หวานรักจับหัวใจท่านประธาน 255-262

 ตอนที่ 255 สาวสังคม คุณมู่


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวเพิ่งเรียบเรียงข้อมูลเสร็จ กำลังจะส่งไป แต่ได้ยินเสียงดังลั่นมาจากข้างหลังเสียก่อน ทำเอาเธอตกใจจนโทรศัพท์มือถือร่วง!


 


 


ล่ามสาวหันไปมอง เห็นเหนียนเสี่ยวมู่ที่เดิมทีควรจะหลับสนิทไปแล้ว ยืนอยู่ข้างหลังเธอ


 


 


หลังจากดึงสติกลับมาได้ และคิดจะเก็บโทรศัพท์มือถือของตนเอง เหนียนเสี่ยวมู่กลับมือไวกว่า และเก็บโทรศัพท์มือถือจากบนพื้นมาให้เธอแล้ว


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่กวาดสายตามองเนื้อหาในข้อความบนหน้าจอครั้งหนึ่ง


 


 


แต่ยังไม่ทันอ่านจบ หวางเมี่ยวเมี่ยวก็ยื่นมือมาฉวยโทรศัพท์มือถือของตนเองกลับไปด้วยความร้อนใจ


 


 


“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ทำไมคุณตื่นแล้วล่ะคะ ไม่ได้บอกว่าจะนอนหรอกเหรอ…”


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวพูดพลางเก็บโทรศัพท์มือถือเข้าไปในกระเป๋าของตนเองอย่างเนียนๆ


 


 


ท่าทางไม่มั่นใจ อยากจะปกปิด แต่ยิ่งเปิดเผย


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ยืนตัวตรง สายตามองผ่านใบหน้าของอีกฝ่าย สองมือของเธอล้วงกระเป๋า มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย


 


 


“ล่ามหวางรีบร้อนส่งข่าวให้ผู้จัดการเหวินขนาดนี้ คงไม่คิดจะรายงานพฤติกรรมของฉันใช่ไหมคะ”


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวเป็นคนที่ระแวดระวังมาก การกระทำเมื่อครู่ก็ว่องไวมากเช่นกัน


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่มองเห็นเนื้อหาในข้อความไม่ชัดเจน แต่กลับมองเห็นว่าผู้รับข้อความก็คือเหวินหย่าไต้


 


 


เธอไม่ได้ซักถามเรื่องบอกเวลาผิดพลาด หนึ่งเพราะไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น สองคือกลัวว่าหวางเมี่ยวเมี่ยวจะเข้าใจผิด


 


 


ถึงอย่างไรก็มีความเป็นไปได้ที่จะแปลและพูดออกมาผิดพลาด


 


 


อีกฝ่ายก็แค่บอกเวลาจากสิบโมงเป็นสิบเอ็ดโมงโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ


 


 


แต่ดูจากตอนนี้แล้ว หวางเมี่ยวเมี่ยวคนนี้เหมือนจะแปลกๆ ไปบ้าง…


 


 


“คุณพูดมั่วอะไรคะเนี่ย ทำไมฉันต้องรายงานพฤติกรรมของคุณด้วย ในเมื่อทุกอย่างปกติดี อีกอย่างตอนนี้คุณทำแบบนี้ ฉันยังต้องรายงานความประพฤติอีกเหรอคะ คุณต้องถูกไล่ออกโดยที่ฉันไม่ต้องพูดอะไรอยู่แล้ว” หวางเมี่ยวเมี่ยวพูดพลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากในกระเป๋า


 


 


จากนั้นก็ยื่นไปตรงหน้าของเหนียนเสี่ยวมู่ “คุณดูให้ชัดๆ เลยค่ะ ฉันแค่รายงานผู้จัดการเหวินตามปกติ ไม่ได้ตั้งใจกล่าวหาคุณเลย”


 


 


“…”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่กวาดสายตามองบนหน้าจอของเธอ


 


 


ข้างบนเป็นเพียงรายงานการทำงานตามปกติ ข้อความนั้นบอกเหวินหย่าไต้ว่า พวกเธอกำลังคิดวิธีโน้มน้าวมิสเตอร์ลอมบาร์ดีให้ทำงานร่วมกันต่อไป


 


 


“ฉันคิดมากไปเอง” เหนียนเสี่ยวมู่หลุบตาลง ก่อนจะเอ่ยปากเสียงเรียบ


 


 


เมื่อได้ยินดังนั้น หวางเมี่ยวเมี่ยวก็เก็บโทรศัพท์มือถือของตนเองกลับมา แล้วอ้าปากอีกครั้ง “ผู้จัดการเหวินทำงานนี้อย่างเต็มที่ ถ้างานนี้พังไปจริงๆ ก็ไม่มีใครรับผิดชอบได้ทั้งนั้น ที่คุณควรจะคิดที่สุดในตอนนี้ คือจะกอบกู้งานนี้กลับมายังไง ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณมีกะใจนอนหลับอีก”


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวพูดถึงตรงนี้ ก็มองเหนียนเสี่ยวมู่ด้วยความสงสัยอีกครั้งหนึ่ง


 


 


เธอเดาไม่ออกเลยจริงๆ ว่าเหนียนเสี่ยวมู่อยากจะทำอะไร


 


 


หรือเมื่อครู่ แค่หยั่งเชิงเธอเท่านั้น


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่สงสัยเธอเหรอ


 


 


แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมเหนียนเสี่ยวมู่ถึงไม่ถามเรื่องที่เธอบอกเวลาผิดล่ะ กลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วยซ้ำ


 


 


ล่ามสาวงุนงงไปโดยสิ้นเชิง


 


 


แต่พอนึกได้ว่าตอนนั้นมีเพียงเธอกับเหนียนเสี่ยวมู่ ไม่มีบุคคลที่สามได้ยินคำพูดของเธอ เธอก็วางใจลงได้


 


 


ไม่มีหลักฐาน แถมยังทำงานพัง ไม่มีใครเชื่อเหนียนเสี่ยวมู่หรอก


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่พูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์!


 


 


“กี่โมงแล้ว” อยู่ๆ เหนียนเสี่ยวมู่ก็ถามขึ้นมา


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวตอบตามสัญชาตญาณ “สิบเอ็ดโมงครึ่ง”


 


 


ตั้งแต่มิสเตอร์ลอมบาร์ดีและทีมมาถึงเมืองเอช ก็ผ่านมาชั่วโมงครึ่งพอดี


 


 


แต่พวกเธอไม่ได้เจอกับมิสเตอร์ลอมบาร์ดีเลย แล้วจะเจรจาอะไรได้


 


 


“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ต่อไปจะทำอะไรคะ” หวางเมี่ยวเมี่ยวมองเหนียนเสี่ยวมู่ที่เดินเข้าไปในห้อง ก่อนจะตามอีกฝ่ายเข้าไป


 


 


แต่กลับเห็นเหนียนเสี่ยวมู่หยิบเสื้อนอก และฉีกยิ้มให้เธอเท่านั้น


 


 


“ไม่นอนแล้ว ฉันหิวนิดหน่อย ไปกินข้าวที่ร้านอาหารกัน!”


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยว “…” !!


 


 


 


 


ตอนที่ 256 คนสวยสั่งเยอะ


 


 


พอมาถึงโรงแรมก็นอน พอตื่นนอนก็จะกิน


 


 


มันต่างอะไรกับการพักร้อนเนี่ย


 


 


เธอดูไม่ออกเลยสักนิด ว่าเหนียนเสี่ยวมู่กำลังเครียดและกังวลใจ เพราะอีกฝ่ายเหมือนจะไม่สนใจงานของมิสเตอร์ลอมบาร์ดีเอาเสียเลย


 


 


ลูกตาของหวางเมี่ยวเมี่ยวหดตัว ไม่สนใจว่าเหนียนเสี่ยวมู่มีเจตนาอะไรถึงทำอย่างนี้


 


 


ถ้าหลังจากนี้เจรจาไม่สำเร็จ เรื่องพวกนี้ก็เพียงพอจะทำให้เหนียนเสี่ยวมู่อยู่ในบริษัทตระกูลอวี๋ต่อไปไม่ได้!


 


 


เมื่อคิดได้ดังนั้น หวางเมี่ยวเมี่ยวก็ไม่ร้อนใจอีก


 


 


เธอออกจากห้องไปกับเหนียนเสี่ยวมู่ และเข้าไปในร้านอาหารของโรงแรม


 


 


ครั้นเห็นเหนียนเสี่ยวมู่เลือกร้านอาหารจีน หวางเมี่ยวเมี่ยวก็หัวเราะอยู่ในใจ


 


 


ดูท่าทางเธอจะไม่หวังเรื่องงานของมิสเตอร์ลอมบาร์ดีแล้วจริงๆ ถึงได้ตั้งใจทำพังไม่มีชิ้นดี


 


 


มิสเตอร์ลอมบาร์ดีเป็นคนอิตาลี ถ้าพวกเธอไปร้านอาหารตะวันตก ก็อาจจะมีโอกาสได้เจอกันอยู่


 


 


แต่เหนียนเสี่ยวมู่มาร้านอาหารจีน ดูท่าทางจะสนใจแค่ว่าตนเองจะกินอิ่มหรือไม่ แต่ลืมว่าตนเองมาทำอะไร!


 


 


“ล่ามหวาง ตะลึงอะไรอยู่คะ นั่งลงเร็ว ฉันได้ยินว่าร้านอาหารจีนในโรงแรมนี้ทำอาหารได้สุดยอดมาก ได้ลองขิมพอดีเลย!” เมื่อพูดถึงของกิน สายตาของเหนียนเสี่ยวมู่ก็เป็นประกายขึ้นมาตามธรรมชาติ


 


 


ระยิบระยับราวกับดวงตาบนท้องฟ้ายามค่ำคืน


 


 


เต็มไปด้วยประกายที่น่าหลงใหล


 


 


ทำเอาหวางเมี่ยวเมี่ยวที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ก็อิจฉาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


 


 


แต่พอคิดให้ดีๆ เหนียนเสี่ยวมู่ทำงานพังใกล้จะซวยแล้ว เธอจึงใจเย็นลง และยื่นมือไปลากเก้าอี้มานั่งลงตรงข้ามกับอีกฝ่าย


 


 


“ฉันคิดว่าสั่งอะไรก็ดีไปหมดเลย สั่งให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นด้วยดีกว่า” เหนียนเสี่ยวมู่พลิกเมนูอาหารดูอย่างตั้งใจก่อนรอบหนึ่ง แล้วสั่งใส่กล่องไปหลายเมนูทีเดียว


 


 


จากนั้นถึงจะมองมายังหวางเมี่ยวเมี่ยว “ล่ามหวาง คุณชอบกินอะไรคะ”


 


 


“…ได้หมดเลยค่ะ ตอนนี้ฉันค่อนข้างกังวลเรื่องงานของมิสเตอร์ลอมบาร์ดี ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน พวกเราควรจะไปหามิสเตอร์ลอมบาร์ดีไม่ใช่เหรอ” หวางเมี่ยวเมี่ยวรู้สึกดีใจ แต่ปากกลับพูดเหมือนเป็นห่วงแทนเหนียนเสี่ยวมู่


 


 


จึงโน้มน้าวเหนียนเสี่ยวมู่อยู่ตลอด


 


 


“คนทำงานไม่ได้ถ้าปล่อยให้ท้องว่าง ถ้าไม่ได้กินข้าวสักมื้อจะว้าวุ่น กินอื่มแล้วถึงจะมีแรงทำงาน” เหนียนเสี่ยวมู่พูด และสั่งอาหารขึ้นชื่อมาเต็มโต๊ะ


 


 


ขณะที่หวางเมี่ยวเมี่ยวตกใจจนอ้าปากค้าง เหนียนเสี่ยวมู่ก็ปิดเมนูอาหารอย่างสบายใจ ก่อนจะหันหน้าไปมองหน้าประตูร้านอาหาร


 


 


จากนั้นก็ก้มหน้ามองเวลาครั้งหนึ่ง


 


 


เกือบจะเที่ยงแล้ว


 


 


นั่งทั้งเครื่องบินและรถมาตลอดทาง มิสเตอร์ลอมบาร์ดีและทีมควรจะทั้งหิวทั้งเหนื่อย


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่อ่านข้อมูลของมิสเตอร์ลอมบาร์ดีแล้ว และตรวจสอบความชอบส่วนตัวของเขาแล้วเช่นกัน เธอรู้ว่าถึงแม้เขาจะเป็นคนอิตาลี แต่กลับชอบกินอาหารจีนมาก


 


 


ทุกครั้งที่เขาไปทำงานที่ต่างประเทศ เขาจะต้องหาร้านอาหารจีนมาแก้อยากทุกครั้งไป


 


 


ร้านอาหารจีนในโรงแรมชั้นนำ น่าจะเป็นตัวเลือกแรกขแงเขา


 


 


ความคิดของเหนียนเสี่ยวมู่เพิ่งผ่านหัวไป ตรงประตูร้านอาหารก็มีเงาร่างคนต่างชาติปรากฏขึ้นหลายคน จำนวนคนไม่นับว่ามาก มีเพียงห้าคนเท่านั้น


 


 


จำนวนคนเท่ากับที่มิสเตอร์ลอมบาร์ดีและทีมแจ้งไว้พอดี


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่หรี่ตาลง สายตามองทอดไปยังคนที่อยู่ข้างหน้าสุด


 


 


เขาคนนั้นคล้ายกับมิสเตอร์ลอมบาร์ดีในรูปถ่ายอยู่เก้าส่วน เธอจึงยกยิ้มอย่างมั่นใจ “เขามาแล้ว!”


 


 


“…”


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวหันหลังให้ประตูร้าน จึงมองไม่เห็นว่า มิสเตอร์ลอมบาร์ดีที่เธอมั่นใจว่าไม่มีทางปรากฏตัวที่นี่ กำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูในตอนนี้


 


 


หลังจากได้ยินเหนียนเสี่ยวมู่พูด ล่ามสาวก็หันกลับไปมอง และตกตะลึงไปในทันที


 


 


เธอไม่กล้าเชื่อ ว่าเหนียนเสี่ยวมู่จะโชคดีขนาดนี้!


 


 


ครั้นได้ยินเหนียนเสี่ยวมู่บอกให้เธอไปเป็นล่าม เธอพลันกำผ้ากันเปื้อนจนแน่นทั้งสองมือ นัยน์ตาดูมืดมน นั่งไม่ติดที่แล้ว


ตอนที่ 257 นักกินย่อมเข้าใจนักกิน 


 


 


“ล่ามหวาง?” เหนียนเสี่ยวมู่ยืนขึ้นและเดินไปข้างหน้าสองก้าว ก่อนจะเลิกคิ้วเล็กน้อย มองไปยังหวางเมี่ยวเมี่ยวที่ยังตะลึงอยู่หน้าโต๊ะอาหาร 


 


 


“…” หวางเมี่ยวเมี่ยวกัดฟัน ถึงจะกล้ำกลืนลุกขึ้นตาม 


 


 


เธอเดินตามเหนียนเสี่ยวมู่ไปข้างหน้ามิสเตอร์ลอมบาร์ดี 


 


 


ตอนนี้เธอเป็นล่ามของเหนียนเสี่ยวมู่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ต้องฟังเหนียนเสี่ยวมู่ 


 


 


ไม่อย่างนั้น หากเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน เธอก็รับผิดชอบไม่ไหวเช่นกัน 


 


 


แต่ถ้ามิสเตอร์ลอมบาร์ดีปฏิเสธเหนียนเสี่ยวมู่ด้วยตนเอง… 


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวพลันหรี่ตาลง นัยน์ตาปรากฏความเจ้าเล่ห์ 


 


 


จากนั้นเธอก็เดินไปข้างๆ เหนียนเสี่ยวมู่โดยไม่พูดอะไร 


 


 


อีกด้านหนึ่ง ประตูร้านอาหาร 


 


 


มิสเตอร์ลอมบาร์ดีและทีมเหมือนจะหิวมากแล้ว เพิ่งเดินเข้ามาในร้านอาหาร ก็เตรียมจะหาที่นั่งลงแล้ว 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่สบโอกาส จึงให้หวางเมี่ยวเมี่ยวเข้าไปทักทาย 


 


 


“มิสเตอร์ลอมบาร์ดี ขอโทษระคะที่รบกวน ฉันขอเวลาคุณสักสองสามนาทีได้ไหมคะ” หวางเมี่ยวเมี่ยวพูดภาษาอิตาลีอย่างคล่องปาก พลางเดินไปข้างหน้า 


 


 


เมื่อได้ยินดังนั้น ทั้งห้าคนที่เพิ่งเข้ามาในร้านอาหารก็หยุดลงอย่างพร้อมเพรียง 


 


 


คนที่เดินอยู่ข้างหน้าสุด เป็นคนมีอายุรูปร่างไม่สูงนัก 


 


 


ดวงตาของเขามีสีน้ำตาล สันจมูกโด่ง หนวดเคราทั่วหน้าเป็นสีขาว ดูแล้วเหมือนคุณปู่ข้างบ้าน เข้าถึงง่าย และมีอารมณ์ขันเหมือนซานตาคลอสอยู่หลายส่วน 


 


 


กลับเป็นหลายคนที่ตามอยู่ข้างหลังเขา ที่ตัวสูงมาก แลดูเคร่งขรึมอย่างยิ่ง 


 


 


หลังจากจำได้ว่าหวางเมี่ยวเมี่ยวเป็นล่ามของบริษัทตระกูลอวี๋ หลายคนที่มีรอยยิ้มเปื้อนหน้าเมื่อครู่พลันทำหน้าบึ้งในทันใด 


 


 


พวกเขาหันไปมองคนมีอายุที่เดินอยู่ข้างหน้าสุดอย่างไม่ได้นัดหมาย 


 


 


คนรับผิดชอบทีม มิสเตอร์ลอมบาร์ดี 


 


 


เมื่อได้ยินหวางเมี่ยวเมี่ยวพูด ปฏิกิริยาของเขานับว่าสงบนิ่งทีเดียว 


 


 


เขาเงยหน้าเหลือบมองเธออย่างเย็นชา ก่อนจะยิ้มเยือกเย็น 


 


 


“พวกเราไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้ว พวกคุณไปเถอะ” 


 


 


เขาพูดจบก็พาคนในทีมของตนเอง เตรียมจะเดินผ่านเหนียนเสี่ยวมู่ไป 


 


 


ครั้นเห็นดังนั้น เหนียนเสี่ยวมู่เข้าใจว่าตนเองถูกปฏิเสธโดยไม่ต้องการล่ามด้วยซ้ำ เธอรีบยื่นมือไปขวางมิสเตอร์ลอมบาร์ดีไป 


 


 


จากนั้นก็หันไปมองหวางเมี่ยวเมี่ยว ให้เธอเป็นล่ามให้ตนเอง 


 


 


นอกจากแสดงความขอโทษที่ไปรับสายเมื่อเช้าแล้ว เธอยังอธิบายอีกว่า เธอแค่อยากเลี้ยงข้าวมิสเตอร์ลอมบาร์ดีและเพื่อนร่วมงานของเขาเท่านั้น ขอทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้าน ไม่ได้ขอร้องให้ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมงานกันอีกครั้ง 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่รอให้หวางเมี่ยวเมี่ยวแปลไปด้วย และยื่นมือไปยังโต๊ะอาหารที่อยู่ไม่ไกลไปด้วย 


 


 


พนักงานทยอยนำอาหารที่เธอสั่งไปเมื่อครู่มาเสิร์ฟแล้ว 


 


 


อาหารมากมายวางอยู่เต็มโต๊ะ ดูท่าทางน่ากินและรสชาติดี ทำให้พวกเขาอยากอาหารอย่างยิ่ง 


 


 


บวกกับที่หญิงสาวพูดไปแล้วว่า อาหารมื้อนี้เพื่อเป็นการขอโทษเท่านั้น ไม่ได้ขอให้มิสเตอร์ลอมบาร์ดีตกลงร่วมงาน 


 


 


คำขอที่เรียบง่ายนี้ ทำให้สายตาของมิสเตอร์ลอมบาร์ดีเปลี่ยนไปเล็กน้อย 


 


 


หลังจากฟังคำแปลจบ เขาก็มองเหนียนเสี่ยวมู่อยู่หลายสิบวินาที แล้วถึงจะหันไปมองคนในทีมของตนเอง เพื่อสอบถามความเห็นของทุกคน 


 


 


พวกเขาบินมาจากประเทศอิตาลี และไม่ได้กินอาหารดีๆ บนเครื่องบิน ท้องว่างจนเหมือนกลวงไปหมดแล้ว 


 


 


คราวนี้เห็นอาหารวางเต็มโต๊ะ เหนียนเสี่ยวมู่ก็อยากจะขอโทษด้วยท่าทางจริงใจอีกต่างหาก 


 


 


ผ่านไปประมาณสิบกว่าวินาที มิสเตอร์ลอมบาร์ก็หันมามองเธอ และพยักหน้าให้เธอเล็กน้อย 


 


 


“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน มิสเตอร์ลอมบาร์ดีตกลงแล้วค่ะ” 


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวยืนแปลอยู่ข้างๆ เพิ่งจะดึงสติกลับมาได้ หลังจากเห็นมิสเตอร์ลอมบาร์ดีและทีมเดินมาทางโต๊ะของพวกเธอ 


 


 


เธอคาดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเหนียนเสี่ยวมู่พูดเพียงไม่กี่คำ มิสเตอร์ลอมบาร์ดีไม่เพียงไม่ไล่ตะเพิดพวกเธอ แถมยังตกลงร่วมโต๊ะกันอีกต่างหาก! 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 258 คุณน่าสนใจมาก! 


 


 


ต่อไปมิสเตอร์ลอมบาร์ดีคงไม่ถูกเหนียนเสี่ยวมู่โน้มน้าว และตกลงร่วมงานอีกครั้งหรอกนะ? 


 


 


แล้วที่เธอทำไปตั้งมากมายก่อนหน้านี้ จะมีความหมายอะไร 


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวยังคงเหม่อลอย เหนียนเสี่ยวมู่จึงดึงเธอเดินไปยังโต๊ะอาหาร ให้เธอดูแลมิสเตอร์ลอมบาร์ดีเป็นอย่างดี 


 


 


“มิสเตอร์ลอมบาร์ดี นี่เป็นขาหมูขึ้นชื่อค่ะ ส่วนนั่นคือปลาผัดเปรี้ยวหวาน แล้วก็มี…” เหนียนเสี่ยวมู่ยืนอยู่ข้างโต๊ะอาหาร พลางอธิบายอาหารบนโต๊ะให้มิสเตอร์ลอมบาร์ดีพร้อมรอยยิ้ม 


 


 


เธอเป็นคนชอบกิน ต้องรู้ว่าอะไรอร่อยที่สุดอยู่แล้ว 


 


 


อาหารเต็มโต๊ะล้วนเป็นของดีเลิศ 


 


 


บวกกับความเข้าใจในอาหาร เหนียนเสี่ยวมู่ยืนอยู่ตรงนั้น แทบจะกลายเป็นผู้ประกาศรายการอาหารไปแล้ว 


 


 


แถมยังเป็นผู้ประกาศรายการอาหารที่สะสวยน่ามองอีกต่างหาก 


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวแทบจะแปลไม่ทันความเร็วที่เธอพูด ผ่านไปแค่สองสามนาที ก็เกือบจะพูดไม่ทันแล้ว 


 


 


มิสเตอร์ลอมบาร์เป็นคนที่มีมารยาทมาก ถึงเขาจะหิวมาก แต่ก็ไม่ได้สวาปามอย่างตะกละตะกลาม 


 


 


หลังจากเหนียนเสี่ยวมู่แนะนำเสร็จ เขาก็ยิ้มถาม 


 


 


“คุณศึกษาเรื่องอาหารอย่างดีเลยสินะ” 


 


 


เมื่อหวางเมี่ยวเมี่ยวแปลประโยคนี้แล้ว เหนียนเสี่ยวมู่ก็ยิ้มกว้างทันที ก่อนจะพยักหน้าโดยไม่คิด 


 


 


“การกินเป็นเรื่องที่มีความสุขที่สุดในโลกนี้ค่ะ” 


 


 


เธอพูดจบ ก็ถือโอกาสให้หวางเมี่ยวเมี่ยวอธิบายให้มิสเตอร์ลอมบาร์ดี ว่าในประเทศจีนเรียกว่านักกิน 


 


 


และเธอก็เป็นสุดยอดนักกินในบรรดานักกิน! 


 


 


“ถ้าครั้งหน้ามีโอกาส ฉันจะพามิสเตอร์ลอมบาร์ไปลองอาหารอย่างอื่นได้อีกนะคะ คุณจะได้ลิ้มลองรสชาติแห่งความสุขบนลิ้น คุ้มค่าตั๋วแน่นอนค่ะ!” 


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวแปลคำพูดของเธอแล้ว มิสเตอร์ลอมบาร์ดีพลันหัวเราะร่า 


 


 


หนวดเคราบนใบหน้าก็ยกขึ้นตามรอยยิ้มของเขาด้วย 


 


 


จากนั้นเขาก็ยกแก้วไวน์แดงข้างๆ พยักเพยิดไปทางเหนียนเสี่ยวมู่ 


 


 


ก่อนจะพูดด้วยภาษาอิตาลี “คุณน่าสนใจมาก! เป็นคนที่น่าสนใจที่สุดที่ผมเคยเจอเลย!” 


 


 


บรรยากาศบนโต๊ะอาหารครึกครื้นขึ้นเรื่อยๆ 


 


 


ไม่เพียงแต่มิสเตอร์ลอบาร์ดี แม้แต่เพื่อนร่วมงานของเขา ก็เหมือนจะถูกดึงดูดด้วยคำพูดจริงใจของเหนียนเสี่ยวมู่เช่นกัน ต่างก็ถามคำถามเกี่ยวกับอาหารจีนจากเธอไม่หยุด 


 


 


ทำเอาหวางเมี่ยวเมี่ยวที่นั่งอยู่ข้างๆ ร้อนใจเหมือนมดบนหม้อร้อนๆ ในทันที 


 


 


เธอทนมองเหนียนเสี่ยวมู่กลายเป็นเพื่อนกับมิสเตอร์ลอมบาร์ดีไม่ได้! 


 


 


แต่ตรงนี้ไม่ได้มีเธอเป็นล่ามแค่คนเดียว 


 


 


ข้างๆ มิสเตอร์ลอมบาร์ดีก็มีล่ามที่พูดภาษาจีนได้อยู่คนหนึ่งด้วย 


 


 


ถ้าเธอจงใจแปลผิด ก็จะถูกจับได้อย่างง่ายดาย 


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวกำลังกังวล แต่อยู่ๆ ก็เห็นล่ามที่อยู่ข้างๆ มิสเตอร์ลอมบาร์ดีรับโทรศัพท์ จากนั้นก็ขออนุญาตกับทุกคน แล้วถือโทรศัพท์มือถือหมุนตัวเดินออกไป 


 


 


เขาไปรับโทรศัพท์ข้างนอกแล้ว 


 


 


ดีจริงๆ! 


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวตาเป็นประกาย ก่อนจะหันหน้าไปมองเหนียนเสี่ยวมู่ “ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน มิสเตอร์ลอมบาร์ดีดูอารมณ์ดีมากเลยนะคะ พวกเราต้องรีบพูดเรื่องงานสักหน่อยไหม” 


 


 


“ไม่ต้องหรอก ข้าวมื้อนี้ถือเป็นการผูกมิตรเท่านั้น ไม่พูดเรื่องงาน” เหนียนเสี่ยวมู่ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด 


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวยังไม่ทันเอ่ยปาก เธอก็พูดเสริมอีก “คุณช่วยฉันถามพวกเขาหน่อย ว่ายังมีอะไรที่อยากกินหรือเปล่า ให้สั่งได้เลย” 


 


 


“…” 


 


 


ล่ามสาวไม่คิดว่าเหนียนเสี่ยวมู่จะใจเย็นได้ขนาดนี้ 


 


 


เธอกลอกตา ก่อนจะยกแก้วไวน์แดงมองไปทางมิสเตอร์ลอมบาร์ดี และแปลคำพูดของเหนียนเสี่ยวมู่อีกแบบหนึ่ง 


 


 


“มิสเตอร์ลอมบาร์ดี ที่พวกเราไปสายเมื่อเช้าเป็นอุบัติเหตุค่ะ พวกเราเลยมาแสดงความจริงใจ ในเมื่อคุณคุยกับซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนได้แล้ว อย่างนั้นคุณว่าเรื่องงาน…” 


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวยังพูดไม่จบ รอยยิ้มบนใบหน้าของมิสเตอร์ลอมบาร์ดีก็เย็นชาขึ้นแล้ว 


 


 


แม้แต่คนอื่นๆ บนโต๊ะอาหารก็พากันวางตะเกียบลงด้วย 


ตอนที่ 259 รอประโยคนี้แหละ! 


 


 


ดูท่าทางเหมือนจะกินอิ่มแล้ว 


 


 


บนใบหน้ายังคงรักษาสีหน้าของความมีมารยาทเอาไว้อยู่ 


 


 


ถ้าเป็นคนที่ฟังภาษาอิตาลีไม่ออก ก็ไม่มีทางดูออกว่ามิสเตอร์ลอมบาร์ดีและคนอื่นๆ กำลังโกรธ 


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวมองเหนียนเสี่ยวมู่ที่กำลังมีสีหน้างุนงง ในใจแอบไชโยแล้ว 


 


 


แต่ปากยังพูดต่อ “มิสเตอร์ลอมบาร์ดี พวกเราให้ความสำคัญกับงานครั้งนี้มากจริงๆ ค่ะ ถ้าคุณยอมร่วมงานกับพวกเรา ต่อไปก็จะได้ไปกินอาหารอร่อยๆ กับซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนอีกมากมาย…” 


 


 


“ขอโทษที” มิสเตอร์ลอมบาร์ดีขัดขังหวะคำพูดของล่ามสาวอย่างอดไม่อยู่ ก่อนจะมองไปยังเหนียนเสี่ยวมู่ด้วยสายตาไม่พอใจนัก 


 


 


สายตานั้นมีความผิดหวังด้วย 


 


 


เขาโยนผ้าเช็ดปากลงบนโต๊ะ แล้วพูดอย่างเย็นชา “ถ้านี่เป็นจุดประสงค์ที่พวกคุณมาล่ะก็ ผมก็จะยืนยันว่า ผมกับทีมของผมจะไม่ร่วมงานกับพวกคุณอีก!” 


 


 


“…” 


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวรอประโยคนี้อยู่! 


 


 


เมื่อได้ยินมิสเตอร์ลอมบาร์ดีปฏิเสธการร่วมงานของพวกเธออย่างชัดเจน มุมปากก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่ 


 


 


ขณะที่หันไปแปลให้เหนียนเสี่ยวมู่ฟัง เธอกลับพูดว่า “มิสเตอร์ลอมบาร์ดีบอกว่าพวกเขาอิ่มแล้วค่ะ อยากจะกลับไปพักผ่อนที่ห้อง”  


 


 


หลังจากมื้ออาหารนี้จบลง ไม่ว่าเหนียนเสี่ยวมู่มีความสามารถอะไร มิสเตอร์ลอมบาร์ดีก็มองเธอแย่อย่างถึงที่สุดแล้ว 


 


 


คงไม่ใด้โอกาสได้คุยเรื่องงานกับเธออีกเด็ดขาด… 


 


 


“อิ่มแล้วเหรอ แต่ยังมีของหวาน…” เหนียนเสี่ยวมู่ตะลึง พลางมองมิสเตอร์ลอมบาร์ดีที่กำลังจะลุกขึ้น จึงรีบขวางพวกเขาไว้ และให้หวางเมี่ยวเมี่ยวพูดกับพวกเขา ว่ายังมีของหวานหลังมื้ออาหารอีก 


 


 


หวังว่าพวกเขาจะไปหลังจากกินเสร็จ 


 


 


ตอนนี้อย่าว่าแต่ของหวานเลย ต่อให้เธอขนอาหารทั้งโลกมาให้ ก็ไม่ทันแล้ว 


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวแน่ใจแล้วว่างานครั้งนี้ล้มเหลวแน่ จึงแสดงสีหน้าร้อนใจออกมา แล้วแปลให้เธอ หวังว่าจะรั้งให้มิสเตอร์ลอมบาร์ดีและทีมของเขากินของหวานให้เสร็จก่อน 


 


 


พนักงานยกของหวานมาในเวลานี้พอดี… 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่รีบยืนขึ้น ยิ้มพลางแนะนำของหวานให้มิสเตอร์ลอมบาร์ดี 


 


 


รอยยิ้มบริสุทธิ์จริงใจ รวมถึงอาหารที่ทำให้อยากอาหาร คลายความโกรธของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย 


 


 


แม้สีหน้าของมิเตอร์ลอมบาร์ดีจะไม่ได้เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้ยืนกรานจะไปในทันที 


 


 


เขานั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง 


 


 


ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินของหวาน บรรยากาศไม่ได้ครึกครื้นเหมือนเมื่อครู่นี้ 


 


 


พนักงานเดินมาอีกครั้ง 


 


 


“คุณเหนียนครับ อาหารที่คุณสั่งใส่กล่องเรียบร้อยแล้วครับ จะให้นำมาให้พวกคุณเลยไหมครับ” 


 


 


เมื่อได้ยินดังนั้น เหนียนเสี่ยวมู่ก็หันไปมองบนโต๊ะอาหาร มองไปยังมิสเตอร์ลอมบาร์ดีและทีมที่กำลังกินอาหารอยู่ 


 


 


จากนั้นถึงจะมองไปทางหวางเมี่ยวเมี่ยวที่อยู่ข้างๆ “ตอนนี้ไม่ต้องแปลแล้วค่ะ คุณพาพนักงานไปส่งอาหารให้พวกเขาได้เลย แล้วรีบกลับมานะคะ” 


 


 


“…ให้ฉันไป?” 


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวได้ยินเธอพูดอย่างนั้น ก็เกือบจะหลุดหัวเราะออกมา 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ไม่เข้าใจภาษาอิตาลี ถ้าตนเองไปแล้ว เธอจะต่างอะไรกับคนใบ้ล่ะ 


 


 


นี่ทำให้เธอมีข้ออ้างไปส่งอาหาร และกลับมาช้าหน่อย ไม่แน่ว่าเมื่อเธอกลับมาแล้ว มิสเตอร์ลอมบาร์ดีคงจะกินของหวานเสร็จ และสะบัดมือจากไปแล้ว…  


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวคิดถึงตรงนี้ เธอก็พลันออกไปกับพนักงานโดยไม่พูดอะไรอีก 


 


 


ตอนที่เดินออกจากร้านอาหาร เธอยังตั้งใจมองครั้งหนึ่ง 


 


 


ล่ามของมิสเตอร์ลอมบาร์ดีหายไปแล้ว น่าจะมีเรื่องด่วนรีบออกไปหลังคุยโทรศัพท์เสร็จ เธอจึงหลุดหัวเราะออกมาอีก 


 


 


“แม้แต่เง็กเซียนก็ไม่ช่วยเธอหรอก เหนียนเสี่ยวมู่ เธอซวยแน่!” 


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวหยิบโทรศัพท์มือถืออกมา ให้พนักงานถืออาหารตามเธอไปพลาง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแจ้งเรื่องดีกับเหวินหย่าไต้ไปพลาง 


 


 


เมื่อเรื่องนี้สำเร็จ มีเหวินหย่าไต้คอยชมเชย เธอต้องได้เลื่อนตำแหน่งแน่! 


 


 


แต่เธอมองไม่เห็นว่าเหนียนเสี่ยวมู่ยกแก้วไวน์แดงมองไปทางมิสเตอร์ลอมบาร์ หลังจากที่เธอออกจากห้องอาหาร… 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 260 ใครตายกันแน่ 


 


 


ไม่มีใครรู้ ว่าเหนียนเสี่ยวมู่พูดอะไรกับมิสเตอร์ลอมบาร์ดี 


 


 


หลังจากหวางเมี่ยวเมี่ยวนวยนาดกลับมา เธอเห็นเพียงมิสเตอร์ลอมบาร์ดีและคนอื่นๆ ลุกขึ้น กำลังจะเดินออกไปข้างนอก 


 


 


สีหน้าของแต่ละคนไม่ค่อยจะดีนัก 


 


 


แต่น่าจะแย่กว่าตอนที่เธอออกมาอีก… 


 


 


ดูท่าทางเหนียนเสี่ยวมู่จะจบเห่แล้วจริงๆ! 


 


 


บนใบหน้าของหวางเมี่ยวเมี่ยวมีความดีใจพาดผ่านไป เธอเดินไปข้างหน้า ก่อนจะถามด้วยสีหน้างุนง “มิสเตอร์ลอมบาร์ดี ให้ฉันไปส่งคุณไหมคะ” 


 


 


“ไม่ต้อง! วันนี้พอแค่นี้ พวกคุณอย่ามาวอแวกับผมอีก!” มิสเตอร์ลอมบาร์ดีทิ้งท้ายไว้ด้วยความโมโห ก่อนจะสะบัดมือก้าวอาดๆ จากไป 


 


 


คนที่อยู่ข้างหลังเขาก็พากันเดินตามไปด้วย 


 


 


บรรยากาศเยียบเย็นจนถึงจุดเยือกแข็ง 


 


 


ไม่ต้องถามก็รู้ว่าเจรจาร่วมมือไม่สำเร็จ 


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวโห่ร้องอยู่ในใจ แต่บนใบหน้ากลับแสดงความร้อนรนออกมา “ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ตอนนี้ทำยังไงดีคะ มิสเตอร์ลอมบาร์ดีพูดชัดเจนแล้ว ว่าจะไม่ร่วมงานกับพวกเราอีก!” 


 


 


สองมือของเหนียนเสี่ยวมู่ล้วงกระเป๋าอยู่ เธอมองไปยังทางที่มิสเตอร์ลอมบาร์ดีจากไป ก่อนจะเผยรอยยิ้ม 


 


 


“ทำเต็มที่แล้ว เขาไม่ตกลงก็ช่วยไม่ได้” 


 


 


“…” 


 


 


“คุณให้คนอื่นๆ กลับไปก่อนเถอะค่ะ ฉันอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว คงจะกลับไปที่บริษัทช้าหน่อย” เหนียนเสี่ยวมู่พูด พลางเดินผ่านเธอเข้าไปในโรงแรม 


 


 


ดูท่าทางจะอยากกลับไปพักผ่อน 


 


 


ตอนนี้เธอยังมีกะใจนอนหลับอีก 


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดูถูก ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป 


 


 


ตอนนี้เธออารมณ์ดีมาก แต่จะเสียเวลากับเหนียนเสี่ยวมู่อยู่ที่โรงแรมไม่ได้ มีเรื่องสำคัญกว่ารอให้เธอทำไปอีก! 


 


 


 


 


 


บริษัทตระกูลอวี๋ 


 


 


“…ผู้จัดการเหวิน เรื่องเป็นอย่างนี้ค่ะ เหนียนเสี่ยวมู่ทำเกินไปแล้วจริงๆ มาสายไม่พอ ยังไปเปิดห้องที่โรงแรมอีก บอกว่าง่วงมากเลยอยากนอนสักตื่น แล้วค่อยคิดว่าจะโน้มน้าวมิสเตอร์ลอมบาร์ดีอย่างไร!” 


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวยืนอยู่ข้างหน้าเพื่อนร่วมงานทุกคนในแผนกประชาสัมพันธ์ พร้อมทั้งพูดเสียงด้วย 


 


 


เมื่อเห็นสีหน้าของทุกคนไม่ค่อยจะดี เธอก็แขวะต่อ 


 


 


“ทีแรกฉันคิดว่าเธอคิดไว้เรียบร้อยแล้ว ว่าจะพูดโน้มน้าวมิสเตอร์ลอมบาร์ดียังไง ถึงได้สบายใจอย่างนี้ แต่คิดไม่ถึงเลย ว่าตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่ไปหามิสเตอร์ลอมบาร์ดี แต่ไปกินข้าวที่ร้านอาหาร บอกว่ากินอิ่มแล้วถึงจะมีแรงทำงาน” 


 


 


“…” 


 


 


“พวกเราโชคดีมาก ได้เจอมิสเตอร์ลอมบาร์ดีที่ร้านอาหาร แต่เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ก็คือมิสเตอร์ลอมบาร์ดีโกรธมาก บอกซ้ำๆ ว่าไม่อยากร่วมงานกับพวกเรา แล้วก็สะบัดมือจากไป ส่วนเหนียนเสี่ยวมู่กลับทำอะไรไม่ได้เลย!” 


 


 


“…” 


 


 


เพื่อนร่วมงานคนอื่นในแผนกประชาสัมพันธ์ต่างก็มองหน้ากัน ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี 


 


 


มองเห็นแต่เหวินหย่าไต้มีสีหน้าย่ำแย่ลงเรื่อยๆ พลางต่อว่าเหนียนเสี่ยวมู่อยู่ในใจ 


 


 


“แล้วเธออยู่ไหน” เหวินหย่าไต้ขมวดคิ้วตาม 


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวเห็นดังนั้น มุมปากก็ยกยิ้มเยอะเย้ย และแบมือทั้งสองข้าง 


 


 


“หลังจากถูกมิสเตอร์ลอมบาร์ดีปฏิเสธอย่างชัดเจน เธอก็ให้ฉันกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ กลับมา ส่วนเธอนอนอยู่ที่โรงแรมค่ะ” 


 


 


ทำงานเสียเรื่อง เหนียนเสี่ยวมู่กลับไม่มารายงานที่บริษัททันที แต่นอนหลับอยู่ที่โรงแรม 


 


 


เธอตายแน่! 


 


 


“ผู้จัดการเหวิน พูดตามตรงนะคะ ไม่ได้มีแค่ฉันที่เห็นพฤติกรรมของเหนียนเสี่ยวมู่ ตอนนั้นเพื่อนร่วมงานที่ไปด้วยกันก็เป็นพยานให้ได้ เธอไม่พยายามเจรจาร่วมงานเลยค่ะ เธอเห็นเห็นเรื่องล้อเล่น ต้องได้รับการลงโทษอย่างหนัก!” 


 


 


หลังจากล่ามสาวพูดจบ ทุกคนก็ร้องด้วยความตกใจออกมาเสียงหนึ่ง 


 


 


“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน!” 


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวเพิ่งจะสังเกตตามเสียงร้องตกใจ ว่าเหนียนเสี่ยวมู่เดินมาหยุดอยู่ข้างหลังเธอแล้ว 


 


 


แถมในมือยังถือสัญญาฉบับหนึ่งด้วย! 


ตอนที่ 261 ยิ้มพร้อมจัดการคุณ 


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวคิดไม่ถึง ว่าเธอจะกลับมาในเวลานี้พอดี 


 


 


เมื่อเห็นสัญญาในมือของอีกฝ่าย นัยน์ตาของล่ามสาวก็หดตัว 


 


 


ทันได้นั้นก็หัวเราะออกมาอีก 


 


 


มิสเตอร์ลอมบาร์ปฏิเสธที่จะร่วมงานกับพวกเธออย่างชัดเจนแล้ว ถึงแม้เธอนำสัญญามาแล้วจะทำอะไรได้ 


 


 


และมิสเตอร์ลอมบาร์ดีไม่ได้ปรากฏตัว ยิ่งไม่มีทางเซ็นชื่อบนสัญญาฉบับนั้น! 


 


 


เมื่อคิดถึงตรงนี้ หวางเมี่ยวเมี่ยวก็มั่นใจเต็มที่ และยิ้มเยือกเย็นให้เหนียนเสี่ยวมู่ 


 


 


“มาแล้วก็ดี เพื่อนร่วมงานคนอื่นจะได้ไม่เข้าใจผิดว่าฉันให้ร้ายคุณลับหลัง และฉันจะได้อธิบายเรื่องทั้งหมดให้ทุกคนฟังอย่างชัดเจน” 


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวเดินมาข้างหน้า สองมือกอดอก พลางมองเหนียนเสี่ยวมู่ 


 


 


“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน คุณบอกมาด้วยตัวเองซะดีๆ ว่าทำให้มิสเตอร์ลอมบาร์ดีโมโหเพราะมาสายได้ยังไง และพาทุกคนไปโรงแรม ให้ทุกคนรออยู่ข้างนอก ส่วนคุณกลับเปิดห้อง ทั้งกินทั้งนอน ไม่เห็นงานในสายตาได้ยังไง” 


 


 


“…” 


 


 


“เรื่องพวกนี้ฉันไม่ได้ใส่ร้ายคุณใช่ไหมคะ ฉันจำได้ว่าตอนนั้นฉันโน้มน้าวให้คุณไปหามิสเตอร์ลอมบาร์ดีอยู่ตลอด แต่คุณกลับไม่ใส่ใจ ตอนนี้งานก็พังหมดแล้ว เป็นความผิดของคุณนั่นแหละ!” 


 


 


“…” 


 


 


“ฉันว่าคนอย่างคุณ ไม่มีสิทธิ์อยู่ในแผนกประชาสัมพันธ์เลยด้วยซ้ำ!” หวางเมี่ยวเมี่ยวไม่ให้โอกาสเหนียนเสี่ยวมู่พูดโดยสิ้นเชิง เพียงแต่โทษว่าเป็นความผิดของเธออย่างแน่นอน 


 


 


ในสายตาของเธอแล้ว งานพัง เหนียนเสี่ยวมู่ถูกไล่ออก เป็นเรื่องที่กำหนดไว้แล้ว 


 


 


ใครที่ปกป้องเหนียนเสี่ยวมู่ในเวลานี้ คนนั้นก็โง่เง่าสิ้นดี! 


 


 


“เหนียนเสี่ยวมู่ คุณยังมีอะไรจะพูดไหม” หวางเมี่ยวเมี่ยวเดินมาข้างหน้าเธอ พร้อมสีหน้าลำพองใจ 


 


 


เดิมทีล่ามสาวคิดว่าจะได้เห็นท่าทางเคร่งเครียดหวาดกลัวของเหนียนเสี่ยวมู่ ยิ่งไปกว่านั้นคงรีบร้อนอธิบายด้วย 


 


 


แต่จนถึงตอนนี้ สีหน้าของเหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่เปลี่ยนแปลงเลย… 


 


 


ไม่ใช่สิ เปลี่ยนไปแล้ว 


 


 


มีรอยยิ้ม 


 


 


มุมปากของเหนียนเสี่ยวมู่ยกทำมุมโค้งเล็กน้อย ไม่ได้ยิ้มอย่างชัดเจนนัก แต่ก็แฝงการถากถางอยู่ 


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวพลันตะลึงลาน 


 


 


เธอมองเหนียนเสี่ยวมู่เดินผ่านตนเองไปยังเหวินหย่าไต้ 


 


 


“ผู้จัดการเหวิน ฉันอยากจะถามสักหน่อย ในฐานะที่เป็นล่าม แต่สะเพร่าทำให้เกิดความเข้าใจผิดก่อนงานจะสำเร็จ ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศของทีมอย่างหนัก จะต้องจัดการอย่างไรคะ” 


 


 


“…” ลูกตาของเหวินหย่าไต้หดตัวเล็กน้อย ไม่ได้ตอบในทันที 


 


 


ภายใต้การบริหารบริษัทตระกูลอวี๋ของอวี๋เยว่หาน เขาให้ความสำคัญกับโครงสร้างทีมอย่างยิ่ง 


 


 


เทียบกับความสามารถในการทำงานแล้ว เขาให้ความสำคัญกับนิสัยของคนมากกว่า 


 


 


ถ้ามีคนสร้างความเข้าใจผิด ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศของทีมจริงๆ ก็จะต้องถูกไล่ออก! 


 


 


“เหนียนเสี่ยวมู่ คำพูดนี้ของคุณหมายความว่ายังไงคะ” 


 


 


เหวินหย่าไต้ไม่ได้พูด แต่เป็นหวางเมี่ยวเมี่ยวที่กลั้นความโมโหเอาไว้ไม่อยู่ 


 


 


“ฉันได้ยินมิสเตอร์ลอมบาร์ดีปฏิเสธที่จะร่วมงานกับพวกเราด้วยหูของฉันเอง แถมยังห้ามไม่ให้คุณไปวุ่นวายกับเขาอีก ฉันสร้างความเข้าใจผิดตรงไหน ฉันว่าคนที่โกหกหลอกทุกคนอยู่ตอนนี้ก็คือคุณนั่นแหละ!” 


 


 


เมื่อเห็นเหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้สนใจ หวางเมี่ยวเมี่ยวก็ถลามาข้างหน้า 


 


 


“คุณว่าฉันสร้างความเข้าใจผิด งั้นก็ดีค่ะ ตอนนี้คุณกล้าบอกผลการเจรจางานกับทุกคนไหมล่ะ” 


 


 


“…” 


 


 


“ถ้าวันนี้คุณโน้มน้าวให้มิสเตอร์ลอมบาร์ดีตกลงร่วมงานได้ ฉันก็จะยอมรับว่าฉันสร้างความเข้าใจผิด และฉันจะเก็บข้าวของออกไปเองโดยไม่ต้องให้ผู้จัดการเหวินเอ่ยปาก…” 


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวยังพูดไม่จบ เหนียนเสี่ยวมู่ก็ยิ้มออกมาแล้ว 


 


 


รอยยิ้มสบายใจและมั่นใจนั้น ทำให้หวางเมี่ยวเมี่ยวหนาวสันหลังวาบ 


 


 


ไม่รู้ว่าทำไม อยู่ๆ ก็มีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง 


 


 


แต่ตอนนั้นเธอเห็นกับตาว่ามิสเตอร์ลอมบาร์ดีโมโหมาก แถมยังสะบัดมือจากไป 


 


 


และเธอแน่ใจว่างานพังแล้ว ถึงกลับมาพูดให้ร้ายเหนียนเสี่ยวมู่ที่บริษัท 


 


 


แต่ตอนนี้… 


 


 


ล่ามสาวยังคิดไม่ออกว่าผิดพลาดที่ตรงไหน ก็เห็นเลขารับโทรศัพท์ และรีบร้อนวิ่งมาหาเหวินหย่าไต้ 


 


 


“ผู้จัดการเหวินคะ มิสเตอร์ลอมบาร์ดีกับทีมมาที่บริษัทของเราค่ะ!”  


 


 


 


 


 


ตอนที่ 262 ปลดล็อกทักษะใหม่ 


 


 


“เธอพูดว่าอะไรนะ” เหวินหย่าไต้ตะลึง 


 


 


ไม่ได้มีแค่เธอที่ดึงสติกลับมา เพื่อนร่วมงานคนอื่นในแผนกก็มีสีหน้างุนงงเช่นกัน 


 


 


“มิสเตอร์ลอมบาร์ดีมาเยี่ยมชมบริษัทของพวกเราค่ะ” เลขาพูดทวนคำพูดเมื่อครู่รอบหนึ่ง “ไม่ได้มีแค่มิสเตอร์ลอมบาร์ดีนะคะ คนในทีมของเขาทุกคนก็มากันหมด บอกว่ามาตรวจสอบอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของซูเปอรไวเซอร์เหนียนค่ะ” 


 


 


“เฮ้อ” 


 


 


เมื่อเลขาพูดจบ ทุกคนในแผนกประชาสัมพันธ์ก็ถอนหายใจออกมา 


 


 


และพากันมองไปยังหวางเมี่ยวเมี่ยวโดยไม่ได้นัดหมาย 


 


 


ยังมีอะไรน่าเวทนากว่าการพูดจาให้ร้าย แล้วถูกหักหน้าอีกไหม 


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวในตอนนี้เหมือนสูญเสียการได้ยินไปแล้ว ผ่านไปนานทีเดียว ถึงจะมีปฏิกิริยา 


 


 


กลับเป็นเหวินหย่าได้ที่ดึงสติกลับมาได้ก่อน จากนั้นก็มองเลขาอย่างเคร่งขรึม “ข่าวถูกต้องใช่ไหม ไม่ใช่ว่ามิสเตอร์ลอมบาร์ดียกเลิกร่วมงานแล้ว…” 


 


 


เหวินหย่าไต้ยังพูดไม่จบ ประตูลิฟต์ที่อยู่ไม่ไกลก็เปิดออก 


 


 


เงาร่างของมิสเตอร์ลอมบาร์ดีค่อยๆ ก้าวออกจากข้างใน ข้างหลังของเขามีคนอื่นในทีมอีกสี่คน 


 


 


ทุกคนล้วนมีสีหน้ายิ้มแย้ม พลางก้าวยาวๆ มาทางแผนกประชาสัมพันธ์ 


 


 


ถ้าพูดให้ถูกต้อง ก็คือเดินมาหาเหนียนเสี่ยวมู่ 


 


 


“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน พวกเราเจอกันอีกแล้ว!” มิสเตอร์ลอมบาร์ดีกระตือรือร้นมาก เขาเดินมากอดเหนียนเสี่ยวมู่แน่นๆ ครั้งหนึ่ง 


 


 


นี่ไม่เหมือนกับที่หวางเมี่ยวเมี่ยวบอกว่าโกรธจนสะบัดมือจากไปเลยสักนิด! 


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวยืนอยู่ท่ามกลางผู้คน ไม่กล้าเชื่อภาพตรงหน้าโดยสิ้นเชอง 


 


 


เธอเบิกตาโพลง ราวกับสงสัยว่าตนเองเห็นภาพหลอนหรือเปล่า 


 


 


หลังจากดึงสติกลับมาได้ เธอก็เริ่มปลอบใจตนเอง 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่พูดภาษาอิตาลีไม่ได้ เธอต้องขอความช่วยเหลือตนเองแน่ๆ ขอเพียงเธอเอ่ยปากขอให้ตนเองแปล หญิงสาวก็พอมีทางกู้หน้าได้! 


 


 


ขณะที่เธอจะเดินไปต้อนรับมิสเตอร์ลอมบาร์ดีนั้น กลับได้ยินเสียงเสนาะหูค่อยๆ ดังขึ้น 


 


 


“ฉันดีใจมากเลยค่ะที่ได้เชิญมอสเตอร์ลอมบาร์ดีมาเยี่ยมชมบริษัทของพวกเรา และเชื่อว่าเมื่อคุณเข้าใจงานของพวกเราในครั้งนี้แล้ว คุณจะยิ่งมีความมั่นใจต่องานของพวกเรายิ่งขึ้นอีกค่ะ!” 


 


 


ภาษาอิตาลีอันไหลลื่นดังออกจากปากของเหนียนเสี่ยวมู่ 


 


 


เมื่อร่วมอยู่กับรอยยิ้มงดงามบนใบหน้าของเธอแล้ว ไม่มีความรู้สึกขัดกันเลยสักนิด 


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยว “…” !! 


 


 


เธองงงันไปโดยสิ้นเชิงแล้ว 


 


 


สีหน้าของเธออึ้งงันจนไม่สามารถบรรยายได้แล้ว 


 


 


หลังจาดเห็นเหนียนเสี่ยวมู่ใช้ภาษาอิตาลีสื่อสารกับมิสเตอร์ลอมบาร์ดีอยู่ข้างหน้า สีหน้าของเธอก็พลันซีดเผือดลง 


 


 


นอกจากตกใจแล้ว เธอก็คิดอีกเรื่องหนึ่งไปพร้อมๆ กัน 


 


 


ตอนที่เธออยู่ในร้านอาหารของโรมแรม เธอคิดว่าเหนียนเสี่ยวมู่ฟังภาษาอิตาลีไม่รู้เรื่อง จึงจงใจแปลผิดต่อหน้าอีกฝ่าย 


 


 


แต่เหนียนเสี่ยวมู่พูดภาษาอิตาลีด้วยสำเนียงอิตาลีเข้มข้นแบบนี้ออกมาได้อย่างลื่นไหล แล้วจะฟังไม่รู้เรื่องได้อย่างไร 


 


 


ความเป็นไปได้อย่างเดียวคือ เหนียนเสี่ยวมู่สงสัยเธอตั้งแต่แรก และจงใจหยั่งเชิงเธอ 


 


 


เธอคิดไม่ถึงเลย ว่าจะโง่เง่าจนติดกับได้ 


 


 


แถมยังคิดว่าตนเองฉลาดมาก จัดการอีกฝ่ายใหเอยู่หมัดได้อย่างง่ายดาย! 


 


 


หลังจากคิดถึงตรงนี้ หวางเมี่ยวเมี่ยวก็กระวนกระวายอย่างสุดขีด 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ต้องเดาได้ว่าเธอจงใจบอกเวลาไปรับที่สนามบินผิดอย่างแน่นอน 


 


 


ที่ไม่ได้เปิดโปงในตอนนั้น ก็เพราะไม่มีหลักฐาน จึงตั้งใจหยั่งเชิงเธอ 


 


 


ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานแล้ว 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่โน้มน้าวมิสเตอร์ลอมบาร์ดีมาที่บริษัทได้ จากนี้ขอเพียงเจรจาร่วมงานได้อย่างราบรื่น ก้ท่ากับยืนยันได้ว่าเธอจงใจสร้างความเข้าใจคลาดเคลื่อนจริง 


 


 


เมื่อครู่เธอว่าร้ายเหนียนเสี่ยวมู่ต่อหน้าเพื่อนร่วมงานมากมาย ขอแค่เหนียนเสี่ยวมู่ได้สัญญามาไว้ในมือ เธอก็ต้องลาออก 


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวขาอ่อนไปหมด จึงล้มลงไปข้างๆ อย่างยืนไม่อยู่แล้ว!  

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม