ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด 281-305

ตอนที่ 281 ไม่ได้เด็ดขาด

เหลียนอี๋เหนียงเป็นผู้ทำลายลูกสาวของตน ทำให้หลิงอวี้หรงมีชีวิตอย่างตายทั้งเป็น


 


 


ก่อนหน้านี้เหลียนอี๋เหนียงไม่ได้ลงมือทำอะไรเพราะรอโอกาสรับหลิงอวี้หรงกลับมา ตอนนี้ไม่มีโอกาสอีกแล้ว หลิงอวี้หรงของนางตายอย่างน่าอนาถเช่นนี้ นางจะต้องให้หลิงอวี้จื้อชดใช้ด้วยเลือด


 


 


ชวีเหยาอยู่ในจวนมหาเสนาบดีอย่างเป็นบุคคลที่ถูกลืมไปนานแล้ว แต่นางรู้ว่า บางครั้งชวีเหยาก็ยังมีสติดี นางไม่เชื่อว่าชวีเหยาไม่แค้นชวีซื่อ ไหนๆ นางก็เป็นคนบ้า เรื่องเหล่านี้ให้นางเป็นคนทำดีที่สุดแล้ว


 


 


ชวีเหยาพ่นขนมแป้งดอกกุ้ยในปากออกมา จากนั้นก็ยื่นมือสกปรกออกมาจับมือเหลียนอี๋เหนียง พูดพึมพำในปาก


 


 


“แก้แค้น แก้แค้น…”


 


 


“ดูท่าทางสมองเจ้าก็ยังพอมีสติอยู่ รู้ว่าใครเป็นคนทำร้ายเจ้า ชวีเหยา ตอนนี้ชวีซื่อพึ่งใบบุญลูกสาวชุบตัวกลับมามีชีวิตดีขึ้น เพียงแค่กำจัดลูกสาวปัญญาอ่อนนั่นเสีย ชวีซื่อก็จบเห่แล้ว”


 


 


เหลียนอี๋เหนียงกดเสียงต่ำพูดว่า


 


 


“ข้าจะหาโอกาสพาหลิงอวี้จื้อมาที่นี่ เจ้าจะต้องไม่ออมมือ จำไว้ให้ดีว่าแม่นางทำอะไรกับเจ้าเอาไว้ คิดถึงลูกชายที่ตายไป ข้าทำกุญแจชุดใหม่ให้เจ้าแล้ว ใครก็นึกไม่ถึงว่านังปัญญาอ่อนนั่นจะมาอยู่ที่นี่ เจ้าถือกุญแจไว้ ถึงเวลาค่อยลงกลอนประตูเสีย”


 


 


พูดจบเหลียนอี๋เหนียงก็ยัดกุญแจใส่มือชวีเหยา เห็นเช่นนี้ สมองของชวีเหยารู้ชัดดี นางเกลียดชวีซื่อขนาดนี้ หากหลิงอวี้จื้อตกอยู่ในมือของนาง ชวีซื่อจะต้องไม่ปล่อยหลิงอวี้จื้อแน่นอน ถึงตอนนั้นชวีซื่อคงได้แต่ยอมรับชะตากรรม คนบ้าคนหนึ่งฆ่าคนเป็นเรื่องปกติมาก ใครใช้ให้หลิงอวี้จื้อเคราะห์ร้ายเองล่ะ


 


 


ชวีเหยากำกุญแจแน่น แววตาแฝงความเกลียดแค้นเข้ากระดูกดำ หลายปีมานี้แกล้งบ้าเพื่อจะได้มีชีวิตต่อไป เพื่อรอโอกาสฆ่าชวีซื่อให้ตายไปเสีย เทวดาจะดีกับนางขนาดนั้นไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด


 


 


หลิงอวี้จื้อถักผ้าพันคอเสร็จแล้ว วันถัดมาเตรียมจะมอบผ้าพันคอให้เซียวเหยี่ยน แต่เพิ่งจะมาถึงถนนใหญ่ รถม้าก็หยุด คนบังคับรถม้าแง้มม่านแล้วพูดอย่างเคารพนอบน้อมว่า


 


 


“คุณหนู ท่านอู่อ๋องบอกว่าอยากพบคุณหนูขอรับ”


 


 


ทำไมถึงเจอเฉินเซี่ยวหรูที่นี่ได้นะ หลิงอวี้จื้อยื่นหน้าออกไปดู เห็นเฉินเซี่ยวหรูยืนอยู่ข้างหน้ารถม้า เขาสวมชุดคลุมสีฟ้าสดใส อบอุ่นดั่งหยก ราวกับคุณชายผู้สง่างาม


 


 


“อวี้จื้อ ข้างหน้ามีโรงน้ำชา ดื่มชาด้วยกันสักถ้วย ดีหรือไม่”


 


 


ที่จริงหลิงอวี้จื้อก็มีเรื่องจะถามเฉินเซี่ยวหรูเหมือนกัน แล้วก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรน่าถาม ตอนนี้ได้เจอกันแล้ว เรื่องบางเรื่องพูดกันให้ชัดเจนกันไปเลยก็ดีเหมือนกัน


 


 


หลิงอวี้จื้อพยักหน้า


 


 


“ได้เพคะ”


 


 


เธอเก็บผ้าพันคอเอาไว้บนรถม้า พามั่วชิงลงรถม้าไปด้วย ให้คนบังคับรถม้ารออยู่ข้างร้าน แล้วตามเฉินเซี่ยวหรูเข้าไปในโรงน้ำชาข้างๆ


 


 


เนื่องจากอากาศหนาว โรงน้ำชาแห่งนี้จึงไม่มีคน ข้างในตกแต่งอย่างโอ่อ่า ทุกมุมตกแต่งอย่างมีกลิ่นอายของผู้มีอารยะ หลิงอวี้จื้อเดินตามเฉินเซี่ยวหรูไปที่ห้องส่วนตัวชั้นสอง พอนั่งลงแล้ว เฉินเซี่ยวหรูก็สั่งชาทิกวนอิมหนึ่งกา


 


 


“เหตุใดอยู่ๆ ท่านอู่อ๋องถึงได้ชวนหม่อมฉันมาดื่มชาด้วยกันหรือเพคะ”


 


 


หลิงอวี้จื้อถามด้วยท่าทางปกติ


 


 


“อวี้จื้อ ดูเหมือนเจ้าจะเย็นชากับข้าเสียแล้ว ก่อนนี้ยังยอมรับให้ข้าเป็นเพื่อนเจ้าอยู่เลย มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือไม่”


 


 


แค่เห็นหลิงอวี้จื้อ เฉินเซี่ยวหรูก็มีความรู้สึกเช่นนี้ น้ำเสียงการพูดจาต่างจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิงเหมือนไม่รู้จักเขาอย่างไรอย่างนั้น หลายวันมานี้เขาไม่เจอหลิงอวี้จื้อเลย อยากไปหาเธอ แต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรจะไปหา

 

 

 


ตอนที่ 282 หม่อมฉันจะไม่ทำให้อาเหยี่ยนลำบากใจ

 

วันนี้มีโอกาสได้พบกันที่ถนนใหญ่ ย่อมไม่พลาดโอกาสนี้ เขาพบว่าเมื่อไม่ได้เจอหลิงอวี้จื้อ ก็รู้สึกคิดถึงเธอขึ้นมาจริงๆ


 


 


เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเขา แต่เขาควบคุมไม่ได้


 


 


ใจหลิงอวี้จื้อมีความสงสัยอยู่แล้ว ในเมื่อบังเอิญเจอกันแล้ว เธอก็ไม่อยากเล่นเกมทายปริศนา ถามไปตามตรง


 


 


“ไป๋อู่เป็นคนของท่านอ๋องหรือไม่”


 


 


ตอนแรกนึกว่าเฉินเซี่ยวหรูจะไม่ยอมรับ ใครจะไปรู้ว่าเฉินเซี่ยวหรูจะยอมรับอย่างตรงไปตรงมา


 


 


“ใช่”


 


 


“ท่านเป็นคนสั่งให้ไป๋อู่ฆ่าพระชายาซีหนานอ๋องใช่หรือไม่”


 


 


“ใช่ ข้าเอง”


 


 


“ท่าน…”


 


 


พอเฉินเซี่ยวหรูยอมรับตรงๆ เช่นนี้ เธอก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก


 


 


อันที่จริงเฉินเซี่ยวหรูก็ไม่อยากยอมรับเรื่องเหล่านี้ แต่หลิงอวี้จื้อรู้แล้ว ถึงปฏิเสธไปอย่างไร เธอก็ไม่เชื่อ สู้บอกเธออย่างเปิดเผยไปเลยดีกว่า


 


 


“ข้าแค่อยากแก้แค้นแทนมารดา อวี้จื้อ มารดาข้าตายด้วยน้ำมือของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เรื่องนี้ข้าไม่สามารถทำเป็นช่างมันไม่ได้ มิเช่นนั้นคงเสียทีที่เกิดมาเป็นลูก เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างข้ากับท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”


 


 


“หม่อมฉันเป็นว่าที่ภรรยาของอาเหยี่ยน เรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับหม่อมฉันได้อย่างไร ท่านจะแก้แค้นไม่ใช่เรื่องผิด แต่ข้าต้องยืนอยู่ข้างอาเหยี่ยนแน่นอน ท่านอู๋อ๋อง ต่อไปเราคงไม่สามารถเป็นเพื่อนกันได้แล้ว หม่อมฉันจะไม่ทำให้อาเหยี่ยนลำบากใจ”


 


 


หลิงอวี้จื้อพูดอย่างจริงจัง


 


 


ในเมื่อพวกเขาถูกกำหนดมาให้เป็นคู่แค้นกัน เช่นนั้นตนเองก็ต้องยืนอยู่ฝั่งเซียวเหยี่ยน ถึงแม้เฉินเซี่ยวหรูจะหน้าตาคล้ายซ่งเฉิงมาก แต่เธอก็ไม่สามารถทำตัวเป็นนกสองหัวเพราะเหตุนี้ได้


 


 


ถ่ายละครย้อนยุคมาตั้งหลายเรื่อง การต่อสู้ทางการเมืองโหดร้ายเพียงใด เธอรู้ดียิ่ง ก่อนหน้านี้เธอหลงคิดว่าเฉินเซี่ยวหรูเป็นคนที่ไม่แยแสเรื่องลาภยศชื่อเสียง แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเธอคิดผิด ในเมื่อเฉินเซี่ยวหรูคิดเป็นปฏิปักษ์กับเซียวเหยี่ยน เช่นนั้นคงไม่ใช่แค่แก้แค้นแทนมารดา แต่ยังทำเพื่อชิงบัลลังก์ฮ่องเต้


 


 


เห็นได้ชัดว่าเฉินเซี่ยวหรูนึกไม่ถึงว่าหลิงอวี้จื้อจะช่วยเซียวเหยี่ยนขนาดนี้ สองสามเดือนก่อนหลิงอวี้จื้อยังเคยสารภาพรักกับเขา ต่อหน้าเขาเธอเป็นมิตรอย่างยิ่ง แต่ไม่นานก็กระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของเซียวเหยี่ยน ยืนอยู่บนทางสายเดียวกันกับเซียวเหยี่ยน


 


 


คิดถึงเรื่องเหล่านี้ ในใจเฉินเซี่ยวหรูก็ผิดหวังมาก เขาคิดว่าตนเองสามารถควบคุมหลิงอวี้จื้อได้ นึกไม่ถึงว่าสุดท้ายคนที่ควบคุมเธอได้อยู่หมัดคือเซียวเหยี่ยน


 


 


เขาเพียรพยายามร่นระยะห่างระหว่างตนกับหลิงอวี้จื้อ แต่เซียวเหยี่ยนกลับทำให้หลิงอวี้จื้อมีความคิดไม่ลงรอยกับเขาได้อย่างง่ายดาย


 


 


“อวี้จื้อ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นว่าที่สามีเจ้า เจ้าช่วยเขาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ข้าก็ไม่อยากทำให้เจ้าลำบากใจ ดังนั้นจึงไม่ได้บอกเรื่องพวกนี้ให้เจ้ารู้


 


 


ข้าไม่ใช่คนดีอะไรจริงๆ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ก็เช่นกัน ท่านอ๋องชอบเจ้า แต่ก็ไม่สามารถทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเจ้า ข้าไม่อยากให้เจ้าถลำลึกเกินไป จะได้ไม่ต้องปวดใจมากนักในภายหลัง”


 


 


สิ้นเสียงพูดของเฉินเซี่ยวหรู เสี่ยวเอ้อร์ก็ยกชาทิกวนอิมเข้ามา เฉินเซี่ยวหรูรินชาให้หลิงอวี้จื้อเอง


 


 


“ความรักต้องใช้เวลาถึงจะลึกซึ้ง ตอนนี้ยังไม่เป็นทุกอย่าง ต่อไปก็ค่อยๆ เป็นไปเอง มีใครที่ไหนกินข้าวคำเดียวก็กลายเป็นคนอ้วนกันเพคะ ท่านอู๋อ๋องไม่ต้องเสียแรงเป็นห่วง เรื่องนี้หม่อมฉันรู้อยู่แก่ใจ”


 


 


“ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้าต้องเดือดร้อน เจ้าเป็นหญิงสาวที่ดี ควรค่าแก่การได้รับความรักแบบรักเดียวใจเดียว อวี้จื้อ เจ้าคงไม่รู้ว่าเหตุใดท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ถึงต้องช่วยให้ฮ่องเต้ได้ครองบัลลังก์


 


 


“เรื่องนี้เขาคงไม่เคยพูดถึงมาก่อน และเขาก็คงไม่บอกเจ้า


 


 


“ฮ่องเต้องค์ก่อนเสด็จสวรรคตอย่างกะทันหัน บัลลังก์ฮ่องเต้ก็ยังไม่ได้กำหนด ตามหลักการแล้วองค์ชายที่เป็นผู้ใหญ่ควรได้สืบทอดตำแหน่งฮ่องเต้ แต่เซียวเหยี่ยนสวนกระแสให้ฮ่องเต้เสด็จครองบัลลังก์ นอกจากจะควบคุมฮ่องเต้ได้สะดวกแล้ว ก็ทำให้ตนเองได้ผูกขาดอำนาจ ไทเฮาเองก็เป็นเหตุผลสำคัญในเรื่องนี้”

 

 

 


ตอนที่ 283 หม่อมฉันเชื่อคำที่เขาพูดเท่านั้น

 

“เย็นวันนั้น ไทเฮาเป็นฝ่ายไปที่พระตำหนักอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เช้าตรู่วันถัดไปถึงได้ออกจากพระตำหนักอ๋อง


 


 


จากนั้นสองสามวัน เซียวเหยี่ยนก็เคยไปค้างอยู่ที่วังฉางเล่อ เรื่องเหล่านี้เจ้าลองไปสืบถามดูก็รู้


 


 


เซียวเหยี่ยนเคยรักไทเฮามาหลายปี ไทเฮาอยู่ในวังหลังไม่ได้เป็นที่โปรดปราน แต่เพียรเข้าหาเซียวเหยี่ยนผู้มีอำนาจ พอเจ้าปรากฏตัว เซียวเหยี่ยนก็เปลี่ยนใจไปหาเจ้า แตกหักกับไทเฮาโดยไม่เสียดาย หากไม่ใช่เพราะไทเฮากับเซียวเหยี่ยนเคยมีความสัมพันธ์อะไรกัน ไทเฮาคงไม่เกลียดเจ้าขนาดนี้”


 


 


หลิงอวี้จื้อจำที่เซียวเหยี่ยนเคยบอกได้ ว่าเขาเลิกรักมู่หรงกวานเย่ว์ตั้งนานแล้ว ไม่มีทางที่เมื่อปีที่แล้วเขายังมีความสัมพันธ์เช่นนั้นกับมู่หรงกวานเย่ว์ เธอไม่เชื่อ


 


 


“คนที่ผูกพันกันมาสิบกว่าปียังทิ้งกันได้อย่างไร้ความปรานี หากวันหนึ่งเซียวเหยี่ยนไปชอบหญิงอื่น เขาจะทิ้งเจ้าเหมือนที่ทิ้งไทเฮาหรือไม่ อวี้จื้อ ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องเสียใจ เจ้าชอบเซียวเหยี่ยนได้ แต่ไม่ควรรักมากเกินไป มิเช่นนั้นข้าเกรงว่าเจ้าจะรับไม่ไหว”


 


 


“หม่อมฉันเชื่อคำที่เขาพูดเท่านั้น”


 


 


หลิงอวี้จื้อยังมีแก่ใจดื่มชาเสียที่ไหน เธอรู้ว่ามู่หรงกวานเย่ว์ชอบเซียวเหยี่ยน แต่เธอไม่เคยสัมผัสได้เลยแม้แต่น้อยว่าเซียวเหยี่ยนมีใจให้มู่หรงกวานเย่ว์ ดังนั้นเธอจึงเชื่อเซียวเหยี่ยน


 


 


เฉินเซี่ยวหรูยกชาขึ้นดื่มหนึ่งคำ


 


 


“ข้าอาจมีบางเรื่องที่ไม่ได้บอกเจ้า แต่ไม่เคยหลอกเจ้าเลย อวี้จื้อ ข้าไม่อยากให้เจ้าเข้ามายุ่งกับเรื่องเหล่านี้จริงๆ และข้าก็ไม่เคยคิดจะทำอะไรเจ้าด้วย”


 


 


“ท่านอ๋องพูดจบหรือยังเพคะ ถ้าพูดจบแล้วหม่อมฉันขอตัวลาก่อน ขอบพระคุณท่านอ๋องอย่างยิ่งที่หวังดี”


 


 


หลิงอวี้จื้อพูดจบก็ลุกขึ้น พยักหน้าให้เฉินเซี่ยวหรู แล้วออกไปจากห้องทานอาหารส่วนตัวอย่างเร็ว


 


 


เฉินเซี่ยวหรูมิได้รั้งหลิงอวี้จื้อไว้ ตอนนี้เห็นหลิงอวี้จื้อตั้งแง่กับเขา ในใจเขาก็ผิดหวังมาก แผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้จะมาพังทลายภายในชั่วพริบตาไม่ได้ เขาต้องทำให้หลิงอวี้จื้อไว้ใจใหม่อีกครั้ง


 


 


ในสมองหลิงอวี้จื้อสับสนยุ่งเหยิง ถึงแม้จะบอกตนเองว่าอย่าไปฟัง แต่ก็ยังฟังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เซียวเหยี่ยนไม่มีทางหลอกเธอหรอก


 


 


เธอกำผ้าพันคอไว้ ใจลอยตลอดทาง จนถึงพระตำหนักอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ถึงมีสติกลับมา


 


 


มั่วชิงเปิดม่านให้เธอ หลิงอวี้จื้อลงจากรถม้า เซียวเหยี่ยนกำลังซ้อมกระบี่อยู่ที่ป่าไผ่ข้างหลังเรือน เขาสวมชุดคลุมสีเข้ม ร่างกายกระชับแข็งแรง ทะลวงฟันไปมาอย่างเร็วอยู่ในป่าไผ่ หลิงอวี้จื้อมองอยู่ไกลๆ ได้ยินแต่เสียงไผ่เสียดสีซู่ซ่า


 


 


เมื่อเซียวเหยี่ยนเก็บกระบี่แล้ว หลิงอวี้จื้อก็ปรบมืออย่างอดใจไม่ไหว ดวงตาฉายแววหลงใหลได้ปลื้ม


 


 


“โอ้โห อาเหยี่ยน ท่านหล่อมากเลย”


 


 


เซียวเหยี่ยนเดินไปตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ คำชมของหลิงอวี้จื้อได้ผลมาก ทำให้ใบหน้าเขามีรอยยิ้มจางๆ


 


 


“เจ้ามาแล้วหรือ”


 


 


“อื้ม ข้าถักผ้าพันคอมา ท่านลองดูสิ”


 


 


หลิงอวี้จื้อพูดเสร็จก็เอาผ้าพันคอมาพันบนคอของเซียวเหยี่ยน แล้วพยักหน้าอย่างพอใจ


 


 


“ไม่เลว อุ่นหรือไม่เพคะ”


 


 


“เจ้าถักเองหรือ”


 


 


หลิงอวี้จื้อพยักหน้าอย่างแรง


 


 


“ใช่แล้ว มีรางวัลให้ไหม”


 


 


เซียวเหยี่ยนเชยคางหลังอวี้จื้อขึ้น จูบที่ริมฝีปากของเธอ


 


 


“ของสิ่งนี้ดีมาก เจ้าเป็นคนคิดคำว่าผ้าพันคอหรือ”


 


 


“ก็คงใช่แหละเพคะ!”


 


 


ถ้าจะให้อธิบายคงยาว หลิงอวี้จื้อจึงยอมรับไปง่ายๆ ในยุคนี้ยังไม่มีเส้นเชือกสีสดใสสักเท่าไหร่ ดังนั้นเธอจึงเลือกเส้นเชือกสีเทา พอถักออกมาแล้วก็เข้ากับบุคลิกของเซียวเหยี่ยนมากทีเดียว


 


 


เซียวเหยี่ยนจูงมือหลิงอวี้จื้อ เตรียมพาเธอไปเดินเล่นในป่าไผ่ คำพูดของเฉินเซี่ยวหรูผุดขึ้นมาในความคิดของหลิงอวี้จื้อเป็นระยะๆ เธอทนแล้วทนอีก แต่ก็ทนไม่ไหว ถามว่า


 


 


“อาเหยี่ยน เหตุใดท่านถึงช่วยหนุนให้ฮ่องเต้ได้ครองบัลลังก์ล่ะ”

 

 

 


ตอนที่ 284 ถ้าข้าคิดถึงท่านแล้วจะทำอย่างไร

 

“ถึงแม้ฮ่องเต้จะทรงยังเยาว์ แต่คุณสมบัติไม่เลว อบรมบ่มเพาะให้ดีๆ ต่อไปก็จะสามารถเป็นประมุขที่ดีของปวงชนได้”


 


 


“นอกจากนี้ยังมีเหตุผลอื่นหรือไม่”


 


 


“อวี้จื้อ เจ้าอยากถามอะไร”


 


 


เซียวเหยี่ยนสัมผัสได้ว่าคำพูดของหลิงอวี้จื้อมีความนัย ดูเหมือนยังอยากถามอะไรสักอย่าง


 


 


หลิงอวี้จื้อเริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วน ดึงมือเซียวเหยี่ยนไว้


 


 


“ตอนนั้นไทเฮาไม่ได้มาหาท่านเพื่อให้ช่วยหรือ”


 


 


“มาสิ”


 


 


“นางใช้เงื่อนไขอะไรที่ทำให้ท่านมาช่วยเหลือนางหรือไม่”


 


 


“เป็นเช่นนั้นจริง จะช่วยใครสักคนก็ต้องมีของแลกเปลี่ยน ไทเฮาก็ไม่เว้น”


 


 


หลิงอวี้จื้อไม่มีแก่ใจจะถามต่อไปแล้ว พูดเช่นนี้แสดงว่าไทเฮายอมขายตัวเองแลกกับการสนับสนุนของเซียวเหยี่ยน ในเมื่อมู่หรงกวานเย่ว์เป็นคนที่เซียวเหยี่ยนเคยชอบ ถ้าหากนางเสนอตัวร่วมหอกัน ตอนนั้นเซียวเหยี่ยนเองก็ไม่ได้มีคนที่ชอบอยู่ การยอมรับข้อเสนอก็เป็นเรื่องปกติ


 


 


หลิงอวี้จื้อหาเหตุผลมาปลอบใจตนเองไม่หยุด เข้าใจเหตุผลดี แต่ก็ยังไม่สบายใจ ไม่ควรรับรู้เรื่องพวกนี้ รู้แล้วก็ไม่มีวิธีควบคุมตนเองไม่ให้คิดมากด้วย


 


 


เห็นหลิงอวี้จื้อก้มหน้าก้มตา เซียวเหยี่ยนก็ลูบหัวเธอ


 


 


“คิดอะไรอีกแล้ว”


 


 


“ไม่มีอะไรเพคะ ไทเฮารักลูกตนเองจริงๆ เพื่อลูกชายถึงกับทุ่มสุดตัว”


 


 


“เจ้าไปฟังอะไรมาอีกใช่หรือไม่ ข้ากับไทเฮาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันนานแล้ว เรื่องตอนเด็กๆ ก็ผ่านไปนานมากแล้ว เจ้าคงไม่ได้คิดมากเรื่องนี้อีกกระมัง!”


 


 


“จะเป็นไปได้อย่างไร อดีตข้าก็มีคนที่ชอบ”


 


 


หลิงอวี้จื้อปากแข็ง พูดเสียงสูง ที่ผ่านมาเธอเคยชอบคนสองคน แต่ไม่ได้พัฒนาถึงขั้นหลับนอนด้วยกัน บริสุทธิ์จนไม่รู้จะบริสุทธิ์อย่างไรแล้ว


 


 


“ต่อไปไม่อนุญาตให้พูดถึงซ่งเฉิงอีก”


 


 


เซียวเหยี่ยนเตือนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด


 


 


“เช่นนั้นท่านก็ห้ามพูดถึงไทเฮาอีก”


 


 


เซียวเหยี่ยนลูบจมูกหลิงอวี้จื้อ


 


 


“ข้าก็ไม่เคยคิดว่าจะพูดถึงเรื่องนี้ต่อหน้าเจ้า ต่อไปพวกเราต่างก็ไม่ต้องพูดถึง”


 


 


“ต่อไปท่านจะไปชอบคนอื่นหรือไม่”


 


 


“ไม่”


 


 


เซียวเหยี่ยนไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมาตอบคำถามของหลิงอวี้จื้อคำถามนี้


 


 


“ต่อไปมันอีกตั้งนาน ท่านรู้ได้อย่างไร”


 


 


หลิงอวี้จื้อหยุดเดิน เงยหน้าขึ้นถาม


 


 


“ไม่มีอะไรที่อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไม่รู้”


 


 


นี่เป็นครั้งแรกที่เขาทุ่มเทขนาดนี้เพื่อผู้หญิง เมื่อมีหลิงอวี้จื้อแล้ว ต่อไปเขาก็มั่นใจว่าจะไม่หวั่นไหวไปชอบหญิงอื่นอีก เพราะเขาไม่เหลือใจให้ใครอีกแล้ว


 


 


หลิงอวี้จื้ออยากจะกลอกตาใส่เซียวเหยี่ยน คนอะไรหลงตัวเองขนาดนี้ ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ คำที่น่าฟังใครก็ชอบฟัง เธอเองก็ไม่เว้น


 


 


เซียวเหยี่ยนยกมือหลิงอวี้จื้อขึ้นมา สำรวจอย่างระมัดระวัง ถามว่า


 


 


“ยังเจ็บมือหรือไม่”


 


 


“ไม่เจ็บแล้ว ดีขึ้นเยอะแล้วเพคะ ตอนข้าถักผ้าพันคอใช้มืออีกข้างเป็นหลัก มือนี้ไม่ได้ขยับมากนัก เป่าให้หน่อยสิเพคะ”


 


 


หลิงอวี้จื้อยื่นมือไปข้างหน้าเซียวเหยี่ยนเหมือนเด็กๆ เซียวเหยี่ยนร่วมมืออย่างดี เป่ามือให้หลิงอวี้จื้ออีกครั้ง ทำเอาหลิงอวี้จื้อหัวเราะลั่นออกมา


 


 


พอหัวเราะเสร็จแล้ว ความรู้สึกหงุดหงิดในใจทั้งหลายก็หายไปเกือบหมด เรื่องอดีตเหล่านั้น ไม่ต้องไปคิดถึงแล้ว รังแต่จะทำให้ตนเองกังวลใจเสียเปล่าๆ เวลาไม่ไหลย้อนกลับ คิดไปก็เสียเปล่า อย่างน้อยเขากับมู่หรงกวานเย่ว์ก็ตัดขาดกันอย่างสมบูรณ์แล้ว ไม่ได้ติดต่อพูดคุยกันอีกเลย


 


 


“อวี้จื้อ อีกสองวันข้าจะออกไปนอกเมืองสักหน่อย คงจะกลับมาทันก่อนวันตรุษจีน”


 


 


“จากตอนนี้ถึงตรุษจีนก็ตั้งหนึ่งเดือน ท่านต้องไปนานขนาดนั้นเชียว”


 


 


“เสร็จงานก็กลับแล้ว”


 


 


เซียวเหยี่ยนพูดอย่างอ่อนโยน


 


 


หลิงอวี้จื้อยื่นมือออกไปโอบเอวเซียวเหยี่ยน


 


 


“ถ้าข้าคิดถึงท่านแล้วจะทำอย่างไร ท่านพาข้าไปด้วยดีกว่า!”


 


 


“เชื่อข้า รอข้ากลับมา”


 


 


เซียวเหยี่ยนกอดหลิงอวี้จื้อแน่น พูดข้างหูเธอแผ่วเบา ลมหายใจอุ่นๆ ทำให้หลิงอวี้จื้อรู้สึกจั๊กจี้ เธอหลบเข้าไปในอ้อมกอดของเซียวเหยี่ยน


 


 


“ท่านกลับมาเร็วๆ นะ เดินทางระวังตัวด้วยนะเพคะ”

 

 

 


ตอนที่ 285 ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกเขิน

 

เซียวเหยี่ยนก็อยากพาหลิงอวี้จื้อไปทำงานด้วย แต่เรื่องนี้อันตรายเกินไป เขาไม่อยากให้หลิงอวี้จื้อรู้ว่าเขาไปทำอะไร และพาเธอไปด้วยไม่ได้ ได้แต่รีบจัดการเรื่องให้เสร็จด้วยตนเองแล้วรีบกลับมา


 


 


หลิงอวี้จื้อทานอาหารเย็นที่พระตำหนักของอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เสร็จแล้วจึงกลับจวน เซียวเหยี่ยนไม่วางใจ ต้องไปส่งเธอกลับด้วยตัวเองให้ได้


 


 


หลิงอวี้จื้ออยู่ในอ้อมแขนของเซียวเหยี่ยนตลอดทาง เธออยากแต่งงานกับเซียวเหยี่ยนเร็วๆ แล้ว กลางคืนอยากนอนหลับในอ้อมแขนของเซียวเหยี่ยน อุ๊ย ฉากหลังจากนั้นคิดต่อไม่ได้แล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเขิน


 


 


เห็นหลิงอวี้จื้ออยู่ดีๆ ก็แก้มแดงขึ้นมา รอยยิ้มก็ปรากฏอยู่ในดวงตาของเซียวเหยี่ยน เขาพูดเสียงต่ำและแหบพร่า


 


 


“อวี้จื้อ เจ้าร้อนหรือไม่”


 


 


“ข้า…ข้าร้อนนิดหน่อยเพคะ”


 


 


“เจ้ากำลังคิดอะไรกันแน่”


 


 


มือที่ค่อนข้างเย็นของเซียวเหยี่ยน จับหน้าของหลิงอวี้จื้อ หลิงอวี้จื้อไม่กล้ามองหน้าเซียวเหยี่ยนเลย ได้แต่รู้สึกเขินอายมาก น่าอายจริงๆ อยู่ต่อหน้าเซียวเหยี่ยนแท้ๆ


 


 


“ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย”


 


 


เซียวเหยี่ยนอดใจไม่ไหวก้มลงจูบริมฝีปากหลิงอวี้จื้อ เธอพบว่าเซียวเหยี่ยนชอบจูบเธอมาก เหมือนจูบอย่างไรก็ไม่พอ เขามีลักษณะราวกับนักพรต แต่ความจริงแล้วคนละเรื่อง ต่อไปเป็นสามีภรรยากันแล้วไม่รู้ว่าจะขออะไรมากไปหรือเปล่า ถึงตอนนั้นยังไม่รู้ว่าร่างเล็กๆ ของเธอจะรับมือไหวหรือไม่


 


 


ตายแล้ว ตัวเองคิดชั่วอีกแล้ว


 


 


“อวี้จื้อ ก่อนวันตรุษจีน ข้าจะต้องกลับมาแน่นอน ถึงตอนนั้นเราจะอยู่ข้ามคืนด้วยกัน ดีหรือไม่”


 


 


“ข้าจะรอท่าน”


 


 


หลิงอวี้จื้อกอดเซียวเหยี่ยนแน่น เอาหน้าซุกอ้อมแขนเซียวเหยี่ยน ต้องทำให้เธออบอุ่นไว้ เธอไม่อยากให้เซียวเหยี่ยนเห็นว่าเธอหูแดงหน้าแดงไปหมดแล้ว


 


 


เซียวเหยี่ยนจูบหน้าผากหลิงอวี้จื้อแล้วจึงปล่อยให้หลิงอวี้จื้อกลับไป หลิงอวี้จื้อโบกมือให้เซียวเหยี่ยน สาวเท้าวิ่งอย่างเร็ว


 


 


เห็นหลิงอวี้จื้อวิ่งเร็วขนาดนี้ เซียวเหยี่ยนก็อารมณ์ดีอย่างยิ่ง อดหัวเราะไม่ได้ แม่สาวน้อยคนนี้บางครั้งก็ตลกดี ปฏิกิริยาเมื่อครู่ตลกมาก


 


 


หลิงอวี้จื้อกลับมาที่ห้อง นอนเหยียดบนเตียง ซุกหน้าเข้าไปในผ้าห่ม ตนเองทนไม่ไหวหัวเราะออกมา เดี๋ยวจะไม่ได้เจอเซียวเหยี่ยนหนึ่งเดือน แต่ละวันช่างน่าเบื่อจริงๆ


 


 


หลิงอวี้จื้อนอนเล่นในผ้าห่มสักครู่ หรูเยียนก็ยกซุปรังนกพุทราแดงหนึ่งถ้วยเข้ามา เธอชอบกินของหวาน เธอชอบดื่มซุปของหวานหนึ่งถ้วยทั้งกลางวันและตอนเย็น นี่เป็นรายการผลิตภัณฑ์ความงามของเธอ


 


 


หลิงอวี้จื้อออกมาจากผ้าห่มแล้วดื่มซุปรังนกพุทราแดง เมื่อไม่เห็นมั่วชิง จึงถามไปตามเรื่อง


 


 


“มั่วชิงล่ะ”


 


 


“ชิวจวี๋ได้ยินว่ามั่วชิงรู้เรื่องการรักษาโรค จึงสนใจอย่างยิ่ง กำลังตามตื๊อให้มั่วชิงสอนนางอยู่เจ้าค่ะ”


 


 


หลิงอวี้จื้อไม่ได้ถามอะไรอีก ไม่นานก็ดื่มซุปรังนกพุทราแดงหมด หรูเยียนยกถ้วยออกไปแล้ว หลิงอวี้จื้อก็หยิบหนังสือเล่มหนึ่งมา เตรียมตัวจะอ่านแล้วค่อยนอน หรูเยียนเดินนำสาวใช้ตัวน้อยคนหนึ่งเข้ามา สาวใช้คนนี้อยู่ในเรือนของลู่ชิงชิง หลิงอวี้จื้อเคยเจอ จึงจำได้รางๆ


 


 


“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ ลู่อี๋เหนียงเรียนเชิญท่านไปพบสักหน่อยเจ้าค่ะ”


 


 


สาวใช้พูดอย่างเคารพนอบน้อม


 


 


“เหตุใดวันนี้เจ้าจึงมาเชิญข้า ชิวเอ๋อร์ล่ะ”


 


 


“พี่ชิวเอ๋อร์มีธุระ ลู่อี๋เหนียงจึงให้บ่าวมาเจ้าค่ะ”


 


 


หลิงอวี้จื้อพยักหน้า


 


 


“เข้าใจแล้ว อีกประเดี๋ยวข้าไป เจ้ากลับไปก่อนเถิด!”


 


 


“ลู่อี๋เหนียงยังรอคุณหนูใหญ่อยู่ ตั้งตารอให้คุณหนูรีบไปสักหน่อยเจ้าค่ะ”


 


 


ฝากประโยคนี้ไว้แล้ว สาวใช้ก็ถอยออกไป


 


 


หลิงอวี้จื้อกลัวว่าลู่ชิงชิงเกิดเรื่องอะไร ออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว เดินไปทางเรือนของลู่ชิงชิง เรือนของลู่ชิงชิงก็อยู่ไม่ไกลจากเรือนของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้พาหรูเยียนไปด้วย เดินไปตามลำพัง


 


 


เดินไปถึงครึ่งทาง หลิงอวี้จื้อก็หยุดเดิน สะบัดหน้าอย่างแรง นี่มันผิดปกติ เหตุใดอยู่ๆ ถึงได้เวียนหัวเช่นนี้

 

 

 


ตอนที่ 286 เอาความแค้นมาลงกับข้าไม่ถูกต้อง

 

ข้างๆ มีต้นไม้ เธอกลัวตัวเองจะล้มจึงรีบยื่นมือออกไปประคองตนเองไว้กับต้นไม้ข้างๆ ตอนแรกคิดว่าพักแบบนี้สักครู่ก็คงดีขึ้นหน่อย ผลคือยิ่งเวียนหัวขึ้นเรื่อยๆ


 


 


ขณะที่กำลังมึนงง เธอได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง แถมยังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เพียงแต่เธอไม่มีแรงจะหันไปดู ภาพข้างหน้าดำมืด ล้มลงไปกับพื้น


 


 


ตอนที่ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง หลิงอวี้จื้อพบว่าตนเองถูกมัดมือมัดเท้า เธอสะบัดแขนไปมาแต่เชือกที่มัดไว้แน่นมาก ขยับไม่ได้เลย


 


 


ในห้องที่เธออยู่มีตะเกียงน้ำมันจุดไว้สลัวๆ จากแสงไฟตะเกียง เธอมองไปรอบทิศ นี่เป็นห้องที่ทรุดโทรมมาก ทุกที่บนพื้นมีแต่ฝุ่น ของกองทับถมกันระเกะระกะ


 


 


ใยแมงมุมเกาะเกี่ยวบนคาน ทั้งห้องเละเทะไปหมด เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครมาทำความสะอาดที่นี่เป็นระยะเวลานานแล้ว ทำให้ห้องมีกลิ่นเหม็นอับ


 


 


ที่นี่คือที่ไหนกันแน่ ในจวนมหาเสนาบดีคงไม่มีสถานที่แบบนี้ เธอสลบไปแล้วต้องมีคนมาเอาตัวไปแน่ หรือว่าถูกคนลักพาตัวออกไปจากจวนแล้ว


 


 


ก่อนหน้านี้เธอยังดีๆ อยู่เลย เมื่อทานข้าวเย็นที่พระตำหนักอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เสร็จแล้ว ตอนค่ำเธอก็กินซุปรังนกพุทราแดงไปหนึ่งด้วย


 


 


หรือว่ามีคนวางยาพิษในนี้ หรูเยียนไม่มีทางวางยาแน่ รอบกายเธอก็ไม่มีใครมาใหม่ มีเพียงแต่ชิวจวี๋ แม่สาวน้อยคนนี้ได้รับคำสั่งให้มาหาเธอจริงๆ คนที่คอยสั่งการนางอยู่เบื้องหลังคือใครกันแน่


 


 


หลิงอวี้จื้อกำลังคิดอยู่ ทันใดนั้นก็มีเสียงเปิดประตูดังเอี๊ยด มีคนมาแล้ว เธอจ้องเขม็งไปที่ประตู อยากดูสักหน่อยว่าคนที่จับเธอมาที่นี่เป็นใครกันแน่


 


 


รอจนมองเห็นผู้หญิงที่เข้ามาชัดเจนแล้ว เธอก็ตกใจจนตาเบิกกว้าง เวรแล้ว ไม่ใช่มั้ง! จะเป็นนางไปได้อย่างไร เธอสงสัยคนที่น่าสงสัยไปแล้วรอบหนึ่ง แต่ไม่ได้นึกถึงนางเลย เหลือเชื่อเกินไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะเป็นหญิงบ้าคนนั้น พอดูแบบนี้แล้ว นางไม่ได้บ้าเสียด้วยซ้ำ


 


 


ความบาดหมางระหว่างชวีเหยากับชวีซื่อเธอเคยฟังมาแล้ว ดังนั้นชวีเหยาทำเพราะชวีซื่อ ไม่ยุติธรรมเลย เรื่องพวกนี้เธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลยแม้แต่นิดเดียว


 


 


“ท่านป้า เหตุใดอยู่ดีๆ ถึงมาจับตัวข้าไว้ล่ะ”


 


 


นับญาติตามสายเลือดแล้ว ชวีเหยาเป็นป้าเธอจริงๆ ตอนนี้เธอตกอยู่ในมือของชวีเหยา จึงได้แต่เรียกชวีเหยาอย่างสนิทสนมเช่นนี้ เผยรอยยิ้มร่าเริงสดใสให้ชวีเหยา ลองใช้รอยยิ้มเพื่อกล่อมชวีเหยา


 


 


ดูเหมือนว่าชวีเหยาจะเกลียดชวีซื่อสุดๆ รอยยิ้มของหลิงอวี้จื้อไม่มีผลอะไรโดยสิ้นเชิง นางสวมเสื้อผ้าที่ดูไม่ออกว่าสีเดิมคือสีอะไร ปุยฝ้ายด้านในปลิ้นออกมาแล้ว ผมก็ปล่อยกระเซอะกระเซิง ขยับเข้าใกล้เพียงนิดเดียว ก็ได้กลิ่นที่ไม่น่าดม


 


 


“ข้าไม่ใช่ป้าของเจ้า ชวีฮุ่ยติดหนี้ชีวิตข้าชีวิตหนึ่ง ตอนนี้ถึงเวลาต้องใช้ชีวิตเจ้ามาแลกชีวิตของลูกชายข้า”


 


 


ชวีเหยายืนอยู่ข้างหน้าหลิงอวี้จื้อ ก้มลงมองหลิงอวี้จื้อ แววตาประกายความเกลียดแค้น


 


 


“ท่านป้า ข้าไม่ใช่คนที่ทำให้ลูกของท่านตาย ท่านเอาความแค้นนี้มาชำระกับข้าไม่ถูกต้อง ความแค้นต้องมีต้นเรื่อง หนี้สินต้องมีคนให้กู้ ความบาดหมางระหว่างพี่น้อง พวกท่านก็ไปจัดการกันเอง ข้าไม่ร่วมด้วย”


 


 


หลิงอวี้จื้อขยับแขนขา แอบด่าในใจ บ้าเอ๊ย นึกไม่ถึงว่าจะมัดแน่นขนาดนี้ แบบนี้ขยับไม่ได้เลยด้วยซ้ำ


 


 


ชวีเหยาหยิบกรรไกรขึ้นสนิมออกมาจากอกเสื้อ นั่งยองๆ กับพื้น ยิ้มแปลกๆ


 


 


“ข้าสลบไปตอนที่คลอดลูก พอตื่นขึ้นมาแล้ว พวกนางบอกว่าลูกตายแล้ว ลูกข้าตัวม่วงไปทั้งตัว เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนที่ข้ากำลังอุ้มลูก ในใจข้าเคียดแค้นขนาดไหน


 


 


ข้าไม่ใช่ฮูหยินของจวนมหาเสนาบดีแล้ว และข้าก็ไม่ได้ต้องอีกอะไรอีกแล้ว ข้าแค่อยากอยู่กับลูก ใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยกัน แต่แม้แต่ลูกของข้า นางก็ไม่ละเว้น”


 

 

 


ตอนที่ 287 ข้าเคราะห์ร้ายมาพอแล้ว

 

“เรื่องนี้แม่ข้าทำเกินไปจริงๆ แต่ฆ่าข้าแล้วก็ไม่ได้มีผลต่อแม่ข้าหรอก หลายปีมานี้แม่ข้าปฏิบัติกับข้าอย่างไร ท่านคงเคยได้ยินมาแน่ ข้าเองยังสงสัยเลยว่าตนเองอาจจะถูกเก็บมาเลี้ยง”


 


 


“เมื่อก่อนนางปฏิบัติกับเจ้าเช่นนั้นจริงๆ ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว นางพึ่งพาเจ้าชุบตัวกลับมาได้ดี ข้าจะไม่ปล่อยให้นางได้ดีอีก


 


 


“แม่สาวน้อย ถึงแม้ข้าจะทำผิดต่อเจ้า แต่ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่เจ้ามาเกิดในท้องนาง เดิมทีข้าก็ไม่เคยคิดจะลงมือกับเจ้าอีกครั้ง นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะกลับมาเป็นปกติ นี่เป็นชะตาชีวิตของเจ้า”


 


 


ประโยคเดียวก็ทำให้หลิงอวี้จื้อเข้าใจ ที่แท้ชวีเหยาเป็นคนวางพิษในร่างกายเธอ เมื่อก่อนเธอสงสัยว่าเป็นเหลียนอี๋เหนียง หาอยู่ตั้งนาน ชวีเหยานี่เองที่เป็นคนทำ


 


 


พูดให้ถูกก็คือหลิงอวี้จื้อตัวจริงถูกชวีซื่อทำร้ายจนตาย หากนางไม่ได้ทำเรื่องเลวร้ายมากขนาดนี้ หลิงอวี้จื้อก็จะไม่โดนร่างแหกลายเป็นคนปัญญาอ่อนมาตั้งสิบกว่าปี แล้วสุดท้ายก็ยังเสียชีวิต


 


 


“ท่านป้า ท่านเคยฆ่าข้ามาแล้วครั้งหนึ่ง ท่านจะใจดำทำได้ลงคออีกหรือ”


 


 


หลิงอวี้จื้อมองชวีเหยาด้วยท่าทางน่าสงสาร เพื่อให้ชวีเหยาเกิดความเห็นอกเห็นใจ เธอรู้สึกว่าชวีเหยาก็ไม่ใช่คนจิตใจโหดเ**้ยม ที่นางทำเช่นนี้ เป็นเพราะความผิดหวังและเคียดแค้นล้วนๆ


 


 


หากเปลี่ยนเป็นเธอ เธอคงจะไปแก้แค้นกับชวีซื่อ คงไม่มาลงมือกับลูก


 


 


“หากเจ้าเป็นคนปัญญาอ่อน ทั้งชีวิตนี้เจ้าจะกลายเป็นรอยด่างของชวีฮุ่ย ทำให้นางไม่สามารถเชิดหน้าชูคอต่อหน้านายท่านได้ และค่อยๆ ทำให้นายท่านรังเกียจนาง


 


 


“ตอนนี้ชวีฮุ่ยจะกลายเป็นว่าที่แม่สามีของอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ก็เพราะเจ้า ชีวิตภายภาคหน้าก็จะได้เฉิดฉายยิ่งขึ้นไปอีก ข้าไม่อยากให้นางได้ใจอีกต่อไป แม่สาวน้อย เจ้าไม่จำเป็นต้องเปลืองน้ำลาย ข้าบอกแล้วว่านี่เป็นชะตาชีวิตของเจ้า เจ้าต้องยอมรับ”


 


 


“ยอมรับกับผีสิ ท่านป้า จะไปเกิดในท้องใครข้าไม่สามารถตัดสินใจเองได้ มิเช่นนั้นข้าคงไม่ไปเกิดในท้องแม่ข้าแน่


 


 


“ข้าเคราะห์ร้ายมาพอแล้ว เพิ่งเกิดมาได้ไม่นานก็กลายเป็นคนโง่ มีชีวิตเช่นนั้นมาสิบกว่าปีแล้ว กว่าจะกลับมาปกติไม่ง่ายเลย


 


 


“ข้าเปลี่ยนโชคชะตาด้วยตัวของข้าเอง ตอนนี้ท่านป้ามาบอกว่านั่นคือชะตาชีวิตของข้า เช่นนี้เรียกว่าชะตาชีวิตประสาอะไรกัน เรียกว่าป้าเอาความแค้นเคืองใจมาลงที่ข้าต่างหาก


 


 


หลายปีมานี้ข้าถูกท่านแม่เมินเฉยมามากแล้ว ไม่เคยได้สัมผัสความรักใคร่จากท่านแม่เลย ลูกของท่านป้าเป็นผู้บริสุทธิ์ ข้าเองก็เป็นผู้บริสุทธิ์เช่นเดียวกัน”


 


 


ชวีเหยานึกไม่ถึงว่าหลิงอวี้จื้อจะพูดโน้มน้าวใจเก่งขนาดนี้ ยังคงถือกรรไกรขึ้นสนิม นั่งยองๆ ตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ ในใจเริ่มทนไม่ไหว


 


 


นางไม่ได้เป็นคนเลวร้ายโดยธรรมชาติ หลายปีมานี้นางแกล้งบ้า นอกจากเพื่อมีชีวิตรอดแล้ว เหตุผลสำคัญที่สุดคือเพื่อไม่ให้หลิงจ้ายเทียนมาหานางอีก สำหรับชายผู้นี้ นางผิดหวังในตัวเขาจนถึงที่สุดไปตั้งนานแล้ว ได้แต่ใช้วิธีนี้เพื่อให้หลิงจ้ายเทียนอยู่ห่างจากตนเอง


 


 


ชวีซื่อไม่เคยดีกับหลิงอวี้จื้อเลย เรื่องนี้นางก็รู้ คิดไม่ถึงว่านางจะใจเ**้ยมกับเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเองขนาดนี้


 


 


ตอนนี้นางอยากฆ่าหลิงอวี้จื้อ ไม่ใช่เพื่อให้ชวีซื่อเสียใจ แต่เพื่อให้นางผิดหวัง หากหลิงอวี้จื้อตายแล้ว หลิงจ้ายเทียนก็ต้องตำหนิโทษนาง ตำแหน่งของชวีซื่อในจวนมหาเสนาบดีจะต้องดิ่งลงเหวอีก ไม่ต้องคิดถึงเรื่องพลิกตัวกลับมาได้ดีอีก


 


 


ชวีเหยาไม่พูดอะไรสักคำ ยกกรรไกรในมือขึ้นมา กำลังจะแทงลงไปบนอกของหลิงอวี้จื้อ ดวงตาของหลิงอวี้จื้อเบิกกว้าง มองตรงไปที่ชวีเหยา ที่พูดไปช่างไร้ประโยชน์


 


 


ก่อนนี้เธอเห็นการต่อสู้แวบหนึ่งในดวงตาของชวีเหยา เธอต้องลองดู หลิงอวี้จื้อรีบร้องไห้โฮเสียงดัง ไม่ว่าจะได้ผลหรือไม่ ร้องไห้ก่อนค่อยว่ากัน


 


 


หลิงอวี้จื้อร้องไปตะโกนไป


 


 


“ข้าไม่อยากตาย ข้าเพิ่งจะอายุสิบเจ็ดปีเอง ท่านป้า เมื่อก่อนสมองข้าก็ผิดปกติมาตลอด เพิ่งจะเป็นปกติเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ ยังไม่ทันเห็นโลกใบนี้ได้ชัดเจนเลย ท่านป้า ข้าไม่อยากตาย”

 

 

 


ตอนที่ 288 เพียงโอกาสเดียว

 

เธอร้องไห้ได้เศร้าโศกเหลือเกิน เหมือนแทบจะขาดใจ น้ำมูกน้ำตาไหลไปหมด กรรไกรของชวีเหยาโดนเสื้อผ้าบริเวณหน้าอกของหลิงอวี้จื้อแล้ว เห็นหลิงอวี้จื้อร้องไห้เศร้าใจขนาดนี้ก็ชักช้าไม่กล้าลงมือ สุดท้ายก็โยนกรรไกรในมือลง


 


 


หลิงอวี้จื้อโล่งใจ ดีที่ชวีซื่อยังมีมโนธรรม มิเช่นนั้นถ้ากรรไกรแทงลงไปเธอจะต้องเจ็บเจียนตายแน่ กรรไกรขึ้นสนิมหมดแล้ว กะจากสายตาก็เห็นว่าทื่อแล้ว แทงครั้งเดียวไม่ตายแน่นอน ต้องแทงอีกกี่ครั้งก็ไม่แน่ใจ


 


 


ชวีเหยานั่งบนพื้นอย่างหมดแรง เจ็บแค้นที่ตนเองมีความเห็นอกเห็นใจ โอกาสนี้หายากยิ่งนัก หากพลาดไปแล้ว ต่อไปก็ไม่มีโอกาสอีก


 


 


พูดได้ว่านี่เป็นเพียงโอกาสเดียวของนาง


 


 


ดวงตาหลิงอวี้จื้อแดงก่ำ เรียก ‘ท่านป้า’ เสียงเบามาก


 


 


ชวีเหยาไม่สนใจหลิงอวี้จื้อ ลุกขึ้นเดินไปถึงธรณีประตู ทิ้งตัวพิงกรอบประตู จ้องมองท้องฟ้าอย่างเหม่อลอย หลายปีมานี้ สิ่งเดียวที่เธอปล่อยวางไม่ได้คือลูกชายที่เสียชีวิตตั้งแต่เกิด


 


 


ทุกครั้งที่หลับตาก็จะเห็นเขา ทำให้นางรู้สึกผิดอย่างมหันต์ นางไม่ได้ปกป้องลูกของตนให้ดี


 


 


หลิงอวี้จื้อก็ไม่กล้ารบกวนชวีเหยา เธอไม่รู้ว่าชวีเหยาจะปล่อยเธอหรือไม่ ต้องคิดหาวิธีออกจากที่นี่ถึงจะถูก มิเช่นนั้นหากชวีเหยาเปลี่ยนความคิด เธอต้องตายแน่ๆ


 


 


เรือนที่ชวีเหยาอาศัยเป็นมุมที่ถูกทิ้งร้างห่างไกลที่สุดในจวนมหาเสนาบดี ปกติไม่มีใครผ่านมาด้วยซ้ำ ใครก็นึกไม่ถึงว่าเธอจะมาอยู่ที่นี่ ดังนั้นชีวิตของเธอจึงถูกบีบอยู่ในกำมือของชวีเหยาโดยสิ้นเชิง


 


 


ในเมื่อชวีเหยายังมีจิตใจเมตตาอยู่บ้าง เช่นนั้นเธอใช้ไม้อ่อนจึงได้ผล ถึงเวลาได้สำแดงฝีมือการแสดงอีกแล้ว


 


 


เมื่อหลิงอวี้จื้อหายตัวไป หรูเยียนกับมั่วชิงก็ร้อนใจไม่รู้จะทำอย่างไร รีบรายงานชวีซื่อทันที พอได้ยินว่าหลิงอวี้จื้อหายตัวไปอย่างกะทันหัน ชวีซื่อก็ร้อนใจ ในเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ ลูกสาวคนนี้จะเกิดเรื่องไม่ได้เด็ดขาด


 


 


อนาคตของหลิงจื่อเฉิงต้องพึ่งพาเธอ หากเธอเป็นอะไรไป หลิงจ้ายเทียนจะตำหนินางอย่างไร ไม่ต้องคิดก็รู้


 


 


เธอสั่งการให้ตามหาทุกซอกมุมในจวน แต่ไม่ได้อะไรเลย


 


 


รู้ว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน มั่วชิงจึงตั้งใจไปแจ้งเซียวเหยี่ยน เมื่อรู้ว่าหลิงอวี้จื้อหายไป เซียวเหยี่ยนก็รีบมาจวนมหาเสนาบดีทันที


 


 


“มั่วชิง เกิดอะไรขึ้นกันแน่”


 


 


ความรู้สึกร้อนใจปรากฏชัดบนใบหน้าของมั่วชิง หลายวันมานี้อยู่ด้วยกันเช้าเย็น นางชอบเจ้านายคนนี้มากทีเดียว การอยู่กับหลิงอวี้จื้อเป็นเรื่องที่สนุกมาก


 


 


“ตอนเย็นคนจากเรือนลู่อี๋เหนียงมาเชิญคุณหนูไป คุณหนูออกไปแล้วก็ไม่กลับมาอีก บ่าวถามลู่อี๋เหนียงแล้ว ตอนเย็นนางไม่ได้ให้คนมาเชิญคุณหนู ผิงเอ๋อร์ คนที่เชิญคุณหนูไปตายไปแล้ว เพิ่งพบศพนางที่ทะเลสาบข้างหลังเจ้าค่ะ”


 


 


เซียวเหยี่ยนทำหน้าเคร่งเครียด แววตามีความกังวลอย่างเห็นได้ชัดเจน


 


 


“ค้นหาทั่วทั้งจวนแล้วหรือ”


 


 


“ฮูหยินสั่งการให้ค้นหาทั่วแล้วเพคะ แต่ยังไม่พบคุณหนู ไม่ทราบว่าคุณหนูถูกพาออกไปนอกจวนแล้วหรือไม่ เรื่องนี้เป็นเพราะข้าน้อยละเลยหน้าที่ ข้าน้อยควรไปกับคุณหนูตั้งแต่แรก เพียงแต่ติดพันเรื่องอื่นอยู่จึงไม่ได้ตามไปด้วย คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นเพคะ”


 


 


หลิงอวี้จื้อหายตัวไปอย่างแปลกประหลาด นึกไม่ถึงว่าจะหายตัวไปภายในจวนอย่างไม่มีที่มาที่ไป มิหนำซ้ำยังเป็นช่วงที่มั่วชิงไม่ได้อยู่ข้างกายพอดี เซียวเหยี่ยนรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เห็นได้ชัดว่ามีคนตั้งใจวางแผนไว้


 


 


เซียวเหยี่ยนตั้งสติ ถามต่อ


 


 


“มั่วชิง เจ้ามีเรื่องอะไรติดพันหรือ”


 


 


“น้องสาวของหรูเยียนคอยตอแยข้าน้อยไม่หยุด บอกว่าอยากเรียนวิชาแพทย์ ให้ข้าน้อยสอนนาง ดังนั้นจึงติดพันอยู่นานเพคะ”

 

 

 


ตอนที่ 289 พิษขุยเหล่ยเซียงของท่านหมดอายุแล้ว

 

พูดจบแล้ว มั่วชิงเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ พูดต่อว่า


 


 


“ชิวจวี๋มีเครื่องประดับราคาแพงอยู่ไม่น้อย ก่อนหน้านี้คุณหนูสงสัยชิวจวี๋อยู่บ้าง ให้ข้าน้อยคอยสังเกตดูชิวจวี๋ เรื่องการหายตัวไปของคุณหนูไม่รู้ว่าจะเกี่ยวข้องกับนางหรือไม่”


 


 


“เจ้าพาชิวจวี๋มานี่”


 


 


เซียวเหยี่ยนนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ พูดสั่งการ


 


 


มั่วชิงพยักหน้า ไม่นานก็เดินนำชิวจวี๋เข้ามา ชิวจวี๋ไม่เคยพบเซียวเหยี่ยนมาก่อน ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ต้องการพบ นางก็ตกใจจนตัวสั่นไปหมด ยังไม่ทันได้เห็นรูปร่างหน้าตาของเซียวเหยี่ยนชัดเจนดีก็คุกเข่าดังตุบลงกับพื้น ขดตัวเป็นก้อน ไม่กล้าเงยหน้าด้วยซ้ำ


 


 


“อวี้จื้ออยู่ที่ใด”


 


 


เซียวเหยี่ยนไม่พูดอ้อมค้อม ถามตรงๆ


 


 


ชิวจวี๋ตัวสั่นงันงก พูดจาตะกุกตะกัก เห็นอยู่ชัดเจนว่านางไม่ได้ทำอะไรผิด เรื่องนี้นางไม่ได้เป็นคนลงมือทำ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ตามหานางทำไม


 


 


“บ่าว…บ่าวไม่ทราบเพคะ”


 


 


เซียวเหยี่ยนเริ่มรำคาญพูดว่า


 


 


“ชิวจวี๋ ความอดทนของข้ามีขีดจำกัด หากอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปก็บอกเรื่องที่เจ้ารู้มา มิเช่นนั้นข้าจะให้คนเอาเจ้าไปสับเป็นชิ้นๆ ให้สุนัขกิน เจ้าคิดให้ดีๆ แล้วค่อยพูด”


 


 


ชิวจวี๋ตกใจจนหน้าขาวซีด คราวนี้นางเสียใจจริงๆ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไม่ใช่คนที่นางจะขัดใจได้ ตอนแรกคิดว่าเรื่องนี้นางทำได้อย่างเรียบร้อยไร้รอยต่อแล้ว คิดไม่ถึงว่าหลิงอวี้จื้อเพิ่งจะหายตัวไป เซียวเหยี่ยนก็จะเรียกนางมาทันที


 


 


ลังเลอยู่สักครู่ ชิวจวี๋ก็ไม่กล้าปิดบังอีก พูดตะกุกตะกักว่า


 


 


“บ่าวไม่ทราบว่าคุณหนูอยู่ที่ไหนเพคะ บ่าวได้เงินจากเหลียนอี๋เหนียง ขาดสติไปชั่วครู่ถึงได้วางยาแฝดใส่ซุปรังนกพุทราแดงของคุณหนู อย่างอื่นบ่าวไม่ทราบแล้วเพคะ ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิตเถิด บ่าวผิดไปแล้วเพคะ…”


 


 


ชิวจวี๋พูดจบก็เอาหัวโขกพื้นไม่หยุด เกิดเสียงดังตึงตึงติดต่อกัน


 


 


หรูเยียนเข้ามาจากข้างนอก เมื่อได้ยินประโยคนี้ ก็มองชิวจวี๋ที่อยู่บนพื้นอย่างตกใจมาก


 


 


“เจ้า…”


 


 


ชิวจวี๋เหมือนเจอผู้กู้ชีพอย่างไรอย่างนั้น รีบเข้าไปกอดขาหรูเยียน


 


 


“พี่ ข้าขอโทษ ข้าผิดไปแล้วจริงๆ ข้าไม่กล้าอีกแล้ว ข้าขาดสติไปชั่วขณะ ข้าไม่คิดว่าเหลียนอี๋เหนียงจะร้ายกาจขนาดนี้ ไม่นึกว่าจะเอาตัวคุณหนูไป เรื่องอื่นข้าไม่รู้จริงๆ”


 


 


“คุณหนูดีกับพวกเราขนาดนี้ เจ้าทำเรื่องไม่ดีกับคุณหนูได้อย่างไร เจ้า…”


 


 


หรูเยียนโกรธจนไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว เซียวเหยี่ยนไม่อยากเสียเวลาอีก ลุกขึ้นออกไปหาเหลียนอี๋เหนียงทันที


 


 


 


 


หลิงอวี้จื้อยังถูกมัดอยู่ ในที่สุดชวีเหยาที่เหม่อลอยอยู่นานก็มีสติกลับมา เดินมาตรงหน้าหลิงอวี้จื้ออีกครั้ง


 


 


“ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าก็ได้ แต่เจ้าจะไม่สามารถเป็นพระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้แล้ว ข้ายังมีพิษขุยเหล่ยเซียงอยู่หน่อย ในเมื่อเคยเป็นคนปัญญาอ่อนแล้ว เช่นนั้นก็เป็นต่อไปเถิด”


 


 


ไตร่ตรองอยู่ตั้งนาน ชวีเหยานี่ใจดีจริงๆ แล้วนี่คิดบ้าบออะไร ให้เธอกลับไปเป็นคนปัญญาอ่อน เช่นนั้นเธอตายไปไม่ดีกว่าหรือ


 


 


“ท่านป้า พิษขุยเหล่ยเซียงของท่านวางไว้ตั้งหลายปีแล้ว หมดอายุไปนานแล้ว”


 


 


“หากไม่ได้ผลก็ถือว่าเจ้าโชคดี คราวนี้ดูสิว่าท่านเทวดาจะช่วยเจ้าหรือไม่ หากท่านเทวดายืนอยู่ข้างเจ้า ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว แค่ปล่อยเจ้าไป”


 


 


“ท่านเทวดายืนอยู่ข้างข้าไปแล้ว มิเช่นนั้นข้าคงไม่กลับมาปกติ ท่านเทวดาเองก็ไม่ใช่เทวดาของข้าคนเดียว จะมาให้พรข้าคนเดียวครั้งแล้วครั้งเล่าได้อย่างไร ข้าไม่อยากเดิมพันกับโชคเช่นนี้ ท่านปล่อยข้าไปไม่ได้จริงๆ ก็ฆ่าข้าเถิด อย่าเล่นแบบนี้เลย”


 


 


ชวีเหยาไม่สนใจหลิงอวี้จื้อ ลุกขึ้นไปหาพิษขุยเหล่ยเซียง หลิงอวี้จื้อร้อนใจสุดๆ เธอจะเป็นคนปัญญาอ่อนอีกไม่ได้ มือเท้าถูกมัดอยู่ เธอขยับไม่ไหว มองไปรอบๆ ดูว่ามีของอะไรที่สามารถตัดเชือกได้บ้าง

 

 

 


ตอนที่ 290 กินหนูตัวนี้ซะ

 

สุดท้ายเห็นพร้าเล่มหนึ่งที่มุมห้อง ดูเหมือนจะไม่ค่อยคมแล้ว ช่างเถอะ ใช้ก่อนค่อยว่ากัน


 


 


เธอล้มตัวลงกับพื้น กำลังจะใช้วิธีกลิ้งเพื่อไปยังมุมห้อง ตอนนี้ได้แต่หวังว่าชวีเหยาจะใช้เวลาหาพิษขุยเหล่ยเซียงนานขึ้นอีกหน่อย


 


 


ผลลัพธ์ช่างน่าเศร้า เธอเพิ่งจะล้มลงกับพื้น ชวีซื่อก็กลับมาแล้ว เวรกรรม ยาพิษแบบนี้นางไม่ได้เก็บเอาไว้ในที่ลับอะไรเลย


 


 


“เจ้าหนีไม่พ้นหรอก”


 


 


“ข้ารู้ว่าข้าหนีไม่พ้น ข้าคันหลัง จึงนอนกับพื้นเพื่อเกา”


 


 


ชวีเหยาถือ**บผ้าฝุ่นเขรอะ เห็น**บผ้าค่อนข้างใหญ่ เธอก็รู้สึกประหลาดใจ พิษขุยเหล่ยเซียงจะเม็ดใหญ่ขนาดนี้เชียวหรือ


 


 


ชวีเหยาปัดฝุ่นออก เปิดกล่องผ้า หลิงอวี้จื้อจ้องเขม็งไปที่**บผ้าในมือชวีเหยา สภาพข้างในทำให้เธอตกใจ แม่เจ้า นึกไม่ถึงว่าใน**บจะมีศพหนูตัวหนึ่งนอนแห้งตายอยู่ แบบนี้ตายมาหลายปีแล้วสิ


 


 


ชวีเหยารีบวาง**บลง ฝาขวดกระเบื้องสีดำหายไปแล้ว ขวดทั้งใบล้มอยู่ใน**บ ชวีเหยาหยิบขวดมาลองเท ข้างในว่างเปล่าแล้ว


 


 


หลิงอวี้จื้อเกือบจะยิ้ม ท่านเทวดาช่วยเธอจริงๆ ด้วย แบบนี้แสดงว่าหนูกินยาพิษขุยเหล่ยเซียงไปแล้ว หนูจึงโดนยาพิษตายทันที


 


 


ชวีเหยาก็นึกไม่ถึงว่าจะมีเหตุไม่คาดฝันเช่นนี้ ยก**บผ้าขึ้นมาดู เห็นรูเล็กๆ ที่ก้น**บ เป็นรอยหนูกัดนี่เอง


 


 


ชวีเหยาหยิบหนูใน**บออกมา ยื่นมือมาตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ


 


 


“กินมันซะ”


 


 


หลิงอวี้จื้อแทบจะกระอักเลือด อาการบ้าของชวีเหยากำเริบอีกแล้วหรือ นึกไม่ถึงว่าจะให้เธอกินหนูตาย เธอพูดด้วยท่าทางน่าสงสาร


 


 


“ท่านป้า ข้าไม่หิว”


 


 


“หนูย่อยพิษขุยเหล่ยเซียงไม่ได้ พิษนี้ยังอยู่ในตัวมันแน่นอน หากเจ้ากินมันแล้วยังไม่โดนพิษอีก ข้าก็จะปล่อยเจ้า”


 


 


“หากท่านจะทดสอบโชคของข้า ท่านก็ชนะแล้ว มิเช่นนั้นในกล่องนี้คงไม่มีหนูสักตัว ท่านป้า ท่านจะให้ลูกตัวเองกินหนูหรือไม่ เอามีดมาฆ่าข้าเถิด! ข้ากลัวเจ็บ ท่านเอามีดไปลับก่อน อย่างดีที่สุดขอแทงแล้วตายทีเดียว จะได้ไม่ต้องทรมาน”


 


 


ดูเหมือนชวีเหยาจะถูกขังไว้นานแล้ว สมองไม่ปกติอยู่บ้างจริง ๆ นางหัวเราะเยือกเย็น


 


 


“ตอนนี้ข้าให้เจ้ากินหนูตัวนี้เสีย หากเจ้าไม่กิน ข้าคงต้องป้อนเจ้าแล้ว”


 


 


หลิงอวี้จื้อร้อนใจสุดขีด มิพักต้องบอกว่าหนูตัวนี้มีพิษ ถึงแม้ไม่มีพิษ เธอก็ไม่กิน น่าขยะแขยงจะตาย


 


 


เธอเริ่มเกิดประกายความคิดสร้างสรรค์ จากนั้นก็ร้องไห้ตะโกนออกมา


 


 


“ข้าตายก็ได้ แต่ก่อนตายข้ามีเรื่องอยากบอกท่าน เมื่อข้าตายแล้ว ท่านจะต้องสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง มิเช่นนั้นข้าไปยมโลกแล้วก็ไม่วางใจ”


 


 


“เจ้าอยากบอกอะไรข้า”


 


 


ชวีเหยานึกไม่ถึงว่าแม่สาวน้อยคนนี้จะมีลูกไม้เยอะนัก คราวนี้นางอยากดูสิว่าหลิงอวี้จื้อจะพูดเรื่องอะไรออกมาได้อีก หากลูกของตนเองยังมีชีวิตอยู่ ก็คงอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน


 


 


“ท่านก็รู้ว่าหลายปีมานี้แม่ข้าไม่เคยดีกับข้าเลย นางรักพี่ชายข้าเหลือเกิน แต่กับข้าไม่เคยสนใจ เหมือนข้าไม่ใช่ลูกนางอย่างไรอย่างนั้น


 


 


ก่อนนี้สมองข้าไม่ดี และไม่รู้จักคิดเรื่องเหล่านี้ ต่อมาข้ากลับมาปกติแล้ว ถึงแม้แม่ข้าจะเริ่มสนใจข้าแล้ว แต่ทุกครั้งที่เจอข้าก็จะต้องพูดถึงเรื่องอนาคตของพี่ชาย นางตั้งใจทำดีกับข้าเพื่ออนาคตของพี่ชาย นางยังคงไม่ชอบข้า ไม่สุงสิงกับข้าแม้แต่น้อย ข้ารู้สึกเศร้าอยู่ในใจ คิดไม่ตกว่าเป็นเพราะเหตุใด”


 


 


หลิงอวี้จื้อหลบตา ทำหน้าตาเศร้าสร้อยเหลือเกิน ชวีซื่อปฏิบัติกับเธอเช่นนี้จริงๆ เธอคิดไม่ตกจริงๆ สิ่งเดียวที่โกหกก็คือ เธอไม่ได้เศร้าเลยแม้แต่น้อย เธอไม่ชอบชวีซื่ออยู่แล้ว นางไม่มาหาเธอยิ่งดี

 

 

 


ตอนที่ 291 ให้เจ้าได้ลองสัมผัสความเจ็บปวดจากการเสียลูก

 

ชวีเหยาหวั่นไหวกับคำพูดของเธอตามคาด นางยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ


 


 


หลิงอวี้จื้อพูดต่อ


 


 


“มีวันหนึ่ง ข้าไปหาแม่ข้า ได้ยินนางกำลังคุยกับแม่นมประจำตัว นางบอกว่าข้าไม่ใช่ลูกสาวของนาง ข้าไม่กล้าถามนาง และไม่กล้าไปสืบเรื่องนี้ หากข้าไม่ใช่ลูกสาวของนาง เช่นนั้นข้าเป็นลูกสาวของใคร


 


 


ท่านป้า เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกใครเลย วันนี้ข้าจะต้องตายแล้ว ข้าไม่อยากนำความลับนี้ลงโลงไปด้วย ท่านช่วยข้าสืบเรื่องนี้ให้กระจ่างได้หรือไม่ ถึงตอนนั้นบอกข้าด้วย”


 


 


เรื่องเหล่านี้หลิงอวี้จื้อกุขึ้นมาเอง เธอคิดไม่ออกจริงๆ ว่าเหตุใดชวีซื่อถึงไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรกับเธอ นี่เป็นเหตุผลที่เธอช่วยหาให้ชวีซื่อ อย่างไรเสียเรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่จะเกิดในบ้านใหญ่เช่นนี้ คราวนี้เธอจงใจพูดปั่นหัวชวีเหยา อยากให้ชวีเหยาคิดเชื่อมโยงเอง


 


 


ชวีเหยาโยนหนูในมือลงพื้นไปตามคาด จับไหล่หลิงอวี้จื้อแน่น ถามอย่างเร่งเร้า


 


 


“เจ้าพูดอะไร เจ้าบอกว่าเจ้าไม่ใช่ลูกสาวนางหรือ”


 


 


“แม่ข้าพูดเช่นนี้ ข้าไม่กล้าถามนาง ข้ากลัวว่าตนเองจะเป็นลูกกำพร้า”


 


 


หลิงอวี้จื้อเงยหน้าขึ้นน่าเวทนา นัยน์ตาแดงๆ ท่าทางเช่นนั้นใครเห็นก็คงรู้สึกทนไม่ไหว


 


 


ชวีเหยาคลายมือ ทรงตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง ตอนนั้นในจวนมหาเสนาบดีมีแต่นางกับชวีฮุ่ยที่ตั้งครรภ์พร้อมกัน วันคลอดก็ไม่ต่างกันมาก หากหลิงอวี้จื้อไม่ใช่ลูกสาวของชวีฮุ่ย เช่นนั้นนางจะเป็นลูกสาวใคร


 


 


หรือว่าชวีฮุ่ยสลับลูกกัน ไม่ ไม่มีทาง ชวีฮุ่ยจะไม่ต้องการลูกชายได้อย่างไร


 


 


ชวีเหยายิ่งคิดก็ยิ่งตกใจ พอคิดว่าหลิงอวี้จื้อพูดโน้มน้าวใจเก่ง ก็กลัวว่าเธอจะโกหกตนอีก ไม่กล้าเชื่อคำพูดนี้ง่ายๆ


 


 


คราวนี้ประตูใหญ่ในเรือนถูกคนถีบเปิดออก หลิงอวี้จื้อโล่งอก ในที่สุด หน่วยกู้ภัยของเธอก็มา ชวีเหยากลับมามีสติ นางจะต้องสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง รีบหยิบพร้าบนพื้นขึ้นมาจ่อคอหลิงอวี้จื้อ


 


 


ชวีซื่อ เซียวเหยี่ยน รวมทั้งหลิงจ้ายเทียน เดินเข้ามาด้วยกัน เห็นชวีเหยาเอาพร้าจ่อคอหลิงอวี้จื้อ แววตาเซียวเหยี่ยนก็แข็งกร้าวทันที


 


 


“ปล่อยนาง”


 


 


พอเห็นเซียวเหยี่ยน หลิงอวี้จื้อก็รู้สึกใจสงบขึ้นมาทันใด เขามาแล้ว ตนเองจะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน ดีที่เธอใช้ละครชีวิตรันทดถ่วงเวลาได้นานขนาดนี้ มิเช่นนั้นตอนนี้เธอคงตายไปแล้ว


 


 


ชวีเหยายิ้มเยือกเย็น พูดว่า


 


 


“อย่างไรข้าก็เป็นคนที่จะต้องตายอยู่แล้ว ในเมื่อจะตาย ก็ตายไปด้วยกัน ชวีฮุ่ย วันนี้ลูกสาวเจ้าจะต้องเป็นศพพร้อมกับข้า”


 


 


“เหยาเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นไรแล้วหรือ”


 


 


หลิงจ้ายเทียนมองชวีเหยาด้วยแววตาสับสน ตั้งแต่ชวีเหยาเป็นบ้าไป เวลาเจอเขานางก็ทั้งด่าทั้งกัด ลักษณะบ้าๆ บอๆ เช่นนั้นต่างกับท่าทางสง่ามีมารยาทงามในสมัยก่อนโดยสิ้นเชิง หลิงจ้ายเทียนไม่กล้ามองชวีเหยาในลักษณะนี้อีก จึงไม่มาเสียเลย ถือเสียว่าชวีเหยาตายไปแล้ว


 


 


“ท่านพี่ ท่านถูกนางหลอกแล้ว นางแสร้งทำมาตั้งแต่แรกแล้ว ท่านต้องช่วยอวี้จื้อนะ”


 


 


ชวีซื่อปาดน้ำตา ตอนนี้หลิงอวี้จื้อตกอยู่ในมือของชวีเหยา นางร้อนใจจริงๆ แม่กับลูกชายสองคนต้องพึ่งพาลูกสาวคนนี้


 


 


“เหยาเอ๋อร์ มีอะไรคุยกันดีๆ เจ้าปล่อยอวี้จื้อเสีย นางยังเป็นเด็ก”


 


 


“นางเป็นเด็กจริงๆ แต่เป็นเด็กของชวีฮุ่ย หลิงจ้ายเทียน ยังจำได้หรือไม่ว่าตอนนั้นที่เจ้าสู่ขอข้าเจ้าพูดอะไร เจ้าบอกว่าจะรักและให้เกียรติข้าตลอดชีวิต ชวีฮุ่ยใส่ความข้า ไม่ว่าข้าจะอธิบายอย่างไรเจ้าก็ไม่เชื่อ ชวีฮุ่ย ข้าอยากให้เจ้าได้ลองสัมผัสความเจ็บปวดจากการเสียลูกบ้าง”


 


 


ตาเห็นว่าชวีเหยากำลังจะลงมือ เซียวเหยียนจึงใช้นิ้วดีดเบาๆ หินก้อนเล็กก็พุ่งโดนมือของชวีเหยา


 


 


พร้าในมือของชวีเหยาตกลงพื้น เซียวเหยี่ยนคว้าตัวหลิงอวี้จื้อจากมือของชวีเหยาไปด้วยความเร็วสูงสุด เขาโอบหลิงอวี้จื้อไว้ในอ้อมแขนอย่างแนบแน่น

 

 

 


ตอนที่ 292 เรื่องจริงในตอนนั้น

 

ทหารยามในจวนรีบกรูเข้าไปจับตัวชวีเหยา จับนางไว้อย่างแน่นหนา แล้วลากนางไปตรงหน้าหลิงจ้ายเทียน 


 


 


ชวีเหยาหัวเราะลั่น สายตาจับจ้องไปที่ตัวชวีฮุ่ย 


 


 


“พวกเจ้าอย่าดีใจกันเร็วเกินไปนัก ข้ายังมีพิษขุยเหล่ยเซียง ข้าวางยาพิษใส่นางแล้ว ไม่นานนางก็จะกลายเป็นคนปัญญาอ่อนอีกครั้ง 


 


 


ชวีฮุ่ย เจ้าหวังจะอาศัยลูกสาวคนนี้เพื่อชุบตัว ฝันไปเถอะ ข้าไม่มีวันให้โอกาสนี้แก่เจ้าเด็ดขาด” 


 


 


หลิงอวี้จื้อรู้ดีว่าตนเองไม่ได้โดนวางยา เธอรู้ด้วยว่าคำพูดนี้พูดให้ชวีฮุ่ยฟัง ทำให้นางตกใจสักหน่อยก็ดี อย่างไรก็ไม่ใช่แม่ที่มีคุณสมบัติ อยากดูเหมือนกันว่าแม่คนนี้จะทำเพื่อเธอได้ถึงขั้นไหน 


 


 


เห็นสีหน้าเซียวเหยี่ยนเปลี่ยนไปทันที หลิงอวี้จื้อก็กระซิบอยู่ในอ้อมแขนของเซียวเหยี่ยนว่า 


 


 


“อย่าเอ็ดไป ข้าไม่เป็นไร” 


 


 


ได้ยินหลิงอวี้จื้อยืนยันจากปากเองว่าไม่เป็นอะไร เซียวเหยี่ยนก็วางใจ แล้วแก้เชือกที่มัดมือมัดเท้าเธออยู่ 


 


 


สีหน้าของหลิงจ้ายเทียนและชวีซื่อก็เปลี่ยนไปเช่นกัน หากหลิงอวี้จื้อกลายเป็นคนปัญญาอ่อนอีกครั้ง เช่นนั้นก็เป็นพระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไม่ได้แล้ว พวกเขาขัดใจไทเฮาไปแล้ว หากงานแต่งนี้ปลิวไป ผลที่ตามมาไม่ต้องคิดก็รู้ 


 


 


“เหยาเอ๋อร์ เจ้ารีบเอายาถอนพิษออกมา” 


 


 


หลิงจ้ายเทียนพูดอย่างตึงเครียด 


 


 


“ข้าไม่มีทางช่วยลูกสาวของชวีฮุ่ยหรอก” 


 


 


ชวีเหยากัดฟันพูดออกมา เห็นได้ชัดว่าเกลียดชวีฮุ่ยที่สุด 


 


 


หลิงอวี้จื้อร้องไห้ออกมาเบาๆ 


 


 


“ท่านพ่อ ท่านม่ พวกท่านต้องช่วยลูกนะ ข้าไม่อยากกลายเป็นคนปัญญาอ่อนอีกแล้ว” 


 


 


ได้ยินหลิงอวี้จื้อส่งเสียง ชวีเหยาก็ตะลึงไปชั่ววูบ ไม่นานก็มีสติคืนมา นางแค่อยากจะลองใจชวีฮุ่ย นึกไม่ถึงว่าหลิงอวี้จื้อไม่เพียงแต่ไม่เปิดโปงนาง แถมยังร่วมแสดงละครไปกับนางด้วย 


 


 


“เอายาถอนพิษออกมา ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า” 


 


 


ในเมื่อหลิงอวี้จื้ออยากแสดงละคร เซียวเหยี่ยนก็เริ่มตามน้ำไปด้วย ขอเพียงเธอไม่เป็นอะไรก็พอแล้ว 


 


 


ชวีเหยาใจเย็นลง หลับตา 


 


 


“หลายปีมานี้ข้าอยู่ไปก็เหมือนตาย วันนี้หากตายไปก็ถือเป็นการพ้นทุกข์ จะฆ่าก็ฆ่าเถิด! ชวีฮุ่ย นี่เป็นบาปที่เจ้าก่อเอง โทษใครไม่ได้” 


 


 


ชวีฮุ่ยร้อนใจจนเดินวน หลิงอวี้จื้อจะกลายเป็นคนปัญญาอ่อนไปตอนนี้ไม่ได้ หลิงอวี้จื้อกลายเป็นคนปัญญาอ่อนเมื่อใด เมื่อนั้นหลิงจื่อเฉิงก็ไม่มีหวังแล้ว 


 


 


หลิงจ้ายเทียนจะต้องเอาเรื่องนี้มาลงที่นาง หลิงจ้ายเทียนเฝ้ารอการแต่งงานครั้งนี้มากกว่านางเยอะ นางจะต้องช่วยหลิงอวี้จื้อให้ได้ ไม่สามารถปิดบังเรื่องนั้นได้อีก ในเมื่อนางมาถึงวัยนี้แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องแย่งชิงตำแหน่งคนโปรดอีกต่อไป นางจะต้องคำนึงถึงอนาคตของลูกชายเอาไว้มากๆ 


 


 


“ชวีเหยา เจ้าจะเกลียดข้าก็ได้ แต่เจ้าไม่สามารถทำเช่นนี้กับอวี้จื้อได้ นางเป็นลูกของเจ้า” 


 


 


เมื่อคำพูดออกจากปาก หลิงจ้ายเทียนก็มองชวีฮุ่ยอย่างตระหนกตกใจทันที เรื่องมันเป็นมาอย่างไรกันแน่ หลิงอวี้จื้อจะเป็นลูกสาวของชวีเหยาได้อย่างไร 


 


 


ชวีเหยาตกใจอย่างยิ่ง เรื่องเป็นเหมือนที่หลิงอวี้จื้อพูดเอาไว้ ก่อนหน้านี้นางก็ไม่กล้าเชื่อคำพูดของหลิงอวี้จื้อทั้งหมด ถึงได้ลองเชิงชวีฮุ่ย 


 


 


แต่นางไม่มั่นใจว่าที่ชวีซื่อพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แววตาตระหนกระคนสงสัย 


 


 


เมื่อเห็นชวีเหยาไม่เชื่อ ชวีฮุ่ยก็มองชวีเหยา พูดต่อว่า 


 


 


“ตอนนั้นข้าและเจ้าตั้งครรภ์พร้อมกัน ครรภ์ของข้าไม่นิ่งตั้งแต่แรกเริ่ม เรื่องนี้ข้าไม่กล้าบอกให้ใครรู้ ทำได้เพียงแอบปกป้องทารกไว้ไม่ให้แท้ง 


 


 


หลังจากนั้นไม่กี่เดือน สภาพของทารกในครรภ์ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ข้าฝืนใช้ยาควบคุมเอาไว้ ตอนนั้นเองข้าก็เริ่มมีความคิดจะเอาลูกข้าไปสลับกับลูกเจ้า 


 


 


ข้าใช้ยายื้อลมหายใจทารก รอเจ้าคลอด 


 


 


วันสารทจีนวันนั้นเจ้าคลอดลูกอย่างกะทันหัน ข้าก็เลือกคลอดวันนั้นเช่นกัน ลูกชายข้าเกิดมาก็ตายแล้ว ข้าติดสินบนนางผดุงครรภ์ ให้นางวางยาเจ้า ทำให้เจ้าสลบไปทันทีหลังคลอดลูก แล้วฉวยโอกาสอุ้มลูกสาวเจ้าไป แล้วอุ้มลูกชายข้าไปให้เจ้า” 


 

 

 


ตอนที่ 293 เจ้ามันเป็นนางงูพิษ

 

หลิงอวี้จื้อฟังไปก็ตาโตอ้าปากค้าง ตอนแรกเธอแค่กุเรื่อง คิดไม่ถึงว่าเธอจะมั่วถูก เธอเป็นลูกสาวของชวีเหยาจริงๆ มิน่าหลายปีมานี้ชวีฮุ่ยถึงไม่เคยดีกับลูกสาวคนนี้เลย ที่แท้เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้เอง 


 


 


หลิงจ้ายเทียนมีสีหน้าโมโห หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ชวีเหยาก็คงจะไม่เป็นบ้าเพราะทนไม่ได้ ที่แท้ทั้งหมดนี้ชวีฮุ่ยจงใจเข้ามาขัดขวาง ทำให้เขารู้สึกผิดต่อชวีเหยามาก 


 


 


หลิงจ้ายเทียนเงื้อมือขึ้นตบชวีฮุ่ยหนึ่งฉาด 


 


 


“เจ้ามันนางงูพิษ” 


 


 


ชวีฮุ่ยโดนตบอย่างจัง คุกเข่ากับพื้น 


 


 


“ท่านพี่ ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้วจริงๆ ท่านรีบช่วยอวี้จื้อเถิด! ข้าเลี้ยงดูนางมาตั้งหลายปี เห็นนางเป็นลูกในไส้มาตลอด” 


 


 


ชวีฮุ่ยไม่ได้อยากยอมรับความผิดจริงๆ นางเพียงแต่ไม่อยากขัดแย้งกับหลิงจ้ายเทียน เลี่ยงไม่ให้หลิงจ้ายเทียนโกรธนางมากขึ้นไปอีก หากให้โอกาสนางอีกครั้ง นางจะไม่ทำเรื่องเช่นนี้อีก ผู้ชายคนนี้ไม่คุ้มค่าให้เธอทุ่มเทขนาดนี้ 


 


 


“เจ้ายังจะพูดเช่นนี้อีกหรือ หลายปีมานี้เจ้าทำตัวอย่างไรกับหลิงอวี้จื้อ เจ้าเองรู้ดีแก่ใจ ชวีฮุ่ย เจ้ามันใจเ**้ยมนัก” 


 


 


ชวีเหยารู้สึกเพียงว่าทั้งตัวไม่มีเรี่ยวแรงเลยสักนิด นางเกลียดชวีฮุ่ยมาหลายปีขนาดนี้ ไม่ลังเลที่จะร่วมมือกับจางอี๋เหนียงวางยาพิษขุยเหล่ยเซียงแก่หลิงอวี้จื้อที่ยังอยู่ในวัยแบเบาะ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่นางริเริ่มทำร้ายคน และกลับเป็นลูกสาวของนางเองด้วย ที่แท้นางทำให้ลูกตนเองเป็นคนปัญญาอ่อนมาตั้งหลายปี คิดถึงตรงนี้ ชวีเหยาก็รู้สึกผิดในใจยิ่งนัก 


 


 


“พี่สาว ท่านยกโทษให้ข้าเถิด ตอนนั้นข้าขาดสติไปชั่วขณะ ถึงได้ทำเรื่องเช่นนี้ หลายปีมานี้ ข้าดูแลอวี้จื้ออย่างสุดความสามารถ เพียงแต่นางชอบก่อเรื่อง ข้าถูกนางยั่วโมโหจนไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว ถึงได้ทำตัวเย็นชากับนางไปบ้าง แต่อาหารการกินและความเป็นอยู่ ข้าดูแลนางไม่เคยขาด” 


 


 


ชวีฮุ่ยรีบอธิบาย เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของแม่ผู้เมตตาอารีเอาไว้ 


 


 


ชวีเหยาหัวเราะอย่างเย็นชา 


 


 


“เจ้าเป็นนายหญิงของที่นี่ ย่อมดูแลเรื่องอาหารการกินและความเป็นอยู่ของนางไม่ขาดตกบกพร่องอยู่แล้ว มิเช่นนั้นคนข้างนอกเขาจะมองเจ้าอย่างไร ใครเล่าจะไม่รู้ว่าฮูหยินแห่งจวนท่านมหาเสนาบดีเป็นกุลสตรีมีจิตใจงาม ชวีฮุ่ย เจ้าทำให้ลูกข้าต้องทุกข์ทน” 


 


 


หลิงอวี้จื้อมีความรู้สึกทนไม่ได้ ขวีเหยาเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารอย่างไม่ต้องสงสัย ความร้ายของนางเกิดจากสิ่งบีบคั้นทั้งสิ้น ผู้ร้ายตัวจริงคือชวีฮุ่ยต่างหาก 


 


 


เธอเดินไปตรงหน้าชวีเหยา ตะโกนใส่ทหารยามว่า 


 


 


“ปล่อยนาง” 


 


 


ทหารยามมองหลิงจ้ายเทียน หลิงจ้ายเทียนพยักหน้าด้วยสีหน้าสับสน ทหารยามปล่อยชวีเหยาแล้วถอยไปอีกด้าน 


 


 


ชวีเหยากอดหลิงอวี้จื้อแน่นทันที ร้องไห้แทบจะขาดใจ 


 


 


“ลูก ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ ข้าไม่ดีเอง ข้าไม่ควรวางยาเจ้าเลย ข้าเองที่ทำร้ายเจ้าให้เป็นเช่นนี้ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นลูกข้า ขอโทษนะ…ขอโทษ…” 


 


 


ชวีเหยาพูดขอโทษไม่หยุด หลิงอวี้จื้อแสบจมูกจะร้องไห้ หลิงอวี้จื้อตัวจริงตายไปแล้ว ฉากเหล่านั้นเธอก็ไม่เคยเห็น ตายด้วยน้ำมือของแม่แท้ๆ ของตน เป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่สุดแล้ว ตอนนี้เธอทำได้เพียงรับคำขอโทษแทนหลิงอวี้จื้อที่ตายไปแล้ว เธอคิดว่านางก็คงจะยกโทษให้นาง 


 


 


“ข้าไม่โทษท่าน จริงๆ นะ ข้าไม่โทษท่านจริงๆ แม่ นี่ไม่ใช่ความผิดของท่าน ท่านอย่าโทษตนเองเลย” 


 


 


หลิงอวี้จื้อลูบหลังชวีเหยาอย่างอ่อนโยน พูดปลอบชวีเหยาเบาๆ 


 


 


“เหยาเอ๋อร์ ขอโทษ ต่อไปข้าจะชดเชยให้เจ้าอย่างดี” 


 


 


หลิงจ้ายเทียนรู้สึกผิดจริงๆ เมื่อก่อนเขาเข้าใจชวีเหยาผิดไป 


 


 


ชวีเหยาไม่ได้สนใจหลิงจ้ายเทียน ทำแค่เพียงกอดหลิงอวี้จื้อไว้เท่านั้น ถึงแม้หลิงอวี้จื้อจะยกโทษให้นาง แต่นางยกโทษให้ตนเองไม่ได้ นางเกือบจะฆ่าลูกของตนเองไปแล้ว 


 


 


“แม่ ต่อไปข้าจะกตัญญูตอบแทนท่าน พวกเราไปจากที่นี่เถิด” 

 

 

 


ตอนที่ 294 อย่างไรท่านก็รับผิดชอบอยู่ดี

 

หลิงจ้ายเทียนจะประคองชวีเหยา แต่ชวีเหยาหลบทันที สีหน้าไม่ปิดบังความเกลียดชัง


 


 


“เจ้าอย่ามาแตะต้องตัวข้า หลิงจ้ายเทียน ข้าติดหนี้อวี้จื้อแต่ไม่ได้ติดหนี้เจ้าแม้แต่น้อย ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาชดเชยข้า หากเจ้ายังเห็นแก่ความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อกันในอดีตก็ไม่ต้องมาหาข้าอีก ข้าไม่อยากเห็นเจ้าอีกในชีวิตนี้”


 


 


เห็นชวีเหยาเกลียดตนเองขนาดนั้น หลิงจ้ายเทียนก็ชักมือกลับอย่างโมโห เซียวเหยี่ยนยังอยู่ เขาไม่สามารถแสดงออกมากเกินไป ในใจเขายังมีชวีเหยาอยู่ก็จริง แต่ว่าผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว สำหรับเขาความรักไม่ใช่เรื่องสำคัญไปตั้งนานแล้ว เพียงแต่ยังรู้สึกผิดต่อชวีเหยาอยู่บ้าง


 


 


“ข้าผิดต่อเจ้าเอง เจ้าไม่อยากเจอข้าก็ไม่ต้องเจอ เหยาเอ๋อร์ เจ้ารีบเอายาถอนพิษออกมา เด็กคนนี้ตรากตรำมามากขนาดนี้ จะเป็นอะไรไปอีกไม่ได้แล้ว”


 


 


“ข้าไม่มียาพิษขุยเหล่ยเซียงตั้งนานแล้ว”


 


 


หลิงจ้ายเทียนโล่งอก ไม่โดนพิษก็ดี


 


 


ส่วนชวีฮุ่ยโมโหจนแทบกระอักเลือด นึกไม่ถึงว่าชวีเหยาจะหลอกนาง หากไม่ใช่เพราะตอนนี้หลิงอวี้จื้อมีความสำคัญกับจวนมหาเสนาบดีมาก นางก็คงไม่รีบร้อนจะช่วยเธอด้วยซ้ำ และยิ่งไม่มีทางบอกความลับที่เก็บงำไว้สิบกว่าปีออกมา


 


 


นางไม่รู้ว่าหลิงจ้ายเทียนจะจัดการตนอย่างไร ขอเพียงยังคงเก็บตำแหน่งฮูหยินไว้ให้นาง ถึงแม้หลิงจ้ายเทียนจะไม่ไปหานางอีกตลอดกาล นางก็ไม่ว่าอะไร


 


 


หลิงจ้ายเทียนไม่พูดอะไร เพียงแต่ให้คนพานางไปเรือนที่นางพัก และให้คนเฝ้าดูไว้ ไม่มีธุระห้ามออกจากเรือน ถือว่าเป็นการกักบริเวณชวีฮุ่ย


 


 


หลิงอวี้จื้อเข้าใจเจตนาของหลิงจ้ายเทียน เขาจะรักษาตำแหน่งฮูหยินของชวีฮุ่ยต่อไป ตระกูลชวีไม่ใช่ตระกูลเล็กๆ ต้องมีคนเป็นนายหญิงของบ้าน นางเองก็เป็นลูกสาวของภรรยาหลวง ฐานะเช่นนี้ถึงจะพอให้แต่งกับเซียวเหยี่ยนได้ ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนี้ หลิงจ้ายเทียนจะไม่ยอมให้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรภายในจวน ถึงเวลานั้นคนที่โดนผลกระทบกระทบคือจวนมหาเสนาบดีทั้งจวน


 


 


หลิงจ้ายเทียนบอกว่าในใจเขามีชวีเหยา ก็อาจจะมี แต่สำหรับเขาสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างไรก็เป็นจวนมหาเสนาบดี ชวีเหยาถือว่าเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อม หากเปลี่ยนเป็นนาง นางก็อาจจะโหดกว่าชวีฮุ่ย


 


 


หลิงอวี้จื้อพาชวีเหยาออกไปข้างนอกเรือน ให้คนอาบน้ำให้ชวีเหยา เปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าสะอาด ชวีเหยาไม่ได้อาบน้ำมานานมาก จะอาบน้ำนางให้สะอาดนั้นนับเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลานานแน่นอน


 


 


หลิงอวี้จื้อนั่งอยู่ในห้อง ขยับข้อมือไปมา เซียวเหยี่ยนกุมมือหลิงอวี้จื้อ เห็นว่าบริเวณข้อมือของเธอแดงก็ยื่นมือออกไปนวดมือหลิงอวี้จื้อ นวดไปถามไป


 


 


“ยังเจ็บอยู่หรือไม่”


 


 


“ท่านช่วยข้านวดก็ไม่เจ็บแล้วเพคะ”


 


 


“เจ้าเป็นเช่นนี้ จะให้ข้าไปจากเมืองหลวงอย่างสบายใจได้อย่างไร”


 


 


“ถ้าอย่างนั้นก็พาข้าไปด้วยสิ”


 


 


หลิงอวี้จื้อรีบต่อประโยคทันที


 


 


เซียวเหยี่ยนเคาะหัวหลิงอวี้จื้อ


 


 


“เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะอดใจไม่ไหวทำอะไรละเมิดกฎเกณฑ์กับเจ้าหรือ”


 


 


“อย่างไรท่านก็จะรับผิดชอบอยู่ดี ข้าไม่กลัว”


 


 


เซียวเหยี่ยนหยุดนวด มองหลิงอวี้จื้อด้วยสายตาเร่าร้อน


 


 


“เข้าใจข้าขนาดนี้ เช่นนั้นคืนนี้เรา…”


 


 


หลิงอวี้จื้อหน้าแดงทันที


 


 


“อย่านะเพคะ ข้าล้อเล่น คืนนี้ข้าเพิ่งรับแม่มา ยังไม่ได้เตรียมพร้อม”


 


 


“เจ้าแค่นอนลงก็พอ”


 


 


“ลามก”


 


 


หลิงอวี้จื้อหน้าแดงขึ้นทุกที รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา


 


 


“ท่านหาข้าเจอได้อย่างไร”


 


 


“สาวใช้ที่ชื่อชิวจวี๋วางยาเจ้าในซุปรังนกพุทราแดง นางบอกว่าเหลียนอี๋เหนียงเป็นคนชักนำ เรื่องนี้ เจ้าไปคิดพิจารณาให้ดี”


 


 


หลิงอวี้จื้อพยักหน้า


 


 


“ข้ารู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นนาง เรื่องนี้ข้าจัดการเอง”


 


 


พูดจบ หลิงอวี้จื้อก็เข้าไปโอบรอบคอเซียวเหยี่ยน


 


 


“อาเหยี่ยน ท่านว่าแปลกหรือไม่ พอข้าเห็นท่านมาถึงแล้วก็รู้สึกสบายใจมาก เหมือนไม่กลัวอะไรอีกแล้ว”

 

 

 


ตอนที่ 295 ที่แท้เซียวเหยี่ยนสำคัญกับเธอมากขนาดนี้แล้ว

 

“ปกติมาก”


 


 


หลิงอวี้จื้อหัวเราะลั่น


 


 


“ข้าตัวเหม็นหรือไม่ แม่ข้ากำลังอาบน้ำอยู่ ข้ายังไม่ได้อาบเลย”


 


 


“ไม่ได้กลิ่น”


 


 


“เช่นนั้นข้าก็วางใจแล้ว ข้าจะได้กอดแน่นขึ้นอีกหน่อย”


 


 


เซียวเหยี่ยนทั้งอยากหัวเราะและร้องไห้ กอดหลิงอวี้จื้อแน่น แต่อารมณ์เริ่มซับซ้อน ออกไปคราวนี้เขาก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทั้งยังบอกหลิงอวี้จื้อไม่ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็จะกลับมาอย่างปลอดภัยเพราะหลิงอวี้จื้อยังรอเขาอยู่ที่นี่


 


 


เวลาดึกมากแล้ว จนเสียงของมั่วชิงดังขึ้นมาจากข้างนอก


 


 


“คุณหนู ฮูหยินอาบน้ำเสร็จแล้วเจ้าค่ะ”


 


 


เซียวเหยี่ยนจูบริมฝีปากหลิงอวี้จื้อ


 


 


“อวี้จื้อ ข้ากลับก่อนแล้ว ฟ้ายังไม่สาง เจ้าพักผ่อนสักหน่อยเถิด”


 


 


“อื้ม ข้าจะรอท่านกลับมา”


 


 


เซียวเหยี่ยนไปถึงธรณีประตู หลิงอวี้จื้อก็เรียกเขาหนึ่งครั้ง เซียวเหยี่ยนหยุดฝีเท้า หลิงอวี้จื้อวิ่งเข้าไปกอดเอวเซียวเหยี่ยน


 


 


“ทุกวันต้องนึกถึงข้าในใจวันละสามครั้งขึ้นไป ถึงแล้วอย่าลืมเขียนจดหมายถึงข้านะเพคะ”


 


 


หลิงอวี้จื้อไม่อยากให้เซียวเหยี่ยนไปเลยจริงๆ ยุคนี้ไม่มีมือถือหรือโทรศัพท์บ้านเสียด้วย ขนาดจะรับจดหมายสักฉบับก็ไม่ง่าย นอกจากรอเขาที่นี่ เธอก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว


 


 


“ได้”


 


 


เซียวเหยี่ยนรับปาก ตอนแรกเขาอยากอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนหลิงอวี้จื้อ แต่พอนึกได้ว่าหลิงอวี้จื้อเพิ่งจะได้พบแม่ที่แท้จริง คืนนี้ต้องมีเรื่องคุยกันมากมายแน่นอน เขาจึงเก็บโอกาสนี้ไว้ใช้คราวหน้า


 


 


เซียวเหยี่ยนลูบหัวหลิงอวี้จื้อ อดกลั้นความไม่อยากไปนี้เอาไว้แล้วจึงจากไป


 


 


หลิงอวี้จื้อพิงกรอบประตู ตอนแรกคิดว่าให้เซียวเหยี่ยนจากไปก่อนถึงค่อยกลับไป ใครจะไปรู้ว่าอยู่ๆ เซียวเหยี่ยนก็หันกลับมาแล้วโบกมือให้หลิงอวี้จื้อ


 


 


“อวี้จื้อ กลางคืนมันหนาว รีบเข้าไป”


 


 


“จะเข้าไปแล้ว ท่านรีบไปเถิด”


 


 


หลิงอวี้จื้อกลัวว่าเซียวเหยี่ยนจะไปอย่างไม่สบายใจ จึงปิดประตู แต่แง้มเอาไว้นิดๆ แอบมองแผ่นหลังของเซียวเหยี่ยน เซียวเหยี่ยนหันกลับมามองอีกแวบหนึ่ง แล้วหายไปในความมืดยามค่ำคืนอย่างรวดเร็ว


 


 


อารมณ์ของหลิงอวี้จื้อเริ่มดิ่งลง เธอถอนหายใจแรงหนึ่งครั้ง ตนเองผูกพันกับเซียวเหยี่ยนมากขนาดนี้เชียว หากไม่ได้แยกจากกันอีกครั้ง เธอก็คงไม่รู้สึกถึงข้อนี้ ที่แท้เซียวเหยี่ยนสำคัญกับเธอมากขนาดนี้แล้ว


 


 


มั่วชิงพาชวีเหยาเข้ามาแล้ว หลิงอวี้จื้อเก็บอารมณ์เหล่านั้นเอาไว้ ชวีเหยาที่อยู่ตรงหน้านี้เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ถึงแม้ดูแล้วจะแก่กว่าชวีฮุ่ยพอสมควร แต่เครื่องหน้าทั้งห้าล้วนสวยงามกว่าชวีฮุ่ย สามารถจินตนาการได้ว่าตอนสาวๆ หน้าตาจองชวีเหยาดีกว่าชวีฮุ่ย นับว่าเป็นคนสวยมากคนหนึ่ง


 


 


บนใบหน้าของชวีเหยามีริ้วรอยแห่งกาลเวลา แววตาแก่ชรา หากยืนกับชวีฮุ่ย ดูเหมือนจะแก่กว่าชวีฮุ่ยสิบกว่าปี


 


 


ผมนางยังเปียกอยู่ ถูมือไปมาอย่างไม่สบายใจ ดูเหมือนไม่รู้จะเผชิญหน้ากับหลิงอวี้จื้ออย่างไร เห็นนางระวังระแวงเช่นนี้ หลิงอวี้จื้อก็จูงนางมานั่งลงแล้วถามอย่างอ่อนโยน


 


 


“ท่านแม่ ท่านหนาวหรือไม่”


 


 


ด้วยความเป็นนักแสดง ไม่รู้ว่าเรียกคนอื่นว่าแม่ไปกี่คนแล้ว ดังนั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอ โดยปกติแค่อ้าปากก็พูดได้แล้ว


 


 


“ข้าไม่หนาว ท่านอ๋องไปแล้วหรือ”


 


 


“อื้ม ไปแล้ว ที่นี่เป็นห้องของลูก เขาไม่ควรอยู่นาน”


 


 


“อวี้จื้อ อย่างไรเจ้าก็ยังมีบุญวาสนา ท่านอ๋องใส่ใจเจ้ามาก เจ้ามีสามีที่ดี ข้าก็ดีใจ ดีใจจริงๆ”


 


 


ชวีเหยาคอยหลบสายตาของหลิงอวี้จื้อตลอด แม้จะพูดอยู่ แต่ไม่กล้ามองหลิงอวี้จื้อ


 


 


“ใช่เจ้าค่ะ ท่านเทวดาเอ็นดูข้าจริงๆ ท่านแม่ เรื่องที่มันผ่านไปแล้วก็ไม่ต้องไปคิดถึงแล้ว ต่อไปอยู่ที่นี่ให้สบายใจ พวกเราอยู่กันอย่างสงบสุข รอข้าแต่งงานเข้าพระตำหนักท่านอ๋องแล้ว ข้าจะมารับท่านไปด้วย ว่าอย่างไรเจ้าคะ”

 

 

 


ตอนที่ 296 หากมีคราวหน้าก็จบชีวิตทันที

 

ชวีเหยาดีใจและตื่นเต้น ยื่นมือออกมากุมมือหลิงอวี้จื้อแน่น


 


 


“เจ้าไม่เกลียดข้าหรือ”


 


 


“แม่เองก็ถูกปิดหูปิดตา หลายปีมานี้ก็ไม่ได้อยู่ดีกินดี ข้าจะเกลียดแม่ทำไม แม่ เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ไม่ต้องพูดถึงอีก ชีวิตต้องมองไปข้างหน้า มัวแต่จมจ่ออยู่กับอดีต ไม่มีความหมายอะไร”


 


 


ชวีเหยายิ้มออกมา


 


 


“เจ้าเป็นเด็กดีจริง”


 


 


“ได้มาจากท่านแหละ”


 


 


หลิงอวี้จื้อหัวเราะออกมา เห็นหลิงอวี้จื้อหัวเราะดีใจขนาดนี้ ชวีเหยาก็อดใจไม่ไหวหัวเราะด้วย เดิมทีชีวิตนี้ของนางมีแต่ความสิ้นหวัง คิดไม่ถึงว่าในบั้นปลาย ท่านเทวดาจะส่งลูกของนางกลับมาอยู่ข้างกาย นางพอใจแล้ว คิดเพียงจะใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อชดเชยให้กับลูกคนนี้ให้ดีๆ


 


 


เหตุผลที่หลิงอวี้จื้อเก็บชวีเหยาไว้ข้างกายนั้นเรียบง่ายมาก มีคนมารักตนเพิ่มอีกคนย่อมเป็นเรื่องดี ดูออกว่าชวีเหยารักลูกตนเองมาก เจ้าของร่างเดิมไม่สามารถรู้จักแม่แท้ๆ ของตนได้ เธอเข้ามาอยู่ในร่างเดิมของเจ้าของก็ถือว่าช่วยเติมเต็มความปรารถนาของเจ้าของร่างเดิม


 


 


เมื่อช่วยจัดที่ให้ชวีเหยาเสร็จแล้ว หลิงอวี้จื้อก็ไปอาบน้ำ เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ ขณะที่กำลังเช็ดผม อยู่ๆ มั่วชิงก็เข้ามารายงาน


 


 


“คุณหนู ชิวจวี๋ขึ้นไปแขวนคอแล้วเจ้าค่ะ”


 


 


“ตายแล้วหรือ”


 


 


“ยังไม่ตายเจ้าค่ะ หรูเยียนไปเห็นทันเวลา ช่วยลงมาแล้วเจ้าค่ะ”


 


 


หลิงอวี้จื้อวางผ้าลง


 


 


“ไหนข้าไปดูหน่อย!”


 


 


พูดจบก็ออกจากห้องไป อย่างไรคืนนี้ก็นอนไม่หลับแล้ว พรุ่งนี้ค่อยนอนชดเชย ไปดูก่อนว่าชิวจวี๋ก่อเรื่องอะไร


 


 


หลิงอวี้จื้อเพิ่งจะเดินไปถึงห้องหรูเยียนก็ได้ยินเสียงร้องไห้จากข้างใน ชิวจวี๋นั่งบนเตียง ปิดหน้าเอาแต่ร้องไห้ หรูเยียนนั่งข้างๆ หน้าเครียดแต่ไม่พูดอะไร


 


 


“ดึกแล้ว ข้ายังไม่ร้องไห้เลย เจ้ากลับมาร้องไห้น้อยใจ ชิวจวี๋ เจ้าบอกมาซิว่าใครรังแกใคร”


 


 


หลิงอวี้จื้อเดินมาถึงประตู พูดลากเสียงยานคาง


 


 


ได้ยินเสียงหลิงอวี้จื้อ หรูเยียนก็ลุกขึ้นทันที นางเดินไปตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ คุกเข่าลงดังตุบ


 


 


“คุณหนู เป็นความผิดของบ่าวเองเจ้าค่ะ บ่าวไม่นึกว่าชิวจวี๋จะขาดสติเพียงนี้ คุณหนูโปรดลงโทษบ่าวเถิดเจ้าค่ะ”


 


 


ชิวจวี๋เช็ดน้ำตาอย่างลนลาน พุ่งเข้ามาทันที


 


 


“คุณหนูเจ้าคะ อย่าโทษพี่สาวเลยเจ้าค่ะ ข้าเลอะเลือนเอง ข้าละโมบอยากได้เครื่องประดับของเหลียนอี๋เหนียงถึงได้ขาดสติทำเรื่องเช่นนี้ คุณหนูอย่าโทษพี่สาวเลยเจ้าค่ะ นางไม่รู้เรื่องอะไรเลย พี่ฆ่าข้าเถิด! ข้าไม่มีหน้าจะพบคุณหนูอีกแล้ว”


 


 


ชิวจวี๋พูดไปเอาหัวโขกพื้นไป ทำให้พื้นเกิดเสียงดังตึงตัง ไม่นานก็โขกจนหน้าผากแตก


 


 


“เอ๊ะๆ …เจ้าทำอะไรน่ะ ชิวจวี๋ เจ้าอย่าลนสิ เรามาค่อยๆ พูดกันให้กระจ่างเถิด”


 


 


ชิวจวี๋จึงหยุด พอเห็นชิวจวี๋สำนึกผิด หรูเยียนก็เริ่มขอร้องให้ชิวจวี๋


 


 


“คุณหนูเจ้าคะ ให้โอกาสชิวจวี๋อีกครั้งเถิดเจ้าค่ะ! ผ่านครั้งนี้ไปแล้ว นางรู้ตัวแล้วว่าทำผิดไปเจ้าค่ะ”


 


 


“เหลียนอี๋เหนียงติดสินบนเจ้าจริงหรือ”


 


 


“จริงเจ้าค่ะ คราวนี้บ่าวไม่กล้าหลอกคุณหนูแล้วเจ้าค่ะ”


 


 


หลิงอวี้จื้อมองชิวจวี๋ ดูเหมือนเหลียนอี๋เหนียงจะเป็นคนชักใยเรื่องนี้จริงๆ ว่ากันตามเหตุผลแล้ว คนที่มีความผิดติดตัว เธอไม่กล้าให้อยู่ที่นี่อีกต่อไป


 


 


แต่หากไล่ออกไปตรงๆ เลยก็กลัวว่าหรูเยียนจะไม่สบายใจ คิดแล้วคิดอีก เธอจึงพูดว่า


 


 


“ชิวจวี๋ รู้ผิดแล้วแก้ไขนับว่ายอดเยี่ยม ต่อไปเจ้าอยู่ทำความสะอาดลานข้างนอกเรือน ไม่ต้องเข้ามายุ่งข้างในเรือนแล้ว”


 


 


“ขอบพระคุณเจ้าค่ะคุณหนู ต่อไปบ่าวจะตั้งใจทำงาน และไม่กล้าทำเรื่องไร้สติเช่นนี้อีก”


 


 


“หากมีคราวหน้าอีกก็จบชีวิตทันที”


 


 


หลิงอวี้จื้อเตือนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม


 


 


“รักษาโอกาสนี้ไว้ให้ดีๆ”


 


 


ชิวจวี๋นึกไม่ถึงว่าหน้าใสๆ อย่างหลิงอวี้จื้อจะขู่คนได้ด้วย ตอนที่เพิ่งมา เธอมองหลิงอวี้จื้อเป็นเด็ก แต่ตอนนี้ไม่กล้าดูถูกหลิงอวี้จื้อแล้ว เธอมีอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์คอยสนับสนุน ชิวจวี๋กลัวเซียวเหยี่ยนจริงๆ

 

 

 


ตอนที่ 297 คำขอโทษนี้ข้าไม่รับ

 

วันถัดมา ลมหนาวพัดหวีดหวิวอยู่ข้างนอก เซียวเหยี่ยนออกจากเมืองหลวงไปตอนสายๆ ข้างนอกหนาวมาก เขาจึงไม่ได้ให้หลิงอวี้จื้อมาส่ง เพียงให้คนส่งจดหมายฉบับหนึ่งไปให้หลิงอวี้จื้อ ในจดหมายมีเพียงประโยคเดียว


 


 


‘รอข้ากลับมา’


 


 


หลิงอวี้จื้อรับจดหมายมา ลักษณะการเขียนจดหมายสมกับเป็นเซียวเหยี่ยนจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะมีเพียงสี่คำ ข้างนอกหนาวขนาดนี้ เซียวเหยี่ยนไม่อยู่ เธอก็ไม่มีแก่ใจจะออกไปข้างนอก เลี้ยงพืชอวบน้ำอยู่ในห้องดีกว่า


 


 


เมื่อคืนนอนดึกมาก ประกอบกับเกิดเรื่องมากมาย ฟ้าจะสางแล้วเธอถึงเพิ่งได้นอน ตอนนี้ง่วงนอนเหลือเกิน เธอหาวไปหนึ่งครั้ง หลิงจื่อเฉิงก็เข้ามา


 


 


หลิงจื่อเฉิงเดินก้าวเร็วๆ มาตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ


 


 


“อวี้จื้อ เมื่อคืนเหลียนอี๋เหนียงโดนท่านพ่อ…”


 


 


หลิงจื่อเฉิงทำท่าปาดคอ


 


 


หลิงอวี้จื้อไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อย เมื่อคืนเซียวเหยี่ยนจงใจเตือนหลิงจ้ายเทียน ให้จัดการเหลียนอี๋เหนียงให้ดีๆ


 


 


ประเด็นสำคัญที่สุดคือตอนนี้เหลียนอี๋เหนียงไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่อหลิงจ้ายเทียน หลิงจ้ายเทียนเป็นคนที่อยู่กับความเป็นจริง คนไร้ประโยชน์ซ้ำยังก่อเรื่องเป็นประจำ เขาย่อมไม่เก็บไว้


 


 


ประกอบกับคราวนี้เซียวเหยี่ยนเป็นคนเอ่ยปากเอง เขาจึงฆ่าเหลียนอี๋เหนียงเสีย เพื่อไม่ให้เหลียนอี๋เหนียงก่อเรื่องอะไรไม่น่าดูอีกในภายภาคหน้า


 


 


“ท่านพ่อจัดการเรื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงจริงๆ”


 


 


หลิงอวี้จื้อยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นอย่างเนือยๆ


 


 


หลิงจื่อเฉิงเห็นหลิงอวี้จื้อง่วงงุนอยากนอน จากนั้นดูเหมือนไม่รู้ว่าจะเริ่มเอ่ยปากอย่างไร ลังเลอยู่สักครู่จึงพูดว่า


 


 


“อวี้จื้อ เมื่อวานท่านแม่จะแขวนคอจบชีวิต ยังดีที่สาวใช้เห็นเข้าทันเวลา มิเช่นนั้นคงจะ…”


 


 


หลิงอวี้จื้อหาวอีกครั้ง ขนาดเปลือกตายังไม่ยกขึ้น


 


 


“พี่ชาย ลูกไม้นี้เมื่อวานชิวจวี๋ใช้ไปแล้ว ทำก่อนท่านแม่พอดี ไม่เห็นแปลก”


 


 


“อวี้จื้อ ตอนนั้นท่านแม่ทำผิด แต่นางก็เลี้ยงดูเจ้ามาตั้งหลายปี ตอนนี้นางรู้ผิดแล้วจริงๆ ท่านพ่อก็ไม่อยากพบหน้าข้าด้วยซ้ำ ตอนนี้มีเพียงคำพูดของเจ้า ท่านพ่อถึงจะรับฟัง เจ้าช่วยท่านแม่สักหน่อยเถิด!”


 


 


นึกไม่ถึงว่าหลิงจื่อเฉิงจะมาขอร้องแทนชวีซื่อ หลิงอวี้จื้อเอนลงบนตั่งช้าๆ


 


 


“พี่ชาย พี่บอกหน่อย หลายปีมานี้ท่านแม่สนใจอะไรข้าบ้าง


 


 


“เห็นสมองข้ามีปัญหา ก็โยนข้าให้สาวใช้โดยไม่สนใจ ทุกครั้งที่ข้าก่อเรื่องเล็กน้อย ก็ไม่พ้นจะต้องกรอกตาใส่และด่าทอข้า นางเป็นแม่ที่ดีไม่ได้ แล้วเหตุใดข้าจะต้องเป็นลูกที่ดีด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็ไม่ใช่ลูกสาวนางเสียด้วยซ้ำ”


 


 


“อวี้จื้อ ท่านแม่อายุมากแล้ว ร่างกายรับการทรมานเช่นนี้ไม่ไหว”


 


 


“ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แก่กว่านางสิบปี อย่างนางเรียกว่าอายุมากแล้วหรือ พี่จะให้ท่านอ๋องคิดอย่างไร”


 


 


หลิงจื่อเฉิงพูดแพ้หลิงอวี้จื้อโดยสิ้นเชิง ชวีฮุ่ยเป็นแม่แท้ๆ ของเขา เอ็นดูรักใคร่เขามากตั้งแต่เด็กๆ ตอนนี้ชวีซื่อจะเป็นจะตายอยู่ในเรือน เขาย่อมทนดูไม่ได้ ถึงได้มาขอร้องหลิงอวี้จื้อ


 


 


เห็นชวีฮุ่ยทำเป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้ หลิงอวี้จื้อก็ยิ่งเกลียดชวีฮุ่ยขึ้นไปอีก ไม่ทันไรก็ใช้กลยุทธ์ทำร้ายตนเองเพื่อเรียกคะแนนสงสาร จะให้นางไปช่วยขอร้องหรือ ไม่มีทาง


 


 


“อวี้จื้อ ถือว่าข้อขอเจ้า ถือว่าเห็นแก่หน้าข้า เจ้าช่วยท่านแม่หน่อยเถิด!”


 


 


หลิงอวี้จื้อเปลี่ยนท่าทาง


 


 


“พี่อยากเป็นลูกชายผู้กตัญญูก็ไปขอร้องเองสิ อย่างไรข้าก็ตัดสินใจจะอยู่เป็นลูกสาวอกตัญญูที่นี่ พี่ชาย แค่ออกจากเรือนไม่ได้ นางก็รับไม่ไหวเสียแล้ว แล้วแม่ข้าที่ถูกขังอยู่ในเรือนเหนือมานานขนาดนั้นล่ะ นางอยู่มาได้อย่างไร กาลเวลาผันเปลี่ยน กับท่านแม่ข้าทำดีจนถึงที่สุดแล้ว พี่ไม่ต้องพูดจาไร้สาระอีก มีเวลาก็ไปอยู่เป็นเพื่อนชิงชิงให้มากหน่อยเถิด”


 


 


เห็นหลิงอวี้จื้อไม่สะทกสะท้าน หลิงจื่อเฉิงได้แต่ทอดถอนใจเบาๆ


 


 


“ขอโทษนะ อวี้จื้อ ข้าขอโทษเจ้าแทนท่านแม่”


 


 


“คนที่ควรขอโทษไม่ใช่พี่ ดังนั้นคำขอโทษนี้ข้าไม่รับ”

 

 

 


ตอนที่ 298 การเรียกพบที่มีเจตนาร้าย

 

หลิงจื่อเฉิงไม่ได้พูดอะไรอีก เขารู้ว่าตนเองไม่มีหน้าจะเอ่ยอะไร แต่แค่นึกถึงท่าทางสำนึกผิดของชวีฮุ่ย เขาก็อดไม่ได้ที่จะมาหาหลิงอวี้จื้อ นึกไม่ถึงว่าหลิงอวี้จื้อจะเด็ดขาดเช่นนี้ ปฏิเสธโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย


 


 


หลิงจื่อเฉิงค่อนข้างกระอักกระอ่วน ตัดสินใจว่าผ่านไปสักพัก รอหลิงอวี้จื้ออารมณ์เย็นลงแล้วค่อยมาหาเธอ เห็นหลิงอวี้จื้อดูเหนื่อยล้าจึงพูดกำชับประโยคหนึ่งแล้วก็กลับไป


 


 


หลังจากนั้นไม่กี่วัน ขณะหลิงอวี้จื้อกำลังเตรียมนอนกลางวัน อยู่ๆ หรูเยียนก็เข้ามา รายงานว่า


 


 


“คุณหนูเจ้าคะ มีคนจากวังมาเจ้าค่ะ บอกว่าไทเฮาเรียกคุณหนูเข้าวังไปพบเจ้าค่ะ”


 


 


ได้ยินว่ามู่หรงกวานเย่ว์เรียกเธอเข้าเฝ้า หลิงอวี้จื้อก็ตื่นทันที เซียวเหยี่ยนเพิ่งจะก้าวเท้าออกไป มู่หรงกวานเย่ว์ก็ต้องการพบตน เช่นนี้หมายความว่าอย่างไร คงไม่ได้จะลงมือทำอะไรหรอกนะ!


 


 


ไม่มีเหตุผลเลย มู่หรงกวานเย่ว์เป็นคนเงียบสงบขนาดนี้ ถ้าจะลงมือคงไม่ลงมือโจ่งแจ้งขนาดนี้ ไม่ว่านางจะมีจุดประสงค์อะไร สรุปว่าได้ว่าย่อมไม่ใช่เรื่องดี ที่น่าหงุดหงิดที่สุดคือตนเองไม่สามารถปฏิเสธได้นี่แหละ


 


 


“รีบหวีผมให้ข้า”


 


 


หลิงอวี้จื้อลุกขึ้นไปนั่งที่โต๊ะเครื่องแป้ง คราวนี้ไม่มีความอยากนอนเลยแม้แต่น้อย สมองตื่นตัวจนไม่รู้จะตื่นตัวอย่างไรแล้ว


 


 


“มั่วชิง ตอนนี้เจ้ารีบไปที่จวนมู่หรง แจ้งคุณชายมู่หรง ปลอดภัยไว้ดีกว่าเสียใจภายหลัง พวกเราต้องระวังตัวไว้หน่อยถึงจะดี”


 


 


“ข้าไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”


 


 


มั่วชิงรับคำแล้วออกไปทันที


 


 


หลิงอวี้จื้อนั่งอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง ให้หรูเยียนหวีผมให้ รอมั่วชิงกลับมาแล้วค่อยเข้าวัง


 


 


เมื่อหวีผมเสร็จแล้ว หลิงอวี้จื้อก็สวมผ้าคลุมกันลมสีชมพูอ่อน มั่วชิงก็กลับมาแล้ว เธอพามั่วชิงนั่งรถม้าเข้าวัง


 


 


มั่วชิงถูกกันไว้นอกตำหนัก หลิงอวี้จื้อเข้าไปในตำหนักหลักได้คนเดียวเท่านั้น ข้างนอกลมหนาวพัดกระหน่ำ ตำหนักใหญ่ของวังฉางเล่อกลับอบอุ่น หลิงอวี้จื้อปลดผ้าคลุมกันลมออก ส่งให้สาวใช้ในวังที่ยืนคอยปรนนิบัติอยู่ข้างๆ


 


 


มู่หรงกวานเย่ว์เอนกายอยู่บนบัลลังก์ ในตำหนักจุดธูปไม้จันทน์ จื่ออีคุกเข่ากับพื้นคอยทุบขาให้มู่หรงกวานเย่ว์ นางสวมชุดสุภาพสีม่วง ปักปิ่นที่วิจิตรงดงามบนศีรษะ แต่งตัวสวยงามสูงศักดิ์ ท่าทางทั้งสง่างามและสูงส่ง


 


 


หลิงอวี้จื้อทำความเคารพมู่หรงกวานเย่ว์ตามกฎระเบียบ มู่หรงกวานเย่ว์มีน้ำเสียงเหมือนปกติ


 


 


“ลุกขึ้นเถิด!”


 


 


“ขอบพระทัยไทเฮา”


 


 


“คนมา เอาเก้าอี้ให้หลิงซื่อตู๋”


 


 


ถึงแม้หลิงอวี้จื้อจะไม่ได้เข้าวังมาเรียนหนังสือเป็นเพื่อนฮ่องเต้ต่อ แต่เซียวเหยี่ยนและเฉินมั่วฉือยังไม่ได้ยกเลิกตำแหน่งราชการของเธอ ดังนั้นเธอยังดำรงตำแหน่งราชการของพระราชสำนักอยู่ ยังสามารถมารับค่าตอบแทนได้ทุกเดือน


 


 


หลิงอวี้จื้อนั่งบนเก้าอี้ ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน รอให้มู่หรงกวานเย่ว์เอ่ยปากก่อน เธออยากรู้นัก ว่านางเรียกเธอเข้าวังมา คิดจะพูดอะไรกันแน่


 


 


“อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์พูดกับเราว่า รอเขากลับเข้ากรุงมาแล้วจะแต่งงานกับเจ้า เราเตรียมการไว้แล้ว กำหนดวันไว้คือวันที่หนึ่งเดือนสอง วันนั้นเป็นวันดี มีเวลาไม่ถึงสองเดือนแล้ว หลิงซื่อตู๋ก็เตรียมตัวให้ดีๆ”


 


 


มู่หรงกวานเย่ว์ใช้น้ำเสียงแบบรุ่นพี่บอกรุ่นน้อง ไม่มีความเกลียดหรือไม่พอใจเลยแม้แต่น้อย


 


 


มู่หรงกวานเย่ว์ไม่แสดงออก หลิงอวี้จื้อก็ย่อมไม่แสดงออกด้วย พูดรับปากไปตามกฎว่า


 


 


“ไทเฮาเป็นห่วงเสียแล้ว”


 


 


“เรากับท่านอ๋องรู้จักกันมานาน เขาจะแต่งงาน เราย่อมต้องเป็นห่วงสักหน่อย


 


 


เจ้าเป็นคนฉลาดแถมยังมีไหวพริบ เราเองก็ชอบเจ้ามาก เดิมทีเราอยากเก็บเจ้าไว้ ให้เจ้าได้เป็นลูกสะใภ้ของเรา คิดไม่ถึงว่าโดนท่านอ๋องแย่งไปเสียก่อน พวกเจ้าทั้งสองรักใคร่ชอบพอกัน เราย่อมต้องช่วยให้สมปรารถนา”


 


 


ตอนที่มู่หรงกวานเย่ว์พูดเรื่องเหล่านี้ ใบหน้านางยังเจือไปด้วยรอยยิ้ม หลิงอวี้จื้อเห็นมู่หรงกวานเย่ว์ยิ้ม ในใจหลิงอวี้จื้อพลันรู้สึกกลัว จิตวิทยาของมู่หรงกวานเย่ว์นั้นแข็งแกร่งไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไปจริงๆ มองไม่เห็นพิรุธใดๆ สักจุดเดียว เทคนิคการแสดงนี้ไม่แพ้เธอเลย


 

 

 


ตอนที่ 299

 

ไทเฮาพระราชทานยา

“หม่อมฉันไม่มีบุญวาสนาเองเพคะ”


 


 


หลิงอวี้จื้อแสดงออกอย่างเคารพยิ่ง ที่นี่คือวังฉางเล่อ เซียวเหยี่ยนก็ไม่อยู่ เธอต้องเก็บดาบไว้ในฝักก่อน มิเช่นนั้นคนที่เสียเปรียบก็คือเธอ


 


 


“เมื่อก่อนอยู่ต่อหน้าเรา เจ้ามีเรื่องพูดมากมาย ตอนนี้ไยถึงระมัดระวังขนาดนี้ เมื่อก่อนเป็นอย่างไรก็จงเป็นอย่างนั้นเถอะ เราไม่มีเจตนาอื่น อวี้จื้อ เจ้าจะแต่งงานแล้ว เรามีของขวัญอย่างหนึ่งมอบให้เจ้า จื่ออี เจ้ายกของขวัญมาสิ”


 


 


“เพคะ ไทเฮา”


 


 


จื่ออีตอบรับครั้งหนึ่งก็ลุกขึ้นไปหยิบของขวัญ หลิงอวี้จื้อนั่งบนเก้าอี้อย่างค่อนข้างไม่สบายใจ จากลางสังหรณ์ ของขวัญนั้นย่อมไม่ใช่ของดีอะไรแน่นอน


 


 


รอสักครู่ จื่ออีก็อุ้ม**บไม้สีแดงเข้มเข้ามา **บไม้ใบไม่ใหญ่ ข้างในก็คงไม่ใช่ของชิ้นใหญ่อะไร จื่ออีเดินมาตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ ยื่น**บไม้ให้หลิงอวี้จื้ออย่างเคารพ


 


 


“อวี้จื้อ เปิดดูสิว่าชอบหรือไม่”


 


 


หลิงอวี้จื้อได้แต่รับ**บไม้มา เธอเปิด**บไม้อย่างระมัดระวัง


 


 


อารมณ์เธอสับสนตลอดทั้งกระบวนการ กลัวว่าพอเปิดออกมาแล้วจะเห็นของอะไรที่ไม่สะอาด เธอยังเสียมารยาทไม่ได้ มู่หรงกวานเย่ว์ไม่มีทางให้ของขวัญเธอโดยไม่มีที่มาที่ไป ต้องมีจุดประสงค์แน่นอน มิเช่นนั้นคงไม่มีทางเรียกเธอเข้าเฝ้าด้วยซ้ำ


 


 


รอจนเธอเห็นของข้างใน**บไม้จนชัดเจนก็ตกใจจนไม่รู้จะพูดอย่างไรดี แม่เจ้า มู่หรงกวานเย่ว์โรคจิตเกินไปแล้วไหม!


 


 


นึกไม่ถึงว่าจะมอบยาเม็ดสีดำให้เธอหนึ่งเม็ด ใครจะไปรู้ว่ามันคือของบ้าบออะไร เธอไม่กล้ากินแน่นอน ดูจากเจตนาของมู่หรงกวานเย่ว์แล้ว เกรงว่าจะบังคับให้เธอกินลงไปตอนนี้เลย


 


 


“เราได้ยินว่าเมื่อคืนเจ้าเจอเรื่องทำให้เสียขวัญ นี่เป็นยาบำรุง ให้เจ้าไปบำรุงร่างกาย อวี้จื้อ ไม่นานเจ้าก็จะแต่งงานแล้ว ต้องดูแลร่างกายให้ดี”


 


 


หลิงอวี้จื้อปิด**บไม้ ตอบกลับอย่างเคารพ


 


 


“หม่อมฉันสุขภาพดีมากเพคะ ระยะนี้กินยาบำรุงไปมากโขแล้ว ท่านหมอบอกว่าหม่อมฉันไม่ควรบำรุงเพิ่มอีก ยานี้หม่อมฉันจะเอากลับไป ผ่านไปสักระยะหนึ่งค่อยใช้เพคะ”


 


 


“อวี้จื้อ เจ้าอายุสิบเจ็ดปีแล้ว แต่หน้าตาราวกับเด็ก บำรุงเอาไว้ถึงจะดี คนอื่นจะได้ไม่ยิ้มเยาะเซียวเหยี่ยน กินเสียเถิด!”


 


 


หลิงอวี้จื้อไม่ขยับ มู่หรงกวานเย่ว์หน้าเครียด


 


 


“อวี้จื้อ เจ้ากลัวว่ายาบำรุงนี้จะมีปัญหาหรือ”


 


 


“หม่อมฉันมิได้หมายความเช่นนั้นเลยเพคะ”


 


 


หลิงอวี้จื้อแอบสาปแช่งด่าทอมู่หรงกวานเย่ว์ในใจ กลัวเสียที่ไหน มันมีปัญหาตั้งแต่แรกแล้ว นึกไม่ถึงว่ามู่หรงกวานเย่ว์จะใช้เหตุผลที่ฟังดูดีเช่นนี้มาจัดการเธอ ตอนแรกยังนึกว่ามู่หรงกวานเย่ว์ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ดูท่าแล้วตนเองไม่ได้เข้าใจมู่หรงกวานเย่ว์เลย


 


 


คราวนี้ขี่หลังเสือไปแล้วลงยากนัก ยานี้กินไม่ได้เด็ดขาด แต่มีคนตั้งมากมายจ้องมองอยู่ จะโกงก็ทำไม่ไหว มั่วชิงเองก็อยู่ข้างนอก


 


 


“ถ้าเช่นนั้นเหตุใดยังไม่กิน เราต้องเห็นเจ้ากินถึงจะวางใจ นี่เป็นน้ำใจจากเรา เจ้าอย่าทำให้เราผิดหวัง”


 


 


ดีกับผีสิ หลิงอวี้จื้อตอกกลับในใจ


 


 


เธอเปิด**บไม้ ทำหน้าลำบากใจพูดว่า


 


 


“ในเมื่อเป็นน้ำใจงดงามของไทเฮา หม่อมฉันย่อมปฏิเสธมิได้ เพียงแต่ยาเม็ดนี้ใหญ่เกินไปแล้วเพคะ รบกวนป้าจื่ออีรินน้ำให้ข้าสักถ้วย”


 


 


จื่ออีให้คนใช้ข้างๆ ไปรินน้ำทันที หลิงอวี้จื้อหยิบเม็ดยาสีดำออกมา


 


 


ยาเม็ดนี้ใหญ่จริง ใหญ่พอๆ กับเล็บหัวแม่มือ เพิ่งหยิบออกมาก็ได้กลิ่นสมุนไพรเข้มข้น สิ่งนี้มันคืออะไรกันแน่ เธอมั่นใจว่ายานี้กินแล้วคงไม่ถึงตาย แต่ร่างกายจะมีปัญหาอะไรไหมนั้นไม่แน่ใจ


 


 


ตอนแรกเธอคิดจะบีบยาเม็ดนั้นให้แตก แต่พอลองกำในมือดูแล้ว นึกไม่ถึงว่ายาเม็ดนี้แข็งราวกับหิน บีบไม่แตกเลยแม้แต่น้อย คราวนี้กระอักกระอ่วนใจจริงๆ แล้ว

 

 

 


ตอนที่ 300

 

คราวนี้เล่นใหญ่เสียแล้ว

เธอไม่สามารถรอมู่หรงนี่อวิ๋นที่นี่ได้ จะถ่วงเวลานานขนาดนั้นไม่ได้ ตอนนี้ได้แต่พึ่งตนเองแล้ว เธอวางยาลง อุ้ม**บไม้ ลุกขึ้นเดินไปตรงหน้ามู่หรงกวานเย่ว์แล้วคุกเข่าลงไปตามระเบียบ


 


 


“ขอบพระทัยไทเฮาที่พระราชทานยาเพคะ”


 


 


พูดจบก็โขกคำนับกับพื้นหนึ่งครั้งแล้วฉวยโอกาสนี้โยนยาลงพื้น จากนั้นก็จงใจใช้รองเท้าเหยียบไว้ พอลุกขึ้นมา เธอรับน้ำที่คนใช้ยื่นให้ ยื่นมือลงไปใน**บ สีหน้าเปลี่ยนทันที คุกเข่ากับพื้นอย่างตื่นตกใจ


 


 


“ไทเฮาโปรดประทานอภัย ยาเม็ดนั้นหายไปแล้ว หม่อมฉันไม่ดีเอง เรื่องนี้เป็นความสะเพร่าของหม่อมฉันเองเพคะ”


 


 


มู่หรงกวานเย่ว์ลุกขึ้น เห็น**บไม้ว่างเปล่า ยังไม่โกรธ ลูกไม้นี้หลุดสายตานางไปได้อย่างไร นางยิ้มพูดว่า


 


 


“ไม่เป็นไร เราประทานยาให้ครั้งแรก หลิงซื่อตู๋ย่อมมีความประหม่า ยาบำรุงนี้มิได้มีแค่เม็ดเดียว จื่ออี ให้คนเอามาอีก”


 


 


จื่ออีปรบมือ ไม่นานก็มีแม่นมสูงวัยถือ**บไม้**บหนึ่งเข้ามา จื่ออีเปิด**บไม้ ข้างในนั้นอย่างน้อยมีถึงร้อยเม็ด


 


 


มุมปากหลิงอวี้จื้อยกขึ้น โกรธจนเกือบจะทุ่ม**บไม้ มู่หรงกวานเย่ว์เจ้าเล่ห์นัก เมื่อครู่จงใจแกล้งเธอเล่น นึกไม่ถึงว่ายานี้จะทำมาเป็นโขยง เธอจะโยนทิ้งก็โยนไม่ไหว


 


 


“ไทเฮาช่างเข้าอกเข้าใจผู้อื่นดีจริงเพคะ”


 


 


หลิงอวี้จื้อพูดพลางยิ้มปลอมๆ


 


 


“ในเมื่อยังมีเยอะขนาดนี้ อวี้จื้อ สู้เจ้ากินสักสองเม็ดไปเลยไม่ดีกว่าหรือ”


 


 


กินพ่อเธอสิ ยังจะบอกให้กินเพิ่มสองเม็ดอีก


 


 


แม่นมสูงวัยอุ้ม**บไม้เดินมาตรงหน้าเธอ ใบหน้าหลิงอวี้จื้อมีรอยยิ้ม ราวกับว่าในกล่องนี้บรรจุช็อคโกแลตชิพ


 


 


เธอหยิบขึ้นมาสองเม็ด ยัดทั้งหมดเข้าไปในปากจื่ออีที่ยืนอยู่ข้างๆ


 


 


จื่ออีคายมันออกมาแทบจะโดยสัญชาตญาณ นี่คืออะไร มันจะชัดเจนไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว ถึงแม้ไม่ถึงชีวิต แต่ก็กินไม่ได้เด็ดขาด


 


 


“อุ๊ย ป้าจื่ออี นี่ยาบำรุงเชียวนะ เหตุใดถึงคายออกมาล่ะ ตรงนี้มียาบำรุงตั้งเยอะ ทิ้งไว้นานข้าเกรงว่าจะเสีย ตั้งใจหยิบมาสองเม็ดให้เจ้าชิม เจ้าเป็นคนเก่าคนแก่ของไทเฮา ไทเฮาย่อมโปรดปรานเจ้า แบบนี้ไทเฮาก็เสียน้ำพระทัยสิ”


 


 


เห็นหลิงอวี้จื้อใช้ลูกไม้ต่างๆ เพื่อหลบหลีก มู่หรงกวานเย่ว์ก็หมดความอดทน กล่าวว่า


 


 


“ในเมื่อหลิงซื่อตู๋กินไม่ลง เราคงทำได้เพียงให้คนมาช่วยแล้ว แม่นมกุ้ย เจ้าหาคนมาป้อนยาหลิงซื่อตู๋หน่อย”


 


 


“เพคะ”


 


 


แม่นมกุ้ยรับคำ ใช้มือเดียวจับแขนหลิงอวี้จื้อแน่น


 


 


แม้ว่าหญิงชราผู้นี้จะอายุมากแล้ว แต่พละกำลังเยอะอย่างน่าประหลาดใจ ประกอบกับร่างกายที่ดูแข็งแรง พอนางจับหลิงอวี้จื้อแล้ว เธอก็ขยับไปไหนไม่ได้เลย


 


 


หลิงอวี้จื้อร้องว้ากแล้วร้องไห้โฮ


 


 


“ข้าไม่อยากกินยา ข้าไม่กิน ไทเฮาเพคะ ขอร้องเถิดเพคะ อย่าให้ข้ากินยาเลยเพคะ”


 


 


ช่วยไม่ได้ ตอนนี้ได้แต่ดึงความสนใจมั่วชิงที่อยู่นอกประตูให้เข้ามา ยื้อเอาไว้ก่อนค่อยว่ากัน หากต้องรอมู่หรงนี่อวิ๋นจริงๆ เธอก็ไม่รู้ว่าต้องตายไปแล้วกี่หน


 


 


เสียงร้องบาดหูก้องกังวานภายในตำหนักใหญ่ มู่หรงกวานเย่ว์รำคาญจนขมวดคิ้ว ไม่รู้จริงๆ ว่าเซียวเหยี่ยนชอบอะไรนาง ถึงขนาดใช้การร้องไห้เสียงดังดึงดูดความสนใจคนที่อยู่รอบข้าง คราวนี้หากนางไม่กินยานี้ก็อย่าหลงคิดว่าจะได้ออกจากวังฉางเล่อเลย ไม่ว่านางจะแหกปากอย่างไรก็หนียานี้ไปไม่พ้น


 


 


มั่วชิงคอยเฝ้าสังเกตเสียงความเคลื่อนไหวข้างในอยู่ตลอด ได้ยินเสียงร้องไห้ตะโกนแว่วมา นางก็รีบบุกเข้าไป ทหารยามไม่ได้ห้ามนางเอาไว้ จึงรีบตามไป มั่วชิงเตะยาเม็ดในมือของแม่นมกุ้ยปลิว ดึงหลิงอวี้จื้อมาแล้วรัดคอมู่หรงกวานเย่ว์ทันที


 


 


“ถ้าเข้ามาอีก ข้าจะฆ่านาง”


 


 


เห็นมู่หรงกวานเย่ว์ถูกจับเป็นตัวประกัน ทหารยามที่กรูกันเข้ามาก็ไม่กล้าเดินหน้า ได้เพียงแต่ล้อมหลิงอวี้จื้อกับมั่วชิงไว้อย่างหนาแน่น


 


 


หลิงอวี้จื้อตะลึงงัน จี้ไทเฮาต่อหน้าธารกำนัล คราวนี้เล่นใหญ่เสียแล้ว

 

 

 


ตอนที่ 301

 

จับไทเฮาเป็นตัวประกัน

มู่หรงกวานเย่ว์สงบนิ่งมาก ในน้ำเสียงไม่มีความกลัวใดๆ


 


 


“หลิงซื่อตู๋ เจ้าช่างกล้านัก นึกไม่ถึงว่าจะกล้ายอมให้ลูกน้องจี้เรา เจ้านึกว่าพวกเจ้าจะเดินออกจากวังหลวงได้หรือ”


 


 


เดินออกไปไม่ได้แน่นอน ทหารยามเฝ้าวังมากมายขนาดนี้ มั่วชิงสู้กับสามสี่คนไม่มีปัญหา มากเข้านางก็รับไม่ไหว คราวนี้เดือดร้อนจริงๆ


 


 


จื่ออีและแม่นมกุ้ยตกใจจนอึ้งไปแล้วมองมู่หรงกวานเย่ว์อย่างกังวล กลัวว่าพวกเขาจะทำให้มู่หรงกวานเย่ว์บาดเจ็บ


 


 


หลิงอวี้จื้อยืนอยู่ข้างหลังมู่หรงกวานเย่ว์กับมั่วชิง เห็นตรงข้างเท้ามียาเม็ดกลิ้งมา หลิงอวี้จื้อก้มตัวลงไปเก็บมาหนึ่งเม็ด ใช้เสื้อผ้าเช็ดๆ แล้ววางลงในปากมู่หรงกวานเย่ว์


 


 


“ไทเฮาเพคะ นี่ไงเพคะยาบำรุง ข้าเช็ดให้แล้ว ไม่สกปรก”


 


 


มู่หรงกวานเย่ว์อยากคายออกมา มั่วชิงกดจุดมู่หรงกวานเย่ว์ นางจึงถูกบังคับให้กินยาเม็ดนี้ลงไป


 


 


สีหน้าของมู่หรงกวานเย่ว์ดูไม่ได้ถึงขีดสุด หลิงอวี้จื้อเห็นสีหน้าของนางก็รู้ว่ายาเม็ดพวกนี้มีปัญหา


 


 


ยานี้มีปัญหา สถานการณ์ตอนนี้ยิ่งไม่ไปในทิศทางที่ดี จับไทเฮาเป็นตัวประกันมีโทษถึงตาย คนตั้งมากมายเป็นพยานรู้เห็น จะไกล่เกลี่ยสถานการณ์อย่างไรก็ไกล่เกลี่ยไม่ได้


 


 


“คุณหนู ให้ข้ารับทุกอย่างไว้เอง คุณหนูโยนมาที่ตัวข้าได้เลย คุณหนูวางใจ ตัวข้ามีทางหนีทีไล่ มิเช่นนั้นพวกเราต้องตายกันหมด”


 


 


มั่วชิงพูดเบาๆ ข้างหูหลิงอวี้จื้อ


 


 


นางไม่ปล่อยให้หลิงอวี้จื้อมีโอกาสได้ตอบ ถีบหลิงอวี้จื้อไปทางทหารยาม มู่หรงนี่อวิ๋นเพิ่งจะมาถึง ช่วยหลิงอวี้จื้อที่เกือบหกล้มไว้ได้พอดี เธอพุ่งชนอ้อมแขนของมู่หรงนี่อวิ๋นอย่างจัง


 


 


“หลิงอวี้จื้อ เจ้าโดนข้าหลอกแล้ว ข้าเข้าหาเจ้าเพื่อฆ่ามู่หรงไทเฮา ตอนนี้เป็นโอกาสทอง ข้าจะปล่อยไปได้อย่างไร หากเจ้ายังอยากช่วยไทเฮา ข้าบอกได้เลยว่าเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด วันนี้นางจะต้องตายแน่นอน”


 


 


หลิงอวี้จื้อตะโกนเสียงดัง


 


 


“อย่านะ มั่วชิง นางเป็นไทเฮาของราชวงศ์ปัจจุบัน เจ้าอย่าทำเรื่องโง่ๆ ตอนนี้กลับตัวยังทัน”


 


 


 


 


มู่หรงกวานเย่ว์หรี่ตา หลิงอวี้จื้อคิดจะสละทหารเพื่อช่วยกษัตริย์ เรื่องนี้มีฝูงชนเป็นพยาน เซียวเหยี่ยนก็ไม่อยู่ที่นี่ นางไม่มีทางให้หลิงอวี้จื้อได้สมหวัง เธอคิดจะเอาตัวรอด ไม่มีทาง


 


 


“หากเจ้าทำร้ายเรา ทุกคนในจวนมหาเสนาบดีจะต้องตาย เจ้าจงคิดให้กระจ่างแจ้ง”


 


 


มั่วชิงย่อมไม่กล้าฆ่ามู่หรงกวานเย่ว์ต่อหน้าฝูงชน นางเป็นคนของหลิงอวี้จื้อ หากหลิงอวี้จื้อตายด้วยน้ำมือนาง หลิงอวี้จื้อกับคนในจวนมหาเสนาบดีก็ยากจะพ้นคำครหา หากมู่หรงกวานเย่ว์ยังมีชีวิตอยู่ นางก็จะสามารถรับเรื่องนี้ไปเองได้ หากตายแล้ว ก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง


 


 


เฉินมั่วฉือได้ข่าวก็รีบมา ครั้นเมื่อเห็นมู่หรงกวานเย่ว์ถูกจี้ สีหน้าก็เคร่งเครียด มั่วชิงเห็นเฉินม่อฉือ สายตาก็เคลื่อนไปที่เฉินม่อฉือ


 


 


“ฝ่าบาทมาพอดี ข้าจะปล่อยไทเฮาก็ได้ แต่ฝ่าบาทต้องฟังข้าพูดให้จบ รับปากเงื่อนไขข้าข้อหนึ่ง มิเช่นนั้นข้ากับไทเฮาจะต้องพินาศไปพร้อมกัน”


 


 


“เจ้าเป็นใคร”


 


 


“พ่อข้าชื่อหรงอิง”


 


 


ได้ยินชื่อนี้ มู่หรงกวานเย่ว์และมู่หรงนี่อวิ๋นต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป นึกไม่ถึงว่านางจะเป็นลูกสาวของหรงอิง เฉินมั่วฉิงก็ย่อมรู้ว่าหรงอิงคือใคร คนนี้ไม่ใช่สาวใช้ประจำตัวของหลิงอวี้จื้อหรอกหรือ จะกลายเป็นลูกสาวของหรงอิงได้อย่างไร


 


 


ชื่อนี้หลิงอวี้จื้อก็รู้จัก ในเมืองหลวงเรื่องราวของหรงอิงเป็นเรื่องที่รู้กันทั่วบ้านทั่วเมือง ดังนั้นเธอจึงเคยได้ยิน หรงอิงเป็นผู้พิพากษาท้องถิ่นที่เป็นที่รักยิ่งของประชาชน จากข้าราชการท้องถิ่นไต่เต้าจนมาเป็นนายสนองกรมราชทัณฑ์ [1] ด้วยความที่เป็นคนเที่ยงธรรมไม่เห็นแก่หน้าใคร ดังนั้นจึงไปขัดใจหลายคนเข้า แต่ได้รับมอบหมายให้ทำงานสำคัญจากฮ่องเต้องค์ก่อนเป็นประจำ


 


 


 


 


——


 


 


[1] นายสนองกรมราชทัณฑ์(刑部侍郎)กระทรวงราชทัณฑ์รับผิดชอบกระบวนการยุติธรรมและราชทัณฑ์ แต่ละกระทรวงจะมีหัวหน้าหนึ่งคน และมีรองหัวหน้าสองคนเรียกว่า นายสนอง

 

 

 


ตอนที่ 302

 

มั่วชิงกระทำความผิด

พอมาที่เมืองหลวง ฮูหยินเดิมของหรงอิงก็ป่วยตายไป


 


 


หรงอิงแต่งงานใหม่ โดยแต่งกับน้องสาวต่างมารดาของมู่หรงกวานเย่ว์ ได้ดองญาติกับมู่หรงหงจากการแต่งงานครั้งนี้ มู่หรงนี่อวิ๋นยังมีพี่ชายที่ไม่เอาไหนอีกหนึ่งคน เพราะฆ่าคนจึงได้ถูกขังอยู่ในคุกใหญ่ของกระทรวงราชทัณฑ์ มู่หรงหงกับหรงฮูหยินต่างอยากช่วยคนในตระกูลมู่หรง ไม่รู้จะทำอย่างไรกับความซื่อตรงเกินไปของหรงอิง อย่างไรก็ต้องตัดหัวพี่ชายคนนี้ตามกฎหมายให้ได้


 


 


จากเรื่องนี้ หรงอิงกับตระกูลมู่หรงจึงมีปมขัดแย้งกัน ภายหลังอยู่ดี ๆ หรงอิงก็ถูกมือสังหารฆ่า พอเขาตาย คนที่ฟ้องร้องเขามีเยอะมากเหลือเกิน ตระกูลหรงถูกตัดหัวทั้งตระกูล มีข่าวร่ำลือว่า บัญชีการฟ้องร้องเหล่านั้นล้วนได้รับคำชี้แนะมาจากมู่หรงหง


 


 


“พ่อข้าใช้กฎหมายอย่างเที่ยงธรรม แต่กลับมีคนลอบฆ่า ตระกูลหรงก็มีจุดจบถูกตัดหัวทั้วตระกูล ทั้งหมดนี้ล้วนมาจากฝีมือของใต้เท้ามู่หรงและมู่หรงไทเฮา


 


 


“ตอนนั้นข้าออกไปหาหมอข้างนอกจึงหนีไปได้อย่างหวุดหวิด สิบปีมานี้ปิดบังชื่อแซ่มาตลอด บัญชีแค้นนี้ข้าระลึกอยู่ตลอด ข้าอยู่กับคุณหนูก็เพราะรอโอกาสได้เข้าใกล้ไทเฮาอีกครั้ง ข้าต้องการทวงความยุติธรรมให้กับพ่อข้าและตระกูลหรง ฝ่าบาท หากพระองค์ทรงรื้อฟื้นคดีนี้ ข้าก็จะปล่อยไทเฮา มิเช่นนั้นข้าจะพาไทเฮาไปพบพ่อข้า”


 


 


หลิงอวี้จื้อตะลึงงัน สรุปว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง หรือว่ามั่วชิงแต่งขึ้นมาเอง เหตุใดนางถึงมีปูมหลังครอบครัวที่ซับซ้อนเช่นนี้ มิน่าถึงมีบุคลิกภาพดีเช่นนี้ ที่แท้เดิมทีก็เป็นคุณหนูใหญ่


 


 


“เรารับปากเจ้าว่าจะรื้อฟื้นคดีนี้ เจ้าปล่อยไทเฮาได้แล้ว”


 


 


เฉินมั่วฉือให้สัญญา เมื่อได้ยินเฉินมั่วฉือยินยอมรื้อฟื้นคดี มั่วชิงก็ปล่อยมู่หรงกวานเย่ว์ ฝ่ายทหารยามก็เข้าไปจับมั่วชิงอย่างเร็ว


 


 


หลิงอวี้จื้อเริ่มร้อนใจ เมื่อครู่มั่วชิงใช้ประสบการณ์ชีวิตเบี่ยงเบนความสนใจของทุกคนได้สำเร็จ ไม่มีใครสนใจเธอในทันที เธอต้องคิดวิธีช่วยมั่วชิงออกมาให้ได้


 


 


มั่วชิงถูกนำตัวไป ตอนที่เดินผ่านหลิงอวี้จื้อ มั่วชิงพูดขออภัยหลิงอวี้จื้อว่า


 


 


“ขอโทษเจ้าค่ะ คุณหนู ข้าใช้ประโยชน์จากท่าน”


 


 


มู่หรงกวานเย่ว์พ้นอันตรายแล้ว ยื่นมือโบกให้ทหารยามที่กินพื้นที่ครึ่งห้องออกไป


 


 


ทหารยามออกไปแล้ว ในตำหนักใหญ่ก็ว่างโหวงในชั่วพริบตา มู่หรงกวานเย่ว์นั่งลงบนบัลลังก์ ยังคงรักษามาดไทเฮา


 


 


“หลิงอวี้จื้อ คุกเข่าลง”


 


 


เฉินมั่วฉือกับมู่หรงนี่อวิ๋นต่างก็อยู่ที่นี่ หลิงอวี้จื้อจึงไม่กลัวว่ามู่หรงกวานเย่ว์จะทำอะไรกับเธออีก เธอไม่ได้ต่อต้าน คุกเข่าลงทันที


 


 


“ไทเฮา ถึงแม้สาวใช้ผู้นั้นจะเป็นคนของหลิงซื่อตู๋ แต่นางเพิ่งมาเมื่อไม่นานนี้เอง หลิงซื่อตู๋ก็ถูกนางหลอก ขอไทเฮาโปรดเมตตาหลิงซื่อตู๋สักหน”


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นคุกเข่าลงข้างๆ หลิงอวี้จื้อ ช่วยอ้อนวอนให้เธอ


 


 


มู่หรงกวานเย่ว์ทำเสียง ‘หึ’ อย่างเย็นชาหนึ่งครั้ง


 


 


“นี่อวิ๋น เจ้าไม่ต้องช่วยนางพูด เรื่องจริงเป็นอย่างไร เราเห็นอยู่ สองคนนี้สมรู้ร่วมคิดกัน หลิงซื่อตู๋ เห็นอยู่ว่าเจ้าจะแต่งงานแล้ว เราก็ปรารถนาดีช่วยจัดการให้เจ้า


 


 


“เจ้ากลับซ่อนแผนร้าย เกือบจะทำลายชีวิตเรา ฝ่าบาท พระองค์ว่าเรื่องนี้ควรจัดการอย่างไร”


 


 


มู่หรงกวานเย่ว์ถามเฉินมั่วฉือที่นั่งถัดจากนาง นางก็รู้ว่า จะลงโทษหนักก็ทำไม่ได้แล้ว แต่ก็ไม่สามารถแค่ปล่อยหลิงอวี้จื้อออกจากวังฉางเล่อไปแบบนี้ นายบ่าวสองคนก็เพิ่งจะแสดงละครฉากเด็ดไป


 


 


“เสด็จแม่ เราคิดว่าท่านลุงพูดมีเหตุผล ลูกสาวของหรงอิงใช้ประโยชน์จากหลิงซื่อตู๋ นางไม่รู้เรื่อง เมื่อครู่เราเห็นนางตกใจจนตะลึงไปแล้ว เรื่องนี้เป็นความสะเพร่าของหลิงซื่อตู๋จริงๆ เสด็จแม่ลงโทษตักเตือนสักเล็กน้อยก็พอแล้ว”


 


 


ได้ยินเฉินมั่วฉือปกป้องหลิงอวี้จื้อ มู่หรงกวานเย่ว์ก็รู้สึกไม่สบายใจ นางจงใจถามเฉินมั่วฉือ ดูท่าทางแล้วเฉินมั่วฉือยังไม่ได้ตัดใจจากแม่สาวน้อยคนนี้

 

 

 


ตอนที่ 303

 

ผู้หญิงที่ลูกอยากได้ ใครก็ห้ามไม่อยู่

“ในเมื่อฝ่าบาทตรัสแล้ว เช่นนั้นก็ทำตามที่ตรัส หลิงอวี้จื้อ เจ้าไปคุกเข่าหน้าวังฉางเล่อ สามชั่วยามให้หลังค่อยออกจากวัง ส่วนสาวใช้คนนั้น ขังนางไว้ที่แผนกพิจารณาโทษก่อน เราจะสอบคดีนี้เอง”


 


 


“เช่นนั้นก็ทำตามที่เสด็จแม่ตรัสเถิด”


 


 


เฉินมั่วฉือรับคำ สาวใช้ผู้นั้นบังอาจลอบสังหารมู่หรงกวานเย่ว์ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตายแน่ ถึงแม้มู่หรงกวานเย่ว์ไม่เอ่ยปาก เขาก็ไม่ปล่อยสาวใช้ผู้นั้นไปแน่


 


 


แม้หลิงอวี้จื้อจะร้อนใจมาก แต่ก็รู้ว่าตอนนี้ยังไม่สามารถขอความเมตตาได้ จะช่วยชีวิตมั่วชิง ต้องคิดหาวิธีอื่น


 


 


“หม่อมฉันผิดเองที่ทำให้ไทเฮาตกพระทัย หม่อมฉันก็คิดไม่ถึงว่าสาวใช้ข้างกายจะมีชาติกำเนิดเช่นนี้ เรื่องนี้เป็นความสะเพร่าของหม่อมฉัน ยังดีที่มู่หรงไทเฮาไม่เป็นอะไร มิเช่นนั้นจะให้หม่อมฉันตายหมื่นครั้งก็ไม่ปฏิเสธ ขอบพระทัยไทเฮาที่มีเมตตาไม่ประหาร”


 


 


หลิงอวี้จื้อพูดจบก็เอาหัวโขกพื้นหนึ่งครั้ง ถึงได้ถอยออกไป เห็นหลิงอวี้จื้อออกไป มู่หรงนี่อวิ๋นก็ตามออกไปด้วย


 


 


สองคนออกไปแล้ว เฉินมั่วฉือก็หยิบเม็ดยาสีดำที่อยู่ตรงหน้ามู่หรงไทเฮาขึ้นมา ถามว่า


 


 


“เสด็จแม่ นี่คืออะไร ท่านเรียกหลิงอวี้จื้อเข้าเฝ้า คิดจะทำอะไรกันแน่”


 


 


“ยาทำหมัน ไม่มีพิษ เมื่อกินแล้ว นอกจากจะทำให้ไม่มีทายาทไปตลอดชีวิต ก็ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อสุขภาพ”


 


 


มู่หรงกวานเย่ว์มีท่าทีสงบนิ่ง


 


 


“เซียวเหยี่ยนจะแต่งงานก็ได้ แต่จะมีลูกไม่ได้ มั่วฉือ แม่ทำเช่นนี้ก็เพื่อเจ้า”


 


 


เฉินมั่วฉือปายาทำหมันลงพื้นอย่างแรง ไม่พอ ยังใช้เท้าบี้ซ้ำอย่างหนักหน่วง


 


 


“เสด็จแม่ ท่านโหดร้ายเกินไปแล้ว อวี้จื้อเป็นหญิงสาว ท่านตัดลูกหลานนางเช่นนี้ได้อย่างไร


 


 


ต่อไปนางจะทำอย่างไร ท่านมั่นใจได้อย่างไรว่านางจะอยู่กับเซียวเหยี่ยนตลอดชีวิต ลูกไม่มีทางยอมให้เสด็จแม่ทำร้ายหลิงอวี้จื้อเช่นนี้”


 


 


“มั่วฉือ เจ้ายังอยากได้นางอีกหรือ”


 


 


มู่หรงกวานเย่ว์ถามอย่างตระหนกตกใจ


 


 


เฉินมั่วฉือเม้มปาก ไม่ได้ปฏิเสธและไม่ได้ตอบรับ แต่มู่หรงกวานเย่ว์เข้าใจความหมายของเฉินมั่วฉือแล้ว นางลุกขึ้นแล้วเดินไปตรงหน้าเฉินมั่วฉือ พูดเน้นทีละคำ


 


 


“มั่วฉือ ตราบใดที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ แม่ไม่มีวันยอมรับเด็ดขาด”


 


 


“เสด็จแม่…”


 


 


เฉินมั่วฉือร้อนใจ


 


 


“เจ้าหยุดพูด มั่วฉือ เจ้าเป็นประมุขของชาติ จะเปลืองสมองคิดแต่เรื่องผู้หญิงไม่ได้ ยิ่งกว่านั้น นางเป็นผู้หญิงของอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ถึงเวลานั้น นางก็เป็นแค่ดอกไม้ที่โรยราแล้ว จะคู่ควรกับเจ้าได้อย่างไร”


 


 


“ลูกบอกว่าคู่ควรก็คือคู่ควร ผู้หญิงที่ลูกอยากได้ ใครก็ห้ามไม่อยู่ ถึงแม้จะเป็นเสด็จแม่ก็ไม่ได้เช่นกัน”


 


 


“เจ้า…”


 


 


มู่หรงกวานเย่ว์พูดไม่ออก ยิ่งเฉินมั่วฉือโตขึ้น ลูกชายที่เมื่อก่อนเชื่อฟังและรู้เรื่อง ตอนนี้ยิ่งไม่เชื่อฟังขึ้นเรื่อยๆ นางไม่รู้เลยว่าเฉินมั่วฉือคิดอะไรอยู่ในใจ ในสมองถึงได้มีความคิดไร้สาระเช่นนี้


 


 


เฉินมั่วฉือมองมู่หรงกวานเย่ว์ พูดต่อไป


 


 


“เสด็จแม่ ลูกไม่ใช่เด็กๆ แล้ว เรื่องบางเรื่อง ลูกเข้าใจ


 


 


“เสด็จแม่บังคับให้หลิงอวี้จื้อกินยาทำหมัน ไม่ได้ทำเพื่อลูกด้วยซ้ำ แต่ทำเพื่อตนเอง เสด็จแม่อิจฉาหลิงอวี้จื้อ ดังนั้นจึงยอมนางไม่ได้ หากคิดเพื่อส่วนรวมจริงๆ ตอนนี้เสด็จแม่จะต้องไม่ทำอะไรหลิงอวี้จื้อแม้แต่ปลายนิ้ว


 


 


“เสด็จแม่บอกว่าลูกชอบหลิงอวี้จื้อไม่ได้ เสด็จแม่เองเป็นไทเฮา ก็ชอบอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ได้เช่นเดียวกัน


 


 


“เสด็จแม่ควบคุมจิตใจของตนเองไม่ได้ แล้วมีสิทธิ์อะไรมาขอให้ลูกควบคุมได้ เมื่อก่อนลูกเชื่อคำของเสด็จแม่ ตอนนี้ลูกก็มีคนที่ชอบ ลูกเห็นชัดกระจ่างแจ้ง เรื่องเหล่านั้นของเสด็จแม่กับอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนช่าง…”


 


 


เมื่อถูกลูกชายพูดถึงชายอื่นที่เก็บซ่อนไว้ในใจต่อหน้าธารกำนัล สีหน้าของมู่หรงกวานเย่ว์ก็ยิ่งดูไม่ได้ขึ้นทุกทีและอับอายมากขึ้น เป็นถึงไทเฮา ยังต้องรักษาหน้าไว้

 

 

 


ตอนที่ 304

 

 ความสัมพันธ์แม่ลูกยิ่งเหินห่าง

“ฝ่าบาท หุบปาก”


 


 


มู่หรงกวานเย่ว์ขึ้นเสียงดุเฉินมั่วฉือ หากพูดต่อไป ไม่รู้ว่าเฉินมั่วฉือจะพ่นอะไรไม่น่าฟังออกมาอีก


 


 


“เรื่องนี้ลูกจะทำเป็นปิดตาข้างเดียวก็ได้ แต่เสด็จแม่ต้องรับปากลูก ต่อไปจะไม่แตะต้องหลิงอวี้จื้ออีก มิเช่นนั้นลูกจะไม่มีทางให้อภัยเสด็จแม่ เสด็จแม่รีบพักผ่อนเถิด ลูกทูลลา”


 


 


พูดจบเฉินมั่วฉือก็ออกไปจากตำหนักใหญ่ มู่หรงกวานเย่ว์ได้แต่รู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง ปวดขมับตุบๆ แทบจะยืนไม่อยู่ จื่ออีรีบเข้าไปประคองมู่หรงกวานเย่ว์


 


 


“ไทเฮาอย่ากริ้วเลยเพคะ พระวรกายสำคัญกว่า”


 


 


“ตลอดชีวิตเราทำเพื่อลูกชายคนนี้ ตอนนี้เขาโตแล้วแต่กลับไม่เชื่อฟังเราเช่นนี้ เพียงเพื่อผู้หญิงคนเดียว กระทั่งความสัมพันธ์แม่ลูกก็ไม่แยแสแล้ว


 


 


เราคิดไปเองว่าตนเป็นฝ่ายชนะ ตอนนี้กลับถูกเด็กสาวคนหนึ่งปลุกปั่นจนอยู่ไม่สุข จื่ออี เจ้าว่าคนรอบกายเราโดนของหรือไม่ แต่ละคนต่างก็เอนเอียงไปทางแม่เด็กสาวนั่น ขนาดมู่หรงนี่อวิ๋นยังช่วยนางพูด”


 


 


มู่หรงกวานเย่ว์รู้สึกเหมือนหน้าอกถูกบีบอัดเป็นก้อน จะหายใจก็หายใจไม่ออก รู้สึกเจ็บเป็นระลอก


 


 


สิบกว่าปีมานี้ นางทุ่มเทแรงกายแรงใจฟูมฟักเลี้ยงดูลูกชาย ในที่สุดก็ส่งเขาขึ้นไปถึงบัลลังก์จักรพรรดิ นึกไม่ถึงว่าจะมีผลลัพธ์เช่นนี้ ยิ่งลูกชายโตขึ้น ความรู้สึกระหว่างแม่ลูกก็กลับยิ่งเหินห่างไปทุกที นางถึงขนาดไม่รู้ว่าเฉินมั่วฉือกำลังคิดอะไร


 


 


“ไทเฮาเพคะ ทรงอย่าเอาคำพูดของฝ่าบาทมาเก็บไปคิดเลย ฝ่าบาทเพิ่งจะพระชนมายุสิบสี่พรรษา เป็นช่วงวัยรุ่นที่มีอารมณ์พลุ่งพล่าน จึงได้พูดจาเลอะเทอะเช่นนี้เพคะ


 


 


ต่อไปรอฝ่าบาทพระชนมายุมากขึ้นหน่อย ก็จะเข้าใจความทุกข์ยากของไทเฮาเองเพคะ กับฝ่าบาท ตอนนี้ไทเฮาต้องใช้น้ำเย็นเข้าลูบ มิเช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์แม่ลูกเพคะ”


 


 


มู่หรงกวานเย่ว์ไม่พูดอะไร ค่อยๆ สงบสติอารมณ์ลง


 


 


“คราวที่แล้วไปซูโจว เซียวเหยี่ยนก็พาหลิงอวี้จื้อไปด้วย ตอนนี้ในใจเขาคงกลัวสารพัด จึงไม่กล้าพาหลิงอวี้จื้อไปด้วย


 


 


เขาคงจะค้นพบแล้วว่ายาถอนพิษที่เราให้ไปก่อนหน้านี้มีปัญหา จึงออกไปหายาถอนพิษ


 


 


อีกสองสามวัน เจ้าให้คนไปปล่อยข่าวสักหน่อย ขอเพียงนางยังเป็นห่วงเซียวเหยี่ยน ก็จะต้องไปแน่นอน คราวนี้พอนางไปแล้วก็อย่าให้นางได้กลับมาอีก เราไม่สามารถปล่อยให้นางมามีอิทธิพลต่อมั่วฉืออีก เจ้าลูกมั่วฉือคนนี้ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แน่”


 


 


เห็นเฉินมั่วฉือชอบหลิงอวี้จื้อขนาดนี้ มู่หรงกวานเย่ว์ก็คิดจะฆ่าหลิงอวี้จื้อ อย่างไรเสียไปตายข้างนอกก็คงไม่เกี่ยวข้องกับนางสักเท่าไหร่ คราวนี้ นางคงใช้โชคดีของตนเองไปหมดแล้ว


 


 


“แล้วทางท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการพระองค์ละเพคะ”


 


 


“เราเองก็ไม่มียาถอนพิษ แต่พิษนี้ไม่ถึงแก่ชีวิตของเขา จะถอนหรือไม่ถอนก็ไม่เป็นอะไร อย่างไรเสียเขาก็คงไม่คิดทำอะไรเรา


 


 


หากเขาเจอเรื่องยุ่งยากขณะตามหายาถอนพิษ ก็ให้พวกเขาแอบช่วยเซียวเหยี่ยนอยู่ห่างๆ


 


 


ตอนนี้ไม่ต้องทำอะไรเซียวเหยี่ยน หากไม่มีเซียวเหยี่ยน เฉินจิ่งเฟิงกับเฉินเซี่ยวหรูคงไม่อยู่เฉย เฉินมั่วฉือไม่มีความสามารถเช่นนี้ ตอนนี้ยังต้องพึ่งเซียวเหยี่ยนคอยกำราบสองคนนี้”


 


 


จื่ออีรับคำเงียบๆ นางรู้ว่าถึงแม้มู่หรงกวานเย่ว์จะพูดจาโหดเ**้ยม แต่ก็ทำใจฆ่าเซียวเหยี่ยนไม่ได้ ได้แต่เตือนตนให้เก็บเซียวเหยี่ยนไว้ แล้วหาเหตุผลมาพูดปลอบใจตนเอง


 


 


หลิงอวี้จื้อคุกเข่าตรงธรณีประตูวังฉางเล่อ มู่หรงนี่อวิ๋นยืนอยู่ข้างเธอ ถามเสียงเบา


 


 


“เจ้าไม่รู้ตัวตนของมั่วชิงจริงหรือ”


 


 


“เจ้าว่าอย่างไรล่ะ”


 


 


“เห็นเจ้าตกใจขนาดนั้น คงจะไม่รู้เรื่องจริงๆ”


 


 


“นี่อวิ๋น ขาเจ้าวิ่งไม่คล่องหรือว่าเป็นอะไรไป นึกไม่ถึงว่าจะมาช้าขนาดนี้”


 


 


นางแจ้งข่าวมู่หรงนี่อวิ๋นไปตั้งนานแล้วแท้ๆ ปรากฏว่ารออยู่ตั้งนานเขาถึงจะเข้าวังมา หากมู่หรงนี่อวิ๋นเข้าวังเร็วกว่านี้หน่อย เรื่องก็คงจะไม่บานปลายไปถึงไหน แน่นอน เธอไม่ได้โทษมู่หรงนี่อวิ๋น แค่นี้เขาก็เป็นเพื่อนที่ใช้ได้มากแล้ว

 

 

 


ตอนที่ 305

 

ดูแปลกไปเล็กน้อย

มู่หรงนี่อวิ๋นมีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ


 


 


“ข้ากินจนท้องเสีย”


 


 


“แล้วยังไม่กลับจวนอีก เดี๋ยวอั้นไม่อยู่ ข้าต้องหัวเราะแน่นอน”


 


 


หลิงอวี้จื้อพูดพลางก้มหน้าผลักหินแตกข้างๆ เข่าออกไป เพื่อไม่ให้โดนเข่าเจ็บ


 


 


“ตอนนี้ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว แค่อยู่ตรงนี้เป็นเพื่อนเจ้า เผื่อไทเฮาจะแกล้งอะไรเจ้าอีก”


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นพูดจบแล้ว ก็นึกขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง รีบพูดเตือนว่า


 


 


“มั่วชิงต้องตายแน่ๆ เรื่องนี้เจ้าอย่าไปยุ่งเลย มิเช่นนั้นข้าก็ช่วยเจ้าไม่ไหว”


 


 


หลิงอวี้จื้อต้องอยากช่วยมั่วชิงแน่นอน มั่วชิงต้องการปกป้องเธอจึงพูดเช่นนั้นออกมา หากในตอนนี้ เธอไม่แยแส เช่นนั้นเธอก็ไม่ใช่คนแล้ว


 


 


“อาเหยี่ยนเพิ่งจะไป ไทเฮาก็อดใจไม่ไหวเสียแล้ว นางเรียกข้าเข้าเฝ้า บอกว่าอยากตกรางวัลเป็นยาบำรุงให้ข้าเม็ดหนึ่ง ซ้ำยังให้ข้ากินตรงนั้นเลย ใครจะไปรู้ว่านั่นเป็นของบ้าอะไร มั่วชิงอยากช่วยข้าถึงได้ทำเรื่องโง่ๆ เช่นนี้”


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นพอเข้าใจนิสัยของหลิงอวี้จื้ออยู่บ้าง จึงรู้อยู่แล้วว่าต่อไปเธอจะทำอะไร จึงรีบห้าม


 


 


“เดิมทีไทเฮาก็เคืองเจ้าอยู่แล้ว ตอนนี้มั่วชิงตกอยู่ในมือของไทเฮา เจ้าไม่สามารถช่วยชีวิตมั่วชิงได้อยู่แล้ว ถึงเวลานั้นก็ได้แต่พาตัวเองเข้าไปร่วมวงด้วย อวี้จื้อ เจ้าอย่าทำให้เจตนาดีของมั่วชิงต้องเสียเปล่า ถึงตอนนั้นค่อยจัดงานศพให้นางอย่างยิ่งใหญ่”


 


 


“งานศพใหญ่แล้วจะมีประโยชน์กับผีอะไร ศพอย่างไรมันก็เน่าเปื่อยเหมือนกัน ตอนนี้ยังมีความหวัง ข้าจะต้องช่วยนางจนสุดความสามารถ ถึงจะใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า นี่อวิ๋น ข้ารู้ว่าเจ้าเจตนาดี เรื่องนี้มีแต่ฝ่าบาทเท่านั้นที่ช่วยได้ ข้าจะไปขอร้องฝ่าบาท”


 


 


ตอนนี้มีเพียงเฉินมั่วฉือเท่านั้นที่ช่วยมั่วชิงได้ ถึงแม้เขาจะไม่ยินดีปล่อยมั่วชิง เธอก็จะขอร้องให้เขาปล่อยให้ตนเข้าไปดูมั่วชิงสักหน่อย ถามมั่วชิงให้รู้เรื่องว่าประโยคนั้นหมายความว่าอย่างไร นางบอกว่านางเอาตัวรอดได้ ที่แท้จะปลอบใจเธอหรือว่ามีวิธีจริงๆ


 


 


เห็นหลิงอวี้จื้อดึงดันจะไปช่วยมั่วชิง มู่หรงนี่อวิ๋นก็ร้อนใจแล้ว


 


 


“ถึงตอนนั้นฝ่าบาทให้เจ้าหลับนอนด้วย เจ้าจะยินยอมหรือไม่”


 


 


“ร่างกายเขายังไม่โตเต็มที่ ถึงแม้ข้าจะหลับนอนด้วย เขาก็ทำไม่ไหว นี่อวิ๋น ช่วยเอาความเป็นจริงใส่สมองคนเป็นลุงอย่างเจ้าสักหน่อยได้หรือไม่”


 


 


เพิ่งสิ้นเสียงของหลิงอวี้จื้อ ก็เห็นเฉินมั่วฉือเดินมา เธอรีบหุบปาก เฉินมั่วฉือจะได้ยินสิ่งที่เธอพูดไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นคงจะน่าละอายใจจริงๆ


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นกระแอมให้คอโล่งอย่างไม่เป็นธรรมชาติ บางครั้งก็ต้องยอมหลิงอวี้จื้อจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะกล้าพูดออกมาได้ทุกเรื่อง


 


 


เฉินมั่วฉือทำหน้าตาเคร่งเครียด เอามือไพล่หลังเดินมาตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ


 


 


“เจ้ากินยาของเสด็จแม่แล้วหรือ”


 


 


“เกือบกินไปแล้วเพคะ”


 


 


เฉินมั่วฉือแอบถอนใจโล่งอก ต่อไปเขายังมีหวังให้หลิงอวี้จื้อคลอดลูกชายให้ ยาเม็ดพวกนั้นกินไม่ได้เด็ดขาด


 


 


“เจ้าไม่ต้องคุกเข่าแล้ว รีบไปเถิด!”


 


 


“จริงหรือเพคะ เช่นนั้นหม่อมฉันไม่เกรงใจแล้วนะเพคะ”


 


 


ในเมื่อเฉินมั่วฉือเอ่ยปากแล้ว เธอจะคุกเข่าอยู่ที่นี่ต่อไปทำไม อย่างไรเสียความแค้นระหว่างเธอกับมู่หรงกวานเย่ว์ก็ฝังลึกแล้ว ได้ทรมานน้อยลงหน่อยก็ดี


 


 


เธอเตรียมจะลุกขึ้น มู่หรงนี่อวิ๋นรีบยื่นมือออกมาประคอง แต่เฉินมั่วฉือผลักมู่หรงนี่อวิ๋นออกไปแล้วเข้าไปประคองหลิงอวี้จื้อ นี่ทำให้มู่หรงนี่อวิ๋นรู้สึกแปลกๆ เซียวเหยี่ยนใช้ฐานะมากดเขา เฉินมั่วฉือก็เช่นเดียวกัน เหตุใดจึงไม่มีส่วนของเขาบ้าง


 


 


“เรารู้ว่าเจ้าอยากเจอสาวใช้ เราจะให้เจ้าได้เจอนางสักหน่อย ตามเรามา”


 


 


สมองของหลิงอวี้จื้อตะลึงงัน เฉินมั่วฉือในวันนี้ดูแตกต่างไปเล็กน้อย ทำไมถึงพูดง่ายขนาดนี้ ไม่ต้องให้เธอต้องเอ่ยปากเลย นึกไม่ถึงว่าจะเป็นฝ่ายเสนอให้เธอไปเจอมั่วชิงเอง


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นก็กำลังจะตามไปด้วย เฉินมั่วฉือเหลือบมองนี่อวิ๋นแวบหนึ่ง


 


 


“ท่านลุง ท่านไม่ต้องไปแล้ว”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม