หวนแค้นชะตารัก 294-301

 ตอนที่ 294 เติมเชื้อไฟ 


 


ทุกสิ่งทุกอย่างที่กู้เฉินหรงทำเพื่อซูจิ่วซือ ทำให้เขาเห็นความจริงใจของกู้เฉินหรง แต่พอนึกถึงว่ากู้เฉินหรงเป็นลูกเลี้ยงของกู้เหยี่ยน ในใจของเขาก็ไม่พอใจนัก เขาแพ้สองพ่อลูกอีกแล้ว  


 


 


ซูจิ่วซือไม่ลังเลแม้แต่น้อย พยักหน้าอย่างหนักแน่น “ถ้าไม่ใช่เขา ชาตินี้ข้าไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้น ข้าฟื้นชีพขึ้นมา เดิมทีก็ไม่คิดจะแต่งงานกับใคร แต่เขาทำให้ข้าเกิดความคิดใหม่” 


 


 


เผยไป๋ชวนเข้าใจความหมายของซูจิ่วซือแล้ว เขาไม่ได้ถามต่อ “ข้าจะไปดูปิงปิงก่อน” 


 


 


ซูจิ่วซือพยักหน้า เผยไป๋ชวนออกไป 


 


 


….. 


 


 


ทางด้านเมืองหลวง พระสนมโหรวอุ้มแมวสีขาว ลูบเบาๆ เป็นแมวที่เฟิ่งอวิ๋นหล่างให้คนเอามาให้นางเมื่อหลายวันก่อน พูดถึงเฟิ่งอวิ๋นหล่างพระองค์ทรงเอาใจใส่นางดี แม้เวลานี้ไม่ได้ให้นางถวายการรับใช้แล้ว แต่ยังเสด็จมาหาพระธิดาเป็นระยะ 


 


 


“พระสนม นายท่านส่งจดหมายมาแล้ว” 


 


 


“เอามาให้ข้าดูหน่อย” 


 


 


พระสนมโหรววางแมวขาวในมือลง ยื่นมือบอบบางออกไป รับจดหมายที่ไฉ่ซือส่งให้ เนื้อหาในนั้นทำให้สีหน้าของนางเครียดขึ้น 


 


 


นางให้ไฉ่ซือเอาจดหมายไปเผาทิ้ง ไฉ่ซือถามด้วยความอยากรู้ “คราวนี้นายท่านมีคำสั่งอะไรอีกหรือเพคะ” 


 


 


“นายท่านต้องการกำจัดสกุลกู้” 


 


 


“เอ่อ…นายท่านอยู่ดีๆ ก็จะกำจัดสกุลกู้เพื่ออะไร” 


 


 


ไฉ่ซือถามอย่างไม่เข้าใจ 


 


 


“เพราะสกุลกู้รับเลี้ยงกู้เฉินหรง นายท่านต้องการสั่งสอนกู้เฉินหรง 


 


 


จึงให้ข้าคิดหาทางกำจัดสกุลกู้ คราวนี้นายท่านทำให้ข้าลำบากใจจริงๆ  


 


 


แม้ฮองเฮาจะถูกกักบริเวณ แต่กู้ชิงเฉิงก็เกิดในสกุลกู้ เวลานี้ฝ่าบาทยังไม่จัดการสกุลกู้ ยี่สิบปีมานี้ สกุลกู้ได้ตั้งหลักอย่างมั่นคงในเมืองหลวง การกำจัดสกุลกู้ไม่ใช่เรื่องง่าย” 


 


 


พระสนมโหรวลำบากใจ อาศัยกำลังของนางคนเดียวต่อสู้กับตระกูลหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย นางจึงนึกถึงคนคนหนึ่งขึ้นมาทันที เรื่องนี้น่าจะร่วมมือกับซูจิ่วซือได้ 


 


 


บุญคุณความแค้นระหว่างซูจิ่วซือกับกู้เฝิ่นไต้นางเห็นอยู่ และยังมีความแค้นฝังลึกระหว่างซูจิ่วซือกับครอบครัวของซูเหวิน ซูเหวินเป็นน้องชายแท้ๆ ของซูเหมย ความสัมพันธ์ระหว่างซูจิ่วซือกับซูเหมยก็ไม่ดีเลย 


 


 


แต่ซูจิ่วซือกลับสนิทสนมกับสองพี่น้องกู้ชิงเฉิงกับกู้หลียวน ถ้ารับรองความปลอดภัยของสองพี่น้อง นางจะยินดีร่วมมือหรือไม่ เรื่องนี้พระสนมโหรวไม่มั่นใจ 


 


 


ถ้าซูจิ่วซือยินดีร่วมมือ ความสำเร็จก็อยู่แค่เอื้อม 


 


 


ถ้าความขัดแย้งระหว่างซูจิ่วซือกับสกุลกู้ยังไม่ลึกพอ นางก็จะเติมเชื้อไฟเข้าไปอีก 


 


 


“พระสนมเห็นว่าอย่างไรเพคะ” 


 


 


“เรื่องนี้ต้องวางแผนระยะยาว ไฉ่ซือ ฮองเฮามีการเคลื่อนไหวอะไรบ้าง” 


 


 


พระสนมโหรวพิงตั่ง ถามขึ้น 


 


 


“ทางฮองเฮาจะเคลื่อนไหวอะไรได้ เวลานี้ฝ่าบาททรงรังเกียจ ฮองเฮาทำให้วังเว่ยยางกลายเป็นตัวเคราะห์ ไม่มีใครไปมาหาสู่ กลัวว่าจะพลอยเคราะห์ร้ายไปด้วย 


 


 


อีกทั้งฝ่าบาทได้ลดตำแหน่งเป็นพระสนมระดับกุ้ยเหริน วังเว่ยยางจึงลดจำนวนคนลงมาก แต่ละคนติดนิสัยรักสบาย ได้ยินว่าวังเว่ยยางเต็มไปด้วยเสียงโอดครวญ ฮองเฮาจะอยู่สุขสบายหรือ” 


 


 


พระสนมโหรวปิดปากหัวเราะ “สมน้ำหน้า กู้เฝิ่นไต้ก็มีวันนี้ เมื่อก่อนวังเว่ยยางรุ่งเรืองมาก ในวังยกย่องคนที่สูงส่งเหยียบย่ำคนที่ต้อยต่ำ ยามรุ่งเรืองใครๆ ก็ห้อมล้อม  


 


 


ยามตกต่ำ มีแต่คนซ้ำเติม ฮองเฮาหรือจะทนอยู่อย่างนี้ ไม่เหมือนกู้ชิงเฉิง รุ่งเรืองหรือตกต่ำก็ไม่สะเทือน คอยดูเถอะ!  


 


 


ฮองเฮาต้องทำอะไรบางอย่างแน่ ไฉ่ซือ เจ้าไปติดสินบนยามรักษาการณ์วังเว่ยยาง ให้อำนวยความสะดวกให้ฮองเฮา” 


 


 


“เอ่อ” 


 


 


 


 


 


—— 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 295 ลอยกระทง 


 


 


 


 


 


ไฉ่ซือไม่เข้าใจเจตนาของพระสนมโหรว ฮองเฮาออกมาคงเกิดเรื่องแน่ ทำไมพระสนมโหรวจึงเปิดโอกาสให้ฮองเฮา  


 


 


พระสนมโหรวยื่นมือไปชี้หน้าไฉ่ซือ “เจ้าว่าเวลานี้ฮองเฮาแค้นใครที่สุด” 


 


 


“กุ้ยเฟยแน่นอน” 


 


 


“ถูกต้อง น้องสาวขององค์หญิงอันผิงอยู่ที่วังจื่อจิงกง องค์หญิงอันผิงกับกู้ชิงเฉิงสนิทกัน ฮองเฮาก็ต้องแค้นองค์หญิงอันผิงเหมือนกัน ถ้าฮองเฮาออกมา เป้าหมายก็อยู่ที่พวกนาง ข้าจะโหมไฟให้ลุกโชน เพื่อให้องค์หญิงอันผิงร่วมมือกับข้ากำจัดสกุลกู้” 


 


 


ไฉ่ซือพยักหน้า “บ่าวเข้าใจแล้ว บ่าวจะไปจัดการตามนี้” 


 


 


“เรื่องนี้ต้องปิดเป็นความลับ อย่าให้ใครรู้” 


 


 


“เจ้าค่ะ” 


 


 


ไฉ่ซือขานรับ แล้วรีบออกไป 


 


 


พอไฉ่ซือไปแล้ว พระสนมโหรวก็อุ้มแมวขาวขึ้นมา ดวงตาฉายแววโดดเดี่ยว วันเวลาอย่างนี้เมื่อไรจึงจะสิ้นสุด นางกับหลี่ซั่วจะรอดชีวิตออกจากเมืองหลวงหรือไม่ 


 


 


เมื่อก่อนนางเตรียมตัวเป็นเบี้ยตลอดชีวิต เวลานี้พอมีหลี่ซั่ว นางก็เกิดความคิดอยากออกไป แต่ก็แค่คิดเท่านั้น  


 


 


“มานี่ พาองค์หญิงใหญ่เข้ามา” 


 


 


จู่ๆ พระสนมโหรวก็รู้สึกหงุดหงิด บอกให้คนพาลูกสาวเข้ามา 


 


 


ตั้งแต่นางเป็นเบี้ยของซิ่นอ๋อง แม้แต่การมีลูกก็ไม่ใช่เรื่องที่นางกำหนดเอง เป็นคำสั่งของซิ่นอ๋อง เพื่อให้นางอาศัยลูกตั้งหลักที่วังใน ถ้าเป็นลูกชาย ซิ่นอ๋องคงไม่ปล่อยไว้ กลัวว่าวันหลังนางจะมีที่พึ่ง โชคดีที่นางได้ลูกสาว 


 


 


จนถึงเวลานี้ทั่วทั้งวังในมีนางคนเดียวที่มีลูก ฐานะของนางจึงมั่นคง ไม่ว่าเฟิ่งอวิ๋นหล่างจะโปรดปรานใคร วังในก็มีนางคนเดียวที่เหนือกว่าใคร 


 


 


สนมคนอื่น ไม่มีลูกย่อมมีสาเหตุ เรื่องนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของนางเอง 


 


 


เมื่อก่อนนางเคยคิดไม่อยากเป็นเบี้ย ตอนที่ใกล้ชิดหลี่ซั่วใหม่ๆ นางไม่นึกไม่ฝันว่าตนจะชอบหลี่ซั่ว 


 


 


อย่างนี้ก็ถือว่าเป็นการทรยศ ไม่อาจให้ซิ่นอ๋องรู้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นหลี่ซั่วต้องตายแน่ 


 


 


ซูจิ่วซือเป็นภัยคุกคามสำหรับนาง ยกเว้นการคุกคามแล้ว นางกับซูจิ่วซือยังร่วมมือกันได้เสมอ จึงอยากไว้ชีวิตซูจิ่วซือชั่วคราว ไม่เช่นนั้นนางเกรงว่าซูจิ่วซือจะเปิดเผยเรื่องของนาง 


 


 


สำหรับนางแล้วซูจิ่วซือเป็นตัวก่อกวน 


 


 


….. 


 


 


ช่วงนี้ซูเหลียงอินอยู่ที่วังจื่อจิงกง รู้จักคุ้นเคยกับกู้ชิงเฉิงแล้ว ทั้งสองจึงสนิทสนมกันดี 


 


 


คืนเทศกาลวันที่เจ็ดเดือนเจ็ด ชาวบ้านจัดงานโคมไฟ คืนนี้บรรดาหญิงสาวที่ยังไม่แต่งงานจะออกจากบ้านไปเที่ยวดูโคมไฟ วันที่เจ็ดเดือนเจ็ดจึงเป็นเทศกาลที่เด็กสาวต่างรอคอย ถ้าโชคดี อาจจะพบคุณชายที่ถูกใจ  


 


 


ในวังไม่มีงานโคมไฟ แต่นิยมลอยกระทง คืนนี้ไม่ว่าพระสนมหรือนางกำนัล ต่างก็ออกไปลอยกระทงที่ทะเลสาบฉางหมิงในอุทยานหลวง ทะเลสาบฉางหมิงจึงมีผู้คนล้นหลาม  


 


 


ซูเหลียงอินไม่เคยลอยกระทงในวังมาก่อน จึงตั้งตารอ ในมือนางถือกระทงรูปกระต่าย ส่งเสียงเร่งรัดตลอดเวลา “กุ้ยเฟย เตรียมตัวเรียบร้อยหรือยัง” 


 


 


พอเห็นซูเหลียงอินตื่นเต้นเหมือนเด็ก กู้ชิงเฉิงก็อารมณ์ดีเป็นพิเศษ เดิมทีนางไม่ได้ใส่ใจ พอเห็นซูเหลียงอินตื่นเต้นดีใจ จึงเตรียมจะออกไปลอยกระทงพร้อมซูเหลียงอิน “ไปกันเถอะ!”  


 


 


ทั้งสองถือกระทงคนละใบ กู้ชิงเฉิงไม่ชอบที่ที่มีคนมาก จึงพาซูเหลียงอินไปอีกด้านหนึ่งของทะเลสาบฉางหมิง ปกติแล้วทางด้านนั้นไม่มีคนมาก  


ตอนที่ 296 กู้เฝิ่นไต้สิ้นลม


 


 


 


 


ซูเหลียงอินส่งเสียงคุยจ้อตลอดทาง “กุ้ยเฟย คิดไว้หรือยังว่าจะอธิษฐานอะไรดี”


 


 


กู้ชิงเฉิงนิ่งเงียบ ใช่สิ นางจะอธิษฐานอะไรดีหนอ จู่ๆ ก็นึกถึงเฟิ่งอวิ๋นหล่าง ถ้าคำอธิษฐานเป็นจริง นางก็อยากให้เฟิ่งอวิ๋นหล่างมาหานางน้อยลง นางไม่ชอบเฟิ่งอวิ๋นหล่าง ไม่ชอบสักนิด


 


 


แต่เฟิ่งอวิ๋นหล่างกลับมาหาทุกวัน แม้นางไม่ต้องถวายการรับใช้ แต่เฟิ่งอวิ๋นหล่างก็ยังมาเสวยร่วมกับนางทุกเย็น พระองค์เป็นฮ่องเต้ นางไม่อาจปฏิเสธได้ เวลานี้ยังดีที่มีซูเหลียงอินอยู่ด้วย


 


 


พระสนมวังในมีมากมาย นางเย็นชาต่อเฟิ่งอวิ๋นหล่างอย่างชัดเจน แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมเฟิ่งอวิ๋นหล่างจึงเสด็จมาหานางไม่ละเว้น ทั้งๆ ที่ฮ่องเต้มีพระสนมมากมาย


 


 


“กุ้ยเฟย คิดอะไรอยู่ คำอธิษฐานต้องคิดนานอย่างนี้หรือ”


 


 


“ข้าไม่อธิษฐาน” กู้ชิงเฉิงหัวเราะ “เจ้าเล่า เจ้าอธิษฐานอะไร”


 


 


“ข้าอยากให้พี่สาวอยู่รอดปลอดภัย วันหลังได้แต่งงานกับพี่รองอย่างราบรื่น”


 


 


“เจ้าไม่อธิษฐานให้ตัวเองหรือ”


 


 


ซูเหลียงอินหัวเราะ “ข้าไม่มีความปรารถนาอะไร พี่สาวทำเพื่อข้ากับพี่ชายมากเหลือเกิน และลำบากมามาก ความปรารถนาของข้าก็คือให้พี่สาวมีความสุข”


 


 


“มิน่าจิ่วซือถึงได้รักเจ้า”


 


 


ทั้งสองเดินพลางพูดคุยกัน พอมาถึงริมทะเลสาบ ด้านนี้ไม่มีคนจริงๆ


 


 


ซูเหลียงอินนั่งบนพื้น มองเห็นกระทงจำนวนมากลอยห่างออกไปไม่ไกล ในกระทงจุดเทียนไขไว้ ทั่วผิวน้ำเต็มไปด้วยกระทงหลากหลายรูปแบบ นางพูดด้วยความตื่นเต้น “โห…สวยจริงๆ ”


 


 


กู้ชิงเฉิงนั่งยองๆ ข้างซูเหลียงอิน วางกระทงในมือลงในน้ำ ซูเหลียงอินชี้ออกไปไม่ไกล “กุ้ยเฟย ข้าจะไปลอยที่โน่น”


 


 


กู้ชิงเฉิงพยักหน้า ไม่ได้ห้ามซูเหลียงอิน ซูเหลียงอินไปที่มุมหนึ่งตามลำพัง


 


 


ตอนที่ทั้งสองออกมามีนางกำนัลติดตามเพียงสองคน ขณะที่กู้ชิงเฉิงลอยกระทงเสร็จ จู่ๆ ก็เห็นเงาสะท้อนในน้ำของคนคนหนึ่ง นางตกใจ เป็นเงาของกู้เฝิ่นไต้


 


 


กู้ชิงเฉิงรีบหันหลังไป เห็นกู้เฝิ่นไต้ สาวใช้ที่ติดตามสองคนไม่รู้ว่าล้มลงที่พื้นตั้งแต่เมื่อไร กู้ชิงเฉิงไม่ทันร้องเรียกให้คนช่วย ไม้กระบองในมือกู้เฝิ่นไต้ก็ฟาดเข้าใส่หน้าผากของกู้ชิงเฉิง กู้ชิงเฉิงล้มลงกับพื้นสลบทันที


 


 


กู้เฝิ่นไต้รู้ว่ากู้ชิงเฉิงยังไม่ตาย นางจ้องมองกู้ชิงเฉิงที่พื้นอย่างอำมหิต “เจ้าสมควรตายนานแล้ว กู้ชิงเฉิง ทั้งหมดนี้เป็นของข้า ข้าไม่มีวันให้เจ้าแย่งคืนไป ถึงตายข้าก็จะเป็นฮองเฮา”


 


 


กู้เฝิ่นไต้พูดจบก็เตรียมจะฟาดเข้าใส่อีก ซูเหลียงอินอยู่ไกลออกไปเห็นเหตุการณ์ รีบทิ้งกระทงในมือทะยานเข้ามา กระโจนเข้าใส่กู้เฝิ่นไต้ล้มลงกับพื้น


 


 


นางพยายามแย่งกระบองในมือของกู้เฝิ่นไต้ กู้เฝิ่นไต้นึกไม่ถึงว่าซูเหลียงอินก็อยู่ที่นี่ด้วย ก่อนหน้านี้ซูเหลียงอินนั่งห่างออกไป มีหญ้าบังไว้ นางจึงไม่ได้สังเกตเห็นซูเหลียงอิน


 


 


ซูเหลียงอินตัวเล็กกว่ากู้เฝิ่นไต้ พยายามออกแรงเต็มที่ ทั้งสองกลิ้งลงกับพื้นตบตีกัน


 


 


ซูเหลียงอินเตรียมตะโกน กู้เฝิ่นไต้อุดปากซูเหลียงอินไว้แน่น ซูเหลียงอินรู้สึกหายใจไม่ออก มือของนางคลำเจอหินก้อนหนึ่ง จึงหยิบขึ้นมาทุบที่หน้าผากกู้เฝิ่นไต้จนถูกจุดสำคัญของกู้เฝิ่นไต้พอดี กู้เฝิ่นไต้แน่นิ่งทันที ซูเหลียงอินผลักร่างกู้เฝิ่นไต้ซึ่งทับอยู่บนตัวนาง เห็นเสื้อผ้าของตัวเองมีเลือด


 


 


ซูเหลียงอินสีหน้าหวาดกลัว มือทั้งสองสั่น นางฆ่าคนหรือนี่


 


 


นางยื่นมือที่สั่นเทิ้มไปทดสอบลมหายใจของกู้เฝิ่นไต้ เนื้อตัวเกร็งไปหมด กู้เฝิ่นไต้สิ้นลมแล้ว


 


 


 


 


——


 


 


 


 


ตอนที่ 297 ต้องจ่ายค่าตอบแทน


 


 


 


 


นางตายแล้ว


 


 


พอรู้อย่างนี้ ซูเหลียงอินก็ตกใจจนมือสั่น นางไม่คิดจะฆ่าคน และไม่เคยฆ่าใครมาก่อน แม้นางไม่ชอบกู้เฝิ่นไต้ รู้สึกว่ากู้เฝิ่นไต้ทำเกินไป แต่การลงมือฆ่าคน นางไม่เคยคิดมาก่อน


 


 


ซูเหลียงอินทรุดนั่งลงกับพื้น สีหน้าซีดขาว เห็นหน้าผากกู้ชิงเฉิงมีเลือดไหล ก็รีบตะกายไปอยู่ข้างๆ กู้ชิงเฉิง เขย่าตัวกู้ชิงเฉิง “กุ้ยเฟย ตื่นเถอะ ตื่นเร็วเข้า!”


 


 


กู้ชิงเฉิงสลบไป จึงไม่มีปฏิกิริยา


 


 


พอถึงตอนนี้จู่ๆ ซูเหลียงอินก็ได้ยินเสียงฝีเท้าสับสน นางผุดลุกขึ้น เห็นเฟิ่งหลิงอวี่พาคนเข้ามา เห็นมือของซูเหลียงอินและเสื้อผ้าเต็มไปด้วยเลือด ใบหน้าตื่นตระหนก ที่พื้นมีกู้เฝิ่นไต้กับกู้ชิงเฉิงนอนอยู่ หน้าผากของกู้เฝิ่นไต้เป็นรอยยุบมีเลือดออก


 


 


เฟิ่งหลิงอวี่ดวงตาฉายแววตกใจแวบหนึ่ง เกิดอะไรขึ้นแน่ กู้เฝิ่นไต้ตายแล้วหรือ


 


 


เฟิ่งหลิงอวี่รู้จักซูเหลียงอิน เห็นนางสีหน้าท่าทางตื่นตระหนก ก็นึกขึ้นได้ รีบออกคำสั่งเสียงเครียด “มานี่ จับนางไป บังอาจทำร้ายฮองเฮากับกุ้ยเฟย”


 


 


“ข้าไม่ได้ทำ ข้า…” ซูเหลียงอินรีบอธิบาย แต่ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร กู้เฝิ่นไต้ถูกนางฆ่าจริงๆ เรื่องนี้นางปฏิเสธไม่ได้


 


 


“ในนี้มีคนเดียวที่มีสติ เจ้าผมยุ่ง เสื้อผ้าฉีกขาด มีเลือดที่มือกับเสื้อผ้า เมื่อครู่มีการตบตีกันแน่ ไม่ใช่เจ้า แล้วเป็นใคร พาตัวไป”


 


 


เฟิ่งหลิงอวี่พูดจบ ก็มีนางกำนัลเข้ามาพาตัวซูเหลียงอินไป


 


 


ซูเหลียงอินไม่ขัดขืน รู้ตัวว่าแย่แล้ว นางทำผิดฐานฆ่าคนตาย และฆ่าฮองเฮาองค์ปัจจุบัน แม้กู้เฝิ่นไต้จะถูกกักบริเวณ แต่ก็ยังเป็นฮองเฮาแคว้นเว่ย


 


 


เฟิ่งหลิงอวี่เข้าไปทดสอบลมหายใจของกู้เฝิ่นไต้ สีหน้าตกใจ กู้เฝิ่นไต้ตายจริงๆ


 


 


จากนั้นก็เตรียมจะไปทดสอบลมหายใจกู้ชิงเฉิง เฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงได้ข่าวก็เสด็จมา ทอดพระเนตรเห็นกู้ชิงเฉิงที่พื้น สีพระพักตร์ตึงเครียด ทรงอุ้มกู้ชิงเฉิงออกไปอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ทอดพระเนตรกู้เฝิ่นไต้แม้แต่แวบเดียว ราวกับว่าไม่เห็นนาง


 


 


เฟิ่งหลิงอวี่ก้มลงมองกู้เฝิ่นไต้ สีหน้าสงสาร “เจ้ายังสาวก็ตายแล้ว ถือว่าเป็นฮองเฮามาตลอดชีวิต กู้เฝิ่นไต้ เจ้าสงบใจเถิด ชาตินี้เจ้าไม่มีความหวังแล้ว ฮ่องเต้ไม่ให้อภัยเจ้า เจ้าไม่เป็นที่โปรดปรานอีกต่อไป”


 


 


ก่อนหน้านี้กู้เฝิ่นไต้เขียนจดหมายให้คนเอามาให้นาง เฟิ่งหลิงอวี่ได้ช่วยเหลือกู้เฝิ่นไต้ ไม่ใช่เพราะความผูกพันระหว่างนางกับกู้เฝิ่นไต้ แต่เพราะซูจิ่วซือกับกู้ชิงเฉิงสนิทสนมกันมาก


 


 


ก่อนหน้านี้ซูจิ่วซือรับโทษแทนกู้ชิงเฉิง นางต้องการแก้แค้นซูจิ่วซือ เพราะซูจิ่วซือแย่งคู่หมั้นของนาง จนกระทั่งบัดนี้กู้เฉินหรงก็ยังไม่กลับมา ไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว ไม่ได้ข่าวคราวเลย ช่วงนี้ซูจิ่วซือก็ออกไปจากเมืองหลวง ทำให้นางสงสัยว่าซูจิ่วซือจะไปหากู้เฉินหรง


 


 


เฟิ่งหลิงอวี่แค้นซูจิ่วซือมาก นางรู้สึกสังหรณ์ใจ กู้เฉินหรงคงไม่กลับมาอีก นางจึงอยากช่วยกู้เฝิ่นไต้ เป็นการเตือนซูจิ่วซือ


 


 


นึกไม่ถึงว่ากู้เฝิ่นไต้จะตายจริงๆ ถ้าเดาไม่ผิด คงเป็นซูเหลียงอินที่ฆ่ากู้เฝิ่นไต้


 


 


อย่างนี้ก็ดี ซูเหลียงอินเป็นน้องสาวแท้ๆ ของซูจิ่วซือ ฆ่าฮองเฮาองค์ปัจจุบัน นางก็อยากเห็นว่าซูจิ่วซือจะปกป้องน้องสาวอย่างไร นี่เป็นจุดจบของซูจิ่วซือที่มาแย่งผู้ชายของนาง


 


 


ซูจิ่วซือ รีบกลับมาเร็วหน่อย ไม่อย่างนั้นน้องสาวสุดที่รักของเจ้าจะไม่รอดชีวิต


 


 


พอคิดได้อย่างนี้ มุมปากของเฟิ่งหลิงอวี่ก็ผุดรอยยิ้มอำมหิต เมื่อจะแย่งผู้ชายของนาง ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างสาสม!


ตอนที่ 298 ไปดูกู้เฝิ่นไต้เป็นครั้งสุดท้าย


 


 


 


 


ที่จวนสกุลกู้


 


 


ซูเหมยกำลังคุยกับกู้จื่อหยวนในห้อง ความสัมพันธ์ของสองแม่ลูกดีขึ้นมาก ใบหน้าของซูเหมยมีรอยยิ้ม ทันใดนั้นสาวใช้คนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา “ฮูหยิน แย่แล้ว เกิดเรื่องขึ้นแล้วเจ้าค่ะ”


 


 


ซูเหมยกำลังดื่มชา สีหน้าไม่พอใจ “ตงเหมย ลืมแบบแผนอีกแล้ว เซ่อซ่าไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว เกิดอะไรขึ้นหรือ”


 


 


“ฮองเฮา” ตงเหมยหายใจหอบ แล้วพูดต่อ “ฮองเฮาสิ้นพระชนม์แล้ว”


 


 


ซูเหมยคลายมือออก ถ้วยชาในมือตกลงกับพื้น ดังเพล้ง น้ำชาหกกระจาย แม้กู้เฝิ่นไต้จะเย็นชากับนางไม่น้อย แต่ก็เป็นลูกสาวของนาง ซูเหมยมองหน้าตงเหมยอย่างตกตะลึง “เจ้าว่าอะไรนะ”


 


 


ตงเหมยคุกเข่าลงกับพื้น สีหน้าปวดร้าว “ฮูหยินโปรดอย่าเสียใจ ฮองเฮาสิ้นพระชนม์แล้วเจ้าค่ะ”


 


 


“เป็นไปไม่ได้” กู้จื่อหยวนผุดลุกขึ้น กำหมัดแน่น “ข้าไม่เชื่อ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด พี่สาวจะเกิดเรื่องร้ายได้อย่างไร”


 


 


ตงเหมยคุกเข่าที่พื้น ไม่กล้ามองหน้าคนทั้งสอง ก้มหน้าต่ำตัวสั่นงันงก กลัวว่าคนทั้งสองจะระบายความโกรธมาที่ตน


 


 


“บ่าวเองก็เพิ่งได้ข่าวเมื่อกี้ เมื่อคืนฮองเฮาถูกทำร้ายที่ริมทะเลสาบฉางหมิง คนที่ทำร้ายฮองเฮาก็คือน้องสาวแท้ๆ ขององค์หญิงอันผิง ตอนนี้ถูกขังที่คุกวังหลวง”


 


 


“เจ้าว่าซูเหลียงอินฆ่าเฝิ่นไต้หรือ เป็นไปได้อย่างไร เข้าใจผิดหรือไม่”


 


 


กู้จื่อหยวนเคยเจอซูเหลียงอินไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ซูเหลียงอินเพิ่งอายุสิบสี่ปี แม้ปากคอเราะราย แต่เด็กน้อยอย่างนี้จะลงมือกับกู้เฝิ่นไต้โดยไม่มีเหตุผลได้อย่างไร


 


 


“เป็นข่าวที่บ่าวได้ยินมาเจ้าค่ะ นายท่านให้บ่าวมาแจ้งอีกที เรื่องอื่นบ่าวไม่รู้เจ้าค่ะ”


 


 


“ท่านแม่ เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่เชื่อว่าซูเหลียงอินจะฆ่าเฝิ่นไต้ ต้องเป็นคนอื่นแน่”


 


 


ช่วงนี้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง กู้จื่อหยวนทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เขากับกู้เฝิ่นไต้สนิทสนมกันมาตลอด เวลานี้กู้เฝิ่นไต้ตายไปแล้ว และตายด้วยน้ำมือของซูเหลียงอิน เป็นเรื่องที่เขารับไม่ไหวจริงๆ


 


 


ซูเหมยโบกมือ ทำท่าให้ตงเหมยออกไป แล้วทรุดนั่งบนเก้าอี้อย่างเหม่อลอย


 


 


หลังจากกู้เฝิ่นไต้ถูกกักบริเวณ ซูเหมยก็คิดตลอดเวลา หวังว่าสักวันหนึ่งกู้เฝิ่นไต้จะกลับมาเป็นที่โปรดปรานอีก


 


 


นางจึงไปกำชับกำชากู้เฝิ่นไต้ให้สะกดความรู้สึกไว้ นางรู้สึกว่าถ้าสะกดความรู้สึกได้ วันหลังก็จะมีโอกาส นึกไม่ถึงว่ากู้เฝิ่นไต้ไม่มีโอกาส ตอนนี้ก็ตายไปแล้ว สกุลกู้ไม่เป็นพระญาติของราชตระกูลอีกต่อไป


 


 


ลูกสาวที่นางบ่มเพาะมาอย่างยากเย็น สุดท้ายก็ไม่ได้ครองบัลลังก์ฮองเฮาอย่างมั่นคง แม้นางจะรักลูกชายมากกว่า แต่กู้เฝิ่นไต้ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของนาง พอนึกถึงว่าไม่มีกู้เฝิ่นไต้แล้ว ในใจก็รู้สึกวิตก


 


 


กู้เฝิ่นไต้ถูกกักบริเวณ ตามแบบแผนแล้วไม่อาจออกจากวังเว่ยยางกง ทำไมออกไป ทำไมจึงพบซูเหลียงอิน ซูจิ่วซือเป็นปรปักษ์กับกู้เฝิ่นไต้ ตั้งแต่ซูจิ่วซือชนะเลิศการแข่งขันขี่ม้ายิงธนู สกุลกู้กับสกุลซูก็ไม่เป็นอันสงบ


 


 


ซูจิ่วซือวางตัวเป็นศัตรูกับครอบครัวซูเหวิน และสกุลกู้


 


 


ซูเหมยยิ่งคิดยิ่งแค้น แค้นจนอยากฉีกซูจิ่วซือเป็นชิ้นๆ  ชีวิตของนางถูกหลานสาวของซูหลิ่วทำลายย่อยยับ


 


 


“จื่อหยวน แม่จะเข้าวัง”


 


 


ซูเหมยพยายามสะกดใจให้สงบ แล้วพูดขึ้น


 


 


“ท่านแม่ ข้าเข้าวังกับท่านแม่”


 


 


ซูเหมยพยักหน้า “อย่างนี้ก็ดี”


 


 


ขณะที่ซูเหมยเตรียมตัวเข้าวัง ทางวังก็ส่งคนมา เป็นคนของเสิ่นไทเฮา มีพระบัญชาให้ซูเหมยเข้าวัง


 


 


ซูเหมยกับกู้เหยี่ยนพากู้เหยี่ยนเข้าวัง ไปดูกู้เฝิ่นไต้เป็นครั้งสุดท้าย


 


 


 


 


——


 


 


 


 


ตอนที่ 299 องค์หญิงสามดูละคร


 


 


 


 


พอเห็นร่างของกู้เฝิ่นไต้ ซูเหมยก็ปิดหน้าร้องไห้ แต่ต่อหน้าคนราชตระกูลไม่อาจปล่อยอารมณ์เกินไป ได้แต่เอาผ้าเช็ดน้ำตาตลอดเวลา


 


 


กู้เหยี่ยนก็ตาแดง นางเป็นลูกสาวของเขา กู้เหยี่ยนรู้สึกปวดร้าวใจที่สุด ชั่วพริบตาเขาก็แก่ทันที


 


 


กู้จื่อหยวนพอเห็นร่างของกู้เฝิ่นไต้จึงเชื่อจริงๆ ว่ากู้เฝิ่นไต้จากไปแล้ว ที่นี่เป็นวังเว่ยยางกง เขาไม่อาจพุ่งออกไป ได้แต่ยืนมองกู้เฝิ่นไต้อยู่ใกล้ๆ


 


 


ที่หน้าผากของนางมีบาดแผลซึ่งมีผ้าขาวพันไว้ เลือดหยุดไหลแล้ว หลับตาไร้สุ้มเสียงไร้ลมหายใจ


 


 


มือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของเขากำหมัดแน่น ซูเหลียงอินฆ่ากู้เฝิ่นไต้จริงๆ  ไม่ว่าอย่างไร เขาก็จะให้ซูเหลียงอินชดใช้ เอาชีวิตของนางชดใช้ชีวิตของกู้เฝิ่นไต้


 


 


“ใต้เท้ากู้ ฮูหยินกู้ เรากำลังจะย้ายฮองเฮาเข้าโลง ระงับความโศกเศร้าเถิด”


 


 


 เสิ่นไทเฮาทรงมีรับสั่งให้พวกเขาเข้าวังเพื่อดูกู้เฝิ่นไต้เป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นก็จะนำศพใส่โลงเคลื่อนย้ายไปที่ศาลบรรพชน


 


 


“พี่เหยี่ยน ไต้เฝิ่น…” ซูเหมยอยากเกาะกู้เหยี่ยนซึ่งอยู่ข้างๆ  แต่กู้เหยี่ยนหลีกห่าง เขายังคงสงบ พยักหน้าให้หัวหน้าขันทีหลี่ “รบกวนหัวหน้าหลี่แล้ว”


 


 


พูดจบก็ออกไปก่อน


 


 


ซูเหมยยืนอยู่ที่เดิม นึกไม่ถึงว่าในยามนี้ กู้จื่อหยวนไม่ปลอบใจนางสักคำเดียว ยังคงเย็นชา ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเขามาถึงขั้นนี้แล้ว กู้เหยี่ยนกลับไม่เห็นใจนางแม้แต่น้อย


 


 


“จื่อหยวน ไปกันเถอะ”


 


 


แม้กู้เฝิ่นไต้เป็นลูกสาวของนาง แต่เวลานี้กู้เฝิ่นไต้เป็นฮองเฮา เป็นคนของราชตระกูล พิธีศพของกู้เฝิ่นไต้ไม่ต้องการให้นางเกี่ยวข้อง การที่นางได้เห็นหน้ากู้เฝิ่นไต้เป็นครั้งสุดท้ายนับเป็นพระเมตตาของเสิ่นไทเฮา


 


 


ระหว่างทาง ซูเหมยเจอเฟิ่งหลิงอวี่


 


 


เฟิ่งหลิงอวี่ตั้งใจรอซูเหมย ทั้งสองเข้าไปคารวะเฟิ่งหลิงอวี่ เฟิ่งหลิงอวี่โบกมือ พูดด้วยสีหน้าอาลัย “ฮูหยินกู้ คุณชายกู้ ระงับความเศร้าเถิด


 


 


นึกไม่ถึงว่าฮองเฮาจะเจอเหตุการณ์อย่างนี้ น้องสาวขององค์หญิงอันผิงใจกล้าจริงๆ  อาศัยพี่สาว ถึงกับทำการฆาตกรรมในวังต่อหน้าผู้คน ยังดีที่จับตัวได้ ฮ่องเต้ต้องทำเพื่อฮองเฮาแน่ จัดการกับคนที่ทำร้ายฮองเฮาอย่างเด็ดขาด”


 


 


“องค์หญิงพูดถูกต้อง เรื่องนี้ฝ่าบาททรงจัดการเอง ข้ารู้สึกไม่สบาย ขอลาไปก่อน”


 


 


เฟิ่งหลิงอวี่พยักหน้า ซูเหมยพากู้จื่อหยวนออกไปจากวังหลวง


 


 


เฟิ่งหลิงอวี่อารมณ์ดีเป็นพิเศษ “ไม่รู้ว่าเมื่อไรซูจิ่วซือจะกลับเมืองหลวง จะได้ดูละครสนุก คราวนี้ถึงจะมีความสามารถล้นฟ้าก็ช่วยซูเหลียงอินไม่ได้ คดีฆาตกรรมหลักฐานแน่ชัด ไม่อาจปฏิเสธได้ ซูจิ่วซือหนอซูจิ่วซือ นี่คือจุดจบของเจ้าที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับข้า เจ้าคิดว่าเจ้าจะอยู่รอดปลอดภัยหรือ”


 


 


“องค์หญิง กุ้ยเฟยคงทูลขออภัยโทษแทนน้องสาวแน่”


 


 


เฟิ่งหลิงอวี่ไม่วิตก นางส่ายหน้า “แล้วจะเป็นอย่างไร ถึงจะทูลขออภัยโทษก็ไม่อาจลบล้างความจริงที่ว่าซูเหลียงอินฆ่าคน ฮ่องเต้ถึงจะเกลียดฮองเฮาแค่ไหน แต่ก็เป็นฮองเฮา เวลานี้ถูกฆ่าต่อหน้าผู้คน ถ้าไม่จัดการ ต่อไปเกียรติของราชตระกูลจะเอาไปไว้ที่ไหน


 


 


ข่าวนี้กระจายออกไปแล้ว ฝ่าบาทต้องทำอะไรบางอย่างให้ราษฎรเห็น


 


 


ฮองเฮาเป็นมารดาของแผ่นดิน ฮองเฮาถูกสังหารต่อหน้าผู้คน ไม่ใช่เรื่องเล็ก ซูเหลียงอินต้องตาย และยังพัวพันไปถึงซูจิ่วซือกับจวนอันผิงโหวด้วย


 


 


ได้ข่าวว่าซูเหวินได้เข้ามาขอพระราชทานอภัยโทษแล้ว ถึงอย่างไรซูเหลียงอินก็เป็นคนของจวนอันผิงโหว ทำผิดอย่างนี้ เขาจะปัดความรับผิดชอบได้หรือ”


 


 


เฟิ่งหลิงอวี่หยุดครู่หนึ่ง แล้วหัวเราะ “เวลานี้ข้าจะรอให้ซูจิ่วซือกลับมา ละครจึงจะสนุก”


ตอนที่ 300 อย่าช่วยนาง 


 


 


 


 


 


ซูจิ่วซือได้ข่าวขณะที่เดินทางเกือบถึงเมืองหลวงแล้ว นางรีบเร่งม้า พอมาถึงเมืองหลวง ก็ไม่รอพัก รีบเข้าไปพบหวังเฉิง ซูเหิงอยู่กับหวังเฉิง 


 


 


เวลานี้หวังเฉิงได้รับการแต่งตั้งเป็นแม่ทัพ เฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงประทานจวนให้เขาอยู่ต่างหาก พอเข้าไปในจวนหวัง ซูจิ่วซือเข้าพบหวังเฉิงทันที  


 


 


เวลานี้หวังเฉิงกำลังฝึกวิชากระบี่อยู่ที่เรือน พอเห็นซูจิ่วซือเข้ามา เขาก็เก็บกระบี่ในมือ ส่ายหน้า “แม่หนู ธุระของเจ้ามากเหลือเกิน เรื่องราวความขัดแย้งของเจ้าไม่เคยหมดสิ้น” 


 


 


“ในเมื่อก้าวบนเส้นทางนี้ ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง เว้นแต่ว่าจะเห็นผลแพ้ชนะ ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีอันจบสิ้น ช่วงนี้ขอบใจอาจารย์ที่ดูแลซูเหิง รบกวนอาจารย์แล้ว” 


 


 


“น้องชายเจ้าเป็นคนชอบเรียนรู้ ช่วงนี้เอยากฝึกวรยุทธ์กับข้า ข้าเห็นว่าเขาเป็นคนที่เหมาะจะบ่มเพาะ จึงรับเป็นศิษย์ เขาอยู่ในห้อง ข้าให้คนไปเรียกมา” 


 


 


“ดีเจ้าค่ะ” 


 


 


ซูจิ่วซือพยักหน้า นางเองก็อยากคุยกับหวังเฉิง จึงอยู่รอซูเหิงที่นี่  


 


 


“เรื่องของน้องสาวเจ้าน่าเป็นห่วงมาก กลัวว่าจะช่วยไม่ไหว อย่าทุ่มเทให้สูญเปล่า จะได้ไม่พัวพันถึงตัวเจ้า คนที่ตายครั้งนี้ไม่ใช่ธรรมดา เป็นฮองเฮาองค์ปัจจุบัน ถึงฮองเฮาจะผิดอย่างไร ก็ยังเป็นฮองเฮา สังหารฮองเฮามีโทษรุนแรง ที่ไม่จับพวกเจ้าก็นับว่าเป็นพระเมตตาอย่างยิ่งแล้ว” 


 


 


ซูจิ่วซือส่ายหน้า “นางเป็นน้องสาวข้า ข้าไม่มีวันทอดทิ้งแน่ แม้เหลียงอินจะปากคอเราะรายบ้าง แต่ไม่ใช่คนที่จะฆ่าใคร ในนี้ต้องมีเบื้องหลังแน่ มีคนใส่ร้ายนาง” 


 


 


“จุดหมายอยู่ที่เจ้า แม่หนู เป็นญาติกับเจ้าอันตรายจริงๆ เวลานี้เจ้าเองก็ต้องระวัง ให้พวกเขาฝึกป้องกันตัว อาศัยเจ้าคนเดียวบางครั้งก็เป็นไปไม่ได้ ทำอย่างนี้จึงจะร่วมแรงร่วมใจกับเจ้าได้ ไม่อย่างนั้นเจ้าคงช่วยพวกเขาไม่ไหว” 


 


 


ซูจิ่วซือรู้ว่าหวังเฉิงพูดมีเหตุผล นางให้กู้ชิงเฉิงช่วยดูแลซูเหลียงอิน เดิมทีคิดว่าจะได้อยู่ห่างจากความขัดแย้ง นึกไม่ถึงว่าสุดท้ายก็ยังเกิดเรื่อง ที่ทำให้นางคาดไม่ถึงก็คือคนที่ตายคราวนี้เป็นกู้เฝิ่นไต้ 


 


 


นางรู้จักซูเหลียงอินดี รู้ว่าซูเหลียงอินไม่มีวันฆ่าใคร ถ้าเป็นการใส่ร้าย ใครเป็นคนใส่ร้ายซูเหลียงอิน ใครเป็นคนฆ่ากู้เฝิ่นไต้แล้วใส่ร้ายซูเหลียงอิน? 


 


 


คนสกุลกู้กับคนสกุลซูพ้นข้อสงสัยไปได้ เว้นแต่ว่าจะมีใครในนั้นมีความสามารถที่จะทำได้ หรือว่าเป็นพระสนมโหรว? 


 


 


แต่นางกุมความลับของพระสนมโหรวไว้ พระสนมโหรวจะลงมือกับนางอย่างโจ่งแจ้งได้อย่างไร นอกจากพระสนมโหรวแล้ว คนที่ขัดแย้งกับนางก็เหลือแต่เฟิ่งหลิงอวี่ 


 


 


ขณะที่กำลังครุ่นคิด ซูเหิงก็ก้าวเข้ามาอย่างเร่งรีบ ใบหน้าของเขามีรอยช้ำ มุมปากบวม แสดงว่ามีเรื่องชกต่อย 


 


 


“เกิดอะไรขึ้น” 


 


 


ซูจิ่วซือถามสีหน้าเครียด 


 


 


“วันนี้ข้าเจอกู้จื่อหยวน ก็เลยชกต่อยกัน พี่ ข้าไม่เชื่อว่าเหลียงอินจะฆ่าใคร นางกับฮองเฮาไม่ได้มีความแค้นต่อกัน จะทำกับฮองเฮาอย่างรุนแรงได้อย่างไร ต้องมีคนใส่ร้ายอยู่เบื้องหลังแน่ เหลียงอินไม่ประสีประสา ถึงได้ถูกหลอก” 


 


 


“อย่าบุ่มบ่าม ซูเหิง เจ้าเพิ่งออกจากคุกไม่นาน อย่าให้เกิดเรื่องอีก เดี๋ยวข้าจะไปเข้าเฝ้าไทเฮา เจ้าอยู่กับอาจารย์ที่นี่ ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น” 


 


 


ซูเหิงเข้าไปไม่ได้ และเข้าคุกไม่ได้เด็ดขาด เขาพยักหน้า “พี่ ระวังตัวด้วย” 


 


 


“อาจารย์ ช่วยดูแลซูเหิงด้วย ขอบใจอาจารย์” 


 


 


พูดจบซูจิ่วซือก็จากไป นางไม่ได้พักผ่อนเป็นเวลาหนึ่งวันกับหนึ่งคืน เวลานี้แม้จะเหนื่อยเพียงไร ก็ไม่อาจพักผ่อนได้ ต้องไปสืบถามให้แน่ชัดว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร 


 


 


 


 


 


—— 


 


 


ตอนที่ 301 ขอพบหน้าเท่านั้น 


 


 


 


 


 


พอซูจิ่วซือไปแล้ว หวังเฉิงก็ถอนหายใจเบาๆ “พี่สาวเจ้าลำบากไม่น้อย” 


 


 


ซูเหิงกำหมัดชกกับต้นไม้อย่างแรง “ข้าไร้ความสามารถ ช่วยอะไรพี่ไม่ได้เลย” 


 


 


“ซูเหิง อย่าระบายความโกรธใส่ต้นไม้ มาสู้กับข้าหน่อย ดูว่าระยะนี้เจ้าก้าวหน้าถึงไหนแล้ว” 


 


 


หวังเฉิงโยนกระบี่ให้ซูเหิง ให้เขาใช้กระบี่ ส่วนตนใช้หมัด 


 


 


ซูจิ่วซือเอนตัวบนรถม้า หลับตาพักครู่หนึ่ง เรื่องราวของซูเหลียงอินจัดการยากกว่าของซูเหิงมาก คราวนี้คนตายเป็นฮองเฮา ยังดีที่นางมีป้ายเว้นโทษประหารอยู่ในมือ ครั้งนี้ ป้ายเว้นโทษประหารคงได้ใช้จริงๆ  


 


 


จื่อหลานรู้ว่าซูจิ่วซือเหนื่อยมาก นางเองก็ร้อนใจ คนที่เข้าไปในคุกกับซูเหลียงอินคือจื่อซูน้องสาวของนางเอง แต่นางไม่ได้ขอร้องอะไรซูจิ่วซือ นางรู้ว่าซูจิ่วซือกำลังคิดหาทาง ถ้าช่วยได้ คงช่วยจื่อซูออกมาด้วย 


 


 


“คุณหนู นอนพักสักครู่เถอะ! พอถึงหน้าประตูวัง บ่าวค่อยปลุกคุณหนู” 


 


 


“หลับตาพักสายตาก็พอ จื่อหลาน เจ้าไม่ต้องห่วงจื่อซู ถ้าเหลียงอินไม่เป็นไร จื่อซูก็ไม่เป็นไร” 


 


 


จื่อหลานพยักหน้า “คุณหนูรีบเร่งเดินทางไม่ได้พักผ่อนนอนหลับ บ่าวกลัวว่าร่างกายคุณหนูจะรับไม่ไหว” 


 


 


“ไม่เป็นไร” 


 


 


ร่างกายนี้ไม่เหมือนร่างกายของซูหลิ่ว เหนื่อยหน่อยก็ไม่เป็นไร เวลานี้นางหวังแต่ว่าให้ซูเหลียงอินถูกทรมานน้อยหน่อย สามารถประคองตัวจนถึงเวลาที่นางจะช่วยให้ออกมา 


 


 


พอถึงหน้าประตูวัง ซูจิ่วซือกับจื่อหลานก็ลงจากรถม้า ทั้งสองมุ่งตรงไปยังวังหย่งโซ่วกง 


 


 


เสิ่นไทเฮาทรงรู้แล้วว่าซูจิ่วซือจะมา จึงประทับรอซูจิ่วซืออยู่ที่ห้องโถง พอเห็นซูจิ่วซือรุดเข้ามา สีหน้าเหนื่อยล้า เสิ่นไทเฮาก็อดเป็นห่วงเด็กคนนี้ไม่ได้ 


 


 


“จิ่วซือ ลุกขึ้นเถอะ!” 


 


 


“ขอบพระทัยไทเฮา” 


 


 


ซูจิ่วซือลุกขึ้น เสิ่นไทเฮาทรงทำท่าให้ซูจิ่วซือเข้ามาใกล้ สีพระพักตร์ราบเรียบ ตรัสถาม “จิ่วซือ เพิ่งกลับเมืองหลวงก็มาหาข้า จะมาขออภัยโทษให้ซูเหลียงอินใช่หรือไม่” 


 


 


“หม่อมฉันกลับถึงเมืองหลวง ก็ต้องมาคารวะไทเฮาอยู่แล้ว เรื่องของเหลียงอิน หม่อมฉันได้ข่าวแล้ว หม่อมฉันเชื่อว่าฝ่าบาทกับฮองเฮาคงสืบได้ชัดเจน ไม่บังอาจขออภัยโทษแทนซูเหลียงอิน เพียงแต่ขอประทานอนุญาตให้หม่อมฉันไปพบเหลียงอินสักครั้ง จะได้ถามให้ชัดเจน” 


 


 


ซูจิ่วซือสงบเป็นพิเศษ ไม่กระวนกระวายแม้แต่น้อย นางรู้ว่าเวลานี้การขออภัยโทษไม่มีประโยชน์ แต่กลับจะทำให้ไทเฮาไม่พอพระทัย จึงขอโอกาสพบหน้าซูเหลียงอิน 


 


 


ท่าทีของซูจิ่วซือทำให้ไทเฮาทรงโปรดเป็นพิเศษ เดิมทีพระนางรู้สึกว่าซูจิ่วซือรู้สถานการณ์ รู้ว่าควรวางตัวอย่างไร พอได้ยินซูจิ่วซือพูดอย่างนี้ จึงไม่ปฏิเสธซูจิ่วซือ “ในเมื่อเป็นน้องสาวแท้ๆของเจ้า เจ้าไปพบนางก็ดี ข้าให้เพ่ยเอ๋อร์พาเจ้าไป” 


 


 


“ขอบพระทัยไทเฮามากเพคะ” 


 


 


ซูจิ่วซือรีบคุกเข่าโขกศีรษะคารวะเสิ่นไทเฮา เสิ่นไทเฮาโบกพระหัตถ์ ทรงทำท่าให้ซูจิ่วซือลุกขึ้น จากนั้นจึงให้เพ่ยเอ๋อร์พาซูจิ่วซือไปที่คุกวังหลวง 


 


 


นี่เป็นครั้งที่สองที่ซูจิ่วซือมาคุกวังหลวง ครั้งก่อนนางรับโทษแทนกู้ชิงเฉิง ครั้งนี้นางมาหาซูเหลียงอิน 


 


 


นางเคยอยู่ที่คุกวังหลวง จึงรู้ว่าการลงทัณฑ์ที่นี่น่ากลัวเพียงไร นางเกรงว่าซูเหลียงอินจะถูกทรมาน เกรงว่าร่างกายซูเหลียงอินจะทนไม่ไหว  


 


 


การลงทัณฑ์ในคุกวังหลวง ถ้าจิตใจไม่แข็งแกร่งจริงๆ คงยากที่จะทนได้ 


 


 


เพ่ยเอ๋อร์พาซูจิ่วซือเข้าไปในคุกวังหลวงอย่างราบรื่น จากนั้นหญิงผู้คุมก็พาไปที่ห้องขังซูเหลียงอิน 


 


 


ซูเหลียงอินสยายผมนั่งอยู่ที่พื้น เนื้อตัวยังสะอาด ไม่มีรอยเลือด แสดงว่ายังไม่ถูกลงทัณฑ์ ผิดจากที่ซูจิ่วซือคาดไว้ เดิมทีนางนึกว่าซูเหลียงอินคงจะถูกทรมานให้รับสารภาพ ไม่ถูกลงทัณฑ์ก็ดีแล้ว 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม