เนตรเซียนทะลุสมบัติ 272-278

 ตอนที่ 272 นายกเทศมนตรี


รถขับเข้าไปในลานจอด หยางโปผ่านแสงสลัวๆ ในที่สุดเขาก็เห็นใบหน้าของนายกเทศมนตรี อีกฝ่ายดูๆไปแล้วน่าจะอายุยี่สิบกว่าและยังหนุ่มมากๆ และสีผิวก็ขาวเช่นเดียวกับคนเจียงหนานมากกว่าชนกลุ่มน้อยที่นี่


หยางโปรีบเดินเข้าไป หยิบบุหรี่ออกมาแล้วส่งไปให้อีกฝ่าย ต้องรบกวนคุณแล้วจริงๆ


ชายคนนั้นหยิบบุหรี่ขึ้นมาและยิ้มให้หยางโป ” พวกคุณมาจากไหน ? ทำไมพวกคุณถึงอยากมาเที่ยวที่นี่ ? “


” พวกเรามาจากจินหลิง ผมมีเพื่อนสนิทที่อาศัยอยู่ใน หมู่บ้านชื่อสุ่ย เขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมจึงมาแจ้งข่าวร้ายนี้ ” หยางโปตอบ


ชายคนนั้นพยักหน้า พบว่าทุกคนออกมาจากรถแล้ว เขาหันกลับและเดินไปที่สำนักงานและขึ้นไปชั้นบนนายกเทศมนตรีพาไปที่ห้องประชุมและเปิดแอร์ แล้วหันมากล่าวกับทุกคน ” ต้องขอโทษด้วยจริงๆ สถานที่เรียบง่าย ทุกคนอย่าได้ถือสา ! “


 


” ไม่เป็นไรครับ ท่านนายกเทศมนตรี สามารถให้พวกเราพักพิงที่นี้ได้ พวกเรารู้สึกซาบซึ้งมากๆ ! ” หยางโปกล่าว


ทุกคนวางกระเป๋าเป้เอาไว้บนโต๊ะและหยางโปก็ถือโอกาสถาม ” นายกเทศมนตรี คุณไม่ใช่คนที่นี่ใช่ไหมครับ ? ฟังจากสำเนียงคุณเหมือนคนกรุงเลย “


นายกเทศมนตรีหัวเราะ ” ผมชื่อชุยอี้ฝาน เติบโตที่ปักกิ่ง “


หยางโปตกตะลึง ถอยหลังมาครึ่งก้าว เริ่มต้นมองฝ่ายตรงข้ามใหม่ ลักษณะเขาดูน่าจะอายุ 24-25 ปี ดูๆไปแล้วค่อนข้างคล้ายกันกับ ชุยอี้ผิง


ชุยอี้ฝาน รู้สึกประหลาดใจเมื่อเขาเห็นพฤติกรรมของ หยางโป ” ทำไม ? คุณรู้จักผมเหรอ ? “


หยางโปกำลังจะปฏิเสธ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าลัวย่าวหัวจะรีบกล่าว ” เอ่อ ! คุณดูคล้ายกับชุยอี้ผิงมากๆเลย ! “


 


ชุยอี้ฝานหันไปมองลัวย่าวหัวด้วยความประหลาดใจ ” นั่นคือพี่ชายของผม คุณรู้จักเขาด้วยเหรอ ? “


ลัวย่าวหัวหันไปมองหยางโป น้ำเสียงแปลกเล็กน้อย ไม่เพียงแต่ผมรู้จัก แต่ผมยังคุ้นเคยอีกด้วย !


ผมชื่อลัวย่าวหัว เขาชื่อหยางโป ตามที่คุณพูด เรารู้จักพี่ชายของคุณแน่นอน “


หยางโปหันไปมองที่ลัวย่าวหัว เขาไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับตระกูลชุยมากเกินไป และไม่คิดเลยว่าอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้สถานที่ห่างไกลขนาดนี้ยังจะมาเจอคนในตระกูลชุยอีก


ชุยอี้ฝานหัวเราะขึ้น มีท่าทีที่กระตือรือร้น พวกคุณรอก่อนผมจะไปเอาน้ำร้อนมาให้พวกคุณ อากาศหนาวแบบนี้ดื่มน้ำร้อนๆเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่นจะดีกว่า


พูดจบ ชุยอี้ฝานก็เดินออกไปข้างนอก ดูแล้วน่าจะไปสอบถามว่าพวกเขาเป็นใคร


 


หยางโปทำอะไรไม่ถูกจ้องมองไปที่ลัวย่าวหัว ” นายพูดอะไรไร้สาระจริงๆ ? “


ลัวย่าวหัวหัวเราะ ” ฉันทำสิ่งนี้เพื่อนาย ตอนนี้เขาโทรไปแล้ว มองกลับกันสถานะของพวกเราก็จะดีขึ้นมา พวกเราทุกคนทานมื้อเย็นกันแล้วรึยังล่ะ ? บางทีอาจจะสามารถทำอะไรกินได้นิดหน่อยก็ได้ ! “


ตาอ้วนหลิวพอรู้อะไรบางอย่าง ยังไงก็ตามหลูตงซิงไม่รู้เรื่องราวภายในและไม่เข้าใจ ” พวกคุณมีความสัมพันธ์ที่ดีเหรอ ? หรือว่าหยางโปมีความสัมพันธ์กับพี่สาว น้องสาวคนไหนในตระกูลของพวกเขา ? “


” ควรจะพูดว่าล้วนมีความสัมพันธ์ ! “ลัวย่าวหัวกล่าวแล้วหัวเราะ


” ล้วนมีความสัมพันธ์เหรอ ? ” หลูตงซิง รู้สึกประหลาดใจและอดไม่ได้ที่จะมองหยางโป


” อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของเขาเลย ” หยางโปทำอะไรไม่ถูก


ฮ่ะฮ่ะ ลัวย่าวหัว หัวเราะขึ้น ” ไม่ได้พูดล้อเล่นนะ พวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกัน เมื่อกี้นายกเทศมนตรีคนนั้นอาจเป็นลูกพี่ลูกน้องของหยางโปก็ได้ ! “


 


หลูตงซิงมองไปที่หยางโป ไม่รู้ว่าจะถามตรงเรื่องแบบนี้


ชุยอี้ฝานรีบกลับมาอย่างรวดเร็ว ที่มือของเขาไม่ได้ถือน้ำร้อนมาด้วย แต่มองไปที่หยางโปและมองดูทุกคนอีกครั้ง ” พวกคุณกินอะไรรึยัง ? “


ลัวย่าวหัวส่ายหน้า ยังไม่ได้กินเลยครับ แถวๆนี้ก็ไม่มีที่ให้กินอะไรเลย


” พวกคุณรอสักครู่ ผมจะขอให้ในครัวทำก๋วยเตี๋ยวให้พวกคุณได้อิ่มท้องสักหน่อย ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะพาพวกคุณไปทานอาหารจานเด็ดของชาวอี้ ! “


ลัวย่าวหัวเวลานั้นรู้สึกประหลาดใจแล้วกล่าว โอเค ถ้างั้นต้องขอบคุณมากจริงๆ !


” พวกคุณรอหน่อย ผมจะไปจัดการให้พวกคุณ ” พูดจบ ชุยอี้ฝานเหลือบไปมอง หยางโปแล้วเดินออกไป


ลั่วย่าวหัวมองไปที่หยางโป ” พวกเราใช้ประโยชน์จากนาย ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในใบหน้าของนาย ! “


 


พูดจบ ลัวย่าวหัวอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ” พวกเขาเป็นเด็กของครอบครัวใหญ่ดังนั้นจึงกล้าที่จะถูกส่งไปยังสถานที่แบบนี้ตั้งแต่อายุยังน้อยสถานการณ์ในพื้นที่ชนกลุ่มน้อยทางตะวันตกเฉียงใต้มีความซับซ้อนอยู่เสมอเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่สามารถเติบโตในพื้นที่รากหญ้าแบบนี้ได้จะประสบความสำเร็จอย่างมากในอนาคต ! “


ตาอ้วนหลิวพยักหน้า ” ฉันเคยได้ยินมาก่อนแล้วว่ามีครอบครัวใหญ่ๆ ที่ส่งลูกไปเรียนในระดับรากหญ้า ในเวลานั้นรู้สึกว่าพวกเขามีทรัพยากรที่ไม่ซ้ำใครและตอนนี้ฉันเห็นสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายแบบนี้ พอลองคิดดูว่าพวกเขาสามารถสร้างความสำเร็จได้นั้นมันไม่ง่ายเลยจริงๆ “


หลูตงซิงมองดูทั้งสามคนและรู้สึกประหลาดใจ ตอนแรกเขาคิดว่าหยางโปเป็นเพียงผู้ประเมินราคาอัจฉริยะของครอบครัวธรรมดาๆในจินหลิง แต่เขาไม่คิดเลยว่าครอบครัวที่น่าทึ่งของลัวย่าวหัวจะหนุนหลังเขาอยู่ คิดไม่ถึงเลยจริงๆ


 


ยังไงก็ตามเขาก็แอบดีใจ เขาเลือกที่จะร่วมมือและไม่ได้อยู่เบื้องหลัง


หยางโปไม่ได้พูดอะไรมากได้เพียงแต่นั่งรอ


ไม่นาน ชุยอี้ฝาน มาพร้อมกับถาดมีชามใหญ่สองใบบนถาด ตามด้วยลุงวัยกลางคนที่สวมใส่ผ้ากันเปื้อน


” ดึกมากแล้ว ก็มีส่วนผสมไม่มาก ผมขอให้ลุงกูจาทำก๋วยเตี๋ยวมาให้ทุกคนก็อย่าได้รังเกียจกันเลยนะครับ ” ชุยอี้ฝานกล่าว


” คุณอี้ฝานไม่ต้องสุภาพมากก็ได้ แค่ได้กินอะไรร้อนๆพวกเราก็ดีใจมากแล้ว ” ลัวย่าวหัวกล่าวแล้วหัวเราะ


ตาอ้วนหลิวอยากเข้าไปพูดกับกูจาซักคำสองคำ คิดไม่ถึงเลยว่ากูจาจะเข้าใจภาษาจีน แต่เขาพูดไม่ได้ ตาอ้วนหลิวต้องยัดบุหรี่เข้าไปในกระเป๋าของเขา สิ่งนี้ทำให้กูจายิ้มขึ้นมาได้ทันที


มีไข่ลวกในก๊วยเตี๋ยวและไก่แดงกับน้ำมันรสเผ็ด ผักสีเขียว ชั่งยั่วน้ำลายเมื่อได้เห็นมัน


 


ในขณะที่ก๋วยเตี๋ยวกำลังร้อนๆ ทั้งสี่คนก็นั่งลงกินกันเสียงดังซูดซาด ชุยอี้ฝานนั่งดูและไม่ได้พูดอะไร


ชั่วครู่หนึ่ง ทุกคนก็กินก๋วยเตี๋ยวในชามจนหมดแล้ว ลัวย่าวหัวยืนขึ้นจัดเก็บชาม หันไปถามกับชุยอี้ฝาน


” ห้องครัวอยู่ไหน ? ผมจะไปล้างให้เอง “


” ไม่เป็นไร ผมทำเอง ! ” ชุยอี้ฝานลุกขึ้นกล่าว


ลัวย่าวหัวรีบกล่าว ” ให้ผมทำดีกว่า ! “


ชุยอี้ฝานไม่ได้บอกปัด ” อยู่ข้างหลังคุณเดินไปแล้วจะเห็นเอง จริงสิ ผมให้กูจาช่วยต้มน้ำร้อนให้ทุกคน


และยืมผ้าห่มมาสามสี่ผืน แล้วพวกคุณกลับไปนอนบนพื้นตรงนี้นะ ! “


” อย่างนั้นก็ดีเลย ! ” ลัวย่าวหัวกล่าวแล้วหัวเราะ


หยางโปลุกขึ้นเพื่อจะไปช่วย แต่ลัวย่าวหัวจับเขาเอาไว้แล้วมองไปทาง ชุยอี้ฝานอีกครั้ง หยางโปก็ต้องนั่งลง


ตาอ้วนหลิวมองดูทั้งสองคนอย่างร่าเริง


 


” หยางโป เมื่อกี้พวกคุณบอกว่า “วันนี้พวกคุณไปที่หมู่บ้านชื่อสุ่ยมาเหรอ ? ” ชุยอี้ฝานถาม


หยางโปพยักหน้า ” ใช่ “


ชุยอี้ฝานพยักหน้า ” คุณได้เจอกับซูหนีมาแล้วเหรอ ? “


หยางโปมองด้วยความประหลาดใจและพยักหน้า ได้เจอแล้ว มีปัญหาอะไรรึเปล่า ?


ชุนอี้ฝานลังเลเล็กน้อยมองไปที่หยางโป ” ผมเพิ่งได้ยินข่าวลือบางอย่าง ก่อนหน้านี้มีคนนอกบางคนอย่างพวกคุณไปที่ หมู่บ้านชื่อสุ่ย แต่แล้วพวกเขาก็ตายหลังจากนั้นได้ไม่นาน “


ทันใดนั้นใบหน้าของหยางโปและอีกสามคนก็ซีดขึ้นมาทันที


ตอนที่ 273 สืบสวน


หยางโปมองไปที่ชุยอี้ฝาน ” ตายเหรอ ? “


ชุยอี้ฝานพยักหน้า ” มีผู้คนจำนวนมากที่ออกมาจากหมู่บ้านชื่อสุ่ย ต่อมาก็ออกจากที่นี่ไป มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ ผมอยู่ที่นี่มาปีกว่าแล้วก็ได้ยินมันมาโดยตลอด ดูเหมือนว่าเมืองเค่อเล่อทั้งเมืองจะมีความลับเกี่ยวกับหมู่บ้านชื่อสุ่ย ซึ่งมันลึกลับมาก “


พูดจบ ชุยอี้ฝานหันไปมองหยางโป ” พวกคุณไปทำอะไรที่หมู่บ้านชื่อสุ่ย ? “


หยางโปส่ายหน้าพูดลอยๆ ” ไม่ได้มีอะไร ก็แค่ไปหาครอบครัวของเพื่อนเพื่อแจ้งข่าวร้าย(ข่าวการตาย) แล้วก็ให้ซูหนีอวยพรให้พวกเรา “


 


เรื่องแผนที่สมบัติไม่ได้บอกออกไป ถึงแม้ว่าลูกพี่ลูกน้องราคาถูกคนนี้จะดูน่าเชื่อถือมากในตอนนี้ แต่หยางโปไม่สามารถไว้วางใจได้อย่างเต็มที่


” คนเหล่านั้น พวกเขาไปทำอะไรที่หมู่บ้านชื่อสุ่ยเหรอ ? ” หลูตงซิงถาม


ชุยอี้ฝานส่ายหน้า ” ผมก็ไม่แน่ใจ พวกเขาทั้งหมดมาที่หมู่บ้าน ชื่อสุ่ยด้วยเหตุผลหลายอย่าง หลังจากที่ได้พักที่นั่นทั้งคืน สำหรับต่อมาทุกอย่างก็เกิดเรื่องขึ้นหลังจากที่พวกเขาออกจากหมู่บ้านไป “


” แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าคนเหล่านั้นได้ตายไปแล้ว ? ” หลูตงซิงถามต่อ


ทุกคนกังวลและไม่มีใครคิดว่าแผนที่สมบัติจะทำให้เกิดหายนะแบบนี้ มันทำให้ทุกๆคนตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก


” เพราะว่ามีญาติๆมาตามหาพวกเขาที่นี่ ” ชุยอี้ฝานกล่าว


 


หยางโปอึดอัดใจ ” เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ ? “


ชุยอี้ฝานส่ายหน้า ” ผมก็ไม่รู้รายละเอียดมากนัก แต่ปู่ยามกู่ลี่ น่าจะรู้เรื่องนี้ดี ผมจะเรียกเขามา ถ้าหากพวกคุณมีเรื่องอะไรอย่าปิดบังเด็ดขาด เรื่องใหญ่ขนาดนี้ จะไม่ยอมให้เรื่องเกิดขึ้นที่นี่อย่างเด็ดขาด ! “


ชุยอี้ฝานเดินออกไป ทั้งสี่คนมองหน้ากันด้วยท่าทีที่ตื่นตระหนก


” นี้อาจจะไม่ใช่เรื่องจริงหรอก ? ” ลัวย่าวหัวยังคงไม่เชื่อ


” เขาคงไม่ได้โกหกพวกเราหรอก ” ตาอ้วนหลิวกล่าว


” สาเหตุของปัญหานี้มันอยู่ที่ไหนกันแน่ ? ” หยางโปสับสนมาก เขาคิดหน้าคิดหลัง ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเกิดเรื่องนี้ขึ้น


” เขาจะเป็นนักต้มตุ๋นรึเปล่า ? ” ลัวย่าวหัวกล่าวทันที


 


” นักต้มตุ๋นเหรอ ? ” หยางโปมองด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ตอนนี้ทุกคนเริ่มกังวล คิดว่ามันเป็นแค่โชคร้าย


แต่เมื่อคิดถึง ซูหนี ทั้งสามคนที่ประสบอุบัติเหตุในกรุงปักกิ่ง นี่ทำให้ทุกคนตระหนักได้ว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายเลย !


ไม่นาน ปู่ยามที่อยู่ข้างนอกประตูก็ถูกชุยอี้ฝานพาเข้ามา ปู่ยามกู่ลี่ดูๆไปแล้วน่าจะอายุ ห้าถึงหกสิบปี มีลักษณะผิวคล้ำมีริ้วรอยลึกฝังอยู่ เมื่อเขาเห็นทั้งสี่คน ก็ตกใจกลัว


” กู่ลี่ ทั้งหมดนี้คือเพื่อนของผม พวกเขามีเรื่องอยากจะถาม คุณต้องตอบตามความจริง หากพวกเขาประสบอุบัติเหตุ เรื่องนี้จะไม่เป็นไปตามที่ผมสั่ง คุณรู้ดีว่าจะทำให้ใครบางคนโกธร ” ชุยอี้ฝานจ้องมองไปที่ปู่ยาม


กู่ลี่ตัวสั่นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก้มหน้าโดยไม่พูดอะไร


 


หยางโปมองดู เรื่องที่นักท่องเที่ยวต่างถิ่นไปที่หมู่บ้านชื่อสุ่ย เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ ? “


กู่ลี่สะดุ้ง เขาหันมองไปที่ หยางโป และก้มหน้าอีกครั้ง ” มีคนเริ่มเข้ามาทีละคนสองคนเมื่อปีก่อน “


” มีกี่คนที่เคยไปที่หมู่บ้านชื่อสุ่ย ? ” หยางโปถามอีกครั้ง


” ผมไม่รู้ ที่มาถามทางผม นับพวกคุณด้วยก็มีสามกลุ่ม ” กู่ลี่พูด


” เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา ? ” ลัวย่าวหัวถาม


กู่ลี่ก้มหน้าลง ” ไม่รู้สิ ญาติๆ กลุ่มหนึ่งมาตามหาพวกเขา แต่ผมไม่รู้เลยว่าใครเป็นใคร “


ทั้งสี่คนมองหน้ากัน หลูตงซิงถาม ” พวกเขาได้พูดอะไรบ้างรึเปล่า ? “


กู่ลี่หันไปมองทั้งสี่คนแล้วแอบหันมามองชุยอี้ฝาน ” ผมจำคนที่พูดถึงสมบัติได้ “


 


” สมบัติเหรอ ? ” หยางโปค่อนข้างประหลาดใจ ไม่นานก็ตื่นตระหนกขึ้น ที่เรียกว่าสมบัติมีลักษณะไม่แน่นอนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง น่าจะเป็นแผนที่สมบัติต่างหาก !


” มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับพวกเขารึเปล่า ? ” หลูตงซิงถามต่อ


กู่ลี่ส่ายหน้า ” ผมรู้เพียงแค่เรื่องนี้ ถึงแม้ว่าผมจะเป็นชาวอี้ แต่ว่าผมไม่คุ้นเคยกับหมู่บ้านชื่อสุ่ยนั้นเลย พวกเขามาอยู่ที่นั้นเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน และไม่ได้ติดต่อกับเผ่าอื่นมากนัก ทุกคนบอกว่าเผ่าชื่อสุ่ยลึกลับเกินไป ! “


ทุกคนมองหน้ากันแล้วส่ายหน้า ตาอ้วนหลิวเดินเข้าไป เอาบุหรี่หนึ่งซองใส่ไว้ในมือของกู่ลี่ ” เอาล่ะๆ ขอบคุณมากสำหรับข่าว นี่ก็ดึกมากแล้ว กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ ! “


กู่ลี่ถือซองบุหรี่ หันไปมองชุยอี้ฝาน เห็นว่าเขาพยักหน้า แล้วจึงเดินออกไป


ชุยอี้ฝานมองไปที่หยางโป ” มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับพวกคุณเหรอ ? ถ้าพวกคุณต้องการความช่วยเหลือโปรดบอกผมมาได้เลย ถ้าคุณมาหาผมที่นี่แล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ผมก็คงจะไม่มีหน้าไม่พบอารอง ! “


 


ชุยอี้ฝานหยิบยกความสัมพันธ์ออกมา หยางโปไม่ได้พูดอะไรมากนัก เขามองและพยักหน้า ” บังเอิญว่าเรามีปัญหาอยู่ เราต้องการถอนเงินสด สองแสนหยวน ในคืนนี้มันสายเกินไปที่จะนัดหมาย ถ้าพรุ่งนี้เช้า ฉันก็กลัวว่าจะถอนเงินจากธนาคารนั้นไม่ได้ “


” เรื่องนี้ให้ผมจัดการก็แล้วกัน ” ชุยอี้ฝานลังเลเล็กน้อยแล้วรับปาก


” ยังไม่เช้าเลย พวกคุณพักผ่อนกันก่อน มีเรื่องอะไรอีกก็บอกผมมาได้เลย ! ” ชุยอี้ฝานกล่าว


หยางโปก็รีบพยักหน้า


จากนั้น กูจา ได้นำผ้าห่มสองสามผืนมาให้ ทั้งสี่คนล้างเท้าแล้วปูผ้าห่มที่พื้น แล้วจึงทอดตัวนอนลงไป


นอนอยู่บนพื้นโดยไม่มีหมอนและมีกลิ่นเหม็นเล็กน้อยบนผ้าห่ม แต่ไม่มีใครไม่ชอบมัน หยางโปจ้องมองบนเพดานด้วยความมึนงงเล็กน้อย


 


แต่ไหนแต่ไร เขาทำอะไรก็ราบรื่นมาโดยตลอด ทำให้เขาระมัดระวังหลังจากดูแผนที่ขุมทรัพย์แล้ว ความคิดมันถูกใส่เข้าไปอย่างสมบูรณ์และเขาไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งนั้นจะมีอยู่นอกเหนือความรู้ความเข้าใจของเขาด้วย !


” จะทำยังไงต่อไปดี ? ” ลัวย่าวหัวเอ่ยปากถาม ” ควรไว้ใจซูหนีรึเปล่า ? “


ตาอ้วนหลิวนอนอยู่ริมๆเขาหันหลังกลับมา ” พวกเรานั่งอยู่นิ่งๆไม่ได้แล้ว เราต้องสืบสวนให้ชัดเจน มิฉะนั้นหลังจากออกเดินทาง จะเกิดอะไรขึ้นอีกครั้ง พวกเราจะมาบอกว่าไม่มีเหตุผลก็ไม่ได้แล้ว ? “


หลูตงซิงลุกขึ้นมา ” ผมจะโทรไปถาม ตัวแทนแหวนทองคำคาร์เทียร์ลิมิเต็ดอิดิชั่นแต่ละอันมีหมายเลขและแม้แต่ข้อมูลของผู้ซื้อก็ยังถูกบันทึกเอาไว้ ฉันรู้จักตัวแทนของคาร์เทียร์ในประเทศจีน ฉันจะให้เขาตรวจสอบผู้ซื้อแหวนทองทุกคนในตอนนี้เลย ! “


” ยังมีฉินโถว ! ” หยางโปกล่าว “คำพูดของฉินโถวนั้นมีเจตนา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเราจำเป็นต้องตามหาเขาแล้ว ! “


 


” เราต้องสืบจากคนในครอบครัวเหล่านั้น ค้นหาสาเหตุที่พวกเขามาที่นี่ ! ” ตาอ้วนหลิวกล่าว ” ลองใช้วิธีการหลายวิธีในเวลาเดียวกันจะสามารถหาเบาะแสได้อย่างแน่นอน ! “


ทุกคนระดมสมองและในไม่ช้าพวกเขาก็ตัดสินใจแผนปฏิบัติการครั้งต่อไป แต่ละคนก็ต่างคนต่างก็เริ่มโทร


หยางโปโทรหา ชุยอี้ฝาน และขอให้เขาช่วยสืบจากญาติๆ ของคนเหล่านั้น !


หลังจาก หลูตงซิงโทรหาตัวแทนของคาร์เทียร์ แล้วโทรหาฉินโถวอีกครั้ง โดยไม่คาดคิดเลยว่าฉินโถวอยู่ในมณฑล เหอจางแล้ว หลังจากรับสาย เขาไม่แปลกใจเลย แต่บอกกับพวกเราว่าพรุ่งนี้เช้าเขาจะรีบมาที่นี่ !


เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ทุกคนก็นอนหลับกันอย่างสนิท


ตอนที่ 274 ความจริง


ตลอดทั้งคืน หยางโปได้ยินเสียงพลิกไปพลิกมา


ในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น ทั้งสี่คนก็ลุกขึ้นจากที่นอน ทุกคนเพิ่งจะล้างหน้าล้างตาและเห็นว่า ชุยอี้ฝานมาแล้ว


“ไป พวกเราไปทานมื้อเช้ากันเถอะ “


ทานมื้อเช้าในโรงอาหารด้านหลังอาคารเล็กๆสองชั้น กูจาได้เตรียมกัวปาโย๋เฝิ่น บะหมี่ผัดข้าวโอ๊ตเอาไว้แล้ว เพียงแต่ว่าทั้งสี่คนจิตใจไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัว เลยไม่รู้สึกอยากอาหารมากนัก


ชุยอี้ฝาน มองดู หยางโปแล้วขมวดคิ้ว ” ผมได้ติดต่อธนาคารไปแล้ว และที่สถานีตำรวจยังคงสืบสวนคดีนี้อยู่ ตอนเย็นๆน่าจะหาเจอ พวกเรากินมื้อเย็นเสร็จแล้วค่อยไปดูก็แล้วกัน ! “


หยางโปพยักหน้า ” ขอบใจมากเลย “


 


” คนกันเอง ใช่คนอื่นคนไกลกันซะที่ไหน ” ชุยอี้ฝานกล่าว ” จริงสิ อารองบอกว่าเขาจะโทรหาคุณในภายหลัง คุณมีเบอร์โทรเขาไหม ? “


หยางโปตกตะลึงเล็กน้อย ” มี ! “


สถานีตำรวจอยู่ไม่ไกลจากเทศบาล สถานีตำรวจไม่ใหญ่มากนัก สภาพด้านในก็รู้ๆกันอยู่ ผู้คนขวักไขว่กันไปมา เห็นชายหน้าดำคนหนึ่ง กำลังค้นหาข้อมูลที่ตู้เอกสาร


ชายหน้าดำมองไปที่ฝูงชน รอสักครู่ ผมกำลังจะหามันเจอแล้ว


ชุยอี้ฝานกล่าว ” ดี หม่าซั่ว ลำบากหน่อยนะ “


ชายหน้าดำยังคงค้นหาต่อไปและในไม่ช้าเขาก็เข้ามาพร้อมกับแฟ้มสีน้ำเงิน หาเจอแล้ว !


 


หยางโปและคนอื่นๆ ก็รีบเอาแฟ้มออกมาดู จ่าหม่าซั่วอธิบายอยู่ข้างๆ ” นี้เป็นบันทึกแจ้งความในเวลานั้น เพียงเพราะว่าเป็นคดีที่แปลกประหลาดเกินไป พวกเราตรวจสอบไปซักพักหนึ่งโดยไม่มีร่องรอยหลักฐานใดๆ ดังนั้นจึงถูกปิดคดี “


ทันใดนั้นหยางโปก็จับได้ประเด็นทั้งหมด ” แปลกเหรอ ? “


จ่าหม่าซั่วพยักหน้า “ใช่ มันแปลกมากๆ ! “


” คนที่มาแจ้วความบอกว่า หลังจากพ่อของเขาซื้อแผนที่ขุมทรัพย์ เขาก็ตอบรับคำเชิญและรีบไปที่หมู่บ้านชื่อสุ่ย แต่หลังจากพ่อของเขาออกจากหมู่บ้านชื่อสุ่ย เขาก็กลับบ้านและเสียชีวิตทันทีโดยไม่ทราบสาเหตุ ดังนั้นพวกเขาจึงสงสัยว่า ที่หมู่บ้านชื่อสุ่ย ใช้มนต์ดำและสาปแช่งพ่อของเขา ! ” จ่าหม่าซั่ว กล่าวอธิบาย


หยางโปตกตะลึง เหตุผลเหล่านี้ฟังดูแปลกๆ ยังไงก็ตามจากประสบการณ์ส่วนตัวเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เขาก็ไม่มีข้อสงสัย ” แผนที่ขุมทรัพย์ ? คำสาป ? “


 


จ่าหมาซั่วพยักหน้า ” พวกเราไปที่หมู่บ้านชื่อสุ่ย เพื่อตรวจสอบ แต่พวกเขาบอกว่าหลังจาก พวกเขามาถึงหมู่บ้านชื่อสุ่ย ชูหนีให้เหวยทูแก่พวกเขาคนละอันเพื่อเป็นเครื่องรางนำโชคหลังจากนั้นก็จากไป “


” เหวยทู ? ” หยางโปและอีกสามคนจ้องมองกันและกันด้วยความตกใจ


จ่าหม่าซั่วเมื่อเห็นห่วงโซ่ทองแดงที่หยางโปและลัวย่าวหัวห้อยอยู่ ก็ตกใจทันที ” เหวยทู ! พวกคุณเพิ่งออกมาจากหมู่บ้านชื่อสุ่ยเหรอ ? “


ลัวย่าวหัวพยักหน้าแบบไม่รู้ตัว


จ่าหม่าซั่วก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก เขามองไปที่ชุยอี้ฝาน ” ท่านนายกชุย ไม่ใช่ว่าผมจะโฆษณาความงมงายในระบบศักดินา พวกเราชาวยี่มีความเคารพอย่างมากต่อชูหนีในเผ่า พวกเขาเป็นศาสดาในเผ่าของเรา เท่าที่ผมรู้ เหวยทูคือเครื่องรางชนิดหนึ่ง แต่ถ้าในระหว่างกระบวนการปลุกเสก หากมีจิตรอาฆาตพยาบาท จะเกิดปัญหาขึ้นทันที “


 


ทันใดนั้น หยางโปก็ถึงกับตกตะลึง เขาจ้องไปที่ เหวยทู ต่อหน้าต่อตา เมื่อวานนี้ที่เขาเห็น แรกๆก็ไม่เจอปัญหาใดๆ แต่ดูเหมือนว่าในตอนนี้ กลับพบว่าเขาเห็นควันดำโพยพุ่งขึ้นออกมาจาก เหวยทู !


หยางโปถอดเหวยทู แล้ววางมันลงบนโต๊ะ ” พวกคุณเคยเห็นเหวยทู แบบนี้มาก่อนไหม ? “


จ่าหม่าซั่วส่ายหน้า ” ไม่ ผมทำมันหายหลังจากเกิดอุบัติเหตุก็ไม่เห็นอีกเลย “


หยางโปรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยและมองไปที่ทั้งสามคน ” ถอดออกเถอะ ผมรู้สึกว่ามันผิดปกติ “


เมื่อถอดเหวยทู มือถือของ หลูตงซิง ก็ดังขึ้น เขามองดู ” ฉินโถว “


พูดจบ เขาหันหลังแล้วเดินออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอก


ชุยอี้ฝานมองดูหยางโป ” คุณโอเคไหม ? “


หยางโปส่ายหน้า ยิ้มแล้วกล่าว ” คุณวางใจได้ ผมโอเค “


 


ชุยอี้ฝาน ลังเลเล็กน้อย ” หลังจากนี้อีกไม่นาน อารองอาจโทรหาผมอีกครั้ง ผมจะบอกเขาถึงเรื่องเหล่านี้ตามความเป็นจริง ผมหวังว่าคุณจะไม่รังเกียจ “


หยางโปส่ายหน้า ไม่ได้พูดอะไรมาก


หลูตงซิง วางสายและพูดกับทุกคนว่า ออกไปกันเถอะ , ฉินโถวมาถึงแล้ว


เมื่อออกมาจากสถานีตำรวจไปที่ถนนสายกลาง หยางโปก็เห็นรถคันหนึ่งแล่นเข้ามา ในไม่ช้า ก็มาหยุดต่อหน้าพวกเขา


ฉินโถวมีรูปร่างผอมและเคราแพะบนคางของเขาพลิ้วไหวไปตามลม เขาเดินเข้ามาและพยักหน้าให้ หลูตงซิง


” เถ้าแก่หลู เราได้พบกันอีกครั้งแล้ว “


หลูตงซิงก็พยักหน้า พร้อมกับยื่นมือออกไปจับมือทักทายกัน ” คราวนี้ต้องถึงมืออาจารย์ฉินแล้ว “


ฉินโถวหันหน้ากลับไปมองแล้วเห็นว่าจ่าหม่าซั่วอยู่ข้างๆ เขาก็อดไม่ได้ที่จะทำหน้านิ่วคิ้วขมวด


 


ชุยอี้ฝานสังเกตท่าทีของทุกคน เมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้ ในใจก็รีบร้อนและเขาก็รีบดึงจ่าหม่าซั่วออกมา ยิ้มแล้วกล่าว ” พวกคุณพูดคุณกันเถอะ ผมและจ่าหม่าซั่วยังมีงานที่ต้องทำอีก “


” โอเค เดินทางดีๆนะครับ ” หลูตงซิงกล่าว


เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินออกไป อาจารย์ฉินค่อยโล่งใจ ” เถ้าแก่หลู พวกเรามาหาที่นั่งคุยอธิบายรายละเอียดกันเถอะ “


หลูตงซิงพยักหน้า ทั้งคู่ขับรถออกมาจากเมืองเค่อเล่อ รวมตัวกันในทุ่งโล่งด้านนอก


หลูตงซิงอธิบายสถานการณ์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ให้ฟัง ทั้งยังเอาเหวยทูส่งให้อาจารย์ฉินโถว ” อาจารย์คิดว่ายังไง ? “


ฉินโถวหยิบเหวยทูเขย่าเล็กน้อย ” พวกคุณให้แผนที่กับเขาไปเหรอ ? “


 


หลูตงซิงพยักหน้า ” ถูกเขาเอาไป “


ฉินโถวสัมผัส เหวยทู และเขาหยิบเหรียญโบราณออกมาและขว้างมัน แล้วจึงกล่าว ” เหวยทูนี้ไม่ควรสวมใส่มัน ถึงแม้ว่า เหวยทูจะช่วยคุณแก้ปัญหาเรื่องโชคร้ายได้ แต่มันจะนำอันตรายที่ซ่อนอยู่มาให้มากขึ้น ! “


ทั้งสี่คนล้วนหันมามองที่ฉินโถว หลูตงซิงถาม ” อาจารย์ฉิน คุณรู้จักซูหนีในหมู่บ้านชื่อสุ่ยไหม ? “


ฉินโถวตกตะลึง ” ทุกๆเผ่าย่อมมีซูหนี ตอนนี้เผ่าต่างๆ ได้เลิกการสืบสารวัฒนธรรมแล้ว ถ้านี่เป็นชนเผ่าชื่อสุ่ยจริงๆ อย่างนั้นผมก็รู้จักดี “


ทุกคนล้วนตกใจ หยางโปสังเกตเห็นว่าอาจารย์ฉินกำมืออย่างแน่น เส้นเลือดที่ข้อมือปูดขึ้นและดูเหมือนว่ามีความโกรธที่รุนแรงมาก


” อาจารย์ฉิน พวกเราร่วมมือกันมาหลายปี และครั้งนี้ พวกเราเชื่อมั่นในตัวคุณมาก แต่คุณได้ชักจูงให้เราทำเรื่องนี้ ! “


 


หลูตงซิงสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในการแสดงออกของ ฉินโถว และดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเขาก็เปลี่ยนไป


รอยยิ้มบนใบหน้าฉินโถวนั้นช่างน่ากลัวเสียจริงๆ และค่อยๆผ่อนคลายลง ” เถ้าแก่หลู พวกคุณสามารถมั่นใจได้เลยว่า อันที่จริงแล้วโชคร้ายของพวกคุณเมื่อก่อนไม่ได้ร้ายแรง แม้จะไม่มีกระบี่ไม้ท้อ พวกคุณก็ยังสามารถมาที่นี่ได้อย่างปลอดภัย ความโชคร้ายเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่ดึงดูดให้พวกคุณมาที่นี่ ในเรื่องนี้คุณอย่าไปตำหนิหลวงจีนลึกลับนั้นเลยผมบังคับให้เขาทำแบบนั้น “


” ที่คุณพูดหมายความว่ายังไง แม้ว่าจะไม่ได้ส่งแผนที่ขุมทรัพย์กลับมา พวกเราก็จะปลอดภัยไม่ได้มีผลกระทบใดๆอย่างนั้นเหรอ ” หยางโปเอ่ยปากถาม


อาจารย์ฉินพยักหน้า ทั้งยังหันไปมองหยางโป ” มันเป็นความจริงที่ว่าวิสัยทัศน์ของผมนั้นถูกต้อง พวกคุณแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปจริงๆ ถึงแม้ว่าชายชราที่ตายไปแล้วจะมีเหวยทูที่ทรงพลังมาก คุณก็ไม่ได้รับอันตรายใดๆเลย “


ตอนที่ 275 ความขุ่นเคืองในอดีต


หลูตงซิงมองไปที่อาจารย์ฉิน ” ผมไม่อยากได้ยินอะไรจากคุณมาก ปัญหาในตอนนี้คือ พวกเราควรจะทำยังไงต่อไป ? “


อาจารย์ฉินหัวเราะขึ้น ” ทำตามที่เขาต้องการ ! “


มือถือของหลูตงซิงดังขึ้น เขาไม่ได้หลบเลี่ยงทุกคนเช่นเคย จึงรีบรับสาย ” เจอแล้วเหรอ ? “


” คนที่ซื้อแหวนทองคำนี้ ชื่อว่า จือมู่ เป็นชาวอี้ งั้นหรือ ? ” ทันใดนั้นเสียงของหลูตงซิงก็ดังขึ้น ” โอเค ฉันเข้าใจแล้ว “


ทุกคนล้วนแต่หันไปมอง หลูตงซิงพูดกับทุกคนว่า ” จือมู่ เป็นคนซื้อแหวนทองคำนั้นไป “


” จือมู่เหรอ ? ทำไมถึงเป็นเขาได้ ? ” ลัวย่าวหัวมองด้วยความเหลือเชื่อ


หลูตงซิงหัวเราะขึ้นมา ” ทำไมถึงไม่ใช่เขาล่ะ ? “


 


ลัวย่าวหัวหยุดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็จ้องมอง ” จือมู่เป็นสมุนที่เป็นหูเป็นตาของซูหนี ! แต่ว่า พวกเขาก็ได้รับโบราณวัตถุของอาณาจักรเย่หลางมากมาย หมายความว่าพวกเขาควรรู้ที่ตั้งของหลุมฝังศพโบราณแห่งอาณาจักร เย่หลาง แล้วทำไมพวกเขาต้องทำแบบนี้ด้วย ? “


ในเวลานี้ ทุกคนเต็มไปด้วยความสงสัย ทุกคนต้องการพบซูหนีโดยเร็วที่สุด และหาเขาเพื่อถามสถานการณ์ที่ชัดเจนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ !


แต่ว่า ทันทีที่คิดถึงเวทมนตร์ของซูหนี หยางโปและคนอื่นๆก็ลังเลขึ้นมาอีกครั้ง หยางโปมองไปที่ฉินโถว


” อาจารย์รู้จัก ซูหนีดีไหม ? อาจารย์รู้รึเปล่าว่า ความโชคร้ายอะไรจะเกิดขึ้น ? “


ฉินโถวอธิบาย ” นั่นเป็นเวทมนตร์คุณไสยของชาวยี่ ! ต้นกำเนิดลึกลับมักเป็นที่รู้จักกันโดยเฉพาะซูหนีเท่านั้น !


แต่ชีวิตของซูหนีส่วนใหญ่อาจไม่ได้ใช้เพียงครั้งเดียว คุณไสยแบบนี้มันจะต้องเจ็บปวดอย่างแน่นอน ! “


 


” เขาใช้สื่ออะไรที่ใช้ในการแพร่กระจาย ? ” หยางโปถามอีกครั้ง


ฉินโถวลังเลขึ้นมา ใช้เวลาคิดอยู่สักพักแล้วจึงกล่าว ” ไม่จำเป็นต้องกระจายสื่อ นี่เป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดและบางครั้งก็ไม่ชัดเจนว่า เขาแพร่กระจายยังไง “


พูดจบ ฉินโถวเงยหน้ามองทั้งสี่คน ” ผมอยากเห็นซูหนีของหมู่บ้านชื่อสุ่ย พวกคุณพาผมไปที่นั่นหน่อย ! “


” ถ้าถึงตอนนั้นเขาทำคุณไสยใส่เรา แล้วพวกเราจะทำยังไง ? ” ตาอ้วนหลิวเอ่ยปากถาม


ฉินโถวกล่าวอย่างไม่ลังเล ” พวกคุณวางใจเถอะ ผมจะไม่ปล่อยให้เขามีชีวิตต่อไปในวันพรุ่งนี้ นี่เป็นเวลาหลายปีที่ผมมีชีวิตอยู่ เพื่อวันหนึ่งที่ผมจะได้พบกับซูหนีอีกครั้ง ! “


หยางโปรู้สึกหวาดผวา เขามองไปที่ฉินโถว เมื่อเห็นใบหน้าอันดุดันของเขาเหมือนว่าเขาและชูหนีจะมีความ


โกธรแค้นบาดหมางกัน อย่างกับถูกพรากพ่อ พรากเมียไปยังไงอย่างนั้น


” คุณมีอะไรเกลียดชังกับเขารึเปล่า ? ” ลัวย่าวหัวถามอย่างรอบครอบและระมัดระวัง


 


ฉินโถวเงยหน้าขึ้นมองและยิ้มกว้าง ” ผมเจอที่นี่แล้ว การไปที่หมู่บ้านชื่อสุ่ยในครั้งต่อไป แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องให้พวกคุณช่วย ! “


ทุกคนมองไปที่ฉินโถว และต่างก็ขมวดคิ้ว แต่หลูตงซิงก็ยังพยักหน้า ” โอเค พวกเราเชื่อคุณ ! “


พูดจบ หลูตงซิงก็นำหน้าทุกคนขึ้นรถไป


เป็นเพราะจากคำทักทายของ ชุยอี้ฝาน และเงินสด สองแสนที่ถูกกดออกมาอย่างรวดเร็ว


ทุกคนไม่สามารถถามอะไรฉินโถว เพิ่มเติมได้ ทุกคนไม่รอช้าขึ้นรถแล้วมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านชื่อสุ่ยทันที


ชุยอี้ฝานมองหยางโปและคนอื่นๆจากไป แล้วหันมาพยักหน้าให้จ่าหม่าซั่ว ” ไป พวกเราก็ไปด้วย ตามอยู่ห่างๆ อย่าเข้าไปใกล้มากเกินไป อย่าให้พวกเขาจับได้ “


จ่าหม่าซั่ว ” ครับผม ! “


 


หลังจากขึ้นรถแล้วมือถือของ ชุยอี้ฝานก็ดังขึ้น เขาก็หยิบมันขึ้นมาดู


” สวัสดีครับ อารอง “


” สวัสดี ตอนนี้เขาไปกันแล้ว … ที่เผ่านั้นลึกลับมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งซูหนีในเผ่าเป็นที่น่าเคารพนับถือและเป็นที่พึ่งของคนทั้งหมู่บ้าน มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะโดนคุณไสย “


” อารอง อาวางใจเถอะ ตอนนี้ผมกำลังรีบตามไป ตั้งแต่ที่เขามาหาผมที่นี่ ผมจะปกป้องเขาอย่างเต็มที่อย่างแน่นอน ผมจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายเขาได้เลยแม้แต่น้อย ! “


มือถือของหลู่ตงซิงก็แทบจะไม่ได้หยุดใช้งาน


” อืม ฉันรู้แล้ว…พวกแกมัดพวกมันเอาไว้แล้วสอบถามให้ได้ความล่ะ ! “


 


หลูตงซิงวางสาย แล้วหันไปกล่าวกับทุกคน ” บอดี้การ์ดของฉันพบว่ามีคนขายวัตถุโบราณของอาณาจักร


เย่หลางสามคนที่ข้างนอก ฉันขอให้พวกเขาถามว่าพวกมันมาจากหมู่บ้านชื่อสุ่ยหรือเปล่า


” ถ้าเป็นอย่างที่พูด อย่างนั้นพวกเขาพบสมบัติของอาณาจักรเย่หลางแล้วรึยัง ? ” หยางโปถามทันที


ทุกคนต่างก็คิดถึงเรื่องนี้ ตาอ้วนหลิวกล่าว ” นี่ดูเหมือนว่า น่าจะเป็นแบบนั้น “


ในรถเงียบสงบลงชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนกำลังคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป นึกถึงการติดต่อกับซูหนี หยางโปอดคิดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เมื่อเขาทำให้ชาวบ้านทุกคนให้ความเคารพนับถืออย่างมาก แต่เขากลายเป็นคนโลภมาก


สภาพอากาศค่อนข้างมืดมนลมเย็นและเมฆมืดครึ้มกำลังมา ถนนบนภูเขาสูงชันมาก แม้ว่าจะไม่ได้ใช้สัญญาณไฟจราจร แต่การขับขี่ยังคงช้า


 


ใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมงและเกือบสองชั่วโมงเพื่อให้ทุกคนมาถึงหมู่บ้านชื่อสุ่ย


มือถือของหยางโปก็ดังขึ้น เขามองดู เป็นเบอร์แปลกที่โทรมาจากปักกิ่งแต่ก็ไม่รับสาย เขาเลยกดวางสาย


มีหมอกและฝนตกปรอยๆ ปกคลุมพื้นที่ ลัวย่าวหัวถือกระเป๋าบรรจุเงิน สองแสนหยวน ปล่อยฉินโถวเอาไว้ในรถ ทุกคนปีนขึ้นไปบนภูเขา


เมื่อเข้าไปในหมู่บ้านแล้ว หยางโปก็เห็นอาหลี อาหลีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแล้วหันไปโปกมือให้หยางโป


หยางโปยิ้มตอบกลับ เขาคิดในใจ เกรงว่าจะไม่มาที่หมู่บ้านนี้อีกแล้ว


เขาเข้าไปเคาะประตูบ้านของซูหนี ครู่หนึ่ง ก็เห็นซูหนีเดินออกมาอย่างสบายๆ


ลัวย่าวหัววางกระเป๋าเงินเอาไว้ที่พื้น ” พวกเรามาคุยกัน นี่คือเงินสดสองแสนหยวน “


 


ซูหนีมองลัวย่าวหัวรูดซิปกระเป๋า เมื่อเขาเห็นเงินสดสองแสนหยวนในนั้นดวงตาของเขาก็ลุกวาว เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้ม ” โอเค พวกคุณรักษาสัญญาที่ให้ไว้ ! “


” ซูหนี พวกเราอยากรู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อไป ? ” หลู่ตงซิงถาม


หยางโปยืนอยู่ใกล้ๆ รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ตั้งแต่มาถึงที่นี่พวกเขาไม่มีทางควบคุมโชคชะตาของตัวเองเลย


ทำได้เพียงเชื่อฟังคำสั่งของซูหนีซึ่งเป็นศัตรูของพวกเขาเท่านั้น


ซูหนีหัวเราะ ” พวกคุณมั่นใจได้เลย แค่มาดื่มน้ำมนต์หนึ่งชามทุกปัญหาก็จะหมดไป ! “


พูดจบ ซูหนีหันเข้าไปในห้องหยิบเหล้าหนึ่งขวดแล้วเดินไปหาทั้งสี่คน ” นี่คือขั้นตอนสุดท้ายแล้ว “


เมื่อจ้องไปที่ขวดเหล้าในมือของซูหนี ทันใดนั้นทั้งสี่คนก็เป็นอันว่าเข้าใจแล้ว ว่าทำไมคนเหล่านั้นถึงตาย !


ซูหนีเดินไปที่กลางลาน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่แสนหวาน เสียงของเขาต่ำและดูใจดีมาก


” ดื่มมันเลย ! “


 


” ชื้อสุ่ยปี้หมอ แกยังจำฉันได้ไหม ? “


ทั้งสี่คนกระเถิบออกจากหน้าประตู ฉินโถวเดินเข้ามา ดวงตาของเขาแดงก่ำและจ้องตรงไปที่ซูหนี และเรียกเขาว่า ” ชื้อสุ่ยปี้หมอ ! ” ปี้หมอและซูหนีมีความหมายเดียวกัน


ซูหนีก็ตกตะลึงทันที เขาเหล่ตามอง ” ดูเหมือนฉันจะจำแกได้ ดูเหมือนจะคุ้นเคยเล็กน้อย “


ฮ่า ฮ่า ฉินโถวหัวเราะ ” ยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ที่แกหนีไป หนีจนมาถึงภูเขาและสันเขาที่แห้งแล้งที่นี่ ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีวันนี้ ? “


ตอนที่276 ติดกับดัก


ซูหนีเหล่ตามอง ” แกนี่เอง ! “


ฉินโถวเดินเข้ามา ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่ซูหนี ใบหน้าของเขาดูเยือกเย็นดุดัน ” แกยังจำฉันได้ แต่หลายปีมานี้ทุกช่วงเวลาในหัวของฉันยังคงนึกถึงแก ! “


ซูหนีหัวเราะเบาๆ ” เป็นเวลาหลายปีแล้วและความเกลียดชังก็ควรจะลดลง “


” เหลวไหล ! ” ฉินโถวเดินเขาไปอย่างช้าๆแล้วกล่าวตำหนิ ” พ่อของฉันปฏิบัติต่อแกเหมือนมือและเท้า สาบานต่อทะเลและภูเขาว่าจะรักกันชั่วฟ้าดินสลาย มีความมั่นคงร่ำรวย พี่ชายของฉันปฏิบัติต่อแกไม่ต่างจากพ่อ แล้วแกทำกับเขายังไง ? ไอ้เดรัชฉาน ! “


พูดจบ ฉินโถวก็เร่งฝีเท้าของเขาและเดินไปข้างหน้า


 


ซูหนีถอยห่างออกไป เขาหนีและรีบเร่งอย่างมาก เขาขว้างขวดเหล้า แล้วเดินถอยสองสามก้าวเข้าประตูไป และปิดประตูดัง ” ปัง “


ฉินโถวก้าวไปข้างหน้าและกระแทกประตู ดูเหมือนประตูที่ทรุดโทรมนั้นจะแข็งแกร่งมาก จนเขาไม่สามารถเปิดประตูออกได้


” มีขวานอยู่ตรงนั้น ” ลัวย่าวหัวชี้ไปที่มุมบ้าน


ฉินโถวรีบวิ่งไปเอาขวาน จามขวานไปที่กลางประตูทำให้ประตูเปิดออกทันที


ฉินโถวเดินถือขวานเข้าไป ทันใดนั้นหยางโปก็รู้สึกกังวลขึ้นมา ” จะฆ่าเขาไหม ? “


” แน่นอน ” หลู่ตงซิงกล่าว ” ฉันเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับสามพ่อลูกตระกูลฉินมาก่อน แค่เพียงในเวลาที่เจอเขาฉินฟู่จื่อเป็นเพียงคนเดียวที่คิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องแบบนี้ ! “


” ตาแก่นี่ชั่วร้ายจริงๆ ! ” ลัวย่าวหัวกล่าวขณะที่เขาหยิบขวดเหล้าที่ซูหนีทิ้งเอาไว้ ” มีปัญหาเกี่ยวกับขวดเหล้านี้รึเปล่า ? “


 


” อย่าเปิดมัน กลับไปแล้วค่อยทดลอง ! ” หยางโปกล่าว


ลัวย่าวหัวพยักหน้า ” ก็ได้ “


ยังไงก็ตาม เขาตอบสนองทันทีและวางขวดลงบนพื้น ” ฉันมักจะรู้สึกว่าชายชรานั้นชั่วร้าย ขวดนี้เลยไม่สามารถสัมผัสได้ “


พูดจบ เขาก็เดินตรงไปที่ห้อง ” ปัง “เสียงกระแทกประตูครึ่งหนึ่งที่ไม่ได้เปิดออก


ลัวย่าวหัว ตกตะลึงแล้วอุทาน ” มีประตูหลังอยู่ที่นี่ ! “


หยางโปและคนอื่นๆ ไม่ได้ยินเสียงการต่อสู้ข้างใน พวกเขาคิดว่าฉินโถวสามารถทำได้สำเร็จอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ยินเสียงโห่ร้องของ ลัวย่าวหัว หยางโปจึงรีบเข้าไปดู


หลังจากเข้าไปในบ้าน เขาเห็นงานแกะสลักไม้ที่มีธูปดำอยู่กลางบ้านและด้านล่างของงานแกะสลักเป็นประตู เล็กๆ ที่มีความสูงหนึ่งเมตรและกว้างครึ่งเมตรที่ทะลุไปด้านหลัง


ลัวย่าวหัว ก้มหัวและเดินทะลุไปทางด้านหลัง


 


ตาอ้วนหลิวก็ก้มลงตามไป หยางโปมองเข้าไปในห้องแล้วเห็นว่าการตกแต่งนั้นเรียบง่ายมาก มีเก้าอี้ไม้และชุดน้ำชาวางอยู่บนโต๊ะ ด้านข้างมีเตียงพร้อมทีวี ทุกอย่างมันดูเรียบง่ายและธรรมดามาก


แต่เมื่อหยางโปมองไปอย่างใกล้ชิด พบว่าเตียงไม้ที่อยู่ด้านข้างเป็นเตียงไม้ชิงชัน ลักษณะภายนอกของโต๊ะ ไม่ได้ทาสี แสดงให้เห็นลายไม้ชิงชังที่เด่นชัดขึ้น ชุดน้ำชาชุดนั้น กลายเป็นว่า เป็นชุดน้ำชาสีน้ำเงินและสีขาวที่ทำขึ้นในสมัยจักรพรรดิคังซีแห่งราชวงศ์ชิง ครบชุดสมบูรณ์ !


หยางโปรู้สึกตกใจเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นผ้าลายดอกไม้สีฟ้าตกลงมาอยู่ข้างเขา เขาเดินเข้าไปเปิดผ้าลายดอกไม้สีฟ้าและเห็นกล่องพัสดุ มีตัวอักษรภาษาอังกฤษอยู่บนกล่อง เวลานั้นชั่งน่าประหลาดใจจริงๆ


หลู่ตงซิงก้มหน้าลงตั้งใจที่จะทะลุผ่านเข้าไป เมื่อเห็นหยางโปเดินไป ก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา ยิ่งเมื่อเขาพบว่าหยางโปกำลังยกกล่องใต้ผ้าปูที่นอนขึ้นมาก็ตกใจ ” ปาเต็ก ฟิลิปป์ วาเชอรอง คองสตองแตง คาลวิน ไรอัน …”


 


หยางโปจ้องมองแล้วเปิดกล่องปาเต็ก ฟิลิปป์ ที่อยู่ตรงหน้าเห็นนาฬิกาที่ฝังเพชรสีทองอยู่ข้างในกล่อง


เปิดกล่องวาเชอรอง คองสตองแตงก็มีนาฬิกาอยู่ข้างในด้วย ! แต่ในกล่อง คาลวิน ไรอัน ว่างเปล่า


หยางโปหันไปมองหลู่ตงซิง หลู่ตงซิงหัวเราะขึ้น ” นี่คือแบรนด์ชุดชั้นใน “


หยางโปตกตะลึงและโยนกล่องทิ้งลง ” ซูหนีนี้ร้ายกาจจริงๆ ! “


” พวกเรารีบไปกันเถอะ ! ” หยางโปพูด


วิ่งออกจากหลังบ้านเป็นซอยแคบๆ ในซอยสองข้างทางเชื่อมต่อกันด้วยสนามของชาวบ้านที่อยู่อาศัยในหมู่บ้าน ไม่มีประตูทางออกในซอย มีแค่ตรงไปข้างหน้าได้อย่างเดียวเท่านั้น !


หยางโปวิ่งออกไป ก็เห็นซูหนีกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่ โดยถูกฉินโถวจ่อปืนไปที่หน้าผาของเขา พวกเขาเผชิญหน้ากัน โดยมีลัวย่าวหัวและตาอ้วนหลิวยืนอยู่ห่างๆ


วิ่งไปหอบไป หยางโปกำลังจะเอ่ยปากกล่าว แต่ก็ได้ยินฉินโถวกล่าว ” ฉันจะไม่ให้โอกาสแกอีกแล้ว ! “


 


” ปัง ! ปัง ! “


เสียงปืนดังสองนัดติดกัน หยางโปตกตะลึงจนตาค้าง เขาเห็นซูหนีถูกยิงเข้าที่กลางหัวใจ


การแก้แค้นของฉินโถวได้สำเร็จลงแล้ว เขาคุกเข่าลงกับพื้น ร้องไห้และหัวเราะ


บรรยากาศรอบๆเงียบสงัด สายลมพัดผ่านเข้ามา ทำให้หยางโปสั่นสะท้าน


เสียงปืนดังขึ้นมาได้ครู่หนึ่ง ชาวบ้านจู่ๆ ก็เร่งรีบและตื่นตระหนก พวกเขามองหาที่มาของเสียงปืน


ในที่สุดฉินโถวก็ยืนขึ้น ดูเหมือนว่าเขาจะแก่ขึ้นมาสิบปี เขาหลังค่อมลงแล้วเดินเซไปเซมา


เดินไปไม่ไกลจากซูหนี แล้วเขาก็หันมาหัวเราะ


คิดไม่ถึงเลย ซูหนีเงยหน้าขึ้นมามอง ฉินโถวกระโดดเอาเท้าลงอย่างแรง และวิ่งไปข้างหน้ากอดซูหนีแล้ววิ่งตรงไปยังหน้าผาทันที


 


 


และกระโดดลงไป คนสองคนเหมือนนกที่มีปีกที่หัก ตกลงไป


ชุยอี้ฝานและจ่าหม่าซั่วรีบวิ่งเข้ามา พวกเขาเห็นการกระโดดครั้งนี้ จ่าหม่าซั่วก็ล้มตัวลงมือจับไปที่หัวเข่าหายใจหืดหอบ


ถามเป็นระยะๆ ” ทั้งสอง … ทั้งสองคนคือใคร “


” หนึ่งในนั้นคือซูหนีในหมู่บ้านชื่อสุ่ย ” หลู่ตงซิงอธิบาย


” อะไรนะ ? ” จ่าหมาซั่วตกใจ เขาหันไปมองหลู่ตงซิง ” เขาคือ…คือซูหนีเหรอ ? “


หลู่ตงซิงพยักหน้า


จ่าหม่าซั่วตบต้นขาเบาๆ ” ยังไม่หนีไปอีก ! จะรอการโดนล้อมเหรอ ? “


หยางโปและคนอื่นๆ มีปฏิกิริยา สถานะของชูหนีในหมู่บ้านนั้นสูงมากจริงๆ แล้วเมื่อคนอื่นๆ ในหมู่บ้านรู้ว่าซูหนี ถูกฆ่าตาย พวกเขาก็จะเกาะกลุ่มกันไว้ไม่ทิ้งห่าง


 


แต่เมื่อพวกเขาจะวิ่งออกไปทางประตูหลัง ก็เห็นว่าชาวบ้านในหมู่บ้านล้อมพวกเขาเอาไว้แล้ว ในมือของชาวบ้านกำลังจับจอบถือขวาน จ่าหม่าซั่วซึ่งกลัวที่จะเดินไปข้างหน้าจึงปิดประตูทันที


จ่าหม่าซั่วตะโกนออกมา ” พวกคุณจะทำอะไร ? “


” รีบส่งซูหนีออกมา ถ้าเขาไม่ออกมา วันนี้ก็จะไม่มีใครได้ออกไป ! ” ชาวบ้านข้างนอกตะโกน


ซูหนีไม่ได้อยู่ที่นี่ ” พวกคุณเข้ามาและตรวจสอบได้เลย ” จ่าหม่าซั่ว ” แต่พวกคุณต้องให้ความปลอดภัยกับพวกเราด้วย ! “


” ถ้าพวกคุณไม่ได้ทำอันตรายซูหนี พวกเราก็จะปล่อยพวกคุณออกไป ! “


 


ชุยอี้ฝานขมวดคิ้ว เขาหยิบมือถือออกมาแล้วโทรเรียกสำนักความมั่นคงสาธารณะ เหตุการณ์ในวันนี้ต้องเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ ไม่สำคัญว่าเขาจะอยู่ที่นี่ แต่หยางโปต้องไม่ถูกกักตัวเอาไว้ที่นี่ !


จ่าหม่าซั่วพยักหน้าให้ชุยอี้ฝานและตะโกนออกไปข้างนอก ” พวกคุณส่งตัวแทนเข้ามาได้เลย ! “


” ได้ ผมจะเข้าไป ! ” ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมา หยางโปมองไป พบว่าเขาก็คือเด็กหนุ่ม อากั๋ว !


ตอนที่ 277 หลอกลวง


เด็กหนุ่มอากั๋วเป็นคนแรกที่ลุกออกมา ทำให้ทุกคนตกตะลึง เมื่อตอนที่ซูหนียังอยู่ เขาเป็นบุคคลสำคัญของทั้งหมู่บ้าน ทุกคนจะทำตามความประสงค์ของเขา ตอนนี้ซูหนีไม่อยู่ ทั้งหมู่บ้านเหมือนขาดบุคคลผู้เป็นปากเป็นเสียง


อากั๋วไม่เหมาะสมเขายังเด็กเกินไปและเขามีบารมีไม่เพียงพอ แต่เขาเพิ่งช่วยผู้คนจำนวนมากขอค่าจ้าง ทำให้เขาได้รับความไว้วางใจจากผู้คน


อากั๋ว เดินไปนอกประตู ” ผมเข้าไปข้างในได้ไหม ? “


จ่าหม่าซั่วลังเลเล็กน้อย หยางโปเอ่ยปากกล่าว ” ปล่อยให้เขาเข้ามาเถอะ ซูหนีของหมู่บ้านชื่อสุ่ยได้ตายไปแล้ว


ในอนาคตถ้าจะต้องมีนักพูดชายหนุ่มคนนี้ก็ไม่เลว “


ชุยอี้ฝานหันไปมองหยางโป พยักหน้าแล้วกล่าว ” เข้ามาได้เลย “


 


อากั๋วเดินเข้ามา เขาหันมาพยักหน้าให้หยางโป ” ซูหนี เขาอยู่ที่ไหน ? ถ้าซูหนีไม่ปรากฏตัว ทุกคนก็จะไม่สามารถออกไปได้ “


หยางโปลังเลเล็กน้อย ” อากั๋ว นายคือเด็กวัยหนุ่ม นายรู้สึกยังไงกับการพัฒนาหมู่บ้านชื่อสุ่ยในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ? “


อากั๋วก็ตกใจขึ้นมา แม้จะไม่รู้ว่า หยางโปหมายถึงอะไรกันแน่ เขายังคงเอ่ยปากกล่าว ” หมู่บ้านชื่อสุ่ยอยู่ไกลจากตัวเมือง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีเพียงไฟฟ้าเท่านั้นและชาวบ้านอาศัยอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากและการพัฒนาก็ช้ามาก “


” งั้น นายคิดยังไงกับซูหนี ? ” หยางโปถาม


 


” ซูหนีเป็นผู้เผยแพร่คำสั่งสอน เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของหมู่บ้าน … “


” อย่าพูดเหลวไหลแบบนี้ ! ” หยางโป จงใจจะขัดจังหวะ อากั๋ว


อากั๋วถลึงตามองด้วยความโกรธ หยางโปก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวโดยไม่ได้ทำอะไร ” อากั๋ว นี้มันเรื่องเหลวไหล


ทำได้แค่หลอกผี ! นายก็เคยออกไปข้างนอกเช่นกัน อันที่จริงแล้วนายก็รู้ว่าชีวิตภายนอกเป็นยังไง นายคิดว่าจริงๆแล้วการใช้ชีวิตในหมู่บ้านนี้ดีไหม ? นายรู้สึกว่าหมู่บ้านชื่อสุ่ย สามารถก้าวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองภายใต้การนำของ ซูหนีได้ไหม ? นายเชื่อมั่นว่าซูหนีจะบริหารงานได้ดีรึเปล่า ? “


อากั๋วจ้องมองหยางโปอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะส่ายหน้า ” แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผมจะสามารถตัดสินใจได้ ! “


” ไม่ใช่ ถึงเวลาที่พวกนายจะตัดสินใจได้แล้ว ! ” หยางโปกล่าว ” ตอนนี้เป็นเวลาที่พวกนายจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญและทำงานอย่างหนักเพื่อให้ร่ำรวยและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของพวกนายเอง ! “


ทันใดนั้นดวงตาของอากั๋วก็เบิกกว้างขึ้น ” คุณทำอะไรกับซูหนี ? “


 


” เขาพบศัตรูของเขาและเขาก็มาเพื่อทำการแก้แค้นและทั้งสองคนก็ตกลงไปใต้หน้าผาด้วยกัน ” หยางโปกระซิบ


ดวงตาของอากั๋วจ้องเขม็งแล้วถอนหายใจยาวๆหนึ่งเฮือก ” พวกคุณเดินออกไปไม่ได้ เพราะพวกคุณจะถูกทุกคนฆ่า ! “


” ไม่ อากั๋ว ” หยางโปจ้องมองไปที่ อากั๋ว ” นายคิดว่าซูหนีนั้นจะดีอย่างที่คิดไว้รึเปล่า ? หลายปีมานี้ เขาใช้ชีวิตแบบไหน ? เขาอยู่อย่างสมถะจริงๆเหรอ ? “


อากั๋วมองไปที่หยางโปด้วยความสับสนเป็นอย่างมาก


หยางโปชี้เข้าไปในห้อง ” โต๊ะเก้าอี้และเตียงทั้งหมดทำมาจากไม้ชิงชัน ทั้งสามรายการนี้รวมกันก็มีมูลค่ามากกว่าหนึ่งล้านหยวน นายเห็นชุดน้ำชานั้นไหม มันเป็นเครื่องลายครามลายดอกไม้ที่สร้างในสมัยจักรพรรดิคังซี มีมูลค่าสี่ถึงห้าล้านหยวน ! “


 


พูดจบ หยางโปก็เดินไปที่เตียง เปิดใต้เตียงแล้วหยิบกล่องออกมา ” นี่คือนาฬิกา ปาเต็ก ฟิลิปป์ รุ่นลิมิเต็ด มีมูลค่า นับแสนหยวน “


” นาฬิกาเรือนนี้มีมูลค่าถึงสองล้านหยวน ” หลู่ตงซิง กล่าวเสริมเพิ่มเติม


หยางโปพยักหน้า ” นั่นก็ สองล้านหยวนแล้ว นี้คือกล่องบรรจุภัณฑ์ของชุดชั้นในแบรนด์ คาลวิน ไคลน์


เป็นแบรนด์อิตาลีที่มีชื่อเสียง มีมูลค่าชิ้นละหมื่นหยวน ! ฉันพูดแบบนี้แล้วนายเข้าใจรึยัง ? “


อากั๋วยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อ


ตาอ้วนหลิวและลัวย่าวหัวตกตะลึงเป็นที่สุด พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้ที่นี่และพวกเขาก็เห็นกล่อง หนาๆ ด้านล่าง ซึ่งน่าจะมีสินค้าฟุ่มเฟือยอีกมาก !


ชุยอี้ฝานและจ่าหม่าซั่ว มองดูหยางโปและรู้สึกประหลาดใจมาก ความจริงที่ว่าหยางโปกำลังพูดเรื่องไร้สาระนั้น เขาน่าทึ่งมาก !


 


” คุณแน่ใจเหรอว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องจริง ” อากั๋วถาม


หยางโปพยักหน้า ” ผมสามารถรับประกันได้ เพราะว่าผมมีร้านขายของเก่าใน เมืองจินหลิง ถ้าผมพูดอะไรผิด คุณสามารถพาคนมาพังร้านของผมได้เลย ! “


อากั๋วเชื่อใจเล็กน้อยแต่ก็ยังลังเล ” สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการค้นหาว่าซูหนีอยู่ที่ไหน ถ้ามั่นใจได้ว่าซูหนีกระโดดลงจากหน้าผา อย่างนั้นทุกคนก็จะตามหาเขา “


หยางโปยกนิ้วให้อากั๋ว ” อากั๋ว ขอบคุณมากในครั้งนี้ คราวหน้าถ้านายไปที่เมืองจินหลิง นายต้องไปหาฉันให้ได้ “


อากั๋วส่ายหน้า ” ผมเห็นแก่หมู่บ้านชื่อสุ่ย อย่าเข้าใจผมผิด “


พูดจบ อากั๋วลุกก็ขึ้นแล้วเดินออกไปข้างนอก


ข้างนอกมีการโต้เถียงกัน ชุยอี้ฝานมองไปที่หยางโป ” เสียวโป คุณเก่งจริงๆพูดหลอกด้วยบทสนทนาที่เฉียบแหลมแล้วชายหนุ่มคนนั้นก็ยังหลงเชื่อ ! “


 


หยางโปส่ายหน้า ” ผมไม่ได้พูดเรื่องโกหก พวกนี้ล้วนเป็นไม้ชิงชัง และสินค้าฟุ่มเฟือยเหล่านี้ก็เป็นของจริงเช่นกัน ! “


ชุยอี้ฝานก็ตกใจทันที ” หมู่บ้านชื่อสุ่ยยากจนมาก แม้ว่าซูหนีจะแยกแผ่นดินออกสามชั้น มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีทรัพย์สินมากอย่างนี้ ! “


” ฆ่าคนและปล้นสะดมเอาทรัพย์สิน ลักลอบขายวัตถุโบราญทางวัฒนธรรม ! ” หยางโปกระซิบ


จ่าหม่าซั่วมองไปที่หยางโปและคนอื่นๆทันที ” ฉันกลัวว่า พวกคุณไม่ได้มาที่นี่เพื่อจุดประสงค์ที่บริสุทธิ์ ? “


” เพื่อสมบัติประจำชาติเย่หลาง ” หยางโปพูดอย่างไม่ได้ปิดบัง


อากั๋ว มีความสามารถมาก ช่วงเวลาแห่งความพยายามทำให้ชาวบ้านส่วนใหญ่เชื่อมั่นและทุกคนก็แห่กันออกไป


หยางโปมองไปข้างหลังของเขา ในบ้านของซูหนีเรียบร้อยมาก ทุกรายการถูกจัดเรียงในลักษณะที่ทำให้บ้านหลังเก่าดูสะอาดตาสุดๆ


 


รูปแกะสลักด้วยธูปไม้รมควันนั้นเกินกว่าจะจดจำได้ หยางโปจ้องมองไปที่รูปแกะสลักไม้และเห็นหนังสือเล่มหนึ่งวางอยู่หน้าไม้แกะสลักรูปเทวดา


หยางโปเดินไปแล้วเห็นว่าหนังสือเล่มนี้มีหน้าปกสีน้ำเงิน น่าจะถูกเปิดดูบ่อยๆ มีการเขียนชื่อหนังสืออยู่หนึ่งบรรทัดที่ หยางโปไม่รู้ เมื่อเพ่งสายตาดู หยางโปเห็นหนังสือตรงหน้าของเขามีอายุเมื่อ 300-400 ปีก่อน เขาครุ่นคิด และหยิบหนังสือใส่เอาไว้ในกระเป๋าเป้สะพายหลัง


ทุกคนเห็นพฤติกรรมของหยางโปแต่ไม่มีใครพูดมาก แม้ว่าการตายของซูหนีจะเป็นคดีอาญาก็ตาม แต่ยังไงก็ตามเมื่อพูดถึงชนเผ่าแบบนี้ กลัวว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่สามารถเก็บเอาไว้เป็นของที่ถูกขโมยได้ ท้ายที่สุดมันจะถูกทิ้งให้อยู่กับชาวบ้าน สิ่งที่หยางโปเอาไปเป็นเพียงหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งมีมูลค่าน้อย


ด้านนอกสงบลงแล้ว อากั๋วหันมาพูดกับคนข้างใน ” พวกคุณออกมาได้แล้ว ! “


 


ใบหน้าของอากั๋วสงบมากโดยปราศจากความเมตตาตอนนี้ เขาพูดคำพูดที่ดุดันว่า ” พวกคุณไปได้แล้ว ผมหวังว่า พวกคุณจะไม่โกหกเรา ถ้ารู้ว่าโกหกเรา แม้จะอยู่ไกลสุดขอบโลกเราก็จะไม่ยอมปล่อยพวกคุณเอาไว้แน่ ! “


หยางโปรู้สึกโล่งใจที่รู้ว่า อากั๋วทำแบบนี้ก็เพื่อชาวบ้านคนอื่น ๆ


จ่าหม่าซั่วสวมเครื่องแบบตำรวจและเขาชี้ไปที่ตัวเอง ” คุณสามารถมั่นใจได้ เรากำลังจะส่งพวกเขาไปในตอนนี้ เรายังคงต้องมาที่นี่อีก นี่เป็นคดีอาญาเราจะตรวจสอบให้ชัดเจน และจะรับผิดชอบแก่ทุกคน ! “


อากั๋วทำเสียง อืม แล้วหันหลังเดินจากไป


ในที่สุดหยางโปและพรรคพวกก็สามารถกลับออกมาได้ พวกเขาลงมาจากภูเขาอย่างรวดเร็วและออกมาจากหมู่บ้าน ชื่อสุ่ยทันที


ตอนที่ 278 การเดินทางกลับ


เมื่อกลับเข้าไปในเมือง หยางโปและพรรคพวกก็รู้สึกเหนื่อยล้าแล้วไปหาโหยวเสียวอู่สือ ที่ ฉินโถวพามา


แต่กลับพบว่าเขาออกไปแล้ว มองหายังไงก็ไม่เห็น สิ่งนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าฉินโถวเตรียมการมาเป็นเวลานาน


ชุยอี้ฝานมองไปที่หยางโป ” คุณอาโทรหาคุณ ทำไมคุณถึงไม่รับสาย ? “


หยางโปลังเลอยู่ครู่หนึ่งเพราะเขาจำได้ว่ามีเบอร์แปลกๆจากปักกิ่ง เขาจำต้องตอบว่า ” ฉันไม่ได้สังเกต “


ชุยอี้ฝานทำอะไรไม่ถูกและมันก็ไม่ง่ายเลยที่จะฝืนใจ เขาจำต้องพูดว่า ” เอาล่ะผมจะโทรกลับหาเขา “


พูดจบ ชุยอี้ฝานก็โทรกลับไป


จ่าหม่าซั่วก็รีบร้อน โดยพาเจ้าหน้าที่ในสถานีตำรวจสองสามคนออกไป และรีบไปที่หมู่บ้านชื่อสุ่ยอีกครั้ง


ทั้งสี่คนเหนื่อยเล็กน้อยและไม่มีใครพูดถึงสมบัติของอาณาจักรเย่หลาง ซูหนีทำให้ทุกคนเหนื่อยมามาก ทั้งสี่คนพูดคุยกันเพื่อตัดสินใจ


 


เมื่อชุยอี้ฝาน โทรศัพท์เสร็จ หยางโปก็หันไปกล่าวกับเขา ” พวกเราจะเข้าไปในเมืองเพื่อพักผ่อน ที่นี่ไม่สะดวก สองวันนี้เราทุกคนจะอยู่ที่ในเมือง “


ชุยอี้ฝานพยักหน้า ” แบบนี้ก็ดี พวกเราอย่าพลาดการติดต่อกันนะ ! “


หลังจากผ่านไปชั่วโมงกว่า ทั้งสี่คนก็กลับมาถึงในเมือง บอดี้การ์ดของหลู่ตงซิงได้ติดตามมา ในเวลานี้ไม่มีงานอะไรมากนัก อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ได้เปิดห้องเอาไว้แล้ว


เมื่อกลับมาถึงห้องหัวถึงหมอนก็หลับไปตลอดจนถึงช่วงบ่าย ชุยอี้ฝานก็โทรมาหาเขา หยางโปงัวเงียคลำหามือถือ


 


” ตำรวจพบกองเลือดใต้หน้าผา มีแม่น้ำอยู่ด้านล่าง แต่ยังไม่พบศพ พวกเขาจะปิดคดีในอีกไม่กี่วัน พวกคุณสามารถวางใจได้เลย ! ” ชุยอี้ฝานกล่าว


หยางโปตอบกลับไปหนึ่งประโยคแล้วจึงวางสาย


หลังจากนั้นไม่นาน หยางโปก็ตื่นขึ้นมาโดยคิดว่าซูหนีเสียชีวิตแล้ว เมื่อคิดถึงสิ่งต่างๆ มากมาย ที่เคยพบมาก่อน อย่างไม่มีคำตอบ เขาอดคิดไม่ได้ว่าซูหนีเป็นอาชีพที่เก่าแก่มาก ทำไมสายนี้ถึงเป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์มาก มันยังคงมีคำสาปโบราณอยู่อย่างนั้นเหรอ ?


ก่อนหน้านี้ อาซาน พูดถึงแผนที่ ที่ถูกพบในบ้านของอาซาน แผนที่เลือดเป็นของจริงหรือของปลอม ? ตอนนี้ยังมีแผนที่อยู่ที่ไหนอีกไหม ? ซูหนีขุดสมบัติของอาณาจักรเย่หลางขึ้นมาแล้วรึยัง จะเอาโบราณวัตถุของอาณาจักรเย่หลางมากมายไปได้ยังไง ?


 


ในขณะที่ไตร่ตรอง หยางโปก็มีเบอร์แปลกจากปักกิ่งโทรมาอีกครั้ง หยางโปลังเลอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ดูหมายเลขนั้น ก่อนจะกดปุ่มรับโทรศัพท์


” เสี่ยวโป ฉันคือชุยซื่อหยวน ” ชุยซื่อหยวนกล่าว


” อืม ” หยางโปตอบกลับ


ชุยซื่อหยวนทำอะไรไม่ถูก เขารู้ว่าตนเองยังมีหนทางอีกยาวไกล ” อี้ฝานโทรมาหาฉันแล้ว ลูกสบายดีไหม ? ไม่มีอะไรเป็นอันตรายใช่ไหม ? “


หยางโปตกตะลึง เขารู้สึกอุ่นใจขึ้น แต่ก็ยังสงวนท่าทีอยู่ ” อืม โอเค “


ชุยซื่อหยวนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เพียงกล่าวต่อไป ” งั้นก็ดีๆ ได้ยินอี้ฝานพูดถึงความชั่วร้ายแบบนั้น แต่ฉันก็เคยทำงานที่นั่นมาระยะหนึ่งและมีบางสิ่งที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้ “


 


” อืม ” หยางโปตอบ


” ลูกอยู่ที่นั่นสองวันค่อยกลับมาและใส่ใจความปลอดภัยด้วยนะ ” ชุยซื่อหยวนกล่าวเตือนสติ


” อืม ” หยางโปตอบ


ชุยซื่อหยวนทำอะไรไม่ถูก เขาทำได้เพียงแค่กล่าวคำอำลาแล้วจึงวางสาย


หยางโปนอนอยู่บนเตียง แต่ก็นอนไม่หลับได้อีกต่อไป เขาหยิบหนังสือเล่มนั้นออกมาจากกระเป๋าเป้สะพายหลัง แล้วพลิกอ่าน


ข้อความถูกเขียนด้วยตัวอักษรอี้ หยางโปไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาเลิกอ่าน พลิกดูผ่านไปครึ่งเล่ม


ทันใดนั้น หยางโปก็หยุด เพราะเขาพบภาพประกอบที่เรียบง่ายมาก


จากนั้นก็มีอีกรูปซึ่งดูง่ายมากเช่นกัน


 


มันมีมากกว่าสิบบท กระดาษทุกแผ่นมีลายเส้นที่แม้ว่าจะดูเรียบง่าย แต่หยางโปรู้สึกเสมอว่ามันอาจจะมีปริศนาในภาพก็ได้ !


หลังจากมองดูเป็นเวลานาน หยางโปก็ไม่เข้าใจความหมายของภาพเหล่านี้ เขาทำได้แค่จดจำมันเอาไว้


เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น ทุกคนก็มารวมตัวกันในห้องนั่งเล่นและทานอาหารเย็นด้วยกัน


เมื่อเห็นว่าลัวย่าวหัวดูไม่มีความสุข หลู่ตงซิงก็หัวเราะ ” เป็นเรื่องปกติที่จะไม่มีกำไร มันเป็นเรื่องผิดปกติถ้าคุณสามารถทำกำไรได้มากทุกครั้ง นั้นหมายความว่าคุณยังมาได้ไม่ไกล ( ยังอ่อนหัด )


ลัวย่าวหัวส่ายหน้า ” ผมไม่ได้คิดเกี่ยวกับปัญหานี้ ผมแค่คิดว่าชาวยี่ไม่ได้มี ‘ เทศกาลจับนมสาว ‘เหรอ ? “


โอ้ ! หยางโปจิบชาอยู่แล้วพ่นออกมาทันที โชคดีที่เขาหันไปทางอื่นทันก่อนที่จะพ่นเข้าไปในพื้นที่เปิดโล่งด้านหลังของเขา


ลัวย่าวหัวรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย ” ฉันค้นหามาแล้วและดูเหมือนว่าชาวอี้จะมีเทศกาลแบบนี้อยู่จริง ๆ “


 


” นักข่าวเหล่านั้นชั่งไร้ยางอาย ! ” หลู่ตงซิงด่าด้วยรอยยิ้ม ” ของแบบนี้อาจเกิดขึ้นมาในสมัยก่อน แต่สังคมยุคสมัยใหม่อาจจะยอมรับมันได้รึเปล่า ? “


ลัวย่าวหัวตกตะลึงแล้วตอบกลับ ” ก็ใช่ นายมองหาอะไรเปล่าประโยชน์อยู่ทั้งวัน “


หยางโปอดหัวเราะไม่ได้ ” นายสามารถไขปัญหาได้บนถนน “


ลัวย่าวหัวชำเลืองมอง ” ฉันไม่ใช่คนชิลๆ ! “


ตาอ้วนหลิวหัวเราะ ” ถ้านายชิลๆขึ้นมาก็ไม่ใช่คนแล้ว “


ลัวย่าวหัวเหลือบมองตาอ้วนหลิว ” คอยดูเถอะ กลับไปแล้วฉันจะไม่พานายไปเที่ยวอีกต่อไป ! “


ตาอ้วนหลิวยิ้มแล้วกล่าว ” เดี๋ยวนะ ปกติแล้ว ใครพาใครไปกันแน่ ? “


 


ลัวย่าวหัวตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ” ดี ตายแน่ นายอยู่ที่นี่คอยดูฉันก็แล้วกัน คอยดูเถอะ รอให้ฉันกลับไปปักกิ่งก่อน ฉันจะทำให้นายขี้เหร่ตายแน่ ! “


” ไม่เหมือนตอนนี้เหรอ ? ทำไมต้องกลับไปปักกิ่ง ? “


….


ล้อเล่นกันไป จนทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว เมื่อได้ยินว่าหยางโปบอกว่าไม่มีอะไรผิดปกติที่นี่ ทุกคนก็อยากออกไปในวันพรุ่งนี้ หยางโปก็ไม่ได้คัดค้านและเขาก็อยากออกไปจากที่นี่เร็วๆ


วันรุ่งขึ้นพวกเขาก็ นั่งรถ ต่อเครื่อง แล้วนั่งรถ หลังจากต่ออะไรหลายครั้ง ท้ายที่สุดทั้งสามก็กลับมาสู่เมืองหลวงในเวลานี้มันเกือบจะถึงเทศกาลตรุษจีนและห้างสรรพสินค้าก็เต็มไปด้วยบรรยากาศเทศกาลปีใหม่


 


หลังจากหยางโปกลับไปสู่ปักกิ่ง เขาก็เก็บเนื้อเก็บตัวอยู่ในบ้านไม่ได้ออกไปข้างนอก แต่วิ่งเข้าไปในห้องสมุดและถือหนังสือเล่มนั้นเอามาเปรียบเทียบคำต่อคำ นี่ทำให้หยางโปเข้าใจหนังสือเล่มนี้มันเป็นบันทึกการสำรวจซากปรักหักพังของ อาณาจักรเย่หลาง !


เพียงแต่มันเป็นบันทึกที่ยาวเกินไป หยางโปใช่เวลาแปลเป็นชั่วโมงแต่ก็แปลไม่ค่อยออก ได้แต่เพียงค่อยๆแปล


ลัวย่าวหัวกลับบ้านและพักอยู่สองวัน แล้วจึงมาที่ลานบ้านเพื่อมาหาหยางโป เดินเข้าไปในลานบ้านเห็นหิมะกระจัด กระจายอยู่ที่ลานบ้าน เขาทำอะไรไม่ถูก ” นายไม่กวาดหิมะเลยเหรอ ? “


หยางโปมองไปรอบๆ ” ไม่ต้องกวาด มันน่าจะละลายในไม่ช้า “


 


” ขี้เกียจจริงๆเลย ! ” ลัวย่าวหัวกล่าว ” ถ้าฉันรู้มาก่อน ฉันจะไม่ขอร่วมมือกับนาย นายขี้เกียจมาก หากมีธุรกิจในอนาคตนายจะไม่ทำให้ฉันเหนื่อยตายเลยเหรอ ? “


” จะโทษฉันเหรอ ? ” หยางโปยิ้มและมองดู


ลัวย่าวหัวทำอะไรไม่ถูกแล้วส่ายหน้า ” โรงประมูลจะเปิดในปีหน้าและนายจะยุ่ง เมื่อพวกเขาเห็นว่านายป็นเจ้านายที่ไม่เรียบร้อยบางทีพวกเขาอาจจะสงสัยขึ้นมาก็ได้ “


” ไม่มีทาง นายวางใจได้เลย ” หยางโปหัวเราะ


ลัวย่าวหัวส่ายหน้าและยิ้มอย่างขมขื่น ” โรงประมูลนี้คือทุกอย่างของฉัน ฉันหวังว่าเราจะประสบความสำเร็จ ! “


” นายวางใจได้เลย มันจะไม่เลวร้ายอย่างแน่นอน ” หยางโปกล่าว


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม