เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย 276-283

 ตอนที่ 276 เตรียมตัว  


 


 


           วันรุ่งขึ้น คุณหมอมาตรวจอาการจิ้นหยวนและสิ่งที่หมอบอกไม่แตกต่างจากที่จิ้นหยวนพูดเลย ตอนนี้บาดแผลเขาสมานตัวได้ดีมาก เนื่องจากตอนเย็บแผลคุณหมอใช้ไหมละลายจึงไม่ต้องตัดไหม 


 


 


           จิ้นหยวนขอกลับบ้านทันที เขาจ้องคุณหมอตาเขม็ง ทำท่าเหมือนกับว่าถ้าคุณหมอไม่อนุญาตเขาก็จะไม่ปล่อยคุณหมอออกจากห้อง ทำให้คุณหมอต้องอนุญาตอย่างจำยอม 


 


 


           ความจริงร่างกายของจิ้นหยวนแข็งแรงกว่าคนทั่วไป จะว่าไปแล้วใช่ว่าจะออกจากโรงพยาบาลไม่ได้ เพื่อความปลอดภัยคุณหมอจึงอยากให้รักษาตัวต่อให้หายดีเสียก่อน จึงไม่อยากให้คนไข้ออกจากโรงพยาบาลก่อนกำหนดเท่านั้นเอง 


 


 


           ในที่สุดจิ้นหยวนก็ได้กลับบ้านสมดังใจหมาย เขากระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันทีเหมือนเสือชีต้าห์ที่เพิ่งถูกปล่อยออกจากกรงแล้วพุ่งทะยานออกไปสู่ทุ่งกว้างอย่างรวดเร็ว สิ่งแรกที่เขาทำก็คือจูงมือเฉียวซือมู่ขึ้นเตียงแล้วเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงด้วยกันทั้งคืน และตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นราวกับไม่เหนื่อยเลยสักนิด แถมยังไปทำงานพร้อมพลังเต็มเปี่ยมอีกต่างหาก เหลือไว้เพียงเฉียวซือมู่ที่ยังคงนอนสะลึมสะลือหมดเรี่ยวแรงอยู่บนเตียงคนเดียว 


 


 


           เฉียวซือมู่ถูกทรมานทั้งคืนจนหมดแรง ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เย็นแล้ว ทำให้เธอพลาดอาหารเช้าและอาหารเที่ยงไปโดยปริยาย เธอทั้งอายทั้งโมโห อีตาจิ้นหยวนทำไมถึงไม่รู้จักหักห้ามใจเสียบ้างนะ 


 


 


           ตามหลักแล้วเขาเสียแรงมากกว่าเธอตั้งเยอะ แต่กลับสามารถลุกขึ้นไปทำงานได้ตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนเธอหลับเป็นตายจนถึงตอนนี้ แถมยังตื่นขึ้นมาในสภาพไร้เรี่ยวแรงจนเกือบล้มตัวลงนอนอีกรอบด้วยซ้ำ 


 


 


           เธอทอดถอนใจ พยายามลุกออกจากเตียงอย่างสุดกำลัง 


 


 


           เธอรับประทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา โทรกลับสายที่ไม่ได้รับ รู้สึกว่าขืนตัวเองยังเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ ก่อนหน้านี้เป็นเพราะสุขภาพเธอไม่แข็งแรง แต่ตอนนี้เธอหายดีเป็นปกติแล้ว นั่นหมายความว่าเธอสามารถออกไปทำงานได้แล้วนะสิ? 


 


 


           เธอไม่อยากเป็นแม่บ้าน และไม่มีทางเป็นได้ด้วย 


 


 


           เธอครุ่นคิดอยู่เงียบๆ ได้เวลาคุยกับเขาแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เห็นด้วยที่เธอจะออกไปทำงานนี่นา 


 


 


           ถึงอย่างไรเธอก็ต้องเรียกร้องสิทธิ์ให้ตัวเอง อย่างน้อยก็หางานที่ชั่วโมงทำงานสั้นลงหน่อยก็ยังดี 


 


 


           เธอตัดสินใจแน่วแน่ เตรียมตัวคุยกับเขาทันทีที่มีโอกาส 


 


 


           แต่พอจิ้นหยวนกลับถึงบ้านแล้วเธอกลับไม่มีโอกาสได้คุยกับเขาเลย เพราะ… 


 


 


           จิ้นหยวนเดินไปนั่งลงข้างเธอ ใช้นิ้วเกี่ยวปอยผมเธอเล่นไปมา ยื่นหน้าเข้าไปเอ่ยเสียงแผ่วหวิวข้างหูเธอ “พรุ่งนี้คุณกลับบ้านกับผมนะ” 


 


 


           หร่วนจิงเทียนเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม หลังจากเรื่องหร่วนเซียงเซียงถูกเปิดโปง และจิ้นหยวนแตกหักกับหร่วนเซียงเซียงอย่างสิ้นเชิง เขาสั่งให้ทั้งสองหย่าขาดจากกันทันที และนั่นทำให้จิ้นหยวนได้รับอิสรภาพและกลับคืนสู่สถานะหนุ่มโสดอีกครั้ง 


 


 


           เขาพาเธอกลับบ้านตอนนี้หมายความว่าอย่างไร? 


 


 


           เธอมองเขาด้วยความลังเล “พรุ่งนี้เป็นวันอะไรเหรอคะ?” 


 


 


           ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ระหว่างจิ้นหยวนกับจิ้นเฮ่าไม่ค่อยดีนัก เขาจึงกลับบ้านไม่บ่อยสักเท่าไหร่และจะต้องมีเหตุผลในการกลับบ้านทุกครั้ง เธอจึงถามเขาด้วยความสงสัย 


 


 


           เขาพยักหน้า “พรุ่งนี้เป็นวันเกิดผม คุณแม่บอกให้ผมกลับไปกินข้าวเย็น มีแต่คนในครอบครัวเท่านั้น” 


 


 


           “วันเกิดคุณเหรอคะ?” เธอประหลาดใจมาก ไม่เห็นเคยได้ยินเขาพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน พอนึกถึงเรื่องที่ตัวเองอยู่กับเขามาตั้งนาน แต่กลับไม่รู้วันเกิดเขาเลยจึงรู้สึกผิดขึ้นมาทันที 


 


 


           “ใช่ ผมถึงได้อยากพาคุณกลับไปด้วยไง คุณยินดีไหม?” เขาเอ่ยเสียงแผ่ว 


 


 


           เธอลังเลนิดๆ “ให้ฉันกลับไปกับคุณคงไม่ค่อยดีมังคะ ฉันคิดว่าคุณแม่คุณคงไม่อยากเห็นหน้าฉันหรอกค่ะ” 


 


 


           จิ้นหยวนเลิกคิ้ว “สบายใจได้ มีผมอยู่ทั้งคน คุณแม่ไม่ทำอะไรคุณหรอกน่า” 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 277 พบคุณพ่อคุณแม่  


 


 


           “เหรอคะ?” เธอไม่ค่อยมั่นใจคำพูดของเขาสักเท่าไหร่ แต่พอเห็นสีหน้ามุ่งมั่นแรงกล้าของเขาแล้วจึงยอมพยักหน้าตกลง “ก็ได้ค่ะ ฉันจะไปกับคุณ หวังว่าคุณแม่คุณจะระงับอารมณ์ได้นะคะ” 


 


 


           เธอเอ่ยอย่างขี้เล่น เขาจิ้มจมูกเธอเบาๆ “ซนจัง คุณคิดว่าคุณแม่ผมเป็นคนไร้เหตุผลขนาดนั้นเลยเหรอ?” 


 


 


           เธอเบือนหน้าหนีโดยไม่ตอบเขา 


 


 


           ก็เห็นกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ในเมื่อเธอคิดจะแต่งงานกับเขา ก็ต้องพยายามยอมรับครอบครัวเขาให้ได้สิ 


 


 


           “ผมจะเป็นคนปกป้องคุณเอง คุณสบายใจเถอะ” เขาฝังจุมพิตลงบนกระหม่อมเธออย่างรักใคร่ ตัดสินใจแน่วแน่ที่จะพาเธอกลับไปพบคุณพ่อคุณแม่ให้ได้ ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมให้พวกท่านแทรกแซงการแต่งงานของเขาอีก 


 


 


           เรื่องนี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไปจนทำให้เธอลืมคุยเรื่องที่ตัวเองอยากจะออกไปทำงานไปโดยปริยาย 


 


 


           จิ้นหยวนขับรถกลับมารับเฉียวซือมู่ที่บ้านตอนบ่ายแก่ๆ ในวันถัดมา 


 


 


           นี่เป็นการพบว่าที่พ่อแม่สามีอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก เธอครุ่นคิดคนเดียวอยู่ในห้องนอนครึ่งค่อนวัน ในที่สุดก็ตัดสินใจเลือกสวมชุดกระโปรงเรียบง่ายแต่ดูสง่างาม แต่งหน้าอ่อนๆ หยิบกระเป่าถือใบเล็กขึ้นมาแล้วสูดหายใจลึกๆ รู้สึกตื่นเต้นกว่าการไปสัมภาษณ์งานเสียอีก 


 


 


           ในรถ จิ้นหยวนขับรถพลางชำเลืองมองเธอพลางอย่างเงียบๆ เธอถูกสายตาเขาจับจ้องจนรู้สึกกระสับกระส่าย จึงเอ่ยถามเก้อๆ “คุณมองอะไรคะ?” 


 


 


           เขายกยิ้มมุมปาก “วันนี้คุณสวยมาก อย่าว่าแต่ผมเลย เดี๋ยวถึงบ้านแล้ว แม้แต่คุณแม่ก็ต้องตะลึงจนตาค้างเหมือนกัน” 


 


 


           เธอหัวเราะพรืด “พูดไปเรื่อย” 


 


 


           เขายังคงเอ่ยเสียงจริงจัง “จริงนะ ผมไม่โกหกคุณหรอกน่า” 


 


 


           “คุณนี่ขี้โม้จริงๆ เลย” เธอเอ่ยเสียงเบื่อหน่ายพลางตวัดสายตามองเขาแวบหนึ่ง 


 


 


           ได้ยินเขาพูดแบบนี้แล้วเธอค่อยรู้สึกตื่นเต้นน้อยลงหน่อย เธอชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง เห็นเขาหุบยิ้มแล้ว สีหน้าท่าทางไม่ได้ขี้เล่นเหมือนเมื่อครู่นี้อีก 


 


 


           ที่แม้เมื่อกี้เขาตั้งใจพูดให้เธอผ่อนคลายใช่ไหม? เธอไม่ค่อยแน่ใจนัก 


 


 


           เธอครุ่นคิดเล็กน้อย จู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น “คุณเอาของขวัญมาด้วยหรือเปล่าคะ?” 


 


 


           เขากวาดสายตามองเธอแวบหนึ่ง เห็นว่าเธอตื่นเต้นขึ้นมาอีกแล้ว จึงเอ่ยอย่างทอดถอนใจ “สบายใจได้ ผมซื้อเอาไว้หมดแล้ว กล่องสีฟ้าเป็นของคุณพ่อ กล่องสีชมพูเป็นของคุณแม่ จำไว้ให้ดีล่ะ ถึงเวลาอย่าหยิบผิดล่ะ” 


 


 


           นี่เป็นการพบกันอย่างเป็นทางการครั้งแรก เธอจึงต้องมีของขวัญไปด้วย เมื่อคืนเธอจึงคิดจะออกไปซื้อของขวัญด้วยความตื่นเต้น แต่กลับถูกจิ้นหยวนห้ามเอาไว้เสียก่อน เขาให้เหตุผลว่าเขาเป็นคนซื้อเองดีกว่า จะได้เลือกของขวัญได้ถูกใจคุณพ่อคุณแม่ด้วย 


 


 


           เธอฟังแล้วรู้สึกว่าสมเหตุสมผล จึงยอมรับข้อเสนอของเขา 


 


 


           จิ้นหยวนขับรถเข้าไปในบ้าน เขาจอดรถแล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูให้เฉียวซือมู่ลงจากรถ เอ่ยกับเธอเสียงเบา “ไม่ต้องเกร็ง บ้านผมไม่ใช่รังปีศาจ ไม่มีใครกินคุณหรอก” 


 


 


           เธอมองเขาด้วยความประหม่า “ไม่ตลกเลยนะคะ” 


 


 


           จิ้นหยวนยักไหล่ เขาจับมือเธอแล้วเดินจูงมือเธอเข้าไปในบ้าน คุณพ่อคุณแม่ยังรอพวกเขาอยู่ในบ้านนะ  


 


 


           เฉียวซือมู่สูดหายใจเข้าปอดลึกๆ เดินตามจิ้นหยวนเข้าไปในบ้าน 


 


 


           ไม่ว่าคนที่อยู่ข้างในจะคิดกับเธออย่างไรก็ตาม เธอก็ต้องผ่านด่านนี้ไปให้ได้ 


 


 


           ไม่มีใครสามารถช่วยเธอได้ แม้แต่จิ้นหยวนก็เช่นเดียวกัน 


 


 


           ถึงจะบอกว่ามารับประทานอาหารเย็น แต่ทั้งสองก็ไม่กล้ามาเพื่อกินเท่านั้น ตอนนี้เพิ่งจะบ่ายสามหรือสี่โมงเย็นเอง ไม่มีใครอยู่ในห้องรับแขกแม้แต่คนเดียว สาวใช้คนหนึ่งเข้ามารายงานจิ้นหยวน “นายท่านกับนายหญิงออกไปเดินเล่นค่ะ” 


ตอนที่ 278 ของขวัญต้อนรับ  


 


 


           แววตาจิ้นหยวนหมองลงโดยที่เฉียวซือมู่ไม่ทันสังเกตเห็น ก่อนหน้านี้เขาโทรศัพท์บอกคุณพ่อคุณแม่แล้วว่าจะพาเธอกลับบ้านเวลานี้ แล้วพวกท่านต้อนรับพวกเขาแบบนี้หรือ? 


 


 


           เขาหันไปมองเฉียวซือมู่ด้วยสีหน้าราบเรียบ เอ่ยเสียงเบา “เราคงมาเร็วเกินไป เดี๋ยวผมพาคุณไปชมห้องนอนผมก่อนดีกว่า” 


 


 


           “ค่ะ” เฉียวซือมู่ที่ไม่เห็นสีหน้าผิดปกติของเขารีบตกลงทันที ไปชมห้องนอนเขา เธออาจจะได้เห็นรูปถ่ายตอนเด็กของเขาก็ได้ 


 


 


           จิ้นหยวนพาเธอไปยังห้องนอนของตัวเอง ที่นี่เป็นบ้านที่เขาอยู่ตั้งแต่เล็กจนโตก่อนที่จะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกคนเดียว ที่นี่จึงเต็มไปด้วยกลิ่นอายของเขา เฉียวซือมู่ก้าวเข้าไปในห้อง พลันตาเป็นประกาย 


 


 


           “นี่เป็นของเล่นของคุณเหรอคะ?” เธอเข้าห้องปุ๊บก็ถูกดาบยาวที่แขวนอยู่บนกำแพงดึงดูดสายตาทันที 


 


 


           เธอเดินเข้าไปใกล้ สำรวจดูมันอย่างละเอียด “สวยมากเลยนะคะ” เธออุทานด้วยความชื่นชม 


 


 


           จิ้นหยวนเดินเข้าไปหาเธอ เงยหน้าขึ้นมองดาบยาวที่แขวนอยู่บนกำแพง “เป็นของขวัญที่เพื่อนคนหนึ่งให้ผมน่ะ ก็เลยแขวนไว้ตรงนี้” 


 


 


           “เพื่อนเหรอคะ?” เป็นเพื่อนแบบไหนนะถึงได้ให้ของขวัญแบบนี้? เธอรู้สึกประหลาดใจมาก จึงเอียงศีรษะถามเขา “เพื่อนคนไหนเหรอคะ?” 


 


 


           จิ้นหยวนตอบเลี่ยงๆ “เพื่อนสมัยเด็กน่ะ ไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว” 


 


 


           “อ้อ” เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากพูดถึงนัก เธอจึงไม่ได้ถามเขาอีก หากแต่กวาดสายตาสำรวจห้องนอนที่ไม่ใหญ่มากนักห้องนี้ด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็นต่อ ในที่สุดสายตาเธอก็ปะทะเข้ากับรูปถ่ายใบหนึ่งบนโต๊ะหนังสือทันที 


 


 


           ดวงตาเธอเป็นประกาย เธออยากได้ไอ้นี่แหละ! เธอก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว รีบคว้าจับกรอบรูปนั้นหมับอย่างรวดเร็วจนจิ้นหยวนห้ามไม่ทัน 


 


 


           “นี่คุณเหรอคะ? น่ารักจังเลย” เธอเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ รูปถ่ายในมือเป็นรูปครอบครัวสามคน สามีภรรยาคู่หนึ่งและเด็กชายอีกคนหนึ่ง เด็กชายท่าทางฉลาดน่ารัก หน้าตาละม้ายคล้ายจิ้นหยวนไม่มีผิด 


 


 


           นี่สินะหน้าตาตอนเด็กของเขา ช่างน่ารักอะไรอย่างนี้ เธอจ้องใบหน้าขาวใสอ่อนเยาว์ของเด็กชายนานสองนาน แล้วหันกลับไปกวาดสายตามองจิ้นหยวน รู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถเชื่อมโยงจิ้นหยวนกับเด็กชายน่ารักไร้เดียงสาคนนั้นเข้าด้วยกัน 


 


 


           จู่ๆ ก็ถูกเฉียวซือมู่เห็นด้านที่อ่อนแอที่สุดของตัวเองโดยไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ทำให้จิ้นหยวนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เขาแสร้งปั้นหน้าสงบเยือกเย็น ยื่นมือออกไปหยิบกรอบรูปมาจากมือเธอ “ผมได้ยินเสียงข้างล่าง เราลงไปกันเถอะ” 


 


 


           เอ่ยพลางโยนกรอบรูปไปอีกทาง แอบโมโหตัวเองที่ไม่ได้เตรียมตัวให้ดีจนทำให้เธอมาเห็นเข้าแบบนี้ รู้อย่างนี้เขาคงจัดการรูปถ่ายพวกนี้ไปนานแล้ว พวกรูปถ่ายสมัยเด็กทำลายภาพลักษณ์ชายหนุ่มมาดมั่นของเขาจนแตกละเอียดหมดแล้ว 


 


 


           เฉียวซือมู่ไม่รู้ว่าเขากำลังกลุ้มใจอะไรอยู่ ยังคงแอบดีใจที่ตัวเองได้รู้ความลับเล็กๆ ของเขา เธอยิ้มดีใจพลางเดินตามเขาลงบันไดไป กลับเห็นสายตาหลายคู่กำลังจ้องมองขึ้นมาอย่างไม่เป็นมิตร 


 


 


           จิ้นหยวนสังเกตเห็นทันทีว่ามีคนแปลกหน้าเพิ่มขึ้นมาสองคน เขามุ่นหัวคิ้วไม่เข้าใจ ไหนคุณแม่บอกว่ามีแต่คนในครอบครัวไม่ใช่หรือ? แล้วผู้หญิงอีกสองคนโผล่มาได้อย่างไร? 


 


 


           จิ้นเฮ่านั่งอยู่ตรงที่นั่งประจำของตัวเอง เขามองลูกชายตัวเองด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก และไม่แม้แต่จะชายตาแลเฉียวซือมู่ด้วยซ้ำ “ลงมาได้แล้วเหรอ ปล่อยให้คนหัวหงอกต้องมานั่งรอแบบนี้ ไม่อายบ้างหรือไง” 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 279 ดูถูก 


 


 


           จิ้นเฮ่าไม่ถูกกับจิ้นหยวนมาแต่ไหนแต่ไร ไม่เปิดปากพูดยังพอว่า แต่อ้าปากพูดขึ้นมาเมื่อไหร่เป็นต้องเป็นเรื่องทุกที จึงเป็นเหตุทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองย่ำแย่มาตลอด 


 


 


           จิ้นหยวนยักไหล่ “ผมไม่ได้ยินเสียงนี่ครับ” 


 


 


           จิ้นเฮ่าทำเสียงฮึดฮัด เบือนหน้าหนีไปอีกทาง 


 


 


           ฉินเพ่ยหรงหน้าตายิ้มแย้มต้อนรับลูกชาย แต่พอเห็นเฉียวซือมู่ที่อยู่ข้างกายเขาแล้วกลับชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจทันที “อาหยวน ทำไมลูกพาเธอมาด้วยล่ะ แม่บอกแล้วนี่ว่าเป็นงานเลี้ยงในครอบครัว” 


 


 


           ความหมายก็คือเฉียวซือมู่ไม่ใช่คนในครอบครัว ไม่ต้องพาเธอมาด้วย 


 


 


           จิ้นหยวนไม่สนใจ พาเฉียวซือมู่เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้วเอ่ยขึ้น “คุณพ่อคุณแม่ก็พาคนนอกมาด้วยตั้งสองคนไม่ใช่เหรอครับ?” เอ่ยจบแล้วหันไปเอ่ยกับเฉียวซือมู่ “นี่คุณพ่อคุณแม่ผม” 


 


 


           เฉียวซือมู่ส่งยิ้มให้ทั้งสองพลางยื่นของขวัญที่เตรียมมาเป็นพิเศษให้พวกเขา “อันนี้ของคุณลุงค่ะ คุณลุงเปิดดูสิคะว่าชอบหรือเปล่า ส่วนนี่ของคุณป้าค่ะ ขอให้คุณป้าสวยอย่างนี้ตลอดไปนะคะ” 


 


 


           ของขวัญที่จิ้นหยวนและเฉียวซือมู่เตรียมมาให้จิ้นเฮ่าและฉินเพ่ยหรงนั้นเป็นของหรูหราราคาแพง มีนาฬิกาข้อมือยี่ห้อดังและชุดบำรุงผิวสุดแพง ซึ่งเป็นของขวัญที่ถูกใจสองผู้เฒ่ามาก แต่ทั้งสองกลับมีปฏิกิริยาแตกต่างกันไป 


 


 


           จิ้นเฮ่าสีหน้าเย็นชาหากแต่ไม่พูดอะไร เขารับของขวัญแล้วพยักหน้าเล็กน้อยโดยที่จิ้นหยวนคาดไม่ถึง “ขอบใจ” 


 


 


           นั่นทำให้จิ้นหยวนประหลาดใจมาก จิ้นเฮ่าเป็นคนอารมณ์ไม่ดีนัก ปฏิกิริยาของเขาในตอนนี้ถือว่าเขาให้เกียรติมากแล้ว  


 


 


           ส่วนฉินเพ่ยหรงนั้นรู้สึกอึดอัดมาก ท่าทางไม่อยากจะรับของขวัญ แต่เพื่อไม่ให้จิ้นหยวนเสียหน้าจึงต้องจำใจรับของขวัญเอาไว้ เธอรับมาถือไว้แล้วยิ้มเยาะดูถูก จากนั้นโยนมันไว้อีกทางอย่างไม่แยแสโดยไม่ไว้หน้าเฉียวซือมู่สักนิด 


 


 


           เฉียวซือมู่ยิ้มค้าง แทบจะปั้นหน้ายิ้มต่อไปไหวแล้ว 


 


 


           จิ้นหยวนเลิกคิ้วขึ้น ทนเห็นฉินเพ่ยหรงปฏิบัติกับเฉียวซือมู่แบบนั้นไม่ไหวอีกต่อไป ขณะที่เขากำลังจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่าง เฉียวซือมู่ก็รีบดึงแขนเสื้อเขาเอาไว้ ไม่อยากให้เขาต้องมีเรื่องกับคุณแม่ตัวเองเพราะเธอเป็นต้นเหตุ 


 


 


           บรรยากาศอึดอัดขึ้นมาทันที จังหวะนี้ผู้หญิงอีกสองคนที่นั่งเงียบมาตลอดเอ่ยแทรกขึ้น “เพ่ยหรง นั่นจิ้นหยวนใช่ไหม โตเป็นหนุ่มขนาดนี้แล้วเหรอ เวลาผ่านไปเร็วจังเลยเนอะ เมื่อก่อนยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ อยู่เลย” 


 


 


           คำพูดนี้ช่วยทำลายบรรยากาศน่าอึดอัดทันที ฉินเพ่ยหรงถอนหายใจโล่งอก รีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที เธอเดินจูงมือหญิงสาวอีกคนเข้าไปหาจิ้นหยวน “มานี่มา นี่น้าฝาน เพื่อนแม่เอง น้าฝานไปอยู่เมืองนอกตั้งนาน เพิ่งกลับมาไม่นานนี้เอง กลับมาปุ๊บก็มาเยี่ยมแม่ทันทีเลย ส่วนนี่ เจียงจื่อเสียน ลูกสาวน้าฝาน เด็กกว่าลูกสองปี อย่าเห็นว่าอายุน้อยๆ แบบนี้นะ จื่อเสียนเป็นคนที่เก่งมาก เป็นถึงอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยในอเมริกาเลยเชียวนะ” 


 


 


           ฉินเพ่ยหรงแนะนำแขกทั้งสองให้จิ้นหยวนได้รู้จักด้วยความกระตือรือร้น จิ้นหยวนกวาดสายตามองทั้งสองแวบหนึ่ง เขาเพียงแค่พยักหน้าอย่างเย็นชา ขานแค่ “น้าฝาน” คำเดียวแล้วไม่พูดอะไรอีก 


 


 


           ฉินเพ่ยหรงชักหัวคิ้วชนกันแน่นแล้วขึงตาใส่เฉียวซือมู่ เฉียวซือมู่รู้สึกแปลกๆ ในใจคิดว่าตัวเองไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจอีกแล้วเนี่ย? 


 


 


           ตอนแรกจิ้นหยวนคิดว่าจะถือโอกาสในคืนนี้แนะนำเฉียวซือมู่ให้คุณพ่อคุณแม่รู้จักเธออย่างเป็นทางการ แต่ไม่คิดเลยว่าคุณแม่จะเชิญแขกคนอื่นมาด้วย ถ้าเช่นนั้น วันนี้คงไม่เหมาะที่จะแนะนำเฉียวซือมู่ให้พวกท่านได้รู้จักแล้ว ในใจจึงรู้สึกไม่พอใจมาก 


 


 


           เฉียวซือมู่ไม่ได้คาดหวังอะไรกับการพบหน้ากับคนในครอบครัวของจิ้นหยวนตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว แถมตอนนี้สถานการณ์ยังกลายเป็นแบบนี้อีก เธอจึงไม่ได้คิดมากอะไร แต่มีเรื่องอื่นคอยรบกวนจิตใจเธอมากกว่า ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า เธอรู้สึกว่าเห็นหญิงสาวที่ชื่อเจียงจื่อเสียนคอยลอบมองจิ้นหยวนอยู่บ่อยๆ ซึ่งนั่นทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมาก 


ตอนที่ 280 แผนจับคู่


 


 


           แต่เธอเองก็มาที่นี่ในฐานะแขกคนหนึ่งเหมือนกัน และเป็นแขกที่ไม่ได้รับการต้อนรับเสียด้วยสิ เธอจึงไม่มีสิทธิ์ออกเสียงอะไร จึงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นเสีย


 


 


           ฉินเพ่ยหรงเห็นท่าทางลูกชายเย็นชามาก จึงหันไประบายความไม่พอใจใส่เฉียวซือมู่แทน แต่เห็นแก่หน้าจิ้นหยวน เธอจึงเพียงแค่ทำเสียงฮึอย่างไม่พอใจเท่านั้น “อาหยวนทำไมไม่มีมารยาทอย่างนี้? คนหนุ่มสาวทำไมถึงพูดน้อยแบบนี้ล่ะ? กว่าจะถึงเวลาอาหารยังอีกนาน เอาอย่างนี้ ลูกพาคุณเจียงออกไปเดินเล่นในสวนก่อน แม่จำได้ว่าดอกทิวลิปบานแล้ว จะได้พาเธอไปชมดอกไม้ด้วย เดี๋ยวถึงเวลาแล้วแม่จะไปตามลูกเอง”


 


 


           ฉินเพ่ยหรงเอ่ยอย่างกระตือรือร้น ไม่รู้ว่ากำลังคิดจะทำอะไรกันแน่ จิ้นหยวนมองเธอแวบหนึ่งแล้วจับมือเฉียวซือมู่เอาไว้ “ครับ เดี๋ยวเราพาคุณเจียงออกไปเดินเล่นกันครับ”


 


 


           ฉินเพ่ยหรงร้อนใจ “แม่ให้ลูกพาคุณเจียงออกไปเดินเล่น แล้วลูกจะพาเธอไปด้วยทำไม?”


 


 


           จิ้นหยวนเลิกคิ้วมองคุณแม่ที่แฝงเจตนาอื่นอย่างชัดเจน “ทำไมครับ แขกของคุณแม่เป็นแขก แต่แขกของผมไม่ใช่แขกเหรอครับ? ผมพาไปทั้งสองคน แบบนี้จะได้เท่าเทียมกัน จริงไหมครับ?”


 


 


           ฉินเพ่ยหรงพูดไม่ออก เธอรู้ดีว่าปกติแล้วลูกชายเป็นคนกตัญญูมาก แต่เขาก็เป็นคนที่ยึดมั่นในความคิดของตัวเอง เรื่องไหนที่เขาตัดสินใจแล้วจะไม่มีวันเปลี่ยนใจเด็ดขาด


 


 


           เฉียวซือมู่แอบยิ้มในใจ ถ้าเธอยังดูไม่ออกว่าฉินเพ่ยหรงกำลังคิดอะไรอยู่เธอก็คงโง่มาก ฉินเพ่ยหรงแสดงออกชัดเจนว่าอยากจะจับคู่จิ้นหยวนกับผู้หญิงที่ชื่อเจียงจื่อเสียน เจียงจื่อเสียนสวยใช้ได้ ท่าทางสง่างาม ถือว่าฉินเพ่ยหรงตาถึงไม่เบา แต่จิ้นหยวนก็ไม่ใช่คนที่ใครจะบงการได้ง่ายๆ เช่นกัน


 


 


           จิ้นหยวนเดินจูงมือเฉียวซือมู่ออกไป เพื่อเป็นการแสดงความเป็นเจ้าบ้านที่ดี เขายังอุตส่าห์หยุดยืนรอเจียงจื่อเสียนตรงประตูเพื่อให้เธอเดินตามมา จากนั้นก้มศีรษะให้เธอเล็กน้อยตามมารยาท “คุณเจียง”


 


 


           แม้จะบอกว่าเจียงจื่อเสียนสอนหนังสืออยู่ที่อเมริกา แต่ท่าทางเธอดูอ่อนแอไม่เบา ไม่เหมือนกับหญิงสาวชาวตะวันตกที่เฉียวซือมู่เคยเห็นสักนิด เจียงจื่อเสียนได้ยินจิ้นหยวนขานเรียกเธอแล้วหน้าแดงระเรื่อ “ไม่ต้องเรียกเป็นทางการขนาดนั้นก็ได้ พวกคุณเรียกฉันว่าจื่อเสียนดีกว่าค่ะ”


 


 


           น้ำเสียงเธอฟังเหมือนไม่ได้สนใจจิ้นหยวนนี่นา? เฉียวซือมู่เปลี่ยนความคิด


 


 


           จิ้นหยวนมองเธอแวบหนึ่ง จากนั้นจูงมือเฉียวซือมู่เดินเข้าไปในสวนดอกไม้ ฉินเพ่ยหรงมองตามแผ่นหลังทั้งสามคนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด


 


 


           เธอระบายลมหายใจแล้วหันไปคุยกับฝานหลานหลานที่เป็นแม่ของเจียงจื่อเสียน “เธอดูสิ ยังไม่ทันแต่งงานก็ไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาแล้ว ถ้าแต่งงานกันแล้วจะขนาดไหน?”


 


 


           ฝานหลานหลานคิดบางอย่างในใจ จากนั้นพยักหน้าเห็นด้วยกับฉินเพ่ยหรง “ใช่ เมื่อกี้ก่อนจะออกไปก็ไม่เห็นพูดอะไรกับเธอสักคำ ไร้การอบรมสั่งสอนที่สุด”


 


 


           พูดถึงเรื่องการอบรมสั่งสอนขึ้นมา ยิ่งทำให้ฉินเพ่ยหรงไม่พอใจหนักเข้าไปอีก ใช่ว่าเธออยากจะแทรกแซงเรื่องการแต่งงานของลูกชาย แต่จิ้นหยวนก็ไม่คิดเสียบ้าง นอกจากใบหน้าสวยๆ แล้วเฉียวซือมู่ก็ไม่มีอะไรดีอีก แถมครอบครัวยังเป็นแบบนั้นอีกต่างหาก ไม่รู้ว่าลูกชายช่วยปลดหนี้ให้บ้านนั้นไปเท่าไหร่ ผู้หญิงที่เติบโตมาในครอบครัวแบบนี้จะไปมีดีอะไร?


 


 


           ไม่รู้ว่าเธอให้อาหยวนกินยาเสน่ห์หรือเปล่า เขาถึงได้หลงเธอมากขนาดนั้น


 


 


           ไม่ได้ เธอจะไม่ยอมให้ลูกชายถูกเฉียวซือมู่หลอกเด็ดขาด


 


 


           เธอถอนหายใจอีกระลอกด้วยความเหนื่อยหน่าย “แล้วใครบอกว่าไม่ใช่ล่ะ แต่อาหยวนหลงเธอขนาดนั้น แล้วตอนนี้ยังพามาถึงบ้านอีกต่างหาก ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป คงได้แอบไปจดทะเบียนสมรสกันแน่”


 


 


 


 


ตอนที่ 281 เดินต่อไปด้วยกันลำบาก


 


 


           ฝานหลานหลานเอ่ยปลอบใจ “คนหนุ่มสาวก็ใจร้อนแบบนี้แหละ เธอไม่ต้องเป็นห่วง รอให้ผ่านช่วงโปรโมชั่นไปก่อน เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง”


 


 


           ฉินเพ่ยหรงมองเธอแวบหนึ่ง “ถ้าอาหยวนชอบลูกสาวเธอก็ดีนะสิ ฉันคงดีใจมาก”


 


 


           ฝานหลานหลานยิ้มบางๆ “ลูกสาวฉันคงไม่มีวาสนาหรอก”


 


 


           “ก็ไม่แน่นะ” ฉินเพ่ยหรงวางแผนในใจ สองคนมองหน้าแล้วยิ้มให้กัน ต่างคิดแผนในใจ


 


 


           ทั้งสองเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย หลังจากพวกจิ้นหยวนกลับมาแล้ว ทั้งสองจึงเริ่มเข้าแผน ฉินเพ่ยหรงเป็นคนเริ่มก่อน “ซือมู่ มานั่งข้างๆ ฉันนี่”


 


 


           เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น พ่อครัวทำอาหารเลิศรสมากมายมาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ จิ้นเฮ่าและฉินเพ่ยหรงนั่งประจำหัวโต๊ะ ฝานหลานหลานและเจียงจื่อเสียนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทั้งสอง เฉียวซือมู่ที่กำลังจะนั่งลงข้างจิ้นหยวนกลับถูกฉินเพ่ยหรงเรียกให้ไปนั่งข้างเธอเสียดื้อๆ


 


 


           เฉียวซือมู่ไม่เข้าใจว่าเธอทำเช่นนั้นเพื่ออะไร จึงค่อยๆ เดินไปหาเธอ ฉินเพ่ยหรงดึงเธอลงนั่งข้างตัวเองทันที “มานี่ มานั่งข้างๆ ฉัน”


 


 


           ฉินเพ่ยหรงไม่พูดพล่ามทำเพลง ดึงเฉียวซือมู่นั่งลงข้างตัวเองทันที เฉียวซือมู่จับต้นชนปลายไม่ถูก ได้แต่ทำตามคำสั่งเธอด้วยความงุนงง แต่พอเหลือบไปเห็นที่นั่งข้างจิ้นหยวนที่ยังว่างอยู่จึงเดาออกทันที


 


 


           ที่นั่งข้างจิ้นหยวนยังว่างอยู่ ชั่วครู่ฝานหลานหลานจึงเอ่ยขึ้น “จื่อเสียน นี่พี่จิ้นหยวนที่ลูกเคยเล่นด้วยสมัยเด็กๆ ไง ลูกจำได้หรือเปล่า?”


 


 


           เจียงจื่อเสียนส่ายศีรษะน้อยๆ “เหรอคะ? หนูจำไม่ได้แล้วล่ะค่ะ”


 


 


           ฝานหลานหลานยิ้มแย้ม ดวงตาเป็นประกาย “จำไม่ได้เหรอลูก เดี๋ยวแม่เตือนความจำให้เอง ตอนนั้นลูกอายุแค่หกขวบ ตามอาหยวนต้อยๆ ทั้งวัน ทำยังไงก็ไม่ยอมกลับ เอาแต่ร้องไห้บอกว่าโตขึ้นจะแต่งงานกับพี่เขา ลูกจำไม่ได้แล้วเหรอ?”


 


 


           เจียงสื่อเสียนหน้าแดงเป็นลูกตำลึง “คุณแม่ จะพูดเรื่องนี้ทำไมกันคะ?”


 


 


           ฉินเพ่ยหรงเอ่ยยิ้มๆ “โถ ดูซิเขินใหญ่แล้ว จะอายทำไม ใครไม่เคยเป็นเด็กบ้าง มานี่มา ไหนๆ ก็มีวาสนาต่อกันแล้ว งั้นหนูก็ไปนั่งข้างพี่เขาก็แล้วกัน”


 


 


           นี่สินะแผนของฉินเพ่ยหรง เฉียวซือมู่ฟังคำพูดของเธอแล้วกวาดสายตามองเธอแวบหนึ่ง สายตาเธอเต็มได้ด้วยรอยยิ้ม ซึ่งแตกต่างจากสายตาเย็นชาที่มองตัวเองอย่างสิ้นเชิง


 


 


           เฉียวซือมู่มองดูเจียงจื่อเสียนนั่งลงข้างจิ้นหยวนด้วยท่าทางเขินอาย แม้จิ้นหยวนจะปั้นหน้าเข้ม แต่เขาก็ไม่ได้แย้งใดๆ มันทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมาก


 


 


           ที่แท้ในสายตาของคุณแม่จิ้นหยวน ท่านยอมจับคู่จิ้นหยวนกับลูกสาวของเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานาน ยังดีกว่าให้จิ้นหยวนคบกับตัวเอง


 


 


           เฉียวซือมู่คิดแล้วหน้าสลดลง จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าเส้นทางข้างหน้าของเธอกับจิ้นหยวนคงเดินต่อไปด้วยกันลำบาก 


 


 


           ความคิดนี้ทำให้สีหน้าเธอดูแย่มาก ส่วนฉินเพ่ยหรงนั้นยิ้มไม่หุบที่เห็นจิ้นหยวนกับเจียงจื่อเสียนนั่งใกล้กัน


 


 


           ฉินเพ่ยหรงมองเฉียวซือมู่ที่กำลังไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดแล้วเบ้ปาก เจตนาคีบซี่โครงหมูเนื้อฉ่ำให้เจียงจื่อเสียน “เด็กดี กินเยอะๆ นะ หนูน่ะอะไรๆ ก็ดี เสียอยู่อย่างเดียวคือผอมเกินไปหน่อย ต้องกินเยอะๆ บำรุงร่างกายนะเข้าใจไหม”          


 


 


           “ขอบคุณค่ะคุณป้า” เจียงจื่อเสียนยิ้มอาย


 


 


           ฉินเพ่ยหรงยิ้มพอใจมาก อยากจะให้เธอเปลี่ยนมาเรียกตัวเองว่าแม่ทันทีด้วยซ้ำ


 


 


           เฉียวซือมู่อดทนอดกลั้น พยายามสะกดกลั้นความคิดนั้นเอาไว้


 


 


           จิ้นหยวนดวงตาเป็นประกายแวบหนึ่ง จู่ๆ เขาก็ยื่นมือออกไปคีบอาหารให้เฉียวซือมู่ “คุณเองก็ต้องกินเยอะๆ นะ”


ตอนที่ 282 โมโหจนต้องเข้าโรงพยาบาล


 


 


           เฉียวซือมู่ซาบซึ้งใจมาก ตอบ “อืม” เบาๆ ฉินเพ่ยหรงเห็นแล้วเบ้ปาก “คนบางคนกินเยอะไปก็เท่านั้น เสียของเปล่าๆ”


 


 


           เหตุผลสำคัญอีกข้อที่ทำให้ฉินเพ่ยหรงไม่ชอบเฉียวซือมู่ก็คือเฉียวซือมู่อยู่กับจิ้นหยวนนานมากแล้ว แต่ก็ยังไม่ท้องเสียที เธอยังได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้เฉียวซือมู่ได้รับบาดเจ็บ ทำให้เธอระแวงว่าเฉียวซือมู่อาจจะมีลูกไม่ได้


 


 


           ตระกูลจิ้นมีจิ้นหยวนเป็นลูกชายเพียงคนเดียวเท่านั้น จะให้แต่งงานกับผู้หญิงที่มีลูกไม่ได้ได้อย่างไร? ด้วยเหตุนี้ เธอจึงไม่พอใจในตัวเฉียวซือมู่เป็นอย่างมาก


 


 


           ส่วนเรื่องที่ว่าสาเหตุที่ยังไม่มีลูกเสียทีอาจจะเป็นเพราะจิ้นหยวนหรือไม่นั้น เธอไม่เคยคิดถึงปัญหานี้เลยด้วยซ้ำ ลูกชายเธอทั้งดีทั้งเก่งมากขนาดนี้ จะไร้น้ำยาได้อย่างไร? ตลกสิ้นดี!


 


 


           เฉียวซือมู่นึกไม่ถึงด้วยซ้ำว่าที่ฉินเพ่ยหรงไม่ชอบเธอเป็นเพราะเหตุนี้


 


 


           เพราะฉะนั้น ตอนที่ฉินเพ่ยหรงพูดประโยคนั้นออกมา เฉียวซือมู่จึงไม่เข้าใจนัยยะที่แฝงอยู่ในนั้น คิดเพียงแค่ว่าฉินเพ่ยหรงไม่ชอบหน้าเธอเท่านั้น เธอจึงไม่ได้ใส่ใจนัก เพียงส่งยิ้มบางๆ ให้จิ้นหยวน จากนั้นเริ่มรับประทานอาหารเงียบๆ จิ้นหยวนเห็นท่าทางเธอแล้วก็ไม่สะดวกที่จะพูดอะไรเช่นกัน


 


 


           อาหารมื้อนี้เป็นการรับประทานอาหารที่ไร้ความรื่นรมย์ที่สุด เพราะในใจแต่ละคนเต็มไปด้วยแผนการ ยกเว้นจิ้นเฮ่าที่ไม่ค่อยพูดอะไรสักเท่าไหร่คนเดียวเท่านั้น


 


 


           หลังมื้ออาหาร เฉียวซือมู่ลูบหน้าท้องตัวเองเบาๆ ด้วยความกลุ้มใจ เดี๋ยวคงต้องหาอะไรกินเพิ่มเสียแล้ว มิเช่นนั้น คืนนี้เธอต้องหิวตายแน่


 


 


           ท่าทางเล็กๆ น้อยๆ ของเธอไม่รอดสายตาจิ้นหยวน เขายิ้มน้อยๆ พลางจับมือเธอเอาไว้ “เดี๋ยวผมพาคุณกลับบ้านนะ”


 


 


           ดวงตาเธอเป็นประกายวาบ พยักหน้าหงึกๆ ให้เขา


 


 


           เธอไม่ชอบที่นี่เลย ถึงแม้ที่นี่จะทั้งใหญ่โตทั้งสวยมากก็เถอะ แต่ที่นี่กลับสบายสู้บ้านที่เธออยู่กับจิ้นหยวนไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว


 


 


           ท่าทางเธอไม่มีทางหลุดรอดสายตาของฉินเพ่ยหรงที่คอยจับสังเกตเธออยู่ตลอดเวลาไปได้ ฉินเพ่ยหรงเอ่ยอย่างไม่พอใจ “เฉียวซือมู่ นี่เธอกล้าจับมือถือแขนต่อหน้าพวกเราเลยเหรอ ไร้มารยาทสิ้นดี”


 


 


           เฉียวซือมู่ตัวแข็งทื่อ รู้สึกน้อยใจขึ้นมาทันที หยาดน้ำตาคลอเบ้า เธอพยายามสะกดกลั้นความโกรธเอาไว้อย่างสุดความสามารถ พยายามดิ้นรนสลัดมือเขาออก แต่จิ้นหยวนกลับจับมือเธอแน่นไม่ยอมปล่อย เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความกรุ่นโกรธและคับแค้นใจ “คุณไม่ได้ยินหรือไงคะว่าท่านพูดว่ายังไง? ยังไม่รีบปล่อยมืออีก!”


 


 


           จิ้นหยวนหน้าเข้ม ไม่สนใจการดิ้นรนของเธอ เขาจับมือเธอก้าวเข้าไปหาฉินเพ่ยหรง “ผมเป็นคนจับมือเธอเอง เรื่องแบบนี้คุณแม่ก็ต้องยุ่งด้วยเหรอครับ?”


 


 


           ฉินเพ่ยหรงหน้าเข้ม “ทำไม แม่เป็นแม่ของลูกนะ ทำไมจะยุ่งไม่ได้? อีกอย่าง เธออยากจะแต่งงานกับลูกไม่ใช่เหรอ? แต่งงานกับลูกแล้วก็ต้องเป็นลูกสะใภ้บ้านนี้ แล้วลูกเคยเห็นลูกสะใภ้บ้านไหนกินข้าวเสร็จแล้วไม่เก็บโต๊ะล้างจานบ้าง? แล้วยังจะไปแอบจู๋จี๋กับลูกอีก เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?”


 


 


           จิ้นหยวนหน้าดำคร่ำเคร่งเครียด “คุณแม่ ผมขอพูดอีกครั้งนะครับ ผมเป็นคนจับมือเธอเอง ผมชอบเธอ ผมจะแต่งงานกับเธอ ต่อให้คุณแม่หาผู้หญิงมาอีกพันคนก็เปล่าประโยชน์”


 


 


           เขาพูดแทงใจดำเธอเข้าอย่างจัง และนั่นทำให้เธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “ลองพูดอีกทีซิ นี่แม่หวังดีกับลูกนะ ลูกดูซิ ดูผู้หญิงคนนี้เหมือนอะไร ตั้งแต่เข้าบ้านก็ปั้นหน้าบึ้งตึงไม่ยิ้มสักนิด เห็นหน้าแล้วก็มีแต่ซวยกับซวย แล้วลูกยังกล้าแต่งงานกับเธออีกเหรอ? นี่ลูกอยากให้แม่ตายเร็วๆ หรือไง?”


 


 


           จิ้นหยวนชักหัวคิ้วชนกันแน่น “คุณแม่พูดให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะครับ ผมจะไปคิดแบบนั้นได้ยังไง”


 


 


           “แล้วลูกหมายความว่ายังไง? แม่จะบอกให้นะว่าแม่ไม่ยอมให้เธอมาเป็นลูกสะใภ้เด็ดขาด ไม่งั้นก็รอให้แม่ตายไปก่อนเถอะ” ฉินเพ่ยหรงตบโต๊ะดังปังใหญ่


 


 


 


 


ตอนที่ 283 เป็นลม


 


 


           จิ้นหยวนจับมือเฉียวซือมู่แน่น แม้ใบหน้าเธอจะเรียบเฉย แต่ฝ่ามือกลับชื้นเหงื่อ เขาสงสารเธอมาก น้ำเสียงที่พูดกับฉินเพ่ยหรงแข็งกระด้างขึ้น “คุณแม่ไม่ชอบเธอ แต่ผมชอบ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าคุณแม่จะพูดยังไงก็ตาม ยังไงผมก็จะแต่งงานกับเธอ!


 


 


           พูดจบแล้วหมุนตัวจูงมือเฉียวซือมู่เดินออกไปทันที ตอนแรกเขาอยากจะคุยกับคุณแม่ดีๆ แต่ตอนนี้คงไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว ทิ้งคำพูดเด็ดขาดของตัวเองเอาไว้ข้างหลังแล้วเดินจากไปทันที


 


 


           ฉินเพ่ยหรงโกรธจนตัวสั่นไปทั้งร่าง ชี้นิ้วไปยังแผ่นหลังของทั้งสอง “พวก… พวก… พวกแก…” ทันใดนั้น ใบหน้าเธอขาวจัด ร่างกายเอนไปทางด้านหลัง เธอเป็นลมล้มพับไปแล้ว


 


 


           เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจดังขึ้นรอบทิศ จิ้นหยวนจำต้องกลับไปดูแลฉินเพ่ยหรงอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขาโทรศัพท์เรียกรถพยาบาลทันที เสียงกรีดร้องดังระงมด้วยความตกใจ สถานการณ์ชุลมุนวุ่นวายไปหมด


 


 


           เฉียวซือมู่ยืนโดดเดี่ยวอยู่กับที่ รู้สึกหัวใจตัวเองเย็นวาบ


 


 


           แม้จิ้นหยวนจะโกรธมาก แต่นั่นก็เป็นแม่บังเกิดเกล้าของตัวเอง พอเห็นฉินเพ่ยหรงเป็นลมล้มพับแบบนั้น ต่อให้เขาใจเย็นมากแค่ไหน เขาก็ลนลานจนทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน ในที่สุดเขาก็ส่งฉินเพ่ยหรงถึงโรงพยาบาลจนได้ คุณหมอตรวจอาการแล้วแจ้งว่าเธอเพียงแค่เลือดลมไหลเวียนไม่ดีเท่านั้น พักผ่อนสักพักก็ดีขึ้นเอง หลังจากวางใจเรื่องของฉินเพ่ยหรงแล้วเขาจึงนึกถึงเฉียวซือมู่ขึ้นมาได้


 


 


           เขารีบโทรศัพท์หาเฉียวซือมู่ทันที “ฮัลโหล ที่รัก คุณ…”


 


 


           จู่ๆ เขาก็รู้สึกผิดขึ้นมา ดูเหมือนว่าตั้งแต่คุณแม่เป็นลมเขาก็ลืมเธอไปเลย และตอนนี้เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธออยู่ที่ไหนกันแน่


 


 


           เฉียวซือมู่ยิ้มๆ รู้ทันทีว่าเขาอยากจะถามอะไร “ฉันอยู่ที่บ้านแล้วค่ะ”


 


 


           “อย่างนั้นเหรอ? ทำไมคุณไม่โทรหาผมล่ะ?” เขาเอ่ยถาม


 


 


           น้ำเสียงเธอฟังดูใจเย็นมาก “ฉันเห็นคุณกำลังยุ่งมาก ก็เลยไม่อยากรบกวนน่ะค่ะ”


 


 


           ความจริงเธอเดินตั้งนานกว่าจะเรียกรถแท็กซี่ได้ แต่เธอไม่อยากจะพูดถึงมัน


 


 


           จิ้นหยวนเอ่ยอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษนะเมียจ๋า คืนนี้ผมไม่ได้ตั้งใจทิ้งคุณเอาไว้จริงๆ ตอนนี้คุณแม่ยังอยู่ที่โรงพยาบาล ก็เลย…”


 


 


           “คุณไม่ต้องพูดอะไรแล้วล่ะค่ะ ฉันเข้าใจทุกอย่างดี” เธอกัดริมฝีปากล่างแน่น พยายามสะกดกลั้นความคิดของตัวเองเอาไว้แล้วเอ่ยเสียงเบา “ท่านเป็นคุณแม่คุณนี่คะ ฉันเข้าใจคุณค่ะ ถ้าเป็นฉัน ฉันก็คงจะทำแบบเดียวกับคุณเหมือนกันค่ะ”


 


 


           “คุณเข้าใจก็ดีแล้ว คุณเป็นคนดีจัง กลับไปจะต้องให้รางวัลคุณหน่อยแล้ว คนดี คุณเข้านอนเถอะ คืนนี้ผมคงกลับดึกนะ” จิ้นหยวนเอ่ยกับเธอเสียงเบา


 


 


           เธอตอบเบาๆ ว่า “อืม” จากนั้นวางโทรศัพท์มือถือลง


 


 


           ประมวลจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนนี้ จิ้นหยวนไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงกระนั้นก็เถอะ เธอยังคงรู้สึกแย่มากอยู่ดี การถูกลืมและถูกทิ้งเอาไว้ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเป็นความรู้สึกที่แย่มากจริงๆ จนถึงตอนนี้เธอยังรู้สึกแย่ไม่หาย และเธอไม่อยากรู้สึกแย่แบบนั้นอีกเป็นครั้งที่สองแล้ว


 


 


           แต่เธอไม่ต้องการให้เขารู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ พูดไปจะมีประโยชน์อะไร เขาอาจจะไม่เข้าใจก็ได้ เผลอๆ เขาอาจจะคิดว่าเธอเป็นคนไร้เหตุผลก็ได้ หากเป็นเช่นนั้น เธอขอเลือกทำตัวเป็นคนใจกว้างและมีเหตุผลดีกว่า อย่างน้อยเขาจะได้สบายใจและดีใจ


 


 


           ดูสิ ตอนนี้ผลลัพธ์ก็ออกมาแล้ว เขาดีใจมากจริงๆ ด้วย แถมยังบอกอีกว่าเธอเป็นคนมีเหตุผลอีกต่างหาก


 


 


           เธอยิ้มขื่น แล้วจะให้เธอทำอย่างไร? ให้ถามว่าทำไมเขาถึงทิ้งเธอเอาไว้คนเดียวอย่างนั้นเหรอ? นั่นคุณแม่ของเขานะ เขาจะไม่ดูดำดูดีได้อย่างไร?


 


 


           ดังนั้น เธอจึงเลือกทำแบบนี้โดยโทษใครไม่ได้


 


 


           เธอครุ่นคิดไปมา กระทั่งหนังตาหย่อนจึงค่อยๆ ผลอยหลับไป


 


 


           จิ้นหยวนบอกว่าจะกลับดึก แต่คืนนั้นเขาไม่ได้กลับบ้านอย่างที่บอกเอาไว้ เธอลืมตาตื่นขึ้นพร้อมเตียงที่ว่างเปล่า ไร้ร่องรอยว่าเคยมีคนนอนข้างกาย

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม