เนตรเซียนทะลุสมบัติ 286-292

 ตอนที่ 286 ร่ำเรียน


เงินสองล้านหยวนถือหุ้นได้ครึ่งหนึ่ง แน่นอนว่านี่เป็นแค่คำพูดของอีกฝ่าย ในตอนที่ต่อรองกันจริงๆ แล้ว หุ้นหกสิบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นจะยังสามารถต่อรองกันได้ หยางโปมองอีกฝ่าย ” คุณจิ่ง หลังจากปีใหม่แล้วคุณมีเวลาให้ผมไปเยี่ยมชมบริษัทของพวกคุณสักครู่ได้ไหม ? “


จิ่งซ่าวหัวประหลาดใจ หัวเราะกับหยางโปว่า ” ยินดีต้อนรับครับ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณจะมาเร็วกว่านี้ได้นะครับ ! “


จิ่งซ่าวหัวกล่าวจบแล้วจู่ๆ ก็คิดขึ้นมา ” จริงสิ ไม่ทราบว่าคุณมีนามว่าอะไรครับ ? “


” หยางโป “


ต่างฝ่ายก็แลกเปลี่ยนรายละเอียดการติดต่อกันแล้วก็นัดหมายที่จะพบกันในช่วงหลังปีใหม่ เวลานี้ในที่สุดพิธีกรก็เดินขึ้นไปบนเวที ประกาศเริ่มต้นการประชุมประจำปีนี้


 


ผู้น้ำขึ้นไปกล่าวสุนทรพจน์กันเป็นแถว ทำให้คนฟังจนเบื่อ ยังดีที่เหล่าผู้นำกว่าครึ่งต่างก็รู้ตัวเองดี พูดจาอย่างเรียบง่ายให้เร็วที่สุด หลังจากกล่าวไปสามสี่คนแล้ว ในที่สุดก็เข้าสู่ช่วงเวลาตามอัธยาศัย


เวลานี้ทุกคนก็ยกแก้วเหล้าขึ้นเดินไปรอบทิศ นี่ก็เป็นโอกาสดีที่จะสานสัมพันธ์


ลัวย่าวหัวมองเห็นสถานการณ์แบบนี้ก็รีบลากหยางโปกับหลิวเหลียงอวี้ไปเยี่ยมเยียนโต๊ะใกล้ๆ


ผ่านชั่วเวลาในการชนแก้วทำความรู้จักกันและกันไปตลอดทั้งคืน พอตื่นขึ้นมา หยางโปก็พบว่านอกจากนามบัตรใบหนึ่งแล้ว ตนเองถึงกับรู้จักแต่จิ่งซ่าวหัวอีกหนึ่งคนเท่านั้น


หยางโปออกไปซื้ออาหารเช้า เห็นลัวย่าวหัวยังนอนหลับสนิทอยู่เขาก็ไม่ได้ปลุกอีกฝ่าย แต่ไปตลาดสดซื้อหัวไชเท้ามาสองสามแท่ง แล้วก็ตรงมาที่ร้านของหลิ่วมีดเดียว


 


ตอนที่หยางโปมาถึง หลิ่วมีดเดียวกำลังแกะสลัก ชิงชิง หญิงสาวคนสวยนั่งอยู่บนเก้าอี้เตี้ยตัวเล็กอยู่ด้านข้าง


หลิ่วมีดเดียวเงยหน้าขึ้นมองหยางโป ” ถ้าหากเธอจะมาๆ หายๆ แบบนี้ไปตลอดล่ะก็ ฉันว่าต่อไปเธอก็ไม่ต้องเรียนแกะสลักอะไรแล้ว “


” อาจารย์หลิ่ว ขอโทษจริงๆ ครับ เมื่อวานมีธุระต้องไป แต่ผมอ่านหนังสือเล่มนั้นแล้ว วันนี้ก็อยากจะฝึกฝนให้มาก ” หยางโปกล่าว


ชิงชิงเงยหน้าขึ้นมามองเหยียดหยางโปแวบหนึ่ง แล้วก็มองหัวไชเท้าในมือเขาอย่างดูถูกมาก


ราวกับคิดว่าหยางโปเพิ่งจะเริ่มเรียนก็ขี้เกียจขนาดนี้แล้ว


หลิ่วมีดเดียวขมวดคิ้วไม่ได้พูดอะไรแล้วก็พยักหน้า ” งั้นก็ดี เธอฝึกไปก่อน ฝึกแกะสลักสิบสองนักษัตรนั่นก่อนก็แล้วกันนะ ! “


 


หยางโปหยิบหัวไชเท้าขึ้นมาทำความสะอาด หั่นเป็นท่อนๆ ได้ประมาณ ท่อนหนึ่งยาวสักห้าหกเซนติเมตร รวมแล้วหั่นได้สิบสองชิ้นแล้วถึงค่อยคิดอะไรขึ้นได้ เงยหน้ามองหลิ่วมีดเดียว ” อาจารย์หลิ่ว คุณมีแบบของสิบสองนักษัตรไหมครับ ผมไม่มีภาพจำของสิบสองนักษัตรสักเท่าไหร่ “


หลิ่วมีดเดียวส่ายหน้า ” เธอคิดเองให้มากหน่อย “


หยางโปเงยหน้ามองแวบหนึ่งแล้วก็หันหน้าไปมองชิงชิง เห็นชิงชิงเชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง ทำให้หยางโปมองเห็นใบหน้าด้านข้างขาวละเอียดได้อย่างชัดเจน


หยางโปไม่ได้พูดอะไรหันหลังแล้วก็เดินออกไป ตอนที่กลับมาในมือเขาก็มีรูปสลักหยกสิบสองนักษัตรมาด้วย เขาเอารูปสลักวางไว้ตรงหน้าแล้วถึงค่อยเลียนแบบอย่างระมัดระวัง


 


ก่อนหน้านี้หยางโปไม่เคยเกี่ยวข้องกับการแกะสลักมาก่อนเลย อ่านหนังสือขั้นพื้นฐานอยู่ตลอดทั้งคืนก็ไม่ได้ประโยชน์มากเท่าไหร่จริงๆ เรื่องในทางทฤษฎีหากจะเอามาปรับใช้จริงแล้วก็ยังห่างชั้นกันอยู่ เหมือนกับตอนนี้ที่เขารู้ว่าควรจะแกะสลักยังไง แต่พอจะลงมีดไปแล้วกลับไม่รู้ว่าจะลงมีดจากตรงไหน


โชคดีที่หยางโปแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว เริ่มลงมีดจากศีรษะของหนูก่อน แล้วค่อยแกะสลักรูปร่างลำตัวทั้งหมดของหนูออกมา


การแกะสลักคือการนำภายนอกเข้าสู่ภายในอย่างหนึ่ง ทำการตัดส่วนเกินออกทีละน้อย คว้านเป็นรูปทรงออกมาทีละเล็กละน้อย การตัดออกแบบนี้ ในใจของผู้แกะสลักจะต้องมีภาพของสิ่งนั้นไว้อย่างชัดเจน ถึงจะออกมาตามแบบได้


 


แต่หยางโปยังห่างจากขั้นนั้นอีกไกลมาก ตอนที่เขาลงมีด ถึงแม้ในใจจะมีภาพ แต่พอจรดมีดไปแล้วกลับยากเย็นมาก เพราะว่ามือของเขายังฝึกฝนไม่พอ ยังไม่สามารถควบคุมเครื่องมือได้ดั่งใจ


หยางโปจดจ่ออยู่กับการแกะสลัก จนกระทั่งหนูตัวที่หนึ่งเสร็จสมบูรณ์เขาถึงค่อยถือหนูแล้วมองไปเล็กน้อย และพึงพอใจกับผลงานชิ้นนี้มาก


แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินเสียงคนข้างๆ กล่าวว่า ” น่าเกลียด น่าเกลียดมากจริงๆ ! หนูตัวนี้เหมือนกับลูกหมูเลย ! “


หยางโปหันกลับไปจ้องเขม็ง เห็นชิงชิงยืนอยู่ด้านข้าง


หยางโปหันกลับไปมองหลิ่วมีดเดียว หลิ่วมีดเดียวก็พักการแกะสลักแล้วยืนมองอยู่ด้านข้าง ” เพิ่งใช้มีดครั้งแรกเหรอ ? “


” อื้ม ” หยางโปพยักหน้า


 


” ไม่เลว พยายามต่อไป ! ” หลิ่วมีดเดียวกล่าว


หยางโปจึงตื่นเต้นขึ้นมา หนูที่เขาลงมีดแกะสลักจากหัวไชเท้าตัวนี้อ้วนพลีไปสักหน่อยจริงๆ นั่นเพราะว่าเขากะเส้นโครงไม่ถูก ไม่มั่นใจว่าตัวเองสำแดงท่าทางขโมยข้าวของของเจ้าหนูออกมาได้หรือไม่ ดังนั้นจึงเผื่อเอาไว้สักหน่อย


เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น หยางโปเหลือบมองแวบหนึ่ง เป็นสายของลัวย่าวหัว เขาบอกที่อยู่ของตนให้กับลัวย่าวหัว ลัวย่าวหัวก็กล่าวว่า ” ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ ” มาคำหนึ่งแล้ววางสายไป


แกะสลักหัวไชเท้าชิ้นที่สอง หยางโปก็คิดจะแกะสลักวัวตัวหนึ่ง วัวแกะสลักหยกขาวตัวนี้ทรงพลังมากจริงๆ


ตอนที่กำลังจะลงมือ เขากลับสังเกตเงาคนด้านข้าง เขาจึงเงยหน้าขึ้นมองแล้วเห็นหลิ่วมีดเดียวยืนอยู่ข้างกายของเขา สายตาของเขากลับจ้องสิบสองนักษัตรเขม็ง


 


” เธอซื้อมาจากที่ไหน ? ” หลิ่วมีดเดียวเอ่ยถาม


” ซื้อมาจากด้านนอกตลาดครับ ” หยางโปมองอย่างสงสัย เขาสัมผัสได้ถึงท่าทีแปลกไปของหลิ่วมีดเดียว


หลิ่วมีดเดียวหยิบหยกขาวสลักชิ้นหนึ่งขึ้นมาลูบเบาๆ ” ทำไมเธอถึงซื้อสิบสองนักษัตรชิ้นนี้มา รู้สึกว่าการแกะสลักคล้ายกับฝีมือของฉันมากใช่ไหม ? “


หยางโปลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยังพยักหน้ากล่าวรับ ” คล้ายอยู่บ้างครับ “


” เรียนการแกะสลักเบื้องต้นเธอก็เปลืองเงินถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าหากเรียนไปสักช่วงหนึ่งไม่รู้ว่าบ้านเธอจะหมดตัวหรือเปล่า ! ” หลิ่วมีดเดียวกล่าวพลางมองหยางโป


หยางโปอดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ ” นี่ก็ไม่แน่หรอกนะครับ คุณไม่รู้ว่าผมจ่ายเงินมาเท่าไหร่ สิบสองนักษัตรสลักจากหยกขาวชุดนี้ ผมจ่ายไปแค่ห้าร้อยหยวน ! “


 


หลิ่วมีดเดียวประหลาดใจเล็กน้อย ” จ่ายไปแค่ห้าร้อยหยวน ? เธอจับของมาเหรอ ? “


หยางโปพยักหน้า ” เมื่อกี้ผมไปแผงลอยหนึ่ง เห็นบนแผงจัดวางรูปสลักหยกขาวไว้หลายแบบ ในนั้นมีสิบสองนักษัตรสลักจากหยกขาวห้าหกชุดวางเอาไว้ด้วยกัน ผมก็เลือกโดยไม่ได้สนใจเรื่องวัตถุดิบ แต่เป็นชุดที่ฝีมือการแกะสลักดีที่สุดในนั้นมา เลยจ่ายไปแค่ห้าร้อยหยวน ! “


เวลานี้ชิงชิงก็เดินเข้ามา เธอเบิกตาดั่งเมล็ดซิ่ง จ้องมองหยกขาวสลักตรงหน้าหยางโป ” นี่คือหยกชิงไห่ ดูแล้วเหมือนผลงานของอาจารย์มากจริงๆ ! “


” รูปสลักสิบสองนักษัตรชุดนี้เป็นงานแกะสลักตอนฉันหนุ่มๆ ! ” หลิ่วมีดเดียวกล่าว


 


หยางโปมองอย่างตกตะลึง ” จริงเหรอครับ ? “


หลิ่วมีดเดียวพยักหน้า ” ฉันจดบันทึกงานแกะสลักของฉันเอาไว้ทุกชิ้น ชุดนี้น่าจะเป็นตอนนั้นที่ฉันเพิ่งแกะสลัก ดูเหมือนฝีมือยังไม่ดีเท่าไหร่ มันดูไม่ได้จริงๆ ! “


” ถ้างั้นก็เป็นของที่มีความหมายมาก ถ้าอย่างนั้น ผมให้… “


ไม่รอให้หยางโปพูดจบ หลิ่วมีดเดียวก็เอ่ยค้านขึ้นมา ” ไม่ต้อง เธอเก็บเอาไว้เถอะ ให้เธอใช้เป็นแบบได้พอดี “


ตอนที่ 287 นัดหมาย


ลัวย่าวหัวแจ้นเข้ามา เข้าประตูก็มองเห็นหยางโปกำลังแกะสลักอะไรอยู่ เขาก็วิ่งมาอย่างตื่นเต้น เห็นหยางโปถึงกับใช้แค่หัวไชเท้าแกะสลักก็ผิดหวังขึ้นทันใด


เขาหันหลังมองไปรอบด้านก็มองเห็นผู้เฒ่าผมขาวกำลังจดจ่อกับการอ่านหนังสืออยู่ด้านข้าง ส่วนหญิงสาวด้านข้างก็จดจ่ออยู่กับการแกะสลัก เขาเอนไปหาหยางโปช้าๆ ทันใดนั้นก็ตะโกนเสียงดัง ” แฮ่ ! “


หยางโปพลันหันหลังมาแลบลิ้นปลิ้นตา ท่าทีนี้ทำให้ลัวย่าวหัวตกใจมาก เขาพลันถอยหลังไปสองก้าวแล้วก็สะดุดล้มกองอยู่กับพื้น !


” อ๊า ! ” เสียงร้องแหลมดังแว่วมา หยางโปหันไปมองก็เห็นชิงชิงปิดหูร้องอย่างตกใจ


ลัวย่าวหัวปัดบั้นท้ายพลางลุกขึ้นยืน แล้วก็หันหน้าไปมองชิงชิง


 


ชิงชิงหยุดกรีดร้องแล้วก็มองไปทางลัวย่าวหัว ” ทำไมนายทำแบบนี้ ? นายทำให้ฉันตกใจนะ นายรู้ไหม ? นายรู้ไหมว่าถ้าฉันทำไม้แกะสลักชิ้นนี้เสียไป ฉันจะสูญเงินไปเท่าไหร่ ? “


ลัวย่าวหัวเหลือบมอง ” ขอโทษนะครับ คุณเรียกร้องเท่าไหร่ ผมจะชดใช้ให้คุณ ขอโทษจริงๆ ครับ “


หลิ่วมีดเดียวมองไปทางหยางโป ” นี่คือเพื่อนเธอเหรอ ? “


หยางโปยิ้วพลางส่ายหน้า กล่าวปฏิเสธ ” ไม่ครับ นี่ไม่ใช่เพื่อนผม ! “


ลัวย่าวหัวหัวเราะเหอะเหอะ พลันสาวเท้าไปด้านหน้า คว้าเอาหัวไชเท้าที่หยางโปยังไม่ได้แกะสลักขึ้นมาถือ น้ำของหัวไชเท้าไหลออกมา ” โกหกหน้าตาย ! “


 


หยางโปหัวเราะ ” ต้องขอโทษจริงๆ ครับ เขาแค่อยากล้อเล่นน่ะ “


หยางโปกล่าวจบแล้วก็ลุกขึ้นยืน เอ่ยแนะนำว่า ” ขอแนะนำตัวใหม่นะ ท่านนี้คืออาจารย์แกะสลักหลิ่วมีดเดียว อาจารย์ของฉัน ฉันเรียนการแกะสลักจากเขา นี่คือชิงชิง นับว่าเป็นศิษย์น้อง “


” ศิษย์พี่ ! ” ชิงชิงกล่าวแก้อยู่ด้านข้าง


ลัวย่าวหัวกลับประหลาดใจมาก อ้าปากค้าง ” หลิ่วมีดเดียว ท่านปรมาจารย์หลิ่ว ที่แท้ท่านก็อยู่ที่นี่ ผมอยากพบท่านมาตลอดเลย ! “


หลิ่วมีดเดียวมองไป ” ผมอยากเจอฉัน ? “


ลัวย่าวหัวพยักหน้า ” ช่วงก่อนหน้านี้ผมซื้อหินเลือดล้ำค่ามาชิ้นหนึ่ง อยากจะแกะสลักเป็นตราสักดวง ท่านว่ายังไงครับ ? “


 


หลิ่วมีดเดียวไม่ได้ตอบตกลง แต่เงียบขรึมไปพักหนึ่ง


ลัวย่าวหัวพลันดึงหยางโป ส่งสัญญาณให้กับเขา หยางโปก็เอ่ยถามเสียงเบา ” นายรู้จักอาจารย์เหรอ ? “


” ต้องรู้จักอยู่แล้ว ปรมาจารย์หลิ่วเป็นปรมาจารย์แกะสลักระดับสุดยอดในวงการ ถ้าเป็นอันดับทั้งประเทศ ปรมาจารย์หลิ่วอย่างน้อยก็สามอันดับแรก ! ” ลัวย่าวหัวกล่าว


หยางโปตะลึง เขาเหลือบมองลัวย่าวหัวแล้วก็มองไปที่หลิ่วมีดเดียว ” อยากสลักตราประทับ น่าจะมีค่าใช้จ่ายสูง สลักตราดวงหนึ่งเขาก็ได้ร่วมล้านหยวนแล้ว ! “


ลัวย่าวกัวตบบ่าหยางโป ตราประทับของเขาอย่างมากก็ราคานี้ ด้านบนสลักอยู่สี่ตัวอักษร ถ้าหากเป็นราคานี้ ถ้างั้นเขาก็จ่ายก้อนโต


หลิ่วมีดเดียวส่ายหน้า มองลัวย่าวหัว ” เห็นแก่หน้าของหยางโป ฉันจะคิดตามราคาปกติก็ได้ “


 


ลัวย่าวหัวรีบกล่าวอย่างยินดี ” ถ้างั้นก็ขอบคุณท่านปรมาจารย์หลิ่วมากครับ ! “


” ราคาปกติเท่าไหร่เหรอ ? ” หยางโปเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ


ลัวย่าวหัวเหลือบมองหยางโปอย่างดูแคลน ” ตัวละสองหมื่นหยวน ! “


หยางโปจ้องเขม็ง ตราหนึ่งสี่ตัวอักษร นี่ก็คือแปดหมื่นหยวน ! อักษรหนึ่งล้ำค่ากว่าทองจริงๆ !


เมื่อคิดแบบนี้แล้วหยางโปหยิบมีดแกะสลักขึ้นมา ” นายอย่ารบกวน ฉันจะรีบขยันฝึกฝน กลับไปอย่าลืมมาให้ฉันสลักตราประทับ ราคาของฉันถูกลงได้สักหน่อย ตัวหนึ่งหมื่นหนึ่งก็พอแล้ว ! “


ลัวย่าวหัวส่ายหน้า ” นาย ? ต่อให้ตัวหนึ่งให้ฉันจ่ายหมื่นหนึ่ง ฉันก็ไม่เอา ! “


หยางโปจ้องเขาตาเขม็ง แล้วก็แกะสลักต่อ


 


พอไม่มีใครตอบลัวย่าวหัว เขาอยู่ว่างๆ ก็เบื่อขึ้นมา จำต้องเล่นหยกสลักที่อยู่ตรงหน้าหยางโป


จนกระทั่งถึงตอนเที่ยงอย่างไม่ทันรู้ตัว หยางโปก็เลี้ยงข้าวพวกเขา


ตอนบ่าย ลัวย่าวหัวก็ทนเหงาไม่มีใครพูดด้วยไม่ไหว จึงกลับไปแล้ว


จนถึงตอนค่ำ หยางโปถึงได้แกะสลักกระต่ายตัวสุดท้ายเสร็จก็วางลงตรงหน้าของหลิ่วมีดเดียว


หลิ่วมีดเดียวหยิบกระต่ายสลักขึ้นมาดูอยู่ครู่หนึ่ง ” กระต่ายปราดเปรียวไม่พอ กระโจนไปทีเดียวไม่ได้ รูปร่างอ้วนพี ดวงตาไร้ชีวิต นายรู้ไหมว่ากระต่ายสลักของตัวเองเป็นตัวเมียหรือว่าตัวผู้ ? “


หยางโปตาถลน เขาหยิบหยกสลักขึ้นมาแล้วก็มองด้านล่างของกระต่ายสลัก แล้วก็มองไม่เห็นสัญลักษณ์บ่งบอกเพศอะไร


 


หลิ่วมีดเดียวเห็นการกระทำของหยางโป ทันใดนั้นก็จนคำพูดขึ้นมา ชิงชิงหัวเราะจนใบหน้าแดงก่ำ


” อย่าบอกนะว่านายแยกเพศแบบนี้น่ะ ?​ งานฝีมือแกะสลักแบบนี้ดูแบบนี้ได้ที่ไหน ? ” หลิ่วมีดเดียวจ้องตาเขม็ง ดุด่าอย่างโมโหมาก


หยางโปจนปัญหา ” หรือว่าต้องเหมือนอย่างในบทกวีมู่หลาน กระต่ายตัวผู้เท้าสับสน กระต่ายตัวเมียดวงตาพร่าเลือน ? “


” แล้วมันไม่ใช่เหรอ ? ” หลิ่วมีดเดียวมองหยางโป


” จับทุกการเคลื่อนไหวที่เป็นเอกลักษณ์มากที่สุด ใช้ฝีมือทางศิลป์เผยมันออกมา นี่คือเรื่องสำคัญต่อไปของเธอ ! ” หลิ่วมีดเดียวเอ่ยสรุป


” เอาล่ะ เธอไปได้แล้ว ! ” หลิ่วมีดเดียวกล่าว


 


หยางโปจนปัญหา จำต้องเอาหัวไชเท้าจากไป ผ่านไปค่อนวัน หัวไชเท้าสลักชิ้นแรกของเขาแห้งผากไปไม่น้อย รูปร่างที่เคยอ้วนพี เวลานี้ก็ผอมลงไม่น้อย หยางโปคิดอยู่ในใจ กลับไปแล้วจะนึ่งกินหรือว่าต้มกินดี ?


แต่ว่าวันนี้ก็นับว่าได้กำไรอยู่บ้าง แกะสลักมาถึงขั้นนี้แล้ว ทั้งยังซื้อหยกขาวสลักสิบสองนักษัตรมาชุดหนึ่ง ถึงแม้จะเป็นหยกชิงไห่ แต่ชุดแบบนี้ก็แสนกว่าๆ ไปจนถึงสองแสนหยวนถึงจะได้มา


ยังมีคืนก่อนปีใหม่อีกสองวัน ร้านของหลิ่วมีดเดียวก็จะปิดทำการสามวัน ดังนั้นสามวันนี้หยางโปก็ไม่ต้องไป


พรุ่งนี้ เขาต้องหาเวลาไปซื้อผัก ตลาดสดพอปีใหม่แล้วก็อาจจะปิดไปหลายวัน


ขณะวางแผนอยู่นั้น โทรศัพท์ของหยางโปก็ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดูแล้วก็เห็นเป็นสายของชุยซื่อหยวน ก็อดที่จะจนปัญญาไม่ได้ ในช่วงนี้ชุยซื่อหยวนโทรศัพท์หาเขาทุกวัน พูดแต่เรื่องน่าเบื่ออย่างพรุ่งนี้อากาศเย็น เธอต้องสวมเสื้อผ้าหนาๆหน่อยนะ หรือวันนี้ไปที่ไหนมา ?


 


เขากดรับสายแล้วก็ฟังอีกฝ่ายกล่าว ” เสี่ยวโป วันนี้ยุ่งไหม ? “


” ก็โอเคครับ ไม่ยุ่ง “


” งั้นก็ดี ฉันอยู่ใกล้ๆ พายเจียหยวน พวกเราไปกินมื้อเย็นด้วยกันไหม ! ” ชุยซื่อหยวนกล่าว


หยางโปขมวดคิ้ว เขาไม่อยากเจอหน้าอีกฝ่าย จำต้องกล่าวปฏิเสธ ” วันนี้ผมมีนัดแล้ว “


” มีนัดแล้ว ? ” น้ำเสียงของชุยซื่อหยวนผิดหวังเล็กน้อย แต่ว่าไม่นานเขาก็ตื่นเต้นขึ้นมา


” ไปกับสาวเหรอ ? “


หยางโปคิดจะปฏิเสธ เงยหน้าขึ้นไปก็เห็นชิงชิงเดินมาจากด้านหลังตน เขารีบกวักมือ ปากก็กล่าวว่า


” ใช่ครับ ดังนั้นผมไม่สะดวกจริงๆ “


” ดี ! งั้นก็ดี เธอไปกินข้าวเถอะ ! ” ชุยซื่อหยวนน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย


หยางโปไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายตื่นเต้นอะไร แต่ตอนนี้เขาก็ต้องเผชิญกับเรื่องตรงหน้านี้ก่อน


 


” ชิงชิง เธอช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม ? ” หยางโปเห็นสีหน้าสงสัยของชิงชิงก็เอ่ยขึ้นว่า


” คืนนี้ช่วยไปกินข้าวเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม ? “


ชิงชิงมองหยางโป ทันใดนั้นก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ” นายคงจะไม่ได้ชอบฉันใช่ไหม ?​ ว่ามา นายอยู่กับคุณอาหลิ่วนั่น มีเจตนาไม่ดีใช่ไหม ? “


ตอนที่ 288 เข้าใจผิด


หยางโปพลันพูดไม่ออก เขามองไปทางชิงชิง ” เอ่อ เธอคิดมากไปแล้ว แค่อยากให้เธอช่วยฉันหน่อย “


ชิงชิงมองจ้องหยางโปขึ้นๆ ลงๆ อยู่ครู่หนึ่ง ” ช่วยหน่อย ?​ นายคงจะไม่คิดจะบอกฉันว่ามีผู้หญิงไล่ตามตื้อนาย แล้วนายก็ไม่อยากไปเจอเธอใช่ไหม ? “


ชิงชิงมีท่าทีไม่เชื่อถือ ใบหน้าของเธอเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนว่าสารรูปอย่างนายไม่มีคนมาตามตื้อหรอก !


หยางโปส่ายหน้า น้ำเสียงแข็งกร้าวขึ้นมา ” ไม่ใช่ทั้งนั้นแหล่ะ คืนนี้เธอจะช่วยฉันไหม ? “


” เอาเถอะ ฉันจะโทรบอกที่บ้านก่อนนะ ” สีหน้าของชิงชิงพลันนุ่มนวลขึ้น น้ำเสียงก็เชื่อฟัง


หยางโปคิดถึงร้านอาหารใกล้ๆ จึงเดินนำชิงชิงไป


 


ทั้งสองเข้าไปนั่งในโถงใหญ่ หยางโปส่งเมนูไปให้ ” เธอสั่งอาหารเลย ! “


ชิงชิงก็ไม่ได้เกรงใจ หยิบเมนูขึ้นมาสั่งอาหาร หยางโปเหลือบสายตามองก็เห็นว่าเธอคุ้นเคยมาก สั่งอาหารมาราคาแพงๆ ทั้งนั้น ตอนที่สั่งไปหกอย่างแล้วก็ยังไม่หยุด หยางโปก็อดที่จะโบกมือไม่ได้ ” พอแล้ว สั่งมาอีกจะกินไม่หมดเอา “


ชิงชิงวางเมนูลง ” ฉันยังคิดว่านายจะไม่ห้ามซะอีก ? “


” ทำไมจะไม่ห้ามล่ะ ? ” หยางโปเอ่ยถามอย่างสงสัย


” ตอนที่ผู้ชายไล่จีบผู้หญิง ไม่ใช่แสดงออกอย่างใจกว้างสักหน่อยเหรอ ? นายแสดงท่าทีจนๆ ออกมาขนาดนี้ ไม่แปลกที่จะไม่มีแฟน ? ” ชิงชิงมองหยางโปพลางหัวเราะ


 


หยางโปพลันจนคำพูด ” ฉันจะยืนยันอีกครั้งนะ ฉันไม่ได้คิดจะจีบเธอเลยสักนิด อีกอย่างสำหรับฉันแล้ว กินข้าวไม่ควรสิ้นเปลือง แล้วก็มันเป็นเรื่องเล็กน้อยธรรมดามาก “


คิดไม่ถึงว่าชิงชิงกลับเท้าแขนทั้งสองลงบนโต๊ะแล้วกุมแก้มนวล ” ฉันชื่นชมนายมากนะ ! “


หยางโปจ้องตาเขม็ง รู้สึกว่าตัวเองไม่เข้าใจตรรกะความคิดของอีกฝ่ายเลย เวลานี้เขาเพิ่งจะคิดออก หลิ่วมีดเดียวไม่ยอมรับผู้หญิงคนนี้เป็นศิษย์นั้นก็มีเหตุผลมาก


” เพื่อนกับคนที่บ้านของเธอเคยบอกว่าความคิดของเธอประหลาดไหม ? ” หยางโปเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ


ได้ยินคำพูดนี้ของหยางโป สีหน้าของชิงชิงก็โมโหแล้วต่อว่าขึ้น ” นายสิความคิดประหลาด ! “


ถึงแม้จะพูดแบบนี้แต่ชิงชิงก็ไม่ได้ลุกจากโต๊ะเดินหนีไป เพียงแต่รอบด้านเงียบสงบ หยางโปอยากจะหาเรื่องมาจัดการกับค่ำนี้ อีกฝ่ายก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เหมือนว่าจะไม่อยากกลับไป


 


อาหารมาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว ทั้งสองก็ไม่ได้พูดจาอะไร


พักหนึ่งชิงชิงจึงเคาะโต๊ะแล้วก็เอ่ยปากถามว่า ” วันนี้นายเลี้ยงข้าวฉัน อย่าบอกนะว่าจะให้บรรยากาศพิลึกแบบนี้ ? “


หยางโปที่กำลังคิดเรื่องนี้อยู่ พอได้ยินคำพูดนี้ก็รำคาญเล็กน้อย ก็ตอบกลับไปตรงๆ ว่า


” หุบปาก ไม่ต้องพูด ! “


หยางโปพูดประโยคนี้ไปแล้วก็นึกเสียใจ เขารู้สึกว่าคำพูดนี้ของตัวเองรุนแรงเกินไป ขณะกำลังจะเอ่ยปากขอโทษ เรื่องที่เขาไม่ได้คาดคิดก็เกิดขึ้น


ชิงชิงจู่ๆ ก็เงียบสงบว่าง่ายขึ้นมา สีหน้าเจือรอยยิ้มบาง ท่าทีราวกับมีความสุขมากอย่างเห็นได้ชัด


หยางโปตะลึงเล็กน้อย เขาอธิบายเรื่องแบบนี้ไม่ได้จริงๆ อย่าบอกนะว่าอีกฝ่ายชอบโดนรังแก ?


 


พักหนึ่ง หยางโปรู้สึกผิดอยู่บ้าง กำลังจะเอ่ยปากพูด เงยหน้าขึ้นไปกลับมองเห็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านข้าง


ชายวัยกลางคนหนวดเครารกรุงรัง สวมสูทที่ยับย่นเฉิ่มเชยอยู่บ้าง เสื้อเชิ้ตสีขาวด้านในก็ซักจนเปื่อนแล้ว ทั้งตัวดูเหมือนเลินเล่อเล็กน้อย


ชิงชิงเหมือนรู้สึกตัวว่ามีอะไร จึงหันหลังไปมอง เธอก็ประหลาดใจเล็กน้อย ” พ่อ พ่อมาได้ยังไงคะ ? “


หยางโปตะลึงเล็กน้อย หันกลับไปมองอีกฝ่าย พ่อลูกคู่นี้หน้าตาต่างกันสักหน่อยจริงๆ อีกอย่างพ่อของชิงชิงเป็นเศรษฐีทำธุรกิจค้าไม้มีค่าไม่ใช่เหรอ ? ทำไมถึงแต่งตัวแบบนี้ ?


” พ่อกับคนอื่นมาคุยธุรกิจที่ร้านอาหาร เห็นลูกอยู่ที่นี่ก็เลยมาดูสักหน่อยน่ะ “


กล่าวจบ พ่อของชิงชิงก็หันมาจ้องมองประเมินหยางโป


 


ถึงแม้จะเป็นการเข้าใจผิด แต่มันก็ยังทำให้หยางโปรู้สึกไม่สบายใจ เขารีบลุกขึ้นยืน ” คุณอาหู ถ้ายังไง คุณอาอยู่สักเดี๋ยวไหมครับ ? “


หยางโปรู้แค่ว่าชิงชิงแซ่หู อย่างอื่นเขาไม่เข้าใจอะไรนัก


พ่อของชิงชิงส่ายหน้า ” พ่อหนุ่มชื่อว่าอะไรเหรอ ? “


” หยางโป หยางที่มาจากไม้ โปที่มาจากคลื่นครับ ” หยางโปรีบตอบ


พ่อของชิงชิงพยักหน้า ” ดี ดี ! “


กล่าวประโยคนี้แล้วอีกฝ่ายก็หันหลังจากไป


หยางโปมองไปทางที่พ่อของชิงชิงจากไป ” ขอโทษจริงๆ นะ ทำให้พ่อของเธอเข้าใจผิดแล้ว “


 


ชิงชิงแค่นเสียงเย็น ” หึ วันนี้เขาคิดจะแนะนำผู้ชายให้ฉัน ! “


หยางโปมองไปอย่างตะลึง เดิมเขาคิดว่าตัวเองใช้ประโยชน์จากอีกฝ่าย คิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะถึงกับถูกอีกฝ่ายใช้ประโยชน์ ! แต่ว่าเวลาแบบนี้ เขาไม่สะดวกจะพูดอะไรมาก


” คนที่มาหานายทำไมไม่มาล่ะ ? ” ชิงชิงเหลือบมองหยางโป ราวกับคิดว่าเขาหลอกลวง


หยางโปส่ายหน้า ” เขาไม่รู้ว่าฉันอยู่ที่ไหน ฉันกลัวว่าเขาจะมาขวางฉันที่หน้าประตู ไม่ก็เจอที่ถนน “


ชิงชิงไม่ได้พูดอะไร แต่สีหน้าไม่เชื่ออย่างชัดเจน


หยางโปไม่ได้อธิบายอะไรมาก


หูเหยาหลงเข้าไปในห้องส่วนหัว เห็นครอบครัวเซวียสามคนนั่งอยู่ด้านในแล้ว เขาก็รีบเดินเข้าไป


” เหล่าเซวีย ขอโทษจริงๆ นะ มาช้าไป ฉันมาสายแล้ว ! “


 


เซวียเหยียนปิงลุกขึ้นจับมือกับหูเหยาหลง ” พี่หูเกรงใจแล้ว พี่มาได้ พวกเราก็ซึ้งใจมากแล้ว “


เซวียเหยียนปิงกล่าวจบก็มองไปด้านหลังของหูเหยาหลง ” พี่หู ชิงชิงล่ะ ? “


หูเหยาหลงสีหน้าอิหลักอิเหลื่อ ” ทำให้เหล่าเซวียต้องผิดหวังแล้ว ฉันเลี้ยงลูกสาวไม่ดี เด็กคนนี้เล่นจนไม่รู้ความ เกรงว่าจะไม่คู่ควรกับลูกชายบ้านนาย ! “


เซวียเหยียนปิงส่ายหน้า ” เฮ้อ พี่หู พี่พูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ ตอนนี้มีเรื่องแบ่งแยกฐานะครอบครัวที่ไหนกัน มีสิทธิเลือกคู่ตามใจ พวกเราในฐานะพ่อแม่ ทำได้แค่มองคนที่คู่ควรเหมาะสมกับลูกได้เท่านั้น ยังจะทำอะไรได้มากมายอีกล่ะ ? “


” คำพูดนี้มีเหตุผล ! พูดได้มีเหตุผล ! ” หูเหยาหลงกล่าวยอ แล้วก็กล่าวเปลี่ยนประเด็น ” นี่เป็นเพราะว่าเลือกคู่กันตามใจ ชิงชิงเธอคัดค้านการดูตัวมาก ! “


 


พอกล่าวจบคำ หูเหยาหลงก็เห็นสีหน้าภรรยาของเซวียเหยียนปิงเปลี่ยนไป เซวียหู่ก็ลุกพรวดขึ้นมา


หูเหยาหลงรีบเอ่ยต่อไปว่า ” แต่ว่า ฉันชอบหลานชายมาก ดังนั้นสองวันก่อนฉันถึงได้เอารายละเอียดการติดต่อทุกอย่างของชิงชิงมา ต่อไปก็จะมอบให้กับเซวียหู่ หลานชาย แตงที่ฝืนเด็ดนั้นไม่หวาน จะเด็ดแตงได้หรือไม่ก็อยู่ที่ความสามารถของเธอแล้ว ในฐานะอา ฉันก็ช่วยเธอได้เท่านี้ ! “


เซวียหู่สีหน้าพลันยินดี หัวเราะว่า ” ขอบคุณคุณอาหู คุณอาวางใจได้เลยครับ ต่อไปขอแค่คุณอาให้ข้อมูลพวกนี้กับผม ผมจะต้องคว้ามาไว้ในมือได้แน่ เรื่องนี้ผมมีประสบการณ์มาก ! “


แม่ของเซวียหู่นั่งอยู่ด้านข้าง เดิมก็ฟังอย่างพอใจ หลังได้ยินประโยคท้ายสุดก็อดตียั้งคำพูดของเขาไม่ได้


เซวียเหยียนปิงสีหน้าเลิ่กลั่ก เวลานี้จะโทษหูเหยาหลงที่ไม่พาลูกสาวมาไม่ได้ จำต้องยกแก้วเหล้าขึ้นชน รอบด้านก็พลันครึกครื้นกลมเกลียวขึ้นมา


พวกหยางโปสองคนก็กินหมดอย่างรวดเร็ว ต่างใจต่างเหม่อลอย หยางโปคิดว่าต่อไปจะรับมือกับชุยซื่อหยวนยังไง ส่วนหูชิงชิงก็คิดว่าจะตั้งรับพ่อของเธอยังไงดี


ตอนที่ 289 พบหน้า


หยางโปมองไปด้านนอก ทันใดนั้นก็มองเห็นชุยซื่อหยวนเดินเข้ามากับผู้ชายอีกกลุ่มหนึ่ง เขาก็รีบหันหลังกลับมา เดิมเขาคิดจะออกไป ตอนนี้กลับเดินไปไม่ได้แล้ว


ทั้งสองต่างก็มองกันอย่างเหม่อลอย หยางโปกลับไปไม่ได้ หูชิงชิงก็มีเป้าหมายอื่น


ชุยซื่อหยวนเดินเข้ามาในโถงใหญ่ก็พลันมองเห็นตำแหน่งของหยางโป เขายิ้มออกมา


ชายหนุ่มด้านข้างมองเห็นรอยยิ้มที่หาได้ยากของชุยซื่อหยวน ก็ตื่นเต้นขึ้นมา ” ท่านรัฐมนตรีจาง รอยยิ้มของท่านหายากจริงๆ ! “


ชุยซื่อหยวนหันกลับมาถาม ” งั้นเหรอ ? “


” ใช่แล้วครับ วันนี้ถ้าหากไม่บังเอิญเจอกับท่าน พวกเราก็ไม่รู้จะไปพบท่านได้ที่ไหน ? ” ชายหนุ่มเอ่ยต่อ


 


ชุยซื่อหยวนพยักหน้า ” ถ้ายังไง วันนี้พวกเรานั่งกินกันในโถงใหญ่ไหม ? “


ชายหนุ่มสีหน้าปั้นยาก กล่าวอย่างงุนงง ” ที่นี่ ? “


ชุยซื่อหยวนโบกมือ ” ไม่เป็นไร วันนี้พวกเราเรียบง่ายกันสักหน่อย แล้วก็ไม่ดื่มเหล้า ถือซะว่าเป็นมื้ออาหารในเวลางาน ฉันเลี้ยงพี่น้องเอง “


” ไม่ดีมั้งครับ ! ” อีกฝ่ายยังคงกล่าวอย่างสับสน


” ไม่เป็นไร ถือซะว่าเป็นรางวัลตอบแทนทุกคน ปกติทุกคนทำงานลำบากขนาดนั้น ฉันก็รู้ว่าทุกคนขุ่นใจ พวกเรามากินไปคุยกันไปเถอะ ” ชุยซื่อหยวนกล่าว


ชายหนุ่มมองเห็นชุยซื่อหยวนยืนกราน จำต้องตอบรับอย่างยินดีมาก ” ได้ครับ ในเมื่อท่านเลี้ยง ถ้างั้นพวกเราก็จะไม่เกรงใจแล้ว ! “


 


ทั้งกลุ่มตามหลังชุยซื่อหยวน เลือกมานั่งโต๊ะข้างๆ หยางโป


หยางโปตะลึงอึ้งค้าง เดิมทีเขายังคิดจะรอให้ชุยซื่อหยวนเข้าไปในห้องส่วนตัว เขาก็จะกลับ ตอนนี้ชุยซื่อหยวนถึงกับนั่งในโถงใหญ่อย่างผิดปกติ เขาก็จากไปทันทีไม่ได้แล้ว


ทั้งกลุ่มนั่งลงไป หูชิงชิงขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร


หยางโปทำได้แค่เอ่ยปากสนทนาเรื่อยเปื่อย ” งานของเธอยุ่งไหม ? พรุ่งนี้มีบินรึเปล่า ? “


หูชิงชิงมองหยางโปอย่างรำคาญเล็กน้อย ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เขาก็เป็นกันเองขึ้นมา รอยยิ้มบนหน้าก็ดูเสแสร้งมาก ” บินไม่บินแล้วเกี่ยวอะไรกับนาย ? “


” รีบพูดมา ! ” หยางโปกล่าวเสียงแข็ง


 


หูชิงชิงก็พลันว่าง่าย ” ช่วงนี้โอเค พรุ่งนี้ฉันก็มีบิน “


” อื้ม ” หยางโปพยักหน้าแล้วก็เอ่ยว่า ” ถามอะไรเธอก็ตอบเถอะ ไม่ต้องปิดบัง ! “


หูชิงชิงพยักหน้า เอ่ยอย่างเชื่อฟัง ” ศิษย์พี่ว่าอะไรก็อย่างนั้น ! “


” ศิษย์พี่ ? ” หยางโปประหลาดใจ


” นายไหว้คุณอาหลิ่วเป็นอาจารย์แล้ว ตอนนี้ฉันยังไม่ได้ชื่อว่าเป็นศิษย์เลย ต่อไปยังต้องขอให้ศิษย์พี่ช่วยพูดดีๆ ให้ฉันสักประโยค ” หูชิงชิงกล่าวพลางหัวเราะ


หยางโปมองหูชิงชิง ถืออาหารจานพิเศษตรงหน้า แล้วก็สนทนากับอีกฝ่ายช้าๆ ทีละประโยค ทั้งสองดูเหมือนสนทนากันอย่างจริงจังมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นเรื่องไร้สาระทั้งนั้น


 


เซวียหู่เดินออกมาจากในห้องส่วนตัว เขาดื่มไปหลายแก้ว กำลังคึกคัก คิดถึงใบหน้างดงาม เรือนร่างเย้ายวนของหูชิงชิงแล้ว ในใจของเขาก็ฮึกเหิมขึ้นมา


เดินโซเซออกมาจากห้องน้ำ เซวียหู่เดินมาถึงเค้าเตอร์ด้านหน้า กำลังจะสั่งเหล้าอีกขวด หางตาก็กวาดไปที่โถงใหญ่ ทันใดนั้นเขาก็ชะงักนิ่ง เบี่ยงฝ่าเท้าไปทางซ้ายสี่สิบห้าองศา เซวียหู่หันหน้าไปมอง เขาถึงกับเห็นเงาร่างที่คุ้นตา !


หูชิงชิงถึงกับนั่งอยู่ในโถงใหญ่ ! ทั้งยังนั่งกินข้าวอยู่กับผู้ชายอื่นอีกคนหนึ่ง !


เซวียหู่คิดจะเดินหน้าไปทันที แต่โซเซไปได้สองก้าวเขาก็ชะงัก เขาอยากจะพาหูเหยาหลงตาแก่สมควรตายคนนั้นไปประจันหน้ากับเขาด้วย ! เขาจะให้หูเหยาหลงได้เห็น นี่ก็คือลูกสาวตัวดีที่เขาสั่งสอนมา !


 


เมื่อคิดแบบนี้ เซวียหู่ก็รีบเดินเข้าไปในห้องส่วนตัว !


เข้าไปในห้องส่วนตัวแล้ว เซวียเหยียนปิงก็โบกมือกล่าวว่า ” เสี่ยวหู่ รีบมาเร็ว พ่อกับคุณอาหู่ของลูกกำลังพูดกันเรื่องที่จะให้ลูกปลุกความกล้าขึ้นมาสักหน่อย ความกล้าของลูกผู้ชาย ! ลูกต้องเดินหน้าก่อน ! “


เซวียหู่เอ่ยอย่างผิดปกติ ” ไม่ลงมือก่อนได้เหรอ ? ถ้าหากไม่ลงมือก่อน ลูกสะใภ้ก็จะหนีไปกับผู้ชายอื่นแล้ว ! “


เซวียเหยียนปิงหัวเราะ ” ใช่แล้ว เสี่ยวหู่ ชิงชิงสวยขนาดนี้ จะต้องมีคนจีบมากแน่ๆ ลูกจะต้องสู้ๆนะ ! “


เซวียหู่หัวเราะเย็น ” ถ้างั้นมันก็มากไปจริงๆ วันนี้เธอก็ผลัดไม่มาเจอหน้า แต่กลับวิ่งไปเดตแล้ว ! “


เซวียเหยียนปิงเดิมยังคิดว่าท่าทีของเซวียหู่ประหลาดไปสักหน่อย พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ ทันใดนั้นก็ตกใจ


” เสี่ยวหู่ นี่… “


 


เซวียหู่มองไปทางหูเหยาหลง ” คุณอาหู ชิงชิงเธอกำลังเดตอยู่กับคนอื่นข้างนอก คุณอาไม่รู้เหรอครับ ? “


ใบหน้าของหูเหยาหลงเผยความตะลึง กล่าวอย่างโมโหว่า ” เธอว่าอะไรนะ ? ยัยเด็กไม่รักดี บอกฉันแล้วบอกฉันอีกว่าวันนี้ต้องบินไปต่างประเทศ กลับมาไม่ได้ ฉันยังคิดว่าเธอไม่มาแล้ว คิดไม่ถึงว่าเธอจะถึงกับทำเรื่องนี้ ! “


” เสี่ยวหู่ หลานบอกอามา เธออยู่ที่ไหน ? อาจะไปหาเธอตอนนี้เลย ! ” หูเหยาหลงแสดงท่าทางโมโหมาก พลันทำให้เซวียหู่สับสน


เซวียเหยียนปิงดึงเซวียหู่ ” ไป พวกเราไปดูกัน ! “


แม่ของเซวียหู่เดินนำหน้าไปก่อนแล้ว เธอรีบพุ่งออกไป


เซวียหู่รีบเดินตามไป ” แม่ แม่ช้าๆหน่อย “


 


มาถึงห้องโถงใหญ่ หูชิงชิงเงยหน้ามองขึ้นมาแล้ว เธอเห็นผู้หญิงวัยกลางคนพุ่งเข้ามา กระทั่งอีกฝ่ายเดินมาถึงตรงหน้า เธอถึงได้เอ่ยทักเสียงเย็น ” คุณป้าเซวีย ! “


คุณป้าเซวียกำลังโมโห ” ชิงชิง พวกเราไม่ทำกันแบบนี้ นี่เธอคิดอะไรอยู่กันแน่ ? ในเมื่อเธอจะแต่งกับเสี่ยวหู่บ้านเราแล้ว ก็อย่ามาทำตัวมั่วซั่วแบบนี้ ! ถ้าไม่อย่างนั้นก็อย่ามาโทษว่าป้าเซวียไม่มีน้ำใจ ! “


หยางโปได้ยินคำพูดนี้ก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้


หูชิงชิงส่ายหน้า มองหูเหยาหลง ” พ่อ พ่อว่ายังไง ? “


หูเหยาหลงเวลานี้ก็ตีหน้าซื่อเอ่ย ” หา ? เรื่องอะไร ? ว่าอะไร ? “


” หนูบอกว่าจะคบกับเซวียหู่เหรอคะ ? ” หูชิงชิงเอ่ยเสียงเย็น


 


หูเหยาหลงยิ่มเก้อ ” พวกเธอโตมาด้วยกัน เรื่องแบบนี้ พ่อก็ไม่สะดวกจะพูด ความคิดของพ่อก็คือ พวกเธอคุยกันเองจะดีที่สุด…”


คุณป้าเซวียเอ่ยปาก ” ชิงชิง หลายปีมานี้ ป้าปฏิบัติกับเธอยังไง ? ปฏิบัติกับเธอราวกับลูกสาวแท้ๆ เธอมามั่วสุมกับผู้ชายข้างนอกแบบนี้… “


” คุณป้าเซวีย ! คุณป้าระวังคำพูดตัวเองด้วยนะคะ ! ” หูชิงชิงเอ่ยเตือนอีกครั้ง


คุณป้าเซวียลมจับ เซวียหู่เอ่ยต่อว่า ” เธอทำแบบนี้มีเหตุผลอะไร ? “


หยางโปนั่งอยู่ด้านข้าง มองงิ้วอันดุเดือดแบบนี้แล้ว ในใจก็รู้สึกแปลกพิกล โดยเฉพาะที่ตัวเขาเองถูกลากเข้าไปด้วย


” เฮ้อ คนหนุ่มอย่าโกรธไป มีเรื่องอะไรปรึกษากันได้ พวกเราจะไม่แยกแยะผิดชอบชั่วดีไม่ได้นะ ? “


 


ทันใดนั้นก็มีคนเดินเข้ามาเอ่ยห้าม


หยางโปได้ยินเสียงคุ้นหูก็เงยหน้าขึ้นมอง เห็นคนที่มานั้นก็คือชุยซื่อหยวน


เซวียหู่กลับไม่รู้จักชุยซื่อหยวน เขาเหลือบมอง ” นายอยู่ว่างจนปวดไข่หรือยังไง ?​ มาสาระแนอะไรด้วย ? “


ชุยซื่อหยวนสีหน้าเคร่งขรึม ” พ่อหนุ่ม พวกเราพูดจาต้องระวังมารยาทสักหน่อยนะ ! “


เซวียหู่เยาะหยันกับท่าทีทรงภูมิแบบนี้ เขากำลังจะเอ่ยปากด่า เซวียเหยียนปิงกลับดึงเขาเอาไว้


เซวียเหยียนปิงเดินหน้าไปก้าวหนึ่ง ” คุณคือท่านรัฐมนตรีชุย ? “


ตอนที่ 290 ภารกิจสำเร็จ


เพื่อนร่วมโต๊ะของชุยซื่อหยวนสังเกตเห็นสถานการณ์ทางนี้ก็เดินเข้ามา


ชุยซื่อหยวนมองไปเซวียเหยียนปิง ” คุณคือ ? “


” ท่านรัฐมนตรีชุย สวัสดีครับ ผมคือเสี่ยวเซวีย ! ” เซวียเหยียนปิงกล่าว


คนที่ยืนอยู่ข้างชุยซื่อหยวนเอ่ยอธิบายเสียงเบา ” เป็นผู้อำนวยการเซวียของกรมป่าไม้ครับ “


ชุยซื่อหยวนถึงค่อยนึกออก เขาพยักหน้าให้กับเซวียเหยียนปิง ” สวัสดี “


เซวียเหยียนปิงรีบเอ่ยอธิบาย ” นี่คือลูกชายกับภรรยาของผม นี่คือพ่อตา ชิงชิงกับเสี่ยวหู่บ้านผมคบหากันมาตั้งแต่เด็ก วันนี้พวกเรามาที่นี่ ก็กำลังจะปรึกษาเรื่องการหมั้นหมายของพวกเขา ! “


เซวียเหยียนปิงกล่าวจบก็มองไปทางหูเหยาหลง ” เหล่าหู นายว่าใช่ไหม ? “


 


เหล่าหูตะลึงไปเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่าเซวียเหยียนปิงจะถึงกับกล้าพูดแบบนี้ พวกเขาพูดเรื่องนี้กันที่ไหน ?​ เขาพักผ่อนอยู่ชัดๆ ในเมื่อมีเรื่องขอร้องอีกฝ่าย แต่ว่ากับการแต่งงานของลูกสาว เขาจะกล้าบุ่มบ่ามได้ยังไง ?


เหล่าหูลังเลเล็กน้อย สีหน้าของเซวียเหยียนปิงก็ดูไม่ดีอย่างมาก เขามองไปทางหูเหยาหลง น้ำเสียงก็เข้มขึ้นอีกนิด เอ่ยถามอีกครั้งว่า ” เหล่าหู ! “


ชุยซื่อหยวนไม่เข้าใจรายละเอียดของเรื่องราว แล้วก็ไม่รู้เหตุผล แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้ ใจของเขาย่อมต้องเอนเอียงไปที่หยางโป เขายกมือ ” การคบหากันก็ต้องเป็นความพอใจของทั้งสองฝ่าย จะบังคับขืนใจกันเหมือนสมัยศักดินาไม่ได้ พวกเราต้องเคารพความคิดของลูกหลานอย่างเต็มที่ ฉันว่าเจ้าหนุ่มนี่ก็ไม่เลวนะ ! “


 


รอบด้านกลับเงียบสงบลง ทุกคนต่างก็ตกตะลึง !


เซวียเหยียนปิงคิดไม่ถึงเลยว่าชุยซื่อหยวนจะพูดอย่างลำเอียงออกมาได้ชัดเจนขนาดนี้ ชัดเจนว่าเอนเอียงไปทางคนหนุ่มแปลกหน้านั่น ! ตอนนี้เขาไม่เข้าใจว่าชุยซื่อหยวนหมายความว่าอะไร ? อย่าบอกนะว่าเขากับเด็กหนุ่มคนนั้น ?


เมื่อคิดแบบนี้ เซวียเหยียนปิงก็มองทั้งสองคน ถึงกับมองเห็นความคล้ายคลึงเล็กน้อยบนใบหน้าของทั้งสอง !


คนที่มาร่วมโต๊ะทานอาหารก็สังเกตเห็นจุดนี้ ก่อนหน้าที่ตามชุยซื่อหยวนมาที่โถงใหญ่ พวกเขายังคิดว่าชุยซื่อหยวนสูงส่งถ่อมตัวถึงขนาดนี้ ตอนนี้ดูท่าแล้วกลับไม่ใช่เช่นนั้น ชุยซื่อหยวนมาสนับสนุนบางคน !


หยางโปที่เป็นจุดสนใจของทุกคนก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ เขาดื่มชาอย่างเอื่อยเฉื่อย ไม่พูดจาเลยสักคำ


 


เซวียเหยียนปิงจนปัญหา แต่เผชิญกับสถานการณ์แบบนี้ ต่อไปถึงแม้จะยุ่งยาก เขาก็ยอมถอย เขามองไปทางเซวียหูแล้วตบศีรษะของเขา ” ไป ไปหยิบของมา ! “


เซวียหูตอบรับคำหนึ่งแล้วก็รีบวิ่งไป ไม่นานก็ถือหยกเขียวขนาดสองฝ่ามือเต็มๆ มาชิ้นหนึ่ง


” ชิงชิง ฉันรู้ว่าเธอชอบการแกะสลัก พวกเราสืบทอดหยกเขียวมาชิ้นหนึ่ง อายุยาวนานมาก ฉันดูแล้วว่าไม่เลวก็เลยเอามาให้เธอ ! ” เซวียหู่กล่าว


หยางโปเงยหน้าขึ้นมอง เห็นหยกเขียวทรงกลม ด้านบนแกะสลักไว้อย่างประณีต ดูแล้วซับซ้อนหรูหรา !


หูชิงชิงชอบการแกะสลัก มองแวบหนึ่งแล้วก็นึกชอบขึ้นมา หยกชิ้นนี้เป็นหยกเชียวเหอเถียน รูปทรงทั้งชิ้นสง่างาม โดยเฉพาะการแกะสลักอย่างสลับซับซ้อน จำเป็นต้องใช้เวลาในการศึกษามาก !


 


ชุยซื่อหยวนมองเซวียเหยียนปิง โมโหเล็กน้อย ในเมื่ออีกฝ่ายรู้จักเขาก็ย่อมต้องรู้ฐานะของเขา เวลานี้ไม่ไว้หน้าเขา ไม่รู้เพราะว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ลูกน้องสายตรงของตัวเองหรือเปล่า ?


” ผู้อำนายการเซวีย ” มีคนดึงเซวียเหยียนปิง ฐานะเบื้องหลังของชุยซื่อหยวนไม่ธรรมดา มีคนไม่อยากให้เหล่าเซวียเดินสู่ทางตัน


แต่ว่าเซวียเหยียนปิงไม่ฟังเสียงโต้แย่ง แต่มองไปทางหูชิงชิง ” ชิงชิง หนูว่ายังไง ? “


หูชิงชิงลังเลเล็กน้อยแล้วก็ส่ายหน้า ” คุณอาเซวีย ต้องขอโทษจริงๆ หยกชิ้นนี้หนูรับไว้ไม่ได้ ! “


เซวียเหยียนปิงเปลี่ยนสีหน้า เขาถึงกับขัดใจคนใหญ่คนโตเพื่อลูกชาย ประโยคธรรมดานี้ของหูชิงชิงก็คือจุดอ่อนของเขา เขาหันไปมองหูเหยาหลง ” เหล่าหู นายคิดว่ายังไง ? “


 


หูเหยาหลงสงบปากคำ เดินไปด้านหน้า ” ถ้ายังไง ฉันช่วยเธอรับเอาไว้ไหม ? “


เหล่าเซวียแค่นเสียงหึ จับเซวียหู่ที่คิดจะพุ่งไปด้านหน้า เขาหันไปมองชุยซื่อหยวน ” ท่านรัฐมนตรีชุย ต้องขออภัยจริงๆ ครับ “


กล่าวจบก็ดึงเซวียหู่จากไป เขากระทำแบบนี้ออกมา ทำให้ชุยซื่อหยวนลอบขมวดคิ้ว


ชุยซื่อหยวนโบกมือให้กับทุกคน ” เอาล่ะ เอาล่ะ แยกย้ายกันได้แล้ว ! “


ทุกคนมองชุยซื่อหยวนกับหยางโปแวบหนึ่งแล้วถึงค่อยแยกย้ายกันไป ข่าวลือที่รัฐมนตรีชุยไร้ทายาท ดูท่านจะเป็นข่าวลอยแล้ว !


ชุยซื่อหยวนมองหยางโปแล้วก็มองหูชิงชิง ” พวกเธอกินข้าวอยู่ที่นี่ บังเอิญจริงๆ นะ “


 


หูชิงชิงมองความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ออก ก็มองเห็นหยางโปก้มหน้าดูโทรศัพท์มือถือ ” ดึกมากแล้ว ผมจะรีบกลับไปพักผ่อนแล้ว “


” ดี ! ดี ! รีบกลับไปพักผ่อนก็ดี ” ชุยซื่อหยวนกล่าว


กล่าวจบชุยซื่อหยวนก็มองหูเหยาหลง แล้วหยิบกระดาษใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋า แล้วเขียนข้อมูลการติดต่อลงไป ” ต่อไปถ้ามีเรื่องอะไรก็มาหาฉันได้ “


” โอ้ ! ได้ครับ ! ” หูเหยาลงไม่รู้ความเป็นมาของชุยซื่อหยวน แต่เมื่อกี้เขาเห็นท่าทางของเซวียเหยียนปิงก็รู้ว่าเบื้องหลังของชุยซื่อหยวนไม่ธรรมดา


หยางโปลุกขึ้นจากไป หูเหยาหลงก็รีบดันหูชิงชิง หูชิงชิงถึงได้ลุกขึ้นมาส่งหยางโปอย่างไม่เต็มใจ


” เธอไม่ต้องส่งฉันหรอก คืนนี้นับว่าทำลายเรื่องมงคลของเธอแล้ว ” หยางโปหัวเราะ


 


” พวกเราโตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ฉันรู้สันดานของเขาดี เขาเป็นขยะบ้าผู้หญิง ! ” หูชิงชิงด่า


หยางโปพยักหน้า คิดถึงการแนะนำก่อนหน้านี้ ธุรกิจของหูเหยาลงเกี่ยวพันกับกรมป่าไม้ไม่น้อยเลย


ไม่นาน หยางโปก็แยกกับหูชิงชิง เขาได้ที่อยู่ของบ้านหูมาจากหูชิงชิง แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะไปทุบกระจก อีกทั้งเขายังมีเรื่องสำคัญเรื่องอื่นอีกพอกลับไปถึงบ้าน หยางโปก็โทรศัพท์หาตาอ้วนหลิว


” ช่วยฉันเรื่องหนึ่งสิ ไม่เกินสิบล้านหยวน… “


….


 


วันต่อมา หยางโปก็มาเรียนแกะสลักกับหลิ่วมีดเดียวต่อ แต่ท่าทีของเขาเหม่อลอยไม่ปกติ


หลิ่วมีดเดียวมองแล้วขมวดคิ้ว อดที่จะตำหนิไม่ได้ ” หยางโป ถ้าหากเธอเป็นแบบนี้ตลอด ก็ไม่ต้องเรียนแกะสลักแล้ว ! “


หยางโปรีบส่ายหน้า ” ขอโทษครับ ผมเหม่อไปหน่อย “


หลิ่วมีดเดียวมองไปด้านข้าง ” เธอกำลังคิดถึงชิงชิงเหรอ ? ถ้าหากเธออยากจีบสาวถึงได้มาเรียนแกะสลักกับฉันจริงๆ ฉันจะช่วยแนะนำให้เธอ เธอก็ไม่ต้องเรียนต่อแล้ว ! “


หยางโปจนปัญญา ” อาจารย์หลิ่ว ตอนนี้ท่านอย่าคิดมาก รออีกเดี๋ยวท่านก็จะรู้แล้ว “


หยางโปพูดเพิ่งจบก็มีคนเดินเข้ามาในร้าน หยางโปดีใจมาก รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไป ” ได้มาไหม ? “


ตาอ้วนหลิวพยักหน้า ” ได้มาแล้ว ! “


 


หลิ่วมีดเดียวมองตาอ้วนแล้ว สีหน้าไม่พอใจ ” เธอมาทำไม ? “


ตาอ้วนหลิวหัวเราะเหอะเหอะ ” ท่านปรมาจารย์หลิ่ว ครั้งนี้ผมมาส่งสมบัติน่ะ ! “


กล่าวจบเขาก็หยิบหยกเขียวชิ้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าแล้ววางลงบนโต๊ะ พลางมองไปทางหยางโป


” ภารกิจสำเร็จ ! “


ตอนที่ 291 ชิ่งหยกจักรพรรดิไท่เจิน


นี่ก็คือเรื่องที่หยางโปโทรศัพท์ไปหาตาอ้วนหลิวเมื่อคืนวาน ขอให้เขาไปรับมาจากบ้านเซวีย !


หยางโปไม่ได้สนใจว่าหยกเขียวชิ้นนี้ต้องจ่ายเงินไปเท่าไหร่ แต่เขาจ้องหยกเขียวชิ้นนี้เขม็งอยู่พักหนึ่งแล้วถึงค่อยถอนหายใจออกมา เขาไม่ได้มองผิดไปจริงๆ !


หลิ่วมีดเดียวก็เดินเข้ามาอย่างประหลาดใจมาก เขาหยิบหยกเขียวขึ้นมาจากโต๊ะแล้วก็มองสำรวจอย่างประหลาดใจ


สักพักหลิ่วมีดเดียวจึงหันไปมองหยางโป ” หยกสลักนี้ฝีมือประณีต ทักษะล้ำเลิศ เป็นงานระดับสมัยราชวงศ์ถัง ! “


หยางโปหัวเราะขึ้นมา เขาหยิบเชือกเส้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋า แล้วร้อยเข้าไปในรูว่างด้านบนของหยกสลัก ยกขึ้นมาแล้วเขาก็หยิบจี้หยกเรียวบางชิ้นหนึ่งออกมา เขาเคาะจี้หยกไปที่ชิ่งหยก


 


” ติ๊ง ! ” เสียงใสกระจ่างเสียงหนึ่งดังขึ้นนานมาก ราวผลึกแก้ว ดั่งลำธาร กังวาลไม่รู้จบ


หยางโปก็รู้สึกถึงเสียง ” เปรี๊ยะ ” ข้างใบหู ราวกับเจาะรูที่หูยังไงอย่างนั้น ข้างหูก็แว่วเสียงนี้ซ้ำไปมา เสียงนี้ราวกับสลักประทับเอาไว้กลางสมอง


ผ่านไปครู่หนึ่ง ทั้งสามถึงค่อยได้สติกลับมา ทุกคนต่างมองหน้ากันและกัน พวกเขาตกตะลึงมาก


” นี่ นี่คืออะไร ? ” ตาอ้วนหลิวได้รับคำสั่งจากหยางโปให้ไปซื้อของ แต่เขาเพียงแค่เดาได้ว่าของชิ้นนี้เป็นสมบัติ แต่กลับไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องมหัศจรรย์แบบนี้


หลิ่วมีดเดียวมีสีหน้าตื่นเต้นมาก ” นี่คือชิ่งหยกใช่ไหม ?​ ทำไมชิ่งหยกถึงเป็นทรงกลมล่ะ ? ราชวงศ์ถัง ราชวงศ์ถังให้ฉันคิดเดี๋ยวนะว่าเป็นสมบัติชิ้นไหนกันแน่ ! “


หยางโปหยิบชิ่งหยกขึ้น ในใจตื่นเต้นมาก เมื่อคืนวานเขาสัมผัสความงามได้ลางๆ และสังเกตเห็นบางอย่างในนั้น ในขณะนี้เขาก็แทบไม่อยากเชื่อ เสียงนี้ถึงกับใสกระจ่างกังวานแบบนี้ ทำให้คนต้องถอนหายใจ !


 


หยางโปกวักมือไปทางทั้งสองคน ” มาดูทางนี้ ! “


กล่าวจบ เขาก็เดินไปที่หน้าประตู ยกชิ่งหยกไปทางแสงอาทิตย์ แสงอาทิตย์ส่องผ่านหยก มันเปล่งประกายสีเชียวระยิบระยับ และในมุมหนึ่งของชิงหยกก็มีรอยประทับสีขาวอันหนึ่งปรากฏอยู่ นั่นก็คือ ” ไท่เจิน ” สองคำ !


” ไท่เจิน ? นี่หมายความว่าอะไร ? ” ตาอ้วนหลิวเอ่ยอย่างประหลาดใจ


” หยางอวี้หวนชื่อว่าไท่เจิน ชื่อทางธรรมก็คือไท่เจิน ! ” หยางโปเอ่ยใบ้


หลิ่วมีดเดียวพลันตระหนักได้ ” อย่าบอกนะว่านี่คือ “ชิ่งหยกจักรพรรดิไท่เจิน ” ในตำนาน ! “


” เป็นชิ่งหยกจักรพรรดิไท่เจิน ! ” หยางโปพยักหน้า


 


ตาอ้วนหลิวเองก็คิดออก เขามองไปที่ชิ่งหยกเขียวอีกครั้งหนึ่ง ” ว่ากันว่าหยางกุ้ยเฟยเชี่ยวชาญศาสตร์ศิลป์มากมาย ชำนาญการตีชิ่งมากที่สุด กระทั่งนักแสดงในวังหลวงก็สู้เขาไม่ได้ ถังเซวียนจงส่งคนไปหาหยกจักรพรรดิหลานเถียนทำเป็นชิ่ง หรือว่าจะเป็นชิ้นตรงหน้านี้ ! “


หยางโปเคาะชิ่งหยก สุ้มเสียงเลื่อนลอยราวความฝัน เสียงดนตรีดังยาวนาน สามวันก็ไม่เบาลง !


ทั้งสามคนจมอยู่ในความตื่นตะลึง เนิ่นนานก็ไม่อาจฝืนตัวออกมาได้ !


หลิ่วมีดเดียวสำรวจรูปแบบตกแต่งของหยกเขียวอย่างละเอียด ตาอ้วนหลิวก็มองไปทางหยางโป ” ไม่แปลกใจเลยที่นายเร่งให้ฉันรีบไปซื้อมา ชิ่งหยกจักรพรรดินี้น่าจะเป็นชุดหนึ่งใช่ไหม ตอนนี้กลับเหลืออยู่แค่ชิ้นเดียวแล้ว “


หยางโปหัวเราะ ” เมื่อคืนวานฉันบังเอิญเห็นสองคำนี้ในชิ่งหยก ตอนนั้นก็พอเดาได้ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นของจริง ! “


หยางโปมีความสุขกับเรื่องนี้มาก เอ่ยถามตาอ้วนหลิวว่า ” นายซื้อมาได้ยังไง ? “


 


” เหอะ พอฉันไปถึง พวกเขาเห็นฉันเคาะประตูก็ประหลาดใจมาก ฉันอ้างเหตุผลขึ้นมามั่วๆ ตอนแรกพวกเขาก็ยังไม่อยากขาย ต่อมาฉันก็บอกว่าลูกชายบ้านเขาโตแล้ว ควรจะซื้อเรือนหอแต่งลูกสะใภ้ได้แล้ว พวกเขาถึงค่อยขายชิ่งหยกนี้ให้ฉัน ” ตาอ้วนหลิวหัวเราะ


หยางโปพอจะจินตนาการออก ตาอ้วนหลิวลื่นไหลกว่าเขามากนัก เขาจัดการเรื่องราวได้สะดวกกว่ามาก


ตาอ้วนหลิวก็จ่ายเงินซื้อมา 600,000 หยวน หยางโปก็ให้เขาไป 800,000 หยวน สิ่งนี้ทำให้ตาอ้วนหลิวบ่ายเบี่ยงอยู่พักหนึ่งถึงค่อยรับไป


เรื่องราวดำเนินไปอย่างราบลื่น หยางโปก็ได้ชิ่งหยกจักรพรรดิไท่เจินมา หลิ่วมีดเดียวก็จัดการเขาไม่ได้อยู่แล้ว เขาลูบคลำชิ่งหยกจักรพรรดิตรงหน้าอยู่รอบหนึ่งแล้วก็รีบออกไปซื้อหยก คิดจะสลักเลียนแบบชิ่งหยกสักชิ้น


 


คืนก่อนตรุษจีน หยางโปปฏิเสธคำเชิญของชุยซื่อหยวนแล้วก็ปฏิเสธของลัวย่าวหัว ผ่านวันตรุษจีนไปเพียงลำพัง


วันที่สองถึงวันที่ห้า หยางโปก็เตร็ดเตร่อยู่ในตลาดของพานเจียหยวนอยู่ตลอด เหตุเพราะว่าที่นี่พอผ่านเทศกาลไป ของโบราณในตลาดก็เพิ่มขึ้นมาก ในช่วงสี่วันนี้ หยางโปก็ซื้อของต่างๆ มามากถึงสามสิบกว่าชิ้น จากจำนวนที่มากกว่า ชิ้น รวมแล้วหยาโปจ่ายเงินไปทั้งหมด 530,000 หยวน แต่ราคาของแท้พวกนี้ก็จะเพิ่มขึ้นมาถึงสี่ล้านห้าล้านหยวนเต็มๆ !


วันที่หกหลังวันตรุษจีน หยางโปนัดกับจิ่งซ่าวหัวเอาไว้ เขาก็ไปเยี่ยมชมที่บริษัทเว็บเถาฮว่ารอบนึง


เว็บเถาฮว่าก่อตั้งมาไม่นาน พนักงานก็ไม่มาก ตอนที่หยางโปมาถึง พนักงานยังไม่เริ่มงาน ภายในบริษัทก็ไม่มีคนอื่นอีก หยางโปมองเห็นระบบการทำงานหลังบ้าน เห็นแผนการพัฒนาหลังจากปีใหม่ของเว็บเถา


ฮว่าของจิ่งซ่าวหัว


 


เยี่ยมชมไปรอบนึงแล้วหยางโปก็ไม่ได้พอใจมากนัก เพราะว่าเขารู้สึกว่าแผนการของอีกฝ่ายหละหลวมจนเกินไป มีเป้าหมายแล้วก็มีจำนวนที่เจาะจง แต่ไม่รู้ว่าเว็บเถาฮว่าจะมีกำลังทำได้รึเปล่า


” ผู้จัดการจิ่ง เอาแบบนี้แล้วกัน พวกเรามาเซ็นสัญญาความร่วมมือกัน ! ” หยางโปกล่าว


” สัญญาความร่วมมือ ? ” จิ่งซ่าวหัวประหลาดใจ เดิมทีเขาเห็นว่าหยางโปยังเด็ก คิดว่าจะหลอกได้ง่ายสักหน่อย ไม่ได้คิดเลยว่าตอนที่เขาคิดจะต่อรองเรื่องหุ้นส่วนนั้น หยางโปจะพูดถึงเรื่องสัญญาความร่วมมือ !


หยางโปพยักหน้า ” เป็นสัญญาความร่วมมือ ผมมองว่าธุรกิจนี้เติบโตได้ดีมาก แต่ผมไม่แน่ใจว่าเว็บเถาฮว่าจะมีกำลังทำได้เพียงพอรึเปล่า ดังนั้นจึงจำเป็นต้องจับตาดูสักพัก แต่ก่อนหน้านั้น ผมสามารถให้เงินทุนส่วนหนึ่งก่อนได้ “


” ถ้าได้ถึงเวลาแล้วยังไม่ถึงความต้องการของคุณ พวกเราจะต้องคืนเงินทุนให้คุณใช่ไหม ? ” จิ่งซ่าวหัวมองมา


 


หยางโปพยักหน้า ” ถูกต้อง ! “


จิ่งซ่าวหัวลังเลเล็กน้อย เขาเงยหน้ามองหยางโป ” คุณลงทุนได้เท่าไหร่ ? “


” หนึ่งล้านหยวน ” หยางโปกล่าว


จิ่งซ่าวหัวลังเลขึ้นมา จากที่เขาคาดหวังเอาไว้ ครั้งนี้อย่างน้อยก็ต้องเพิ่มทุนสักสองล้านหยวน นี่จะขยายการจัดการของบริษัทไประดับขั้นต่อไปได้ เงินทุนหนึ่งล้านหยวนนั้นน้อยไปสักหน่อย


หยางโปมองเวลา ” คุณคิดดูก่อนก็ได้ แล้วค่อยมาตอบผมทีหลัง “


” ครับ วันนี้รบกวนคุณหยางแล้วจริงๆ ” จิ่งซ่าวหัวกล่าว


หยางโปไม่ได้พูดอะไรมากแล้วก็ลุกขึ้นยืนเดินจากไป เพราะว่าเขาเข้าใจดี จิ่งซ่าวหัวก็ต้องการเวลาใคร่ครวญ ต้องการเวลาไปหาแหล่งทุนอื่นแล้วเปรียบเทียบกัน การลงทุนก็เป็นแบบนี้


 


เขาเร่งรีบกลับไป เมื่อเดินมาถึงหน้าประตู หยางโปก็มองเห็นชุยอี้ผิงกับชุยอี้ฝานสองพี่น้องมายืนรออยู่หน้าบ้านแล้ว


หยางโปรีบกล่าวว่า ” ต้องขอโทษจริงๆ นะ ไปเจรจาธุระมานิดหน่อย ทำให้พวกนายต้องรอนานแล้ว ! “


” พี่น้องกัน เกรงใจอะไรขนาดนี้ ! ” ชุยอี้ผิงหัวเราะ


หยางโปเปิดประตู ชุยอี้ผิงถือวิสาสะเดินตามเข้าไปด้านใน พุ่งตรงไปต้มน้ำร้อนชงชาด้วยตัวเอง


หยางโปไม่ได้ห้าม เขาจำต้องนั่งคุยกับชุยอี้ฟาน


คุยเรื่องสถานการณ์ของตำบลเค่อเล่อแล้ว ชุยอี้ฟานก็โมโหมาก ” พื้นที่เขตตะวันตกเฉียงใต้เศรษฐกิจล้าหลังมาก ทั้งเมืองแทบจะไม่มีกิจการอะไร พอจะนับอุตสาหกรรมได้แค่โรงสีข้าวที่หนึ่ง โรงงานกลั่นเมล็ดน้ำมันที่หนึ่ง โรงงานพวกนี้มีอยู่ทุกที่ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป หน่วยงานรัฐระดับย่อยก็จะไม่มีแหล่งภาษีเลย ! “


ตอนที่ 292 บอกลา


หยางโปรั้งอยู่ทางนั้นสองวันย่อมต้องรู้เรื่องราว พื้นที่เขตตะวันตกเฉียงใต้เศรษฐกิจล้าหลัง คำพูดของชุยอี้ฝานเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ” เศรษฐกิจล้าหลัง ปัญหามากมายก็ยากที่จะแก้ไข เศรษฐกิจเป็นรากฐาน พูดได้ถูกต้องแล้ว ! “


ชุยอี้ฝานก็พยักหน้าแล้วถอนหายใจ ” เป็นแบบนี้จริงๆ ! “


” ถ้าหากทำการเลียนแบบกลิ่นอายของแคว้นเย่หลางล่ะ ? ถ้าสร้างกลิ่นอายชนเผ่าของชนกลุ่มน้อย ก็นับเป็นจุดสนใจที่ดีมากอันหนึ่งนะ ” หยางโปพลันเอ่ยเสนอ


ชุยอี้ฝานส่ายหน้า ” ฉันก็คิดถึงเรื่องนี้แล้ว แต่ว่าการท่องเที่ยวแบบชนกลุ่มน้อยนั้นมีที่ดังๆ เยอะมากแล้ว พื้นที่จำนวนมากก็ก้าวนำไปก่อนแล้ว แถมยังมีชื่อเสียงมาก ทางพวกเราก็ไม่มีทรัพยากร ถึงขนาดถนนหนทางยังทำได้ไม่ต่อเนื่อง เมื่อเป็นแบบนี้ถ้าอยากจะพัฒนาอย่างจริงจัง ก็ยากลำบากมากจริงๆ ! “


 


หยางโปส่ายหน้าไม่พูดจา เขาก็รู้ว่าในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐท้องถิ่น ถึงแม้จะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐระดับล่างที่สุดของประเทศ ชุยอี้ฝานก็เผชิญกับแรงกดดันใหญ่หลวง โดยเฉพาะตอนนี้ที่เขายังเด็กขนาดนี้ ย่อมต้องอยากทำผลงานใหญ่สักอย่าง แต่ว่าผลงานใหญ่นั้นยาก ลำบากมากเกินไป !


” คิดให้เยอะ คิดหาวิธีให้มาก วิธียากก็ลำบากกว่าอยู่แล้ว ทัศนียภาพในแถบทางตะวันตกเฉียงใต้ดีขนาดนี้ จะต้องพัฒนาขึ้นมาได้แน่ ! “


ชุยอี้ฝานหัวเราะขึ้นมา ” ใช่แล้ว วิธียากก็ลำบากกว่าอยู่แล้ว นายรู้ไหม หลังจากที่กลุ่มของพวกนายกลับไป พวกเราจู่ๆ ก็ได้ต้อนรับคนญี่ปุ่นอีกกลุ่มหนึ่ง พวกเขามาท่องเที่ยวจริงๆ กลุ่มหนึ่งมีทั้งผู้ชายผู้หญิง มาเที่ยวทางนั้นของพวกเรารอบหนึ่ง ร้องว่าวิวสวยจริงๆ ! นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ฉันอยากจะสร้างธุรกิจการท่องเที่ยวขึ้นมา… “


 


” คนญี่ปุ่น ? ” หยางโปประหลาดใจมาก เอ่ยขัดชุยอี้ฝาน


” ใช่แล้ว เป็นคนญี่ปุ่น ” ชุยอี้ฝานตื่นเต้นเล็กน้อย ” ฉันคิดถึงปัญหานี้ หมู่บ้านดั้งเดิมของพวกเราทางนั้นยังรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี นักท่องเที่ยวภายในประเทศอาจจะไม่อยากไป แต่นักท่องเที่ยวนอกประเทศก็อาจจะมีคนมาเยอะมากก็ได้ ! “


” นายโม้แล้วมั้ง ที่รกร้างทางนั้นของพวกนาย ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ ขับรถก็ไม่สะดวก นอกจากคนโง่ที่เหมือนกับคนญี่ปุ่นพวกนั้นแล้ว ยังจะมีใครไปอีก ? ” ชุยอี้ผิงยกน้ำชามาเสิร์ฟ แล้วก็เอ่ยเยาะ


” เฮ้ย ว่าไปน่า อาจจะมาจริงๆก็ได้ ! ” ชุยอี้ฝานกล่าว


” คนญี่ปุ่นไปที่ไหนบ้าง พวกเขาไปเที่ยวจริงๆ เหรอ ? ฉันมักจะรู้สึกว่าเจตนาของพวกเขาไม่บริสุทธิ์ ” หยางโปเอ่ยอย่างสงสัยเล็กน้อย


 


” ใครจะรู้ล่ะ ! ” ชุยอี้ฝานส่ายหน้ากล่าว สำหรับเขาแล้วเรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือดึงดูดนักลงทุนมาพัฒนาเศรษฐกิจ


ชุยอี้ผิงวางน้ำชาลงบนโต๊ะ ” เอาล่ะ ไม่ต้องพูดเรื่องพวกนี้แล้ว “


ชุยอี้ผิงกล่าวจบก็นั่งลงแล้วเขาก็เงยหน้ามองหยางโป ” เสี่ยวโป หลายวันนี้อยู่คนเดียวตลอดเลยเหรอ ? นายออกไปไหนมาบ้างไหม ? “


” ไปที่พานเจียหยวนมาน่ะ ” หยางโปตอบ


ชุยอี้ผิงชะงัก ” วันนี้วันที่หกแล้ว พรุ่งนี้คนส่วนมากที่ออกไปก็จะมาทำงานแล้ว เสี่ยวฝานคืนนี้ก็จะขึ้นเครื่องบินกลับไปแล้ว นายว่า นายไปกินมื้อค่ำที่บ้านเดิมกับฉันดีไหม ? “


หยางโปไม่รู้ว่าบ้านเดิมนั้นอยู่ที่ไหน แต่เขาพอจะเดาได้ว่าน่าจะเป็นบ้านคุณปู่ของชุยอี้ฝาน เขาบ่ายเบี่ยงมาตลอด จึงไม่สบายใจเล็กน้อย เวลานี้เขาก็ยังคงไม่อยากไป


 


” ช่างมันเถอะครับ คืนนี้พวกเราสามคนดื่มกันสักแก้ว ! ” หยางโปเอ่ยปฏิเสธ กล่าวจบแล้วก็มองไปทางชุยอี้ฝาน ” คืนนี้ทำไมรีบกลับไปนักล่ะ ? ดื่มกันสักสองแก้วไหม ? “


” ฉันทนกลับไปเริ่มทำงานแทบไม่ไหวแล้ว พวกนายสองคนดื่มเหล้ากันไปก็พอแล้ว ” ชุยอี้ฝานกล่าว


หยางโปไม่ได้บังคับมากนัก จากนั้นก็พูดคุยกันขึ้นมา


ไม่นานเพราะว่าชุยอี้ฝานมีปัญหาเรื่องเวลา ชุยอี้ผิงเลยขับรถไปส่งเขากลับ


หยางโปปฏิเสธคำเชิญมื้อค่ำของชุยอี้ผิง ในที่สุดเขาก็ว่างแล้ว จากนั้นเขาก็คิดจะจัดเก็บข้าวของ การเก็บเกี่ยวหลายวันมานี้เขาห่อของเอาไว้เรียบร้อยแล้วจะเอามันกลับไปที่จินหลิง เมื่อเป็นแบบนี้เขาจำเป็นต้องจัดการข้าวของสักหน่อย ไม่นานก็จะเปิดร้านใหม่ได้อีกครั้ง


เมื่อคิดถึงตรงนี้ หยางโปก็อดใจรอไม่ไหวขึ้นมาแล้ว


 


ผ่านช่วงตรุษจีนไป คนก็เกียจคร้านขึ้นมา ลัวย่าวหัวโทรศัพท์มา บอกว่าเขาคิดจะกลับไปจินหลิงวันมะรืน จากนั้นก็จะไปเตรียมเรื่องเปิดกิจการที่จินหลิง


หยางโปคิดถึงทางหลิ่วมีดเดียวที่ไม่ได้ไปหานานแล้ว เขาจัดเก็บข้าวของได้ครึ่งหนึ่งแล้วก็ลงไปชั้นล่าง พาเอาอุปกรณ์เข้าไปในร้านของหลิ่วมีดเดียว


หลิ่วมีดเดียวเงยหน้ามองหยางโปราวกับมองคนแปลกหน้า เขาไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบกลับอะไร


หยางโปเห็นหลิ่วมีดเดียวไม่ได้แกะสลักอะไร เพียงแต่อ่านหนังสือภาพเล่มหนึ่ง เขาครุ่นคิดแล้วก็ไม่ได้เอ่ยปาก แต่หยิบอุปกรณ์ออกมาแล้วก็ไม้ท่อนหนึ่ง เริ่มแกะสลักตรงหน้าของหลิ่วมีดเดียว


ช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่วัน ว่ากันตามเหตุผลแล้วก็ไม่มีทางที่จะพัฒนาไปได้สักกี่มากน้อย แต่หยางโปนั้นแตกต่าง ไม่กี่วันมานี้ถึงเขาจะแกะสลักไม่มาก แต่เขากลับใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้าไม่น้อย


 


ตอนที่เขาแกะสลัก ท่อนไม้ตรงหน้าก็ดูจะประณีตขึ้น เขามองความแตกต่างได้มากขึ้น ตามด้วยเส้นสายแกะสลักภายในท่อนไม้ก็ยิ่งเรียบลื่นมากขึ้น และทำให้ตอนที่หยางโปเคลื่อนไหวมีดในมือ ราวกับช่างฝีมือมากความสามารถ ความเร็วในการกรีดเส้น การกรีดเส้นทุกครั้งล้วนมีขี้ไม้เป็นสาย


หมุน วาด สลัก ปัก ตัด การเคลื่อนไหวทุกอย่าง หยางโปใช้ได้อย่างลื่นไหล ท่วงท่าแบบนี้ดึงดูดความสนใจของหลิ่วมีดเดียวได้อย่างรวดเร็ว


จนกระทั่งรูปทรงของเจ้าหนูที่ราวกับมีชีวิตตัวหนึ่งในมือของหยางโปได้วางลงตรงหน้าของหลิ่วมีดเดียว เขาถึงได้มีปฏิกิริยากลับมา ” หลายวันนี้นายแกะสลักอยู่ตลอดเหรอ ? นายฝึกหนัก ? “


หยางโปก้มหน้าแล้วก็พยักหน้า


 


” หยางโป ไม่พูดไม่ได้นะ นายมีพรสวรรค์มาก ตอนที่พรสวรรค์กับความบากบั่นแบบนี้ประสานกันได้ นายจะต้องเป็นช่างแกะสลักที่ประสบความสำเร็จมากอย่างแน่นอน ! ” หลิ่วมีดเดียวถอนหายใจ


หยางโปรีบพยักหน้า ” อื้ม ผมจะทุ่มเทกับการแกะสลักไปตลอด ช่วงเวลานี้พิจารณาดูแล้วก็เหมือนจะอ่านหนังสือเกี่ยวกับทักษะการแกะสลักไปไม่น้อย ยังมีข้อสงสัยอีกมาก อยากจะขอคำแนะนำอาจารย์อยู่พอดี “


กล่าวจบหยางโปก็เอ่ยปัญหาหลายข้อที่เตรียมมาก่อนหน้าขึ้นมา เขาขอคำแนะนำกับหลิ่วมีดเดียวทีละข้อ


หลิ่วมีดเดียวตอบอย่างละเอียด ด้วยสีหน้าปลื้มปิติ


เนิ่นนาน หยางโปถึงได้เอ่ยถามเสร็จสิ้น หลิ่วมีดเดียวก็มองหยางโปอย่างพอใจ “หยางโป นายมีความสามารถมาก ต่อไปจะต้องเป็นคนใหญ่คนโตได้แน่ แต่นายต้องจำเอาไว้ว่าตอนนี้เทคนิคที่นายเรียนทั้งหมดล้วนเพื่อการสร้างชิ้นงานในท้ายที่สุด ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าไปอวดอ้างฝีมือ ! “


 


” หลังจากนี้นายจะต้องไปถึงระดับสูงแน่ นายก็จะเข้าใจ การที่เรียบง่ายที่สุดมักจะดีที่สุด เหมือนกับที่พวกเราให้ความสำคัญกับฮั่นแปดมีดมาตลอด ในความเป็นจริงแล้วก็เป็นวิธีการแกะสลักที่เรียบง่ายมากที่สุดอย่างหนึ่ง ถึงแม้จะดูแล้วจะคิดว่าหยาบกร้าน แต่มันก็มีพร้อมทั้งรูปและจิตวิญญาณ ! “


หยางโปรีบพยักหน้า ” ผมเข้าใจแล้ว “


หยางโปลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยังเอ่ยปากว่า ” พรุ่งนี้ผมอาจจะไปจากเมืองหลวงแล้ว “


หลิ่วมีดเดียวชะงัก มองหยางโปอย่างประหลาดใจเล็กน้อย ” นายเป็นคนที่ไหน ? “


” ผมทำธุรกิจขายของโบราณ ผมต้องกลับไปเปิดร้านที่จินหลิง ” หยางโปตอบ


หลิ่วมีดเดียวจนปัญญาเล็กน้อย ” ไปเถอะ อย่าลืมแกะสลักก็พอแล้ว “

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม