กับดักรักในรอยแค้น 272-281

 ตอนที่ 272 คุณมาได้ยังไง 


 


 


           ได้ยินคำพูดของถังถัง ฉู่เจียเสวียนได้แต่ยิ้มไม่ได้ตอบอะไร เรื่องเกี่ยวกับเฉิงเฮ่ากับฉู่อีอีเมื่อก่อน แม้ว่าฉู่เจียเสวียนจะไม่รู้อะไรมาก แต่อย่างน้อยเธอยังก็รู้ว่าฉู่อีอีกับเฉิงเฮ่าเป็นอะไรกัน 


 


 


           ถ้าหากเผยหนานเจวี๋ยรู้ความจริงที่ฉู่อีอีจากเขาไปในตอนนั้น เขาจะเป็นยังไงนะ 


 


 


           ที่จริงฉู่อีอีเป็นคนอย่างไรไม่ได้เกี่ยวกับเธอโดยสิ้นเชิง ทำไมเธอต้องคิดมากด้วย 


 


 


           “สาวมารยาชั้นสูงนี่มันร้ายกาจจริงๆ นะ เธอดูสิเขาเพิ่งจะทำร้ายเธอ คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะแอบคบชู้ลับหลังเผยหนานเจวี๋ย เธอว่า เรื่องนี้เขาจะเอาตัวรอดไปได้ยังไง” 


 


 


           คิ้วของถังถังยับย่น เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่าฉู่อีอีมีลูกไม้ชั้นสูงอะไรกันแน่ เรื่องของฉู่อีอีครั้งนี้แม้แต่กล้องวงจรปิดก็มีแล้ว หรือว่าเผยหนานเจวี๋ยยังเชื่อคำแก้ตัวของเธอ 


 


 


           “ถังถัง พวกเราอย่ายุ่งเรื่องนี้เลย เรื่องของคนอื่นก็ปล่อยเขาไปเถอะ” ในที่สุดฉู่เจียเสวียนก็เอ่ยปาก เธอรู้สึกมาตลอดว่าฉู่อีอีรักเผยหนานเจวี๋ยจริงๆ ฉะนั้นจึงทำเรื่องมากมายลับหลังเขา 


 


 


           แต่ว่าตอนนี้ ทำไมเธอถึงอยู่ด้วยกันกับเฉิงเฮ่าอีก 


 


 


           เธอยิ่งไม่เข้าใจฉู่อีอีมากขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ เธอลงกายลงแรงไล่เธอออกไป จากนั้นเธอก็อยู่ข้างกายเผยหนานเจวี๋ย แต่ตอนนี้เธออยู่กับเฉิงเฮ่าด้วยกันอีกครั้ง ต้องการจะทำอะไรกันแน่ 


 


 


           “หึ ฉันเก็บหลักฐานพวกนี้ไว้ก่อนดีกว่า รอจนวันที่เขาทำร้ายเธอ ฉันจะสั่งสอนเขาอย่างสาสม ถึงตอนนั้นฉันจะดูว่าเขายังจะกล้ารังแกเธออีกไหม!” ถังถังเอ่ย หลังจากจัดเก็บรูปที่ถ่ายไว้เรียบร้อยแล้วก็เอาใส่กระเป๋า ใบหน้าเปื้อนยิ้ม อารมณ์ยิ่งดีกว่าเดิม 


 


 


           ยื่นมือควงแขนของฉู่เจียเสวียน ลากเธอแล้วเดินไปยังศูนย์การค้าด้วยกัน 


 


 


           ผ่านไปครึ่งเดือน 


 


 


           บาดแผลบนตัวของเผยหนานเจวี๋ยหายแล้ว เพราะว่าเข้าใจฉู่เจียเสวียนผิดเรื่องสร้อยคอ เผยหนานเจวี๋ยจึงลงนามโดยไม่ระบุชื่อกับทุกโครงการที่ทำร่วมกับบริษัทตระกูลกง 


 


 


           เพราะเขาค้นพบว่า เขามักจะถูกฉู่เจียเสวียนดึงดูดอยู่เสมอ ในหัวก็มักจะมีเงาของเธอผุดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว 


 


 


           ตั้งแต่อุบัติเหตุในคืนนั้น เผยหนานเจวี๋ยก็ถูกฉู่เจียเสวียนดึงดูดอย่างลึกซึ้งแล้ว เขารู้สึกอยู่เสมอว่าตัวของฉู่เจียเสวียนมีความลับมากมายที่เขาไม่รู้ เขาต้องการจะรู้เรื่องอย่างชัดเจน 


 


 


           ตัวเธอเป็นประกายมากน้อยแค่ไหนกันแน่ 


 


 


           ระหว่างที่เหม่อลอย เสียงเคาะประตูออฟฟิศดังขึ้น “เข้ามา” 


 


 


           ดึงความคิดกลับมา เผยหนานเจวี๋ยก้มหน้าก้มตาอยู่ที่โต๊ะทำงาน ไม่ได้มองว่าคนที่เข้ามาคือใคร จนกระทั่งเสียงที่น่าฟังของฉู่อีอังขึ้น เผยหนานเจวี๋ยจึงเงยหน้าขึ้นมอง 


 


 


           “หนานเจวี๋ย” ฉู่อีอีมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า เอ่ยปากด้วยความรักลึกซึ้ง 


 


 


           ตั้งแต่เรื่องสร้อยคอ ฉู่อีอีก็เจอเผยหนานเจวี๋ยน้อยมาก ครั้งนี้เธอตั้งใจต้มน้ำแกงเพื่อให้เขาได้ดื่ม 


 


 


           “คุณมาได้ยังไง” เผยหนานเจวี๋ยลุกขึ้น ขมวดคิ้วเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็น พยายามทำน้ำเสียงของตัวเองให้อ่อนโยน 


 


 


           ฉู่อีอีเห็นเผยหนานเจวี๋ยลุกขึ้น เดินเข้าไปข้างกายเผยหนานเจวี๋ยก่อน เอื้อมมือจูงเขาเดินไปยังเก้าอี้พักผ่อน 


 


 


           หลังจากนั่งลง ฉู่อีอีรีบเทน้ำแกงออกมาอย่างรวดเร็ว ส่งถึงมือของเผยหนานเจวี๋ย “หนานเจวี๋ย คุณดื่มน้ำแกงนี้ดูสิว่าอร่อยหรือเปล่า” 


 


 


           “อืม ไม่เลว” ดื่มสองคำพอเป็นพิธี เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปาก 


 


 


           ฉู่อีอีเบิกตากว้าง นึกว่าเผยหนานเจวี๋ยชื่นชมจากใจจริง ในใจอดไม่ไหวรู้สึกมีความสุขกว่าเดิม “หนานเจวี๋ย งั้นคุณดื่มเยอะๆ ดื่มเสร็จฉันก็กลับแล้ว” 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยพยักหน้า ดื่มน้ำแกงในถ้วยจนไม่เหลือสักหยด 


 


 


           ดื่มเสร็จก็วางถ้วยลงบนโต๊ะ เงยหน้ามองใบหน้าที่แจ่มใสของฉู่อีอี เงาของฉู่เจียเสวียนผุดขึ้นมาในหัวของเผยหนานเจวี๋ย 


 


 


           เมื่อเห็นว่าในถ้วยว่างเปล่า ใบหน้าของฉู่อีอียิ้มจนบานเป็นดอกไม้ 


 


 


 


 


 


       ตอนที่ 273 ฉันปวดใจ 


 


 


           “หนานเจวี๋ย คุณพักผ่อนสักหน่อยเถอะ ฉันกลับก่อนล่ะ” ฉู่อีอีเก็บหม้อเก็บความร้อน หลังจากชำเลืองมองเผยหนานเจวี๋ยแล้ว ก็ลุกขึ้นยืนแล้วออกไปจากออฟฟิศของเขา 


 


 


           รอจนกระทั่งฉู่อีอีปิดประตูแล้ว เผยหนานเจวี๋ยจึงมองไปยังทิศทางที่ฉู่อีอีหายไป รอยยิ้มขมขื่นอ้อยอิ่งอยู่ที่มุมปาก 


 


 


           ช่วงนี้เขามักจะหาข้ออ้างออกเช้ากลับดึกอยู่เสมอโดยบอกว่าที่บริษัทยุ่ง ที่จริงแล้วเพื่อหลีกเลี่ยงฉู่อีอี ไม่รู้ว่าทำไม ตอนนี้เมื่อเห็นฉู่อีอีก็นึกถึงเรื่องที่เขาใส่ร้ายฉู่เจียเสวียน 


 


 


           ในหัวนึกถึงคราวที่แล้วที่อยู่ในโรงพยาบาล ท่าทางที่กงจวิ้นฉือปกป้องเธอ หัวใจของเขาก็เจ็บปวดจนหายใจไม่ออก เขาต้องทำอย่างถึงจะถูก หรือว่าเขาจะชอบเธอเข้าแล้ว 


 


 


           ตอนกลางคืน เผยหนานเจวี๋ยออกไปจากบริษัทนานแล้ว แต่ว่าเขากลับไม่ได้กลับบ้านทันที แต่ว่าไปที่บาร์ พอตกดึก เผยหนานเจวี๋ยจึงกลับถึงบ้าน 


 


 


           เมื่อได้ยินเสียงดังมาจากข้างนอก ฉู่อีอีรู้สึกดีใจ ลุกขึ้นมาจากโซฟา พุ่งไปหาเผยหนานเจวี๋ยอย่างรวดเร็ว เมื่อได้กลิ่นเหล้าบนตัวเขา คิ้วก็ขมวดกัน 


 


 


           ฉู่อีอีทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ตั้งแต่ที่เขาออกโรงพยาบาล เธอก็แทบไม่เห็นเงาของเขาเลย ออกเช้ากลับดึกทุกวัน ดึกๆ ดื่นๆ ก็ดื่มจนเมามายกลับมา 


 


 


           “หนานเจวี๋ย ทำไมคุณดื่มเยอะขนาดนี้อีกแล้วล่ะ” เอ่ยปากไม่พอใจ น้ำเสียงฉู่อีอีแหลมคมเล็กน้อย 


 


 


           ไม่ได้ตอบคำถามฉู่อีอี เผยหนานเจวี๋ยยื่นมือปัดมือของฉู่อีอีที่เอื้อมออกมาหา เหลือบมองเธอ จากนั้นก็เดินโซซัดโซเซไปยังห้องรับแขก 


 


 


           พิงร่างอยู่บนโซฟาอย่างอ่อนแรง เขาหลับตาลง 


 


 


           ฉู่อีอีอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็กัดริมฝีปากแดง เดินไปนั่งลงข้างๆ เผยหนานเจวี๋ย 


 


 


           “หนานเจวี๋ย คุณเป็นอะไรไป ทำไมช่วงนี้คุณถึงเย็นชากับฉันขนาดนี้ คุณรู้หรือเปล่าว่าหัวใจของฉันทรมานมากจริงๆ” มองดูผู้ชายที่ตัวเองรักตรงหน้า หัวใจของฉู่อีอีเจ็บจนไม่สามารถหายใจได้ 


 


 


           ดวงตาที่เย็นชาเบิกกว้าง มองดูคนตรงหน้าที่หน้าตาละม้ายคล้ายกับฉู่เจียเสวียน เขาส่ายหัว ต้องการทำให้ตัวเองตื่นตัวขึ้นมาบ้าง ฉู่อีอีที่อยู่ตรงหน้ากับลักษณะของฉู่เจียเสวียนมีชั่วขณะหนึ่งที่เหมือนกันมาก 


 


 


           “ดื่มเยอะไปจริงๆ ผมจะเห็นเขาได้ยังไง คุณกับเขาไม่เหมือนกันสักหน่อย” พูดพึมพำกับตัวเอง ริมฝีปากที่บอบบางของเผยหนานเจวี๋ยยกยิ้ม 


 


 


           ถ้าหากเป็นฉู่เจียเสวียนล่ะก็ เมื่อเห็นว่าเขาดื่มขนาดนี้ ก็จะเริ่มยุ่งเป็นพัลวันแล้ว จะกุลีกุจอเตรียมน้ำแกงแก้สร่างให้เขาและเตรียมผ้าขนหนูร้อนให้เขาแล้ว 


 


 


           ฉู่อีอีรู้โดยธรรมชาติว่าคำว่า ‘เขา’ ที่หลุดจากปากเผยหนานเจวี๋ยคือใคร ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในใจโกรธจนกัดฟันกรอด ฉู่เจียเสวียน ฉู่เจียเสวียนอีกแล้ว หรือว่าเขาจะชอบเธอเข้าแล้วจริงๆ 


 


 


           ไม่ เธอจะไม่อนุญาตให้ฉู่เจียเสวียนแย่งผู้ชายที่เป็นของเธอไปอย่างแน่นอน 


 


 


           “หนานเจวี๋ย ฉันคืออีอี” ฉู่อีอีสูดหายใจลึก พยายามข่มความโกรธในใจเอาไว้ พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะทำให้น้ำเสียงเป็นปกติ มือที่อยู่ข้างลำตัวกลับแสดงความโกรธของเธออกมา น่าเสียดายที่เผยหนานเจวี๋ยกลับมองไม่เห็น 


 


 


           “ฉันรู้ว่าคุณยังโกรธฉันที่คราวก่อนทำให้คุณใส่ร้ายฉู่เจียเสวียนใช่ไหม หนานเจวี๋ย เรื่องนั้นฉันก็อธิบายกับคุณแล้ว ถ้าคุณรู้สึกโมโหจริงๆ ละก็ ฉันยอมรับคำด่าของคุณ แต่ว่าได้โปรดคุณอย่าทรมานตัวเองแบบนี้ได้หรือเปล่า แผลคุณเพิ่งหายดี อย่าล้อเล่นกับร่างกายของตัวเองอีก ฉันก็ปวดใจเป็นนะ” 


 


 


           ฉู่อีอีเอ่ยปาก มองดูผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า แววตาเผยความเจ็บปวด 


 


 


           ริมฝีปากบางๆ เม้มกัน ได้ยินคำพูดของฉู่อีอีแล้ว หัวใจของเผยหนานเจวี๋ยก็รู้สึกขมขื่น “คุณปวดใจแทนผมจริงเหรอ” 


 


 


           “แน่นอนว่าต้องปวดใจแทนคุณอยู่แล้ว คุณรู้หรือเปล่า คุณทำแบบนี้หัวใจของฉันทรมานจริงๆ ฉันรู้ว่าถึงปากคุณไม่พูด แต่ในใจยังกล่าวโทษฉัน แต่ว่าฉันก็พูดไปแล้ว ครั้งนั้นเป็นเพราะฉันไม่ระวังเองจริงๆ” ฉู่อีอีเอ่ยปากอีกครั้ง 


    ตอนที่ 274 หรือว่าเมื่อก่อนเธอแสร้งทำตัวดีเกินไป


 


 


           “อีอี หวังว่าต่อไปคุณจะไม่หลอกผมนะ” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปากเรียบๆ แววตาเต็มไปด้วยความสับสน ใช่ว่าเขาจะไม่เข้าใจกลอุบายเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างผู้หญิง แต่การทำเรื่องเช่นนี้บ่อยเกินไปมีแต่จะทำให้เขาหมดความอดทนไปทีละน้อยๆ


 


 


           ฉู่อีอีในอดีตไม่ใช่แบบนี้แน่นอน


 


 


           เพราะฉู่เจียเสวียนปรากฏตัวเธอก็เลยไม่มีความรู้สึกปลอดภัยหรือเป็นเพราะว่านี่ก็คือนิสัยดั้งเดิมของเธอเพียงแค่เมื่อก่อนเธอแสร้งทำตัวดีเกินไปกันนะ?


 


 


           หวังว่าเรื่องเดียวกันนี้จะไม่เกิดขึ้นซ้ำสอง


 


 


           แน่นอนว่าฉู่อีอีเข้าใจความหมายในคำพูดของเผยหนานเจวี๋ย หัวใจเต้นระรัว สายตามองไปยังเผยหนานเจวี๋ยด้วยความสงบเป็นอย่างมาก


 


 


           “หนานเจวี๋ย คุณวางใจเถอะ ฉันสัญญาว่าคราวหน้าถ้าหากไม่มีหลักฐานฉันจะไม่พูดส่งเดชอีกแล้ว ครั้งนี้คุณยกโทษให้ฉันได้หรือเปล่า”


 


 


           “อีอี เรื่องครั้งนี้ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป ผมไม่โทษคุณ ดึกมากแล้ว ไปพักผ่อนก่อนเถอะ” เผยหนานเจวี๋ยพูดจบก็เดินขึ้นไปชั้นบนก่อน การก้าวเดินไม่มั่นคงนัก ฉู่อีอีเอื้อมมือต้องการจะประคอง แต่กลับถูกเผยหนานเจวี๋ยหลบหลีกเงียบๆ


 


 


           ตามเผยหนานเจวี๋ยไปตลอดทางจนถึงชั้นบน เดิมทีนึกว่าเผยหนานเจวี๋ยจะเข้าห้องนอน คิดไม่ถึงว่าเขาจะเปิดประตูห้องหนังสือทันที ยังไม่ทันรอให้เธอได้ตอบสนอง ประตูของห้องหนังสือก็ปิดเสียงดังปัง ปล่อยให้ฉู่อีอียืนตัวแข็งเป็นหินอยู่ที่เดิม


 


 


           มองประตูที่ปิดสนิทบานนั้น ความโกรธแค้นที่ฉู่อีอีอดกลั้นเอาไว้ในตอนแรกในเวลานี้ได้เอ่อล้นอยู่ในแววตาแล้ว มือที่อยู่ข้างลำตัวนั้นเล็บยิ่งจิกลึกเข้าไปในเนื้อ


 


 


           ฉู่เจียเสวียน ทั้งหมดคือความผิดของเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ เผยหนานเจวี๋ยก็จะไม่ทำแบบนี้กับเธอ ทั้งหมดเป็นเพราะเธอ ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห เดินเข้าห้องไปด้วยความเกรี้ยวกราด


 


 


           ในหัวนึกถึงเผยหนานเจวี๋ยที่ดื่มน้ำแกงที่เธอต้มวันนี้ ตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะส่งไปให้เขาอีก เธอจะต้องค่อยๆ เอาหัวใจของเผยหนานเจวี๋ยกลับมาที่ตัวเองอีกครั้ง เธอจะไม่อนุญาตให้ผู้หญิงคนอื่นที่นอกเหนือจากเธอเข้าใกล้เผยหนานเจวี๋ยอย่างแน่นอน


 


 


           วันต่อมาฉู่อีอีมาถึงบริษัทของเผยหนานเจวี๋ย เพิ่งจะถึงชั้นบน เลขาก็แจ้งว่าเผยหนานเจวี๋ยกำลังคุยงานอยู่ ฉู่อีอีพยักหน้า นั่งรอเผยหนานเจวี๋ยอยู่ในออฟฟิศของเขา


 


 


           ทันใดนั้นเกิดเหตุฉุกเฉิน ฉู่อีอีเข้าห้องน้ำไป คิดไม่ถึงว่าขณะที่ออกมาจะเห็นเงาของฉู่เจียเสวียน


 


 


           ดวงตาเบิกกว้างฉับพลัน เห็นฉู่เจียเสวียนที่ปรากฏตัวขึ้นกะทันหัน ฉู่อีอียิ่งโมโหในใจ


 


 


           หญิงเลวคนนี้ มายั่วผู้ชายของเธออีกแล้วเหรอ กำมือแน่น แอบก้าวเดินตามหลังฉู่เจียเสวียนไป พบว่าเธอเดินเข้าห้องประชุมตามคาด


 


 


           ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ความโมโหภายหัวใจของฉู่อีอีราวกับว่ากำลังจะระเบิดออกมาแล้ว


 


 


           เธอจะต้องทน แผนการที่ยิ่งใหญ่นั้นอาจถูกทำลายได้ด้วยเพียงความไม่อดทนเพียงนิดเดียว พูดกับตัวเองในใจซ้ำๆ หันหลังหยิบหม้อเก็บความร้อนแล้วตรงไปยังลานจอดรถทันที


 


 


           ที่ลานจอดรถ ฉู่อีอีนั่งอยู่ในรถ ตั้งใจรอฉู่เจียเสวียน เธอจะต้องสั่งสอนเธอสักหน่อย นึกถึงช่วงนี้ที่เสียเปรียบฉู่เจียเสวียนอยู่เสมอ บนใบหน้าของเธอเผยความโกรธแค้น


 


 


           ครั้งนี้ไม่ว่าบัญชีเก่าหรือใหม่ก็จะคิดให้หมด


 


 


           ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ในที่สุดฉู่อีอีก็รอจนฉู่เจียเสวียนปรากฏตัว เห็นใบหน้าที่เย่อหยิ่งของเธอ ความเกลียดชังในแววตาของฉู่อีอียิ่งหนักหน่วง ยื่นมือเปิดประตู รีบลงมาจากรถ


 


 


           “ฉู่เจียเสวียน” เสียงที่คมชัดแสบหูดังขึ้น ฉู่เจียเสวียนหยุดเดินตามสัญชาตญาณ


 


 


           หันไปยังที่มาของเสียง ก็เห็นฉู่อีอีกำลังมองเธอด้วยสีหน้าโกรธแค้น


 


 


           เลิกคิ้ว แหม ดูจากท่าทางเธอแบบนี้ เหมือนกับว่าตั้งใจรอเธออยู่ที่นี่สินะ


 


 


           “คุณหนูฉู่ บังเอิญจังเลย? คุณคงไม่ได้ตั้งใจอยู่ที่นี่เพื่อรอฉันหรอกนะ” เสียงที่สดใสระคนรอยยิ้มดังขึ้น ฉู่เจียเสวียนหันหลังไปเผชิญหน้ากับฉู่อีอี


 


 


 


 


      ตอนที่ 275 ลืมแล้วเหรอว่าลูกของเธอเสียไปได้ยังไง


 


 


           ฉู่เจียเสวียนมาประชุมหารือร่วมกับเผยหนานเจวี๋ย วันนี้เธอสวมกระโปรงครึ่งตัวสีเบจอ่อน เข้ากันกับหิวขาวดุจหิมะของเธอ ผมยาวที่หยิกเล็กน้อยปล่อยสยายอยู่ด้านหลัง บนใบหน้ามีรอยยิ้ม


 


 


           แววตาเผยความเย็นชา มองฉู่อีอีตาไม่กระพริบ


 


 


           เมื่อฉู่อีอีเห็นฉู่เจียเสวียนที่มีลักษณะสดใสและน่ารื่นรมย์ ความโมโหในใจก่อตัวขึ้น แววตาที่มองฉู่เจียเสวียนกลายเป็นความดุร้าย


 


 


           “ฉู่เจียเสวียน เธอมาที่บริษัททำไม มายั่วหนานเจวี๋ยเหรอ” ยิ้มเอ่ย ไม่สามารถมองเห็นความโกรธบนใบหน้าของฉู่อีอีได้ ก้าวเท้าเดินเข้าใกล้ฉู่เจียเสวียน


 


 


           เห็นว่าฉู่อีอีใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ใบหน้าของเธอเพียงแต่ยิ้มเย็นชา ไม่มีความขลาดกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว ดวงตาที่งดงามจ้องฉู่อีอีไม่กระพริบ


 


 


           ถ้าหากเป็นเธอเมื่อสามปีก่อน เมื่อเห็นฉู่อีอีคาดว่าเธอคงจะกลัวจนคิดอยากจะหนีสินะ คิดมาถึงตรงนี้ ฉู่เจียเสวียนยิ่งมองฉู่อีอีด้วยความกล้าหาญ


 


 


           “คุณหนูฉู่ คุณถามแบบนี้เพราะไม่เชื่อใจคนรักของคุณหรือว่าไม่เชื่อใจตัวเอง” ริมฝีปากแดงขยับขึ้นลง เธอมองฉู่อีอี ใบหน้าเปื้อนยิ้มดุจสายลมสดชื่นยามฤดูใบไม้ผลิ


 


 


           “ฉู่เจียเสวียนเธออย่าภูมิใจไป ไม่ช้าก็เร็วฉันจะให้เธอได้รู้ถึงความร้ายกาจของฉัน!” กัดฟันพูด ฉู่อีอีไม่สงบนิ่งต่อไปอีกแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของฉู่เจียเสวียน เธอยิ่งโมโห


 


 


           ตั้งแต่ที่ผู้หญิงคนนี้กลับประเทศมาก็มักจะมีท่าทางยโสโอหังอยู่เสมอ เธอเกลียดเธอที่เป็นแบบนี้ที่สุด


 


 


           “ฉันได้ลองความร้ายกาจของเธอมาแล้ว ทำไม เรื่องคราวที่แล้วเธอยังไม่เข็ดอีกเหรอ ครั้งนี้คิดลูกเล่นอะไรออกอีกล่ะ” พูดจาอย่างเมินเฉย ใบหน้าของฉู่เจียเสวียนไร้ซึ่งความกลัว


 


 


           เธอในตอนนี้จะกลัวเธองั้นเหรอ เธอกลัวว่าเธอจะไม่ทำอะไรมากกว่า


 


 


           ได้ยินฉู่เจียเสวียนพูดถึงเรื่องคราวที่แล้ว ฉู่อีอีโมโหจนกัดฟันกรอด คราวที่แล้วหากไม่ใช่เพราะเธอ หนานเจวี๋ยของเธอก็จะไม่เย็นชากับเธอถึงเพียงนี้


 


 


           แววตาที่มองฉู่เจียเสวียนเผยให้เห็นความเกลียดชังรุนแรง มือที่อยู่ข้างลำตัวกำแน่น ข่มความโกรธอยู่ในใจอย่างเอาเป็นเอาตาย


 


 


           อดทน เธอต้องอดทน เธอยังไม่ลืมเป้าหมายของตัวเองที่รอฉู่เจียเสวียนอยู่ตรงนี้


 


 


           “เรื่องคราวก่อนฉันประมาทเอง” ฉู่อีอีสูดหายใจเบาๆ จากนั้นเสียงที่หยิ่งผยองก็ดังขึ้น


 


 


           คราวก่อนเพราะเธอโชคดี ฉะนั้นจึงหาหลักฐานได้


 


 


           “เธอประมาทเกินไปแล้วจริงๆ ถ้างั้นครั้งนี้ที่ตั้งใจมารอฉันที่นี่เพราะเรื่องอะไรอีกล่ะ”


 


 


           “ฉู่เจียเสวียน เธอไปจากเมืองนี้ซะดีหรือเปล่า เธอไม่ชอบหนานเจวี๋ยไม่ใช่เหรอ ทำไมเธอยังอยู่ที่นี่ล่ะ” ฉู่อีอีเอ่ยปากสิ่งที่อยู่ส่วนลึกที่สุดในใจ จ้องเธอตาไม่กระพริบ


 


 


           ริมฝีปากแดงยกยิ้ม รอยยิ้มบนใบหน้าของฉู่เจียเสวียนยิ่งแจ่มใสกว่าเดิม “ฉู่อีอี เธอนึกว่าเธอเป็นใคร เธอมีสิทธิ์อะไรให้ฉันออกไป ฉันอยู่ที่นี่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย ฉันขอร้องเธอล่ะ ใช้ความคิดให้มากกว่านี้อีกนิดว่าจะมัดใจผู้ชายยังไงเถอะ”


 


 


           พูดจบก็หันหลังจากไป ในวินาทีที่หันไปนั้นเอง รอยยิ้มบนใบหน้าของฉู่เจียเสวียนจางหายไป


 


 


           มองดูฉู่เจียเสวียนที่กำลังจะจากไป ประมาณการว่าเผยหนานเจวี๋ยก็ใกล้จะลงมาแล้ว เธอรู้ดีว่าหากพูดกับฉู่เจียเสวียนดีๆ เธอจะต้องไม่ฟังอย่างแน่นอน ต้องบีบบังคับให้เธอใช้ลูกไม้นี้!


 


 


           “ฉู่เจียเสวียน เธอลืมแล้วเหรอว่าลูกของเธอเสียไปได้ยังไง”


 


 


           เพียงประโยคเดียวทำให้ฉู่เจียเสวียนหยุดเดิน เนื้อตัวสั่นเทาอยู่ที่เดิม ดวงตาเกิดอาการระคายเคือง


 


 


           สามปีมานี้ ลูกคือเหตุการณ์ที่เป็นฐานที่ใหญ่ที่สุดในใจของเธอ มันคือแผลเป็นที่เธอไม่สามารถแตะต้องได้


 


 


           หลายต่อหลายคืนที่เธอหลับฝัน ก็ฝันเห็นลูกคนนั้นของเธอที่ยังไม่ทันลืมตาขึ้นมาดูโลก ความเจ็บปวดก่อตัวขึ้นภายในใจ ฉู่เจียเสวียนหันกลับมา ความเย็นชาในดวงตายิ่งล้ำลึกกว่าเดิม


 


 


           ชาตินี้เธอไม่มีวันลืมว่าลูกของเธอตายยังไง!


      ตอนที่ 276 ลิ้มรสตบของเธอ


 


 


           เพียงพริบตาความโกรธก็เอ่อล้นในหัวใจ อดีตปรากฏอยู่ตรงหน้า ฉู่เจียเสวียนมองฉู่อีอีอย่างดุดัน แววตาคู่นั้นราวกับว่าต้องการจะกลืนกินเธออย่างไรอย่างนั้น


 


 


           “ลูก? เธอยังกล้าพูดเรื่องลูกกับฉัน?” พูดพลางปรี่เข้าไปหาฉู่อีอี


 


 


           ฉู่เจียเสวียนที่โกรธอย่างฉับพลันนั้นน่ากลัวจนต้องถอยหลังออกห่าง เห็นดวงตาที่เปี่ยมด้วยความคมกริบของเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉู่อีอีเห็นฉู่เจียเสวียนในอาการดุร้ายน่าหวั่นเกรงแบบนี้


 


 


           สามปีมานี้ เธอเจออะไรมากันแน่ ทำไมเธอถึงเปลี่ยนไปแบบนี้ เมื่อก่อนเห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้เป็นแบบนี้


 


 


           “ทำไมฉันจะไม่กล้าพูด” ดวงตาฉู่อีอีเป็นประกาย ถอยหลังออกไปโดยไม่รู้ตัว แม้แต่น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นสั่นเครือเล็กน้อย ดวงตาพร่ามัว


 


 


           น่าเสียดายฉู่เจียเสวียนที่กำลังโกรธไม่ได้เอะใจเลยสักนิดว่าทำไมสีหน้าของเธอถึงเปลี่ยนได้เร็วแบบนี้


 


 


           “ฉัน…” ฉู่อีอียังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกฉู่เจียเสวียนตัดบท


 


 


           “ฉันอะไรเหรอ” เห็นฉู่อีอีที่น้ำตาเอ่อล้นขอบตา น้ำเสียงของเธอยิ่งคมชัดกว่าเดิม ผู้หญิงคนนี้เมื่อสามปีก่อนก็แสดงอาการน่าเอ็นดูแบบนี้ ตอนนี้ยังจะอยากแสดงให้ใครดูอีก


 


 


           “การแสดงของเธอยังไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ! เธอนึกว่าฉันไม่รู้เหรอว่าเธอคิดจะทำอะไร เธอพูดเรื่องลูกของฉันเพราะคิดจะยั่วโมโหฉันล่ะสิ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ทำไมฉันจะไม่ตอบสนองเธอล่ะ” เป็นไปตามคาด พูดจบมือก็ร่วงลงเสียงดัง ‘เพี๊ยะ’


 


 


           ฉู่เจียเสวียนตบฉู่อีอีอย่างหนักหน่วง


 


 


           เดิมทีเธอจะไม่โกรธขนาดนั้นก็ได้ แต่ว่าลูกคือบาดแผลของเธอที่ไม่อาจแตะต้องได้ ไม่ว่าฉู่อีอีจะมีเป้าหมายอะไร เธอก็ไม่กลัวเธอ!


 


 


           “เธอกล้าตบฉัน?” ฉู่อีอีเงยหน้าขึ้นอย่างเหลือเชื่อ แววตามีประกายความโหดร้าย


 


 


           ริมฝีปากแดงยกยิ้ม แววตาที่ฉู่เจียเสวียนมองฉู่อีอีเปี่ยมด้วยความดูหมิ่น “ตบเธอแล้วยังไง เธอนึกว่าฉันไม่รู้ว่าเธอคิดจะทำอะไรเหรอ ลูกไม้นี้สามปีก่อนเธอก็ใช้แล้วไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ก็จะใช้แผนเดิม?”


 


 


           “เธอคิดว่าฉันจะกลัวเธอจริงๆ เหรอ” พูดจบ ฉู่เจียเสวียนทำท่าจะตบฉู่อีอีอีกครั้ง


 


 


           เพียงแต่ฝ่ามือรอบสองยังไม่ทันร่วงหล่น ก็ได้ยินเสียงตวาดดังขึ้น


 


 


           “ฉู่เจียเสวียน คุณหยุดนะ!” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวเย็นชา ใบหน้าหล่อเหลาเผยให้เห็นความเยือกเย็น


 


 


           เขาเห็นฉู่เจียเสวียนตบฉู่อีอีอย่างโหดร้ายมาแต่ไกล เสียงตบนั้นดังจนเขาได้ยินตั้งแต่ระยะไกลแล้ว


 


 


           เป็นไปตามคาด เมื่อเงยหน้าเห็นสีหน้าที่มืดมนของเผยหนานเจวี๋ย ฉู่เจียเสวียนยิ้มเยาะในใจ


 


 


           สองมือกอดอกมองเผยหนานเจวี๋ย มุมปากยกขึ้น ใบหน้ามีรอยยิ้มเยาะเย้ย


 


 


           รู้ว่าเขาเข้าใจตัวเองผิด แต่ว่าแล้วยังไงลั่ เธอไม่คิดที่จะอธิบาย


 


 


           “คุณเผย คุณมาก็ดี” เสียงที่สดใสดังขึ้น เมื่อนึกถึงการตายของลูก ดวงตาของฉู่เจียเสวียนยิ่งเยือกเย็นกว่าเดิม


 


 


           สีหน้าของเผยหนานเจวี๋ยมืดมนอยู่ตลอดเวลา ริมฝีปากบางๆ เม้มกันจนเป็นเส้นตรง มองดูฉู่เจียเสวียนเงียบๆ


 


 


           “คุณเผย รบกวนคุณดูแลผู้หญิงบ้านคุณให้ดีด้วย อย่าปล่อยให้เธอเสแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาและก่อเรื่องไปทั่ว”


 


 


           “ใช่ว่าทุกคนจะใจกว้างเหมือนฉัน ถ้าหากวันไหนคุณหนูฉู่ไปขัดใจคนใหญ่คนโตเข้า ฉันเชื่อว่าถึงตอนนั้นคุณเผยอยากจะปกป้องก็ปกป้องไม่ได้แล้วล่ะ” ฉู่เจียเสวียนกล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา


 


 


           พูดจบ ไม่ได้มองหน้าเผยหนานเจวี๋ยอีก ฉู่เจียเสวียนหันหลัง จากไปอย่างสบายใจ


 


 


           “หนานเจวี๋ย…” น้ำตาในดวงตาของฉู่อีอีร่วงลงทันใด ก้มหน้าสะอื้น “อย่าโทษพี่สาวเลย ฉันรู้ว่าฉันไม่ดีเอง ไม่ตั้งใจพูดจากระตุ้นเธอเข้าเธอก็เลยทำแบบนี้…”


 


 


           บนใบหน้าปวดแสบปวดร้อน ทำให้ฉู่อีอีแอบด่าฉู่เจียเสวียนอยู่ในใจ


 


 


           เดิมทีนึกว่าเผยหนานเจวี๋ยจะหยุดคนชั่วคนนั้นไว้ แต่คิดไม่ถึง เขาเพียงแต่มองแผ่นหลังของผู้หญิงคนนั้น ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลยแม้แต่นิดเดียว!


 


 


 


 


      ตอนที่ 277 ผมเห็นเรื่องเมื่อกี้หมดแล้ว


 


 


           สายตามองฉู่เจียเสวียนที่ยิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ ในใจของฉู่อีอียิ่งร้อนรน เมื่อเงยหน้าเห็นสีหน้าดำคล้ำของเผยหนานเจวี๋ยที่แทบจะหยดน้ำหมึกออกมาได้นั้น ฉู่อีอีตื่นตระหนกในใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเผยหนานเจวี๋ยน่ากลัวแบบนี้


 


 


           ตกใจจนไม่กล้าพูดอะไรไปชั่วขณะ ฉู่อีอีได้แต่ก้มหน้าต่ำ ยืนอยู่ด้านข้างเผยหนานเจวี๋ย แสร้งทำทีคับข้องใจ


 


 


           “กลับกันก่อน” หลังจากผ่านไปสักพัก ในที่สุดริมฝีปากที่บอบบางของเผยหนานเจวี๋ยก็พ่นคำพูดไม่กี่คำออกมา พูดจบก็หันหลังเดินล่วงหน้าไปที่รถก่อน


 


 


           และเมื่อฉู่อีอีได้ยินเผยหนานเจวี๋ยพูดว่ากลับนั้น ยื่นมือต้องการจะควงแขนของเขาตามจิตใต้สำนึก แต่ว่ามือที่ยื่นออกไปนั้นกลับคว้าได้เพียงความว่างเปล่า ในขณะนั้นเอง หัวใจของเธอก็ตื่นตระหนก


 


 


           เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรไป ทำไมตั้งแต่ที่ฉู่เจียเสวียนจากไปแล้ว เขาก็เย็นชากับเธอเช่นนั้น


 


 


           หรือว่าเขาจะเห็นเรื่องเมื่อกี้ ในใจคาดเดาด้วยความสงสัย


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยพาฉู่อีอีกลับมาที่วิลล่าแล้ว ในเวลานี้ เผยหนานเจวี๋ยกำลังเอาถุงน้ำแข็งช่วยประคบหน้าของฉู่อีอี


 


 


           ซีกหน้าที่ถูกฉู่เจียเสวียนตบจนแดงนั้น ในตอนนี้มีรอยฝ่ามือประทับชัดเจน


 


 


           ฉู่อีอีมองดูผู้ชายที่ริมฝีปากเม้มแน่นตรงหน้า ดวงตาของเธอส่องประกายน้ำตาชวนน่าสงสาร แต่ว่าในใจกลับเต้นระรัว ตอนนี้เธอยิ่งเดาเผยหนานเจวี๋ยไม่ออกแล้ว เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างที่อยู่เหนือความควบคุมของเธอ


 


 


           ครุ่นคิดสักพัก ฉู่อีอีตัดสินใจเอ่ยปากหยั่งเชิง


 


 


           “หนานเจวี๋ย คุณอย่าโทษพี่สาวเลย พี่สาวไม่ตั้งใจตบฉันหรอก” เอ่ยปากทำลายความเงียบ เสียงที่ไพเราะดุจนกขมิ้นดังขึ้น ดวงตาโตที่พร่ามัวของฉู่อีอีมองดูเผยหนานเจวี๋ยด้วยเสน่ห์ที่แตกต่างออกไป


 


 


           แต่ว่าเมื่อเผยหนานเจวี๋ยได้ยินคำพูดนี้ของฉู่อีอีแล้ว สีหน้าบนใบหน้ายิ่งมืดมนกว่าเดิม


 


 


           เห็นเผยหนานเจวี๋ยที่โกรธขึ้นมากะทันหัน ฉู่อีอีตกใจ เขารู้แล้ว


 


 


           “อีอี เรื่องแบบนี้ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้นซ้ำสอง หยุดทุกอย่างก่อนที่มันจะมากไปกว่านี้ ผมเห็นเรื่องเมื่อกี้หมดแล้ว”


 


 


           คำตอบของเผยหนานเจวี๋ยทำให้ฉู่อีอีอึ้งไป จากนั้นก็ดึงสติกลับมา ส่ายหัว น้ำตาในดวงตาร่วงลงมาจากดวงตาเบาๆ ตามศีรษะที่ส่ายไปมา


 


 


           เห็นฉู่อีอีหลั่งน้ำตา หัวใจของเผยหนานเจวี๋ยไม่ได้รู้สึกกระสับกระส่ายตามไปด้วย


 


 


           ราวกับอากาศแข็งตัว ห้องโถงใหญ่ที่เงียบสงัดได้ยินเพียงเสียงสะอื้นของฉู่อีอี


 


 


           “หนานเจวี๋ย ที่ฉันทำแบบนี้เพราะว่ารักคุณ ช่วงนี้คุณเย็นชากับฉันแบบนั้น ฉันปวดใจมากจริงๆ นะ เพราะฉันไม่มีความรู้สึกปลอดภัย ก็เลยทำแบบนี้ ฉันแค่อยากได้ความรักจากคุณ…” ยิ่งฉู่อีอีพูดถึงประโยคสุดท้าย ก็ยิ่งร้องไห้จนพูดไม่ได้


 


 


           “อีอี คุณน่าจะรู้ว่าคนที่ผมชอบคือคุณ ทำไมคุณถึงกลายเป็นแบบนี้” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวเย็นชา แววตาที่มองฉู่อีอีราวกับว่าไม่รู้จักเธออย่างไรอย่างนั้น


 


 


           ตั้งแต่เมื่อไรกันที่ฉู่อีอีเปลี่ยนไปจนทำให้เขารู้สึกเหมือนคนแปลกหน้าเช่นนี้ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเธอไม่ได้เป็นแบบนี้


 


 


           “หนานเจวี๋ย ฉันยังเป็นอีอีที่รักคุณ คุณอย่าโทษฉันเลยได้หรือเปล่า ฉันมัวแต่พะวงเรื่องส่วนได้ส่วนเสียของตัวเองมากเกินไป ฉะนั้นฉันถึงได้ทำเรื่องแบบนี้…” ฉู่อีอีร้องไห้จนร่างกายสั่นเทาไม่หยุด ดูแล้วน่าสงสารมาก


 


 


           “คราวหน้าอย่าทำเรื่องแบบนี้อีก คุณก็รู้ว่าผมเกลียด”


 


 


           เขาไม่ชอบฉู่อีอีที่เป็นแบบนี้ ฉู่อีอีที่เขารู้จักไม่ใช่แบบนี้ เธอมีจิตใจงดงาม


 


 


           ปลายเล็บฝังเข้าลงไปในเนื้อ ฉู่อีอีโกรธแค้นในใจ วันนี้เธอทำเรื่องตั้งเยอะขนาดนั้นคาดไม่ถึงว่ากลับเข้าทางฉู่เจียเสวียนนั่น และยังทำให้เผยหนานเจวี๋ยในตอนนี้รังเกียจเธออีกด้วย


 


 


           “ฉันก็แค่มีอารมณ์ชั่ววูบ ถึงได้ทำกับพี่สาวแบบนั้น หนานเจวี๋ย ฉันสัญญาว่าคราวหน้าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีก คุณเชื่อฉันได้หรือเปล่า”


 


 


           พูดจบ น้ำตาในดวงตาของฉู่อีอียิ่งไหลหนักกว่าเดิม ไหล่ก็สั่นไหวรุนแรง


 


 


           สุดท้ายเผยหนานเจวี๋ยก็แพ้ให้กับน้ำตาของฉู่อีอี ตัดสินใจจะไม่สืบสาวเอาเรื่องอีก


 


 


           “เอาเถอะ ครั้งนี้ก็ช่างมันเถอะ คราวหน้าอย่าให้มีแบบนี้อีก คุณเลิกคิดมากได้แล้ว”


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยมองดูฉู่อีอีที่ร้องไห้จนไม่เป็นตัวของตัวเอง ยื่นมือตบไหลของเธอเบาๆ พร้อมกล่าวปลอบโยนเธอ


      ตอนที่ 278 ความรู้สึกถึงภัยอันตรายของฉู่อีอี


 


 


           ฉู่อีอีได้ยินคำพูดของเผยหนานเจวี๋ยแล้ว ในใจมีความไม่สบายใจมาแทนที่ หรือว่าในใจของเขายังมีฉู่เจียเสวียนอยู่งั้นเหรอ


 


 


           “หนานเจวี๋ย ฉันรู้สึกปวดหัวไม่สบายนิดหน่อย คุณพาฉันขึ้นพักหน่อยได้หรือเปล่า” จู่ๆ ฉู่อีอีขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าเปลี่ยนเป็นดูไม่ดี


 


 


           ได้ยินว่าฉู่อีอีไม่สบาย เผยหนานเจวี๋ยรีบอุ้มฉู่อีอีขึ้นมาแล้วเดินขึ้นไปข้างบน


 


 


           ในห้องนอน หลังจากเผยหนานเจวี๋ยวางฉู่อีอีลงเรียบร้อยแล้ว บอกให้เธอพักผ่อนเยอะๆ แล้วเขาก็หันหลังจากไป แต่ว่าเพิ่งจะหันหลังก็ถูกฉู่อีอีรั้งมือเอาไว้


 


 


           หันกลับมาด้วยความสงสัย มองดูสีหน้าซีดขาวของฉู่อีอีอย่างงุนงง “อีอีเป็นอะไรไป” เสียงทุ้มต่ำน่าดึงดูดดังขึ้น เผยหนานเจวี๋ยยืนอยู่ที่ปลายเตียงก้มหน้ามองเธอ


 


 


           “คุณอยู่เป็นเพื่อนฉันได้หรือเปล่า วันนี้อย่าทำงานเลยได้หรือเปล่า” ฉู่อีอีกล่าว น้ำเสียงเจือปนความหวาดกลัว แววตาเผยให้เห็นความน้อยใจที่น่าสงสาร


 


 


           “อีอี ผมยังมีงานอีกเยอะที่ต้องจัดการ คุณเป็นเด็กดีนะ พักผ่อนเยอะๆ โอเคไหม ไว้ผมเสร็จธุระแล้วจะกลับมาอยู่เป็นเพื่อนคุณ” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการล่อใจลอยเข้าหูของฉู่อีอี


 


 


           แอบกัดฟัน ฉู่อีอีโมโหในใจ แต่ว่าเธอรู้ดีว่าเธอต้องมองภาพรวม ตอนนี้เผยหนานเจวี๋ยหมดความอดทนกับเธอแล้ว ถ้าหากเธอยังเป็นแบบนี้อีก เขาจะต้องเบื่อเธออย่างแน่นอน


 


 


           พยักหน้า ฉู่อีอีปล่อยชายเสื้อของเผยหนานเจวี๋ยอย่างเสียไม่ได้ จากนั้นก็หลับตา


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยยืนอยู่ที่เดิม จนเสียงหายใจดังขึ้นเป็นจังหวะต่อเนื่อง เขาจึงก้าวออกไปจากห้อง


 


 


           ในวินาทีที่ประตูปิดลง ฉู่อีอีลืมตาขึ้น ดวงตาเป็นประกาย มองดูประตูที่ปิดสนิทบานนั้น ผ้าปูเตียงถูกปลายนิ้วของเธอกำแน่นจนรูปร่างบิดเบี้ยว


 


 


……


 


 


สามวันต่อมา


 


 


           บริษัทกลุ่มกงจัดงานพบปะขึ้น ได้เชิญผู้มีชื่อเสียงมากมายเข้าร่วม แน่นอนว่ากงจวิ้นฉือก็ยังเชิญเผยหนานเจวี๋ยให้เข้าร่วมด้วย


 


 


           ไม่รู้ว่าทำไมช่วงนี้ถึงมีฝนตกพรำตลอดเวลา


 


 


           ในวิลล่า


 


 


           ฉู่เจียเสวียนสวมชุดเดรสสีฟ้ากึ่งพิงอยู่ที่หน้าต่าง มองดูรถเบนท์ลีย์สีดำของกงจวิ้นฉือที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ริมฝีปากแดงยกยิ้ม


 


 


           กงจวิ้นฉือลงมาจากรถ เห็นฉู่เจียเสวียนที่ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้ากะทันหัน ประกายความประหลาดใจผุดขึ้นในดวงตา


 


 


           ชุดเดรสสีฟ้าทั้งตัวทำให้เรือนร่างที่งดงามปราณีตของฉู่เจียเสวียนยิ่งผอมเพรียวและสง่างามกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ผิวขาวดุจหิมะ ยืนสูงเด่นอยู่ตรงนั้น ผมที่เกล้าขึ้นมาครึ่งหนึ่งนั้นเผยให้เห็นใบหน้าน้อยๆ ที่สดใสสวยงาม


 


 


           “จวิ้นฉือ คุณว่าชุดเดรสนี้ของฉันเป็นยังไงบ้าง” ฉู่เจียเสวียนมองกงจวิ้นฉือที่อยู่ตรงหน้าเอ่ยปากหยอกล้อ บนใบหน้ามีรอยยิ้มมั่นใจในตัวเอง


 


 


           กงจวิ้นฉือดึงสติกลับมา รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏอยู่บนใบหน้า ริมฝีปากบางยกขึ้น “เจียเสวียน คุณสวยจริงๆ” ร้องอุทานอย่างจริงใจ น้ำเสียงไพเราะเป็นอย่างมาก


 


 


           เปิดประตูรถให้ฉู่เจียเสวียนขึ้นไปนั่ง


 


 


           หลังจากที่รถแล่นอยู่บนถนนสี่สิบนาทีก็มาถึงโรงแรมแล้ว งานราตรีของกงจวิ้นฉือถูกจัดขึ้นที่นี่


 


 


           หลังลงจากรถก็เดินไปที่ประตูทางเข้า ฉู่เจียเสวียนยื่นมือควงแขนของกงจวิ้นฉือโดยธรรมชาติ ฉู่เจียเสวียนเป็นแฟนของกงจวิ้นฉือ ก็เป็นคู่เดทของเขาโดยธรรมชาติอยู่แล้ว


 


 


           ในโรงแรม ห้องโถงที่กว้างใหญ่ส่องสว่าง โคมไฟคริสตัลบนเพดานนั้นเปล่งประกาย แสงไฟส่องอยู่บนร่างกายทุกคนเบื้องล่าง อาหารและเครื่องดื่มละลานตา


 


 


           ฉู่เจียเสวียนยืนอยู่ข้างกงจวิ้นฉือ มองดูผู้คนขวักไขว่ เอ่ยถามเสียงเบา “คุณเชิญมากี่คน”


 


 


           “ผมเชิญทุกคนที่มีหน้ามีตาในเมืองมาหมดเลย ทำไมเหรอ” เสียงทุ้มต่ำของกงจวิ้นฉือดังอยู่ข้างหูของฉู่เจียเสวียน


 


 


           “เปล่า” กล่าวเรียบๆ บนใบหน้าของฉู่เจียเสวียนเผยรอยยิ้มสง่างาม คืนนี้เธอสวยเป็นพิเศษ


 


 


           ทันทีที่ฉู่เจียเสวียนกับกงจวิ้นฉือปรากฏตัวพร้อมกันที่งานในคืนนี้ ฉู่เจียเสวียนก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนทั้งงานไว้แล้ว


 


 


 


 


      ตอนที่ 279 เสน่ห์ของเธอ


 


 


           ที่ไกลๆ ตั้งแต่ที่ฉู่เจียเสวียนเข้ามาในงาน สายตาของเผยหนานเจวี๋ยก็ติดตามเธออย่างไม่ลดละ ถูกดึงดูดด้วยรอยยิ้มที่สวยงามของเธอในคืนนี้ ฉู่อีอีที่ยืนอยู่ข้างเขาโมโหจนกัดฟันกรอด


 


 


           เธออีกแล้ว ทุกครั้งที่เธอปรากฏตัวก็เพื่อยั่วยวนเผยหนานเจวี๋ย


 


 


           ที่ไม่ไกลนัก ฉู่เจียเสวียนรู้สึกได้ว่ามีสายจาจับจ้องอยู่ที่เธอ มองจนเธอรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว แต่ว่าเมื่อเธอสอดส่องสายตาหานั้น กลับไม่เห็นอะไรเลย


 


 


           “คุณหนูท่านนี้ รังเกียจที่จะเต้นรำกับผมไหมครับ”


 


 


           “ขอโทษนะครับ เขาเป็นคู่เดทของผม เกรงว่าจะไม่สะดวก”


 


 


           กงจวิ้นฉือที่ยืนอยู่ข้างฉู่เจียเสวียนตอบปฏิเสธออย่างมีมารยาท เขาไม่รู้ว่าเขาควรจะช่วยฉู่เจียเสวียนปฏิเสธสักกี่คน สงสัยว่าครั้งหน้าคงไม่สามารถปล่อยให้เธอแต่งตัวสวยเกินไปแล้ว


 


 


           ฉู่เจียเสวียนละสายตา พยักหน้าขอโทษกับคนนั้น


 


 


           “คุณดูคุณสิ มีเสน่ห์แค่ไหน คุณสะดุดตาแบบนี้ผมหึงนะ” กงจวิ้นฉือเอ่ยปาก น้ำเสียงเจือปนความสุข


 


 


           ผู้หญิงที่งดงามขนาดนี้เป็นแฟนของเขามันช่างดีจริงๆ


 


 


           “คุณควรจะดีใจที่มีแฟนที่ทั้งเก่งฉลาดแล้วก็สวยอย่างฉัน” ฉู่เจียเสวียนกล่าวชมตัวเอง รอยยิ้มบนใบหน้าสดใสราวกับดอกไม้


 


 


           ที่ไกลๆ เห็นฉู่เจียเสวียนกับกงจวิ้นฉือพูดคุยและหัวเราะกันอย่างสนิทสนม ในใจของเผยหนานเจวี๋ยไม่พอใจมาก


 


 


           เมื่อก่อนตอนที่เธออยู่กับเขาทำไมถึงไม่เคยเห็นเธอยิ้มแบบนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ก้าวเท้าตรงไปหาสองคนที่กำลังพูดคุยหยอกล้อกัน


 


 


           ฉู่อีอีตกใจ รีบเดินตามไป เมื่อเห็นชัดเจนแล้วว่าเป้าหมายที่เผยหนานเจวี๋ยปรี่เข้าหาคือฉู่เจียเสวียน ความเกลียดชังก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอ ถือไวน์แดงตามไปข้างๆ เผยหนานเจวี๋ยอย่างรวดเร็ว มือควงแขนของเขา


 


 


           “คุณกง คุณหนูฉู่” สองกันที่กำลังหัวเราะกันไม่ได้สังเกตโดยสิ้นเชิงว่ามีคนเดินตรงมาหาพวกเขา จนกระทั่งเสียงผู้ชายที่มืดมนดังขึ้นข้างกาย ทั้งสองคนจึงเงยหน้าขึ้นมามองคนที่เดินเข้ามา


 


 


           ริมฝีปากแดงยกยิ้ม เลิกคิ้วเล็กน้อย ดวงตาของฉู่เจียเสวียนมีรอยยิ้ม คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาจริงๆ นี่ทำให้เธอประหลาดใจมากเลยทีเดียว


 


 


           เดิมทีฉู่เจียเสวียนตามมาข้างๆ เผยหนานเจวี๋ย แต่ว่าขณะที่กำลังจะเข้าใกล้พวกเรา กลับถูกคนดึงตัวไว้ระหว่างทาง ในเวลานี้คนที่ปรากฏตัวต่อหน้ากงจวิ้นฉือและฉู่เจียเสวียนมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยมาแน่นอนว่าฉู่อีอีก็มาด้วยสินะ สอดส่องสายตา เป็นไปตามคาด ที่ไม่ไกลนัก ดวงตาทั้งคู่ของฉู่อีอีกำลังมองเธออย่างเป็นปรปักษ์ ในใจยิ้มเยาะ แต่กลับไม่แสดงสีหน้าพร้อมเอ่ยอย่างมีมารยาท “คุณเผย คิดไม่ถึงว่าคุณจะมาด้วย”


 


 


“คุณเผย ขอบคุณที่ให้เกียรติ” น้ำเสียงของทั้งสองคนประสานกัน ทำให้หัวใจของเผยหนานเจวี๋ยยิ่งทรมาน ความเยือกเย็นบนใบหน้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อย


 


 


           “งานเลี้ยงของคุณกง ต่อให้ยุ่งก็จะต้องเจียดเวลามา จริงสิ คุณหนูฉู่ พอดีเลย ผมมีเรื่องอยากจะถามคุณ สะดวกคุยกันตามลำพังไหม คุณกงคงจะไม่ถือสานะ”


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยกล่าว น้ำเสียงมืดมน ไฟโกรธในส่วนลึกของดวงตากำลังแผดเผาช้าๆ


 


 


           พูดจบ ยื่นมือดึงฉู่เจียเสวียนไปโดยไม่อนุญาตให้พูดอะไร กงจวิ้นยื่นมือต้องการจะรั้งฉู่เจียเสวียนไว้ตามจิตใต้สำนึก แต่ว่าฉู่เจียเสวียนกลับหันกลับมาแล้วใช้สายตาห้ามปรามเขา


 


 


           ริมฝีปากขยับเขยื้อน ในที่สุดก็ไม่ได้พูดอะไร สายตามองตามไปยังทิศทางของฉู่เจียเสวียน ที่จริงเผยหนานเจวี๋ยก็ไม่ได้พาฉู่เจียเสวียนไปไกลนัก แค่ลากเธอไปที่มุมหนึ่งเท่านั้น


 


 


           ฉู่เจียเสวียนสะบัดมือของเผยหนานเจวี๋ยออก จากนั้นก็หยุดยืน ริมฝีปากแดงอ้าเอ่ย “ไม่ทราบว่าคุณเผยมีเรื่องอะไรอยากหารือกับฉันเหรอ”


 


 


           ยกแก้วไวน์ในมือขึ้น จิบไวน์ในแก้วเบาๆ มองเผยหนานเจวี๋ยด้วยรอยยิ้มแจ่มใส


     ตอนที่ 280 ความสามารถในการยั่วยวนพัฒนาขึ้น 


 


 


           “คุณหนูฉู่ คิดไม่ถึงว่าไม่เจอกันสามปี ความสามารถในการยั่วยวนคนของคุณพัฒนาขึ้นนะ” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยยิ้มเย็นชา ในเวลานี้หัวใจของเขาถูกความโกรธเข้ามาแทนที่แล้ว 


 


 


           ได้ยินเสียงของเผยหนานเจวี๋ยที่เจือปนความโกรธอย่างเห็นได้ชัด ฉู่เจียเสวียนเลิกคิ้ว เธอจะยั่วยวนใครหรือเปล่าเกี่ยวอะไรกับเขา 


 


 


           “คุณเผย เธอจะยั่วยวนใครหรือเปล่าเกี่ยวอะไรกับคุณ คุณยุ่งเกินขอบเขตไปหน่อยแล้วมั้ง?” 


 


 


           กล่าวอย่างไม่เกรงใจ บนใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มดุจดอกไม้ ในใจกลับผุดรอยยิ้มเย็นชา 


 


 


           เขายุ่งเรื่องของคนอื่นมากไปหรือเปล่า ต่อให้เธอจะขึ้นเตียงกับใครเขาก็ไม่เกี่ยวมั้ง 


 


 


           ถูกคำพูดของฉู่เจียเสวียนทำเอาจุก มือของเผยหนานเจวี๋ยกำแน่นอย่างเอาเป็นเอาตาย สีหน้าเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด 


 


 


           นั่นสิ ตอนนี้เธอเป็นอะไรกับเขา ตั้งแต่ที่พวกเขาสองคนหย่ากันเมื่อสามปีก่อนก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ แล้ว ตอนนี้เขาจะโมโหไปเพื่ออะไรกัน 


 


 


           ที่ไม่ไกลนัก ฉู่อีอีเห็นเผยหนานเจวี๋ยอยู่ด้วยกันกับฉู่เจียเสวียน ไฟหึงก่อตัวขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจ เห็นใบหน้ายิ้มแย้มของฉู่เจียเสวียนที่เหมือนกับดอกไม้ ฉู่อีอีโกรธจนทนไม่ไหว 


 


 


           ยกแก้วไวน์ขึ้น ทิ้งคนพวกนั้นที่คุยสัพเพเหระกับเธอ ตั้งใจเดินไปหาเผยหนานเจวี๋ยกับฉู่เจียเสวียน 


 


 


           “พี่คะ หนานเจวี๋ย พวกคุณคุยอะไรกันเหรอ” ฉู่อีอีเดินเข้ามาใกล้ ใบหน้ามีรอยยิ้มสดใส มองใบหน้าที่ละเอียดอ่อนและสวยงามของฉู่เจียเสวียน แสร้งทำเป็นใจกว้างเป็นมิตร ไฟหึงในใจของเธอยิ่งหนักหน่วงขึ้น 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยมองฉู่อีอี ริมฝีปากบอบบางเม้มกัน ไม่พูดอะไรอีก ฉู่เจียเสวียนมองฉู่อีอีปากแดงยกยิ้มทำมุมสวยงาม 


 


 


           “คุณหนูฉู่” ฉู่เจียเสวียนชูแก้วขึ้นเป็นมารยาท เธอคิดไม่ถึงว่ากิริยามีมารยาทของเธอเช่นนี้จะทำให้ฉู่อีอีได้โอกาส 


 


 


           ฉู่อีอียกแก้วไวน์ขึ้นหมายจะชนกับแก้วไวน์ของฉู่เจียเสวียนที่ยื่นออกมา แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะจงใจทำมันหลุดมือ ไวน์แดงกระเซ็นออกมาจากแก้ว และเหมือนจะบังเอิญสาดอยู่บนหน้าอกของฉู่เจียเสวียน หน้าอกถูกย้อมสีแดงจางๆ ทันที 


 


 


           “ขอโทษ ขอโทษ พี่คะฉันไม่ได้ตั้งใจ” ฉู่อีอีวางแก้วไวน์ลง ต้องการจะยื่นมือไปช่วยฉู่อีอีเช็ดรอยเปื้อนบนชุดเดรสของเธอ 


 


 


           แต่ฉู่เจียเสวียนกลับถอยหลัง หลบหลีกมือของฉู่อีอีที่ยื่นออกมา 


 


 


           คิ้วขมวดกัน เงยหน้ามองฉู่อีอีอย่างเย็นชา เธอไม่ได้ตั้งใจจริงเหรอ 


 


 


           บ้าจริง ตอนนี้เดรสของเธอเปื้อนแล้ว จะต้องเปลี่ยน และยังบังเอิญมาเลอะตรงบริเวณนี้ด้วย ถ้าหากไม่ใช่ตรงนี้ล่ะก็ เธอยังสามารถคิดหาวิธีแก้ไขได้ 


 


 


           ตอนที่ออกจากบ้าน เธอก็ไม่เคยคิดว่าอาจจะเจอสถานการณ์อย่างนี้ เธอมีเดรสนี้เพียงชุดเดียว ทำไงดี? 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยมองดูเดรสของฉู่เจียเสวียนที่เปื้อนตรงหน้าอก ความอวบอิ่มของหน้าอกเกือบจะเผยออกมา ฉู่อีอีแอบภาคภูมิใจ แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด 


 


 


           “พี่คะ ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ชุดเดรสของพี่ใส่ไม่ได้แล้ว เพื่อเป็นการขอโทษ ฉันเอาเดรสของฉันให้พี่ใส่ดีกว่า ฉันเอามาเผื่อชุดนึงพอดี” ฉู่อีอีขมวดคิ้วพร้อมกล่าว สีหน้าขอโทษบนใบหน้าทำให้ฉู่เจียเสวียนเกิดสงสัยในใจ 


 


 


           แต่ว่าเธอในขณะนี้ก็ไม่มีแผนอื่นใด อีกทั้งเผยหนานเจวี๋ยก็อยู่ตรงนี้ ต่อให้ฉู่อีอีคิดร้าย ก็คงไม่กล้าทำอะไรโจ่งครึ่มแบบนี้แน่นอน 


 


 


           พินิจพิเคราะห์อยู่ในใจ ฉู่เจียเสวียนพยักหน้าแล้ว 


 


 


           ฉู่อีอีเห็นฉู่เจียเสวียนพยักหน้า ดีใจในใจ บนใบหน้ายังคงเปี่ยมด้วยความรู้สึกผิด 


 


 


           “หนานเจวี๋ย คุณรอพวกเราแปบนึงก่อนนะ ฉันจะพาพี่สาวไปเปลี่ยนเสื้อ” ฉู่อีอีเอ่ยแผ่วเบากับเผยหนานเจวี๋ยที่อยู่ข้างๆ จากนั้นก็หันหลังเดินนำฉู่เจียเสวียนไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อของงาน 


 


 


           ในห้องเปลี่ยนเสื้อ ฉู่เจียเสวียนถอดชุดเดรสที่เปื้อนออก ฉู่อีอีเอาชุดที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ยื่นให้ฉู่เจียเสวียน “พี่คะ ชุดอยู่นี่” 


 


 


 


 


 


     ตอนที่ 281 เผยเรือนร่างวัยสาว 


 


 


           ไม่สามารถได้ยินถึงความผิดปกติในน้ำเสียง มือขาวผุดผ่องของฉู่เจียเสวียนยื่นออกมารับชุดเดรสไว้ ตรวจทานชุดเดรสที่อยู่ในมืออย่างละเอียด เมื่อเห็นว่าไม่มีปัญหาเธอจึงสวมใส่ 


 


 


           ใช่ว่าฉู่เจียเสวียนใจแคบ แต่ว่าเธอไม่ไว้ใจฉู่อีอีจริงๆ ใครจะรู้ว่าเธอจะทำอะไรกับเสื้อผ้าไว้บ้าง อีกอย่าง ในฐานะที่เป็นดีไซเนอร์ การตรวจดูอย่างละเอียดกลายเป็นนิสัยของเธอไปแล้ว 


 


 


           เปลี่ยนเสื้อเรียบร้อยแล้วก็เปิดประตูห้องเปลี่ยนเสื้อ คาดไม่ถึงว่าจะพบฉู่อีอีรออยู่ข้างนอก เลิกคิ้ว เธอยังนึกว่าเธอไปแล้วซะอีก 


 


 


           เห็นฉู่เจียเสวียนสวมชุดที่เธอตั้งใจเตรียมไว้ รอยยิ้มในดวงตาของฉู่อีอีเข้มข้นขึ้น ฉู่เจียเสวียนรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าอารมณ์ของฉู่อีอีเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร 


 


 


           “พี่คะ พวกเราออกไปกันเถอะ เดี๋ยวหนานเจวี๋ยรอจนร้อนใจแย่แล้ว” พูดจบก็หันหลังเดินไปที่งาน ในวินาทีที่เธอหันหลังไป ส่วนลึกในดวงตาของเธอเผยประกายเคียดแค้น 


 


 


           ฉู่เจียเสวียน รออีกเดี๋ยวตอนที่เธอเผยเรือนร่างต่อหน้าทุกคนแล้ว ฉันจะดูว่าเผยหนานเจวี๋ยยังต้องการเธออีกไหม ริมฝีปากแดงยกยิ้มภูมิใจ เธอเดินเข้าไปหาเผยหนานเจวี๋ยอย่างอารมณ์ดีมาก 


 


 


           ยื่นมือควงแขนของเผยหนานเจวี๋ย เงยหน้ามองฉู่เจียเสวียน แววตาความบ้าคลั่งปรากฏอยู่ในดวงตา 


 


 


           ตอนนี้เธอถูกความหึงหวงครอบงำจนงุงงง ในใจเธอมัวแต่คิดจะทำลายฉู่เจียเสวียน ผลจะเป็นอย่างไรตอนนี้ไม่ได้อยู่ในความสนใจของเธอแล้ว 


 


 


           ฉู่อีอีนึกว่าชุดเดรสที่ฉู่เจียเสวียนสวมใส่เป็นตัวที่ถูกเธอทำให้ขาด นึกว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนของเธอ แต่ว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ ถ้าหากฉู่อีอีรู้ว่าชุดเดรสของเธอที่เธอเพิ่งจะลงมือเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ตอนนี้ได้ถูกเย็บติดโดยพนักงานชั่วคราวแล้ว เธอจะโกรธจนกระอักเลือดหรือเปล่า 


 


 


           ฉู่เจียเสวียนเพิ่งจะกลับเข้ามาในงาน กงจวิ้นฉือก็เข้ามาหา “เจียเสวียน ทำไมคุณเปลี่ยนชุดแล้วล่ะ” 


 


 


           กงจวิ้นฉือเอ่ยปากถาม มองดูฉู่เจียเสวียนที่เปลี่ยนชุดเดรสสีชมพูเปิดไหล่ ยิ่งเผยให้เห็นความงดงามของวัยสาว ในสายตาแล้วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชอบมากกว่าเดิม 


 


 


           เธอจะใส่อะไรก็สวย 


 


 


           “ไม่ระวังทำชุดเปื้อนน่ะ ทำไมเหรอ” ริมฝีปากแดงยกขึ้น มองกงจวิ้นฉือยิ้มสดใส 


 


 


           “อยากจะเชิญเจ้าหญิงแสนสวยของผมเต้นรำกับสักเพลงจะได้ไหม” กงจวิ้นฉือพูดจบ ทำท่าทีเชื้อเชิญอย่างสภาพบุรุษ ยื่นมือออกมาด้านหน้าฉู่เจียเสวียน 


 


 


           ฉู่เจียเสวียนยิ้ม ยื่นมือให้กงจวิ้นฉืออย่างไม่ลังเล 


 


 


           กงจวิ้นฉือจูงมือฉู่เจียเสวียนเดินไปยังฟลอร์เต้นรำ ทันทีที่เข้าฟลอร์ไป ทั้งสองคนก็เต้นรำอย่างสง่างาม สเตปการเต้นที่มีทักษะ ชายผู้หล่อเหลาและสาวผู้งดงาม ฉู่เจียเสวียนที่กำลังเต้นรำมองดูแล้วเลอค่าสูงส่ง ดูเป็นธรรมชาติแต่ไม่ทิ้งความผ่าเผย ท่าทางอ่อนหวานราวกับนางฟ้าในดงบุปผา 


 


 


           กงจวิ้นฉือมองดูฉู่เจียเสวียนอย่างลึกซึ้ง ฉู่เจียเสวียนเข้าใจความหมายในแววตาของกงจวิ้นฉือ แต่ไม่รู้ว่าทำไม ขณะที่เผชิญหน้ากับกงจวิ้นฉือแบบนี้ ในใจของเธอมักจะมีความรู้สึกผิดอยู่เสมอ 


 


 


           “เจียเสวียน คุณรู้หรือเปล่าว่าผมมีความสุขจริงๆ” พูดจบ กงจวิ้นฉือก็เหวี่ยงฉู่เจียเสวียนออกไปด้านหน้า หลังจากฉู่เจียเสวียนหมุนตัวรอบหนึ่งแล้วก็เต้นรำกับกงจวิ้นฉืออีกครั้ง 


 


 


           ฉู่เจียเสวียนยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร ตั้งใจเต้นรำ ไม่ได้สังเกตฉู่อีอีที่จับจ้องเธอจากที่ไม่ไกลโดยสิ้นเชิง 


 


 


           ตั้งแต่ที่ฉู่เจียเสวียนเข้าไปที่ฟลอร์เต้นรำกับกงจวิ้นฉือ ฉู่อีอีก็มองตามทั้งสองคนอยู่ตลอดเวลา มองอยู่เนิ่นนานก็ไม่เห็นชุดเดรสของฉู่เจียเสวียนขาดสักที อดไม่ได้จนต้องกัดฟัน 


 


 


           มันเรื่องอะไรกันแน่ ทั้งๆ ที่เธอทำซิปพังแล้ว ทำไมจนป่านนี้แล้วยังไม่เห็นชุดเดรสร่วงลงมาอีก ฉู่เจียเสวียนเต้นอย่างร้อนแรงแบบนั้น ทำไมถึงไม่ร่วงล่ะ 


 


 


           ในใจของฉู่อีอีไม่เชื่อในความชั่วร้าย วันนี้ถ้าไม่ทำให้ฉู่เจียเสวียนอับอายล่ะก็ ความโกรธในใจของเธอก็จะไม่หายไปไหน 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม