ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง 305-308
ตอนที่ 305 ไร้น้ำยา
อย่างน้อยเฝิงเยี่ยไป๋และเฉินยางก็ได้ทำกันจริงๆ แล้ว แต่เว่ยหมิ่นกับเหลียงอู๋เย่ว์ ทั้งสองคนก็ไม่ใช่คนไร้ความสามารถ ควรจะได้เสียกันนานแล้ว งานแต่งแม้ยังไม่ได้จัด เพียงแต่ทั้งสองคนนี้ก็เป็นที่รู้กันอยู่แล้ว
ทั้งสองคนจนถึงยามนี้ก็ยังไม่รู้สึกตัว เถียงกันเองเช่นนี้กลับสบายใจกว่าเสียอีก หากแต่จะเลียนแบบคนอื่นพูดจาหวานซึ้งไม่มีใครทนได้ พวกเขาไม่ใช่คนเช่นนั้น
เว่ยหมิ่นได้ยินเหลียงอู๋เย่ว์พูดว่าตัวเองก็ยังไม่เคยลอง นางยังไม่ทันรู้สึกตัว ก็พูดออกมาว่า “ไม่เคยกินเนื้อหมูยังไม่เคยเห็นหมูวิ่งหรือ ความไร้น้ำยาของเจ้านั้นข้ายังไม่รู้อีกหรือ”
เหลียงอู๋เย่ว์ก็เถียงนางกลับ “ไฉนข้าถึงไร้น้ำยาเสียแล้ว เจ้าเคยลองแล้ว? รู้ว่าข้าไร้น้ำยาหรือ”
ครั้งนี้หากยังฟังไม่ออกว่าเขาหมายถึงอะไร เว่ยหมิ่นก็โง่เขลาเสียจริง ล้อมาถึงหัวนางแล้ว ไม่มีความเคารพเลยหรืออย่างไร นางขึ้นไปชกเหลียงอู๋เย่ว์หนึ่งหมัด เหลียงอู๋เย่ว์ถูกนางชกอย่างน่าสงสารนัก นั่นเรียกว่าน้อยใจ “ไฉนเจ้าถึงชกข้า”
“เจ้ากล้าล้อข้า เจ้าว่าข้าจะชกเจ้าไม่ได้อย่างไร”
เหลียงอู๋เย่ว์รู้สึกน้อยใจนัก “นี่เจ้าคิดว่าตัวเองกระทำได้ฝ่ายเดียวไม่ให้คนอื่นทำ เจ้าด่าข้ายังไม่ให้ข้าเถียงกลับอีกงั้นหรือ ข้าเป็นสามีของเจ้า ไม่ใช่บ่าวรับใช้ของเจ้าเสียหน่อย!”
เว่ยหมิ่นก็ไม่พูดแล้ว มองเขาอยู่นานและนิ่งเงียบไป
เขาก้าวออกไปได้ แต่นางยังไม่ได้ ทุกครั้งที่ต้องเจอเรื่องนี้ นางก็ยอมแพ้เสียทุกครั้ง หากความรักจืดจางลงได้ง่ายๆ เช่นนี้ นางจะต้องทนทรมานเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร
วันนี้เหลียงอู๋เย่ว์ถูกเฝิงเยี่ยไป๋กระตุ้นเข้าให้แล้ว คนเขาทำกันไปแล้ว รออุ้มลูกชายอยู่เลย แต่เขาเล่า นายังไม่ได้ไถเลย ต้องรออีกนานเพียงใดถึงจะได้เป็นพ่อคน พอเขาคิดเช่นนี้ก็รู้สึกแย่ขึ้นมา แต่จะให้นางดูออกไม่ได้ ตอนแรกเว่ยหมิ่นก็รังเกียจที่เขาเชื่อคนง่ายนัก คนอื่นพูดอะไรเขาก็เชื่อไปหมด คนอื่นเป่าหูเขาเพียงเล็กน้อย กลางคืนเขาก็ทำตามแล้ว เว่ยหมิ่นบอกว่าจะค่อยๆ ชอบเขาเอง ยามนี้เขาจะทำให้ตัวเองเสียหน้าไม่ได้!
บนรถม้าเงียบไปครู่หนึ่ง เหลียงอู๋เย่ว์นั่งไม่ติดจริงๆ จึงพูดว่า “วันนี้เฝิงเยี่ยไป๋บอกเรื่องนกพิราบกับข้าแล้ว บอกว่าตั้งแต่ที่ซู่อ๋องไปจวนอ๋องก็ว่างอยู่ตลอด นกพิราบนั้นเป็นซู่อ๋องที่เลี้ยงเอาไว้ หลังจากปล่อยกลับมาที่จวนอ๋องแล้วน่าจะมีคนส่งข่าวในวังมาตรวจดู พวกเขาคอยส่งข่าวกันด้วยวิธีนี้ เพียงแต่ตอนหลังจวนอ๋องถูกฮ่องเต้พระราชทานให้กับเฝิงเยี่ยไป๋ จริงๆ แล้วนกพิราบตัวนี้ก็ไม่ควรปล่อยกลับมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงเดาว่า หากไม่ใช่ว่าในจวนอ๋องมีสายตาของซู่อ๋อง ก็คือปล่อยนกผิดตัว เพียงแต่ความผิดพลาดที่ปล่อยนกผิดตัวนั้นไม่มากนัก เช่นนั้นแล้วก็คือในจวนอ๋องมีคนส่งข่าวของซู่อ๋อง”
เว่ยหมิ่นเม้มปากใช้ความคิดอยู่พักหนึ่งก็คิดไม่ออก หน้ากลับแดงเรื่อ ไม่โทษเขา จะโทษก็ต้องโทษเหลียงอู๋เย่ว์พูดจาไม่ระวัง นางจึงคิดถึงเรื่องนั้นไปเสียแล้ว
เหลียงอู๋เย่ว์รู้สึกนางผิดสังเกตจึงโบกมือไปมาตรงหน้านาง “เจ้าเป็นอะไร เหม่ออะไรหรือ พวกเราจะต้องช่วยหาวิธีนะ!”
เว่ยหมิ่นลูบใบหน้าร้อนผะผ่าว ส่ายศีรษะไล่ความคิดออกไป แล้วพยักหน้าอย่างเหม่อลอย “อืม หา หาวิธี จะต้องหาวิธี”
“ในเมื่อเป็นคนส่งข่าวที่ตามออกมาจากในวัง จวนอ๋องมีคนตั้งมากมายเช่นนี้ ตกลงจะเริ่มหาจากที่ใดดี” เรื่องที่เหลียงอู๋เย่ว์ปวดหัวที่สุดก็คือเรื่องเช่นนี้ เขาไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมมากมายนัก จัดการกับคนปลิ้นปล้อนเหล่านั้นไม่ไหว บอกว่าจะช่วยเฝิงเยี่ยไป๋หาวิธี แต่สุดท้ายแล้วอาจจะช่วยอะไรไม่ได้เลยก็เป็นได้
——
ตอนที่ 306 เรื่องในใจไทเฮา
เรื่องที่เฝิงเยี่ยไป๋ป่วยนั้น ตอนนี้ลือกันทั่วทั้งเมืองแล้ว ไทเฮาร้อนรนนัก แต่ก็ออกจากวังไม่ได้ จึงได้แต่ส่งคนไปตามเวลาทั้งสามมื้อทุกวัน
หงอวี้ปลอบไทเฮาว่าอย่าได้เสียใจนักเลย จนกล่อมให้ไทเฮากินนมต้มไปชามหนึ่ง แล้วพูดปลอบว่า “ได้ยินว่าในจวนท่านอ๋องมีหมออยู่ เป็นลูกชายของอิ๋งหงที่เป็นเจ้าสำนักหมอหลวงคนเก่า ชื่อว่าอิ๋งโจว โรคโง่ของพระชายาก็เป็นเขาที่รักษาจนหาย คิดว่าวิชาหมอเก่งนัก คงดูแลท่านอ๋องได้ดีแน่เพคะ”
ไทเฮาตกใจจนลุกขึ้นมา “เจ้าว่าอะไรนะ ลูกชายของอิ๋งหงงั้นหรือ”
หงอวี้พูด “จริงเพคะ วิชารักษาของหมอหลวงอิ๋งพระองค์ก็รู้ว่าได้ชื่อว่าฮัวโต๋กลับชาติมาเกิด วิชาสืบทอดกันมา คิดว่าวิชาการรักษาก็คงไม่แย่ไปกว่ากันนัก พระองค์ลืมแล้วหรือ ตอนแรกฮ่องเต้จะประหารอิ๋งหงเจ็ดชั่วโคตร ยังเป็นพระองค์ที่ช่วยชีวิตลูกหลานของเขาเอาไว้ บุญคุณนี้ เขาจะไม่ช่วยก็ไม่ได้”
ตอนนั้นเป็นเพราะอิ๋งหงใส่หญ้าฝรั่นลงในยาของฮองเฮา จึงทำให้องค์ชายน้อยที่ยังไม่ทันลืมตาดูโลกด่วนจากไปก่อน ฮ่องเต้องค์ก่อนกริ้วหนัก สั่งประหารตระกูลอิ๋งเจ็ดชั่วโคตร ตอนนั้นไทเฮาก็เป็นเพียงแค่กุ้ยเฟย เพื่อจะขอให้ไว้ชีวิตอิ๋งหง นางคุกเข่าอยู่หน้าตำหนักหย่างซินให้ฮ่องเต้องค์ก่อนถอนราชโองการ อย่างน้อยก็ไว้ชีวิตคนในครอบครัวของเขา ฮ่องเต้ทรงกริ้วหนัก ท่าทางต้องฆ่าให้ได้ นางคุกเข่าอยู่ที่หน้าตำหนักหย่างซินคืนหนึ่ง สุดท้ายก็เป็นฮ่องเต้องค์ก่อนสงสารนาง บอกว่าเห็นความจริงใจของนาง จึงปล่อยครอบครัวของอิ๋งหงไป
แม้ว่าจะรักษาชีวิตคนในครอบครัวเขาได้ แต่ไทเฮาก็มีความบาดหมางกับฮองเฮาตั้งแต่ตอนนั้น เพียงแต่ฮองเฮาไม่มีโชคนัก หลังจากแท้งไม่นานก็จากไปเสียแล้ว
เรื่องที่อิ๋งหงใส่หญ้าฝรั่นในยาของฮองเฮานั้น คำพูดหนึ่งคือบอกว่าใส่ยาผิด บอกว่าอิ๋งหงแก่แล้วตาลาย โสมกับหญ้าฝรั่นอยู่ใกล้กัน ตอนจัดยาไม่ทันระวังจึงใส่ยาผิด และก็มีที่บอกว่าถูกคนยุยง จะเป็นใครที่ยุยงหรือ ย่อมต้องเป็นคู่ปราบของฮองเฮาองค์ก่อน ไทเฮาที่ยังไม่ตาย คำพูดทั้งสองนี้ จะดูอย่างไรก็เป็นอย่างหลังที่น่าเชื่อถือกว่า เพียงแต่ด้วยพระพักตร์ฮ่องเต้ จึงไม่มีใครกล้าสืบต่อ จนตอนหลังฮ่องเต้องค์ก่อนขึ้นครองราชสมบัติ หมอหลวงเปลี่ยนคน เรื่องนี้ก็ไม่มีใครพูดถึงอีก ในนั้นมีเรื่องใดซ่อนเอาไว้อยู่ ก็ไม่มีใครรู้แล้ว
หงอวี้เห็นไทเฮาได้ยินชื่ออิ๋งโจวแล้วถึงกับมีการตอบสนองเช่นนี้ ก็ไม่เข้าใจนัก “ไทเฮาเพคะ พระองค์เป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตระกูลอิ๋งพวกเขา ไม่เช่นนั้นให้บ่าวไปเรียกให้อิ๋งโจวเข้าวัง พระองค์พูดเรื่องในอดีตให้เขาฟัง จะได้เตือนเขาเสียหน่อย ให้เขาใส่ใจอาการป่วยของท่านอ๋องให้มาก”
ไทเฮาสีหน้าขาวซีด นางส่ายหน้า นอนกลับไปที่เตียง “ไม่ต้องแล้ว ข้าเหนื่อยแล้ว อยากจะพักเสียหน่อย หงอวี้ เจ้าก็อยู่ที่นี่เป็นเพื่อนข้าเถิด!”
หงอวี้ขานรับ นางห่มผ้าให้ไทเฮา แล้วชูมือเรียกสาวใช้สองคนมา ให้พวกนางจุดกำยาน เก็บกวาดทั้งข้างในข้างนอกแล้วรอปรนนิบัติอยู่ข้างๆ
หงอวี้คิดไม่ออก นี่เป็นบุญคุณช่วยชีวิตเลยนะ บอกอิ๋งโจวแล้วเขายังขัดได้หรือ ทั้งๆ ที่เป็นห่วงเฝิงเยี่ยไป๋ เพียงแต่ปล่อยโอกาสที่ดีเช่นนี้ไม่เตือนเสียหน่อยก็ไม่ใช่ ไทเฮานิสัยเมตตา หลายปีมานี้ปฏิบัติต่อคนใช้เหล่านี้ไม่ต้องพูดถึง นางกำนัลน้อยที่ตำหนักฉือหนิงล้วนไร้ระเบียบเพราะความเมตตาของไทเฮา ก็มีแต่ไม่ดีกับเฉินยางเท่านั้น เพียงแต่นั่นก็เพื่อลูกชายตัวเอง แต่ท่าทางของนางในวันนี้ก็แปลกเสียจริง
ไทเฮาท่าทางเหนื่อยแล้วจริงๆ ไม่ทันไรก็หลับไปเสียแล้ว นางกำนัลน้อยที่อยู่ข้างๆ กลัวหงอวี้จะเหนื่อย จึงพูดเบาๆ ว่า “กูกู ท่านไปพักผ่อนเถิด ที่นี่ยังมีพวกเราเฝ้าอยู่ หากมีเรื่องใดค่อยไปเรียกท่านดีหรือไม่”
ตอนที่ 307 เป็นข้าที่ผิดต่อเจ้า
หงอวี้บอกไม่ต้องแล้วและให้นางกำนัลไปรอข้างนอก ไทเฮาหลับไม่สงบนัก อีกเดี๋ยวก็กังวลอีกเดี๋ยวก็ถอนหายใจ สุดท้ายถึงกับน้ำตาไหลออกมา เหมือนดั่งเจอใครบางคนในฝันเช่นนั้น พูดอยู่ตลอดว่า “ขอโทษ” หงอวี้เห็นไทเฮาฝันร้ายจึงคุกเข่าที่พื้นแล้วพูดเบาๆ ว่า “ไทเฮา…ไทเฮา…ตื่นเถิดเพคะ…”
หน้าผากไทเฮามีเหงื่อซึมออกมา สีหน้าก็เริ่มหวาดกลัวขึ้นเรื่อยๆ “ขอโทษ…เป็นข้าที่ผิดต่อเจ้า…อิ๋งหง…”
ไฉนถึงฝันถึงอิ๋งหงอีกเล่า ไทเฮาผิดต่อเขาอย่างไร ช่วยชีวิตครอบครัวของเขายังถือว่าผิดต่อเขาอีกหรือ ในใจหงอวี้สงสัย กำลังจะให้คนไปเชิญหมอหลวงมา ไทเฮากลับตกใจตื่นขึ้นมา หอบหายใจท่าทางยังหวาดผวาอยู่
“ไทเฮา ทรงตื่นแล้วหรือเพคะ” หงอวี้ริมชาให้นาง “เมื่อครู่ทำเอาบ่าวตกใจแทบแย่ พระองค์ฝันร้ายเสียแล้ว ปลุกอย่างไรก็ไม่ตื่น”
นางบิดผ้าหมาดๆ แล้วเช็ดเหงื่อให้ไทเฮา เช็ดเสร็จแล้วก็คุกเข่ารอฟังคำสั่ง
ไทเฮาลูบอกถามหงอวี้ว่า “ข้า…ข้าได้พูดอะไรหรือไม่”
หงอวี้ส่ายหน้าอย่างไม่ลังเล พูดว่า “เหงื่อซึมออกมาเท่านั้น ก็ไม่ได้พูดอะไร พระองค์ฝันถึงสิ่งใดหรือเพคะ ให้บ่าวไปเชิญหมอหลวงมาดูให้พระองค์ดีหรือไม่”
“ไม่ต้องแล้ว แค่ฝันร้าย เจ้าให้คนมาจุดธูปสงบจิต ข้าจะนอนต่อเสียอีกหน่อย”
หงอวี้ขานรับแล้วถอยออกไปสั่งคนมาทำ
หลังจากเดือนเจ็ด อากาศร้อนยิ่งนัก ตอนแรกฮ่องเต้ตรัสว่าจะส่งทหารไปปราบซู่อ๋อง เพียงแต่ยิ่งไปทางเหนือภัยแล้งก็ยิ่งหนัก ที่นาไร้น้ำ ไม่มีผลผลิต ประชาชนทุกข์ยาก เขาเป็นถึงฮ่องเต้ จะทำศึกตอนนี้โดยไม่สนใจชีวิตประชาชนไม่ได้
ยามนี้เป็นยามดีที่จะซื้อใจประชาชน ราชสำนักได้มีคำสั่งลงมายังแต่ละเมืองที่มีภัยแล้งหนักให้ข้าราชการในเมืองนั้นๆ แจกจ่ายเสบียง และให้เงินห้าหมื่นตำลึงกับทุกเมืองเพื่อช่วยประชาชนที่เดือดร้อน ที่ไปแจกเงินให้นั้นยังมีข้าราชการที่ฮ่องเต้ตรัสสั่งด้วยตัวพระองค์เองเพื่อจะเฝ้ามอง หากเห็นว่ามีการกระทำที่โกงเงินไม่ยอมแจกเสบียง ไม่ต้องรายงาน ให้ประหารทันที!
เมืองเหมิงที่ซู่อ๋องอยู่ก็อยู่ในรายชื่อภัยแล้ง ตอนที่ฮ่องเต้แจกเงินนั้น มีคนถามว่าเมืองเหมิงควรจะทำอย่างไรดี ฮ่องเต้สะบัดมือให้ข้ามผ่านไป “เขาซื้อใจประชาชนเป็น เราก็ซื้อใจประชาชนเป็นเช่นกัน ในเมื่อประชาชนเมืองเหมิงยอมตายเพื่อเขา เช่นนั้นก็ให้พวกเขาไปตายเสีย จะได้ทำให้คนดูว่า ตกลงใครที่เป็นฮ่องเต้จริงๆ เขาทนไหว แต่ประชาชนทนไม่ไหว เราจะให้เมืองเหมิงไม่ต้องตีก็แตกพ่ายไปเอง!”
แม้ว่าเฝิงเยี่ยไป๋จะแกล้งป่วยอยู่บ้าน ไม่ออกจากบ้านไม่ไปเข้าราชกิจ แต่หูนี้ก็ไม่ได้ว่างเลย สามคนที่เขาสั่งสอนที่หอนางโลมนั้น พอมีเวลาว่างก็วิ่งมาที่เขานี้ หมอหลวงที่ฮ่องเต้ส่งมารักษาเขาก็มาสองสามครั้ง ผลที่สำนักหมอหลวงสรุปออกมาก็คือสั่งยาคลายร้อนให้เขากินทุกวัน หมอไร้ฝีมือก็มีข้อดีของหมอไร้ฝีมือ อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องดื่มยาทุกวันเพื่อแกล้งป่วยแล้ว ยามที่ไม่มีใครอยู่ก็มีชีวิตชีวา หากมีคนมาก็แกล้งป่วยทันที
สามคนนั้นมาเล่าเรื่องราชกิจให้เขาฟังทุกวัน พอพูดถึงท่าทางของฮ่องเต้ที่มีต่อเมืองเหมิง เฝิงเยี่ยไป๋ก็อ้าปากหัวเราะขึ้นมา
สามคนนี้หวาดผวากับเสียงหัวเราะของเฝิงเยี่ยไป๋ ไม่เข้าใจว่าเขาหมายความว่าอย่างไร กำลังจะถามอยู่นั้น ก็ได้ยินเขากระแอมสองที เฉาเต๋อหลุนเข้าใจความหมาย จึงขึ้นไปโค้งคำนับว่า “ใต้เท้าทั้งสามเชิญกลับก่อนเถิด ท่านอ๋องพวกเรายังไม่หายดี ไม่ควรให้กังวลมากนัก”
——
ตอนที่ 308 หลังจากนี้เจ้าอยู่ให้ห่างๆ เขาเสีย
เรื่องภัยแล้งไม่ใช่เรื่องเล็ก ประชาชนล้วนมิได้อาศัยท้องฟ้าอากาศกินข้าว ฮ่องเต้แจกเงินลงโทษคนโกงก็ได้ใจประชาชนจริง เพียงแต่ที่ไม่สมควรเลย ก็คือไม่สมควรข้ามเมืองเหมิงไป
เพียงแต่ควรไม่ควรนั้น ยามนี้ก็ไม่ใช่เรื่องของเขา ยามนี้ซู่อ๋องก็ต้องกังวลเรื่องนี้ เรื่องของพวกเขาพี่น้อง ก็ไม่ใช่เขาที่เป็นคนนอกจะไปยุ่งเกี่ยว อย่างไรเสียทำใจให้สบายอยู่ที่บ้าน อยู่กับภรรยาเล่นกับแมว จิบชาฟังเพลงให้สบายเสีย
แมวที่ครั้งที่แล้วจับนกพิราบนั้นได้ถูกเฉินยางเลี้ยงไว้แล้ว
แมวนิสัยดุ ตอนที่จับอยู่นั้นใช้แรงไปไม่น้อย สุดท้ายก็เป็นเฉินยางที่พุ่งเข้าไปคว้าหางแมวไว้ นางไม่กล้าออกแรง กลัวจะทำมันเจ็บ เพียงแต่แมวนั้นไม่มีความสงสาร กรงเล็บทั้งสองได้ข่วนมือของเฉินยางจนเละ
เฝิงเยี่ยไป๋โกรธจนหน้าดำคร่ำเครียด จะเข้าไปบีบคอแมวตายให้ได้ เจ้าสัตว์น้อยไม่รู้ผิดชอบชั่วดีนัก ตาบอดเสียแล้วหรือกระไร ไม่รู้จักดูว่าเป็นผู้หญิงของใคร เนื้อหนังดีๆ ถูกข่วนจนเละเช่นนี้ โอ๊ย ดูไม่ได้ ดูแล้วก็ทำเอาหัวใจเจ็บช้ำขึ้นมามากมาย
“ขังอยู่ในกรงเลี้ยงไว้สองวัน รอให้คุ้นชินแล้วค่อยปล่อยออกมา แมวเลี้ยงง่ายที่สุดแล้ว ขอเพียงเลี้ยงจนอิ่มก็ใช้ได้ ข้าจะทำประตูเล็กที่กำแพงให้มัน จะได้เข้าออกสะดวก แมวฉลาดนัก มันฟังภาษาคนรู้เรื่อง ใครดีกับมัน ในใจมันรู้เป็นอย่างดี”
พูดถึงเรื่องเลี้ยงแมว นางตื่นเต้นยิ่งกว่าใครๆ งานเย็บปักที่เพิ่งเรียนมา ยังไม่ได้ปักอะไรให้เขาเลยแม้แต่น้อย กลับทำที่นอนแมวขึ้นมาเสียแล้ว แม้ว่าที่นอนแมวนั้นจะไม่ได้ดูดีนัก เพียงแต่มันเป็นเพียงสัตว์จะไปรู้อะไร เมื่อก่อนเร่ร่อนไร้ที่พึ่งพิง ยามนี้ได้ชีวิตดีๆ เช่นนี้ ล้วนเป็นบรรพบุรุษของมันที่ทำบุญมาดี
“เมื่อก่อนไม่มีใครเลี้ยงก็ไม่เห็นมันอยู่ดีเช่นนี้ จะต้องให้เจ้าเสียแรงเช่นนี้หรือ โยนเสื้อผ้าเก่าๆ ให้มันก็พอแล้ว มันมีค่าพอที่จะทำที่นอนให้หรือ” เฝิงเยี่ยไป๋ยื่นมือไปจิ้มร่างขาวนวลของแมว เขาไม่ทันระวัง ก็ถูกเล็บแมวข่วนมือเข้าให้ เขาสูดปากร้องออกมาด้วยความเจ็บ ยกเท้าเตะกรง “เจ้าสัตว์เดรัจฉาน ไม่รู้จักดูว่าเป็นใครเจ้ายังกล้าข่วนอีก ระวังคืนนี้ข้าจะฆ่าเจ้ามาต้มเนื้อกิน!”
ซั่งเหมยกับซั่งเซียงกลั้นหัวเราะ เป็นถึงท่านอ๋อง ถึงกับโมโหใส่แมวขึ้นมาแล้ว!
เฉินยางถลึงตาใส่เฝิงเยี่ยไป๋ด้วยท่าทางกล่าวโทษ “ท่านไม่จิ้มมัน มันจะกัดท่านได้หรือ อีกอย่าง ข้าเป็นคนเลี้ยง ไม่ใช่ท่านเลี้ยงเสียหน่อย ข้าเป็นคนออกแรง ข้ายินดี!”
ได้ นางยินดี ยินดีก็พอ เขายังจะพูดอะไรได้อีก! คนใบ้กินถูกตีฟันร่วงต้องกลืนเข้าท้อง!
“ซั่งเหมย ยาที่เจ้าให้ข้าทาวันก่อนเล่า” นางก็ไม่ใช่คนแข็งกระด้าง ถูกข่วนแล้วเจ็บเพียงใดนางรู้ดีที่สุด นิสัยของแมวเอาแน่เอานอนไม่ได้ เล่นเจ้าได้ดีก็ใช้เล็บข่วน เล่นกับเจ้าไม่ดีก็ใช้เล็บข่วน นางไม่รู้ถูกข่วนมากมายเพียงใดแล้ว ดังนั้นจึงให้ซั่งเหมยเตรียมยาไว้อยู่ตลอด จะได้ไม่ต้องไปรบกวนอิ๋งโจวทุกครั้ง และไม่ต้องให้เฝิงเยี่ยไป๋หาเรื่องอยู่ตลอด
“แมวตัวนี้ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีนัก หลังจากนี้เจ้าก็แตะมันให้น้อยๆ หน่อย เล็บของมันวันๆ เอาแต่เขี่ยดินจับหนู ข้างในไม่รู้มีของสกปรกเท่าใด หลังจากนี้เจ้าอยู่ให้ห่างๆ มันเข้าไว้”
เฝิงเยี่ยไป๋เกลียดแมว ไม่ใช่เพียงอยู่ๆ ก็ข่วนมือเฉินยางทำเอาเขาเจ็บปวดหัวใจ ที่สำคัญคือจิตใจของเฉินยางที่มีต่อมัน ท่าทางนั้นราวกับว่ามันถึงเป็นเจ้านายตัวจริงเช่นนั้น ท่านแมววันๆ กินอิ่มแล้วก็นอน นอนอิ่มแล้วก็กิน เพิ่งมาไม่กี่วันเท่านั้น ร่างกายก็อ้วนขึ้นมาอีกเท่าตัวเสียแล้ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น