จอมใจจ้าวพิษ 252-259

 ตอนที่ 252 ยันต์ล่ามชีวิต 


 


 


 


 


 


แม้คำพูดนี้จะไม่ผิด ถังเฉียนเห็นฉู่จิ่งเหยาหวาดกลัวจริงๆ จึงหยิบของสองชิ้นออกมาจากใต้ที่นั่งวางไว้บนอกเขา 


 


 


“ท่านอ๋องไม่ต้องกลัว เผ่าอินทรีเงินทำของวิเศษสำหรับสภาพการณ์เช่นนี้โดยเฉพาะ ท่านอาอิ๋นจ้านให้คนเอามาให้ ท่านอ๋องเก็บไว้ ถ้าเกิดเหตุร้ายขึ้น ให้สวมไว้กับตัว เมื่อใกล้ถึงพื้นดิน ดึงด้ายแดงด้านซ้าย ก็จะปลอดภัย” 


 


 


ถังเฉียนยื่นของชิ้นนั้นให้ ตัวเองปีนไปบนกราบเรือ มองดูทิวทัศน์ข้างนอก 


 


 


“เมื่อคืนยังร้องไห้จะเป็นจะตาย แค่ชั่วเวลาไม่นานเจ้าหายดีแล้วหรือ ข้าขอบอก เด็กสาวอย่างเจ้าเอาแต่ใจตัวเองจนเกินไป อย่าลืมความเป็นกุลสตรี มาอยู่ที่ดินแดนเหมียวเจียงก็ลืมฐานะตัวเองจนหมดสิ้น”  


 


 


ฉู่จิ่งเหยาพูดพลางทำเป็นใจกล้ายื่นยันต์ล่ามชีวิตคืนให้ถังเฉียน จากนั้นจึงยิ้มอย่างสบายอารมณ์ 


 


 


“ท่านอ๋อง ท่านทราบฐานะของข้า เหตุใดที่ผ่านมาจึงไม่เผยออกมาเล่า” 


 


 


ถังเฉียนกล้าเอ่ยปากเช่นนี้เพราะนางอยู่ในสถานที่ที่มีเพียงสองคนเท่านั้น แม้บนนี้ลมจะแรงมาก แต่พูดใกล้ตัวยังฟังได้ยิน 


 


 


“เมื่อคืน เจ้าดึงตัวข้าไว้ พูดอย่างหนักแน่นว่ามีคนจะสังหารข้า มีคนคิดร้ายวางแผนก่อกบฏ เจ้าลืมไปแล้วหรือ” 


 


 


ถังเฉียนได้ฟังเช่นนี้ก็กัดลิ้นตัวเอง ใช้กำปั้นเล็กๆ ของตนทุบหัวตัวเอง แล้วพึมพำว่า 


 


 


“ข้าสับสนไปหมด ไม่รู้ว่าเมื่อคืน พูดเพ้อสิ่งใดไปบ้าง?” 


 


 


ฉู่จิ่งเหยาไม่ใส่ใจกับการกระทำของนาง ลูบศีรษะนางเบาๆ แล้วพูดว่า 


 


 


“เจ้าช่วยชีวิตข้าไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ถ้าหากยังไม่อาจไว้ใจเจ้า แล้วข้าจะไว้ใจใครได้เล่า อย่างครั้งนี้ เจ้าบอกว่านั่งเรือเหาะปลอดภัย ข้าย่อมเชื่อ” 


 


 


พอถังเฉียนได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกเครียดทันที มองดูยันต์ล่ามชีวิตในมือก็ยิ่งเครียดมากขึ้น แล้วโยนยันต์แผ่นนั้นออกไปจากเรือเหาะแทบจะทันที ถังเฉียนปีนอยู่บนกราบเรือ มองดูมันลอยอยู่กลางอากาศแล้วลุกไหม้พรึ่บขึ้น 


 


 


คราวนี้ฉู่จิ่งเหยากลับไม่หวาดกลัวแล้ว เขายืนพิงกราบเรือแล้วยิ้ม ถังเฉียนกลับรู้สึกกลัว 


 


 


“ท่านอ๋อง ยังยิ้มออกอีก มีคนต้องการให้เราสองคนตาย รีบคิดหาวิธีแก้เถอะ อยู่ต่อในที่บ้าๆ นี้ไม่ได้แล้ว” 


 


 


ถังเฉียนมองดูซ้ายขวา อยากรู้ว่าตนเองมองข้ามอะไรไปหรือไม่ ถ้าที่นี่มีจุดอ่อนแค่เล็กน้อย ตัวนางกับท่านอ๋องคงจบชีวิตที่นี่แน่ นางประมาทเกินไป นางลืมไปแล้วว่าถึงเถิงอวิ๋นจะบอกว่าไม่ฆ่านาง แต่มีคนที่อยากให้พวกเขาตาย เหตุใดตนเองจึงรับของขวัญและข้าวของจากคนอื่นติดขึ้นมาอย่างง่ายๆ 


 


 


อิ๋นจ้านกับนางไม่มีความเกี่ยวข้องกัน แต่จู่ๆ เหตุใดจึงมอบของล้ำค่านี้ให้นาง ต้องเป็นอุบายแน่นอน เวลานี้ดูแล้วอิ๋นจ้านคงเป็นบุคคลลึกลับอีกคนที่ร่วมมือกับเถิงอวิ๋น 


 


 


“ไม่ต้องกลัว อย่างไรก็นั่งบนเรือโจรแล้ว มาแล้วต้องทำใจให้สงบ” 


 


 


ถังเฉียนไม่มีสภาพจิตใจอย่างฉู่จิ่งเหยา นางยืนขึ้นตรวจดูเชือก เพิ่งยืนขึ้นมาก็พบว่าเชือกที่มัดทางหางเรือเปลี่ยนเป็นเล็กมาก เมื่อถูกลมพัดก็ค่อยๆ เล็กลง จากนั้นก็ขาดออก เรือที่นั่งอยู่เอียงไปทางด้านหลังทันที ฉู่จิ่งเหยายืนตั้งหลักอย่างมั่นคง เกาะกราบเรือไว้แน่นพลางดึงถังเฉียนไว้ 


 


 


“ท่านอ๋อง ทำอย่างไรดี” 


 


 


ถังเฉียนจับมือฉู่จิ่งเหยาแน่น พร้อมกับยึดเชือกเส้นหนึ่งไว้ ฉู่จิ่งเหยาชี้ไปที่เขาสูงลูกหนึ่งไกลออกไป 


 


 


“ไม่ต้องกลัว จับเชือกเส้นนั้นให้แน่น เราหาวิธีกระโดดลงไปที่หน้าผานั่น” 


 


 


ฉู่จิ่งเหยาเพิ่งพูดจบ เชือกอีกเส้นก็ขาดออก ฉู่จิ่งเหยารีบคว้าเชือกเส้นนั้นไว้ ถ้าเชือกข้างหน้าเส้นนี้ขาดออก พวกเขาจะเสียสมดุล จะทำให้สถานการณ์อันตรายยิ่งขึ้น 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 253 ระหว่างความเป็นความตาย 


 


 


 


 


 


ถังเฉียนเห็นสภาพเช่นนี้ ก็เชื่ออย่างสิ้นเชิงแล้วว่าการเดินทางของพวกเขาครั้งนี้ เผ่าอินทรีเงินวางแผนให้ทั้งสองตายกลางอากาศ นางเข้าใจดี การที่นางยังอยู่บนเรือจะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น ต่อให้ฉู่จิ่งเหยามีพลังแขนที่น่าอัศจรรย์ แต่จะยื้อออกไปจนถึงจุดที่เขาบอกนั้นย่อมเป็นไปได้ยาก 


 


 


ถังเฉียนมองสำรวจรอบๆ แล้วจู่ๆ ก็ปล่อยเชือกข้างตัว นางวิ่งไปที่หัวเรืออย่างรวดเร็ว ย่ำเท้าไปบนจุดที่สูงสุดบนกราบเรือแล้วกระโดดขึ้นไปคว้าเชือกไว้ ท่าเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องของนางทำให้ฉู่จิ่งเหยาตาลาย ชั่วพริบตาเด็กสาวก็คว้าขาอินทรีเงินไว้ แล้วค่อยๆ ไต่เชือกขึ้นไปบนคอเจ้าพายุเงิน 


 


 


ก่อนหน้านี้เถิงเฟิงเคยบอกว่าสามารถขี่เจ้าพายุเงินได้ ตอนเด็กเขาจะจับเจ้าพายุเงินมาแล้วปีนขึ้นไปบนหลังของมัน กอดคอมันไว้เหมือนขี่ม้า ใช้ขาควบคุมทิศทางบินของมัน 


 


 


ถังเฉียนเกาะขนเจ้าพายุเงินไว้แน่น แล้วปีนขึ้นไปบนคอ นางออกแรงหนักเกินไป จนเกือบบีบคอเจ้าพายุเงินตาย เพิ่งปีนขึ้นไป เจ้าพายุเงินก็นำอีกสามตัวพุ่งลงข้างล่าง ใกล้จะกระแทกหน้าผาแล้ว ฉู่จิ่งเหยารีบตะโกนบอก 


 


 


“คลายมือออกหน่อย!” 


 


 


ถังเฉียนคว้าที่ขนบนคอนก เลิกรัดคอนกแล้ว เจ้าพายุเงินมีโอกาสหายใจ จึงบินโฉบผ่านช่องเขาไป ร่างถังเฉียนห้อยอยู่กลางอากาศ ได้ยินเพียงเสียงท้องเรือครูดกับหินหน้าผา เชือกด้านขวาก็ขาดแล้วสุดท้ายจึงเหลือเพียงถังเฉียนเกาะเจ้าพายุเงินและฉู่จิ่งเหยาเกาะอินทรีเงินสองตัวลอยอยู่กลางอากาศ พวกมันลู่ปีกเข้า บินฉวัดเฉวียนตามเจ้าพายุเงินอยู่ในป่าทึบ 


 


 


เดิมถังเฉียนยังสามารถเกาะไว้แน่น แต่นางเกรงว่าจะรัดแน่นเกินไป อาจเผลอรัดเจ้าพายุเงินตายได้ แล้วจะร่วงลงไปทั้งคู่ 


 


 


ถังเฉียนรับมือได้ทุกอย่างแต่ที่นางกลัวที่สุดคือเวียนหัว นางเผลอเกาะไม่แน่นขณะที่เจ้าพายุเงินบินเลี้ยวจึงตกลงมา แม้ความสูงขณะนี้ไม่สูงเท่าเดิมแล้ว แต่ตกลงไปก็ยังทำให้ตายอย่างไม่ต้องสงสัย 


 


 


ถังเฉียนหดตัวแน่น เตรียมรับกับความเจ็บปวดเมื่อกระแทกตามที่คิดไว้ในใจ แต่คาดไม่ถึงว่าทันใดนั้นจะรู้สึกว่าเอวถูกรัดแน่น รออยู่นานแต่ไม่ตกลงไปอีก 


 


 


“อย่ามัวตะลึง รีบปีนขึ้นมา กอดข้าไว้” 


 


 


ถังเฉียนลืมตาขึ้นมอง พบว่าฉู่จิ่งเหยาใช้สองขารัดนางไว้ ถังเฉียนซาบซึ้งใจที่เขาช่วยชีวิตตนไว้แบบนี้ นางไม่ลังเลเลย รีบเกาะขาและเสื้อผ้าเขาไต่ขึ้นไป 


 


 


“เจ้าไว้ใจข้าไหม?” 


 


 


ถังเฉียนพยักหน้า นางไม่รู้เพราะอะไรคนที่นางไว้ใจที่สุดคือเขา เมื่อตนเองบาดเจ็บหรือทุกข์ใจก็อยากมาหาเขาเพื่อใกล้ชิดบ้าง ฉู่จิ่งเหยาไม่สามารถกอดถังเฉียน จึงตะโกนบอก 


 


 


“ใช้ขาเจ้ารัดเอวข้าไว้ เมื่อเจอจุดที่เหมาะ ข้าจะพาเจ้ากระโดดลงไป ตื่นเต้นมากขึ้นทุกทีแล้ว ฮ่าฮ่า…” 


 


 


ถังเฉียนไม่คิดว่าเขาจะไม่โมโหหรือหงุดหงิด กลับสะใจแบบนี้ และไม่มีการกังวลเรื่องระหว่างชายกับหญิง ขณะนี้เอาชีวิตรอดสำคัญที่สุด ถังเฉียนใช้ขารัดเอวฉู่จิ่งเหยาไว้แน่น มือเกาะที่ไหล่เขา 


 


 


พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นมุมปากเขาเชิดขึ้นเล็กน้อย รวมทั้งสายตาที่เปี่ยมด้วยความเชื่อมั่น ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อเห็นสายตาเขาแล้ว ต่อให้ตกอยู่ในสภาพการณ์เช่นนี้ซึ่งอาจตายได้ทุกขณะ แต่ถังเฉียนกลับรู้สึกว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาต้องมีชีวิตรอดแน่ บางทีนี่อาจเป็นพลังที่ผุดออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ 


 


 


“เตรียมพร้อมนะ ข้าจะกระโดดลงไปแล้ว กลั้นหายใจซะ” 


 


 


“ได้!” 


ตอนที่ 254 รอดตายหวุดหวิด


 


 


 


 


ฉู่จิ่งเหยาปล่อยมือข้างหนึ่ง ทั้งสองเกาะอินทรีเงินไว้เพียงตัวเดียว ทำให้มันไม่อาจแบกรับน้ำหนักได้ มันกระพือปีกอย่างสุดกำลัง แต่ก็ยังตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทั้งสองเข้าใกล้ผิวน้ำมากขึ้นทุกที ฉู่จิ่งเหยาเลือกท่าทางที่เหมาะที่สุด โดยกอดถังเฉียนไว้แล้วกระโดดลงไปในน้ำ


 


 


น้ำเข้าล้อมรอบตัวนางจากทุกทิศทุกทาง รู้สึกเพียงว่าร่างกายตนเองถูกกระแทกอย่างรุนแรง มีเสียงอื้ออึงดังขึ้นในสมองถังเฉียน แต่นางมองดูฉู่จิ่งเหยา แววตามุ่งมั่นเป็นพิเศษ สติก็แจ่มชัดมาก


 


 


เพราะฉู่จิ่งเหยากอดถังเฉียนไว้ขณะที่ตกลงมาในน้ำ เขาจึงได้รับแรงกระแทกรุนแรงกว่า เมื่อลงมาใต้น้ำก็หมดสติไป ยังดีที่ถังเฉียนยังมีสติอยู่ จึงรีบลากเขาขึ้นจากบึงน้ำ


 


 


“ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง ฟื้นสิ”


 


 


ถังเฉียนเขย่าร่างฉู่จิ่งเหยา แต่เขาไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดใด เลยลองเอามืออังจมูก ยังดีที่เขายังมีชีวิตอยู่ คิดว่าคงเพราะแรงกระแทกที่แรงมากเมื่อครู่ จึงทำให้เขาสลบไป


 


 


ถังเฉียนลากฉู่จิ่งเหยาขึ้นมาบนฝั่ง ถอดเสื้อตัวนอกเขาออกให้หมด หาไม้แห้งมาก่อไฟ ผิงเสื้อผ้าพวกเขาให้แห้ง นางฉวยโอกาสที่ไม่มีคน ถือมีดออกไปจับกระต่ายมาตัวหนึ่ง ผูกมันไว้กับแขนของฉู่จิ่งเหยา แต่นางไม่รู้ว่าจะกินมันอย่างไรดี


 


 


“เจ้ากระต่ายน้อย เจ้าว่าเมื่อไหร่ท่านอ๋องจึงจะฟื้น ถ้าเกิดเขาไม่ฟื้น แล้วข้าจะทำอย่างไรดี”


 


 


ครั้งนี้ถังเฉียนไม่ใช่แค่จับกระต่ายได้เท่านั้น ยังนำตัวอินทรีเงินที่ถูกทั้งสองดึงลงมากลับมาด้วย มันกระแทกต้นไม้นอนหมดสติอยู่ ถังเฉียนมัดเท้ามันด้วยเชือกที่เหนียวไว้กับต้นไม้ ทำให้มันไม่สามารถบินไปไหนได้


 


 


ครั้งนี้ทั้งคู่รอดตายอย่างหวุดหวิดจริงๆ ถังเฉียนคิดแล้วก็ยังไม่หายหวาดผวา ตนเองยังดีที่หนีออกมาจากรังหมาป่าได้ ที่ทุลักทุเลแบบนี้คงเพราะตนไว้ใจคนที่ไม่ควรไว้ใจ ระแวงคนที่ไม่ควรระแวง นางยื่นมือมาคลำหน้าผากฉู่จิ่งเหยา เขาตัวไม่ร้อนแล้ว ร่างกายค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมา เช่นนี้ทำให้นางสบายใจขึ้นหน่อย


 


 


ถังเฉียนเอาเสื้อที่ผิงไฟแห้งแล้วห่มให้ฉู่จิ่งเหยา ตัวนางนั่งกอดเข่าผิงไฟ ท้องฟ้ายิ่งมืดลงทุกที แต่นางไม่กล้านอนหลับ ไม่รู้ว่าที่นี่เป็นที่ไหน จะมีสัตว์ร้ายปรากฏตัวออกมาหรือไม่ก็ไม่รู้


 


 


แต่แล้วนางก็ผล็อยหลับไปอย่างไม่รู้ตัว สองวันก่อนนางก็เพิ่งป่วย ถ่ายเลือดออกไปไม่น้อย เดิมทีก็เป็นการฝืนเดินทาง แล้วก็ผ่านการรอดตายอย่างหวุดหวิดเช่นนี้ สู้อย่างสุดชีวิต ที่นางทนจนถึงฟ้าสลัวได้ก็ไม่ง่ายแล้ว


 


 


ทั้งนี้เพราะฉู่จิ่งเหยาปกป้องไม่ให้นางถูกทำร้าย นางจึงสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างเข้มแข็งมีสติ


 


 


“อาหรูน่า? อาหรูน่า?”


 


 


ฉู่จิ่งเหยาร้องเรียกนางสองครั้ง ขณะที่ถังเฉียนลืมตาขึ้น ฉู่จิ่งเหยากำลังฉีกเสื้อเพื่อต่อแพ


 


 


“ท่านอ๋องฟื้นแล้ว ดีจังเลย ข้าไม่ต้องคอยห่วงท่านแล้ว”


 


 


แววตาถังเฉียนยังงัวเงีย นางดีใจจริงๆ ที่เห็นฉู่จิ่งเหยาฟื้น ฉู่จิ่งเหยาอุ้มร่างนางที่ยังคงกึ่งหลับกึ่งตื่น นางเองไม่รู้ตัวว่าตัวเองนั้นไข้สูงมาก ฉู่จิ่งเหยาวางนางลงบนแพไม้ไผ่ จากนั้นก็ให้อินทรีเงินตัวนั้นช่วยลากพวกเขาไปตามแม่น้ำ ซึ่งวิธีนี้ไม่เคยมีมาก่อน


 


 


หลังจากฉู่จิ่งเหยาฟื้นขึ้นก็สำรวจภูมิประเทศรอบๆ แม้ว่าเมื่อวานเขาเลือกที่ลงอย่างเดาสุ่ม แต่แน่ใจว่าเขามาในเขตแดนเซวียนกั๋วแล้ว รวมทั้งผ่านเมืองมังกรหมอกมาแล้ว ขณะนี้อยู่ในบริเวณป่าที่ไม่รู้ชื่อ แต่เลือกที่พักบริเวณที่มีแม่น้ำไหลผ่าน ถ้าพวกเขาล่องไปตามแม่น้ำที่ไหลจากทิศตะวันตกไปยังตะวันออก ก็จะเข้าใกล้เมืองหลวงขึ้นทุกที ถ้าเข้าเขตเมืองแล้ว เขาย่อมมีวิธีหาทางกลับได้


 


 


 


 


ตอนที่ 255 นกโง่


 


 


 


 


ทั้งสองล่องมาจนสุดทางน้ำ แล้วพบหมู่บ้านแห่งหนึ่งบนเขา ถังเฉียนไม่ได้ยินภาษาเซวียนกั๋วที่คุ้นหูเช่นนี้มานานแล้ว บางทีอาจเพราะเมื่อจากแผ่นดินเกิดไปนั้นนางอายุยังน้อยเกินไป เวลานี้ได้ยินจึงรู้สึกผ่อนคลายมาก


 


 


ดินแดนเซวียนกั๋วกว้างใหญ่ไพศาล โดยเฉพาะด้านตะวันตกเฉียงใต้มีภาษาถิ่นมากมายที่มีลักษณะเฉพาะ แม้ถังเฉียนจะฟังออกว่าพวกเขาพูดภาษาเซวียนกั๋ว แต่พอถามพวกเขาจริงๆ นางกลับไม่เข้าใจนัก ฉู่จิ่งเหยาพอคุยกับพวกเขารู้เรื่องบ้าง แต่ทั้งสองต้องอาศัยภาษามือช่วย ทำให้ฉู่จิ่งเหยาได้ข้อมูลไม่น้อย


 


 


“ชาวบ้านบอกว่าถ้าเราเดินไปตามทางเล็กเส้นนี้ ข้ามภูเขาลูกนี้ไป ก็จะเห็นเมืองสยงเย่ว์ เมื่อถึงเมืองนี้แล้ว เราก็จะอยู่ไม่ห่างจากทางสายหลักไปยังเมืองหลวงแล้ว ถึงตอนนั้นเราจะสามารถกลับไปได้”


 


 


ถังเฉียนเงยหน้ามองเขาลูกเล็กที่ชาวบ้านและฉู่จิ่งเหยาพูดถึง แม้นางจะเป็นทาสที่ต้องโทษ แต่ตั้งแต่เล็กนางได้รับการเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอม นอกจากที่ต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามเขาไปถึงดินแดนเผ่าม้งแล้ว นางไม่เคยเดินทางไกลเช่นนี้มาก่อน ที่นี่เป็นป่าทึบ อินทรีเงินตัวนี้ไร้ประโยชน์แล้ว แต่ถังเฉียนยังแค้นใจมาก สัตว์ตัวนี้เกือบฆ่าพวกเขาแล้ว


 


 


ถ้าปล่อยกลับไปให้อิ๋นจ้านเช่นนี้ เท่ากับว่าทั้งสองกลัวฝ่ายตรงข้าม


 


 


“เอาไว้ก็เปล่าประโยชน์ ฆ่าเสียดีกว่า”


 


 


ฉู่จิ่งเหยานั่งย่างปลาอยู่ริมน้ำ พลางเอ่ยขึ้น แม้ว่าถังเฉียนจะรู้สึกว่าการฆ่ามันออกจะโหดร้ายไปหน่อย แต่ถ้าไม่ฆ่านกตัวนี้ก็ไม่รู้จะระบายความแค้นได้อย่างไร


 


 


“จะฆ่าก็ได้ แต่ฆ่ามันแล้วข้าก็ยังไม่หายแค้น”


 


 


ฉู่จิ่งเหยามองดูอินทรีเงินที่รอถูกฆ่าแล้วถามด้วยความแปลกใจ


 


 


“เช่นนั้นเจ้าคิดจะจัดการอย่างไร”


 


 


ถังเฉียนครุ่นคิด แล้วหันหลังวิ่งออกไป จากนั้นก็กลับมาเรียกให้ฉู่จิ่งเหยาไปช่วย ตอนที่นางผ่านมาพบว่าไม่ไกลนักมีแปลงปลูกดอกเฟิ่งเซียนผืนใหญ่ เมื่อกี้นางไปหอบดอกเฟิ่งเซียนกลับมา เลือกดอกที่แดงที่สุดและสวยสดที่สุดเอามาบดละเอียด จากนั้นจึงทาทั่วตัวอินทรีเงินตัวนั้น


 


 


ฉู่จิ่งเหยาช่วยด้วยการคั้นน้ำสีแดง คืนนั้นถังเฉียนอยู่ตามลำพังกับอินทรีเงินที่ด้านหลังตลอดคืน มีเสียงร้องโอดครวญของอินทรีเงินดังขึ้นเป็นระยะๆ ฉู่จิ่งเหยาได้แต่ส่ายหน้า แต่ไม่พูดอะไร เขารู้สึกเสมอว่าเด็กสาวอย่างถังเฉียนมีความหนักแน่นและเยือกเย็น แต่อย่างไรก็ยังเป็นเด็ก ความคิดอยากสนุกเหนือกว่าความคิดอยากแก้แค้น


 


 


เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อท้องฟ้าเริ่มมีแสงรำไร ถังเฉียนวิ่งมาด้วยท่าทางเริงร่า เรียกฉู่จิ่งเหยาไปชมผลงานชั้นเยี่ยมของนาง ไม่รู้ว่าคืนที่ผ่านมานางทำอะไรบ้าง ปรากฏว่าอินทรีเงินตัวนั้นถูกย้อมจนกลายเป็นสีแดง ไม่เพียงเท่านี้ มันยังถูกถังเฉียนถอนขนบริเวณหลังแถบใหญ่ ผิวหนังตรงนั้นมีตัวอักษรสองตัว


 


 


“นกโง่!”


 


 


ฉู่จิ่งเหยาหัวเราะจนตัวงอเมื่อเห็นอักษรสองตัวนั้น อินทรีเงินตัวนั้นถูกถังเฉียนรังแก อับอายจนไม่มีหน้าจะสู้คน แทบอยากจะหาที่เอาหัวชนให้ตายไป แต่ถังเฉียนตบมันเบาๆ พร้อมกับขู่ว่า


 


 


“เจ้า รีบบินกลับไปให้เจ้านายเจ้าดู ทางที่ดีที่สุดชั่วชีวิตนี้ให้หลบอยู่ในรัง อย่าโผล่ออกมาอีก ไม่เช่นนั้นถ้าให้ข้าเห็นเจ้าอีก ข้าจะถอนขนให้เกลี้ยงตัวเลย ไสหัวไปซะ!”


 


 


ถังเฉียนใช้เข็มทิ่มมันแรงๆ อินทรีแดงกระพือปีก แล้วบินถลาขึ้นไป ถังเฉียนนั่งมองอยู่ด้านล่าง ดูด้ายแดงที่ติดของขวัญที่นางเตรียมไว้ให้อิ๋นจ้านผูกติดอยู่ที่กรงเล็บของนกอินทรี


 


 


“เด็กสาวอย่างเจ้าช่างคิดเรื่องแปลกๆ จริงนะ ปกติเห็นเจ้าอยู่ต่อหน้าเถิงเฟิงทำตัวน่ารัก เหตุใดเมื่อมาอยู่ในที่แปลกใหม่ถึงได้ทำอะไรตามอำเภอใจอย่างนี้”


 


 


ถังเฉียนร้องหึ แล้วพูดว่า


 


 


“คนอย่างข้า ที่เกลียดที่สุดคือถูกคนอื่นขู่เอาชีวิต มีชีวิตอยู่ดีๆ ไม่ดีหรือ แต่มีคนไม่ยอมให้ข้าใช้ชีวิตอยู่ดีๆ ข้าจะทำให้คนผู้นั้นทุกข์ยากแสนเข็ญ ทำให้เขารู้ว่าคิดจะเอาชีวิตข้า ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก”


ตอนที่ 256 ตุ่มพอง


 


 


 


 


ถังเฉียนพูดจบก็เก็บขนนกสามเส้นไว้ในถุงใบเล็กที่พกติดตัว หลังจากกินมื้อเช้าแล้วทั้งสองก็เดินข้ามเขา เดินทางราวครึ่งวันถังเฉียนก็เริ่มเดินช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ทำหน้าตาบิดเบี้ยวในทุกย่างก้าวที่เดินไป


 


 


ฉู่จิ่งเหยาเห็นนางเป็นเช่นนั้นจึงดึงแขนนางให้นั่งลง เป็นการบังคับให้นางพักบ้าง


 


 


“พักก่อนเถอะ คุณหนูที่ได้รับการเลี้ยงดูมาดีอย่างเจ้า เดินมาทั้งวันไม่บ่นสักคำ ถือว่าไม่ง่ายแล้ว”


 


 


ถังเฉียนรู้ว่าที่ตนเองทำเรื่องวุ่นเมื่อวานทำให้การเดินทางล่าช้าลง ดังนั้นไม่ว่าพูดอย่างไรนางจะไม่ยอมให้ตนเองพักเด็ดขาด แต่นางไม่อาจขัดฉู่จิ่งเหยาได้ จึงต้องนั่งลง หาที่นั่งแล้วถอดรองเท้าและถุงเท้าออก ที่เท้ามีตุ่มน้ำพองสองตุ่ม พอถอดอีกข้างก็พบว่ามีตุ่มน้ำพองอีกสามตุ่ม ถังเฉียนเห็นเท้าของตนก็นึกสงสารตัวเอง


 


 


“เท้าจ๋า น่าสงสารจริงๆ”


 


 


ฉู่จิ่งเหยาเดินถือเข็มมานั่งยองๆ ลงตรงหน้าถังเฉียน แล้วดึงเท้านางมา ใช้เข็มแทงตุ่มพองเหล่านั้นปล่อยน้ำออกมาจนแห้งหมด


 


 


“เจ็บ เจ็บ เจ็บ…”


 


 


ถังเฉียนร้องว่าเจ็บถึงสามหน ตุ่มพองก็ถูกเขี่ยหมด นางมองฉู่จิ่งเหยาด้วยน้ำตาคลอเบ้า เขาห่อปาก ไม่พูดอะไรกับนาง แล้วโยนรองเท้าและถุงเท้านางไปข้างๆ จากนั้นจึงดึงเท้าอีกข้างหนึ่งของนางมาแทงตุ่มน้ำพองให้แตก


 


 


“ค่ำนี้ทางที่ดีเราควรเดินให้ถึงตัวเมือง ไม่เช่นนั้นเราต้องพักในที่โล่งแจ้งอีก ได้ยินชาวบ้านบอกว่าแถวนี้มีหมาป่า”


 


 


“รีบไป รีบไป…”


 


 


ถังเฉียนยืนพรวดขึ้นจะรีบไป แต่พอยืนขึ้น ฝ่าเท้าย่ำถูกรองเท้าก็รู้สึกเจ็บ นางทนไม่ไหวต้องนั่งลงไป แล้วมองดูฉู่จิ่งเหยา จากนั้นจึงค่อยๆ สวมรองเท้าด้วยความระวังอย่างซื่อสัตย์


 


 


ใครบอกว่าเขี่ยตุ่มพองที่ฝ่าเท้าแล้วจะหายเจ็บ ยังเจ็บมากเลย ถังเฉียนเพิ่งยืนขึ้นก็เจ็บฝ่าเท้าจนร่างเซไป ฉู่จิ่งเหยายื่นมือมาประคองนางพอดี แล้วเก็บข้าวของทั้งหมดวางลงบนไหล่ถังเฉียน


 


 


“ขึ้นมา!”


 


 


ถังเฉียนมองดูฉู่จิ่งเหยาย่อตัวลงตรงหน้าตนเอง มุมปากนางเชิดขึ้นเล็กน้อย เคยคิดว่าเขาเป็นคนเลว คิดไม่ถึงว่าจะดีขนาดนี้ แต่จะขี่หลังท่านอ๋องได้หรือ


 


 


“เร็วสิ หรือเจ้าไม่ต้องการขาสองข้างแล้ว ข้าจะรีบออกเดินทาง”


 


 


ถังเฉียนเบ้ปาก หิ้วรองเท้าแล้วกระโดดขึ้นหลังฉู่จิ่งเหยา สองมือกอดคอเขาไว้ ทั้งสองเดินทางต่อในสภาพเช่นนี้ ขึ้นเขาลงเขา ไม่ว่าจะทำอะไรฉู่จิ่งเหยาก็ไม่ปล่อยถังเฉียนลงมา


 


 


“ท่านอ๋อง เหนื่อยหรือไม่ พักสักหน่อยดีหรือไม่”


 


 


ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากที่ฉู่จิ่งเหยาแบกนางก็ไม่พูดอะไรอีก ถังเฉียนไม่รู้ว่าตัวเองหนักหรือไม่ ไม่รู้ว่าเขาแบกนางแล้วจะรู้สึกหนักหรือไม่


 


 


“ไม่ต้อง เจ้ายังไม่หนักเท่ากระบี่ของข้า ต่อไปต้องกินให้มากหน่อย ไม่เช่นนั้นถ้าตามข้าบุกเหนือ กลัวว่าเจ้าจะถูกลมเหนือพัดปลิวไป”


 


 


ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ทั้งๆ ที่นี่เป็นคำพูดแดกดันนาง แต่ถังเฉียนกลับรู้สึกว่าหัวใจอบอุ่นเป็นพิเศษ


 


 


“ท่านอ๋อง ถ้าท่านไม่เหนื่อย ข้าจะร้องเพลงให้ฟัง ท่านอยากฟังเพลงใดเล่า”


 


 


ฉู่จิ่งเหยาก็นึกสนุก แม้ถังเฉียนจะไม่บอกฐานะตัวเองให้ชัดเจน แต่ฉู่จิ่งเหยาตรวจสอบแน่ชัดแล้ว เวลานี้ไม่ต้องพูดถึงก็รู้กัน


 


 


“ร้องเพลงใดก็ได้ก็ร้องเลย”


 


 


ถังเฉียนได้ยินเช่นนั้นก็ยืดตัวออกไปเด็ดดอกมะลิริมทางสองสามดอก กำไว้ในมือแล้วร้องเพลงดอกมะลิ ระหว่างทางมีกลิ่นดอกไม้และเสียงเพลงเคล้าคลอ ทำให้ฉู่จิ่งเหยาก้าวเดินเร็วขึ้น


 


 


 


 


ตอนที่ 257 ถูกรุมโจมตี


 


 


 


 


ขณะเดียวกันบนเขาศักดิ์สิทธิ์ อิ๋นจ้านและเถิงอวิ๋นอยู่ในห้องลับแห่งนั้น สีหน้าอิ๋นจ้านเย็นชาราวกับน้ำแข็ง ส่วนเถิงอวิ๋นดูก็เรียบเฉย อิ๋นจ้านเดินไปมาในห้อง ท่าทางหงุดหงิดมาก


 


 


“อินทรีเงินห้าตัวกลับมาแค่สี่ อีกตัวจนเดี๋ยวนี้ยังไม่กลับมา ทั้งยังไม่รู้ว่าสองคนนั้นตายหรือยัง”


 


 


เถิงอวิ๋นเหลือบมองเหวินเยียนซึ่งยังคงทำงาน แล้วยิ้มอย่างเย็นชา


 


 


“นางยังไม่ตาย แผนของท่านลุงคงล้มเหลวแล้ว จินซิวอ๋องไม่ใช่คนที่ควรจะเป็นศัตรูด้วย เกรงว่า…”


 


 


เถิงอวิ๋นยังไม่ทันได้พูดออกมาก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ที่แท้เพราะอินทรีแดงตัวนั้นกลับมาแล้ว คนรับใช้จะเอ่ยปากบอกแต่กลับชะงัก เถิงอวิ๋นจึงตามออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องที่เกิดขึ้นไม่เพียงทำให้สองคนนี้ตื่นตระหนก ทั้งยังรู้ไปถึงเถิงเฟิงและเถิงเจินด้วย


 


 


“นกโง่? ใครกันที่ทำเช่นนี้ ใครที่มันบังอาจทำร้ายนกศักดิ์สิทธิ์ของสกุลอิ๋นเรา!”


 


 


อิ๋นจ้านวิ่งปรี่มาด้วยความโกรธเกรี้ยว เมื่อเห็นอินทรีเงินที่ถูกย้อมเป็นสีแดง ก็โกรธจนแทบลมจับ เมื่อตรวจดูอย่างละเอียดก็แน่ใจว่าเป็นนกที่เขาเลี้ยง จึงลูบหัวมันเบาๆ


 


 


“ดูเหมือนจะเป็นลายมืออาหรูน่า แต่นี่มันหมายความว่าอย่างไร”


 


 


เถิงเฟิงเห็นคำว่านกโง่ก็ดูออกว่าเรื่องนี้ถังเฉียนเป็นคนทำ เห็นอินทรีเงินที่ถูกย้อมเป็นสีแดงดูน่าสงสาร แต่ในใจกลับรู้สึกว่าน่าขัน อิ๋นซานขมวดคิ้วพลางพูดว่า


 


 


“ถึงเด็กคนนี้จะโกรธก็ไม่ควรทำร้ายนกที่ลุงเจ้าเลี้ยงไว้ เราหวังดีส่งพวกเขาไป เหตุใดถึงถูกทำเช่นนี้”


 


 


คำพูดอิ๋นซานเป็นการตำหนิ แต่ต่อหน้าผู้คนมากมายนางไม่สะดวกที่จะทำให้ลูกชายเสียหน้า แต่เถิงเฟิงไม่ได้คิดเช่นนั้น ต่อให้อาหรูน่าเกิดเสียสติทำเรื่องบ้าๆ นี้ขึ้น เกรงว่าฉู่จิ่งเหยาคงจะไม่ยินยอมให้นางทำ ความเป็นไปได้มีเพียงประการเดียว


 


 


“ท่านลุง เหตุใดนกของท่านจึงบินกลับมาเพียงตัวเดียว หรือว่าเกิดอันตรายขึ้นกับสองคนนั้น”


 


 


ที่ถังเฉียนจงใจย้อมนกเป็นสีแดงเพื่อบอกพวกเขาว่านี่เป็นเรื่องที่อันตราย แต่นกโง่ แม้เถิงเฟิงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแน่ แต่เขารู้สึกว่าเป็นการเตือนอย่างหนึ่ง เป็นการบอกกับเขาว่ามีคนวางแผนทำร้ายถังเฉียน


 


 


“จะเป็นไปได้อย่างไร เจ้าดูสิ นกข้ากลายเป็นเช่นนี้ไปเสียแล้วจะต้องเป็นเพราะอาหรูน่าไม่พอใจเรื่องเจ้ากับหงหลิงเอ๋อร์ แต่นางไม่ควรระบายโทสะบนตัวอินทรีเงิน เท่ากับเป็นการลบหลู่ข้า”


 


 


เถิงเฟิงไม่ใส่ใจคำพูดเหล่านี้ เขาดึงตัวอิ๋นจ้านแล้วถามว่า


 


 


“ท่านลุง ข้าขอถามท่าน เหตุใดพวกมันจึงกลับมาไม่พร้อมกัน เกิดเรื่องร้ายกับพวกเขาใช่ไหม ที่ท่านแน่ใจว่าอาหรูน่าเป็นคนทำ หรือว่ารู้อยู่ก่อนแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนาง ท่านลุงทำสิ่งใดลงไปหรือ”


 


 


ฮว่าเหยียนยังไม่ได้จากไป เมื่อได้ยินเช่นนี้จึงก้าวออกมาพูดว่า


 


 


“อิ๋นจ้าน บอกมา เจ้าจงใจฆ่าลูกสาวข้าใช่หรือไม่ ก่อนออกเดินทาง เจ้าจงใจให้ยันต์ล่ามชีวิตกับนาง บอกว่าจะช่วยรักษาชีวิตได้ เกรงว่านางจะรู้แต่แรกแล้วว่าเจ้าคิดจะสังหารนาง”


 


 


ถึงตอนนี้อิ๋นจ้านกลายเป็นเป้าของทุกคน ทุกสายตามารวมศูนย์ที่ตัวเขา อิ๋นจ้านร้องหึอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า


 


 


“พูดลอยๆ ทั้งนั้น ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโส ข้าตั้งใจดีที่มอบของให้นาง เหตุใดกลายเป็นว่าข้าคิดร้ายต่อนาง เหตุใดข้าต้องทำร้ายนางด้วย ข้ากับนางไม่มีความแค้นต่อกัน เหตุใดข้าต้องใช้อินทรีเงินของข้าส่งนางไปตายเล่า”


 


 


เมื่อครู่ฮว่าเหยียนพูดเพราะบันดาลโทสะ เวลานี้ถูกเขาแย้งกลับจนไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี นางมองมาที่เถิงเฟิงแล้วนึกอะไรขึ้นได้ จึงพูดว่า


 


 


“เจ้าต้องการฆ่าอาหรูน่า เพื่อฆ่าเถิงเฟิงทางอ้อม นี่จึงจะเป็นความตั้งใจที่แท้จริงของเจ้า รู้กันนานแล้วว่าเจ้าอยากโหมไฟสงครามที่เผ่าม้งให้ลุกลามขึ้น ดูแล้วเจ้ายังต้องการสังหารจินซิวอ๋อง ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว”


 


 


“เจ้า นางหญิงชั่ว!”


 


 


สายตาอิ๋นจ้านหันมาที่เถิงอวิ๋น ตัวเองหมดหนทางแล้ว กำลังถูกรุมโจมตี จึงทำได้เพียงรอความช่วยเหลือจากเถิงอวิ๋น


ตอนที่ 258 ส่งข่าว 


 


 


“ที่ท่านหมอฮว่าเหยียนพูดหมายความว่า ท่านลุงอยากฆ่าเฟิงเอ๋อร์ แต่เฟิงเอ๋อร์เป็นหลานของท่านลุง คำพูดนี้ไม่มีน้ำหนักพอที่จะทำให้คนเชื่อ อีกอย่างเวลานี้ไม่ว่าคนที่ทำร้ายอินทรีเงินจะเป็นอาหรูน่าหรือคนอื่นก็ตาม ล้วนชี้ให้เห็นว่าอาหรูน่าไม่เป็นไร จินซิวอ๋องเองก็ไม่เป็นไร ขณะนี้มีเสียงลือมากมาย อย่าทำลายความสงบเลย” 


 


 


เถิงเจินพยักหน้าแล้วพูดว่า 


 


 


“ที่อวิ๋นเอ๋อร์พูดมีเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นฝีมือใครก็ตาม ก็ต้องสืบให้รู้แน่ชัด ควรส่งคนไปที่เมืองตามังกร ถามให้รู้แน่ว่าท่านอ๋องกับอาหรูน่าปลอดภัยหรือไม่ รวมทั้งถามเรื่องที่อินทรีเงินถูกทำร้ายด้วย” 


 


 


เถิงเฟิงสังเกตดูเชือกที่ผูกติดมา รู้สึกคุ้นตามาก เขาแทบจะมั่นใจว่านี่เป็นการกระทำของถังเฉียนแน่นอน แต่วันนี้ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่สะดวกที่จะพูด วันนี้เมื่อเขายิ่งเห็นสิ่งเหล่านี้ก็ยิ่งรู้สึกว่าคำพูดของถังเฉียนก่อนจากไปมีความหมายเป็นพิเศษ ไม่เหมือนท่วงทำนองของนางที่ผ่านมา 


 


 


เถิงเฟิงไม่ให้คนอื่นเห็นเชือกเส้นนั้น เขาแอบเอากลับไปค้นคว้าที่ห้องอย่างละเอียด 


 


 


เขาพลิกดูเชือกเส้นนั้นไปมาอยู่ในห้อง กำอยู่ในฝ่ามือคิดทบทวนไปมาแล้วรู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล คืนนั้นอิ๋นซานมาหาเขาที่ห้อง เพราะนางกลัวว่าเถิงเฟิงจะคิดถึงเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจ แล้วเอาแต่หมกมุ่นอยู่คนเดียว จึงมาหาลูกชายเพื่อเป็นเพื่อนคุย 


 


 


พอเข้ามาในห้องก็เห็นเถิงเฟิงนั่งถือเชือกท่าทางเหม่อลอย จนนางมาถึงข้างตัวแล้วแต่เถิงเฟิงก็ยังไม่รู้สึกตัว 


 


 


“เด็กโง่ ลูกกำลังคิดสิ่งใดอยู่หรือ” 


 


 


เถิงเฟิงวางเชือกเส้นนั้นลง ค้อมคารวะอิ๋นซาน จากนั้นจึงค่อยๆ ตั้งสติ แล้วพูดว่า 


 


 


“วันที่นางจากไป ลูกรู้สึกว่าคำพูดนางมีความหมายแฝงอยู่อย่างลึกซึ้ง วันนี้เห็นเชือกเส้นนี้ ลูกจำได้ว่านางเคยใช้เชือกนี้พันแผลให้ นางบอกว่าจะทำให้แผลดูดีขึ้น เวลาป่วยจะหาเจอง่าย พอหายดีแล้วก็จะจางลงได้ง่าย ลูกคิดไม่ออกว่าในนี้มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร” 


 


 


อิ๋นซานตบศีรษะลูกชายเบาๆ แล้วพูดว่า 


 


 


“เวลาที่ผู้หญิงโกรธมักจะทำเรื่องโง่ๆ ก็เหมือนที่ลูกถือเชือกเส้นนี้ไว้แล้วคิดสะเปะสะปะ ไม่แน่หรอก นางอาจแค่ผูกเชือกเส้นไว้เฉยๆ อาหรูน่าเป็นเด็กที่แข็งกร้าวเกินไป เหตุใดจึงกล้าพูดเช่นนี้ต่อหน้าผู้คน เวลานี้ยังทำให้อินทรีเงินของลุงเจ้าเป็นเช่นนี้ มิน่า ลูกถึงชอบนาง ล้วนแต่ชอบก่อเรื่องเดือดร้อนเหมือนกัน” 


 


 


เถิงเฟิงได้ยินเช่นนี้ก็หัวเราะทันที ถือเชือกไว้พลางหัวเราะร่า อิ๋นซานไม่รู้ว่าตนพูดอะไรผิดไป ถึงทำให้ลูกชายหัวเราะ 


 


 


“ลูกแม่…” 


 


 


“แม่ ลูกไม่เป็นไรหรอก เพียงแต่ลูกเข้าใจความหมายของเชือกเส้นนี้แล้ว แม่ ท่านลุงเตรียมจะจัดการกับอินทรีเงินตัวนั้นอย่างไร” 


 


 


อิ๋นซานถอนหายใจ 


 


 


“สีแดงบนตัวมัน ล้างอย่างไรก็ไม่ยอมหลุดออก ลุงเจ้าโกรธมาก จับมันโยนทิ้งในเขตหวงห้ามปล่อยให้เป็นตายตามยถากรรม เวลานี้คงอยู่ในเขตหวงห้าม” 


 


 


เถิงเฟิงได้ฟังก็วิ่งออกไปจากห้องทันที อิ๋นซานเอามือกุมขมับ รู้สึกปวดศีรษะ ยังดีที่หรูอี้พูดปลอบว่า 


 


 


“ฮูหยิน เหตุใดถึงปวดหัวอีกเจ้าคะ ท่านกังวลใจว่าคุณชายจะคิดไม่ตก เวลานี้คุณชายก็คิดตกแล้ว เหตุใดยังกังวลอีกเจ้าคะ” 


 


 


อิ๋นซานนับสายประคำในมือแล้วยื่นมือออกไป หรูอี้พยุงนางเดินออกไป อิ๋นซานเดินไปพลางพูดว่า 


 


 


“แม้ข้าจะอยู่กับอาหรูน่าไม่นาน แต่ชีวิตนางเชื่อมโยงกับเฟิงเอ๋อร์ ถ้าเด็กคนนี้อวดเก่งถือดีเกินไป ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือไม่ อีกอย่างคนอย่างหงหลิงเอ๋อร์ก็เป็นพวกเรื่องเยอะ” 


 


 


หรูอี้ได้ยินเช่นนั้นก็พูดด้วยความหงุดหงิดว่า 


 


 


“ฮูหยินไม่ควรเอาใจหงหลิงเอ๋อร์เช่นนี้ ในเมื่อคุณชายหมั้นหมายแล้ว ก็ถือเป็นคนที่มีเจ้าของ นางเองก็เป็นคุณหนู แต่กลับทำเรื่องต่ำช้า บ่าวเองยังดูถูกนาง เหตุใดฮูหยินจึงปกป้องนาง” 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 259 ที่พักพิง 


 


 


อิ๋นซานโบกมือ หยุดยืนแล้วพูดว่า 


 


 


“แต่นางจริงใจต่อเฟิงเอ๋อร์ นางมีชาติกำเนิดสูงส่ง อารมณ์ร้อนดั่งไฟ แต่กลับดูดีกว่าอาหรูน่าซึ่งมีความเป็นมาไม่ชัดเจน ถ้านางสามารถทำให้เฟิงเอ๋อร์เปลี่ยนใจได้ ใช้วิธีเหล่านั้นแล้วจะอย่างไร” 


 


 


“ฮูหยิน ท่าน” 


 


 


หรูอี้แทบไม่อยากเชื่อว่าอิ๋นซานจะพูดเช่นนี้ออกมา ฮูหยินซึ่งปกติยึดถือคุณธรรมและรักษาแบบแผน เหตุต้องสนับสนุนหงหลิงเอ๋อร์ด้วย หรือนางเห็นความสำคัญของชาติกำเนิดถึงเพียงนี้ 


 


 


“ที่ฮูหยินทำเช่นนี้ก็เพื่อความมั่นคงภายในเผ่า อาหรูน่านั่นไม่ใช่ชาวหนานเจา ไม่ใช่คนเผ่าเรา ย่อมมีความคิดต่างออกไป จะอย่างไรก็ถือว่าเป็นภัยร้าย” 


 


 


จี๋เสียงนานๆ ครั้งจึงจะได้ออกมา ปกตินางแทบจะไม่พูด แต่คิดไม่ถึงว่าพอพูดออกมาก็ปฏิเสธถังเฉียนอย่างสิ้นเชิง หรูอี้ไม่สามารถโต้แย้ง แต่สีหน้าก็ยังคงไม่ยอมรับ 


 


 


เถิงเฟิงไปที่เขตหวงห้ามช่วยอินทรีเงินตัวนั้นออกมา แล้วเลือกยอดเขาแห่งหนึ่งให้เป็นที่พักพิงของมัน แม้อิ๋นจ้านจะรู้เรื่องที่เถิงเฟิงทำลงไป แต่คิดว่าหลานชายตนเองเกิดใจอ่อนเท่านั้น เขาถือว่าอินทรีเงินตัวนั้นถูกถังเฉียนฆ่าตายไปแล้ว เถิงอวิ๋นกลับมาที่ห้องทดลองของตน รู้สึกสบายใจเป็นพิเศษ เวลานี้ถังเวยหายดีแล้ว ทำและพูดอะไรคล่องแคล่วขึ้นมาก ถ้าถังเฉียนได้มาเห็นนางขณะนี้คงจะดีใจมาก 


 


 


“วันนี้คุณชายใหญ่อารมณ์ดีเป็นพิเศษ แต่ได้ยินว่าท่านลุงโมโหมาก” 


 


 


เถิงอวิ๋นไม่มีท่าทีจะปิดบังอะไร เขาเชยคางถังเวยขึ้นแล้วพูดว่า 


 


 


“เจ้าไม่รู้หรอกว่าพี่สาวเจ้าเกือบทำให้ท่านลุงอกแตกตาย โลกนี้มีเพียงนางที่กล้าเล่นงานคนเช่นนี้ สนุกจริงๆ” 


 


 


ถังเวยหน้าแดงเมื่อถูกเถิงอวิ๋นสัมผัสตัว นางก้มหน้าเดินตามหลังเถิงอวิ๋น แล้วได้ยินเขาพูดว่า 


 


 


“เจ้าเตรียมของที่ข้าต้องการเสร็จหรือยัง เวลานี้ท่านลุงเราอารมณ์ไม่ดี เขาต้องการให้รีบส่งไปให้เขา เพื่อเลี่ยงไม่ให้ถึงตอนนั้นจะโทษว่าเป็นความผิดของเรา คนอย่างเขาเวลาโกรธไม่มีเหตุผลที่สุด” 


 


 


ถังเวยค้อมคารวะ ใบหน้านางแดงระเรื่อ 


 


 


 


 


 


“ฮัดเช่ย!” 


 


 


ฉู่จิ่งเหยาวางถังเฉียนลงบนพื้น นางจามออกมา เขามองเสื้อผ้านาง ออกจะบางเกินไป ยิ่งเดินทางขึ้นเหนืออากาศก็ยิ่งเย็นลง โดยเฉพาะขณะนี้มืดค่ำมากแล้ว 


 


 


“เร่งเดินอีกนิดก็จะถึงโรงเตี๊ยมแล้ว คืนนี้พักผ่อนดีๆ พรุ่งนี้เราจะไปที่ค่ายใหญ่ทางเหนือ ที่นั่นมีลูกน้องข้า ถึงตอนนั้นเราจะเดินทางขึ้นเหนือโดยตรงเลย” 


 


 


ฉู่จิ่งเหยาพูดพลางประคองไหล่ถังเฉียนตรงไปยังโรงเตี๊ยม คืนนี้ทั้งสองพักในห้องใหญ่ ถังเฉียนนอนบนเตียงด้านใน ฉู่จิ่งเหยานอนบนตั่งด้านนอกมีฉากผ้าแพรกั้นกลาง 


 


 


“ท่านอ๋อง ครั้งนี้พวกนั้นฆ่าเราไม่สำเร็จ จะลงมืออีกหรือไม่? ถ้ามีซูซินเหลียนอยู่ด้วยก็คงดี บางทีนางอาจจะบอกได้ว่ามีมือสังหารหรือไม่” 


 


 


ฉู่จิ่งเหยารู้ว่าถังเฉียนวิตกว่าคืนนี้จะมีคนมาลอบฆ่า แม้ว่าหลายวันมานี้ทั้งสองจะไม่พบคนร้าย แต่มีสุนัขป่าและเสือเพ่นพ่านตามทาง ถ้ามีอินทรีเงินอยู่ด้วย สัตว์พวกนี้จะไม่กล้าเข้าใกล้พวกเขา แต่ขณะนี้เข้ามาในตัวเมืองแล้ว ถังเฉียนกลับหวั่นใจ 


 


 


“ไม่หรอก แม้แต่เราเองยังไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน แล้วพวกนั้นจะมีโอกาสหาเราเจอหรือ ถ้าคิดจะลอบสังหารอย่างน้อยก็ต้องรอให้อ๋องอย่างข้าอยู่บนถนนสายหลักมุ่งไปยังเจาหยางก่อน” 


 


 


ถังเฉียนร้องอืม พลิกตัวไปแล้วดึงผ้าห่มขึ้น ฉู่จิ่งเหยาหันมา อาศัยแสงจันทร์มองดูเงาร่างหลังฉากผ้าแพร มีรอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก 


 


 


ถังเฉียนไม่รู้ถึงสายตาข้างนอก นางครุ่นคิดในใจแล้วพลิกตัวไปข้างๆ 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม