ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง 289-296

 ตอนที่ 289 ในใจท่านอ๋องรักพระชายาอยู่ 


 


ตั้งแต่อดีตก็เคยได้ยินแต่สั่งยารักษาโรคช่วยชีวิต ยังไม่เคยได้ยินมีคนจะสั่งยาทำให้ตัวเองป่วย อิ๋งโจวไม่เข้าใจนัก จึงประสานมือถามว่า “เหตุใดท่านอ๋องถึงอยากได้ยาเช่นนี้ ข้าสั่งยาเพื่อจะช่วยคนเท่านั้น เรื่องทำร้ายคนเช่นนี้…ท่านอ๋องโปรดอภัย ข้าทำไม่ได้เสียจริง” 


 


 


เฝิงเยี่ยไป๋อ้าปากยิ้มขึ้นมา “หากท่านหมอผสมยานี้ให้ข้าได้ ก็เท่ากับช่วยชีวิตของข้าเอาไว้แล้ว” 


 


 


อิ๋งโจวยิ่งงงกับคำพูดของเขาเข้าไปใหญ่ “เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ยามีพิษสามส่วน หากท่านอ๋องได้กินยานี้เข้าไป แม้ร่างกายเดิมจะยังดีๆ อยู่ ก็อาจต้านฤทธิ์ยาได้ เกรงว่าจะป่วยขึ้นมาจริงๆ” 


 


 


“ไม่ใช่ว่ายังมีท่านหมออยู่หรือ” เขาเล่นแหวนหยกที่อยู่บนมือ ไม่คิดจะปิดบังเขา “คิดว่าท่านหมอก็รู้เรื่องที่ข้าเข้าประชุมราชกิจแล้วกระมัง ในราชสำนักนั้นต่างเล่นเล่ห์เหลี่ยมซึ่งกันและกัน วันนี้ข้าเข้าร่วมราชกิจ ฝ่าบาทยังให้ปิงฝูกับข้า ดั่งที่ว่าต้นไม้ใหญ่ถูกลมมากก็เป็นเช่นนี้ ข้าไม่ได้มีความสามารถที่จะเป็นขุนนาง ดังนั้นจึงได้แต่แกล้งป่วยหลบอยู่ในบ้าน จะได้ไม่ต้องถูกราชโองการเอาศีรษะไปทั้งๆ ที่ยังเป็นท่านอ๋องได้ไม่นาน” 


 


 


แม้ว่าอิ๋งโจวจะไม่เคยเป็นขุนนาง แต่เขาก็รู้ว่าการอยู่ข้างฮ่องเต้ก็เหมือนดั่งอยู่ข้างเสือ ที่เฝิงเยี่ยไป๋พูดนั้นไม่ใช่ไม่มีเหตุผล เขาครุ่นคิดเล็กน้อย สีหน้ายังคงลังเล “ท่านคิดดีแล้วจริงหรือ ยาบางอย่าง ผลของยาต้านกันเอง หากใส่อยู่ด้วยกันก็จะได้ผลเช่นนี้อยู่ เพียงแต่ไม่ดีต่อร่างกายนัก ตบตาหมอหลวงพอได้ เพียงแต่เกรงว่าแกล้งป่วยแล้วจะทิ้งโรคเอาไว้ เช่นนั้นจะไม่ดี” 


 


 


เฝิงเยี่ยไป๋พูดว่า “นี่ไม่ใช่ว่ามีท่านหมออิ๋งโจวอยู่หรือ แม้แต่โรคของภรรยาข้าที่เป็นมาสิบกว่าปีก็ยังรักษาหายได้เลย ข้าเชื่อวิชาการรักษาของท่านหมอ” เขาลุกขึ้นยืนแล้วตบไหล่เขาสองที “เพียงแต่ต้องขอให้ท่านหมอรักษาความลับนี้ให้ข้า หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ก็จะเป็นโทษใหญ่ฐานหลอกลวงฮ่องเต้ ไม่ใช่เพียงข้า แม้แต่ภรรยาข้า ยังมีคนในจวนเหล่านี้ล้วนต้องถูกประหาร” 


 


 


อิ๋งโจวรีบลุกขึ้นโค้งคำนับ “ท่านอ๋องมีบุญคุณช่วยชีวิตข้า ท่านอ๋องวางใจได้ ข้าจะรักษาความลับเป็นอย่างดี” 


 


 


รักษาความลับเป็นอย่างดีรึ เกรงว่าจะไม่ใช่เพื่อเขากระมัง หากเรื่องนี้ถูกรู้เข้าก็คือโทษประหารเจ็ดชั่วโคตร คงกลัวเว่ยเฉินยางตายไปกับเขามากกว่ากระมัง! 


 


 


เฉินยางถูกเฝิงเยี่ยไป๋สั่งกักบริเวณเอาไว้ นอกจากห้องนอน ที่ใดก็ไม่ให้ไป ซั่งเหมยและซั่งเซียงรับผิดชอบเฝ้านางเอาไว้ ยืนอยู่ข้างซ้ายข้างขวา ฟังนางขว้างสิ่งของระบายความโกรธอยู่ข้างใน 


 


 


ซั่งเซียงถอนหายใจเบาๆ “หากวันหลังข้าแต่งงานแล้ว สามีปฏิบัติเช่นนี้กับข้า ข้าคงไม่ต้องมีชีวิตอยู่แล้ว” 


 


 


ซั่งเหมยตำหนินาง “เจ้าจะไปรู้เรื่องอะไร เจ้าดูไม่ออกหรือว่าในใจท่านอ๋องรักพระชายาอยู่” 


 


 


“เจ้าอย่าว่าไป…” ซั่งเหมยจู่ๆ ก็เปลี่ยนเรื่อง “ก็ดูไม่ออกจริงๆ นั่นละ” 


 


 


ซั่งเหมยงอนิ้วนับกับนาง “เจ้าว่าท่านอ๋องของพวกเรานั้น หน้าตาเช่นนี้ แล้วมาดูหน้าตาของพระชายาของพวกเรานี้ ดูอย่างไรทั้งสองคนก็ไม่เหมาะสมกัน เพียงแต่ท่านอ๋องกลับรักพระชายาสุดใจ เมื่อวานข้าได้ยินเสี่ยวลิ่วที่ขับรถม้าอยู่ว่าท่านอ๋องไปที่ ‘ฉื่อเจียนฝูเซิง’ ที่นั่นคือที่ใดหรือ เป็นหอนางโลมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ปกติแล้วผู้ชายไปหอนางโลมไม่แปลก เพียงแต่ท่านอ๋องของพวกเราไม่เหมือนกัน ไปหาแม่นางหรือไม่ไม่รู้ อย่างไรเสียตอนกลับมายังเอาขนมมาให้พระชายาอีก เจ้าว่าข้างในนั้นมีแม่นางสวยงามมากมายเท่าไร จะไม่มีแบบที่ท่านอ๋องชอบเลยหรือ เพียงแค่ในเวลานั้นยังสามารถคิดถึงพระชายาได้ ก็หาได้ยากได้แล้ว” 


 


 


ซั่งเซียงบุ้ยปาก “ท่านอ๋องและพระชายาเป็นสามีภรรยาชาวบ้านมาก่อน ภรรยาต่ำต้อยย่อมทิ้งไม่ได้ สำหรับท่านอ๋องแล้วพระชายาย่อมไม่เหมือนกัน” 


 


 


  


 


 


—— 


 


 


ตอนที่ 290 ภรรยาต่ำต้อย 


 


 


 


 


 


สาวใช้สองคนนี้พูดอะไรก็ไม่รู้จักหลบคน ก่อนหน้านี้ยังพูดถึงนางกับเฝิงเยี่ยไป๋อย่างไรไม่พอ ยามนี้ก็ยังไม่หยุดอีก ยิ่งพูดก็ยิ่งเลยเถิด ในมือเฉินยางเพิ่งขว้างแจกันสีขาวแตก ความโกรธยังไม่หาย จึงตะโกนไปข้างนอกว่า “อย่าคิดว่าข้าเป็นคนโง่ ที่พวกเจ้าพูดข้าได้ยินหมดแล้ว เข้ามาเดี๋ยวนี้!” 


 


 


ซั่งเหมยถอนหายใจพูดว่า “แย่แล้ว” ก็รีบทำท่าทางเคารพขึ้นมาแล้วผลักประตูเข้าไป โค้งตัวคำนับพูดว่า “พระชายา ท่านมีเรื่องใดจะสั่งหรือเจ้าคะ” 


 


 


เรื่องที่จะสั่งก็ไม่มี นางเพียงแค่โกรธที่พวกนางนินทาลับหลังนาง ของที่สามารถขว้างได้ในห้องก็ถูกนางขว้างไปเสียเกือบหมดแล้ว คอนางตะโกนจนเจ็บก็ยังไม่หายโกรธ กลับทำเอาตัวเองเหนื่อยนัก มองซ้ายมองขวาไม่มีที่ให้ก้าวเดิน นางจึงนั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียง มองไปที่ซั่งเหมยซั่งเซียงพูดว่า “คำพูดที่พวกเจ้าพูดเมื่อครู่ข้าได้ยินหมดแล้ว ภรรยาต่ำต้อย[1]อะไร ข้าเป็นภรรยาต่ำต้อยตรงไหนกัน ใช่ ข้าไม่เหมาะกับเฝิงเยี่ยไป๋ เพียงแต่ข้าก็ไม่ได้บอกว่าจะต้องอยู่ที่นี่อย่างหน้าด้านนัก ข้าขอหนังสือหย่าแล้วแต่เขาไม่ให้ ข้ารู้ว่าในใจพวกเจ้าสะใจนัก รู้สึกว่าข้าเป็นนายหญิงของพวกเจ้าดูถูกความสามารถของพวกเจ้า ไม่เป็นไร ข้าก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผลขนาดนั้น อีกเดี๋ยวเฝิงเยี่ยไป๋กลับมาข้าจะบอกเขาให้ ไม่ต้องให้ใครปรนนิบัติข้าแล้ว อย่างไรเสียข้าก็เป็นนายหญิงได้ไม่นาน ไม่แน่วันใดพวกเจ้าอาจจะได้เป็นพระชายาแล้วก็เป็นได้” 


 


 


ซั่งเหมยและซั่งเซียงได้ยินแล้วก็รีบคุกเข่าลงพูดว่า “นายหญิงโปรดอภัย พวกบ่าวปากไวไปหน่อย ไม่มีเจตนาจะดูถูกนายหญิงเลย” 


 


 


ซั่งเซียงตบปากตัวเองหนึ่งที “นายหญิงโปรดไว้ชีวิตด้วย เป็นบ่าวที่พูดผิดไป บ่าวสมควรตาย” 


 


 


เฉินยางเกลียดบ้านถึงอีกา[2] พาลให้ชักจะไม่ชอบสาวใช้สองคนนี้ขึ้นมาแล้ว จึงพูดด้วยอารมณ์หงุดหงิดว่า “ไม่ต้องมาขอร้องข้า ข้าไม่ใช่นายหญิงของพวกเจ้า จะขอก็ไปขอเฝิงเยี่ยไป๋ เขาต่างหากที่เป็นเจ้านายตัวจริงของเจ้า ข้าเป็นเพียงภรรยาต่ำต้อยที่อาจจะถูกหย่าได้ทุกเมื่อเท่านั้น คำพูดของข้าใช้ไม่ได้ อย่าได้ทำให้เข่าตัวเองต้องเหนื่อยอีก ถึงยามนั้นก็โทษตัวเองว่าคุกเข่าให้ผิดคน เช่นนั้นข้าจะไม่รับผิดชอบ” 


 


 


ที่ขอร้องกับนางนี้เป็นเพียงคำพูดไม่จริงจังเท่านั้น นิสัยของเฉินยางที่จริงพวกนางก็รู้เป็นอย่างดี ต่อให้นางโกรธจริงๆ ก็ไม่ถึงกับจะเอาชีวิตพวกนาง เพียงแค่พูดไปเท่านั้น อย่างมากก็ถูกตีมือสองทีเท่านั้น แต่หากถึงเฝิงเยี่ยไป๋นั้นก็ไม่เหมือนกันแล้ว ที่เขานั้นคือร้องขอชีวิตจริงๆ หากเฉินยางไม่จำเป็นต้องให้พวกนางปรนนิบัติแล้ว เช่นนั้นในจวนอ๋องก็ไม่มีที่ให้พวกนางอยู่ได้อีก ถูกไล่ออกจากจวนเป็นเรื่องเล็ก ไม่เคารพนายหญิงจนทำให้เจ้านายโกรธเป็นเรื่องใหญ่ ถึงยามนั้นถูกหามศพออกจากจวนอ๋องก็จบสิ้นแล้วจริงๆ 


 


 


“พวกเราสำนึกผิดแล้ว บ่าวไม่ควรนินทานายหญิง บ่าวเสียมารยาทนัก บ่าวสมควรตาย นายหญิง ท่านอย่าได้ส่งบ่าวไปให้ท่านอ๋องเลย ขอนายหญิงได้โปรดไว้ชีวิตบ่าว หลังจากนี้บ่าวจะปรนนิบัติท่านอย่างเต็มที่” 


 


 


“นายหญิง บ่าวรู้ว่าท่านใจดี ท่านก็ปล่อยบ่าวครั้งนี้ไปเถิด บ่าวรับรอง หากมีครั้งต่อไปบ่าวจะตัดลิ้นตัวเอง นายหญิง ขอร้องท่าน อย่าได้ส่งพวกเราไปให้ท่านอ๋องเลย” 


 


 


เฉินยางเป็นคนใจอ่อน ฟังคนอื่นขอร้องนางไม่ได้ ที่จริงแล้วก็แค่นินทาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ทำให้นางโมโหนัก ตอนนี้พวกนางก็ขอร้องขนาดนี้แล้ว จะปั้นหน้าบูดก็ไม่ดี แม้ว่านางจะไม่เคยเป็นสาวใช้ เพียงแต่มองดูพวกนางวุ่นกันทั้งวัน ก็น่าจะเหนื่อยจริงๆ จึงใจอ่อนขึ้นมา เพียงแต่สีหน้ายังมึนตึงอยู่ “หากมีครั้งต่อไป ไม่ต้องให้พวกเจ้าลงมือ ข้าจะเป็นคนตัดลิ้นพวกเจ้าเอง” 


 


 


 —— 


 


 


[1] ภรรยาต่ำต้อย เป็นสำนวนจีน หมายถึงภรรยาที่ร่วมทุกข์กันมา 


 


 


[2] เกลียดบ้านถึงอีกา เป็นสำนวนจีน หมายถึงเกลียดสิ่งใดแล้วย่อมพาลเกลียดสิ่งที่เกี่ยวข้องไปด้วย 


ตอนที่ 291 ปรนนิบัติดั่งบรรพบุรุษ 


 


 


 


 


 


ว่าแล้วว่านายหญิงคนนี้พูดง่าย ซั่งเหมยและซั่งเซียงย่อตัวลงคำนับแล้วลุกขึ้นยืน ท่าทางเหมือนดั่งรอดชีวิตกลับมาเช่นนั้น “ขอบพระคุณนายหญิง หลังจากนี้ท่านก็เป็นบรรพบุรุษของพวกเรา บ่าวจะปรนนิบัติท่านเหมือนบรรพบุรุษเจ้าค่ะ” 


 


 


เฉินยางบุ้ยปากด้วยความไม่พอใจนัก “พวกเจ้าพูดออกมาได้อย่างไร ข้าเป็นบรรพบุรุษพวกเจ้าเสียที่ใด อย่าเรียกให้ข้าดูแก่นักเลย” นางสวมรองเท้า ยกชายกระโปรงก้าวผ่านเศษกระเบื้องที่อยู่เต็มพื้น แววตาแฝงเลศนัย “เจ้าดูในห้องนี้สิ ไม่มีที่ให้เดินแล้ว พวกเจ้าเก็บกวาดเสียก่อน ข้าจะออกไปสูดอากาศ รอให้เก็บกวาดเสร็จแล้วพวกเจ้าค่อยมาเรียกข้า” 


 


 


ขณะที่พูดอยู่นั้นก็จะออกไป ซั่งเหมยกับซั่งเซียงขานรับ ขณะกำลังจะลงมือ จู่ๆ ก็รู้สึกไม่ชอบมาพากลขึ้นมา รีบเข้าไปห้ามนาง ทำหน้าลำบากใจว่า “นายหญิง พวกเราเป็นเพียงบ่าวรับใช้ ท่านก็อย่าได้ทำให้พวกเราลำบากเลยได้หรือไม่ ท่านอ๋องกล่าวแล้วว่าไม่ให้ท่านออกจากห้องนี้ ท่านก็อยู่ที่นี่เสียเถิด ท่านไปนอนอยู่บนเตียงครู่เดียว บ่าวจะกวาดเบาๆ รอท่านตื่นแล้ว ทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิมแล้ว” 


 


 


เฉินยางกัดฟันกรอด “เขามีสิทธิ์อะไรไม่ให้ข้าออกจากห้องนี้!” 


 


 


ซั่งเหมยพูดว่า “เรื่องนี้บ่าวจะกล้าถามได้อย่างไร อย่างไรเสียท่านอ๋องก็พูดแล้วว่าไม่ให้ท่านออกจากห้องนี้ ท่านก็อย่าทำให้พวกเราลำบากเลย ไม่เช่นนั้นหากท่านอ๋องรู้เข้า ย่อมไม่ปล่อยพวกเราไปแน่ๆ” 


 


 


เฉินยางก็เป็นคนนิสัยดื้อดึงเช่นนี้ ยิ่งเขาไม่ให้นางออกไป นางก็ยิ่งไม่ฟัง ข่มขู่คนหรือ มีใครไม่เป็นบ้าง นางเท้าเอว วางท่าเป็นนายหญิงขึ้นมา “เมื่อครู่ยังบอกว่าจะปรนนิบัติข้าเหมือนบรรพบุรุษของพวกเจ้าอยู่เลย ตอนนี้คำพูดของตัวเองไม่นับแล้ว? พวกเจ้าก็ไม่กลัวข้าเอาเรื่องที่พวกเจ้านินทานั้นไปบอกเฝิงเยี่ยไป๋หรือ ถึงยามนั้นพวกเจ้าก็อยู่ไม่สุขแน่” 


 


 


การจัดการคนนั้นต้องใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็ง ต้องให้ทั้งบุญคุณและข่มขู่ ตบหัวแล้วลูบหลังเป็นดีที่สุด นี่เป็นเรื่องที่นางเรียกจากเฝิงเยี่ยไป๋ คำพูดข่มขู่พูดไปแล้ว คำพูดดีๆ ก็ต้องตามมา ปลายลิ้นตวัดเล็กน้อย ละครเปลี่ยนหน้าก็ควรจะเผยออกมาแล้ว นางยิ้มขึ้นมา ดูไปแล้วก็ทำเอาชวนให้ระแวงเป็นที่สุด “ข้าเพียงออกไปเล็กน้อย ไปสูดอากาศ ไม่ให้ใครเห็น รอให้พวกเจ้าเก็บกวาดเสร็จข้าก็กลับมาแล้ว พวกเจ้าคิดเองดีๆ เรื่องที่ถูกเขาลงโทษเพราะพูดนินทาจะเ**้ยมโหดกว่า หรือว่าจะแกล้งทำเป็นไม่เห็นข้าออกไป ถึงยามนั้นต่อให้ถูกเฝิงเยี่ยไป๋รู้เข้า พวกเจ้าก็ผลักความผิดมาให้ข้าเต็มที่ อย่างไรเสียพวกเราก็ทะเลาะกันจนเป็นเช่นนี้แล้ว เขาจะหย่ากับข้าอยู่แล้ว ข้าจึงไม่มีอะไรที่จะต้องเสียอีก” 


 


 


ซั่งเหมยกับซั่งเซียงแลกสายตาซึ่งกันและกัน รู้สึกที่นางพูดก็มีเหตุผล เพียงแต่เหตุผลนั้นก็ไม่ถูกต้องนัก ฟังอย่างไรก็รู้สึกประหลาด กลัวท่านอ๋องรู้ว่าพวกนางนินทาลับหลัง และก็กลัวท่านอ๋องรู้ว่าพวกนางจงใจปล่อยพระชายาออกไป อย่างไรเสียก็ต้องตาย จึงจมอยู่ในความลำบากใจ ไม่มีความคิดขึ้นมาทันที 


 


 


เฉินยางฉวยโอกาสยุยงขึ้นอีก “มีข้าปกป้องพวกเจ้าอยู่ มีอะไรต้องกลัวหรือ พวกเจ้าทำใจให้สบายเสียเถิด ข้าบอกแล้วก็เป็นเช่นนั้น เกิดเรื่องขึ้นก็ไม่ต้องเกรงใจ ผลักให้ข้าเต็มที่ หากเขาจะลงโทษพวกเจ้า ก็ต้องจัดการข้าเสียก่อน” พูดมาถึงเช่นนี้แล้ว หากยังขังไว้อีกก็ใช่เรื่อง นางไม่ใช่นักโทษเสียหน่อย ไฉนนางถึงต้องถูกขัง 


 


 


สุดท้ายก็ยังเป็นซั่งเซียงที่คล้อยตาม นางขมวดคิ้วพูดว่า “เช่นนั้นท่านรีบกลับมานะเจ้าคะ บ่าวได้ยินเสี่ยวฉิงที่อยู่สวนนอกบอกว่าท่านอ๋องเรียกคนไม่น้อยไปสอบสวนที่สวนด้านหลังอยู่เลย ก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ขอเพียงท่านอย่าได้ไปที่สวนด้านหลังเป็นพอ” 


 


 


สอบสวน? เขาคิดว่าที่นี่คือคุกจริงๆ หรืออย่างไร ปากนางขานรับ พอออกจากประตู ก็ไปยังสวนด้านหลังอย่างอดใจไม่อยู่ 


 


 


 


 


 


—— 


 


 


ตอนที่ 292 วิธีการร้ายยิ่งกว่า 


 


 


 


 


 


คนที่ไปห้องของเฉินยางได้มีไม่มาก ซั่งเหมยกับซั่งเซียงยังไม่พูดถึงก่อน คนอื่นหากไม่มีเรื่องใดจะเข้าไปละก็ ถ้าไม่ใช่ได้รับคำสั่งเข้าไปอย่างเปิดเผย ก็คือมีเป้าหมายบางอย่างแอบย่องเข้าไป นี่ยังต้องขอบคุณฮ่องเต้ที่วางสายตามากมายอยู่ที่เขานี้ วันหนึ่งสิบสองชั่วยามล้วนมีคนเฝ้าจับตาห้องนอนของเฉินยาง จึงไม่ยอมปล่อยผ่านไปแม้แต่คนเดียว 


 


 


ก็ไม่ใช่ทุกคนจะรู้จักเปลี่ยนฝั่งตามสถานการณ์เหมือนเฉาเต๋อหลุน มักมีคนที่ดื้อดึงนัก คิดจะก้าวเดียวขึ้นฟ้า คนที่เคยไปในห้องของเฉินยางมีสองคน สาวใช้คนหนึ่งขันทีคนหนึ่ง ยังมีอีกหลายคนคือคนที่เฉินยางได้เจอที่สวนดอกไม้ด้านหลัง คนเหล่านี้น่าสงสัยที่สุด บางทีอาจจะมีคนเห็นเฉินยางหยิบกระดาษแผ่นนั้น จากนั้นก็บอกอีกคน แล้วทั้งสองคนร่วมมือกันไปเอากระดาษกลับไปเป็นหลักฐานก็ไม่แน่ 


 


 


ความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกันใช่ว่าจะไม่มี เพียงแต่โอกาสก็ไม่มากนัก คนเหล่านี้ล้วนเป็นเฉาเต๋อหลุนที่ดูแลอยู่ ตอนนั้นเพิ่งจะขู่เฉาเต๋อหลุนอยู่ เขายังแสดงความภักดีอยู่เลย พวกบ่าวรับใช้หากเจอเรื่องอะไรก็ควรจะรายงานเขาทันที เพียงแต่คนผู้นี้กลับไม่ นอกจากจะไม่พูดแล้ว แถมยังไปขโมยกระดาษโดยพลการ คิดว่าคนทำงานคนเดียวจนชินแล้ว ผลงานไม่อยากแบ่งกับใคร ตัวเองได้ดีเพียงคนเดียว จะได้ยศสูงขึ้นหรือมีรางวัลก็เป็นเขาคนเดียว เพียงแต่เขากลับนึกไม่ถึงว่าเฉาเต๋อหลุนเปลี่ยนฝั่งแล้ว วันนี้จะต้องสืบทราบหนูตัวนี้ออกมาให้ได้ แม้จะต้องยอมฆ่าคนผิดก็ปล่อยไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นวันหลังไม่แน่อาจจะก่อเรื่องที่ใหญ่กว่านี้อีกก็เป็นได้ 


 


 


ในศาลาไม่เย็นนัก เฝิงเยี่ยไป๋โบกพัดไปสองที หว่างคิ้วเผยความหงุดหงิดออกมา “เฉาเต๋อหลุนน่าจะบอกพวกเจ้าแล้วกระมัง จวนของข้านั้นไม่เลี้ยงสุนัขที่เห่าใส่เจ้านาย เพียงแต่ข้าเพิ่งพูดกับเขา คิดว่าคงยังไม่ทันได้พูดกับพวกเจ้า แต่เวลาสั้นๆ เพียงเท่านี้ ในจวนก็เกิดเรื่องขโมยขึ้นมา โจรคนนั้นก็อยู่ในหมู่พวกเจ้า หากเขาสามารถก้าวออกมาบอกเอง พวกเจ้าที่เหลือก็รอด แต่หากไม่มีใครยืนออกมา เช่นนั้นก็คงต้องยกเป็นศพออกไปนอนอยู่ในสุสานไร้นาม แม้แต่ตายก็ไม่ให้เหลือศพครบส่วน” 


 


 


เฉาเต๋อหลุนก็คอยใส่ไฟอยู่ข้างหลังอีก “พวกเราล้วนมาจากในวัง ข้าขอเตือนพวกเจ้า อำนาจเงินทองใหญ่เพียงใดก็ต้องมีชีวิตถึงจะได้ใช้ พวกเราล้วนเป็นบ่าวรับใช้ ชีวิตในวังเป็นเช่นไร ชีวิตที่ออกมาแล้วเป็นเช่นไร คนเป็นมีสมองเพียงอย่างเดียวไม่ได้ สายตาก็ต้องแหลมคม ใครเป็นคนทำ รีบก้าวออกมา อย่าได้ทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อน” 


 


 


ยอมรับก็เท่ากับตายแล้วจะมีใครกล้ายอมรับ? ในไม่มีใครกล้ายอมรับ จึงได้แต่คุกเข่าลงพื้น เหงื่อที่ผุดบนหน้าผากนั้นก็ไม่รู้ว่าเพราะอากาศร้อนหรือความหวาดกลัว พออ้าปากขึ้นมาก็ตะโกนว่า “ท่านอ๋องโปรดตรวจสอบ” อย่างไรหรือ คนตายกลุ่มหนึ่งก็ยังมีโอกาสที่จะรอดชีวิตได้ แต่หากมีคนเพียงสองคนก็ต้องตายอย่างแน่นอน 


 


 


เฝิงเยี่ยไป๋หงุดหงิดที่ได้ยินคำพูดเช่นนี้ เขายกมือเกาหู ไม่อยากจะเสียเวลากับเรื่องเช่นนี้ ฆ่าเสียให้หมดเลยดีกว่า วันหลังจะได้ไม่ต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก 


 


 


“เฉาเต๋อหลุน เจ้าไม่ใช่บ่นว่าจะแสดงความภักดีหรือ นี่เป็นโอกาสของเจ้าแล้ว ฆ่าพวกเขาให้หมดแล้วเก็บกวาดให้เรียบร้อย อย่าได้วุ่นวายนัก พระชายายังอยู่ในจวน ระวังจะทำให้พระชายาตกใจ” 


 


 


เขาบอกฆ่าคนง่ายเสมือนบอกให้ทำอาหารหรือรินเหล้าอย่างไรอย่างนั้น เฉินยางซึ่งย่อตัวอยู่ตรงมุมกำแพง ได้ยินเขาตะโกนสั่งเหมือนลูกค้าในร้านอาหารเช่นนั้นก็รู้สึกตกใจ เมื่อก่อนตอนอยู่เมืองหรู่หนานนางเองก็เคยเห็นวิธีการของเขาที่จัดการคนอย่างไม่ลังเลเลย นึกไม่ถึงว่ามาถึงเมืองหลวงนี้วิธีการกลับร้ายยิ่งกว่าเสียอีก 


ตอนที่ 293 เลือดสาดห้าก้าว


 


 


 


 


ตอนแรกที่นางบอกเขาเรื่องนี้ เพียงรู้สึกว่านกพิราบนั้นมาอย่างน่าฉงนนัก อยากจะให้เขาระวังตัวเองเสียหน่อย นึกไม่ถึงว่าเพียงกระดาษแผ่นเดียว สุดท้ายกลับมีชีวิตคนมากมายเข้ามาเกี่ยวข้อง มีหลายคนนางยังไม่เคยเจอ ไม่รู้ไฉนถึงได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หาคนร้ายตัวจริงไม่ได้ก็ฆ่าพวกเขาหมดเลยงั้นหรือ นี่ไม่ใช่ว่าฆ่าคนบริสุทธิ์หรือไร


 


 


เฉาเต๋อหลุนนั้นได้โอกาส ในมือถือกระบี่ จ่อไปที่คอของคนแรกแล้วฟันลงไปทันที เลือดสาดยาวห้าก้าวจริงๆ เฝิงเยี่ยไป๋นั่งอยู่ห่างไปเพียงหนึ่งช่วงโต๊ะ ปลายชุดสีขาวนั้นก็ถูกเลือดสาด เขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพียงแค่ขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเปลี่ยนไปนั่งบนเก้าอี้หินที่อยู่ไกลออกไป จิบชาไปพลางดั่งดูละครอยู่ แววเย็นชาในแววตานั้นทำเอามองแล้วรู้สึกหดหู่ยิ่งนัก


 


 


เฉินยางเอามือปิดตา นางไม่เคยเห็นภาพคนถูกฆ่า เพียงแต่มือที่ปิดตาอยู่นั้นไม่รู้ทำไมถึงชุ่มด้วยน้ำตา นางรับรู้ความรู้สึกคนอื่นได้เก่งนัก พริบตาเดียวนั้นก็คิดวุ่นวายไปหมด หากในบ้านคนนั้นยังมีภรรยาหรือลูกที่ต้องเลี้ยงดู ยังมีแม่เฒ่าอายุแปดสิบหรือน้องชายน้องสาวที่เล่นดินโคลนอยู่เล่า แล้วก็เปลี่ยนมานึกถึงตัวเอง หากวันหลังนางมีลูกชาย เห็นเขาต้องตายไปเช่นนี้จะหดหู่เพียงใด ที่ห่างไกลกับนางไม่พูดถึงเอาเพียงใกล้ๆ นี้ หากท่านพ่อของนางรู้แล้วไม่ร้องไห้เจียนตายหรือ เช่นนั้นก็เป็นความอกตัญญูยิ่งนัก


 


 


ไม่ได้การแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้านัก อีกอย่างหากตามสถานะของนางตอนนี้แล้ว ห่างจากที่เฝิงเยี่ยไป๋จะปฏิบัติกับนางเช่นนี้ก็ไม่ไกลแล้ว เช่นนั้นนางยังทำอย่างไรได้อีก ทะเลาะกันถึงเพียงนี้ ความผูกพันก็เสียไปแล้ว ไม่รอแยกทางกันหรือ!


 


 


นางทนดูต่อไปไม่ไหว ตอนแรกคิดจะออกไปขอร้องให้ปล่อยพวกเขาไป เพียงแต่นึกย้อนกลับมาอีกที นางเป็นใครหรือ ตัวเองยังถูกกักขังอยู่เลย ออกไปร้องขอชีวิตแทนคนอื่น นางไม่มีหน้า เพียงแต่จะทนดูต่อไปก็ไม่ไหว เช่นนั้นก็ไปเสียเงียบๆ เช่นนี้เถอะ ไปแล้วค่อยหาพระมาทำพิธี สวดมนต์ให้คนเหล่านั้น ถือว่าใช้กรรมให้เขาครั้งสุดท้าย


 


 


ขณะที่เพิ่งตัดสินใจกำลังจะไปนั้น ขายังไม่ทันได้ก้าวออกไป ฝั่งนั้นก็เกิดเรื่องขึ้นเสียแล้ว คนร้ายตัวจริงพอเห็นว่ากระบี่กำลังชี้มาที่คอตัวเองแล้วก็นั่งไม่ติด แย่งกระบี่จากมือเฉาเต๋อหลุน พุ่งไปสองก้าวพาดกระบี่ไว้บนคอของเฝิงเยี่ยไป๋ ในมือเฝิงเยี่ยไป๋ยังถือแก้วชาอยู่ไม่ทันได้วางลงจึงดื่มลงไปเสีย ดื่มเสร็จก็ขว้างแก้วลงพื้น สีหน้าดูไม่ออกสักนิดว่ามีความตื่นตระหนก กลับกล่อมผู้หญิงคนนั้นว่า “หากเจ้าวางกระบี่ลง ไม่แน่ข้าอาจจะให้เจ้าตายอย่างไม่ต้องทรมานนัก”


 


 


เวลาเช่นนี้แล้วยังพูดสิ่งไม่เข้าหูเช่นนี้อีก เห็นว่าที่คอเป็นแผลมีเลือดไหลออกมายังมีท่าทางยโสเช่นนี้ ผู้หญิงคนนั้นถึงได้โกรธจัด


 


 


เฉินยางไม่เคยเจอใครเป็นเช่นเขา เวลานี้ไม่ใช่ว่าควรจะหาวิธีต่อรองเพื่อเอาชีวิตรอดหรอกหรือ เขากลับทำตัวดีนัก ท่าทางยโสขึ้นเรื่อยๆ เฉินยางทนดูไม่ไหว ก็ไม่รู้เอาความกล้าจากที่ใดพุ่งออกไป พอวิ่งออกไปแล้วถึงเสียใจขึ้นมา


 


 


คนเขายังต้องให้นางช่วยอีกหรือ เขาสั่งกักขังนางเอาไว้แล้วนางยังวิ่งเข้าไปช่วยเขาอีก เท่ากับหาเรื่องตายไม่ใช่หรืออย่างไร


 


 


เฝิงเยี่ยไป๋เห็นเฉินยางวิ่งออกมาสายตาก็วาวโรจน์ทันที เขานึกไม่ถึงว่านางจะออกมา ความคิดแรกคือไม่ใช่ว่านางมาได้อย่างไร แต่คือกลัว กลัวนางจะเห็นศพที่นอนเกลื่อนพื้นแล้วหวาดกลัว นางชอบอิ๋งโจวไม่ใช่หรือ อิ๋งโจวเป็นหมอที่ช่วยชีวิตคน ส่วนเขานั้นฆ่าคน ความแตกต่างนี้ราวฟ้ากับเหว ยามนี้นางคงไม่ใช่ว่าเกลียดตัวเองเข้าไส้แล้วกระมัง


 


 


 


 


——


 


 


ตอนที่ 294 มีสามีภรรยาคู่ใดบ้างไม่ทะเลาะกัน


 


 


 


 


เฉินยางวิ่งออกมาถึงได้รู้สึกเสียใจขึ้นมา เพียงแต่เสียใจก็สายไปเสียแล้ว ศพนอนอยู่เกลื่อนพื้น เมื่อครู่ยังเป็นคนที่มีชีวิตอยู่เลย ยามนี้กลับกลายเป็นศพเย็นชืดเสียแล้ว เฉาเต๋อหลุนถือว่ายังตอบสนองได้ไว รีบเรียกคนมาหามศพออกไป เพียงแต่เฉินยางไม่ไหว คอของคนเหล่านั้นจะขาดก็ไม่ขาด เชื่อมติดกันเพียงผิวหนังบางๆ ท้องไส้ก็เริ่มปั่นป่วนขึ้นมา นางยันเสาก้มตัวอาเจียน เพียงแต่ไม่มีอะไรออกมา แค่คลื่นไส้อาเจียนเท่านั้น พออาเจียนเสร็จ สีหน้านางก็ขาวซีด นางไม่ได้มองเฝิงเยี่ยไป๋ แต่กลับพูดกับผู้หญิงที่ถือกระบี่ด้วยท่าทีอ่อนแรงว่า “เขาเป็นวิชา เจ้าสู้เขาไม่ได้หรอก รีบวางกระบี่ลงเสียเถิด”


 


 


ผู้หญิงคนนี้นางเคยเจอ ก็คือสาวใช้ที่ถามนางว่าไฉนไม่มีใครปรนนิบัติอยู่ข้างตัวนางยามที่นางไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้ด้านหลัง นึกไม่ถึงว่าตอนนั้นนางก็คิดไม่ซื่อแล้ว ตอนนี้พอมาคิดดูดีๆ ก็รู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ


 


 


ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ฟังนาง กลับหันหน้าไปพูดกับเฉาเต๋อหลุนว่า “เฉากงกง เจ้าและข้าล้วนเป็นสุนัขที่ฮ่องเต้เลี้ยงเอาไว้ เป็นสุนัขไฉนถึงได้ทรยศเจ้านายตัวเองเสียได้ เจ้าไม่กลัวว่าฮ่องเต้ทรงทราบแล้วจะประหารเจ้าหรือ”


 


 


เฉาเต๋อหลุนพูดว่า “ไม่ว่าฮ่องเต้จะทรงทราบหรือไม่ เพียงแค่พวกเรารู้ความลับอันใหญ่หลวงของฮ่องเต้เช่นนี้ เจ้าคิดว่าสุดท้ายฮ่องเต้ยังจะให้พวกเรามีชีวิตอยู่ได้หรือ”


 


 


“คำพูดฮ่องเต้ดั่งทองคำ เป็นเจ้าแผ่นดิน จะโกหกพวกได้อย่างไร”


 


 


“จะเชื่อหรือไม่ล้วนอยู่ที่เจ้า ดั่งเช่นที่ท่านอ๋องพูดไปเมื่อครู่ เจ้าวางกระบี่ลง ไม่แน่อาจจะให้เจ้ามีศพครบส่วนได้”


 


 


เฝิงเยี่ยไป๋เป็นห่วงเฉินยาง เห็นนางมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก คงไม่ใช่เมื่อครู่ทำเอาตกใจจนเป็นโรคแล้วกระมัง สาวใช้สองคนที่เฝ้านางอยู่สมควรถูกลงโทษ ไฉนถึงปล่อยให้นางออกมาได้


 


 


เฉินยางก็ท่าจะไม่ดีจริงๆ นางแอบถอนหายใจอยู่ในใจ ก็ไม่ถึงกับตกใจจนเป็นเช่นนี้กระมัง ยามที่มองก็น่าตกใจนัก เพียงแต่นางก็ไม่ได้ใจเสาะขนาดนั้น ท้องของนางปั่นป่วนไม่หยุด มือเท้าก็ออกแรงไม่ได้ ยืนก็ยืนไม่อยู่ เฉาเต๋อหลุนเข้ามาประคองนาง นางหลบเขา มือคู่นั้นฆ่าคน นางหวาดกลัว นางยอมยืนโงนเงนเช่นนี้ก็ไม่ยอมให้เขาประคอง


 


 


“เจ้าเชื่อข้าเถอะ เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาจริงๆ วางกระบี่ลงเสีย”


 


 


ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะด้วยความเย็นชาแล้วย้อนถามนางว่า “วางกระบี่ลงเพื่ออะไร? รอความตายหรือ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร เป็นพระโพธิสัตว์หรือพระพุทธเจ้าที่โปรดสัตว์ให้พ้นทุกข์หรือ ข้าวางกระบี่ลงก็คือตาย ไม่วางยังมีทางรอดอยู่ เจ้าก็อย่าได้แสร้งเป็นคนดีนักเลย ล้วนมาจากที่เดียวกัน จะแตกต่างกันได้หรือ”


 


 


คำพูดของผู้หญิงคนนี้เหมือนดั่งฟ้าผ่าที่ทำให้เฉินยางรู้สึกตัว เฉินยางกล่อมให้นางวางกระบี่ลงไม่เท่ากับกล่อมให้นางไปตายหรือ ใช่แล้ว ตัวนางเป็นใครกัน ถึงคราวของนางที่จะโปรดสัตว์ให้พ้นทุกข์อยู่ที่นี่หรือ ทั้งๆ ที่ตัวเองรู้อยู่ว่าเฝิงเยี่ยไป๋ไม่ปล่อยนางไปแน่ๆ คนร้ายตัวจริงถูกจับได้แล้ว ไม่ฆ่านางไป เฝิงเยี่ยไป๋ก็ต้องเดือดร้อนอย่างใหญ่หลวง พอคิดดูดีๆ ตัวเองก็ไม่มีฐานะที่จะพูด นางคิดจะช่วยคน เพียงแต่คนผู้นี้ก็คือคนที่ไม่อาจช่วยได้ ในสายตาของนาง ตัวเองก็กำลังแสร้งทำตัวเป็นคนดีอยู่ไม่ใช่หรือ


 


 


เฝิงเยี่ยไป๋ขมวดคิ้ว เขาอยากให้นางใช้ชีวิตโดยไม่ต้องกังวลเรื่องใดๆ แต่นางดันจะเข้ามาเกลือกกลิ้งอยู่ในดินโคลนให้ได้ เมื่อวานเขาเพิ่งทำร้ายนาง วันนี้ก็ถูกนางทำให้โกรธเสียจนเจ็บปวดหัวใจ คิดจะขังนางเอาไว้ ก็เพราะกลัวนางจะจากไปกับอิ๋งโจวอย่างไม่ไยดี เขาให้นางไปไม่ได้ ทั้งสองคนต่างทบทวนตัวเอง มีสามีภรรยาคู่ใดบ้างไม่ทะเลาะกัน ทะเลาะที่หัวเตียงปลายเตียงก็คืนดีกันแล้ว ผ่านไปสองวันกล่อมเสียหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว


ตอนที่ 295 พระชายาแย่แล้ว


 


 


 


 


ตอนแรกเฝิงเยี่ยไป๋เพียงขยับมือก็ฆ่าผู้หญิงคนนี้ได้ ทว่าจู่ๆ เขาก็ไม่อยากฆ่าขึ้นมา คนมักบอกว่าสามีภรรยาเป็นร่างเดียวกัน เฝิงเยี่ยไป๋เห็นนางยืนออกมาเพื่อตัวเอง ในใจเขาก็ยังคงดีใจอยู่ เรื่องที่ทะเลาะกันก่อนหน้านี้พลันหายไปทันที ที่แท้นางก็เป็นห่วงเขา


 


 


เพียงแต่ยามนี้เฉินยางกลับไม่พูดแล้ว นางยืนพิงเสาทางเดิน หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง สีหน้าก็ยิ่งขาวซีดมากขึ้นเรื่อยๆ


 


 


ผู้หญิงคนนั้นกลับรอไม่ไหวแล้ว นางจี้กระบี่ไปที่เฝิงเยี่ยไป๋แล้วลุกขึ้นมา พูดกับเฉาเต๋อหลุนว่า “รีบเตรียมรถม้าให้ข้า ข้าไปเข้าวังไปกราบบังคมทูลฮ่องเต้ว่าพวกเจ้าสมคบคิดกัน จู่ๆ ก็เปลี่ยนฝั่ง ยังมีอีก…ท่านอ๋อง หลักฐานชัดเจน ข้าจะดูว่าพวกเจ้าถึงยามนั้นก็แก้ตัวอย่างไร”


 


 


เสียงของเฉินยางอ่อนแรงลงเรื่อยๆ แต่ก็ยังเกลี้ยกล่อมนางอยู่ “เจ้าจะผลักพวกเขาเข้าแท่นประหารแล้ว เจ้ายังคิดว่าพวกเขาจะปล่อยเจ้าออกไปทั้งที่มีชีวิตได้หรือ”


 


 


ยามนี้นางกลับเริ่มนึกเสียใจขึ้นมา พอหลับตาลง ตรงหน้าก็เป็นภาพคนที่ถูกปาดคอเหล่านั้น เลือดสาดเต็มหน้า เสมือนติดอยู่ที่ตาของนางเช่นนั้น นางส่ายศีรษะไปมา ดวงตาเบิกโพลง ความหวาดกลัวที่เพิ่งตามมาทีหลังก็เหมือนดั่งตาข่ายคลุมนางเอาไว้ ยิ่งรัดยิ่งแน่น การหายใจของนางก็ยิ่งลำบากขึ้นเรื่อยๆ


 


 


อย่าว่าแต่ฆ่าคนเลย ก่อนหน้านี้แม้แต่ฆ่าไก่นางก็ไม่เคยเห็น ภาพนี้น่ากลัวยิ่งนัก เพิ่งได้เห็นครั้งแรก นางไม่เป็นลมทันทีก็ถือว่าดีมากแล้ว


 


 


เฉาเต๋อหลุนเห็นเฉินยางกำลังจะล้มก็กางมือออกแต่ไม่กล้าแตะนาง เมื่อครู่เขาคิดจะไปประคองนาง แต่นางไม่ให้และหลบไปอีก ก็ใช่อยู่ มือที่เปื้อนเลือดของตัวเองนี้ ไม่ว่าเป็นใครก็หวาดกลัว


 


 


ผู้หญิงคนนั้นหมดความอดทน คมกระบี่แทงลึกเข้าไปในเนื้อมากขึ้น ตอนแรกเฝิงเยี่ยไป๋ยังคิดจะใช้โอกาสนี้ทดสอบดูว่าตกลงตัวเองมีความสำคัญเท่าใดในใจของนาง เพียงแต่ยามนี้นางไม่ไหวแล้ว ระหว่างที่พูดอยู่นั้นก็มีทีท่าว่าจะล้มลงไป ยามนี้แล้วยังจะมัวเสียเวลากับนางอะไรอีก เขาเคลื่อนไหวเร็ว พลิกมือคว้าข้อมือของผู้หญิงคนนั้นเอาไว้แล้วเหวี่ยงนางลงพื้น จัดการคนไร้วิชาเช่นนี้ไม่ต้องออกแรงเลย หลังจากที่เหวี่ยงนางลงพื้นก็ปาดคอทันที นางก็สิ้นลมหายใจล้มอยู่บนพื้น เขาไม่รอช้า ทิ้งกระบี่ไปแล้วเข้าไปอุ้มเฉินยาง


 


 


นางตัวเบามากเหลือเกิน ยามอุ้มอยู่ในมือไร้ซึ่งน้ำหนักใดๆ ในใจเขาร้อนรนขึ้นมาทันที พูดทิ้งไว้เพียงว่า “ไปเรียกหมอหลวง” ก็อุ้มนางกลับไปแล้ว


 


 


เฉาเต๋อหลุนสั่งให้ลากศพออกไป ย้อนนึกถึงคำพูดของเฝิงเยี่ยไป๋เมื่อครู่นี้ เรื่องนี้เรียกหมอหลวงได้หรือ หากหมอหลวงมาถามว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้จะตอบอย่างไร บอกว่าเห็นเขาฆ่าคนแล้วตกใจกลัว? เป็นเช่นนั้นไม่ได้ หากกลับไปแล้วฮ่องเต้รู้เข้า พวกเขาล้วนต้องจบชีวิตแน่ๆ คิดว่าเฝิงเยี่ยไป๋คงตื่นตกใจเกินไป แต่เขาจะตื่นตกใจตามไม่ได้ ในเมื่อติดตามเขาแล้ว เช่นนั้นความรุ่งเรืองและชีวิตของตัวเองก็เท่ากับผูกกับเขาไว้แล้ว หากเขาได้ดีตัวเองก็ได้ดีไปด้วย หากเขาตายตัวเองก็จะตายไปเช่นกัน จะเชิญหมอหลวงยังต้องเข้าวัง หมอหลวงไปจวนใด ไปรักษาใคร เป็นโรคอะไร สั่งยาอะไร กลับไปล้วนต้องบันทึกที่สำนักหมอหลวง ฮ่องเต้อยากจะรู้ เพียงขยับปากถามก็รู้แล้ว แทนที่จะวิ่งเข้าไปในวังอีก ในจวนก็มีหมออยู่แล้วคนหนึ่งไม่ใช่หรือ


 


 


อิ๋งโจวกำลังผสมยาให้เฝิงเยี่ยไป๋อยู่ เฉาเต๋อหลุนคนเสียงยังไม่ทันถึงตัวคนกลับถึงก่อน ยังไม่ทันจะได้หอบหายใจก็ลากเขาวิ่งออกไปข้างนอก


 


 


อิ๋งโจววางสากบดยาแล้ววิ่งตามเขาไปข้างนอก วิ่งไปพลางก็ถามไปพลางว่า “เกิดเรื่องใดขึ้นถึงได้รีบร้อนเช่นนี้”


 


 


“เป็นพระชายา เหมือนจะตกใจกลัว ยามนี้ป่วยหนัก ดูท่าจะไม่ดีแล้ว”


 


 


“ไฉนถึงได้ตกใจกลัว” ดูแล้วเฝิงเยี่ยไป๋ก็รักนางมาก ทั้งยังอยู่ในจวนท่านอ๋องอีก จะมีสิ่งใดทำให้นางตกใจกลัวได้หรือ


 


 


เฉาเต๋อหลุนก็ไม่รู้จะเริ่มพูดอย่างไร “ท่านตามข้าไปดูเถิด ท่านอ๋องรออยู่”


 


 


 


 


——


 


 


ตอนที่ 296 ไม่ควรดู


 


 


 


 


ในสมองของเฉินยางเลอะเลือนไปหมด ข้างหน้าเป็นสีดำสลับสีแดงเป็นระยะ สีแดงเป็นเลือด สีดำ…สีดำเหมือนดวงตาของคนที่ตายไปแล้ว


 


 


เฝิงเยี่ยไป๋อุ้มนางเดินอย่างรีบเร่ง ได้ยินเสียงนางบ่นว่า “ออกไป” ไม่หยุด แค่พูดยังไม่พอ เหมือนยังมีอะไรบางอย่างโถมเข้าใส่ มือทั้งสองข้างโบกไปมาไม่หยุด


 


 


มองดูแล้วเหมือนเป็นโรคจิต เฝิงเยี่ยไป๋ถีบประตูให้เปิดออก ทำให้นางกำนัลสองคนที่กำลังทำความสะอาดอยู่ตกใจ นางกำนัลทั้งสองตกใจรีบย่อเข่าทำความเคารพ เฝิงเยี่ยไป๋นำตัวเฉินยางวางลงบนเตียงแต่ตะโกนไล่ “ออกไป”


 


 


แสงอาทิตย์ข้างนอกค่อยๆ มืดลง พระอาทิตย์ส่องผ่านหน้าต่าง บนชั้นวางดอกไม้ในห้องมีแสงอาทิตย์สีแดงสลัว เฉินยางมีสติอยู่ แค่เอียงศีรษะไปก็มองเห็น ตกใจจนตาเบิกโต ขดตัวเข้าไปด้านในเตียง “เลือด! มีเลือด! เลือดเต็มไปหมด!”


 


 


เฝิงเยียไป๋ยื่นมือออกไปดึงนางเข้ามากอด กอดไว้แน่นพูดปลอบขึ้นว่า “ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว ไม่มีเลือด มีข้าอยู่ที่นี่ หากมีภูตผีปีศาจอะไรข้าจะปกป้องเจ้าเอง อย่ากลัวไปเลย เฉินยาง เจ้าดูดีๆ สิ ดูสิว่าข้าเป็นใคร”


 


 


นางเอามือปิดหน้าพร้อมส่ายหน้า “ข้าไม่ดู ข้าไม่ควรดู ข้าไม่ควรมา ข้าอยากกลับบ้าน ทำไมพวกเจ้าถึงฆ่าคนอย่างเปิดเผยได้ ข้าอยากกลับบ้าน! กลับบ้าน!”


 


 


หัวใจของเขาถูกนางขยี้จนแตกหมดแล้ว ถ้าคิดได้ว่าจะเป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรกก็คงสั่งคนจำนวนหนึ่งเฝ้านางไว้แล้ว นางไม่เหมือนกับเขา เขาตอนอายุห้าหกขวบก็กล้าฆ่าคนแล้ว ตอนนางอายุห้าหกขวบยังวิ่งไปซื้อถังหูลู่[1] รอบถนนอยู่เลย วันนี้พอเจอคนมากมายถือดาบปาดคอ ศีรษะและร่างกายมีเพียงเนื้อหนังชั้นเดียวเชื่อมไว้ แล้วยังมีศีรษะศีรษะหนึ่งกลิ้งออกไป เรื่องนี้สำหรับนางแล้วเป็นเรื่องยากมากที่นางจะรับได้ อย่างอื่นเขาไม่กลัว แต่จากเรื่องนี้เขากลัวนางตกใจจนป่วยขึ้นมา ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาต้องเกลียดตัวเองไปจนวันตายแน่ๆ


 


 


เฝิงเยี่ยไป๋กอดนางไว้ ยิ่งกอดยิ่งแน่น เหมือนกับจะกอดนางเข้าไปในกระดูกถึงจะยอมหยุดได้ “นี่เป็นบ้านของเจ้า ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว คนที่ฆ่าเป็นข้าเอง พวกเขาตายไปเป็นผีร้ายจะมาแก้แค้นก็มาแก้แค้นที่ข้า ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า เจ้าวางใจได้ ต่อไปข้าจะเฝ้าดูแลเจ้าทุกวันเอง ไม่มีเลือดก็ไม่มีผี ถ้าพวกเขามีชีวิตข้าก็จะฆ่าพวกเขา ตายไปข้าก็สามารถฆ่าพวกเขาได้อีก ”


 


 


“ไม่ใช่! ไม่ใช่!” นางเงยหน้าขึ้น แก้มทั้งสองข้างเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา นางซุกเข้าไปในอ้อมกอดของเขา ทำหน้างงงันในอ้อมกอดเขา เอ่ยอึกอัก “เดิมทีพวกเขาไม่สมควรตาย คนร้ายตัวจริงหาเจอแล้ว พวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ ตอนแรกข้าจะทำพิธีโปรดสัตว์ให้พวกเขา ท่านยังจะฆ่าพวกเขาอีกรอบหรือ ”


 


 


“โปรดสัตว์?” เฝิ่งเยี่ยไป๋ถามนาง “เจ้าทำพิธีโปรดสัตว์อะไรให้พวกเขา”


 


 


ตอนนี้เฉินยางยังไม่ค่อยได้สติ แต่เขาถามนางนางก็พูดออกมาโดยไม่รู้ตัว “คนที่ฆ่าคนตายไปจะต้องตกนรก ข้าทำพิธีโปรดสัตว์ให้พวกเขา เพื่อช่วยลดบาปกรรมให้กับท่าน”


 


 


ทำเพื่อเขา? ในหัวของเฝิ่งเยี่ยไป๋มีเสียงระเบิดดังตูม นางบอกว่านางทำเพื่อเขา แต่เมื่อตอนกลางวันพวกเขายังทะเลาะกันอยู่เลย นางมาหาเขาเพื่อจะเอาหนังสือหย่า บอกว่าจะไปกับอิ๋งโจว พอมาตอนนี้กลับไม่อยากให้เขาตกนรกเพราะฆ่าคนตาย เพราะเหตุนี้จึงได้เห็นฉากแบบนั้น จึงได้ถูกทำให้ตกใจงั้นหรือ


 


 


เฉาเต๋อหลุนยืนอยู่นอกประตูกล่าวขึ้นว่า “ท่านอ๋อง ท่านหมออิ๋งโจวมา”


 


 


เฝิงเยี่ยไป๋ขมวดคิ้ว ให้เขาไปตามหมอมา ทำไมถึงกลับตามอิ๋งโจวมา แต่ในเมื่อคนมาแล้ว คงไม่ดีถ้าจะไล่ให้ไป จึงทำได้แค่เชิญให้เข้ามา


 


 


อิ๋งโจวมาเห็นคนสองคนกอดกันอยู่บนเตียง ก้มหน้า หยุดอยู่ไม่ไกลจากเตียงไม่กี่ก้าว “ขอความกรุณาท่านอ๋องวางพระชายาไว้กับพื้นราบ ข้าจะช่วยจับชีพจรดู”


 


 


 


 


——


 


 


[1]ถังหูลู่ คือผลไม้เคลือบน้ำตาลเสียบไม้

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม