หวานรักจับหัวใจท่านประธาน 289-302

 ตอนที่ 289 เธอไม่ต้องการเกียรติแล้วงั้นเหรอ 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่กอดโทรศัพท์มือถือเอาไว้ ก่อนจะกระเถิบก้นไปข้างๆ 


 


 


พลางเม้มปาก ไม่สนใจเขา 


 


 


คนที่บอกว่าเธอบื้อไม่คู่ควรที่จะพูดกับเธอแล้ว เชอะ! 


 


 


นัยน์ตาสีดำของอวี๋เยว่หานหรี่ลงเล็กน้อย ราวกับมองความเย่อหยิ่งของเธอออก จึงกระแอม 


 


 


จากนั้นก็เงยหน้ามองไปทางคนขับรถ แล้วสั่ง “จอดรถข้างหน้า” 


 


 


“…คุณจะลงรถเหรอ” เหนียนเสี่ยวมู่ถามตามสัญชาตญาณ 


 


 


ตรงนี้เข้าเขตของคฤหาสน์ตระกูลอวี๋พอดี รอบข้างจึงไม่มีร้านค้าและผู้คน เขาจะลงไปทำอะไร 


 


 


ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเย็นชาของเขาเอ่ยขึ้น 


 


 


“คนที่ต้องลงไปคือคุณ” 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…” !! 


 


 


เมื่อคำสั่งของเขาออกมาจากปาก คนขับรถก็จอดรถนิ่งสนิทอยู่ข้างทางทันที 


 


 


แม้แต่ล็อกประตูก็เปิดออกแล้ว 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่หันไปมองนอกหน้าต่างรถครั้งหนึ่ง ลมเย็นพัดแรง แค่ฟังจากเสียงอย่างเดียว ก็ทำให้คนขนลุกซู่แล้ว 


 


 


ถ้าโชคไม่ดี เรียกรถแท็กซี่ไม่ได้ ให้เดินกลับคฤหาสน์จากตรงนี้ ถ้าไม่เหนื่อยตายก็หนาวตาย 


 


 


เกียรติสำคัญ หรือชีวิตสำคัญกว่า 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ก่นด่าเขาอยู่ในใจเงียบๆ ก่อนจะหันหน้าไปอย่างว่าง่าย 


 


 


แล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เมื่อกี้คุณชายถามอะไรฉันหรือเปล่าคะ ลมแรงเกินไปฉันได้ยินไม่ชัดเลย ตอนนี้ฉันอธฺบายให้คุณฟังชัดๆ สักหน่อย” 


 


 


อวี๋เยว่หาน “…” 


 


 


เขามองใบหน้าเล็กสะสวยตรงหน้า และรู้ดีว่าเธอกำลังจงใจหลอกล่อเขา มุมปากจึงยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว 


 


 


ครั้นเหนียนเสี่ยวมู่เห็นสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปบ้าง จึงรีบสั่งให้คนขับรถรีบขับรถไป จากนั้นถึงจะพูดต่อ “ความจริงแล้วก็”ม่มีอะไร ก็แค่งานเลี้ยง รองประธานเฉินถามว่าฉันไปได้ไหม…” 


 


 


เธอยังพูดไม่จบ แต่รู้สึกว่าในรถมีลมหนาวโหมอยู่ระลอกหนึ่ง 


 


 


ทำเอาเธอตัวสั่นไปทั้งตัว! 


 


 


ใครเปิดกระจกรถเนี่ย 


 


 


ทำไมอยู่ๆ ถึงหนาวแบบนี้… 


 


 


“งานเลี้ยงเมื่อไหร่” นัยน์ตาสีดำของอวี๋เยว่หานพลันมืดครึ้ม แต่บนใบหน้ากลับเรียบนิ่งมาก 


 


 


“พรุ่งนี้ นอกจากแผนกของฉันแล้ว ยังมีเพื่อนร่วมงานจากทางบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าจำนวนหนึ่งด้วย” เมื่อเหนียนเสี่ยวมู่พูดถึงตรงนี้ เธอก็พึมพำเสียงเบา “เดิมทีฉันอยากเชิญซ่างซินให้มาด้วยกัน แต่ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงไม่ตอบข้อความฉันเลย โทรไปก็ไม่รับ” 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่พูด ก่อนจะเงยหน้ามองเขาตาปริบๆ 


 


 


“คุณชายหาน คุณรู้ที่อยู่ของซ่างซินไหม” 


 


 


“…” 


 


 


“ฉันก็ไม่ได้อยากจะให้เธอไปร่วมงานเลี้ยงให้ได้หรอก ฉันแค่เป็นห่วงเธอ” หญิงสาวมองนิ้วมือของตนเอง สายตาปรากฏความกังวล 


 


 


ที่เธอมองเหม่อไปที่โทรศัพท์มือถือนั้น เป็นเพราะซ่างซิน 


 


 


สีหน้าบูดเบี้ยวของอวี๋เยว่หาน ค่อยๆ คลายลง 


 


 


เขางอนิ้วยาวดีดหน้าผากของเธอเล็กน้อย “ไม่มีเรื่องอะไร อย่าคิดมากเลย ซ่างซินไม่เป็นอะไรหรอก” 


 


 


“จริงเหรอ งั้นน่าจะแค่ยุ่งมากสินะ เธอถึงไม่เห็นข้อความของฉัน” เหนียนเสี่ยวมู่ไม่สงสัยคำพูดของเขาเลย 


 


 


ไม่นานเธอก็ยิ้มออกมา 


 


 


อวี๋เยว่หานมองรอยยิ้มของเธอ ลูกตาพลันหดตัว 


 


 


แต่ไม่ได้บอกเธอว่า ตระกูลถังจัดนัดบอดให้ถังหยวนซือ และเขาก็ตอบรับ 


 


 


ซ่างซินได้รับข่าวนั้น เธอจึงไปหาเขาที่ตระกูลถัง แต่สุดท้ายก็ถูกถังหยวนซือปฏิเสธ 


 


 


เธอรออยู่ข้างนอกคฤหาสน์ตระกูลถังอยู่หนึ่งคืนเต็มๆ และหายตัวไป… 


 


 


เรื่องของความรัก คนนอกอย่าเข้าไปยุ่งจะดีที่สุด 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ช่วยซ่างซินไม่ได้หรอก 


 


 


อวี๋เยว่หานหลุบตาลง ไม่ได้พูดอะไรอีก 


 


 


เมื่อถูกเหนียนเสี่ยวมู่เบี่ยงเบนประเด็นไป เขาจึงลืมถามเรื่องงานเลี้ยงไปเลย 


 


 


จนกระทั่งถึงตอนบ่ายของวันถัดมา ผู้ช่วยนำเอกสารมาส่งที่ห้องทำงานของเขา แล้วถามว่า “คุณชายครับ วันนี้บริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้ากับแผนกประชาสัมพันธ์มีงานเลี้ยง ผู้จัดการเหวินให้ผมมาถามคุณว่า คุณว่างไปร่วมงานไหมครับ” 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 290 คุณชายหานผู้ติดดิน 


 


 


“…” อวี๋เยว่หานที่กำลังเซ็นชื่อมือสั่นขึ้นมาเล็กน้อยในทันที 


 


 


และฟังผู้ช่วยพูดต่อ 


 


 


“งานในครั้งนี้ รองประธานเฉินจากทางฝั่งเทคโนโลยีเซิ่งต้าเป็นคนเสนอ ผู้จัดการเหวินก็หวังว่าจะใช้โอกาสนี้ ตอบแทนเพื่อนร่วมงานที่ลำบากมาโดยตลอด ก็เลยตกลงไปครับ” 


 


 


พูดขึ้นมาแล้ว เฉินจื่อซินเป็นคนเสนอเรื่องงานเลี้ยงในครั้งนี้จริงๆ 


 


 


เขาคิดจะทำอะไร 


 


 


ถือเอางานมาทำเรื่องส่วนตัวน่ะสิ! 


 


 


อวี๋เยว่หานมีสายตาดำคล้ำ ความเฉยชาปรากฏขึ้นในนั้น 


 


 


เขาวางปากกาในมือลง ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้น แล้วพูดอย่างเชื่องช้า “ในเมื่อต้องการตอบแทนเพื่อนร่วมงาน ถึงแม้ฉันไม่ว่าง ก็ต้องเจียดเวลาไปเข้าร่วมสินะ”  


 


 


“…” ผู้ช่วยตะลึงไปในทันที 


 


 


ก่อนหน้านี้คุณชายไม่เคยเข้าร่วมงานเลี้ยงของแผนกเลย ช่วงนี้เป็นอะไรไปนะ 


 


 


ทำไมอยู่ๆ เขาถึงได้พบว่าคุณชายติดดินขึ้นมาอย่างนี้! 


 


 


ผู้ช่วยดึงสติกลับมา แล้วรีบพยักหน้ารับ “งั้นผมไปบอกผู้จัดการเหวินนะครับ” 


 


 


ถึงเวลาเลิกงาน 


 


 


ทั้งแผนกประชาสัมพันธ์ครึกครื้นทีเดียว 


 


 


“พอคิดว่าเดี๋ยวจะได้ไปกินดื่มอย่างเต็มที่ ความเหนื่อยล้าทั้งวันก็หายไปในพริบตาเลย!” 


 


 


“วันนี้ฉันตั้งใจอดข้าวทั้งวัน เพื่อกินมื้อเย็นนี้ให้เต็มคราบ พวกเธออย่ามาขวางฉันล่ะ!” 


 


 


“ฉันก็เหมือนกัน…” 


 


 


เพื่อนร่วมงานในแผนกเก็บของพร้อมกับพูดคุยกันไปด้วย 


 


 


ไม่นานนัก เหวินหย่าไต้ก็เดินออกมาจากห้องทำงานผู้จัดการ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม 


 


 


“งานเลี้ยงทำให้ทุกคนมีความสุขขนาดนี้ ถ้าฉันบอกพวกเธอว่า คุณชายหานก็ไปงานเลี้ยงเย็นนี้ด้วย…” 


 


 


เมื่อเหวินหย่าไต้พูดประโยคนี้ออกมา เพื่อนร่วมงานรอบๆ ก็ร้องเสียงหลงด้วยความตื่นเต้นขึ้นมา 


 


 


“ผู้จัดการเหวิน จริงเหรอคะ” 


 


 


“จริงสิ เดิมทีฉันแค่ให้ผู้ช่วยหยางเท่อช่วยฉันถามหน่อย คิดไม่ถึงว่าคุณชายอวี๋จะตอบรับโดยไม่รีรอ เพื่อร่วมงานเลี้ยงที่จัดขึ้นเพื่อเป็นรางวัลให้ทุกคน” เหวินหย่าไต้พูด พลางชื่นชมผลงานในช่วงนี้ของทุกคนด้วย 


 


 


ทันใดนั้นก็มีแต่เสียงชื่นชมเธอทั้งแผนก 


 


 


“ถ้าไม่มีผู้จัดการเหวิน คุณชายหานจะสังเกตเห็นว่าพวกเราทำงานลำบากกันเร็วขนาดนี้ได้ยังไง แถมยังมาให้รางวัลพวกเราอีก” 


 


 


“จริงด้วย คุณชายหานมาร่วมงานเลี้ยงได้ เป็นเพราะผู้จัดการเหวิน” 


 


 


“ผู้จัดการเหวินสร้างความสุขให้ทุกคนแบบนี้ วันหลังพวกเราต้องทำงานหนักตอบแทนคุณแน่ค่ะ!” 


 


 


“ใครไม่เคารพผู้จัดการเหวิน ฉันจะสู้เป็นคนแรกเลย” 


 


 


“…” 


 


 


เหวินหย่าไต้ยิ้มอย่างสง่างามเมื่อได้ยินทุกคนพูดอย่างนั้น 


 


 


แต่ในใจกำลังลำพองอยู่ 


 


 


ไม่รู้ว่าใครถามขึ้นมา “นอกจากผู้จัดการเหวิน ตอนนี้แผนกของพวกเรามีซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนด้วย เธอทำงานใหญ่สองงานสำเร็จในเวลาอันสั้น เรียกได้ว่าทั้งสวยและเก่ง ต่อไปแผนกของพวกเขาต้องเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นแน่นอน!” 


 


 


เมื่อได้ยินดังนั้น รอยยิ้มที่มุมปากของเหวินหย่าไต้ก็แข็งทื่อไป 


 


 


มือที่ตกอยู่ข้างลำตัวกำหมัดอย่างเงียบๆ 


 


 


เธอเป็นผู้จัดการของแผนกประชาสัมพันธ์นะ 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่เพิ่งโผล่มาได้ไม่นาน ก็มีคนนำเหนียนเสี่ยวมู่มาพูดเทียบกับเธอแล้วเหรอเนี่ย! 


 


 


ทั้งสวยและเก่ง กำลังถากถางว่าเธอสวยสู้เหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้อย่างนั้นเหรอ 


 


 


“ผู้จัดการเหวิน รถของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้ามาถึงแล้วค่ะ บอกว่ามารับพวกเรา” เลขาเดินมาข้างๆ เหวินหย่าไต้ ก่อนจะกล่าวอย่างนอบน้อม 


 


 


ความไม่พอใจในสายตาของเหวินหย่าไต้พลันหายไปเมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้ากลับมาเรียบนิ่งดังเดิม 


 


 


“ทุกคนรีบเก็บของเธอ พวกเราต้องลงไปกันแล้ว” 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่จัดงานงานจนเสียเวลาไปเล็กน้อย จึงรั้งท้ายกลุ่ม 


 


 


หลังจากออกจากลิฟต์ เธอมองเห็นเฉินจื่อซินยืนอยู่หน้ารถรับส่งในทันที ขณะที่เตรียมขึ้นรถนั้นเอง มือแข็งแรงข้างหนึ่งพลันคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วดึงเธอเข้าไปในอ้อมอก! 


ตอนที่ 291 หล่อทั้งสามร้อยหกสิบองศา


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ถูกดึงจนศูนย์ถ่วงไม่มั่นคง แทบจะหัวทิ่มใส่หน้าอกอบอุ่นอยู่แล้ว


 


 


เธอเงยหน้าขึ้น สบตาสีดำลุ่มลึกเหมือนน้ำหมึกของอวี๋เยว่หาน


 


 


สีหน้าของเขาเย็นชาเล็กน้อย และเอ่ยปากในทันที


 


 


“ทำไมไม่รับโทรศัพท์”


 


 


“…”


 


 


โทรศัพท์อะไร


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว และหันไปมองเพื่อนร่วมงานข้างหน้าก่อน


 


 


หญิงสาวพบว่าไม่มีใครสังเกตเห็นพวกเขา จึงก้มหน้าหาโทรศัพท์มือถือของตนเอง


 


 


เธอกดอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะพึมพำเสียงเบา “ทำไมมือถือเงียบเสียงไปล่ะ ฉันเลยไม่ได้ยินเสียง…”


 


 


หลังจากได้ยินเธออธิบาย อวี๋เยว่หานก็หลุบตามองโทรศัพท์มือถือของเธอครั้งหนึ่ง สีหน้าพลันอ่อนลง


 


 


“ผมจะไปงานเลี้ยงด้วย แล้วผมก็จะไปส่งคุณเอง”


 


 


เขาเพิ่งพูดจบ ก็เห็นเฉินจื่อซินพุ่งเข้ามาจากประตู เดินมาข้างหน้าเหนียนเสี่ยวมู่ด้วยความดีใจ


 


 


“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน งานของคุณเสร็จหรือยังครับ รถของผมจอดอยู่ข้างนอก ให้ผมไปส่งคุณไหม”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…”


 


 


ฝั่งหนึ่งก็เจ้าหนี้รายใหญ่ ฝั่งหนึ่งก็เจ้าภาพงานเลี้ยง


 


 


ผิดใจใครไม่ได้ทั้งนั้น


 


 


แต่ตัวเธอมีคนเดียว!


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ทำตาหวานเชื่อม พร้อมฉีกยิ้มสดใส “ไม่ต้องหรอกค่ะ ตอนนี้อยู่ในช่วงรักษ์โลก ฉันนั่งรถรับส่งกับทุกคนก็ได้!”


 


 


หลังจากพูดจบ เธอก็หันหน้าวางไปอย่างเร็วรี่


 


 


ขึ้นไปนั่งอยู่ท่ามกลางเพื่อนร่วมงานว่องไวปานสายลม


 


 


เฉินจื่อซินอึ้งงัน แต่ก็ยังกล่าวทักทายอวี๋เยว่หาน และตามเธอขึ้นรถรับส่งไปโดยไม่รีรอ


 


 


อวี๋เยว่หานยืนอยู่ที่เดิม เขามองบนรถโฆษณา กำลังจะนั่งตรงเบาะสองคน แต่ลูกตาพลันหดตัว


 


 


ทันใดนั้นเขาก็สาวเท้าเดินไปยังรถรับส่งอย่างช้าๆ…


 


 


ตอนนี้เหวินหย่าไต้จัดที่นั่งให้เพื่อนร่วมงานเรียบร้อยแล้ว กำลังจะไปที่รถของตนเอง แต่ก็ดีใจขึ้นมาทันทีที่เห็นอวี๋เยว่หาน


 


 


ผู้จัดการสาวล้มเลิกที่จะไปขับรถ และเดินมาตรงหน้าเขาอย่างสง่างาม


 


 


“คุณชายหาน คุณจะไปตอนนี้เหมือนกันเหรอคะ ขามารถฉันพังน่ะค่ะ ฉันนั่งรถคุณได้ไหม” เหวินหย่าไต้พูดพลางกำกระเป๋าด้วยความเคร่งเครียด เธอกะพริบตาเล็กน้อย พลางมองเขาด้วยความหวัง


 


 


ถ้าเธอได้นั่งรถของเขา ไปร่วมงานเลี้ยงพร้อมกันกับเขา ก็เท่ากับยืนยันว่าในใจของเขา เธอไม่เหมือนกับคนอื่นๆ


 


 


ถึงแม้ทุกคนจะไม่คิดว่าพวกเขากำลังคบกัน แต่ก็จะรู้กันว่าเธอมีความสำคัญในใจของเขามากแค่ไหน!


 


 


เหวินหย่าไต้คิดแล้วก็แอบกีใจ พร้อมกับรอคอยอวี๋เยว่หานเอ่ยปากตอบรับเธอ


 


 


แต่เธอรออยู่นานแล้ว ก็ไม่ได้คำตอบจากเขาเลย


 


 


ครั้นเงยหน้าขึ้น เธอกลับพบว่าสายตาของเขามองไปที่รถรับส่งอยู่ตลอด สายตาเย็นชานัก


 


 


ผู้จัดการสาวยังไม่ทันได้ถามอะไร ก็ได้ยินเขากล่าวอย่างเฉยชา


 


 


“ตามแนวทางรักษ์โลก ผมจะนั่งรถรับส่ง”


 


 


เหวินหย่าไต้ “…” !!


 


 


อวี๋เยว่หานเพิ่งขึ้นรถรับส่ง เพื่อนร่วมงานในนั้นก็บ้าคลั่งกันไปหมด


 


 


ทุกคนพากันยืนขึ้นอย่างพร้อมเพรียง


 


 


“คุณชายหาน”


 


 


เพื่อนร่วมงานหญิงหลายคนเริ่มกัดนิ้วด้วยความตื่นเต้นแล้ว


 


 


กรี๊ด!


 


 


ได้อยู่ใกล้ๆ เทพบุตรแบบนี้ หล่อทั้งสามร้อยหกสิบองศาเลย!


 


 


พวกเธอแทบจะต้องกลั้นหายใจ…


 


 


“คุณชายหาน คุณจะนั่งกับฉันไหมคะ ตรงนี้ยังมีที่ว่าง”


 


 


“ตรงฉันก็ว่างค่ะ!”


 


 


“ฉันยกที่นั่งให้คุณก็ได้ค่ะ!”


 


 


“…”


 


 


เสียงรอบข้างเหมือนกับถูกบังเอาไว้ สายตาของอวี๋เยว่หานมองตรงไปที่เหนียนเสี่ยวมู่ที่นั่งอยู่ข้างหลัง


 


 


หญิงสาวนั่งอยู่แถวสุทด้าย เดิมทีคิดจะถือโอกาสหลับระหว่างทางสักหน่อย


 


 


คิดไม่ถึงเลยว่าอวี๋เยว่หานจะขึ้นรถมาด้วย ยิ่งคิดไม่ถึงว่าเขาจะเดินมาหาตนเอง


 


 


ทำเอาเธอตกใจจนผุดลุกขึ้น


 


 


เธอมองเขาค่อยๆ เดินเข้ามาทีละก้าว แต่ละก้าวเหมือนย่ำลงบนหัวใจของเธอ


 


 


คนทั้งรถมองมาทางเธอในทันที!


 


 


 


 


ตอนที่ 292 เพื่อนของคุณ อวี๋ใจดำออนไลน์อยู่


 


 


สายตาร้อนแรง ราวกับจะมองทะลุตัวเธอ


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่กลั้นหายใจด้วยความเคร่งเครียดทันที


 


 


ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อได้เห็นอวี๋เยว่หานที่กำลังเดินเข้ามา หัวใจของเธอก็เต้นแรงมาก


 


 


ราวกับว่าจะเด้งออกมาจากลำคอได้ตลอดเวลา


 


 


จนกระทั่งเขาเดินมาตรงหน้าเธอ และหยุดฝีเท้าลง


 


 


ดวงตาสีดำลุ่มลึกมองเธอไม่วางตา


 


 


เธอมองจนตัวชาหนึบ และพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว “คุณชายหาน คุณอยากนั่งที่ของฉันไหม”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่พูด แล้วรีบขยับไปด้านข้าง


 


 


ที่นั่งด้านหน้ารถเต็มหมดแล้ว


 


 


ที่นั่งแถวหลังสุดยังเหลือที่ว่างสุดท้าย ซึ่งมีเหนียนเสี่ยวมู่และเฉินจื่อซินนั่งอยู่แล้ว


 


 


ทุกคนคิดว่าอวี๋เยว่หานจะไปนั่งตรงที่ข้างๆ เหนียนเสี่ยวมู่ แต่กลับคิดไม่ถึง ว่าเขาจะหยุดอยู่ตรงหน้าเหนียนเสี่ยวมู่


 


 


ดูท่าทางเขาอยากนั่งที่ของเหนียนเสี่ยวมู่จริงๆ


 


 


“ผมมีธุระนิดหน่อย อยากคุยกับรองประธานเฉิน” สายตาของอวี๋เยว่หานกวาดมองใบหน้าอยากรู้อยากเห็นของทุกคนอย่างเฉนชา แล้วถึงเอ่ยปาก


 


 


เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนพลันเข้าใจในทันที


 


 


ที่แท้ก็มีเรื่องงานอยากจะคุยกันนี่เอง


 


 


มิน่าล่ะคุณชายหานถึงมานั่งรถคันเดียวกับพวกเขา แถมยังจะนั่งที่ของเหนียนเสี่ยวมู่ให้ได้ด้วย


 


 


แม้แต่เหนียนเสี่ยวมู่ก็ไม่สงสัยในคำพูดของเขา เธอเขยิบตัวออกจากที่นั่งข้างๆ เฉินจื่อซิน


 


 


กลับกลายเป็นว่าเดิมทีสองคนนั่งอยู่ด้วยกัน ตรงกลางกลับมีอวี๋เยว่หานแทรกเข้ามา!


 


 


ได้คุยกับเหนียนเสี่ยวมู่อย่างยากลำบาก แต่ยังดีใจไม่ถึงสามนาที โอกาสก็หายไปแล้ว


 


 


ไม่ต้องถามเลยว่าเฉินจื่อซินผิดหวังแค่ไหน


 


 


แต่พอได้ยินว่าอวี๋เยว่หานจะคุยธุระกับเขา ก็ไม่อาจพูดอะไรได้อีก


 


 


ระหว่างทางก็รออีกฝ่ายเอ่ยปากอยู่ตลอด


 


 


แต่ไม่เห็นว่าอวี๋เยว่หานคิดจะพูดกับเขาเลยตลอดทาง


 


 


เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงสถานที่จัดงานเลี้ยงแล้ว เฉินจื่อซินก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ “คุณชายหาน คุณมีเรื่องอะไรจะพูดกับผมเหรอครับ”


 


 


หลังจากพูดจบ ก็นับว่าอวี๋เยว่หานชำเลืองมองเขาครั้งหนึ่ง แล้วขยับริมฝีปากบาง


 


 


“ลืมไปแล้ว คิดออกแล้วค่อยบอกแล้วกัน”


 


 


เฉินจื่อซิน “…” !!


 


 


รถจอดแล้ว


 


 


ทุกคนต่างก็กอดคอกันลงจากรถ และเดินเข้าไปข้างใน


 


 


งานเลี้ยงขนาดเล็กนี้ จัดในรูปแบบบุฟเฟต์


 


 


สถานที่ตรงนี้เฉินจื่อซินเป็นคนจองเอาไว้ แถมยังจัดตกแต่งเป็นพิเศษด้วย


 


 


พูดได้ว่าเขาใส่ใจจริงๆ


 


 


“ไวน์แดงกับแชมเปญผมสั่งไว้โดยเฉพาะ ทุกคนกินได้เต็มที่เลยนะครับ!” เมื่อเฉินจื่อซินเดินเข้ามาในร้านอาหาร เขาก็บอกกล่าวเสียงดัง


 


 


จากนั้นเขาก็ยกไวน์แดงสองแก้วเดินไปหาเหนียนเสี่ยวมู่ ราวกับกำลังเชื้อเชิญ


 


 


“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน นี่ป็นไวน์แดงนำเข้า รสชาติไม่เลวเลย คุณลองดูสิครับ”


 


 


“ดีจังเลย ขอบคุณค่ะ” เมื่อเหนียนเสี่ยวมู่ได้ยินว่ามีไวน์ให้ดื่ม เธอก็ตาเป็นประกาย แต่กลับมีมือข้างหนึ่งขวางเอาตอนที่เธอเพิ่งยื่นมือออกไป


 


 


และฉวยไวน์ของเธอไปต่อหน้าต่อตา!


 


 


เธอเงยหน้าขึ้น เห็นเงาร่างสูงส่งของอวี๋เยว่หานปรากฏอยู่ตรงหน้า


 


 


เขาถือไวน์แดงของเธอ ก่อนจะจิบคำหนึ่งอย่างเฉื่อยชา แล้วขมวดคิ้ว


 


 


“งั้นๆ แหละ”


 


 


และยื่นไวน์แดงที่ยังดื่มไม่หมดยัดใส่มือของเธอ


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ถือแก้วไวน์ที่เขาดื่มไปแล้ว จะดื่มก็ไม่ได้ จะไม่ดื่มก็ไม่ได้เช่นกัน


 


 


ทำได้แค่เบิกตาโพลง ถลึงตามองเขา!


 


 


ต่อมาก็เห็นเขาโน้มตัวเล็กน้อย เข้ามากระซิบข้างหูเธอทีละคำ “ใครให้กินเหล้าก็กินหมดแบบนี้ ถ้าคุณกินเยอะ เดี๋ยวก็กอดผมจะถอดเสื้อผาผมให้ได้ ผมจะกดหัวคุณลงไปในแก้วไวน์!”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…” !!


 


 


ในหัวของเธอมีภาพตนเองตื่นอยู่ในอกของเขาหลังจากดื่มจนเมาในครั้งก่อน


 


 


ความโมโหพุ่งขึ้นหน้าแล้ว!


ตอนที่ 293 เธอหายไปแล้ว!


 


 


เธอตัวสั่นไปทั้งตัว


 


 


แล้วยื่นแก้วไวน์คืนใส่มือของเฉินจื่อซิน


 


 


“ช่วงนี้ฉันแพ้ค่ะ ดื่มไวน์ไม่ได้!”


 


 


“…”


 


 


“ฉันจะไปหยิบน้ำผลไม้ค่ะ!” เหนียนเสี่ยวมู่หมุนตัววิ่งไปยังเคาท์เตอร์เครื่องดื่ม


 


 


ทิ้งเฉินจื่อซินถือแก้วไวน์แดงพร้อมใบหน้างุนงงเอาไว้


 


 


อวี๋เยว่หานกระตุกมุมปาก ก่อนจะรับไวน์แดงมาจากมือของบริกรด้วยความพอใจ แล้วจิบอย่างช้าๆ


 


 


สายตาของเขามองไปที่ตัวของเหนียนเสี่ยวมู่อยู่ตลอด


 


 


เขามองเธอถือแก้วน้ำผลไม้วิ่งไปที่ส่วนอาหาร คีบอาหารกองโต จากนั้นก็ไปหาที่เงียบๆ นั่งลงกินอย่างเอร็ดอร่อย


 


 


ปากเล็กๆ เคี้ยวอย่างรวดเร็ว ราวกับหนูแฮมสเตอร์


 


 


ท่าทางการกินเหมือนเสี่ยวลิ่วลิ่วไม่มีผิดเพี้ยน


 


 


เธอเหมือนจะมีความสุขกับเวลาที่ไม่มีใครบกวนมาก จึงกินเยอะเป็นพิเศษ


 


 


กินอาหารจานหลักเสร็จแล้ว ยังมีของหวานอีกหลายชิ้น


 


 


มีเพื่อนร่วมงานถือแก้วไวน์มาหาเธอ แต่เธอเพียงยกไวน์แดงขึ้นมาจิบคำเล็กๆ


 


 


หลังจากนั้นก็ดื่มน้ำผลไม้อย่างว่าง่าย และหลบมุมกินของหวานต่อไป


 


 


เฉินจื่อซินคิดจะเข้าไปหาเธออยู่หลายครั้ง แต่ก็ถูกเพื่อนร่วมงานคนอื่นมาชวนดื่มไวน์อยู่เรื่อง


 


 


เขาเป็นผู้รับผิดชอบงานของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้า เพื่อนร่วมงานจากในโครงการทุกคนต่างกำลังต่อแถวขอดื่มไวน์กับเขา ถ้าดื่มแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เขาต้องเมาแน่นอน


 


 


สถานที่ที่มีอวี๋เยว่หานอยู่ด้วย เขาเป็นจุดสนใจของทุกคนเสมอ


 


 


แต่ถึงแม้จะมีใครหลายคนอยากเข้าใกล้เขา แต่ก็ถูกกลิ่นอายความสูงส่งและเย็นชาจากตัวเขาทำให้หวาดหวั่นจนไม่กล้าเข้าใกล้


 


 


ทำได้เพียงแอบมองเขาอยู่ไกลๆ เท่านั้น


 


 


ดังนั้น จึงมีภาพอันน่าประหลาดใจเกิดขึ้นในงานเลี้ยง


 


 


เงาร่างสูงส่งของอวี๋เยว่หานพิงอยู่ข้างหน้าต่าง พลางถือไวน์แดงอย่างสุขุม ลิ้มรสของเครื่องดื่มเพียงลำพัง


 


 


รอบข้างเต็มไปด้วยเพื่อนร่วมงานของโครงการในครั้งนี้ ทุกคนต่างก็ถือแก้วไวน์ อยากจะเข้ามาขอชนแก้วด้วย แต่ก็ไม่กล้า…


 


 


มีเพียงเหวินหย่าไต้ที่เดินเข้าไปหาเขาอย่างสง่างาม ท่ามกลางสายตาจับจ้องของทุกคน


 


 


เธออมยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย “คุณชายหาน ฉันดื่มเป็นเพื่อนคุณสักแก้วไหมคะ”


 


 


“…”


 


 


อวี๋เยว่หานเพิ่งเห็นเหนียนเสี่ยวมู่ยกแก้วไวน์แดงขึ้น ท่าทางเหมือนกับแอบดื่มอย่างไรอย่างนั้น เขายังไม่ทันมองให้ชัด สายตาก็ถูกใครบางคนบังเอาไว้ จึงขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจ


 


 


เขาหลุบตาสีดำลง มองไปยังเหวินหย่าไต้ที่อยู่ข้างหน้า


 


 


จากนั้นเขาก็ยกแก้วไวน์ขึ้นมองผู้จัดการสาวเล็กน้อย แล้วดื่มไวน์แดงในแก้วจนหมดเกลี้ยงในคราวเดียว


 


 


เหวินหย่าไต้ยังไม่ทันได้พูดอะไร เขาก็เอ่ยถามอย่างเย็นชา “มีเรื่องอะไรอีกไหม”


 


 


ท่าทางเฉยชากีดกันคนอื่นแบบนี้ อยู่ห่างออกไปหลายเมตรก็รู้สึกได้


 


 


ความอึดอัดฉายผ่านใบหน้าของเหวินหย่าไต้ รอยยิ้มบนนั้นก็แข็งทื่อไปแล้ว


 


 


แต่ท่าทางเย็นชาของอวี๋เยว่หาน ไม่ได้ทำให้เธอสะทกสะท้าน


 


 


ผ่านไปนานทีเดียว เธอึงจะตั้งสติ และยิ้มให้เขาอีกครั้ง “คุณชายหานคอแข็งจังเลยนะคะ ฉันนับถือจริงๆ”


 


 


เธอพูดพลางดื่มไวน์แดงในแก้วจนหมดเกลี้ยงเช่นกัน


 


 


ท่าทางกล้าได้กล้าเสียช่วยลดความอึดอัดลงไปได้เล็กน้อย


 


 


เมื่อเห็นอวี๋เยว่หานไม่ได้ไล่เธอไปอีก สายตาของเธอพลันวูบไหว ก่อนจะยกมือสั่งบริกรให้รินไวน์ให้พวกเขาอีก จากนั้นก็เอ่ยปาก


 


 


“คุณชายหาน คุณบอกว่าอยากให้รางวัลเพื่อนร่วมงานสำหรับผลงานในครั้งนี้ไม่ใช่เหรอคะ ดื่มกับทุกคนสักแก้วดีไหมคะ”


 


 


เสียงของเหวินหย่าไต้ไม่มีความกกดดันเลย


 


 


และมันก็ดังเข้าไปในหูของทุกคนอย่างชัดเจน


 


 


เพื่อนร่วมงานรอบข้างได้ยินเธอพูดแล้วก็ตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย


 


 


แม้แต่คนของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่ง ก็ล้อมเข้ามาอย่างเร็วรี่ หลังจากมอมเฉินจื่อซินไปแล้ว


 


 


“คุณชายหาน พวกเราก็อยากดื่มกับคุณสักแก้ว…”


 


 


“คุณชายหานเป็นคนของพวกเรา พวกคุณแย่งไปไม่ได้!”


 


 


เพื่อนร่วมงานทั้งสองฝั่งเริ่มหยอกล้อกัน บรรยากาศพลันครึกครื้นในทันใด


 


 


มีเพียงสายตาของอวี๋เยว่หาน ที่เสาะหาเงาร่างของเหนียนเสี่ยวมู่อยู่ตลอด


 


 


เมื่อพบว่าเธอหายไปแล้ว สายตาของเขาก็มืดมนลง!


 


 


 


 


ตอนที่ 294 รองประธานเฉิน ตื่น!


 


 


เธอถือแก้วไวน์แดงหายไปไหนแล้ว


 


 


แอบดื่มตอนที่เขาไม่ได้สังเกตเหรอเนี่ย


 


 


พอคิดถึงความเป็นไปได้ในข้อนี้ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็หมองขึ้นทันที


 


 


“คุณชายหาน ทุกคนกำลังรอคุณอยู่นะคะ” เหวินหย่าไต้ยืนอยู่ข้างๆ อวี๋เยว่หาน ครั้นเห็นเขากำลังจะจากไป เธอก็รีบยื่นมือไปดึงแขนของเขาเอาไว้


 


 


หลังจากอวี๋เยว่หานกวาดสายตามอง เธอก็รีบปล่อยมืออีก


 


 


และถอยหลังไปก้าวหนึ่งด้วยความกลัว


 


 


เธอกลืนน้ำลายอย่างแรง ก่อนจะหันไปมองเพื่อนร่วมงานรอบๆ


 


 


ทุกคนไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่พอเห็นเหวินหย่าไต้มองมาทางพวกเขา จึงพากันคิดว่าอวี๋เยว่หานตอบรับให้พวกเขาชนแก้วแล้ว และต่างก็ถือแก้วไวน์มาข้างหน้า


 


 


ทำให้อวี๋เยว่หานถูกกลุ่มคนล้อมอยู่ในทันที!


 


 


 


 


ในมุมของร้านอาหาร


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่กำลังถือแก้วไวน์แดงหลบอยู่ข้างโต๊ะอาหาร แอบดื่มอย่างอารมณ์ดี


 


 


ดื่มจนใบหน้าเล็กๆ เป็นสีแดงระเรื่อ


 


 


อยู่ๆ โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมา


 


 


เฉินจื่อซินส่งข้อความมา บอกว่ามีเรื่องด่วนอยากให้เธอช่วย ให้เธอไปหาเขาที่ห้องพักผ่อน


 


 


งานเลี้ยงก็ต้องดื่มเหล้าสิ


 


 


เฉินจื่อซืนเอาใจใส่มาก เขาเปิดห้องพักผ่อนไว้สองสามห้องชั้นบนร้านอาหาร หากมีเพื่อนร่วมงานดื่มจนเมาก็ขึ้นไปพักผ่อนไป หลับสักตื่นหนึ่งค่อยกลับ


 


 


แต่เขามีเรื่องด่วนอะไร ถึงขอให้เธอไปหาให้ได้ในเวลานี้


 


 


เธอถือโอกาสตอนที่อวี๋เยว่หานไม่ได้จ้องมองเธอ จะได้แอบดื่มไวน์สักเล็กน้อย


 


 


แต่พอคิดถึงข้อความของเขา และน้ำเสียงร้อนรน เหนียนเสี่ยวมู่ก็วางแก้วไวน์ลง ก่อนจะเดินขึ้นไปข้างบน


 


 


หญิงสาวเดินไปหน้าห้องพักผ่อน ตามตำแหน่งที่บอกในข้อความ


 


 


ประตูห้องเปิดอ้าไว้ครึ่งหนึ่ง ข้างในห้องค่อนข้างมืด ดูไม่ออกว่ามีใครอยู่หรือเปล่า


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่มองภาพตรงหน้า พลางขมวดคิ้ว


 


 


และหยุดฝีเท้าลงในทันที


 


 


เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากในกระเป๋า ขณะที่กำลังโทรศัพท์หาเฉินจื่อซิน อยู่ๆ ไหล่ของเธอก็ถูกดันอย่างแรง จนตัวทุ่มถลาไปข้างใน!


 


 


ทันใดนั้นประตูห้องก็ปิดลง!


 


 


หลังจากมีเสียงดัง ‘ปัง’ ก็มีเสียงล็อกประตูตามมาด้วย


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ถูกดันติดอยู่กับผนัง เพิ่งยืนได้มั่นคง ก็พบว่าเปิดประตูห้องไม่ได้เสียแล้ว


 


 


ครั้นหันกลับไปมองในห้อง ก็มีเพียงเฉินจื่อซินที่ดื่มจนเมามายเพียงคนเดียว!


 


 


เสื้อนอกบนตัวของเขาหายไปแล้ว ท่อนบนของเขาเหลือเพียงเสื้อเชิ้ตบางๆ


 


 


เขานอนกางแข้งกางขาอยู่บนเตียง ข้างกายไม่มีโทรศัพท์มือถือ ดูท่าทางไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น…


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่สงบสติอารมณ์ และรู้ทันทีว่ามีคนกำลังเล่นตลก


 


 


เธอเดินไปข้างหน้า ยกมือขึ้นตีหน้าของเฉินจื่อซิน


 


 


“รองประธานเฉิน ตื่น!”


 


 


เฉินจื่อซินดื่มมากไปแล้ว จึงนอนหลับสนิท อยู่ๆ ถูกตบแบบนี้ จึงเด้งตัวขึ้นจากบนเตียงด้วยความตกใจ


 


 


เมื่อเขาเห็นเธอ ก็ตะลึงไปหลายวินาที ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างให้เธออย่างโง่งม


 


 


“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ผมฝันเห็นคุณด้วย!”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…”


 


 


เธอหมุนตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำ ถือน้ำแก้วหนึ่งออกมา แล้วสาดบนหน้าของเฉินจื่อซินอย่างไม่ไว้หน้า


 


 


“รีบตื่นเดี๋ยวนี้ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”


 


 


ถูกน้ำเย็นเฉียบแก้วหนึ่งสาดลงบนหน้าในฤดูหนาวแบบนี้ ทำเอาเฉินจื่อซินหนาวจนตัวสั่นไปหมด!


 


 


เขากอดอก และหมุนตัวอยู่ที่เดิม


 


 


หลังจากเห็นเหนียนเสี่ยวมู่กำลังทำหน้าเคร่งอยู่ตรงหน้า เขาก็หันไปมองรอบๆ อีก ก่อนจะค่อยๆ ตื่นขึ้น ใช้เวลานานทีเดียว


 


 


เขาตะเกียกตะกายลุกขึ้น และเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว


 


 


“เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ” ไม่นานเฉินจื่อซินก็ถอดเสื้อผ้าเปียก พันผ้าขนหนูเดินออกมาจากในห้องน้ำ


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่หน้าดำคร่ำเครียด จากนั้นก็ยื่นข้อความที่ได้รับในโทรศัพท์มือถือให้เขาดู “คำถามนี้ฉันควรเป็นคนถามคุณมากกว่า”


 


 


เฉินจื่อซินหน้าเปลี่ยนสีทันที “ผมไม่ได้ส่งข้อความนี้”


ตอนที่ 295 การสารภาพรักที่เกิดขึ้นกะทันหัน


 


 


“…”


 


 


คำตอบที่ไม่คาดคิด


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ก็รู้สึกว่าข้อความมีปัญหาตั้งแต่วินาทีที่ถูกคนดันเข้ามาในห้อง


 


 


แม้เฉินจื่อซินจะเป็นลูกคนรวย แต่ก็มีพฤติกรรมดีและจริงใจ


 


 


ปฏิบัติตัวกับทุกคนอย่างมีมารยาท ไม่มีทางใช้วิธีต่ำช้าแบบนี้หลอกเธอแน่


 


 


“โทรศัพท์มือถือของคุณล่ะ”


 


 


“…ผมดื่มเยอะเกินไป เมื่อกี้ไม่ค่อยมีสติ ไม่รู้ว่าวางมือถือไว้ที่ไหน” เฉินจื่อซินได้ยินเธอถาม ก็หันกลับไปหาในห้องรอบหนึ่ง แต่ไม่พบโทรศัพท์มือถือของเขา


 


 


และตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าตนเองอยู่ในแผนของคนอื่น


 


 


“อีกฝ่ายหลอกคุณให้คิดว่าผมดื่มเยอะ จะให้คุณทำอะไรกันแน่” เฉินจื่อซินถามด้วยความสงสัย


 


 


ถ้าเป็นอย่างที่พูด อย่างนั้นก็ชัดเจนแล้วว่า แผนการของอีกฝ่ายล้มเหลว


 


 


ตอนนี้พวกเขาสองคนรู้แจ้งแล้ว


 


 


“ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาโดยพลัน


 


 


เฉินจื่อซินเงยหน้าขึ้นพร้อมสีหน้าดีใจ “มีคนมาแล้ว เดี๋ยวพวกเราก็ได้ออกไปแล้ว”


 


 


“เดี๋ยวก่อน!” เหนียนเสี่ยวมู่ยื่นมือไปจับเขา บอกให้เขาอย่าเพิ่งส่งเสียง


 


 


เธอเดินไปข้างหน้า และมองออกไปข้างนอกผ่านตาแมว


 


 


ทันใดนั้นเธอก็มีสีหน้าอึมครึม


 


 


“นักข่าว! มากกว่าหนึ่งคนด้วย”


 


 


“อะไรนะ นักข่าวเหรอ” เฉินจื่อซินก็ตกใจจนสะดุ้ง ก่อนจะเดินไปดูข้างหน้า


 


 


เขายังไม่ทันมองเห็นข้างนอกได้ชัดเจน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง


 


 


เสียงเคาะประตูดังลั่นเข้ามาในหู ราวกับว่าอยากจะพังประตูเข้ามา


 


 


“งานเลี้ยงส่วนตัวของพวกเรา จะมีนักข่าวได้ยังไง แถมยังมาเร็วขนาดนี้อีก” เฉินจื่อซินถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ก่อนจะถูกำปั้นเดินรอบห้องรอบหนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น


 


 


“คุณเข้ามายังไม่ถึงสิบนาทีเลย ระหว่างพวกเราไม่ได้เกิดอะไรขึ้นเลย ขอแค่พวกเราอธิบายให้ชัดเจน…”


 


 


พูดไปได้ครึ่งหนึ่ง เขาก็พูดไม่ออกเอง


 


 


นักข่าวปรากฏตัวขึ้นในเวลาสั้นๆ แค่นี้ ต้องมีคนบอกข่าวอย่างแน่นอน


 


 


ขอเพียงตอนนี้เปิดประตูออก ให้นักข่าวเห็นชายโสดหญิงโสดอยู่ในห้องเดียวกัน คงไม่มีใครสนใจว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขาหรือเปล่า


 


 


พาดหัวข่าวบันเทิงพรุ่ง จะต้องเป็น ‘รองประธานบริษัทเซิ่งต้าใช้อำนาจทำผิดต่อซูเปอร์ไวเซอร์เล็กๆ’ หรือ ‘สาวสวยบริษัทตระกูลอวี๋รับแขก’ แน่นอน!


 


 


คำอธิบายของนักข่าว ก็จะบอกเพียงว่าพวกเขาบริสุทธิ์ และทำลายเรื่องดีของคนทั้งสอง


 


 


มีทั้งพยานและหลักฐาน บวกกับรูปภาพอบอุ่นแน่นแฟ้นในมุมต่างๆ…


 


 


เฉินจื่อซินมองคนตรงหน้า อยู่ๆ ก็เงียบไป


 


 


แต่สายตานั้นเป็นประกายทีเดียว


 


 


เขายื่นมือออกไปทันที คว้าไหล่ของเหนียนเสี่ยวมู่เอาไว้


 


 


“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ความจริงแล้วผมชอบคุณมาโดยตลอด ถ้าคุณยินยอมล่ะก็ ผมอยากบอกนักข่าว ว่าพวกเรากำลังคบกัน”


 


 


ถ้าเป็นความคบหาดูใจกันอย่างเปิดเผย อย่างนั้นก็แตกต่างกับการทำเรื่องผิดศีลธรรมโดยสิ้นเชิง


 


 


หนุ่มโสดกับหญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน จบคบหากันก็ไม่ได้ผดกฎหมาย


 


 


“…”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่กำลังคิดว่าต้องจัดการสถานการณ์น่าอึดอัดในตอนนี้อย่างไร คิดไม่ถึงว่าเขาจะสารภาพรักมาอย่างกะทันหัน ทำเอาเธอตัวแข็งทื่อไปในทันที


 


 


ผ่านไปนานทีเดียว เธอถึงจะดึงสติกลับมา และปัดแขนของเขาออกไปอย่างแรง


 


 


“ไม่ใช่ว่าการประกาศคบหาอย่างเป็นทางการจะแก้ปัญหาในตอนนี้ ข้างนอกมีนักข่าวเมากันเยอะขนาดนี้ ฉันกลัวว่าแค่เปิดประตู พวกเขาคงไม่ให้โอกาสคุณพูดอะไรหรอก” เหนียนเสี่ยวมู่พูด พลางหันไปมองเฉินจื่อซิน


 


 


ชายหนุ่มก็ก้มหน้ามองตนเองตามสายตาของเธอ


 


 


เมื่อเห็นผ้าขนหนูบนตัวของตนเอง เขาก็รู้ตัวทันที แล้วรีบเข้าไปใส่เสื้อผ้าในห้องน้ำ


 


 


แต่เพิ่งออกมาจากในห้องน้ำ ก็ได้ยินนักข่าวข้างนอกเคาะประตูไม่ยอมหยุด และเริ่มลองถีบประตูแล้ว!


 


 


และประตูนี้ต้านไว้ได้ไม่นานโดยสิ้นเชิง…


 


 


ทำอย่างไรดี


 


 


 


 


ตอนที่ 296 ไม่ทันแล้ว!


 


 


“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน คุณวางใจเถอะ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ผมจะไม่ให้คุณได้รับบาดเจ็บ…” เฉินจื่อซินเดินไปข้างๆ และเตรียมปลอบใจเธอ แต่พบว่าหญิงสาวก้มหน้าอยู่ตลอด เธอกำลังโทรศัพท์หาอวี๋เยว่หาน


 


 


สัญญาณในห้องนี้เหมือนจะถูกปิดกั้นเอาไว้ เธอจึงโทรศัพท์ไม่ติด


 


 


แต่เธอยังคงไม่ยอมแพ้ พยายามโทรศัพท์ติดต่ออย่างต่อเนื่อง


 


 


เฉินจื่อซินตัวแข็งทื่อไปเล็กน้อย


 


 


เมื่อคิดได้ว่าเมื่อครู่เธอปฏิเสธเขาอย่างไม่ลังเลสักนิด อยู่ๆ เขาก็หน้าซีดเผือดไปเล็กน้อย ราวกับว่ารู้สึกถึงอะไรบางอย่าง


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่กลับไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าของเขา เธอพึมพำอย่างหัวเสีย “ไม่ได้บอกว่าจะจับตามองฉันหรอกเหรอ ฉันหายไปแบบนี้ ยังไม่รับสายอีก…”


 


 


เธอโทรศัพท์ไม่ติด จึงถือโทรศัพท์มือถือเดินไปที่ระเบียง


 


 


ถ้าไม่สำเร็จจริงๆ เธอทำได้แค่ลองกระโดดลงจากชั้นสอง


 


 


หวังว่าจะไม่ตาย…


 


 


เฉินจื่อซินยืนอยู่ข้างหลังเธอ มองหลังของเธอ และรู้สึกได้ว่าเธอยอมกระโดดลงจากระเบียง แต่ไม่ยอมให้ตัวเองมีความสัมพันธ์อะไรกับคนเอง จึงยิ่งมีสีหน้าบิดเบี้ยวขึ้น


 


 


เขาตะลึงลานอยู่หลายวินาที ถึงจะเดินเข้าไปดึงเธอ


 


 


“ถึงจะกระโดดลงไป ผมจะกระโดดด้วย!”


 


 


“…” เหนียนเสี่ยวมู่อึ้งไป ก่อนจะหันกลับมามองสายตาจริงจังของเขา เธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ได้ยินเสียงกระแทกประตูอย่างแรงเสียก่อน!


 


 


ทันใดนั้น ประตูห้องก็เปิดออก


 


 


ไม่ทันแล้ว!


 


 


 


 


ข้างนอกห้อง


 


 


นักข่าวกลุ่มหนึ่งออกันอยู่ที่หน้าประตู แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเหวินหย่าไต้ยืนอยู่ที่มุมบันได


 


 


เธอถือแก้วไวน์แดงขึ้นจิบอย่างช้าๆ พลางมองภาพคึกคักตรงหน้าด้วยสายตาชั่วร้าย


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่เก่งมากไม่ใช่เหรอ


 


 


ได้งานใหญ่ถึงสองครั้งสองคราว ทำให้เพื่อนร่วมงานในแผนกชมเธอไม่ขาดปาก


 


 


ถ้าให้นักข่าวถ่ายภาพเธออยู่ห้องเดียวกับเฉินจื่อซินที่กำลังเมามาย แม้กระทั่งไม่ใส่เสื้อผ้า…


 


 


จิ๊ๆ สาวแกร่งทำงานเก่งจะต้องกลายเป็นสาวนอนเป็นเพื่อนแน่!


 


 


ถึงตอนนั้นเพื่อนร่วมงานในแผนกต้อง ‘มองเธอใหม่’ แม้แต่คุณชายหานก็…


 


 


หลังจากคิดถึงตรงนี้ รอยยิ้มที่มุมปากของเหวินหย่าไต้ก็ปรากฏชัดเจนขึ้น


 


 


เมื่อเห็นประตูห้องใกล้จะถูกเปิดออก เธอถึงจะตั้งใจทำเป็นหาคนไม่เจอ และไปสอบถามกับเพื่อนร่วมงานคนอื่น!


 


 


เหวินหย่าไต้ได้โอกาสมาอย่างยากลำบาก เธอฉวยโอกาสวิ่งลงไปหาเฉินจื่อซินข้างล่าง ตอนที่นักข่าวสองคนอยู่ในห้องบนชั้นสอง


 


 


“ฉันจำได้ว่ารองประธานเพิ่งดื่มไวน์ไปไม่น้อย หายไปไหนแล้วล่ะ คงจะไม่เกิดเรื่องอะไรใช่ไหม ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนก็หายไปด้วย…”


 


 


พอเธอพูดออกมา ทุกคนก็พบว่าใครบางคนหายไป จึงตามหากันตามสัญชาตญาณ


 


 


ไม่ต้องใช้เวลานาน พนักงานที่เห็นกับตาก็บอกพวกเขาว่า ทั้งสองคนอยู่ที่ชั้นบน


 


 


แถมดูเหมือนเข้าไปในห้องพักผ่อนห้องเดียวกันด้วย!


 


 


ทันใดนั้นทุกคนก็พุ่งตัวไปที่ประตูห้องพักผ่อน


 


 


“เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมถึงมีนักข่าวได้”


 


 


“ชายโสดกับหญิงโสดอยู่ในห้องเดียวกัน จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นได้…”


 


 


“เคาะประตูนานขนาดนี้แล้วยังไม่มีคนเปิดประตู นี่มันผิดปกติแล้ว รีบตามพนักงานมาเปิดประตูเร็ว!”


 


 


“หาคนมาเปิดประตูมันช้าเกินไป พังเข้าไปเลยดีกว่า!”


 


 


“…”


 


 


ยิ่งคนเยอะขึ้น บวกกับมีนักข่าวอยู่ตรงนี้ด้วย สถานการณ์จึงวุ่นวายขึ้นมาในทันที


 


 


สุดท้ายไม่รู้ว่าใครตะโกนขึ้นมา “ช่วยคนสำคัญกว่า พังประตูเร็ว ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ฉันรับผิดชอบเอง!”


 


 


เมื่อนักข่าวกลุ่มหนึ่งได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนก็ฮึกเหิมขึ้นมาทันควัน หลายคนกระแทกประตูห้องอย่างพร้อมเพรียง และเปิดประตูได้พร้อมกัน!


 


 


พวกเจายกกล้องถ่ายรูปเตรียมจะพุ่งเข้าไป แต่อยู่ๆ ก็ตะลึงลานอยู่ที่เดิม!


ตอนที่ 297 ตกใจหรือเปล่า ประหลาดใจหรือเปล่า


 


 


ในห้องสว่างจ้า


 


 


ไม่มีภาพวุ่นวายอย่างที่ทุกคนคิด และไม่มีใครมีท่าทางกระวนกระวายทำตัวไม่ถูก


 


 


จากประตูห้อง ไปจนถึงเตียงขนาดใหญ่ภายในห้อง ล้วนสะอาดเอี่ยมเหมือนใหม่


 


 


แต่จุดที่ห่างจากประตูไม่ถึงหนึ่งเมตร มีเงาร่างสูงส่งของอวี๋เยว่หานยืนอยู่อย่างเย่อหยิ่ง


 


 


เขาสวมเสื้อกันลมตัวยาว ขับเน้นให้เขาสูงโปร่งอย่างยิ่ง


 


 


เขาล้วงกระเป๋าเสื้อนอกด้วยมือข้างเดียว หันหน้ามาด้านข้างเล็กน้อย


 


 


ใบหน้าด้านข้างที่สมบูรณ์แบบทำให้ทุกคนอยากจะร้องกรี๊ดออกมาทันทีที่เห็น


 


 


แต่กลิ่นอายเฉยชาบนตัวเขา กลับทำให้ทุกคนมองและถอยหนี!


 


 


“คุ คุณชายหาน…”


 


 


ทุกคนตะลึงลานอยู่ที่หน้าประตู ดึงสติกลับมาไม่ได้ แม้จะผ่านไปนานแล้ว


 


 


ราวกับว่าคิดไม่ถึง ว่าเขาจะปรากฏตัวอยู่ที่นี่


 


 


เมื่อได้ยินเสียงประตูถูกถีบ เหนียนเสี่ยวมู่และเฉินจื่อซินที่อยู่ข้างหลังเขาก็เดินมาข้างหน้า


 


 


หลังจากเห็นภาพตรงหน้า เฉินจื่อซินก็มีสีหน้าดำคล้ำขึ้นทันใด!


 


 


“พวกคุณมาจากสำนักข่าวไหน ตามข่าวจนต้องพังประตู ผมต้องแจ้งตำรวจให้มาจัดการไหม!”


 


 


ปกติเฉินจื่อซินมีรอยยิ้มอบอุ่นเสมอ จึงไม่ค่อยมีคนเห็นเขาโมโห


 


 


ดังนั้นพวกนักข่าวที่มาตามข่าวของเขา ถึงได้ใจกล้าหน้าด้านถึงขนาดนี้


 


 


แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้สืบทอดของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้า ฐานะและตำแหน่งสูงส่งทีเดียว


 


 


ตอนนี้เขามีสีหน้าบึ้งตึง ตำหนิอยู่สองคำ ทำเอานักข่าวหลายคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าสุดตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว


 


 


เหล่านักข่าวรีบยิ้ม “รองประธานเฉิน เข้าใจผิดแล้ว เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด ทุกคนเคาะประตูแต่ไม่มีใครตอบรับ เลยเป็นห่วงว่าจะเกิดเรื่อง ถึงได้พังประตู”


 


 


“ใช่ๆๆ พวกเราแค่เป็นห่วงความปลอดภัยของคุณ!”


 


 


หลายคนพากันสนับสนุน


 


 


เฉินจื่อซินกลับไม่ได้หลอกง่ายขนาดนั้น


 


 


ก่อนหน้านี้เขากังวลว่านักข่าวจะถ่ายรูปเขาอยู่ในห้องเดียวกับเหนียนเสี่ยวมู่ตามลำพัง กลัวว่าจะอธิบายได้ไม่ชัดเจน


 


 


แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงแล้ว!


 


 


เขาเดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ก่อนจะกวาดสายตามองนักข่าวตรงหน้าด้วยความเย็นชา


 


 


“เป็นห่วงผม? พวกคุณตามรอยผมมาแน่ๆ ถึงได้รู้แวลาที่ผมเข้าห้องได้ชัดเจนขนาดนี้ คิดจะถีบประตูถ่ายรูปเรื่องส่วนตัวของผมไปทำข่าวใหญ่ใช่ไหม”


 


 


“…” ข้างนอกประตูพากันเงียบกริบ


 


 


ไม่มีใครกล้าตอบ


 


 


นักข่าวหลายคนอยากหนี แต่อวี๋เยว่หานไม่พูดจา ทำให้พวกเขาไม่กล้าหนีไปด้วย


 


 


ได้แต่ยืนรอเฉินจื่อซืนสั่งสอนอยู่ข้างหน้าราวกับเด็กนักเรียน


 


 


เมื่อเฉินจื่อซินสั่งสอนจนพอใจ เขาถึงจะหันหน้าไปมองอวี๋เยว่หานผู้มีสีหน้าหม่นหมอง และตั้งใจพูดเสียงดังว่า “คุณชายหาน ทีแรกผมอยากนัดคุณกับซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนมาคุยงานไตรมาสต่อไป คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น คุณว่าจัดการยังไงดี”


 


 


อวี๋เยว่หานทำหน้าเย็นชาและไม่พูดจามาตั้งแต่ต้น


 


 


ใบหน้าเฉยชาเงยขึ้นเล็กน้อย ตรงที่นัยน์ตาสีดำมองไปนั้น เหมือนจะถูกแช่แข็งไปในทันที


 


 


นักข่าวหลายคนที่เมื่อครู่ดีใจ เพราะคิดว่าจะได้ข่าวใหญ่ ตอนนี้เริ่มตัวสั่นด้วยความกลัวแล้ว


 


 


เดิมทีพวกเขาคิดว่าจะถ่ายได้รูปดีๆ จำนวนหนึ่ง


 


 


ซูเปอร์ไวเซอร์สาวสวย คิดจะเคลมลูกค้าของตนเอง แถมยังเตรียมใช้เวลาอันเป็นสุขในยามค่ำคืนด้วยกัน…


 


 


ถ้าข่าวแบบนี้ออกมา จะต้องเป็นข่าวใหญ่แน่!


 


 


พวกเขาเห็นซูเปอร์ไวเซอร์สาวสวยแล้ว เฉินจื่อซินก็อยู่ใยห้อง แต่ไม่มีใครบอกพวกเขาว่า คุณชายหานก็อยู่ด้วย!


 


 


แถมมองทั้งสามคนอยู่ด้วยกันแล้ว เหนียนเสี่ยวมู่ดูเหมาะกว่าคุณชายหานมากกว่า


 


 


ทำไมคนที่ปล่อยข่าวบอกว่าเธอมีใจให้เฉินจื่อซินล่ะ


 


 


หลอกพวกเขาเล่นแท้ๆ เลย!


 


 


“คุณชายหาน พวกเราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ พวกเราไม่รู้ว่าคุณก็อยู่ในห้อง…”


 


 


“พวกเราสำนึกผิดแล้ว พวกเราจะลบรูปทั้งหมดแน่นอน! รับรองว่าจะไม่ให้คุณเห็นหน้าอีก…”


 


 


 


 


ตอนที่ 298 เขาโกรธเหรอ


 


 


“พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้! จะไปทันที!”


 


 


นักข่าวหลายคนไม่กล้าถามอีกว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นในห้องบ้าง เอาแต่รีบร้อนลบรูป แล้วหมุนตัววิ่งไป!


 


 


เหวินหย่าไต้ยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน มองภาพตรงหน้าแล้วก็ได้แต่กัดฟันกรอก


 


 


มือที่ตกอยู่ข้างลำตัวกำหมัดด้วยความไม่พอใจ!


 


 


เธอวางแผนรอบคอบขนาดนี้แล้ว แต่ก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง


 


 


ขอแค่ให้นักข่าวเห็นเหนียนเสี่ยวมู่อยู่ในห้องกับเฉินจื่อซินตามลำพัง พวกเขาล้างมลทินอย่างไรก็ไม่สะอาดแล้ว…


 


 


ทำไม ทำไมคุณชายหานถึงมาอยู่ที่นี่


 


 


เธอให้เพื่อนร่วมงานในแผนกกักตัวเขาอยู่ในร้านอาหารชัดๆ…


 


 


แต่เหวินหย่าไต้ไม่พอใจแค่ไหน ก็ทำได้แค่อดกลั้นเอาไว้


 


 


เมื่อเห็นนักข่าวหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต เธอก็รีบเดินออกมาจากกลุ่มคน ก้าวมาข้างหน้าพร้อมกับทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร


 


 


“คุณชายหาน เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมอยู่ๆ มีนักข่าวมาเยอะขนาดนั้น รองประธานเฉินก็ด้วย เมื่อกี้คุณเมามากไม่ใช่เหรอคะ…”


 


 


คำถามของเหวินหย่าไต้ก็เป็นข้อสงสัยของทุกคนในที่นี้เช่นกัน


 


 


เมื่อเธอเอ่ยปาก ทุกคนก็จับจ้องไปที่เหนียนเสี่ยวมู่ อวี๋เยว่หาน และเฉินจื่อซินทันที


 


 


“แค่ไวน์แดงไม่กี่แก้ว จะไปเมาจริงๆ ได้ยังไงล่ะครับ” เฉินจื่อซินยื่นมือจัดเสื้อผ้าบนตัวเล็กน้อย แล้วเดินไปข้างหน้า


 


 


ก่อนจะมองเพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างนอก


 


 


“ผมตั้งใจนัดคุณชายหานมาคุยงานของไตรมาสต่อไป ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนตามหาเขาอยู่พ่อดี ก็เลยนั่งคุยอยู่ด้วยกันสักพัก ใครไปจะไปรู้ว่านักข่าวสมัยนี้เป็นบ้าไปแล้ว เคาะประตูไม่มีใครเปิด ก็กล้าจะพังเข้ามาซะอย่างนั้น!”


 


 


เฉินจื่อซินอธิบายสถานการณ์เมื่อครู่อย่างง่ายๆ แล้วลงไปชั้นล่างพร้อมกับเพื่อนร่วมงานในแผนก


 


 


งานเลี้ยงดำเนินต่อไป


 


 


ทุกคนมีความสุขมาก ไม่มีใครสืบเสาะเรื่องเมื่อครู่อีก


 


 


มีเพียงเหนียนเสี่ยวมู่


 


 


ตั้งแต่กลับมาที่ร้านอาหาร เธอก็ไม่สบายใจอยู่ตลอด


 


 


ในหัวของเธอมีแต่ภาพตอนที่เธอพุ่งไปที่ระเบียง เตรียมตัวจะกระโดดลงไป


 


 


ขณะที่นักข่าวขวางอยู่ที่หน้าประตูกับทุกคน อวี๋เยว่หานก็เข้ามาในห้องข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้


 


 


เงาร่างสูงโปร่งแทรกซึมเข้ามาในยามค่ำคืน ผู้ชี้ขาดแห่งรัตติกาล


 


 


ร้ายกาจ เย็นชา


 


 


ตอนนั้นเธอคิดว่าตนเองตาฝาดไป แต่เฉินจื่อซินแย่งลงไปก่อน จึงลืมไปว่าจะพูดอะไร


 


 


เธอตะลึงลานอยู่บนระเบียงห้องข้างๆ ราวกับเงาร่างของเขาเป็นภาพลวงตา


 


 


จนกระทั่งมองเห็นสองมือของเขายันอยู่บนราวระเบียง แล้วพลิกตัวข้ามมา…


 


 


ท่วงท่าอันร้ายกาจนั้น ทำเอาเธอเกือบมองไม่ทัน


 


 


ขณะที่เธอดึงสติกลับมาได้ เขาก็ยืนอยู่ข้างหน้าเธอเหมือนเทพบุตรแล้ว


 


 


กลิ่นอายของความมีอำนาจปกคลุมตัวเธอ มือใหญ่พลันกดหัวของเธอเอาไว้ แล้วเอ่ยเสียงเบา “เกิดอะไรขึ้น”


 


 


ตอนนั้นสมองของเธอขาวโพลนไปหมด จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตนเองพูดอะไรกับเขาไปบ้าง


 


 


หลังจากได้ยินเขาพูดว่า ‘โง่’ ออกมาคำหนึ่ง เขาก็เดินไปข้างหน้าเฉินจื่อซิน พูดกับอีกฝ่ายสองสามครำด้วยใบหน้าเคร่งขรึม จากนั้นถึงสาวเท้าเดินไปยังประตูห้องที่ใกล้จะถูกถีบออกเต็มที…


 


 


จากนั้นนักข่าวก็มีสีหน้าตกใจจนอึ้งงันไปทันทีที่ถีบประตูออก


 


 


เมื่อคิดถึงตรงนี้ เหนียนเสี่ยวมู่ก็อดเงยหน้าขึ้น ลอบมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าตนเองครั้งหนึ่งไม่ได้


 


 


เธอมีคำถามอยู่มากมายแท้ๆ แต่เมื่อสบสายตาของเขา เธอก็กลัวจนต้องเลื่อนสายตาหนี


 


 


อวี๋เยว่หานยืน ส่วนเธอไม่กล้านั่ง ทั้งคืน


 


 


ครั้นอวี๋เยว่หานนั่งลง เธอก็ยังไม่กล้านั่ง


 


 


เธอรู้สึกราวกับว่าเวลาหยุดนิ่ง แต่ละวินาทีทรมานเหมือนสิบนาที


 


 


จนกระทั่งงานเลี้ยงใกล้จบลง เขาถึงจะลุกขึ้น เดินออกไปข้างหน้า


 


 


อยู่ๆ เขาก็หยุดฝีเท้าในระยะห่างช่วงหนึ่ง แล้วหันหน้ามองเหลือบมองเธอ “ยังไม่ไปเหรอ”


ตอนที่ 299 ยินดีต้อนรับคุณเสมอ 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่หมุนตัวเดินตามเข้าไปอย่างรวดเร็วทันที 


 


 


ทั้งคู่ออกไปจากร้านอาหารพร้อมกัน 


 


 


เมื่อเห็นเหนียนเสี่ยวมู่เงยหน้าขึ้น เธอก็เห็นรถมินิแวนที่คุ้นเคยจอดอยู่ข้างทางเลย 


 


 


ขณะกำลังลังเลว่าต้องอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่กับอวี๋เยว่หานสักหน่อยไหม เสียงคุ้นหูสายหนึ่งพลันดังขึ้นจากข้างหลัง 


 


 


“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน!” 


 


 


เฉินจื่อซินเหมือนจะวิ่งออกมาจากข้างใน และรีบวิ่งมากจนหอบหายใจ 


 


 


หลังจากเห็นเธอจะไปแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็มีความร้อนใจ 


 


 


“ผมมีบางอย่างจะพูดกับคุณครับ!” 


 


 


“…” 


 


 


ในหัวของเหนียนเสี่ยวมู่พลันปรากฏภาพเฉินจื่อซินสารภาพรักกับเธออย่างไม่มีปี่ ไม่มีขลุ่ยขณะที่พวกเขาติดอยู่ในห้อง 


 


 


ทำให้เธอปฏิเสธไปตามสัญชาตญาณ 


 


 


คราวนี้หญิงสาวถอยหลังไปก้าวหนึ่งตามสัญชาตญาณอีกครั้ง แต่แผ่นหลังของเธอกลับชนเข้ากับอกแกร่ง 


 


 


เธอตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไป 


 


 


อวี๋เยว่หานเดินกลับมาจากประตูรถตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ตอนนี้ยืนอยู่ข้างหลังเธอ 


 


 


ใบหน้าคมชัดของเขาแผ่รังสีอันน่าเกรงขามอย่างมีเอกลักษณ์ 


 


 


เมื่อเห็นเธอจะล้มลง เขาก็เอื้อมมือมาประคองไหล่ของเธอเล็กน้อย ทำให้ดูเหมือนกอดเธอจากข้างหลัง… 


 


 


ทำเอาเฉินจื่อซินหน้าซีดลงไปเล็กน้อย 


 


 


เขากระแอมเสียงหนึ่ง แล้วฝืนยิ้มออกมา “คุณชายหาน ผมขอพูดอะไรเป็นการส่วนตัวกับซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนสักหน่อยได้ไหมครับ” 


 


 


อวี๋เยว่หานกลับไม่ตอบ แต่หลุบตามองเหนียนเสี่ยวมู่ 


 


 


หลังจาดเห็นเธอไม่ปฏิเสธ เขาก็สีหน้าหม่นลงในทันใด! 


 


 


ชายหนุ่มปล่อยมือ แล้วหมุนตัวเดินไปข้างหน้ารถ ออกแรงเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง 


 


 


ริมถนนในยามค่ำคืน เหลือเพียงเหนียนเสี่ยวมู่กับเฉินจื่อซิน 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่เดินตามเขาไปใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง 


 


 


เสียงลมที่ข้างหูพัดดังหวีดหวิว 


 


 


หญิงสาวยื่นมือไปกระชับเสื้อนอก ขณะที่กำลังลังเลว่าต้องปฏิเสธเขาอย่างประนีประนอมอย่างไร เธอก็เห็นเฉินจื่อซินก้าวเข้ามากอดเธอในทันที! 


 


 


“รองประธานเฉิน คุณ…” 


 


 


“ไม่ต้องกลัวครับ ผมแค่อยากกอดคุณสักครั้ง เพื่อปลอบใจตนเองถึงความรักที่ยังไม่ได้เริ่มก็จบลงแล้ว ไม่ได้จะทำอะไรคุณครับ” เฉินจื่อซินกล่าวด้วยความเจ็บป่วยอยู่บ้าง 


 


 


ภาพตรงหน้าเหมือนกับในห้องพักผ่อนเมื่อครู่นี้ 


 


 


ในเวลาที่เจอวิกฤต เขาไม่ใช่คนแรกที่เธอนึกถึง 


 


 


วินาทีที่อวี๋เยว่หานปรากฏตัวขึ้น สายตาของเธอเป็นประกายระยิบระยับเหมือนดวงดาว 


 


 


แตกต่างกับเวลาที่เธอมองคนอื่นโดยสิ้นเชิง 


 


 


ในใจของเธอน่าจะมีใครบ้างคนอยู่แล้ว 


 


 


เพียงแต่แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่รู้ตัว… 


 


 


รอยยิ้มขมขื่นฉายชัดอยู่บนใบหน้าของเฉินจื่อซิน จากนั้นเขาก็ปล่อยเธอ 


 


 


เมื่อได้สบสายตาตะลึงงันของเธอ เขาก็ยิ้มออกมา 


 


 


“คุณวางใจเถอะ ผมไม่ใช่คนใจแคบ แค่สารภาพรักแล้วล้มไม่เป็นท่าเท่านั้นเอง ผมจะไม่ยุ่งวุ่นวายกับคุณ แต่ถ้าคนที่ทำให้คุณมีความสุขทำไม่ดีกับคุณ คุณมาหาผมได้เสมอเลยนะครับ!” 


 


 


“…” 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ยืนอยู่ตรงนั้น พลางมองเขาด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง 


 


 


เดิมทีเธออยากพูดกับเขาให้ชัดเจน แต่เธอยังไม่ทันเอ่ยปาก เฉินจื่อซินก็เหมือนรู้ว่าเธอจะพูดอะไร 


 


 


แม้เธอจะไม่ค่อยเข้าใจความหมายในคำพูดของเขาเมื่อครู่สักเท่าไหร่ 


 


 


คนที่ชอบอะไรกัน 


 


 


“แม้จะจีบคุณไม่ได้ แต่ก็น่าจะไม่ส่งผลต่อการเป็นเพื่อนกันใช่ไหมครับ” เฉินจื่อซินพลันเข้ามาใกล้อีกก้าว แล้วยิ้มอย่างสนุกสนาน 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ดึงสติกลับมา ก่อนจะพยักหน้าอย่างแรง “แน่นอนค่ะ!” 


 


 


“เพื่อนหนาวนิดหน่อย ยังอยากกอดอีกสักที…” เฉินจื่อซินพูด พลางทำท่าจะถลาเข้าหาเหนียนเสี่ยวมู่ แต่ทันใดนั้นเขาก็”ด้ยินเสียงปิดประตูรถมินิแวนอย่างแรงดังมาจากที่ใกล้ๆ 


 


 


อวี๋เยว่หานที่นั่งอยู่ในรถ ตอนนี้สาวเท้าออกมาจากข้างในอย่างไม่ลังเลสักนิดแล้ว! 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 300 คุณชอบเขาเหรอ 


 


 


เสียงปิดประตูรถดังสนั่นหูราวกับจะดึงทึ้งประตู 


 


 


เฉินจื่อซินชะงักไป ความคิดจะหยอกล้อผ่านสายตาไป 


 


 


เขาไม่ได้จะกอดเหนียนเสี่ยวมู่จริงๆ เพียงแต่ยื่นมือไปตบไหล่ของเธอเบาๆ และมองเธอด้วยสายตาลึกซึ้งอีกครั้งหนึ่ง 


 


 


“อย่าลืมล่ะ ว่าถ้าเขาทำไม่ดีกับคุณ จำไว้ให้มาหาผม!” 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…” 


 


 


เธอยังไม่ทันดึงสติกลับมา เฉินจื่อซินก็จากไปแล้ว 


 


 


หญิงสาวกำลังคิดว่าคำพูดของเฉินจื่อซินหมายความว่าอะไร อยู่ๆ ก็หนาวสันหลังวาบขึ้นมา! 


 


 


ครั้นรู้ตัว เธอก็เหลือบมองเงาร่างเย็นชาของอวี๋เยว่หาน เขายืนอยู่ข้างหลังเธอ มุมปากอมยิ้มเยือกเย็น “เขาไปแล้ว จะมองอีกนานไหม” 


 


 


“…” 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ตามเขาขึ้นรถไป 


 


 


ระหว่างทาง ในรถเปิดฮีทเตอร์แท้ๆ แต่เหนียนเสี่ยวมู่กลับหนาวจนตัวสั่นอยู่ตลอด 


 


 


เธอเขยิบตัวติดประตูรถอย่างเอาเป็นเอาตาย อยากจะขดตัวเท่านั้น 


 


 


สุดท้ายเธอก็ทนไม่ได้ โผล่หน้าไปเหลือบมองชายหนุ่มที่เหมือนเครื่องทำความเย็นอัตโนมัติครั้งหนึ่ง 


 


 


“คุณชาย คุณอารมณ์ไม่ดีเหรอ” 


 


 


“…” 


 


 


“จริงสิ ฉันยังไม่ได้ขอบคุณเลย ที่คุณช่วยฉันออกจากสถานการณ์คับขัน ถ้าคุณมาไม่ทันเวลา เรื่องในวันนี้จะต้องคลุมเครือแน่…” เหนียนเสี่ยวมู่ยังพูดไม่จบ คนข้างกายพลันหันหน้ามาถลึงตามองเธอ 


 


 


จากนั้นเขาก็เอ่ยปากอย่างเย็นชา “ถ้ารู้จักกลัวจริงๆ ก็ไม่ควรอยู่ตามลำพังกับเฉินจื่อซิน” 


 


 


“…” 


 


 


“คุณชอบเขาเหรอ” อวี๋เยว่หานเค้นเสียงจากไรฟันคำหนึ่ง ทำให้ความกดอากาศในรถลดต่ำลงไปอีก 


 


 


คนขับรถก็ตัวสั่นด้วยความกลัว แล้วรีบเลื่อนบานกั้นระหว่างข้างหน้าและข้างหลังรถขึ้น 


 


 


ที่นั่งข้างหลังเหลือเพียงพวกเขาสองคน 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ไม่ทันเห็นว่าคนขับรถทำอะไร เพียงแต่ส่ายหน้าเหมือนป๋องแป๋งทันทีที่ได้ยินคำพูดของเขา 


 


 


“ไม่ใช่แบบที่คุณคิดนะ” เธอควักโทรศัพท์มือถือออกมาจากในกระเป๋า แล้วยื่นให้เขาดู “ฉันได้รับข้อความ ก็เลยขึ้นไป คิดไม่ถึงว่าจะถูกขังอยู่ในห้อง ฉันไม่ได้คิดจะทำเรื่องส่วนตัวกับรองประธานเฉินเลย!” 


 


 


อวี๋เยว่หาน “…” 


 


 


นัยน์ตาสีดำลุ่มลึกของเขา กวาดมองบนโทรศัพท์มือถือของเธอ 


 


 


ในรถที่เมื่อครู่ยังน่าอึดอัด พลันมีบรรยากาศผ่อนคลายลงทันที 


 


 


อวี๋เยว่หานเขยิบตัวบนเบาะที่นั่ง สองมือกอดอก พลางเลิกคิ้วชำเลืองมองเธอ “คุณไม่ได้โทรศัพท์หาผมเหรอ” 


 


 


“ฉันโทรแล้ว! โทรตั้งหลายครั้ง แต่โทรไม่ติดเลย” เหนียนเสี่ยวมู่บ่นพึมพำเสียงเบา  


 


 


ขณะที่กำลังจะเก็บโทรศัพท์มือถือไป อยู่ๆ มือของเขาก็ยื่นมาฉวยเอาโทรศัพท์มือถือของเธอไป 


 


 


เขาตรวจสอบบันทึกสนทนาก่อน เมื่อเห็นว่าเธอโทรศัพท์หาเขาอยู่หลายครั้งจริงๆ มุมปากก็ยกโค้งขึ้นอย่างที่ไม่ได้เห็นง่ายๆ โดยไม่รู้ตัว 


 


 


สายตาของเขาตกลงบนข้อความที่นำให้เธอเข้าไปในห้อง แต่แววตากลับคุกคามยิ่งนัก 


 


 


“เฉินจื่อซินไม่ได้ส่งข้อความมาจริงๆ เหรอ” 


 


 


ถ้าตอนนั้นถ้าเขาไม่รู้ตัวว่าเธอหายไปได้ทันท่วงที และไปหาเธอ 


 


 


เรื่องในวันนี้ก็คงไม่จบลงง่ายๆ แบบนี้! 


 


 


“รองประธานเฉินบอกว่ามือถือของเขาหายไป” เหนียนเสี่ยวมู่ตอบโดยไม่ปิดบังเลยสักนิด 


 


 


เขาชะงักไป และคิดอะไรได้บางอย่าง 


 


 


“นักข่าวพวกนั้นก็โผล่มาได้ถูกเวลามาก พอฉันถูกคนดันเข้าไปในห้อง พวกเขาก็มาแล้ว เหมือนกับมีคนจับวาง!” 


 


 


คนที่วางแผนทำร้ายเธอนั้น นำเอาเฉินจื่อซินเข้ามาพัวพันด้วย 


 


 


นี่ไม่ใช่เรื่องของเหนียนเสี่ยวมู่คนเดียวแล้ว 


 


 


เมื่อพูดถึงเรื่องงาน เหนียนเสี่ยวมู่ก็ชัดเจน เธอขยับไปข้างๆ เขา และเล่าทุกเรื่องในคืนนี้ให้เขาฟัง 


 


 


หลังจากเล่าจบ แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่สังเกต ว่าเธอพิงเข้าไปในอกของเขา เพื่อมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือในมือของเขาแล้ว 


 


 


หัวเล็กๆ พร้อมผมนุ่มๆ ส่ายไปมาตรงหน้าเขาไม่หยุด…  


ตอนที่ 301 เสียงในใจ


 


 


นัยน์ตาสีดำของอวี๋เยว่หานลุ่มลึกขึ้น ลมหายใจกระชั้น


 


 


เขาพลิกตัวกดเธอลงบนเบาะรถ ก่อนจะหลุบตามองเธอ


 


 


ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก ใกล้จนลมหายใจเกาะเกี่ยวอยู่ด้วยกัน


 


 


เขามองเห็นใบหน้าเล็กที่กำลังตะลึงงัน และดวงตาตะลึงลานของเธอได้ชัดเจน


 


 


ขนตายาวราวกับปีกของผีเสื้อกระพือด้วยความกระวนกระวาย ผ่านไปนานทีเดียว เธอถึงจะถามว่า “คุณชาย คุณกำลังทำอะไร”


 


 


“…” อวี๋เยว่หานอึ้งกับคำถามของเธอ


 


 


เขาก็ไม่รู้ว่าตนเองคิดจะทำอะไร


 


 


เพียงแต่มองเห็นเธอถูไถอยู่ในอกของเขา ก็พลันมีเสียงในใจบอกให้เขาทำอะไรบางอย่าง


 


 


ตอนนี้เขาได้สบสายตางงงันของเธอ เขาถึงเหมือนเรียกสติของตนเองกลับมาได้


 


 


เขาเม้มริมฝีปากบาง แขนสองข้างที่ยันอยู่ข้างตัวเธอกลับไปเคลื่อนออก ร่างกายก็เลื่อนต่ำลง ใบหน้าหล่อเหลามีเสน่ห์ค่อยๆ เข้าใกล้ริมฝีปากสีแดงเชอร์รีของเธอ…


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่คิดไม่ถึงว่าอยู่ๆ เขาจะเข้าใกล้ตนเอง สองมือจึงดันหน้าอกของเขาเอาไว้ตามสัญชาตญาณ แต่ยังไม่ทันหลบ เขาก็หยุดลงแล้ว


 


 


ปลายจมูกขยับเล็กน้อย เหมือนได้กลิ่นอะไรบางอย่าง


 


 


จากนั้นเขาก็กวาดสายตามองเธอ แล้วขยับริมฝีปากบาง “แอบดื่มไวน์ลับหลังผมเหรอ”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…”


 


 


เขาเข้ามาใกล้อย่างกะทันหันแบบนี้ ก็เพื่อดมว่าบนตัวเธอมีกลิ่นไวน์หรือเปล่าน่ะเหรอ


 


 


เธอยังคิดว่าเขาอยากจะจูบเธอ…


 


 


หลังจากตระหนักว่าตนเองคิดอะไรอยู่ ใบหน้าของเหนียนเสี่ยวมู่ก็แดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย


 


 


อ้ำอึ้งอยู่นานทีเดียว เธอถึงจะเค้นคำพูดออกมาได้ “แอบดื่มไปนิดเดียวดอง ได้รับข้อความแล้วก็ขึ้นไปเลย ยังดื่มไม่หมดแก้วหนึ่งเลยด้วยซ้ำ”


 


 


เรื่องราวหลังจากนี้ เขาก็รู้แล้ว


 


 


หลังจากนักข่าวแยกย้ายกันไป เธอก็กังวลว่าเขาจะโกรธหรือเปล่าอยู่ตลอด กลัวว่าเขาโกรธแล้วจะกดหัวเธอลงไปในแก้วไวน์ จะกล้าดื่มที่ไหนกัน


 


 


เธอมองเขาตาปริบๆ ตลอดทาง…


 


 


น่าสงสารจนเหมือนขาดแค่ส่ายหางเดินมาหาเขา!


 


 


“เด็กดี” อวี๋เยว่หานหลุบตา ก่อนจะยื่นมือไปลูบหัวของเธอเล็กน้อย แล้วกลับไปนั่งที่ของตนเองอย่างสุขุม


 


 


บนใบหน้าที่เหมือนจะไม่มีความเปลี่ยนแปลง ก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นอย่างหาได้ยาก


 


 


ความเยือกเย็นรอบกายก็เริ่มกระจายไป


 


 


ลมหนาวยะเยือกข้างนอกหน้าต่างนั้น ช่างแตกต่างกับบรรยากาศที่เริ่มอบอุ่นขึ้นภายในรถ


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ยื่นมือไปลูบหัวของตนเอง และตะลึงงันไปทั้งตัว


 


 


ทำไมเธอรู้สึกว่าน้ำเสียงเมื่อครู่ของเขา เหมือนกำลังปลอบโยนลูกสุนัขตัวหนึ่ง


 


 


แต่เธอยังไม่ทันเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงมีเสน่ห์ของเขาก็ดังขึ้นที่ข้างหูแล้ว


 


 


“เรื่องในวันนี้ ผมจะตรวจสอบให้แน่ชัด ต่อไปคุณก็อยู่ห่างๆ เฉินจื่อซินหน่อย”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…” ???


 


 


เขาสงสัยเฉินจื่อซินเหรอ


 


 


“คุณชานหาน รองประธานเฉินไม่ใช่คนอย่างนั้น แถมมือถือของเขาก็หายไปด้วย ฉันเลยต้องไปหาที่ห้องนั้น” เหนียนเสี่ยวมู่อธิบายแทนเหนียนเสี่ยวมู่ตามสัญชาตญาณ


 


 


ถ้าเฉินจื่อซินหลอกเธอไปจริงๆ ก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะนอนหลับอุตุอยู่บนเตียง


 


 


และถ้าเธอไม่ให้รางวัลเป็นการตบหน้าเขาไปสองครั้ง แถมยังมี ‘น้ำเย็นหนาวจับใจ’ อีกแก้วหนึ่ง คาดว่าตอนนี้เขายังหลับอยู่แน่


 


 


คนที่ส่งข้อความให้เธอ อยากให้นักข่าวถ่ายรูปเฉินจื่อซืนอยู่กับสาวโสดเพียงลำพังด้วยกัน


 


 


ถ้าเป็นเฉินจื่อซินจริงๆ ตอนนี้เขาน่าจะร่วมมือกับนักข่าวถึงจะถูก


 


 


“คุณเชื่อใจเขามากเลยเหรอ”


 


 


อวี๋เยว่หานหันหน้าไปมองเธอครั้งหนึ่ง สีหน้าพลันหม่นลง


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ทำปากจู๋ “ไม่ใช่เรื่องเชื่อหรือไม่เชื่อหรอก เพียงแต่จะอยู่ห่างใครสักคนก็ต้องมีเหตุผลสิ แถมเขายังเป็นลูกค้าคนสำคัญของพวกเรา”


 


 


เมื่อได้ยินดังนั้น นัยน์ตาของอวี๋เยว่หานก็มีความเยือกเย็นปรากฏขึ้นในทันที


 


 


เขาครุ่นคิดเงียบๆ อยู่หลายวินาที ก่อนจะขยับริมฝีปากบาง “อย่าทำตัวน่าสงสัย!”


 


 


 


 


ตอนที่ 302 คุณทำอะไร…


 


 


“…”


 


 


ที่เขาพูดก็มีเหตุผล เธอเถียงไม่ได้เลย


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่นั่งอยู่บนเบาะรถอย่างว่าง่าย ก่อนจะยื่นมือไปยันแก้ม มองทิวทัศน์ข้างนิกหน้าต่าง


 


 


แต่ในหัวของเธอกลับเริ่มครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้


 


 


เธอก็เคยสงสัยเรื่องของหวางเมี่ยวเมี่ยวก่อนหน้านี้ ว่ามีใครเพ่งเล็งตนเองหรือเปล่า


 


 


ทว่าหวางเมี่ยวเมี่ยวลาออกกะทันหัน แถมย้ายบ้านไปอีก


 


 


เธอหาอีกฝ่ายไปเจอ ยังไม่เรื่องมากมายที่ยังหาความจริงไม่ได้


 


 


วันนี้ก็เกิดเรื่องอีก…


 


 


แม้จะบอกว่าเฉินจื่อซินเป็นผู้สืบทอดของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้า มูลค่าข่าวต้องสูงกว่าซูเปอร์ไวเซอร์เล็กๆ คนหนึ่งอยู่แล้ว แต่ลางสังหรณ์บอกเธอว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้เป็นการจู่โจมเธอ


 


 


คนคนนั้นเป็นใครกันแน่ ต้องใช้วิธีต่ำช้าขนาดนี้มาจัดการเธอเลยเหรอ


 


 


ยังมีคนที่ดันเธอที่หน้าประตูห้องในตอนนั้นอีก…


 


 


ทำไมเธอรู้สึกเหมือนว่าคนคนนั้นเป็นผู้หญิง


 


 


ไม่นานรถก็มาถึงคฤหาสน์ตระกูลอวี๋


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่เปิดประตูรถ และตามหลังอวี๋เยว่หานเข้าไปในห้องรับแขก


 


 


ขณะกำลังจะกลับไปที่ห้องของตนเอง เธอก็เห็นเสี่ยวลิ่วลิ่วกอดตุ๊กตาลูกหมูนั่งอยู่บนโซฟา


 


 


เด็กหญิงตัวนุ่มนิ่มง่วงจนงัวเงียแล้ว


 


 


เธอกอดตุ๊กตาของตนเอง หัวผงกเล็กน้อย ท่าทางเหมือนจะตกลงจากโซฟาได้ตลอดเวลา


 


 


พ่อบ้านยืนอยู่ข้างๆ สองมือยื่นไปข้างหน้าเธอ ปกป้องเธออย่างระมัดระวัง


 


 


เมื่อเห็นพวกเขากลับบ้าน ก็เหมือนกับเป็นดาวช่วยชีวิตเลยทีเดียว


 


 


“คุณชาย คุณหนูฝันร้าย พอตื่นขึ้นมาก็ไม่ยอมหลับเลย บอกว่าจะรอพวกคุณกลับมาครับ”


 


 


พอพ่อบ้านพูดออกมา เสี่ยวลิ่วลิ่วที่ยังงัวเงียอยู่เมื่อครู่ก็ตื่นขึ้นมาทันที


 


 


ก่อนที่ร่างเล็กๆ จะไถลลงมาจากโซฟา หลังจากเห็นอวี๋เยว่หาน


 


 


เธอสาวเท้าวิ่งมาหาเขา แล้วกอดขาของเขาเอาไว้ “ปาปาอุ้มๆ”


 


 


เสียงออดอ้อนเหมือนอยากจะร้องไห้


 


 


ดูท่าทางจะฝันร้ายมากจริงๆ


 


 


อวี๋เยว่หานย่อตัวลงอุ้มเธอขึ้นมาปลอบอย่างรวดเร็ว ผ่านไปสักพักหนึ่งก็เห็นเธอ และเตรียมตัวกลับไปนอนที่ห้องของตนเอง


 


 


แต่เพิ่งก้าวเท้าออกไป เสี่ยวลิ่วลิ่วก็ดึงเสื้อของเขา ไม่ยอมไป


 


 


เด็กหญิงหันหน้าพาดลงบนไหล่ของเขา ก่อนจะมองเหนียนเสี่ยวมู่ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังตาปริบๆ


 


 


ปากเล็กๆ เบะเล็กน้อย “เสี่ยวลิ่วลิ่วกลัว อยากให้ปาปากับพี่สาวคนสวยไปนอนด้วย!”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…”


 


 


เมื่อได้เห็นเสี่ยวลิ่วลิ่วผู้น่าสงสาร เธอก็ปฏิเสธไม่ได้โดยสิ้นเชิง


 


 


เธอทำได้เพียงเงยหน้ามองอวี๋เยว่หาน รอให้เขาเอ่ยปากปฏิเสธ


 


 


แต่ผ่านไปนานแล้ว กลับได้มาแต่คำว่า “โอเค” !


 


 


โอเคนี่หมายความว่าอย่างไร


 


 


เขาจะให้เธอนอนกับเขาจริงๆ เหรอ ถุยๆ! นอนกับเสี่ยวลิ่วลิ่วต่างหาก…


 


 


แต่อย่างนั้น ก็เป็นการนอนบนเตียงเดียวกัน…


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ตะลึงงันอยู่ที่เดิม ไม่มีปฏิกิริยาอะไร


 


 


ทันใดนั้น เสี่ยวลิ่วลิ่วในอกของอวี๋เยว่หานก็ไถลตัวลงมาจากตัวเขา แล้ววิ่งไปตรงหน้าเธอ จูงมือเธอเดินขึ้นไปชั้นบน


 


 


เจ้าตัวเล็กกอดตุ๊กตาลูกหมูของตนเอง ปีนขึ้นไปบนเตียงของอวี๋เยว่หาน จากนั้นก็ดึงผ้าห่ม แล้วตบมือลงตรงตำแหน่งที่อยู่ข้างๆ เรียกเธอ


 


 


“พี่สาวคนสวยนอนฝั่งนี้!”


 


 


“ปาปานอนอีกฝั่งหนึ่ง!”


 


 


“เสี่ยวลิ่วลิ่วเป็นเด็กน้อย ต้องนอนตรงกลาง”


 


 


เธอพูดพลางเอนตัวลงอย่างว่าง่าย ก่อนจึงผ้าห่มมาคลุมจนมิดหัวเล็กๆ และกะพริบตาหวานเชื่อมรอพวกเขา


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่อึ้งอยู่ข้างเตียง


 


 


เทียบกับความอึดอัดของเธอแล้ว อวี๋เยว่หานใจเย็นอย่างเห็นได้ชัด เขายื่นมือไปถอดเสื้อนอกออก แล้วโยนไว้บนโซฟา


 


 


จากนั้นก็แกะเนคไท


 


 


เตรียมจะถอดเสื้อผ้า…


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่เห็นพฤติกรรมของเขา สองตาเบิกโพลงจนเหมือนกับระฆังทองแดง


 


 


เธอปิดตาของตนเองอย่างรวดเร็วทันที


 


 


“คุณ คุณจะทำอะไร อย่าลามกต่อหน้าเสี่ยวลิ่วลิ่วสิ!”


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม