หวนแค้นชะตารัก 302-309

 ตอนที่ 302 อย่าให้พัวพันถึงพี่ 


 


“องค์หญิง บ่าวอยู่รอข้างนอก องค์หญิงคุยเร็วหน่อย” 


 


 


เพ่ยเอ๋อร์ยืนอยู่ข้างหลังซูจิ่วซือ พูดด้วยน้ำเสียงนอบน้อม 


 


 


ซูจิ่วซือพยักหน้าให้เพ่ยเอ๋อร์ “รบกวนหน่อยนะแม่นาง” 


 


 


เพ่ยเอ๋อร์พาหญิงผู้คุมออกไป  


 


 


ซูจิ่วซือเดินมาที่นอกซี่กรงเหล็ก ยังไม่ทันพูด ซูเหลียงอินซึ่งเดิมนั่งอยู่ที่พื้นก็รีบลุกขึ้นมา จับซี่ลูกกรงไว้ ร้องเสียงสะอื้น “พี่” 


 


 


พอร้องเรียกเสร็จ ซูเหลียงอินก็ตาแดง หลายวันในคุกนางสงบเป็นพิเศษ เวลานี้พอเห็นซูจิ่วซือกลับกลั้นไม่อยู่ 


 


 


ซูจิ่วซือจับมือซูเหลียงอินไว้ “อย่าร้องไห้ เหลียงอิน เรามีเวลาไม่มาก บอกข้าเกิดอะไรขึ้น” 


 


 


ซูเหลียงอินสูดน้ำมูก “คืนวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดข้ากับกุ้ยเฟยไปลอยกระทง ข้านั่งอยู่ที่ข้างกอหญ้า ห่างจากกุ้ยเฟยไม่มาก ตอนที่กำลังจะลอยกระทงก็เห็นฮองเฮาตีกุ้ยเฟยสลบไป และยังจะฆ่ากุ้ยเฟยด้วย 


 


 


ตอนที่ข้ากับฮองเฮาตบตีกัน ข้าหยิบก้อนหินได้จึงเอาทุบหัวฮองเฮา ฮองเฮาก็สิ้นลม 


 


 


ข้าไม่ได้คิดว่าจะฆ่าฮองเฮา ไม่ได้นึกเลยว่าจะทุบแม่นขนาดนี้ ทำให้ฮองเฮาตายพอดี 


 


 


พี่ ข้าโชคร้าย พี่ไม่ต้องใส่ใจข้า ข้ารู้ว่าคราวนี้ข้าต้องตายแน่ ก่อนตายได้เห็นหน้าพี่ ข้าก็พอใจแล้ว ข้าจะไปตอบแทนบุญคุณแม่ที่ปรโลก พี่กับพี่รองอยู่ให้มีความสุข ไม่ต้องใส่ใจข้า” 


 


 


ซูจิ่วซือเดิมทีคิดว่าเรื่องนี้มีคนใส่ร้ายซูเหลียงอิน นึกไม่ถึงว่าซูเหลียงอินจะฆ่ากู้เฝิ่นไต้จริงๆ น้ำเสียงของซูเหลียงอินฟังออกว่ามีความกลัว จึงพูดปลอบใจเบาๆ “เหลียงอิน ไม่ใช่ความผิดของเจ้า กู้เฝิ่นไต้สมควรตายอยู่แล้ว” 


 


 


“แต่นางเป็นฮองเฮา พี่ ฟังข้านะ ไม่ต้องช่วยข้า เรื่องนี้องค์หญิงสามจับตาดูอยู่ ข้าไม่อาจปฏิเสธได้ ข้าเป็นคนฆ่าฮองเฮาเอง ข้าปฏิเสธไม่ได้ พี่อย่าใส่ใจเรื่องของข้า อย่าให้พัวพันถึงพี่ทั้งสอง” 


 


 


ซูจิ่วซือยื่นมือข้าหนึ่งไปลูบหัวซูเหลียงอิน “เด็กโง่ เจ้าไม่เป็นไรแน่ พี่รับรอง” 


 


 


“พี่…” 


 


 


ซูเหลียงอินยังอยากจะพูดต่อ ข้างนอกมีเสียงเพ่ยเอ๋อร์ดังขึ้น “องค์หญิง ไปได้แล้ว” 


 


 


“เหลียงอิน อย่าคิดเหลวไหล เจ้าไม่เป็นไรแน่ รอฟังข่าวจากข้า” 


 


 


พูดจบซูจิ่วซือก็เรียกจื่อหลาน จื่อหลานจึงต้องร่ำลาจื่อซู แล้วตามซูจิ่วซือออกไป 


 


 


พอซูจิ่วซือไปแล้ว ซูเหลียงอินก็นั่งลงกับพื้นเหมือนเดิม จื่อซูพูดปลอบอยู่ข้างๆ “คุณหนู อย่าวิตกไปเลย คุณหนูใหญ่บอกว่ามีวิธี ก็ต้องมีวิธีแน่” 


 


 


ซูเหลียงอินส่ายหน้า “เวลานี้คนที่พอจะทูลขออภัยโทษต่อฝ่าบาทได้ก็มีแต่กุ้ยเฟย ที่เราสองคนไม่ถูกลงทัณฑ์ ต้องเป็นเพราะกุ้ยเฟยทูลขอร้องฝ่าบาท แต่เรื่องออกจากคุกเป็นไปไม่ได้ 


 


 


กุ้ยเฟยช่วยเราไม่ได้ แล้วพี่สาวจะช่วยได้หรือ พี่เป็นเพียงองค์หญิง ข้ามีความผิดถึงขั้นประหาร ถ้าพี่ช่วยข้า ก็ต้องพัวพันถึงตัวเอง พี่ทำอะไรให้ข้ามามากเหลือเกิน ข้าจะไม่ให้พี่พลอยเดือดร้อนเด็ดขาด” 


 


 


จื่อซูไม่เข้าใจความหมายของซูเหลียงอิน ถามต่อ “คุณหนูคิดว่าจะทำอย่างไร” 


 


 


ซูเหลียงอินกลับยิ้ม “ในเมื่อต้องตาย ก็ขอตายเอง” 


 


 


จื่อซูตะลึง “คุณหนู อย่าทำอย่างนี้” 


 


 


“ตอนที่เพิ่งฆ่าฮองเฮา ข้ากลัวและสับสนมาก หลายวันในคุกวังหลวง ข้ากลับสงบลง เหมือนที่พี่พูดไว้ ฮองเฮาสมควรตาย 


 


 


ข้าฆ่านางตายข้าไม่เสียใจ แต่ข้าเองก็หนีไม่พ้นเคราะห์กรรม 


 


 


จื่อซู ขอโทษ พลอยทำให้เจ้าเดือดร้อนไปด้วย เดิมทีเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า ข้าไม่อยากพัวพันไปถึงพี่ด้วย ทำให้พี่พลอยเป็นห่วงข้า ตายไปก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีก จะได้ไปอยู่กับท่านแม่ จะได้ไปพบคนใกล้ชิดอีกคนหนึ่ง” 


 


 


 


 


 


—— 


 


 


ตอนที่ 303 มีป้ายเว้นโทษประหาร 


 


 


 


 


 


จื่อซูสั่นหัวอย่างแรง “ชีวิตของบ่าวเป็นของคุณหนูอยู่แล้ว จะบอกว่าทำให้ข้าเดือดร้อนได้อย่างไร บ่าวตายไม่เป็นไร แต่บ่าวเป็นห่วงคุณหนู 


 


 


คุณหนูยังไม่ได้ทำพิธีเกล้าผม ฮองเฮาเป็นคนลงมือก่อน องค์หญิงเป็นคนฉลาด ไม่แน่องค์หญิงอาจจะมีวิธีช่วยคุณหนูออกไป คุณหนู อย่าทำอะไรโง่ๆ เด็ดขาด” 


 


 


จื่อซูคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องซูเหลียงอิน แต่ซูเหลียงอินตัดสินใจเด็ดเดี่ยวแล้ว ในเมื่อจะตาย ทำไมต้องดึงซูจิ่วซือเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ได้เห็นหน้าซูจิ่วซือ ก็พอใจแล้ว 


 


 


พอออกจากคุกวังหลวง ซูจิ่วซือไปที่วังจื่อจิงกง อยากปรึกษากับกู้ชิงเฉิงเกี่ยวกับเรื่องของซูเหลียงอิน 


 


 


พอเห็นซูจิ่วซือ กู้ชิงเฉิงก็แสดงความละอายใจ “จิ่วซือ ขออภัย ข้าไม่ได้ดูแลเหลียงอินให้ดี เรื่องนี้ข้าทูลฝ่าบาทแล้ว ได้แต่ช่วยให้เหลียงอินไม่ถูกทรมานในคุกวังหลวง แต่ไม่อาจช่วยให้ออกมาได้ 


 


 


เรื่องนี้องค์หญิงสามจ้องดูอยู่ และกระจายข่าวออกไปแล้ว ใครๆ ก็รู้ว่าเหลียงอินฆ่าฮองเฮา ฝ่าบาทแม้ทรงอยากช่วยแต่ก็ไม่อาจทำได้ เย็นนี้ข้าจะทูลขอร้องฝ่าบาทอีกครั้ง” 


 


 


ซูจิ่วซือรู้ว่ากู้ชิงเฉิงพยายามเต็มที่แล้ว นางพูดขึ้น “ชิงเฉิง ข้ามาขอบใจเจ้า ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ไม่รู้ว่าเหลียงอินจะถูกทรมานอย่างไร เหลียงอินร่างกายอ่อนแอ ถ้าถูกลงทัณฑ์ เกรงว่าจะทนไม่ไหว ข้ามีวิธีช่วยเหลียงอิน” 


 


 


พอรู้ว่าซูจิ่วซือมีวิธี กู้ชิงเฉิงซึ่งร้อนใจอยู่ก็ซักถามทันที “เจ้ามีวิธีใด” 


 


 


“ในมือข้ามีป้ายเว้นโทษประหาร” 


 


 


“เจ้ามีป้ายเว้นโทษประหารได้อย่างไร” 


 


 


กู้ชิงเฉิงประหลาดใจ ตอนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนยังมีพระชนม์ทรงประทานป้ายเว้นโทษประหารสามป้าย หลังจากนั้นก็ไม่มีป้ายเว้นโทษประหารอีก นางจำได้ว่าสกุลกู้มีป้ายเว้นโทษประหารป้ายหนึ่ง แต่คนตายเป็นกู้เฝิ่นไต้ สกุลกู้คงไม่เอามาช่วยซูเหลียงอินแน่ เรื่องนี้ถึงนางเป็นคนขอก็คงไม่ได้ 


 


 


“จื่อหยวนเคยให้ข้าไว้” 


 


 


คำพูดนี้ทำให้กู้ชิงเฉิงเข้าใจทันที ช่างบังเอิญจริงๆ คงเป็นกู้จื่อหยวนมอบให้ซูจิ่วซือไว้ก่อนแล้ว ถ้าอย่างนี้ซูเหลียงอินก็รอดชีวิตแน่ 


 


 


เดิมทีเฟิ่งอวิ๋นหล่างไม่ปรารถนาจะเอาชีวิตซูเหลียงอิน แต่พระองค์จะประหารซูเหลียงอินเพื่อแสดงให้ราษฎรเห็น ถ้ามีเหตุผลที่จะปล่อยซูเหลียงอิน พระองค์ก็ปล่อยได้ 


 


 


“ป้ายเว้นโทษประหารอยู่ที่เจ้า ข้าจะเอาป้ายนี้ไปให้ฝ่าบาท พอมีป้ายเว้นโทษประหาร ข้าค่อยไปทูลขอร้อง พระองค์ต้องช่วยเหลียงอินแน่” 


 


 


ซูจิ่วซือเพิ่งกลับถึงเมืองหลวง ย่อมไม่ได้เอาป้ายเว้นโทษประหารมาหากู้ชิงเฉิง ป้ายเว้นโทษประหารยังอยู่ที่จวนอันผิงโหว คนอื่นไม่รู้ว่าป้ายเว้นโทษประหารอยู่ในมือของนาง วันนี้เย็นแล้ว พรุ่งนี้เข้านางจะเอาป้ายเว้นโทษประหารเข้ามา 


 


 


“อยู่ที่จวนอันผิงโหว” 


 


 


“เรื่องนี้อย่าให้ใครรู้ จิ่วซือ เจ้ารีบเอาป้ายเว้นโทษประหารมาเร็วหน่อย” 


 


 


ซูจิ่วซือพยักหน้า เย็นนี้นางไม่สะดวกที่จะเข้าวัง ไม่อย่างนั้นจะส่งเข้ามาคืนนี้เลย ถ้านานอาจจะเกิดพลิกผัน 


 


 


ทั้งสองพูดคุยกันครู่หนึ่ง ซูจิ่วซือจึงออกจากวัง 


 


 


กู้ชิงเฉิงส่งซูจิ่วซือที่หน้าประตูวังจื่อจิงกง ยังดีที่มีป้ายเว้นโทษประหาร ไม่อย่างนั้นนางคงรู้สึกผิดมาก ซูเหลียงอินเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็เพื่อช่วยเหลือนาง ถ้าไม่มีซูเหลียงอิน นางคงตายด้วยน้ำมือของกู้เฝิ่นไต้ 


 


 


คราวนี้นางต้องพยายามช่วยซูเหลียงอินอย่างสุดความสามารถ ไม่เช่นนั้นนางคงเสียใจไปตลอดชาติ สำหรับนางแล้ว กู้เฝิ่นไต้ตายยังไม่สาสม 


 


 


พอออกจากวัง ซูจิ่วซือก็กลับไปยังจวนอันผิงโหว นางอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า คงเป็นเพราะความเหนื่อยล้า พอเอนตัวนั่งที่ตั่ง นางก็เคลิ้มหลับทันที 


ตอนที่ 304 ตายยังไม่สาสม


 


 


 


 


ขณะที่กำลังเคลิ้มหลับ ซูจิ่วซือรู้สึกว่ามีคนอยู่ข้างๆ นางรีบลืมตาขึ้น เห็นกู้จื่อหยวนนั่งอยู่ที่ตั่งข้างๆ


 


 


ซูจิ่วซือตื่นทันที เห็นข้างนอกมืดแล้ว นางเอามือกุมศีรษะ ตนหลับไปนานแล้ว


 


 


“พี่จื่อหยวน มาตั้งแต่เมื่อไร”


 


 


ซูจิ่วซือไม่ค่อยพอใจนัก ทั้งๆ ที่รู้ว่าตนหลับอยู่ กู้จื่อหยวนก็ยังเข้ามาในห้อง เสียมารยาทจริงๆ ไม่เหมือนท่าทีของกู้จื่อหยวนเมื่อก่อน น้ำเสียงที่พูดจึงเย็นชา


 


 


“เมื่อครู่นี้เอง เห็นเจ้าหลับสนิท ก็เลยไม่ได้เรียกให้ตื่น”


 


 


แม้กู้จื่อหยวนจะอ่อนโยนกับซูจิ่วซือ แต่ก็ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว


 


 


ระหว่างเขากับนางได้เกิดเหตุการณ์หลายอย่าง ความรู้สึกที่กู้จื่อหยวนมีต่อซูจิ่วซือก็เปลี่ยนไป ไม่บริสุทธิ์อย่างแต่ก่อน แน่นอนว่า ในใจของเขายังมีซูจิ่วซือ ยังถือว่านางเป็นคู่หมั้นของตน


 


 


“พี่จื่อหยวนมีอะไรหรือ”


 


 


ซูจิ่วซือลุกจากตั่ง กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยออกมา เป็นกลิ่นหอมที่ติดตัวซูจิ่วซือหลังจากอาบน้ำ


 


 


“จิ่วซือ เจ้าเข้าวังแล้ว เรื่องของเฝิ่นไต้เจ้าคงได้ยินมาแล้ว”


 


 


ซูจิ่วซือเดาออกว่ากู้จื่อหยวนมาที่นี่เพื่อถามเรื่องกู้เฝิ่นไต้ ป้ายเว้นโทษประหารกู้จื่อหยวนเป็นคนให้นาง นางไม่รู้ว่ากู้จื่อหยวนมาด้วยเรื่องป้ายเว้นโทษประหารหรือไม่


 


 


“ข้าได้ยินข่าวแล้ว และไปเยี่ยมเหลียงอินด้วย”


 


 


กู้จื่อหยวนลุกขึ้นเดินมาอยู่ข้างหน้าซูจิ่วซือ “ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต นี่เป็นเรื่องปกติ จิ่วซือ เรื่องนี้ข้าไม่อยากให้โยงมาถึงเจ้า แต่ซูเหลียงอินต้องชดใช้ด้วยชีวิต”


 


 


“กู้เฝิ่นไต้ตายด้วยมือของเหลียงอินก็จริง แต่ถูกทำร้ายก่อน และทำเพื่อป้องกันตัวจึงพลั้งมือทำให้กู้เฝิ่นไต้ตาย เรื่องนี้จะโทษเหลียงอินไม่ได้ กู้เฝิ่นไต้จะฆ่าเหลียงอิน จะให้เหลียงอินไม่ขัดขืนรอความตายก็คงเป็นไปไม่ได้


 


 


กู้เฝิ่นไต้เป็นน้องสาวฝาแฝดของเจ้า เจ้าปกป้องน้องสาวร่วมท้องก็ไม่ผิด แต่เหลียงอินก็เป็นน้องสาวร่วมท้องของข้า เรื่องของเหลียงอิน ข้าจะดูเฉยๆ ไม่ได้ จื่อหยวน ขออภัยที่ข้าต้องพูดตรงๆ กู้เฝิ่นไต้ตายยังไม่สาสม”


 


 


“เจ้าเคยนึกถึงความรู้สึกของข้าหรือไม่ จิ่วซือ เจ้าเป็นคู่หมั้นของข้า เมื่อก่อนเจ้ากับพี่รองใกล้ชิดกันมาก ไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของข้า เวลานี้เจ้าก็ยังทำอย่างนี้ ข้านึกถึงเจ้าเสมอ ในใจเจ้าถือข้าเป็นอะไร”


 


 


กู้จื่อหยวนเดาไว้ก่อนแล้วว่าซูจิ่วซือจะปฏิเสธ นึกถึงช่วงหลายเดือนมานี้ที่ซูจิ่วซือเย็นชาต่อตน ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว เขาจริงใจกับซูจิ่วซือ อยากแต่งงานกับนางจริงๆ แต่นางกลับมองข้ามเขาครั้งแล้วครั้งเล่า


 


 


“เรื่องระหว่างเรา ข้าเคยบอกเจ้าอย่างชัดเจนตั้งแต่ตอนเริ่มหมั้นหมายแล้ว จื่อหยวน ในใจเจ้าก็รู้ดี ข้าชอบเฉินหรง ในใจข้ามีแต่เขาคนเดียว ความรู้สึกของเจ้าข้าดูแลไม่ไหว ข้าไม่มีวันอนุญาตให้ใครมาทำร้ายคนใกล้ชิดข้า”


 


 


น้ำเสียงของซูจิ่วซือยังคงเย็นชามาก ราวกับว่ากู้จื่อหยวนเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนาง


 


 


กู้จื่อหยวนทั้งเสียใจทั้งโกรธแค้น เขารู้มานานแล้วว่าซูจิ่วซือไม่ชอบเขา แต่เขาไม่เข้าใจว่า ทำไมซูจิ่วซือจึงชอบกู้เฉินหรง ไม่ยอมทำอะไรให้เขาเลย ไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของเขาแม้แต่น้อย


 


 


”ข้าก็เป็นอย่างนี้แหละ” แววตาของกู้จื่อหยวนซับซ้อนขึ้นทันที เขาจ้องซูจิ่วซือไม่กะพริบตา ราวกับตัดใจจากซูจิ่วซืออย่างสิ้นเชิง “ในเมื่อใจเจ้าไม่มีข้า เอาละ งั้นก็เอาป้ายเว้นโทษประหารคืนให้ข้า”


 


 


ถ้าเป็นของอย่างอื่น ซูจิ่วซือคงคืนให้กู้จื่อหยวนไปแล้ว แต่ป้ายเว้นโทษประหารเป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยซูเหลียงอิน นางไม่วันมอบชีวิตซูเหลียงอินแน่ แม้จะเหมือนกับหน้าด้านแต่นางก็จะรักษาป้ายเว้นโทษประหารไว้


