เนตรเซียนทะลุสมบัติ 293-306

 ตอนที่ 293 ถูกขวางก่อนขึ้นเครื่องบิน


วันต่อมาหยางโปกำลังจัดเก็บข้าวของ ลัวย่าวหัวก็วิ่งเข้ามา


เห็นหยางโปกำลังจัดเก็บของโบราณหลายสิบชิ้น ลัวย่าวหัวก็พลันตกตะลง ” นายคงจะไม่ไปยกเค้าร้านไหนมาหรอกใช่ไหม ? “


หยางโปพยักหน้า ” งั้นนายคิดว่าเป็นแบบไหนล่ะ ? “


ลัวย่าวหัวจ้องมองของโบราณตรงหน้า ” ไอ้เจ้านี่ ตั้งแต่นายย้ายมาอยู่ที่นี่ก็ต้องไปจับของที่พานเจียหยวนมาแน่นอน ซื้อของมามากขนาดนี้จะต้องจ่ายเงินไปไม่น้อยแน่ ถ้ายังไงนายเอาไปขึ้นประมูลที่โรงประมูลของพวกเราทั้งหมดเลยไหม ? “


” ไม่ ไม่ต้องพูดถึงโรงประมูลแล้ว นายคิดว่าถ้าหากอาศัยฉันเพียงคนเดียว จะสนับสนุนทั้งโรงประมูลได้รึไง ? ยังไงก็ให้พวกพนักงานขายวิ่งรอกสักหน่อย ผ่านไปสักสองปีพอมีชื่อเสียงแล้ว จะต้องไม่ลำบากขนาดนั้นแน่ ” หยางโปกล่าว


 


ลัวย่าวหัวยิ้มขื่น ” นายนี่ไม่เข้าใจค่าใช้จ่ายจำเป็นเลยนะ ถ้าพนักงานขายออกไปก็ต้องการค่าเดินทาง พวกนี้เป็นค่าใช้จ่ายทั้งนั้นเลยนะ ! “


” อย่าบอกนะว่าต่อไปนายไม่จำเป็นต้องฝึกฝนทีมแล้ว ” หยางโปมองลัวย่าวหัว ” รีบมาช่วยฉันแพ็คของเร็ว ฉันจะเอาของพวกนี้กลับไป ! “


ลัวย่าวหัวจนปัญญา จำต้องลงมือช่วยหยางโปแพ็คของ


ใช้เวลาไปตลอดทั้งเช้า ในที่สุดหยางโปก็แพ็คของเรียบร้อย เรียกผู้เชี่ยวชาญมาห้าหกบริษัทแล้ว จ่ายเงินไปก้อนนึง ของพวกนี้ก็จะไปถึงจินหลิงช้ากว่าเขาก้าวนึง


ลัวย่าวหัวมาส่งหยางโปถึงสนามบินแล้วก็เอ่ยกับหยางโปว่า ” เดิมทีก็คิดจะกลับไปพรุ่งนี้ แต่ว่าสองวันนี้มีธุระนิดหน่อย ฉันจะกลับไปช้าหน่อยนะ “


 


” ไม่เป็นไร ยังไงโรงประมูลก็ไม่มีเรื่องอะไรมากแล้ว ปรับปรุงใหม่มาตลอด นายโทรฟังรายงานก็พอแล้ว กลับไปถ้าฉันมีเวลาก็จะไปดูสักหน่อย ” หยางโปกล่าว


” งั้นก็ดี ” ลัวย่าวหัวถึงค่อยวางใจลง


บินจากเมืองหลวงไปจินหลิงใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง ระยะเวลาสั้นมาก หยางโปทำตามขั้นตอนเรียบร้อย เข้าไปรอในโถงรอบิน ตอนที่กำลังจะปิดโทรศัพท์ จู่ๆ ก็ได้รับสายจากตาอ้วนหลิว


” ทางฉันเจอเรื่องใหญ่ นายอยู่ที่ไหน ? “


น้ำเสียงของตาอ้วนหลิวร้อนรนเล็กน้อยทำให้หยางโปตกใจมาก ” เกิดอะไรขึ้น ?​ นายเจอเรื่องอะไร ? “


” มีลายแทงสมบัติแคว้นเย่หลางปรากฏขึ้นอีกแผ่นหนึ่ง ! ” ตาอ้วนหลิวกล่าว


 


หยางโปได้ยินคำพูดนี้ ทันใดนั้นเขาก็ใจเย็นไม่ไหว ก่อนหน้านี้พวกเขาตั้งใจถ่อไปที่เฉียวโจว แต่ก็เก็บเกี่ยวอะไรไม่ได้เลย อีกอย่างลายแทงสมบัติแผ่นก่อนในที่สุดก็มอบให้ซูหนีไปแล้ว ท้ายที่สุดพวกเขาก็หาไม่เจอ


” ยังเป็นแผนที่ทางการทหารของเมืองไหม ? ” หยางโปเอ่ยถาม


” นั่นยังไม่ชัดเจน แต่ข่าวแว่วมาว่า ครั้งนี้จะจัดการแลกเปลี่ยนที่ทุ่งหญ้าหม่านเมิง ” ตาอ้วนหลิวกล่าว


หยางโปลังเลเล็กน้อย ทางนั้นก็กำลังจะให้ทุกคนเริ่มขึ้นเครื่องบินแล้ว แต่ข่าวสารตรงหน้านี้ เขาก็ลังเลขึ้นมา เขาแปลบันทึกก่อนหน้านี้ไปครึ่งหนึ่งแล้ว ข้างในมีอธิบายถึงแคว้นเย่หลางเล็กน้อย ทำให้เขาประหลาดใจ แต่ก็เดาเนื้อหาในบันทึกไปไม่น้อย แถมไม่แม่นยำเลย


ลายแทงแผนใหม่อาจจะมีเนื้อหาเพิ่มเติมอีกแน่ แน่นอนว่าหยางโปก็คิดจะสำรวจความลึกลับของแคว้นเย่หลางที่สาบสูญด้วยเหมือนกัน !


 


” นายรอเดี๋ยวนะ ฉันจะรีบไปตอนนี้เลย ! ” หยางโปเอ่ยขึ้นมาทันที


หลังจากลัวย่าวหัวได้ข่าวแล้วก็ยูเทิร์นรถกลับไปรับหยางโป ทั้งสองคนรีบไปทางที่อยู่ของตาอ้วนหลิว


ไม่นานทั้งสามก็มารวมตัวกัน หยางโปเอ่ยถามขึ้นทันที ” เริ่มการแลกเปลี่ยนเมื่อไหร่ ? “


” พรุ่งนี้ก็จะเริ่มแล้ว ดังนั้นคืนนี้พวกเราต้องเร่งขับรถไปทั้งคืน อ้อ รถก็ต้องขับข้ามประเทศหรือไม่ก็เป็นรถจิ๊บ ต้องเอาปืนไปด้วย ตอนกลางคืนอาจจะเจออันตรายได้ ” ตาอ้วนหลิวกล่าว


” โอเค พวกนี้ยกให้ฉัน ” ลัวย่าวหัวเอ่ยอย่างไม่ทุกข์ร้อน


ไม่มีเวลาให้เอ่ยถามมากนัก เมื่อเปลี่ยนรถแล้วทั้งกลุ่มก็รีบมุ่งหน้าไปที่ทุ่งหญ้าหม่านเมิง


นั่งอยู่ในรถแล้วถึงได้มีโอกาสถามรายละเอียด


” ตาอ้วนหลิว นายได้ข่าวเร็วขนาดนี้มาได้ยังไง ? ” หยางโปเอ่ยถาม ” ฉันส่งข่าวกันยังไงล่ะ ? “


 


ตาอ้วนหลิวเอ่ยตอบ ” พวกนี้เป็นความสามารถพิเศษของฉัน ความลับใช้ทำมาหากิน ฉันบอกไม่ได้ ! “


” พูดจาเหลวไหล นายรู้จักคนมากสักหน่อยชัดๆ หยางโปไม่ต้องฟังเขาโม้ ความจริงแล้วก็เป็นแบบนั้น คนพวกนี้เขาจะอยู่ในกลุ่มเดียวกัน หลังจากมีคนได้ข่าวแล้วก็จะแจ้งออกไป ถ้าหากมีคนไปก็จะโอนเงินเข้าบัญชีของคนประกาศทันที ! ” ลัวย่าวหัวกล่าว


หยางโปถึงได้กระจ่าง มองเห็นตาอ้วนหลิวแล้วหัวเราะฮ่าฮ่า แล้วเขาก็เอ่ยถามต่อว่า ” ถ้าหากมีคนใช้ข้อมูลแล้วไม่จ่ายเงินล่ะ ? “


” ถ้างั้นก็จะโดนแบน จะถูกแบนจากทั้งในวงการ ทำให้เขาทำงานต่อไปไม่ได้ ! ” ลัวย่าวหัวกล่าว


หยางโปพยักหน้า ” กลับไปแล้วดึงฉันเข้าไปได้ไหม ? “


ตาอ้วนหลิวไม่พูดจามาตลอด พอได้ยินคำพูดนี้ก็รีบส่ายหน้า ” ไม่ ไม่ได้ เพราะว่าพวกเราส่วนมากเป็นเพื่อนเก่าที่รู้จักกันมานานหลายปี บุ่มบ่ามมีคนใหม่เข้าไปก็ยากที่จะได้รับความไว้ใจ นายรอให้ฉันเอาข่าวมาบอกนายเถอะ ! “


 


” กลุ่มแบบนี้ก็มีแบ่งแยกด้วยเหรอ ! ” หยางโปเอ่ยถาม


” แบ่งแยกสิ แต่ว่าบางครั้งก็ควรจะแบ่งแยกในกลุ่มนะ ” ตาอ้วนหลิวเอ่ยอธิบาย


ด้านนอกรถค่อยๆ มืดลง ลัวย่าวหัวจำต้องลดระดับความเร็วลง หยางโปก็ขนของมาไม่น้อย ไม่นานเขาก็ไม่สนใจ ก่อนจะอ้าปากหาว


กว่าค่อนคืน พวกเขาก็รีบมาถึงเมืองนึง เข้าไปพักในโรงแรมแล้วถึงค่อยมีเวลาพักผ่อนจัดข้าวของสักหน่อย เพราะว่าการประมูลจัดขึ้นก่อนรุ่งสาง ดังนั้นพวกเขายังมีเวลาพักผ่อนอีกชั่วโมงสองชั่วโมง


เอนหลับบนหมอนอยู่พักหนึ่ง หยางโปก็ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก เขาพลันม้วนตัวลุกขึ้นแล้วก็วิ่งไปดึงพวกของลัวย่าวหัวสองคน


หยางโปขับรถพอทั้งสามเข้าไปในทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ ทุ่งหญ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา มองได้ไม่ชัดเจน ตาอ้วนหลิวจึงโทรศัพท์หาอีกฝ่ายเพื่อยืนยันสถานที่


 


ไม่นานพวกเขาก็หากระโจมหลังหนึ่งเจอ ด้านนอกกระโจมมีเสายาวสูงแท่งหนึ่ง บนเสาห้อยหนังหมาป่า โบกสะบัดไปตามลม ส่งเสียงดังฟึบฟับ


ตรวจสอบฐานะแล้วหยางโปถึงค่อยเข้าไปด้านใน


ภายในกระโจมจุดฟืน อบอุ่นมาก ภายในมีคนนั่งอยู่ห้าหกกลุ่มแล้ว พวกเขานั่งรออยู่อย่างเบื่อหน่าย ตรงหน้าพวกเขามีหม้อใบหนึ่ง ภายในก็คือชานมที่กำลังเดือด ชานมร้อนๆ ถ้วยหนึ่งส่งมา ดื่มลงไปแล้วร่างกายก็พลันอบอุ่นขึ้นมา


ดื่มชานมแล้ว หยางโปก็รู้สึกว่ามีคนมองมา เขารีบหันไปมองไม่นานเขาก็มองเห็นว่ามีคนยิ้มให้เขา เขาชะงักไป เพราะว่าคนนั้นก็คือคนที่พบกันเมื่อการประมูลคราวก่อน เขาจำได้ขึ้นใจ อีกฝ่ายก็เคยประมูลลายแทงสมบัติ !


 


หยางโปดึงตาอ้วนหลิวแล้วก็ส่งสัญญาณไปทางอีกฝ่าย ตาอ้วนหลิวพลันเข้าใจ แล้วเอ่ยเสียงเบาว่า


” คนนั้นคือเทพของจริง เขาเข้าไปในสุสานใหญ่มาแล้วมากมาย แม้แต่สุสานของจักรพรรดิหญิงอู่เจ๋อเทียน เขาก็เกือบจะขุดเจอแล้ว “


หยางโปตกใจมาก หันหลังไปมองอีกครั้งหนึ่งก็เห็นเส้นผมของคนนั้นยาวประบ่า รูปร่างผอมบาง ดูแล้วรูปร่างรุ่มร่ามเล็กน้อย ถ้าหากเจอกันอีกข้างนอก หยางโปก็อาจจะไม่สังเกตเห็นอีกฝ่ายเลย


ตอนที่ 294 คทา


ลัวย่าวหัวจู่ๆ ก็ดึงหยางโปแล้วพยักเพยิดไปทางที่อยู่ไม่ไกล ” นายดูสิ ทางนั้นใช่คนญี่ปุ่นไหม ? “


หยางโปรีบเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็เห็นทางมุมตะวันตกเฉียงเหนือมีคนนั่งอยู่สามคน พวกเขานั่งอยู่อย่างเงียบเชียบในมุม ไม่ได้เอ่ยปากสนทนากับคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง


ถ้าหากไม่ใช่ลัวย่าวหัวเอ่ยทักขึ้นมาหยางโปก็ไม่ได้สังเกต ตอนนี้มองไปอย่างละเอียดแล้วก็ย่อมมองได้ว่าผู้ชายสองคนที่นั่งนำไปเล็กน้อยนั้นเป็นคนญี่ปุ่น และอีกคนหนึ่งที่รูปร่างผอมสวมแว่นตามีท่าทีประจบประแจงนั่งอยู่ด้านข้างนั้นน่าจะเป็นล่าม


” หึ ! ” หยางโปแค่นเสียงหึ ” ที่แบบนี้ให้คนญี่ปุ่นเข้ามาได้ยังไง ? “


” ใช่แล้ว ต่อไปดูสิว่าคนจัดงานจะไล่พวกเขาไหม ! ” ลัวย่าวหัวเอ่ยเห็นด้วย


ตาอ้วนหลิวที่นั่งอยู่ด้านข้างได้ยินคำพูดของทั้งสองก็อดที่จะปาดเหงื่อข้างขมับไม่ได้ แล้วเอ่ยเสียงเบาว่า


” ทั้งสองคน พวกเราเบาเสียงลงเล็กหน่อย “


 


หยางโปหันไปมองก็ได้ยินตาอ้วนหลิวเอ่ยขึ้นข้างหูว่า ” พวกนายไม่ค่อยเข้าร่วมตลาดมืดแบบนี้ อาจจะไม่เข้าใจสถานการณ์โดยละเอียดนัก โดยเฉพาะหยางโป นายมาจากจินหลิง ที่นั่นต่อต้านคนญี่ปุ่นมาก แต่ว่าทางเหนือ หลายปีมานี้ยังมีคนญี่ปุ่นเข้าร่วมไม่น้อย ! “


หยางโปตะลึงเล็กน้อย ” เมื่อเป็นแบบนี้แล้วจะไม่เกิดเรื่องวัตถุโบราณรั่วไหลเหรอ ? “


ตาอ้วนหลิวส่ายหน้ายิ้มขมขื่น ” เรื่องแบบนี้ควบคุมได้ที่ไหนกัน อีกอย่างสำหรับคนขายส่วนใหญ่แล้ว ขอแค่ขายของออกไปได้ในราคาแพง พวกเขาก็ไม่สนใจแล้วว่าคนซื้อไปจะเป็นผีหรือคน ! “


หยางโปมองไปทางมุมตะวันตกเฉียงเหนือนั้น ในใจโมโหเล็กน้อย แต่กลับจนปัญญาจะทำอะไร เขาทำได้แค่พยายามวางกับดักล่อคนญี่ปุ่นให้ตกลงไปให้ดีที่สุด !


 


ไม่นานชายฉกรรจ์สวมชุดชนเผ่ามองโกลคนหนึ่งก็เดินเข้ามา รูปร่างของเขาสูงใหญ่ น้ำเสียงก็หยาบกระด้าง


” ผมชื่อว่าอูปา เวลาไม่คอยท่า พวกเรารีบเริ่มกันเถอะ จากนั้นก็ตามกฎเดิม คนที่ราคาสูงก็ได้ไป ! “


กล่าวจบแล้วเขาก็ไม่ได้พูดไร้สาระอะไรอีก ชายคนนั้นปรบมือครั้งหนึ่งก็มองเห็นชายคนหนึ่งยกถาดใบหนึ่งเดินเข้ามาแล้ววางเอาไว้บนโต๊ะ


เปิดผ้าคลุมออกแล้วอูปาก็กล่าว ” มีดมองโกลเล่มหนึ่ง ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนห้าหมื่นหยวน ! “


หยางโปเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นมีดเล่มหนึ่งวางอยู่กลางถาด ภายนอกของมีดมีปลอกไม้ น่าจะยุคสมัยยาวนานมาก ปลอกไม้กลายเป็นสีดำแล้ว ด้านนอกของปลอกมีดแกะสลักเอาไว้อย่างประณีต ด้ามมีดพันด้วยเชือกสีแดง อีกด้านหนึ่งคือเหล็ก ด้านนอกเหล็กก็ทำมาจากเงิน


ทั้งหมดดูแล้วจะสร้างอย่างประณีตมาก หยางโปมองอีกแวบหนึ่ง ลำแสงก็ปรากฏขึ้นม้วนเป็นวง นี่ก็คือมีดมองโกลสมัยราชวงศ์ชิงตอนกลาง


 


ในที่นี่มีคนมากมายที่ทยอยลุกขึ้นไปตรวจดูคุณภาพสินค้า แต่หยางโปไม่ได้เคลื่อนไหว


ไม่นานทุกคนก็นั่งลง ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ด้านข้างหยางโปเอ่ยทันที ” หนี่งแสนแปดหมื่นหยวน ! “


” สองแสนหยวน ! “


” สองแสนห้าหมื่นหยวน ! “


หยางโปหันไปมองก็เห็นล่ามตัวผอมที่นั่งอยู่ในมุมตะวันตกเฉียงเหนือนั้นเอ่ยบอกราคา


หยางโปขมวดคิ้วน้อยๆ คิดจะเพิ่มราคาสูงอีกหน่อยขวางเอาไว้สักครั้ง ไหนเลยจะคิดว่าลัวย่าวหัวจะถึงกับเอ่ยอย่างทนรอไม่ไหว ” สี่แสนหยวน ! “


รอบด้านพลันเงียบสงัด หยางโปนั่งอยู่ด้านข้างดึงลัวย่าวหัวแล้วเอ่ยเสียงเบาว่า ” ราคานี้แพงไปแล้ว “


ลัวย่าวหัวชะงักไป ” นายไม่รีบบอกฉันล่ะ ? “


หยางโปส่ายหน้าอย่างจนปัญหา อูบาที่อยู่ตรงหน้าปรบมือ ” ขาย ! “


 


” เพื่อป้องกันวัตถุโบราณรั่วไหว เสียแค่นี้ไม่นับเป็นอะไร ! ” ลัวย่าวหัวเอ่ยอย่างต่อสู้เพื่อความถูกต้องดีงาม


ลัวย่าวหัวได้รับสินค้าเปิดงาน หยางโปก็มองไปทางตาอ้วนหลิว ” นายแน่ใจนะว่าครั้งนี้มีลายแทงจริงๆ ? “


ตาอ้วนหลิวหัวเราะเหอะเหอะ ” เรื่องแบบนี้เป็นข่าวลือของพวกเขา ข่าวที่พวกเราได้รับย่อมไม่แน่ไม่นอน “


หยางโปไม่ได้พูดจา หันหน้ามองไปด้านหน้า เวลานี้บนโต๊ะวางป้านชานิกเกิลสลักลายมังกรชิ้นหนึ่ง บนป้านชาสีเงินมีลายสลักมังกร ดูแล้วค่อนข้างดุดัน แต่มีจุดที่แตกต่างกับรูปแบบภาพของภาคกลางมาก


ลัวย่าวหัวมองไปทางหยางโป ” เอาไหม ? “


” นายมีเงินเยอะเหรอ ? “


ลัวย่าวหัวจึงหุบปากสงบคำ เพราะว่าถ้าหากนับเรื่องเงินทุนจริงๆ พวกเขาไม่ได้มีเงินมากเลย ยิ่งไปกว่านั้นที่มาครั้งนี้พวกเขาก็มีเป้าหมาย ย่อมใช้เงินหมดเกลี้ยงเร็วขนาดนี้ไม่ได้


ป้านชาเงินในที่สุดก็ขายไปในราคาสองแสนแปดหมื่นหยวน


 


ของต่อไปหลายชิ้นล้วนเป็นวัตถุโบราณที่มีลักษณะของเผ่ามองโกล หยางโปถึงขนาดมองออกได้ว่าบนของบางชิ้นมีรอยขุดออกมาจากดินใหม่ๆ แต่ว่าเรื่องพวกนี้เขาย่อมไม่สะดวกที่จะพูดอะไร


คนญี่ปุ่นแสดงท่าทีถ่อมตัวมาก หลังจากครั้งแรกที่แพ้ไปก็เงียบไปนาน ในที่สุดก็ได้เครื่องประดับแขวนเงินฝังปะการังชิ้นหนึ่งไป เครื่องประดับแขวนประณีตมาก ลัวย่าวหัวไม่ได้เอ่ยปาก ในที่นี่มีชายคนที่เคยพบก่อนหน้านั้นชิงบอกราคาไปสองครั้ง แล้วถึงค่อยปล่อยให้คนญี่ปุ่นซื้อไป


หยางโปมองไปทางคนนั้นแล้วก็เอ่ยถามตาอ้วนหลิว ” คนนั้นชื่อว่าอะไร ? “


” อวี่เหวิน เป็นแซ่สองพยางค์ แต่เขาประหลาดมาก มีแซ่ไม่มีชื่อ บางทีอาจจะมีชื่อแต่ว่าไม่ให้คนนอกรู้มั้ง ว่ากันว่าเขาเชี่ยวชาญศาสตร์ฮวงจุ้ยมาก ” ตาอ้วนหลิ่วกล่าว


 


หยางโปมองไปทางนั้นแวบหนึ่งแล้วก็ประหลาดใจมาก แต่เขารู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดมาก จำต้องหุบปากไม่พูดอะไร


ประมูลไปอีกสองชิ้น บรรยากาศรอบด้านก็ค่อยๆ ระอุขึ้นมา ทุกครั้งที่คนญี่ปุ่นยกมือก็จะถูกแย่ง ทำให้พวกเขามีเงินก็ใช้ไม่ได้ แต่ว่าอูปาผู้ทำการประมูลกลับยินดีจนยิ้มปากจะถึงหู


ไม่นานคทาด้ามหนึ่งก็ถูกหยิบขึ้นมา คทานั้นมีหัวอินทรีสลักมาจากเงินเป็นหัวคทา ดูแล้วน่าเกรงขามมาก


อูปายกคทาขึ้นเหนือหัว สีหน้าเคารพแล้วค้อมกราบไปทางทิศเหนือ ” สวรรค์ปกปักษ์ตลอดกาล ! “


หลังจากอูปาคุกเข่าลงไป หยางโปก็มองเห็นตอนที่คำนับ หน้าผากของเขาส่งเสียงกระแทกกับพื้น


ผู้คนที่อยู่ในที่นี่ต่างก็ประหลาดใจ แต่ว่าทุกคนก็ประนมมือค้อมศีรษะตาม ทำท่าทางของการกราบไหว้ออกมา


 


อูปาลุกขึ้นยืน ยกคทาขึ้นสูง เอ่ยแนะนำว่า ” คทาเล่มนี้เป็นของที่หลงเหลือของราชครูปาเยแห่งราชวงศ์หยวนรุ่นที่ 7 เป็นสัญลักษณ์ของศักดิ์สิทธิ์สูงสุด เป็นความศรัทธาของพวกเราเผ่ามองโกล ! “


ขณะที่กล่าว ใบหน้าของอูปาก็มีสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความเคารพบูชา


” คทานี้ประเมินค่าไม่ได้ ! ” อูปาตะโกนเสียงดัง


รอบด้านพลันเงียบสงบ นับจากอูปาเริ่มก้มลงกราบ รอบด้านก็เริ่มนิ่งงัน ผิดปกติไปอย่างมาก เวลานี้ก็ยิ่งไม่มีใครกล้าบอกราคา !


หยางโปประหลาดใจเล็กน้อย มองไปรอบด้าน เขามองเห็นทุกคนคิ้วตาหลุบต่ำ ถึงขนาดไม่มองไปสักครั้ง ก็พลันเข้าใจว่าคนจำนวนมากมีข้อห้าม ไม่ยินดีซื้อของแบบนี้ไป เพราะว่าสิ่งของที่เป็นแทนของความศรัทธา บางครั้งมักจะแฝงอายประหลาดด้วย


” ห้าแสนหยวน ! ” ล่ามผอมของคนญี่ปุ่นยกมือประมูล


 


หยางโปไม่ได้ตอบกลับ เขาจ้องมองคทา ภาพตรงหน้าพร่าเลือนเล็กน้อย เขาถึงกับมองเห็นเงาทรงน้ำวนสีดำบนคทาสีดำ น้ำวนดูดซับแสงทุกอย่างเข้าไป หยางโปจ้องเขม็งไป ถึงกับไม่สามารถขยับตัวได้แม้แต่น้อย ร่างกายแข็งเกร็ง สิ่งนี้ทำให้ในใจเขาตื่นตระหนกขึ้นมา !


ตอนที่ 295 บันทึกการเดินทางเล่มหนึ่ง


รูปทรงน้ำวนของคทาราวกับมีแรงดึงดูดเหนือคำบรรยาย แรงดึงดูดไร้รูปร่างแบบนี้ทำให้เขาขยับตัวไม่ได้ ถึงขนาดเกิดความรู้สึกหัวใจเต้นแรงอย่างตื่นตระหนก !


” หยางโป ! ” ลัวย่าวหัวดึงหยางโปแล้วร้องเรียก


หยางโปอ้าปากกระอักไอ สายตาเคลื่อนไหว ในที่สุดก็ได้สติ เขาเงยหน้าขึ้นแต่กลับมองเห็นสองมือของอูปากางออก กำลังจะปรบมือปิดประมูล หยางโปก็รีบเอ่ยห้าม ” เดี๋ยว ! “


ทุกคนในที่นี่ต่างมองมา ลัวย่าวหัวดึงหยางโป ” นายเป็นอะไรไป ? “


หยางโปส่ายหน้าโบกมือ ” ฉันไม่เป็นไร “


อูปามองมาแต่กลับไม่ได้เอ่ยอะไร


” หกแสนหยวน ! ” หยางโปยกมือหนึ่งขึ้นทำท่าเป็นเลข ” 6 “


 


ในที่นี่ คนอื่นๆ ต่างก็ไม่ได้สนใจ คนญี่ปุ่นสองคนกลับไม่ยอมขึ้นมา ทั้งสองก้มหน้ากระซิบกัน หยางโปจ้องมองทั้งสองคน คนที่ดึงดูดความสนใจมากที่สุดคือคนญี่ปุ่นที่สวมแว่นตาดำพรางไปกว่าครึ่งหน้า ใบหูของเขาใส่ต่างหูรูปหัวอินทรีอันใหญ่ หันร่างมาก็มองเห็นรอยสักบางส่วนบนต้นคอ


” แปดแสนหยวน ! ” คนญี่ปุ่นที่สวมแว่นกันแดดเอ่ยมาประโยคหนึ่ง


จนกระทั่งตอนนี้ นี่เป็นประโยคแรกที่คนญี่ปุ่นคนนี้เอ่ย ภาษาจีนกลางแปลกแปร่งเล็กน้อย แต่ก็มองออกว่าอีกฝ่ายน่าจะเชี่ยวชาญภาษาจีน


หยางโปขมวดคิ้ว มองไปทางคทาอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เขาไม่กล้าใช้พลังวิเศษ เขามองไปอย่างธรรมดา คทาธรรมดามาก ดูแล้วธรรมดาไม่มีอะไรแปลก ไม่เหมือนของที่ประหลาดขนาดนั้นจริงๆ แต่ว่าสถานการณ์เมื่อครู่ก็ยังทำให้ในใจของเขาหวาดหวั่น สำหรับเขาแล้วนี่คือเบาะแสที่สำคัญมากอย่างหนึ่ง เบาะแสที่สามารถตามหาของต้นกำเนิดพลังวิเศษของเขาได้ !


ดังนั้น หยางโปจะปล่อยไปไม่ได้แน่ !


 


” หนึ่งล้านหยวน ! ” หยางโปเอ่ยอีกครั้ง


คนญี่ปุ่นลังเลขึ้นมา ปรึกษาเสียงเบาอีกครั้ง


ลัวย่าวหัวกับตาอ้วนหลิวต่างไม่เข้าใจ ลัวย่าวหัวดึงหยางโปแล้วเอ่ยเสียงเบา ” นายบ้าไปแล้วเหรอ ? นายอายุน้อยแค่นี้ ไม่จำเป็นต้องใช้ไม้เท้า คิดภาพนายใส่สูทดำ ถือไม้เท้าดำ สวมหมวกดำแล้วจินตนาการไม่ออกจริงๆ นะ ! “


หยางโปจ้องเขม็ง เขาคิดไม่ถึงว่าในสายตาของลัวย่าวหัวแล้ว เขาอยากซื้อคทา ถึงกับเพื่ออวดอ้าง ยิ่งไม่ต้องคิดถึงว่าตาอ้วนหลิวเขาถึงกับพยักหน้าเห็นด้วยอย่างแข็งขันขึ้นมา


คนญี่ปุ่นปรึกษากันสองประโยคแล้วคนนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ” สองล้านหยวน ! “


 


ภายในที่นี่พลันเซ็งแซ่ ทุกคนต่างก็มองไปทางคนนั้น ราคานี้ไม่นับว่าแพงเกินไป แต่ว่าการกระทำของล่ามนั้นก็ยังทำให้ทุกคนตกใจมาก ทุกคนมองไปทางคทาอีกครั้ง คิดอยากรู้ว่าคทานี้มีความลับอะไรกันแน่ ทำให้คนญี่ปุ่นอย่างพวกเขาถึงยอมจ่ายแบบนี้ !


หยางโปไม่ได้พูดมาก เอ่ยทันทีว่า ” สามล้านหยวน ! “


” บ้าไปแล้วจริงๆ ! ” ลัวย่าวหัวไม่ได้ห้ามหยางโป อดที่จะบ่นอุบอิบไม่ได้


คนญี่ปุ่นเองก็ตกตะลึงมาก พวกเขาเดิมคิดว่าหยางโปจะถูกราคาสองล้านหยวนทำให้ตกใจถอยไป มองเห็นเขาประกาศราคาสามล้วนหยวนออกมาอย่างไม่ลังเลแล้ว พวกเขาก็ลังเลขึ้นมา


อูปาในฐานะของผู้ทำการประมูล ตอนที่รับหน้าที่สำรวจตลาดนั้นก็หวั่นไหวน้อยมาก แสดงท่าทีราวกับชายหนุ่มทางเหนือที่ซื่อสัตย์ เวลานี้กระทั่งเขาก็ยังอดเอ่ยปากไม่ได้ ” ปาเยคือราชครู และคทาก็เป็นสัญลักษณ์ของปาเย ตอนที่พวกเราได้คทา ดวงดาวเปล่งประกายทั่วท้องฟ้า ราวกับเทพเซียนจุติ ! “


 


ถึงแม้จะดูแคลนคำพูดไร้สาระของปาเย แต่คนมากมายในที่นี่ก็ยังรู้สึกสนใจขึ้นมา ถึงขนาดมีคนหนึ่งที่ทดลองบอกราคาดู ” สามล้านหนึ่งแสนหยวน ! “


” สามล้านสองแสนหยวน ! ” หยางโปเอ่ยโต้ทันที ท่าทีราวกับจะต้องได้มาให้ได้


” สี่ล้านหยวน ! ” คนญี่ปุ่นเอ่ยขึ้นอีกครั้ง


ในใจหยางโปโกรธเกรี้ยว ก่อนหน้าเขาคิดจะลงมือกวนคนญี่ปุ่น แต่ไม่ทันได้คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะถึงกับยกราคาของเขา ! “


” ห้าล้านหยวน ! ” หยางโปเอ่ยอย่างไม่ลังเล ถึงแม้จะเพิ่มราคาอย่างองอาจ แต่ในใจหยางโปกลับหลั่งเลือดราวกับมองเห็นความแน่วแน่ของหยางโปแล้ว เนิ่นนาน ในที่นี่ก็ไม่มีคนเอ่ยปากอีก อูปาจึงฉวยโอกาสปิดการประมูลลง


 


” เชื่อว่าสหายทั้งหลายต่างมาที่นี่ล้วนมีเป้าหมาย ตอนนี้มาถึงของสองชิ้นที่ทำให้ทุกคนรอคอยอยู่นานแล้ว ” อูปาเอ่ยไร้สาระประโยคหนึ่ง แล้วยกมือเปิดฝ้าคลุมถาดออก


” นี่คือบันทึกการเดินทางเล่มหนึ่ง ว่ากันว่าได้บันทึกความลับของตำแหน่งฝังกษัตริย์อี้หลินจื่อปัน ถ้าได้บันทึกเล่มนี้ไปถึงจะสามารถเข้าใจความลับนี้ได้ ! ” อูปากล่าว


ทุกคนต่างก็เงยหน้าขึ้นมอง พวกหยางโปสองคนก็ถูกตาอ้วนหลิวล่อมาที่นี่ เดิมพวกเขาคิดว่าที่นี่มีข่าวของแคว้นเย่หลาง ไหนเลยจะคิดว่าถึงกับเป็นความลับที่ฝั่งศพของกษัตรย์ราชวงศ์หยวน แต่ว่าวิธีพูดแบบนี้ยากจะทำให้คนเชื่อถือ


” ฉี่เหยียนกู่ ? ” หยางโปมองตาอ้วนหลิว


ตาอ้วนหลิวส่ายหน้า ” ฉันก็ไม่รู้แน่ชัด “


 


” ฉี่เหยียนกู่คืออะไร ? ” ลัวย่าวหัวเปิดปากเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ


” เริ่มตั้งแต่เจงกิสข่าน ที่ฝั่งศพลับจักรพรรดิทุกสมัยของหานกั๋วของมองโกลกับราชวงศ์หยวนอยู่ที่ฉี่เหยียนกู่ของที่ราบสูงมองโกล มีแค่ที่นี่ที่เป็นความลับมาตลอด ไม่มีใครหาพบ ! ” หยางโปเอ่ยอธิบาย


ลัวย่าวหัวจ้องตาถลน ” สุสานหลวง ทั้งยังเป็นสุสานหลวงหมู่ ! “


” นายคิดว่าจะหาเจอเหรอ ? ” หยางโปมองไป


ลัวย่าวหัวพลันถูกน้ำเย็นสาดใส่ ถึงแม้เขาไม่รู้จักฉี่เหยียนกู่ แต่เขารู้ว่าหลังจากจักรพรรดิราชวงศ์หยวนฝังศพแล้ว จะกลบคืนดิน จากนั้นก็ “แสนม้าย่ำราบ ” เพื่อไม่ให้คนนอกมองร่องรอยที่เคยขุดดินออก หลังจาก ” แสนม้าย่ำราบ ” แล้วก็ยังใช้เต้นมากางลอบบริเวณเอาไว้ รอจนระดับความสูงของหน้าบนสุสานยาวออกมาไม่ผิดเพี้ยนกับบริเวณโดยรอบแล้วถึงจะถอนเต็นท์ออก


เมื่อเป็นแบบนี้คิดจะตามหาสุสานของจักรพรรดิราชวงศ์ ก็เป็นการฝันเฟื่องโดยแท้ !


 


รอบด้านเงียบสงบ อูปาบอกว่ากษัตริย์อี้หลินจื่อปัน ก็คือหยวนหนิงจง เป็นกษัตริย์องค์ที่สิบของราชวงศ์หยวน แต่เขาครองราชย์ช่วงสั้นๆ เพียง 53 วัน อายุเพียง 7 ชันษาก็สิ้นพระชนม์แล้ว


หยางโปเงยหน้ามองบันทึกเย็บกี่ ทันใดนั้นก็คิดถึงเรื่องหนึ่งออก เขาหันไปเอ่ยถามตาอ้วนหลิวเสียงเบา


” ถ้าพวกเขาขายบันทึกเล่มนี้ ไปสำรวจเองไม่ดีกว่าเหรอ เดิมทีก็เป็นผลงานของพวกเขา ทำไมจะต้องเอามาขาย ? “


” จะต้องเป็นเพราะไม่มีของที่ใช้การได้จากที่นั่นน่ะสิ ! ” ตาอ้วนหลิวเอ่ยตอบเสียงเบา


หยางโปพยักหน้า มีเพียงเหตุผลนี้เท่านั้น ไม่แปลกที่ในที่นี่ไม่มีใครลงมือ ทันใดนั้นเขาก็คิดถึงเรื่องก่อนหน้าได้ ” ก่อนหน้านี้พวกเราไม่ใช่ซื้อลายแทงขุมทรัพย์มาแผ่นหนึ่งเหรอ ? แล้วตอนนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นล่ะ ? “


 


ตาอ้วนหลิวหัวเราะขึ้นมา ” ฉันกล้ารับประกันว่าพวกเขาจะต้องเหลือโต๊ะปล่อยเอาไว้ ดังนั้นตอนที่ซื้อของแบบนี้มา ต้องสังเกตเห็นแล้ว เป็นไปได้ว่าจะถูกคนอื่นกวาดไปก่อนแล้ว ! “


หยางโปหันไปมองบันทึกโบราณที่อยู่ตรงหน้า บันทึกเป็นสมัยราชวงศ์ชิง มองไม่เห็นเนื้อหา ก็ยากที่จะยืนยันรายละเอียดได้


คนญี่ปุ่นอดทนไม่ไหว ” สองแสนหยวน ! “


หยางโปเดิมไม่คิดจะได้มา เวลานี้ก็เกิดทนความปรารถนาที่จะยกราคาไม่ไหว ” สามแสนหยวน ! “


” ห้าแสนหยวน ! ” คนญี่ปุ่นมองมาทางหยางโป


ตอนที่ 296 เครื่องเคลือบลายครามสมัยราชวงศ์หยวน


” หกแสนหยวน ! ” หยางโปกล่าว


คนญี่ปุ่นทั้งสองคน ดูเหมือนจะรับไม่ไหวแล้วก็กระซิบกัน


หยางโปมองไปที่ทั้งสองคนแล้วยิ้ม เขาไม่เชื่อว่าทั้งสองคนกำลังปรึกษาหารือกัน เนื่องจากราคาไม่สูงเกินไป พวกเขาน่าจะรับได้ !


แน่นอนว่าในไม่ช้าพวกเขาก็กล่าวว่า ” หนึ่งล้านหยวน ! “


หยางโปไม่ลังเล ” สองล้านหยวน ! “


ลัวย่าวหัวดึงหยางโปอีกครั้ง ” มันมากเกินไปหรือเปล่า ! พวกเขาจะยอมแพ้ไหม ? “


 


หยางโปกระซิบ ” มั่นใจได้เลย นายไม่ได้สังเกตเลยเหรอ พวกเขาไม่ได้เลือกของมานานราวกับว่าพวกเขารอบันทึกการเดินทางชิ้นนี้อยู่ ! “


” เมื่อกี้พวกเขาไม่ใช่ว่าอยากได้คทาไปแล้วเหรอ ? ” ลัวย่าวหัวกล่าว


” ไม่ใช่ วัตถุประสงค์ของพวกเขาคือบันทึกการเดินทาง ! ” หยางโปกล่าว


” สามล้านหยวน ! ” คนญี่ปุ่นที่สวมแว่นกันแดด ถอดแว่นกันแดดออกแล้วมองไปที่หยางโป


หยางโปก็มองกลับไปด้วย เขาเห็นดวงตาสีดำของชายสวมแว่นกันแดด ดูเหมือนว่ากระแสน้ำวนสีดำได้ก่อตัวขึ้นแล้ว กระแสน้ำวนหายวับไปทำให้หยางโปเข้าใจผิดว่าตนตาฝาด


หยางโปไม่ได้พูดอะไรต่อไป อีกฝ่ายจึงซื้อขายสำเร็จ


 


” บันทึกการเดินทาง ! ” หยางโปพึมพำเบาๆ เขาไม่รู้เนื้อหาเฉพาะของบันทึกการเดินทางและใครเป็นคนเขียน แต่เขาแน่ใจว่าต้องการหาสุสานของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หยวนที่ราวกับเรื่องเลื่อนลอยนี้เจอแน่


ของชิ้นสุดท้ายถูกส่งมาอย่างรวดเร็วถาดถูกปิดด้วยฝาปิดสีแดงและทรงสูง ดูเหมือนว่าจะเป็นวัตถุที่มีขนาดไม่เล็กเลย


อูปายืนอยู่ข้างหน้าและจ้องมองฝูงชนด้วยสายตาที่เฉียบคม ” ชิ้นสุดท้ายทุกคนจะต้องตั้งตารอคอยมันแน่ ! “


พูดจบ ทันใดนั้นเขาก็ยกผ้าคลุมออกและดวงตาของหยางโปก็ส่องสว่างขึ้น เขาเห็นแจกันลายครามอยู่ในถาด !


” แจกันลายครามพรห้าประการลายดอกเหมย สมัยราชวงศ์หยวน ! ” อูปากล่าวเสียงดัง


 


เป็นครั้งแรกที่เกือบทุกคนในงานยืนขึ้น ! เมื่อปีที่แล้ว เครื่องลายครามกุ่ยกู๋จื่อสมัยราชวงศ์หยวน ตกต่ำในอังกฤษการทำธุรกรรมมากกว่าสองหมื่นห้าพันล้านหยวน แวดวงของโบราญจึงโหนกระแสแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนให้บูมขึ้น แต่แจกันลายครามของราชวงศ์หยวนนั้นหายากมากในตลาด หากแจกันลายดอกเหมยนี้เป็นของแท้ ถ้าอย่างนั้นมันก็น่าจะมีค่ามากกว่าของทุกอย่างก่อนหน้านี้!


การประมูลหยุดลง ทุกคนวิ่งไปผลัดกันเพื่อตรวจดูอย่างระมัดระวัง


หยางโปไม่มีข้อยกเว้น เขายังไม่เคยมีเครื่องลายครามสมัยราชวงศ์หยวนในมือเลย ผิวของเครื่องลายครามถูกเคลือบอย่างหนาและทนทาน เคลือบสีอุ่นแวววาว ภายใต้ดวงจันทร์ค้างคาวบินขึ้นไปสู่ดอกเหมย ค้างคาวหมายถึงโชคลาภ ดอกเหมยหมายถึงการเปิดรับ(โชคลาภ)ดังนั้นจึงเรียกว่าพรทั้งห้า


 


รูปวาดมีความชัดเจนและเหมือนจริง แจกันดอกเหมยมีรูปทรงที่เพรียวและงดงาม อย่างน้อยเครื่องลายครามราชวงศ์หยวนใบนี้มีรูปทรงที่พอดี


หยางโปมองดูแล้วใช้พลังพิเศษ เกิดรัศมีตรงหน้าก่อตัวรวมกันอย่างรวดเร็ว หยางโปค่อนข้างประหลาดใจ เครื่องลายครามใบนี้ อันที่จริงมันเป็นของเลียนแบบของสาธารณรัฐจีน !


หยางโปมองด้วยความประหลาดใจ ในเวลานี้เขาไม่มีเวลาศึกษาภาพรวมให้ชัดเจนขึ้น หยางโปมองผ่านผนังชั้นนอก เห็นคำสามคำบนผนังด้านในของเครื่องลายคราม ” เฉียวโซ่วหลิว ” !


หยางโปเดินกลับออกมาโดยไม่ได้กล่าวอะไร ใบหน้าเรียบเฉย แต่ในใจมีความปั่นป่วนอยู่ข้างใน ” เฉียวโซ่วหลิว “เป็นผู้เชี่ยวชาญการเลียนแบบเครื่องเคลือบดินเผาที่รู้จักกันดีในสาธารณรัฐจีน ในเวลานั้นเจียงไคเชกได้ทำลายเครื่องเคลือบ


เกอเหยาราชวงศ์ซ่งโดยบังเอิญ ซึ่งเป็นของรักของซ่งเหมยหลิง จึงขอให้หลิวซึ่งมีฝีมือดีทำของเลียนแบบในเวลาเพียงสิบวัน เมื่อทำเสร็จแล้วและที่สำคัญที่สุดซ่งเหมยหลิงไม่แม้แต่จะสังเกตเห็น !


 


เครื่องลายครามชิ้นนี้ได้สูญหายไปในระหว่างการเคลื่อนย้ายในสงครามต่อต้านญี่ปุ่นและตกอยู่ในมือของคนญี่ปุ่นซึ่งถูกมองว่าเป็นสมบัติของชาติ ถูกนำไปที่โทชิม่า ในปีค.ศ. 1987 เศรษฐกิจของญี่ปุ่นขยายตัวและเครื่องลายครามชิ้นนั้นถูกขายในราคาสิบสองล้านเหรียญสหรัฐหรือเทียบเท่ากับหลายร้อยล้านหยวน ในเวลานั้นมันถูกมองว่าเป็นของที่มีราคาสูงที่สุดของการทำธุรกิจเครื่องเคลือบดินเผา


หลังจากที่เจ้าของเครื่องเคลือบได้รับเครื่องเคลือบแล้ว เขาได้จัดงานแถลงข่าวเป็นพิเศษ ในการแถลงข่าวเจ้าของเครื่องเคลือบดินเผาจัดงานเพื่อเฉลิมฉลอง แต่ไม่คาดคิด เครื่องเคลือบตกลงกับพื้นและแตกเป็นชิ้นๆ เป็นเศษเล็กเศษน้อย มีอักษรสามตัวอ่านว่า เฉียวโซ่วหลิว


ในที่สุดฝีมือของหลิวก็หลอกคนญี่ปุ่นได้ครั้งหนึ่ง !


 


เมื่อหยางโปคิดดู เขาก็ยิ้มเล็กน้อย คราวนี้ฝีมือของหลิวก็ยังคงหลอกได้อีกครั้งหนึ่งแล้ว !


เมื่อหันหลังกลับและนั่งลง ใบหน้าของหยางโปเต็มไปด้วยความมั่นใจ ลัวย่าวหัวมองไปที่หยางโป ” นายจะซื้อมันไหม ? “


หยางโปกระซิบ ” ไม่ซื้อ ให้คนญี่ปุ่นไป ! “


ลัวย่าวหัวมีความสุขในทันที แต่เขาก็เปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็ว ” ดูเหมือนว่าเครื่องลายครามนี้ดีมากใช่ไหม ? “


” ใช่ ไม่เลวเลย ! ” หยางโปตอบ


อูปา ไม่ได้ปล่อยให้ทุกคนมีเวลาคิดและพูดโดยตรงๆว่า ” ราคาเริ่มต้นที่ สิบล้านหยวน ! “


” สิบสองล้านหยวน ! “


” สิบห้าล้านหยวน ! “


….


 


ดูเหมือนว่าทุกคนจะดุดันขึ้นโดยทันที เมื่อกี้ราคาเพิ่มขึ้นเพียง หนึ่งแสนและตอนนี้ก็มาถึงระดับล้านหยวนแล้ว


ไม่นาน ราคาก็สูงขึ้นถึง สามสิบเจ็ดล้านหยวน เสียงในงานค่อยๆลดลง อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับการบันทึกธุรกรรมการทำเครื่องเคลือบลายคราม สองหมื่นห้าพันล้านหยวน ตัวเลขนี้ไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยว


หยางโปเหลือบมองไปที่คนญี่ปุ่น ” สี่สิบล้านหยวน ! “


คนญี่ปุ่นไม่ได้เคลื่อนไหว ชั่วโมงนั้นทำให้หยางโปคิดผิดว่าอีกฝ่ายจะยอมแพ้แล้ว


เมื่อราคาสูงขึ้นถึง ห้าสิบล้านมีผู้ประมูลเพียงสองรายที่เหลืออยู่ในงาน ฝ่ายหนึ่งคือหยางโปและอีกคนคืออวี่เหวิน


หยางโปมองดูอวี่เหวิน เห็นล็อคเก็ตนาฬิกาในมือของเขา เมื่อเวลาผ่านไปก็เปิดฝาแล้วดู นาฬิกาถูกมัดเอาไว้กับมือด้วยโซ่เงิน


ตาอ้วนหลิวอธิบายด้วยเสียงเบาๆ ” นั่นคือเข็มทิศ แต่ดูเหมือนเป็นนาฬิกาแค่นั้นแหละ ! “


 


หยางโปรู้สึกประหลาดใจ ” เข็มทิศนั้นเล็กมาก มันจะไม่ทำให้มองไม่ชัดเหรอ ? “


ตาอ้วนหลิวส่ายหน้า


ราคาที่ห้าสิบล้านอวี่เหวินจะได้มันไป ในเวลานั้น หยางโปวอกแวกและหัวเราะกับผู้คนรอบข้าง ในที่สุดคนญี่ปุ่นก็ทนไม่ได้


” หกสิบล้านหยวน ! “


ทุกคนในงานมองไปและคนญี่ปุ่นกำลังออกมา !


หยางโปหยุดพูด เมื่อมองไปที่คนญี่ปุ่น อีกฝ่ายก็ยื่นข้อเสนอในเวลานั้นทันที ” หกสิบห้าล้านหยวน ! “


” แปดสิบล้านหยวน ! ” คนญี่ปุ่นมีความดุดันยิ่งขึ้น การเพิ่มขึ้นของราคาทีเดียวสูงถึงสิบห้าล้านหยวน !


 


หยางโปค่อนข้างหวาดกลัว อย่างไรก็ตามเขาไม่ใช่เสือกระดาษ(คนที่ดูเหมือนจะน่ากลัว)กำลังคิดเกี่ยวกับทรัพย์สินของเขา เป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับเงินสดแปดสิบล้าน แต่ในกรณีนี้สามารถยืมเงินได้เท่านั้น ! เมื่อคิดถึงอนาคตแล้วหยางโปก็ไม่ลังเลเลย


หนึ่งร้อยล้านหยวน !


คนญี่ปุ่นตื่นตระหนกและทั้งสองคนก็กระซิบพูดคุยกัน สักพักใหญ่ ล่ามชายตัวผอมๆ หันหน้าไปทางอูปา ” พวกเราสงสัยว่าอีกฝ่ายไม่มีสินทรัพย์นับร้อยล้านและพวกเราขอตรวจสอบบัญชีทุน ! “


คนญี่ปุ่นเจ้าเล่ห์เพทุบาย !


หยางโปยังสับสนอยู่ในใจ เมื่อเขาสามารถสงบสติอารมณ์เสียได้จึงกล่าวเยาะเย้ย ” ถ้าพวกคุณต้องการใช้โอกาสในการหาเวลาเพื่อระดมทุน ผมเข้าใจได้ว่าเป็นการดีกว่าที่จะไม่โทรหาใครสักคนเลย ยังไงพวกเราก็อยู่ที่นี่ตั้งมากขนาดนี้ ! “


 


คำพูดของหยางโป ทำให้คนญี่ปุ่นถึงกับโกรธเคือง


” พวกเราไม่มีความคิดนี้ ! ” ล่ามรีบกล่าว


คนญี่ปุ่นหยุดเขาและจ้องไปที่หยางโป ” หนึ่งร้อยสิบล้านหยวน ! “


ตอนที่ 297 ถูกต้มตุ๋นหนึ่งครั้ง


ในใจของหยางโปเป็นกังวลหลังจากผ่านไปร้อยล้าน ราคาสูงมากไปแล้ว ตอนนี้เขาไม่แน่ใจในขีดจำกัดของคู่ต่อสู้ แม้ว่ากุ้ยกู่จื่อจะขายในราคาสูง แต่ก็เป็นตลาดมืดและทั้งสองสิ่งไม่สามารถถูกแทนที่ได้


ทันใดนั้น หยางโปก็เงยหน้าขึ้นมอง เขากำลังจะสู้อีกสักตั้ง ” หนึ่งร้อยยี่สิบล้านหยวน ! “


ชาวญี่ปุ่นจ้องมองด้วยความโกรธและบรรยากาศก็เต็มไปด้วยความตึงเครียด ทุกคนสามารถเห็นได้ว่าทั้งสองฝ่ายกำลังเดิมพันกัน พวกเขากำลังวางเดิมพันว่าใครจะได้มันไป ไม่มีใครสามารถเห็นว่าฝ่ายใดจริงใจ ด้านไหนไม่จริงใจ


ตึก ! ตึก ! ตึก ! หยางโปได้ยินเสียงเต้นของหัวใจ


ลัวย่าวหัว กำกำปั้นอย่างแน่น แล้วหันไปมองคนญี่ปุ่น เขารู้อยู่แก่ใจว่าหยางโปเกือบจะถึงขีดสุดแล้ว


 


ชายร่างผอมจ้องมองมาที่เขาอย่างดุดัน แต่ก็โดนลัวย่าวหัวจ้องกลับไป


คนญี่ปุ่นทั้งสองคนกำลังกระซิบกันอยู่


” โฮชิโนะคุง พวกเรามีงบประมาณไม่มากขนาดนั้น ! “


” ทาคาโกะ คุณต้องเข้าใจว่าถ้าหากพวกเราสามารถเอาเครื่องเคลือบชิ้นนี้กลับมาได้ เราจะสามารถสร้างโชคได้อย่างแน่นอน


คุณควรเข้าใจว่านี่คือเครื่องเคลือบลายครามของราชวงศ์หยวนเป็นเครื่องลายครามที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศแห่งนี้ ! “


โฮชิโนะคุง นั้นเป็นคนที่ใส่ต่างหูรูปนกอินทรี เขาเต็มไปด้วยความโลภและจะไม่มีวันท้อถอย


 


อิโนอุเอะ ทาคาโกะ ลังเลแล้วกล่าว ” แม้ว่า ราคาจะสูงเกินไปแล้ว ! ไม่ว่าจะสูญเงินไปเท่าไหร่ คุณสามารถหามันมาได้อีก คราวนี้ต้องให้เขายอมแพ้ให้ได้ ! “


” คุณวางใจได้เลย คอยดูฉันให้ดีก็แล้วกัน ! ” โฮชิโนะคุง เต็มไปด้วยความมั่นใจ เขาเงยหน้าขึ้นมา ” หนึ่งร้อยสามสิบห้าล้านหยวน ! “


พูดจบ เขามองหยางโปด้วยสีหน้ายั่วยุ


หยางโปยิ้มเบาๆ อย่างอ่อนโยนและในที่สุดร่างกายของเขาก็ผ่อนคลายในเวลานี้ เขายังรู้สึกว่าขาของเขาอ่อนลง


เมื่อเห็นว่าหยางโปไม่ได้พูดอีกต่อไป โฮชิโนะคุงรู้สึกเหมือนว่าถูกต่อยกำปั้นเดียว จนลอยขึ้นไปบนอากาศ ทำให้เขาโกรธอย่างมาก !


 


อูปากวาดสายตาไปรอบๆ และเห็นว่าไม่มีใครให้ราคาอีกแล้ว เขาก็ตบมือแล้วกล่าว ” โอเค นั่นคือทั้งหมดสำหรับวันนี้โปรดปฏิบัติตามกฎของการประมูล เชิญมาชำระบิลแล้วรับรายการของคุณไป ! “


ทั้งสามคนชำระค่าของ หลังจากได้สิ่งของแล้วก็ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว


จนกระทั่ง โฮชิโนะคุงพาคนไปที่โรงแรม พวกเขาได้ออกไปตั้งนานแล้ว


โฮชิโนะคุงทุบกำปั้นลงบนโต๊ะ ใคร่ครวญแล้วกล่าว ” ฉันจะไม่ปล่อยพวกมันไปแน่ ! คราวนี้มันทำให้พวกเราต้องเสียเงินไปมากมาย ! “


อิโนอุเอะ ทาคาโกะ ตบไหล่ของเขา ” สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเราในตอนนี้คือการนำแจกันลายครามดอกเหมยในสมัยราชวงศ์หยวนกลับไป ตราบใดที่พวกเราสามารถนำมันกลับไปได้ สิ่งเหล่านี้ก็เพียงพอที่จะชดเชยความผิดพลาดของพวกเรา ! “


 


” ได้ พวกเรากลับไปกันเถอะ ! ” โฮชิโนะคุง หยิบเสื้อคลุมสีดำขึ้นมาอีกครั้งแล้วหันหลังกลับและเดินออกไปด้านนอก !


นั่งอยู่ในรถ หยางโปหยิบไม้เท้าหัวนกอินทรีออกมาดู จิตใจค่อนข้างสับสน


ตาอ้วนหลิวนั่งอยู่ข้างๆอยากรู้อยากเห็นมาก ” ทำไมถึงไม่ซื้อบันทึกการเดินทางเล่มนั้นมาล่ะ ? “


หยางโปส่ายหน้า ” ผมไม่คิดว่าจะพบหลุมฝังศพของจักรพรรดิราชวงศ์หยวนตามบันทึกการเดินทางเรียกได้ว่าในเวลานั้นหลุมฝังศพของจักรพรรดิเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่มาก เป็นการยากสำหรับคนฮั่นที่จะติดต่อกับคนเหล่านี้และชาวมองโกเลียส่วนใหญ่ที่สามารถติดต่อพวกเขาได้อาจจะไม่มีการบันทึก ดังนั้นผมคาดเดาว่าสมุดบันทึกการเดินทางที่เรียกว่าควรจะเป็นประสบการณ์ของอดีตโจรขโมยสุสานที่มองหาสุสานของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หยวน “


ตาอ้วนหลิวพยักหน้า ลัวย่าวหัวขับรถอยู่อดไม่ได้ที่จะบ่น ” มันน่าเสียดายจริงๆ ที่พวกเขาซื้อเครื่องลายครามของราชวงศ์หยวนไปได้ ถ้ารู้มาก่อน พวกเราก็พาหลู่ตงซิงมา หากมีผู้ลาภมากดีคนนี้อยู่ด้วย ราคาจะไม่เป็นปัญหาเลย ! “


 


หยางโปยิ้มแล้วกล่าว ” นายคิดว่าถ้าเป็นเครื่องเคลือบลายครามในราชวงศ์หยวนจริงๆ ฉันจะให้พวกเขาทำข้อตกลงในราคาที่ต่ำแบบนี้ได้เหรอ ? “


” อะไรนะ ? ” ลัวย่าวหัวถึงกับกำพวงมาลัยรถพลางหันมามอง


หยางโปสะดุ้งตกใจและรีบกล่าว มองไปข้างหน้าสิ ! “


ลัวย่าวหัวหันกลับมาและในทันใดนั้น ก็เห็นฝูงแกะปรากฏอยู่ตรงหน้า เขารีบหมุนพวงมาลัย รถแล่นออกจากถนน แล่นเข้าไปในทุ่งหญ้าข้างถนนและไถลไปหลายสิบเมตรแล้วจึงหยุดลง


ทั้งสามคนนั่งอยู่ในรถหายใจอย่างหนัก ลัวย่าวหัว เหงื่อออกทั่วร่างของเขาจับพวงมาลัยโดยไม่เคลื่อนที่


 


หลังจากนั้นไม่นาน หยางโปจึงเอ่ยปากกล่าว ” พวกเขาซื้อของปลอมไปและทั้งชิ้นนั้นเป็นของปลอมซึ่งถูกเลียนแบบโดยสาธารณรัฐจีน “


หลังจากที่พึ่งจะผ่านเหตุระทึกไปแล้ว ลัวย่าวหัวไม่กล้าที่จะหันหลังกลับ ” ค่อยพูดทีหลัง รอฉันขับรถขึ้นไปก่อน ! “


ลัวย่าวหัวพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ หยางโปตกใจเล็กน้อยและทำเป็นไม่สนใจ แต่ว่าลัวย่าวหัวถอยรถไปหลายครั้งแล้ว หลังจากคลายคลัตช์ หยางโปรู้สึกผิดปกติโดยทันที


เขารีบออกจากรถและเปิดประตูที่คนขับ ลากลัวย่าวหัวออกมาและเห็นว่าลัวย่าวหัวขาอ่อนแรง เมื่อเขายืนบนพื้นยังคงยืนโซเซ


 


ด้วยความช่วยเหลือของหยางโปและตาอ้วนหลิวลากลัวย่าวหัวเข้าไปในเบาะหลัง ลัวย่าวหัวนอนหงายอยู่บนเบาะหลัง


” ให้พวกนายเห็นเรื่องตลกแล้ว “


” พูดว่าอะไรนะ ! ” หยางโปตอบกลับ


เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นเพียงชั่วครู่หนึ่ง ลัวย่าวหัวไม่มีเวลาตอบกลับและไม่มีทางได้ตอบกลับได้มาตั้งแต่แรก หยางโปไม่ได้ตำหนิอะไร


ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงชานเมืองทางเหนือของกรุงปักกิ่ง หยางโปไม่ได้วางแผนที่จะกลับไปโดยตรง แต่ค้นหาโรงแรมเพื่อซ่อมรถก่อน ลัวย่าวหัวขับรถมาตลอดทั้งคืนและเขาก็ไม่ได้บ่น ลองคิดดูแล้วลัวย่าวหัวน่าจะเหนื่อยเกินไป หลังจากลัวย่าวหัวอยู่ที่เบาะหลัง เขาก็ผล็อยหลับไป


 


เปิดห้องแล้วก็พาลัวย่าวหัวเข้าห้องไปพักผ่อน ส่วนหยางโปอาบน้ำแล้วก็หลับไป


เมื่อตื่นนอนมันเป็นเวลาบ่ายสามโมง หยางโปจึงหยิบไม้เท้าของเขาขึ้นมาและศึกษาอย่างรอบคอบ


ไม้เท้านั้นยาวประมาณสามฟุต กว้างสามนิ้ว หัวนกอินทรีสีเงินดูยิ่งใหญ่ด้ามจับก็ดำมืดเหมือนสีหมึก หยางโปใช้นิ้วของเขาสัมผัส กลายเป็นว่าเขาไม่สามารถตัดสินเนื้อในได้ แต่เขาก็สามารถรู้สึกถึงน้ำหนักของไม้เท้าได้และไม้เท้านั้นน่าจะทำด้วยโลหะมากกว่า


หยางโปเอาไม้เท้าขึ้นมาและลูบมันอย่างระมัดระวัง ในไม่ช้าเขาก็พบว่าดูเหมือนจะมีเครื่องหมายบนไม้เท้า เขาเอาไม้เท้าขึ้นมาเพ่งมอง


พบลอยจารึกอยู่หนึ่งแถวแต่ว่ามันกลับเป็นภาษาอี๋


 


ในช่วงนี้หยางโปได้ศึกษาภาษาอี๋และแปลมันเป็นคำต่อคำ ความหมายของประโยคนี้คือ ” การฟื้นคืนชีพอาณาจักรที่ถูกทอดทิ้งโดยเหล่าทวยเทพ ! “


หยางโปเห็นบทความนี้ก็รู้สึกว่ามันไร้สาระ เพราะประโยคนี้เป็นเหมือนการเล่นตลกจึงทำให้ผู้คนรู้สึกเหลือเชื่อ เพียงแต่ว่าเขาไม่กล้าที่จะมองด้วยพลังอีกต่อไป ไม่มีทางที่จะบอกได้ว่าประโยคนี้เกิดขึ้นตอนไหน


” นายกำลังทำอะไร ? “


ทันใดนั้นหยางโปก็ได้ยินเสียงจากข้างหลัง เขาตกใจแล้วหันไปเห็นลัวย่าวหัว แล้วจึงถอนหายใจ ” นายดีขึ้นแล้วเหรอ ? “


” ดีขึ้นมากแล้ว ในวันนี้ช่างน่าอัปยศจริงๆ ” ลัวย่าวหัว เดินไปและเทน้ำร้อนหนึ่งแก้ว จิบและยังกังวลเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ในตอนเช้าที่ผ่านมา


 


หยางโปยิ้ม จากนั้น ตาอ้วนหลิวก็มาเคาะประตูและเข้ามา ” ตื่นกันแล้วเหรอ ! “


เนื่องจากหยางโปต้องดูแลลัวย่าวหัว พวกเขาจึงเปิดห้องเพียงสองห้องเท่านั้น ลัวย่าวหัวฟื้นตัวตั้งนานแล้ว


” ฉันตื่นนานแล้ว เรื่องทั้งหมดนี้ต้องโทษหยางโป ! “


ตอนที่298 ไปจนสุดทาง


หยางโปเป็นผู้บริสุทธิ์ ” ทำไมถึงมาโทษฉันล่ะ ? “


” นายทำให้ฉันตกใจ นายบอกว่ามันเป็นของปลอมเลยทำให้ฉันตกใจ ” ลัวย่าวหัวพูดอย่างไร้ยางอาย


หยางโปจนใจ ” ดูเหมือนว่าฉันจะพูดเรื่องนี้หลังจากรถหยุดใช่มั้ย ? ” ” นั่นคือสิ่งที่นายพูดก่อนหน้านี้ ” ลัวย่าวหัวยืนยัน


ตาอ้วนหลิวยืนยิ้มอยู่ข้างๆ ” เรื่องนี้มันเป็นความผิดของหยางโป ไป ก็ให้หยางโปเลี้ยงมื้อเย็นพวกเราแล้วกัน ! ” เก็บกวาดเล็กน้อยแล้วทั้งสามคนก็เดินออกไปข้างนอก


ลัวย่าวหัวมองดูหยางโป ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ” นั่นเป็นเครื่องลายครามของปลอมจริงรึเปล่า ? “


” จริงแท้แน่นอน เป็นฝีมือเฉียวโซ่วหลิวแห่งสาธารณรัฐจีน ” หยางโปอธิบาย


 


ตาอ้วนหลิวตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ลัวย่าวหัวยังมีความมึนงง ” เฉียวโซ่วหลิว ? “


” เฉียวโซ่วหลิวเป็นผู้มีอำนาจในการฉ้อโกง ในเวลานั้น สิ่งที่เขาทำเป็นของปลอมและแม้แต่ในช่วงเวลาหนึ่งที่เขาเชี่ยวชาญในการลอกเลียนแบบเครื่องลายครามในสมัยจักรพรรดิคังซี ทำให้ไม่มีใครสนใจเกี่ยวกับเครื่องลายครามในยุคจักรพรรดิคังซี ในตลาดเลย ! ” ตาอ้วนหลิวอธิบาย


ลัวย่าวหัวก็ประหลาดใจเช่นกัน ” ฉันสงสัยมาตลอดว่าผู้เชี่ยวชาญแบบนี้ ถ้าไปทำเครื่องเคลือบเอง ไม่ก็ไปเป็นผู้เชี่ยวชาญศิลปะเครื่องเคลือบดินเผาเอง ทำไมต้องมาทำอะไรที่เสี่ยงอย่างนี้ด้วย ? ” ” เพราะถ้าทำแบบนี้จะทำเงินได้เร็วกว่าและง่ายกว่า ” หยางโปอธิบาย


ทั้งสามคนมาถึงที่โรงแรมและสั่งอาหารสองสามอย่างแล้วทานอาหาร


 


หลังจากทานไปได้ซักพักก็ได้ยินคนกระซิบกัน ” ได้ยินมาว่ามีคนขุดหลุมฝังศพโบราณทางทิศตะวันออกติดกับภูเขาตงชานมันเป็นสุสานขนาดใหญ่ซึ่งอาจเป็นของอ๋องแมนจูเรียองค์ใดองค์หนึ่ง ! ” พวกหยางโปมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ


หยางโปยืนขึ้นแล้วเดินไปที่โต๊ะถัดไป ซึ่งชายวัยกลางคนสองคนนั่งอยู่ ทั้งสองคนรู้สึกประหลาดใจ ต่างก็มองหน้ากัน เป็นอันว่าไม่มีใครรู้จัก หยางโป


หยางโปกล่าว ” พี่ชายท่านนี้ ผมขอโทษจริงๆ ขอโทษด้วย ผมได้ยินคุณพูดว่า ที่ตงซานขุดสุสานโบราณออกมาและมันก็ยังเป็นสุสานขนาดใหญ่


เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อตอนไหน ทำไมผมถึงไม่เห็นมันในข่าวเลย ? “


 


” ปิดข่าวมันจะเร็วขนาดนี้ได้ยังไง ขุดมาแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ฉันมีเพื่อนที่เป็นซัพพลายเออร์ในสถานที่ก่อสร้างตรงนั้น พวกคนงานส่งวัสดุไปที่สถานที่ก่อสร้างเรื่องนี้พึ่งจะเกิดขึ้นจากนั้นก็ถูกพาออกไป ตอนนี้ก็ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นแล้ว ” ชายคนนั้นกล่าว


” สถานที่ก่อสร้างนั้นกล้ายักยอกเหรอ ? ” หยางโปยิ้มแล้วกล่าว


” จะไปกล้าได้ยังไง ทำแบบนี้มันติดคุกนะ ! ” ชายคนนั้นกล่าว


หยางโปยิ้ม ” งั้นคุณรู้ได้ยังไงว่านั้นเป็นสุสานอ๋องแมนจูเรีย ? “


” นี่คือสิ่งที่เพื่อนของฉันพูด เขาบอกว่าสุสานมีขนาดใหญ่มาก เกรงว่ามันไม่ใช่สุสานธรรมดาและนี่คือชานเมืองของปักกิ่งมันเป็นเรื่องปกติที่จะฝังศพอ๋อง ! ” ฝ่ายตรงข้ามกล่าว


 


หยางโปไม่ได้ถามอะไรมาก กล่าวขอบคุณแล้วเขาก็หันหลังกลับไปนั่ง


หยางโปเพิ่งจะนั่งลง ลัวย่าวหัวกลับยืนขึ้น


หยางโปรีบถาม ” นายกำลังจะทำอะไร ? “


” ไปดูความครึกครื้น ช่างเป็นเรื่องครึกครื้นอะไรแบบนี้ พวกนายยังเฉยกันอยู่ได้ยังไง ? ” ในมือของลัวย่าวหัวมีขนมเปี๊ยะทั้งกัดกินและทั้งพูดคลุมเครือไม่รู้ความ


หยางโปส่ายหน้าและลุกขึ้นยืน จริงๆ แล้ว เขาก็คิดอยู่เหมือนกัน แต่เมื่อคิดไปแล้วสถานที่นั้นอาจจะถูกปิดกั้น ดังนั้นจึงไม่ได้พูดอะไรออกมา


 


ก่อนหน้านั้น ทุกครั้งที่ ลัวย่าวหัวขึ้นรถมักจะวิ่งไปที่นั่งคนขับ คราวนี้เขาเริ่มที่จะนั่งข้างหลัง หยางโปเลยต้องนั่งที่คนขับ


หยางโปมีทักษะในการขับรถมานานอยู่แล้ว เขาขับรถไปข้างหน้าตามเส้นทางที่เพิ่งถามมา


เมืองหลวงไม่ได้ใหญ่ ในไม่ช้า พวกเขาก็มาถึงที่ตีนเขาตงชาน รถขับไปตามถนนบนภูเขาจนไปถึงไหล่เขา ในที่สุดพวกเขาก็เห็นสถานที่ล้อมรอบด้วยกำแพง ที่นี่น่าจะเป็นที่ก่อสร้าง


ประตูถูกปิด เมื่อยืนอยู่ในที่สูง หยางโปสามารถมองเห็นเครื่องขุดอยู่ภายในกำลังก่อสร้าง ดูเหมือนจะไม่มีวี่แววมากมายในที่เกิดเหตุ แต่หยางโปเข้าใจดี หากมีสิ่งผิดปกติจะต้องมีคนร้าย คนในโรงแรมไม่น่าจะพูดไร้สาระและสถานที่ก่อสร้างมักจะไม่ปิดประตูแน่นหนาเกินไป แต่สถานที่ก่อสร้างที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาดูเหมือนจะปิดประตูโดยเจตนา


 


หยางโปจ้องมองระยะไกล การมองเห็นของเขาค่อยๆชัดเจนขึ้นเมื่อเครื่องขุดทำงาน หยางโปเห็นถ้ำเล็กๆ และหลายคนยืนอยู่รอบๆถ้ำพวกเขาสวมชุดป้องกันสารเคมีและเข้าไปทีละคน


หยางโปจ้องมองออกไปแล้วเห็นคนหนึ่งหันกลับมามอง ทันใดนั้นหยางโปก็แปลกใจเพราะคนคนนั้นหันกลับมามอง นั้นมันคือโฮชิโนะคุงที่ยืนอยู่ในทุ้งหญ้ายามเช้าตรู่ หยางโปกระโดดลงจากก้อนหินทันที แต่เมื่อเขากระโดดลงมาแล้วก็ยังคงจ้องมองไปที่ โฮชิโนะคุง !


