ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง 250-257
ตอนที่ 250 ตัวประกันผู้หยิ่งผยอง
ถังซีฝังเข็มให้เฉียวอวี่ซินหลังจากนวดให้นาง เธอรักษาให้เฉียวอวี่ซินเสร็จก็หกโมงเย็นแล้ว หลังจากบอกลาเฉียวอวี่ซิน เธอก็ปฏิเสธอาห้าที่เสนอจะไปส่งเธอกลับบ้าน “คุณควรอยู่เฝ้าที่นี่ คอยดูแลความปลอดภัยให้คุณป้าดีกว่า ฉันคิดว่าผู้ชายคนนั้นไม่ล้มเลิกความตั้งใจง่ายๆ หรอก ฉันกลัวว่าคุณป้าเฉียวคนเดียวอาจรับมือไม่ได้”
อาห้าคิดอยู่ครู่หนึ่ง นายน้อยสั่งให้เขาอยู่ที่นี่คอยปกป้องคุณท่าน และเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอันตรายใดๆ เข้าใกล้นางได้ คุณหนูเซียวคงกลับบ้านเองได้ไม่มีปัญหาอะไร เขาจึงกล่าวว่า “ตกลงครับ ระหว่างทางระวังตัวด้วยนะครับ คุณหนูเซียว”
เฉียวเหลียงซื้อที่ดินผืนนี้ในเขตชานเมืองและสร้างบ้านพักที่นี่ การเดินทางเข้าออกจึงไม่สะดวกนัก ถังซีต้องเดินไปไกลพอสมควร กว่าจะไปถึงบริเวณบ้านพักอาศัยที่มีรถบัส อย่างไรก็ตามก่อนที่เธอจะเดินไปถึงบริเวณที่มีบ้านพักอาศัยก็มีรถคันหนึ่งมาจอดลงตรงหน้าเธอ
ถังซีหยุด เหลือบมองไปที่รถซึ่งจู่ๆ ก็มาจอดตรงหน้า แล้วยิ้ม ทันใดนั้นประตูรถก็เปิดออก ชายคนหนึ่งลงจากรถ ถังซีมองชายที่หน้าคุ้นๆ ผู้นี้และเลิกคิ้ว “ประธานลู่ คุณรอฉันอยู่ตรงนี้หรือ” เธอมั่นใจว่าลู่กวงสยงต้องมีเจตนาชั่วร้ายซ่อนอยู่แน่ๆ ที่มารออยู่ตรงนี้ เขาอยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับคุณป้าเฉียวจากเธอ หรือจะจับเธอเป็นตัวประกันเพื่อขู่เฉียวเหลียง เพราะเขาล่วงรู้ความสัมพันธ์ของเธอกับเฉียวเหลียง
ลู่กวงสยงเกลียดสีหน้าสงบนิ่งและมั่นใจบนใบหน้าถังซี เขาหรี่ตาลงและถามอย่างขัดเคือง “เธอไม่กลัวเหรอ”
ถังซียิ้ม เงยหน้าขึ้นมองลู่กวงสยง “ในเมื่อคุณยังไม่กลัว แล้วทำไมฉันต้องกลัวด้วย แต่ฉันอยากเตือนคุณก่อนนะ คุณลู่ คุณแน่ใจแล้วหรือว่าจะรับผลที่ตามมาจากการลักพาตัวฉันได้”
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น ลู่กวงสยงพุ่งเข้ามาจะคว้าโทรศัพท์ แต่เธอรีบก้าวถอยหลังแล้วรับสาย “ฮัลโหล พี่เหยา” เธอชี้หน้าลู่กวงสยง เตือนไม่ให้เขาขยับเข้ามา หากเขากล้าคว้าโทรศัพท์ของเธอ เธอจะตะโกนเข้าไปขอความช่วยเหลือ
ด้วยรู้ดีว่าถังซีเป็นเด็กฉลาด ลู่กวงสยงจึงไม่กล้าทำอะไรหุนหันพลันแล่น เขาเฝ้ามองเธอพูดโทรศัพท์อย่างระมัดระวัง
เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ ถังซีไม่ได้ขอความช่วยเหลือหรือส่งสัญญาณใดๆ กับอีกฝ่าย
เซียวเหยาถามว่า “เธออยู่ที่ไหน พี่จะไปรับ”
ถังซีเลิกคิ้ว “พี่บอกว่ากำลังจะไปต่างประเทศไม่ใช่เหรอ ฉันคิดว่าพี่อยู่บนเครื่องบินแล้วเสียอีก”
“ภารกิจถูกยกเลิก พี่ไปรับเธอที่โรงเรียน แต่เธอไม่ได้อยู่ที่นั่น เพื่อนร่วมชั้นของเธอบอกว่าเธอออกมาตั้งแต่ตอนเที่ยง เธออยู่ที่ไหนพี่จะไปรับ”
“ฉันมาเยี่ยมคุณป้าเฉียวค่ะ ตอนนี้กำลังเดินทางกลับบ้าน พี่ไม่ต้องมารับหรอกค่ะ”
เซียวเหยากล่าวว่า “มาทานอาหารค่ำด้วยกันที่บ้านสิคืนนี้”
ถังซีส่งเสียงตอบรับจากลำคอ แล้วกล่าวลาก่อนจะวางสายโทรศัพท์ ลู่กวงสยงถามอย่างเยือกเย็น “เธอคุยโทรศัพท์กับใคร”
ถังซีเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋าเป้สะพายหลัง ก่อนเงยหน้าขึ้นมองลู่กวงสยงที่เฝ้ามองอย่างระแวดระวัง เธอยิ้มและเลิกคิ้ว “ในเมื่อคุณกลัวว่าฉันจะบอกกับคนอื่น ทำไมคุณไม่ไปส่งฉันที่บ้านเฉยๆ ล่ะ จะได้สบายใจกันทุกฝ่าย”
ลู่กวงสยงหน้าบึ้ง จ้องมองเธอเขม็งอย่างเย็นชา และตะคอกอย่างแรง “ส่งเธอกลับบ้านงั้นเหรอ! บริษัทฉันกำลังจะพังพินาศ! ในเมื่อเฉียวเหลียงยืนยันที่จะทำลายบริษัทที่ฉันหวงแหนที่สุด ฉันก็จะทำลายแฟนมัน! ฉันจะดูซิว่ามันจะเลือกทำลายฉันหรือช่วยแฟนมัน!”
ถังซีรู้ว่าร่างกายเธอคงไม่สามารถต่อสู้กับลู่กวงสยงได้ จึงยกมือขึ้นยอมแพ้ “ตกลงประธานลู่ ในเมื่อคุณยืนยันว่าจะทำแบบนี้ ฉันจะไม่ต่อต้าน ตราบใดที่คุณไม่ทำร้ายฉัน”
เธอจะบาดเจ็บอีกต่อไปไม่ได้แล้วนะ ร่างกายเธอประท้วง
ลู่กวงสยงไม่คาดคิดว่าถังซีจะพูดง่ายอย่างนี้ และคิดว่าเธอน่าจะมีแผนการบางอย่าง เขาจึงกล่าวอย่างเยือกเย็นว่า “ถ้าเธอกล้าเล่นตุกติกกับฉัน ฉันจะฆ่าเธอซะ! เฉียวเหลียงจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต!”
ถังซียิ้ม เดินไปขึ้นรถราวกับไม่ได้ถูกลักพาตัว เธอมองดูลู่กวงสยงซึ่งยังคงยืนอยู่นอกรถแล้วเลิกคิ้ว “คุณทำตัวไม่เหมือนเป็นพ่อเฉียวเหลียงเลย แต่เหมือนเป็นศัตรูคู่อาฆาต สิ่งที่คุณทำกับเขาไม่ใช่สิ่งที่พ่อจะทำกับลูกชาย และสิ่งที่เฉียวเหลียงทำกับคุณก็ไม่ใช่สิ่งที่ลูกชายจะทำกับพ่อ ฉันจินตนาการได้เลยว่าคุณทำร้ายเขามามากมายขนาดไหน”
ใบหน้าลู่กวงสยงถมึงทึง เขาหรี่ตาลง ขึ้นไปนั่งบนรถ สตาร์ตรถและกล่าวอย่างเยือกเย็น “ไม่ใช่เรื่องของเธอ”
“ใช่ จริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องของฉัน แต่ฉันอยากเตือนคุณ ประธานลู่ คุณควรรู้ว่าฉันเป็นใคร ก่อนจะลักพาตัวฉัน ระวังจะได้ไม่เท่าเสียนะ” ขณะพูดถังซีก็หลับตาลงพักสายตา แล้วจู่ๆ เธอก็คิดอะไรออกบางอย่าง เธอลืมตาขึ้นมองลู่กวงสยงซึ่งใบหน้าดูเคร่งเครียด แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ยังไงก็ตาม ประธานลู่ ถ้าคุณตัดสินใจจะปล่อยตัวฉัน ช่วยจอดที่ทางแยกที่สองของถนนช็องเซลีเซนะ ฉันมีบางอย่างต้องไปทำที่นั่น”
ลู่กวงสยงไม่เคยเห็นตัวประกันคนไหนหยิ่งผยองอย่างนี้มาก่อน เธอแน่ใจได้ยังไงว่าเขาจะปล่อยตัวเธอ ถังซีมองใบหน้าถมึงทึงของลู่กวงสยงในกระจกมองหลัง และดีใจที่ได้ช่วยเฉียวเหลียงระบายความโกรธแค้น
ลู่กวงสยงไม่ยอมปล่อยถังซี แต่พาเธอไปที่โรงงานร้างแห่งหนึ่ง ถังซีมองดูโรงงานขนาดใหญ่ ยิ้มอยู่ในใจ แล้วกล่าวออกมาว่า “ทำไมต้องเป็นโรงงานร้างทุกครั้งในการลักพาตัว”
ลู่กวงสยงคว้าเป้ของถังซีไป หญิงสาวก็ไม่ได้พยายามยื้อแย่งกลับคืนมา เธอรู้ดีว่าทันทีที่เธอตอบโต้ เธอต้องได้รับบาดเจ็บแน่นอน ก่อนที่ 008 จะแจ้งเธอว่าทักษะอเนกประสงค์ใช้งานได้แล้ว เธอควรเชื่อฟังเขา ไม่อย่างนั้นเขาอาจทำร้ายเธอ
เมื่อเห็นว่าถังซีเชื่อฟังดีมาก ลู่กวงสยงก็คำรามอย่างไม่พอใจ เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ จะไม่กลัวเลยได้ยังไง!
ถังซีมองดูลู่กวงสยงแล้วรู้สึกเสียใจกับเฉียวเหลียงจริงๆ ในความเป็นจริงเฉียวเหลียงสามารถนำตัวลู่กวงสยงเข้าคุกได้อย่างง่ายดาย แต่เขาไม่ทำ เพราะเขากำลังรอคำขอโทษอย่างจริงใจจากลู่กวงสยง น่าเสียดายที่ลู่กวงสยงดูเหมือนจะไม่เสียใจกับสิ่งใดๆ ที่ทำลงไปเลย
ลู่กวงสยงดึงเชือกออกมามัดถังซี ถังซีรีบบอกว่า “เฮ้ หาเก้าอี้มาสักตัวสิ ถ้าคุณมัดฉันติดกับเก้าอี้ฉันจะหลบหนีไม่ได้เลยนะ เป็นมืออาชีพหน่อยสิ!”
ในใจเธอคิดว่า ถ้ามีเก้าอี้ให้นั่งสักหน่อย ฉันก็จะไม่เมื่อย…
ลู่กวงสยงไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ เขาคำรามขณะมัดเธอไว้กับท่อเหล็กขนาดใหญ่ แล้วขู่ด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “อย่าพยายามใช้กลอุบายอะไรเลยดีกว่า ถ้าเฉียวเหลียงให้เงินฉันสองพันล้านหยวนเมื่อไหร่ ฉันจะปล่อยเธอไป หรือถ้าไม่งั้นฉันก็จะบอกให้มันมาเก็บศพเธอ”
ตอนที่ 251 ฆ่าเขาก่อนที่คนอื่นจะลงมือ
ถังซีเม้มริมฝีปากมองดูลู่กวงสยง “คุณแน่ใจหรือว่าฉันเป็นคนสำคัญในหัวใจเฉียวเหลียง ถ้าใช่ ทำไมเฉียวเหลียงถึงไม่ให้คนไปส่งฉันกลับบ้าน หลังจากที่ฉันพูดแบบนั้นกับคุณ เขาจะเปิดโอกาสให้คุณลักพาตัวฉันมาอย่างนี้เหรอ”
ขณะกล่าวออกมาถังซีก็เกือบจะเชื่อคำพูดของตัวเองเหมือนกัน จริงอยู่ อาห้าต้องอยู่ปกป้องคุณป้าเฉียว แต่เขาจะจัดรถไปส่งเธอก็ได้! ทำไมเขาถึงปล่อยให้เธอเดินออกมาคนเดียว มีความลับอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า
ความคิดนี้ทำให้ถังซีรู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที เฉียวเหลียงใช้เธอเป็นเหยื่อล่อใช่ไหม!
จากนั้นโทรศัพท์มือถือของลู่กวงสยงก็ดังขึ้น ลู่กวงสยงมองดูชื่อผู้โทรแล้วหรี่ตาลง เขายิ้มอย่างชั่วร้ายมองหน้าถังซี “ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะสำคัญกับมันมาก จนมันต้องโทรหาฉันเร็วขนาดนี้!”
ถังซีมองอย่างเย็นชาเมื่อได้ยินคำพูดของเขา ลู่กวงสยงรับโทรศัพท์ แล้วน้ำเสียงอันเย็นเยือกของเฉียวเหลียงก็ดังขึ้น “ลู่กวงสยง บังอาจมาก!”
“จ่ายเงินมาให้ฉันสองพันล้านหยวน ไม่อย่างนั้นแกได้เห็นศพเธอแน่!” ลู่กวงสยงขู่แล้วก็วางสายทันที
เฉียวเหลียงคว้าเสื้อโค้ตและโทรหาอาห้าขณะรีบออกจากสถานีตำรวจ “ค้นหาพิกัดเซียวโหรว! ถ้านายหาไม่เจอภายในสองนาที นายถูกไล่ออก!”
อาห้ารีบบอกให้อาหกค้นหาพิกัดของถังซี ตอนนั้นเขาไม่น่าประมาทเลย เขาปล่อยให้คุณหนูเซียวเดินออกไปคนเดียวได้อย่างไร เมื่อรู้ตัวว่าทำผิดพลาดเขาก็รีบจัดรถเพื่อจะไปส่งคุณหนูเซียวกลับบ้าน แต่เธอหายตัวไปแล้ว เขารู้ทันทีว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น จึงรีบตรวจสอบวิดีโอกล้องวงจรปิด และเดาว่าคุณหนูเซียวถูกลักพาตัว…
เขาเชื่อว่าคุณหนูเซียวถูกลักพาตัวจริงๆ …
ทางด้านเซียวจิ่งซึ่งเพิ่งได้นอนหลับไปเพียงครู่เดียว ก็ผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียงทันที แล้วตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “เฉียวเหลียง ไอ้บัดซบเอ๊ย! ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับน้องสาวฉัน!”
ทันทีที่เซียวจิ่งพูดจบ ประตูห้องเขาก็เปิดออก เซียวเหยาจ้องหน้าเซียวจิ่งเขม็ง ถามเสียงเยือกเย็น “เกิดอะไรขึ้นกับโหรวโหรว!”
เซียวจิ่งมองเซียวเหยาอย่างงุนงง ขณะถามว่า “พี่เหยา ทำไมถึงยังอยู่บ้าน ไม่ได้ไปต่างประเทศเหรอ”
เซียวเหยาไม่สนใจคำถาม และถามกลับอีกครั้งอย่างดุดัน “ฉันถามนายว่า เกิดอะไรขึ้นกับโหรวโหรว!”
เซียวจิ่งแทบร้องไห้ออกมา “ดูเหมือนน้องจะถูกไอ้สารเลวพ่อของเฉียวเหลียงลักพาตัวไป เรียกค่าไถ่กับเฉียวเหลียงสองพันล้านหยวน เพื่อเอาไปอุดรอยรั่วของบริษัทเขา…” น้ำเสียงเซียวจิ่งค่อยๆ แผ่วลงเรื่อยๆ ขณะที่เขาพูด อย่างไรก็ตามเขาก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เหมือนกัน…
เซียวเหยามองหน้าเซียวจิ่งแล้วเดินออกไปข้างนอก มีโทรศัพท์มือถืออยู่ในมือ เซียวจิ่งตะโกนตามหลังเขา “พี่เหยา ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้นะ เป็นความผิดของลู่กวงสยงคนเดียว เขาเป็นมนุษย์ที่หน้าด้านไร้ยางอาย…”
เซียวเหยาหันกลับมามองเซียวจิ่ง แล้วกล่าวอย่างข่มอารมณ์ “ตะโกนเข้าไป ถ้าอยากให้คุณแม่ได้ยิน”
เซียวจิ่งหุบปากทันที แล้วรีบรุดไปเปลี่ยนเสื้อผ้า “ขอผมเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
เซียวเหยากดหมายเลขโทรออก แล้วพูดไปในโทรศัพท์อย่างเยือกเย็น “หาพิกัดหมายเลขโทรศัพท์นี้ให้ผม และส่งคนไปสมทบกับผมทีมหนึ่ง เดี๋ยวผมจะส่งรูปไปให้ ภารกิจคือช่วยชีวิตตัวประกัน และสังหารอาชญากรได้!”
เมื่อได้ยินคำพูดของพี่ชายเซียวจิ่งถึงกับอุทานในใจ พระเจ้า! พี่เหยาต้องฆ่าลู่กวงสยงแน่ ในหัวใจพี่เหยา โหรวโหรวมีความสำคัญมากจริงๆ !
เมื่อคิดเช่นนี้เซียวจิ่งก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วโทรหาเฉียวเหลียง
อาห้ากล่าวขอโทษเฉียวเหลียงหลังจากขึ้นรถไปด้วยกันแล้ว เฉียวเหลียงมองหน้าเขา อาห้ารีบหุบปาก แล้วเฉียวเหลียงก็รับโทรศัพท์ “ว่าไง”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงเย็นชาของเฉียวเหลียง เซียวจิ่งก็อยากชกเขาให้คว่ำ แต่พยายามระงับโทสะเมื่อนึกถึงผลที่จะตามมา เขากล่าวว่า “พี่ชายคนโตของฉันแอบได้ยินที่เราคุยโทรศัพท์กันเมื่อกี้ ฉันคิดว่าเขาต้องฆ่าลู่กวงสยงแน่ เขาสั่งให้คนของเขาช่วยตัวประกัน แถมยังบอกว่าสังหารอาชญากรได้”
เฉียวเหลียงเลิกคิ้ว ยิ้มเยือกเย็น ตอบรับในลำคอแล้ววางสาย เขานิ่งเงียบอยู่สองวินาที ก่อนจะบอกกับอาห้าอย่างไร้ความรู้สึก “ฆ่าผู้ชายคนนั้นได้เลย ถ้าจำเป็น”
“ฮะ?” อาห้าตกใจมาก เขามองหน้าเฉียวเหลียงซึ่งนั่งอยู่ที่เบาะหลังอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เขาเม้มริมฝีปากก่อนจะกล่าวว่า “นายน้อยจะทำอย่างนั้นจริงๆ หรือครับ ไม่ว่ายังไงลู่กวงสยงก็เป็นพ่อของนายน้อย… แน่ใจหรือว่านายน้อยจะไม่เห็นผมเป็นศัตรูที่ฆ่าพ่อของคุณ”
ดวงตาเฉียวเหลียงจ้องมองโทรศัพท์มือถือ ขณะที่เขากล่าวอย่างหนักแน่น “ทำตามที่ฉันสั่ง จำไว้ว่าเป้าหมายมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น คือช่วยชีวิตเซียวโหรว ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม”
อาห้ารับคำด้วยสมองที่มึนงง ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเฉียวเหลียงก็ดังขึ้นอีก เขามองดูหมายเลขผู้โทรแล้วขมวดคิ้วก่อนจะรับสาย “ครับ แม่”
“อาเหลียง ลูกต้องช่วยโหรวโหรวให้ได้นะ”
“แน่นอนครับแม่” เฉียวเหลียงวางสายและบอกกับอาห้าว่า “ถ้าใครจะยิงลู่กวงสยง นายต้องลงมือก่อน ถ้านายทำไม่ได้จะถูกโบนัส” จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วถามว่า “แล้วเรื่องที่ฉันสั่งให้ทำล่ะ”
อาห้าพยักหน้า “ผมสั่งให้คนของเราจัดการแล้วครับ และใกล้จะเสร็จเรียบร้อยแล้ว”
…
ทางด้านถังซี ชะเง้อตามองขึ้นไปบนท้องฟ้าอันมืดมิด พลางคิดว่าครอบครัวเธอต้องเป็นห่วงเธอมากแน่ๆ ค่ำป่านนี้แล้วเธอยังไม่กลับบ้าน… เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ถังซีก็แอบตำหนิตัวเอง ทำไมเธอถึงโง่พอที่จะเดินทางกลับบ้านคนเดียว ทำไมไม่หาใครสักคนให้ขับรถไปส่งเธอกลับบ้าน
ลู่กวงสยงไม่ได้รับการติดต่อจากเฉียวเหลียงอีกเลยหลังจากครั้งสุดท้ายเมื่อกี้ เฉียวเหลียงไม่ได้ถามด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ที่ไหน และไม่ได้ตอบตกลงว่าจะจ่ายเงินค่าไถ่ให้เขาเพื่อรักษาชีวิตเซียวโหรว เขารู้สึกกระวนกระวายมาก และเริ่มกระสับกระส่าย เดินงุ่นง่านกลับไปกลับมาตรงหน้าถังซี
ถังซีก็เริ่มว้าวุ่น เสียสมาธิจากการเดินไปเดินมาของเขา เธอรู้สึกแย่จึงตะโกนใส่เขา “นี่ ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง นั่งเฉยๆ บ้างไม่ได้หรือ คุณวางใจเถอะ ในเมื่อเฉียวเหลียงบอกคุณว่าอย่าแตะต้องฉัน ก็แน่ใจได้เลยว่าคุณจะได้ในสิ่งที่ต้องการอย่างแน่นอน เขาอาจยกเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปให้คุณทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่สองพันล้านหยวนเลย หยุดเดินไปเดินมาสักทีได้ไหม!”
ลู่กวงสยงมองเธอด้วยสายตาถมึงทึง กล่าวอย่างดุดัน “เงียบเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่เงียบเธอจะต้องเจ็บตัว!”
ถังซีเงียบเสียงทันที ทันใดนั้นรถยนต์มากกว่าสิบคันก็แล่นเข้ามาจอดเต็มลานหน้าโรงงานร้าง แสงไฟสว่างไสวไปทั่วบริเวณ และขณะเดียวกันก็มีเฮลิคอปเตอร์ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ตามมาด้วยเสียงจากลำโพง “ลู่กวงสยงคุณถูกล้อมไว้หมดแล้ว ปล่อยตัวประกันเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นเราจะยิงเข้าไป”
ลู่กวงสยงไม่คาดคิดว่าเฉียวเหลียงจะทำเรื่องให้ยุ่งยากใหญ่โตขนาดนี้ เขาหันขวับไปมองถังซีด้วยสายตาน่าสะพรึงกลัวทันที และสบถออกมา “บัดซบ!”
ถังซีเองก็พูดไม่ออก นี่มันเกิดอะไรขึ้น! ลู่กวงสยงมีแค่มีดสั้นเล่มเดียวเท่านั้นในมือ จำเป็นต้องทำให้เรื่องใหญ่ขนาดนี้เลยหรือ เธอไม่อยากเป็นข่าวพาดหัววันพรุ่งนี้หรอกนะ!
ขณะเดียวกันเฉียวเหลียงก็ลงจากรถยนต์คันหนึ่ง และเซียวเหยากับเซียวจิ่งตามลงมาสมทบจากรถอีกคัน
ตอนที่ 252 ค่าไถ่
มีรถจอดอยู่ด้านหลังเฉียวเหลียงมากกว่าสิบคัน ทหารติดอาวุธจำนวนมากกระโดดลงจากรถ พลซุ่มยิงในทีมกระจายกำลังกันหาจุดที่ดีที่สุดในการซุ่มยิงทันที และเล็งปืนไปที่ลู่กวงสยง ทหารคนอื่นๆ เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วเข้าล้อมโรงงานไว้ทั้งหมด
และมีทหารกองกำลังพิเศษติดอาวุธอยู่ด้านหลังเซียวเหยา ซึ่งเข้าล้อมโรงงาน แล้วปักหลักในตำแหน่งที่ดีที่สุดสำหรับการซุ่มยิงเช่นกัน
เซียวจิ่งอึ้งมองคนทั้งสองกลุ่ม พูดไม่ออกโดยสิ้นเชิง เขาเบิกตากว้างมองเฉียวเหลียงแล้ววิ่งไปหา แยกเขี้ยวยิงฟันอย่างอ่อนใจ ถามว่า “เฮ้ ประธานเฉียว ฉันบอกนายแล้วนี่ว่าพี่ชายฉันรู้แล้วว่าโหรวโหรวถูกลักพาตัว และจะมาช่วยเธอ ทำไมนายถึงยังพาคนมาที่นี่มากมายด้วย! แล้วทุกคนยังเป็นนายทหารที่รู้จักกันไปทั่วโลกอีก!”
เฉียวเหลียงมองหน้าเซียวจิ่งแล้วส่งเสียงคำรามจากลำคอ “ฉันไม่ต้องการให้ผู้ชายอื่นมาช่วยแฟนฉัน”
เซียวจิ่งจ้องหน้าเขา “จะยังไงก็เถอะ นายไม่เห็นต้องทำเรื่องให้วุ่นวายขนาดนี้! แล้วนี่ไปหานายทหารพวกนี้มาจากไหน!”
เฉียวเหลียงชำเลืองมองเซียวจิ่งทางหางตา แล้วเดินไปหาเซียวเหยาซึ่งกำลังมองมาที่เขา เฉียวเหลียงเลิกคิ้ว “ผู้พันเซียวเหยา ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่คุณนำทหารจำนวนมากมาช่วยแฟนผม แต่ผมสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ ถ้าหัวหน้าคุณรู้ว่าคุณนำหน่วยงานของทางราชการมาใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว”
เซียวเหยาหรี่ตา ถอดถุงมือ ขณะมองหน้าเฉียวเหลียงแล้วกล่าวว่า “ผมจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยน้องสาวผม มันคุ้มค่ามากพอ ต่อให้ผมถูกไล่ออกจากกองทัพก็ตาม!” แล้วเขาพูดใส่ลำโพงว่า “คนที่อยู่ข้างในฟังนะ คุณถูกล้อมไว้หมดแล้ว รีบปล่อยตัวประกันออกมาโดยเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นเราจะยิง!”
เฉียวเหลียงคว้าลำโพงจากเซียวเหยา จ้องหน้าเขาและกล่าวอย่างเยือกเย็น “ผู้พันเซียว ผมซาบซึ้งใจในตัวคุณเหลือเกิน แต่ผมกลัวว่าซีซีจะไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก ถ้าคุณยิงเข้าไปจริงๆ”
เซียวเหยาตัวแข็ง หรี่ดวงตาลงจ้องหน้าเฉียวเหลียงเขม็ง เฉียวเหลียงก้าวไปข้างหน้าช้าๆ มองไปยังลู่กวงสยงและถังซี ซึ่งกำลังเดินออกมาที่ประตูโรงงาน เขารู้สึกโล่งอกเมื่อเห็นว่าถังซีไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เขายกลำโพงขึ้น กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ลู่กวงสยง ถ้าคุณปล่อยเซียวโหรว ผมรับรองว่าคุณจะมีชีวิตที่ดีไปอีกหลายสิบปี”
เมื่อลู่กวงสยงได้ยินเฉียวเหลียงพูดกับเขาราวกับให้ทาน เขาก็กดมีดลงที่คอถังซีทันทีและคำรามออกมา “ชีวิตที่ดีเหรอ แกอยากให้ฉันวิงวอนขอเงินแกแบบหมาจนตรอกงั้นเหรอ ฉันจะบอกแกให้นะเฉียวเหลียง ตอนนี้แกต่างหากที่ต้องวิงวอนขอร้องฉันให้ปล่อยผู้หญิงคนนี้ ไม่ใช่ฉันที่ต้องอ้อนวอนขอเงินแก! ถ้าฉันไม่เห็นสองพันล้านหยวนตรงหน้าตอนนี้ ฉันจะพาผู้หญิงคนนี้ลงนรกไปกับฉันด้วย!”
เฉียวเหลียงเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของลู่กวงสยง สีหน้าเขาดุดัน เซียวเหยากับเซียวจิ่งก้าวออกไปข้างหน้าโดยอัตโนมัติ ถังซีรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่ลำคอ ดวงตาเธอเบิกกว้าง ตะโกนใส่เฉียวเหลียง “เฉียวเหลียง! คุณทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง ถ้าคุณต้องการทิ้งฉันไปคบผู้หญิงที่ชื่อถังซี บอกฉันดีๆ ก็ได้นี่! ไม่เห็นจำเป็นต้องยืมมือพ่อคุณมาฆ่าฉันเลย ถ้าฉันถูกเขาฆ่าตายฉันจะกลายเป็นผีมาหลอกหลอนคุณทุกวัน ทำให้คุณต้องสะดุ้งตื่นกลางดึกทุกคืน! และคุณจะไม่มีโอกาสได้อยู่กับถังซี!”
“หุบปาก!” ลู่กวงสยงเอื้อมมือมาปิดปากเธอ ทันใดนั้นถังซีก็กัดมือเขาอย่างแรง เขาเจ็บมากจนต้องปล่อยเธอและมีดร่วงลงกับพื้น ถังซีวิ่งออกมาข้างหน้าทันที และเฉียวเหลียงรีบวิ่งเข้าไป แต่ในทันทีนั้นเองลู่กวงสยงก็คว้าผมถังซีแล้วลากเธอกลับ ถังซีน้ำตาร่วงด้วยความเจ็บปวด เธอสาบานในใจว่าจะตัดผมสั้นแน่นอนเมื่อกลับไป! ผมยาวนี่สร้างปัญหาจริงๆ!
เฉียวเหลียงเม้มริมฝีปากแน่น ลู่กวงสยงตบหน้าถังซีอย่างแรงจนเลือดไหลซึมออกมาที่มุมปาก เฉียวเหลียงกำมือแน่น ตะโกนลั่นราวกับฟ้าผ่า “ลู่กวงสยง! แกอยากตายใช่ไหม!”
ลู่กวงสยงจ้องมองเฉียวเหลียงอย่างดุดัน และกล่าวเย้ยหยัน “แกคิดว่าฉันจะกลัวหรือที่เห็นแกพาคนมามากมายอย่างนี้ ฉันจะบอกให้นะ ถ้าฉันตาย ฉันจะเอาผู้หญิงคนนี้ไปลงนรกกับฉันด้วย! จำไว้ว่าแกเป็นคนบังคับให้ฉันทำอย่างนี้เอง!” เขากระชากผมถังซีอย่างแรง และแรงยิ่งขึ้นอีก ถังซีกัดฟันแน่น ในใจก็สาปแช่งลู่กวงสยงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ลู่กวงสยงแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายเมื่อเห็นความเจ็บปวดบนใบหน้าถังซี “เงียบทำไมล่ะ ทำไมไม่แหกปากอีกล่ะสาวน้อย ฉันจะสั่งสอนเธอเองวันนี้!”
ขณะกำเส้นผมถังซีไว้ ลู่กวงสยงก็ก้มลงหยิบมีดสั้นบนพื้น ในนาทีนั้นเองเฉียวเหลียงและเซียวเหยาก็วิ่งเข้าไปด้านหหลังลู่กวงสยงพร้อมกัน ลู่กวงสยงนอนลงทันทีและกระชากถังซีตามมาอย่างแรง ถังซีล้มลงบนตัวเขา ลู่กวงสยงกดมีดลงบนลำคอถังซีอีกครั้ง เซียวเหยาและเฉียวเหลียงชะงัก ลู่กวงสยงยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วหรี่ตาลง “ถอยไป ไม่งั้นนังนี่ตาย!”
เฉียวเหลียงและเซียวเหยาไม่กล้าหุนหันเข้าไป ทั้งสองก้าวถอยหลัง เฉียวเหลียงหันไปมองหน้าอาห้า เมื่อเห็นอาห้าพยักหน้า เฉียวเหลียงก็สูดลมหายใจด้วยความโล่งอก ถอยกลับมาและกล่าวว่า “ลู่กวงสยงผมสัญญา ผมจะให้ทุกอย่างที่คุณต้องการ เพียงแค่ปล่อยเธอ”
ลู่กวงสยงหรี่ตามองเฉียวเหลียง “ทำไมฉันต้องเชื่อแก!”
เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว “ตกลง ผมจะให้คนส่งชิปแลกเงินมาที่นี่โดยตรง คุณต้องปล่อยเธอหลังจากเห็นชิปแล้ว” พูดจบเขาก็หันไปส่งสัญญาณให้อาห้า ซึ่งพยักหน้ารับและต่อสายโทรศัพท์ทันที
เซียวเหยาและเฉียวเหลียงถอยกลับไปทางด้านข้าง เซียวเหยามองดูถังซีและกล่าวกับเฉียวเหลียงอย่างเย็นชาว่า “ถ้าซีซีได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ ผมจะกันเธอให้ห่างจากคุณ ถึงจะทำให้เธอเกลียดผมมากแค่ไหน แต่คุณจะไม่มีวันได้คบกับเธอ”
เฉียวเหลียงชะงัก มองไปที่ถังซีและกล่าวอย่างมั่นใจ “คุณจะไม่มีวันได้ทำอย่างนั้น” แล้วกล่าวต่อไป “และอย่าแตะต้องลู่กวงสยง ปล่อยให้ผมจัดการเขาเอง ถ้าคุณยังอยากได้เจอกับซีซี คุณควรฟังผมจะดีกว่า”
ในเวลานั้นนั่นเองก็มีรถแล่นเข้ามา เฉียวเหลียงหันไปมอง แล้วหันไปหาลู่กวงสยงพร้อมกับยิ้มอย่างเยือกเย็น “ค่าไถ่มาถึงแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่คุณจะเลือก”
ประตูรถเปิดออก มีเด็กผู้หญิงอายุประมาณสิบห้าปีหรือมากกว่านั้นนิดหน่อยถูกผลักลงจากรถ ลู่กวงสยงส่งเสียงคำรามใส่เฉียวเหลียงทันที เมื่อเขาเห็นชัดว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นคือใคร
ลู่เสี่ยวจิงซึ่งมีปืนจี้อยู่ที่เอวตัวสั่นระริก เธออยากร้องไห้แต่ไม่กล้า เมื่อเห็นลู่กวงสยงยืนอยู่ตรงหน้า ดวงตาเธอก็แดงเรื่อขึ้นทันที และร้องตะโกนบอกลู่กวงสยง “พ่อคะ ช่วยหนูด้วย!”
ตอนที่ 253 มีชีวิตอยู่กับความเจ็บปวด
ถังซีกะพริบตาปริบๆ มองลู่เสี่ยวจิง เฉียวเหลียงกล้าลงมือทำแบบนี้จริงๆ ความคลางแคลงสงสัยในใจเธอมลายหายไปในที่สุด เฉียวเหลียงไม่มีวันใช้เธอเป็นเหยื่อล่อเพื่อกำจัดลู่กวงสยง เขาใส่ใจห่วงใยเธอจริงๆ เพราะฉะนั้นเขาไม่มีวันเอาชีวิตเธอมาเสี่ยงแบบนั้นเป็นอันขาด
ลู่เสี่ยวจิงพยายามวิ่งเข้าไปหาลู่กวงสยง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งจึงคว้าตัวเธอยกขึ้นเหมือนหิ้วปีก และจ่อปืนที่ขมับเธอ เขายืนนิ่งอยู่ท่านั้น ท่าทางเหมือนเตรียมพร้อมจะยิงขมับลู่เสี่ยวจิงทันทีที่เฉียวเหลียงออกคำสั่ง
เซียวเหยามองหน้าเฉียวเหลียงด้วยสีหน้าดุดัน ดวงตาหรี่ลง “ผมคิดไม่ถึงเลยว่าท่านประธานเฉียวผู้สูงส่งจะเล่นสกปรกเป็นเหมือนกัน”
เฉียวเหลียงจ้องมองถังซีไม่ละสายตา ราวกับไม่ได้ยินคำเยาะเย้ยของเซียวเหยา แต่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ผมไม่สนใจหรอก ผมทำได้ทุกอย่าง ขอแค่ให้ซีซีปลอดภัย ผมไม่สูงส่งเท่าท่านผู้พันเซียวหรอก”
เซียวเหยาหรี่ตามอง เฉียวเหลียงกล่าวต่อไป “ผมหวังว่าจะไม่เกิดข้อพิพาทระหว่างเราในเรื่องวิธีการช่วยซีซี ถ้าผู้พันเซียวอยากเถียงกับผมละก็ผมพร้อมทุกเวลา หลังจากซีซีปลอดภัยแล้ว”
“เฉียวเหลียง! ปล่อยเสี่ยวจิงไป!” ลู่กวงสยงจ้องมองเฉียวเหลียง “เธอไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ปล่อยเธอไป!”
เฉียวเหลียงก้มศีรษะลงหัวเราะเยาะ แล้วเงยหน้าขึ้นมองลู่กวงสยงอย่างฉับพลัน ดวงตาเขาน่าสะพรึงกลัวมาก “ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยงั้นเหรอ จะให้ปล่อยเธอไปเหรอ” เขาชี้ไปที่ถังซี น้ำเสียงเขาเย็นยะเยือก “แล้วเซียวโหรวรู้เรื่องอะไรด้วย คุณไม่ได้ขู่ผมด้วยชีวิตของเธอหรอกเหรอ เสี่ยวจิงเป็นลูกสาวคุณ และคุณลักพาตัวแฟนผม ลูกสาวผู้กตัญญูต้องชดใช้แทนพ่อของเธอสิ คุณจะมาบอกได้ยังไงว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรด้วย”
ลู่กวงสยงกดมีดสั้นลงบนคอถังซีหนักขึ้น ลำคอเธอเริ่มมีเลือดออกซิบๆ เฉียวเหลียงหรี่ตาลง และรังสีอำมหิตของเขารุนแรงยิ่งขึ้น เขาหยิบปืนออกมา ยิงลู่เสี่ยวจิงที่แขนทันที ลู่เสี่ยวจิงกรีดร้องและร่างทรุดลงคุกเข่า ลู่กวงสยงคำรามใส่เฉียวเหลียง “ปล่อยเสี่ยวจิงไป!”
เฉียวเหลียงหรี่ดวงตาลงอีก เมื่อเห็นเลือดบนคอถังซี เขาก็ยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่คนนั้นหิ้วปีกเสี่ยวจิงขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นเขาก็จ้องลู่กวงสยงเขม็งด้วยสายเยือกเย็น “ผมบอกแล้วว่าคุณต้องชดใช้มากกว่าหลายเท่า ถ้าเซียวโหรวได้รับบาดเจ็บ”
“เฉียวเหลียง! ทำไมแกถึงโหดร้ายอย่างนี้!” ลู่กวงสยงปล่อยถังซีทันที ถังซีทรุดลงกับพื้น เฉียวเหลียงรีบวิ่งเข้าไปคว้าตัวถังซี ดึงมาไว้ในอ้อมแขน แล้วก้าวถอยหลังกลับมา จากนั้นก็มีทีมแพทย์เข้ามาดูแลบาดแผลของถังซี เฉียวเหลียงมองหน้าอาห้า อาห้าพยักหน้า แล้วสั่งให้คนส่งลู่เสี่ยวจิงไปโรงพยาบาล
เฉียวเหลียงไม่สนใจลู่กวงสยง และยุ่งอยู่กับการตรวจดูให้แน่ใจว่าถังซีไม่เป็นอะไร ถังซีตบหลังมือเขาเบาๆ ยิ้มให้เขาแล้วกล่าวอย่างอ่อนโยน “ฉันไม่เป็นอะไร ไม่ต้องห่วงฉัน แค่แผลเล็กๆ และฟกช้ำนิดหน่อย”
เฉียวเหลียงโล่งอกเมื่อได้ยินอย่างนี้ เขารีบก้าวออกไปคว้าคอเสื้่อลู่กวงสยงขึ้นมาชกอย่างแรง “ผมเป็นคนที่คุณเกลียด! ทำไมคุณถึงทำร้ายผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้! ไร้ยางอายจริงๆ!”
ถังซีตกใจมากเมื่อเห็นเฉียวเหลียงชกลู่กวงสยง และรีบเข้าไปห้ามเขา “เฉียวเหลียงใจเย็นๆ! ใจเย็นๆ! เขาลักพาตัวฉันคุณก็จับเขาส่งตำรวจดีกว่า อย่าไปทำร้ายเขาให้มือคุณแปดเปื้อนเลย!”
เฉียวเหลียงสูดลมหายใจลึกๆ มองดูลู่กวงสยงซึ่งทรุดนั่งอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง เขากล่าวอย่างเย็นชา “ลู่กวงสยง ผมไม่ควรปล่อยคุณไปตั้งแต่ตอนที่คุณกับผู้หญิงแพศยาคนนั้นขับรถชนแม่ผมเมื่อห้าปีก่อน เพื่อจะครอบครองเฉียวกรุปทั้งหมด คุณเกือบจะฆ่าแม่ผมเมื่อห้าปีก่อน วันนี้คุณลักพาตัวคนรักของผมเพื่อจะแบล็กเมลผมสองพันล้านหยวน คุณรู้ไหมว่าสิ่งที่คุณทำมีแต่จะผลักให้คุณลงนรกเร็วขึ้น!”
คุณเคยเห็นผมเป็นลูกชายของคุณบ้างหรือเปล่า!
ลู่กวงสยงเงยหน้าขึ้นมองเฉียวเหลียง จำได้ถึงตอนที่เฉียวเหลียงวิ่งตามหลัง ร้องเรียกตนว่าพ่อ แต่ตอนนี้เฉียวเหลียงเห็นเขาเป็นศัตรูคู่อาฆาตไปแล้ว และรอไม่ไหวที่จะส่งเขาลงสู่นรก
ลู่กวงสยงยิ้มอย่างสมเพชตัวเอง พึมพำว่า “อะไรทำลงไปแล้ว ลบล้างไม่ได้หรอกนะ แต่ฉันไม่เสียใจ เพราะเสียใจไปก็ไม่มีประโยชน์”
เฉียวเหลียงตะคอก “คิดว่าผมจะให้อภัยหรือถ้าคุณเสียใจ คุณคิดว่าจะชดใช้ความผิดได้ด้วยความรู้สึกเสียใจงั้นเหรอ ฝันไปแล้ว!”
เซียวจิ่งเดินเข้าไปหาเฉียวเหลียง ตบไหล่เขาเบาๆ จากนั้นก็หันไปมองหน้าเซียวเหยาซึ่งจ้องมองเขาอยู่ เซียวจิ่งประสานมือสองข้างเข้าด้วยกัน มองพี่ชายด้วยสายตาอ้อนวอน ถังซีก็หันไปมองเซียวเหยาด้วยเช่นกันและเม้มริมฝีปาก เซียวเหยาถอนหายใจ หันหลังกลับ เดินไปหาคนของเขาและกล่าวว่า “ภารกิจลุล่วง! ถอนกำลังออกจากที่นี่ได้!”
เซียวจิ่งหยิบลำโพงของเซียวเหยาขึ้นมา เดินตามพี่ชายไป และได้ยินชายคนหนึ่งถามเซียวเหยา “เราจะถอนกำลังไปทั้งอย่างนี้หรือครับ”
เซียวจิ่งตามมาทันและกล่าวกับชายคนนั้นว่า “พี่ชาย นี่เป็นฉากจบที่ดีที่สุดแล้ว คุณคาดหวังว่าจะได้เห็นฉากนองเลือดเหรอ”
นายทหารกองกำลังพิเศษคนนั้นมองเซียวจิ่งและกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “แต่มีประชาชนได้รับบาดเจ็บจากปืนต่อหน้าต่อตาเราเมื่อกี้นี้! เป็นการกระทำอย่างผิดกฎหมาย! เราต้องจับกุมคนเหล่านี้และสอบสวนพวกเขา!”
คนพวกนี้ดูไม่เหมือนคนดี โดยเฉพาะผู้ชายที่ชื่อเฉียวเหลียง เขายิงเด็กสาวอายุสิบห้าโดยไม่สะทกสะท้านได้อย่างไร! เขาเหมือนผู้ก่อการร้ายเลย!
เซียวจิ่งมองหน้าพี่ชายอย่างหมดปัญญาและกล่าวว่า “พี่เหยา พี่อยากเห็นคนของพี่กับน้องชายพี่ทะเลาะกันตรงนี้เหรอ พี่ก็เห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเรา พวกเรามีความจำเป็นอะไรที่จะต้องสูญเสีย และ… ผมไม่เคยบอกเฉียวเหลียงเรื่องอาชีพที่แท้จริงของพี่นะ โหรวโหรวก็คงไม่บอกด้วย พี่เดาเอาเองก็แล้วกันว่าเฉียวเหลียงค้นพบตัวตนของพี่ได้ยังไง”
เขาแค่บอกเฉียวเหลียงว่าพี่ชายคนโตของเขาจะฆ่าลู่กวงสยง และออกคำสั่งลูกน้องไปแล้ว แต่เขาไม่ได้บอกว่าพี่ชายเขาเป็นพันโท!
เซียวเหยาหรี่ตามองเฉียวเหลียง ซึ่งกำลังจ้องมองลู่กวงสยงที่นั่งอยู่บนพื้นด้วยสายเย็นชา และกล่าวอย่างโหดเ**้ยม “ปล่อยลู่หงคุนงั้นเหรอ ทำไมต้องปล่อย มันสมควรถูกลากเข้าคุก! แต่ผมก็แสดงความเมตตาอย่างที่สุดให้คุณเห็นแล้ว โดยไม่ส่งมันไปลงนรกด้วยตัวผมเอง!”
ลู่กวงสยงมองเฉียวเหลียงด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ “แกไม่ได้เป็นคนให้หลักฐานกับตำรวจเหรอ”
เฉียวเหลียงตะคอก “ถ้าเป็นผมทำ หลักฐานคงจะมากกว่านี้ คุณควรดีใจที่ไม่ใช่ผมที่ส่งมันเข้าคุก ไม่อย่างนั้นคุณจะไม่ได้มานั่งต่อรองกับผมอยู่อย่างนี้หรอก”
ลู่กวงสยงหลับตาลง เฉียวเหลียงชำเลืองมองเขาและกล่าวอย่างเยือกเย็น “และตัวคุณเอง ก็จะต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในคุก สารภาพบาปต่อพระเจ้าซะ สำหรับสิ่งที่คุณทำกับแม่และผม อย่าพยายามฆ่าตัวตาย เพราะถึงแม้คุณจะพยายามทำอย่างนั้น ผมก็จะยื้อให้คุณกลับมามีชีวิต และจะทำให้คุณมีชีวิตอยู่กับความเจ็บปวดไปตลอดกาล”
ตอนที่ 254 อาหกตื่นตะลึง
ในขณะที่เซียวเหยาพาคนของเขาออกไป คนของเฉียวเหลียงส่วนใหญ่ก็ออกจากบริเวณไปอย่างเงียบๆ และอาห้าเป็นคนนำตัวลู่กวงสยงออกไป
เฉียวเหลียงกอดถังซีแน่น ปากเอ่ย “ผมขอโทษๆ” ไม่หยุด เมื่อคิดถึงสิ่งที่เฉียวเหลียงพูดกับลู่กวงสยง ถังซีก็ตบหลังเฉียวเหลียงเบาๆ ขณะกอดเขาไว้ และกระซิบว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ดูสิ ฉันไม่ได้เป็นอะไร คุณไม่ต้องขอโทษฉันเลย”
เฉียวเหลียงจูบศีรษะเธอและกล่าวขอโทษอีก “ผมขอโทษ ผมผิดเอง ผมรู้ว่าเขาจนมุม แต่ไม่คิดว่าเขาจะสืบรู้ความสัมพันธ์ของเราและลักพาตัวคุณ”
ถังซียิ้มอย่างอบอุ่น แนบหูกับอกเฉียวเหลียง ฟังเสียงหัวใจเขาที่เต้นแรง แล้วเอ่ยเบาๆ “คนโง่ ฉันไม่กลัวเลยสักนิด ถ้ากลัวฉันคงขอให้พี่เหยามาช่วยฉันแล้วล่ะ ตอนที่เขาโทรหาฉัน”
เซียวเหยาก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว คว้ามือถังซี ลากเธอออกจากอ้อมแขนเฉียวเหลียง เขาหรี่ตาลงจ้องหน้าถังซีและกล่าวอย่างเย็นชา “งั้นก็แสดงว่าเธอก็ถูกลู่กวงสยงลักพาตัวแล้วน่ะสิ ตอนที่พี่โทรหาเธอ”
เฉียวเหลียงก็จ้องหน้าถังซีเช่นกัน และเซียวจิ่งเดินเข้ามาสมทบด้วย ถังซีรีบยกมือขึ้นห้ามทุกคนแล้วอธิบายว่า “สถานการณ์ค่อนข้างอันตรายในเวลานั้น มีแค่เขากับฉันอยู่ตรงนั้น ฉันเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ เขาอาจจะฆ่าฉันได้ ถ้าฉันขอความช่วยเหลือจากพี่เหยา ฉันไม่น่าจะสู้เขาไหว คงได้แต่ยอมจำนนเท่านั้น”
ชายหนุ่มทั้งสามมองดูรูปร่างเล็กๆ ของถังซี และจำได้ดีว่าเธอเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ร่างกายเธอยังอ่อนแอ และเธอต้องหวาดกลัวแน่ๆ หลังจากถูกลักพาตัว พวกเขาจึงไม่ใจแข็งพอที่จะดุเธอ เฉียวเหลียงดึงเธอเข้าไปในอ้อมกอดอีกครั้ง “เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก”
เซียวเหยาเย้ยหยัน “ท่านประธานเฉียวก็ดีแต่พูด ปากหวานอยู่ตลอด แต่โหรวโหรวก็ได้รับบาดเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
เฉียวเหลียงหัวเราะเยาะบ้างขณะจ้องมองเซียวเหยา แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างเย็นชา “ในเมื่อผู้พันเซียวเก่งกาจนัก ทำไมถึงปล่อยให้ซีซีเสี่ยงชีวิตช่วยชีวิตคุณ จนเธอเกือบตายในคราวนั้น!”
“คุณ!”
“พอแล้วค่ะ!” ถังซีผละออกจากอ้อมแขนเฉียวเหลียง มองทั้งสองคนด้วยสายตาเกรี้ยวกราด “อย่าทำตัวเป็นเด็กอย่างนี้สิคะ ทั้งสองคนทะเลาะกันเหมือนเด็กๆ เลย ไม่อายบ้างเหรอคะ”
“ไม่!” ทั้งสองตอบพร้อมกัน และยังคงจ้องหน้ากันและกัน
ถังซีหายใจเข้าลึกๆ เดินเข้าไปหาเซียวจิ่ง เกาะแขนเขาแล้วเดินออกไปด้วยกัน พร้อมกับพูดเสียงดังว่า “พี่จิ่ง ช่วยพาฉันกลับบ้านทีได้ไหม ฉันไม่อยากกลับกับคนโง่สองคน!”
เซียวจิ่งพยักหน้าด้วยความยินดี และรีบพาเธอไปขึ้นรถ
เฉียวเหลียงกับเซียวเหยามองดูทั้งสองคนเดินจากไป แล้วหันมาจ้องมองกันและกัน เฉียวเหลียงเอามือล้วงกระเป๋า มองหน้าเซียวเหยายิ้มๆ “ในฐานะผู้บังคับการหน่วยปฏิบัติการพิเศษแห่งกองกำลังพิเศษ ผู้พันเซียวได้เข้ามามีส่วนร่วมในคดีเล็กๆ อย่างลักพาตัวนี่ ทำให้ขากรรไกรผมค้างจริงๆ”
เซียวเหยาหรี่ตา ก้าวมาข้างหน้าและมองเฉียวเหลียงด้วยสายตาคมปลาบ “เฉียวเหลียง ตัวตนที่แท้จริงของคุณคือใครกันแน่”
“ผู้พันเซียวไม่ได้สืบประวัติผมหรอกหรือ” เฉียวเหลียงยิ้ม เดินออกไปด้านข้างขณะกล่าวว่า “เห่าหงสอนแค่วิธีต่อสู้และยิงคนให้คุณหรือ ไม่ได้สอนให้ฝึกสติปัญญาบ้างเลยหรือไง แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม คุณเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทำไมไม่ทำงานให้หนักกว่านี้”
เซียวเหยาก้าวออกไปข้างหน้า ยืนขวางทางเฉียวเหลียง และถามเสียงเข้ม “คุณสืบประวัติผมหรือ”
“ผู้พันเซียว คุณคิดมากเกินไป” เฉียวเหลียงหยุดเดิน มองเซียวเหยาอย่างใจเย็น “เราเป็นเพื่อนกัน และกำลังเราจะเกี่ยวดองกันเพราะซีซี ฉะนั้นผมจะไม่สืบประวัติคุณ”
“แล้วทำไมคุณถึงรู้จักตัวตนที่แท้จริงของผมล่ะ!” เซียวเหยากล่าวอย่างเกรี้ยวกราด “เรื่องนี้เป็นความลับ! มีคนน้อยมากที่จะรู้!”
“แต่ก็มีบางคนที่รู้เรื่องนี้ จำไว้ว่าเมื่อใดก็ตามที่มีคนค้นพบความลับของคุณ คุณต้องเตรียมพร้อมว่าโลกทั้งโลกจะรู้” เฉียวเหลียงยิ้ม “แล้วอีกอย่าง คุณไปที่บ้านคุณตาคุณในวันนั้นเพราะคุณได้เลื่อนตำแหน่ง และลุงคุณก็รู้ว่าจริงๆ แล้วคุณทำงานอะไรจริงไหม ดังนั้นจึงไม่ใช่ความลับอีกต่อไปนับจากคืนนั้น”
เซียวเหยาชะงัก จริงสิ เฉียวเหลียงก็อยู่ด้วยในวันนั้น! บ้าชะมัด! เซียวจิ่ง นายนี่มันไม่ได้เรื่อง! ลืมไปได้ยังไงว่าเฉียวเหลียงก็อยู่ที่บ้านคุณตาด้วยในวันนั้น และยังมาเข้าใจผิดเองอีก ไอ้บ้าเอ๊ย!
เฉียวเหลียงเปิดประตูรถขึ้นไปนั่ง เซียวเหยาตามมาติดๆ และขึ้นไปนั่งข้างเขา เฉียวเหลียงเลิกคิ้วขึ้นมอง เซียวเหยากล่าวว่า “ในฐานะน้องเขย คุณน่าจะไปส่งผม”
เฉียวเหลียวสูดลมหายใจแล้วเงียบกริบไปเมื่อได้ยินคำว่า ‘น้องเขย’
เซียวจิ่งกับถังซีขับรถของเซียวเหยาออกไปแล้ว รถของทหารก็ขับออกไปหมดแล้วเช่นกัน แน่นอนว่าเขาจะไม่วิ่งกลับบ้าน เพียงเพราะไม่ชอบหน้าเฉียวเหลียง…
เฉียวเหลียงนั่งอยู่ในรถ มองตรงไปข้างหน้า ออกคำสั่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ไปส่งคุณเซียวที่บ้านก่อน แล้วค่อยไปที่สเพล็นดิดเวิลด์”
เซียวเหยาหรี่ตาลง “ผมก็จะไปสเพล็นดิดเวิลด์เหมือนกัน คุณไม่ต้องไปส่งผมที่บ้านหรอก” จากนั้นก็หันไปมองหน้าเฉียวเหลียง “คุณปู่ผมจะมาค้างที่บ้านคุณลุงผมสักพัก ผมสัญญากับท่านไว้ว่าจะไปหาท่านให้บ่อยขึ้น แล้วอีกอย่าง คืนนี้โหรวโหรวคงยังหวาดกลัว ในฐานะพี่ชายผมควรจะปลอบเธอ”
รังสีรอบกายเฉียวเหลียงกลายเป็นน้ำแข็งในทันที เซียวเหยายิ้ม กล่าวต่อไปว่า “แน่นอนประธานเฉียว คุณเองในฐานะแฟนโหรวโหรว คุณก็น่าจะอยู่ดูแลเธอเหมือนกัน ถ้างั้นเราก็ไปที่นั่นด้วยกัน!”
เฉียวเหลียงหรี่ตาลง พร้อมกับกัดฟันแน่น “ได้สิ ช่วยดูแลซีซีด้วย พี่ชาย!”
เซียวเหยากล่าวว่า “เธอเป็นน้องสาวผม ผมควรจะดูแลเธออยู่แล้ว คุณไม่ต้องเกรงใจผมขนาดนี้หรอก!”
ระหว่างทางทั้งสองแขวะกันไปมา อาหกซึ่งทำหน้าที่ขับรถอยากจะหูหนวกให้รู้แล้วรู้รอดไป เขาไม่อยากได้ยินอะไรเลย! แต่ว่า…
หลังจากเซียวเหยาลงจากรถ เฉียวเหลียงก็หันไปหาอาหก และถามด้วยสีหน้าถมึงทึงว่า “นายได้ยินอะไรบ้าง”
อาหกแทบจะร้องไห้ “นายน้อยครับ ผมอยากให้ผมไม่ได้ยินอะไรเลย!”
ทำไมเขาถึงบังเอิญได้ยินว่าคุณหนูเซียวคือคุณถังล่ะ! ทำไมพวกคุณถึงพูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าผม!
เฉียวเหลียงพยักหน้า “แล้วนายได้ยินอะไร”
“คุณถังซีบังเอิญกลายเป็นคุณหนูเซียวโหรว คุณหนูเซียวโหรวจริงๆ แล้วคือคุณถังซี… นั่นเป็นสาเหตุให้นายน้อยมีท่าทางแปลกๆ หลังจากได้เจอกับคุณหนูเซียวใช่ไหมครับ…”
เฉียวเหลียงตอบด้วยเสียงงึมงำ “ใช่”
“ฮะ?” อาหกรู้สึกสับสนขึ้นมาทันที นี่เขาพูดอะไรออกไปกับนายน้อย โอย…เขากลัวเหลือเกิน! “นายน้อย คุณหมายความว่ายังไงครับ”
ตอนที่ 255 ปีศาจร้าย
“ที่ฉันทำตัวแปลกๆ ก็เพราะเซียวโหรวคือถังซี” เฉียวเหลียงกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
อาหกอึ้ง มองเฉียวเหลียงอย่างพูดไม่ออก แต่ตะโกนอยู่ในใจ ‘นายน้อยครับ ผมรู้ครับ นายน้อยไม่ต้องเตือนผมหรอก! ผมไม่สนใจเรื่องแปลกประหลาดนี้เลย! ผมไม่อยากรู้เลยว่าวิญญาณคุณถังซีเข้าสิงร่างคุณหนูเซียวโหรว และตอนนี้นายน้อยก็ได้อยู่ใกล้ชิดกับเธอแล้ว ผมไม่อยากรู้เรื่องนี้เลยจริงๆ!’
“นายน้อยครับ นายน้อยหมายความว่ายังไง” อาหกสูดลมหายใจ มองกลับไปที่เฉียวเหลียง และกล่าวอย่างสิ้นหวัง “แค่บอกผมก็พอว่าคุณจะทำยังไงกับผม!”
เฉียวเหลียงมองหน้าอาหกซึ่งดูสิ้นหวังอย่างแท้จริง และกล่าวเรียบๆ ว่า “จากนี้ไปนายต้องรับผิดชอบหน้าที่ปกป้องคุ้มครองคุณหนูเซียว นายรู้ดีว่าเธอมีความหมายกับฉันมากแค่ไหน เพราะฉะนั้นนายต้องรู้ว่า ถ้าเธอได้รับบาดเจ็บ…”
“นายน้อยวางใจได้ครับ ขอให้นายน้อยมั่นใจเถอะว่าคุณหนูเซียวจะปลอดภัย ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตผมก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกเลย ดังนั้นไม่ต้องห่วงเธอ! ผมจะปกป้องเธอตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง จะไม่ละสายตาจากเธอ!” อาหกเอ่ยคำสาบานอย่างแข็งขัน แต่แล้วเขากลับพบว่าบรรยากาศในรถไม่เป็นไปอย่างที่ควร อากาศในรถดูเหมือนจะเย็นเยือกเป็นน้ำแข็งจนเขารู้สึกหายใจไม่ออก นายน้อยซึ่งดูสบายๆ อยู่ดีๆ ก็ดุดันใส่เขา…
อาหกยกมือทาบอกเกือบจะร้องไห้ เขาปลดเข็มขัดนิรภัย เบรกรถ จากนั้นก็หันหลังกลับมา มือทั้งสองเกาะที่เบาะ มองเฉียวเหลียงน้ำตาคลอ “นายน้อยครับ ผมพูดอะไรผิดไปหรือครับ”
เฉียวเหลียงมองหน้าอาหก และถามเสียงเข้ม “ปกป้องเธอตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง จะไม่ละสายตาจากเธอ งั้นเหรอ”
อาหกส่งเสียงครางและร้องออกมาเสียงดัง “นายน้อยครับ! ผมสาบานได้ว่าเป็นแค่คำเปรียบเปรย! ผมแค่พยายามสร้างความมั่นใจให้นายน้อย ว่าผมจะปฏิบัติภารกิจที่คุณมอบหมายให้สำเร็จลุล่วง! ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด!”
“โอเค” เมื่อใบหน้าเฉียวเหลียงคลายความเครียดลงในที่สุด บรรยากาศอึดอัดหายใจไม่ออกก็หมดไป อาหกรู้สึกโล่งอกและถามว่า “จะให้ผมเริ่มคุ้มครองคุณหนูเซียวเมื่อไรครับ นายน้อย”
“ยังไม่ใช่เร็วๆ นี้ ช่วงนี้เซียวเหยายังไม่ได้ไปไหนไกล เขาคงจะคอยไปไหนมาไหนเป็นเพื่อนเธอ” เฉียวเหลียงหลับตาลงขณะกล่าวว่า “ไปส่งฉันที่สถานีตำรวจ เซียวจิ่งจะเป็นผู้ดูแลบริษัทชั่วคราว และลู่หลีจะมาถึงในอีกสองหรือสามวัน เตรียมที่พักไว้ให้เขาล่วงหน้าด้วย”
…
ในห้องรับรองของสถานีตำรวจ บนหน้าจอโปรเจกเตอร์มีใบหน้าชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งดูท่าทางประหลาดใจ “คุณให้อาหกจัดที่พักให้ผมหรือ ไม่เอาหรอก ผมอยากพักที่อะพาร์ตเมนต์ของคุณ!”
เฉียวเหลียงยังคงมองหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยไม่เงยหน้าขึ้นมองเขา และถามว่า “คุณรู้หรือยังว่าเอฟบีไอส่งใครไปสืบที่โอมาน”
“ผมกำลังพูดถึงเรื่องที่พักของผมในเมือง A ไม่ใช่เรื่องประเทศโอมาน ผมจะไม่ไปเมือง A ถ้าหากไม่ได้พักที่อะพาร์ตเมนต์ของคุณ คุณเลือกเอาก็แล้วกัน” ลู่หลีมักจะใจเย็นและมีความเป็นผู้ใหญ่ จู่ๆ ก็พูดจาอวดดีขึ้นมา เขาเชิดคางมองเฉียวเหลียง
ในที่สุดเฉียวเหลียงก็เงยหน้าขึ้นมองลู่หลี จากนั้นก็ก้มหน้าลงอ่านเอกสารที่ลู่หลีส่งมาให้ “ทุกอย่างที่โอมานเรียบร้อยไหม ผมจำเป็นต้องไปที่นั่นหรือเปล่า”
“ไม่ต้องหรอก ไม่สำคัญหรอกว่าพวกเขาจะสืบพบอะไร หลงเซี่ยวเป็นคนทำ ไม่ใช่หลงเซี่ยวกรุป ต่อให้พวกเขาจับกุมผู้นำของหลงเซี่ยว ก็จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลงเซี่ยวกรุป” ลู่หลียักไหล่อย่างไม่สนใจ “พวกเขาอยากทำอะไรก็ให้ทำไป ผมไม่กลัว”
เฉียวเหลียงพยักหน้ากล่าวว่า “ปล่อยข่าวออกไปก่อนที่คุณจะมาเมือง A ให้ใครบางคนรู้ว่าคุณจะมาเมือง A”
ลู่หลีขมวดคิ้ว “นี่ไม่ได้เป็นความลับหรอกหรือ ทำไมเราต้องปล่อยข่าวให้คนรู้ด้วยล่ะ”
“คุณไม่เคยมาเมือง A อย่างเปิดเผย คุณบอกไม่ใช่หรือว่าพวกเขากำลังจะไปโอมาน คุณมาเมือง A อย่างเปิดเผย ขณะที่พวกเขาคิดว่าเราจะไปโอมานเพื่อจัดการกับเรื่องนั้น เรามาคอยดูกันว่าเจ้าหน้าที่เอฟบีไอจะทำยังไง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ลู่หลีก็ยิ้ม ในเวลานั้นประตูห้องทำงานของเขาก็เปิดออก เฉียวเหลียงเห็นใบหน้าหลินหย่วนปรากฏบนหน้าจอ เขาเอนตัวไปข้างหลัง และหลินหย่วนส่ายศีรษะ “อาเหลียง คุณนี่ช่างร้ายกาจ ทิ้งกระสุนเปล่าที่โอมานให้เอฟบีไอหัวปั่น และหาโอกาสเตรียมหลุมพรางไว้ดักพวกเขาที่นั่น”
เฉียวเหลียงเลิกคิ้ว ลู่หลียิ้ม “อาหย่วนเตรียมการทุกอย่างในโอมานด้วยตัวเองตามที่คุณสั่ง คุณมั่นใจได้เลยว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด”
หลินหย่วนนั่งลงข้างลู่หลี ดวงตาเขาเป็นประกาย เขายิ้มและเลิกคิ้วขึ้น “ผมได้ยินว่าดาร์คไนท์ตั้งใจจะเปิดโรงงานผลิตยาที่นั่น เราจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เอฟบีไอดีไหม”
เฉียวเหลียงหรี่ตามองหน้าหลินหย่วน ถามเสียงต่ำว่า “ดาร์กไนต์หรือ แบลร์น่ะหรือ”
หลินหย่วนเลิกคิ้ว “ใช่แล้ว แบลร์ ที่ต่อกรกับเราที่ชายแดนอเมริกาเหนือ แต่พ่ายแพ้พวกเราและถูกคุณระเบิดมือข้างหนึ่งกระจุย” หลินหย่วนกล่าว แล้วจู่ๆ ก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาเลิกคิ้ว “อ้อ อีกอย่างหนึ่ง ผมรู้มาว่าคนที่ซุ่มโจมตีฉูหลิงที่เมือง A ครั้งล่าสุดที่ผ่านมาเป็นคนของแบลร์ คุณคิดว่าไง เราจะจับแบลร์ส่งให้ฉูหลิงดีไหม เขาจะได้เป็นหนี้บุญคุณเรา”
เฉียวเหลียงหรี่ตาลง เคาะนิ้วบนโต๊ะเป็นจังหวะ หลังจากนั้นสองวินาทีเขาก็เงยหน้ามองหลินหย่วนและเลิกคิ้ว “ไม่ ปล่อยให้ข่าวรั่วไหลไปเข้าหูองค์การตำรวจสากล แต่ไม่บอกไปทางเอฟบีไอ ทำลายแผนการพวกมัน หลอกล่อพวกมันให้เข้าไปอยู่กลางทะเลทราย แล้วทำให้พวกมันติดอยู่ที่นั่นซักครึ่งเดือนหรือนานกว่านั้น”
“อาเหลียง มีงูพิษมากมายนะกลางทะเลทรายน่ะ คุณอยากให้พวกมันตายอยู่กลางทะเลทรายเหรอ” หลินหย่วนกล่าว ในขณะที่คำพูดของเขาฟังดูอาทรห่วงใย ทว่าดวงตาเขาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น หลังจากพูดอย่างนี้แล้วเขาก็รีบลุกขึ้น ราวกับกลัวว่าเฉียวเหลียงจะปฏิเสธคำพูดของเขา “ผมต้องไปที่ห้องบัญชาการแล้ว ผมรับรองจะปฏิบัติตามคำสั่งของคุณอย่างเคร่งครัด จะให้พวกมันได้ใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนกลางทะเลทราย ให้สนุกกับประสบการณ์เกือบตายเพราะความกระหาย ผมจะให้คนส่งน้ำแร่ไปให้พวกมันครึ่งลิตรทุกๆ สองวัน เผื่อว่าพวกมันจะตายจริงๆ เพราะความกระหาย ฮ่าๆ … ผมเป็นคนใจดีมาก ผมต้องไปก่อน แล้วเจอกัน”
หลินหย่วนจากไปด้วยท่าทางมีความสุข ลู่หลีมองตามร่างหลินหย่วนที่เดินจากไป แล้วหันมามองเฉียวเหลียงพร้อมกับส่ายศีรษะ “อาเหลียง ทะเลทรายที่โอมานนั้นอันตรายมาก คุณยังจะให้หลินหย่วนส่งพวกนั้นไปเจอกับความยากลำบากอีกหรือ คุณอยากก่อสงครามกับเอฟบีไอจริงๆ หรือไง”
เฉียวเหลียงเอนพิงไปด้านหลัง แล้วกล่าวอย่างเฉยเมย “ตราบใดที่พวกมันกล้าต่อกรกับเรา”
ตอนที่ 256 เธอถูกลักพาตัวเพราะเฉียวเห...
ทันทีที่ถังซีกลับถึงบ้าน เซียวเจี่ยนกับเซียวหงอี้ก็รีบเข้ามาหาเธอ เซียวเจี่ยนมองร่องรอยฟกช้ำบนข้อมือถังซีแล้วขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น เซียวจิ่งบอกพี่ทางโทรศัพท์ว่าเธอถูกลู่กวงสยงลักพาตัว เขาพูดจริงหรือ”
ถังซียิ้ม ซ่อนมือไว้ด้านหลัง แล้วกล่าวเบาๆ ว่า “อย่าเสียงดังค่ะ ถ้าคุณปู่ได้ยินท่านจะเป็นห่วง”
เซียวหงอี้ขมวดคิ้วถามว่า “ทำไมลู่กวงสยงถึงลักพาตัวลูกไป ลูกกับ…”
“หนูทะเลาะกับลู่เสี่ยวจิง ลูกสาวของเขาวันนี้ค่ะ” ถังซีมองไปทางห้องทานอาหาร “หนูหิวจังเลย ยังเหลืออาหารอยู่บ้างไหมคะ”
เซียวเจี่ยนพยักหน้า สั่งให้ลิลลี่เตรียมอาหารให้ถังซี และถามเธอว่า “เขาลักพาตัวเธอเพราะเรื่องแค่นี้เหรอ!”
“โหรวโหรว เป็นเพราะลูกกับ…” เซียวหงอี้มองถังซีด้วยท่าทางตื่นเต้น เธอมีความสัมพันธ์เกินกว่าธรรมดากับเฉียวเหลียงใช่ไหม เขารู้ว่าเฉียวเหลียงกับเซียวจิ่งเป็นเพื่อนสนิทกัน ถ้าลูกสาวเขาคบหากับเฉียวเหลียงผ่านทางเซียวจิ่งล่ะ… น่าจะเป็นการดีกว่าสำหรับโหรวโหรวที่จะแต่งงานกับเฉียวเหลียงแทนหลิวเฉิงอวี่
ถังซียิ้ม “หนูกับใครเหรอคะ” ถังซีมองไปทางห้องหลินหรูและเล่าด้วยรอยยิ้ม “ตอนนั้นที่มีครูคนหนึ่งหาเรื่องใส่ร้ายหนูที่โรงเรียน เพราะเซียวจิ้นหนิงสั่ง หนูขอให้พี่จิ่งมาที่โรงเรียน บังเอิญพี่จิ่งอยู่กับเฉียวเหลียง เขาก็เลยพาเฉียวเหลียงมาด้วย บางทีลู่เสี่ยวจิงอาจเล่าเรื่องนี้ให้พ่อเธอฟัง ลู่กวงสยงก็เลยคิดว่าหนูมีความสัมพันธ์พิเศษกับเฉียวเหลียง และมาลักพาตัวหนู”
ถังซียิ้มอย่างน่าสงสาร “นี่คือโชคร้ายที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับหนูเลย หนูคิดว่าหนูควรไปไหว้พระขอพรที่วัด ขับไล่ความโชคร้ายให้ออกไปจากตัวหนูแล้วล่ะค่ะ หนูประสบอุบัติเหตุครั้งแล้วครั้งเล่า หนูจะไม่สงสัยเลย ถ้าอยู่ๆ ตอนนี้หนูจะถูกผีเข้า”
เซียวหงอี้หน้าตึงขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินถังซีพูดถึงเซียวจิ้นหนิง เขาไม่รู้ว่าจะพูดยังไง ได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ อย่างทำตัวไม่ถูก “อ๋อ พ่อเข้าใจแล้ว หนูไปอาบน้ำ ทำแผลก่อนดีกว่า จะได้ลงมาทานอาหาร”
ถังซีพยักหน้า เดินไปที่ห้องหลินหรู “หนูขอไปหาแม่ก่อนนะคะ”
เซียวเจี่ยนมองตามหลังถังซี แล้วร้องเรียกเซียวหงอี้ว่า “พ่อครับ เรามาคุยอะไรกันหน่อยสิครับ”
เซียวหงอี้หันไปมองเซียวเจี่ยน เห็นลูกชายกำลังเดินออกไปข้างนอก เซียวหงอี้ขมวดคิ้วแต่ก็ยังตามไป เซียวเจี่ยนยืนอยู่ที่สนาม จุดบุหรี่แล้วหันกลับมามองเซียวหงอี้เป็นเชิงเชิญชวน เซียวหงอี้ส่ายศีรษะ “พ่อต้องดูแลแม่ของลูก พ่อสูบบุหรี่ไม่ได้”
เซียวเจี่ยนเก็บกล่องบุหรี่ แล้วสูบเข้าไปครั้งหนึ่ง เซียวหงอี้ขมวดคิ้ว “ลูกเครียดเรื่องงานหรือ”
เซียวเจี่ยนส่ายศีรษะ “ไม่ใช่ครับ ผมอยากคุยกับพ่อเรื่องอื่น”
เซียวหงอี้อดทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอีกไม่ได้ เขาถามว่า “เรื่องอะไร”
เซียวเจี่ยนพ่นควันออกมา และก้มมองรองเท้าตัวเอง “ผมหวังว่าพ่อจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องการแต่งงานของโหรวโหรว น้องเพิ่งเข้าเรียนปีที่หนึ่งในโรงเรียนมัธยมปลายและยังเด็กเกินไป บริษัทเราไม่ได้ต้องการหุ้นส่วนทางธุรกิจใดๆ และผมก็จัดการบริษัทเองได้ เพราะฉะนั้นพ่อครับ ผมหวังว่าเราจะมีบ้านที่อบอุ่นและสุขสบายให้โหรวโหรว ไม่ใช่กรงขังที่มีแต่เรื่องกดดัน พ่อกำลังบีบบังคับให้น้องอยากไปจากบ้านเราด้วยการทำแบบนี้”
“ลูกพูดถึงเรื่องอะไร!” สีหน้าเซียวหงอี้สลดลง “พ่อไปกดดันน้องเมื่อไหร่ พ่อไม่ได้อยากเข้าไปยุ่งกับการแต่งงานของน้อง โอเคไหม โหรวโหรวไม่ได้ชอบเฉิงอวี่ เพราะฉะนั้นพ่อจะไม่บังคับให้น้องแต่งงานกับเฉิงอวี่”
“ดีแล้วครับ” เซียวเจี่ยนกล่าว แล้วเงยหน้าขึ้นมองเซียวเหยา ซึ่งจู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นในสนาม เซียวเหยาเข้ามาทักทายคนทั้งสอง เซียวหงอี้ทักตอบเก้อๆ และถามว่า “เซียวเหยา มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
เซียวเหยามองบุหรี่ในมือเซียวเจี่ยน “ผมอยู่แถวนี้มาสักพักหนึ่งแล้วครับ คุยโทรศัพท์และสูบบุหรี่อยู่ข้างนอกครู่หนึ่ง กำลังยุ่งกันอยู่หรือเปล่าครับ”
“ไม่หรอก” เซียวหงอี้ตบไหล่เซียวเหยา “ลุงได้ข่าวมาว่าเธอได้เลื่อนยศเป็นผู้พันแล้วหรือ เก่งมาก เธอเก่งกว่าพ่อของเธอกับลุงเสียอีก”
เซียวเหยายิ้ม ไม่พูดอะไร เซียวเจี่ยนดับบุหรี่ก่อนจะถามเซียวเหยาว่า “นายทานข้าวเย็นแล้วหรือยัง”
เซียวเหยาส่ายศีรษะ “ยัง”
เซียวเจี่ยนเดินนำเข้าไปในบ้าน ขณะกล่าวว่า “โหรวโหรวกับฉันก็ยังไม่ได้ทานเหมือนกัน เดี๋ยวทานด้วยกันนะ”
เซียวหงอี้กล่าวว่า “โหรวโหรวไปอาบน้ำ คงต้องรอสักครู่ พวกเธอคุยกันไปก่อน ลุงจะไปดูคุณป้า” ก่อนจะจากไป
เซียวเหยามองหน้าเซียวเจี่ยนและขมวดคิ้ว “นายมีบุหรี่ไหม”
เซียวเจี่ยนเลิกคิ้ว ส่งบุหรี่ให้เซียวเหยา “ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนนายไม่สูบบุหรี่”
“ฉันสูบเวลาคิดถึงอะไรบางอย่าง” เซียวเหยารับบุหรี่มา และมองเซียวเจี่ยน “มีไฟแช็กไหม”
เซียวเจี่ยนหยิบไฟแช็กออกมาส่งให้เซียวเหยา เซียวเหยาจุดบุหรี่สูบเข้าไปครั้งหนึ่ง พ่นควัน มองขึ้นไปบนท้องฟ้าไกลออกไป “ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนนายก็ไม่ค่อยสูบเหมือนกัน”
เซียวเจี่ยนกล่าวว่า “ช่วงที่ผ่านมานี้ฉันสูบบ่อยมาก จนเกือบจะติดอยู่แล้ว” ว่าแล้วเขาก็จุดบุหรี่ให้ตัวเองอีกมวนหนึ่ง “ช่วงนี้ฉันมีเรื่องหนักใจมากเหลือเกิน เลยสูบบุหรี่แทบทุกวัน” เขามองหน้าเซียวเหยาซึ่งดูเหมือนมีบางสิ่งในใจเหมือนกัน “นายล่ะ มีเรื่องอะไรกวนใจอยู่หรือ”
เซียวเหยามองหน้าเซียวเจี่ยน แล้วจู่ๆ ก็ยิ้มออกมา จากนั้นก็เอนกายพิงเสาหินอ่อน ใช้นิ้วเคาะเถ้าบุหรี่สีแดง “ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะมีโอกาสคุยกับนายดีๆ แบบนี้”
เซียวเจี่ยนก็ยิ้ม แล้วพ่นควันบุหรี่ นิ้วโป้งซ้ายของเขาเกี่ยวกระเป๋ากางเกง อีกสี่นิ้วเคาะเบาๆ บนต้นขา กล่าวว่า “ใช่ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเราไม่เคยเป็นมิตรกันเลยเวลาเจอกัน และดูเหมือนจะแย่ลงไปอีกหลังจากโหรวโหรวกลับมา ฉันก็คิดไม่ถึงว่าเราจะได้มาสูบบุหรี่ด้วยกัน และคุยกันอย่างสงบเหมือนในคืนนี้” เขามองหน้าเซียวเหยา “บอกฉันหน่อยสิว่าเรื่องอะไรที่กวนใจนาย” เขาพ่นควันและมองหน้าเซียวเหยาอีกครั้ง “ในสายตาคนอื่น อาชีพการงานของนายประสบความสำเร็จอย่างมาก แล้วสำหรับเรื่องความรัก… ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งตกหลุมรักนายหัวปักหัวปำ แล้วยังมีอะไรที่ทำให้นายไม่สบายใจอีกหรือ”
เซียวเหยาชะงัก แล้วส่ายศีรษะ “หว่านอีเป็นคนดี ฉันไม่อยากให้เธอมาเสียเวลา ฉันรู้สึกกับเธอเหมือนเป็นน้องสาว ไม่เคยรู้สึกเป็นอย่างอื่นเลย อย่าพูดเรื่องนี้อีกเลยดีกว่า พี่ชาย”
เซียวเจี่ยนเลิกคิ้วมองเซียวเหยา “นายไม่ชอบเฮ่อหว่านอีเหรอ” จากนั้นเขาก็ส่ายศีรษะและยิ้ม “ฉันจินตนาการไม่ออกเลยว่าผู้ชายคนไหนจะไม่ชอบผู้หญิงอย่างเธอ”
เซียวเหยาถอนหายใจ ขยับยืนตัวตรงแล้วดับบุหรี่ “เข้าไปข้างในกันเถอะ โหรวโหรวน่าจะเสร็จแล้ว เธอยังหวาดกลัวกับเหตุการณ์ในวันนี้ ที่ฉันมานี่ก็เพื่อจะปลอบใจเธอ”
“เซียวเหยา” ขณะที่เซียวเหยากำลังเดินไปที่ประตู จู่ๆ เซียวเจี่ยนก็เรียกเขา เซียวเหยาหยุดและหันกลับมามอง เซียวเจี่ยนก็ดับบุหรี่เหมือนกัน แล้วโยนก้นบุหรี่ลงถังขยะ ก่อนจะเดินเข้าไปหาเซียวเหยา ถามว่า “ทำไมโหรวโหรวถึงถูกลักพาตัว เธอถูกลักพาตัวเพราะเฉียวเหลียงใช่ไหม”
เซียวเหยาชะงัก จ้องหน้าเซียวเจี่ยนอย่างใช้ความคิด แล้วยิ้มออกมาทันที “คำถามนี้นายควรไปถามโหรวโหรวเองดีกว่า”
ตอนที่ 257 ใครมาทำลับๆ ล่อๆ
เมื่อถังซีตื่นขึ้นในเช้าวันต่อมา ก็เดินออกไปปูเสื่อโยคะที่ระเบียงเพื่อเล่นโยคะ ขณะนั้นเธอเห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่บนถนนหน้าบ้าน ท่าทางลับๆ ล่อๆ เหมือนหัวขโมย ถังซีหรี่ตา นั่งลงแอบมองออกไปข้างนอก หัวขโมยท่าทางลับๆ ล่อๆ โบกมือให้เธอ แล้วถอดหน้ากากยิ้มยิงฟันขาว ถังซีมองเขา ขมวดคิ้ว จากนั้นก็ชี้นิ้วทำท่าส่งสัญญาณให้เขากลับไป แล้วหันหลังกลับมาเล่นโยคะต่อ
เมื่อคืนหลังจากส่งเซียวเหยากลับไปแล้ว เธอก็ไปฝังเข็มให้หลินหรู จากนั้นก็ไปคุยกับคุณปู่เซียว เมื่อกลับมาที่ห้องอีกครั้งก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว และกว่าเธอจะจัดการกับปัญหาต่างๆ ของเดอะควีนเสร็จเรียบร้อยก็เป็นเวลาตีหนึ่ง ตอนตื่นขึ้นเช้าวันนี้เธอมีอาการปวดหลัง จึงรู้สึกว่าต้องทำโยคะ ไม่อย่างนั้นเธอจะทนต่อความเจ็บปวดไม่ไหว
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ถังซีก็ทำโยคะเสร็จ เธอลงไปชั้นล่าง ทุกคนในครอบครัวนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่น เมื่อเห็นถังซีคุณปู่เซียวก็กวักมือเรียกด้วยรอยยิ้ม ให้ถังซีมานั่งข้างๆ ท่าน เซียวเจี่ยนบอกให้ลิลลี่ไปยกอาหารเช้าของถังซีมาที่ห้องนั่งเล่น เธอจะได้ทานที่นี่
ถังซีนั่งลงข้างคุณปู่เซียว ทีวีกำลังเสนอรายการข่าวการเงิน เป็นเรื่องของหงคุนกรุป ซึ่งหายไปจากวงการในชั่วข้ามคืน
คุณปู่เซียวส่ายศีรษะ “ลู่กวงสยงคือผู้พ่ายแพ้อย่างแท้จริง! เขาสูญเสียบริษัท ลูกชายคนเล็กถูกจับเข้าคุกด้วยคดีฆาตกรรม ตัวเขาหลบเลี่ยงภาษี และ… ลูกชายคนโตก็เห็นเขาเป็นศัตรู เขาเป็นบุคคลล้มเหลวอย่างแท้จริง”
ขณะคุณปู่เซียวพูดอย่างนี้ เซียวเจี่ยนและเซียวหงอี้ต่างมองมาที่ถังซี พยายามวิเคราะห์ว่าเธอคิดอะไรอยู่ แต่ถังซีเพียงแค่ทานโจ๊กเป๋าฮื้อที่ลิลลี่ยกมาให้ด้วยท่าทางสงบนิ่ง และดูทีวีอย่างตั้งใจ ดูเหมือนเธอจะไม่รู้สึกอะไรเลยกับข่าวนี้ และกล่าวว่า “หนูเคยดูข่าวก่อนหน้านี้ ผู้ชายคนนี้เลวร้ายมากค่ะ แล้วยังเป็นคนเลวร้ายที่ดวงซวยมากด้วย”
เซียวเจี่ยนยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดของถังซี ลู่กวงสยงดวงซวยอย่างแน่นอน ลักพาตัวใครไม่ลัก มาลักพาตัวถังซี ที่บังเอิญเป็นน้องสาวเซียวเหยา…
เซียวเจี่ยนแทบไม่อยากเชื่อ เมื่อเห็นข้อความที่เซียวจิ่งส่งมาในแวดวงเพื่อนๆ เมื่อคืนที่ผ่านมา เขาคิดไม่ถึงเลยว่า คนอย่างเซียวเหยาจะระดมพลจากกองกำลังพิเศษ ไม่เว้นแม้แต่เฮลิคอปเตอร์ เพื่อมาช่วยเซียวโหรว
“บริษัทเขาล้มละลายไม่ใช่แค่เพราะเขาดวงซวยครับ แต่ยังเป็นเพราะการจัดการที่ไม่ดี แถมยังทุจริต ซึ่งลูกชายเขามีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ ผมเดามาหลายเดือนแล้วว่าหงคุนจะต้องเลิกกิจการ” เซียวเจี่ยนกล่าว แล้วหันไปมองหน้าลิลลี่ที่ยืนอยู่ข้างหลัง ส่งสัญญาณให้เธอไปยกอาหารของถังซีมาอีก
ลิลลี่หันกลับไปหยิบขนมเค้กมาให้ถังซี ถังซีมองเค้กชิ้นใหญ่ แล้วกะพริบตาปริบๆ มองหน้าลิลลี่ ก่อนจะรับเค้กมาเริ่มทาน คุณปู่เซียวยิ้ม เมื่อเห็นถังซีทานเค้กอย่างมีความสุข ท่านก็ถามเซียวเจี่ยนด้วยรอยยิ้ม “เธอรู้ได้ยังไงว่าหงคุนจะต้องปิดตัวลง”
เซียวเจี่ยนบอกว่า “บริษัทเรากำลังจะร่วมมือกับหงคุนในโครงการเล็กๆ โครงการหนึ่งครับ ผมก็เลยตรวจสอบฐานะการเงินของหงคุน พบว่าช่องโหว่ทางการเงินของพวกเขานั้นใหญ่มาก แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อโครงการของเรา เราจึงยังคงจะร่วมมือกับพวกเขา”
คุณปู่เซียวขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนี้ “ยังคงร่วมมืออย่างนั้นหรือ บริษัทเราเคยร่วมมือกับหงคุนด้วยหรือ”
เซียวเจี่ยนรีบอธิบายเมื่อเขาเห็นคุณปู่เซียวกังวล “คุณปู่ไม่ต้องกังวลนะครับ เรายกเลิกโครงการนี้ไปแล้วเมื่อสองเดือนก่อน เพราะฉะนั้นการล้มละลายของพวกเขาจะไม่ส่งผลกระทบต่อเรา”
คุณปู่เซียวรู้สึกโล่งอกเมื่อได้ยินอย่างนี้ ท่านถอนหายใจ “เราไม่ควรร่วมมือกับบริษัทเช่นหงคุน ถึงแม้จะไม่ส่งผลกระทบต่อเรา! เราจะไม่มีทางได้รับความร่วมมือที่ดีจากบริษัทที่เป็นแบบนี้”
เซียวเจี่ยนพยักหน้า “ครับ คุณปู่ คุณปู่พูดถูก ผมเข้าใจแล้วครับ”
คุณปู่เซียวกล่าวว่า “ตรวจสอบว่ามีบริษัทที่เราร่วมลงทุนอยู่ตอนนี้บริษัทไหนบ้าง ที่มีความใกล้ชิดกับหงคุนกรุป ถ้ามีรีบยุติความร่วมมือทันที เข้าใจไหม”
เซียวเจี่ยนพยักหน้าและลุกขึ้นยืน “ถ้าอย่างนั้นผมจะรีบไปทำงานก่อนนะครับ”
คุณปู่เซียวพยักหน้า เซียวเจี่ยนหันมามองถังซีซึ่งยังคงทานเค้กอยู่ และเลิกคิ้ว “ให้พี่ไปส่งเธอไปโรงเรียนนะ”
ถังซีกะพริบตาปริบๆ เซียวเจี่ยนขอไปส่งเธอที่โรงเรียนหลายครั้งแล้ว หากเธอปฏิเสธอีกคงไม่ดีแน่ จะเป็นการหยาบคาย นอกจากนี้วันนี้เฉียวเหลียงก็ยังไม่มา… เธอจึงถือจานลุกขึ้น พูดเสียงอู้อี้ว่า “ตกลงค่ะ ถ้าไม่ทำให้พี่เสียเวลามากนัก”
เซียวเจี่ยนยิ้ม ในที่สุดเซียวโหรวก็ยอมให้เขาไปส่งเธอที่โรงเรียน “ไม่เลย พี่มีเวลาเหลือเฟือที่จะไปส่งเธอไปโรงเรียน”
ถังซียิ้ม บอกให้ลิลลี่ขึ้นไปหยิบกระเป๋านักเรียนที่ห้องให้เธอ หลังจากทานเค้กเสร็จ เธอก็เดินไปที่ห้องอาหาร รินนมมาดื่มแก้วหนึ่ง เมื่อเห็นว่าถังซีทานอาหารได้มากเซียวเจี่ยนก็ยิ้ม “เมื่อคืนทานข้าวน้อยไปใช่ไหมล่ะ”
ถังซีวางแก้วลงบนโต๊ะ รับกระดาษทิชชูที่คุณปู่เซียวส่งให้มาเช็ดปาก แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าฉันทานน้อยเกินไป ฉันจะหิวตอนสิบโมงค่ะ” จากนั้นเธอก็บ่นกับคุณปู่เซียว “คุณปู่คะ การบ้านที่คุณปู่เพิ่งให้หนูยากจริงๆ ค่ะ สมองหนูเหนื่อยล้ามาก หนูก็เลยต้องทานมากขึ้น จะได้มีพลังกระปรี้กระเปร่าค่ะ”
คุณปู่เซียวหัวเราะและพยักหน้า “ไม่เห็นเป็นไรเลยถ้าหนูจะทานให้มากกว่านี้ โหรวโหรว หนูผอมจะแย่อยู่แล้ว ควรทานอาหารให้มากกว่านี้ จะได้ดีต่อสุขภาพ”
ถังซีหัวเราะเบาๆ พอดีกับที่ลิลลี่ลงมาจากชั้นบน ถือกระเป๋านักเรียนมาส่งให้ ถังซีรับกระเป๋ามา และออกไปกับเซียวเจี่ยน ทันทีที่เดินพ้นจากประตูเธอก็เห็นชายคนหนึ่งในชุดดำ สวมหมวกและหน้ากาก หางตาเธอหรี่ลง เธอตามเซียวเจี่ยนไปขึ้นรถ พยายามไม่มองดูชายท่าทางแปลกๆ คนนั้น…
เซียวเจี่ยนพูดคุยกับถังซีระหว่างทาง ถังซีถามเขาเรื่องงาน เซียวเจี่ยนตอบอย่างระมัดระวัง ท่ามกลางความประหลาดใจของเซียวเจี่ยน เมื่อเขาพูดถึงปัญหาของบริษัท ถังซีก็สามารถให้คำแนะนำที่ดีและตรงประเด็นแก่เขา ซึ่งทำให้เขาแปลกใจมาก
เมื่อสังเกตเห็นความประหลาดใจของเซียวเจี่ยน ถังซีก็รู้ตัวว่าเธอได้เปิดเผยตัวตนของเธอโดยไม่ตั้งใจ เซียวเจี่ยนถามถังซีว่า “โหรวโหรว เธอรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง”
ถังซียิ้มมุมปากกลบเกลื่อน เธอรู้ว่าเซียวเจี่ยนอาจสงสัยในตัวเธอ “ทำไมล่ะคะ สิ่งที่ฉันพูดมันผิดใช่ไหม” ถังซีหัวเราะเบาๆ และกล่าวด้วยท่าทางเขินอาย “ฉันเรียนรู้เรื่องพวกนี้จากทีวี ถ้าฉันพูดผิดก็อย่าหัวเราะฉันนะ คิดซะว่าเป็นเรื่องไร้สาระก็แล้วกัน”
เซียวเจี่ยนส่ายศีรษะ “ไม่ใช่อย่างนั้น ความคิดเห็นและคำแนะนำของเธอดีใช้ได้ทีเดียว เธอทำให้พี่ประหลาดใจจริงๆ”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น