เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก 281-288
ตอนที่ 281 ขาดสารอาหาร
วิธีสกปรกของเหยียนเฟิงแค่นี้ ในสายตาของเหยียนเค่อแล้วมันยังไม่พอ
ไม่ถึงสองชั่วโมงเรื่องนี้ก็ถูกเหยียนเค่อจัดการแก้ไข้ได้อย่างเงียบเชียบ โดยไม่เป็นจุดสนใจเลยสักนิดเดียว
เหยียนเค่อเห็นซย่าเสี่ยวมั่วและอันหร่านเดินเข้าประตูใหญ่บริษัทฮุยเถิงไปด้วยกันผ่านภาพวงจรปิด เขาจ้องใบหน้าไร้เครื่องสำอางของซย่าเสี่ยวมั่วแล้วเหม่อลอย ก่อนจะปิดโปรแกรมแล้วเริ่มวุ่นกับงานของวันนี้
เมื่อคืนซย่าเสี่ยวมั่วหลับไม่ค่อยสนิทนัก ใบหน้าและกลิ่นกายของเหยียนเค่อเอาแต่วนเวียนอยู่ในหัวของเธอตลอดทั้งคืน สมองขบคิดอย่างเลอะเลือนจนฟ้าสว่าง เจ็บตาจนลืมไม่ขึ้น ตรงเข้าบริษัททันทีโดยที่ไม่แม้แต่จะแต่งหน้า
“ทำไมวันนี้เธอสภาพแย่อย่างนี้ล่ะ” อันหร่านเห็นใบหน้าซีดเซียวของเธอแล้วก็สงสาร “ช่วงนี้วาดการ์ตูนตอนใหม่เหนื่อยมากเลยเหรอ”
“ไม่หรอก” หลังจากตื่นนอนซย่าเสี่ยวมั่วก็ตกใจกับใบหน้าของตน แต่รู้สึกว่าอายุลดน้อยลงไปไม่น้อย “ตอนนี้ฉันดูเด็กลงไปเลยใช่ไหม”
“อืม เหมือนผู้หญิงที่ขาดสารอาหารน่ะ” อันหร่านลูบก้อนผมทรงดังโงะที่เธอมัดรวบไว้ด้านหลัง
“เธอน่ะสิขาดสารอาหาร!” ซย่าเสี่ยวมั่วผลักไหล่เธอแล้วหัวเราะ “วันนี้ไม่มีประชุมตอนเช้าฉันต้องรีบไปเติมสารอาหารบำรุงร่างกายสักหน่อย”
“หัวเราะแห้งมาก” อันหร่านควงแขนเธอเดินเข้าไปในห้องทำงาน “เธอมีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
ซย่าเสี่ยวมั่วส่ายหัว เธอรู้ว่าต้องเก็บตัวตนของเหยียนเค่อไว้เป็นความลับ จึงไม่พูดว่าใครถูกใครผิดอีกหลังจากที่ทั้งคู่ไร้ซึ่งความสัมพันธ์กันแล้ว
“อย่างนั้นก็ดี ตั้งใจทำงาน ถ้าเหนื่อยก็พักสักงีบได้” อันหร่านแยกกับเธอ ต่างคนต่างกลับไปห้องทำงานของตัวเอง
เมื่อซย่าเสี่ยวมั่วเดินเข้าห้องทำงานรอยยิ้มบนใบหน้าก็เหือดหายไป
เธอยอมรับตัวตนของเหยียนเค่อไม่ได้จริงๆ รู้สึกถึงระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งสองคน และไม่สามารถหยอกล้อได้เหมือนแต่ก่อนที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันโดยไร้ซึ่งระยะห่างอีกแล้ว
แต่สุดท้ายแล้วเหยียนเค่อก็จะเป็นเพียงความสวยงามครั้งหนึ่งในความทรงจำของเธอ ต่อไปคงไม่ได้เกี่ยวข้องกันอีกแล้ว ต่อให้เจอกันอีกครั้งก็คงแค่ผงกหัวทักทายกันเท่านั้น
หวังว่าในอนาคตเขาจะมีความสุข ซย่าเสี่ยวมั่วนั่งกอดเข่าบนโซฟา คิดไปถึงความสัมพันธ์ของตนกับเหยียนเค่อ ระหว่างนั้นก็เผลอคิดไปถึงช่วงเวลาวัยเยาว์ที่ไร้ซึ่งความกังวลของเธอกับเซียวอู๋อี้
บางทีทุกสิ่งต่างก็เปลี่ยนแปลง บ้างก็เล็กน้อยจนไม่รู้สึกตัว บ้างก็ยิ่งใหญ่จนฟ้าดินสะเทือน
ซย่าเสี่ยวมั่วยังทำตัวเป็นสาวสวยที่ยังโศกเศร้าและกังวล ยังไม่ทันได้หลุดออกมาจากห้วงความทรงจำก็ได้รับข้อความที่ส่งมาจากคุณแม่ซย่าเสียก่อน
“สิบโมงเช้าวันเสาร์ ที่สตาร์บัค ฝ่ายชาย หวังอี้เหว่ย อายุสามสิบ งานอดิเรก…” ซย่าเสี่ยวมั่วอ่านข้อความนั้นจบ เมื่อคิดว่าตอนนี้มีผู้ชายคนหนึ่งกำลังอ่านข้อมูลอย่างละเอียดของตนอยู่ก็รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
การนัดบอดไม่เหมาะกับเธอเอาเสียเลย ให้สวีรั่วชีมาแสร้งเล่นละครว่าเป็นเลสเบี้ยนก็ไม่เลวนะ
ซย่าเสี่ยวมั่วพอใจกับความคิดในหัวของตนเป็นอย่างมาก ถ้าสวีรั่วชีอยู่ด้วยล่ะก็ ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้จะชอบเธอหรือเปล่า
อันหร่านได้รับข้อความจากเหยียนเค่อก็นึกว่าเขามีอะไรจะสั่ง แต่ก็เห็นข้อความเรียบง่ายกระชับของเหยียนเค่อเสียก่อน [ซย่าเสี่ยวมั่วรู้ตัวตนของผมแล้ว คุณก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไปแล้วกัน]
เหยียนเค่อรู้นิสัยซย่าเสี่ยวมั่วดี รู้ว่าเธอต้องไม่พูดเรื่องนี้ให้คนอื่นฟังแน่นอน จึงบอกอันหร่านเผื่อเอาไว้ก่อน กันไม่ให้อันหร่านเปิดเผยออกไป ซย่าเสี่ยวมั่วก็คงไม่เอ่ยชื่อเขาให้อันหร่านได้ยินอีก ถ้าซย่าเสี่ยวมั่วรู้เรื่องตัวตนของเขาจากอันหร่านอีกล่ะก็ เขากับซย่าเสี่ยวมั่วคงไม่ได้ติดต่อกันอีกแล้ว
เหยียนเค่อลูบฝ่ามือด้านขวาของตน เมื่อคืนเขาออกแรงมากไปหน่อย ไหล่ของซย่าเสี่ยวมั่วจึงเจ็บเพราะฝ่ามือของเขา เลือดที่ทะลักออกมาย้อมผ้าพันแผลจนกลายเป็นสีเลือด ตอนกลับเขาถึงจะเห็นมัน จึงจัดการแผลของตัวเองอย่างลวกๆ จนถึงตอนนี้บาดแผลก็ยังเจ็บอยู่นิดหน่อย ไม่รู้ว่าทำไมตอนนั้นออกแรงไปมากขนาดนั้นแต่กลับไม่รู้สึกเจ็บเลยนะ
ตอนที่ 282 หัวใจบิดเบี้ยว
หลังจากอันหร่านได้รับข้อความแล้วก็ตื่นตะลึง มิน่าล่ะสีหน้าของซย่าเสี่ยวมั่วถึงดูแย่อย่างนั้น เจอเรื่องกระทบกระเทือนมาจริงๆ ด้วย
เธอตัดสินใจทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร ไม่รู้ทั้งตัวตนของเหยียนเค่อและไม่รู้ว่าซย่าเสี่ยวมั่วรู้ตัวตนของเขาแล้วด้วย เธอรู้สึกเจ็บปวดในใจ จะทำงานให้เจ้านายก็ต้องเป็นนักแสดงที่ได้มาตรฐาน ทักษะการแสดงสำคัญมากจริงๆ นะ
เหยียนเค่อพบว่าไม่ว่าจะงานยุ่งเท่าไร แต่คนที่คิดถึงอยู่ไม่ว่าจะงานยุ่งเท่าไรคุณก็ไม่เคยลืมเลือนเขาไปได้เลย แถมยังยึดเอาพื้นที่สมองของคุณไปทั้งหมดในยามที่คุณมีเวลาว่างอีกด้วย
เขาต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ
เซ่าหมิงฟ่านส่งข้อความหาเหยียนเค่อว่า เหยียนเฟิงโทรมาหาเขาที่ห้องทำงาน เหยียนเค่อเองก็รู้สึกว่าเวลาก็ผ่านไปประมาณหนึ่งแล้ว ควรจะกลับบ้านไปรองรับความโมโหของพ่อกับแม่แล้ว
เหยียนเค่อลูบหางคิ้วของตนที่ยังมีรอยช้ำอยู่เล็กน้อย รวมทั้งมองผ้าพันแผลที่รัดไว้บนมือของตนอีกครั้งก่อนจะพึมพำในใจ ทำไมช่วงนี้เขาถึงเลือดตกยางออกบ่อยนักนะ เหยียนเค่อส่องกระจกอีกสักครู่หนึ่ง เขาตัดสินใจว่าจะเอาเรื่องทั้งหมดนี้ไปคิดบัญชีกับหลี่หมิงฉวีทั้งหมด คิดอย่างดุดัน ‘หลี่หมิงฉวี นายจบเห่แน่’
“พ่อครับแม่ครับ เหยียนเค่อไปต่างประเทศ อีกสองวันถึงจะกลับมา” เหยียนเฟิงบอกข่าวคราวของเหยียนเค่อให้พวกท่านรับรู้
เหยียนเฟิงรู้ว่าเหยียนเค่อต้องยังอยู่ในประเทศ และแน่นอนว่าคุณพ่อคุณแม่เหยียนก็ไม่ได้โง่ แต่ต่อให้เหยียนเค่อไม่ได้ไปต่างประเทศพวกเขาก็หาไม่เจอว่าตอนนี้เหยียนเค่อไปพักอยู่ที่ไหน
“ได้ ไม่ต้องสนใจเขา เรียกให้กลับไม่กลับเอง แกก็ไปทำงานเถอะ” คุณพ่อเหยียนก็ไม่อยากให้เรื่องของลูกชายคนเล็กมาทำให้ลูกชายคนโตเสียการเสียงาน
“งั้นผมไปทำงานก่อนนะครับ”
เหยียนเฟิงแวะไปไปเยี่ยมหลี่หมิงฉวีที่โรงพยาบาลก่อนจะเข้าบริษัท
ก่อนหน้านี้ได้รับข้อความจากเฉิงนั่วก่อนว่า หลี่หมิงฉวียอมรับข้อเสนอการร่วมงานกันของทั้งสองบริษัทแล้ว แถมยังสนับสนุนให้เหยียนเฟิงขึ้นรับตำแหน่งด้วย แน่นอนว่าเหยียนเฟิงก็ต้องเอาใจผู้สนับสนุนของตนให้ดีหน่อย
หลี่หมิงฉวีกำลังอยู่ในระหว่างการฟื้นฟูสภาพร่างกายอันเจ็บปวด ขาข้างที่กระดูกแตกละเอียดนั้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บถึงสองครั้งทำให้หลังจากฟื้นฟูร่างกายแล้วก็ยังต้องทำกายภาพอีก ความเจ็บปวดที่ทะลุเข้าไปถึงหัวใจและความลำบากหลังจากการเดินทำให้เขาแทบจะเสียสติไปหลายครั้งหลายครา
พี่ชายของหลี่หมิงฉวี หลี่หมิงเจ๋อซึ่งเป็นเจ้าบ้านคนต่อไปของตระกูลหลี่เห็นน้องชายเจ็บปวดเช่นนี้ หลายครั้งก็อยากจะบุกไปที่บ้านของตระกูลเหยียน แต่อิทธิพลของตระกูลเหยียนในช่วงหลายปีมานี้ขยายกว้างขึ้นมาก บ้านตระกูลหลี่ไม่กล้าทำให้พวกเขาไม่พอใจนัก ทำได้เพียงนำความแค้นทั้งหมดโยนให้
เหยียนเค่อและให้เหยียนเฟิงจัดการแทนพวกเขา มองดูสองพี่น้องทะเลาะกันเอง แล้วนั่งรอผลประโยชน์ในตอนสุดท้าย
ตอนที่เหยียนเฟิงไปถึง หลี่หมิงฉวีกำลังเดินกายภาพอยู่ หลี่หมิงฉวีแหกร้องราวกับจะขาดใจ เสียงดังจนเหยียนเฟิงทนฟังต่อไปไม่ได้
เขาจำได้ว่าเมื่อก่อนตอนที่เหยียนเค่อไปเรียนอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ มีปีหนึ่งที่บนภูเขาลูกหนึ่งในสวิตเซอร์แลนด์เกิดหิมะถล่ม เหยียนเค่อไปเป็นหน่วยอาสาไปช่วยเหลือ ตอนนั้นเพื่อจะช่วยเพื่อนคนหนึ่งทำให้โดนก้อนน้ำแข็งหนาๆ กระแทกเข้ากับส่วนหลัง ซี่โครงหักไปสามซีก แต่ตอนหลังที่เขาไปหาเหยียนเค่อที่สวิตเซอร์แลนด์นั้น เขาจำได้ว่าเหยียนเค่อยังเจ็บจนเหงื่อผุดเต็มหน้าผากแต่ยังคงโบกมือมาทางเขาด้วยรอยยิ้มได้อยู่
ความจริงการมีน้องชายแบบนี้เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจ แต่เมื่อเกิดในครอบครัวแบบนี้ความภูมิใจก็เปลี่ยนแปลง น้องชายที่ทำให้เขาภูมิใจกลับกลายเป็นศัตรูคู่แข่งที่แข็งแกร่ง
“หลี่หมิงฉวีดีขึ้นหรือยัง”
หลี่หมิงเจ๋อเห็นเหยียนเฟิงก็เลือดขึ้นหน้า ปล่อยหมัดใส่หน้าเขาหนึ่งที เหยียนเฟิงหลบไม่ทัน ทำได้เพียงรับกำปั้นหนักๆ นั่นไว้
“เหยียนเค่อไอ้สารเลวนั่น!”
เหยียนเฟิงรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวคละคลุ้งของเลือดอยู่ในปาก กระพุ้งแก้มกระแทกกับฟันจนเลือดออก
“ฉันขอโทษแทนเหยียนเค่อด้วยนะ” ท่าทีของเหยียนเฟิงแสดงออกอย่างเหมาะสม ถึงอย่างไร
เหยียนเค่อก็เป็นน้องชายของตน ไม่ว่าอย่างไรเขาเป็นฝ่ายผิด
ตอนที่ 283 สองฝ่ายร่วมงานกัน
หลังจากที่หลี่หมิงฉวีเห็นเหยียนเฟิง สีหน้าก็บิดเบี้ยวยิ่งกว่าเดิม ท่าทางอ่อนโยนอย่างหนุ่มเจ้าสำราญในตอนแรกเจือไปด้วยความดุร้าย เมื่อเห็นสายตาของเหยียนเฟิงแล้วก็เหมือนเห็นเหยียนเค่อผ่านเขา บนใบหน้าปรากฏสีหน้าเคียดแค้นปานจะกลืนกิน
เหยียนเฟิงทรงตัวให้มั่น ยกมือกุมใบหน้าของตน ยังคงความสง่างามของท่าทางไว้ได้ หลี่หมิงฉวีนึกถึงรอยยิ้มเบาสบายของเหยียนเค่อตอนที่อยู่กับซย่าเสี่ยวมั่วแล้ว ความโกรธแค้นในใจก็ผลักดันให้เขาเดินต่อจนเสร็จ
หลี่หมิงฉวีร้องโอดครวญตลอดทาง แหกปากร้องจนเหยียนเฟิงแสบแก้วหู หลังจากเดินเสร็จแล้วก็ลงไปนอนกับพื้นทันที
หลี่หมิงเจ๋อเป็นพี่ชายที่ดี เขาไปส่งหลี่หมิงฉวีกลับห้องผู้ป่วยด้วยตนเอง ปลอบโยนอยู่สักพักจึงมาต้อนรับเหยียนเฟิง
“เมื่อกี้เจ็บหรือเปล่า นายก็ไม่หลบเนาะ” หลี่หมิงเจ๋อใส่ใจเหยียนเฟิงจากใจจริง จริงใจมากกว่าที่เขาปฏิบัติต่อหลี่หมิงเจ๋อ
เหยียนเฟิงขอถุงน้ำแข็งประคบจากพยาบาล ก่อนจะยิ้มพลางโบกปัด “ตั้งตัวไม่ทันน่ะ แต่ไม่เป็นอะไรมากหรอก”
ได้ยินเช่นนี้แล้วหลี่หมิงเจ๋อจึงวางใจ “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ถึงต่อยหน้านายจนเบี้ยวเพื่อหลี่หมิงฉวีที่นอนเดี้ยงอยู่ตรงนั้นก็ได้ไม่คุ้มเสียหรอก”
หลี่หมิงเจ๋อกับเหยียนเฟิงสนิทกันมาก ทั้งคู่อายุเท่ากันและเป็นเพื่อนนักเรียนรุ่นเดียวกันมาตลอด คนที่สนับสนุนหลี่หมิงเจ๋อก็คือเหยียนเฟิง แต่พ่อของเขาที่เป็นเจ้าบ้านตระกูลหลี่ในตอนนี้คิดว่าเหยียนเฟิงยากที่จะประสบความสำเร็จ จึงรอดูเจ้าบ้านตระกูลเหยียนคนต่อไปไปก่อน แต่พอเกิดเรื่องหลี่หมิงฉวีขึ้น จึงเกิดความแค้นขึ้นระหว่างบ้านสองและเหยียนเค่อ เขาเองก็ถูกบีบให้ต้องตัดสินใจล่วงหน้า เขาจึงต้องเดิมพันกับเหยียนเฟิงเช่นกัน
“นายกับหลี่หมิงฉวีเหมือนว่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ นะ” เหยียนเฟิงตบบ่าเขา
หลี่หมิงเจ๋อเอ่ยเหยียด “ถ้านายมีน้องชายเดี้ยงนายต้องดูแลเขาดีกว่าฉันแน่นอน”
เหยียนเฟิงเองก็รู้ว่า ถึงมองเผินๆ หลี่หมิงเจ๋อจะสนิทกับหลี่หมิงฉวี แต่ความจริงก็คอยจูงจมูก
หลี่หมิงฉวีอยู่เช่นกัน
“ตอนนี้เขาน่าจะยังไม่มีเวลามาสนใจหรอก” ‘เขา’ ที่เหยียนเฟิงพูดถึงก็คือเหยียนเค่อ ตนส่งรูปเหล่านั้นให้สำนักหนังสือพิมพ์เรียบร้อยแล้ว มีสำนักหนังสือพิมพ์หลายเจ้าที่มีข้อพิพาทกับทาง YAN
ตอนนี้เหยียนเค่อน่าจะกำลังจัดการกับข่าวของตัวเองอยู่ล่ะมั้ง เหยียนเฟิงคิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น
เหยียนเค่อยุ่งอยู่ก็จริง แต่ที่ยุ่งก็เพียงเพราะว่าไม่อยากให้ตัวเองอยู่ว่างๆ ก็เท่านั้น
จากนิสัยของเหยียนเค่อนั้น เดิมทีก็คงไม่มีทางให้สำนักหนังสือพิมพ์ที่มีข้อพิพาทกับตนได้มีอยู่อีกต่อไป ต่อให้มีก็เป็น ‘ศัตรู’ ที่เขาจัดฉากขึ้นมา อย่างไรเสียก็มีคนอยากจะกำจัดเขาเยอะขนาดนั้น วิธีที่ดีที่สุดก็คือให้พวกคุณที่อยากจะทำร้ายเขานำเอาของเหล่านั้นมามอบให้เขาแต่โดยดี
เหยียนเค่อได้รับข่าวว่าเหยียนเฟิงถูกหลี่หมิงเจ๋อต่อยหน้าแล้วก็รู้สึกใจอ่อนขึ้นมานิดหน่อย ถ้าไม่ใช่การเล่นละครตบตาล่ะก็ เขาคงต้องยอมถอยให้เขาจริงๆ แล้วล่ะ
เซ่าหมิงฟ่านโทรมาได้ตรงเวลาพอดี เหยียนเค่อที่ตอนแรกกำลังเหม่อมองหน้าต่างอยู่ยกมือขึ้นกดเปิดสปีกเกอร์ ก่อนจะตอบรับอย่างเกียจคร้าน “นายโทรหาฉันทุกช่วงเวลาหลังอาหารเลย ว่างขนาดนั้นเลยหรือไง”
“แล้วนายว่าฉันว่างไหมล่ะ” เซ่าหมิงฟ่านทำงานจนเหนื่อยแทบตาย แต่เขากลับมาบอกว่าเขายังงานยุ่งไม่พอเนี่ยนะ
“แล้วนายมีเรื่องอะไร ฉันยุ่งอยู่” เหยียนเค่อขยับปรับมุมของหน้าจอใหม่ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วดูโฆษณาประชาสัมพันธ์ของบริษัท
“พี่ชายโดนต่อยเพราะนายทีเดียว นายคงไม่ใจอ่อนเลยหรอกนะ”
“ก็นิดหน่อย ฉันว่าจะจัดการความแค้นคราวก่อนเสียหน่อย” เหยียนเค่อเอ่ยอย่างจริงจัง
เซ่าหมิงฟ่านฟังแล้วก็เอือมระอา ถ้ายังมีทางหนีทีไล่สำหรับความแค้นคราวที่แล้วอยู่ล่ะก็ เขาคงไม่ต้องเป็นห่วงเหยียนเค่อแล้ว
“นายไม่ติดกับหรอกเหรอ ฉันนึกว่าพอนายใจอ่อนแล้วจะปล่อยให้พี่นายทำเรื่องเลวๆ ต่อไปซะอีก”
“เหมือนว่าฉันจะยังไม่ได้ป้องกันมั้ง” เหยียนเค่อไม่เคยป้องกันเหยียนเฟิงมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว และเขาก็ไม่สนใจเหยียนกรุ๊ปเท่าไรด้วย ในทางธุรกิจแล้วทั้งสองฝ่ายไม่ค่อยได้ติดต่อกันนัก
เหยียนเค่อหลบเลี่ยงธุรกิจหลักของตระกูลตัวเองอย่างสุดชีวิต ให้ทั้งสองฝ่ายเกี่ยวพันกันให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ต่อให้เป็นเช่นนี้แต่เหยียนเฟิงก็ยังมาต่อต้านเขาในยามที่เหยียนกรุ๊ปหยุดพัฒนาและอ่อนแอลงอยู่ดี หวังเพียงจะไม่เกิดปัญหาให้ทั้งสองจะมาฉีกหน้ากันก็พอ
ตอนที่ 284 ถ่ายวิดีโอ
เหยียนเค่อโทรศัพท์ไปพลางกดเปิดคลิปประชาสัมพันธ์ของเดือนตุลาคมไปพลาง เห็นเซียวอู๋อี้ที่อยู่บนหน้าจอยกกระดานไวท์บอร์ด เสียงอันนุ่มนวลนั่นสำหรับเขาแล้วช่างน่าสะอิดสะเอียน
เมื่อก่อนเขากับเซียวอู๋อี้ไม่เคยเจอกันมาก่อน เพียงแต่เคยได้ยินผู้จัดการเอ่ยชมเชยอยู่หลายหนเท่านั้น ตอนนั้นก็เลยถามซย่าเสี่ยวมั่วว่าเธอสู้เซียวอู๋อี้ได้หรือเปล่า
ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนช่างน่าประหลาด ครั้งแรกที่เขาเจอเซียวอู๋อี้ก็ในใจก็ขับไล่ไสส่งโดยไม่รู้ตัว ขีดเส้นให้คนประเภทนี้เป็นได้แค่คนแปลกหน้าที่จะไม่มีวันไปเกี่ยวข้องด้วย โดยไม่รู้ตัวก็มีหลายคนที่กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต หรือแม้กระทั่งเข้าไปอยู่ในอนาคตของตนด้วย
“นายได้ยินฉันพูดไหมเนี่ย!” เซ่าหมิงฟ่านพูดไปเป็นชุดแต่สุดท้ายกลับไม่ได้ยินเสียงตอบรับกลับมา
เหยียนเค่อคลิกเมาส์กดหยุดวิดีโอ “ฉันมีเรื่องต้องทำต่อ วางก่อนนะ ไว้ค่อยคุยกัน”
“ก็ได้ บาย…” เซ่าหมิงฟ่านชิงวางสายก่อน คิดว่าเหยียนเค่อที่ไม่ได้วางหูก่อนต้องโมโหแน่ๆ แต่ความจริงแล้วเหยียนเค่อโยนโทรศัพท์ไปไว้อีกด้านอย่างไม่ไยดีแล้วต่อสายโทรศัพท์ภายในเสียแล้ว
ผู้จัดการแผนกวางแผนยังไม่ทันได้เอ่ยทักทายก็ได้ยินเสียงเย็นยะเยือกของเจ้านายตนดังขึ้นเสียก่อน จนเกือบจะมองข้ามเนื้อหาไป
“ถ่ายวิดีโอประชาสัมพันธ์ของเดือนนี้ใหม่ เอาคนใหม่มาถ่ายให้หมด ไม่ต้องสนใจคนที่จะหมดสัญญาแล้ว”
“เอ่อ ได้ครับ” ผู้จัดการแผนกวางแผนรีบกระจายงาน และประกาศแจ้งอีกครั้ง
ซย่าเสี่ยวมั่วได้รับแจ้งแล้วแต่ไม่รู้ว่าสถานที่ที่ถ่ายวิดีโออยู่ที่ไหน อันหร่านที่จะไปเข้าห้องน้ำพอดีจึงเดินไปเป็นเพื่อน
เธอยืนรออันหร่านอยู่หน้าทางเข้าห้องน้ำ ดูคลิปโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ถูกบริษัทปัดตกไปในโทรศัพท์ ทั้งๆ ที่ก็ดูใช้ได้แท้ๆ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องถ่ายใหม่ให้เปลืองเงินแถมพนักงานยังเหนื่อยด้วย ซย่าเสี่ยวมั่วพูดเสียงเบา “ประสาทเสียยิ่งกว่าเหยียนเค่อซะอีก”
อันหร่านเดินออกมา กำลังจะตบบ่าเธอก็ได้ยินคำพูดนั้นเข้าเสียก่อน เธอมือสั่น มุมปากกระตุก ก่อนจะเก็บมือกลับไปอย่างเงียบเชียบแล้วคิดในใจ ‘ไม่ได้ประสาทเสียยิ่งกว่าเหยียนเค่อหรอก แต่
เหยียนเค่อประสาทเสียมากกว่าเดิมต่างหากล่ะ’
อันหร่านพาซย่าเสี่ยวมั่วลงไปยังห้องถ่ายทำด้านล่าง ก่อนจะฝากฝังเธอเอาไว้กับผู้จัดการแผนกวางแผน
“ทำออกมาให้ดีล่ะ เธอเป็นตัวชูโรงของบริษัทเราเลยนะ” ผู้จัดการแผนกออกแบบเอ่ยหยอกล้อ ก่อนจะหันไปสั่งตากล้องและคนให้เคลียร์พื้นที่
เป็นครั้งแรกที่ซย่าเสี่ยวมั่วได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ ทำให้ยังไม่คุ้นชินเท่าไรนัก “ฉัน…”
“ชินแล้วก็ดี ครั้งนี้อีเสินก็ยอมเปิดเผยตัวด้วย พวกเธอสองคนเป็นหน้าตาของบริษัทเราเลยนะ”
“เอ๊ะ” ซย่าเสี่ยวมั่วตกใจ “อีเสิน?” อีเสินปกปิดชีวิตในโลกส่วนตัวของตนมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้กลับยอมเปิดเผยเนี่ยนะ?!
ซย่าเสี่ยวมั่วมองหน้าผู้จัดการอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ผู้จัดการยิ้มหวาน “แต่ว่าเขาอยู่คนสุดท้ายท้ายสุดเลยน่ะ ขั้นตอนการถ่ายทำจะถูกปกปิดไว้ทั้งหมด จะได้เห็นเขาแค่ในคลิปตอนสุดท้ายเท่านั้น”
“ฉันอยากได้ลายเซ็นน่ะค่ะ” ซย่าเสี่ยวมั่วขอร้องเขาด้วยสีหน้าหลงใหลได้ปลื้ม
“ได้สิ ฉันจะพยายามนะ เดี๋ยวจะตัดต่อคลิปของเธอกับเขารวมไว้ด้วยกันเลย”
ซย่าเสี่ยวมั่วได้รับเซอร์วิสที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ก็ยกไวท์บอร์ดขึ้นอย่างกระตือรือร้น ก่อนจะอ่านบทพูดบนกระดานด้านบนกล้องด้วยสีหน้าอ่อนโยน “รักลึกซึ้งในอาชีพของฉัน รักเคารพเจ้านายของฉัน”
ซย่าเสี่ยวมั่วชะงักครู่หนึ่ง เจ้านายของเธอก็คือชายวัยกลางคนที่มอบเซอร์วิสนี้ให้เธอไม่ใช่เหรือไง ทำไมถึงเป็นบทพูดที่น่าสะอิดสะเอียนแบบนี้ล่ะ “หวังว่าทุกคนจะช่วยสนับสนุนฉัน ฉันไม่ได้รักแค่เจ้านายเท่านั้น แต่ก็รักพวกคุณด้วยนะคะ!”
เธอไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองรักเจ้านายเลย กำลังสงสัยว่าเจ้านายของตนเป็นคนที่มีความชอบที่พิเศษพิสดารอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงให้พนักงานผู้หญิงพูดบทพูดที่ชวนอ้วกเช่นนี้
ผู้จัดการแผนกวางแผนที่ได้รับบทพูดมาประหลาดใจเสียยิ่งกว่าเธอเสียอีก บอสใหญ่ของเขาเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก ถึงเขียนบทพูดใส่กระดานด้วยตนเองแล้วใช้ให้คนเอามาส่งให้ ให้ใส่คำพูดที่ไร้เหตุผล ไม่มีตรรกะและไม่ได้เกี่ยวข้องกับการประชาสัมพันธ์เช่นนี้ใส่ลงไปในโฆษณาประชาสัมพันธ์
หลังจากซย่าเสี่ยวมั่วอัดวิดีโอเสร็จแล้ว ก็หมุนข้อมือคลายความเมื่อยจากการชูกระดานไวท์บอร์ดเป็นเวลานาน ส่วนภายในใจคิดถึงอีเสิน ขณะที่กำลังจะเดินเยื้องกรายออกไปอยู่นั้น ผู้จัดการแผนกวางแผนก็เอากระดานไวท์บอร์ดที่เขียนตัวหนังสือไว้ด้านบนและใช้พลาสติกแรปปิดให้อย่างดียื่นให้เธอ “เธอเอาไปแขวนไว้ในห้องทำงานได้นะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วกอดกระดานกลับห้องทำงานอย่างงุนงง คิดๆ ดูแล้วจึงหามุมว่างๆ สักมุมแล้วแขวนมันไว้อย่างขอไปที
ตอนที่ 285 เปิดเผยโดยไม่ได้ตั้งใจ
เหยียนเค่อรู้ว่าจู่ๆ ตนก็เกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ แถมยังเขียนบทพูดโง่เง่านั่นอย่างกับไร้ซึ่งคำจะพูดอีก การที่ซย่าเสี่ยวมั่วพูดประโยคนั้นไปทำให้ทั้งตัววิดีโอประชาสัมพันธ์ใช้งานไม่ได้ สิ้นเปลืองทรัพย์สินและแรงกายของพนักงานไปสุดท้ายก็ใช้วิดีโอเดิม
ฝ่ายโฆษณาและฝ่ายวางแผนตัดต่อวิดีโอตัวใหม่เสร็จเรียบร้อย แต่หลังจากส่งไปแล้วกลับได้รับแจ้งว่าจะโพสต์คลิปตัวเก่า แต่ละคนต่างก็ไปอัปเดตสถานะบนเว็บไซต์อย่างจำยอม
“ฉันไม่ได้รักแค่เจ้านายเท่านั้น…” เหยียนเค่อได้ฟังคำต้องห้ามนั้นแล้วก็ใจเต้นระรัวแปลกๆ ฟังซ้ำอีกหลายครั้งจึงปิดคลิปนั้นทิ้ง ใช้การงานมาเบี่ยงเบนความรู้สึกของตัวเองอีกครั้ง กรรมที่ตนก่อไว้ ถึงกระอักเลือดก็ต้องยอมรับแต่โดยดี
เหยียนเฟิงและหลี่หมิงเจ๋อคุยเรื่องรายละเอียดของงานกันสักพัก กว่าจะกลับเข้าไปที่เหยียนกรุ๊ปก็เที่ยงแล้ว
หลังจากสะสางเรื่องราวที่ต้องจัดการแล้วเหยียนเฟิงก็อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย จึงกดเปิดเว็บไซต์ข่าวดู แต่หลังจากไล่ดูไปเรื่อยๆ แล้วนั้นอารมณ์กลับค่อยๆ จมดิ่ง
ข่าวของเหยียนเค่อนั้นหายไปหมดแล้ว ทั้งหมดถูกแทนที่ด้วยข่าวฉาวของเหล่าดาราและข่าวความเคลื่อนไหวการร่วมมือกันของผู้มีอำนาจในโลกอสังหาริมทรัพย์
ร่องรอยบนหน้าที่ผ่อนคลายคงกลับมาเครียดตึงอีกครั้ง
“นี่น้อง จัดการข่าวด้านลบของเหยียนเค่อหมดแล้วเหรอ”
“ค่ะ เหนื่อยมากเลย ประธานเหยียนของเราไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน แถมยังสร้างปัญหาไว้ให้พวกเราอีก” อีกฝ่ายไม่ได้ระมัดระวังเลยสักนิด มีความสบายๆ และผ่อนคลายในน้ำเสียง
“เหนื่อยหน่อยนะพวกเธอ เหยียนเค่อทำตัวเหลวไหลจนเคยตัว เธอก็ตั้งใจทำงานล่ะ คอยช่วยเขาหน่อย” ฟังจากน้ำเสียงของเหยียนเฟิงแล้วกำลังผูกสัมพันธ์ที่ดีแทนน้องชายของตนอยู่ แต่สีหน้าของเขากลับอึมครึม
“ไม่ทำให้รุ่นพี่ผิดหวังแน่นอนค่ะ” อีกฝ่ายตอบรับอย่างซุกซน พูดคุยกับเขาต่ออีกสักพักก่อนจะวางสายไป
สีหน้าของเหยียนเฟิงเคร่งขรึม เขาประเมินความสามารถของเหยียนเค่อต่ำเกินไป
“ท่านประธานครับ ประธานสวีบอกว่าคุณสวีอิ๋งอิ๋งเป็นคนขโมยเอกสารฉบับนั้นไปให้พี่ชายของท่านจริงๆ ครับ” ผู้ช่วยหวังรายงานข่าวที่ได้รับแจ้งมาตั้งนานแล้วให้เขาทราบ
เหยียนเค่อไม่มีกะจิตกะใจมาดูรายละเอียดขั้นตอนนัก เอกสารฉบับที่สวีอิ๋งอิ๋งเอาไปให้เหยียนเฟิงคือแผนโครงการของหนานซานที่แท้จริง แต่สิ่งที่แท้จริงยิ่งกว่านั้นอยู่ในสมองของเหยียนเค่อต่างหาก
สำหรับนักธุรกิจแล้ว การเชื่อในตัวเองคือวิธีที่ถูกต้องที่สุด ตัวพาหะใดก็ไม่น่าเชื่อถือเท่ากับสิ่งที่มีเชื้อนั้นอยู่กับตัว
สำหรับวิธีการที่สวีอิ๋งอิ๋งอาศัยอำนาจของเหยียนเฟิงนั้น สวีอันหรานเองก็จับทางไม่ค่อยได้เช่นกัน
น้องสาวของเขาคนนี้ก็ดูฉลาดดีนี่นา ทำไมถึงมีความคิดว่าเหยียนเค่อเทียบเหยียนเฟิงไม่ได้กันนะ คงไม่ได้ตกหลุมรักเหยียนเฟิงจริงๆ หรอกนะ?
“ยายโง่สวีอิ๋งอิ๋งไม่ทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ ขโมยเอกสารที่เป็นกระดาษไปเสียด้วย ต้องหาอะไรมาเลี้ยงสมองหน่อยไหมนะ” เหยียนเค่อไม่เข้าใจการที่เธอขโมยต้นฉบับไปแถมยังไม่เตรียมเอกสารปลอมแปลงเอาเสียเลย “เขาทำแบบนี้นี่เพราะว่าตั้งใจหรือว่าโง่จริงๆ กันนะ”
เหล่าผู้ช่วยมองหน้ากันเลิ่กลั่ก จะตอบอย่างไรดีล่ะทีนี้ พวกเขาไม่ได้เรียนจิตวิทยามาเสียหน่อย
“ให้ผู้หญิงแบบนี้มาเป็นภรรยา ผมคงต้องระวังตัวหน่อยแล้ว อันตรายเกินไป” เหยียนเค่อไม่ต้องการให้พวกเขาตอบ เป็นการยอมรับว่าสวีอิ๋งอิ๋งโง่ไปโดยปริยาย ก่อนจะชื่นชมตัวเอง “ผมคิดว่าสักวันหนึ่งเขาคงจะหักหลังผมแล้วเสนอตัวให้คนอื่นสินะ ขนาดคนไอคิวสูงอย่างผมยังช่วยเขาไม่ได้เลย”
เหล่าผู้ช่วยเหลือบมองเพดานอย่างเอือมระอา ท่านไม่หักหลังคนอื่นก็นับว่าดีแล้ว คนอื่นหักหลังท่านน่ะเหรอ ฝันไปเถอะ
หลังจากเหยียนเฟิงไปถึงห้องทำงานแล้วก็หยิบแฟ้มเอกสารที่สวีอิ๋งอิ๋งส่งมาให้ออกมา พลิกดูก่อนจะอ่านโดยละเอียดหนึ่งรอบ
เขารู้สึกว่าแผนการฉบับนี้ละเอียดครอบคลุมมาก แนวความคิดชัดเจน กลยุทธ์ก็สอดคล้องกับความเคยชินของเหยียนเค่อ สำหรับเขาแล้วนี่เป็นแผนการที่ดีที่สุดแล้ว แต่หลังจากที่เหยียนเค่อจัดการเรื่องสำนักหนังสือพิมพ์เรียบร้อยแล้ว เขาก็เริ่มเคลือบแคลงในแฟ้มฉบับนี้ว่าเป็นของจริงหรือไม่
ทางที่ดีเหยียนเฟิงอย่าเชื่อจะดีกว่า เพราะเช่นนั้นเขาจะได้ไม่ต้องไปแก้ไขแผนการอีก ส่วนเรื่องรูปก็ถือว่าช่วยเขากลับสักครั้งแล้วกัน เหยียนเค่อคิดอย่างใจกว้าง
ตอนที่ 286 สมองเหมาะสมกันดี
ตอนที่เบลล์เอาเอกสารไปส่งให้เหยียนเฟิงก็เห็นว่าเหยียนเฟิงดูเอกสารในมือด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก จึงวางเอกสารไว้แล้วถอยกลับออกไปอย่างรวดเร็ว แต่มือเพิ่งจะแตะลูกบิดก็ได้ยินคำสั่งของเหยียนเฟิงเสียก่อน “ไปลิสต์รายชื่อผู้หญิงที่ถึงวัยต้องแต่งงานของแต่ละตระกูลมาให้ผม”
“ค่ะ” มือของเบลล์ชะงักไป ก่อนจะตอบรับด้วยใบหน้าเรียบเฉย
เหยียนเฟิงคิดว่าตัวเองในตอนนี้ต้องใช้การแต่งงานเพื่อให้ได้ซึ่งกำลังเสริมมา และอิทธิพลของฝ่ายหญิงอย่างน้อยก็ต้องเทียบเท่ากับเหยียนกรุ๊ป เขาถึงจะมั่นใจว่าสามารถเอาชนะเหยียนเค่อได้
เมื่ออันหร่านไปถึงห้องทำงานของซย่าเสี่ยวมั่วก็โดนแผ่นกระดานที่แขวนไว้อยู่บนผนังดึงดูดสายตา
“นี่เธอเขียนเองแล้วแขวนขึ้นไปเหรอ” อันหร่านชี้กระดานแผ่นนั้นแล้วมองหน้าเธอ “ทำไมเมื่อก่อนไม่เห็นรู้เลยว่าเธอรักเคารพในอาชีพแบบนี้ด้วย”
ซย่าเสี่ยวมั่วหันไปมองปราดหนึ่ง ก่อนจะพูดปิดปากพูดเสียงเบา “ฉันไม่ได้เป็นประสาทสักหน่อย บอสเขียนต่างหากล่ะ คนอย่างบอสคงไม่ได้คิด…แบบนั้นกับฉันหรอกนะ” เธอมีสีหน้ากลุ้มใจขึ้นมาทันที
อันหร่านฟังจบใจก็กระตุกขึ้นมา กำลังจะอ้าปากด่าก็คิดไปถึงบอสที่ซย่าเสี่ยวมั่วพูดถึงกับบอสที่
อยู่ในความคิดของเธอ จึงเก็บคำพูดกลับไปอย่างเหมาะสม “แบบนั้นอะไรกันล่ะยะ บอสเราน่ะเมียคุมเข้มนะจะบอกก่อน”
“รูปร่างกำยำขนาดนั้นแล้วเมียยังตามคุมอีกเหรอ” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่เชื่อ ยังคงเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตัวเอง “ฉันอยู่ห่างจากเขาหน่อยดีกว่า รู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยเลย”
อันหร่านหมดคำพูด ใครจะกล้าคิดอะไรกับเธอกันล่ะ คนที่คิดเขาไม่ทำให้เธอรู้ตัวหรอก
“เอาเถอะๆ ฉันให้เธอกินเยอะๆ หน่อยเธอกินหรือยัง”
“ยังเลย” ซย่าเสี่ยวมั่วเหนื่อยใจ “ฉันต้องไปนัดบอดอีกเนี่ย แล้วยังต้องมาตั้งรับบอสอีก” เธอปิดหน้าแล้วโอดครวญ “คนอื่นเขามีแต่ลักกี้อินเกมแต่ไม่ลักกี้อินเลิฟ ทำไมฉันไม่เห็นโชคดีเหมือนคนอื่นเขาบ้างเลยล่ะ แถมยังโชคร้ายไปเสียทุกเรื่องเลยด้วย”
“แสงอาทิตย์สาดส่องหลังฝนตกเสมอ เธอลองเปลี่ยนมุมมองดูก็จะรู้เอง”
“ถึงเปลี่ยนมุมมองแล้วฉันว่าบอสเราก็ยังคิดแบบนั้นอยู่ดีอะ…”
“เอาเถอะ” อันหร่านยอมแพ้ “ฉันมาพาเธอไปกินข้าว”
“เอ๊ะ วันนี้เธอเลิกก่อนเวลาเหรอเนี่ย!” ซย่าเสี่ยวมั่วมองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ “คนที่ลักกี้อินเลิฟนี่แตกต่างไปจากเดิมจริงๆ เลยน้า กล้าเลิกงานก่อนซะด้วย เมื่อไรจะพาพี่ชายในห้องน้ำคนนั้นมาเจอฉันสักทีล่ะ”
“ห้องน้ำบ้านเธอสิ” อันหร่านจิ้มกะโหลกเธออย่างอารมณ์เสีย “มีเวลาค่อยว่ากัน ฉันจะควงมาอวดเธอแน่”
ซย่าเสี่ยวมั่วกุมอก “ฉันก็แค่คนโสดคนหนึ่ง ทำไมฉันต้องวาดการ์ตูนหวานแหววน่ารักละมุนนั่นทั้งวันด้วย ฉันจะแก้แค้นสังคม!”
ทั้งสองคนเพิ่งลงมาก็เจอกับเจ้านายรูปร่างกำยำที่ซย่าเสี่ยวมั่วพูดถึง ซย่าเสี่ยวมั่วหมุนตัววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วจนอันหร่านคว้าไว้ไม่ทัน
“เป็นอะไรไป ทำไมเห็นหน้าฉันแล้วต้องวิ่งด้วย” ชายวัยกลางคนงุนงง จึงถามอันหร่าน
อันหร่านยิ้มแห้ง “เธอปวดเข้าห้องน้ำกะทันหันน่ะค่ะ ท่านก็อย่าถือสาเลยนะคะ”
“อ๋อ” ถึงแม้ว่าในใจจะรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่กล้าถือสาสองสาวในความดูแลของบอสใหญ่ จึงโบกมือปัดแล้วเดินไปทางอื่น “ไม่ถือสาหรอก มีอะไรก็ไปทำเถอะ”
“ค่ะๆๆ” อันหร่านเม้มปาก อะไรจะโชคดีปานนี้ โดดงานก่อนเวลาครั้งแรกก็เจอเจ้านายเลย
ซย่าเสี่ยวมั่วเข้ามาหลบในห้องน้ำจริงๆ อันหร่านต้องโทรหาเธอถึงจะยอมมุดหัวออกมา
“หลบมาอยู่ในนี้ก็เหมาะกับสมองของเธอดี” อันหร่านยืนบังอยู่หน้าทางเข้ามองเธอแสร้งทำเป็นจัดเสื้อผ้าอย่างใจเย็น
“เธอจะไปเข้าใจอะไร ห้องน้ำหญิงน่ะปลอดภัยที่สุดแล้ว”
“เธอเป็นโรคหลงผิดคิดว่าจะโดนทำร้ายหรือเปล่าเนี่ย” อันหร่านชักสงสัยว่ายายนี่โดนเหยียนเค่อทำร้ายใจจนสติไม่ดีไปแล้วหรือเปล่า
ซย่าเสี่ยวมั่วรู้ว่าอันหร่านไม่มีทางรับรู้ถึงสภาพจิตใจตื่นตระหนกหวาดระแวงของตน จึงไม่โต้ตอบและปล่อยให้อันหร่านบ่นต่อไป
ตอนที่ 287 รายงานเรื่องลับ
“ไปเถอะๆ ยังไงซะก็โดนจับได้แล้ว ทำต่อไปให้สุดเลยดีกว่า”
ซย่าเสี่ยวมั่วออกไปเดินเล่นหาอะไรกินกับเธอรอบหนึ่ง ก่อนจะกลับมาที่บริษัทตอนที่คนอื่นกำลังพักกลางวันอยู่
“การที่พวกเราเลิกงานก่อนมีความพิเศษอะไรหรือเปล่า” ซย่าเสี่ยวมั่วยืนพิงผนังแล้วถามขึ้นเป็นเชิงว่าไม่เข้าใจ “เราจะกลับบริษัทกันตอนนี้ทำไม นอนกลางวันเหรอ”
“อืม…” อันหร่านก็ไม่รู้จะตอบเธออย่างไร เป็นครั้งแรกที่เธอเลิกงานก่อนแต่เดินไปแค่นี้ก็กลับมาแล้ว “เธอไปนอนเถอะ”
“ฉันไม่นอน!” ถ้าหลับลงเมื่อคืนเธอก็คงไม่นอนคิดเลอะเทอะจนฟ้าสว่างหรอก
อันหร่านไม่สนใจอารมณ์ขุ่นเคืองของเธอ “ถ้าเธอนอนไม่หลับก็ไปวาดการ์ตูนซะ”
“ฮือ” ซย่าเสี่ยวมั่วยกสองมือขึ้นปิดหน้าก่อนจะออกแรงถู “ไม่เอา”
ให้นอนยังพอรับได้ แต่การวาดรูปทำให้เธอต้องหวนนึกถึงเรื่องเมื่อคืนซ้ำอีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เธอคงไม่ต้องนอนแล้วล่ะ
“ถ้างั้นเธอจะทำอะไร” อันหร่านจิ้มกะโหลกเธอ “ไม่งั้นออกไปหาอะไรกินอีกรอบไหม”
“ฉันอยากอยู่เงียบๆ” ซย่าเสี่ยวมั่วเอนตัวหัวหน้าเข้าผนังไม่ขยับเขยื้อน
“อย่าไปแย่งที่อยู่จิ้งจกสิ” อันหร่านจับปกคอเสื้อเธอก่อนจะยกมันขึ้น “กลับไปพักผ่อนเถอะ เธอทำแบบนี้คนอื่นเห็นแล้วจะนึกว่าแผนกเรามีชีวิตครอบครัวที่มีความสุขดีนะ”
“ถ้าชีวิตครอบครัวที่มีความสุขจะซังกะตายแบบฉันเหรอ” ซย่าเสี่ยวมั่วกลอกตามองบน “ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย” เธอแกะมือของอันหร่านออก ก่อนจะเดินเข้าไปในลิฟต์ “ฉันว่าจะจัดเตรียมแผนการนัดบอดครั้งยิ่งใหญ่นี่ดีกว่า”
อันหร่านมองเธอปราดหนึ่งแล้วลังเลในใจ ‘นัดบอดเลยนะ…ต้องบอกบอสเรื่องของซย่าเสี่ยวมั่วเรื่องนี้หรือเปล่านะ…’
“เธอไปนัดบอดเมื่อไร”
“เช้าวันเสาร์ที่สตาร์บัค ในสถานที่ที่ทำลายความฝันของฉัน!”
“เอ่อ…” หลอกง่ายเสียจริง โพล่งเวลาและสถานที่ออกมาหมดเลย
ซย่าเสี่ยวมั่วเดินกลับห้องทำงานอย่างหมดอาลัยตายอยาก ก่อนจะลงไปนอนตัวตรงบนโซฟา ไม่มีแรงขับเคลื่อนในการวาดต้นฉบับเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้แม้แต่งานออกแบบเสื้อผ้าและชุดแต่งงานเธอก็ไม่รับทำแล้ว เธอกลัวว่าจะเผลอวาดหัวกะโหลกและคำสาปแช่งลงไปบนชุดแต่งงานของคนอื่นเขา…
ความรักทำให้คนงดงาม และก็ทำให้คนอัปลักษณ์ได้เช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อใครคนนั้นรักแต่ไม่สามารถครอบครอง จนเกิดความยึดมั่น…
ซย่าเสี่ยวมั่วยังถือว่าโชคดี อย่างน้อยเธอก็รู้ตัวตนของเหยียนเค่อก่อนจะกลายเป็นคนที่ยึดมั่นไว้ไม่ปล่อยไม่อย่างนั้นเธอคงต้องกลัดกลุ้มเรื่องชีวิตที่เหลือของตนเป็นแน่
อันหร่านกำลังเผชิญหน้ากับความลังเลแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจบอกเรื่องนี้กับเหยียนเค่อ ไม่ใช่การขายเพื่อนหรือว่าอาศัยซย่าเสี่ยวมั่วเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากเหยียนเค่อ แต่เป็นเพราะเธอรู้สึกว่าสองคนนี้มีใจให้กันจริงๆ เหยียนเค่อแคร์ซย่าเสี่ยวมั่วมาก เพียงแต่วิธีการแปลกประหลาดไปหน่อยก็เท่านั้น
“เชิญครับ” เหยียนเค่อกำลังนั่งพิงพนักเก้าอี้หลับพักสายตา แต่บาดแผลตรงมุมคิ้วก็ไม่ส่งผลกระทบกับความหล่อเหลาของใบหน้าของเขาเลย
“ท่านประธานคะ” ก่อนจะเคาะประตูห้องอันหร่านยังลังเลอยู่ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจขายซย่าเสี่ยวมั่วไป
เหยียนเค่อช้อนตามองอย่างเกียจคร้าน เห็นว่าเป็นเธอจึงหลุบตามองต่ำ “หัวหน้าอันรักเคารพในหน้าที่ดีนะครับ ตอนนี้เป็นเวลาพักผ่อน แผนคุณออกไปกินข้าวแล้วไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกครับ”
คำพูดนี้ช่างย้อนแย้งเสียจริง…การรักและเคารพในหน้าที่ใช่เรื่องเดียวกับการมาหาแฟนหรือไง? นี่เขากำลังพูดจาเสียดสีเธออยู่ชัดๆ
อันหร่านกำหมัด ถ้าเขาไม่ใช่เจ้านายของเธอนะ กำปั้นนี้คงพุ่งเข้าไปฝากรอยบนใบหน้างดงามไร้ที่ติของเหยียนเค่อแล้ว
“ฉันมาคุยเรื่องส่วนตัวค่ะ”
“ผมยังไม่พร้อมรับฟัง” เหยียนเค่อเอ่ยเตือน อย่ามาสาดความสวีตแถวนี้นะ
เทียบกับเหยียนเค่อแล้ว ‘พี่ชายในห้องน้ำ’ ของซย่าเสี่ยวมั่วดีกว่าเยอะเลย
“ฉันจะมาคุยเรื่องซย่าเสี่ยวมั่วค่ะ” อันหร่านพูดเข้าประเด็นทันที ไม่อยากพิรี้พิไรกับเขาอีก
“สำคัญมากไหมครับ ถ้าไม่สำคัญผมไม่ฟัง” เหยียนเค่อโหมดปากไม่ตรงกับใจประทับร่างโดยฉับพลัน เขาตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ให้ห่างจากซย่าเสี่ยวมั่ว จะกลับไปทำแบบเดิมอีกเพราะคำพูดแค่นี้ของอันหร่านไม่ได้
ตอนที่ 288 เรื่องสำคัญ
คำพูดที่ซย่าเสี่ยวมั่วพูดเมื่อคืน ถึงตอนนี้เขาก็ยังจำได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง อะไรคือการบอกว่า ‘ไม่ว่าจะเป็นใครเธอก็รับได้ ยกเว้นเขา’ น่ะหา!
เรื่องที่ตัวตนของเขาถูกเปิดเผยนั้นได้จัดการเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เหยียนเค่อมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ย้อนกลับไปคิดถึงคำพูดเหล่านั้นของซย่าเสี่ยวมั่วทีละนิด แต่คิดๆ ดูแล้วก็น่าโมโห
“แบบไหนถึงจะเรียกว่าสำคัญคะ” อันหร่านถามขึ้นด้วยความไม่รู้ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกว่าถ้าบอกไปว่าซย่าเสี่ยวมั่วจะไปนัดบอด นายบอสคนนี้จะต้องโมโหแน่นอน เพียงแต่ต้องเก๊กขรึมเอาไว้
เหยียนเค่อไม่พูดอะไร ความหงุดหงิดแผ่กระจายก่อนจะแสดงออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา
“ฉันก็ไม่รู้หรอกนะคะว่าเรื่องนี้จะสำคัญหรือเปล่า ถ้าท่านคิดว่าไม่สำคัญก็พูดขัดจังหวะได้เลยค่ะ ฉันจะไม่พูดต่อ”
เหยียนเค่อเลิกคิ้ว เหลือบตาขึ้นรอฟังเธอพูด
อันหร่านกระแอม เห็นเขาตั้งใจฟังเช่นนี้ก็แอบค่อนแคะในใจ ‘ถ้าไม่ใส่ใจจะทำท่าทางเหมือนสนใจทำไมล่ะยะ’
“ซย่าเสี่ยวมั่วจะไปนัดบอดค่ะ”
สีหน้าของเหยียนเค่อเปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนจะกลับมาเป็นปกติ อันหร่านไม่เห็นถึงความผิดปกติอันใดจึงหยุดพูดแต่เพียงเท่านั้น
เหยียนเค่อรออยู่นานก็ไม่ได้ฟังประโยคหลังสักที จึงรู้สึกรำคาญใจ “ผมขัดจังหวะคุณแล้วเหรอครับ?”
“คะ?” อันหร่านที่กำลังรอคำสั่งอยู่ได้ยินประโยคนี้ ก็สมองช็อตไปสักพักหนึ่งถึงจะคิดตามทัน ชิ ปากไม่ตรงกับใจนี่นา เขารู้ได้อย่างไรนะว่าที่เธอจะพูดไม่ได้มีแค่นี้ “ท่านคิดว่าสำคัญเหรอคะ”
เหยียนเค่อมองขวับ อันหร่านจึงไม่กล้าล้อเล่นกับเขาอีก แล้วรีบพูดออกไปอย่างหมดเปลือก “เช้าวันเสาร์ ที่สตาร์บัค เท่าที่ฉันสำรวจมา ต้องเป็นสตาร์บัคร้านนั้นที่อยู่ใกล้ๆ บ้านของซย่าเสี่ยวมั่วแน่นอนค่ะ”
“อืม” เหยียนเค่อแสร้งทำเป็นงานยุ่งด้วยการพลิกเอกสารบนโต๊ะที่ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว ส่วน
อันหร่านก็ยังยืนอยู่ที่เดิมตรงนั้น ไม่รู้ว่าตนควรจะเดินออกไปหรือเปล่า
เหยียนเค่อเก๊กอยู่นาน แต่คนที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานก็ยังไม่ออกไปสักที จึงถามขึ้นอย่างข้องใจ “คุณยังมีเรื่องอะไรอีกเหรอครับ”
“ไม่มีแล้วค่ะ”
“ผมก็นึกว่าคุณมายืนรอแฟนซะอีก ถ้าคุณจะรอก็ไปนั่งรอตรงนู้น”
“เข้าใจแล้วค่ะ ฉันไม่ยืนบังแสงอาทิตย์ของคุณแน่นอน ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ” อันหร่านพูดขัดขึ้นอย่างรู้ทัน ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป
เหยียนเค่อรอจนเธอเดินออกไปแล้วจึงไปล็อกประตู ก่อนจะปิดแฟ้มเอกสารอย่างแรงแล้วนั่งเท้าคางอย่างใช้ความคิด
เขาจะหาเหตุผลอะไรถึงจะไปปรากฏตัวต่อหน้าซย่าเสี่ยวมั่วได้กันนะ ว่ากันตามหลักแล้ว สถานที่แบบนี้เขาไม่ไปเหยียบแน่นอน…
เหยียนเฟิงดูข้อมูลที่เบลล์จัดระเบียบมาให้ และคอยถามความเห็นจากเบลล์เป็นระยะ
“น้องสาวของเฉิงนั่ว…”เหยียนเฟิงขมวดคิ้ว
“อายุยี่สิบก็แต่งงานได้แล้วค่ะ” เบลล์อธิบาย “คุณหนูของตระกูลเฉิงคนนี้ถือว่าเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถเลยค่ะ ถูกเลี้ยงดูอย่างเข้มงวดมาตั้งแต่เด็กค่ะ”
เหยียนเฟิงก็รู้ดีว่าบ้านตระกูลเฉิงอบรมลูกสาวอย่างดีที่สุด อาศัยการแต่งงานมาคอยพยุงบ้านตระกูลเหยียนที่เริ่มจะเสื่อมถอยลงไปทีละรุ่นๆ ตลอดสิบปีมานี้
“ตระกูลเฉิงโลภมากเกินไป ในอนาคตต้องโดนเล่นงานแน่นอน” เหยียนเฟิงพลิกกระดาษไปด้านหลัง ยิ่งดูก็ยิ่งหงุดหงิด ไม่มีผู้หญิงถูกใจเขาเลยสักคน
“มีคนถูกใจหรือยังคะ ต้องการให้ฉันไปติดต่อไหมคะ”
“ค่อยว่ากัน” เหยียนเฟิงโยนแฟ้มเอกสารไปอีกทาง ก็จะนวดหัวคิ้ว “สวีอิ๋งอิ๋งเข้ามาหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ วันนี้คุณสวีไม่ได้เข้ามา” เบลล์ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงถามตน ทุกครั้งก็เป็นเหยียนเฟิงที่พา
สวีอิ๋งอิ๋งเข้ามาด้วยตัวเอง ต่อให้ตัวเขาเข้ามาที่เหยียนกรุ๊ปด้วยตัวเองก็ต้องวุ่นวายจนคนอื่นรู้กันให้ทั่วอยู่แล้ว เธอไม่สามารถห้ามสวีอิ๋งอิ๋งไม่ให้เข้ามาได้หรอก
“ประธานเหยียนคะ คือเรื่องย้ายไปทำงานในแผนกน่ะค่ะ…” เบลล์นึกไปถึงเรื่องคำสั่งโยกย้ายของตน
เหยียนเฟิงเหลือบตามองเธอปราดหนึ่ง สีหน้าเคร่งขรึมทำเอาเบลล์ใจฝ่อ “คุณอยากไปทำงานในแผนกเหรอ”
“ก็…ค่ะ แค่อยากได้ประสบการณ์เพิ่มอีกสักหน่อย…” เบลล์เริ่มชักแม่น้ำ
“พอเถอะ อย่าเอามุกที่คุณหลอกอาจารย์มหาวิทยาลัยมาหลอกผมเลย ใช่ว่าผมจะไม่รู้จักคุณดีสักหน่อย” เหยียนเฟิงมองสายตาล่องลอยของเธอแล้วก็รู้แล้วว่าเธอจะพูดไร้สาระอะไรต่ออีก “เรื่องนี้ค่อยว่ากันทีหลัง ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น