 


 


 


 


——


 


 


 


 


ตอนที่ 305 แตกหักกับกู้จื่อหยวน


 


 


 


 


“ของที่เอาให้คนอื่นไปแล้วไม่มีเหตุผลจะเอาคืน”


 


 


“ป้ายเว้นโทษประหารเป็นของที่ข้ามอบให้ผู้หญิงของข้า ในเมื่อเจ้าไม่ยอมเป็นผู้หญิงของข้า ก็ควรจะคืน เว้นแต่ว่าเจ้ารับปากจะเป็นผู้หญิงของข้า ข้าจึงจะยกป้ายเว้นโทษประหารให้เจ้า จิ่วซือ เจ้าตัดสินใจเอง”


 


 


ซูจิ่วซือนึกไม่ถึงว่ากู้จื่อหยวนยังจะบีบคั้นตน สองเดือนมานี้นางก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของกู้จื่อหยวน เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มไร้เดียงสาที่พบในการแข่งขันขี่ม้ายิงธนูคราวนั้นแล้ว


 


 


นางไม่เคยคิดจะเอาบุญคุณความแค้นที่มีต่อซูเหมยโยงไปถึงกู้จื่อหยวน จึงไม่เคยคิดจะทำอะไรกับกู้จื่อหยวน ไม่เคยคิดจะอาศัยประโยชน์จากเขา สุดท้ายนางกับเขาก็เดินมาถึงจุดที่ใกล้แตกหักแล้ว


 


 


หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ นางกับกู้จื่อหยวนจะไม่เป็นเพื่อนกันอีก


 


 


ซูจิ่วซือสงบเป็นพิเศษ สีหน้าไม่แปรเปลี่ยนแม้แต่น้อย พูดขึ้น “ข้าไม่มีวันเลือก กู้จื่อหยวน ป้ายเว้นโทษประหารนี้ข้าจะเอาไว้”


 


 


“เอาละ เช่นนั้นก็อย่าโทษข้าที่ไม่ไว้หน้าเจ้า ป้ายเว้นโทษประหารนั่นเจ้าส่งไปไม่ถึงวังแน่”


 


 


พูดจบกู้จื่อหยวนก็เตรียมจะออกไป พอเดินมาถึงหน้าประตูเขาหยุดครู่หนึ่ง “ข้าไม่อยากจะให้ความสัมพันธ์ระหว่างเราก้าวมาถึงขั้นนี้ แต่เจ้าบีบข้า จิ่วซือ เฝิ่นไต้เป็นน้องสาวข้า ข้าต้องแก้แค้นให้น้อง”


 


 


พูดจบก็จากไปไม่หันกลับ


 


 


ซูจิ่วซือนั่งที่โต๊ะสีหน้าเครียด พรุ่งนี้คงมีคนขัดขวางไม่ให้นางเข้าวังแน่ นางต้องหาทางส่งป้ายเว้นโทษประหารเข้าวังโดยผ่านอาจารย์


 


 


“คุณหนู คราวนี้จะทำอย่างไรดี”


 


 


คำพูดของกู้จื่อหยวนเมื่อกี้ จื่อหลานก็ได้ยิน พอกู้จื่อหยวนไปแล้ว นางยืนอยู่ข้างหลังซูจิ่วซือ ถามขึ้น


 


 


ซูจิ่วซือคิดครู่หนึ่ง แล้วพูด “กู้เฉินหรงให้คนสองคนคอยปกป้องพวกเราอย่างลับๆ เดี๋ยวข้าจะเขียนจดหมายให้เขาเอาไปให้อาจารย์ เวลานี้มีแต่ขอให้อาจารย์ช่วยเท่านั้น”


 


 


“อย่างนี้ก็ดี คุณชายสามจะโกรธคุณหนูหรือไม่”


 


 


เมื่อก่อนจื่อหลานรู้สึกว่ากู้จื่อหยวนดีต่อซูจิ่วซือ ซูจิ่วซือแต่งงานกับกู้จื่อหยวนก็ยังได้


 


 


เวลานี้พอได้ยินที่กู้จื่อหยวนพูดกับซูจิ่วซือแล้ว นางกลับรู้สึกว่าโชคดีที่ซูจิ่วซือไม่ได้แต่งงานกับกู้จื่อหยวน ไม่เช่นนั้นต่อไปคงไม่มีความสุขแน่ เพราะซูจิ่วซือกับสกุลกู้และกับฮองเฮามีความขัดแย้งกัน


 


 


“เขาอยากแค้นก็แค้นไปเถอะ! ข้าใส่ใจคนอื่นไม่ไหว เขาเป็นลูกชายของคนนั้น ข้ากับกู้จื่อหยวนเดิมทีก็ไม่ได้เป็นเพื่อนกัน กู้เฝิ่นไต้ตายอย่างนี้ สบายเกินไปสำหรับกู้เฝิ่นไต้”


 


 


เวลานี้ซูจิ่วซือห่วงแต่ซูเหลียงอิน ขอแต่ให้ซูเหลียงอินกลับมาอย่างปลอดภัย นางก็วางใจแล้ว


 


 


หลังจากกู้เฝิ่นไต้ตาย ความแค้นระหว่างนางกับซูเหมยยิ่งลึกขึ้นอีก ซูเหมยแค้นนางมากขึ้น ดีแล้ว เวลานี้ซูเหมยได้ลิ้มรสความเจ็บปวดจากการสูญเสียลูก ได้ข่าวว่ากู้เหยี่ยนก็เย็นชากับนางมากขึ้นเรื่อยๆ แค่นี้ยังไม่พอ รอกระทั่งถึงตอนสุดท้าย นางจะให้ซูเหมยได้ลิ้มรสการมีชีวิตที่ทรมานยิ่งกว่าตาย


 


 


“นึกไม่ถึงว่าคุณชายสามจะสนิทสนมกับฮองเฮาขนาดนี้”


 


 


“เรื่องนี้ข้าเองก็คาดไม่ถึง ข้าจะไปเขียนจดหมายก่อน”


 


 


ซูจิ่วซือไม่อยากเสียเวลา รีบลุกไปเขียนจดหมาย จื่อซูตามไปช่วยฝนหมึกให้


 


 


…..


 


 


ขณะนั้น ซูเหวินกำลังเดินไปมาอยู่ในห้องหนังสือ มือทั้งสองข้างไพล่หลัง เขานึกอยากสับซูจิ่วซือเป็นชิ้นๆ ซูเหลียงอินฆ่าฮองเฮา ในฐานะหัวหน้าครอบครัวจวนอันผิงโหว ย่อมโยงมาถึงเขาด้วย ทำให้เขาต้องเข้าวังไปขอรับโทษด้วยตัวเอง


 


 


ตั้งแต่ซูจิ่วซือเข้ามาในจวนอันผิงโหว จวนอันผิงโหวก็ไม่เป็นอันสงบสุข มีคนตายอย่างต่อเนื่อง เมียเขาลูกเขา ลูกชายคนโตกับเมียใหม่ล้วนตายไป ขืนเป็นอย่างนี้อีก จวนอันผิงโหวคงถูกซูจิ่วซือทำลายย่อยยับแน่


ตอนที่ 306  คิดจะฆ่าอีก 


 


 


 


 


 


“ท่านพ่อ ยังจะลังเลอะไรอีก ปล่อยซูจิ่วซือไว้ไม่ได้แล้ว ตอนนี้ซูเหลียงอินมีความผิดถึงขั้นประหาร เราถือโอกาสฆ่าซูจิ่วซือ แล้วบอกว่านางเสียใจจนฆ่าตัวตาย อย่างนี้ก็เอาผิดเราไม่ได้” 


 


 


ซูฉีลูกชายคนที่สองของซูเหวินแนะ 


 


 


“นางเป็นองค์หญิงอันผิง ถ้าไม่ฆ่านาง พอถึงตอนนั้นถ้ากลับคำให้การ พวกเรา…” 


 


 


“องค์หญิงเป็นแค่ตำแหน่งลอยๆ นางเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอจะเก่งกาจแค่ไหน ท่านพ่อ อย่าลังเลอีกต่อไป ช่วงที่ผ่านมาจวนอันผิงโหวของเราเคยสงบหรือ 


 


 


ถ้าซูจิ่วซือไม่ตาย สักวันหนึ่งจวนอันผิงโหวของเราจะตกเป็นของซูเหิง หรือว่าท่านจะรอวันที่โดนไล่ออก  


 


 


เวลานี้ฮองเฮาจากไปแล้ว กุ้ยเฟยก็สนิทสนมกับซูจิ่วซือ คงช่วยซูจิ่วซือ พอถึงตอนนั้นถ้ากุ้ยเฟยทูลฟ้องฝ่าบาทเป็นการส่วนพระองค์ พวกเราคงตกที่นั่งลำบาก” 


 


 


ซูเหวินรู้ว่าซูฉีพูดมีเหตุผล ทุกคนรู้ดีว่าพระสนมที่เฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงโปรดปรานที่สุดคือกู้ชิงเฉิง เมื่อก่อนตอนที่พระองค์ทรงเย็นชาต่อกู้ชิงเฉิง กู้เฝิ่นไต้ได้เป็นฮองเฮา สกุลกู้รุ่งเรืองมาก จวนอันผิงโหวก็พลอยมีเกียรติไปด้วย 


 


 


เวลานี้กู้เฝิ่นไต้ตายแล้ว กู้ชิงเฉิงกับพวกเขาไม่มีความสัมพันธ์ต่อกัน และยังใกล้ชิดกับซูจิ่วซือเป็นพิเศษ พอถึงตอนนั้นนางต้องอยู่ข้างซูจิ่วซือแน่ 


 


 


ถ้าเด็กคนนั้นเล่นเล่ห์สักหน่อย พวกเขาคงโดนไล่ออกจากจวนอันผิงโหว ซูเหิงเป็นลูกชายของซูหมิง การสืบทอดจวนอันผิงโหวเป็นเรื่องที่ยอมรับกัน ซูหมิงเป็นลูกเมียหลวง  


 


 


แต่ซูจิ่วซือมีเล่ห์เหลี่ยมมาก เขากลัวว่าคราวนี้คงฆ่าซูจิ่วซือไม่สำเร็จ แต่กลับทำให้ตนลำบาก เขาจึงไม่กล้าแตกหักกับซูจิ่วซือง่ายๆ 


 


 


พอเห็นว่าซูเหวินยังคิดใคร่ครวญอยู่ ซูฉีก็ร้อนใจ “ท่านพ่อ…” 


 


 


หลังจากลังเลหลายครั้ง ในที่สุดซูฉีก็ตัดสินใจเด็ดเดี่ยว ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ เมื่อถูกบีบมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ต้องลองดู 


 


 


“ก็ได้ เจ้าไปจัดกำลัง ต้องหาคนที่ไว้ใจได้” 


 


 


ซูฉีพยักหน้า “ท่านวางใจเถอะ เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้เรียบร้อย ข้าจะแก้แค้นให้พี่ใหญ่กับท่านแม่และน้องสาว เสียดายที่ซูเหิงไม่ได้อยู่ที่จวนอันผิงโหว ไม่งั้นจะได้ฆ่าพร้อมกัน แต่ถ้าซูจิ่วซือตาย ซูเหิงก็ไม่มีที่พึ่งพิง การกำจัดซูเหิงก็เป็นเรื่องง่าย เขาไม่มีความสามารถอะไร” 


 


 


“ระวังให้ดี อย่าให้มีร่องรอยหลงเหลือ” 


 


 


ซูฉีพยักหน้า 


 


 


วันรุ่งขึ้นซูจิ่วซือไม่ได้เข้าวัง แต่อยู่ที่จวนอันผิงโหว ไม่คิดจะออกไปไหน ป้ายเว้นโทษประหารส่งไปถึงมือหวังเฉิงแล้ว พอถึงตอนนั้นให้หวังเฉิงเข้าวัง แม้กู้จื่อหยวนอยากห้ามก็ห้ามไม่ได้ 


 


 


นางหิ้วกาน้ำขนาดเล็กไปรดน้ำต้นไม้ที่ลานบ้าน ถือโอกาสรอฟังข่าวจากวัง ขณะที่กำลังรดต้นกุหลาบ จื่อหลานก็พากู้หลียวนเข้ามา 


 


 


ซูจิ่วซือวางกาน้ำลง หยิบกรรมกรรไกรมาตัดแต่งกิ่งกุหลาบ 


 


 


“จิ่วซือ เวลานี้เจ้ายังมีใจมาดูแลดอกไม้ เจ้าไม่เป็นห่วงเจ้าเด็กเหลียงอินหรือ” 


 


 


“เหลียงอินชอบดอกกุหลาบมากที่สุด ข้าช่วยเหลียงอินตัดแต่ง รอเหลียงอินกลับมา พอเห็นดอกกุหลาบคงจะดีใจ” 


 


 


“นี่แสดงว่าเจ้าส่งป้ายเว้นโทษประหารเข้าวังแล้ว” 


 


 


กู้หลียวนรู้เรื่องป้ายเว้นโทษประหาร ยืนพูดข้างซูจิ่วซือ  


 


 


ซูจิ่วซือพยักหน้า ใบหน้ามีรอยยิ้มจางๆ “หลังจากปิงปิงไปแล้ว เจ้าคิดถึงนางหรือไม่” 


 


 


“ข้าอยู่ของข้าดีๆ จะคิดถึงนางทำไม” กู้หลียวนปฏิเสธอย่างแข็งขัน ในใจกลับมีเสียงพูดขึ้น เขาเริ่มคิดถึงเผยปิงปิงขึ้นมาแล้ว ไม่รู้ว่าอาการบาดเจ็บของนางเป็นอย่างไรบ้าง 


 


 


หลังจากเผยไป๋ชวนพาพวกเขามาส่งถึงเมืองหลวงแล้วก็พาเผยปิงปิงกลับไป สถานการณ์เวลานี้ เขาคงไม่มีโอกาสพบเผยปิงปิงอีก 


 


 


 


 


 


—— 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 307 ไม่เข้าใจความรัก 


 


 


 


 


 


เขาประทับใจเผยปิงปิงจริงๆ แต่ยังไม่คิดจะแต่งงานกับนาง เขารู้ว่าเผยปิงปิงต้องการอะไร จึงไม่ได้พูดอะไรกับเผยปิงปิง นางไม่ใช่คนที่จะเป็นคนรู้ใจใกล้ชิด  


 


 


ซูจิ่วซือหัวเราะ “ปากแข็ง ถ้าชอบจริงๆ แต่งกับนางก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ” 


 


 


“ข้ายังไม่ได้เตรียมตัวแต่งงาน ข้ากลัวจะทำให้ปิงปิงเสียใจ นางเป็นแม่นางที่ดี ข้าไม่อยากทำให้นางผิดหวัง” 


 


 


“ถ้ายังไม่ได้คิดให้ดี ก็อย่าทำให้แม่นางเสียเวลา หลียวน เจ้าต้องคิดให้ดี อย่าเสียดายภายหลัง ถ้าคิดจะแต่งงานก็เตรียมใจดูแลนางให้ดี อย่าเที่ยวไปยุ่งกับหญิงอื่นข้างนอกอีก” 


 


 


ซูจิ่วซือก้มตัวลงตัดแต่งต้นไม้ พลางพูดเตือนเบาๆ 


 


 


กู้หลียวนตะลึง จากนั้นก็หัวเราะร่า “แม่สาวน้อยทำตัวเป็นคนแก่ได้หรือ อย่าทำตัวเหมือนแม่ข้า แล้วเจ้าเองล่ะ เจ้าคิดถึงเฉินหรงหรือไม่ เขาพูดถึงเจ้าตลอดเวลา ถึงอยู่แคว้นเจียงก็ไม่มีวันยุ่งกับหญิงอื่น เรื่องนี้ข้ารับประกันได้” 


 


 


“ข้ารู้ว่าเขาเป็นคนอย่างไร” 


 


 


“แล้วเจ้าคิดถึงเขาหรือไม่” 


 


 


กู้หลียวนยังคงพูดคุย 


 


 


ซูจิ่วซือยืนตัวตรง ถลึงตาใสกู้หลียวน ลูกชายตัวดีคนนี้ มาต่อว่าแม่ของตัวเองอย่างนี้ 


 


 


ซูจิ่วซือกระแอมเบาๆ ไม่อยากพูดเรื่องนี้กับกู้หลียวนอีก พูดสีหน้าจริงจัง “หลียวน มีเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากถาม” 


 


 


“ถามมาเลย!” 


 


 


กู้หลียวนนั่งลงบนม้าหินข้างๆ 


 


 


“ข้ากับซูเหมยต้องต่อสู้กันอย่างรุนแรง เจ้าดูอยู่เฉยๆ ได้หรือไม่” 


 


 


ซูจิ่วซือรู้ว่าซูเหมยเป็นแม่เลี้ยงของกู้หลียวน นางกลัวว่าพอถึงตอนนั้นกู้หลียวนจะเข้ามายุ่งเกี่ยว กู้หลียวนเป็นลูกชายของนาง นางไม่อยากให้เรื่องนี้มาทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างซูเหมยกับลูกชายแตกหัก สภาพอย่างนี้ไม่เป็นผลดีต่อนาง  


 


 


ถ้าเป็นอย่างนี้ นางก็ต้องคิดทบทวน แต่นางตัดสินใจแล้วว่า นางไม่มีวันปล่อยซูเหมย 


 


 


ไม่มีวันปล่อย ไม่มีวันให้อภัย ซูเหมยต้องตาย และนางจะฆ่าซูเหมยกับมือตัวเอง 


 


 


พอได้ยินซูจิ่วซือพูดอย่างนี้ กู้หลียวนก็ลดท่าทีผ่อนคลายลง บุญคุณความแค้นระหว่างซูจิ่วซือกับซูเหมย เขารับรู้มานานแล้ว ทั้งสองมาถึงขั้นที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ 


 


 


”ข้าไม่ช่วยท่านแม่แน่” กู้หลียวนมองหน้าซูจิ่วซือ พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ในโลกนี้ คนที่ใกล้ชิดกับข้าที่สุดก็คือชิงเฉิง” 


 


 


“ซูเหมยดูแลเจ้าดีหรือไม่” 


 


 


คำถามนี้ซูจิ่วซืออยากถามมานานแล้ว แต่ไม่ได้ถาม นางอยากรู้ว่าซูเหมยดูแลกู้หลียวนดีหรือไม่ อยากรู้ว่าเขาอยู่อย่างไรตลอดหลายปีที่ผ่านมา 


 


 


กู้หลียวนไม่เคยพูดเรื่องนี้กับใคร ไม่รู้ทำไมเขาไม่รู้สึกไม่พอใจซูจิ่วซือที่ถามอย่างนี้ เขาไม่ได้ตอบทันที ได้แต่มองไกลออกไปพร้อมกับครุ่นคิด 


 


 


“ข้ากำพร้าแม่ตอนสี่ขวบ ไม่มีภาพประทับของแม่ที่แท้จริง จะพูดถึงแม่ว่าอย่างไรดี 


 


 


จะว่าท่านแม่ไม่ดีกับข้าก็ไม่ได้ ชีวิตประจำวันนางดูแลข้า ไม่เคยเรียกร้องอะไรข้า  


 


 


ตอนเด็กข้าชอบเล่น เวลาอาจารย์มาสอนมักจะแอบหนีออกไป ท่านแม่ได้แต่ลืมตาข้างหนึ่งหลับตาข้างหนึ่ง พอท่านพ่อดุข้า นางก็ยังปกป้องข้า 


 


 


เวลานั้นข้าคิดว่าท่านแม่รักข้าอย่างจริงใจ และสนิทสนมกับนางมาก นับถือเป็นแม่ที่แท้จริง” 


ตอนที่ 308 ความหลังของกู้หลียวน 


 


 


 


 


 


กู้หลียวนยิ้มอย่างขมขื่น แล้วพูดขึ้น “จนกระทั่งวันหนึ่ง ข้าพาจื่อหยวนหนีเรียน เรื่องนี้พอท่านแม่รู้เข้า ท่านแม่พาจื่อหยวนไป ข้าเป็นห่วงจื่อหยวน จึงแอบไปหาที่ห้องท่านแม่อย่างเงียบๆ จะพูดขอร้องแทนจื่อหยวน นึกไม่ถึงว่าพอข้าไปก็เห็นจื่อหยวนคุกเข่าลงกับพื้น แม่อบรมจื่อหยวนไม่ขาดปาก ให้ตั้งใจเรียน อย่าเอาแต่เล่น” 


 


 


จื่อหยวนถามท่านแม่ว่า ทำไมท่านแม่จึงไม่ต่อว่าพี่ กู้เฝิ่นไต้ซึ่งอยู่ข้างๆ พูดแทรกขึ้นว่า “เจ้าช่างโง่จริงๆ กู้หลียวนไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของแม่ วันหลังถ้าเขากลายเป็นคนเหลวไหลไร้ความสามารถยิ่งเป็นผลดีต่อเจ้า สนใจเขาทำไม” 


 


 


“ตั้งแต่วันนั้นมา ข้าจึงรู้แล้วว่า แม่ตั้งใจทำอย่างนี้ ก็เพราะอยากให้ข้าเป็นคนไร้ความสามารถ จะได้ไม่คุกคามฐานะของจื่อหยวนในการสืบทอดภารกิจครอบครัว ความจริงแล้วแม่ไม่ได้รักข้า และไม่ถือข้าเป็นลูก ที่ดูเหมือนรักเป็นของปลอม” 


 


 


ซูเหมยมีจุดหมายอย่างนี้ ซูจิ่วซือรู้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่นางนึกไม่ถึงว่าตั้งแต่เล็กกู้หลียวนก็ดูซูเหมยออกอย่างปรุโปร่ง นางรู้สึกชื่นชมและรักใคร่ลูกคนนี้ เวลานั้นเขาต้องการความรักความเอาใจใส่ เมื่อรู้อย่างนี้คงจะเสียใจมาก 


 


 


ซูเหมยแย่งลูกไปจากมือนาง แต่ไม่ได้รักลูกของนาง แค่อยากแก้แค้นนาง 


 


 


ด้วยเหตุนี้ซูเหมยจึงอบรมหลียวนให้เป็นเด็กเกะกะเกเร และให้ลูกสาวของตนชิงทุกสิ่งทุกอย่างไปจากชิงเฉิง ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เพื่อแก้แค้นนาง  


 


 


ซูเหมยเป็นคนเจ้าเล่ห์โหดร้ายมาตลอด  


 


 


“หลียวน ความจริงแล้วแม่แท้ๆ ของเจ้ารักเจ้ามาก” 


 


 


นางไม่คิดจะบอกฐานะที่แท้จริงของนางให้กู้หลียวนรู้ อยู่ใกล้ชิดเขาในฐานะน้องสาวก็ได้ ถ้าบอกความจริงทั้งหมด อาจจะทำให้เขาลำบากใจ 


 


 


“แม่ข้าเป็นอย่างไรข้าจำไม่ได้แล้ว แต่ได้ยินเรื่องราวของแม่มาไม่น้อย เวลานั้นถ้าแม่ไม่ตาย ข้าก็คงไม่เป็นอย่างนี้ 


 


 


ถึงข้าไม่อยากสืบทอดภารกิจครอบครัว แต่ข้าก็รู้สึกสิ้นหวัง เคยประชดชีวิต ต่อมาพอได้ไปอยู่ในวงการนักเลง ได้พบเห็นอะไรมามาก ก็คิดตก อยู่อย่างอิสระไม่มีภาระก็ดีเหมือนกัน 


 


 


ซูจิ่วซืออยากพูดออกมาว่าขอโทษ แต่ก็พูดไม่ได้ เพียงแต่เก็บเอาไว้ในใจ 


 


 


พอเห็นสีหน้าของซูจิ่วซือหม่นหมอง กู้หลียวนก็พูดเล่น “เจ้ารักแม่ข้ายิ่งกว่าข้าเสียอีก ใส่ใจเรื่องราวของแม่ ข้าเป็นลูกชายรู้สึกละอายใจที่ทำไม่ได้เท่าเจ้า 


 


 


ข้าเชื่อว่าแม่ข้ารักข้ากับชิงเฉิงมาก ข้ากับชิงเฉิงก็รักแม่ คิดถึงแม่ตลอดเวลา ตอนเล็ก ชิงเฉิงถามข้าเสมอว่ายังจำหน้าตาท่าทางแม่ได้ไหม เสียดายที่ข้าจำไม่ได้” 


 


 


ซูจิ่วซือรู้สึกขอบตาชื้นขึ้นมา เกือบจะยอมรับกับลูกชายว่าตนเป็นแม่ แต่ก็ต้องควบคุมความรู้สึกของตนไว้อย่างมิดชิด  


 


 


นางฟื้นชีวิตได้มาฟังคำพูดของกู้หลียวนอย่างนี้ ก็พอใจ สมใจแล้ว เวลานี้นางหวังแต่ว่าลูกทั้งสองจะอยู่อย่างมีความสุข มีครอบครัวที่ดี  


 


 


ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยอยู่นั้น จู่ๆ จื่อหลานก็วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ ด้วยความร้อนใจ จึงเกือบล้มลงกับพื้น “คุณหนู แย่แล้ว คุณหนูรองเกิดเรื่อง” 


 


 


กรรไกรในมือของซูจิ่วซือหล่นลงกับพื้นทันที นางผุดลุกขึ้น “เหลียงอินเป็นอะไรไป” 


 


 


“บ่าวเพิ่งรู้ข่าว คุณหนูรองฆ่าตัวตายในคุกวังหลวงแล้ว ยังเขียนจดหมายลาตายไว้ด้วย” 


 


 


ซูจิ่วซือหน้ามืดทันที กู้หลียวนรีบประคองซูจิ่วซือ “เด็กคนนี้ทำไมโง่จริงๆ” 


 


 


ซูจิ่วซือนึกไม่ถึงว่าซูเหลียงอินจะฆ่าตัวตาย นางบอกเหลียงอินไว้แล้ว ว่าอีกไม่นานก็จะพ้นโทษ ทำไมจึงทำอะไรโง่ๆอย่างนี้ ทำไมไม่รอก่อน 


 


 


ซูจิ่วซือพยายามควบคุมอารมณ์ไว้ “ข้าจะเข้าวัง จื่อหลาน เจ้าไปกับข้า” 


 


 


 


 


 


—— 


 


 


ตอนที่ 309 เด็กโง่  


 


 


 


 


 


ซูจิ่วซือยังไม่ทันเข้าวัง ทางวังก็ส่งคนมาแล้ว มีพระราชโองการให้ซูเหวินกับซูจิ่วซือเข้าเฝ้า 


 


 


พอได้รับพระราชโองการ ซูจิ่วซือไม่พูดไม่จารีบขึ้นรถม้า ซูเหลียงอินคงไม่อยากให้ตนพลอยเดือดร้อนไปด้วยจึงฆ่าตัวตาย เด็กโง่เอ๋ย ช่างโง่อะไรอย่างนี้  


 


 


ซูจิ่วซือยิ่งคิดยิ่งปวดร้าวใจ หลังฟื้นชีพ การกระทำทุกอย่างของนาง นางหวังอาจจะไม่เข้าใจ มีแต่ซูเหลียงอินเท่านั้นที่สนับสนุนและปกป้องนางเสมอ ไม่ว่าเวลาใด 


 


 


ซูจิ่วซือเองก็รักหลานสาวคนนี้อย่างจริงใจ ถือเป็นน้องสาวแท้ๆ เวลานี้เหลียงอินเพิ่งอายุสิบสี่ปี ปีหน้าจึงจะทำพิธีเกล้าผม ทำไมจึงทำเรื่องโง่ๆอย่างนี้ 


 


 


ซูเหมย ข้าไม่มีวันปล่อยพวกเจ้าแน่ 


 


 


หลังจากลงรถม้าแล้ว ตลอดทางซูจิ่วซือกับซูเหวินไม่ได้พูดคุยกัน ทั้งสองเดินเรียงตามลำดับเข้าไปในวังเจี้ยนจางกง เฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงประทับรออยู่ก่อนแล้ว 


 


 


ทั้งสองคุกเข่าถวายบังคมเฟิ่งอวิ๋นหล่าง 


 


 


เฟิ่งอวิ๋นหล่างสีพระพักตร์ไม่ดีนัก พระพักตร์เครียด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงนี้ทำให้พระองค์ไม่สบายพระทัย นางกำนัลที่รับใช้ใกล้ชิดต่างระแวดระวัง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงพิโรธ 


 


 


“ลุกขึ้นเถอะ!” 


 


 


ทั้งสองลุกขึ้น เฟิ่งอวิ๋นหล่างตรัสต่อ “ซูเหลียงอินฆ่าตัวตาย เรื่องนี้เจิ้นไม่ติดใจสืบถาม แต่ก่อนที่ซูเหลียงอินจะฆ่าตัวตายได้เขียนจดหมายลาตาย ในนั้นพูดถึงท่านโหว” 


 


 


ซูเหวินใจหาย จดหมายที่ซูเหลียงอินเขียนถึงคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ เขาไม่กล้าทูลถาม เฟิ่งอวิ๋นหล่างไม่ได้ตรัสต่อจนจบ เขาจึงได้แต่รอคอยให้เฟิ่งอวิ๋นหล่างตรัสต่อด้วยใจระทึก 


 


 


“ซูเหลียงอินเขียนไว้ในจดหมายเรื่องที่ท่านโหวใช้วิธีที่ไม่สมควรวางยาพิษซูหมิง” 


 


 


ซูเหวินสีหน้าซีดทันที คุกเข่าลงกับพื้นขอความเป็นธรรมให้ตนเอง “ฝ่าบาท กระหม่อมถูกใส่ร้าย ตอนที่พี่ชายตายกระหม่อมรู้สึกเสียใจมาก 


 


 


ใครๆ ก็รู้ว่าพี่ชายป่วยด้วยโรคที่ติดมาจากชายแดนใต้ สภาพการตายเหมือนพี่สาวทุกอย่าง เหลียงอินเป็นเด็กรุ่นหลัง ไม่อาจรู้เรื่องนี้ ไม่รู้ว่าได้ยินมาจากไหน เป็นการคาดเดาเอาเอง” 


 


 


ซูจิ่วซือเองก็รู้สึกประหลาดใจ เรื่องนี้นางไม่เคยเล่าให้ซูเหลียงอินฟัง เพียงแต่รู้สึกเหมือนกับว่าซูเหลียงอินเคยพูดว่าสงสัยซูหมิงจะถูกวางยาตาย 


 


 


เหตุการณ์ในอดีตนางไม่อาจเล่าให้ซูเหลียงอินฟังอย่างละเอียด แม้แต่นางหวังก็ไม่รู้เรื่องนี้ แล้วซูเหลียงอินได้ข่าวมาจากไหน 


 


 


เป็นไปได้ที่ซูเหลียงอินไม่รู้อะไร เพียงแต่สงสัย จึงได้เขียนอย่างนี้ 


 


 


ในเมื่อซูเหลียงอินเปิดประเด็น นางก็จะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปอย่างเงียบๆ สมควรเรียกร้องความยุติธรรมให้ซูหมิง เฟิ่งอวิ๋นหล่างมีพระบัญชาให้นางกับซูเหวินเข้าเฝ้าเพื่อตรัสเรื่องนี้ แสดงว่าพระองค์มีพระประสงค์จะจัดการ หากพระองค์จะจัดการ ย่อมกระทำได้อย่างง่ายดาย 


 


 


พอคิดอย่างนี้ ซูจิ่วซือก็คุกเข่าลง “ขอฝ่าบาททรงโปรดช่วยท่านพ่อด้วยเถอะ” 


 


 


“จิ่วซือ เบื้องพระพักตร์ฝ่าบาทระวังหน่อย อย่าพูดจาเหลวไหล” 


 


 


ซูเหวินดุสีหน้าเครียด ซูหมิงตายไปหลายปีแล้ว ซูเหวินไม่เชื่อว่าจะมีหลักฐานอะไรเหลือไว้ แต่เขาก็วิตก กลัวว่าซูจิ่วซือจะพูดอะไรเกินเลย หากเฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงเชื่อ เขาคงแย่แน่ 


 


 


“ซูเหวิน ไม่ต้องร้อนใจ ให้ซูจิ่วซือพูดให้จบก่อน เจิ้นรอฟังอยู่” 


 


 


เรื่องในครอบครัวจวนอันผิงโหวเฟิ่งอวิ๋นหล่างไม่อยากใส่พระทัย พระองค์เป็นฮ่องเต้ ไม่มีเวลาว่างพอที่จะใส่พระทัยเรื่องในครอบครัว วันนี้ที่พระองค์ตรัสถาม เป็นเพราะทรงรู้สึกว่าติดหนี้ชีวิตซูจิ่วซืออยู่ 


 


 


กู้เฝิ่นไต้ต้องการฆ่ากู้ชิงเฉิงเป็นความจริงที่ไม่ต้องสงสัย ถ้ากู้เฝิ่นไต้ไม่ตาย พระองค์ก็จะประหารกู้เฝิ่นไต้ ซูเหลียงอินช่วยกู้ชิงเฉิง พระองค์ทรงซาบซึ้งพระทัยต่อซูเหลียงอิน แต่เรื่องนี้จำเป็นต้องทำอะไรบางอย่างให้คนภายนอกเห็น เวลานี้จึงทรงอยากชดเชยให้ 


 


 


ในเมื่อซูเหลียงอินอยากเรียกร้องความยุติธรรมให้พ่อ พระองค์ก็จะทำตามความต้องการของซูเหลียงอิน 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม