ลิขิตฟ้าชะตารัก 291-298
ตอนที่ 291 เท่าไร
ราวกับว่าเพียงแค่จ้องมอง ตัวหงส์นี้ก็สามารถที่จะโผบินได้อย่างแท้จริง ร่างกายก็ตกอยู่ในอาณัติของมันอย่างไม่มีทางเลือก โลกนี้มีปิ่นหยกมากมายนับไม่หวาดไม่ไหว แต่มีเพียงปิ่นหยกชิ้นนี้เท่านั้นที่ราวกับรวบรวมความงามทั้งหมดเอาไว้ จนทำให้สรรพสิ่งต่างๆ หม่นหมองเมื่ออยู่ตรงหน้ามัน
อวี้อาเหรานั่งจ้องมองมันอย่างประหลาดใจเป็นเวลานาน นางรู้สึกคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างมาก ราวกับว่าเคยพบเห็นมันมาก่อน แต่เมื่อนางลองค้นหาความทรงจำที่หลบซ่อนอยู่ในสมองแล้ว ก็ไม่พบสิ่งใดที่เชื่อมโยงกับของสิ่งนี้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าเคยพบมาก่อน
“งดงามมาก…” แม้แต่เจาเอ๋อร์เองก็ยังอดไม่ได้ที่จะออกปากชื่นชม
อวี้อาเหราชะงักไป เมื่อคิดที่จะยื่นมือออกไปจับ กล่องบุผ้าก็ถูกปิดลงทันที ใบหน้าขาวซีดของแม่นางเซียวก็พลันเผยรอยยิ้มล้ำลึกออกมาให้เห็น “ไม่ทราบว่าแม่นางพึงพอใจในปิ่นหยกชิ้นนี้หรือไม่ แต่นี่เป็นสมบัติล้ำค่าของร้านเรา หากแม่นางสนใจจริง พวกเราก็มาพูดคุยกันอย่างละเอียดเสียหน่อยเถิด มิเช่นนั้นของสูงส่งเช่นนี้อาจจะแปดเปื้อนสิ่งคาวโลกีย์ได้”
“แน่นอนว่าสนใจ” อวี้อาเหราเข้าใจความหมายที่นางจะสื่อทันที นางหยิบทองที่อยู่ในอกออกมา “นี่น่าจะเพียงพอต่อความจริงใจของข้าหรือไม่”
“แม่นางช่างใจกว้างยิ่งนัก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แน่นอนว่าท่านย่อมเป็นคนจริงใจ” ดวงตาของแม่นางเซียวเป็นประกาย ภายในดวงตาเผยให้เห็นประกายระยิบระยับ นางมีใบหน้ากลมรูปร่างอ้วนท้วน แต่ดวงตาทั้งสองกลับฉายประกายเจ้าเล่ห์อย่างประหลาด ในขณะที่ยื่นมือออกไปจะรับทองจากมือของอวี้อาเหรา แต่มือของนางก็กลับหดกลับไป
อวี้อาเหรามองนาง “แม่นางเซียว อย่าได้ลืมเสียว่า เมื่อของมาแล้วเงินถึงไป”
“ดูความจำของข้าสิ” แม่นางเซียวตบหน้าผากเตือนสติตัวเอง แล้วมอบกล่องบุผ้าให้นาง เมื่ออวี้อาเหรารับเอามาแล้ว จึงค่อยวางทองลงในมือของแม่นางเซียว หลังจากได้รับมาแล้วนางก็ฉีกยิ้มกว้างราวบุปผาแย้มบาน “แม่นางช่างใจกว้างนัก ค่อยๆ ดูเถิด”
อวี้อาเหราพิศดูอย่างละเอียด ของชิ้นนี้นับเป็นของดีและมีราคาชิ้นหนึ่ง ไม่มีทางเป็นของปลอมเด็ดขาด แต่ว่านางก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับเครื่องประดับเท่าไรนัก จึงส่งให้เจาเอ๋อร์ช่วยตรวจดู
เมื่อมองปิ่นที่อยู่ในมือเป็นเวลานาน ท่าทีของเจาเอ๋อร์ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง เอ่ยพึมพำเบาๆ กับนางว่า “คุณหนู ปิ่นปักผมชิ้นนี้ก็ไม่เลวเลยเจ้าค่ะ งานฝีมือดีมาก หากซื้อมาแล้วรับรองว่าไม่มีขาดทุน แต่พูดจริงๆ นะเจ้าคะ นี่ก็ช่างงดงามเหลือเกิน ไม่คิดว่าในตลาดมืดจะมีของดีๆ เช่นนี้ แม้แต่ของในเมืองเฟิ่งเฉิงก็ยังเทียบไม่ได้ บ่าวเพิ่งจะเคยเห็นปิ่นปักผมที่งดงามจนยากที่จะลืมก็ครั้งนี้เองเจ้าค่ะ!”
คำพูดของนางล้วนแล้วแต่เป็นคำชมเสียทั้งหมด
เจาเอ๋อร์อยู่กับนางมาตั้งแต่เล็ก แน่นอนว่าต้องเคยเห็นของดีๆ มานับไม่ถ้วน สามารถได้รับคำชื่นชมจากนางเช่นนี้ แน่นอนแล้วว่าปิ่นปักผมรูปหงส์นี้ก็คงจะดีจริงๆ ของธรรมดาๆ ไม่มีทางเทียบได้แน่ หากนำออกไปขาย ก็คงไม่ด้อยราคาไปกว่าหยกเลือดในมือของนางสักเท่าไหร่
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้แล้ว นางก็เงยหน้าขึ้น “เถ้าแก่เซียว เช่นนั้นของชิ้นนี้ของเจ้าคิดเป็นเงินเท่าไรกัน”
เถ้าแก่เซียวนิ่งเงียบไปนาน ในที่สุดจึงค่อยเอ่ยราคาออกมา “วันนี้เห็นแก่แม่นางที่มีสายตาแหลมคม มองออกว่าสิ่งไหนดีสิ่งไหนไม่ดีเช่นนี้ อีกอย่างข้าก็อยากจะรีบๆ ขายรับๆ กลับ หากไม่ใช่ว่าอยู่ในช่วงรีบร้อนต้องใช้เงินแล้วก็คงไม่เอาของดีขนาดนี้ออกมาขายแน่ หากแม่นางต้องการแล้วล่ะก็ ข้าคิดเพียงยี่สิบตำลึงทองก็พอ!”
“ยี่สิบตำลึงทอง?” อวี้อาเหราสูดลมหายใจเข้าลึกๆ นางก็พกมาสิบตำลึงทองเท่านั้น และเจาเอ๋อร์ยังนำมาด้วยบางส่วนเพื่อเป็นค่าเดินทาง แต่เมื่อรวมกันแล้วก็ยังไม่ถึงยี่สิบตำลึงทองอยู่ดี
ยี่สิบตำลึงทองนี้ คนธรรมดาๆ ก็สามารถกินอยู่ได้อย่างสบายไปทั้งชีวิต
แม้ในใจจะคิดเช่นนี้ แต่ใบหน้ากลับไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา
แม่นางเซียวจึงพูดต่อไปว่า “แม่นาง เจ้ายังอยากได้อยู่หรือไม่”
ตอนที่ 292 ประหารเก้าชั่วโคตร
เมื่อเห็นอวี้อาเหราฟังด้วยความสนใจอยู่บ้าง นางก็พูดต่อไปว่า “ยี่สิบตำลึงทองนี้ก็ไม่มากเลย หากข้านำไปขายที่เมืองเฟิ่งเฉิง ก็ไม่แน่ว่าบรรดาเหล่าองค์หญิง พระสนมชายาและคุณหนูตระกูลขุนนางจะยื้อแย่งกันมากมายเพียงใด แต่ยามนี้ข้าก็จำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ ไม่อย่างนั้นไหนเลยจะเอามาขายถูกๆ เช่นนี้ได้ แม้ว่าจะขายในราคาสองร้อยตำลึงทองก็ย่อมมีคนจ่าย”
“เจ้าพูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก” อวี้อาเหราส่ายหน้า สายตามองประเมินปิ่นหงส์ “แม้ว่าปิ่นชิ้นนี้จะถือว่าเป็นของดี แต่ด้านบนนั้นมีส่วนที่เริ่มจะเก่าอยู่บ้าง เพียงมองดูก็รู้ว่าไม่ใช่ของใหม่ และหากจะว่าไปแล้วของชิ้นนี้ก็ดูเหมือนไม่น่าจะเป็นของที่แม่นางเซียวควรจะมีไว้ในครอบครองเลยมิใช่หรือ”
“จะ…เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร” น้ำเสียงของแม่นางเซียวพลันเปลี่ยนไปในทันที
“ของชิ้นนี้สลักเป็นรูปหงส์ คนธรรมดาที่ไหนเลยจะกล้าใช้กัน อีกอย่างเมื่อมองดูแล้วอย่างมากเจ้าก็คงเป็นเพียงคนร่ำรวยธรรมดา ของชิ้นนี้นั้นแม้ว่าจะเป็นจวนอ๋องเองก็ไม่กล้าใช้ส่งเดช แล้วเจ้าคิดว่าเจ้าจะเป็นเจ้าของได้หรืออย่างไร? หากถูกทางการตรวจสอบขึ้นมาก็คงได้โดนโทษข้อหาไม่เคารพเบื้องสูง โทษสถานเบาคือโดนจับขัง โทษสถานหนักคืออาจจะถูกฆ่าทั้งตระกูล จะให้หนักหนาเสียหน่อยก็คงจะถูกประหารเก้าชั่วโคตรกระมัง”
“…” แม่นางเซียวนิ่งงันไป จากนั้นก็หัวเราะออกมา “ดูท่าแล้วแม่นางคงจะเข้าใจกฎแคว้นของต้าเยี่ยนเรามากทีเดียว แต่ก็ไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใครกัน หากซื้อปิ่นหยกของข้าไปแล้วก็ไม่กลัวว่าจะถูกคนตามล่าเอาผิดหรืออย่างไร”
“ตลาดมืดเองก็มีกฎอยู่มิใช่หรือ หากเจ้าอยากขายข้าก็ซื้อ จะต้องถามอะไรให้มากความเล่า” อวี้อาเหราเลิกคิ้วขึ้น
“แม่นางกล่าวได้ถูกต้อง ตัวข้าแซ่เซียวเกือบจะทำลายกฎข้อนี้ไปเสียแล้วสิ”
อวี้อาเหราไม่ได้กล่าวอะไรออกมา สีหน้าที่ถูกปกปิดภายใต้หน้ากากยังคงไม่แปรเปลี่ยน “แต่ที่เจ้าบอกว่ายี่สิบตำลึงทองนั้นข้าว่ามันแพงเกินไป อีกทั้งซื้อแล้วยังต้องรับความเสี่ยงอีก นี่ก็ช่างไม่คุ้มค่ายิ่งนัก เงินนั้นก็สามารถหามาได้ ปิ่นทองคำที่ไหนก็มี แต่ทำผิดจนต้องจบชีวิตนี่น่ะสิ”
ความหมายในคำพูดของนางนั้น ก็คือไม่ต้องการจะซื้อแล้ว
แม่นางเซียวหัวเราะ “แม่นางคงจะไม่ได้คิดจะต่อราคาในตลาดมืดนี้หรอกใช่หรือไม่”
ตลาดมืดนั้นเป็นสถานที่ค้าขายอย่างเสรีมาแต่ไหนแต่ไร ไม่มีการต่อราคา เป็นกฎที่ทุกคนรู้กันดีโดยไม่ต้องตรา และโดยทั่วไปแล้วคนที่มาก็ล้วนแล้วแต่เคารพกฎข้อนี้กันทั้งนั้น
อวี้อาเหราส่ายหน้า “มิได้ ข้าเพียงแค่รู้สึกว่ามันไม่คุ้มกันก็เท่านั้น ไม่ซื้อก็แล้วกันเถิด ตลาดมืดแห่งนี้ก็ไม่ได้มีกฎว่าหากไม่ซื้อก็จะมีความผิดมิใช่หรือ”
“เรื่องนี้…” แม่นางเซียวมีทีท่าว้าวุ่นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยฝืนยิ้มออกมา “แน่นอนว่าไม่มี”
“เจาเอ๋อร์ พวกเราไปกันเถิด” อวี้อาเหราลากเจาเอ๋อร์ที่ยืนยิ่งเงียบอยู่ด้านหนึ่ง ทั้งสองเดินออกมานอกร้าน นางไม่มีท่าทีอาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อย แต่ว่าเจาเอ๋อร์นั้นยังมีท่าทีอาลัยอยู่บ้าง คุณหนูของนางเป็นถึงธิดาเอกแห่งจวนหลิงอ๋อง แล้วยังเป็นว่าที่พระชายารัชทายาท และอาจจะได้เป็นฮองเฮาในอนาคต หากใช้ปิ่นรูปหงส์แล้ว ใครเลยจะกล้าว่า อีกอย่างยี่สิบตำลึงทองนี้ก็นับได้ว่าถูกมากทีเดียว อย่างไรก็ไม่ขาดทุนเป็นแน่
แต่อวี้อาเหราไม่มีท่าทีลังเลใจเลยแม้แต่น้อย
ปิ่นหงส์นั้นนางชอบก็จริงอยู่ อีกทั้งยังรู้สึกว่ามันงดงามเป็นอย่างมาก แต่หากจะเอาเงินออกมาซื้อทั้งหมด แล้วจะเอาเงินที่ไหนกลับจวนกันเล่า
เมื่อแม่นางเซียวเห็นพวกนางเดินออกไปแล้ว ก็รีบร้องขึ้นว่า “แม่นาง ช้าก่อน”
“มีอะไรหรือ” อวี้อาเหราหันกลับมา
“เฮ้อ ข้าก็เห็นว่าสองวันมานี้การค้าไม่ดีจริงๆ หรอกนะ เจ้าจ่ายข้ามาสิบห้าตำลึงทองก็แล้วกัน ข้าแซ่เซียวทำการค้าในตลาดมืดแห่งนี้มาตั้งนาน นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าต่อราคา หากเป็นเมื่อก่อนข้าคงไม่ยอมเป็นแน่” แม่นางเซียวถอนหายใจ แล้วลดราคาลงมากทีเดียว
ท่าทีของอวี้อาเหรายังคงลังเล นางหันไปถามเจาเอ๋อร์ว่า “เจ้านำเงินติดตัวมาเท่าไร”
“ทั้งหมดสี่ตำลึงทองเจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์ตอบ
ตอนที่ 293 หยกเลือดโบราณ
“น้อยเช่นนี้เชียว?” อวี้อาเหราชะงักไป
เจาเอ๋อร์ทำได้เพียงพยักหน้า นางเองก็อยากจะซื้อปิ่นหยกชิ้นนี้เช่นกัน ทว่านี่ก็แพงเหลือเกิน สิบห้าตำลึงทองนั้นก็นับเป็นรายจ่ายทั้งปีของจวนหลิงอ๋องแล้ว หากจะต้องจ่ายจริงๆ ก็เกรงว่าจะต้องเสียหายมากจนเกินไป
อวี้อาเหราถอนหายใจ “แล้วที่เจ้ามีอยู่อีกกี่ตำลึงเงิน”
“ไม่มีเลยเจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์ส่ายหน้า
แม้ว่าจะต้องนำเงินทั้งหมดไปซื้อปิ่นหยกมาจริงๆ แต่เงินสำหรับค่าเดินทางต่างๆ ก็คงไม่มีเหลือแล้ว
อวี้อาเหรามองไปทางแม่นางเซียว “ลดมากกว่านี้ได้หรือไม่”
“แม่นาง ที่นี่คือตลาดมืด ไม่เหมือนตลาดทั่วไปที่จะมาต่อรองราคากันได้ง่ายๆ ข้าลดได้ตั้งห้าตำลึงทองแล้ว หากลดกว่านี้ก็ทำการค้ากันไม่ได้พอดีน่ะสื”
“เช่นนั้นก็เอาเถิด”
อวี้อาเหราไม่ถามอะไรมากอีก หันไปออกคำสั่งกับเจาเอ๋อร์ว่า “เจ้าไปถามพวกต้าเว่ยสิว่าพวกเขามีตำลึงทองติดตัวมาหรือไม่ หรือเป็นตำลึงเงินก็ยังดี ให้พวกเขาเอานำมาให้หมด อย่าได้หลงเหลือไว้ กลับไปแล้วค่อยคืน เจ้าจงบอกไปตามที่ข้าพูด”
เจาเอ๋อร์จากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ หลังจากกลับมาแล้วในมือก็มีทองคำสองตำลึงและตำลึงเงินอีกจำนวนหนึ่ง ใบหน้าของนางฉายความยินดีขึ้นมา ก่อนจะมอบทองคำสิบห้าตำลึงให้กับแม่นางเซียว จากนั้นก็รับเอาปิ่นหยกมา เมื่อสัมผัสกับมืออีกฝ่ายแล้วนางก็ชะงักไป เหตุใดมือของนางผิวสัมผัสถึงไม่ค่อยปกตินักนะ
มองไปยังผิวหนังนุ่มเนียนของนางแล้วก็ดูไม่เหมือนคนที่ใช้แรงงานจนผิวแห้งกร้านเลยแม้แต่น้อย ทว่ามือของนางกลับเหมือนรังไหม เพียงมองดูก็รู้ว่าเป็นคนที่ใช้ชีวิตมาอย่างยากลำบากจนมือหยาบกระด้างเช่นนี้
ในยามที่รับกล่องบุผ้าที่ใส่ปิ่นหยกมา ก็ทำให้กำไลหยกเลือดโผล่ออกมาจากแขนเสื้อของนางอย่างไม่ได้ตั้งใจ อวี้อาเหราก้มหน้าลงพอดี จึงไม่ทันได้สังเกตเห็นดวงตาที่ส่องประกายวาววับของแม่นางเซียวที่เอาแต่มองจนไม่อาจถอนสายตากลับ
ทว่าเจาเอ๋อร์กลับมองเห็นสายตาของนางนี้ เช่นนั้นจึงรีบดึงแขนเสื้อของคุณหนูตัวเองลงทันที เพื่อซ่อนหยกเลือดเอาไว้ภายใต้แขนเสื้อ
ว่ากันว่าสมบัติไม่ควรนำออกไปสู่สายตาผู้อื่น มิเช่นนั้นอาจนำพาโชคร้ายมาให้โดยไม่รู้ตัว นางยังจำสิ่งที่หลงจู๊ผู้นั้นพูดเอาไว้ได้ว่า ในยามนี้ตลาดมืดอยู่ในสภาวะที่ไม่ปกติ เช่นนั้นจะกล้าละเลยได้อย่างไร
การกระทำของเจาเอ๋อร์นั้นทำให้อวี้อาเหราเข้าใจขึ้นมาได้ในทันที นางจึงรีบดึงชายแขนเสื้อปิดเอาไว้ เหลือบมองแม่นางเซียวเล็กน้อยก่อนจะหันหลังจากไป
อวี้อาเหราและเจาเอ๋อร์เดินออกมาด้านนอกร้าน ชิงอวิ๋นยังคงเฝ้าอยู่ด้านข้าง พวกนางสองคนจึงเข้าไปใกล้อย่างเงียบๆ ก่อนจะส่งกล่องบุผ้าไปให้เขา “เก็บรักษาไว้ให้ดี อย่าให้คนขโมยมันไปได้ หากอยู่ในมือพวกเราแล้วคงไม่ปลอดภัยแน่”
“ข้าน้อยทราบแล้วขอรับ” ชิงอวิ๋นกล่าวพลางยื่นมือออกไปรับ
“คุณหนู พวกเรารีบไปเร็วเถิดเจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์เอ่ยเร่งขึ้น
อวี้อาเหราหันกลับไปมองร้านของแม่นางเซียวด้วยความใจลอย หากเป็นคนทั่วไปก็คงมองไม่ออกว่าหยกเลือดนั้นมีมูลค่าเท่าใด แต่แม่นางเซียวนั้นเป็นผู้มีสายตาแหลมคม นางจะต้องรู้แน่ว่ามันคืออะไร เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว นางก็ไม่อาจเร่งฝีเท้าเพื่อเดินจากไป ไม่สนใจคำทัดทานจากเจาเอ๋อร์ รีบกลับไปยังร้านของแม่นางเซียวทันที
เจาเอ๋อร์มองนางอย่างไม่เข้าใจนัก ไม่รู้ว่านางจะกลับไปที่นั่นอีกทำไมกัน
การกลับมาอีกครั้งของนาง ทำให้แม่นางเซียวต้องตกตะลึง “แม่นางมีอะไรหรือ”
อวี้อาเหราก้าวไปด้านหน้าอย่างช้าๆ ดึงแขนเสื้อบริเวณข้อมือขึ้นเล็กน้อยเพื่อเผยให้เห็นถึงกำไลหยกเลือด และเพื่อดึงความสนใจของอีกฝ่าย “แม่นางเซียวพอจะรู้จักของสิ่งนี้หรือไม่”
“นี่คือ…” แม่นางเซียวอึ้งไป ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างละล่ำละลัก “ได้ยินมาว่าในยุคโบราณมีหยกเลือด ชุบชีวิตคนตายช่วยชีวิตคนเป็น เป็นหยกขาวที่มีหยดโลหิตอยู่ภายใน”
“เจ้ารู้จักหรือ” อวี้อาเหราตกใจ เมื่อครู่นางได้เอ่ยถึงสรรพคุณของหยกเลือดออกมาไม่ผิดแน่ นางเองก็เคยได้อ่านจากตำราแพทย์โบราณมาเช่นกัน แต่เหตุใดแม่นางเซียวถึงรู้ได้? หรือว่านางก็เคยได้อ่านตำราโบราณอย่างนั้นหรือ หรือว่ารู้จักมักคุ้นกับนักพรตผู้นั้น จึงรู้มาจากเขากัน?
ตอนที่ 294 ชิงเอามา
ไม่ว่าอย่างไรคนทั่วไปไม่อาจล่วงรู้ถึงพลังอำนาจที่แท้จริงของหยกเลือดได้ อย่างมากก็รู้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
แม้แต่ฉู่ป๋ายที่พกหยกเลือดติดตัวมาตลอดหลายสิบปีก็ยังไม่เข้าใจพลังอำนาจที่แท้จริงของมันเลย แล้วคนทั่วไปจะรู้เรื่องนี้ง่ายๆ ได้อย่างไรกัน
เรื่องนี้ต้องมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ!
แม่นางเซียวค่อยๆ ได้สติกลับมา “อืม ข้าก็ทราบมาบ้าง”
สีหน้าของอวี้อาเหราฉายเป็นความยินดี “ถ้าเช่นนั้นเจ้าเคยได้ยินหรือเคยพบท่านนักพรตผู้หนึ่งบ้างหรือไม่”
“อ้อ นักพรตน่ะหรือ…” แม่นางเซียวเอ่ยพึมพำออกมา มือขวาค่อยๆ ยกขึ้น ในยามที่นางกำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรนั้น ผงขาวจากแขนเสื้อของนางก็ลอยออกมาซัดใส่ใบหน้าของอวี้อาเหราในชั่วพริบตา
ผงขาวนี้ มีพิษ!
นางไม่ทันได้ตั้งตัว เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาไม้นี้
อวี้อาเหราถอยไปข้างหลังได้ทันเวลา แล้วยกมือขึ้นปิดจมูกเท่าไว้
แม่นางเซียวใช้ผ้าปิดปากอุดจมูก จ้องมองอวี้อาเหรานิ่ง เมื่อเห็นนางตั้งรับทันเวลา ก็โกรธขึ้นมาในทันใด “เมื่อครู่นี้ทั้งๆ ที่เจ้า…แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้านั้นเตรียมตัวที่จะโจมตีเจ้า เจ้ามองออกได้อย่างไร?”
นางถือโอกาสที่จะใช้ช่วงเวลานี้สาดผงขาวใส่ ทว่าคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมองออก
อวี้อาเหราหัวเราะเสียงเย็น “เจ้าไม่รู้เลยหรือว่ามือเจ้านั้นกระด้างไปหมดแล้ว”
“กระด้างหรือ?” แม่นางเซียวตกใจจนไม่ทันระวังตัว รีบก้มหน้าลงไปมองอย่างพิจารณาทันที
“ข้าก็มองความผิดปกติของเจ้าออกเสียนานแล้ว เพราะข้าสังเกตตั้งแต่ที่เจ้าจงใจเรียกพวกเราเข้าร้าน เมื่อเห็นปิ่นรูปหงส์ถึงได้รู้ว่าเจ้าคงไม่ใช่คนธรรมดา หลังจากนั้นข้ายังได้แตะโดนมือที่หยาบกระด้างของเจ้า เพียงดูก็รู้ว่าเจ้าไม่น่าจะเป็นคนใช้แรงงาน ทว่าฝ่ามือกลับหยาบกร้านและถลอกลอก นอกจากคนที่รู้วิชายุทธ์แล้วจะเป็นใครได้อีก?”
อวี้อาเหราวิเคราะห์ในสิ่งที่นางมองเห็นอย่างละเอียดออกมา
ในช่วงเวลาที่ไร้ซึ่งความผิดปกตินางกลับมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง อีกท้งยังวางแผนตั้งรับทัน
ยิ่งไปกว่านั้น คนที่รู้เรื่องหยกเลือดนั้นจะเป็นคนธรรมดาได้หรือ?
หลังจากที่พิษกระจายออกไปจนหมด นางก็ร้องตะโกนขึ้นมา “ต้าเว่ย ชิงอวิ๋น พวกเจ้าเข้ามาได้!”
ทันทีที่ร้องตะโกนออกไป พวกต้าเว่ยก็พุ่งเข้ามา แล้วกันตัวอวี้อาเหราเอาไว้ ก่อนที่เจาเอ๋อร์จะวิ่งเข้ามาสอบถามอย่างเร่งร้อน “คุณหนู ไม่เป็นไรนะเจ้าคะ”
“ข้าไม่เป็นไร” อวี้อาเหราส่ายหน้า
“คุณหนู” เจาเอ๋อร์มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างสงสัย ก่อนจะตกใจเสียจนตัวสั่น “นะ…นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเจ้าคะ เหตุใดพวกต้าเว่ยถึงได้เข้ามากันรวดเร็วถึงเพียงนี้”
แม่นางเซียวเองก็มองเหล่าองครักษ์มากมายที่พลันปรากฏตัวอยู่ข้างกายอวี้อาเหราอย่างไม่เข้าใจนัก นี่พวกเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
อวี้อาเหราตอบเจาเอ๋อร์ “เจ้าจำตอนที่ข้าให้เจ้าไปรวบรวมเงินกับพวกต้าเว่ยได้หรือไม่”
“จำได้เจ้าค่ะ แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรหรือเจ้าคะ”
อวี้อาเหรายิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ “ข้าจงใจบังคับให้พวกเขานำเงินมาให้เจ้า ที่บอกว่า ‘นำมาให้หมด อย่าได้หลงเหลือไว้’ จริงๆ แล้วความหมายก็คือให้พวกเขาเข้ามาด้วยกัน อย่าได้เหลือใครเอาไว้ ส่วนวาจาที่ว่า ‘กลับไปแล้วค่อยคืน’ ก็หมายความว่าจนกว่าข้าจะเรียกจึงค่อยเข้ามา เดิมทีก็ไม่รู้ว่าพวกเขาฟังเข้าใจหรือไม่ แต่หลังจากที่เห็นพวกเขาคอยคุ้มนกันอยู่ด้านนอกแล้ว ข้าถึงได้ตัดสินใจที่จะเข้ามาร้าน ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่เข้าไปเสี่ยงโดยเปล่าประโยชน์หรอก”
หลังจากที่อธิบายจนจบแล้ว ทุกคนจึงค่อยเข้าใจขึ้นมา และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชม
ก่อนหน้านี้เพียงรู้สึกว่าคุณหนูรองนั้นฉลาดขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น ดูจากตอนนี้แล้วคงจะไม่ใช่เพียงฉลาดหลักแหลมเพียงเล็กน้อยเท่านั้นกระมัง
แม่นางเซียวโกรธจัด ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของนางเปลี่ยนไปเป็นถมึงทึง “ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว เช่นนั้นก็คงไม่ต้องปกปิดอะไรอีก ทุกคนออกมาได้แล้ว ชิงเอาหยกเลือดในมือของหญิงคนนี้มาให้ได้!”
ตอนที่ 295 คุณหนูรีบหนีไป
หลังจากที่วาจานี้จบลง กลุ่มคนที่สวมหน้ากากจำนวนมากที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากที่ใดก็พากันกรูเข้ามาจากทางด้านนอกในทันที
อวี้อาเหราหัวเราะออกมาอย่างค่อนแคะ “พวกเจ้าก็คงจะเป็นพวกโจรที่คอยปล้นชิงคนค้าขายในตลาดมืดสินะ?”
ทุกคนต่างพากันตกใจ แม้แต่แม่นางเซียวเองก็ยังตกตะลึง เพราะคาดเดาไม่ออกเลยว่านางรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร
“ไม่ใช่กระมังเจ้าคะคุณหนู ถ้าเช่นนั้นปิ่นหงส์ที่คุณหนูซื้อมาก็เป็นของปลอมหรือเจ้าคะ” เจาเอ๋อร์มองไปยังอวี้อาเหราทันที สีหน้าแปรเปลี่ยนไปมาหลายอารมณ์
“แน่นอนว่าปิ่นหงส์นั้นเป็นของจริง” อวี้อาเหราขมวดคิ้ว หากไม่ใช่ของจริง นางก็คงไม่ตั้งใจซื้อมาเป็นแน่ เดิมทีนางก็ไม่คิดอยากยุ่งกับพวกโจรปล้นชิงเหล่านี้ แต่ใครใช้ให้แม่นางเซียวอยากได้หยกเลือดของนางกันเล่า เพราะอย่างนั้นนางจึงต้องวางแผน เพื่อรับมือกับอีกฝ่าย!
เจาเอ๋อร์ผ่อนลมหายใจออกมา
หากต้องเสียทองสิบห้าตำลึงเพื่อของปลอม เช่นนั้นก็ขาดทุนกันพอดีน่ะซี
แม่นางเซียวเห็นว่าพวกนางกำลังพูดคุยกันอยู่ โดยไม่เห็นคนของนางอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย แผนของนางนั้นเดิมทีก็สมบูรณ์แบบ แต่กลับถูกเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเช่นนี้ทำลายลงเสียได้ เมื่อเห็นเช่นนั้น นางก็ตะคอกเสียงดังอย่างโกรธเคือง “ลงมือ!”
คนเหล่านั้นพลันฉีกทึ้งเสื้อคลุมตัวนอกออกจนเผยให้เห็นชุดสีดำรัดรูปข้างใน ที่เอวของพวกเขาพกดาบใหญ่เอาไว้เล่มหนึ่ง พากันเล็งปลายดาบมที่อวี้อาเหราอย่างพร้อมเพรียง
ทั่วทั้งบริเวณเปลี่ยนไปเป็นสับสนอลหม่าน ต้าเว่ยเข้าปะทะกับฝ่ายตรงข้ามทันที
ในยามนี้ แม่นางเซียวก็โบกสะบัดพัดในมือ พัดนั้นแปรเปลี่ยนกลายเป็นอาวุธ เพื่อโจมตีอวี้อาเหราซึ่งๆ หน้า
ทว่าอวี้อาเหรากลับรู้ทัน “เจ้าอยากได้หยกเลือดของข้าอย่างนั้นหรือ หากมีความสามารถก็เข้ามาเอาสิ!”
นางไม่กลัวเลยว่าหยกเลือดนั้นจะถูกแย่งไป เพราะกำไลก็ถูกสวมเข้ามาที่ข้อมือของนางจนถอดไม่ออกตั้งนานแล้ว หากเถ้าแก่เซียวสามารถเอาออกไปได้นางก็จะขอบคุณเป็นอย่างมาก เพียงแต่ว่า…ให้นางถอดให้ได้เสียก่อนเถิด!
“คุณหนู หนีเร็วเจ้าค่ะ!” เมื่อเห็นนางยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม และแม่นางเซียวนั้นกำลังจู่โจมเข้ามาในระยะประชิด เจาเอ๋อร์ก็รีบผลักนางให้หนีไป แล้วใช้ตัวเองบังตัวนางไว้ จนถูกพัดสะบัดใส่หัวไหล่
เลือดสดๆ ซ่านกระเซ็นไปทั่ว สาดรดเข้าที่ใบหน้า
“ชิงอวิ๋น คุ้มกัน!” เมื่อเห็นเจ้าเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บสาหัส อวี้อาเหราก็แทบจะสูญเสียสติทันที เข็มพิษหลายเล่มร่วงหล่นจากฝ่ามือลงสู่พื้น ขาก้าวยาวๆ เข้าไปหาเจาเอ๋อร์ เมื่อเห็นเลือดของนางไหลทะลักออกมาไม่หยุด ทำอย่างไรก็หยุดไม่ได้ ดวงตาของนางก็แดงก่ำ “เจ้าโง่หรือ! คุณหนูของเจ้าจะปล่อยให้คนอื่นทำร้ายง่ายๆ ได้อย่างไร คิดว่าเข้ามาขวางเช่นนี้จะเป็นผู้กล้าหรืออย่างไร?”
ท่าทีเกินจะเยียวยาของเจาเอ๋อร์ทำให้ดวงใจเย็นชาดังน้ำแข็งของนางสั่นไหวขึ้นมา
หากเจาเอ๋อร์ไม่ได้จริงใจกับนางจริง ไหนเลยจะกล้าเสียสละชีวิตตนเองเช่นนี้เล่า
“คุณหนู…ข้าเจ็บเหลือเกิน…” เจาเอ๋อร์อ่อนระโหย ริมฝีปากค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นสีคล้ำม่วง เกรงว่านางคงจะต้องพิษเข้าให้เสียแล้ว
อวี้อาเหราเงยหน้าขึ้นไปมองพัดในมือของแม่นางเซียว แล้วรีบตะคอกขึ้นว่า “ชิงอวิ๋น เจ้าระวังด้วย พัดของนางมีพิษ จะต้องเอายาถอนพิษจากนางมาให้ได้!”
แน่นอนว่านางจะต้องมีสิ่งที่เอาไว้ป้องกันตัว แต่กลับไม่คาดคิดว่าพัดของนางจะมีพิษ ซึ่งทำให้นางไม่ทันได้ระวังตัว แผ่นหลังของนางรู้สึกเย็นเยียบ หากเมื่อครู่นี้เจาเอ๋อร์ไม่ช่วยปกป้องนางเอาไว้ คนที่โดนพิษก็คงจะเป็นนางเอง
เพียงครู่เดียว เจาเอ๋อร์ก็เป็นลมสลบไป
อวี้อาเหรายกมือของนางขึ้นมาตรวจชีพจร จึงพบว่าพิษแล่นเข้าสู่หัวใจเสียแล้ว แต่ก็ยังพอช่วยชีวิตได้ทัน แต่เพราะพิษแพร่ขยายอย่างสาหัส หากไม่รีบนำยาถอนพิษมาแล้ว ไม่ช้าก็เร็วคงจะสิ้นใจเป็นแน่
นางสวมกอดร่างของเจาเอ๋อร์ที่ค่อยๆ เย็นลง ลมหายใจของนางยังแผ่วเบาขึ้นมาทันที นอกจากรอให้ชิงอวิ๋นนำยาถอนพิษมาแล้ว ตอนนี้นางก็กลับไม่รู้ว่าตนเองยังสามารถทำอะไรได้อีก
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตาย ไม่ว่าใครก็ทำได้เพียงจ้องมองเท่านั้น
ตอนที่ 296 ชายชรา
นางพลันเงยหน้าขึ้น “ต้าเว่ย เจ้าไปช่วยชิงอวิ๋นนำยาถอนพิษมา”
นางไม่เชื่อว่าคนทั้งสองจะไม่สามารถเอาชนะแม่นางเซียวได้!
เมื่ออวี้อาเหราออกคำสั่ง ต้าเว่ยก็ไม่ต่อกรกับเหล่าคนชุดดำพวกนั้นอีก นางพุ่งทะยานไปหาแม่นางเซียวทันที
แม่นางเซียวรู้ดีว่าตัวเองไม่อาจสู้กับต้าเว่ยและชิงอวิ๋นสองคนได้ นางจึงหันไปตะคอกคนชุดดำที่อยู่ข้างๆ “พวกเจ้าไม่ต้องสนใจพวกเขา ไปชิงหยกเลือดมาให้ข้า!”
คนชุดดำพยักหน้าลงเล็กน้อย อ้อมบรรดาองครักษ์สองสามคนแล้วพุ่งเข้าใส่อวี้อาเหรา นางปรายตามอง มือคว้าเข็มพิษที่ตกอยู่บนพื้นแล้วสาดไปยังคนเหล่านั้น โชคดีที่ก่อนจะเข้ามายังตลาดมืดนางได้เตรียมเข็มพิษเอาไว้บ้าง ดังนั้นแม้ว่าจะไม่มีวรยุทธ์ แต่ในเมื่อมีเข็มพิษแล้ว ทันทีที่สาดออกไป ไม่ว่าจะปักเข้าสู่ร่างของใครก็จะทำให้คนผู้นั้นเจ็บปวดทุรนทุรายไปจนถึงกระดูกเลยทีเดียว
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว แม่นางเซียวที่เอาแต่สนใจชิงอวิ๋นและต้าเว่ย ทำให้ไม่ได้สนใจนางเลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่เหล่าองครักษ์กำจัดคนชุดดำออกไปได้แล้ว ก็พากันไปช่วยจัดการเถ้าแก่เซียว เมื่อนางเห็นว่าทำอย่างไรก็ไม่ชนะก็รีบสาดผงพิษไปในอากาศ ทำให้ทั่วทั้งบริเวณเต็มไปด้วยฝุ่นคละคลุ้ง ทุกคนต่างพากันปิดจมูก แต่แม่นางเซียวกลับใช้ช่องว่างในช่วงเวลานี้สะบัดพัดแล้วจากไป
พัดของนางมีพิษ ทำให้พวกของต้าเว่ยที่ตกอยู่ในวงล้อมหมอกขาวก็ยังไม่กล้าที่จะแตะต้อง
เมื่อหมอกขาวสลายหายไปจนหมดแล้ว เถ้าแก่เซียวก็จากไป เหลือไว้แต่เพียงเงาให้เห็นเท่านั้น
อวี้อาเหรากัดฟัน “ไปจับตัวนางกลับมาให้ข้า!”
“ขอรับ” พวกต้าเว่ยไม่กล้าชักช้า รีบตามไปในทันที
เมื่อพวกเขาไปแล้ว อวี้อาเหราก็ก้มลงมองเจาเอ๋อร์ที่อยู่ในอ้อมกอด ในใจของนางร้อนรุ่มดังไฟสุม หากนำยาถอนพิษจากแม่นางเซียวกลับมาไม่ได้เจาเอ๋อร์จะเป็นอย่างไรกัน? ตอนนี้พิษได้กระจายไปทั่วแล้ว อีกไม่นานนางคงจะตายแน่
แม่นางเซียวนำพัดในมือมาเป็นอาวุธ ไม่รู้ว่านางมีผงพิษมากมายเพียงใดที่จะนำมาใช้ทำร้ายผู้อื่น หากให้ต้าเว่ยไปตามจับมาอย่างน้อยก็คงจะต้องเปลืองแรงเป็นอย่างมาก แต่ว่าตอนนี้เจาเอ๋อร์ก็กำลังตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน…
นางขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเป็นกังวล ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังเข้ามาจากด้านนอก เสียงที่แหลมบาดหูทำให้นางได้สติขึ้นมาในทันที จึงร้องออกไปด้านนอกว่า “ใครกัน? รีบออกมาเดี๋ยวนี้!”
เนิ่นนานนัก นางถึงค่อยเห็นเงาร่างหลังค่อมของชายชราผู้หนึ่ง เส้นผมยาวสีขาว ลูบเครายาวด้วยท่าทีไม่รีบร้อนแต่ก็ไม่เชื่องช้าขณะที่เดินเข้ามา สวมใส่เสื้อผ้าป่านเนื้อหยาบยับย่น คิ้วขาวๆ เลิกขึ้นสูง ใบหน้าแสดงท่าทีโอบอ้อมอารี
อวี้อาเหราพลันมองด้วยความระแวดระวัง “ท่านเป็นใคร เหตุใดถึงอยู่ที่นี่”
“ข้าเพียงผ่านทางมาเท่านั้น” ชายชราค่อมเอวลงด้วยท่าทีมองไม่ชัดเจน เสียงของเขาช่างแห้งผากราวกับเสียงกิ่งไม้แก่ๆ ร่วงกระทบพื้น ทั้งหยาบกระด้างและไม่เสนาะหู
อวี้อาเหรายังคงไม่วางใจอยู่เช่นเดิม “ในเมื่อแค่ผ่านมา เช่นนั้นก็รีบไปเสียสิ”
ทันใดนั้นชายชราก็เงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเ**่ยวย่นมองมาที่นางสักครู่ มุมปากเผยให้เห็นเป็นรอยยิ้มอย่างจนใจ “ได้ ข้าไปก็ได้…”
เห็นว่าเขากำลังหมุนตัวเตรียมที่จะเดินจากไป แม้แผ่นหลังของเขาจะงองุ้ม ทว่าทั่วทั้งร่างกลับเผยให้เห็นถึงรัศมีของผู้วิเศษ นางก็พลันชะงัก รีบวางเจาเอ๋อร์ลงแล้ววิ่งเข้าไปหา “นี่ ท่านหยุดก่อนสิ”
ชายชราหยุดฝีเท้า แล้วหันกลับมา “แม่นาง มีอะไรหรือ”
“ท่านเดินลมปราณได้หรือไม่” อวี้อาเหราถามขึ้นอย่างระมัดระวัง
“อะไรคือการเดินหรือไม่เดินลมปราณ ผู้ชราแล้วฟังไม่ค่อยเข้าใจเท่าใดนัก” เขาส่ายหน้าด้วยท่าทีจนปัญญา ราวกับเมื่อครู่นี้เขาก็ไม่เข้าใจจริงๆ อวี้อาเหราสุดจะทน น้ำเสียงจึงเปลี่ยนไปเป็นไม่น่าฟัง “ท่านทำเป็นก็บอก ไม่เป็นก็บอก อย่าได้เสแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องต่อหน้าข้า”
ตอนที่ 297 เฒ่าทารก
น้ำเสียงของนางหนักแน่นขึ้นหลายส่วน ทำให้ชายชราตกใจจนสะดุ้ง น้ำเสียงเปลี่ยนไปจนเหมือนเป็นเด็กตัวเล็กๆ เวลาตกใจ “แค่ถามเพียงเท่านั้นเอง เหตุใดต้องตะคอกกันเช่นนี้เล่า”
“ท่าน…” อวี้อาเหราหมดคำจะกล่าว เมื่อพิจารณาชายชราตรงหน้าแล้ว หากฟังแต่เพียงเสียงก็คงคิดว่าเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่กำลังออดอ้อนอยู่เท่านั้น รังสีเทพเซียนเมื่อครู่นี้คงต้องเป็นเพราะนางตาฝาดไปแน่ๆ! นางบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ เข้าไว้ อย่าได้เผลอปล่อยอารมณ์ใส่เขา เมื่อตั้งสติได้แล้วก็ถามขึ้นมาอีกครั้งว่า “เช่นนั้นท่านรู้จักกับนักพรตเฒ่าหรือไม่”
“อ้อ! นักพรตนั่นน่ะหรือ!” ชายชราปรบมือ ราวกับรู้จักเป็นอย่างดี
“ท่านเคยพบหรือ” อวี้อาเหราแสดงท่าทีดีอกดีใจออกมา
ชายชราส่ายหน้า ก่อนจะพยักหน้าอีกครั้ง “ข้ามีชีวิตมาจนถึงตอนนี้ จะไม่เคยพบใครบ้างเล่า? เมื่อเจ้าพูดถึงนักพรตขึ้นมา ก็เหมือนว่าจะเคยพบและก็เหมือนจะไม่เคยพบ หากให้ข้าระบุอย่างชัดเจนว่าพบที่ไหน ก็คงจะต้องนึกดีๆ อาจจะพอจำได้”
“ถ้าเช่นนั้นก็รีบนึกเข้าซี!” อวี้อาเหราแสดงท่าทีเร่งร้อน เมื่อเห็นท่าทีอึกๆ อักๆ ของชายชราแล้ว นางก็ร้อนรนเหมือนมดไต่ในหม้อร้อน หันกลับไปมองเจาเอ๋อร์ที่นอนอยู่กับพื้น แล้วจึงหันกลับมาดึงมือของชายชรา “ท่านผู้เฒ่า เช่นนั้นท่านก็ค่อยๆ เข้ามาคิดกับข้าเถิด”
“ได้ เห็นแก่แม่นางน้อยที่มีรูปโฉมงดงามเช่นเจ้า ข้าก็จะพยายามคิดดูให้ดีๆ แล้วกัน” ชายชราลืมตาขึ้น สายตามองกวาดไปทั่วร่างกายของนาง อวี้อาเหราพลันสะบัดมือของเขาออกอย่างแรงแล้วจึงยกมือขึ้นกุมหน้าอกของตน กดมือของตัวเองเอาไว้แล้วถลึงตาจ้องมอง ไอ้แก่ลามก! หากไม่ใช่เพราะเขาเป็นผู้ที่รู้เบาะแสของนักพรตนั่น นางคงจะตบหน้าไปสักฉาดแล้ว!
เมื่อเข้ามาในห้อง นางก็กอดเจาเอ๋อร์เอาไว้ จ้องมองใบหน้าซีดขาวของนางอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงหันกลับมามองชายชรา “ท่านผู้เฒ่า ตอนนี้ท่านนึกออกแล้วหรือไม่”
“ยังไม่ออก นี่ต้องใช้เวลาสักหน่อย เจ้าคิดดูสิว่าเวลาให้กำเนิดเด็ก ไหนเลยจะไม่ต้องอาศัยผู้ชายบ้าง” ชายชราพูดไปพูดมาก็วกเข้ามาสู่เรื่องใต้สะดืออีกแล้ว สีหน้าของอวี้อาเหราเปลี่ยนไปเป็นแข็งกระด้าง หากเจ้าเฒ่าลามกผู้นี้ยังกล้าที่จะพูดอะไรเลอะเทอะอีก อารมณ์ของนางก็คงใกล้จะระเบิดออกมาเต็มทนแล้ว!
ราวกับชายชราสัมผัสได้ถึงสายตาไม่เป็นมิตรของนาง เขาจึงรีบร้อนหุบปากในทันที
อวี้อาเหราลูบหยกเลือด พยายามทำใจให้สงบ
ตอนนี้นางเริ่มได้เบาะแสของนักพรตแล้ว แต่เจาเอ๋อร์ต้องมาบาดเจ็บก็เพราะนางเช่นนั้น หากเจาเอ๋อร์ตายขึ้นมาจริงๆ แม้นางจะหาตัวนักพรตผู้มอบหยกเลือดเจอ และเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว แต่ในใจก็ไม่มีทางสงบลงเป็นแน่
หยกเลือด…
หยกเลือดหรือ?
ทันใดนั้นอวี้อาเหราก็คิดอะไรขึ้นมาได้ รีบดึงแขนเสื้อขึ้น ในเมื่อหยกเลือดสามารถช่วยชีวิตฉู่ป๋ายได้ เช่นนั้นก็น่าจะช่วยชีวิตเจาเอ๋อร์ได้เช่นกัน ว่ากันว่าหยกเลือดนั้นสามารถช่วยคนตายให้ฟื้นและช่วยคนเจ็บให้หายดี เหตุใดนางจึงลืมเรื่องสำคัญเช่นนี้ไปได้นะ!
นางจับมือของเจาเอ๋อร์ให้กุมหยกเลือดเอาไว้ ทันใดนั้นสีหน้าของนางก็ดีขึ้นมาก
ในวินาทีที่เห็นหยกเลือด ชายชราที่อยู่ข้างๆ ก็หรี่ตาลงมองในทันที “นั่นก็คือหยกเลือด?”
เสียงของเขาเรียกความสนใจของอวี้อาเหราได้สำเร็จ นางรีบหันมาในทันที “ในเมื่อท่านรู้จักหยกเลือด เช่นนั้นท่านก็ต้องรู้จักนักพรตแน่ หรือว่านึกออกแล้ว?”
“แม่นางน้อย เจ้าต้องการหาเขาไปทำไมหรือ”
ชายชราเหม่อลอยไปชั่วขณะ จากนั้นก็มองหน้านาง แล้วจึงลุกขึ้นยืนจากพื้นอย่างจำยอม สองมือกุมศีรษะขณะที่เอาแต่ส่ายหน้าไปมา ท่าทีราวกับเด็กน้อยอายุสักสิบขวบกำลังดื้อรั้น ส่วนน้ำเสียงนั้นเหมือนเด็กสักแปดเก้าขวบไม่มีผิด
“โอ๊ย เจ้าอย่าถามอีกเลย เดิมทีข้าก็เกือบจะนึกออกอยู่แล้วแต่ถูกเจ้าขัดขึ้นเสียได้ จริงๆ เลย! ไม่คิดแล้วไม่คิดแ หัวจะระเบิดอยู่แล้ว!”
ตอนที่ 298 เจ้าแห่งการแสดง
เมื่อได้ยินดังนี้ อวี้อาเหราก็รู้ได้เลยว่าคนตรงหน้าเริ่มชักจะไม่ดีแล้ว นางจึงพูดด้วยท่าทีกึ่งบังคับกึ่งขอร้องว่า “ข้าหาเขาเพราะมีเรื่องบางอย่างจริงๆ ท่านผู้เฒ่าช่วยลองคิดให้ดีๆ ได้หรือไม่ ข้าไม่ดุท่านแล้วก็ได้ แต่หากท่านยังนึกไม่ออกอีก…”
“โอ๊ย หรือเจ้าคิดที่จะทุบตีคนแก่ ช่างไม่มีใครสั่งสอนจริงๆ! ชั่วร้ายยิ่งนัก!” ชายชราพลันกระโดดถอยออกไปหลายก้าว น้ำเสียงยิ่งเสแสร้งทำเป็นเจ็บปวดเสียนักหนา เรียกร้องความสนใจของคนที่เดินผ่านไปผ่านมา จนคนพวกนั้นพากันชี้มาที่นาง
อวี้อาเหรารู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก “ท่านอย่ากล่าววาจาส่งเดชได้หรือไม่!”
ชายชราไม่ฟัง อ้าปากเตรียมจะร้องตะโกนขึ้นอีกครั้ง
เช่นนั้นอวี้อาเหราจึงถอนหายใจยาว มีแต่คนบอกมิใช่หรือว่าคนชรานั้นมักจะใจดี? เหตุใดนางถึงกลับพบเฒ่าทารกไปเสียได้ ยังไม่รู้เลยว่าจะงัดเอาข้อมูลเกี่ยวกับนักพรตเฒ่าจากปากของเขาได้หรือไม่ เดิมทีนางก็ยังคิดว่าเขาเป็นท่านนักพรตเฒ่า แต่เมื่อเห็นสภาพเช่นนี้แล้วก็ไม่เห็นจะมีท่าทีสูงส่งราวเทพเซียนของนักพรตอยู่เลย
เมื่อครู่นี้นางก็คงตาฝาดไปจริงๆ
เมื่อชายชราเห็นว่าใบหน้าของนางไร้ซึ่งความรู้สึก ก็เริ่มบีบน้ำตาออกมา “สวรรค์ เหตุใดโลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมยิ่งนัก แม้แต่คนเฒ่าคนแก่ยังรังแกได้ลงคอ ปล่อยให้ข้าตายเสียให้รู้แล้วรู้รอดเถิด!”
อวี้อาเหรารู้สึกนับถือเขาเป็นอย่างมาก ฝีมือทางการแสดงของเขานั้นก็ช่างเป็นพรสวรรค์ที่สิ้นเปลืองยิ่งนัก
คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างก็จ้องมองมาที่นาง ไม่ว่าใครก็ต่างจ้องมองอวี้อาเหราอย่างเป็นปรปักษ์ ด่าว่านางว่าช่างเป็นคนไร้มนุษยธรรม แม้แต่คนแก่ก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา
อวี้อาเหรารู้สึกได้ถึงความอยุติธรรมนั้น นางไม่ได้หาเรื่องใครเสียหน่อย เสียงก่นด่าของคนเหล่านั้นดังเข้ามาจนปวดหูไปเสียหมด เมื่อเห็นชายชรายังคงแกล้งบีบน้ำตาร้องห่มร้องไห้ นางก็เปลี่ยนท่าที “ท่านผู้เฒ่า อย่าได้โกรธไปเลย ข้าไหนเลยจะกล้าทำร้ายท่าน รีบนั่งลงเถิด ท่านต้องการอะไรก็ได้ทั้งนั้น”
“จริงหรือ?” ดวงตาของชายชราส่องประกาย
“จริงสิ!” อวี้อาเหรามองไปยังกลุ่มคนที่รายล้อม จะให้นางบอกว่าไม่จริงได้อย่างไรเล่า?
“ถ้าเช่นนั้นข้าไม่ร้องไห้แล้ว” ชายชราเผยรอยยิ้ม “ทุกคนสลายตัวเถิด”
ในใจของอวี้อาเหรารู้สึกเหมือนได้กลับชาติมาเกิดใหม่ รอมาห้าร้อยปีแล้วจึงพบว่ายังจะต้องรออีกห้าร้อยปี รอจนกระทั่งสุดท้ายได้รู้ว่าตัวเองได้กลายเป็นเซียนเสียแล้ว เหตุใดนางจะต้องทนถึงเพียงนี้ด้วย? นางโกรธเสียจนใบหน้าแดงก่ำไปหมด แต่ก็ไม่กล้าที่จะบันดาลโทสะออกมา ใครจะรู้เล่าว่าเจ้านักแสดงเอกผู้นี้จะแผลงฤทธิ์อะไรขึ้นมาอีก
ชายชรานั่งลงด้วยท่าทีพึงพอใจเป็นหนักหนา ยื่นมือออกมาหาอวี้อาเหราพลางบ่นพึมพำ “ข้าไม่ได้กินข้าวมาตั้งหลายวันแล้ว เจ้ามีเงินหรือไม่ เอามาให้ข้าหน่อยสิ”
“…ไม่มี” นี่เขายังมียางอายอยู่หรือไม่นะ?
ชายชราเริ่มทำท่าทีกระเง้ากระงอดขึ้นมาในทันที อวี้อาเหราจึงรีบกลับคำ “มีๆ ข้าให้ท่านก็ได้”
นางดึงเอาเงินออกมาจากอกเสื้ออย่างหมดความอดทน “ข้ามีเพียงเท่านี้จริงๆ”
“เหอะ” ชายชราส่งเสียงทอดถอนใจ หลังจากได้เงินมาแล้วก็ลุกขึ้นยืน “เห็นแก่ที่เจ้าไม่มีเงินติดตัว เช่นนั้นข้าจะพาเจ้าไปยังที่ที่ข้าอยู่แล้วกัน และดูแล้วก็คงไม่อาจทิ้งเพื่อนของเจ้าไว้เช่นนี้ตลอดไปได้ นางต้องพิษมิใช่น้อยเลย ได้ยินมาว่าบนเขาข้างๆ ตลาดมืดมีสมุนไพรชนิดหนึ่งที่สามารถขจัดพิษได้หลากหลาย หากเจ้าไปเก็บมาได้ก็คงจะช่วยชีวิตนางได้”
“วาจานี้ของท่านก็เชื่อถือได้หรือ” อวี้อาเรหามองมาด้วยความสงสัย อย่าได้โทษว่านางไม่เชื่อเลย ในเมื่อนางถูกตาแก่ผู้นี้ป่วนประสาทเสียขนาดนี้แล้ว แม้แต่เงินเขายังจะหลอกเอาได้ ไหนเลยจะวางใจปล่อยให้เจาเอ๋อร์อยู่ในมือเขาได้เล่า
“จะช่วยหรือไม่ก็อยู่ที่เจ้าแล้ว ข้าคงไม่อาจช่วยอะไรได้” หลังจากที่ชายชราพูดจบ ร่างค่อมๆ ก็เดินจากไป ไม่สนใจอวี้อาเหราผู้มีสายตาไม่เชื่อมั่นที่อยู่ข้างหลังเลยแม้แต่น้อย หลังจากลังเลอยู่นาน ในที่สุดนางก็แบกร่างของเจาเอ๋อร์ตามหลังไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น