” มีคนอยู่ข้างนอก ยามาโมโตะ นายรีบพาคนไปจับพวกมันมาให้ฉัน เราไม่สามารถให้เรื่องนี้รั่วไหลออกไปได้ ! ” โฮชิโนะคุงกล่าว


ยามาโมโตะโค้งคำนับ ” ไฮ้ ! “


พูดจบ ยามาโมโตะชี้สั่งไปที่คนรอบข้างหลายคน ” พวกแกมากับฉัน เร็วเข้า ! “


 


หยางโปกระโดดลงมาจากก้อนหินและดึง ลัวย่าวหัว ” รีบออกไปเร็ว ที่นี่มีพวกญี่ปุ่นอยู่ด้วย ! “


ลัวย่าวหัว รู้สึกประหลาดใจ เขาสะบัดมือของหยางโปที่ดึงอยู่ ” รีบออกไปจากที่นี่ ฉันจะไปเปิดประตูให้ทุกคนได้รู้ว่าพวกมันกำลังปล้นสุสาน ! “


” รีบไปเร็ว นายตัวคนเดียวจะรับมือกับพวกมันได้เหรอ ? นายมีปืนรึไง ? ” หยางโปขยิบตาให้ตาอ้วนหลิว ทั้งสองคนดึงลัวย่าวหัวเข้าไปในรถ


เมื่อสตาร์ทรถ เห็นประตูสถานที่ก่อสร้างเปิดออกเมื่อมองที่กระจกมองหลัง หยางโปก็เลี้ยวโค้งแล้วขับรถลงจากภูเขาไป


ตลอดทางลงเขา หยางโปรู้สึกโล่งใจที่เห็นว่าไม่มีใครตามมา


ลัวย่าวหัวบ่น ” ตอนนี้ฉันจะต้องโทรหาตำรวจ ! “


 


หยางโปไม่ขัดขวาง เรื่องนี้จะต้องแจ้งตำรวจอย่างแน่นอน แต่พวกเขาสายเกินไปที่จะทำแบบนั้นแล้ว


” รถ ! รถบรรทุกดิน ! ” จู่ๆ ตาอ้วนหลิวก็อุทานออกมา


หยางโปมองไปที่กระจกมองหลังและเห็นว่ามีรถบรรทุกสูง ขับตามมาข้างหลังพวกเขา ไม่รู้ว่ามีดินอยู่บนรถไหม แต่รถกำลังเร่งความเร็วขึ้นมา ! หยางโปตกใจและเร่งคันเร่งอย่างรวดเร็ว หากรถบรรทุกมีดินอยู่เต็มคันมันมีน้ำหนักหลายสิบตัน ในเวลานี้หากชนเข้ากับรถยนต์คันเล็ก ไม่ต้องมีคำอธิบายเลยผลลัพธ์จะเป็นยังไง รถเล็กจะถูกชนยับอย่างแน่นอน


ทันทีที่หยางโปเหยียบคันเร่ง รถกำลังไหลลงหลังจากเร่งความเร็ว จนมีความรู้สึกว่ากำลังบินอยู่ในรถ รถเป็นรถออฟโรดทรงสูง แต่ศูนย์กลางมีความเสถียร รถเร่งความเร็วและค่อยๆทิ้งห่างจากรถบรรทุกดิน


 


หลังจากที่ ลัวย่าวหัว แจ้งความเสร็จ เขาก็วางหูโทรศัพท์แล้วหันไปมองหยางโป ” ฉันเกรงว่าเรื่องนี้จะจัดการไม่ได้ ! “


หยางโปตกตะลึง แล้วตอบสนองทันที ” ภูเขาต้องเป็นโครงการที่ชาวญี่ปุ่นทำแน่ๆ พวกเขามีเส้นสายที่ดี ถ้าหน่วยงานระดับล่างตรวจสอบ เกรงว่าจะไม่ได้ผลขนาดนั้น “


ลัวย่าวหัวพยักหน้า ” นายก็รู้ว่าบางครั้งการโทรศัพท์ก็จะทำให้การเคลื่อนไหวใต้ดินชะงักลงได้จริงๆ ” หยางโปขับรถอยู่คิดๆดูแล้วก็กล่าว ” ฉันจะโทรไปแจ้งสำนักมรดกวัฒนธรรมแห่งชาติ นายโทรไปหาพ่อของนาย พวกเราจะต้องจบเรื่องนี้ให้ได้ ! “


ตอนที่ 299 ไล่ฆ่า


แม้ว่า หยางโปเองได้ทำการปล้นสุสานมาแล้ว ต่อมาก็ยังคงทำมันได้อีก แต่ในสายตาของเขาเนื้อจะเน่าในหม้อ ไม่สามารถปล่อยให้คนนอกทำได้ โดยเฉพาะถ้าอีกฝ่ายเป็นชาวญี่ปุ่น มันเป็นชนชาติที่เขาเกลียดที่สุด


รถแล่นลงจากภูเขาสู่การจราจรบนท้องถนน หยางโปลดความเร็วลงและในไม่ช้ารถก็แล่นเข้าสู่ตัวเมือง หยางโปคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่กล้ามาปะทะกันอีก เขามองในกระจกมองหลังแล้วก็เห็นว่ามีรถบรรทุกดินแล่นเข้ามาอย่างช้าๆ อยู่ไม่ไกล พวกมันนั้นสะกดลอยตามรถของพวกเขามาโดยตลอด !


ที่แยกไฟแดง หยางโปหยิบมือถือออกมา โทรหาเฉาหยวนเต๋อ


กำลังโทรศัพท์ หยางโปมองเข้าไปในกระจกมองหลังโดยไม่ตั้งใจ เขาเห็นรถบรรทุกดินเคลื่อนที่ช้าๆไปทางด้านหน้า รถที่อยู่ตรงกลางนั้นถูกชนจนไถลไป หยางโปในเวลานี้เห็นว่าไม่ทันการณ์แล้ว เขาตะโกนทันที ” ออกไปจากรถ ! “


 


เมื่อหยางโปตะโกนก็ดึงประตูรถออกไปแล้ววิ่งไปข้างนอกทันที !


ตาอ้วนหลิวและลัวย่าวหัว ก็วิ่งออกไปทันที หยางโปกำลังรอสัญญาณไฟเขียว ลัวย่าวหัวก็เช่นเดียวกันเขายังมีโทรศัพท์มือถืออยู่ในมือ ตาอ้วนหลิวกระโดดเข้าไปในสวนข้างๆ


หยางโปหันหลังกลับไปเห็นรถบรรทุกดินเร่งคันเร่งขึ้นอย่างกะทันหัน ดันรถสองคันที่อยู่ด้านหน้าและวิ่งไปข้างหน้าตรงทางสีแยก ทันใดนั้นก็ชนกับรถสองคันข้างหน้าที่แล่นมาด้วยความเร็วปกติ จนชิ้นส่วนรถยนต์กระจัดกระจาย !


ทั้งสามคนพบกันแล้ววิ่งตรงไปที่จัตุรัสที่อยู่ถัดไป รถบรรทุกดินตามไม่ปล่อย เมื่อเห็นหยางโปออกมาจู่ๆ ก็เลี้ยวขวาและเร่งความเร็วผ่านสวนไปตามถนน ! มุ่งหน้ามาในทิศทางที่ทั้งสามคนอยู่ ! มีคนมากมายในจัตุรัสในเวลานี้ พวกเขากรีดร้องและหนีไป พวกของหยางโปถือโอกาสเข้าไปในอาคารพาณิชย์! ” ไอ้พวกบ้า ” ลัวย่าวหัวตะโกน ” ต้องจับพวกมันมาลงโทษให้ได้ ! “


 


หยางโปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วเห็นว่าเฉาหยวนเต๋อวางสายไป เขาจึงต้องโทรไปอีกครั้ง


ได้ยินลัวย่าวหัวที่ยืนอยู่ข้างๆ คุยโทรศัพท์ว่า ” ประชุมเหรอ ? กำลังประชุมอยู่ หากคุณไม่รับสาย ลูกชายของคุณจะตายอยู่ข้างนอกเร็วๆ นี้แล้ว ! “


หยางโปส่ายหน้าแล้วยิ้มทั้งสามคนเดินผ่านอาคารพาณิชย์เดินไปด้านนอก พวกเขาไม่ปลอดภัยในเมืองนี้อีกต่อไปแล้ว !


เฉาหยวนเต๋อรับสาย ” มีธุระอะไรรึเปล่า ? ฉันกำลังประชุมอยู่ “


หยางโปถือมือถือ พี่เฉาโปรดอย่าวางสายเรื่องที่คุณได้ยินตอนนี้ นี่อาจเป็นคำพูดสุดท้ายที่ผมจะพูดในโลกนี้ !


เพื่อดึงดูดความสนใจของอีกฝ่าย หยางโปพูดเพื่อให้เกิดความตื่นตระหนกตกใจ !


 


” ตอนนี้ผมถูกตามล่า พวกเราพบสุสานของอ๋องแมนจูในชานเมืองทางตะวันออกของปักกิ่ง นี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ สุสานอยู่ในสถานที่ก่อสร้างและถูกขุดอยู่ หลังจากที่พวกเราเห็น อีกฝ่ายก็ส่งรถบรรทุกดินเพื่อมาไล่ล่าพวกเราตลอดทาง ตอนนี้รถชนกันไปหมด พวกเราเลยหนีออกมา ! ” เฉาหยวนเต๋ออยู่ในที่ประชุมทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืน ” นายยืนยันกลับฉันอีกครั้งซิ ว่าเรื่องที่นายพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง ! “


เฉาหยวนเต๋อกำลังเข้าร่วมการประชุมในสำนักงาน ผู้บริหารในสำนักที่อยู่ในห้องประชุมเมื่อพวกเขาเห็น เฉาหยวนเต๋อขัดขวางการประชุม รองผู้อำนวยการที่ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมกล่าวอย่างโกรธเคือง ” สหายเฉาหยวนเต๋อ คุณกำลังทำอะไรอยู่ ? “


 


” พวกนายอยู่ในเขตชานเมืองปักกิ่ง พบว่าสุสานของอ๋องแมนจูถูกขุดที่สถานที่ก่อสร้างตงชาน ตอนนี้พวกเขาปิดกั้นฉาก และกำลังมันไล่ฆ่าพวกนายอยู่อย่างงั้นเหรอ ? ” เฉาหยวนเต๋อย้ำแล้วย้ำอีก


” ใช่ ” หยางโปกล่าว


” เอาล่ะ พวกนายรักษาตําแหน่งเอาไว้ ฉันจะรายงานเดี๋ยวนี้ ! ” เฉาหยวนเต๋อกล่าว


พูดจบเฉาหยวนเต๋อ มองไปที่ประธานที่อยู่ตรงกลาง ” ท่านอธิบดี เพื่อนคนหนึ่งของผมโทรมา เพราะเขาพบว่ามีการขโมยสุสานของอ๋องแมนจูเรีย ตอนนี้เลยถูกตามฆ่า ! “


อธิบดีจ้องไปที่ เฉาหยวนเต๋อ ” เพื่อนของคุณมีความน่าเชื่อถือแค่ไหน ? “


 


เฉาหยวนเต๋อพยักหน้า ” น่าเชื่อถือมาก ! ชื่อของเขาคือ หยางโป และเขามีหม้อดินเผาลายปลาในยุควัฒนธรรมหย่างเสา เป็นนักสะสมที่อายุน้อยมาก ! “


อธิบดีนิ่งไปชั่วขณะ ” ร่างเอกสารทันทีส่งไปที่แผนกศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นและส่งจดหมายไปยังรัฐบาลขอให้พวกเขารักษาพลเรือนให้ปลอดภัย ในขณะเดียวกันบล็อกเว็บไซต์รายงานเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียทรัพยากรทางวัฒนธรรม ! หากเป็นสุสานหลวงมันก็เป็นเรื่องใหญ่ ! “


ลัวซือเต๋อเห็นสายเรียกเข้า เขาตั้งใจจะวางสาย แต่เมื่อได้ยินคำอธิบายของลัวย่าวหัวเขาก็ตกใจทันที ” แกแน่ใจเหรอว่าเป็นสุสานโบราณ ? ” ” พวกเรามั่นใจเพราะว่าพวกเราอยู่นอกประตู พวกมันเลยส่งรถบรรทุกดินมาเพื่อตามฆ่าพวกเรา เรื่องแบบนี้เป็นคดีอาญาอยู่แล้ว ตอนนี้พ่อไม่ต้องกังวลว่าสุสานโบราณจะอยู่ที่นั่นหรือเปล่าเมื่อฉากนั้นถูกปิดเพื่อการพิสูจน์หลักฐานพ่อสามารถหามันได้โดยง่าย ! ” ลัวย่าวหัวกล่าว


 


” ตอนนี้พวกแกรีบไปที่สถานีตำรวจท้องที่เพื่อขอลี้ภัยและดูแลตัวเองให้ดี พวกเราจะทำหนังสือในไม่ช้า ! ” ลัวซือเต๋อ สุดท้ายเขาก็กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของลัวย่าวหัว และได้จัดการโดยตรง


เมื่อวางสายโทรศัพท์แล้ว ทั้งสามคนก็ไม่รู้ว่าพวกเขาไปที่ไหน โชคดีที่มีสถานีตำรวจอยู่ไม่ไกล พวกเขาเลยรีบเข้าไป


เมื่อเข้าไปในห้องตำรวจ ตำรวจก็ดุทันที ” ออกไป ในนี่เข้ามาไม่ได้ ! “


ตาอ้วนหลิวก้าวไปข้างหน้า ” สหาย สหาย ในตอนนี้พวกเราต้องการแจ้งความ ! “


” กรุณาไปแจ้งความที่ห้องรับรองด้านนอก ! ” ตำรวจกล่าว


เมื่อถึงห้องรับรอง พวกเขาไม่ได้พูดเกี่ยวกับสุสาน โดยบอกว่าพวกเขาถูกตามล่าและเล่าเหตุการณ์ที่ซับซ้อน


 


ตำรวจผู้บันทึกเสียงจู่ๆ ก็มองไปที่หยางโป ” พวกคุณไปขโมยของของคนอื่นมารึเปล่า ? “


” เป็นไปได้ยังไง ? ” หยางโปรีบส่ายหน้า ” พวกเราไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น “


ในเวลานี้มีชายคนหนึ่งเข้ามาและตะโกนออกมาว่า ” วันนี้มีชายสามคนเข้ามาเพื่อแจ้งความไหม ! “


หยางโปหันกลับมามองหลังจากเห็นชายแต่งตัวด้วยชุดลำลองเมื่อเขาเข้ามาเขาก็ตะโกนในห้องโถง


ตำรวจที่กำลังจดบันทึกยังขมวดคิ้ว ” คุณเป็นใคร ? “


ชายคนนั้นหันกลับมามองที่ทั้งสามคน เขาชี้ไปที่ทั้งสามแล้วพูดว่า ” คุณไม่จำเป็นต้องรู้ว่าผมเป็นใคร ตอนนี้คนสามคนนี้ต้องถูกจับกุมทันที ! “


 


ชายคนนั้นดูหยิ่งมาก ดูเหมือนว่าสถานีตำรวจจะเหมือนกับบ้านของพวกมัน เมื่อพูดเสร็จเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรออก


นายตำรวจเสี่ยวหวังมองหยางโปและพวกแล้วกระซิบ ” บอกความจริงกับผม ผมจะจัดการกับมัน ! “


หยางโปถอนหายใจอย่างนุ่มนวล ” ไม่เป็นไร ไม่ใช่สิ่งที่คุณสามารถจัดการได้ตอนนี้ “


ในไม่ช้าโทรศัพท์ของตำรวจก็ดังขึ้น หลังจากที่เขารับสาย เขาก็มีอารมณ์ที่ดื้อรั้นและเดินไปทางด้านข้าง ” นี่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ! “


” สารวัตร ผมคิดว่ามีอะไรบางอย่างที่ซับซ้อนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ทั้งสามคนเป็นคนนอก เมืองหลวงก็มี ถ้าท่านจับผิดคนแล้ว… ” นายตำรวจเสี่ยวหวังกล่าว


ในไม่ช้าตำรวจก็เข้ามาแล้วกล่าว ” ถ้างั้น พวกคุณก็อยู่ที่นี่ไปก่อน ? “


ลัวย่าวหัว หันมองออกไป ” ผมกลัวว่าที่นี่มันจะไม่ปลอดภัย “


ตอนที่ 300 ไม่ใช่สุสานหลวง


ใบหน้าของนายตำรวจเสี่ยวหวังเรียบเฉย ” ผมจะไปหาผู้นำที่ทนต่อแรงกดดัน ! “


ในระหว่างการพูดคุยนายตำรวจเสี่ยวหวังกำลังจะออกไป ชายผู้หยิ่งผยองก็เข้ามา ” ฉันต้องการพาพวกเขาไป ! “


” ไม่ได้ พวกเขาต้องอยู่ที่นี่ ! ” นายตำรวจเสี่ยวหวังกล่าว


” เฮ้ ! เฮ้ ! ” ชายคนนั้นหัวเราะเยาะแล้วยกมือถือขึ้นมา ” หัวหน้าของคุณพูดว่าอะไร ? “


หยางโปตบไหล่ของเสี่ยวหวัง ” คุณช่วยพาเราไปพบหัวหน้าของพวกคุณได้ไหม ? “


 


เสี่ยวหวังลังเลขึ้น ลัวย่าวหัวกล่าว ” พวกเรามีบางอย่างที่จะขอให้คุณเป็นผู้นำ คุณวางใจได้ว่าเรื่องนี้จะไม่ทำให้คุณเดือดร้อนอย่างแน่นอน ! ” ชายคนนั้นเข้ามาใกล้มาก เขาทำหน้าเย้ยหยัน ” พวกแกหนีไม่พ้น ปฏิบัติตามที่ฉันบอกก็พอ ไปสิ ! ” นายตำรวจเสี่ยวหวัง ตำหนิ ” คุณออกไปห่างๆซะ ! “


ชายคนนั้นเพิกเฉยและยังคงเดินหน้าต่อไป นายตำรวจเสี่ยวหวังจ้องมองที่เอวของฝ่ายตรงข้ามและตกใจทันที เขาชักปืนออกมาแล้วตะโกนใส่ฝ่ายตรงข้าม: ” หยุด อย่าขยับ ยกมือขึ้น ! บอกให้ยกมือขึ้น ! “


เสี่ยวหวังอาจจัดการกับเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก การแสดงออกของเขาดูเครียดมาก ! ขณะพูดน้ำเสียงก็สั่นเทา !


ไม่นานลัวย่าวหัว ก็ค้นพบเรื่องแปลกๆ ด้วยเช่นกัน สิ่งที่นูนออกมานั้นน่าจะเป็นปืน เขาผลักหยางโปและตาอ้วนหลิว ” ไปยืนอยู่ด้านข้าง ! “


 


ในไม่ช้า เจ้าหน้าที่ในสำนักงานตำรวจก็วิ่งเข้าไปหาตำรวจสองคนและตะโกนว่า ” เกิดอะไรขึ้น ? ” โทรศัพท์ของเสี่ยวหวังก็ดังขึ้น


เสี่ยวหวังจ้องที่ฝ่ายตรงข้ามถือปืนด้วยมือเดียวเขาพูดด้วยความโกรธ ” ยกมือขึ้น ! “


ในขณะที่พูด เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกและกำลังจะรับสาย ลัวย่าวหัวตะโกน ” หมอบลง ! “


หยางโปเห็นฝ่ายตรงข้ามหัวเราะเยาะและหยิบปืนออกมา เขารีบหมอบลงอย่างรวดเร็ว !


” ปัง ” หยางโปตกใจเมื่อได้ยินเสียงปืนดัง เขาไม่สนใจอะไรแล้ว กลิ้งลงบนพื้นต้องการซ่อนที่ใต้โต๊ะ !


” ปัง ” เสียงปืนอีกนัดหนึ่งดังขึ้น หยางโปมองไม่เห็นสถานการณ์ข้างหน้า เขาก็ไม่รู้ว่าใครยิงใคร แค่ได้ยินเสียงกรีดร้องข้างนอกเท่านั้น


 


หลายคนแห่กันเข้ามา !


” ปัง ! ปัง ! ปัง ! ” สามนัดติดต่อกัน หยางโปกลิ้งตัวลงบนพื้นแล้วพบกับลัวย่าวหัว ทั้งสองคนหยุดนิ่งมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ !


เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง หยางโปเห็นชายคนนั้นพร้อมกับปืนล้มลงอย่างช้าๆ และมีตำรวจหลายคนยืนอยู่ไม่ไกล !


เมื่อหันกลับมามองเสี่ยวหวังเห็นเขาคลุมแขนของเขาด้วยปืน เขาล้มลงไปกับพื้น ! คนร้ายถูกจับกุม พวกของหยางโปไม่กล้าเคลื่อนไหวตาอ้วนหลิวซ่อนตัวอยู่ข้างๆตัวสั่นสะท้าน !


” หมอบลง ! หมอบลงไปเดี๋ยวนี้ ! ” คนข้างนอกเข้ามาและตะโกนใส่ทั้งสามคน ทั้งสามคนต้องนอนราบ หลายคนแห่กันเข้ามา ทั้งสามคนถูกใส่กุญแจไขว้เอาไว้ที่ข้างหลัง !


 


” เสี่ยวหวัง ! นายเป็นอะไรไหม ! ” ชายวัยสามสิบต้นๆ เข้ามาช่วยเสี่ยวหวัง


เสี่ยวหวังส่ายหน้าและชายในชุดเครื่องแบบตำรวจกล่าว ” นายวางใจได้ รถพยาบาลจะมาที่นี่ในไม่ช้าแล้ว ! ” พูดจบ เขาหันไปมองที่ หยางโปและพวก ด้วยสีหน้าที่สับสน ” ปล่อยทั้งสามคนและพาไปที่สำนักงานของผม ดูแลรักษาความปลอดภัยพวกเขาอย่างใกล้ชิดพร้อมอาวุธครบมือ ! “


ทั้งสามคนมองหน้ากันก็โล่งใจในที่สุด


นั่งอยู่ในสำนักงาน มือถือของลัวย่าวหัวดังขึ้นได้ยินเสียงที่รีบร้อนกล่าวอย่างกังวล ” ย่าวหัว แกเป็นอะไรไหม ? “


” ไม่เป็นไรพ่อ พวกพ่อช้าเกินไปไหม คนอื่นๆ จัดการจบแล้ว ! ” ลัวย่าวหัวกล่าว


 


” ทางนี้ฉันกำลังตรวจสอบข้อมูลอยู่ แกก็ทำมันไปแล้ว ควรรู้ด้วยว่าไม่สามารถทำอะไรได้หากปราศจากหลักฐาน ” ลัวซือเต๋อกล่าว ” แต่เรื่องที่ทำได้ในตอนนี่คือเพียงแค่เคลื่อนไหวไม่จำเป็นต้องมีหลักฐาน ! “


” ที่แท้แล้วถ้าเกิดเรื่องขึ้นกับลูกชายพ่อ มันคงเป็นเรื่องที่ดีมากเลยใช่ไหม ! ” ลัวย่าวหัวถาม


” ดูแลตัวเองด้วย ! ” พูดจบ ลัวซือเต๋อก็ว่าสายไป


เสียงไซเรนดังไปทั่วทั้งเมือง ควบคู่ไปกับเสียงปืนที่ยังไม่รู้สาเหตุ ทันใดนั้นประชาชนก็วิตกกังวลไปต่างๆนานา


ในไม่ช้าก็มีข่าวถูกส่งกลับมาว่าสถานที่ก่อสร้างว่างเปล่า !


ลัวย่าวหัวยืนขึ้นและกระทืบเท้า ” มันต้องมีหนอนบ่อนไส้แน่ๆ ! “


 


” ลืมมันซะ กลับไปกันเถอะ มาถึงขั้นนี้แล้ว อยู่ที่นี่มันอันตรายเกินไป ! ” ตาอ้วนหลิวส่ายหน้า


” ตอนนี้พวกเราก็ไปที่สถานที่ก่อสร้างลองไปดูหน่อย ! ” หยางโปยืนขึ้นแล้วออกไปข้างนอก


ลัวย่าวหัวฉุดรั้งเขาเอาไว้ ” นายยังอยากจะไปจริงๆเหรอ ที่นั้นอันตรายแค่ไหน อาจมีสายสืบของชาวญี่ปุ่น ถ้าพวกเราถูกคนอื่นฆ่าตาย มันจะน่าละอาย และฉันเสียหน้าในประเทศของฉัน ! “


หยางโปลังเลเล็กน้อย ” ฉันยังรู้สึกอยากไปที่นั่น ฉันอยากรู้ว่าที่นั้นมีอะไรกันแน่ ! “


ลัวย่าวหัว ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องโทรศัพท์


ไม่นาน ทั้งสามคนก็ขึ้นรถตำรวจและมาถึงเมืองตงชาน


 


ณ จุดนี้ได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนาและระมัดระวังอย่างมากและเตรียมพร้อมอย่างดี ทั้งสามคนนั้นรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย


ตาอ้วนหลิวพูดอีกครั้ง ” เมื่อไหร่พวกเราจะกลับกัน ? “


” จะไม่กลับไปแล้ว ! ” หยางโปพูดติดตลก


” จะไม่กลับไปเหรอ ? นายจะทำอะไร ? นายต้องรอให้สุสานนี้ถูกขุดก่อนแล้วจะกลับงั้นเหรอ ? ” ตาอ้วนหลิวถาม


” จะไม่กลับไปได้ยังไง ? ” ลัวย่าวหัวผลักประตู


ทั้งสามคนออกจากรถและในไม่ช้า ก็พบกับลัวซือเต๋อและ เฉาหยวนเต๋อ ลัวซือเต๋อนั่งอยู่คนเดียว หยางโปประหลาดใจ เขาเข้าไปทักทายลัวซือเต๋อ ” อาลั่วสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับ ? “


 


” พวกเขาหนีไปแล้ว นายวางใจได้ พวกเขามีบริษัทที่จดทะเบียนแล้วและเราจะตรวจสอบพวกเขาอย่างแน่นอน ! ” ลัวซือเต๋อการันตี


หยางโปพยักหน้าแล้วหันไปมองเฉาหยวนเต๋อ ” พี่เฉาขอบคุณมาก รบกวนคุณวิ่งเต้นมากไปแล้ว ! “


เฉาหยวนเต๋อกล่าวด้วยเสียงทอดถอนใจ ” แบบเดียวกับเต๋อจื่อเป้ย ฉันจะแตกต่างจากอธิบดีเฉายังไง ? มันเป็นรุ่นมาทั้งรุ่นฉันคิดว่าหยางโปเธอจะชอบเจ้าขุนมูลนายซะอีก ! “


หยางโปหัวเราะ ” ใครไม่ให้พี่เฉาเลื่อนขั้นขึ้นไปล่ะ ? “


พูดหยอกล้อกันไม่กี่ประโยค หยางโปกำลังนำทางไปข้างหน้า เฉาหยวนเต๋อก็หยุดเขา ” ทำไม นายอยากลงไปเหรอ ? “


หยางโปพยักหน้า ” มาถึงนี่แล้ว ผมแค่อยากไปดูสักหน่อย ! “


 


ลัวซือเต๋อและเฉาหยวนเต๋อมองหน้ากัน ลัวซือเต๋อกล่าว ” เสี่ยวโปข้างล่างมันไม่มีสุสานแมนจูเรีย ! “


หยางโปตกใจแล้วหันกลับมามอง ” ไม่ใช่สุสาน พวกเขาจะขุดดินไปทำไม ? แต่ขุดใต้ดินแล้วจะหนีไปทำไม ? “


ลัวซือเต๋อกำมือของเขา ” ไม่ต้องห่วง ฉันจะพานายลงไปดู ! “


พูดจบ ลัวซือเต๋อเข้ามานำและเดินไปข้างหน้า หยางโปประหลาดใจมากเขามองเฉาหยวนเต๋อ และเห็นว่าเขาไม่ได้ขยับ


” พี่เฉา พี่ไม่ไปเหรอ ? “


เฉาหยวนเต๋อส่ายหน้า ” ฉันเห็นมาแล้ว เนื่องจากไม่มีสุสาน ฉันจะต้องกลับไปแล้ว “


 


หยางโปพยักหน้า ” พอกลับตี้จิงแล้ว ผมขอเชิญพี่ทานอาหารค่ำ เดินทางปลอดภัยครับ “


หยางโปและพวกติดตาม ลัวซือเต๋อเข้าสู่ลิฟต์อัตโนมัติและลิฟต์ค่อยๆลงมา มีความมืดมิดด้านล่าง ไฟฉายบนหัวของเขาช่วยได้มาก


ลิฟต์ลงจอดอย่างช้าๆ หยางโปมองไปในทิศทางของแสงไฟ เขาก็ตกตะลึงเพราะเขาเห็นระเบิดจริงๆ !


” นี่มันอะไรกันเนี่ย ? ” หยางโปถามด้วยความประหลาดใจ


” มันเป็นคลังแสง ! ” ลัวซือเต๋อกระซิบ


ตอนที่ 301 ปากทางแยก


หยางโปตื่นตกใจยกใหญ่ ในขณะที่จ้องมองไปยังวัตถุระเบิดที่อยู่ตรงหน้านั้น เขากลับสังเกตเห็นตัวอักษรจีนของประเทญี่ปุ่นที่สลักทิ้งเอาไว้อยู่ด้านบนว่า ” คลังแสง ! นี่เป็นคลังแสงของชาวญี่ปุ่นในสมัยนั้นเหลือทิ้งเอาไว้ ! “


” ใช่ มันเหลือทิ้งเอาไว้มาตั้งแต่ในปีนั้น จากการลงนามสัญญาข้อตกลงระหว่างพวกเรากับรัฐบาลของประเทศญี่ปุ่นเมื่อหลายปีก่อน วัตถุระเบิดที่ตกทอดมาถึงปัจจุบันเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่พวกเขาจัดการเอาไว้ทั้งสิ้น เพียงแต่ไม่รู้ว่าที่บริษัทแห่งนี้ปล่อยให้เช่าและขุดของเหล่านี้ออกมา มันหมายความว่ายังไง ? ” ลัวซือเต๋อพูด


หยางโปยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า ” เราไปดูกันสักหน่อยไหมว่าในนั้นมีของมีค่าอะไรซ่อนอยู่บ้าง ? “


ตาอ้วนหลิวที่กำลังจ้องมองไปทางวัตถุระเบิดเหล่านั้นที่อยู่ด้านหลังก็ได้พูดขึ้นว่า ” นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ของเหล่านี้ไร้ประสิทธิภาพแล้วมั้ง ? “


 


” ระวังหน่อยก็แล้วกัน ถ้าพาของที่ติดไฟง่ายและระเบิดได้ง่ายเหล่านี้ขึ้นลิฟต์ออกไปตามอำเภอใจ วัตถุระเบิดที่อยู่ที่นี่ไม่มีทางที่จะไร้ประสิทธิภาพอย่างแน่นอน ! ” ลัวซือเต๋อพูด


หยางโปมองไปทางลัวซือเต๋อ ” อาลัว ด้านล่างอันตรายเกินไป คุณและย่าวหัว อยากขึ้นไปข้างบนสักคนไหมครับ ? “


ความหมายของหยางโปนั้นชัดเจนมาก ถึงแม้ว่าจะต้องใช้ภาษาโบราณสู้รบกับพี่น้องคนสนิท ถึงพ่อลูกจะต้องทะเลาะเบาะแว้งกันก็ตาม แต่ถ้าพ่อลูกลัวยังลงไปแบบนี้ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ตระกูลลัวก็คงจะไม่มีเหลืออีกต่อไป นี่เป็นการเตือนด้วยความหวังดี


ลัวซือเต๋ออึ้งงันไป จากนั้นก็มองไปทางลัวย่าวหัวแวบหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า ” เสี่ยวโปเตือนนั้นถูกแล้ว ย่าวหัว ตอนนี้แกขึ้นไปก่อนเถอะ ! “


 


ลัวย่าวหัวเดินลงลิฟต์ไป จากนั้นก็มองไปรอบๆด้าน ” พ่อ พ่ออายุมากแล้ว เดินเหินก็ไม่สะดวก ให้ลูกไปเถอะ ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น ลูกยังพอวิ่งได้ ! “


” เหลวไหล พูดแบบนี้กับพ่อได้ที่ไหนกัน ! ” ลัวซือเต๋อตำหนิ


แต่สุดท้ายเขาก็เหยียบย้ำตามเข้าไปข้างใน โดยที่ไม่ได้ตั้งใจจะขึ้นไปเลยสักนิดเดียว


พ่อลูกทั้งสองคนจ้องตาซึ่งกันและกัน โดยต่างก็ไม่มีใครยอมใครเลย


ลัวซือเต๋อจึงส่งเสียงฟึดฟัดอย่างเย็นชาออกมา โดยที่ไม่พูดอะไรออกมาอีก


ลัวย่าวหัวเชิดหน้าด้วยความภาคภูมิใจ เพื่อแสดงท่าทางแห่งชัยชนะ หลังจากนั้นเขาก็มองไปทางหยางโปอีกครั้ง เพื่อตำหนิว่าหยางโปนั้นพูดมากเกินไป !


เมื่อหยางโปเห็นท่าทางนี้ ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก


 


ใต้ฝ่าเท้าที่เหยียบย้ำลงไปนั้นล้วนแล้วแต่เป็นหินภูเขา ภายในถ้ำนั้นแห้งขอดมาก หยางโปมองไปรอบ ๆ ด้วยจิตใจที่อดที่จะตึงเครียดขึ้นมาไม่ได้ ที่นี่มีวัตถุระเบิดถูกฝังเอาไว้อยู่เป็นจำนวนมาก หากเดินไม่ระวัง พวกเขาทั้งกลุ่มก็อาจจะถูกระเบิดจนแตกกระจายไปก็เป็นได้


ในขณะที่ทั้งสี่คนเดินเข้าไปภายใน เสียงฝีเท้าก็ได้ดังกังวานภายในถ้ำ หยางโปเดินตรงไปข้างหน้า เขามีเรื่องที่อยากรู้มากเรื่องหนึ่ง ที่นี่ตั้งอยู่ใจกลางของภูเขา ทำไมชาววะในสมัยนั้นถึงได้ฝังวัตถุระเบิดเอาไว้ที่นี่ละ ? หรือจะบอกว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ ?


 


หยางโปส่ายหน้าอีกครั้ง นี่ไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ เพราะคนรุ่นหลังของชาวญี่ปุ่นต้องกลับมาหาอีกครั้ง ในนี้ต้องมีของที่พวกเขาต้องการอย่างแน่นอน หรือพูดอีกอย่างว่าต้องมีทรัพย์สมบัติซ่อนอยู่อย่างแน่นอน ! หลุมศพโบราณ !


เมื่อเดินต่อไปข้างหน้า ไม่นานหยางโปก็เห็นกำแพงแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นมาตรงหน้า ซึ่งเป็นกำแพงที่ถูกทุบไปส่วนหนึ่งแล้ว ดูเหมือนว่าอาจเป็นเพราะรีบร้อนเข้าไป ค้อนที่ใช้ทุบกำแพงจึงยังถูกวางเอาไว้ที่นี่ ซึ่งบนตัวค้อนนั้นเต็มไปด้วยฝุ่นเขรอะ ดูราวกับของเก่าโบราณเช่นเดียวกัน !


หยางโปเดินเข้าไปตรวจสอบค้อนด้ามนั้น เมื่อเห็นว่าค้อนไม่ได้ชำรุดเสียหายอะไร เขาจึงมองไปทางกำแพงนั้นอีกครั้ง กำแพงแห่งนี้ใช้อิฐสีเงินก่อสร้างขึ้นมา อิฐสีเงินดูเหมือนว่าน่าจะอยู่ในช่วงสมัยปราบปราม เพราะมันหนาและหยาบกระด้างมากอย่างเห็นได้ชัด แต่มันกลับแข็งแรงมากทีเดียว


 


ลัวย่าวหัวเดินเข้ามา จากนั้นก็ใช้มือเคาะไปบนกำแพง เมื่อได้ยินเสียงก้องกังวานที่ดังขยายออกมาจากภายใน เขาจึงอดที่จะพูดขึ้นไม่ได้ว่า ” ในนี่ต้องมีทางออก ! “


ลัวซือเต๋อเดินเข้ามา ” งั้นก็ทุบมันซะสิ ! “


เมื่อพูดจบ ลัวซือเต๋อก็ยื่นมือออกไป เตรียมจะหยิบค้อนมาจากในมือของหยางโป แต่หยางโปหลบหลีก โดยไม่ได้ยื่นค้อนให้อีกฝ่าย แล้วเอ่ยปากพูดขึ้นว่า ” อาลัว ก่อนหน้านั้นพวกคุณไม่เคยเข้ามาถึงที่นี่ใช่ไหมครับ ? “


” มาทันที่ไหนละ พอเห็นระเบิดมากมายขนาดนี้ ทุกคนก็ต่างแต่นิ่งงันไป พวกเรากำลังรอการมาของกองกำลังทหารตรวจระเบิด ที่ตามติดพวกนายมา ” ลัวซือเต๋อพูด


 


หยางโปพยักหน้า จากนั้นก็กวัดแกว่งค้อนขึ้นมา แล้วออกแรงทุบลงไป


” ปึง ! ปึง ! ปึง ! “


กำลังกายของหยางโปนั้นไม่ถือว่ามากมายเท่าไหร่นัก แต่ทุกครั้งที่เขาทุบลงไปก็ทำให้กำแพงอิฐสั่นไหว เมื่อใช้ค้อนทุบลงไป 3 ครั้งในตำแหน่งเดิมซ้ำๆ ไม่นาน กำแพงอิฐก็แตกออกเป็นช่องขนาดใหญ่ !


หลังจากที่ใช้ค้อนทุบไปอีกหลายต่อหลายครั้ง รอยแตกร้าวบนกำแพงอิฐก็ยิ่งใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ ” บึ้ม ” เสียงหนึ่งดังขึ้น สุดท้ายกำแพงนั้นก็ถล่มลงมาในที่สุด


หยางโปรีบถอยออกไปด้านหลังหลายก้าว ฝุ่นตลบอบอวนไปทั่วทั้งถ้ำ ก่อนที่ถ้ำหนึ่งจะปรากฏขึ้นมา


ทั้งสี่คนมองหน้ากัน พร้อมกับแสดงอาการตื่นตกใจ


 


” หรือว่าคนเหล่านั้นกำลังหาถ้ำนี้อยู่ ? ” ลัวย่าวหัวเอ๋ยปาก


หยางโปพยักหน้า ” น่าจะใช่ “


ตาอ้วนหลิวเดินเข้ามา จากนั้นก็มองไปยังถ้ำเล็กน้อย พร้อมกับใช้ไฟฉายส่องออกไปอีกครั้ง ซึ่งถ้ำนั้นลึกจนหาจุดปลายสิ้นสุดไม่เจอ ไม่เห็นแม้แต่สิ่งของ เขาส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นว่า ” ไม่เหมือนกับทางนำไปสุสานเลยแฮะ “


” งั้นมันคืออะไรละ ? ” ลัวซือเต๋อเดินเข้ามา จากนั้นก็พูดกับทุกคน


หยางโปส่ายหน้า ลัวซือเต๋อกลับไม่ได้สนใจมากนัก เขาหยิบเครื่องวิทยุสื่อสารขึ้นมา ก่อนจะตะโกนออกไปว่า


” แจ้งผู้อำนวยการเฉาหยวนเต๋อให้ลงมา ที่นี่มีการค้นพบใหม่ ! “


 


ทั้งสี่คนไม่ได้เข้าไปในทันที ทำได้เพียงแค่ยืนมองจากที่ไกลอยู่ด้านข้าง เมื่อรอไปสักพัก ในที่สุด เฉาหยวนเต๋อก็ลงมา เมื่อเขามาถึง ก็อดที่จะถามขึ้นไม่ได้ว่า ” มีการค้นพบอะไรใหม่เหรอ ? “


ในระหว่างที่พูด เขาก็เห็นถ้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลนัก ถ้ำที่มีความสูงราว 200 เมตร มากพอที่จะให้คนสามารถเข้าไปข้างในได้พอดี


” นี่มันอะไร ? ” เฉาหยวนเต๋อมองไปทางถ้ำนั้น ซึ่งเป็นถ้ำที่มืดมิด ถึงจะส่องไฟฉายเข้าไป ก็มองไม่เห็นแม้แต่ทางสิ้นสุด ทำให้เขารู้สึกชาไปทั่วหัวขึ้นมา


เฉาหยวนเต๋อเป็นผู้ชำนาญการด้านนี้มาหลายปี เห็นหลุมฝังศพโบราณมานับไม่ถ้วน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พบเจอเหตุการณ์แบบนี้ วัตถุระเบิดที่ชาววะสะสมเอาไว้ที่นี่ เป็นแผนการอย่างนั้นเหรอ ?


 


” คงไม่ใช่เขาวงกตหรอกใช่ไหม ? “หยางโปเอ่ยปากพูดออกมาอย่างฉับพลัน


” เขาวงกตใต้ดินเหรอ ? ” เฉาหยวนเต๋อมองกลับมา ” พวกนายเจอมันได้ยังไง ? “


” ฉันเองก็ไม่แน่ใจ เพียงแค่รู้สึกว่าเหมือนกับเขาวงกตเท่านั้น พวกเรารอมากว่า 30 นาที มลพิษในนี้ก็น่าจะออกไปแล้วไม่น้อย รออีกหน่อย แล้วค่อยเข้าไป ” หยางโปพูด


ไม่นาน เมื่อรอไปอีกไม่นาน ทั้งสี่คนก็สวมไฟส่องสำรวจบนหัว จากนั้นก็พาอุปกรณ์เดินเข้าไปภายในถ้ำ ในเวลานี้ ก็มีตำรวจติดอาวุธ 4 นาย เดินตามหลังของทุกคนเข้าไปด้วย นี่เป็นตำรวจที่ลัวซือเต๋อจัดหามาให้


ภายในถ้ำนั้นมืดสนิท ทุกคนใช้ไฟส่องสำรวจสาดส่องไปบนทางเดินด้วยความระมัดระวัง เพราะประสบการณ์ก่อนหน้านั้นของหยางโป จึงค่อนข้างระมัดระวังเป็นพิเศษ


 


ไม่นานทั้งหมดก็พบกับทางแยก 2 ทางเบื้องหน้า ทุกคนหยุดก้าวเดิน ก่อนจะทยอยกันมองไปทางหยางโป


หยางโปอึ้งงันไป ” มองฉันทำไม ? “


” ตานายเจ้าคนปากเสีย ” ลัวย่าวหัวหัวเราะออกมา ” นายก็เห็นว่าตอนนี้มีทางแยก 2 ทาง นี่เป็นเครื่องพิสูจน์คำพูดนายแล้ว “


หยางโปตื่นตกใจทันที เพียงแต่ว่าเขาไม่เคยสัมผัสประสบการณ์แบบนี้มาก่อน จึงอดที่จะขมวดคิ้วออกมาไม่ได้


ตอนที่ 302 ไม่รู้ก็ถอย


” อาจจะเป็นประตูเกิดประตูตายก็ได้ ? ” ตาอ้วนหลิวพูดขึ้น


ที่นี่ไม่มีนักฮวงจุ้ย และก็ไม่มีนักขุดสุสานด้วย เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์นี้ หยางโปถึงกับตะลึงงันไปในทันที เพราะเมื่อเขามองออกไปยังทางแยก เบื้องหน้าที่ไม่เห็นแม้แต่จุดเริ่มต้น อีกทั้งยังคดเคี้ยวไปมา ถ้าดันตกหลุมพลางเข้าไป ไม่รู้เลยว่าจะมีอันตรายอะไรรออยู่ข้างหน้า ถ้าเจอกับเรื่องไม่คาดฝันจริงๆ คงจะเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ !


” เดินมาทางนี้ ” เฉาหยวนเต๋อเอ๋ยปากขึ้น


หยางโปมองไปตามทางปากถ้ำที่เฉาหยวนเต๋อชี้ไป แต่ก็ไม่เห็นอะไรที่มันพิเศษเลย ” ทำไมเหรอครับ ? “


” เพราะตรงนั้นมีตัวอักษร ! ” เฉาหยวนเต๋อชี้ไปทางกำแพงอิฐ


 


หยางโปเพิ่งจะสังเกตเห็นสิ่งนี้ บนกำแพงด้านข้างมีตัวอักษร 4 ตัวอยู่ตรงนั้นจริงๆ เป็นตัวอักษรฮั่นเขียนเอาไว้ว่า ” โจรหลุมฝังศพ ! “


หยางโปตื่นตกใจขึ้นมาทันที เขาหันไปมองทางเฉาหยวนเต๋อ แล้วพูดขึ้นว่า ” นี่น่าจะเป็นศิลาจารึกที่พบเห็นบ่อยๆในหลุมฝังศพนะครับ ! ” เฉาหยวนเต๋อพยักหน้าแล้วพูดว่า ” ใช่ มันถูกพบเห็นบ่อยในหลุมฝังศพ การเจอตัวอักษรจีนแบบนี้ที่นี่ นั่นหมายความว่าที่นี่ก็เป็นหลุมฝังศพ ถ้าเราเดินจากตรงนี้ต่อไป ต้องหาเจออย่างแน่นอน “


เมื่อพูดจบ เฉาหยวนเต๋อจึงเดินเข้าไปข้างในเป็นคนแรกทันที


หยางโปรั้งเขาเอาไว้ไม่ทัน ทำได้เพียงเดินตามไปเท่านั้น !


 


เฉาหยวนเต๋อเดินไปสองสามก้าวได้ไม่นาน หยางโปก็รีบมารั้งเขาเอาไว้ทันที ” ช้าหน่อยครับ ระวังด้วยนะครับ ในนี้อาจจะมีกับดักอยู่ก็ได้นะครับ “


” ไม่เป็นไร นายวางใจเถอะน่า สุสานแห่งนี้เป็นของแมนจูเรียอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็น่าจะมีอายุหลายร้อยปีมาแล้ว ถึงจะมีดาบธนู ขวาน ก็น่าจะเสื่อมสภาพไปหมดแล้วละ ” เฉาหยวนเต๋อพูดขึ้นโดยไม่สนใจอะไร


หยางโปและลัวย่าวหัวมองตากัน ทั้งสองคนก็เคยคิดแบบนี้มาก่อน แค่ในความเป็นจริงแล้ว กลับไม่เป็นแบบนี้ ดาบเหล่านี้ยังคงมีความคม ถึงจะมีบางตัวที่คมไม่มากพอ แต่ก็เพียงพอที่จะฆ่าคนให้ตายคาที่ได้


หยางโปรั้งเฉาหยวนเต๋อเอาไว้ เพื่อให้เดินอย่างระมัดระวังไปข้างหน้า เฉาหยวนเต๋อก็ไม่ได้พูดมากความอะไร


 


หยางโปใช้ความสามารถพิเศษของดวงตา มองตรวจสอบสิ่งแวดล้อมทั้งสี่ด้าน พื้นดินที่พวกเขาเดินผ่านได้ถูกซ่อมแซม ราบเรียบมากอย่างเห็นได้ชัด เฉาหยวนเต๋อจึงไม่ได้ตระหนักถึงอันตรายเลยสักนิดเดียว หากหยางโปไม่สังเกตเห็น เขาก็คงจะเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วแล้ว


หยางโปสังเกตเห็นเชิงเทียนโลหะสัมฤทธิ์ด้านข้างคู่หนึ่ง ในระหว่างที่จะมองดูอย่างละเอียดนั้น เขาก็ได้หมุนตัวไป แต่กลับเห็นว่า เฉาหยวนเต๋อนั้นได้เดินห่างออกไป 2 เมตรแล้ว เมื่อเขามองออกไปแวบหนึ่ง ก็เห็นกับดักที่วางอยู่ข้างหน้า จึงได้รีบร้องห้ามปรามในทันที ” หยุดนะ ! “


เฉาหยวนเต๋อหันกลับมามอง โดยที่เท้ากลับไม่ได้หยุดก้าว เมื่อเขาเหยียบไปบนกับดักนั้น ด้วยความไม่ทันตั้งตัว ร่างทั้งร่างจึงได้โอนเอนร่วงหล่นลงไปในทันที หยางโปสาวเท้าพรวดพราดไปข้างหน้าทันที จากนั้นก็คว้าเอาขาที่ยื่นออกมาข้างนอกของเฉาหยวนเต๋อเอาไว้อย่างทันท่วงที ร่างครึ่งหนึ่งของเฉาหยวนเต๋อได้ตกลงไปในหลุมนั้น ส่วนขาทั้งสองข้างแยกออก พร้อมกับส่งเสียงร้องออกมาอย่างต่อเนื่อง


 


ทุกคนที่อยู่ด้านหลังต่างพากันตื่นตกใจ ลัวย่าวหัวและตำรวจติดอาวุธวิ่งตามมาด้านหลัง จากนั้นก็ดึงเฉาหยวนเต๋อเอาไว้ ก่อนจะดึงเขาขึ้นมาจากกับดักนั้น


ใบหน้าของเฉาหยวนเต๋อซีดเผือด เขาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อจำนวนมาก เขากอดขาที่บาดเจ็บพร้อมกัดฟันกรอด แล้วใช้มือทุบไปบนต้นขา เมื่อผ่านไปสักพักเขาถึงค่อยๆใจเย็นลง


เฉาหยวนเต๋อเงยหน้าขึ้นไปมองหยางโป ” ขอบใจมาก “


หยางโปส่ายหน้า ” ไม่เป็นไรครับ “


 


ลัวย่าวหัวและคนอื่นๆที่กำลังยืนอยู่ด้านหน้าในตอนนี้ ต่างก็ใช้อุปกรณ์ที่อยู่ในมือช่วยกันเปิดตำแหน่งของกับดักที่อยู่ออก ไม่นานก็เห็นกับดักขนาดกลางที่อยู่ตรงหน้าเชื่อมต่อกันอยู่ตรงกลาง นี่เป็นกับดักหลุมที่เชื่อมต่อกันด้วยไม้กระดาน ! เมื่อใช้ไฟส่องสำรวจส่องลงไป ก็เห็นแสงสีเงินแวววาวสะท้อนกลับมา นั้นก็คือเศษกระจก นอกจากนี้ก็ยังมีดาบอีกด้วย ! เฉาหยวนเต๋อถึงกับสูดอากาศเย็นเข้าไปเฮือกหนึ่ง ” นี่มัน……. “


คนที่ไม่เคยเห็นสิ่งเหล่านี้มาก่อนย่อมตื่นตกใจไม่น้อย เมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง ทุกคนก็ได้สติกลับมา


ตาอ้วนหลิวที่ยืนอยู่ด้านข้าง ก็มองไปยังเชิงเทียนที่ติดตั้งอยู่ด้านข้าง ” ในนี่มีทั้งเชิงเทียน แล้วก็เทียนไข น่าจะไม่เคยจุดไฟมานานแล้ว ! “


ในขณะที่พูด เขาก็ได้หยิบเอาไฟเช็คออกมา จากนั้นก็จุดลงไปบนเทียนไขเหล่านั้น


 


เทียนไขที่ไม่ได้จุดไฟมากว่าร้อยปี ดังนั้นพื้นที่ด้านนอกของไส้เทียนจึงเต็มไปด้วยชั้นของฝุ่นหนาเตอะ เฉาหยวนเต๋อต้องใช้เวลาจุดไปสักครู่หนึ่ง ถึงจะจุดไฟเทียนไขเหล่านี้ได้


เมื่อเทียนไขถูกขุดไฟขึ้น ควันสีเงินก็ค่อยๆลอยวนเป็นเกลียวขึ้น กลิ่นหอมจางๆก็กระจัดกระจายคละคลุ้งอยู่ในอากาศทันที เมื่อหยางโปได้กลิ่น ในใจก็พลันผ่อนคลายลง ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงอาการวิงเวียนเล็กน้อย หยางโปก็ตื่นตกใจขึ้นมาทันที จากนั้นก็รีบเดินไปข้างหน้า เป่าเทียนไขให้มอดไหม้ลงอย่างรวดเร็ว !


” ระวัง มันมีพิษ ! ” หยางโปพูดขึ้นด้วยความตื่นตกใจ


ในขณะที่พูด เขาก็ไม่ลืมที่จะดึงแขนเสื้อขึ้นมาปิดจมูก แต่มันกลับใช้ไม่ได้ผลอะไรมากนัก เขาสัมผัสได้ถึงอาการวิงเวียนที่ยิ่งอยู่ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เขารีบวิ่งไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว


 


ทุกคนเองก็วิ่งตามหลังเขาไปติดๆเช่นเดียวกัน มีเพียงแค่ตาอ้วนหลิวที่ยังคงอยู่ด้านหลัง เมื่อวิ่งไปได้แค่ 2-3 ก้าว ก็ล้มพลับลงไปบนพื้นทันที


โชคดีที่ตำรวจติดอาวุธที่อยู่ด้านหลังได้ลากเขาออกมาด้วย เมื่อวิ่งห่างออกไป 20-30 เมตรแล้ว หยางโปจึงหยุดวิ่งลง เขาหมุนตัวกลับไปอย่างไร้เรี่ยวแรง และด้วยอาการมึนงง เมื่อสติค่อยๆเลือนรางลง ! หยางโปก็รีบดึงสติกลับมา เขารู้ว่าตัวเองนั้นได้เป่าลมบนเทียนไขคู่สุดท้ายไป จึงได้ถูกพิษไปเป็นจำนวนมาก ในเวลานี้จึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองแบบนี้


เขาลูบไปบนกระจกแสงจันทร์ในอ้อมแขนของตัวเอง เขาไม่มั่นใจว่าเป็นเพราะกระจกแสงจันทร์ส่งแสงแวววาวอ่อนๆออกมาในอ้อมแขนนี้รึเปล่า เขาจึงสัมผัสได้ถึงอาการตื่นตัวที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ แต่เขาก็ยังคงมึนงงวิงเวียนอยู่เล็กน้อย จนอยากที่จะอาเจียนมันออกมา ” แหวะ ! “


 


ในขณะที่หยางโปกำลังคิด เมื่อหมุนตัวกลับไปกลับเป็นลัวย่าวหัวที่อยู่ตรงกำแพงอาเจียนออกมาแทน


ส่วนตาอ้วนหลิวถูกวางทิ้งเอาไว้ด้านข้าง ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท หยางโปตื่นตกใจขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็รีบคลานไปหาตาอ้วนหลิวทันที เมื่อสักครู่ตาอ้วนหลิวเป็นคนที่จุดไฟเทียนไขเหล่านั้น เขากลัวว่าจะได้รับพิษเข้าไปเป็นจำนวนมาก เขาจึงได้รีบนำกระจกแสงจันทร์ในอ้อมแขนออกมา แล้ววางลงไปในมือของตาอ้วนหลิวทันที


ผ่านไปสักพัก ตาอ้วนหลิวก็ค่อยๆสะลืมสะลือขึ้นมา ก่อนจะปลายตามองไปทางหยางโป ปฏิกิริยาแรกคือ


” แหวะ ! ” เสียงเอาเจียนเสียงหนึ่งดังออกมา


หยางโปถอยออกไปด้านหลัง 2 ก้าว ขยี้จมูกเล็กน้อย จากนั้นก็แสดงความแปลกใจออกมา


 


ผ่านไปสักครู่ เมื่อทุกคนได้พักผ่อนแล้ว ทุกคนก็ล้วนแล้วแต่มองหน้ากันและกัน ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไปดี


ตาอ้วนหลิวเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า ” เรากลับขึ้นไปกันเถอะ ! “


ตาอ้วนหลิวมีใบหน้าซีดเซียว กลิ่นเหม็นเปรี้ยวของการอาเจียนลอยคละคลุ้งไปทั่วทั้งอากาศ เขาถูกตำรวจติดอาวุธลากออกมา ดูเหมือนจะอ่อนแอลงมากทีเดียว


ลัวซือเต๋อเองก็พยักหน้า ” เราขึ้นไปข้างบนกันเถอะ ถ้าขืนยังอยู่ที่นี่ มันได้ไม่คุ้มเสีย สถานที่แห่งนี้ ให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางมาทำเถอะ ! “


” ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ? ” หยางโปมองกลับไปด้วยความอยากรู้


 


” ถึงแม้จะพูดว่างานของพวกเราจะมีไว้เพื่อจับหัวขโมยก็ตาม แต่ในความเป็นจริงแล้วก็ไม่มีใครที่จะสามารถคบค้าสมาคมกับหัวขโมยได้มากกว่าพวกเรา ดังนั้นพวกเราจึงรู้จักกับคนมากหน้าหลายตา ” ลัวซือเต๋อพูดขึ้น ถึงเขาจะพูดคลุมเครือแต่ความหมายก็ชัดเจนมากทีเดียว


” ฉันรู้จักอวี่เหวิน เขาน่าจะทำได้ ! ” ตาอ้วนหลิวเอ่ยปากขึ้นมาอย่างฉับพลัน


” อวี่เหวิน ? ” ลัวซือเต๋อเอ่ยปากถามขึ้น


ลัวย่าวหัวอธิบายว่า ” เขาเป็นนักฮวงจุ้ย ได้ยินมาว่าเขาเก่งมากอีกด้วย “


” แกไม่ต้องพูด ! ” ลัวซือเต๋อพูดขึ้น เมื่อพูดจบ เขาก็มองไปทางหยางโป ” เขาเก่งมากไหม ? “


 


” ได้ยินมาว่าเขาเก่งมากทีเดียว จะเรียกมาลองดูก็ได้นะครับ อีกอย่าง พวกเราก็เพิ่งเจอกันเมื่อเช้าวันนี้ เขาน่าจะอยู่ห่างจากพวกเราไม่ไกลนัก ! ” หยางโปพูดขึ้น


ลัวซือเต๋อพยักหน้า ” งั้นก็ดี เราขึ้นไปข้างบนกันก่อนเถอะ ติดต่ออวี่เหมินให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที “


ทุกคนก็ต่างพากันขึ้นลิฟต์ไป เมื่อกลับไปบนพื้นดิน พวกเขาก็เฝ้ารอต่อไป


ตอนที่ 303 ทางซ้ายทางขวา


ตาอ้วนหลิวโทรศัพท์ไปหาอวี่เหวิน ไม่นานก็มีการตอบกลับมา ” เขาอยู่ในละแวกนี้ เขาบอกว่าจะรีบมาที่นี่ในไม่ช้านี้ ! “


ทุกคนที่นั่งด้วยกันที่นี่ต่างมองหน้ากัน ด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างลำบากใจ


หยางโปมองไปทางลัวซือเต๋อก่อนจะพูดขึ้นว่า ” อาลัวครับ คุณไม่ต้องไปกับพวกเราแล้วนะครับ “


” ไม่ได้ ฉันต้องไป ” ลัวซือเต๋อยืนหยัดต่อไป


” พ่อจะไปทำไมอีก ? พ่อคิดว่าทุกคนอยากพาพ่อลงไปงั้นเหรอ พ่อเองก็แก่มากแล้ว ยังไงก็ไม่มีทางปฏิเสธความแก่ชราได้ พ่อลงไปก็รั้งแต่จะสร้างความยุ่งยากให้กับทุกคน พ่ออย่าสร้างความวุ่นวายเลยจะดีกว่านะ ! ” ลัวย่าวหัวพูดด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูก


 


ลัวซือเต๋อสั่นด้วยความโกรธ ” ไอ้ลูกนอกคอกคนนี้ “


” ถ้าผมเป็นลูกนอกคอก แล้วพ่อเป็นอะไรละ ? ” ลัวย่าวหัวพูดโต้กลับไป


หยางโปก็หลุดขำออกมาทันที เมื่อเห็นแบบนั้นทุกคนต่างก็เบะปากจะหัวเราะออกมา หยางโปจึงทำได้เพียงแค่ข่มอาการนั้นเอาไว้


ลัวซือเต๋อชี้ไปทางลัวย่าวหัว ด้วยความโกรธเคือง สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา


เฉาหยวนเต๋อรีบลากเขาออกมาปลอบทันที ” ถึงยังไงพวกเขาก็มีเจตนารมณ์ที่ดี เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของนาย นายคอยสั่งการอยู่ข้างบนดีกว่า ไม่ต้องลงไปข้างล่างหรอก ” ลัวซือเต๋อครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะพูดว่า ” ฉันจะส่งคนลงไปเอง หยางโปบอกว่าข้างล่างนั้นอาจจะเป็นเขาวงกต ฉันเองก็รู้สึกว่ามันมีความเป็นไปได้สูงมากทีเดียว ดังนั้นอย่าหลงทางก็พอ “


 


เฉาหยวนเต๋อพยักหน้า ” ก็ได้ “


หลังจากเวลาผ่านร่วงเลยไปประมาณครึ่งชั่วโมง รถออฟโรดสีเขียวคันหนึ่งก็ได้แล่นเข้ามาจากประตูใหญ่ เมื่อมองออกไปไกลๆ หยางโปก็เห็นอวี้เหวินที่นั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับ เมื่อรถจอดลง อวี่เหวินก็กระโดดลงมาจากรถ


ลัวซือเต๋อมองไปทางอวี่เหวิน ก็เห็นผมที่สยายของเขา มองดูท่าทางเหมือนกับคนป่าเถื่อนไม่มีกาลเทศะยังไงอย่างนั้น เขาจึงเกิดความรู้สึกไม่ชอบขึ้นมาในใจ จากนั้นก็หันไปถามหยางโปด้วยน้ำเสียงต่ำๆว่า ” เขาจะทำได้จริงเหรอ ? “


หยางโปส่ายหน้า ” ผมเองก็ไม่รู้ “


 


ดูเหมือนอวี่เหวินจะได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน เขาจึงหันไปมองคนทั้งสองแวบหนึ่ง


” ตาอ้วน นายโดนพิษเข้าให้แล้ว ! ” อวี่เหวินมองไปทางตาอ้วนหลิวแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากขึ้น


ทุกคนต่างก็ตื่นตะลึงตกใจกันยกใหญ่ พวกเขาทุกคนออกมาจากข้างล่างนั้นมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงฟื้นคืนกลับมาสภาพเดิมเกือบจะทั้งหมดแล้วด้วย ถึงแม้ว่าใบหน้าของตาอ้วนหลิวจะยังซีดเผือดอยู่ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้เห็นชัดมากขนาดนั้น ใครจะไปนึกว่าอวี่เหวินจะมองออกตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น


ตาอ้วนหลิวรีบเดินขึ้นมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” อวี่เหวิน นายไม่ได้ล้อเล่นนะ ฉันจะโดนพิษได้ยังไง ? “


 


อวี่เหวินถอยออกไปด้านหลังก้าวหนึ่ง พร้อมกับสังเกตการณ์ด้วยตาทั้งสองข้าง ก่อนจะหัวเราะและพูดออกมาว่า ” ฉันเห็นใบหน้าของนายซีดเผือด ตาทั้งสองข้างแดงเล็กน้อย ขอบตาคล้ำอย่างเห็นได้ชัด ก็เห็นๆอยู่ว่านายต้องโดนพิษมาแน่ ! ถ้าฉันเดาไม่ผิด นายน่าจะเข้าไปในสุสาน แล้วไปดมกลิ่นหอมวิญญาณเข้าไปแน่ๆ ! “


” กลิ่นหอมวิญญาณ ! ” ตาอ้วนหลิวตื่นตกใจยกใหญ่ เขาถอยออกไปด้านหลังสองก้าวราวกับร่างที่ไร้วิญญาณ จนเกือบจะล้มลงไปกองกับพื้น


อวี่เหวินส่ายหน้า ” นายวางใจเถอะ ถึงแม้จะบอกว่ากลิ่นหอมวิญญาณสามารถคร่าชีวิตได้ก็ตาม แต่นายก็น่าจะดมในปริมาณไม่มากพอ อีกทั้งยังออกมาได้ทัน นั่นหมายความว่านายไม่ต้องกังวลอะไรมาก “


 


ตาอ้วนหลิวรู้สึกกระวนกระวายใจไม่น้อย ” จริงเหรอ ? “


” ฉันจะหลอกนายไปทำไม ? “อวี่เหวินพูด


หยางโปมองไปทางอวี่เหวิน ถึงได้เชื่อว่าอีกฝ่ายนั้นต้องมีฝีมือที่เก่งกาจมากแน่ๆ


” สถานการณ์ในนั้นเป็นยังไงบ้าง ? ” อวี่เหวินถามขึ้น


ตาอ้วนหลิวจึงได้เล่าเหตการณ์ที่พวกเขาเพิ่งจะพบเจอมาเมื่อสักครู่ให้กับเขาฟังรอบหนึ่ง


อวี่เหวินมองไปข้างในแวบหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” ฉันเข้าใจแล้ว ไปกันเถอะ เราเข้าไปข้างในกัน ! “


เมื่อพูดจบ อวี่เหวินก็เดินนำไป จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในลิฟต์ทันที


 


ทุกคนต่างมองหน้ากัน ก่อนจะเดินตามกันเข้าไป ครั้งนี้ลัวซือเต๋ออยู่ที่นี่ ส่วนเฉาหยวนเต๋อยังคงยืนหยัดที่จะตามไปด้วย


เมื่อพบเจอกับทางแยกอีกครั้ง ทุกคนต่างก็มองไปทางอวี่เหวิน


อวี่เหวินยกแขนขึ้นมา จากนั้นก็นำนาฬิกาข้อมือเล็งเป้าไปทางปากถ้ำที่ไม่เหมือนกัน หยางโปจึงได้เพ่งมองออกไป แล้วก็เห็นเข้ากับเข็มที่กำลังเคลื่อนไหวไปมาอย่างไม่หยุดหย่อน ส่วนบนนาฬิกาข้อมือนั้นมีราศีบนและราศีล่างแออัดกันอย่างหนาแน่น ดูคล้ายกับตัวอักษรขนาดเล็กมาก จำเป็นจะต้องใช้แว่นขยายเพื่อส่องดูถึงจะเห็นได้ชัดเจนขึ้น


 


หลังจากที่ทำการวัดทั้งซ้ายและขวาของทางแยกทั้ง 2 ทางแล้ว อวี่เหวินก็ได้พูดขึ้นว่า ” เจี่ย ซวี อี่ ฮ่าย ภูเขาไฟ ปิ่ง จื่อ ติง โฉ่ว ล่องน้ำ ไปทางซ้าย ! “


ทางซ้ายเป็นทางที่ทุกคนเพิ่งจะเลือกไปมาเมื่อสักครู่ เฉาหยวนเต๋อยังคงหวาดผวาอยู่ไม่น้อย ก่อนจะเอ่ยปากถามขึ้นว่า ” นายมั่นใจได้ยังไงว่าทางซ้ายนั้นปลอดภัย ? เมื่อกี้เราก็เพิ่งเดินไปทางซ้ายนั้นแหละ จนได้พบกับกับดัก ! “


อวี่เหวินมองไปทางเฉาหยวนเจ๋อแวบหนึ่ง ก่อนอธิบายขึ้นว่า ” ที่พวกนายเดินไปทางซ้ายแล้วพบเจอกับอันตรายนั้นเป็นเพราะว่าพวกนายระวังไม่มากพอ เพียงแค่ต้องระมัดระวังให้มากพอ ทางซ้ายจึงเป็นทางที่ปลอดภัยมากกว่าทางขวาอย่างแน่นอน !


 


เมื่อพูดจบ อวี่เหวินก็ไม่พูดอะไรอีก นอกจากเดินตรงเข้าไปทางซ้ายนั้นทันที


เฉาหยวนเต๋ออดที่จะขมวดคิ้วออกมาไม่ได้ หยางโปเองก็รีบเดินตามเข้าไป พร้อมกับส่ายหน้าไปทางเขา


เฉาหยวนเต๋อเห็นแบบนั้นจึงทำได้เพียงแค่เดินตามไป


ไม่นาน ก็มาถึงตำแหน่งของเชิงเทียนอีกครั้ง ทุกคนต่างหยุดก้าวเท้าลง ดูเหมือนว่าอวี่เหวินนั้นจะไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย เขานำนาฬิกาข้อมือชูขึ้นมาตรงหน้า เมื่อเห็นว่าเข็มสั่นไหวอย่างรุนแรง เขาก็หยุดก้าวเท้าลง


เมื่ออวี่เหวินค่อยๆเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เข็มก็ดีดเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายมันก็หมุนกลับมาอย่างรุนแรง เขาถึงหยุดก้าวเท้าลงจากนั้นก็มองลงไปบนพื้นดิน แล้วก็เดินอ้อมกับดักนั้นไป


 


ทุกคนต่างพากันตื่นตกใจ แต่นี่ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้อีกเรื่องหนึ่งว่าอีกฝ่ายนั้นมีความสามารถมากจริงๆ


เมื่อเดินต่อไปข้างหน้า ไม่นาน ก็เจอเข้ากับทางแยกอีกครั้ง อวี่เหวินเกิดความลังเลอยู่ด้านหน้าทางเข้าเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้งว่า ” เจี่ย ซวี อี่ ฮ่าย ภูเขาไฟ ปิ่ง จื่อ ติง โฉ่ว ล่องน้ำ ไปทางซ้าย ! “


เมื่อพูดจบ เขาก็เลือกเดินไปทางซ้ายทันที


แล้วก็พบกับเชิงเทียนอีกครั้ง อวี่เหวินหยุดลง ” มีคนเคยมาถึงที่นี่ก่อนหน้าเราก้าวนึง ! “


หยางโปมองไปทางเชิงเทียนนั้น ก็เห็นได้ชัดว่าเชิงเทียนนั้นถูกจุดไปแล้วกว่าครึ่ง ซึ่งมากกว่าที่พวกเขาจุดไปเมื่อสักครู่ เมื่อมองไปยังข้างหน้า หยางโปก็พูดเตือนว่า ” ข้างหน้าจะต้องระวังกันมากขึ้นนะครับ ! “


 


เมื่อเดินไปแล้วกว่า 10 เมตร หยางโปก็เห็นซากศพ 2 ศพ ทั้งสองคนยืนพิงกำแพงอยู่ทั้งสองด้าน ดูเหมือนกับว่าตำแหน่งของมันจะถูกย้ายยังไงอย่างนั้น หยางโปมองไปแวบหนึ่ง ด้วยความรู้สึกที่เย็นวาบขึ้นมาในจิตใจ คนของประเทศญี่ปุ่นตรงหน้าเหล่านี้ต้องมีเจตนาไม่ดีอย่างแน่นอน !


ดูเหมือนว่าอวี่เหวินจะไม่ทันสังเกตเห็นภัยอันตราย เขามองไปทางซากศพทั้งสองคนแวบหนึ่ง จากนั้นก็เดินก้าวออกไป และกำลังจะก้าวต่อไปข้างหน้า


หยางโปได้ดึงอีกฝ่ายเอาไว้ ” ช้าหน่อย ! “


อวี่เหวินมองกลับมา เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย


 


” ด้านล่างเป็นกับดัก ! ” หยางโปพูด


อวี้เหวินมองไปทางหยางโป จากนั้นก็มองไปทางพื้นดินข้างหน้า ในตอนนั้นเองเขาก็เห็นเข็มทิศที่สั่นไหวไม่หยุด เขาจึงได้มองไปทางหยางโปด้วยความตื่นตกใจ


ลัวย่าวหัวได้หยิบจอบเหล็กขึ้นมาด้ามหนึ่ง จากนั้นก็ออกแรงขุดลงไปบนพื้น และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ด้านหน้าปรากฏกับดักขึ้นมาหลุมนึง !


ลัวย่าวหัวอดที่จะพูดขึ้นมาด้วยความตกใจไม่ได้ ” นายเห็นได้ยังไง ? “


 


ทุกคนต่างมองกลับมาด้วยความอยากรู้ หยางโปจึงชี้ไปยังใต้เท้า ” เพราะตรงหน้าของพวกเราเป็นชาวญี่ปุ่น !มิน่าละถึงหาพวกเขาไม่เจอ ที่แท้พวกเขาก็เข้ามาที่นี่นี่เอง ! ไม่รู้ว่าพวกนายจะสังเกตเห็นรึเปล่าว่าทั้งสองคนนี้ถูกเคลื่อนย้าย แต่ทำไมต้องเคลื่อนย้ายด้วย ? “


ถึงหยางโปจะไม่พูดไปมากกว่านี้ก็ตาม แต่ทุกคนต่างก็เข้าใจ ชาวญี่ปุ่นเป็นคนวางกับดักอยู่เบื้องหลัง !


เมื่อเสียงของหยางโปสิ้นสุดลงได้ไม่นาน ลัวย่าวหัวก็เปิดไม้กระดานขึ้น แล้วก็พบว่ามีอีกคนที่นอนอยู่ในนั้น บนตัวของคนๆนั้นมีดาบจำนวนมากเสียบอยู่ จนทำให้เขาขาดอากาศเป็นเวลานาน


” น่ากลัวจริงๆ ! ” ลัวย่าวหัวอดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้


ตอนที่ 304 ซ้ายหรือขวา


หลังจากที่เดินอ้อมซากศพมาด้านข้างแล้ว ทุกคนก็เดินกันต่อไปข้างหน้า


เมื่อเดินไปได้สักพัก อี้เหวินก็หยุดลงอย่างฉับพลัน เขาใช้ไฟส่องสำรวจสาดส่องไปบนพื้น เพื่อบอกให้ทุกคนรับรู้


หยางโปก้มหน้าลง แล้วก็เห็นร่องรอยขนาดใหญ่จริงๆ ร่องรอยเหล่านั้นเหมือนกับมีคนมาพิงกำแพงเพื่อต้องการพักผ่อน ดังนั้นตรงมุมของกำแพงจึงได้มีเศษฝุ่นร่วงหล่นลงมาเล็กน้อย


พวกเขาโดนพิษ หยางโปกล่าว เมื่อพูดจบ เขาก็มองไปทางอวี่เหวิน เทียนหอมวิญญาณมีพิษร้ายแรงมากแค่ไหน ?


 


มากกว่าที่นายจะสามารถจินตนาการได้ หากว่ากันตามปกติ เพียงแค่สูดดมเข้าไปเกิน 1 นาที ก็สามารถทำให้ตายได้แล้ว แต่ถ้ารีบสลัดออกไปโดยเร็วละก็ พิษก็จะหายไปอย่างช้าๆ แต่ถ้าปล่อยเอาไว้นานเกินไป มันจะทำลายอวัยวะภายในจนเสียหายยับเหยินจนหมดสิ้น ! อวี่เหวินอธิบาย


ทุกคนไม่ได้พูดอะไรอีก นอกจากจะเดินต่อไปข้างหน้า และแล้วพวกเขาก็ต้องเจอกับทางแยกอีกครั้ง อวี่เหวินใช้เข็มทิศคาดเดาทิศทางอีกครั้ง เจี่ย ซวี อี่ ฮ่าย ภูเขาไฟ ปิ่ง จื่อ ติง โฉ่ว ล่องน้ำ ไปทางซ้าย !


เมื่อพูดจบ เขาก็เดินนำไปในทิศทางซ้ายทันที


 


ทุกคนเดินตามเขาไป บวกกับการคำเตือนของหยางโป สุดท้ายก็พบกับทางแยกติดต่อกันถึง 3 ครั้ง พวกเขาทำการพลิกเปิดไม้กระดานที่เป็นกับดักไปตลอดทาง เมื่อทุกคนเห็นคราบเลือดจำนวนมาก ก็ได้ทำการเปิดไม้กระดานเหล่านั้น และก็พบกับซากศพคนหนึ่งในนั้น ทุกคนต่างมองตากัน แล้วเดินไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกเคร่งขรึม


ตอนนี้ทุกคนกำลังยืนอยู่ตรงหน้าปากทางแยกทางที่ 6 หยางโปได้ยื่นมือออกไปขัดขวางทุกคนเอาไว้


เดี๋ยวก่อนครับ !


อวี่เหวินมองกลับมาด้วยใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก นายมีอะไรเหรอ ?


หยางโปชี้ไปข้างหน้า เราเคยเดินมาที่นี่แล้ว !


 


อวี่เหวินมองไปรอบทิศทางด้วยความสงสัย แต่เขาจะไปซักถามใครได้ยังไง ก่อนจะรีบเอ๋ยปากพูดขึ้นว่า


เป็นไปได้ยังไง ? สภาพแวดล้อมที่นี่ก็ไม่ต่างกัน นายดูผิดแล้ว ! เอาละ นายอย่ามารบกวนฉันอีกนะ !


เมื่อพูดจบ อวี่เหวินก็ถือเข็มทิศเดินไปข้างหน้าต่อ


ตาอ้วนหลิวเดินเข้ามา มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย ?ภูเขาด้านทิศตะวันออกมันไม่ใหญ่ขนาดนี้นะ เราเดินกันต่อโดยที่ไม่แวะพักแต่แบบนี้ ซึ่งเราก็เดินกันมาไกลมากแล้วนะ หรือว่าที่นี่เป็นเขาวงกตจริงๆ


หยางโปพยักหน้า เรากำลังหลงทางเข้าให้แล้ว โดยที่ไม่รู้ด้วยว่าคนที่นายหามาจะสามารถพาพวกเราออกไปจากที่นี่ได้รึเปล่า !


 


ตาอ้วนหลิวส่ายหน้า ชื่่อเสียงของเขาดังกระฉ่อนในเจียงหูมาก เมื่อก่อนฉันเองก็ไม่เคยร่วมมือกับเขามาก่อน ไม่รู้ว่าระดับที่แท้จริงของเขาอยู่ในระดับไหน ?


ฉิบหายแล้ว !


ในขณะที่หยางโปกำลังจะอ้าปากพูดนั้น ก็ได้ยินเสียงด่าทอของลัวย่าวหัวดังขยายออกมาจากทิศทางข้างหน้าอย่างฉับพลัน ทั้งสองคนจึงได้รีบวิ่งเข้าไปดู และแล้วก็เดินมาถึงกลุ่มคนด้านหน้า ที่กำลังจ้องมองไปทางซากศพสองศพตรงหน้า


หยางโปมองออกไป และก็เห็นว่าเป็นซากศพที่พวกเขาเพิ่งเห็นไปก่อนหน้านั้น นี่ก็พิสูจน์คำพูดของหยางโปได้ว่าพวกเขาหลงทางซะแล้ว !


 


เมื่อเวียนมาอีกรอบหนึ่ง สุดท้ายก็กลับมายังที่เดิม ! ลัวย่าวหัวมองไปบนพื้นเล็กน้อย จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น


มองอวี่เหวินอีกครั้ง ด้วยความสงสัยเล็กน้อย แต่ก็อดที่จะถามขึ้นไม่ได้ว่า ที่นี่น่าจะเป็นเขาวงกต เมื่อสักครู่นายก็เอาแต่เลือกเดินทางซ้ายมาโดยตลอด สุดท้ายก็วนเป็นวงกลม นายใช้คาถาเหล่านั้นมากเกินไป


ใบหน้าของอวี่เหวินแข็งทื่อไป จากนั้นก็ก้มหน้าลงมองเข็มทิศ อีกครั้ง นี้ไม่ใช่ปัญหาจากฉัน ต้องเกิดปัญหาที่ไหนสักทีอย่างแน่นอน !


ตาอ้วนหลิวที่ยืนอยู่ด้านหลัง ก็มองไปรอบๆทิศทาง ฉันมักรู้สึกว่าที่นี่นั้นแปลกประหลาดมาโดยตลอด


ลัวย่าวหัวก็มองออกไปรอบทิศทางเช่นเดียวกัน เดี๋ยวเราต้องไปทางขวาบ้างแล้วละ !


 


หยางโปมองออกไปรอบทิศทาง เขาใช้มือกดทุกคนเอาไว้ พร้อมกับใช้หูอิงแอบฟังเสียงกำแพง เสียงที่ดังเข้ามาในหูนั้นเป็นเสียงของฝีเท้าปะปนกับเสียงของการพูดคุยกัน !


ชาวญี่ปุ่นอยู่แถวนี้ เราต้องเดินต่อไปข้างหน้าแล้ว ! หยางโปพูด


ทุกคนต่างก็เดินไปข้างหน้า ไม่นาน ก็พบกับทางแยกอีกครั้ง ลัวย่าวหัวยืนยันที่จะเลี้ยวไปทางขวา อวี่เหวินจึงพูดขึ้นว่า ปิ่ง จื่อ ติง โฉ่ว ล่องน้ำ เมื่อเปลวไฟที่โหมกระหน่ำ พบเจอน้ำย่อมตายสถานเดียวไร้ทางรอด !


ในตอนนี้ทุกคนไม่ยอมเชื่อในคำพูดของเขาอีกแล้ว หยางโปฟังหูไว้หู เมื่อเห็นว่าลัวย่าวหัวได้เดินเข้าไปแล้วเขาจึงเดินตามเข้าไปโดยไม่ลังเลอีก


 


อวี่เหวินต้องจำยอม ทำได้เพียงเดินตามเข้าไปเท่านั้น


เมื่อเข้าไปแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่แตกต่างไปจากเดิม ในระหว่างที่ค่อยๆ เดินนั้น หยางโป ก็สัมผัสได้ถึงความเปียกชื่นที่ลอยปะปนอยู่ในอากาศ กำแพงทั้งสองข้างสีดำทมิฬ ดูเหมือนว่าไอน้ำกำลังก่อตัวขึ้นมา


หยางโปไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก และสุดท้ายเขาก็เจอกับเชิงเทียนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่มีใครกล้าจุดไฟแม้แต่คนเดียว กระดานไม้ผุผังก็ไม่มีให้เห็นด้วย ราวกับว่าทั้งหมดนี้ปลอดภัย มีเพียงหยางโปเท่านั้นที่สัมผัสได้ว่าภายในถ้ำนี้อึมครึมและเย็นชื้นขึ้นมา


หยางโปไม่ได้สนใจกำแพงทั้งสองด้านที่เขาเจอ มือของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยร่องรอยสีดำ จนต้องหยิบกระดาษขึ้นมาเช็ด จากนั้นก็ยกขึ้นมาดม และแล้วเขาก็ต้องอึ้งงั้นไป !


 


ดูเหมือนด้านหน้าจะมีเสียงฝีเท้า ! ตำรวจติดอาวุธนายหนึ่งพูดขึ้น


ถอย เราต้องถอยให้เร็วที่สุด ! หยางโปตะโกนออกไปอย่างรวดเร็ว


ทุกคนมองไปทางหยางโปด้วยความตกใจ แต่กลับเห็นเขาวิ่งถอยออกไปด้านหลังแล้ว ทุกคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงทำได้เพียงวิ่งตามเขาไปเท่านั้น


ไม่นานก็มาถึงปากทาง หยางโปจึงได้ใช้มือทั้งสองกดขาเอาไว้ ก่อนจะหายใจหอบหืดยกใหญ่


ทำไม ? ทำไมนายต้องวิ่งด้วย ? ลัวย่าวหัวพูดขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ


หยางโปปัดมือเล็กน้อย นายไม่รู้จริงๆเหรอว่าในนั้นมันมีอะไร ?


 


ลัวย่าวหัวมองไปทางหยางโป ด้วยความไม่เข้าใจเอามาก ๆ อวี่เหวินจ้องเขม็งไปทางมือของหยางโป


นั้นมันน้ำมันปิโตรเลียมนิ !


บนกำแพงถูกทาด้วยน้ำมันปิโตรเลียมเหรอ ? ลัวย่าวหัวตื่นตกใจยกใหญ่ เขาเดินกลับไป จากนั้นก็ยื่นมือออกไปแตะเล็กน้อย ก่อนจะยกขึ้นมาดม จึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมาทันที


และในนี้ยังมีเสียงฝีเท้าอีกไหม ? หยางโปชี้ไปข้างในแล้วถามขึ้น


มี ! ตำรวจติดอาวุธได้นอนคว่ำลงไปเพื่อฟังเสียงนายหนึ่ง ก็หันมาพูดกับหยางโป


หยางโปครุ่นคิดเล็กน้อย ชาวญี่ปุ่นอยู่ในนี้ ตอนนี้เราไม่รู้แน่ชัดว่าพวกเขาจะมีหรือไม่มีอาวุธอยู่ในมือ และมีหรือไม่มีกลอุบายอื่นๆ ดังนั้น ฉันจึงแนะนำให้วางมือลงก่อน !


 


ลัวย่าวหัวพยักหน้า ได้ ที่นี่เรายังมีปืน ถ้าดักซุ่มอยู่ที่นี่ น่าจะสามารถทำลายศัตรูได้ง่าย !


หยางโปส่ายหน้า ไม่ ความหมายของฉันก็คือวางเพลิง !


วางเพลิง !


ทุกคนต่างพากันตื่นตกใจ ในความเป็นจริงแล้วการระมัดระวังของหยางโปนั้นเด็ดขาดมาก แต่นี่คือเรื่องสำคัญ ! ตาอ้วนหลิวเกิดความสงสัยขึ้นมา วางเพลิงมันทำให้ของมีค่าที่อยู่ในนี้พังทลายมอดไหม้หมดไม่ใช่เหรอ ?


หยางโปเองก็อึ้งงันไป ตาอ้วนหลิวพูดก็มีเหตุผล ตอนนี้เขากล้ามั่นใจ ว่าในนั้นมีของมีค่าอยู่บางส่วนแน่นอน เพราะเดิมทีเขาตั้งใจจะเผาเพียงชาวญี่ปุ่นที่อยู่ที่นี่ แต่เขาวงกตแห่งนี้ เป็นหลุมศพอย่างแน่นอน


 


แต่ ไม่นาน เขาก็สัมผัสได้ถึงความร้อนขึ้นมา ดูเหมือนอุณภูมิภายในถ้ำจะเพิ่มสูงขึ้น หยางโปมองออกไปภายในถำด้วยความประหลาดใจ แต่แล้วก็ต้องตื่นตระหนกตกใจ พวกเขาวางเพลิง !


ทุกคนเพิ่งจะมีปฏิกิริยาตอบรับ เมื่อได้ยินเสียง บึ้มบึ้ม ดังขยายออกมาจากในถ้ำ แล้วก็ยังมีเสียงระเบิดขนาดเล็กอีกด้วย !


เราต้องไปแล้ว ! ลัวย่าวหัวพูดขึ้นด้วยความตกใจ


อวี่เหวินก็ตะโกนออกไปว่า มิน่าละที่นี่ถึงเกิดปฏิกิริยาที่ตรงข้ามกันหมด ! เรารีบออกไปกันเถอะ !


หยางโปเกิดความลังเลอย่างเห็นได้ชัด เขาหมุนตัวไปพูดกับทุกคนว่า ไม่ทันการณ์แล้ว ไฟขยายออกไปเป็นแนวกว้างแล้ว เราหนีออกไปไม่ได้แน่ ตอนนี้ทำได้เพียงแค่ดับไฟเท่านั้น !


 


กองไฟใหญ่ขนาดนี้จะดับยังไงเล่า ! ลัวย่าวหัวพูดขึ้นด้วยความตื่นตกใจ


ไฟก็ต้องดับด้วยไฟ ! เมื่อพูดจบ หยางโปก็นำไฟแช็คออกมา จากนั้นก็จุดกับเสื้อตัวหนึ่ง แล้ววางลงบนปากถ้ำ


เปลวไฟเล็กๆได้ลามออกไปในชั่วพริบตาเดียว จนแผดเผาทุกอย่าง !


ตอนที่ 305 สาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย


ซิงเหย๋จ้องมองไปทางเปลวไฟที่ค่อยๆแผดเผาอยู่นอกถ้ำ จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า ” ด้านนอกนั้นเป็นพวกขยะไร้ประโยชน์กลุ่มหนึ่งจริงๆ แค่ประตูใหญ่ก็มองไม่เห็น !


หยางจื่อที่ยืนอยู่ด้านข้าง ก็ได้แสดงสีหน้าเป็นกังวลออกมา ” หัวหน้าซิงเหย๋ ในตอนนี้ฝ่ายตำรวจที่น่ากลัวด้านนอกได้ใกล้เข้ามาแล้ว เราต้องรีบสักหน่อยแล้ว ในปีนั้นปู่ของหัวหน้าเข้าไปได้ยังไง แล้วหัวหน้ารู้รึเปล่าว่าจะออกไปข้างนอกอีกได้ยังไง ? “


” หยางจื่อ นายวางใจเถอะ ตามฉันมามีแต่จะเป็นมหาเศรษฐี ! เผากลุ่มพวกไร้ประโยชน์ด้านนอกนั้น เราก็จะสามารถเข้าไปเอาสมบัติได้อย่างสบายใจ อีกทั้งยังหลบหนีออกไปได้อย่างง่ายดายอีกด้วย ” ซิงเหย๋ชิ้งพูด


 


เมื่อพูดจบ เขาก็หมุนตัวแล้วมองไปทางเพื่อนร่วมเดินทางที่เหลือรอดชีวิตอยู่ด้านหลัง ก่อนจะพูดว่า ” ทุกคนวางใจเถอะ ค่าตอบแทนตามที่สัญญาเอาไว้ล่วงหน้า จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ! เหล่าพี่น้องที่ตายไป ฉันก็จะให้ครอบครัวของพวกเขาร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีส่งท้ายกันไปเลย ! “


ชาวญี่ปุ่นที่อยู่ด้านหลังกลุ่มหนึ่งได้ส่งเสียงโห่ร้อง ” เย้ ” นำขึ้นมา จากนั้นก็พูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน


เปลวไฟที่แผดเผาร่วมกว่าครึ่งชั่วโมง ก็ได้หยุดลงในที่สุด หยางโปและกลุ่มคนถึงกับอับจนหนทางกันเลยทีเดียว พวกเขาอยากขัดขวางเปลวไฟที่อยู่ปากถ้ำ แต่ก็ทำได้เพียงแค่รอ หลังจากที่เปลวไฟอันร้อนระอุนั้นได้แผดเผาเสร็จแล้ว อุณภูมิภายในถ้ำก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ทุกคนต่างพากันเหงื่อออกเปียกชื้นกันไปหมด


หยางโปหมุนตัวแล้วมองไปทางอวี่เหวิน เขาเชื่อแล้วอวี่เหวินนั้นมีฝีมือมากพอ ” นายลองดูหน่อยสิ ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง ? “


 


อวี่เหวินขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็เดินไปตรงปากถ้ำ จากนั้นก็ยื่นเข็มทิศออกไป หยางโปเห็นเข็มทิศนั้นหมุนติ้วไปมา ผ่านไปสักพักก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง อวี่เหวินส่ายหน้า ” ที่นี่อันตรายเกินไป กลัวว่าน่าจะยังมีกลไกไม่น้อยอยู่ด้านใน !


” งั้นพวกเราก็เดินไปทางนี้ ! ” หยางโปชี้พร้อมกับพูดขึ้น


” นายบ้าไปแล้วเหรอ ? ! ” อวี่เหวินมองไปทางหยางโป ด้วยความไม่เข้าใจ เขาตรวจสอบแล้วว่าที่นี่อันตรายมาก หยางโปก็ยังจะเดินไปยังเส้นทางนี้ เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ


หยางโปส่ายหน้า ” ไม่ใช่ว่าฉันบ้า เพราะฉันรู้สึกว่าที่พวกเขาวางเพลิงในนี้จะต้องมีเป้าหมายบางอย่างแน่ ! “


ลัวย่าวหัวรีบดึงสติกลับมา ” นายกำลังจะบอกว่า ในนี้มีประตูอยู่เหรอ ? “


 


” หรืออาจจะมีสมบัติล้ำค่าอยู่ในนี้ ? “ตาอ้วนหลิวกก็ไม่ได้หวาดกลัวแล้ว จึงได้รีบเดินขึ้นไปข้างหน้า


หยางโปไม่ได้เกิดความสงสัยขึ้นมาอีก นอกจากจะเดินตรงเข้าไป เขาเชื่อว่าลางสังหรณ์ของตัวเองไม่มีทางมีปัญหาอย่างแน่นอน


เฉาหยวนเต๋อเดินตามมาทีหลังสุด ด้วยความลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายเขาก็เดิมตามไป


เมื่อกลุ่มคนเดินทะลุผ่านเข้าไป ไม่นานก็พบกับจุดสัมผัสของเปลวไฟทั้งสองแห่ง เพราะอุณภูมิที่นี่สูงที่สุด ก้อนหินทั้งสองด้านจึงกลายเป็นแป้งที่แตกละเอียด แม้กระทั่งใต้เท้าก็ยังสัมผัสได้ถึงอุณภูมิที่ร้อนระอุของเปลวไฟ


หยางโปไม่ได้พักกลางทาง และก็ไม่กล้าพักอยู่ตรงนี้ เขารีบเดินตรงไปข้างหน้าทันที


 


ไม่นาน กลุ่มคนก็เดินตรงไปยังปากทางเข้าถ้ำ ทุกคนที่อยู่ด้านล่างต่างก็เผชิญหน้ากับตัวเลือกอีกครั้ง เพียงแต่ว่า ครั้งนี้ ทุกคนไม่ต้องเลือกแล้ว เพราะด้านข้างของปากถ้ำ ได้ปรากฏปากถ้ำอีกช่องหนึ่ง การค้นพบนี้ทำให้ทุกคนตื่นตกใจเป็นอย่างมาก


หยางโปมองออกไปอย่างละเอียด เมื่อเห็นปากถ้ำมีร่องรอยใหม่ เขาก็มองไปทางทุกคนก่อนจะพูดขึ้นว่า “อาจจะเจอกับชาวญี่ปุ่น หลังจากนี้ต้องระมัดระวังให้มาก ๆหน่อยนะ “


เมื่อพูดจบ หยางโปก็เดินนำแนวหน้าเข้าไปในถ้ำ


เขาวงกตด้านนอกถูกสร้างขึ้นเพื่อขัดขวางหัวขโมยที่จะเข้ามาในสุสาน ถ้าไม่ใช่เพราะชาวญี่ปุ่น ระยะเวลา 8 ปี 10 ปี หยางโปและกลุ่มคนเหล่านี้ก็คงไม่มีทางหาทางเข้าเจอได้อย่างแน่นอน


 


เพราะต้องเตรียมการป้องกันอันตายที่อาจจะเกิดขึ้น หยางโปจึงเดินไปข้างหน้าด้วยความระมัดระวังอย่างมาก ไฟส่องสำรวจถูกปิดลง เหลือเพียงไฟฉายอ่อนที่อยู่ในมือเท่านั้น


เมื่อเดินไปได้เพียงสองก้าว หยางโปก็หยุดลงอย่างฉับพลัน ลัวย่าวหัวที่เดินตามมาข้างหลังก็เกือบจะชนตัวเขาเลยทีเดียว


มีอะไรเหรอ ? ลัวย่าวหัวถามขึ้น เพราะถูกหยางโปขวางทางเอาไว้


หยางโปเดินไปข้างหน้าสองก้าวอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นแสงไฟเทียนเอนไหวอยู่เบื้องหน้า จึงรีบปิดจมูกทันที จากนั้นก็ถอยออกมาจากปากถ้ำ


” หยิบผ้าปิดปากผ้าฝ้ายในกระเป๋าเป้ออกมาพรมน้ำให้เปียก ” หยางโปเดินกลับมาพร้อมกับพูดขึ้น


 


” อื้อ ” ตาอ้วนหลิวตอบรับทันที


หยางโปมองเข้าไปข้างใน ตอนนี้เขาไม่สามารถมองหาตำแหน่งของชาวญี่ปุ่นได้ แต่อย่างน้อยเขาก็มั่นใจเรื่องหนึ่งว่าชาวญี่ปุ่นชำนาญเส้นทางมากกว่าพวกเขา หยางโปคาดเดาได้แม้กระทั่งว่าสุสานแห่งนี้เป็นฝีมือการขุดของชาวญี่ปุ่นในปีนั้น เนื่องจากต้องรีบถอยออกไปอย่างรีบร้อน หรืออาจจะเป็นเหตุผลอื่น ตอนนี้พวกเขาจึงได้โอกาสกลับเข้าไปข้างในใหม่อีกครั้ง


” ไม่มีน้ำเลย ” ตาอ้วนหลิวพูด


” ลองหาดู ” หยางโปพูด ในขณะที่พูดนี้เขาก็ไม่ได้หมุนตัวกลับไปมอง ” เชิงเทียนคู่นั้นน่าจะถูกจุดเอาไว้สักพักแล้ว รออีกสักหน่อยแล้วเราจะใส่ผ้าคาดปากเข้าไป “


 


เมื่อหยางโปพูดจบ ก็ได้ยินเสียงซ่าซ่าของน้ำ เขานึกถึงตาอ้วนหลิวที่เพิ่งจะพูดว่าไม่มีน้ำเมื่อสักครู่ขึ้นมา เขาจึงหมุนตัวกลับไปแต่แล้วก็เห็นตาอ้วนหลิวหมุนตัวไปยังมุมกำแพง และกำลังนำผ้าคาดปากชุบน้ำอยู่


เมื่อตาอ้วนหลิวได้ยินว่าหยางโปต้องใส่ผ้าคาดปาก จึงอดที่จะหมุนตัวกลับไปมองด้วยใบหน้าไร้เดียงสาไม่ได้


” นาย ! ” หยางโปนิ่งอึ้งไปทันที


ลัวย่าวหัวอดที่จะหัวเราะพร้อมกับพูดออกมาไม่ได้ว่า ” ฮ่าฮ่า เดี๋ยวให้ตาอ้วนหลิวใส่ผ้าคาดปากนั้น จากนั้นนายก็ไปเป่าเชิงเทียนนั้นให้มอดลงก็พอ “


ตาอ้วนหลิวจับกางเกงของเขาขึ้นมา จากนั้นก็พูดอย่างจนปัญญาว่า ” แล้วทำไมนายไม่บอกให้เร็วกว่านี้เล่า ? “


” นี่่คือผ้าคาดปาก ไม่ว่าจะยังไง ก็ไม่สมควรจะใช้ฉี่ ! ” หยางโปเองก็จนปัญญาเช่นกัน


 


ตาอ้วนหลิวอดที่จะพูดอธิบายขึ้นไม่ได้ว่า ” ทุกคนในเขตแผ่นดินใหญ่ก็ดื่มกันไหมละ ? “


มันเหมือนกันที่ไหนละ ?


” งั้นฉันเอง ! ” อวี่เหวินยืนขึ้น


ไม่ทันรอให้หยางโปเอ่ยปาก ก็เห็นอวี่เหวินใช้แขนเสื้อปิดจมูกพร้อมกับเดินเข้าไปแล้ว ไม่นาน หยางโปก็เห็นเปลวเทียนเหล่านั้นดับมอดลง


ทุกคนเดินไปข้างหน้าด้วยการเลียนแบบท่าทางของอวี่เหวิน ในตอนที่เดินผ่านเชิงเทียนนั้น ทุกคนก็อดที่จะก้าวเร็วขึ้นมาไม่ได้ หยางโปเดินไปได้สองก้าวก็ต้องตื่นตกใจอย่างฉับพลัน เมื่อมองออกไป กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของอี่เหวินแล้ว !


 


ในตอนที่เห็นเปลวไฟบนเชิงเทียนมอดดับลง หยางโปก็ยังเห็นเป็นเงาเลือนลางอยู่ แต่ในเวลานี้กลับไม่เห็นเงาของเขาแล้ว เขาจึงอดที่จะมองออกไปไม่ได้ เมื่อเห็นว่าตรงหน้าไม่มีแม้แต่เงาคน เขาจึงได้ก้มลงมองบนพื้นอีกครั้ง แล้วก็เห็นไม้กระดานที่อยู่ไม่ไกลนัก !


หยางโปเดินหน้าต่อไป จากนั้นก็ออกแรงดึงไม้กระดานเหล่านั้นออก แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยใด ๆ เขาเงยหน้าขึ้นมอง แล้วก็เห็นไม้กระดานสามแผ่นเรียงต่อกันอยู่เบื้องหน้า เขาจึงเพ็งมองออกไป จนค่อยๆเห็นชัดเจนมากยิ่งขึ้น ไม้กระดานทั้งสามแผ่นนี้ไม่มีการเชื่อมต่อกัน ” ระวัง เดิน ตามฉันมา ! ” หยางโปหันไปพูดกับด้านหลัง


ตาอ้วนหลิวเพิ่งจะมีปฏิกิริยาตอบรับ จึงได้ถามขึ้นว่า ” อวี่เหวินละ ? “


 


” อย่าพูด ! ให้ความสนใจกับลมหายใจเอาไว้! ” หยางโปเตือน


ตาอ้วนหลิวรีบปิดปากในทันที หยางโปเดินผ่านแผ่นไม้นั้นด้วยความระมัดระวังอีกครั้ง เมื่อรอให้ทุกคนเดินข้ามผ่านมาแล้ว เขาจึงได้วางใจ


เมื่อเดินไปข้างหน้า ก็ยังไม่เห็นเงาของอวี่เหวิน หยางโปจึงอดที่จะพูดเสียงต่ำ ๆออกมาไม่ได้ว่า ” ตาอ้วน ก่อนหน้านั้นอวี่เหวินตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ ? “


” แอบขุดหลุมศพสิ เขาเป็นคนที่มีฝีมือสูงอันดับต้นๆในกลุ่มของเรามาโดยตลอด ” ตาอ้วนหลิวพูด


หยางโปจึงอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ ” ผู้มีฝีมือสูงอันดับต้นๆ ? “


 


ตาอ้วนหลิวลำบากใจ ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” ไม่ตรงกับข่าวลืออย่างแน่นอน ” ” เขาเป็นคนที่มีฝีมือสูง ฉันเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงของเขามาเหมือนกัน ” เฉาหยวนเต๋อเอ่ยปากพูดขึ้น ” ในปีนั้นฉันเคยปฏิสัมพันธ์กับอาจารย์ของเขามาก่อน กิจกรรมหลักของพวกเขามักจะอยู่ในฉางอัน นึกไม่ถึงว่าเขาจะมาปรากฏในเมืองปักกิ่งแบบนี้ “


” งั้นตอนนี้เขาไปไหนแล้วละ ? ” หยางโปคาดเดาอยู่ในใจ แต่กลับไม่ได้พูดออกมา


บรรยากาศในเวลานี้แปลกประหลาดขึ้นมาไม่น้อย


ตอนที่ 306 โคมไฟมังกรขดตัว


เพราะการหายตัวไปของอวี่เหวิน ทุกคนจึงยิ่งต้องระวังมากขึ้น หยางโปเดินนำหน้าสุด คอยสังเกตุการณ์อยู่รอบด้าน จนถึงขั้นรักษาความปลอดภัยให้เลยทีเดียว เขาใช้ความสามารถพิเศษในการสแกนมองออกไปทั่วทิศทางอยู่ตลอดเวลา


เพียงแต่ด้วยความที่ใช้ไปเป็นปริมาณมาก ไม่ถึง 15 นาที เขาก็สัมผัสได้ว่าร่างกายของเขากำลังจะยืนหยัดเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป จนมีอาการตาลายขึ้นมาทันที


หยางโปทำได้เพียงแค่ต้องปล่อยวางการสแกนลง แต่ก็ยังค่อยๆเปิดทางไปข้างหน้าอยู่เหมือนเดิม หยางโปดับไฟฉายที่มีแสงอ่อนๆลง เพื่อบอกให้ทุกคนใช้เสียงให้เบาลง จากนั้นเขาก็เดินต่อไปข้างหน้า


 


หลังจากเดินออกมานอกถ้ำ เมื่อส่องเข้าไปยังโพรงถ้ำ ณ สายตาเบื้องหน้า โพรงถ้ำนั้นมีขนาดเท่าสนามฟุตบอลบอลขนาดกลาง หยางโปจึงได้เห็นชาวญี่ปุ่นกำลังล้อมกันอยู่ตรงกลาง และกำลังจุดเทียนไข ราวกับกำลังตรวจสอบอะไรบางอย่าง


หยางโปรีบยื่นมือออกไปขวางทุกคนเอาไว้ เขาชำเลืองมองออกไป แล้วก็เห็นว่าด้านหลังของกลุ่มชาวญี่ปุ่นนั้นมีโลงศพอยู่โลงนึง ด้านข้างของโลงศพนั้นก็ยังมีหีบมากกว่า 20 ใบตั้งอยู่ด้วย ในถ้ำแห่งนี้มีรูปปั้นที่ฝังอยู่ในสุสานกระจัดกระจายกันปกป้องโลงศพที่ตั้งอยู่ตรงกลางไม่น้อยเลยทีเดียว


 


หยางโปรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาในใจ เมื่อเห็นกลุ่มชาวญี่ปุ่นส่งเสียงร้องตะโกนกันออกมา ชาวญี่ปุ่นที่เหลือเพียง 4 คนต่างก็ลงมือกันอย่างแข่งขัน นั้นคือนำสิ่งของที่อยู่รอบตัวพวกเขาออกไปจากที่นี่ ! หยางโปหมุนตัวกลับไปเพื่อบอกตำรวจติดอาวุธที่นำอยู่ข้างหลังเป็นนัยๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงต่ำว่า พวกนายเอาออกไปได้ไหม ? ตำรวจติดอาวุธคนนั้นมองไป ณ ที่ไกลๆ จากนั้นก็ประสานตาเข้ากับชาวญี่ปุ่นที่กำลังดับไฟเทียนไขอยู่พอดี จึงได้ทำการเปิดไฟส่องสำรวจ เขาครุ่นคิดอยู่เล็กน้อยก่อนจะพูดออกไปว่า เอามาให้พวกเรา ! เมื่อพูดจบ เขาก็หมุนตัว จากนั้นก็ใช้มือสั่งการคนด้านหลังอีก 3 คนทันที


ภายในถ้ำที่มืดสนิท เขาจึงต้องทำการแสดงอยู่สองรอบ เมื่อมั่นใจว่าทั้งสามคนเข้าใจแล้ว จึงได้หมุนตัวแล้วเดินไปข้างหน้า


 


หยางโปถอยออกไปด้านหลังเล็กน้อย เมื่อเห็นผู้นำแสดงอากัปกิริยาบางอย่าง ทั้งสี่คนพุ่งตัวไปข้างหน้าราวกับนักล่า ! หยางโปเห็นเงาทั้งสี่คนพุ่งออกไป มีเพียงเสียงฝีเท้าที่ดังขยายออกมาเท่านั้น


ไม่นานชาวญี่ปุ่นที่เป็นหัวหน้าก็มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา จากนั้นก็หมุนตัวกลับมามอง และพูดภาษาจีนด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างว่า ใคร ?


อย่าขยับ ! ตำรวจติดอาวุธตะโกนออกไป


หัวหน้าคนนั้นหมุนตัวแล้ววิ่งออกไปทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของถ้ำโดยที่ไม่ได้สนใจคนทั้งสี่แม้แต่น้อย ! เมื่อหยางโปเห็นเข้า เขากำลังจะตามออกไปแต่กลับถูกเฉาหยวนเต๋อดึงตัวเอาไว้ อย่าไป ระวังตัวด้วยพวกเขามีปืน ! เมื่อเสียงของเฉาหยวนเต๋อสิ้นสุดลงได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสี่ยง ปัง จากปืนขึ้นมาหนึ่งเสียง ต่อจากนั้น หยางโปก็เห็นตำรวจติดอาวุธนายหนึ่งกอดแขนและล้มลงไปกับพื้น


 


ปัง ! ปัง ! ปัง !


เสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่อง 3 ครั้ง หยางโปมองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ดูเหมือนจะมีแค่ฝุ่นที่ตลบอบอวนไปทั่วภายในถ้ำ


จับกุมเอาไว้ได้3 คน หนีไปได้2คน ! หัวหน้าตำรวจติดอาวุธตะโกนเสียงดังออกไป


หยางโปรีบวิ่งออกไปดูทันที แล้วก็เห็นตำรวจติดอาวุธนายหนึ่งได้รับบาดเจ็บ มีผู้ที่ได้บาดเจ็บอีก 2 คนในกลุ่มชาวญี่ปุ่นสามคนล้วนแล้วแต่ถูกใส่กุญแจมือแล้วเรียบร้อย


หยางโปออกคำสั่งออกไปว่า ทิ้งคนคอยดูแลเพื่อนเอาไว้ 1 คน ส่วนอีกสองคนตามฉันมา !


เมื่อพูดจบ หยางโปก็วิ่งไปยังทิศทางของชาวญี่ปุ่นทันที


 


หยางโปนั้นวิ่งไม่ช้าเลย แต่ตำรวจติดอาวุธนั้นวิ่งเร็วยิ่งกว่า ก่อนหน้านั้นพวกเขาได้รับคำสั่งพิเศษของลัวซือเต๋อมา นั่นคือรับฟังการจัดการของหยางโป และรักษาความปลอดภัยเขา ในเวลานี้พวกเขาจึงได้พุ่งตัวไปข้างหน้า


เมื่อวิ่งไปตามทิศทางที่ชาวญี่ปุ่นแยกตัวออกไป ไม่นานหยางโปก็ได้ยินเสียงซ่าซ่าขึ้น จากนั้นเขาก็หยิบไฟฉายขึ้นมาส่อง แล้วก็เห็นเงาสองกลุ่มพุ่งพรวดออกไปข้างหน้า หนีหายเข้าไปในความมืด !


เมื่อตามมาถึงริมน้ำ หยางโปก็ได้ขวางตำรวจติดอาวุธเอาไว้ ช่างเถอะ ไม่ต้องตามแล้ว มันอันตรายเกินไป พวกเราดูก่อนว่าวิทยุสื่อสารมีสัญญาณรึเปล่า สามารถติดต่อคนข้างบนได้ไหม ให้เขามาล้อมจับพวกนั้น


วิทยุสื่อสารไม่มีสัญญาณนานแล้ว


งั้นก็ช่างมันเถอะ


 


หยางโปและทั้งสามคนค่อยๆเสาะหาคราบเลือดอยู่ข้างริมน้ำอย่างเงียบๆ เมื่อเวลาผ่านไปราว 15 นาที เมื่อไม่เห็นหัวของชาวญี่ปุ่นสักคนเดียว จึงได้แยกจากไป


เมื่อกลับเข้ามาในถ้ำ หยางโปก็เห็นลัวย่าวหัวและคนอื่น ๆกำลังล้อมอยู่ส่วนกลางของถ้ำ ซึ่งทำแบบเดียวกับที่ชาวญี่ปุ่นเมื่อสักครู่นี้ เขาจึงเดินเข้าไปด้วยความตกใจมาก


โคตรมหัศจรรย์เลย ! ลัวย่าวหัวออกปากชม


หยางโปมองไปแวบหนึ่ง ด้วยแววตาที่เปล่งประกาย เมื่อเห็นโคมไฟหยก 5 ใบถูกมังกรขดตัวขนาด 3 ฟุต ตัวหนึ่งคาบเอาไว้อยู่ในปาก เทียนไขภายในถูกจุด เทียนไขเหล่านี้ไม่มีสีไม่มีกลิ่น น่าจะเป็นของที่ชาวญี่ปุ่นนำเข้ามา


ในตอนที่เทียนไขถูกจุดไฟนั้น เล็บของมังกรขดตัวก็เคลื่อนไหวขึ้นมา เปลวไฟได้ส่องแสงสกาวราวกับกลุ่มดาวบนฟากฟ้าเต็มห้อง !


 


นี่….นี่เป็นของล้ำค่าภายในพระราชวังเสียนหยาง ! เฉาหยวนเต๋อพูดขึ้นด้วยความตื่นตกใจ


หยางโปไม่รู้ที่มาที่ไป จึงหมุนตัวแล้วหันไปมองเฉาหยวนเต๋อ จากนั้นเฉาหยวนเต๋อก็ได้อธิบายว่า ” บันทึกยอดกตัญญูขององค์จักรพรรดิได้กล่าวเอาไว้ว่า ในปีที่จักรพรรดิฮั่นเกาจู่เข้าพระราชวังเสียนหยาง ทรงเสด็จไปยังท้องพระคลังทั้งหมดรอบหนึ่ง สมบัติพัสถานในท้องพระคลังมีจำนวนมากนับไม่ถ้วน องค์จักรพรรดิฮันเกาจู่ทรงพอพระทัยอย่างสุดซึ้งที่สุดก็คือโคมไฟมังกรขดตัวชิ้นนี้ นึกไม่ถึงว่าในสมัยนี้จะยังมีของล้ำค่าแบบนี้อยู่จริงๆ ! “


ในขณะที่หยางโปจ้องมองไปยังโคมไฟหยกมังกรขดตัวอยู่นั้น แสงก็ได้มารวมตัวกันอยู่ตรงหน้า เมื่อเห็นว่าตรงหน้าไม่ใช่แสงที่หนาแน่นมากพอ หยางโปก็ได้ถอนหายใจออกมา ” โคมไฟมังกรขดตัวชิ้นนี้น่าจะสร้างขึ้นในช่วงสมัยราชวงศ์ชิง ดูเหมือนว่า จะเป็นของจักรพรรดิสักพระองค์หนึ่งในราชวงศ์ชิงอย่างแน่นอน “


 


เฉาหยวนเต๋ออ้าปากเล็กน้อย เมื่อนึกถึงตัวอักษรฮั่นสองประเภทตรงปากทางเข้าถ้ำ และก็คิดได้ว่าถ้าของล้ำค่าเป็นของที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยนั้นจริง ๆ ก็ต้องมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วหล้าแล้ว ไม่มีทางจะซ่อนตัวปิดบังมายาวนานกว่า 2000 ปีได้หรอก !


หยางโปจ้องมองอยู่สักพัก จากนั้นก็เดินไปด้านข้าง เขาเปิดหีบใบหนึ่งออก ก่อนจะเห็นสมบัติมากมายก่ายกองอยู่ในนั้น ในใจก็อดที่จะรู้สึกเสียดายขึ้นมาไม่ได้ ที่ของเหล่านี้จะต้องส่งกลับคืน !


โคมไฟขดตัวเป็นเพียงแค่ของหายากเท่านั้น สิ่งที่คนมากมายเหล่านี้กำลังจ้องมองก็คือของที่เขาไม่สามารถนำออกไปได้ !


เมื่อเป็นแบบนี้ หยางโปก็นึกถึงอวี่เหวินที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยขึ้นมาทันที อีกฝ่ายต้องค้นพบอะไรบางอย่าง แล้วเดินเข้าไปคนเดียวอย่างแน่นอน ?


 


เมื่อนึกถึงคำสั่งที่ออกมาจากปากของอวี่เหวิน สิ่งที่อยู่ตรงข้ามกันก็ปรากฏขึ้นมาแล้ว พูดได้ว่าบางทีเขาอาจจะไม่เห็นอย่างที่ทุกคนเห็นก็ได้ ?


หยางโปรีบทำการสำรวจค้นหารอบทิศทาง ซึ่งทั้งสี่ทิศทางก็ไม่มีห้องอื่นอย่างแน่นอน ที่นี่เป็นถ้ำธรรมชาติ ยังสามารถหาที่ฝังศพเหล่านี้เจอ คนในโลงศพนั้นก็เก่งมากจริงๆ !


ตำรวจติดอาวุธที่เหลืออยู่แค่ 2 นาย ลัวย่าวหัวและเฉาหยวนเต๋อก็เดินตามมา หยางโปพาคนอื่นๆกลับไปยังจุดเดิม


เมื่อกลับไปข้างบน ก็พบกับตำรวจติดอาวุธที่ได้รับบาดเจ็บนายหนึ่ง ลัวซือเต๋อก็พลันตกใจทันที จากนั้นก็รีบมองไปทางหยางโปทันที ” พวกนายไม่เป็นอะไรใช่ไหม ? ลัวย่าวหัวก็ไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม ? “


 


คุณวางใจเถอะ ย่าวหัวยังรักษาการณ์อยู่ข้างล่าง ผมขึ้นมาข้างบนเพื่อพาคนเข้าไป หยางโปพูด


ลัวซือเต๋อไม่รอให้หยางโปอธิบายให้มากความ เขาก็พูดขึ้นว่า ไปเถอะ เราเดินไปพูดไปก็ได้ ฉันได้เตรียมบันไดเอาไว้พร้อมแล้ว แค่เพียงนำไม้กระดานที่เจอเสริมขึ้นไปข้างบนก็ใช้การได้แล้ว


หยางโปตื่นตกใจเล็กน้อย คุณรู้ได้ยังไงว่าต้องเตรียมบันได ?


อวี่เหวินบอกฉันเอาไว้ เขานำหน้าพวกเรา 1 ก้าว และล่วงหน้าไปแล้ว ก่อนไปเขาก็เสนอความคิดเห็นของเขาให้ฉันฟัง ลัวซือเต๋ออธิบาย


เขาไปแล้วเหรอครับ ? หยางโปตื่นตกใจ


เขาขับรถออกไปแล้ว ทำไมเหรอ หรือว่าเขามีปัญหาอะไร ?


หยางโปส่ายหน้า ไม่ ไม่มีอะไร เรารีบลงไปข้างล่างกันเถอะ เมื่อถึงข้างล่าง พวกคุณจะต้องตะลึงอย่างแน่นอน หลังจากนี้ที่นี่จะต้องถูกสร้างขึ้นเป็นพิพิธภัณฑ์ และเก็บค่าตั๋วได้ไม่น้อยเลยแหละ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม