เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก 273-280
ตอนที่ 273 เปิดเผย
ซย่าเสี่ยวมั่วที่กินดื่มจนอิ่มท้องแล้วก็นั่งพิงเก้าอี้ฟังพวกเขาพูดคุยกัน แต่ส่วนใหญ่ก็ฟังไม่เข้าใจเท่าไร ในขณะที่งุนงงอยู่นั้นก็ได้ยินเสิ่นจิ้งเฉินพูดถึงหนานซาน
“อย่าลืมนะว่าฉันมีหุ้นของหนานซานด้วย” ถึงแม้เสิ่นจิ้งเฉินจะนอนขี้เซาเลยพลาดโอกาสไปกินข้าวที่หนานซานก็ตาม แต่ก็ยังไม่ลืมผลประโยชน์ของตัวเอง
เหยียนเค่อเสียวสันหลังวาบ จู่ๆ ก็รู้สึกว่ากล้ามเนื้อแผ่นหลังของตนหดเกร็งขึ้นมา
ตอนแรกซย่าเสี่ยวมั่วยังไม่รู้ตัว รู้สึกคุ้นๆ แต่หลังจากที่ปะติดปะต่อเรื่องราวในสมองได้แล้ว ก็ตะลึงงัน
“หนานซาน?” เธอเอ่ยซ้ำหนึ่งครั้ง
เสิ่นจิ้งเฉินหันมามอง นึกว่าเธอสนใจ “ทำไม อยากได้เหมือนกันเหรอ งั้นฉันเอาส่วนของฉันจดเป็นชื่อเธอดีไหม”
ซย่าเสี่ยวมั่วเหลือบมองเหยียนเค่อที่แสร้งทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว ก่อนจะส่ายหัวเงียบๆ “พูดต่อเถอะ ไม่มีอะไร”
‘พูดต่อเถอะ ไม่มีอะไร’ กับผีน่ะสิ…เหยียนเค่อเติมคำพูดของเธอในหัวเสร็จสรรพ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกใจฝ่อจนตัวเย็นวาบแบบนี้ แอบคิดในใจ ‘เสิ่นจิ้งเฉิน ฝากไว้ก่อนเถอะ!’
ซย่าเสี่ยวมั่วเคยสงสัยในตัวตนของเหยียนเค่อ แต่ไม่เคยได้ยืนยันเลย อีกเดี๋ยวคงต้องไปเค้นความจริงจากเสิ่นจิ้งเฉินเสียแล้ว
เสิ่นจิ้งเฉินไม่รู้ว่าตัวเองจะโชคร้ายถึงขนาดโดนโจมตีจากทั้งสองฝ่าย ยังคงพูดคุยกับเหยียนเค่อไม่หยุด
ถึงแม้ว่าสวีอันหรานจะไม่รู้สถานการณ์ภายใน แต่เห็นสีหน้าไม่พอใจของซย่าเสี่ยวมั่วและใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มละมุนของเหยียนเค่อแล้วก็พูดขัดจังหวะ “เอาเถอะๆ นายจะไปอยู่แล้วยังจะมาคิดถึงเรื่องนี้ทำไมอีก คืนนี้นายก็เรียกพวกเราออกมาแล้วไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงกลายเป็นว่านายมาคุยกับเหยียนเค่อสองคนล่ะ”
เสิ่นจิ้งเฉินเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนต้องนั่งเครื่องบินกลับปักกิ่งตอนตีสอง เหล่าเพื่อนฝูงต่างก็เคยชินเสียแล้วกับการที่ได้พบปะกันน้อย ต้องห่างกันไกลแบบนี้ ปกติมักจะโทรศัพท์บอกว่า ฉันจะกลับที่นี่หรือว่าฉันจะไปที่นั่นนะ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นทำนองนี้ แต่ครั้งนี้เขาต้องจากไปนานเลยทีเดียว
“ฉันต้องไปทำวิจัยในที่ที่กันดารมาก เพราะฉะนั้นต้องนัดเจอกันก่อน ตรุษจีนปีนี้ก็คงไม่ได้กลับมา ปีหน้าค่อยนัดเจอกันอีกก็แล้วกันนะ” เสิ่นจิ้งเฉินโดนส่งตัวให้ไปทำวิจัยกะทันหัน เมื่อก่อนต้องมาร่วมงานเลี้ยงส่งท้ายปีของ YAN แต่ตอนนี้เขากลับมาเจอกับเพื่อนพี่น้องในเทศกาลที่สำคัญอย่างตรุษจีนไม่ได้ รู้สึกเศร้าใจไม่น้อย “พวกนายต้องคิดถึงฉันด้วยนะเว้ย”
เซ่าหมิงฟ่านเอือมระอา “ฉันไปอยู่เมืองนอกตั้งปีหนึ่งไม่เห็นจะเป็นเหมือนนายเลย อยากจะอ้วก”
“ตรุษจีนเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตเลยนะเว้ย คนที่คลุกคลีแต่วัฒนธรรมตะวันตกอย่างนายจะไปเข้าใจอะไร” เสิ่นจิ้งเฉินโจมตีเซ่าหมิงฟ่าน “นายก็ขี้เกียจกลับมาทุกครั้งนั่นล่ะ จะรวมตัวกันไปลากคอนายกลับมาอยู่แล้ว นายจะไปเข้าใจความรักที่มีต่อเทศกาลที่สืบทอดกันมาได้ยังไง!”
“ว่าง่ายๆ ก็คือนายชอบความคึกคักนั่นแหละ” เหยียนเค่อไม่ปล่อยเสิ่นจิ้งเฉินไว้แน่นอน พูดเสียดสีเขาแม้กระทั่งตอนสุดท้าย
เสิ่นจิ้งเฉินไม่รู้ว่าไปแหย่ให้เขาไม่พอใจตอนไหน โอบกอดหัวใจอันบาดเจ็บของตัวเองแล้วตัดจบการพูดคุยของตัวเองในครั้งนี้ “พวกนายสนุกกันเถอะ ขอฉันอยู่เงียบๆ”
ทุกคนที่กินอิ่มแล้วต่างก็แยกย้าย สวีอันหรานและสวีรั่วชีร้องเพลงรักคู่กัน อีกทั้งยังหนีบฉินซื่อหลานผู้น่าสงสารไว้ตรงกลางด้วย
ซย่าเสี่ยวมั่วนั่งอยู่ข้างๆ เสิ่นจิ้งเฉินไม่ขยับเขยื้อน เหยียนเค่อเดินไปนั่งพักลงบนโซฟาข้างๆ ที่มีโต๊ะตัวหนึ่งวางคั่นไว้
เสิ่นจิ้งเฉินมองคนที่ปลีกตัวออกไป ก่อนจะโอบไหล่ซย่าเสี่ยวมั่วอย่างอัดอั้นตันใจ “ฉันเหลือแค่เธอแล้วนะ มั่วมั่ว”
ซย่าเสี่ยวมั่วมองเหยียนเค่อไปนั่งไกลๆ อย่างรู้หน้าที่ ก็ใช้นิ้วยันตัวเสิ่นจิ้งเฉินออก จ้องมองเขาอย่างเคร่งขรึม “ฉันขอถามหน่อย ตัวตนที่แท้จริงของเหยียนเค่อคือใครกันแน่ เขาเป็นใคร?”
“เขาเป็นใคร?” เสิ่นจิ้งเฉินเพิ่งจะพบว่ามีอะไรที่แปลกไป เหลือบมองเหยียนเค่อที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีงามสง่าปราดหนึ่งแล้วกัดลิ้นตัวเอง ยิ่งพูดมากก็ยิ่งผิดพลาดจริงๆ เขารอรับบทลงโทษของเหยียนเค่อได้เลย
ตอนที่ 274 เปิดเผยตัวตน
“เขาก็คือเหยียนเค่อไง” เสิ่นจิ้งเฉินแกล้งโง่ หวังว่าซย่าเสี่ยวมั่วจะไม่ทำให้เขาลำบากใจ
“พูดมาเถอะค่ะ เหยียนเค่อไม่สนใจหรอก”
ไม่สนใจก็บ้าแล้ว เธอไม่เห็นสายตาอันตรายนั่นของเหยียนเค่อหรือไง เสิ่นจิ้งเฉินไม่กล้าถามเธอ จำต้องแสร้งทำตัวน่าสงสาร “มั่วมั่ว เธอเข้าใจฉันเถอะนะ ฉันกำลังจะไปลำบากแล้ว ถ้าฉันทำให้เหยียนเค่อไม่พอใจ ฉันคงต้องถูกส่งไปที่อัฟกานิสถานแน่เลย” เสิ่นจิ้งเฉินดึงแขนเธอแล้วโยกไปโยกมา
ซย่าเสี่ยวมั่วไม่ต่อล้อต่อเถียงกับเขาต่อ เสิร์ชคำว่า ‘เหยียนเค่อ’ ลงไปบนเว็บไป่ตู้ทันที ก่อนจะกดเลือกคำที่ปรากฏขึ้นในแถบแรกแล้ววางโทรศัพท์ลงตรงหน้าเสิ่นจิ้งเฉิน “นี่เขาใช่ไหม”
เสิ่นจิ้งเฉินกดรูปโปรไฟล์สีฟ้าที่ไม่ได้อัปโหลดรูปภาพ ก่อนจะมองซย่าเสี่ยวมั่วด้วยสีหน้าน่าสงสาร “เขานี่แหละ ไม่มีหน้าไม่มีตาเหมือนเขาเลย”
“เหอะ” ซย่าเสี่ยวมั่วแค่นหัวเราะ “ที่แท้ฉันก็เช่าลูกเศรษฐีมาอย่างนั้นเหรอ”
เสิ่นจิ้งเฉินปลอบใจเธอ “ไม่เป็นไรนะ เธอก็เป็นลูกเศรษฐีเหมือนกัน”
“ฉันอยากอยู่เงียบๆ” ซย่าเสี่ยวมั่วเป็นน้องสาวของเสิ่นจิ้งเฉิน จึงด่าเขาไม่ได้ ทำได้เพียงใช้การกระทำแสดงออกถึงความรู้สึกตัวเอง ถีบเก้าอี้ไล่เสิ่นจิ้งเฉินออกไป
“แม้แต่เธอก็ไม่ต้องการฉันแล้วเหรอ!” เสิ่นจิ้งเฉินรู้สึกเหนื่อยใจ
ซย่าเสี่ยวมั่วไม่อยากสนใจเขา จมอยู่ในความตกตะลึง ที่แท้เหยียนเค่อก็เป็นหนุ่มหล่อโสดมากความสามารถในตำนาน เป็นลูกเขยทองคำในสายตาของแม่
สวีรั่วชีกระตุกแขนเสื้อสวีอันหราน “ฉันว่านะ ซย่าเสี่ยวมั่วต้องมาคิดบัญชีกับฉันแน่เลย พวกพี่เล่นอะไรกันไม่รู้เรื่องเลย”
“ใครจะไปคิดล่ะว่าโลกจะแคบขนาดนี้” สวีอันหรานมนางในใจแล้วก็ไม่สนใจสิ่งอื่น “นี่คือโชคชะตา แต่จะเป็นโชคชะตาที่ดีหรือร้ายอันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
“ฉันเดาว่าเป็นชะตาร้าย ยากแท้หยั่งถึง ไร้ซึ่งผลลัพธ์” ฉินซื่อหลานมองดูทั้งสองคนที่ปลีกไปนั่งอยู่คนเดียวแล้วส่ายหัว “ของแบบนี้ก็ไม่แน่หรอก”
เสิ่นจิ้งเฉินที่เข้ามาร่วมด้วยพูดด้วยเสียงนิ่ง “ใช่ ไม่แน่หรอก ใครจะไปรู้ว่าผู้ชายอายุสามสิบจะไปหลงรักเด็กอายุสิบเก้าล่ะ”
“ไปไกลๆ เลย!” ฉินซื่อหลานรู้สึกเจ็บปวดจากการโดนแทงใจดำ จึงถีบเสิ่นจิ้งเฉินไปหนึ่งที
“ทำไมพวกนายถึงเกลียดฉันกันขนาดนี้ล่ะ ถ้าฉันคิดสั้นกระโดดหน้าผาบนถ้ำหินที่ตุนหวงจะทำยังไง”
ฉินซื่อหลานและสวีอันหรานพูดขึ้นอย่างเชื่องช้าพร้อมกัน
“ถ้านายโดดฉันก็จะช่วย”
“หุ้นส่วนหนานซานในส่วนของนายก็จะตกเป็นของฉัน”
เสิ่นจิ้งเฉินโถมตัวลงใส่พนักโซฟา ยื่นหัวไปอยู่ระหว่างสวีอันหรานและสวีรั่วชีและยุแยงตะแคงรั่ว “เธอดูซิ ทำไมผู้ชายของเธอถึงหน้าเงินขนาดนี้ เธอแต่งกับเขาไปได้ยังไง”
สวีรั่วชีผลักหัวเขาออก “แน่นอนว่าเขาต้องเอาเงินของนายมาเลี้ยงฉันไง เรื่องง่ายๆ แค่นี้เอง”
เสิ่นจิ้งเฉินที่โดนสาดความสวีตใส่หน้าลุกขึ้นยืนเงียบๆ ก่อนจะไปเกาะกลุ่มกับฉินซื่อหลานที่
โดดเดี่ยวไร้คู่
“ฉันก็อยากมีแฟนแล้วอะ” เขาพูดจากใจ
ฉินซื่อหลานทอดสายตามองออกไปไกล แต่เมื่อขยับเข้าไปดูใกล้ๆ จะพบว่าในดวงตาของเขาไร้ซึ่งความรู้สึกอันใด
เสิ่นจิ้งเฉินแหย่เขาต่ออย่างไม่กลัวตาย “ความรู้สึกที่ทำได้แค่เฝ้ามองแต่ครอบครองไม่ได้นี่เจ็บปวดมากเลยใช่ไหมล่า”
ฉินซื่อหลานกวาดตามองเขานิ่งๆ “ก็ดีกว่าบางคนที่ไม่มีแม้แต่คนให้เฝ้ามองก็แล้วกัน”
จู่ๆ เสิ่นจิ้งเฉินก็จริงจัง “ความจริงอายุยี่สิบก็จดทะเบียนสมรสได้แล้วนะ ก็ใกล้ถึงเวลาที่จะไม่ต้องทนต่อไปแล้วนี่”
“นายคิดว่าฉันกลุ้มใจเพราะแค่เรื่องทะเบียนสมรสใบเดียวหรือไง” ถ้าแค่เรื่องทะเบียนสมรส ก็เป็นสิ่งที่สามารถตัดสินใจได้ภายในไม่กี่นาทีเท่านั้นไม่ใช่หรือ
เสิ่นจิ้งเฉินโดนเขาดูถูกอีกครั้ง จึงเลือกที่จะแสร้งทำเป็นหยิ่ง ไม่พูดอะไรออกไป
“ใจคนกว่าจะได้มาช่างยากลำบาก ว่ากันตามหลักการ นายกับเหยียนเค่อก็มีสาวมาพัวพันเยอะนี่ ทำไมไม่ไปเปิดหูเปิดตาบ้างล่ะ” ฉินซื่อหลานมองดูคนที่นั่งอย่างเบื่อหน่ายอยู่อีกฝั่ง ไม่รู้จะเอ่ยเตือนสติเจ้าคนพวกนี้อย่างไรแล้ว
เสิ่นจิ้งเฉินถูกพูดถึงพร้อมกับเหยียนเค่อก็ไม่พอใจ “การมีสาวมาจีบเยอะนี่โทษพวกเราได้ด้วยเหรอ เหยียนเค่อมันโง่จริงๆ ต่างหาก”
“นายก็ไม่ได้ฉลาดไปกว่ากันสักเท่าไรหรอก” ฉินซื่อหลานละจากพวกเขาแล้วเดินไปหาเซ่าหมิงฟ่าน รู้สึกดูถูกอีคิวของเสิ่นจิ้งเฉินจากใจจริง
ตอนที่ 275 ทักษะเป็นอย่างไร
เหยียนเค่อคิดไปหลากหลายรูปแบบวิธีที่ซย่าเสี่ยวมั่วจะรู้ตัวตนของเขา และเคยคิดวิธีที่จะแก้ไขโต้ตอบไว้มากมายเช่นกัน แต่สิ่งเดียวที่ไม่เคยคิดถึงก็คือการถูกเปิดโปงความจริงต่อหน้า และต้องเย็นชาใส่เธอ
ซย่าเสี่ยวมั่วก็ไม่รู้ว่าก่อนหน้าที่เธอจะรู้ตัวตนของเขา ความหวังในใจก็ผุดประกายขึ้นมา แต่ท่าทางอ้ำๆ อึ้งๆ ของเสิ่นจิ้งเฉินก็เพียงพอให้ความหวังนั้นสูญสลายไป
ที่แท้เขาก็คือเหยียนเค่อคนนั้น ไม่ใช่แค่เหยียนเค่อคนนั้นที่เธอรู้จัก
สำหรับเธอแล้ว เหยียนเค่อจะเป็นคนเก่งกาจก็ย่อมได้ แต่ต้องไม่เก่งกาจเกินจริง
ผู้จัดการแผนกอาหารและเครื่องดื่มเห็นคนที่เดินขึ้นมากำลังจะขวางไว้ก็ถูกเสิ่นจิ้งเฉินที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างห้ามเอาไว้เสียก่อน “ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาคิดบัญชีที่ผม”
“ประธานเสิ่นครับ คุณสวีอิ๋งอิ๋งก็อยู่ด้านล่างเหมือนกัน เธอเห็นว่าพวกคุณเข้ามา”
“เขามาถามคุณเหรอ”
“ครับ” ผู้จัดการแผนกอาหารและเครื่องดื่มปาดเหงื่อเย็นที่แผ่ซึม เมื่อกี้เขาไปบอกเหยียนเค่อ แต่ท่าทางของเหยียนเค่อเหมือนตั้งใจฟังที่เขาพูดแต่ความจริงแล้วไม่ได้ฟังเนื้อหาในคำพูดนั้นเลย เพียงแค่ครางอืมตอบรับอย่างเย็นชา เขาเองก็เดาไม่ถูกว่าเหยียนเค่อหมายความว่าอย่างไร ทำได้เพียงมาขอความเห็นจากประธานเสิ่น
“ไม่ต้องจัดการอะไรทั้งนั้น ถ้ามีปัญญาขึ้นมาก็ให้เขาขึ้นมา” เสิ่นจิ้งเฉินลูบคาง มีเรื่องสนุกให้ดูแบบนี้แล้วไม่อยากกลับปักกิ่งเลยจริงๆ
หญิงสาวแต่งหน้าจัด ทรวดทรงอรชรคนหนึ่งขึ้นมายังชั้นที่เป็นโซนที่ถูกกั้นไว้สำหรับลูกค้าประจำ ก็แอบดีใจที่พวกเขาไม่ได้เข้ามาขวางเธอไว้ เดินทอดสะโพกเข้าไปก็เห็นผู้ชายที่นั่งอยู่ในมุมมืด สายตาเหลือบไปเห็นผู้หญิงที่นั่งอยู่คนเดียวก็ลังเล กลัวว่าถ้าเป็นคู่รักที่ทำสงครามเย็นกันอยู่ เธอเข้าไปแล้วจะโดนลูกหลง ก่อนจะเห็นผู้ชายที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง หลังจากพิจารณาดีแล้วจึงเลือกที่จะเดินไปหาเหยียนเค่อ
“ไงคะสุดหล่อ มาคนเดียวเหรอ”
เหยียนเค่อได้ยินคำพูดทักทายเช่นนี้อีกแล้ว เขาไม่เข้าใจ ทำไมเทคนิคการเข้าไปทำความรู้จักกับคนอื่นถึงได้ย่ำแย่เหมือนซย่าเสี่ยวมั่วไม่มีผิดเลยนะ ตอนนี้อารมณ์ไม่ดีอยู่พอดี จึงพยักหน้า
หญิงสาวได้ยินก็ขยับเข้าไปนั่งอย่างอ่อนช้อย เธอนั่งลงบนขาที่นั่งไขว่ห้างของเหยียนเค่อ มือหนึ่งยันด้านหลังของโซฟาไว้
เหยียนเค่อใช้แขนโอบเอวหญิงสาวคนนั้นไว้หลวมๆ แค่กลัวว่าเธอจะขยับมาโดนหน้าเขาโดยไม่ตั้งใจก็เท่านั้น
ซย่าเสี่ยวมั่วเหลือบมองปราดหนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าหนี เธอยังจำตอนนั้นที่มีผู้หญิงสาวคนมาเคาะประตูห้องเธอกลางดึกได้ดี เจ้าชู้จริงๆ เบนสายตาออกอย่างนึกรังเกียจ แต่หูกลับเงี่ยฟังความเคลื่อนไหวทางด้านนั้น
หญิงสาวขยับเข้าไปใกล้จึงเห็นหน้าตาท่าทางของเขา รูปหน้าหล่อเหลาที่เห็นในความมืดนั้น คิดไม่ถึงว่าเมื่อขยับเข้าไปใกล้แล้วจะเป็นชายหนุ่มหน้าตางดงาม ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองเจอลาภลอยเสียแล้ว เอ่ยบทพูดออกมาอย่างเขินอาย “ค่ำคืนอันยาวนาน ไร้ซึ่งคน…”
เหยียนเค่อพูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา “ทักษะของเธอเป็นยังไงบ้าง”
ซย่าเสี่ยวมั่วคิดอย่างรังเกียจ ‘ทักษะงั้นเหรอ ทำไมนายไม่ไปถามหาทักษะในโรงเรียนกันล่ะ พวกลูกคนรวยนี่มีแต่คนไม่ได้เรื่อง’
หญิงสาวตกตะลึงไป คิดไม่ถึงว่าเขาจะเถรตรงเช่นนี้ ไม่พูดอ้อมค้อมเลยแม้แต่นิด จึงมุดหน้าเข้ากับอ้อมอกของเหยียนเค่ออย่างเขินอาย “คนนิสัยไม่ดี!”
คนที่อยู่ในอ้อมกอดดูไม่ออกว่าท่าทางของเหยียนเค่อมันเงอะงะแค่ไหน แต่คนที่ยืนดูอยู่ข้างๆ อย่างเสิ่นจิ้งเฉิน เห็นเหยียนเค่อนั่งตัวเกร็งแล้วก็อยากจะหัวเราะ
“ตอบมาสิ ทักษะเธอเป็นยังไงบ้าง” เหยียนเค่อไม่ได้เอ่ยหยอกล้อกับเธอสักนิด แต่ถึงจะรูปงามอย่างไร แต่ท่าทางรำคาญก็ทำให้คนรู้สึกว่าเขากำลัง***อยู่
“คุณลองดูเดี๋ยวก็รู้เองแหละค่ะ” หญิงสาวใช้กำปั้นเล็กๆ ทุบลงบนแผ่นอกของเขา
เหยียนเค่อขบฟันแน่น ก่อนจะหาเรื่องคนอื่นก็ต้องหาเรื่องให้ตัวเองก่อน เขาช่างเป็นคนที่ทำร้ายศัตรูหนึ่งพันครั้ง แต่บาดเจ็บเองไปแล้วแปดร้อยครั้งเสียจริง เขย่าคนน้ำเปล่าในแก้ว ก่อนจะพูดอย่างจริงจัง “ของแบบนี้ลองไม่ได้หรอก ถ้าเธอมีทักษะที่ดีฉันถึงจะให้เธอช่วยฉัน”
เสิ่นจิ้งเฉินจับทางไม่ถูกว่าเขาคิดจะทำอะไร
ตอนที่ 276 จินตนาการล้ำเลิศ
ช่วย? กอด? หญิงสาวได้ยินไม่ชัดเจนนัก จำต้องแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “ฉันก็กอดอยู่นี่ไงคะ คุณจะเอายังไงอีก”
“เห็นผู้หญิงตรงนั้นไหม” เหยียนเค่อมองไปทางซย่าเสี่ยวมั่วแล้วถามเธอ “คนที่นั่งอยู่คนเดียวนั่นน่ะ”
“เห็นแล้วค่ะ” หญิงสาวงุนงง แล้วเกี่ยวข้องอะไรตรงไหนล่ะเนี่ย?
เหยียนเค่อมุมปากหยัดยิ้ม ทำเอาคนมองแทบละลาย
“เขาซื้อเราสองคนมา แต่ทักษะเขาแย่เกินไป น่ารำคาญชะมัด”
หญิงสาวตะลึงไป เห็นชายหนุ่มสามคนที่ทั้งอยู่ข้างๆ ผู้หญิงคนนั้น แต่ละคนกำลังเอาอกเอาใจเธออยู่ไม่ขาด
เธอเข้าใจในทันที ผู้หญิงสองคนนั้นเป็นแขก ส่วนผู้ชายพวกนี้คือโฮสต์อย่างนั้นเหรอ? เห็นผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาพวกนี้แล้วก็ยิ่งมั่นใจในความคิดของตัวเอง
“น…นายก็มาขายเหมือนกันเหรอ” หญิงสาวโพล่งออกมา ไม่มีอะไรให้ต้องกระดากอายอีกต่อไป
เมื่อเสิ่นจิ้งเฉินรู้ความประสงค์ของเหยียนเค่อแล้วก็อยากจะกระทืบเขานัก ทำได้เพียงถลึงตาใส่
เหยียนเค่อโดยไม่พูดอะไร เมื่อหันหน้าไปเห็นเงาคนที่ยืนอยู่ตรงทางขึ้นบันไดก็แอบสะใจเบาๆ ใครใช้ให้นายมาทำให้เราต้องแปดเปื้อนล่ะ
“ก็คนอาชีพเดียวกันนี่แหละ ทำไมต้องพูดอย่างนั้นด้วย” กลายเป็นเหยียนเค่อที่รู้สึกกระดากอายแทน “เธอก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
หญิงสาวมีสีหน้าที่แย่มาก ถ้าเธอซื้อกินไหวจะออกมาขายไหมเล่า!
ผู้หญิงคนนั้นลุกออกจากตัวของเหยียนเค่อ ก่อนจากก็ยังมองเขาปราดหนึ่งอย่างลึกซึ้งอ้อยอิ่ง จากนั้นก็สะบัดผมเดินจากไป
การแสดงไร้ความจริงใจ ผู้หญิงหากินไร้ความรู้สึก โบราณว่าไว้ไม่มีผิด
เหยียนเค่อเห็นเธอหมุนตัว ก็รีบถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก โชคดีที่เขานั่งติดกับโซฟา ไม่อย่างนั้นคงสะบัดผมตีคอเขาขาดแน่นอน
เสิ่นจิ้งเฉินเดินเข้ามาก็ด่าเขาหนึ่งที “นายนี่มันจินตนาการล้ำเลิศจริงๆ ยังออกมาขายตัวอีกนะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วที่โดนทำลายชื่อเสียงเหลือบตามองพวกเขาสองคนทีหนึ่ง แย่ทั้งคู่…
“นายยังจะกล้าเข้ามาหาอีกเหรอ” เหยียนเค่อยิ้ม แพขนตากระทบใบหน้าก่อให้เกิดเงา สีหน้าสับสนทำให้คนตัวเย็นวูบ
สำหรับเรื่องนี้เสิ่นจิ้งเฉินก็ต้องรับผิดชอบเช่นกัน แต่เขาจะไม่ยอมซวยไปคนเดียวแน่นอน
“สวีอันหรานพาเธอเข้ามา นายลองคิดดูนะ ถ้าพวกเราอยู่ที่หนานซานความลับก็ต้องถูกเปิดเผยเลยไม่ใช่เหรอ ฉันก็แค่จุดชนวน แต่ไม่ใช่สาเหตุหลักสักหน่อย”
เหยียนเค่อไม่ฟังที่เขาพล่าม ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็เห็นร่างที่คุ้นเคยตรงทางขึ้นลงบันไดเสียก่อน จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที ก่อนจะถามเสิ่นจิ้งเฉิน “เขาขึ้นมาได้ยังไง”
“เอ่อ…” เสิ่นจิ้งเฉินเป็นห่วงชีวิตของตัวเอง “ฉันไปเรียกผู้จัดการมาให้นะ”
เหยียนเค่อสั่งไปแล้วก่อนหน้านี้ ว่านอกจากคนที่พวกเขาพาขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ขึ้นมาบนชั้นนี้ไม่ได้ ผู้หญิงขายบริการคนก่อนหน้ายังพอทน แต่ทำไมจู่ๆ สวีอิ๋งอิ๋งถึงโผล่ขึ้นมาได้
ผู้จัดการแผนกเครื่องดื่มและอาหารอธิบายตัวสั่นงันงก “คุณสวีเป็นกรณีพิเศษครับ ก่อนหน้านี้ผมบอกท่านไปแล้ว แต่ว่าท่านไม่สนใจ…”
“ไม่ใช่แค่นี้หรอกมั้ง” เหยียนเค่อเงยหน้าขึ้นมองเสิ่นจิ้งเฉินที่แสร้งทำราวกับว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตน ก็ไม่ได้ติดใจเอาเรื่องอะไรกับเขา จำต้องจัดการปัญหานี้ก่อน
“เขาขึ้นมาตอนไหน”
“เขา…” ผู้จัดการแผนกเครื่องดื่มและอาหารมองเหยียนเค่ออย่างลำบากใจ ก่อนจะร้องตะโกนอยู่ภายในใจ ‘ผมก็เป็นแค่คนจัดการเครื่องดื่มและอาหารไม่ได้ดูแลเรื่องการบันเทิงเสียหน่อย ทำไมเกิดเรื่องอะไรแล้วผมต้องมารับผิดชอบด้วยเนี่ย’
เสิ่นจิ้งเฉินพูดขึ้น “ตั้งแต่คำว่า ‘นายก็มาขายเหมือนกันเหรอ’ เขาก็ยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว”
“ดี ดีจริงๆ” เหยียนเค่อกวาดสายตามองเสิ่นจิ้งเฉิน ก่อนจะหันไปมองซย่าเสี่ยวมั่วแล้วสาวเท้าเข้าไปหาด้วยท่าทีงามสง่า วันนี้เขาไม่เหมาะที่จะออกจากบ้านเลย ต้องเป็นเพราะว่าเจอกับเฉินเจวี้ยนเป็นแน่ ถ้าไม่ไปเจอเฉินเจวี้ยนเขาก็คงไม่มาสาย ถ้าไม่มาสายก็คงไปหนานซานแล้ว และอย่างน้อยถ้าไปหนานซาน ก็ไม่ต้องเจอกับสวีอิ๋งอิ๋ง…เป็นเหตุผลที่น่าอึดอัดใจจริงๆ
ตอนที่ 277 ทำร้ายกันและกัน
สวีอิ๋งอิ๋งถ่ายรูปสองสามใบในขณะที่เหยียนเค่อกำลังนั่งโอบสาวสวยอยู่ ก่อนจะส่งรูปนั้นไปให้
เหยียนเฟิง ถึงแม้ว่าจะอยู่ไกลไปนิด และบรรยากาศมืดไปหน่อย แต่เมื่อสังเกตอย่างละเอียดแล้วก็สามารถแยกแยะได้ว่าเป็นเหยียนเค่อ
ถึงแม้ว่าสวีอิ๋งอิ๋งจะไม่ชอบเหยียนเค่อ แต่อย่างไรเขาก็เป็นผู้ชายของตนในนาม แต่ตอนนี้กลับมากอดโอบผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าเขา สวีอิ๋งอิ๋งรับไม่ได้จริงๆ
เมื่อเหยียนเฟิงเห็นรูปแล้วก็ตอบกลับ [มีแค่พ่อกับแม่เท่านั้นที่จะแก้ไขได้]
สวีอิ๋งอิ๋งกำโทรศัพท์แน่น มีแผนการในหัวเรียบร้อยแล้ว
เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เหยียนเค่อจำต้องทำให้ถึงที่สุด
ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกว่ามีคนเดินเข้ามาหาตนจึงเหลือบตาขึ้นมองก็เห็นเหยียนเค่อ เธอไม่คิดว่า
เหยียนเค่อจะเลือกมาหาเรื่องกันตอนนี้ จึงก้มหน้าลงดูโทรศัพท์
เหยียนเค่อเองก็ไม่ได้มาหาเรื่องจริงๆ แต่เขามาหาคนปลอบใจ
ภาพด้านหน้ามืดลง ซย่าเสี่ยวมั่วที่ถูกเหยียนเค่อโอบกอดไว้ซุกใบหน้าลงกับหน้าท้องของเขา…
สวีอันหรานเห็นว่าสวีรั่วชีกำลั่งเหม่อลอย จึงมองตามสายตาของสวีรั่วชีไป จึงเห็นคนสองคนที่กำลังกอดกันอยู่โดยที่คนหนึ่งยืน อีกคนหนึ่งนั่ง
“เหยียนเค่อสารภาพรักแล้วเหรอ”
“คงงั้นมั้ง”
เสิ่นจิ้งเฉินเห็นการกระทำของเหยียนเค่อแล้วก็อยากไปลากตัวเหยียนเค่อออกมา ถ้าไอ้บ้าเหยียนเค่อนั่นถ้ากล้าดึงให้ซย่าเสี่ยวมั่วเข้าไปพัวพันกับความวุ่นวายของพวกตระกูลเหยียนละก็ เขาจะไม่ไว้ชีวิตมันแน่นอน!
ฉินซื่อหลานและเซ่าหมิงฟ่านที่ไม่เข้าใจสถานการณ์มาห้ามเขาเอาไว้ ก่อนจะเกลี้ยกล่อม “รื้อวัดวาอารามดีกว่าทำลายงานแต่ง นายก็เห็นดีเห็นงามกับพวกเขาเถอะน่า”
เสิ่นจิ้งเฉินขบฟันแน่น เขายินดีกับสองคนนี้มากกว่าใครทั้งนั้น แต่สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ได้ง่ายดายเหมือนอย่างที่เห็น
“นายมีอะไรก็พูดมาดีๆ ไม่ได้หรือไง” ซย่าเสี่ยวมั่วพูดเสียงอู้อี้ จมูกอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ บนตัวของเหยียนเค่อปะปนกับกลิ่นน้ำหอมที่ผู้หญิงอีกคนเหลือทิ้งเอาไว้
พอเธอโดนกอดเช่นนี้ ก็เอาโทรศัพท์กระแทกเข้าที่ขาอ่อนของเหยียนเค่อ เหยียนเค่อเองก็หมดคำจะพูด แสร้งทำเป็นโน้มตัวลงไปชิดใกล้ ถอยหลังหนึ่งก้าวถอยห่างจากโทรศัพท์ในมือของเธอ
“เธอเก็บมือกลับไปได้ไหม ท่าสวยๆ กลายเป็นน่าเกลียดเลยเนี่ย”
ซย่าเสี่ยวมั่วแสยะยิ้ม “นายน่าเกลียดอยู่แล้วต่างหากล่ะ ยังจะมาห่วงเรื่องนี้อีก แล้วก็นายช่วยปล่อยฉันสักทีได้ไหม อย่ามาทำตัวรุ่มร่ามนะ”
“ฉันไม่ได้ทำตัวรุ่มร่ามสักหน่อย” เหยียนเค่อย้ายศีรษะที่แนบอยู่บนหน้าท้องมาไว้บนซี่โครงอก โน้มเอวลงครึ่งหนึ่งอย่างอดกลั้น “ช่วยฉันหน่อยสิ”
“อ๋อ มีเรื่องอะไรที่ฉันพอจะช่วยประธานเหยียนได้ด้วยเหรอคะ”
เหยียนเค่อไม่มีเหตุผล “อย่าพูดกระแนะกระแหนขนาดนี้ได้ไหม”
“ฉันไม่ได้กระแนะกระแหนสักหน่อย ฉันออกจะเพราะ”
ลมหายใจที่อบอุ่นบางเบาทะลุผ่านรอยแยกระหว่างกระดุมเสื้อเชิ้ตของเหยียนเค่อ ก่อนจะปะทะเข้ากับผิวของเขา จักจี้หัวใจเขาราวกับขนนกอันเบาหวิว
“เอาแต่**ฉัน” เหยียนเค่อพึมพำเสียงเบา ซย่าเสี่ยวมั่วได้ยินไม่ชัดจึงเงยหน้าขึ้นมองรูปปากของเหยียนเค่อ “เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ”
เหยียนเค่อกดศีรษะเธอกลับไปตามเดิม “อยู่เฉยๆ” เดิมทีเขาก็ไม่อยากให้เธอได้ยินอยู่แล้ว จะพูดอีกครั้งได้อย่างไรเล่า
ซย่าเสี่ยวมั่วเก็บความสงสัยไว้ในใจ “นายคิดจะทำอะไรกันแน่”
“ตอนฉินซื่อหลานกอดไม่เห็นเธอจะถามมากแบบนี้เลย” ตอนแรกเหยียนเค่อก็อยากจะอธิบายให้เธอฟังดีๆ ให้เธอช่วยอยู่หรอก แต่สุดท้ายพอคุยกับซย่าเสี่ยวมั่วแล้วก็ทำมันพังเสียหมด คำพูดที่เอ่ยออกมานั้นไม่ได้ผ่านการกลั่นกรองมาไว้ก่อนเลย
ซย่าเสี่ยวมั่วฟังจบก็อารมณ์ขึ้น “นายเทียบกับฉินซื่อหลานได้ด้วยเหรอ นายจะบอกว่าถ้ามีใครมากอดฉันแล้วฉันจะยอมหมดทุกคนงั้นเหรอ”
“แต่เธอก็ยอมหมดทุกคนไม่ใช่หรือไง”
ซย่าเสี่ยวมั่วโดนเขาพูดใส่ราวกับหัวใจโดนเข็มทิ่มแทงอย่างไรอย่างนั้น ความโมโหปะทุขึ้น “ต่อให้ฉันจะยอมหมดทุกคนก็เถอะ แต่หนึ่งในนั้นไม่รวมนายเอาไว้ด้วย”
ตอนที่ 278 เสมอกัน
ซย่าเสี่ยวมั่วอยากจะหลุดออกจากการกักขังของเหยียนเค่อ แต่ใบหน้า ลำคอและบ่าไหล่ต่างถูกเขากดไว้ทั้งหมด และเนื่องด้วยท่าทางที่นั่งอยู่นั้น ทำให้มือไม่มีที่ยึดเกาะไว้ แต่ก็ดันหน้าท้องและขาของ
เหยียนเค่อออกไปไม่ได้ ทำได้เพียงนั่งตัวเกร็งด้วยท่าทางแปลกๆ อยู่อย่างนั้น
เหยียนเค่อฟังคำพูดของเธอแล้วก็ออกแรงเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว กดจนซย่าเสี่ยวมั่วเจ็บปวดที่บ่า
“ปล่อยฉันเถอะ อ้อมกอดของประธานเหยียนนี่มันโหดเ**้ยมเหมือนตัวนายเลยจริงๆ”
“แต่อ้อมกอดของฉันมีค่ากว่าของคนอื่นนะ เธอควรจะรู้สึกเป็นเกียรติ”
“งั้นนายก็ไปกอดคนอื่นเถอะ ฉันรับมันไม่ไหวหรอก” ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกเหมือนถูกเหยียดหยาม และก็ไม่สนใจภาพลักษณ์อีกต่อไป จะพลิกมือกลับมาแกะมือของเขาออก
แรงมือของซย่าเสี่ยวมั่วแค่นั้นทำอะไรเหยียนเค่อไม่ได้แม้แต่น้อย แต่กลับทำให้มือเหยียนเค่อรัดแน่นมากขึ้นไปอีก
“นายทำฉันเจ็บนะ!” ซย่าเสี่ยวมั่วร้องด้วยความเจ็บจนเกือบจะร้องไห้ออกมา
เหยียนเค่อได้ยินเสียงเหมือนจะร้องไห้ของเธอ จึงรู้ตัวว่าตนออกแรงมากเกินไป มือขวาที่ออกแรงบีบหัวไหล่ของซย่าเสี่ยวมั่วไว้นั้น ไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ฝ่ามือแม้แต่น้อย เงยหน้าขึ้นมองทางขึ้นลงบันไดที่ปราศจากคนแล้วจึงค่อยๆ คลายมือออก ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “เราเสมอกันแล้วนะ” ก่อนจะหันตัวกลับอย่างไร้เยื่อใย โบกมือให้กับกลุ่มคนที่ยืนดูเรื่องสนุกอีกฝั่งหนึ่ง “ฉันกลับก่อนล่ะ”
เมื่ออ้อมกอดอุ่นๆ เย็นๆ นั่นผละออกไป ซย่าเสี่ยวมั่วก็ลุกขึ้นยืน บีบนวดบ่าและไหล่ที่ปวดเมื่อย และไม่ได้หันกลับไปมองเงาของเหยียนเค่ออีก ก่อนจะขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วเอ่ยขึ้น “เสมอบ้านนายสิ!”
คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ต่างก็ไม่ได้ยินว่าเหยียนเค่อพูดกับซย่าเสี่ยวมั่วว่าอย่างไร มีเพียงเสิ่นจิ้งเฉินที่รู้สึกว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี คนที่เหลือต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“สารภาพรักแต่โดนปฏิเสธ?”
“ก็เหมือนอยู่นะ แผ่นหลังที่เปล่าเปลี่ยวแบบนั้นน่ะ”
“ทำไมซย่าเสี่ยวมั่วปฏิเสธเขาล่ะ”
“…” เสิ่นจิ้งเฉินเอ่ย “พวกนายคิดมากไปแล้ว เขาน่าจะพูดไปหลายอย่าง แต่ต้องไม่ได้สารภาพรักแน่นอน”
พวกสวีอันหรานมองมาที่เขาอย่างสับสน ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาจึงพูดเช่นนี้
เสิ่นจิ้งเฉินดูนาฬิกาข้อมือ “ดึกขนาดนี้แล้ว ฉันก็ต้องไปแล้วเหมือนกัน กลับกันเถอะ”
“เดี๋ยวไปส่ง ยังไงซะพวกเราก็ว่างอยู่แล้ว”
ผู้ช่วยเอาสัมภาระของเสิ่นจิ้งเฉินไปโหลดไว้เรียบร้อยแล้ว หลังจากมาถึงสนามบินแล้วก็ยังกำชับ
ซย่าเสี่ยวมั่วอีกครั้งอย่างไม่วางใจ “เธอต้องระวังตัวนะ ไม่ต้องไปสนใจพวกผู้หญิงประหลาดพวกนั้น”
ถึงเหยียนเค่อไม่เผยให้ใครได้เห็นใบหน้าของซย่าเสี่ยวมั่ว แต่ก็กลัวว่าสวีอิ๋งอิ๋งจะสืบค้นจนเจอ
ซย่าเสี่ยวมั่วพยักหน้า ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงกำชับตนเช่นนี้ แต่ก็ยังรับคำอย่างเชื่อฟัง
เสิ่นจิ้งเฉินเปิดเผยให้สวีอันหรานรู้เพียงนิดเท่านั้น การที่สวีอิ๋งอิ๋งไม่ได้เข้าไปฉีกหน้าทันทีแสดงว่ายังมีแผนสำรองไว้ แต่คนของตระกูลสวีให้สวีอันหรานเป็นคนจัดการเองจะดีกว่า
เหยียนเค่อกลับไปที่คอนโดของตนเอง ไม่ได้กลับมานานแล้วแต่ก็จะเข้ามาทำความสะอาดทุกวัน ทำให้ห้องพักยังสะอาดหมดจด…หมดจดจนไร้ซึ่งชีวิตชีวา
เขาคิดถึงกลิ่นอายในบ้านของซย่าเสี่ยวมั่ว พูดไม่ออกบอกไม่ถูกนัก แต่ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นเหมือนได้อยู่บ้าน
เขารับไม่ได้ถ้าซย่าเสี่ยวมั่วจะตกเป็นของผู้ชายคนอื่น แค่คิดว่าต่อไปเธออาจจะแต่งงานกับผู้ชายสักคนที่เธอไม่รู้จัก ล้างมือแล้วทำอาหารและมีลูกให้กับผู้ชายคนอื่นแล้ว ตัวเขาก็ถูกโอบล้อมด้วยความหวาดกลัวจากความว่างเปล่านี้ ปวดหัวอย่างรุนแรงราวกับฝันร้าย
แต่ไหนแต่ไรเหยียนเค่อไม่เคยรู้สึกเช่นนี้กับใครมาก่อน เขาพูดไม่ถูกและก็ไม่อยากทำความเข้าใจ เขากลัวว่าหลังจากที่สืบเสาะจนเข้าใจถ่องแท้แล้วจะควบคุมอารมณ์ของตนไม่ได้ไปมากกว่าเดิม บางทีเป็นแบบนี้ก็อาจจะดีแล้ว
เหยียนเค่อบังคับให้ตัวเองเบี่ยงเบนจุดสนใจ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ให้ใครเห็นหน้าซย่าเสี่ยวมั่วแต่ก็ยังตามสืบได้ง่ายอยู่ดี แถมก่อนหน้านี้สวีอิ๋งอิ๋งก็เคยเจอซย่าเสี่ยวมั่วแล้วด้วย เขาต้องเตรียมการป้องกัน
สวีอิ๋งอิ๋ง จะมานั่งรอความหายนะเช่นนี้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ตอนที่ 279 ฟ้อง
สวีอิ๋งอิ๋งฝันดีตลอดทั้งคืน วันต่อมาเมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็ไปหยิบแผ่นขิงมาโปะไว้ที่ตา ทันใดนั้นก็รู้สึกเจ็บแสบจนน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด บดขยี้อยู่หลายครั้งจนดวงตาบวมแดง ก่อนจะเช็ดน้ำตาทิ้ง สะพายกระเป๋าแล้วเดินทางไปยังบ้านตระกูลเหยียน
หลายวันแล้วที่คุณแม่เหยียนไม่ได้ทราบข่าวคราวของเหยียนเค่อ กระวนกระวายใจรู้สึกย้อนกลับไปเหมือนเมื่อก่อนที่เหยียนเค่อไม่กลับบ้าน แต่ไม่ได้กังวลถึงขนาดนั้นแล้ว
เมื่อสวีอิ๋งอิ๋งไปถึงเหยียนเฟิงเพิ่งกินข้าวเสร็จและกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์กับคุณพ่อเหยียนบนโซฟา
“คุณน้าคุณอา พี่ใหญ่” สวีอิ๋งอิ๋งเอ่ยทักทาย ก่อนจะนั่งลงข้างๆ คุณแม่เหยียนอย่างน้อยอกน้อยใจ
“เป็นอะไรลูก” คุณแม่เหยียนดึงเธอเข้ามาหา เห็นสีหน้าของเธอแล้วก็รู้ว่าน่าจะต้องเกี่ยวข้องกับลูกชายคนรองของตน
เหยียนเฟิงเห็นว่าสวีอิ๋งอิ๋งมาก็เข้าใจในทันที จึงกลับไปนั่งพิงโซฟาตามเดิม แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรอดูเรื่องสนุกที่กำลังจะเกิดขึ้น
สวีอิ๋งอิ๋งพูดพลางสะอื้น “เมื่อคืนหนูเจอเหยียนเค่อที่ ‘หลิวเยี่ยน’ ค่ะ”
“อ่อ น่าจะมีนัดสังสรรค์ล่ะมั้ง” คุณพ่อเหยียนรู้สึกรำคาญที่เมื่อสวีอิ๋งอิ๋งเจอเรื่องอะไรนิดหน่อยก็รีบแจ้นมาหา
สวีอิ๋งอิ๋งเปิดกระเป๋าแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปให้คุณแม่เหยียนดู “เหยียนเค่อควงผู้หญิงสองคนค่ะ”
คุณแม่เหยียนเห็นผู้ชายในรูปกำลังกอดผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ มองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าคือเหยียนเค่อ ลูกชายเขา เขาต้องจำได้แน่นอนอยู่แล้ว
สวีอิ๋งอิ๋งเห็นว่าสีหน้าของคุณแม่เหยียนเปลี่ยนไปนิดหนึ่ง จึงเลื่อนเปิดรูปต่อไป และเอารูปที่เหยียนเค่อกอดผู้หญิงอีกคนมาให้คุณแม่เหยียนดู “แต่เหยียนเค่อชอบผู้หญิงคนนี้มากกว่าค่ะ” แถมสวีอิ๋งอิ๋งยังน้ำตาร่วงเผาะอย่างสมจริง ทำให้ดูอ่อนแอน่าสงสารจับใจ
สีหน้าของคุณแม่เหยียนดูแย่ลงทันตา คุณพ่อเหยียนเองก็แต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นกัน รู้สึกว่าสวีอิ๋งอิ๋งร้องไห้เพราะเรื่องแค่นี้ช่างไม่มีคุณสมบัติของผู้ดีเอาเสียเลย จึงกระแทกไม้เท้า ก่อนจะแสดงความคิดเห็นของตน “ในฐานะที่เป็นภรรยาที่ดีก็ควรจะเข้าใจเขา และการออกไปสังสรรค์ก็มีบางเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ใช่แค่ตอนนี้เหยียนเค่อไปเกี่ยวพันกับเรื่องเหล่านี้เพราะงานเลี้ยงสังสรรค์เท่านั้นนะ แต่ในอนาคตระหว่างสามีภรรยายังมีเรื่องขัดแย้งอีกมากมาย หนูต้องอดทน การที่หนูต้องอดกลั้น พวกเราบ้านตระกูลเหยียนจะชดเชยให้อย่างแน่นอน”
ถึงคุณแม่เหยียนรู้สึกว่าเหยียนเค่อจะทำเกินไปหน่อย แต่ใจก็ยังเข้าข้างเหยียนเค่อมากกว่าอยู่ดี “เป็นผู้หญิงน่ะ หนูต้องยอมเขานะ ต่อให้จะแย่แค่ไหนก็เที่ยวบอกให้คนอื่นรู้ไม่ได้ ถ้ามีปัญหาระหว่างสามีภรรยาก็ต้องให้พวกเขาแก้ไขกันเอง ตอนนี้หนูกับเหยียนเค่อยังไม่ได้เป็นอะไรกัน ในอนาคตถ้าแต่งกันแล้วหนูอาจจะต้องเจอกับเรื่องที่รับไม่ได้ยิ่งกว่านี้อีกก็เป็นได้ เรื่องแค่นี้จะมองแค่ผิวเผินไม่ได้หรอกนะ”
สวีอิ๋งอิ๋งไม่คิดว่าคุณพ่อและคุณแม่เหยียนจะให้เธออดทน ก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจ แต่ก็กลัวว่าคุณพ่อคุณแม่เหยียนจะรู้สึกรำคาญ จึงสะอึกสะอื้นแล้วกลั้นหยาดน้ำตา
เหยียนเฟิงได้ฟังจบก็รู้อยู่แล้วว่าต้องได้ผลสรุปเช่นนี้ จึงหาจังหวะเหมาะแล้วพูดขึ้น “ถ้าเหยียนเค่อทำแบบนี้ก็เกินไปจริงๆ นะครับ คนที่ใกล้จะแต่งงานแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสำรวมไว้บ้าง ทำแบบนี้ไม่มีความรับผิดชอบเลยนะครับ”
คุณพ่อเหยียนถอนหายใจ “พอกลับมาจากเมืองนอกก็เที่ยวเล่นไปทั่ว หลายปีมานี้ก็ขี้เกียจจะสนใจแล้ว แต่ไม่ว่ายังไง เรื่องนี้เหยียนเค่อก็ทำไม่ถูกอยู่ดี พวกเราเป็นพ่อแม่ทำได้แค่ขอโทษหนูแทนเขาเท่านั้นแหละนะ”
ถึงคุณพ่อเหยียนจะพูดเช่นนี้ แต่คนอายุน้อยกว่าจะกล้ารับคำขอโทษจากผู้อาวุโสได้อย่างไร
สวีอิ๋งอิ๋งทำได้เพียงสะกดคำพูดที่เหลือของตนไว้ในใจ “ไม่หรอกค่ะ เรื่องนี้หนูจัดการได้ไม่เหมาะสมเอง ต่อไปจะ ไปปรับความเข้าใจกับเหยียนเค่อนะคะ”
“ขอโทษหนูด้วยนะลูก” คุณแม่เหยียนลูบหลังเธอคิดว่าถ้าลูกชายของตนไม่สำรวมใจเช่นนี้แต่งงานไปไม่รู้ว่าจะเละเทะขนาดไหน
“น่าขายหน้าจังเลยนะคะ” สวีอิ๋งอิ๋งปาดน้ำตา ท่าทางฝืนยิ้มนั้นทำให้คนมองรู้สึกรักใคร่และสงสารไปในที
ตอนที่ 280 รูปหลุดออกไป
เหยียนเฟิงออกไปส่งสวีอิ๋งอิ๋ง เขาลูบหัวเธอเบาๆ “ลำบากแย่เลยนะ”
สวีอิ๋งอิ๋งส่ายหัว “เหมือนว่าจะไม่มีประโยชน์เลยนะคะ”
เหยียนเฟิงรู้ว่าพ่อกับแม่ของตนไม่ยอมเสียหน้า ต่อหน้าสวีอิ๋งอิ๋งต้องเข้าข้างเหยียนเค่ออยู่แล้ว แต่ในใจก็คงไม่พอใจเหยียนเค่อมากแน่นอน ความไม่พอใจเหล่านั้นก็มากพอที่จะให้เหยียนเฟิงร่างเขียนลงเป็นบทความได้
“ไม่หรอก เธอทำดีแล้ว” และเหยียนเฟิงส่งรูปภาพเหล่านั้นไปที่สำนักหนังสือพิมพ์รายใหญ่หลายรายแล้ว
เมื่อส่งสวีอิ๋งอิ๋งกลับบ้านแล้ว เหยียนเฟิงเดินกลับมาก็เห็นพ่อแม่ของตนกำลังโทรศัพท์หา
เหยียนเค่อ
“พ่อครับแม่ครับ” เขาเดินเข้าไปหาก็เห็นว่าคุณแม่เหยียนโทรศัพท์หาเหยียนเค่อซ้ำไม่หยุด “ผมโทรเข้าบริษัทเขาดีกว่า”
“เร็วๆ เลย ตาลูกคนนี้ทำไมทำตัวเลินเล่ออย่างนี้นะ” คุณแม่เหยียนก็กลุ้มใจ สองบ้านนี้เป็นดองกันก็ดี แต่ถ้าจบกันไม่สวยล่ะก็ ต่อไปอาจจะกลายเป็นศัตรูได้
สายจากของเหยียนเฟิงต่อตรงเข้าหาห้องทำงานของเหยียนเค่อทันที ตอนที่เซ่าหมิงฟ่านรับโทรศัพท์ก็ไม่รู้เรื่องราวอะไรมาก่อน
“ฮัลโหล สวัสดีครับ”
“เหยียนเค่อ พ่อกับแม่ให้นายกลับบ้าน” เหยียนเฟิงฟังไม่ออกว่านั่นไม่ใช่เสียงของเหยียนเค่อ จึงพูดโดยไม่อ้อมค้อม
“ขอโทษนะครับ ตอนนี้ประธานเหยียนไม่ได้อยู่ในประเทศ ไปพักผ่อนที่ต่างประเทศแล้ว อีกสองวันถึงจะกลับ” เซ่าหมิงฟ่านรู้ว่าเป็นเสียงของเหยียนเฟิงแต่ไม่ได้แนะนำตัวเอง
เหยียนเฟิงขมวดคิ้ว นี่ต้องไม่ใช่เสียงของเหยียนเค่อแน่นอน จึงตอบกลับ “ถ้าเหยียนเค่อกลับมาแล้วรบกวนแจ้งให้ทราบหน่อยนะครับ”
“ครับ” เซ่าหมิงฟ่านไม่พูดอะไรต่อ วางหูโทรศัพท์ทันที
ชวีไหน่รีบร้อนวิ่งเข้ามาหา เห็นว่าเซ่าหมิงฟ่านคุยโทรศัพท์อยู่จึงยืนรออยู่ด้านข้างสักครู่ เมื่อเห็นว่าเขาคุยจบแล้วจึงรีบรายงานสถานการณ์ทันทีโดยไม่ต้องรอให้เขาถาม
“ครั้งนี้มีรูปหลุดออกไปด้วยค่ะ หัวข้อไม่ได้กล่าวถึง แต่ว่าบอสของเราได้ซื้อข่าวกลับมาจากสื่อหนังสือพิมพ์ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันหลายบริษัทแล้ว แต่ยังมีสำนักหนังสือพิมพ์บางเจ้าที่ยังปล่อยข่าวออกไปอยู่ ส่วนในอินเทอร์เน็ตจัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ”
หลังจากเซ่าหมิงฟ่านมาก็ได้ยินฝ่ายประชาสัมพันธ์บอกว่ารูปของเหยียนเค่อหลุดออกไป จึงสั่งให้รีบยับยั้งไว้โดยเร็ว เขายังไม่รู้ว่าใครจะมีรูปในคืนวันนั้น แถมยังส่งต่อให้กับสื่ออีกหลายเจ้าอีกด้วย แต่โทรศัพท์จากเหยียนเฟิงทำให้เซ่าหมิงฟ่านก็พอจะจับทางได้
หนังสือพิมพ์ที่เผยแพร่ออกไปต่างก็อยู่ในการดูแลของเหยียนเค่อทั้งหมด ในตอนแรกที่ได้รับข่าวจากซูอี้เขาก็ผูกขาดหนังสือพิมพ์ฉบับของวันนี้ทั้งหมดแล้ว
ดูเหมือนว่าสวีอิ๋งอิ๋งจะมีที่พึ่งเสียแล้ว เห็นแค่นี้ก็รู้แล้วว่าต้องเป็นฝีมือของเหยียนเฟิง
ไม่มีใครกล้าทำให้เขาไม่พอใจ คนที่ต่อกรกับเขาได้นอกจากเหยียนเฟิงแล้วก็ไม่มีใครอื่นอีก
เหยียนเค่อรู้สึกอ้างว้างขึ้นมานิดหน่อย ถ้าเหยียนเฟิงเป็นคู่แข่งทางธุรกิจคนหนึ่ง บางทีในวงการนี้ก็อาจจะไม่มีคนชื่อเหยียนเฟิงอีกต่อไปแล้วก็ได้ แต่น่าเสียดาย คนที่ต่อกรกับเขาอยู่คือพี่ชายของตนเอง
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย เฉินเจวี้ยนต้องสังเกตถึงได้อยู่แล้ว หลังจากตื่นนอนแล้วก็โทรศัพท์ไปถามไถ่เหยียนเค่อสักหน่อย
“ไง คั่วสาวสนุกเลยสิ”
“ฉันอยากคั่วแต่ยังไม่มีเลย” พอไม่มีเสิ่นจิ้งเฉินคอยห้ามอยู่ตรงกลาง พวกเขาก็เริ่มลับฝีปากกันทันที
“นายสงสัยหรือเปล่าว่าฉันเป็นคนทำ” เฉินเจวี้ยนเอ่ยหยอก
เหยียนเค่อรู้นิสัยของเฉินเจวี้ยนดี ถึงทั้งคู่จะช่วยเหลือกัน แต่เฉินเจวี้ยนไม่ใช่คนที่เล่นตุกติกลับหลังแน่นอน โดยเฉพาะทั้งสองฝ่ายกำลังอยู่ในช่วงเวลาสัญญาเช่นนี้ด้วยแล้ว “ฉันไม่ได้โง่สักหน่อย ใครเป็นคนทำแค่มองทีเดียวก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ”
เฉินเจวี้ยนยืนอยู่หน้ากระจกจัดปกคอเสื้อเชิ้ตของตัวเอง ก่อนจะลงไปนั่งบนวีลแชร์ตามเดิม “ให้ฉันแสดงความเห็นใจหน่อยละกัน ถ้าต้องการอะไรก็มาหาฉันได้ตลอดเลยนะ”
ในเมื่อเขามอบน้ำใจให้แล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ไม่รับไว้ เหยียนเค่อตอบรับ “ในอนาคตต้องได้เรียกใช้นายแน่นอน”
“อย่าทำเหมือนฉันเป็นลูกน้องของนายได้ไหม” อย่างไรเสียเฉินเจวี้ยนก็ควบคุมพวกแก๊งผิดกฎหมายอยู่ ให้เขาเป็นลูกน้องขืนใครรู้เข้าคงโดนหัวเราะแย่ “เอาเถอะ มีอะไรก็มาหาฉันแล้วกัน”
“อืม” เหยียนเค่อวางสายทันที เขาไม่มีเวลามาพูดคุยอย่างลึกซึ้งเพิ่มมิตรภาพกับเฉินเจวี้ยน
เฉินเจวี้ยนจะพูดต่ออีกสักประโยค แต่เมื่อเห็นเวลาสิ้นสุดการสนทนาแล้วก็ส่ายหัวแล้วยิ้มบางๆ
เหยียนเค่อยังเหมือนเดิมเลยจริงๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น