กับดักรักในรอยแค้น 290-297

    ตอนที่ 290 วีดีโอที่ซาบซึ้งที่สุดแห่งปี


 


 


           ในออฟฟิศของท่านประธาน บริษัทกลุ่มเผย


 


 


           หลังจากเผยหนานเจวี๋ยประชุมผ่านวีดีโอเสร็จและเห็นงานแถลงข่าวของฉู่อีอีแล้ว ก็ให้ผู้ช่วยรวบรวมภาพยนตร์ที่ผู้กำกับระหว่างประเทศชื่อดังกำลังเตรียมการถ่ายทำ


 


 


           หลังจากผู้ช่วยรวบรวมข้อมูลแล้ว ก็ส่งให้เผยหนานเจวี๋ยด้วยความรวดเร็ว พลิกเปิดข้อมูลที่อยู่ตรงหน้า สายตาจับจ้องอยู่ที่ภาพยนตร์แนวไซไฟเรื่องหนึ่ง “เรื่องนี้แหละ คุณไปติดต่อผู้กำกับกับโปรดิวเซอร์ บอกว่าบริษัทเผยเพิ่มเงินลงทุนหนึ่งร้อยล้าน ตัวเอกจะต้องเป็นนักแสดงนำดีเด่นทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง”


 


 


           “แล้วก็ ให้พวกเขาจัดงานแถลงข่าวอย่างช้าสุดวันพรุ่งนี้ เพื่อประกาศข่าวนี้ออกไป”


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยพูดกับผู้ช่วย เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าการวิพากย์วิจารย์จะเบี่ยงเข็มไปที่ฉู่เจียเสวียนแล้ว คำพูดของฉู่อีอีในงานแถลงข่าว ทำให้คนเข้าใจผิดจริงๆ


 


 


           เมื่อคิดถึงตรงนี้ ความเยือกเย็นก็ปรากฏอยู่ในดวงตาของเผยหนานเจวี๋ย เธอต้องการจะทำอะไรกันแน่


 


 


           เขาจะต้องใช้ข่าวที่มีอิทธิพลมากกว่าดึงดูดความสนใจของผู้คน กดการวิพากย์วิจารย์ของฉู่เจียเสวียนเอาไว้ ไม่ว่าอย่างไรการที่ฉู่เจียเสวียนกลายเป็นที่ได้รับความเดือดร้อนในตอนนี้ก็เป็นความรับผิดชอบของฉู่อีอี


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยช่วยหาข้ออ้างให้ฉู่เจียเสวียนโดยไม่รู้ตัว ราวกับว่าจะโน้มน้าวตัวเองว่าทำไมถึงช่วยเธอ


 


 


           ผู้ช่วยได้ยินคำพูดของเผยหนานเจวี๋ยแล้ว คิ้วขมวดกัน แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขาไม่ควรตั้งข้อสงสัยในคำพูดของเจ้านาย แต่ว่าเมื่อได้ยินว่าเขาจะลงทุนด้วยเป้าหมายที่คลุมเครือแบบนี้ เอ่ยถามสงสัย “ประธานเผย ไม่ต้องตรวจสอบเหรอครับ ข้อมูลเฉพาะพวกนั้น”


 


 


           “ไม่ต้องแล้ว ไปทำแบบนี้แหละ ผมจะอธิบายกับคณะกรรมการเอง” เผยหนานเจวี๋ยสูดหายใจลึก พูดด้วยสีหน้าจริงจัง


 


 


 “ครับ” ผู้ช่วยพูดจบ ไม่ได้ถามอีก


 


 


           หลังจากผู้ช่วยออกไป เผยหนานเจวี๋ยทำแผนวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของโครงการลงทุนนี้เสร็จแล้ว จากนั้นก็ส่งอีเมล์ไปให้คณะกรรมการ


 


 


           หลังจากส่งไปแล้ว เผยหนานเจวี๋ยเปิดหน้าเว็บหลัก รีเฟรชหน้าเว็บและพบว่าหัวข้อในเว็บไป๋ตู้ได้เปลี่ยนไปแล้ว


 


 


           ม่านตาหดลง เขาเรียกดูข้อมูลในหน้าเว็บอย่างรวดเร็ว


 


 


           “ภาพของทูตฉู่เจียเสวียนบริจาคเลือดสองร้อยห้าสิบมิลลิลิตรให้เด็กกำพร้าโดยไม่หวังผลตอบแทน”


 


 


           “วีดีโอที่ซาบซึ้งที่สุดแห่งปี”


 


 


“……”


 


 


           จากนั้นเผยหนานเจวี๋ยก็เปิดดูในเว็บหลักอื่น พบว่าพาดหัวข่าวข้างในก็เปลี่ยนไปหมดแล้ว


 


 


           คลิ๊กเปิดวีดีโอ เห็นฉู่เจียเสวียนที่ยิ้มมีเสน่ห์อยู่ข้างใน แววตาของเธอที่มองเด็กหญิงข้างกายเธอนั้นเปี่ยมด้วยความเอ็นดู


 


 


           ทันใดนั้นมือที่จับเมาส์ก็กำแน่น เขาคิดไม่ถึงเลยว่าฉู่เจียเสวียนจะแก้ปัญหาได้เร็วถึงเพียงนี้ ริมฝีปากบอบบางเม้มกันจนเป็นเส้นตรง สีหน้าเปลี่ยนเป็นมืดมน


 


 


           เสียงเคาะประตูออฟฟิศดังขึ้น เสียงที่มืดมนของเผยหนานเจวี๋ยดังขึ้น “เข้ามา”


 


 


           “ประธานเผย ทางผู้กำกับหยางตอบกลับมาแล้ว อยากจะเชิญคุณไปงานแถลงข่าวด้วยกัน”


 


 


           “ไม่สนใจ” เผยหนานเจวี๋ยพูดเสียงคมกริบ สีหน้าน่ากลัวราวกับอสูร บรรยากาศทั่วร่างกายเยือกเย็นถึงจุดต่ำสุด “ระงับการลงทุน!”


 


 


           “อะไรนะ?” ผู้ช่วยตกใจ เหมือนกับว่าฟังผิด ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองไปชั่วขณะหนึ่ง


 


 


           “ผมบอกให้ระงับการลงทุน! คุณหมดหน้าที่แล้ว” พูดเยือกเย็นอีกครั้ง ความโกรธที่อธิบายไม่ได้ก่อตัวขึ้นในใจของเผยหนานเจวี๋ย ส่วนโกรธเรื่องอะไรนั้นเขาเองก็บอกไม่ได้


 


 


           ยิ่งคิดก็ยิ่งว้าวุ่นใจ เผยหนานเจวี๋ยลุกขึ้น คว้าเสื้อโค้ทเดินออกไปนอกออฟฟิศแล้ว


 


 


           ผู้ช่วยมองดูเผยหนานเจวี๋ยที่ก้าวฉับๆ จากไป มองดูเขาเข้าลิฟท์ผู้บริหาร ลูบๆ จมูก ถือเอกสารอยู่ในมือ สีหน้างงงวย


 


 


           เขาเป็นอะไรไป นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเผยหนานเจวี๋ยระงับการลงทุน มันไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะสร้างความสัมพันธ์กับผู้กำกับได้ เฮ้อ ช่างเถอะ คำสั่งของเจ้านายใครกล้าขัดบ้าง


 


 


           เดินยังไปที่ออฟฟิศอย่างยอมรับชะตากรรม เริ่มยกสายโทรศัพท์…


 


 


 


 


      ตอนที่ 291 การพลิกผันที่สมบูรณ์แบบ


 


 


           ในวิลล่า ฉู่เจียเสวียน ถังถัง และกงจวิ้นฉือกำลังจ้องอยู่ที่คอมพิวเตอร์ เห็นอัตราการคลิกด้านบนและหน้าความคิดเห็นในที่สุดก็ยิ้มได้


 


 


           ฉวินจ้งอี : [นี่คือวีดีโอของจริง]


 


 


           ฉันคือพ่อของเธอ : [คิดไม่ถึงว่าฉู่เจียเสวียนจะจิตใจดีขนาดนี้ ฮือฮือ…ฉันประทับใจซะแล้ว]


 


 


           อู๋จวินหรูตัวปลอม : [ฉู่เจียเสวียนงามมาก]


 


 


           ลู่เฟย : [คนสวยจิตใจสวยกว่า]


 


 


           กรุณาเรียผมว่าสุภาพบุรุษ : [พระเจ้า อยากแต่งผู้หญิงแบบนี้เป็นศรีภรรยา]


 


 


           เสน่ห์ยามค่ำคืน : [ผู้หญิงจิตใจดีแบบนี้ จะทำร้ายคนได้ยังไง?]


 


 


           คนผ่านทาง : [ได้ข่าวว่าฉู่เจียเสวียนเป็นดีไซเนอร์มือทอง ชุดแต่งงานที่นางออกแบบเริ่ดมากนะ]


 


 


“……”


 


 


           เมื่อได้อ่านความคิดเห็นที่เกี่ยวกับฉู่เจียเสวียนข้างต้น ผู้คนจำนวนมากได้หันเหไปหาฉู่เจียเสวียนแล้ว ส่วนคำพูดที่ไม่รื่นหูก็กลับไปหาฉู่อีอี


 


 


           “เอาล่ะ แก้ปัญหาได้แล้ว เจียเสวียน คราวนี้ฉู่อีอีจะต้องโมโหหนักแน่นอน!” ถังถังลากหน้าเว็บมาจนล่างสุด บนใบหน้ามีความภูมิใจ


 


 


           ริมฝีปากแดงของฉู่เจียเสวียนยกยิ้ม ดวงตามีรอยยิ้ม “วันนี้ลำบากพวกคุณมากเลย”


 


 


           “เฮ้ย พูดอะไรเนี่ย เพื่อนลำบากจะไม่ช่วยได้ยังไง ร้านชุดแต่งงานของพวกเราต้องดังแน่ๆ ฮาฮา…” ถังถังกล่าวกับฉู่เจียเสวียน เธออยากรู้จริงๆ ว่าตอนนี้ฉู่อีอีมีอาการอย่างไร


 


 


           บนใบหน้าของกงจวิ้นฉือก็มีรอยยิ้มอบอุ่นเช่นกัน ดวงตาที่มองฉู่เจียเสวียนมีความรักลึกซึ้ง


 


 


           “ทุกคนคงหิวแล้วสินะ มากินมื้อดึกกันเถอะ”


 


 


           เสียงของซูซานซานดังขึ้นได้จังหวะพอดี เรียกทั้งสามคนให้กินมื้อดึกที่โต๊ะกินข้าว หลังจากที่รู้ว่าพวกเขาหาวิธีแก้ปัญหาได้แล้ว ซูซานซานก็เข้าห้องครัวไปเตรียมมื้อดึกแล้ว


 


 


           ทั้งสี่คนทานมื้อดึกบนโต๊ะอาหารอย่างมีความสุข ทั้งพูดคุยและหัวเราะกัน


 


 


           “เจียเสวียน พรุ่งนี้ต้องซื้อกระดาษเอสี่มาเยอะๆ ถึงจะถูก” ถังถังกินโจ๊กไปคำหนึ่งแล้วพูด


 


 


           “ทำไมล่ะ” เอ่ยถามสงสัย แววตาที่มองถังถังมีความงุนงง เพิ่งซื้อกระดาษเอสี่กลับมาไม่ใช่เหรอ เยอะขนาดนั้น คาดว่าน่าจะเพียงพอให้พวกเธอใช้ได้ถึงสองเดือนแล้วมั้ง


 


 


           “ฉันกลัวว่าธุรกิจจะลุกเป็นไฟ” ถังถังหัวเราะอย่างไร้พิษสง จากนั้นก็ก้มหน้ากินโจ๊ก


 


 


           ฉู่เจียเสวียนหลุดขำ ถังถังคนนี้ไม่ผ่อนคลายสักวินาทีเลยจริงๆ


 


 


           กงจวิ้นฉือที่นั่งข้างๆ หัวเราะแต่ไม่ได้พูดอะไร หลังจากซูซานซานรู้ว่าแก้ปัญหาได้เรียบร้อยแล้ว รอยยิ้มก็เอ่อล้นอยู่ในดวงตา


 


 


           “จริงสิ เจียเสวียน คุณย่าบอกว่า พรุ่งนี้ให้คุณแวะไปกินข้าว” จู่ๆ กงจวิ้นฉือเหมือนกับนึกอะไรขึ้นได้ เอ่ยปากกับฉู่เจียเสวียน


 


 


           ตั้งแต่ที่คุณย่าของกงจวิ้นฉือออกจากโรงพยาบาล ฉู่เจียเสวียนก็ไปเยี่ยมเธอทุกวัน เดิมทีคุณย่าของกงจวิ้นฉือไม่ชอบฉู่เจียเสวียน แต่ว่าตั้งแต่ตอนที่เธอเดินเล่นอยู่ใต้นึกโรงพยาบาลคราวก่อน จู่ๆ อาการก็กำเริบ โชคดีที่ฉู่เจียเสวียนมาทันเวลา จึงช่วยเธอเอาไว้ได้ ไม่เช่นนั้นก็อาการร้ายแรงและรักษายากแล้ว


 


 


           จากนั้น เธอก็เปลี่ยนทัศคติที่มีต่อฉู่เจียเสวียน และไม่ห้ามกงจวิ้นฉือให้คบกับฉู่เจียเสวียนอีก แม้แต่ยังให้กงจวิ้นฉือพาฉู่เจียเสวียนกลับไปกินข้าวเป็นครั้งคราว


 


 


           ถังถังได้ยินคำพูดของกงจวิ้นฉือ จากนั้นริมฝีปากก็ยกยิ้ม “เมื่อไรจะมีงานเลี้ยงของพวกเธอล่ะ”


 


 


           ขณะที่พูดประโยคนี้ออกไป ถังถังก็รู้สึกปวดใจ แต่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มหวาน เพื่อนสนิทมีความสุข เธอควรจะดีใจกับเธอไม่ใช่เหรอ


 


 


           ฉู่เจียเสวียนได้ยินคำพูดของถังถังก็หัวเราะ “จะรีบทำไม เธอยังไม่มีแฟนเลย”


 


 


           “ขอเพียงเจียเสวียนเต็มใจ ผมน่ะเมื่อไรก็ได้”


 


 


           เสียงอบอุ่นของกงจวิ้นฉือดังขึ้น ไม่ดังไม่เบาแต่ได้ยินทั่วถึงกัน


 


 


           เงยหน้าขึ้นสบตาที่ลึกซึ้งของกงจวิ้นฉือ ฉู่เจียเสวียนรู้สึกอ่อนไหว “พรุ่งนี้จะไปกินข้าวเมื่อไร”


 


 


           ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปาก ใบหน้ามีรอยยิ้ม มีเขาอยู่ข้างกาย เธอรู้สึกสบายใจจริงๆ อย่างน้อยก็ไม่เคยมีใครดีกับเธอเหมือนเขามาก่อน


   ตอนที่ 292 ฉันเชื่อว่าฉันจะยอมรับเขาได้


 


 


           “บ่ายพรุ่งนี้ผมจะไปรับคุณ” กงจวิ้นฉือเอ่ย ดวงตามีความอ่อนโยนเห็นได้ชัด


 


 


           เมื่อถังถังเห็นความอ่อนโยนในแววตาของกงจวิ้นฉือแล้ว เบือนสายตาอย่างรวดเร็ว


 


 


           ซูซานซานชำเลืองดูฉู่เจียเสวียนจากนั้นก็มองดูกงจวิ้นฉือแล้วยิ้ม นิ่งเงียบไม่พูดจา


 


 


           ฉู่เจียเสวียนพยักหน้า จากนั้นก็ก้มหน้ากินโจ๊กในถ้วยของตัวเอง


 


 


           หลังจากมื้อดึก กงจวิ้นฉือออกจากวิลล่าของฉู่เจียเสวียนไปแล้ว ส่วนถังถังถูกฉู่เจียเสวียนบังคับให้อยู่ต่อ ดึกมากแล้วเธอไม่ไว้ใจให้เธอขับรถกลับบ้านตามลำพัง


 


 


           “อัยยา ฉันก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว” ถังถังนั่งอยู่บนโซฟา มองฉู่เจียเสวียนเอ่ยปากไม่พอใจ มุ่ยปากแดงๆ


 


 


           “ไม่ดึกอะไรกัน ใกล้จะตีหนึ่งแล้ว เธอยังกล้าออกไปอีก รีบขึ้นไปนอนซะ พรุ่งนี้ไปที่บริษัทด้วยกัน” ฉู่เจียเสวียนยิ้มเอ่ย พูดจบก็เดินไปยังห้องนอนชั้นบน


 


 


           ถึงเธอไม่เหนื่อยก็เหนื่อยจะแย่แล้ว คืนนี้เธอตื่นเต้นมากเกินไป หลังจากทานมื้อดึกเรียบร้อยฉู่เจียเสวียนก็เรียกให้ซูซานซานไปนอนแล้ว ดังนั้นในเวลานี้มีเพียงเธอกับถังถังที่ยังไม่นอน


 


 


           ถังถังตามหลังฉู่เจียเสวียนไป ขึ้นไปอย่างไม่เต็มใจแล้ว


 


 


           ในห้องนอน ฉู่เจียเสวียนกับถังถังนอนอยู่บนเตียง ทั้งสองคนหลับตา ถ้าหากถังถังไม่เอ่ยปากอย่างกะทันหัน ก็ต้องนึกว่าทั้งสองคนหลับไปแล้ว


 


 


           “เจียเสวียน” จู่ๆ ถังถังพูดขึ้น ศอกกระทุ้งแขนของเธอเบาๆ


 


 


           “หลับแล้ว”


 


 


           “โกหก!”


 


 


           “ฮาฮา…ถังถัง อย่าเสียงดังสิ ดึกมากแล้ว” ฉู่เจียเสวียนหัวเราะเอ่ย หลบกรงเล็บของถังถังที่ยื่นมาไม่หยุดหย่อน


 


 


           ถังถังจะยอมปล่อยเธอไปทั้งแบบนี้ที่ไหนกัน “ไหนเธอบอกว่านอนแล้วไง หา? ทำไมตอนนี้ถึงพูดได้ล่ะ”


 


 


           หลังจากที่ทั้งสองหยอกล้อกันสักพักจึงค่อยๆ สงบลงมา หน้าอกของทั้งสองคนต่างกระเพื่อมไม่หยุด หายใจหอบเฮือกใหญ่


 


 


           หลังจากจ้องเพดานอยู่ครู่หนึ่งถังถังจึงเอ่ยปาก “เจียเสวียน ตอนนี้เธอรู้สึกยังไงกับกงจวิ้นฉือ ในใจยอมรับเขาแล้วยัง”


 


 


           พูดมาจนถึงตอนสุดท้าย ถังถังหลับตา ปกปิดความรู้สึกที่อยู่ในแววตา


 


 


           เห็นได้ชัดว่าฉู่เจียเสวียนคาดไม่ถึงว่าจู่ๆ ถังถังจะเอ่ยถามเช่นนี้ หลังจากอึ้งอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหัว สำหรับกงจวิ้นฉือแล้ว ที่จริงเธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร


 


 


           วันนี้กงจวิ้นฉือปรากฏตัวอย่างฉับพลันและปกป้องเธอ จะบอกว่าไม่ซาบซึ้งก็โกหกแล้ว


 


 


           “ฉันเชื่อว่าสักวันหนึ่ง หัวใจของฉันจะยอมรับเขาได้อย่างสมบูรณ์” ผ่านไปเนิ่นนาน น้ำเสียงของฉู่เจียเสวียนจึงดังขึ้น ดวงตาจ้องเพดานเอ่ยด้วยความมั่นใจ


 


 


           เมื่อก่อนนั้นเธอยังคงลังเลเล็กน้อย แต่ว่าพอผ่านเรื่องในช่วงนี้มาแล้ว ฉู่เจียเสวียนตัดสินใจที่จะยอมรับเขา เธอเชื่อว่าสักวันหนึ่ง เธอจะต้องหลงรักกงจวิ้นฉืออย่างแน่นอน


 


 


           “เจียเสวียน จวิ้นฉือเป็นผู้ชายที่ดี ฉันหวังว่าเธอจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง” ถังถังพลิกตัว เอามือเท้าศีรษะ มองฉู่เจียเสวียนพูดด้วยความจริงจังมาก


 


 


           ทั้งสองคนต่างเป็นเพื่อนสนิทกัน เธอหวังว่าพวกเขาจะเจอความสุขกันจริงๆ ขอเพียงพวกเขาสองคนมีความสุข เธอจึงจะมีความสุขด้วย ความรักของเธอที่มีต่อเขานั้นเธอจะฝังมันไว้ส่วนลึกในหัวใจ ไม่ปล่อยให้พวกเขารู้ ขอเพียงพวกเขามีความสุขก็พอแล้ว


 


 


           เมื่อสบสายตาที่เอาจริงเอาจังอย่างกะทันหันของถังถัง ฉู่เจียเสวียนอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้า “วางใจเถอะ เขาดีกับฉันแบบนี้ ฉันจะพยายามรักเขา ส่วนเธอน่ะ เมื่อไรจะมีแฟนล่ะ อายุก็เยอะแล้วนะ”


 


 


           ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปากแซวถังถัง แววตาที่มองเธอเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม เธอไม่เพียงอยากให้ตัวเองมีความสุข เธอก็อยากให้เธอมีความสุขเช่นกัน เธอหวังว่าต่อไปถังถังจะได้เจอคนที่เธอรักและคนนั้นก็รักเธอด้วย นี่คือการเริ่มต้นของความรัก


 


 


           “เธอว่าฉันแก่?” ถังถังกล่าวขึงขัง แววตาที่มองฉู่เจียเสวียนเปื้อนยิ้ม


 


 


           แน่นอนว่าเธอรู้ความหมายของฉู่เจียเสวียน แต่ว่าเรื่องนี้มันเร่งกันไม่ได้ คนที่เธอชอบอย่างยากลำบากตอนนี้ก็มีคนอยู่ในใจแล้ว เธอยิ้มขมขื่นในใจ


 


 


 


 


      ตอนที่ 293 ตัวเองต้องรับในความผิดที่ตัวเองก่อ


 


 


           “เปล่านะ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เธอก็คือนางฟ้าในใจของฉัน เอาเถอะ ดึกมากแล้ว พวกเรารีบเข้านอนเถอะ ไม่งั้นพรุ่งนี้จะตื่นไม่ไหว” ฉู่เจียเสวียนพูดพลางห่มผ้าให้ถังถัง


 


 


           ที่จริงในวิลล่าของฉู่เจียเสวียนมีห้องรับแขก แต่ว่าถังถังไม่อยากนอนคนเดียวจะต้องตัวติดกับเธอ และต้องการนอนด้วยกันกับเธอ


 


 


           ถังถังพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง จากนั้นทั้งสองคนก็หลับตา


 


 


           กลางคืนยิ่งล่วงเลยก็ยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้น


 


 


           ในวิลล่าบ้านเผย


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยเพิ่งจะเข้าบ้าน ก็เห็นฉู่อีอีนั่งอยู่บนโซฟา


 


 


           ฉู่อีอีได้ยินเสียงเคลื่อนไหว รีบลุกขึ้นจากโซฟาทันที หันหลังไปก็เห็นเผยหนานเจวี๋ยอยู่ด้านหลัง ไม่พูดไม่จาก็รี่เข้าไปหาพร้อมกล่าวด้วยความคับค้องใจ “หนานเจวี๋ย ทำยังไงดี คนด่าฉันในอินเทอร์เน็ตเต็มเลย ทำยังไงดี อาชีพการแสดงของฉันจะจบลงจริงๆ เหรอ”


 


 


           “ไม่หรอก” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปากเย็นชา มือทั้งสองกำแน่นอยู่ข้างลำตัว จากนั้นก็ผ่อนคลาย ปล่อยให้ฉู่อีอีซบอยู่ในอ้อมอก


 


 


           ได้ยินเสียงที่เย็นยะเยือกของเผยหนานเจวี๋ย ฉู่อีอีตื่นตกใจ จากนั้นก็กล่าวอีกครั้ง “หนานเจวี๋ย คุณ…เห็นฉันถูกพวกเขาด่าแบบนี้คุณปวดใจหรือเปล่า”


 


 


           น้ำตาเอ่อล้นในดวงตาของฉู่อีอี พูดอย่างระมัดระวัง


 


 


           “พวกเขาจะวิจารย์ยังไงผมทำอะไรไม่ได้ อีอี ถ้าหากคุณรู้สึกทุกข์ใจ งั้นก็อย่าดูสิ คุณอย่าถือเป็นเรื่องใหญ่เลย”


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยพูดจบ ก้าวเท้าเดินไปยังโซฟาและหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟา ฉู่อีอีเดินตามไปนั่งลงข้างเขา ฉู่อีอีมองดูผู้ชายสีหน้าเย็นชาข้างกายเธอ กัดริมฝีปาก พยายามทำสีหน้าอ่อนแอ เอ่ยปากอย่างไม่เต็มใจ “ฉันจะไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่ได่ยังไง ฉันไม่ไปดูไม่ได้หรอก ผู้กำกับพวกนั้นเห็นพวกเขาวิจารณ์ฉันแบบนี้ จะคิดกับฉันยังไง คุณช่วยฉันหน่อยได้หรือเปล่า”


 


 


           ได้ยินคำพูดของฉู่อีอี เผยหนานเจวี๋ยมองฉู่อีอีอย่างเฉยเมย แววตาราวกับว่าต้องการมองทะลุเธอ


 


 


           เมื่อเห็นสายตาที่น่ากลัวของเผยหนานเจวี๋ยแล้ว ฉู่อีอีใจคอไม่ดี แต่ว่ายังคงมีสีหน้าอ่อนหวาน “หนานเจวี๋ย ทำไมคุณมองฉันแบบนั้น”


 


 


           ริมฝีปากบางอ้าออกเล็กน้อย เผยหนานเจวี๋ยเอ่ย “ใครให้คุณปล่อยให้คนอื่นเดาสุ่มสี่สุ่มห้าในงานแถลงข่าวล่ะ ทำให้ทุกคนพุ่งเป้าหมายไปที่ฉู่เจียเสวียน? อีอี ผมก็บอกกับคุณแล้วว่าไม่ให้คุณทำเรื่องที่ไม่จำเป็นอีก ทำไมคุณถึงไม่ฟังล่ะ”


 


 


           “ตอนนี้ผลกระทบกลายเป็นแบบนี้ ไม่ว่าผลจะเป็นยังไงคุณก็ต้องรับมันไว้”


 


 


           คำพูดของเผยหนานเจวี๋ยทำให้ร่างกายฉู่อีอีแข็งทื่อ มองเขาด้วยสายตาเหลือเชื่อ ทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ เขารู้ได้อย่างไร


 


 


           ไม่ทันรอให้ฉู่อีอีเอ่ยปาก เผยหนานเจวี๋ยพูดต่อ “ดึกมากแล้ว ผมจะไปอาบน้ำ คุณพักผ่อนเร็วหน่อย หลับไปก็ไม่ไปคิดถึงเรื่องพวกนี้แล้ว เดี๋ยวเรื่องมันก็จะผ่านไป”


 


 


           พูดจบ เผยหนานเจวี๋ยลุกขึ้นไปชั้นบนก่อน ปล่อยให้ฉู่อีอีอยู่ในห้องรับแขก ดวงตาจับจ้องเงาของเผยหนานเจวี๋ยที่หายลับไป


 


 


           ทำไม ทำไมเหตุการณ์ถึงอยู่เหนือความควบคุมของเธออีกแล้ว ทั้งๆ ที่เธอคิดคำนวณทุกอย่างไว้อย่างดี ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห แววตาของฉู่อีอีเปลี่ยนเป็นมืดมน


 


 


           ฉู่เจียเสวียน เธอนี่มันดวงดีจริงๆ คิดไม่ถึงว่าคราวนี้ก็พลิกตัวกลับมาได้อีก คราวหน้า ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอหลุดไปง่ายๆ แบบนี้อย่างแน่นอน!


 


 


           ตอนเย็นของวันถัดไป กงจวิ้นฉือปรากฏตัวที่หน้าร้านเช่าชุดแต่งงานของฉู่เจียเสวียนในเวลาที่เธอเลิกงาน


 


 


           ในออฟฟิศ ฉู่เจียเสวียนกำลังวุ่นโดยที่ไม่รู้เลยว่าได้เวลาเลิกงานแล้ว จนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น เมื่อฉู่เจียเสวียนเห็นกงจวิ้นฉือที่ปรากฏตัวอยู่หน้าประตูจึงรู้ตัวในภายหลัง


 


 


           “เลิกงานได้แล้ว เจียเสวียน ทำไมคุณถึงยังยุ่งอยู่อีก แล้วถังถังล่ะ?” เสียงอบอุ่นของกงจวิ้นฉือดังขึ้น กวาดตามองรอบออฟฟิศ พบว่าที่นั่งของถังถังว่างเปล่า


ตอนที่ 294 เขาทำกับเธอไม่ดีหรือเปล่า


 


 


           ริมฝีปากแดงยกยิ้ม ฉู่เจียเสวียนยิ้มเอ่ย “เขามีรายละเอียดต้องคุยกับลูกค้านิดหน่อย ก็เลยออกไปแล้ว คุณรอฉันแป๊บนึง ฉันเก็บของเสร็จก็โอเคแล้ว”


 


 


           ฉู่เจียเสวียนพูดจบ ลงมือจัดร่างการออกแบบในมือของเธอ


 


 


           กงจวิ้นฉือเดินมาข้างโต๊ะ ยื่นมือช่วยฉู่เจียเสวียนจัดโต๊ะที่ไม่เป็นระเบียบของเธอ


 


 


           หลังจากจัดของเสร็จแล้ว ฉู่เจียเสวียนหยิบกระเป๋าและออกจากร้านเช่าชุดแต่งงานกับกงจวิ้นฉือ ขับรถไปยังบ้านของคุณย่ากงจวิ้นฉือทันที


 


 


           “อัยยา เจียเสวียน ทำไมมาช้าแบบนี้” คุณย่ากงออกมาหน้าประตู เห็นฉู่เจียเสวียนกับกงจวิ้นฉือลงมาจากรถพอดี รีบเข้าไปหา


 


 


           “คุณย่า ฉันก็มาแล้วนี่ไงคะ” ฉู่เจียเสวียนยิ้มเอ่ย เอื้อมมือประคองคุณย่ากงเดินเข้าบ้านไป


 


 


           กงจวิ้นฉือมองฉู่เจียเสวียนกับคุณย่าของเขาที่ตอนนี้เข้ากันอย่างกลมกลืนเช่นนั้น รอยยิ้มปรากฏในดวงตา


 


 


           เขาเคยกลัวมากว่าคุณย่าจะไม่เต็มใจยอมรับฉู่เจียเสวียน แต่ว่ายังดีที่ตอนนี้ในที่สุดคุณย่าของเขายอมรับเธอแล้ว คิดๆ แล้วหัวใจของกงจวิ้นฉือก็เบิกบาน ก้าวเท้าตามหลังทั้งสองคนไป


 


 


           ในห้องรับแขก ฉู่เจียเสวียนกับคุณย่ากงนั่งคุยกันอยู่บนโซฟา


 


 


           “คุณย่าคะ นี่คือชาชั้นดีที่ฉันตั้งใจเอามาให้คุณย่า คุณย่าต้องดื่มเยอะๆ นะคะจะได้เป็นประโยชน์กับร่างกายของคุณย่า”


 


 


           “เจ้าเด็กคนนี้ มาก็พอแล้วยังจะเอาของฝากมาอีก?” คุณย่ากงจับมือของฉู่เจียเสวียน ยิ้มด้วยใบหน้าสดใส ตอนนี้ยิ่งเธอมองฉู่เจียเสวียนก็ยิ่งพอใจ


 


 


           โดยเฉพาะเมื่อเห็นวีดีโอสั้นๆ ของเธอเมื่อวาน อคติในใจที่มีต่อฉู่เจียเสวียนก็หายวับไปแล้ว


 


 


           หลังทานข้าว ฉู่เจียเสวียนถูกคุณย่ากงลากตัวเข้าไปในห้องอ่านหนังสือ กงจวิ้นฉือเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้ห้ามปราม ได้แต่นั่งรออยู่ในห้องรับแขกเงียบๆ


 


 


           ในห้องอ่านหนังสือ


 


 


           คุณย่ากงลากฉู่เจียเสวียนนั่งลงบนโซฟา


 


 


           “เจียเสวียน เธอโกรธฉันหรือเปล่า” จู่ๆ คุณย่ากงก็พูดออกมาแบบนี้ ทำให้ฉู่เจียเสวียนประหลาดใจไปชั่วขณะหนึ่ง


 


 


           จากนั้นเมื่อเรียกสติกลับมาก็ส่ายหัว “เปล่าค่ะคุณย่า เรื่องนั้นมันก็ผ่านไปแล้ว”


 


 


           เธอไม่โทษเธอเลยสักนิด หากเป็นคนอื่นก็จะต้องเป็นอย่างเธอแน่นอน ถึงอย่างไรเธอก็คือผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว มันเป็นเรื่องยากสำหรับผู้เฒ่าผู้แก่ที่จะเต็มใจยอมรับ


 


 


           “จริงเหรอเจียเสวียน พอย่านึกได้ว่าตอนนั้นใจร้ายกับเธอมาก ย่าก็ปวดใจ” คุณย่ากงพูด ในดวงตามีน้ำตาคลอน้อยๆ


 


 


           ฉู่เจียเสวียนตกใจ เธอนึกว่าคุณย่ากงอยากพูดเรื่องอะไรกับเธอเสียอีกถึงได้ปลีกตัวออกมาจากกงจวิ้นฉือ คิดไม่ถึงว่าเธอจะพูดเรื่องนี้กับเธอ


 


 


           “คุณย่า คุณย่าอย่าทำแบบนี้สิคะ ฉันไม่ถือสาเลยจริงๆ จริงๆ ค่ะ” ราวกับฉู่เจียเสวียนต้องการจะรับประกันอะไรบางอย่าง มองดูคุณย่ากงแล้วรีบเอ่ยปาก


 


 


           คุณย่ากงได้ยินแล้วก็พยักหน้า กระพริบตาที่ขุ่นมัว จากนั้นก็ยิ้ม


 


 


           “เจียเสวียน เธอไม่ถือสาก็ดีแล้ว ดูว่ามีฤกษ์งามยามดีเมื่อไรแล้วแต่งงานกับกงจวิ้นฉือเถอะ” คุณย่ากงเอ่ย ดวงตาที่มองฉู่เจียเสวียนเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม


 


 


           คำพูดของคุณย่ากงทำให้ฉู่เจียเสวียนตกใจ เธอไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย


 


 


           เห็นฉู่เจียเสวียนที่อึ้งไปกะทันหัน จู่ๆ คุณย่ากงก็สงสัย “เจียเสวียน เธอกำลังคิดอะไรอยู่ หรือว่าเธอไม่คิดแต่งงานกับจวิ้นฉือ? เขาทำกับเธอไม่ดีหรือเปล่า”


 


 


           คุณย่ากงเอ่ยปากถาม มองดูดวงตาสดใสของฉู่เจียเสวียนไม่กระพริบ


 


 


           ดึงสติกลับมา ฉู่เจียเสวียนยิ้มแล้วส่ายหน้า “คุณย่าคะ ไม่รีบหรอกค่ะ ตอนนี้ฉันกับกงจวิ้นฉือยังมีเรื่องสำคัญมากมายที่ต้องทำ รออีกสักพักค่อยว่ากันเถอะค่ะ”


 


 


 


 


       ตอนที่ 295 ความลับ


 


 


           เสียงที่สดใสของฉู่เจียเสวียนดังขึ้น


 


 


           คุณย่าครุ่นคิดและเพียงแค่พยักหน้า


 


 


           คนหนุ่มสาวสมัยนี้มีความคิดเป็นของตัวเอง หากเธอก้าวก่ายมากไปมีแต่จะทำให้รำคาญ เช่นนั้นก็ตามใจพวกเขาเถอะ เรื่องของพรหมลิขิตพวกนี้มันฝืนกันไม่ได้


 


 


           “คุณย่าคะ ฉันควรกลับแล้ว คุณย่าร่างกายไม่ดีต้องรีบพักผ่อนรู้ไหมคะ” ฉู่เจียเสวียนกล่าว น้ำเสียงเป็นห่วง


 


 


           คุณย่ากงได้ยินแล้วก็พยักหน้าหงึกหงัก เดินออกจากห้องหนังสือจากการประคองของฉู่เจียเสวียน


 


 


           พอกงจวิ้นฉือเห็นว่าฉู่เจียเสวียนออกมากับคุณย่ากง รีบเข้าไปหาทันที เห็นรอยยิ้มของฉู่เจียเสวียนก็เลิกคิ้วเล็กน้อย


 


 


           ระหว่างทางกลับบ้าน กงจวิ้นฉือมองดูใบหน้าที่สวยงามของฉู่เจียเสวียน ความอ่อนโยนในใจนั้นนุ่มนวลราวกับสายน้ำ


 


 


           “เจียเสวียน เมื่อกี้คุณย่าพูดอะไรกับคุณเหรอ คืนนี้ดูเขามีความสุขเป็นพิเศษ” กงจวิ้นฉือเอ่ยปากทำลายความเงียบ


 


 


           ในหัวพลันนึกถึงตอนที่คุณย่ากงคุยกับเธอ ฉู่เจียเสวียนส่ายหน้า “ความลับ”


 


 


           กระพริบตาด้วยความขี้เล่น ฉู่เจียเสวียนไม่ได้พูดอะไรอีก สายตามองทิวทัศน์ที่แล่นถอยหลังนอกหน้าต่าง


 


 


           กงจวิ้นฉือหัวเราะแล้วก็ไม่ได้ถามอีก เพียงแต่ตั้งใจจ้องมองใบหน้าด้านข้างที่ละเอียดอ่อนของฉู่เจียเสวียน


 


 


           เมื่อส่งฉู่เจียเสวียนถึงบ้านแล้วกงจวิ้นฉือจึงจากไป


 


 


           ตั้งแต่ที่วีดีโอสั้นๆ ของฉู่เจียเสวียนถูกปล่อยออกไป เธอก็กลายเป็นคนดังชั่วข้ามคืน ประกอบกับเธอเป็นที่รู้จักไม่น้อยอยู่แล้ว ครั้งนี้ชื่อของเธอยิ่งดังเข้าไปอีก


 


 


           เช้าตรู่ ฉู่เจียเสวียนที่ยังสลึมสะลือถูกเสียงโทรศัพท์ปลุกให้ตื่น ยื่นมือออกไปรับสาย “ฮัลโหล”


 


 


           “ฮัลโหล คุณฉู่ ฉันเป็นนักข่าวของเอเจนซี่จงยางนะคะ ไม่ทราบว่าคุณสะดวกให้ฉันสัมภาษณ์สักครู่ไหมคะ”


 


 


           สัมภาษณ์? ฉู่เจียเสวียนที่กำลังงัวเงียนั้นได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สมองช้อตไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติทันที “ขอโทษนะคะ ไม่สะดวก”


 


 


           พูดจบก็วางหู


 


 


           ไม่นาน เสียงโทรศัพท์น่ารำคาญก็ดังขึ้นอีก เอื้อมมือรับสายอย่างหงุดหงิด “ฮัลโหล คุณฉู่คะ ฉันมาจากสำนักหนังสือพิมพ์หลานเทียน ไม่ทราบว่า…”


 


 


           ฉู่เจียเสวียนโมโหจนวางสาย แม้กระทั่งปิดเครื่อง


 


 


           น่ารำคาญชะมัด คิดจะนอนให้เต็มอิ่มสักหน่อยก็ไม่ได้ คิดอย่างหงุดหงิดในใจ เปิดผ้าห่มออกแล้วลงจากเตียง ล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้วก็ลงไปข้างล่าง


 


 


           ที่ชั้นล่าง ซูซานซานเตรียมอาหารเช้าเสร็จแล้ว เมื่อเห็นฉู่เจียเสวียนลงมา รอยยิ้มอยู่บนใบหน้า “เจียเสวียนตื่นแล้วเหรอ มากินข้าวเช้าสิ”


 


 


           “อรุณสวัสดิ์ค่ะแม่” ฉู่เจียเสวียนยื่นสองมือออกไปกอดซูซานซานแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ เริ่มทานอาหารเช้าแสนอร่อย


 


 


           “อรุณสวัสดิ์อะไรล่ะ วันนี้โทรศัพท์ที่บ้านดังไม่หยุดตั้งแต่เช้าแล้ว สายของลูกทั้งนั้น” ซูซานซานกล่าว นั่งลงตรงข้ามฉู่เจียเสวียน


 


 


           “อะไรนะคะ โทรมาที่บ้านเหรอ” ฉู่เจียเสวียนพูดอย่างปวดหัว


 


 


           เพิ่งพูดจบ โทรศัพท์ในห้องรับแขกก็ดังขึ้นแล้ว


 


 


           เงยหน้าขึ้นมองซูซานซาน ฉู่เจียเสวียนมีท่าทีเหนื่อยหน่าย


 


 


           หลังมื้อเช้า ขณะที่ฉู่เจียเสวียนไปถึงร้านเช่าชุดแต่งงาน ยังไม่ทันจอดรถ เธอก็ถูกห้อมล้อมทันที


 


 


           ฉู่เจียเสวียนมองดูผู้คนนอกรถ คิ้วขมวดเข้าหากัน การซ่อนตัวอยู่อย่างนี้ไม่ใช่ทางออก หลังจากฉู่เจียเสวียนค่อยๆ จอดรถเรียบร้อยแล้วก็ลงมาจากรถ


 


 


           บนใบหน้ามีรอยยิ้มสวยงาม ผมที่ม้วนเป็นลอนเล็กน้อยทิ้งตัวตามสบายอยู่ด้านหลัง สวมชุดสูทที่ตัดมาอย่างพอดีตัวซึ่งเข้ากันได้ดีกับความงดงามของฉู่เจียเสวียน


 


 


           นักข่าวเห็นฉู่เจียเสวียนลงมาจากรถ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายฉู่เจียเสวียนอย่างต่อเนื่อง


 


 


           “คุณฉู่ ขอถามหน่อยครับมีความเห็นยังไงกับเรื่องที่คุณดังข้ามคืนครับ”


 


 


           “คุณฉู่คะ ไม่ทราบว่าจะเข้าวงการบันเทิงหรือเปล่าคะ”


 


 


           “คุณฉู่ ได้ยินว่าคุณเป็นดีไซเนอร์มือทอง ขอถามหน่อยว่าคุณทำได้ยังไงคะ”


 


 


           “คุณฉู่คะ…”


       ตอนที่ 296 เธอดังแล้ว


 


 


           เผชิญหน้ากับนักข่าวที่ยิงคำถามรัวๆ ฉู่เจียเสวียนพยายามรักษารอยยิ้มที่สง่างงามบนใบหน้า


 


 


           นึกถึงเมื่อสองวันก่อน ขณะที่นักข่าวเห็นเธอก็ต่างพูดจาแย่ๆ ใส่เธอ ตอนนี้เมื่อถูกนักข่าวห้อมล้อมอีกครั้งก็กลายเป็นฝ่ายที่ถูกใฝ่หา โลกมนุษย์มันช่างไม่แน่นอนจริงๆ เธอในใจถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า


 


 


           ริมฝีปากแดงของฉู่เจียเสวียนอ้าเล็กน้อย “ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณมากๆ นะคะทุกคนที่สละเวลามาสัมภาษณ์ฉัน แต่ว่าฉันจะไม่เข้าวงการบันเทิง ฉันเป็นแค่คนธรรมดาคนนึง อยากใช้ชีวิตเหมือนคนปกติและจำเป็นต้องใช้ชีวิตอย่างคนปกติ”


 


 


           “คุณฉู่ พูดแบบนี้คุณจะไม่เสียใจเหรอคะ”


 


 


           ได้ยินนักข่าวตอบเช่นนี้ ฉู่เจียเสวียนยิ้มสดใส “ไม่ค่ะ ทุกคนล้วนอยากมีชีวิตของตัวเอง และฉันก็รู้ดีว่าตัวเองต้องการชีวิตแบบไหน ฉะนั้นต่อไปทุกคนได้โปรดอย่ารบกวนฉันอีกนะคะ ฉันไม่อยากให้เพื่อนของฉันกับคนที่ฉันแคร์ต้องได้รับผลกระทบ”


 


 


           ฉู่เจียเสวียนพูดจบ ก้าวเท้าเดินไปยังร้านเช่าชุดแต่งงานท่ามกลางฝูงนักข่าว เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเห็นฉู่เจียเสวียนแล้วก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยฉู่เจียเสวียนเคลียร์เส้นทาง


 


 


           ฉู่เจียเสวียนจึงสามารถเดินออกมาจากฝูงนักข่าวได้


 


 


           ถังถังกำลังชมการถ่ายทอดสดอยู่ในออฟฟิศ ชูนิ้วโป้งให้เธอในใจ


 


 


           เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นฉู่เจียเสวียน เธอรีบลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วปรี่เข้าไปหาฉู่เจียเสวียนทันที “ที่รัก เธอเท่ห์มากจริงๆ เธอรู้หรือเปล่าว่าฉันมาทำงานวันนี้ได้ใบสั่งซื้อสินค้าเยอะแค่ไหน คิดว่าพวกเรามีงานให้ยุ่งแล้ว เธออาจจะไม่มีแม้แต่เวลาเดทแล้วนะ”


 


 


           ทันทีที่ถังถังเห็นฉู่เจียเสวียนก็พูดไม่หยุด วันนี้ตอนที่เธอเพิ่งถึงที่ทำงานก็ได้รับใบสั่งซื้อกองโต เป็นไปตามคาดเลย ฉู่เจียเสวียนทำให้ร้านของพวกเธอลุกเป็นไฟแล้ว คราวนี้เธอไม่ต้องห่วงอีกต่อไปแล้วว่าธุรกิจจะไม่ดี ฮาๆ หัวเราะอย่างบ้าคลั่งอยู่ในใจ


 


 


           ฉู่เจียเสวียนมองถังถังที่อารมณ์ดีสุดขีด ผลักๆ เธอ “จริงเหรอ”


 


 


           เอ่ยปากอย่างไม่ใส่ใจ ฉู่เจียเสวียนตรงไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง ถังถังเดินตามหลังเธอแล้วพูดต่อ “จริงอยู่แล้ว ฉันจะบอกเธอให้ เช้านี้ฉันได้รับใบสั่งซื้อตั้งห้าหกใบเชียวนะ เธอคิดดูสิว่าห้าใบต่อวันพวกเราได้เงินเท่าไรแล้ว”


 


 


           ถังถังพูดด้วยความดีใจไม่หยุด ในหัวคิดคำนวณกำไรอย่างต่อเนื่อง


 


 


           “แค้ห้าหกใบเองเหรอ” ฉู่เจียเจียเสวียนตั้งใจแซวถังถัง “ฉันยังนึกว่าจะมีอย่างน้อยร้อยใบซะอีกเธอถึงมีความสุขขนาดนี้”


 


 


           “ว้าว เธอขี้งกกว่าฉันอีกนะ” ถังถังเอ่ย มองฉู่เจียเสวียนแล้วหัวเราะ


 


 


           หลังจากทั้งสองคนคุยกันอย่างนี้สักพัก จากนั้นก็เริ่มทำงานแล้ว สุดท้ายแล้วเมื่อได้รับใบสั่งซื้อก็ต้องทำงานไม่ใช่เหรอไง ไม่ใช่ว่ารับมาแล้วไม่ทำหรอกนะ


 


 


           ในห้องทำงานท่านประธานของบริษัทกลุ่มเผย


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยดูการถ่ายทอดสด มองดูฉู่เจียเสวียนที่มีเสน่ห์และยิ้มอย่างงดงามในนั้น ในใจรู้สึกขมขื่น


 


 


           ชีวิตปกติงั้นเหรอ


 


 


           ฉู่เจียเสวียน ผมควรทำอย่างไร เหมือนกับว่าผมจะรักคุณเข้าแล้ว เผยหนานเจวี๋ยพูดเบาๆ อยู่ในใจ หลับตาลงช้าๆ


 


 


           ในวิลล่าบ้านเผย


 


 


           ฉู่อีอีกำลังดูรายงานข่าว สายตาจับจ้องฉู่เจียเสวียนที่อยู่ในข่าวจนแทบทนไม่ไหวต้องการสับเธอเป็นพันชิ้น!


 


 


           “ฉันแค่อยากใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ”


 


 


           “หวังว่าทุกคนจะไม่รบกวนเพื่อนของฉันกับคนที่ฉันแคร์อีก”


 


 


           ฉู่เจียเสวียน เธอคิดว่าเธอเป็นตัวอะไร เธอมีสิทธิ์อะไรครอบครองทุกอย่าง ฉู่เจียเสวียนกำแก้วทรงสูงในมือแน่น


 


 


           ฉู่อีอีคำรามอยู่ในใจไม่หยุด ชีวิตอย่างคนปกติ? เธออยากได้ชีวิตเหมือนคนปกติไม่ใช่เหรอ ทำไมเธอต้องกลับมา ถ้าหากเธอไม่กลับมาก็จะไม่เกิดเรื่องเยอะขนาดนี้แล้วไม่ใช่เหรอ


 


 


           ฉู่อีอีคำรามอยู่ในใจ


 


 


 


 


       ตอนที่ 297 ผมจะแต่งกับคุณ


 


 


           สองวันนี้ ฉู่อีอีซ่อนตัวอยู่ที่บ้านเผยตลอด ไม่แม้แต่จะก้าวออกไปนอกประตู เพราะว่าตอนนี้เธอกลายเป็นเป้าหมายแห่งการต่อว่าของผู้คนนับพันนับหมื่นคนแล้ว


 


 


           และการที่เธอกลายเป็นแบบนี้ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของฉู่เจียเสวียน ฉู่เจียเสวียน ฉู่เจียเสวียน!


 


 


           “อ๊า…” จู่ๆ ฉู่อีอีก็รู้สึกโมโหในใจ ปาแก้วทรงสูงในมืออย่างแรง แก้วร่วงลงบนพื้น เศษแก้วแตกกระจาย


 


 


           คนรับใช้เข้ามาเพราะเสียงแก้วที่ร่วงลงพื้น “คุณหนู…”


 


 


           คนรับใช้ยังไม่ทันพูดจบก็ตกใจกลัวสายตาของฉู่อีอีจนไม่กล้าพูดต่อไปแล้ว หันหลังจากไป


 


 


           หย่อนตัวนั่งบนโซฟาอย่างอ่อนแรง ความเกลียดชังในใจของฉู่อีอีนั้นแรงกล้า ถ้าหากตอนนี้ฉู่เจียเสวียนปรากฏตัวต่อหน้าเธอล่ะก็เชื่อว่าเธอจะต้องฆ่าฉู่เจียเสวียนโดยไม่ลังเลอย่างแน่นอน


 


 


           นั่งเหม่อลอยครึ่งค่อนวัน ฉู่อีอีเอามือค้ำโต๊ะต้องการจะลุกขึ้น แต่ว่าฝ่ามือของกลับถูกเศษแก้วตำ เธอเจ็บจนมือลื่น ไม่ทันสังเกตว่ามีเศษแก้วชิ้นหนึ่งอยู่ด้านข้าง ทันทีที่มือพลิก เศษแก้วชิ้นนั้นก็บาดข้อมือของเธอแล้ว


 


 


           เลือดสดๆ ก็ไหลออกจากมือเธอด้วยเหตุนี้อย่างไม่ทันตั้งตัว


 


 


           “อีอี คุณกำลังทำอะไร” ยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยา ก็ได้ยินเสียงร้อนรนของเผยหนานเจวี๋ย


 


 


           เดินเข้ามาหาเธอ พอเห็นมือของเธอมีเลือดออกก็รู้สึกผิด เขาควรใช้เวลาอยู่กับเธอให้มากกว่านี้


 


 


           ฉู่อีอีอึ้งไปครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้นมาเห็นเผยหนานเจวี๋ยที่ปรากฏตัวกะทันหัน ทันในนั้นน้ำตาก็เอ่อล้นในดวงตา มองเผยหนานเจวี๋ยอย่างน่าสงสาร เขาจะยังเป็นห่วงเธออยู่หรือเปล่า


 


 


           นึกถึงสีหน้าของเผยหนานเจวี๋ยที่เย็นชาใส่เธอสองวันนี้ ความน้อยใจก็ก่อตัวขึ้นในใจของฉู่อีอี


 


 


           “ฉู่อีอีทำไมคุณโง่แบบนี้ ผมจะส่งคุณไปโรงพยาบาล” เผยหนานเจวี๋ยกล่าว มองดูฉู่อีอีเอ่ยปากร้อนรน มือยาวๆ ช้อนอุ้มเธอแล้ววิ่งออกไปข้างนอก


 


 


           โง่? คิดทบทวนคำพูดของเผยหนานเจวี๋ยอยู่ในใจ ก็เข้าใจว่าเขานึกว่าเธอฆ่าตัวตายงั้นเหรอ


 


 


           เงยหน้าขึ้นมองสีหน้าที่เป็นกังวลของเผยหนานเจวี๋ย จากนั้นก็เอ่ยปากอ่อนแอ “หนานเจวี๋ย ฉันนึกว่าคุณจะไม่แคร์ฉันอีกแล้ว…”


 


 


           ยิ่งพูดฉู่อีอีก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจ


 


 


           “ไม่มีทาง อีอีผมไม่มีวันไม่ต้องการคุณ”


 


 


           “ถ้างั้นหนานเจวี๋ย คุณ…ยังจะแต่งงานกับฉันไหม ถ้าหากไม่มีคุณ ฉันอยู่ไม่ได้จริงๆ” ฉู่อีอีสะอื้นเอ่ย มองเผยหนานเจวี๋ยพร้อมพูดด้วยความน่าสงสาร


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยได้ยินคำพูดของฉู่อีอีแล้ว ริมฝีปากบางๆ เม้มกันเป็นเส้นตรง ถ้าแต่งงานกับเธอ งั้นฉู่เจียเสวียน…


 


 


           หลังจากเห็นเผยหนานเจวี๋ยลังเล ฉู่อีอีเกลียดชังในใจ แอบกัดฟัน “หนานเจวี๋ย…คุณอย่ามาสนใจฉันเลย ปล่อยให้ฉันตายเถอะ”


 


 


           ฉู่อีอีพูดพลางน้ำตาไหลริน สีหน้ามีความสิ้นหวัง


 


 


           “ผมจะแต่งกับคุณ อีอี ผมส่งคุณไปโรงพยาบาลนะ” เผยหนานเจวี๋ยพูดกับฉู่อีอี


 


 


           เพิ่งมาถึงสวน ประตูรถก็เปิดออก หลังจากเผยหนานเจวี๋ยพาฉู่อีอีเข้าไปในรถแล้ว จากนั้นเขาจึงตามเข้าไปนั่ง


 


 


           ในโรงพยาบาล หลังจากคุณหมอทำแผลให้ฉู่อีอีเสร็จแล้ว เผยหนานเจวี๋ยก็อยู่ในห้องผู้ป่วยเป็นเพื่อนเธอ


 


 


           “อีอี ครั้งหน้าจะทำอะไรโง่ๆ แบบนี้อีกนะ” มองดูใบหน้าที่ขาวซีดของฉู่อีอี เผยหนานเจวี๋ยกล่าวกับเธอ


 


 


           อย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าฉู่อีอีจะฆ่าตัวตาย ถ้าหากเขาไปช้ากว่านี้อีกนิด ไม่ใช่ว่าเธอก็…


 


 


           “หนานเจวี๋ย คุณอย่าทิ้งฉันไปได้หรือเปล่า คุณไม่สนใจฉันฉันปวดใจมากนะ คุณเกลียดฉันมากใช่ไหม” ฉู่อีอีเงยหน้ามองเผยหนานเจวี๋ยพลางพูด น้ำตาในดวงตาเป็นประกาย สายตาจ้องเผยหนานเจวี๋ยไม่กระพริบ


 


 


           “อีอี ผมผิดเอง ผมไม่ควรละทิ้งคุณ” เผยหนานเจวี๋ยยื่นมือออกไปลูบศีรษะของฉู่อีอี ในสายตาเปี่ยมด้วยการตำหนิตัวเอง


 


 


           ได้ยินคำพูดของเผยหนานเจวี๋ย ฉู่อีอีซบอยู่ในอ้อมอกของเขา ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย เผยหนานเจวี๋ยตบๆ หลังเธอเบาๆ เอ่ยปากปลอบโยนเธอ


 


 


           ผ่านไปครู่หนึ่ง หลังจากรอจนฉู่อีอีหลับแล้ว เผยหนานเจวี๋ยจึงค่อยๆ ย่องออกมากจากห้องผู้ป่วย

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม