคาที่ไม่แพงนัก นี่คือเรื่องที่เว็บไซต์ถาวหัวจำเป็นต้องทำ มันเชื่อมต่อการตลาดทั้งสองแบบ แถมยังให้ความต้องการและการเสนอเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน นี่เป็นสภาพการณ์ที่ชนะขาดลอยทั้งสองรูปแบบ !
ลัวย่าวหัวหันไปมองหยางโปแวบหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” เดิมที ฉันรู้สึกว่าธุรกิจนี้ไม่มีอนาคตมากมายนัก เมื่อฟังนายวิเคราะห์แบบนี้แล้ว มันน่าจะต้องมีอนาคตอย่างแน่นอน นายน่าจะบอกฉันให้เร็วกว่านี้นะ ไม่อย่างนั้น ฉันจะได้ลงทุนด้วย หรือไม่ก็ยังสามารถร่วมมือกันขายรูปภาพในอนาคตก็ได้ ! “
หยางโปหัวเราะคิคิออกมา ” ก่อนหน้านั้นฉันก็เคยลากนายมาแล้ว แต่นายไม่ยอมมาเอง อย่ามาโทษฉันเลยนะ ! “
เมื่อมาถึงโรงประมูลจินหลิง ท้องฟ้าก็มืดพอดี หยางโปจึงนั่งรถแท็กซี่ต่อไป จากนั้นก็โทรศัพท์หาบริษัทขนส่ง เพื่อบอกให้มาทำการแลกเปลี่ยนสินค้าในตอนเช้าของวันพรุ่งนี้ ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว คงจะมองกันไม่เห็นแน่นอน หยางโปก็เลยกลัวว่าบริษัทขนส่งจะมีพิรุธ
เมื่อกลับมาถึงบ้าน หยางโปก็ทนเหนื่อยต่อไปไม่ไหว เขาจึงได้รีบขึ้นไปอาบน้ำแล้วเข้านอนในทันที
วันที่สอง หยางโปก็มาถึงร้านค้าตั้งแต่เช้า จากนั้นก็ทำความสะอาดร้านค้าอย่างละเอียดรอบหนึ่ง แล้วใช้ผ้าขี้ริ้วเช็ดโต๊ะและเก้าอี้จนสะอาดอีกครั้ง
9 นาฬิกา บริษัทขนส่งก็มาถึง หยางโปได้นำผลงานชิ้นหนึ่งออกมา แล้วทำการประเมินอย่างละเอียดอีกรอบหนึ่ง หลังจากที่แน่ใจว่าสินค้าไม่มีปัญหาอะไร จึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
วันที่ 8 ค่ำตามปฏิทินจันทรคติ ร้านค้าส่วนย่อยที่ไม่ทำการเปิดมาเป็นเวลานานก็ได้พากันเปิดร้านอย่างฉับพลัน ทำให้เหล่าเพื่อนร่วมเดินทางที่ผ่านถนนเส้นนี้มากมายก็พากันตื่นตกใจมากทีเดียว เมื่อปีที่แล้ว ร้านค้าย่อยเหล่านี้ได้เปรียบเป็นอย่างมาก เถ้าแก่ไม่เพียงแต่จะขายของวัตถุโบราณทั้งหมดไปแล้ว อีกทั้งยังมีการแสดงละครตลกอย่างคึกคักด้านนอกประตูอีกด้วย ต่อมาก็ได้ยินมาว่าพ่อและน้องของเถ้าแก่ต่างก็ถูกจับในข้อหาขโมย เรื่องแบบนี้ ทำให้ทุกคนสนทนากันอย่างสนุกปากกันเลยทีเดียว
เพียงแค่หยางโปเปิด ก็มีเพื่อนร่วมเดินทางไม่น้อยพากันเข้ามามุงดูกันอย่างคึกคักแล้ว หยางโปเองก็ได้แต่ปล่อยพวกเขาไป
แต่ หลังจากที่เถ้าแก่ที่มีคนมามุงดูด้วยความคึกคักนั้นเห็นวัตถุของหยางโปเข้า ก็ตะลึงงันไปในทันที
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกัวปาผี ที่เดิมทีตั้งใจจะมามุงดู ได้เห็นผลงานชิ้นเอกมากมายถูกนำออกมาวาง จึงรู้สึกโกรธเคืองขึ้นมาทันที เมื่อคิดๆดูแล้วหยางโปเองก็เคยเป็นเด็กฝึกงานในร้านตัวเองมาก่อน แต่ตอนนี้กลับเหนือชั้นกว่าตัวเองแล้ว อีกทั้งยังไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย ดูเหมือนในตอนที่ตัวเองนั้นมองดูฝีมือที่เหนือชั้นกว่าของ
หยางโป รสชาติความข่มขื่นนี้ เขานั้นยากที่จะแสดงออกมาให้เห็นได้
กัวปาผีเดินเตร็ดเตร่อยู่ในร้าน โดยที่ไม่มีผลงานที่ถูกใจอยู่สักพัก จนกระทั่งในตอนที่หยางโปได้นำถ้วยลายครามในรัชสมัยของจักรพรรดิเจียจิ้งขึ้นมาวาง กัวปาผีก็ไม่ได้สนใจที่จะหยิบขึ้นมาดูแม้แต่น้อย เขาทำเหมือนกับตัวเองนั้นก็มีผลงานชิ้นโบแดงอยู่ในมือแล้วยังไงอย่างนั้น
เขาจ้องเขม็งไปทางจานรองที่ทำขึ้นด้วยทองสัมฤทธิ์ใต้ถ้วยลายครามนั้น ก่อนจะหันหน้าไปมองวัตถุอื่นๆอีกครั้ง ด้วยความรู้สึกยินดีปรีดาอยู่ในใจ
” เถ้าแก่หยาง วัตถุทั้งหมดนี้ของนายเป็นของจริงใช่ไหม ? ” กัวปาผีถามขึ้น
หยางโปหันหน้าไปมอง จากนั้นก็พยักหน้า ” แน่นอนครับ ! “
” ชิ้นนี้ไม่ใช่นะ ! ” กัวปาผีหยิบถ้วยลายครามขึ้นมาแล้วยิ้มก่อนจะพูดขึ้น
หยางโปหันหน้าไปมอง ก็เห็นถ้วยปั้นลายครามใบหนึ่งอยู่ในมือของเขา ถ้วยปั้นลายครามและถ้วยชานั้นมีขนาดเกือบเท่าๆกัน เพียงแต่ถ้วยที่วางอยู่ในมือนั้น มีปากถ้วยที่บานออกนั้นประสานเข้ากับมือพอดี ดังนั้นจึงถูกเรียกว่าถ้วยปั้นลายคราม เขาเองก็เพิ่งจะได้เห็น ย่อมไม่มีปัญหาอะไรอย่างแน่นอน
” เถ้าแก่หยาง ถ้วยปั้นลายครามชิ้นนี้ ไม่แตกต่างกับชิ้นอื่นหรอก เพียงแต่ว่าอักขระที่เขียนว่า ‘ จักรพรรดิเจียจิ้งในราชวงศ์หมิง ‘ ใต้จานรองทองสัมฤทธิ์ชิ้นนี้ไม่ถูกต้อง ! ” กัวปาผีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่เบามากนัก ดังนั้นผู้คนมากมายในร้านที่ดูคึกคักแห่งนี้ต่างก็หันกลับมามองเป็นตาเดียว
หยางโปเงยหน้าขึ้นมอง แล้วก็เห็นว่ากัวปาผีจับจานรองถ้วยปั้นลายครามอยู่ในตำแหน่งตรงข้ามกับเขาพอดี จึงได้เห็นตัวอักษร หกตัวที่เรียกกันเป็นวงแหวนว่า ” สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเจียจิ้งในราชวงศ์หมิง “
หยางโปจึงอดยิ้มออกมาไม่ได้ ” เถ้าแก่กัว คุณมองอย่างละเอียดอีกครั้งสักหน่อยไหมครับ ? “
กัวปาผียกถ้วยลายครามขึ้นมาจากนั้นก็พูดขึ้นว่า ” ไม่ต้องดูมาก ฉันก็รู้แล้วว่าถ้วยลายครามนั้นมีปัญหาอย่างแน่นอน ! “
หลิวเหลียงอวี่เปิดประตูเข้ามาได้ยินพอดี ก็รีบเดินเข้ามา ก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ ” เถ้าแก่กัว หากความรู้น้อยก็ไม่ต้องพูดจามั่วซั่วให้มากความ เครื่องทองสัมฤทธิ์ชิ้นนี้มีหลายรูปแบบ แต่จานรองชิ้นนี้กลับมีไม่มากนัก บังเอิญว่าวัตถุที่ถูกสร้างขึ้นมาในช่วงสมัยจักพรรดิเจียจิ้งในราชวงศ์หมิงมีถ้วยรองชิ้นนี้อยู่พอดี ” !
กัวปาผีรู้ว่าหลิวเหลียงอวี่มีความรู้มากกว่าตัวเอง แต่เขาก็รู้ว่าหลิวเหลียงอวี่และหยางโปนั้นสนิทกันมาด้วย “เถ้าแก่หลิว คุณไม่ต้องมาหลอกฉันเลย!”
“กลับไปอ่านหนังสือหลายๆรอบแล้วค่อยกลับมานะ” หลิวเหลียงอวี่มองไปทางกัวปาผีเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นอย่างจนปัญญา
กัวปาผีหัวเราะเยาะเย้ยท่ามกลางกลุ่มคน ก่อนจะหนีออกไปอย่างอับจนหนทาง !
ตอนที่ 308 บ้านเก่า
เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น ไม่นานทุกคนก็ต่างพากันแยกย้ายออกไป
หลิวเหลียงอวี่หันไปพูดกับหยางโปว่า ” ฉันคิดว่านายจะไม่กลับมาซะแล้ว “
” ตอนผมเดินเตร็ดเตร่อยู่ด้านนอก ก็ยังรู้สึกคุ้นเคยที่นี่เหมือนเดิม ” หยางโปยิ้มพร้อมกับพูดขึ้น เขายังเป็นวัตถุที่สมบูรณ์แบบอยู่เช่นเคย
หลิวเหลียงอวี่มองวัตถุโบราณที่ตั้งอยู่บนชั้นวาง ด้วยท่าทางตื่นตกใจ ” นายซื้อมาจากที่ไหนเหรอ ? “
” พานเจียหยวน ” หยางโปพูดขึ้น
หลิวเหลียงอวี่ประหลาดใจขึ้นมา แต่ ไม่นานเขาก็ส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นว่า ” โชคดีจริงๆเลยที่นายมีเวลาเดินเยี่ยมชมอยู่ตลอด ตอนนี้ฉันกลับมาเร็ว น่าจะต้องรออีกสักหน่อย “
หยางโปยิ้มเล็กน้อย โดยไม่มีพูดอะไรออกไปอีก
ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง หลิวเหลียงอวี่ก็ได้เอ่ยปากขึ้นว่า ” ก่อนหน้านั้น สมาคมนักสะสมที่อยู่ในตลาดอยากจะเชิญนายเข้าร่วมสมาคมด้วย แต่ก็หานายไม่เจอ ดังนั้นการ์ดเชิญจึงถูกส่งมาหาฉันที่นี่ ฉันก็ลืมบอกนายในช่วงฉลองปีใหม่ ครั้งนี้เลยอยากจะบอกนายสักหน่อย “
ในขณะที่พูด หลิวเหลียงอวี่ได้ล้วงเข้าไปหยิบการ์ดเชิญขึ้นมาวางเอาไว้บนโต๊ะ
หยางโปกวาดตามอง ” ได้ ผมจะกลับไปดูละกัน ! “
” ยังไง นายก็รีบบอกฉันก็แล้วกันว่าจะปฏิเสธหรือตกลง ? ที่นั้นต้องการคำตอบจากฉัน นายบอกกับฉันโดยตรงก็พอ ” หลิวเหลียงอวี่พูดขึ้น
หยางโปหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า ” งั้นก็ช่างมันเถอะ ผมเองก็ไม่มีอารมณ์จะไปเข้าร่วมกิจกรรมหรอก “
” ฉันรู้สถานการณ์ในตอนนี้ดี ” หลิวเหลียงอวี่พูดขึ้นอย่างจนปัญญา หลังจากพูดคุยกันอีกไม่กี่ประโยคเขาก็แยกจากไป
หยางโปเสียเวลาไป 1 วันเต็ม ด้วยการเก็บกวาดทำความสะอาดในร้านค้า เขานำผลงานล้ำค่าจัดวางเอาไว้ด้านนอกเพียงครึ่งหนึ่ง เพราะแบบนี้จะทำให้ง่ายต่อการเก็บกลับเข้าตู้ในเวลากลางคืน
วันที่สองของการเปิดร้าน เพราะคนที่รู้นั้นมีไม่เยอะมากนัก ดังนั้นการค้าของหยางโปจึงไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
วันที่สอง หยางโปได้ขับรถออกไปยังไซต์ก่อสร้างที่กำลังปรับปรุงโรงประมูลจินหลิงชุน ภายในห้องนั้นยังปรับปรุงแก้ไขไปเพียงแค่ครึ่งเดียว หยางโปเห็นซือห้าวที่ลัวย่าวจ้างมาเป็นผู้จัดการในตอนนี้
เมื่อชือห้าวเห็นหยางโปก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็รีบเอ่ยปากอธิบายว่า ” ผู้อำนวยการหยาง ช่วงนี้เป็นวันเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน คนงานจึงได้กลับไปฉลองก่อนแล้ว ดังนั้นจึงส่งผลให้การทำงานเป็นไปอย่างล่าช้า “
หยางโปโบกมือไปมา ” ปกติ ใครๆก็ต้องกลับไปเฉลิมฉลองวันปีใหม่ทั้งนั้นแหละ แล้วจะกลับมาทำงานกันเมื่อไหร่ละ ได้ทำการตกลงกับฝ่ายก่อสร้างเอาไว้ไหม ? “
” คุณวางใจเถอะ ก่อนปีใหม่พวกเราได้ทำการเซ็นสัญญาข้อตกลงกับฝ่ายก่อสร้างเอาไว้แล้ว พวกเขาจะต้องกลับมาทำงานให้ตรงเวลา ก่อนหน้านั้นผมก็ได้ติดต่อไปแล้ว เกรงว่าน่าจะประมาณหลังวันที่ 15 เป็นต้นไปถึงจะกลับมาทำงานกันอย่างปกติ ” ชือห้าวพูด
หยางโปพยักหน้า เขาก็ค่อนข้างเข้าใจสถานการณ์นี้เป็นอย่างดี ” งั้นก็ดี ผู้อำนวยการลัวมาไม่ทัน ฉันจะอยู่โรงประมูลนี้ตลอดเวลา ถ้านายมีธุระอะไร ก็สามารถติดต่อฉันได้โดยตรงเลยนะ “
” ครับ หากมีเรื่องผมจะรายงานคุณคนแรกเลยครับ ” ชือห้าวพูดขึ้น
เมื่อแยกออกจากไซต์ก่อสร้างแล้ว หยางโปก็ได้ขับรถอ้อมรอบหนึ่ง จากนั้นก็เพิ่มความเร็วอย่างรวดเร็ว ตรงไปยังบ้านเกิดทันที
ในตอนที่หยางโปขับรถมาถึงบ้านเกิด ก็เป็นเวลาเที่ยงเข้าไปแล้ว เขายืนอยู่หน้าบ้านด้วยความรู้สึกเป็นกังวล ตั้งแต่ออกจากบ้านเกิดไปเมื่อ 3 ปีก่อน เขาก็ไปเร่ร่อนทำมาหากินด้วยตัวเอง เขาคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะสามารถก้าวมาไกลได้ถึงวันนี้ แล้วก็ยิ่งคิดไม่ถึงว่าตัวเองและพ่อลูกหยางจะสามารถก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาอยู่ในสถานการณ์นี้ได้
เขาเคาะประตู ไม่นานประตูก็ถูกเปิดออก !
” เสี่ยวโป ! “
เฉิงหยวนซานเปิดประตูออกมา เมื่อเห็นหยางโปยืนอยู่ด้านนอก ก็ตื่นตกใจขึ้นมาในทันที ” เสี่ยวโป นาย…… นายมาได้ยังไง ? “
หยางโปพยักหน้า ” อื้อ กลับมาดูที่นี่สักหน่อยน่ะ ! “
เมื่อพูดจบ หยางโปก็ถือของเดินเข้าไปข้างในทันที เฉิงหยวนซานก็ขวางเอาไว้ไม่ทัน
เมื่อหยางโปเดินเข้าไป ก็เห็นลุงเขยและน้าสาวนั่งอยู่ในห้องรับแขก ต่างก็หันมามองเขาด้วยความตื่นตกใจ เขาเกิดความรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย ” น้าสาม พวกอาก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอครับ แล้วแม่ละ ? “
” อ่า ? แม่ของนายเหรอ ? ” น้าสามอึ้งงันไป ” แม่นายไม่อยู่ “
” ไม่อยู่ ? แม่ไปไหน ? ” หยางโปมองออกไป ลางสังหรณ์แปลกๆก็ได้ปรากฏขึ้นมาอย่างฉับพลัน เขามองออกไปรอบๆทั้งสี่ทิศทาง การตกแต่งภายในห้องช่างแตกต่างจากเมื่อก่อนมากเลยทีเดียว อีกทั้งยังสามารถมองออกด้วยว่าที่นี่เพิ่งจะปรับปรุงตกแต่งไปได้ไม่นาน นิสัยมัธยัสถ์ของแม่ ไม่มีทางยอมเสียเงินปรับปรุงตกแต่งมากมายขนาดนี้แน่ๆ
” อ่า ! ” น้าสามเกิดความกระวนกระวายใจขึ้นมา จากนั้นก็มองไปทางเฉิงหยวนซาน ” หยวนซาน คุณป้าของนายละ ? “
เฉิงหยวนซานอึ้งงันไปเล็กน้อย โดยที่ไม่พูดอะไรออกมา
หยางโปนั่งลงบนโซฟาอย่างสบายๆ ก่อนจะนำของบำรุงกำลังขึ้นมาวางด้านข้าง จากนั้นก็หันไปมองน้าซาน แล้วพูดขึ้นว่า ” คนเป็นทั้งคนไม่น่าถึงกับหายสาบสูญไปหรอกมั้งครับ ? “
น้าซานหัวเราะเยาะเย้ยออกมา ก่อนจะหยุดไปสักพัก ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” แม่นายบอกว่าไม่มีเงินติดตัวแล้ว เลยอยากจะขายห้องนี้ไป ฉันเลยประเมินว่าที่นี่มันธรรมดาเกินไป ขายยังไงก็ไม่ได้เงินมากเท่าไหร่หรอก
ส่วนหยวนซานก็จะแต่งงานพอดีด้วย ห้องภายในบ้านก็ใช้ไม่พออย่างแน่นอน ดังนั้นจึงเซ้งขายออกไป “
หยางโปมองออกไป จากนั้นก็อ้าปากถามขึ้นว่า ” เซ้งขายไปได้เท่าไหร่ละ ? “
” 250,000 “
หยางโปพยักหน้า ราคานี้ไม่ถือว่าสูงเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ต่ำเกินไป เป็นราคาที่สูงกว่าราคาตามจริงของห้องนี้ซะอีก น้าซานน่าจะไม่ได้โกหกจริงๆ
” แม่อยู่ที่ไหน ? ” หยางโปถอนหายใจออกมา ก่อนจะถามขึ้น
” กลับชนบทไปแล้ว พ่อนายมีบ้านเก่าอยู่ที่บ้านเกิด ตอนแรกฉันก็อยากให้แม่นายอยู่เฉลิมฉลองด้วยกันนะ แต่เธอยืนยันว่าจะกลับ ตอนนี้เธอน่าจะอยู่บ้านหลังเก่าในชนบทแล้ว ” น้าซานพูดขึ้น
หยางโปพยักหน้า ” น้าซาน ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นผมก็ขอตัวกลับก่อนก็แล้วกันครับ “
” เสี่ยวโป กินข้าวแล้วรึยัง ? ถ้ายังไม่กิน น้าซานจะไปหามาให้ “
” ไม่ต้องหรอกครับ “
” เอายาบำรุงนี้ไปด้วย เอาไปให้แม่ของนายเถอะ “
” ไม่เป็นไร ผมซื้อมาให้คุณ “
หยางโปเดินออกไปยังพื้นที่เล็กๆ จากนั้นก็ขับรถไปยังชนบททันที เขาจำบ้านหลังเก่าในชนบทไม่ได้แล้ว เขาจำได้แค่ว่าตอนที่กลับไปนั้นเขายังเด็กมาก ต่อมาเมื่อคุณปู่และคุณย่าเสีย เขาก็ไม่ได้กลับไปอีกเลย เขาเองก็คิดไม่ถึงว่า แม่หยางจะทำแบบนี้ นั่นคือการขายบ้าน
เมื่อใช้การถามทางในการนำล่อง ในที่สุดหยางโปก็เดินทางมาถึงชนบทจนได้ สิ่งปลูกสร้างในชนบทนั้นได้รับการซ่อมแซมขึ้นมาใหม่ไปกว่าครึ่ง เขาจำไม่ได้ว่าบ้านเก่านั้นอยู่ที่ไหน ทำได้เพียงแค่จอดรถแล้วถามทางเท่านั้น
” คุณลุง บ้านของหยางเจี้ยนหมิงไปทางไหนครับ ? ” เมื่อหยางโปเจอกับชายแก่ชราคนหนึ่ง เขาก็ได้ลงจากรถมาถามทางทันที หยางเจี้ยนหมิงคือพ่อของหยางโปนั่นเอง
” หยางเจี้ยนหมิง ? ” ชายชราเกิดความสงสัยขึ้นเล็กน้อย ” หยางเจี้ยนหมิงไม่อยู่ที่นี่กว่า 20 ปีแล้ว ครอบครัวของเขาน่าจะย้ายไปในเมืองแล้วละ ! “
” ครอบครัวของเขาไม่มีบ้านเก่าเหรอครับ ? ” หยางโปดึงบุหรี่มวนหนึ่งออกมาแล้วยื่นออกไป
ชายชรายิ้มตาหยีพร้อมกับรับมา ” อ่า บ้านเก่าน่ะมี บ้านหลังคารั่วที่อยู่ทางตะวันตกของชนบทหลังนั้น นายเดินไปตามทางทิศตะวันตก เมื่อถึงแล้วก็จะเห็นเองแหละ ! “
” ครับ ขอบคุณมากจริงๆ ” หยางโปพูดขึ้น
เมื่อขึ้นรถแล้วเขาก็ขับตรงไปทางทิศตะวันตกทันที ถนนในชนบทนั้นแคบมาก แต่ก็ราบเรียบมาก เมื่อขับรถมาถึงทิศทางตะวันตกของชนบท ก็เห็นบ้านหลังคารั่วเก่าผุพังหลังหนึ่ง ในที่สุดเขาก็จำได้ขึ้นมาทันที นี่เป็นสถานที่ที่เขาเคยมาตอนเด็กๆ
รากฐานของชนบทถูกปกคลุมไปด้วยอาคาร 3 ชั้นที่มีชื่อว่า เสี่ยวหยางฝาง บ้านมุงหลังคาแห่งนี้เป็นสิ่งปลูกสร้างที่เก่าแก่ที่สุดในชนบท หยางโปสามารถมองเห็นแผ่นกระเบื้องหลังคาที่ผุพังไปแล้วได้อย่างชัดเจน
หยางโปเห็นเสื้อผ้าที่กำลังตากแดดอยู่นอกบ้าน ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจลงมา แม่หยางต้องย้ายมาอยู่ที่นี่แล้วแน่ๆ
ตอนที่ 309 กระถางธูปซวนเต๋อ
เมื่อรถจอดหน้าประตู หยางโปก็ลงจากรถแล้วเดินเข้าไป
บ้านที่มุงด้วยหลังคาสีเงินก่อด้วยอิฐสีแดงทั้งหลังได้ถูกรื้อออก บ้านเก่าหลังนี้ไม่มีคนอยู่มาเป็นระยะเวลานาน ไร้การซ่อมแซมมาหลายปี การชำรุดเสียหายจึงค่อนข้างร้ายแรงมาก หน้าบ้านเป็นพื้นดิน มีรั้วล้อมรอบอยู่ทางด้านทิศตะวันออก ภายในรั้วนั้นมีคอกเล็กๆอยู่ เหมือนกับเพาะปลูกอะไรบางอย่าง
ในตอนที่หยางโปเดินเข้าไปนั้น ก็เห็นแม่หยางกำลังถือบุ้งกี๋อันหนึ่งเดินออกมา ซึ่งในบุ้งกี๋นั้นได้บรรจุข้าวเอาไว้เป็นจำนวนมาก
” แม่ ! “หยางโปตะโกนออกไป คำเรียกนี้เขาใช้มานานกว่า 20 ปี ตั้งแต่ที่พ่อให้กำเนิดปรากฏตัวขึ้น เขาก็ไม่มีทางที่จะรับมันได้อีก
แม่หยางเงยหน้าขึ้น ด้วยความที่ไม่ได้เจอกันเป็นเวลา 2 เดือน เส้นผมของเธอได้เปลี่ยนเป็นสีเทา เธอหรี่ตาลง
มองไปทางหยางโป มือข้างหนึ่งสั่นเทา ส่งผลให้บุ้งกี๋ร่วงหล่นลงจากมือ
หยางโปรีบวิ่งเข้ามา ” แม่ แม่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ ? “
แม่หยางส่ายหน้า ” ไม่เป็นไรจ๊ะ “
เมื่อพูดจบ เธอก็คุกเข่าลงเพื่อเก็บข้าวที่หกเหล่านั้นขึ้นมา
หยางโปขวางเธอเอาไว้ ” ช่างมันเถอะครับ มันสกปรกหมดแล้ว “
แม่หยางอึ้งงันไปเล็กน้อย ” แม่จะเก็บไปให้ไก่ ! “
ได้ยินแบบนั้นหยางโปจึงช่วยแม่หยางเก็บข้าวขึ้นมา แม่หยางเงยหน้าขึ้นไปมองเขา ” ลูกกินข้าวมาแล้วรึยัง ? “
” ยังเลยครับ ” หยางโปพูด
” แม่จะไปเอาบะหมี่มาให้ลูกกินนะ ! ” แม่หยางพูดพร้อมกับหมุนตัวเดินเข้าไปในห้องครัว
ห้องครัวเป็นคอกเล็ก ๆที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่อยู่ด้านนอก ซึ่งคอกทั้งสี่ด้านไม่มีแม้แต่ที่กั้นใด ๆ มีเตาแก๊สวางอยู่ด้านใน แม่หยางกำลังวุ่นอยู่กับการทำอาหารอย่างรีบร้อน หยางโปจึงทำได้แค่เพียงเดินเข้าไปในบ้าน
บ้านเก่าทรงเตี้ยแห่งนี้ทั้งอึมครึม และทั้งเปียกชื้น เมื่อหยางโปเดินเข้าไป ก็ได้กลิ่นพวกเชื้อราขึ้นมาทันที ที่นี่ไม่มีใครอยู่มาเป็นเวลานาน แม่หยางจึงได้จัดการทำความสะอาด แต่ก็ไม่สามารถซ่อนเร้นอากาศที่ชื้นนี้ได้ จนกระทั่งหยางโปเห็นมุมโต๊ะที่ตั้งอยู่ภายในห้องเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำแล้ว นี่เป็นร่องรอยหลังจากที่ทำความสะอาดราชื้นเหล่านั้นออกไป
ภายในบ้านได้กั้นห้องหนึ่งเอาไว้ ลักษณะห้องทุกอย่างเหมือนกันหมด แต่ภายในห้องนั้นว่างเปล่า มีเพียงเตียงหลังหนึ่งที่วางอยู่ตรงมุมกำแพง ตู้ 1 ใบ ส่วนตรงกลางของห้อง ก็มีแท่นที่ตั้งบูชารูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมสีขาวรูปหนึ่งวางอยู่
แม่หยางได้ยกอาหารเข้ามา พลางพูดขอโทษว่า ” ที่นี่ค่อนข้างโกโรโกโสไม่ค่อยเรียบร้อยไปหน่อย ลูกกินแก้ขัดไปก่อนสักมื้อนะ เดี๋ยวแม่ออกไปซื้อผักมาเพิ่ม ! “
หยางโปนั่งลงบนม้านั่งตัวยาว ” ไม่ต้องวุ่นวายหรอกครับ ผมกินอะไรก็ได้ “
เมื่อพูดจบเขาก็รับตะเกียบมา แล้วคีบกินในทันที
บะหมี่เป็นเพียงบะหมี่ต้มธรรมดาทั่วไป ผสมด้วยต้นหอม แล้วก็ผักกาด เมื่อกินเข้าไปแค่ 2 คำ หยางโปก็เห็นไข่ต้มใบหนึ่งในนั้น จมูกของเขาเปรี้ยวขึ้นมาเล็กน้อย เขายังจำได้ว่าตอนเด็กๆ มักจะไม่ยอมกินไข่ต้ม แม่หยางจึงบีบบังคับให้เขากินมันลงไป
” แม่มาอยู่บ้านเก่าตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ ? ” หยางโปพูดเสียงต่ำ
แม่หยางก้มหน้าลง จากนั้นก็เงียบไปในทันที ” ใกล้จะ 1 เดือนแล้ว “
หยางโปส่ายหน้าด้วยความสงสัย ” ทำไมถึงได้เอาบ้านที่อยู่ในเมืองขายออกไปละ ? “
แม่หยางก้มหน้าลง โดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
หยางโปอึ้งงันไป ถึงเขาจะไม่ถามเยอะ และแม่หยางไม่ได้พูดอะไรออกมาก็ตาม แต่เขาก็รู้ว่าแม่หยางอยากจะเก็บออมเงินเอาไว้ เมื่อพ่อของพวกเขาออกมา ก็จะสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น พ่อของหยางโปป่วยเมื่อปีที่แล้ว เขาอาลัยอาวรณ์ไม่อยากขายบ้าน แต่ตอนนี้ก็ถูกขายออกไปแล้ว หยางโปกลับรู้สึกผ่อนคลายออกมาขึ้นมาอย่างฉับพลัน
รสชาติบะหมี่ที่คุ้นเคย ต่อให้ผ่านไป20 ปีก็ไม่เคยเปลี่ยน ทำให้กระเพาะของเขาอุ่นหลังจากที่กินลงไป เพียงแต่เมื่อเห็นสิ่งแวดล้อมที่แม่หยางอยู่ เขากลับไม่ได้สบายใจเลยสักนิดเดียว
” แม่กลับไปอยู่ในเมืองกับผมเถอะ ! ” หยางโปเอ่ยปากพูด
แม่หยางส่ายหน้า ” ช่างเถอะ แม่อยู่คนเดียวที่นี่ก็ดีอยู่แล้ว เพื่อนบ้านที่นี่ก็ยังอยู่ ว่างไม่ว่างก็ไปเที่ยวบ้านเพื่อนได้ ! “
” บ้านก็รั่ว ชีวิตที่นี่ไม่สะดวกสบายเลยนะแม่ ผมเห็นในบ้านก็ไม่มีเครื่องทำความอุ่นด้วย ตอนกลางคืนคงจะหนาวแย่ ” หยางโปพูดต่อ
” ไม่เป็นไร มีแสงแดดสาดส่องก็ได้แล้ว “แม่หยางยังคงพูดยืนหยัดต่อไป
หยางโปหันไปมองแม่ของเขา เมื่อเห็นใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความดื้อรั้น ก็รู้ในทันทีว่าเธอต้องโกรธเคืองอยู่ในใจแน่นอน เพราะเธอคิดมาโดยตลอดว่าหยางโปนั้นมีความสามารถพาพ่อของพวกเขากลับออกมาได้อย่างแน่นอน
หยางโปก็มั่นใจว่าสามารถทำแบบนี้ได้ ดังนั้นเขาก็จึงไม่ได้อธิบายไปมากกว่านี้
เมื่อกินบะหมี่หมด หยางโปก็ยืนขึ้น แล้วออกไปล้างจาน เขามองไปทางแม่แล้วพูดขึ้นว่า ” ผมขอออกไปเดินเล่นสักหน่อยนะ ! “
แม่หยางพยักหน้า โดยไม่ได้ยืนขึ้น เธอยังคงนั่งตากแดดอยู่บนม้านั่งตรงประตูอยู่เช่นเดิม
ในใจของหยางโปกำลังครุ่นคิดวิธีการแก้ปัญหา ถึงเขาจะไม่ยอมเจอพ่อลูกหยางก็ตาม แต่แม่หยางยังปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดี บุญคุณที่ดูแลเขามายาวนานกว่า 20 ปี ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้นที่จะตัดใจได้ !
ครอบครัวกว่าครึ่งที่อยู่ในชนบทนี้มีการสร้างตึกอาคารบ้านช่องขึ้นมาใหม่ มีทิศตะวันตกเท่านั้นที่ยังมีบ้างมุงหลังคาอยู่ 2 หลัง หลังหนึ่งคือบ้านของเขา อีกหลังหนึ่งคือวัดถู่ตี้
วัดถู่ตี้ที่นี่เล็กมาก มีพื้นที่เพียง 20-30 ตารางเท่านั้น วัดถู่ตี้แห่งนี้ถูกรื้อถอนมาตั้งแต่ศตวรรษ 60 หลังจากนั้นก็ถูกปฏิรูปแล้วเปิดให้ใช้บริการ และถูกเหล่าคนในชนบทสร้างขึ้นมา จึงทำให้มีขนาดเล็กลงมากทีเดียว
ด้านนอกของวัดถู่ตี้มีคำขวัญคู่หนึ่งแขวนเอาไว้อยู่ทั้งสองข้าง ” เมี่ยว เสี่ยว เสิน ทง ต้า เทียน เกา รื้อ เยวี่ ฉาง ” ตัวอักษรตั้งตรงมีอานุภาพที่ทรงพลัง เมื่อหยางโปตอนเด็กๆ ก็เคยมาเล่นที่นี่อยู่บ่อยครั้ง และเขามักจะแอบขโมยผลไม้บนโต๊ะอยู่เสมอๆ ต่อมาเขาก็มาที่นี่น้อยลง
ในวัดถู่ตี้ มีการถวายบูชาเทพเจ้าถู่ตี้ เทพเจ้าถู่ตี้ท่านเมตตากรุณามาก ส่วนด้านหน้าของรูปปั้นเทพเจ้าถู่ตี้มีกระถางธูปกระถางหนึ่ง ในนั้นเต็มไปด้วยธูปหอม ด้านบนยังมีเศษการเผาไม้ลอยวนขึ้นไปอยู่ไม่น้อย
หยางโปกวาดสายตามองออกไป และกำลังทำท่าจะหมุนตัวจากไป แต่กลับอึ้งงันไปอย่างฉับพลัน เพราะเขาพบว่ากระถางธูปที่มีหูจับทั้งสองข้างนั้นเป็นการลอกเลียนแบบทั่วไป แต่เมื่อมองอย่างละเอียดแล้ว กลับแลดูคล้ายขนคิ้ว จมูกเป็นสันตรง แสดงออกถึงความละเอียดประณีตมาก เหมือนดั่งสิ่งของประดับในสมัยโบราณที่มีชื่อว่า ” แจกันช้างแห่งความยุติธรรม ” กระถางธูปลักษณะนี้มีให้พบเห็นไม่มากนัก !
ทันใดนั้นแสงสว่างบางอย่างก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของหยางโป รูรับแสงก่อตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นแสงที่หนาแน่น หยางโปก็ตื่นตกใจในทันที นี่คือกระถางธูปซวนเต๋อ ! อีกทั้งยังเป็นกระถางธูปซวนเต๋อในราชวศ์หมิง เป็นกระถางธูปซวนเต๋อดั้งเดิมอีกด้วย !
หยางโปอยากจะพุ่งตัวออกไปเอากระถางธูปซวนเต๋อออกไปจากที่นี่มาก แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นแล้วมองออกไปข้างนอก ก็เห็นหญิงชราคนหนึ่งที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลนัก กำลังมองมาทางเขา ราวกับป้องกันขโมยยังไงอย่างนั้น
หยางโปจึงเดินออกไปอย่างช้า ๆ แต่ในใจกลับครุ่นคิดว่าจะนำกระถางธูปนี้ออกไปได้ยังไง สมบัติล้ำค่าที่ถูกวางเอาไว้ที่นี่ อาจถูกทำลายจนเสียหายได้โดยง่าย
หยางโปไม่ได้หยุดพัก เขาหมุนตัวกลับบ้านไป พร้อมกับคิดหาเหตุผลอยู่ภายในใจ
เมื่อกลับมาถึงบ้าน หยางโปก็พบว่าแม่ของเขานั้นอยู่หลังบ้าน เขาเลยเดินเข้าไป แล้วก็เห็นว่าแม่กำลังแกะกระเทียมอยู่ เลยเดินเข้าไปพลางถามขึ้นว่า ” ในบ้านไม่มีผักอะไรเลย แม่ก็เลยแกะกระเทียมเอาไว้ผัดไข่ให้ลูกกิน “
หยางโปทำเสียงขึ้นจมูกก่อนจะรีบตอบ อื้อ กลับไปเสียงเดียว
หลังบ้านนั้นใช้ผ้ากั้นฝนคลุมเอาไว้ เมื่อหยางโปมองไป ก็เห็นว่าด้านล่างนั้นมีโลงศพอยู่โลงหนึ่ง เขาตื่นตกใจขึ้นมาในทันที ก่อนจะรีบถามขึ้นว่า ” แม่ทำไมมีโลงศพอยู่ที่นี่ด้วยละ ? “
แม่หยางมองไปแวบหนึ่ง ” นี่เป็นโลงศพที่ปู่ของลูกเหลือทิ้งเอาไว้ ในตอนที่ปู่ของลูกตาย พ่อของลูกไม่อยากใช้ เลยบอกว่าให้เก็บเอาไว้ให้เขา “
หยางโปมองไปทางโลงศพสองครั้ง แล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่า คนชราในชนบทมักจะมีธรรมเนียมเตรียมโลงศพเอาไว้ เพียงแต่การที่พ่อหยางทำแบบนี้ จริงๆแล้วไม่ใช่ตามขนบประเพณีเท่าไหร่นัก !
ตอนที่ 310 ไม้หนานมู่
ด้านนอกของโลงศพถูกทาสีด้วยน้ำตาลแดง เพียงแต่สีนั้นอ่อนลงมากแล้ว หยางโปจำได้ว่าเมื่อตอนเด็กๆในตอนที่คนแก่ชรากำลังจะล้มหายตายจากไปนั้น จะมีการทาสีใหม่ในทุกๆปี เพียงแต่พ่อของเขานั้นทำเกินไป ในตอนที่คนแก่ชรากำลังจะตายจากไปนั้น เขาดันเอาโลงศพปล่อยทิ้งเอาไว้ให้ว่างเปล่า
หยางโปจึงเดินเข้าไปดูอย่างละเอียดอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะถามขึ้นว่า ” นี่มันไม้อะไรครับ ? “
” ไม้ต้นพุทราจีน เกรดต่ำมาก “แม่หยางพูดขึ้น
หยางโปใช้เล็บกรีดลงไปสองสามครั้ง แต่กลับรู้สึกว่าไม้โลงศพนี้ไม่เหมือนกับไม้ต้นพุทราจีนเลย เขาหยิบกุญแจออกมา แล้วข่วนลงไปบนไม้แผ่นหนึ่ง จากนั้นก็ยกขึ้นมาดม ” นี่มันไม้หนานมู่นี่นา ไม่ใช่ไม้ต้นพุทราจีน เพราะไม้มีกลิ่นหอมอ่อนๆด้วย “
แม่หยางกลับหมุนตัวมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพูดขัดขึ้นว่า ” ไม้หนานมู่มีราคามากกว่าไม้พุทราจีนไหม ? “
หยางโปนึกไม่ถึงว่าปฏิกิริยาตอบสนองของแม่หยางจะดูตื่นเต้นขนาดนี้ เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า ” มีราคาสูงกว่าครับ “
” แล้วโลงศพนี้จะขายได้ราคาเท่าไหร่ ? ” แม่หยางเอ่ยปากขึ้น
หยางโปเกิดความสงสัยเล็กน้อย ” ขายได้ราคาไม่เท่าไหร่หรอกครับ น่าจะประมาณไม่กี่หมื่นหยวน “
” ไม่กี่หมื่นหยวนมันเท่าไหร่ มากกว่าหมื่นหรือน้อยกว่านั้น ? ” แม่หยางถามขึ้น
หยางโปส่ายหน้า ” น่าจะประมาณ 5-6 หมื่นหยวนครับ ราคาแบบเป็นรูปธรรม ผมเองก็ไม่แน่ใจ ต้องไปสอบถามราคาร้านขายโลงศพดู “
แม่หยางพยักหน้าแล้วมองมา ” งั้นลูกช่วยนำโลงศพนี้ไปขายทิ้งให้แม่หน่อย แม่ไม่อยากเก็บมันเอาไว้ที่นี่แล้ว “
หยางโปที่อยู่ในอาการเหม่อลอย เมื่อตระหนักได้ก็รีบพยักหน้า ” ได้ครับแม่ “
เมื่อตอบตกลงแล้ว หยางโปก็ครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็โทรศัพท์ไปหาหูชิงชิงพ่อของเธอเป็นร้านขายไม้ น่าจะเข้าใจเรื่องเหล่านี้ดี เพียงแต่เมื่อหยางโปโทรไปหานั้น อีกฝ่ายกลับปิดเครื่อง หยางโปครุ่นคิดอีกสักพัก แล้วก็เข้าใจในทันทีว่า หูชิงชิงน่าจะอยู่บนเครื่องบิน
หยางโปทำได้เพียงแค่พูดกับแม่ว่า ” ตอนนี้ผมต้องกลับเข้าเมืองก่อน พรุ่งนี้จะมาให้คำตอบแม่นะ “
” ได้ เดินทางระวังๆนะ “แม่หยางพูดขึ้น
เมื่อหยางโปขึ้นรถไป เขาก็โทรศัพท์หาหลี่เอ้อ ถึงจะไม่ได้ติดต่อกับหลี่เอ้อมาเป็นเวลานาน เมื่อหลี่เอ้อเผชิญหน้ากับลูกค้าคนนี้อย่างหยางโป ก็ยังคงแสดงความคุ้นเคยมากทีเดียว
หลี่เอ้อมีลู่ทางที่กว้างขวางมาก ไม่นานก็ตอบรับกลับมา ว่าจะช่วยเขาหาร้านขายไม้ให้
หยางโปขับรถกลับเขาไปในเมือง จากนั้นก็ตรงไปยังตลาดขายวัตถุโบราณทันที เขาจำเป็นต้องหากระถางธูปซวนเต๋อใบหนึ่งเพื่อเอาไปเปลี่ยนกับกระถางธูปซวนเต๋อใบนั้นให้ได้
ในรัชสมัยราชวงศ์ที่จักรพรรดิเซวียนเต๋อยังทรงอยู่ พระองศ์ชอบเยี่ยมชมกระถางธูปเพื่อความพึงพอใจเป็นงานอดิเรก จากนั้นพระองค์ก็สั่งทองแดงมาจากสยาม เพื่อมารักษาคุณภาพของกระถางธูป พระราชสำนักได้รายงานตรงต่อจักรพรรดิด้วยความเกรงกลัวว่าหากต้องการจะหล่อหลอมทองแดงขึ้นมาเป็นกระถางธูป จำเป็นต้องหล่อหลอมถึง 6 รอบด้วยกัน ซึ่งพอหลังจากครบ 6 รอบแล้ว วัสดุจะเหลือคุณภาพเพียงแค่เครึ่งเดียวเท่านั้น
จักรพรรดิเซวียนเต๋อร่ำรวยเงินทองแต่นิสัยหยาบกระด้าง พระองค์ทรงตรัสสั่งให้หล่อหลอมเพิ่มเป็นเท่าตัว พระองค์ต้องการหล่อมทั้งหมด 12 รอบ และทำการเพิ่มโลหะจำพวกเงินและทองเข้าไปด้วย ดังนั้นนักฝีมือจึงได้ทำการคัดเลือกทอง เงินที่มีค่าหลายประเภท และทองแดงที่ผ่านการหล่อหลอมอย่างประณีตมามากกว่า 10 ครั้ง ด้วยความพยายามอย่างมหาศาล ผ่านช่วงรัชสมัยจักรพรรดิเซวียนเต๋อ 3 ปี กระถางธูปทองแดงอย่างดีก็ถูกสร้างขึ้นมาได้ในที่สุด
นี่เป็นที่มาของกระถางธูปเซวียนเต๋อ กระถางธูปชิ้นนี้เป็นผลงานอันล่ำค่า ตั้งแต่รัชสมัยเซวียนเต๋อมาจนถึงสาธารณรัฐ ร้านขายของโบราณก็ต่างสร้างกระถางธูปเซวียนเต๋อลอกเลียบแบบขึ้นมาโดยตลอด จนกระทั่งสวยสดงดงามเทียบเท่ากับผลงานจริงกันเลยทีเดียว ที่หยางโปตรงไปยังตลาดขายวัตถุโบราณนั้นไม่ใช่เพราะต้องการจะไปหาของจริง แต่เขาต้องการไปหาของลอกเลียนแบบที่ดูสมจริงมากที่สุดต่างหาก
ด้วยความที่ยังไม่ถึงเทศกาลหยวนเสี่ยว ในสายตาของทุกคนจึงไม่ถือว่าเป็นงานเฉลิมฉลองที่สมบูรณ์เท่าไหร่นัก ในตลาดขายวัตถุโบราณจึงเต็มไปด้วยผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ไปมา หยางโปเริ่มทำการมองหาอย่างละเอียด
การหากระถางธูปนั้นง่ายมาก แต่การหากระถางธูปที่คล้ายคลึงกับกระถางธูปเซวียนเต๋อมีหูจับนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด หยางโปเปลี่ยนไปหาตลาดขายวัตถุโบราณเทียนกงทั้งตลาดแล้วก็ยังหาไม่เจอ เขาครุ่คิดอยู่เล็กน้อย จากนั้นก็เข้าไปในจี๋หย่าถาง
หลิวเหลียงอวี่ตื่นตกใจอย่างมาก ” นายกำลังหากระถางธูปเซียนเต๋อมีหูจับใช่ไหม ? “
หยางโปพยักหน้า ” ใช่ครับ กำลังหาของปลอมสักใบหนึ่ง “
หลิวเหลียงอวี่แสดงอาการประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ถามให้มากความ เขาครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” ฉันขอไปโทรศัพท์ไปถามหน่อยละกัน เพราะความต้องการของนายสูงมากทีเดียว ฉันไม่มั่นใจว่าจะหาเจอได้รึเปล่านะ “
หยางโปยิ้มเล็กน้อย ” ไม่เป็นไรครับ ถ้าหาไม่เจอ ขอให้เหมือนสักนิดก็เพียงพอแล้วครับ “
หลิวเหลียงอวี่พยักหน้า จากนั้นก็หมุนตัวไปโทรศัพท์ทันที
ไม่นาน หลิวเหลียงอวี่ก็เดินกลับมา ” หากระถางธูปเซวียนเต๋อมีหูจับได้แล้ว และสามารถมาส่งได้ในทันที เดี๋ยวนายก็ได้เห็นแล้ว “
หยางโบยกนิ้วโป้งไปทางหลิวเหลียงอวี่ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” ผมรู้ว่าพี่หลิวมีเส้นสายกว้างขวาง เรื่องนี้ไม่เกินกำลังของเถ้าแก่หรอก ! “
หลิวเหลียงอวี่โบกมือไปมา ” อย่ามายกยอปอปั้นฉันนักเลย ผ่านไปสองปี นายเก่งมากกว่าฉันซะอีก ! “
หยางโปยิ้มน้อยๆออกมา ” นี่ไม่ใช่การยกยอปอปั้นนะครับ “
ไม่นาน ชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็เดินเข้ามา หลิวเหลียงอวี่เดินออกมาต้อนรับเขา ” เถ้าแก่จาง ต้องขอบใจเถ้าแก่มากจริงๆ ! ต้องรบกวนวิ่งมาส่งถึงที่นี่เลย ! “
” ไม่เป็นไร เถ้าแก่หลิวต้องการอะไร มาหาฉันได้ทุกเมื่อ ฉันยินดีช่วยอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ! ” เถ้าแก่จางหัวเราะ ฮ่าฮ่า เสียงดังลั่น
เมื่อเถ้าแก่จางวางกระถางธูปเซวียนเต๋อลง หลิวเหลียงอวี่ก็หันไปถามหยางโปว่า ” ชิ้นนี้เป็นยังไง ? “
หยางโปเดินขึ้นไปข้างหน้า แล้วก็เห็นรูปร่างของกระถางธูปเซวียนเต๋อตรงหน้ามีส่วนคล้ายคลึงกับของวัดถู่ตี้ใบนั้นเป็นอย่างมาก เพียงแต่กระถางธูปเซวียนเต๋อใบนี้งดงามมากกว่า ไม่เหมือนกับใบที่ผ่านการโดนแดดต้องลมมาเป็นระยะเวลายาวนาน อีกทั้งหยางโปก็ยังต้องการให้มันถูกทาด้วยธูปหอมชั้นหนึ่งอีกด้วย
หยางโปเงยหน้าขึ้นไปมองเถ้าแก่จาง ก่อนจะพูดว่า ” สามารถทำให้มันเหมือนกับเป็นของเก่าภายใน 1 คืนได้ไหมครับ ? “
เถ้าแก่จางมองกลับมาด้วยความอยากรู้ก่อนจะถามขึ้นว่า ” 1 คืนนั้นทำได้ ว่าแต่นายอยากทำให้เก่าด้วยวิธีการไหนละ ? “
” ผมอยากให้มันเหมือนกับว่าถูกใช้มาเป็นระยะเวลานานหลายปีแล้วหนะครับ ให้ด้านนอกเต็มไปด้วยธูปหอมชั้นหนึ่งเป็นดีที่สุดครับ ” หยางโปพูด
” เรื่องนี้ง่ายมาก เพียงแต่ราคาก็ต้อง…… “
หยางโปโบกมือไปมา ” เพียงแค่ให้ได้อย่างที่ต้องการ ราคานั้นคุยกันได้ครับ “
” ได้ พรุ่งนี้นายค่อยมาเอาก็แล้วกัน ! ” เถ้าแก่จางพูดขึ้นด้วยท่าทางสบายๆ
หยางโปพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราคากับอีกฝ่ายเป็นที่เรียบร้อย สุดท้ายก็ตกลงกันอยู่ที่ประมาณ 5000 หยวน และตกลงเรื่องเวลาและสถานที่ในการแลกเปลี่ยนสินค้ากันเป็นที่เรียบร้อย
เมื่อเถ้าแก่จางออกจากร้านไป หลิวเหลียงอวี่ก็มองไปทางหยางโปด้วยความอยากรู้ ” นายจะเอาไปทำอะไร ? “
หยางโปยิ้มเล็กน้อย โดยไม่ได้อธิบายอะไร
วันที่สอง หยางโปไปรับกระถางธูปเซวียนเต๋อในร้านของเถ้าแก่จาง เมื่อเห็นว่าบนกระถางธูปเซียนเต๋อเต็มไปด้วยขี้เถ้าธูป หยางโปก็ยิ้มออกมาทันที เพียงแต่การทำสิ่งของให้เก่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะไม่สามารถทำได้
จากการนัดแนะของหลี่เอ้อ หยางโปได้มาถึงอีกสถานที่หนึ่ง เพื่อเจอกับเถ้าแก่เจี่ยงร้านขายไม้
เถ้าแก่เจี่ยงมีอายุราวๆ 50 ปี หน้าฝากโล้นเล็กน้อย และหวีผมไปด้านหลัง เขายิ้มตาหยีพร้อมกับมองมาทาง
หยางโป ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” น้องชายอยากขายไม้อะไรเหรอ ? “
” โลงศพครับ เป็นโลงศพไม้หนานมู่ครับ ! ” หยางโปพูดขึ้น
หลี่เอ้อที่ยืนอยู่ด้านข้าง ได้ยินหยางโปพูดว่า ” โลงศพ ” สองคำนี้ ก็ตื่นตกใจขึ้นมาทันที
เถ้าแก่เจี่ยงเคร่งขรึมไปเล็กน้อย ” เถ้าแก่หลี่ นี่เป็นธุรกิจที่นายแนะนำมาใช่ไหม ? “
หลี่เอ้อมองไปทางหยางโป ” นี่….. “
หยางโปส่ายหน้า ” ถ้าเถ้าแก่เจี่ยงไม่ยอม งั้นผมจะไปหาศาสตร์แห่งฮวงจุ้ยก็ได้ครับ พวกเขาน่าจะสนับสนุนการขายได้เป็นอย่างดี “
เถ้าแก่เจี่ยงเกิดความลังเลขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด พูดตามความจริงก็คือ ธุรกิจนี้ไม่ได้ใหญ่มากนัก สร้างเม็ดเงินไม่ได้มากเท่าไหร่ แต่หยางโปก็ยังมีเหตุผลพูดว่า ถ้าขายโลงศพที่เสร็จสมบูรณ์ได้ในปีนี้ ก็คงยังสามารถสร้างเม็ดเงินมหาศาลได้ ถึงยังไงโลงศพไม้หนานมู่ก็ยากที่จะพบเจออยู่แล้ว !
ตอนที่ 311 มืออาชีพ
ในตอนที่หยางโปเดินทางมาถึงบ้านเก่านั้น ก็เห็นแม่ของเขากำลังยืนมองออกไปข้างนอก โดยที่ไม่รู้ว่ายืนมองอยู่อย่างนี้นานแค่ไหนแล้ว
หยางโปพาหลี่เอ้อและอีกสองคนไปหลังบ้าน จากนั้นก็ชี้ไปทางโลงศพ ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” พวกนายไปดูก่อนละกัน ฉันมีเรื่องต้องทำนิดหน่อย “
เมื่อพูดจบ หยางโปก็เดินไปกำชับแม่รอบหนึ่งก่อนจะถือกระเป๋าหนังงูตรงไปยังวัดถู่ตี้ทันที
ระหว่างทางที่เดินไปนั้นเขาไม่เจอคนอื่นเลย จึงทำให้หยางโปถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขารีบเดินเข้าไปในวัดถู่ตี้ และกำลังจะนำธูปที่เผาไหม้แล้วภายในกระถางธูปออก และนำกระถางธูปเซวียนเต๋อของปลอมที่เตรียมพร้อมเอาไว้อย่างดีเสียบธูปที่เผาไหม้นั้นลงไปใหม่ จากนั้นก็ทาด้วยขี้เถ้าธูปลงไป ก่อนจะทำความสะอาดการโจรกรรมให้เรียบร้อย หยางโปก็นำกระถางธูปเซวียนเต๋อใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าหนังงู แล้วเดินออกไปข้างนอกในทันที
เมื่อเขานำกระถางธูปวางลงในกล่องที่เตรียมมาอยู่ด้านหลังอย่างระมัดระวังเรียบร้อยแล้ว จึงได้ถอนหายใจออกด้วยความโล่งอก
หยางโปหมุนตัวแล้วเดินไปทางหลังบ้าน แต่กลับไม่ทันสังเกตเห็นหญิงชราที่สังเกตเห็นเขาเดินออกมาจากวัดถู้ตี้ด้วยความรีบร้อน หญิงชราคนนั้นเดินเข้าไปในวัดถู่ตี้ แล้วมองไปรอบๆด้าน เทพเจ้าถู้ตี้ยังคงอยู่ กระถางธูปก็ยังคงอยู่ ธูปก็ยังคงถูกจุด จึงเกิดความฉงนงงเล็กน้อย ทำไมเธอถึงคิดไม่ถึงว่าหยางโปได้ทำการสับเปลี่ยนกระถางธูปใหม่เรียบร้อยแล้ว
หลังจากที่หยางโปเดินมาถึงหลังบ้าน ก็เห็นว่าเถ้าแก่เจี่ยงกำลังยืนพูดคุยราคากับแม่ของเขาอยู่ เมื่อแม่ของเขาเห็นหยางโปเดินเข้ามา จึงรีบโบกไม้โบกมือทันที ” เสี่ยวโป ลูกเข้าใจมากกว่า ลูกมาดูให้แม่หน่อย ว่าไม้นี้จะขายได้ราคาเท่าไหร่ ? “
หยางโปยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับเดินเข้าไปหา ” เถ้าแก่เจี่ยงเสนอราคาเท่าไหร่ครับ ? “
แม่หยางชูนิ้วขึ้นมา 4 นิ้วก่อนพูดขึ้นว่า ” ราคานี้ “
หยางโปพยักหน้า จากนั้นก็เดินไปข้างหน้า แล้วมองไปทางโลงศพนั้นแวบหนึ่ง ” เถ้าแก่เจี่ยง เราต้องพูดกันตรงๆนะครับ ราคานี้ต่ำเกินไป เถ้าแก่เองก็น่าจะเคยทำธุรกิจนี้มาก่อนนะครับ ไม้หนานมู่ไม่ว่าจะเป็นการขายต่อแบบนี้หรือทำเป็นวัตถุอื่นๆก็ตาม ยังไงมันก็ต้องมากกว่าราคานี้อย่างแน่นอน “
” น้องชายหยางล้อเล่นใช่ไหม ของแบบนี้จะเอาไปสร้างเป็นของอื่นๆได้ยังไงกันละ ? “เถ้าแก่เจี่ยงปฏิเสธกลับมา
” จริงเหรอครับ ? ” หยางโปยิ้มพร้อมกับจ้องเขม็งออกไป
เถ้าแก่เจี่ยงเคยเจอลักษณะแบบนี้มานักต่อนัก ก็เลยไม่สนใจ หากยังจับไม่ได้ต่อหน้าต่อตายังไงเขาก็ไม่มีทางตื่นตัวเด็ดขาด
” แปดหมื่น ถ้าเถ้าแก่ให้ราคานี้ ก็เอาไปได้เลยครับ ! ” หยางโปพูดขึ้น
เถ้าแก่เจี่ยงรีบส่ายหน้าทันที ” ไม่ได้ ไม่ได้ ราคานี้สูงเกินไป “
” เหมาะสมที่สุดแล้วครับ “หยางโปพูด
เถ้าแก่เจี่ยงเกิดความลังเลเล็กน้อย ” หกหมื่น น้องชายหยางให้ค่าขนย้ายสักนิดหนึ่งเถอะ ราคานี้ละกัน ! “
หยางโปหันหน้าไปมองแม่ของเขา เมื่อเห็นว่าเธอแสดงอาการตื่นเต้นออกมา เขาจึงแสดงท่าทางลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกไปว่า ” งั้นก็ได้ครับ งั้นก็ให้เพื่อนอย่างเถ้าแก่ไปในราคานี้ก็แล้วกัน ! “
เถ้าแก่เจี่ยงยิ้มออกมา ” ดี เดี๋ยวฉันไปหารถมาขนไปละกัน ! “
เถ้าแก่เจี่ยงรีบโทรศัพท์ทันที หยางโปเดินเข้าไปจากนั้นก็พูดกับแม่ของเขาว่า ” ราคานี้ได้ไหมครับ ? “
แม่ของเขาพยักหน้า
หยางโปครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปากว่า ” ผมจะไปซื้อห้องในเมืองสักห้อง แม่ก็ไปอยู่ที่นั้นเถอะ ในชนบทไม่ค่อยสะดวกสบาย อีกอย่างมันก็มากกว่าครึ่งปีด้วย ไม่นานพวกเขาก็น่าจะออกมาแล้ว ที่นี่ไม่มีที่ให้อยู่แล้ว “
แม่ของเขากำลังจะเอ่ยปาก สุดท้ายก็ไม่ได้ปฏิเสธกลับไป เพราะหยางโปได้พูดเกลี่ยกล่อมประโยคสุดท้ายออกมาว่าที่นี่ไม่มีที่ให้อยู่แล้ว พ่อของหยางโป หยางหลางต้องขนลุกซู่แน่ !
เมื่อจ่ายเงินเสร็จแล้ว หยางโปก็นำซองแดงยื่นให้แก่หลี่เอ้อ หลี่เอ้อถ่อมตัวอยู่เล็กน้อย ก่อนจะรับมา
หยางโปพาแม่หยางไปธนาคารของอำเภอ เพื่อนำเงินไปฝาก แล้วก็รีบกลับเข้าเมืองอีกครั้ง จากนั้นก็ขอร้องให้หลูตงซิงช่วยซื้อบ้านที่ตกแต่งหลังใหม่ให้ และจ่ายเงินไปให้เขาสามแสนหยวน ก่อนจะเอากุญแจให้แม่หยางไปจากนั้นหยางโปถึงจะพาแม่ไปส่ง
เมื่อกลับมาถึงร้านค้า ท้องฟ้าก็มืดค่ำลงแล้ว
หยางโปนำกระถางธูปเซวียนเต๋อมีหูออกมา แล้วทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
กระถางธูปเซวียนเต๋อถูกขี้เถ้าธูปย้อมไปทั้งใบ ดูเหมือนกับของธรรมดาทั่วไป แต่ถ้าเช็ดจนสะอาดจริงๆแล้ว จะสามารถเห็นสีแดงที่ซ่อนอยู่อย่างแท้จริง ราวกับสีของกระดาษพระไตรปิฎกยังไงอย่างนั้น
กระถางธูปใบนี้มีความมันวาว เรียบและสวยมีระดับ งดงามประณีตอย่างแท้จริง ใต้กระถางมีอักขระอักษรจีนอยู่ 8 ตัว ” ซวน เต๋อ อู๋ เหนียน อู่ ปัง จั๋ว จ้าว ” อู่ ปัง จั๋ว หมายถึงรัฐที่สร้างกระถางธูปเซวียนเต๋อขึ้นมา !
หยางโปรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขานำกระถางธูปเซวียนเต๋อเก็บเอาไว้เป็นอย่างดี จากนั้นก็กลับบ้าน ไปรอบนี้ ได้รับรางวัลยิ่งใหญ่จริงๆ !
เมื่อกลับถึงบ้าน หยางโปก็ไปอาบน้ำ แล้วหยิบมีดแกะสลักขึ้นมา เพื่อทำการฝึกฝีมือ จู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา เมื่อหยางโปหันไปมอง ก็เห็นว่าเป็นหูชิงชิง !
” ฮัลโหล นายโทรมาหาฉันมีธุระอะไรรึเปล่า ? ” หูชิชิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยเกรงใจเท่าไหร่นัก
หยางโปเงียบไป ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า ” เมื่อวานฉันโทรไปหาเธอเพราะมีเรื่องอยากจะปรึกษาหน่อย “
แต่เมื่อหยางโปพูดจบ หูชิชิงก็พูดขึ้นว่า ” เมื่อคืนฉันนั่งเครื่องไปตงจิง เลยไม่เห็นโทรศัพท์ นายมีธุรอะไรก็พูดมาได้เลย !
” ฉันมีวัสดุที่เกี่ยวกับไม้หนานมู่อยู่ที่นี่ อยากจะสอบถามราคาสักหน่อย เมื่อวานเธอ…. ” หยางโปอธิบาย
แต่ทว่า ไม่ทันรอให้หยางโปพูดจบ หูชิชิงก็แทรกตัดบทสนทนาขึ้นมาอีกครั้งว่า ” อ่า ไม้หนานมู่ ราคาของไม้หนานมู่ไม่สูงมากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นวัสดุที่อยู่ในระดับสูงทีเดียว สิ่งสำคัญต้องดูคุณภาพของไม้หนานมู่ ที่มีขนาดเล็กใหญ่…….. “
หูชิงชิง ใช้เวลาอธิบายไปกว่าครึ่งค่อนวัน ก็เพิ่งจะคิดได้ ก่อนจะถามหยางโปว่า ” นายจะแกะสลักไม้หนานมู่เหรอ ? ฉันจะบอกนายให้นะว่า ไม้หนานมู่ไม่เหมาะสมที่จะแกะสลัก นายควรจะหาไม้หยาง ไม้หลิวมาฝึกฝีมือดีกว่า มันประหยัดค่าวัสดุที่ต้องใช้เงิน…….. “
หยางโปไม่ได้พูดตัดบทสนทนาของเธอ นอกจากจะรอให้หูชิงชิงเอ่ยปากถามว่า ” สรุปแล้วมันเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย ? “
หยางโปรู้สึกปวดหัวขึ้นมาไม่น้อย ” ฉันมีวัสดุอยู่ที่นี่ เลยอยากจะขายทิ้ง…… “
” ขายทิ้ง พ่อของฉันอยู่ปักกิ่ง วัสดุแบบนี้ เขาไม่มีทางเดินทางมาโรงประมูลจินหลิงชุนหรอก ” หูชิงชิงพูดแทรกขึ้นมาอีกครั้ง
” หูชิงชิง ! เธอช่วยฟังฉันพูดให้จบก่อนได้ไหม ? ” หยางโปพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและเสียงดัง
หูชิงชิงตื่นตกใจขึ้นมาทันที จากนั้นน้ำเสียงก็แปรเปลี่ยนเป็นอบอุ่นขึ้น ” อ่า ? นายพูดมาได้เลย ! “
” เมื่อวานฉันอยากจะไปปรึกษาเรื่องราคาสักหน่อย แต่ตอนนี้วัสดุไม้ได้ถูกฉันขายออกไปแล้ว ไม่ใช่เพราะต้องใช้แกะสลัก และก็ไม่ใช่เพราะอยากจะให้พ่อของเธอมาเก็บไม้ไปหรอกนะ ! ” หยางโปพูดด้วยความจริงจัง
” อ่า ” หูชิงชิงตอบกลับมา
หยางโปถอนหายใจออกมา ” ฉันรีบนิดหน่อยน่ะ เสียงก็เลยดังไปหน่อย เธอไม่ได้ตกใจเกินไปใช่ไหม ? “
” ไม่ ไม่เป็นไร ” หูชิงชิงพูดขึ้น
เมื่อพูดคุยกันไปเพียง 2-3 ประโยค แลกเปลี่ยนสิ่งที่ได้จากการแกะสลักในช่วงนี้ หยางโปก็วางสายไป การพูดคุยกับหูชิงชิงเป็นเรื่องที่ยากมากจริงๆ !
หยางโปหยิบมีดออกมา แล้วเริ่มลงมือแกะสลักพร้อมกับนึกท่าทางของหูชิงชิงขึ้นมาในใจ เพราะในใจมีพลัง ดังนั้นเขาจึงลงมีดด้วยความรวดเร็ว จนกระทั่งเคลื่อนมีดไปโดยไม่ต้องคิดมากมายอะไร มือของเขาเคลื่อนไหวตามอารมรณ์ พร้อมกับมีดที่ฝังจมลงไปในไม้
เพราะการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ดังนั้นรูปลักษณ์ที่หยางโปแกะสลักออกมานั้นจึงยากที่จะหลีกเลี่ยงเป็นภาพร่างคร่าวๆได้ ดูคล้ายกับวิธีการแกะสลักหยกรูปจักจั่นแบบหยาบๆยังไงอย่างนั้น แต่เขาก็ทำไม่ได้ไกลขนาดนั้น สุดท้ายรูปลักษณ์ที่แกะสลักออกมา ก็ปรากฏออกมาเป็นรูปเป็นร่างอย่างชัดเจน
หยางโปมองไปทางผลงานที่ออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม ที่แท้การแกะสลักยังสามารถใช้ในการระบายอารมณ์ได้ดีอีกด้วย หลิ่วมีดเดียวบอกให้เขาส่งผลงานทุกอาทิตย์ เพื่อรับการประเมิน ถ้าส่งงานชิ้นนี้ไปละก็ เขาต้องถูกวิพากวิจารณ์อย่างแน่นอน
ตอนที่แล้วตอนที่ 311 มืออาชีพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 313 คู่แข่งฝั่งตรงข้าม
ตอนที่ 312 บ้ามากจริงๆด้วย
วันที่สอง ในขณะที่หยางโปกำลังนั่งเปิดคัมภีร์โบราณอักษรอี๋อยู่ในร้านนั้น เขาได้ทำการแปลบันทึกออกมา และทำความเข้าใจแนวทางในการศึกษาและคำธิบายได้อย่างชัดเจน ในช่วงนี้เขายังอ่านบันทึกประวัติศาสตร์ในพื้นที่ เพื่อจะได้เข้าใจบางส่วนมากขึ้นอีกด้วย
” เถ้าแก่หยาง ช่วงนี้เป็นยังไงบ้างละ ! “
เมื่อหยางโปเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบกับหลูตงซิงที่เดินเข้ามาพอดี เขาจึงรีบยืนขึ้น ก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า ” ก็ดีครับ ก็ดี ! เพียงแต่ไม่ทำเรื่องโชคร้าย อะไรๆก็ล้วนดีไปหมด ! “
หลูตงซิงนึกถึงความโชคร้ายในช่วงเวลานั้นอยู่ตลอดเวลา จึงอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ” ฉันคิดว่านายยังไม่กลับมา เมื่อวานได้รับโทรศัพท์ถึงได้รู้ “
” ยังไงก็ต้องขอบคุณเถ้าแก่หลูนะครับ ที่เมื่อวานช่วยผม ! ” หยางโปยิ้มพร้อมกับพูดขึ้น เมื่อวานเขาขอร้องให้อีกฝ่ายช่วยซื้อบ้านหลังหนึ่งให้อยู่เลย
หลูตงซิงโบกมือไปมา ” ถ้านายมาหาฉันเรื่องอื่น ฉันอาจจะช่วยไม่ได้ แต่ถ้ามาหาฉันเรื่องขายห้อง ก็มาถูกทางเลยละ ! “
หยางโปเองก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย หลูตงซิงประกอบการในด้านอสังหาริมทรัพย์ มีบ้านอยู่ในครอบครองมากทีเดียว และรู้จักผู้จัดการด้านอสังหาริมทรัพย์มากอีกด้วย แค่โทรหากริ๊งเดียว ทุกอย่างก็ราบรื่นแล้ว
ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างสบายๆ อยู่สักพักใหญ่ หลูตงซิงก็ได้พูดถึงจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ว่า ” ที่ฉันมาในครั้งนี้ ก็เพื่อจะนำเงินปันผลมาให้แก่พวกนาย เราจะได้รับเงินเกือบ 10 ล้านหยวนกันทุกคน ครั้งนี้ ฉันจะให้ 10 ล้านหยวนกับพวกนายทุกคน คืนในส่วนเกิน และชำระในส่วนที่ขาด ต่อไปก็จะได้หักในส่วนไม่เต็มทิ้งไปเลย ! “
หยางโปเกิดอาการประหลาดใจไม่น้อย ” 10 ล้านหยวน เถ้าแก่หลูนั้นเร็วมากเลยนะครับ ! “
หยางโปรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เงินปันผลที่หลูตงซิงพูดถึงคือการขายทองและเงินสำรวจที่ได้มาจากสุสานของหง ซิ่วเฉวียน ภานในไม่กี่เดือน หลูตงซิงก็ขายทองออกไปเป็นมูลค่ากว่า 30 ล้านหยวนแล้ว ความเร็วระดับนี้จึงถือว่าเร็วมากทีเดียว เมื่อรู้ว่า โลหะที่มีมูลค่าที่ทำการขายออกไปโดยไม่สนผีสางเทวดานั้น มันไม่ง่ายเลยจริงๆ !
หลูตงซิงหัวเราะออกมา ” ก็ดี ฉันมีลูกน้องเยอะ ดังนั้นจึงดำเนินการไปได้เร็วหน่อย เดิมทีฉันคิดว่าพวกนายจะบ่นว่าช้าเกินไปด้วยซ้ำ “
” ต่อจากนี้ เราแบ่งเงินปันผลเป็น 2 ครั้ง ในทุก ๆ ครั้งจะมีจำนวนเงินประมาณนี้ ส่วนเรื่องเวลา ฉันยังไม่กล้ารับประกัน พวกนายก็ไม่ต้องร้อนใจไปนะ ” หลูตงซิงพูดขึ้น
หยางโปยิ้มเล็กน้อย ” ไม่เป็นไร ลงมือขายช้า ๆ ปลอดภัยกว่า “
” ฉันตั้งใจว่าจะมาเลือกของที่นี่ของนายสักชิ้น ล้างเงินสักหน่อยจะได้ไม่ร้อนมือเกินไป ” หลูตงซิงหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้น
หยางโปพยักหน้า เขาเข้าใจความหมายของหลูตงซิง ถ้าเงินจำนวนมหาศาลย้ายมาอยู่ในบัญชีของหยางโป จะต้องทำให้คนสงสัยอย่างแน่นอน ถ้าเป็นการซื้อขายของโบราณละก็จะง่ายมากขึ้นเยอะเลยทีเดียว ถึงหลูตงซิงจะซื้อของปลอมไป นั้นก็เท่ากับว่าเป็นการแลกของกันด้วยความเต็มใจ !
” เลือกได้ตามสบายเลยครับ เลือกชิ้นไหนก็ได้หมดเลย ! ” หยางโปพูดขึ้น
หลูตูซิงทำการเลือกด้วยความเริงร่าสบายใจ ไม่นาน เขาก็หยิบเอาภาพวาดขึ้นมาภาพหนึ่ง ” นี่เป็นผลงานของจางฉือโหล่ว จางฉือโหล่วคือใครเหรอ ? “
” จางฉือโหล่ว เป็นหนึ่งในแปดของราชวงศ์ชิง มีความชำนาญในด้านการวาดภาพภูเขา แม่น้ำและสิ่งมีชีวิตมาก หลังจากที่ประชาชนย้ายถิ่นฐานมาอยู่ในเมืองก้ายโจว ที่ปรึกษาจินหลงกุ้ยก็ได้วาดภาพให้แก่ผู้ว่าราชการมณฑลเฟิงเทียน แล้วสุดท้ายก็จบชีวิตลงในเมืองก้ายโจว ” หยางโปอธิบาย
” ภาพนี้ไม่เลวเลย เถ้าแก่หยาง ภาพนี้ไม่ใช่ของปลอมใช่ไหม ? “หลูตูซิงมองมาทางหยางโป
หยางโปยิ้ม ” ของแท้ วางใจได้เลย “
” งั้นก็ดี ! ” หลูตูซิงยิ้มออกมา จากนั้นก็เอาภาพนั้นกลับออกไป
หยางโปหยิบเช็คเงินสดจำนวน 10 ล้านหยวนขึ้นมาด้วยความรื่นเริง จากนั้นก็เก็บมันเข้าที่ตามเดิม
เถ้าแก่ร้านสืออี๋ถางเก่งมากจริง ๆ ร้านนี้เป็นกล่าวขานกันทั่วตลาด หลังจากที่ทำการเปิดร้านใหม่ ก็มีลูกค้าหลั่งไหลกันเข้ามาเป็นจำนวนมาก เพียงแต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจำนวนเงินที่สูงลิบลิ่วในครั้งนี้ คนจำนวนมากก็ถอยทัพกลับไป มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ได้ขอกลับไป
เพราะกล้ารับประกันคุณภาพ ดังนั้นหยางโปจึงตั้งราคาเอาไว้สูงมาก เมื่อเป็นแบบนี้ จึงสามารถลดอัตราการค้าขายแลกเปลี่ยนได้ดีที่เดียว ส่งผลให้ลดจำนวนงานของเขาลงไม่น้อย มีเงินแต่ไม่หาเงิน นี่คือนิสัยที่เอาแต่ใจตัวเองจริงๆ !
หยางโปก้มหน้าลงอ่านหนังสือต่อ ไม่นานชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในร้าน ซึ่งชายหนุ่มคนนี้น่าจะมีอายุราวๆ 26-27 ปี ใบหน้าเกลี้ยงเกลา ดูหล่อเหลาเอาการเลยทีเดียว
ชายหนุ่มได้เดินอ้อมไปเยี่ยมชมชั้นวางที่วางของอยู่เต็มชั้นเหล่านั้นรอบหนึ่ง ก่อนจะมานั่งลงตรงหน้าของหยางโป
หยางโปเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย ” สวัสดีครับ คุณต้องการของแบบไหนเหรอครับ ? “
ชายหนุ่มหน้าหล่อเหลาก็ยิ้มมาทางหยางโปเล็กน้อย พร้อมกับแสดงท่วงท่าอย่างสง่า ก่อนจะพูดขึ้นว่า
” ฉันอยากซื้อของทั้งหมดในร้านนี้ ! “
หยางโปเบิกตากว้าง เมื่อก่อนเขาที่เคยผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน ได้ยินประโยคนี้ก็ถึงกับนิ่งงันไปในทันที เขาเพิ่งจะซื้อของมากมายขนาดนี้กลับมา และตั้งใจจะยืดระยะเวลาให้คงอยู่ต่อไป ตอนนี้ดันมีคนอยากจะซื้อของทั้งหมดในร้านนี้ คงไม่คิดจะมาคร่าชีวิตของเขาหรอกนะ ?
หยางโปกำลังจะอ้าปากปฏิเสธกลับไป อีกฝ่ายกลับเอ่ยปากว่า ” สองเท่า ฉันจะเสนอราคาให้เป็นสองเท่า ! “
หยางโปเกิดความสงสัยขึ้นมาทันที เขาเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย ” นี่…… ในสถานการณ์ ความต้องการของลูกค้าก็น้อยมาก นายซื้อวัตถุโบราณมากขนาดนี้ไปทำอะไร ? “
ชายหนุ่มยิ้มออกมา จนเผยให้เห็นฟันขาวดุจหิมะ จนร่างทั้งร่างดูเหมือนกับแสงอาทิตย์ คล้ายกับดาราในประเทศเกาหลียังไงอย่างนั้น ” ฉันอยากจะเปิดร้านขายวัตถุโบราณตรงข้ามกับนาย ! “
หยางโปอึ้งงันไป เขาเองก็สังเกตเห็นว่าร้านตรงข้ามกำลังอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้างและตกแต่งอยู่ แต่เขาไม่รู้จริง ๆว่าตรงข้ามจะเปิดเป็นร้านขายวัตถุโบราณด้วยเหมือนกัน อีกฝ่ายยังไม่เปิดร้าน แล้วการที่จะมาเอ็ดตะโรขอซื้อของทั้งหมดในร้านของตัวเอง แล้วยังเพิ่มเงินเป็นสองเท่าอีกแบบนี้ มันไม่บ้าเกินไปเหรอ ?
” อ่า ? จะเปิดร้านขายวัตถุโบราณเหมือนกันอย่างนั้นเหรอ ? ” หยางโปยิ้มออกมาเล็กน้อย ” งั้นก็ขออวยพรให้นายเปิดร้านรับทรัพย์มหาศาล เฮงๆรวยๆนะ ! “
เมื่อพูดจบ หยางโปก็เบี่ยงสายตากลับมาอ่านหนังสือต่อ ทำอย่างกับว่าตัวเองนั้นเจอกับคนเป็นโรคประสาทคนหนึ่งเท่านั้น
ชายหนุ่มก็ไม่ได้ขยับไปไหน ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ไหวติ่ง ” ร้านนี้ของนาย ก็ไม่มีรายได้ทางอื่นใช่ไหมละ ? นายลองบอกมาสิว่า ถ้าร้านของฉันเปิดตรงข้ามกับนาย และขายวัตถุโบราณเหมือนกัน ราคาก็ต่ำกว่านาย จะทำให้ร้านสืออี๋ถางปิดตัวลงไหม ? “
หยางโปเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอีกครั้งด้วยความสงสัย เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายคงจะเกินเยียวยาแล้วจริงๆ ร้านขายวัตถุโบราณกับร้านขายของมันไม่เหมือนกัน ประการแรกคือเขาไม่ต้องพึ่งพาการขาย ประการที่สองคือไม่ต้องแข่งขันกันด้านราคา หรือพูดอีกอย่างก็คือ วัตถุโบราณที่ผลิตออกมานั้นส่วนใหญ่เป็นของที่มีคุณสมบัติที่ต่างกัน ? สิ่งที่เรียกว่ากลยุทธิ์ของอีกฝ่าย มันเป็นคำพูดที่โง่เง่ามาก !
ใบหน้าของชายหนุ่มเปี่ยมไปด้วยความั่นใจในตัวเอง ” ถือว่าฉันยังยับยั้งอยู่มากทีเดียว หากอยู่ในสถานการณ์ทั่วไปละก็ ถึงฉันจะไม่เคยฆ่าคนมาด้วยตะแกงมาก่อนก็ตาม แต่ก็เคยทำให้คนถึงขั้นพิการได้ ฉันมักจะชื่นชอบขั้นตอนนี้มากทีเดียว ! “
” นายบ้าไปแล้วเหรอ ! ” ในที่สุดหยางโปก็อดที่จะด่าออกมาไม่ได้
ชายหนุ่มอึ้งงันไป ดูเหมือนว่าเขาจะคาดไม่ถึงว่าหยางโปจะปากเสียใส่เขามากขนาดนี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนแบบนี้ ถึงจะพูดในเรื่องกลยุทธิ์ เรื่องการแข่งขัน ก็คงจะไม่เหมือนกับอันธพาลที่ชอบชกต่อย และด่าสาดเสียเทเสียตามท้องถนนอย่างแน่นอน ! “
ใบหน้าที่งดงามของเขาได้แสดงความโกรธเคืองออกมา ชายหนุ่มมองไปทางหยางโปด้วยความขุ่นเคืองใจ ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” นายทำให้ฉันโกรธมาก นายทำให้ฉันไม่สบอารมณ์เอามากๆ ต่อแต่นี้ไป นายจะต้องแบกรับความโกรธเคืองของฉัน ! “
” บ้าจริงๆด้วย ! ” หยางโปมองไปทางอีกฝ่ายอีกครั้ง ด้วยความรู้สึกอย่างจนปัญญา ราวกับกำลังมองคนประสาทไม่ดีคนหนึ่ง
” นายจำชื่อของฉันเอาไว้ดีๆ ซ่งห้าวซวน ชื่อๆนี้จะทำลายนายให้ย่อยยับ ! ” ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยความโกรธเคือง เมื่อพูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไปข้างนอกทันที
” บ้ามากจริงๆ ! ” หยางโปพูด
ซ่งห้าวซวนเดินโซซัดโซเซออกไป จนเกือบจะสะดุดช่องว่างของประตูจนเกือบล้มลงไป
ตอนที่ 313 คู่แข่งฝั่งตรงข้าม
หยางโปรู้สึกแปลกใจมาก เขารู้สึกว่าชายหนุ่มคนนั้นต้องบ้าไปแล้วอย่างแน่นอน แต่เมื่อมานั่งคิดๆอย่างละเอียดดูแล้ว เขากลับรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง เพราะดูเหมือนอีกฝ่ายตั้งใจจะพุ่งเป้ามาหาเขาโดยตรง !
การเปิดร้านตรงข้ามกับสืออี๋ถาง เอาราคาที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่ามายั่วยุตัวเอง แม้กระทั่งในตอนที่บอกชื่อของตัวเองด้วยความลำพองใจในตอนสุดท้าย ท่าทางสบายอกสบายใจในตัวเองแบบนั้น เหมือนกับกำลังเผชิญหน้ากับความพ่ายแพ้ของลูกน้องยังไงอย่างนั้น ทำให้หยางโปเกิดความสงสัยมากมายทีเดียว !
สุดท้ายหยางโปก็คิดไม่ออก ว่าเคยไปล่วงเกินใครเอาไว้รึเปล่า แต่จนถึงวันนี้ การหาข้อมูลของคนๆหนึ่ง สำหรับหยางโปแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่ยากอะไร !
หยางโปโทรศัพท์ไปหาลัวย่าวหัว แล้วพูดเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้อีกฝ่ายฟัง
ลัวย่าวหัวยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า ” นายดูเหมือนกับกระต่ายตื่นตูมไปรึเปล่า ? องค์กรของสืออี๋ถางก็ไม่ได้ใหญ่มากนัก ถึงจะโจมตีใส่สืออี๋ถางจนย่อยยับ แล้วมันจะได้อะไรละ ? หรือว่าเป็นเพราะความรู้สึกของการประสบความสำเร็จละ ? “
หยางโปส่ายหน้า ” ฉันเองก็ไม่รู้ ก็เลยอยากจะให้นายช่วยฉันหาข้อมูลให้หน่อย ! “
” ได้ ฉันจะช่วยนาย ! ” ลัวย่าวหัวพูด
” จริงสิ เรื่องห้องใต้ดินของซื่อเหอหยวน เมื่อไหร่จะเริ่มก่อสร้างละ ? ” หยางโปถามขึ้น
” วางใจเถอะ ฉันมอบหมายให้คนอื่นไปแล้ว รับประกันได้ว่าเดือน 10 เริ่มก่อสร้างได้อย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นนายก็แค่ไปตรวจสอบงานก็พอ ” ลัวย่าวหัวพูดขึ้น
” งั้นก็ตามนี้ ” หยางโปวางใจลง
ลัวย่าวหัวครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะลองถามหยั่งเชิงไปว่า ” ในเมื่อนายก็คิดไม่ออกว่าเคยไปล่วงเกินใครมา งั้นคนข้างกายนายละ มีใครเคยบาดหมางกับใครมาก่อนรึเปล่า ? ฉันรู้สึกว่าเขาเหมือนกับมือสมัครเล่น รอบตัวนายกว่าครึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคนในสายงานเดียวกัน เข้าใจกฎกติกา ถ้าเป็นมือสมัครเล่นละก็ อาจจะเป็นตระกูลชุยก็ได้ ? “
เมื่อลัวย่าวหัวพูดถึงตรงนี้ ก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า ” ฉันเพียงแค่เดาแล้วก็พูดจามั่วๆไปเท่านั้น นายไม่ต้องสนใจหรอก “
เมื่อพูดจบ ลัวย่าวหัวก็วางสายไป แต่หยางโปกลับเคร่งขรึมขึ้นมา
ถ้าเป็นไปตามที่ลัวย่าวหัวพูดจริงๆ เพราะความสัมพันธ์ทางด้านอาชีพ คนที่อยู่ข้างกายของเขามากมายเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นนักสะสมหรือไม่ก็จิตรกรที่ต้องติดต่อค้าขายกันทั้งนั้น คนกลุ่มนี้มักเข้าใจกฎกติกาในอาชีพนี้เป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องพูดถึงมือสมัครเล่นประเภทนั้นเลย ตระกูลชุยมีความเป็นไปได้มากที่สุดแล้ว
หยางโปเกิดความลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเลื่อนไปยังเบอร์ติดต่อของชุยอี้ผิง นิ้วชี้ของเขากดลงบนโทรศัพท์ แต่ก็ต้องหยุดไปอีกครั้ง
เมื่อผ่านไปสักพัก หยางโปก็ถอนหายใจ เขาไม่อยากโทรศัพท์ไปหาเบอร์นี้ ตอนนี้เขาไม่อยากไปมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับตระกูลชุยมากเกินไป
วันเวลาผ่านล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว หยางโปก็ยังไม่ได้ข่าวคราวจากลัวย่าวหัว ส่วนร้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นได้เปิดทำการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หยางโปนั่งอยู่ในร้าน พร้อมกับถือมีดแกะสลักอยู่ในมือ กำลังทำการแกะสลักรูปหนูตัวหนึ่งอยู่ เสียงประทัดดังเปรี๊ยงปร๊างจากฝั่งตรงข้ามได้ดังลอดผ่านเข้ามาในประตูใหญ่ นอกจากนี้ก็ยังมองเห็นว่าร้านฝั่งตรงข้ามนั้นเต็มไปด้วยกลุ่มคนที่กำลังยืนออกัน มีคนจำนวนมากทะลักเข้าไปภายในร้าน ดูแล้วคึกคักมากทีเดียว
หยางโปยิ้มเล็กน้อย เปิดร้านขายวัตถุโบราณต้องเป็นแบบนี้เหรอ ?
หยางโปไม่ได้สนใจสถานการณ์ของฝั่งตรงข้ามมากมายเท่าไหร่ ธุรกิจค้าขายของร้านฮ้าวซวนเก๋อที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นเปิดร้านกันอย่างคึกคักมาก มองดูแล้วเหมือนกับเปิดร้านค้ายังไงอย่างนั้น ในเมื่อเป็นที่ชัดเจนว่าฝ่ายตรงข้ามกลายเป็นคู่แข่งกับสืออี๋ถาง หยางโปก็ไม่จำเป็นต้องไปเดินเยี่ยมชม ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สถานการณ์ของฝ่ายตรงข้ามแบบชัดเจน
ในช่วงบ่าย ฝั่งตรงข้ามก็ยังคงคึกคักอย่างยิ่งยวดเช่นเดิม จนทำให้เถ้าแก่ร้านขายวัตถุโบราณในละแวกนี้ไม่น้อยต้องวิ่งมาถามไถ่สถานการณ์ภายในร้านของหยางโปกันเลยทีเดียว เพราะใคร ๆก็ต่างดูออกว่าร้านนี้ต้องการโจมตีใส่สืออี๋ถาง !
” เถ้าแก่หยาง เป็นยังไงบ้าง ? รู้สึกกดดันมากเลยใช่ไหม ? ” หลิวเหลียงอวี่ของร้านจี๋หย่าถางก็วิ่งตามๆกันมา จากนั้นก็เอ่ยถามประโยคหนึ่ง
หยางโปยังคงแกะสลักต่อไป เขาส่ายหน้าก่อนจะพูดขึ้นในขณะที่ดวงตาของเขากำลังจ้องมองไปยังไม้แกะสลักว่า ” มีอะไรเหรอครับ ? ทำไมจะต้องกดดันด้วยละ ? ถึงแม้ว่าผมจะไม่เคยไปดูฝ่ายตรงข้ามมาก่อนก็ตาม แต่ก็เป็นร้านขายวัตถุโบราณเหมือนกันนิ ถ้าเป็นของปลอม ราคาก็ย่อมต่ำเป็นธรรมดา ในร้านจึงได้คึกคักมากมายขนาดนั้น ! “
ในขณะที่พูด หยางโปก็เงยหน้าขึ้นมา ” ถ้าเขาเหมือนกับผมฝั่งนี้จริง ๆ ที่เป็นของจริงทั้งร้าน เหอะเหอะ ราคาต่ำขนาดนี้ ยังไงก็ต้องจมลงไปในหลุมที่ไร้ซึ่งทางออกอย่างแน่นอน ยืนหยัดต่อไปได้ไม่นานหรอกครับ ! “
หลิวเหลียงอวี่โบกมือไปมา ” เดิมทีฉันเองก็คิดว่านายคงจะดูไม่ออก เมื่อกี้ในตอนที่ฉันโทรศัพท์ไปหาเฉาหยวนเต๋อ เขายังโน้มน้าวให้ฉันมาปลอบใจนายเลย จึ๊จึ๊ นึกไม่ถึงเลยจริงๆว่า นายจะเข้าใจเหตุผลเหล่านี้ ดูท่าแล้ว เหมือนนายกำลังเผชิญกับสิ่งที่ดูน่าเกรงขามแต่ไร้ซึ่งอำนาจไปโดยสิ้นเชิงยังไงอย่างนั้น ! “
เถ้าแก่เปาของร้านเสี่ยวหยาจายก็มานั่งในร้านสืออี๋ถางด้วยเช่นกัน เมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน เขาจึงได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงต่ำๆพร้อมหัวเราะออกมาว่า ” ทั้งสองคนคงจะตะขิดตะขวงที่จะไปอย่างแน่นอน ฉันหลาวเปาก็ไม่ได้สนใจมากขนาดนั้น เมื่อตอนเช้า ฉันได้ไปเดินเยี่ยมชมภายในร้านมารอบหนึ่ง ในร้านนั้นมีแต่ของปลอม ของปลอมแปลง อีกทั้งราคาก็ไม่ได้ต่ำอะไรอีกด้วย แต่ฝั่งนั้นมีระบบสมาชิก ในช่วงครึ่งเดือนแรกของการเปิดร้าน หากทำบัตรสมาชิก 1 ใบ จะได้เสพสุขกับส่วนลดกว่า 8 เจ๋อเลยทีเดียว ! “
” นี่ไม่ใช่ร้านค้าแล้ว ใครเค้าจะมาซื้อวัตถุโบราณในทุก ๆวันกันละ หรือพูดอีกอย่างก็คือ ร้านขายวัตถุโบราณร้านนี้แตกต่างจากร้านอื่น ถ้าคิดว่าการพึ่งพิงความก้าวหน้าของระบบจัดการจะสามารถสร้างเม็ดเงินมหาศาลได้ พวกเราที่นี่จะมัวรออะไรละ ฉันที่ไปเรียนปริญญาตรีสาขาการอุตสาหกรรมและการพาณิชย์มา จะไปรอให้เขาดึงดูดระบบใหม่เข้ามาทำไมกันเล่า ? “
หยางโปยิ้มแล้วพูดออกมา ” เป็นของปลอมทั้งหมด แต่ทำไมฉันเห็นว่ามีคนไม่น้อยยอมควักเงินออกมาซึ้อละ ? “
” หน้าม้าไง ! ” เถ้าแก่เปาพูดเสียงต่ำๆ
หยางโปมองตากับหลิวเหลียงอวี่ ก่อนจะพากันส่ายหน้า นี่เป็นการขูดรีด วิธีการนี้จะใช้ได้ไม่นาน ร้านค้าแห่งนี้จะต้องปิดตัวลง ร้านขายวัตถุโบราณแห่งนี้ไม่มีทางดำเนินการต่อไปได้อย่างแน่นอน !
หยางโปเงยหน้าขึ้นมองฝ่ายตรงข้าม ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เห็นซ่งห้าวซวนเถ้าแก่ของฮ้าวซวนเก๋อเดินออกมาพอดี ซ่งห้าวซวนดูเหมือนกับคนทั่วไป เขามองมาทางฝั่งนี้ ด้วยใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจ !
ซ่งห้าวซวนแสดงอากัปกิริยาด้วยการชูนิ้วกลางไปทางหยางโปเล็กน้อย
เดิมทีหยางโปไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายยั่วยุมาแบบนี้ ก็อดที่จะฉุนเฉียวออกมาไม่ได้ การเผชิญหน้ากับคู่แข่งแบบนี้ เขาที่เดิมทีตั้งใจจะนั่งมองดูความคึกคักเท่านั้น แต่เมื่อดูจากตอนนี้แล้ว ถึงเวลาที่เขาจะต้องเข้าร่วมแล้ว เปลวไฟแห่งความโกรธเคืองได้แผดเผา เขาจะทำให้ธุรกิจของซ่งห้าวซวนยิ่งเจริญเติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ !
หลิวเหลียงอวี่เองก็สีหน้าเปลี่ยนสีไป ” มันหยามกันเกินไปแล้ว ! “
เถ้าแก่เปาที่เดิมทีตั้งใจจะมาดูความคึกคักเท่านั้น ไม่ฝักฝ่ายอยู่ข้างไหน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้ ก็พูดขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือเสแสร้งกันแน่ว่า ” เถ้าแก่หยาง เราปล่อยเขาไปไม่ได้เด็ดขาด ! “
หยางโปไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านี้อีก ทำได้เพียงแค่รอให้เถ้าแก่ทั้งสองออกไป เขาถึงจะได้มานั่งครุ่นคิดอย่างละเอียดอีกครั้ง
เรื่องบางเรื่องก็ไม่เหมาะสมที่เขาจะต้องลงมือทำด้วยตัวเอง ถ้าเขาจำเป็นจะต้องรบกวนคนอื่น เพียงแค่ให้ใครก็ได้ไปช่วยตั้งกับดัก ก็สร้างปัญหาใหญ่โตได้แล้ว !
เมื่อถึงเวลาพลบค่ำ ท้องฟ้าก็ได้มืดมิดลง หยางโปล็อคประตูร้าน กำลังจะเดินจากไป
” เถ้าแก่หยาง เฝ้าร้านมาตลอดทั้งวัน คงจะลำบากน่าดูเลยนะ รสชาติของการกางตาข่ายจับนกกระจอกได้ มันน่าจะสบายมากกว่าไม่ใช่เหรอ ! “
หยางโปหมุนตัวกลับไปมอง ก็เห็นว่าซ่งห้าวซวนยืนอยู่ด้านหลังของเขา
” กิจการค้าขายของซ่งห้าวซวนเจริญรุ่งเรืองมาก แต่ก็อย่ายุ่งจนไม่สบายไปซะก่อนนะครับ ! ” หยางโปขมวดคิ้วพร้อมพูดขึ้น
ซ่งห้าวซวนยิ้มออกมา ” ไม่ต้องลำบากให้เถ้าแก่หยางมาเป็นห่วงหรอกครับ นายไม่รู้หรอกว่าถึงร้านขายของเล็กๆแห่งนี้จะเปิดทำการได้เพียงวันเดียว แต่กิจการก็ดำเนินจนมีมูลค่าถึง 300,000 หยวนเลยทีเดียว ฮ่าฮ่า จะพูดยังไงดีละว่ามันเทียบเท่ากับรายได้ตลอด 1 ปีเต็มของร้านสืออี๋ถางซะอีก ? “
” อ่า ? เหรอครับ ? ” หยางโปยิ้มออกมาเล็กน้อย เขารู้สึกขบขันมากทีเดียว ” ฉันยังคิดว่าอย่างน้อยก็จะต้องได้ 3 ล้านหยวนซะอีก ! “
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น