เนตรเซียนทะลุสมบัติ 279-285

 ตอนที่ 279 ย้ายบ้าน


ลัวย่าวหัวพบกับหยางโปเพื่อพูดคุยเกี่ยวเรื่องโรงประมูล ” ที่นั้นปรับปรุงเกือบจะเสร็จแล้ว พนักงานหลายตำแหน่งก็ยังอยู่ในช่วงการรับสมัครงาน ฉันวางแผนที่จะเริ่มต้นธุรกิจในเดือนมีนาคมปีหน้า “


หยางโปพยักหน้า ” เวลานี้น่ะดีแล้ว โดยทั่วไปแล้วโรงประมูลจะทำการประมูลในฤดูใบไม้ผลิในเดือนมีนาคม เมษายนและทำการประมูลในฤดูใบไม้ร่วงจะเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนถึงตุลาคม ด้วยวิธีนี้เราจะสามารถมีเวลาลดผลกระทบอยู่ครึ่งปี ในช่วงเวลานี้นัดเล็กๆ สองนัดสามารถอุ่นเครื่องได้ “


ลัวย่าวหัวพยักหน้า ” ฉันก็คิดอย่างนั้น แต่นายก็รู้ว่าโรงประมูลเพิ่งถูกจัดตั้งขึ้นและหลายๆคนอาจไม่เชื่อถือ นี่จะแก้ไขได้ยังไง ? “


หยางโปเงยหน้าขึ้นมอง ” นายยังต้องถามฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกเหรอ ? เราไม่ได้มีผู้จัดการมืออาชีพที่มีประสบการณ์เหรอ ? จะดีกว่าไหมถ้านายปล่อยให้เขาวางแผนโดยตรง “


 


ลัวย่าวหัวตบหัวตัวเอง ” วิธีนี้ไม่เลวเลย ตอนนี้เรามีพนักงานแล้ว เพียงแค่ให้พวกเขาร่างแผนงาน อืม ฉันจะไปหาพวกเขาเมื่อกลับไป ! “


พูดจบ ลัวย่าวหัว ก็หันหลังกลับและเดินออกไป หยางโปรีบกล่าว ” นายกังวลเหรอ ? “


” แน่นอนฉันกำลังรีบ นายไม่รู้หรอก ฉันไม่มีทรัพย์สินเลยตอนนี้ และฉันก็ไม่สามารถเอาอะไรจากที่บ้านได้เลย ! “


ลัวย่าวหัวตอบกลับแล้ววิ่งออกไป


หยางโปมองไปทางที่ลัวย่าวหัวเดินจากไป มีบางส่วนสูญหาย สองสามวันตั้งแต่กลับมา เขาพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีอะไรทำ


หลู่ตงซิง มีธุรกิจอุตสาหกรรมจำนวนมากที่ต้องจัดการ ลัวย่าวหัวก็ริเริ่มทำธุรกิจและจัดตั้งโรงประมูล ส่วนตาอ้วนหลิว กลับบ้านเพื่อไปเยี่ยมผู้สูงอายุและเด็กๆ มีเพียงเขาที่โดดเดี่ยวอยู่คนเดียว


หยางโปต้องพิจารณาย้ายบ้านเร็วๆ นี้ หลังจากปีใหม่ นี่เขาจะต้องขุดชั้นใต้ดินแล้ว


 


หยางโปครุ่นคิดและไม่รีบกลับไปที่จินหลิง เขาออกไปและนั่งแท็กซี่ตรงไปที่แพนเจียหยวน เขาวางแผนที่จะอยู่ใกล้ๆกับแพนเจียหยวนในช่วงเวลานี้ ยิ่งไปกว่านั้นเท่าที่เขารู้ แพนเจียหยวนมีชีวิตชีวามากในช่วงปีใหม่และจะต้องมีสิ่งที่ดีมากมาย


หยางโปไม่ได้ขาดเงินในการเช่าบ้าน โดยปกติเขาไม่ต้องการที่แย่เกินไป พบกับนายหน้าอสังหา เห็นว่าการเช่าบ้านสามห้องนอนและหนึ่งห้องรับแขกค่าเช่าเป็นหมื่น หยางโปก็แปลกใจ แต่เขาอยู่คนเดียวมันก็ใหญ่เกินไปและว่างเปล่า เลยเลือกที่จะดูบ้านสองหลังที่มีสองห้องนอน


หลังแรกนั้นเก่าและทรุดโทรม หยางโปชำเลืองมอง เจ้าของบ้านพูดอยู่สองสามคำ ก็หันกลับออกไป เมื่อเห็นบ้านหลังที่สอง หยางโปก็พอใจมาก บ้านได้รับการปรับปรุงใหม่และดูสะอาดสดชื่นสภาพแวดล้อมโดยรอบดีและมันก็ใกล้กับแพนเจียหยวนมาก


เจ้าของบ้านเป็นชายหนุ่มอายุไม่ถึงสามสิบปี ที่ทำตาละห้อย ใบหน้าของเขาไม่มีความสุขและเขาอธิบายกับหยางโป


” นี่เป็นบ้านหลังใหม่ที่ผมซื้อในช่วงสองปีที่ผ่านมา การจำนองยังไม่ได้รับการชำระตอนนี้ บริษัทได้ย้ายไปอยู่ชานเมืองแล้ว มันไกลเกินไปที่จะไปทำงานเลยต้องปล่อยให้เช่าบ้าน “


 


หยางโปพยักหน้า ” คุณวางใจเถอะ ผมอาศัยอยู่คนเดียวและจะทำความสะอาดเป็นประจำ “


ชายหนุ่มพยักหน้า ” ไม่เป็นไร สัญญาเช่าบ้านเป็นเวลาหนึ่งปีและค่าเช่าแปดพันหยวนต่อเดือน “


หยางโปขมวดคิ้ว ราคาสูงกว่าค่าเช่าเฉลี่ย แต่ยังไงก็ตามเขาเห็นว่าบ้านนั้นสะอาดมากและเขาสามารถรับได้ ” ตกลง “


จากนั้น พวกเขาก็เซ็นสัญญาเช่ากัน หยางโปก็ตกลง


หยางโปครุ่นคิด เลยโทรไปหาลัวย่าวหัว ” ฉันต้องการซื้อรถเพื่อเดินทาง นายมองหาใครซักคนซื้อรถให้ฉันหน่อย “


” โอเค เอายี่ห้อไหนดี ? ” ลัวย่าวหัวถาม


หยางโปครุ่นคิด เขาไม่ต้องการให้ดูมีหน้ามีตาเหมาะกับธุรกิจ เขาไม่ชอบอวดร่ำอวดรวย จะดีกว่าถ้าซื้อรถไม่หรู ” เอาเหมือนกับครั้งล่าสุดเลย ! “


” ไม่ได้ซื้อผักกาดขาวนะโว้ย ไม่คิดจะเปลี่ยนยี่ห้ออื่นบ้างรึไง ? ” ลัวย่าวหัวแนะนำ


 


” มันแตกต่างจากผักกาดขาวตรงไหน ? ” หยางโปกล่าว


ลัวย่าวหัวพูดไม่ออก ” นายรอรับมันได้เลย ! “


” จริงสิ ตอนนี้ฉันย้ายไปอยู่ที่แพนเจียหยวนแล้วนะ ” หยางโปกล่าว


” ทำไมถึงย้ายไปที่นั่น ? “


” มันสะดวกดี จริงสิ อย่าลืมขุดชั้นใต้ดินให้ฉันด้วยล่ะ “


….


หยางโปกลับมาที่ลานบ้านเพื่อทำความสะอาด และชุยอี้ผิงก็รีบเข้ามา


” ไม่นานมานี้ นายไปที่เฉียนโจวมาเหรอ ? ” ชุยอี้ผิงถาม


 


หยางโปพยักหน้า ” อืม ฉันไปทำธุระนิดหน่อย ทำไมนายไม่กลับเยอรมนี ไม่ไปวาดภาพแล้วเหรอ ? “


” ฉันจะไม่กลับไปแล้ว ฉันฝึกฝนด้วยตัวเองเป็นส่วนใหญ่ ตอนนี้เพิ่งเรียนรู้การวาดภาพจีนจากปรมาจารย์ภาพวาดจีน


ชุยอี้ผิงกล่าว


หยางโปพยักหน้า ” แบบนั้นก็ดี “


” อย่าเปลี่ยนเรื่อง ฉันได้ยินอี้ฝานบอกว่านายไปเฉียนโจวเพื่อค้นหาขุมทรัพย์ของอาณาจักรเย่หลางโบราณเหรอ ? ” ชุยอี้ผิงกล่าวต่อ


หยางโปตกตะลึง พวกเขาไม่อย่างปกปิดในภายหลัง จำต้องพูดว่า ” ฉันมีความคิดนี้ แต่เกิดเรื่องขึ้นมากเกินไป มันเลยไม่สำเร็จ “


 


ชุยอี้ผิงส่ายหน้า ” ฉันไม่ได้จะวิพากษ์วิจารณ์นาย แต่ในเหตุการณ์นี้มันอันตราย ! ตอนนี้นายขาดเงินหรือเปล่า ? ถ้านายไม่มีเงินก็บอกฉันได้ หากนายไม่มีเงินจริงๆ ทำไมต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงกับอะไรที่เรียกว่าสมบัติด้วยล่ะ ?


หยางโปส่ายหน้า ” วางใจเถอะ ฉันดูแลตัวเองได้ เห็นไหมฉันไม่เป็นไรสักหน่อย ? “


” อี้ฝานบอกฉันว่า พวกนายถูกล้อมรอบและเกือบไม่ได้กลับมา ! นายรู้รึเปล่าว่ามันอันตราย ? นายรู้รึเปล่าว่าพวกนายเกือบจะถูกชาวบ้านที่วุ่นวายฆ่าตายในหมู่บ้าน ? ” ชุยอี้ผิงพูดด้วยความโกรธ


หยางโปนั่งลงแล้วรินน้ำชาหนึ่งถ้วย ” ดื่มชาซะ จะได้สงบลง “


” ให้ตายเถอะ นายไม่คิดจะกลับใจเลยจริงๆ ! ” ชุยอี้ผิงชี้ไปที่หยางโปด้วยความโกรธ เขาคิดว่าหยางโปจะขอโทษและสัญญาว่าจะไม่เอาชีวิตไปเสี่ยงอีก ที่ไหนได้นี้มันเป็นความคิดของเขา


ชุยอี้ผิงจิบน้ำชาด้วยอารมณ์ที่เย็นลง ” นายวางแผนที่จะทำอะไรในตรุษจีนปีนี้ ? “


 


” ทำอะไรด้วยตัวเอง ” หยางโปรินชาอีกหนึ่งถ้วย ชานั้นแสนหอม แต่หัวใจเขาขื่นขม


ชุยอี้ผิงนิ่งลง ทำท่าว่าจะผ่อนคลาย ” ตรุษจีนจะกลับไปด้วยกันกับฉันไหม ? “


หยางโปถือถ้วยชา หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ส่ายหน้า ” ลืมไปเลยว่าฉันยังต้องกลับไปที่จินหลิง ! “


” อย่าเลย ! ” ชุยอี้ผิงรีบหยุดเขา ” ในเมื่อจริงๆแล้วไม่อยากไป งั้นนายก็อยู่ตี้จิงเถอะ ! “


หยางโปส่ายหัว ” อีกสองวันค่อยคุยกัน “


ชุยอี้ผิงมองไปที่หยางโป และรู้สึกไร้พลัง เขาเห็นว่าหยางโปกำลังเก็บของ ก็อดไม่ได้ที่จะถาม


” นายกำลังจะทำความสะอาดบ้านหรือว่าจะย้ายบ้านเหรอ ? “


หยางโปมีข้าวของไม่มากนัก หลังจากที่เขาได้ย้ายเข้ามา เขาก็ไม่มีเวลาซื้ออะไรเลย ” ฉันจะย้ายบ้าน “


” ย้ายบ้านเหรอ ? นายจะย้ายไปอยู่ที่ไหน ? ” ชุยอี้ผิงรีบถาม


 


” ฉันจะปรับปรุงที่นี่แล้ว ฉันเช่าบ้านอยู่ข้างนอกและจะกลับมาเมื่อมันเสร็จแล้ว ” หยางโปตอบ


” ฉันจะไปส่งนายเอง ” ซุยอี้ผิงกล่าว


หยางโปเงยหน้าขึ้นมอง กำลังจะปฏิเสธ เมื่อเห็นว่าชุยอี้ผิงมีความแน่วแน่ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมากและพยักหน้าตอบ แน่นอนว่าเขาเข้าใจความหมายของซุยอี้ผิงดี แต่ตอนนี้เขายังไม่เต็มใจที่จะยอมรับสิ่งเหล่านี้


ตอนที่ 280 พบปะสังสรรค์


ชุยอี้ผิงช่วยหยางโปยกของต่างๆ เข้ามาในบ้านเช่าหลังใหม่ เขาสังเกตดูที่อยู่อาศัยของหยางโปให้แน่นอน


นี่จึงทำให้เขาวางใจแล้วจึงออกไป


หยางโปยิ้มอยู่ด้านหลังของชุยอี้ผิงที่เดินจากไป เขารู้ว่าชุยอี้ผิงมาพร้อมกับภารกิจ ชุยอี้ผิงต้องอยู่ท่ามกลางระหว่างพวกเขา มันยากสำหรับเขาจริงๆ


หยางโปทำความสะอาดเสร็จแล้ว เห็นว่ายังมีเวลาอยู่ เขาลงไปชั้นล่างตั้งใจจะเดินไปรอบๆ หลังจากนั้นก็จะไปทานมื้อเย็น


การค้าของเก่า โบราณที่แพนเจียหยวน กำลังเฟื่องฟูและมีร้านอาหารและโรงแรมหลายแห่งในพื้นที่โดยรอบ มีนักสะสมจากทั่วประเทศมาทุกวัน หยางโปเดินจากข้างนอกเห็นเฟอร์นิเจอร์โบราณงานแกะสลักไม้ไผ่ หน้ากากไม้หุ่นเงา เหรียญโบราณจีนและเหรียญต่างประเทศ


 


เมื่อเห็นอย่างนี้จิตใจของหยางโปก็ค่อยๆผ่อนคลายลง เพราะเรื่องต่างๆไม่กี่วันที่ผ่านมา ทำให้เขาเป็นกังวล


ของเก่าของโบราณเหล่านี้ดูธรรมดา แต่หยางโปรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก


หลังจากเดินไปครู่หนึ่ง หยางโปเห็นร่างที่คุ้นเคยอยู่ข้างหน้าแล้วเขาก็เดินเข้าไป ” เถ้าแก่หลิว ! “


ชายคนนั้นคือหลิวเหลียงอวี้ เจ้าของร้านจี๋หย่าถาง เครางามของเขาเป็นที่สะดุดสายตามาก เขาหันกลับมามองอย่างรู้สึกประหลาดใจ ” หยางโป !นายก็อยู่ที่นี่เหรอ ! “


หยางโปพยักหน้าแล้วยิ้ม ” ใช่ ผมไม่มีอะไรให้ทำ เลยมาเดินเล่นรอบๆ ใกล้จะถึงวันปีใหม่แล้ว ทำไมพี่ถึงยังอยู่ที่ตี้จิงล่ะ ? “


หลิวเหลียงอวี้หัวเราะขึ้น ” เหล่าเฉาคะยั้นคะยอให้ฉันมาเที่ยวตี้จิงตลอดเลย ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะมาที่นี่ แต่เด็กๆที่บ้านร้องอยากจะมาพักผ่อนที่นี่ให้ได้ ฉันไม่มีทางเลือกก็เลยต้องมา “


หยางโปหัวเราะ เขาเคยเห็นเด็กๆ ในครอบครัวของหลิวเหลียงอวี้แล้ว ซึ่งอายุสิบสองปี อยู่ในวัยกำลังซนเลย


” ถ้าอย่างนั้นทำไมพี่ถึงทิ้งพี่สะใภ้และหลานสาวไว้ที่โรงแรมแล้วหนีออกมาคนเดียวล่ะ ? “


 


” เหล่าเฉายังต้องไปทำงานทุกวัน วันนี้พี่สะใภ้และครอบครัวตระกูลเฉาพาลูกๆ ของพวกเขาไปช้อปปิ้ง ฉันเบื่อๆอยู่พอดี แถมประจวบเหมาะฉันก็เลยมาเดินเล่นรอบๆ ! ” หลิวเหลียงอวี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม


พูดจบ เขาก็มองดูหยางโป ” ทำไม ? นายไม่กลับไปที่จินหลิงแล้วเหรอ ? “


” ว่าจะอยู่ที่นี่ก่อนแล้วค่อยกลับไปหลังจากปีใหม่ ” หยางโปกล่าว


หลิวเหลียงอวี้รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของหยางโปอยู่บ้างและไม่ได้ถามอะไรมาก เขาเอื้อมมือไปข้างหน้า


” พวกเราไปเดินเล่นด้วยกันไหม ? “


” ดีเลยครับ ” หยางโปตอบ


แพนเจียหยวนมีของปลอมมากมาย เกือบทุกชิ้นที่เห็นล้วนแต่เป็นของปลอม ของแท้มีน้อยมาก แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่สามารถหยุดอารมณ์สุนทรีที่ทุกคนต้องการได้


 


 


หยางโปมีทักษะไม่มากนักในการเลือกของ มันเป็นไปไม่ได้ที่พลังของเขาจะใช้ได้นานเกินไป ดังนั้นเขาทำได้เพียงพึ่งพาสายตาของเขาในการตัดสินใจเบื้องต้นได้เท่านั้น


หลิวเหลียงอวี้ชอบเครื่องหยก เขาศึกษาหยกโบราณมามาก ดังนั้นเขามักจะหยุดอยู่ข้างเครื่องหยก หยางโปสนใจหลากหลายสิ่งทั้ง เครื่องลายคราม หยก การประดิษฐ์ตัวอักษรและภาพวาด เขาล้วนแล้วแต่มีความสนใจ


สักพักใหญ่ หลิวเหลียงอวี้หยิบเครื่องหยกเหลียงจู่ขึ้นมา เครื่องหยกวาดลวดลายไก่ที่เรียบง่ายบนพื้นผิวดูอ่อนช้อยเขายื่นเครื่องหยกให้หยางโป ” นายคิดว่าไง ? “


หยางโปหยิบเครื่องหยกแล้วเพ่งดู สังเกตว่ากระดูกไก่ก่อตัวขึ้นบนพื้นผิวของหยก หลังจากเหลือบดูอีกครั้งแล้วเขาก็ยิ้มให้ หลิวเหลียงอวี้ ” ชิ้นนี้ไม่เลวเลย “


เสียงของพวกเขาทั้งสองไม่ได้จงใจลดเสียงหรือปิดบังผู้คนโดยรอบ คนส่วนใหญ่ที่พบของเก่าที่นี่รู้สึกว่าตนเองมีทักษะอยู่บ้าง การสื่อสารแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติ


 


หลิวเหลียงอวี้ ยิ้มและหยิบหยกขึ้นมาแล้วมองไปที่เจ้าของแผง ” เถ้าแก่หยกชิ้นนี้ขายยังไง ? “


เจ้าของแผงเหลียวมองหลิวเหลียงอวี้ ” สามพันหยวน ! “


หลิวเหลียงอวี้เป็นมืออาชีพ เขาตอบตรงๆ ” เถ้าแก่ คุณทำธุรกิจเป็นหรือเปล่า สองร้อยหยวน ! “


เจ้าของแผงจ้องมองที่ หลิวเหลียงอวี้ ” แต่แรกเห็นดูคุณเป็นคนมีความรู้ สองพันหยวน ลดไม่ได้แล้ว “


หลิวเหลียงอวี้ส่ายหน้า ” เถ้าแก่ สามร้อยหยวนแล้วกัน ผมให้ได้แค่ราคานี้ “


เถ้าแก่ลังเลเล็กน้อย ” ได้ ถือว่าให้เพื่อนก็แล้วกัน “


หลิวเหลียงอวี้จ่ายเงิน ทั้งสองก็เดินหน้าต่อไปและหยางโปก็หัวเราะ ” คุณมองออกแบบนี้แล้ว ตอนเย็นต้องเลี้ยงมื้อใหญ่ ! “


 


หลิวเหลียงอวี้ถือหยกแล้วหัวเราะ หาของแท้ในตลาดแพนเจียหยวนนั้นแยกแยะได้ยาก แต่มีไม่กี่คนที่จะดูออก


เขาที่สามารถเลือกออกมาจากกองหยกมันไม่ง่ายเลย ” ดีล่ะ คราวนี้คงทำเงินได้เยอะมาก “


” ไม่น้อยเลย หยกชิ้นนี้ได้เก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี อย่างน้อยๆก็ แสนกว่าหยวน ” หยางโปกล่าว


” นายอย่าได้อิจฉาไปเลย บางทีนายอาจกลับไปซื้อที่ดีกว่านี้ก็ได้ ! ” หลิวเหลียงอวี้กล่าว


หยางโปยิ้มและเดินไปข้างหน้า


แพนเจียหยวนนั้นมีแต่ของแปลกๆ หยางโปมักหยุดดูเพราะสิ่งของที่ดูแปลกๆ ตะปูเป็นสนิมมันถูกติดป้ายว่าถูกถอดชิ้นส่วนมาจากเตียงมังกร ชิ้นส่วนหมากรุกหยกที่จักรพรรดินีเคยจับ ชามหยกขนาดเล็กที่จักรพรรดิฉงเจินทรงใช้


แน่นอนว่าหยางโปไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นของแท้ แต่การที่ไม่มีที่มาดังกล่าว ไม่มีใครสามารถพูดได้อย่างชัดเจน


แต่คำพูดเหล่านี้ ทำให้พวกมันมีค่ามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


 


หยางโปเดินไปที่ร้านที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ในเวลานี้ท้องฟ้าก็มืดสลัว หยางโปเหลือบมองแล้วพูดกับ


หลิวเหลียงอวี้ ” พวกเราหยุดช้อปปิ้งแล้วไปหาอะไรกินกันเถอะ ? “


หลิวเหลียงอวี้ มองดูนาฬิกาของเขา ” ฉันมีนัดกับเหล่าเฉากันที่นี่ ตอนหนึ่งทุ่ม ยังพอมีเวลา พวกเราไปช้อปปิ้งกันอีกหน่อยเถอะ “


” พี่สะใภ้ทั้งสองคนมากันด้วยไหม ? ” หยางโปถาม


” ใช่ พวกเขาพาเด็กๆมาด้วย น่าจะใกล้ถึงแล้ว ” หลิวเหลียงอวี้กล่าว


หยางโปพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินไปที่ร้านถือโอกาสในเวลานี้ เขาต้องการเลือกของขวัญให้หลานชายของครอบครัวหลิวและหลานสาวของครอบครัวเฉา ในเวลานั้นหลิวเฉาและทั้งสองครอบครัวได้ช่วยเขาเอาไว้และเขาไม่เคยมีโอกาสได้ตอบแทนเลย


 


ตอนนี้เมื่อได้พบเด็กๆ เป็นเรื่องปกติที่จะซื้อของขวัญให้


หยางโปเข้าไปในร้านเล็กๆ หยางโปหันไปรอบๆ สินค้าในร้านนี้มีความแปลกใหม่มากและเป็นของชิ้นเล็กๆ รูปปั้นหยกขนาดเล็ก กิ๊บติดผมหยก กำไลทอง แปรงทอง และฉาบเงิน ซึ่งแต่ละชิ้นมีมูลค่าไม่น้อยเลย !


หยางโปมองดูอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เลือกปากกาหมึกซึมทองคำ 2 ด้าม เขามองไปที่ปากกา 2 ด้าม มันถูกผลิตในประเทศเยอรมนีในปี 1942 ด้ามหนึ่งราคา สองหมื่นหยวน !


เมื่อหลิวเหลียงอวี้ เห็นหยางโปหยิบปากกาสองด้ามขึ้นมา เขาก็คาดเดาความคิดของหยางโปได้ จึงรีบหยุดเขา


” อย่าซื้อปากกานี้เลย มันใช้ไม่ได้ “


หยางโปยิ้ม ” ไม่เป็นไร “


 


” เด็กๆยังเล็กเกินไป มันเกินตัวไปสำหรับความจำเป็นของพวกเขาและมันแพงเกินไปที่จะใช้ ” หลิวเหลียงอวี้กล่าว


หยางโปดึงหลิวเหลียงอวี้ ” พี่หลิว ปากกาสองด้ามนี้ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆของผม พี่อย่าพึ่งบอกปัดเลย


แค่กลับไปแล้วปล่อยให้เด็กๆใช้มันอยู่ที่บ้านก็พอแล้ว “


พูดจบ หยางโปก็จ่ายบิลผ่านบัตรเครดิต หลิวเหลียงอวี้ก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว


หยางโปยิ้มและไม่มีอะไร เมื่อมาถึงประตู ทันใดนั้นเขาก็เห็นกล่องกระดาษวางอยู่ตรงมุมประตู กล่องกระดาษนั้นเต็มไปด้วยฝุ่น หยางโปด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงเปิดดู พบว่ามันเป็นไพ่นกกระจอก มีไพ่นกกระจอกประมาณสิบใบเท่านั้นซึ่งมันมีน้อยมากๆ


แต่เมือเขาเห็นแสงเปล่งประกาย จึงหยิบไพ่นกกระจอกแล้วเดินไปที่แคชเชียร์อีกครั้ง


ตอนที่ 281 วางแผน


หยางโปควักเงินไปสิบห้าหยวนแล้วก็ซื้อไพ่นกกระจอกมาสิบกว่าตัว


หลิวเหลียงอวี้มองอย่างประหลาดใจ ” ไพ่นกกระจอกนี่มีอะไรพิเศษเหรอ ? “


หยางโปเปิดกล่องกระดาษ บนไพ่นกกระจอกเต็มไปด้วยฝุ่น ภายนอกมีคราบมันดำเมี่ยมอยู่ชั้นหนึ่ง


เขาหยิบไพ่นกกระจอกขึ้นมาแล้วส่งให้


หลิวเหลียงอวี้รับไปอย่างประหลาดใจ เขาลูบไพ่นกกระจอก ปาดเอาคราบมันออกไป ไพ่นกกระจอกที่อยู่ข้างในปรากฏเนื้อสัมผัสสีเหลืองอ่อนออกมา ลูบไปสองครั้ง หลิวเหลียงอวี้ก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างประหลาดใจ ” นี่คืองาช้าง ? “


หยางโปพยักหน้า ” ใช่แล้ว นี่คืองาช้าง ! “


 


หลิวเหลียงอวี้ก็มองไพ่นกกระจอกหลายตัวในมือของหยางโป ” น่าเสียดาย ถ้าหากเป็นไพ่นกกระจอกงาช้างทั้งชุด ถ้างั้นก็จะมีราคานะ ! “


” ถ้าหากมีไพ่นกกระจอกงาช้างทั้งชุดจริงๆ ก็ไม่รอให้พวกเรามาจับของเอาหรอก ” หยางโปหัวเราะ


หลิวเหลียงอวี้พยักหน้า ” พูดไปก็ถูก ไพ่นกกระจอกงาช้างนี้ปกคลุมด้วยสิ่งสกปรก ถึงได้เหลือทิ้งเอาไว้ สายตาของเธอยังยอดเยี่ยมเหมือนเดิมนะ ! “


ทั้งสองคนเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาแล้ว ก็เดินออกไปรอบนอก ไม่นานก็มาถึงร้านอาหาร เดินเข้าไปในห้องส่วนตัวหยางโปก็เห็นเฉาหยวนเต๋อกับพี่สะใภ้อีกสองท่านนั่งรออยู่แล้ว


หยางโปรีบเดินเข้าไปแสดงท่าทีขออภัย เฉาหยวนเต๋อหัวเราะ ” ไม่ต้องพูดมากแล้ว นี่เทเหล้าชั้นดีเอาไว้ให้นายแล้ว นายรับโทษไปสามจอกก็พอ “


 


ฮูหยินเฉาตีเฉาหยวนเต๋อทีหนึ่ง ” พูดเหลวไหลอะไร เสี่ยวโปยังเด็กขนาดนี้ ดื่มมากไม่ได้นะ


มา เสี่ยวโป นั่งลงดื่มชาให้ร่างกายอบอุ่นนะ “


หยางโปหัวเราะขึ้นมา ” ยังเป็นพี่สะใภ้ที่แสนดีเหมือนเดิมเลยนะครับ ! “


หยางโปกล่าวจบก็หยิบปากกาสีทองส่งให้หลานสาว พี่สะใภ้ทั้งสองท่านต่างก็บอกปัดขึ้นมา


เฉาหยวนเต๋อกล่าว ” พวกเธอไม่ต้องปฏิเสธแล้ว รับไปเถอะน่า หยางโปก็เป็นเศรษฐีน้อยคนหนึ่ง อย่าเห็นว่าเขายังเด็ก เงินทองในมือมีมากกว่ารายได้ทั้งชีวิตของฉันตั้งเยอะ “


” ที่ไหนกัน ที่ไหนกัน ” หยางโปเอ่ยถ่อมตน


” ที่นี่แหล่ะ ที่นี่แหล่ะ ! ” หลิวเหลียงอวี้ชี้ไปที่กล่องกระดาษที่เขาวางเอาไว้บนโต๊ะพลางหัวเราะ


 


เฉาหยวนเต๋อเดินเข้าไปเปิดกล่องกระดาษ เห็นข้างในเต็มไปด้วยไพ่นกกระจอกก็ประหลาดใจเล็กน้อย


แต่ว่าไม่นานเขาก็หันหน้ามองหยางโป ” นี่ทำจากงาช้างเหรอ ? “


หยางโปพยักหน้า ” ใช่ “


เฉาหยวนเต๋อหยิบไพ่นกกระจอกขึ้นมาตัวหนึ่งแล้วลูบเบาๆ อยู่ครู่หนึ่งค่อยวางไพ่นกกระจอกกลับคืนไป


” ดูท่าท่างแล้วจะเพิ่งซื้อมา ดูไปแล้วเธอจะซื้อของมารอบหนึ่งก็จะทำกำไรได้ไม่น้อย หรือว่าทำใจกล้าซื้อปากกาทองมาเป็นของขวัญ “


” อธิบดีเฉา นี่จัดลำดับความสำคัญผิดแล้วนะ ผมคือคนซื้อปากกาทองมา ตอนที่จะออกมาค่อยเห็นไพ่นกกระจอก “


 


” ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์แบบไหน นายซื้อไพ่นกกระจอกงาช้างมายังไงก็ไม่ขาดทุน ไพ่นกกระจอกงาช้างถึงแม้จะมีแค่สิบกว่าตัว แต่ละตัวก็ราคามากกว่าพันหยวนแล้ว สิบกว่าตัวนี้ก็นับว่าไม่เลว ” เฉาหยวนเต๋อหัวเราะ


สนทนากันไปคำรบหนึ่ง ทุกคนก็ทยอยนั่งที่ หยางโปกับหลิวเหลียงอวี้สองคนก็หวนคิดถึงเรื่องเมื่อครู่นี้ แล้วก็รู้สึกค่อนข้างน่าขัน


ดื่มกันไปสามรอบ กินกันไปครบทุกรสแล้ว เฉาหยวนเต๋อก็มองไปทางหยางโป ” ช่วงนี้เธอพักอยู่เหรอ ? “


” ผมก็พักมาตลอดนะ ” หยางโปหัวเราะ


 


เฉาหยวนเต๋อหัวเราะ ” ฉันก็อยากจะส่งเธอเข้าเรียนมาตลอด เธอควรรู้นะว่าในหอคอยงาช้างถึงแม้จะดูแล้วเรียบง่าย แต่ว่ามีแค่หอคอยงาช้างถึงจะได้มีสิทธิมีอำนาจ ตอนนี้เธอเปลี่ยนใจก็ยังไม่เลวนะ “


หยางโปลังเลเล็กน้อย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เฉาหยวนเต๋อโน้มน้าวเขา ชุยซื่อหยวนก็โน้มน้าวเขา แต่เขาไม่ยินยอมเข้าไปเรียนอีกครั้ง หยางโปส่ายหน้า ” ช่างเถอะครับ ผมไม่ไปแล้ว “


เฉาหยวนเต๋อมองหยางโป คิดจะดูความคิดจากสีหน้าของเขา แต่ว่าไม่นานก็ผิดหวัง


” ถ้างั้นต่อไปเธอวางแผนจะทำอะไรต่อรึยัง ? ” เฉาหยวนเต๋อมองไปทางหยางโป


 


หยางโปลังเลเล็กน้อย ถ้าหากบอกว่าหลังจากได้พลังมาก ความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาก็คือสามารถรักษาโรคของพ่อให้หายดี จากนั้นเขาก็ถูกเรื่องราวผลักไปทีละก้าว ถึงแม้จะใฝ่ฝันอยากจะก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ส่วนตัว แต่ความคิดนี้ตอนนี้สำหรับเขาแล้วยังไกลเกินไปสักหน่อย


โรงประมูลถึงแม้เขาจะร่วมลงทุนกับลัวย่าวหัว แต่มานับกันจริงๆ แล้ว นั่นก็เป็นกิจการของลัวย่าวหัว


ถึงจะเกี่ยวกับเขาแต่ก็ยังไม่นับว่าเป็นกิจการของเขา


ร้านขายของโบราณก็ปิดร้านอยู่ ตอนนี้ก็เจอปัญหาเรื่องสินค้าของขายไม่เพียงพอ


 


หยางโปครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ” ผมวางแผนจะกลับไปทำร้านขายของโบราณต่อ ผมคิดจะทำร้านขายของโบราณและทำตัวเป็นร้านของเก่า นี่คือสิ่งที่ก่อนหน้านี้ผมคิดจะทำมาตลอด แต่ว่าช่วงนี้ผมยุ่งมากจนไม่มีเวลา พอขึ้นปีใหม่แล้วผมก็จะทำเรื่องนี้ “


” ร้านของเก่า ? ” เฉาหยวนเต๋อมองเขาอย่างประหลาดใจ เขาเคยได้ยินหยางโปพูดถึงความคิดนี้ ตอนนี้เห็นหยางโปยกขึ้นมาพูดอีกครั้ง ก็รู้ว่าเขาตัดสินใจแน่วแน่แล้ว


เฉาหยวนเต๋อหันไปมองหลิวเหลียงอวี้ ” นี่จะเบียดเบียนธุรกิจของนายนะ “


หลิวเหลียงอวี้ส่ายหน้า ” ใจฉันไม่ได้ให้ความสำคัญกับหยางโปนัก สถานการณ์แตกต่าง การแข่งขันก็ไม่ได้มากขนาดนั้น “


 


เฉาหยวนเต๋อลังเลครู่หนึ่ง ” ความคิดของเธอก็ไม่เลว แต่ก็ยากลำบาก ร้านเก่าแก่ร้อยปีก็หายากมากแล้ว หวังว่าเธอจะสมความปรารถนานะ ! “


หยางโปยกแก้วรับ ” ขอบคุณครับ ! “


หยางโปสนทนากับเฉาหยวนเต๋อและหลิวเหลียงอวี้นานมาก เฉาหยวนเต๋อก็ให้คำแนะนำตรงจุดกับหยางโปมากมาย


ถึงตอนท้ายที่สุด เฉาหยวนเต๋อถึงค่อยกล่าวกับหยางโปว่า ” ครั้งนี้เหตุผลที่เชิญเหล่าหลิวมาก็เพราะว่าในกรมต้องการจัดการประชุมประจำปีครั้งหนึ่ง และเชิญนักสะสมที่มีชื่อเสียงภายในประเทศ นักประเมินมารวมตัวกัน ฉันอยากให้เหล่าหลิวออกหน้าช่วยกระจายเรื่องต่อ ในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่น่าจะมีปัญหา แต่ถ้าเกินนานไปเส้นสายสัมพันธ์ก็ยากจะพัฒนาได้ “


 


เฉาหยวนเต๋อกล่าวจบก็มองหยางโป ” คืนวันมะรืน เธออยากไปไหม ? “


หยางโปหัวเราะ ” ต้องอยากไปอยู่แล้วครับ เป็นเกียรติของผมแล้ว “


เฉาหยวนเต๋อพยักหน้า ” ถ้างั้นก็ดี วันนี้ฉันไม่ได้เอาจดหมายเชิญมา ถึงเวลาพวกเรานัดไปพร้อมกัน ฉันจะพาเธอเข้าไป “


หยางโปพยักหน้า ” ได้ครับ “


หยางโปดื่มเหล้าเล็กน้อย และไม่ได้ดื่มจนเมา พอออกมาจากร้านอาหารก็แยกจากครอบครัวของ


หลิวเหลียงอวี้และเฉาหยวนเต๋อ หยางโปก็เดินไปเขตที่พักอาศัยตามถนนใหญ่


 


หลังจากเพิ่งจะออกมา หยางโปวิงเวียนเล็กน้อย จำทิศทางไม่ได้ เดินไปครู่หนึ่ง สังเกตเห็นสภาพแวดล้อมรอบด้านแปลกตาไปบ้าง หยางโปถึงได้รู้ว่าตนเองเดินมาผิดทิศทางแล้ว


เวลานี้ จู่ๆ โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นสองครั้ง หยางโปหยิบมือถือขึ้นมา อีกฝ่ายก็วางสายไปแล้ว


หยางโปจ้องมองหน้าจอ เห็นหมายเลขเบอร์โทรศัพท์ที่คุ้นเคยก็ชะงักไปครู่หนึ่ง


หยางโปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วต่อสายกลับไป อีกฝ่ายก็รับโทรศัพท์ในทันที


หยางโปลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยังกล่าวว่า ” แม่ แม่ยังไม่นอนเหรอ “


แม่หยางถือโทรศัพท์ ” อื้ม ยัง นอนไม่หลับ “


 


” อื้ม ” หยางโปตอบรับคำหนึ่ง เขาพบว่าตัวเองถึงกับไม่อยากจะพูดอะไร


” เธอ… ปีนี้เธอจะกลับมาไหม ? ” แม่หยางเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง


หยางโปมองไปรอบด้านครู่หนึ่งแล้วค่อยตอบกลับ ” ก่อนปีใหม่ยังไปกลับ รอจนขึ้นปีใหม่แล้ว มีเวลาผมจะกลับไปนะ “


” อื้ม ถ้างั้นก็ดี “


ตอนที่ 282 หินเลือด


หยางโปตอบกลับอย่างลังเลเล็กน้อย ” ช่วงนี้แม่สบายดีนะ ? “


” สบายดี ” แม่หยางตอบกลับ


หยางโปตอบรับเสียงเบา อ้าปากอยากจะถามเรื่องของพ่อกับหยางหล่าง แต่กลับอ้าปากไม่ออก เขารู้ว่าทั้งสองคนได้รับการติดสินโทษแล้ว ตอนนี้ก็ติดคุกอยู่ เกรงว่าพวกเขาจะอยากให้หยางโปตายมาก แม่หยางน่าจะเกลียดเขาไปแล้ว


ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรอยู่นาน แม่หยางถึงค่อยกระแอมเสียงเบา ” ดึกมากแล้ว เธอก็รีบไปพักผ่อนเถอะ “


” อื้ม แม่ก็รีบพักผ่อนนะ ” หยางโปตอบ


วางสายแล้วเขาก็เดินอยู่ใต้แสงไฟถนนเพียงลำพัง แสงไฟมืดหม่น จู่ๆ หยางโปก็เกิดเศร้าขึ้นมา


 


ใกล้ถึงตรุษจีนแล้ว ทุกคนต่างก็ยุ่งวุ่นวาย ตอนเช้าตรู่หยางโปไปซื้อของที่ตลาดสดใกล้ๆ ตลอดทั้งเช้า เวลานี้เขาเพิ่งพบว่าตัวเองทำอาหารน้อยมาก ตอนที่เดินออกมา ในมือก็ถือแค่ผักเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ


ตอนบ่ายมีเวลาว่าง หยางโปก็หยิบเอาบันทึกที่ได้มาในช่วงก่อนหน้านี้ขึ้นมาแปล พราะว่าไม่เข้าใจอักษรของเผ่าอี้ หยางโปแปลได้ช้ามาก อักษรบางตัวถึงขนาดไม่ชัดเจน แต่ยังดีที่เขาสามารถเดาบางความหมายในนั้นออกได้


ช่วงแรกเป็นการแนะนำตัวเอง เจ้าของบันทึกเล่มนี้เป็นซูหนีบางคนก่อนหน้านี้ อ้างอิงตามที่เขาว่าลายแทงสมบัตินั้นเขาสืบทอดมาจากบรรพบุรุษที่ตามหาแคว้นเย่หลางโบราณมาตลอด เขาเชื่อว่าพวกเขาเป็นชนรุ่นหลังของแคว้นเย่หลาง


 


หยางโปเริ่มแปลก็ตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย เดิมทีเขายังผิดหวังที่ทำลายแทงสมบัติหนังวัวแผ่นนั้นหาย ด้านหลังของบันทึกเล่มนี้มีลายแทงอยู่ แน่นอนว่ามันลดความลำบากในการตามหาไปเยอะมาก


หยางโปแปลอยู่ตลอดทั้งบ่ายก็ยังแปลไม่ถึงหนึ่งหน้า มันช้ามากจริงๆ แต่เขาก็ไม่สะดวกที่จะนำไปให้ผู้เชี่ยวชาญ จำต้องสืบค้นไปอย่างช้าๆ


ค่ำวันนั้นรถยนต์ของเขาก็มาส่งที่ด้านล่าง ป้ายทะเบียนประกันภัยจัดการเรียบร้อยหมดแล้ว ผลลัพธ์แบบนี้ทำให้หยางโปพอใจมากจริงๆ เขาจอดรถเอาไว้ที่โรงรถ แล้วก็รอคืนข้ามปีไปอย่างสบายใจ


แพนเจียหยวนคึกคักขึ้นเรื่อยๆ หยางโปที่เดินอยู่ในนั้นรู้สึกถึงแรงผลักดันได้อย่างชัดเจน แต่ว่าเมื่อเป็นแบบนี้ สินค้าใหม่ภายในแพนเจียหยวนก็ยิ่งมากขึ้น ทำให้หยางโปมีหนทางให้เลือกเฟ้น


 


ตอนเช้าจ่ายเงินซื้อเครื่องลายครามหลวงสมัยจักรพรรดิก่วงซู ราชวงศ์ชิงชิ้นหนึ่งมาหนึ่งพันหยวน หยางโปมาหยุดอยู่ที่แผงเล็กๆ ของร้านสลักตราประทับร้านหนึ่ง ตราประทับที่นี่ไม่ได้ใช้เครื่องจักร แต่สลักขัดเงาขึ้นด้วยมือ ในมือของเขายังมีหินหวงเถียนสลักก้อนหนึ่ง และจำเป็นต้องหาร้านสลักตราฝีมือดีสักร้าน


ร้านเล็กมาก ขนาดสักห้าหกตารางเมตร ภายในจัดวางตราประทับและของประดับเอาไว้ทุกรูปแบบ แล้วก็มีวัตถุดิบที่ควรมีอย่างหินเถียนหวง หินเลือด หินโมรา เขาสัตว์งาช้างไว้ทั้งหมดทุกอย่าง


เมื่อมองเห็นเถ้าแก่ร้านผมขาวทั้งศีรษะ ดวงตาแฝงไปด้วยความลุ่มลึก สวมผ้ากันเปื้อนสีขาว กำลังแกะสลักอย่างละเอียดปราณีต


รออยู่ครู่หนึ่ง เถ้าแก่ถึงค่อยเงยหน้าขึ้นมามองหยางโป ” เธอคิดจะสลักอะไร ? “


 


หยางโปหัวเราะ ” ผมอยากดูก่อน ยังไม่ได้ตัดสินใจ “


คนผู้นั้นก็ไม่ตอบกลับ ก้มหน้าแกะสลักต่อไป


หยางโปรู้ว่าคนที่มีความสามารถบางคนมักจะอารมณ์ร้าย พวกเขาก็จะไม่สนใจสิ่งที่เรียกว่าทัศนคติในการให้บริการ


หยางโปสำรวจมานานมากแล้วก็ไม่กล้ามั่นใจว่าจะเอาหินเถียนหวงสลักของตัวเองให้อีกฝ่ายแกะสลักดีหรือไม่ เพราะว่าเขาไม่กล้าตัดสินระดับทักษะของอีกฝ่าย เขาหันไปมองวัตถุดิบตราสลักจำนวนมหาศาล วัตถุดิบเหล่านี้ต่างติดราคาเอาไว้ทั้งหมด


หยางโปมองไปรอบด้าน พบว่าราคาของวัตถุดิบที่นี่แม่นยำมาก ตอนที่คิดจะหันหลังจากไป จู่ๆ เขาก็มองเห็นหินเลือดดิบที่กองเอาไว้หน้าประตู เขาก็อดที่จะเดินเข้าไปดูไม่ได้


 


” นี่คือหินเลือดดิบชางฮว่าเหรอครับ ? ” หยางโปกล่าวกับเถ้าแก่


เถ้าแก่วางอุปกรณ์ในมือลงแล้วก็มองบริเวณอยู่ไกลๆ แล้วถึงค่อยมองหยางโป ” อื้ม เป็นหินเลือดดิบ “


หยางโปมองหินดิบแล้วเห็นว่าเปลือกนอกของหินดิบหนา ปรากฏแค่ริ้วแดงบางเฉียบให้เห็น หินเลือดเป็นหินตราประทับอย่างหนึ่ง เพราะว่าสีสันสดใสราวกับเลือดตามชื่อ


หยางโปมองหินดิบสี่ห้าก้อนที่วางอยู่ในมุมตรงหน้า ดูไปแล้วธรรมดามาก ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าริ้วแดงภายนอกนั้น หยางโปอาจจะไม่สนใจ เขาจ้องมองหินเลือดแล้วก็เอ่ยถามเถ้าแก่ว่า ” เถ้าแก่ชอบหินเลือดมากเหรอครับ ? “


” หินดิบพวกนี้เพื่อนเก่าฉันส่งมาให้น่ะ ฉันเลยไม่มีเวลาผ่าดูน่ะ ” เถ้าแก่กล่าว


 


หยางโปมองวัตถุดิบแล้วก็หัวเราะ ” ท่านบอกราคามาหน่อยผมอยากจะซื้อ “


เถ้าแก่ศีรษะขาวโพลน หัวเราะฮ่าฮ่าขึ้นมา เขาจ้องมองหยางโป ” เจ้าหนุ่มสายตาไม่เลว เธอชอบวัตถุดิบก้อนนั้นเหรอ ? “


หยางโปมองด้านล่างครั้งหนึ่งแล้วก็หยิบวัตถุดิบสองก้อนขึ้นมา หินดิบก้อนหนึ่งเล็กกว่าหน่อย วัตถุดิบก้อนนี้เป็นชิ้นที่เขาหมายตา อีกก้อนใหญ่กว่าสักช่วงหนึ่ง ใหญ่ไม่ถึงขนาดไข่ของไก่บ้าน เขาหยิบขึ้นมาแล้ววางลงตรงหน้าของเถ้าแก่


เถ้าแก่ก้มหน้ามองก้อนหินเลือดแล้วก็อดที่จะเงยหน้าพลางหัวเราะมองไปทางหยางโปไม่ได้ ” ดูท่าฉันจะมองผิดไปแล้ว “


 


เถ้าแก่กล่าวจบแล้วก็ชี้ไปที่วัตถุดิบก้อนใหญ่ กลาวว่า ” ก้อนนี้สามพันหยวน ก้อนที่เล็กกว่าหน่อยห้าล้านหยวน ! “


หยางโปตาถลน ” เถ้าแก่ นี่จะเป็นไปได้ยังไง ? นี่ก็แค่วัตถุดิบนะ จะแพงขนาดนี้ได้ยังไง ? “


หยางโปเงยหน้ามองเถ้าแก่แล้วถึงค่อยสังเกตเห็นหน้าของอีกฝ่าย เถ้าแก่ดูแล้วอายุสักหกสิบเจ็ดสิบปี ใบหน้าเหลี่ยมมุมชัดเจน กลางหน้าผากของอีกฝ่ายมีริ้วรอยลึกราวกับสาเหตุนั้นเป็นเพราะว่าขมวดคิ้วอยู่บ่อยครั้ง


เถ้าแก่ยังคังหัวเราะฮ่าฮ่าอย่างยินดี ” เธอว่ายังไงล่ะ ? “


หยางโปชะงักไปครู่หนึ่ง ” ก้อนใหญ่หนึ่งพันหยวน ก้อนเล็กสองหมื่นหยวน “


 


เถ้าแก่ส่ายหน้า ” ถ้าหากเธอมองไม่ออกก็ไม่ต้องเอาหินสองก้อนนี้ไปแล้ว ราคาก็ไม่ต้องคุยกัน “


หยางโปอดที่จะมองอีกฝ่ายไม่ได้ แล้วค่อยเข้าใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้หลอกลวงเขา แต่มองสถานการณ์ของหินเลือดออกจริงๆ เขาจึงหัวเราะ ” ถ้างั้นก็ดีเลย มืออาชีพต้องมีคุณธรรม “


หยางโปกล่าวจบแล้วก็หันหลังจะออกไป


เถ้าแก่หัวเราะ ” พ่อหนุ่ม พวกเรามาคุยกันหน่อย เธอน่าจะไม่รีบหรอกนะ “


หยางโปนิ่งชะงักเล็กน้อยแล้วหยุดฝีเท้า ตอนนี้เขาไม่ได้มีธุระอะไร และไม่ได้รีบร้อนจริงๆ


” ได้ครับ ถ้างั้นก็คุยกันหน่อย “


หยางโปกลับไปนั่ง เถ้าแก่ก็หยิบกาน้ำชาขึ้นมาจากด้านข้าง รินให้หยางโปจอกหนึ่ง ” เธอมองข้างในของหินเลือดออกได้ยังไง ? “


 


หยางโปส่ายหน้า ” ความลับ “


” โอ้ ? ” เถ้าแก่หัวเราะ ” ยังเป็นความลับสินะ ถ้างั้นเธอคิดว่าหินเลือดก่อนนี้เป็นชนิดไหนล่ะ ? “


หยางโปเหลือบมองแล้วก็ไม่ได้ตอบกลับในทันที แต่กลับเอ่ยถามว่า ” คุณคิดว่าเป็นหินเลือดสักกี่ส่วน ? “


เถ้าแก่จ้องมองหยางโป ” สักห้าสิบเปอร์เซ็น ! “


ระดับความสดและปริมารณของสีเลือดในหินเลือดก็ตัดสินมูลค่าของมัน สีเลือดน้อยกว่า 10% ก็เป็นแบบธรรมดา น้อยกว่า 30% ก็เป็นระดับกลาง มากกว่า 50% ก็เป็นสมบัติ ส่วน 70% ขึ้นไปนั่นล้ำค่าอย่างที่สุด และเป็นสีแดงทั้งหมดนั้นก็เรียกกันว่า ” ต้าหงเผา “


หยางโปหัวเราะ ” สีลือดห้าสิบส่วน น่าจะราคาไม่ถึงห้าแสนหยวนหรอกมั้งครับ ? “


ตอนที่ 283 เรียนแกะสลัก


เถ้าแก่หัวเราะขึ้นมา ” แน่นอนว่าไม่ถึงห้าล้านหยวน ถ้าหากฉันไม่บอกว่าห้าล้านหยวนเธอจะรั้งอยู่ไหมล่ะ ? “


หยางโปหัวเราะ ” นั่นก็ไม่แน่นะ “


” ถ้าหากฉันบอกว่าสามแสนหยวน เธอยังจะซื้อไหม ? ” เถ้าแก่เอ่ยถาม


” ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมก็จะยอมจ่ายเงินนะ ” หยางโปตอบ ถ้าหากวัตถุดิบก้อนนี้เป็นหินเลือดห้าสิบส่วนจริงๆ มูลค่าก็เกือบสามแสนหยวน แต่หยางโปมองออกอย่างชัดเจนว่าวัตถุดิบก้อนนี้อย่างน้อยก็เป็นหินเลือดเจ็ดสิบส่วน !


เถ้าแก่มองหยางโปอย่างประหลาดใจเล็กน้อย เขาหัวเราะแล้วก็ส่ายหน้า ” ตอนนี้เธอกล้าซื้อไหม ? “


หยางโปพยักหน้า ” กล้า “


 


มองเห็นหยางโปไม่เหมือนล้อเล่น เถ้าแก่ก็นั่งตัวตรงขึ้นเล็กน้อยแล้วหัวเราะ ” เดิมทีฉันแค่รู้สึกว่าแกะสลักนานเหนื่อยแล้ว อยากจะหาคนคุยสักหน่อย คิดไม่ถึงเลยว่าจะเจอกับคนหนุ่มที่เชื่อมั่นในตัวเองขนาดนี้


ฉันล่ะประหลาดใจมากจริงๆ นะ ! “


หยางโปส่ายหน้า ” จะพนันกันดูไหมครับ ? “


” พ่อหนุ่มจะพนันทั้งวันไม่ได้นะ ” เถ้าแก่เอ่ยเตือนแล้วจู่ๆ ก็เปลี่ยนเรื่องพูด


” ถ้างั้นพวกเรามาลองกันดูไหมล่ะ ? “


หยางโปหัวเราะ ” ได้ ! เถ้าแก่อย่างคุณนี่น่าสนใจนะ ! “


” ฉันแซ่หลิ่ว คนอื่นเรียกฉันว่าหลิ่วมีดเดียว ! ” เถ้าแก่หลิ่วกล่าว


 


” หลิ่วมีดเดียว ?​ ฟังดูแล้วเหมือนศัลยแพทย์ชื่อดังเลยนะครับ ” หยางโปอดที่จะรู้สึกประหลาดใจไม่ได้


” ก่อนหน้านี้ก็เคยเป็นศัลยแพทย์ ต่อมาเกิดเรื่องนิดหน่อยแล้วเปลี่ยนอาชีพ คิดไม่ถึงว่าทักษะแกะสลักก็ไม่เลว ยังคลุกคลีทำงานต่อไปได้ ” หลิ่วมีดเดียวตอบ


หยางโปหัวเราะขึ้นมา เขาหยิบเช็คขึ้นมาจากในกระเป๋าแล้วก็เซ็นเช็คสามแสนหยวนใบหนึ่งส่งไปให้


หลิ่วมีดเดียวเหลือบมองหยางโป ” ฉันดูเธอผิดไปจริงๆ สินะ ที่แท้เธอก็รวยขนาดนี้ ถ้ารู้มาก่อนฉันก็จะบอกราคาสูงกว่านี้อีกสักหน่อย “


หยิบหินเลือดดิบก้อนเล็กขึ้นมาแล้วก็มองไปที่มีดแกะสลักของหลิ่วมีดเดียว ” ถ้างั้นคุณก็มาสอนผมแกะสลักเถอะ ! “


 


” สอนเธอแกะสลัก ? ” หลิ่วมีดเดียวมองอย่างประหลาดใจ ” แกะสลักไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น ถ้าเธออยากจะเรียน เกรงว่าจะใช้เวลาไม่น้อยเลยนะ “


 


” ไม่เป็นไรครับ เวลาปกติผมไม่มีอะไรทำก็จะได้ฝึกฝีมือ ” หยางโปเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ


หลิ่วมีดเดียวลังเลเล็กน้อยแล้วก็มองหยางโปแวบหนึ่ง ” ก็ได้ ถ้างั้นเธอว่างก็มาเรียนได้ ! “


หยางโปตื่นเต้นเล็กน้อย ” ดีครับ ต่อไปผมก็จะมาเรียนแกะสลักกับคุณ


มีอะไรอยากจะชี้แนะผมไหมครับ ? “


” ก่อนหน้านี้เธอเคยเรียนแกะสลักมาไหม ? ” หลิ่วมีดเดียวเอ่ยถาม


หยางโปส่ายหน้า ” ไม่เคยเรียนมาก่อนเลยครับ “


 


” อื้ม ถ้างั้นกลับไปเธอไปซื้อหัวไชเท้าที่ตลาดมาฝึกก่อนนะ จากนั้นฉันค่อยสอนเธอ ” หลิ่วมีดเดียวกล่าวจบแล้วก็เปิดลิ้นชักที่อยู่ด้านข้างแล้วก็หยิบหนังสือเล่มหนึ่งโยนให้หยางโป


หยางโปรับไปแล้วก็เห็นชื่อหนังสือ ” การแกะสลักขั้นพื้นฐาน ” เขาอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ ” มีหนังสือเคล็ดลับไหมครับ ? “


หลิ่วมีดเดียวจ้องหยางโปอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า ” การแกะสลักเป็นวิชาอย่างหนึ่ง จำเป็นต้องใช้เวลาฝึกฝนยาวนาน ถ้าหากเธอรีบร้อนจะสำเร็จโดยเร็วล่ะก็ฉันแนะนำว่าเธออย่าเรียนเลย “


” อย่า อย่าเลยครับ ผมแค่ล้อเล่นน่ะครับ ” หยางโปหัวเราะ


เขากล่าวจบแล้วก็นั่งอยู่ด้านหนึ่ง หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านอย่างประหลาดใจ หลิ่วมีดเดียวก็ไม่ได้ว่าง เขาก็เริ่มต้นแกะสลักต่อไป


 


ฝีมือของหลิ่วมีดเดียวเชี่ยวชาญมาก การเคลื่อนไหวของมีดทั้งแม่นยำและหนักหน่วง แต่ละมีดสอดประสาน ทุกมีดที่ลงไปต่างก็นำเศษไม้ไหลเป็นสาย หยางโปถึงค่อยสังเกตเห็นว่าในมือของเขาถึงกับเป็นไม้เฉิงเซียงชิ้นหนึ่ง เขากำลังแกะสลักไม้เฉินเซียงชิ้นนี้เป็นพระพุทธรูปพระสังกัจจายน์


ไม่นานไม้เฉินเซียงก็แกะสลักเสร็จสิ้น ใบหน้าของพระพุทธรูปพระสังกัจจายน์อิ่มเต็ม หน้าท้องโย้ใหญ่ หัวเราะเบิกบานราวกับมีชีวิต


หยางโปมองอย่างตะลึงงัน


จากนั้นก็มองเห็นหลิ่วมีดเดียวหยิบกระดาษทรายขึ้นมาแผ่นหนึ่ง ขัดเงาไปในทิศทางเดียวกัน ขัดเอาเศษไม้ออกไป ทำให้ภายนอกของรูปสลักไม้ยิ่งเงาวาวเรียบลื่น


 


สักพักหนึ่งหยางโปถึงค่อยสังเกตเห็นว่ามีคนเข้ามาภายในร้าน เขาหันหน้าไปมองก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ด้านข้าง หญิงสาวสวมชุดกันลมสีดำ ด้านหลังลากกระเป๋าสีดำมาใบหนึ่ง เส้นผมรวบไว้ด้านหลัง ดูจากการแต่งตัวแล้วน่าจะเป็นแอร์โฮสเตสคนหนึ่ง


หยางโปไม่ได้สนใจ ทางหลิ่วมีดเดียวนั้นกลับทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาหยิบผ้าขาวผืนหนึ่งขึ้นมาเช็ดหนึ่งรอบแล้วก็หันหน้ามามอง พอมองเห็นแอร์โฮสเตสสาวแล้วก็หัวเราะ ” ชิงชิงมาแล้ว พระพุทธรูปนี้เสร็จพอดีเลย โชคดีจริงๆ “


ชิงชิงแย้มยิ้ม ” คุณอาหลิ่ว ไม่ต้องรีบขนาดนี้หรอกค่ะ หนูแค่อยากมาดูสักหน่อย “


หลิ่วมีดเดียวหัวเราะ ” ดีเลย ถ้างั้นเธอก็มาดูสิ ! “


หยางโปมองหลิ่วมีดเดียว แล้วเอ่ยถามเรื่องการแกะสลักขึ้นมา


 


ถามไปสองคำถามหยางโปไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก เขาไม่เคยแกะสลักมาก่อน ไม่เคยฝึกฝน ดูแล้วไม่เข้าใจมากนักทั้งยังไม่รู้เรื่อง


ชิงชิงยืนอยู่ด้านข้างเหลือบมองหยางโปอย่างดูถูกแวบหนึ่ง และหันไปมองหลิ่วมีดเดียวแล้วก็เอ่ยถามว่า


” คุณอาหลิ่ว คุณอาบอกว่าไม่รับศิษย์ไม่ใช่เหรอคะ ? แล้วเขาเป็นได้ยังไงกันคะ ? “


หลิ่วมีดเดียวมองหยางโป ” เขาไม่ใช่ลูกศิษย์ของฉัน พวกเราเป็นแค่สหายปรึกษาปัญหากัน “


” เขาเป็นคนใหม่ไม่เข้าใจอะไรเลยแท้ๆ คุณอาหลิ่วคะ หนูมาหลายครั้งแล้ว ขอร้องคุณอาก็ตั้งหลายครั้งขนาดนี้แล้ว คุณอาก็แค่รับหนูเป็นศิษย์ ให้หนูเรียนการแกะสลักเถอะนะคะ ! ” ชิงชิงกล่าว


หยางโปหันหลังไปมอง เห็นใบหน้าของเธอหมดจดงดงามเปล่งประกาย ยากมากที่จะมีคนสวยแบบเธอ


ที่จะมามีท่าทางเปื้อนฝุ่นทั้งตัวเวลาแกะสลัก


 


หลิ่วมีดเดียวพยายามโน้มน้าว ” ชิงชิง เธอไม่เหมาะนะ ตอนนี้เธอก็มีงานประจำเป็นของตัวเองแล้ว


แล้วตอนที่อายุยังหน่อยหน้าตายังสวย มีเวลาก็ไปเดท ดูแลครอบครัว ดีกว่ามานั่งแกะสลักเหงาๆ คนเดียวตั้งเยอะเลยนะ ? “


ชิงชิงส่ายหน้า ” ก็หนูอยากเรียนแกะสลัก หนูมีพื้นฐานศิลปะ แล้วก็หลังเลิกงานค่อยหาเวลามาก็ได้ ต่อไปจะต้องกลายเป็นช่างแกะสลักที่มีชื่อเสียงได้แน่ ! “


หลิ่วมีดเดียวยังคงโน้มน้าว ” ชิงชิง นี่ไม่เหมาะสม เด็กผู้หญิงไม่เหมาะกับอาชีพนี้จริงๆ “


” คุณอาหลิ่ว คุณอาเห็นผู้ชายดีกว่าผู้หญิงเหรอ ! ” ชิงชิงเอ่ยแล้วก็หันหลังหยิบพระพุทธรูปไม้เฉินเซียงบนโต๊ะ ควักซองจดหมายออกมาวางเอาไว้หน้าหลิ่วมีดเดียว จากนั้นก็หันหลังลากกระเป๋าเดินออกไป ตอนที่เดินมาถึงด้านหน้าของหยางโปก็อดแค่นเสียงหึออกมาไม่ได้


 


หยางโปมองไปอย่างจับต้นชนปลายไม่ได้ รอจนเธอเดินออกไปแล้วถึงค่อยเอ่ยปากสอบถาม ” หญิงสาวคนหนึ่งจะเรียนแกะสลักได้ยังไง ? บ้านเธอจะยินยอมเหรอ ? “


” พ่อของเธอทำธุรกิจค้าไม้ เด็กกว่าฉันไม่น้อย พวกเราคบค้ากันมานานหลายปี ” หลิ่วมีดเดียวส่ายหน้ายิ้มขมขื่น


” ธุรกิจค้าไม้ ? ” หยางโปประหลาดใจเล็กน้อย ” ไม้มีค่าใช่ไหมครับ ? “


” อื้ม ไม้มีค่าได้กำไรมากสักหน่อย ตอนปี 90 พ่อของเธอตาแหลมมาก กักตุนไม้หวงฮวาหลีเอาไว้ล็อตหนึ่ง จนถึงตอนนี้ยังมีอยู่อีกมาก นับว่าร่ำรวยแล้ว ” หลิ่วมีดเดียวเอ่ยอธิบาย


 


หยางโปประหลาดใจมาก ราคาของไม้หวงฮวาหลีเมื่อปี 90 ก็แพงขึ้นแล้ว แต่เมื่อเทียบกับราคาตอนนี้ก็ถูกจนน่าใจหาย กักตุนไม้เอาไว้ล็อตหนึ่งจนถึงตอนนี้ได้ ก็ได้กำไรก้อนใหญ่จริงๆ


” ถ้างั้นเขายังมีไม้ดีๆ อะไรอยู่ไหมครับ ? ” หยางโปเอ่ยถาม


หลิ่วมีดเดียวส่ายหน้า ” ฉันไปโกดังของบ้านเขาเมื่อครึ่งปีก่อน ไม่ได้ไปนานแล้ว ว่างๆ เธอก็ไปดูด้วยตัวเองก็ได้นะ “


ตอนที่ 284 ไปตามนัด


หยางโปรู้สึกประหลาดใจ ” โกดังอยู่ใกล้ๆที่นี่ เหรอครับ ? “


หลิ่วมีดเดียวพยักหน้า ” ใช่ อยู่ไม่ไกลเลย “


หลิ่วมีดเดียวกล่าวจบ จู่ๆ ก็หันมามองหยางโป ” เอ๊ะ ทำไมฉันรู้สึกว่าเจ้าหนูอย่างเธอมีเจตนาไม่ดีล่ะ ? “


หยางโปชะงัก ” เจตนาไม่ดี ? “


” เธอคงไม่ชอบแม่หนูคนเมื่อกี้หรอกนะ ? ” หลิ่วมีดเดียวเอ่ยถาม


หยางโปส่ายหน้า ” คุณคิดมากเกินไปแล้ว “


หยางโปกล่าวจบก็หยิบเช็คที่วางข้างๆ หินเลือดดิบบนโต๊ะขึ้นมา ” เอาวัตถุดิบก้อนนี้ไปก็รู้สึกไม่ดีอย่างมาก ผมคืนให้คุณดีกว่า “


หลิ่วมีดเดียวคาดไม่ถึงเล็กน้อย เขามองหยางโป ” นี่เธอจะกลับคำแล้วเหรอ ? “


 


” เปล่า นี่ผมทำเพื่อคุณนะ ถ้างั้นเอาอย่างนี้นะ ตอนนี้พวกเรามาผ่าวัตถุดิบกัน ถ้าหากเป็นหินเลือดห้าสิบส่วนหรือต่ำกว่านั้น ผมก็จะซื้อไป ถ้าหากเป็นเจ็ดสิบส่วน ถ้างั้นก็ถือเป็นของขวัญกราบอาจารย์ของผมก็แล้วกัน ” หยางโปหัวเราะ


หลิ่วมีดเดียวมองหยางโปแล้วหัวเราะ ” นี่เธอจะกลับบ้านมือเปล่าเอานะ ! “


แม้จะกล่าวแบบนี้แต่หลิ่วมีดเดียวก็ยังหยิบเครื่องมือ เริ่มแกะผิวนอกออก


ความเร็วของหลิ่วมีดเดียวนั้นเร็วมาก เศษหินฟุ้งกระจาย สีอันสดใสธรรมดาของหินเลือดข้างในก็เปิดเผยออกมา เขาคงระดับความเร็วอยู่ตลอด ไม่นานวัตถุดิบทั้งก้อนก็เผยโฉมสู่สายตา


 


ราวกับเลือดไก่ที่สาดอยู่บนหยก เนื้อหินทั้งก้อนเรียบลื่น โปร่งแสงเล็กน้อย สีสันราวงาช้าง สีสันเนื้อสัมผัสบริสุทธิ์ไร้ใดเปรียบ เมื่อหินแบบนี้ปรากฏขึ้นต่อหน้า หลิ่วมีดเดียวก็ชะงักไป


หยางโปหัวเราะขึ้นมา เพราะว่าเขามองสีเลือดของวัตถุดิบนี้ได้ที่ประมาณเจ็ดสิบส่วน !


หลิ่วมีดเดียวมองหยางโป ” เธอมองออกได้ยังไง ? ความรู้เรื่องวัตถุดิบของเธอสูงขนาดนี้เชียว ? “


หยางโปหัวเราะ ” นี่เป็นพรสวรรค์ “


หลิ่วมีดเดียวส่ายหน้าอย่างจนปัญญา


หยางโปฉีกเช็คทิ้งแล้วก็หยิบเครื่องลายครามที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ กล่าวกับหลิ่วมีดเดียวว่า ” วันนี้เอาไว้เท่านี้ก่อนนะครับ พรุ่งนี้ผมจะมาเรียน “


 


กลับไปถึงบ้าน หยางโปกำลังทำอาหาร โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เขาหยิบมือถือขึ้นมาดูแล้วลังเลเล็กน้อย ครู่หนึ่งเขาถึงค่อยรับสาย


” ฉันได้ยินอี้ผิงบอกว่าตรุษจีนเธอจะอยู่ที่จิงเฉิงสินะ ? ” ชุยซื่อหยวนเอ่ยปากถามช้าๆ


“อื้ม อยู่ที่นี่อีกหลายวันปีใหม่แล้วค่อยกลับจินหลิง ” หยางโปตอบ


ชุยซื่อหยวนลังเลเล็กน้อย ” ถ้างั้น คืนก่อนปีใหม่ฉันขอเลี้ยงข้าวเธอได้ไหม ? “


หยางโปชะงักไป ” อย่าเลยครับ ผมไม่อยากรบกวน “


” ไม่เป็นไร ไม่รบกวนหรอก ไม่รบกวนหรอก ” ชุยซื่อหยวนกล่าว


หยางโปชะงักแล้วก็ยังคงกล่าวปฏิเสธ ” ขอบคุณเจตนาดีของคุณมาก แต่ช่างมันเถอะครับ “


ชุยซื่อหยวนถอนหายใจ แล้วก็ไม่ได้พูดมาก จำต้องกล่าวว่า ” อากาศเย็นแล้วเธอต้องระวังสุขภาพด้วยนะ “


 


” ครับ ผมจะระวัง ” หยางโปกล่าว


ชุยซื่อหยวนวางสายแล้วก็มองหลี่หมิ่นที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ” เขาไม่ยอมไปด้วยกัน “


หลี่หมิ่นลอบดีใจแต่ปากกลับเอ่ยว่า ” เด็กคนนี้ไม่รู้จักดีชั่วจริงๆ พวกเราเชิญเขาไปด้วยกันนั่นก็เป็นวาสนาใหญ่หลวงแล้ว ! “


” นี่ไม่ใช่การเชิญ นี่คือสิทธิ์ที่เขาควรจะได้รับ ! ” ชุยซื่อหยวนหลังถูกปฏิเสธ เดิมก็อารมณ์ไม่ค่อยดี พอฟังคำของหลี่หมิ่นแล้วความโกรธก็พุ่งขึ้นสมองทันที


” คุณตวาดใส่ฉันทำไม ? ไม่ใช่ว่าฉันไม่ไปกับคุณนี่ ! ” หลี่หมิ่นกล่าวท้วง ” สิทธิที่เขาควรที่จะได้รับอะไรกัน ชุยซื่อหยวน คุณจำเอาไว้นะ ถึงแม้เขาจะก้าวเท้าเข้ามาในบ้านหลังนี้เขาก็เป็นแค่ลูกนอกสมรสคนหนึ่ง ! “


 


” นั่นเป็นลูกชายของฉัน ฉันบอกว่าอะไรก็ต้องอย่างนั้น ! ” ชุยซื่อหยวนตวาด


” ดี ! ดี ! ดี ! ชุยซื่อหยวน คุณกล้าพูดแบบนี้สินะ ! ” หลี่หมิ่นจ้องเขม็ง ” คุณกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าพ่อของคุณไหม ?​ คุณคิดว่าเขาจะยอมรับลูกนอกสมรสคนหนึ่งเข้าประตูใหญ่ของตระกูลชุยไหม ? “


” คุณพ่อยอมรับเขาแล้ว ” ชุยซื่อหยวนเบาเสียงลงเล็กน้อยแต่เสียงกลับจริงจังกังวาน


หลี่หมิ่นชะงักไปครู่หนึ่ง สายตาของเธอจ้องชุยซื่อหยวนแทบถลน เดิมทีเธอคิดว่าเป็นปราการที่พึ่งพาได้มากที่สุด ตาแก่หัวโบราณคนนั้นถึงกับยอมรับเขาแล้ว !


หลี่หมิ่นมองชุยซื่อหยวนเนิ่นนาน ” คุณพ่อยอมรับเขาแล้ว ทำไมคุณพ่อถึงยอมรับ ? “


” เขายอมรับแล้ว ” ชุยซื่อหยวนพยักหน้า


 


ภายในห้องนั่งเล่นเงียบสงัด หลี่หมิ่นสีหน้าไม่น่ามอง ชุยซื่อหยวนกลับไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก


….


หยางโปวางสายแล้วถึงค่อยสังเกตเห็นว่าผักในหม้อเละแล้ว เขารีบปิดไฟแล้วก็ล้างหม้อ


เช้าตรู่วันต่อมา หยางโปยังนอนอยู่ ลัวย่าวหัวก็โทรศัพท์หาเขาแล้ว


” นายอยู่ที่ไหน ? ” ลัวย่าวหัวกล่าวอย่างตื่นเต้น


” นายอยู่ไหนล่ะ ? ” หยางโปเอ่ยถาม


” ฉันอยู่หน้าบ้านนาย นายรีบมาเปิดประตูให้ฉันหน่อย ! “


หยางโปหมดคำจะพูดขึ้นมาทันที เขามองดูเวลา นี่เพิ่งจะเจ็ดโมงเช้า ท้องฟ้าข้างนอกเพิ่งจะสว่างไม่นาน เขาออกไปเปิดประตู เห็นลัวย่าวหัวยืนสับเท้าอยู่ด้านนอก


 


ลัวย่าวหัวเดินเข้ามาแล้วก็เอ่ยกับหยางโปว่า ” นายนี่มันขี้เกียจจริงๆ เลย สายขนาดนี้แล้วยังไม่ตื่นอีก ? “


หยางโปเดินไปทางห้องนอนแล้ว เขาหันกลับมามองลัวย่าวหัว ” นี่เพิ่งจะกี่โมง ? ปกตินายตื่นเช้ามากเลยเหรอ ? “


” ใช่แล้ว ฉันตื่นมาวิ่งตั้งแต่เช้าทุกวัน พ่อยืนคุมอยู่ด้านข้าง ยังต้องตะโกนหนึ่งสองสามสี่ ก่อนหน้านี้ตอนเด็กยังดีอยู่ ตอนนี้พอโตขนาดนี้แล้ว ฉันรู้สึกขายหน้ามาก ดังนั้นฉันก็เลยอยากมาค้างบ้านนายสักคืน “


ลัวย่าวหัวกล่าว


หยางโปหัวเราะแล้วชี้ไปที่ห้องนอนฝั่งตรงหน้า ” ไปนอนเองก็แล้วกันนะ “


ลัวย่าวหัววิ่งไปเปิดประตู เห็นบนเตียงว่างเปล่าก็รีบเอ่ยถาม ” ผ้าห่มล่ะ ? “


” อ้อ ลืมซื้อน่ะ นายไปซื้อเองก็แล้วกันนะ อย่าลืมเอากุญแจไปด้วย ! ” หยางโปกล่าวจบก็ล้มตัวนอน


 


ได้ยินเสียงข้างนอกเงียบไปพักหนึ่งแล้ว ในที่สุดก็เงียบสงบแล้ว หยางโปก็นอนหลับไปอีกครั้ง อากาศเย็นเกินไป เขาขี้เกียจไปทั้งตัว


ตอนเที่ยงหยางโปตื่นขึ้นมาอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว เดิมทีคิดจะไปเรียนแกะสลัก แต่ได้รับสายเตือนสติจากเฉาหยวนเต๋อ เขาถึงค่อยคิดเรื่องการประชุมประจำปีของกรมโบราณคดีออก


หยางโปเคาะประตูห้องลัวย่าวหัว ปลุกเขาแล้วเอ่ยถามว่าเขาจะไปงานประชุมประจำปีไหม


คิดไม่ถึงว่าลัวย่าวหัวจะกระโจนขึ้นจากเตียงทันที ” โอกาสดีแบบนี้ ฉันจะไม่ไปได้ยังไง ? โอกาสออกหน้าออกงาน มอบมาให้ฉันจัดการได้ทั้งหมดเลย ! “


 


กล่าวจบแล้วตัวเขาเองก็อดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้


ทั้งสองคนกินข้าวแล้ว หยางโปก็ไปแกะสลักไม่ทันแล้วด้วยถูกลัวย่าวหัวลากไปตัดผม อ้างจากคำพูดของเขาแล้วเหล่าผู้เชี่ยวชาญจืดชืด เหลาะแหละได้ แต่สำหรับผู้เชี่ยวชาญหนุ่มแล้วจะต้องสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยถึงจะเป็นปกติ


ตอนที่ทั้งสองคนมาถึงงาน เฉาหยวนเต๋อกับหลิ่วเหลียงอวี้ก็ยืนรออยู่ด้านนอกแล้ว ด้านนอกหนาวมาก พวกเขาจึงรีบเดินเข้าไปข้างใน


คนที่ได้รับเชิญให้มางานประชุมประจำปีไม่มากเลย กว่าครึ่งล้วนเป็นผู้นำในสาขาอาชีพที่เกี่ยวข้อง ผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมิน แล้วก็มีหัวหน้าโรงประมูล รวมถึงผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์จำนวนไม่น้อย


หยางโปมองไปรอบหนึ่งแล้วก็ไม่เห็นคนคุ้นเคยมากนัก ที่สำคัญคือคุณสมบัติของเขาตื้นเขินเกินไป


ตอนที่ 285 เว็บเถาฮว่า


เฉาหยวนเต๋อหลังจากพาทั้งสามคนเข้าไปแล้วก็มองนาฬิกาข้อมือ แล้วเอ่ยปากว่า ” ฉันต้องไปธุระก่อนนะ อีกเดี๋ยวจะมาหาพวกเธอพวกนายไปหาที่นั่งกันก่อนเถอะ “


หยางโปพยักหน้า ” ครับ คุณไปทำธุระเถอะ “


หยางโปเงยหน้าขึ้นมอง เห็นบนหน้าจอของเวทีด้านหน้าแสดงหัวข้อการประชุมครั้งนี้


” การสัมนาแลกเปลี่ยนของนักสะสมแห่งประเทศจีนครั้งที่ 1 “


ลัวย่าวหัวหัวเราะ ” ดูเหมือนว่าพวกเราก็นับเป็นนักสะสมแล้วนะ ? “


” นายไม่นับ ” หยางโปกล่าว


” ทำไมล่ะ ? “


 


“เพราะว่าตอนนี้นายมีสมบัติอยู่แค่ไม่กี่ชิ้น จะนับเป็นนักสะสมได้ยังไง ? ” หยางโปกล่าว


ลัวย่าวหัวหัวเราะ ” นายรอดูให้ดีเถอะ รอโรงประมูลของฉันเปิดกิจการแล้วฉันจะเป็นคนใหญ่คนโตแล้ว ! “


” ใช่ นายจะเป็นจระเข้ยักษ์ ! ( คนใหญ่คนโตภาษาจีนคือ 大鳄 หมายถึงจระเข้ยักษ์ )


หลิวเหลียงอวี้ยืนหัวเราะฮ่าฮ่าอยู่ด้านข้าง


ในตอนนี้มีโต๊ะกลมจัดวางอยู่ยี่สิบกว่าตัว บนโต๊ะทุกตัวมีอาหารสุราจัดวางเอาไว้ ทั้งสามก็หาโต๊ะนั่งไปตัวหนึ่ง พวกเขามาเร็วอยู่สักหน่อย คนที่โต๊ะยังมีไม่มาก


ไม่นานคนก็ค่อยๆ ทยอยกันมา พวกของหยางโปสามคนกับเพื่อนร่วมโต๊ะก็ผลัดกันแนะนำตัว การสนทนาก็ยิ่งครึกครื้นขึ้นมา


 


ในที่นี่มีทั้งผู้ดูแลระดับสูงของโรงประมูล มีผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินโบราณวัตถุ แล้วก็มีผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ซื้อขายออนไลน์บนอินเทอร์เน็ตอีกเล็กน้อย เพียงแต่ตอนนี้จำนวนของเว็บไซต์ซื้อขายออนไลน์ยังน้อยมาก ยากที่จะทำให้เชื่อมั่นว่าเว็บไซต์ซื้อขายออนไลน์จะพัฒนาได้เร็วนัก


ลัวย่าวหัวหลังจากฟังการแนะนำตัวแล้วก็ดึงผู้ดูแลระดับสูงของโรงประมูลมาขอคำปรึกษา ผู้ดูแลระดับสูงคนนั้นได้ยินว่าลัวย่าวหัวจะเปิดโรงประมูลก็กระตือรือร้นมาก ยังไงโรงประมูลก็อยู่กันคนละเมือง แข่งขันกันน้อย อีกอย่างเป็นมิตรกับเถ้าแก่ก็ยังเหลือทางถอยไว้ให้กับตัวเองได้


หยางโปก็พูดคุยกับผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ซื้อขายออนไลน์ จิ่งซ่าวหัว


 


จิ่งซ่าวหัวเป็นคนที่ช่างพูดมากคนหนึ่ง เขาอธิบายการก่อตั้งเว็บเถาฮว่าของตนเองไปรอบหนึ่ง ” ผมเริ่มก่อตั้งเว็บเถาฮว่าเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ผ่านไปเกือบหนึ่งปี การซื้อบนของเว็บเถาฮว่าของพวกเราถึงแปดแสนหยวนแล้ว นี่เป็นเพราะว่าสินค้าทั้งหมดของเว็บเถาฮว่านั้นเป็นผลงานศิลปะสมัยใหม่ มีผลงานของนักเรียนโรงเรียนศิลปะเยอะมาก ดังนั้นราคาเลยไม่แพง ส่วนมากแล้วภาพหนึ่งก็ราคาสองสามร้อยไปถึงมากกว่าพันหยวน “


” นี่ก็คือคุณจะบอกว่าในช่วงเวลาสั้นๆ เกือบหนึ่งปีนี้ พวกคุณขายได้หลายร้อยภาพแล้ว ? ” หยางโปเอ่ยถาม


จิ่งซ่าวหัวพยักหน้า ” นี่เป็นจุดเริ่มต้น ยังไงก็บุกเบิกตลาดก็ยากที่สุด ตามด้วยการโปรโมทและการทำงานของบริษัท จำนวนการซื้อขายต่อไปจะขึ้นไปที่สเต็ปใหม่ เป้าหมายปีนี้ของพวกเราคือสามสิบล้านหยวน ! “


 


มองท่าทีชูสามนิ้วของจิ่งซ่าวหัวแล้ว หยางโปก็หัวเราะเบาๆ จิ่งซ่าวหัวเป็นมหาบัณฑิตจบจากวิทยาลัยศิลปะของเมืองหลวง จบมาทำงานอยู่สองปีแล้วก็เลือกตั้งบริษัท ว่ากันตามตรงแล้วสำหรับบริษัทของเขา หยางโปคิดว่ามีอนาคตมาก ถึงแม้ตอนนี้จะบอกว่าทำการค้าผลงานศิลปะสมัยใหม่ แต่ก็มีอนาคตสดใสดี


ส่วนเป้าหมายการซื้อขายที่สามสิบล้านหยวน หยางโปก็ไม่ใคร่เชื่อถือเท่าไหร่นัก แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ” เงินทุนเริ่มต้นของพวกคุณเท่าไหร่น่ะ ? “


จิ่งซ่าวหัวชะงักไปเล็กน้อย เดิมทีเขาเห็นว่าหยางโปยังเด็ก คิดว่าเขาเป็นนักศึกษาที่ติดตามผู้อาวุโสก่อนหน้านี้มาหาประสบการณ์ ดังนั้นจึงอดโอ้อวดสักหน่อยไม่ได้ พอได้ยินเขาถามถึงเงินทุนเริ่มต้น เขาก็อดตะลึงไปไม่ได้ ” หนึ่งล้านหยวน ! “


 


” ไม่นับว่ามาก เริ่มต้นสร้างเว็บไซต์ก็เพียงพออยู่ แต่การโปรโมทต่อจากนี้ไปเกรงว่าจะมีเงินไม่มากแล้วใช่ไหม ? ” หยางโปเอ่ยถาม


จิ่งซ่าวหัวสลัดความกระอักกระอ่วนทิ้งไปแล้วกล่าวอธิบาย ” ยังมีอยู่อีกหน่อย ยังไงทุกการซื้อขายก็จะได้เงิน การซื้อขายผลงานทางศิลปะไม่เหมือนกับอย่างอื่น โดยหลักแล้วพวกเราก็จะเอาผลงานของลูกค้าขึ้นไปวางขายบนเว็บไซต์ ผ่านการร่วมมือกับนักเรียนโรงเรียนศิลปะ ช่วยให้พวกเขาขายภาพได้ จากนั้นก็จะหักเปอร์เซ็นต์ “


” สร้างการป้องกันเว็บไซต์ ค่าจ้างคนงาน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานก็ยังมีค่าพวกนี้อยู่ ผมถามหน่อยได้ไหมว่าพวกคุณหักเปอร์เซ็นต์รายการละเท่าไหร่ ? ” หยางโปเอ่ยถาม


 


” สิบกว่าเปอร์เซ็นต์ “


” นั่นก็เป็นหักไปหนึ่งส่วน จำนวนที่หักนี้นับว่าสูงมาก ” หยางโปกล่าว ” ตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนการซื้อขาย ต่อไปค่าธรรมเนียมที่จะหักก็จำเป็นต้องลดต่ำลง “


จิ่งซ่าวหัวมองเห็นหยางโปแลกเปลี่ยนอย่างกระตือรือร้นก็รู้สึกขบขันเล็กน้อย แต่ว่าเขายังยินดีที่จะสนทนากับหยางโป ” ใช่แล้ว ต่อไปจะต้องมีการเปิดเว็บไซต์ซื้อขายผลงานศิลปะออนไลน์เพิ่มขึ้น ค่าธรรมเนียมที่หักนี้จะต้องลดลงอย่างแน่นอน แต่ว่าฉันคิดว่าขอแค่เว็บเถาฮว่าของพวกเราเริ่มมีชื่อเสียงแล้ว ค่าธรรมเนียมพื้นฐานนี้จะต้องทำการลดลงอย่างช้าๆ ได้แน่ !


” ตอนนี้พวกคุณประสานงานกับแกลลอรี่หรือว่าโรงเรียนศิลปะเอาไว้ไหม ? ” หยางโปเอ่ยถาม


 


จิ่งซ่าวหัวมองหยางโป ในที่สุดก็อดเอ่ยถามไม่ได้ ” น้องชาย เธอคงจะไม่คิดทำธุรกิจ ก่อตั้งเว็บไซต์ซื้อขายภาพวาดจีนใช่ไหม ? “


หยางโปมองจิ่งซ่าวหัว เห็นสีหน้าของเขาปกปิดความระแวงเอาไว้ไม่อยู่ก็หัวเราะขึ้นมา ” ผมมองว่าอนาคตของเว็บขายภาพวาดนั้นดีมาก ปีหนึ่งผ่านไป หนึ่งล้านหยวนของพวกคุณก็แทบใช้ไปหมดแล้วแน่ล่ะสิ วันนี้คุณมานี่อย่าบอกนะว่าไม่คิดจะหาเงินลงทุนน่ะ ? “


จิ่งซ่าวหัวมองหยางโปอย่างประหลาดใจมาก ” อย่าบอกนะว่าเธอจะลงทุนในเว็บไซต์ขายภาพ ? “


หยางโปหัวเราะ ” ไม่ได้เหรอ ? “


 


จิ่งซ่าวหัวชะงักไป สีหน้ากระอักกระอ่วนเล็กน้อย เมื่อกี้เขาคิดถึงสถานการณ์มากมายแต่ไม่ได้คิดถึงจุดนี้เลย แต่ว่าถ้าหาเงินลงทุนมาได้ เขาก็ยังแสดงความกระตือรือร้นและแฝงด้วยความสงสัยอย่างชัดเจนออกมา ” เธอลงทุนได้เท่าไหร่ ? “


” พวกคุณอยากได้เงินลงทุนเท่าไหร่ล่ะ ? ” หยางโปเอ่ยถาม


คำพูดวางโตของหยางโปทำให้จิ่งซ่าวหัวยิ้มไม่ออก แต่สีหน้ากลับครุ่นคิดจริงจัง ” สองล้านหยวน ! “


” พวกคุณน่าจะประเมินเว็บขายภาพของตนเองเอาไว้แล้วใช่ไหม พวกคุณประเมินเอาไว้เท่าไหร่ล่ะ ? ” หยางโปเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง


” สองล้านหยวน ! ” จิ่งซ่าวหัวกล่าว เขากล่าวแล้วก็มองไปทางหยางโปอย่างกังวล ” พ่อแม่ของเธอให้เงินเธอมากขนาดนี้เลยเหรอ ? ยังไงนี่ก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ นะ “


 


หยางโปอดที่จะหัวเราะไม่ได้ ” เรื่องเงินน่ะคุณไม่ต้องกังวลหรอก ตอนนี้พวกเราจำเป็นต้องคุยเรื่องปัญหาของเว็บเถาฮว่า ขอเพียงพวกคุณมีทีมงานที่โดดเด่นสักทีม ขยายความเป็นไปได้และความคาดหวังที่จะเติบโตต่อจากนี้ไปให้ผมเห็นได้ เงินทุนก็เป็นแค่ปัญหาเล็กน้อย “


ได้ยินคำพูดนี้ จิ่งซ่าวหัวก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที ” ถ้างั้นก็ดี เธอยังมีอะไรอยากจะถามเหรอ ? “


” ตอนนี้พวกคุณประสานงานกับแกลลอรี่แล้วก็โรงเรียนศิลปะกี่แห่งเหรอ ? ” หยางโปเอ่ยถาม


” แกลลอรี่แปดแห่ง โรงเรียนศิลปะสองแห่ง ” จิ่งซ่าวหัวตอบ


หยางโปพยักหน้าแล้วขมวดคิ้ว ” จำนวนนี้น้อยไปสักหน่อย แต่ในช่วงแรกก็เพียงพออยู่ ต่อไปยังจำเป็นต้องร่วมมือให้มากกว่านี้ จำเป็นต้องเซ็นสัญญาข้อตกลงผูกขาดการขายภาพวาด การประมูลภาพออนไลน์ไว้กับแกลลอรี่ให้มากขึ้น “


 


” นี่เป็นเป้าหมายต่อไปของพวกเรา พวกเราติดต่อกับแกลลอรี่ใหม่ๆ ไว้สักประมาณสิบแห่งแล้ว ยังมีแกลลอรี่ที่ตั้งใจจะติดต่ออีกหลายสิบแห่ง ต่อไปงานของพวกเราจะต้องเพิ่มความเร็วขึ้นอย่างแน่นอน ! “


จิ่งซ่าวหัวกล่าว


หยางโปหัวเราะ เขาไม่เชื่อคำพูดของอีกฝ่ายเลยสักนิด เพราะเขารู้ดีว่านักธุรกิจจะพูดจาใหญ่โตเอาไว้ก่อน ถ้าหากเมื่อครู่เขาไม่ได้เอ่ยถึงปัญหาข้อนี้ อีกฝ่ายอาจจะคิดไม่ถึงจุดนี้ก็ได้

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม