กับดักรักในรอยแค้น 249-271

 ตอนที่ 249 ความรู้สึกถึงภยันตราย


 


 


           ฉู่เจียเสวียนไม่ยอมทำวิธีที่สกปรกประเภทนี้ เธอไม่ใช่คนประเภทเดียวกับฉู่อีอี


 


 


           แกะมือของฉู่อีอีที่จับชายเสื้อออก หยิบกระเป๋าแล้วลุกขึ้น ฉู่เจียเสวียนเดินออกไปจากโรงแรมโดยไม่หันกลับมามอง


 


 


           คนในโรงแรมมีไม่มาก ประกอบกับฉู่อีอีเลือกที่นั่งที่ไม่สะดุดตา ฉะนั้นการกระทำของพวกเธอจึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจของคนอื่น


 


 


           มือของฉู่อีอีถูกฉู่เจียเสวียนสะบัดออก เธอล้มกองอยู่ข้างๆ ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย ราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่นและพริ้วไหวไปตามสายลม มองฉู่เจียเสวียนที่เดินจากไปไกลด้วยหางตา


 


 


           จากนั้นก็ยืนขึ้น เก็บอาการเสียใจบนใบหน้า ปัดๆ เสื้อผ้าด้วยความสงบนิ่ง ริมฝีปากยกยิ้มด้วยความภูมิใจ ความเกลียดชังผุดขึ้นในดวงตา


 


 


           ฉู่เจียเสวียน ฉันจะคอยดูว่าเธอจะเก่งไปได้สักกี่น้ำ


 


 


           อีกด้านหนึ่ง หลังจากฉู่เจียเสวียนออกจากโรงแรมแล้ว ฉู่เจียเสวียนก็ขับรถจากไปทันที


 


 


           ในขณะนี้สมองของเธอวุ่นวายสับสน ท่าทางของฉู่อีอีที่คุกเข่าเมื่อครู่วนเวียนอยู่ในหัวของเธอ เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งฉู่อีอีจะคุกเข่าให้เธอ


 


 


           จะว่าไปการที่เธอเกลียดเธอขนาดนี้ทั้งหมดเพียงเพราะหลงรักเผยหนานเจวี๋ยเท่านั้น


 


 


           เฮ้อ ถอนหายใจเบาๆ อยู่ในใจ เรื่องในอดีตทั้งหมดนั้นเธอไม่ไปคิดถึงมันนานแล้ว สิ่งเดียวที่ปล่อยวางไม่ได้ก็คือการตายของลูกเธอ


 


 


           เธอไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับผู้ชายคนนั้นอีก…


 


 


           ขณะที่กำลังเหม่อลอย จู่ๆ ไม่รู้ว่ารถไปชนกับอะไรเข้าเสียงดังปัง ฉู่เจียเสวียนตกใจ เมื่อครู่เพราะ


 


 


ใจลอยฉะนั้นจึงไม่รู้ว่าไปชนกับอะไรเข้า


 


 


           เบรครถอย่างรวดเร็ว ลงรถต้องการจะตรวจดูสถานการณ์อย่างละเอียด เพิ่งจะปิดประตูรถ ทันใดนั้นข้างกายของฉู่เจียเสวียนก็มีผู้ชายร่างสูงใหญ่สองคนโผล่มา


 


 


           เมื่อเห็นทั้งสองคนที่ปรากฏตัวกะทันหัน ฉู่เจียเสวียนตื่นตระหนก สายตามองทั้งสองคนอย่างเตรียมพร้อมและระแวดระวัง เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสองคนนี้ เธอไม่สามารถสู้กับสองคนนี้ได้อย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นเธอจะต้องรับผลที่ตามมา


 


 


           “ทิ้งของมีค่าเอาไว้” จู่ๆ หนึ่งคนผู้ชายสองคนเอ่ยปากขึ้น มองดูฉู่เจียเสวียนพูดจาอย่างนักเลง น้ำเสียงดุร้าย


 


 


           โจรปล้นทรัพย์ แอบถอนหายใจในใจ “ได้ เงินอยู่ในนี้หมดแล้ว พวกแกเอาไปเลย” เปิดประตูรถ


 


 


ฉู่เจียเสวียนหยิบกระเป๋าสตางค์และหยิบเงินสดข้างในทั้งหมดออกมา ยื่นให้ทั้งสองคน


 


 


           เห็นได้ชัดว่าฉู่เจียเสวียนไม่ต้องการทำให้ทั้งสองคนรู้สึกขัดใจ ผู้ชายสองคนร่างกายกำยำแข็งแรง อีกทั้งเธอมั่นใจว่าผู้ชายทั้งสองคนนั้นไม่ใช่โจรกระจอกทั่วไปอย่างแน่นอน


 


 


           แทนที่จะเข้าไปยุ่งกับพวกเขา มันเป็นการดีกว่าที่จะคิดหาวิธีถอยห่าง


 


 


           มองดูฉู่เจียเสวียนที่ตรงไปตรงมา ผู้ชายทั้งสองคนมองหน้ากัน เข้าใจซึ่งกันและกันจากแววตา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ต้องการปล่อยฉู่เจียเสวียนไปทั้งแบบนี้


 


 


           “พี่ใหญ่ ผู้หญิงที่สวยและพูดจาตรงๆ แบบนี้เพิ่งเคยเจอครั้งแรกน่ะ พวกเราสองพี่น้องไม่ได้ลองของดีแบบนี้นานแล้วไม่ใช่เหรอ” ผู้ชายอีกคนกล่าว มองฉู่เจียเสวียนด้วยความมักมากในกาม


 


 


           แม่เจ้าโว้ย ผู้หญิงคนนั้นสวยมากจริงๆ นะ เห็นผิวพรรณที่ขาวใสของเธอ ดวงตาโตที่งดงาม ริมฝีปากแดงละเอียดอ่อนมีเสน่ห์ เขามองแล้วก็นึกอยากจูบ ถ้าหากได้จัดกับเธอสักครั้ง หึหึ คิดแล้วในใจก็รู้สึกตื่นเต้น


 


 


           ฉู่เจียเสวียนได้ยินคำพูดของคนนั้น ก้าวถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว สายตากวาดมองรอบตัว


 


 


บ้าจริง ที่นี่เปลี่ยวแบบนี้ รถสักคันคนสักคนก็ไม่มี เธอต้องทำอย่างไรดี


 


 


           กำหมัดแน่น ฉู่เจียเสวียนคิดจะลงมือกับพวกเขาช่วงที่พวกเขาเผลอ แล้วหนีไปอย่างรวดเร็ว ไม่เช่นนั้นเธอหนีไม่รอดแน่


 


 


           รอบตัวว่างเปล่า แม้แต่อาวุธก็หาได้ยาก ดูท่าทางแล้ว สองคนนี้ตั้งใจเลือกสถานที่แบบนี้เพื่อลงมือ




 ตอนที่ 250 ประสบอันตราย


 


 


           “พวกแกอยากได้เงินฉันก็ให้พวกแกแล้ว พวกแกจะเอายังไงอีก” น้ำเสียงเยือกเย็นดังขึ้น ดวงตาโตที่สดใสของฉู่เจียเสวียนเผยให้เห็นความเย็นชาอยู่ลึกๆ


 


 


           “อย่าใจร้อน เดี๋ยวแกก็จะได้รู้แล้ว เงินฉันก็ต้องเก็บไว้อยู่แล้ว หึหึ” ผู้ชายคนนั้นยื่นมือแย่งเงินมาจากมือของฉู่เจียเสวียน หลังจากเก็บใส่กระเป๋าแล้ว จึงเงยหน้ามองเธอพร้อมกับพูด


 


 


           “คนสวย อยู่เป็นเพื่อนพี่สักคืนเถอะ” พูดจบ ผู้ชายทั้งสองคนพุ่งเข้าหาฉู่เจียเสวียนทั้งซ้ายและขวา


 


 


           ซวยจริงๆ ไม่ใช่ต้องการเงินหรอกเหรอ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ ฉู่เจียเสวียนร้อนใจ แต่ว่าการเคลื่อนไหวนั้นไม่คลุมเครือเลยแม้แต่น้อย


 


 


           เธอยกขา เล็งจุดสำคัญของผู้ชายคนนั้นต้องการจะเตะเข้าไป แต่ว่าราวกับว่าเขาได้คาดการณ์การเคลื่อนไหวของฉู่เจียเสวียนไว้แล้วจึงหลบไปด้านข้าง หลบขาของฉู่เจียเสวียนที่เตะมา


 


 


           ถ้าหากขาของฉู่เจียเสวียนเตะเข้าเป้าล่ะก็ ต่อไปเขาก็ต้องเลิกคิดที่จะพยายามมีความสุขแบบชายหญิงได้แล้ว


 


 


           “เอ๋ เก่งสุดๆ ไปเลย” เอียงตัวไปด้านข้างหลบขาของฉู่เจียเสวียนที่ยื่นออกมา พลางเอ่ยปากแซว


 


 


           ฉู่เจียเสวียนรู้สึกได้ชัดเจนว่าผู้ชายสองคนนั้นตั้งใจแกล้งเธอ เพราะว่าทุกครั้งที่เธอเตะออกไป พวกเขาก็มักจะหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย และมือของเธอที่โค้งงอเหมือนกรงเล็บก็มักจะคว้าน้ำเหลวอยู่เสมอ แม้แต่สองคนนั้นก็เห็นเป็นการเล่นสนุก


 


 


           ฉู่เจียเสวียนโมโห ในใจร้อนรน บ้าเอ๊ย ทำไมที่นี่ถึงไม่มีใครเลยนะ


 


 


           หลังจากสู้กันสองสามรอบ ไม่นานฉู่เจียเสวียนก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบ


 


 


           “พี่ใหญ่ ผู้หญิงคนนี้น่าสนใจดี ฉันรอไม่ไหวแล้ว พวกเรารีบกันเถอะ อย่าเล่นกับเขาอีกเลย” พูดจบ จู่ๆ เขาก็เหยียดยื่นมือออกไป เพียงออกแรงก็คว้ามือที่กวัดแกว่งของฉู่เจียเสวียนไว้ได้ จากนั้นเธอก็ม้วนตัวเข้าสู่อ้อมแขนของเขา


 


 


           ฉู่เจียเสวียนโมโห ยกเท้าเหยียบลงไปบนเท้าของเขาอย่างไร้ปรานี เขาเจ็บจนร้องเสียงหลง


 


 


           “แกนังตัวดี! กล้าเหยียบฉันเหรอ!” ผู้ชายคนนั้นโกรธจัด เจ็บจนคิ้วขมวดกัน ยื่นมือตบหน้าของฉู่เจียเสวียน ดวงตาแดงก่ำ แววตานั้นทนไม่ไหวอยากจะสับเธอออกเป็นพันๆ ชิ้น


 


 


           การตบฉาดนั้นทำเอาฉู่เจียเสวียนงุนงง เธอถอยหลังไปสองก้าว ดวงตาถูกปกคลุมด้วยความพร่ามัว


 


 


           “พวกแกอยากได้เงินเท่าไรฉันยกให้พวกแก พวกแกปล่อยฉันไป” ประคองตัว ฉู่เจียเสวียนอดทนต่อความปวดแสบปวดร้อนบนใบหน้าพร้อมกับเอ่ยปาก


 


 


           พวกเขาทำเพื่อเงินเท่านั้น ต้องการเท่าไรเธอให้เท่านั้นก็จบ


 


 


           “ลูกพี่อย่างฉันตอนนี้ไม่สนใจเรื่องเงินแล้ว ฉันอยากได้แก!” พอเขาพูดจบ สาวเท้าเขาประชิดฉู่เจียเสวียน


 


 


           รู้สึกได้ว่าเขาเข้ามาใกล้ ฉู่เจียเสวียนถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว เขาตามฉู่เจียเสวียนไปอย่างไม่เร่งรีบ มือยาวที่แข็งแรงเหยียดออก ดึงผมยาวของฉู่เจียเสวียนเอาไว้


 


 


           ฉู่เจียเสวียนเจ็บและหยุดเดิน เจ็บจนคิ้วผูกเข้าด้วยกัน เหงื่อท่วมทั้งตัว


 


 


           ทั้งกระโดดเตะทั้งตี ผลักผู้ชายให้ไกลจากตัวเอง ยังไม่ทันได้ตอบสนอง มืออีกข้างก็ถูกเขาจับไว้


 


 


ฉู่เจียเสวียนออกแรงดิ้นรน แต่ว่าทำอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด


 


 


           แรงของผู้หญิงจะไปสู้แรงของผู้ชายได้อย่างไร มือถูกจับไว้ ขยับเขยื้อนไม่ได้ ฉู่เจียเสวียนถูกลากไปด้านข้างโดยชายคนนั้น


 


 


           เธอเกลียดจริงๆ เกลียดที่ตัวเองอ่อนแอเกินไป แม้แต่ตัวเองก็ยังปกป้องไม่ได้


 


 


           “อ๊า…พวกแกจะทำอะไรน่ะ” ฉู่เจียเสวียนตื่นตกใจ มือของผู้ชายตอนนี้กำลังลูบไล้บนตัวของเธอ


 


 


           ในตอนนี้เธอถูกมัดจนขยับตัวไม่ได้ มีเพียงปากที่ยังสามารถเปล่งเสียง


 


 


           ผู้ชายคนนั้นยื่นมือลูบไล้ใบหน้าของฉู่เจียเสวียน รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งยิ้มชั่วร้าย “จุ๊ๆ รูปหน้าสวยจริงๆ ผิวลื่นจริงๆ พี่ใหญ่ขอจับเธอหน่อยนะ”


 


 


               ผู้ชายคนนั้นสัมผัสผิวของฉู่เจียเสวียนครู่หนึ่ง ความตื่นเต้นในดวงตาทำให้ฉู่เจียเสวียนหวาดกลัว


 


 


 


 


       ตอนที่ 251 รนหาที่ตาย


 


 


           หรือว่าวันนี้จะต้องถูกฆ่าตรงนี้เหรอ ฉู่เจียเสวียนคิดในใจอย่างสิ้นหวัง พยายามดิ้นรนเพื่อทำลายพันธนาการ แต่ว่าเธอขยับเขยื้อนไม่ได้เลยแม้แต่น้อย


 


 


           ในขณะที่ฉู่เจียเสวียนรู้สึกสิ้นหวังนั้น แสงไฟสว่างจ้าสองดวงยิงเข้าใส่พวกเขาทันที ผู้ชายสองคนยกสองมือขึ้นป้องตา ฉู่เจียเสวียนอาศัยจังหวะนี้ดิ้นรนและวิ่งหนีไปจากพวกเขา


 


 


           ฉู่เจียเสวียนคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าคนที่ปรากฏตัวนั้นจะเป็นเผยหนานเจวี๋ย วินาทีที่เห็น


 


 


เผยหนานเจวี๋ยลงมาจากรถ หัวใจของฉู่เจียเสวียนเต้นแรง


 


 


           มองดูเขาที่เหมือนพระเจ้าช่วยเธอให้พ้นจากอันตราย จู่ๆ ดวงตาก็เกิดอาการระคายเคือง


 


 


           “คุณไม่เป็นไรนะ” เผยหนานเจวี๋ยเดินเข้าไปหาฉู่เจียเสวียน เห็นสีหน้าซีดขาวของเธอ ดวงตาเปี่ยมด้วยความกังวล


 


 


           เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะเจอฉู่เจียเสวียนในสถานการณ์เช่นนี้ สายตาเหลือบไปเห็นรอยฝ่ามือบนหน้าของฉู่เจียเสวียน ความโกรธแผ่ซ่านจากในใจของเขาไปทั่วทุกอณูของร่างกาย


 


 


           พวกเขากล้าตบผู้หญิงของเขางั้นเหรอ!


 


 


           “คุณมาได้ยังไง” ฉู่เจียเสวียนยังไม่กล้าเชื่อว่าผู้ชายที่ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าคือเผยหนานเจวี๋ย เมื่อเห็นเขา หัวใจของเธอสงบลงอย่างประหลาด


 


 


           ทันในนั้นก็รู้สึกแสบจมูก น้ำตาเอ่อล้นอยู่ในดวงตา ที่จริงเธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป เธอไม่ต้องการให้เขาเห็นเธอในสภาพอ่อนแอเช่นนี้ แต่ว่าเธอควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยมองฉู่เจียเสวียนอย่างละเอียดถี่ถ้วน จึงพบว่ามีน้ำตาผุดขึ้นในดวงตาของเธอ ทุกอิริยาบทของเธอดูเหมือนจะมีมนต์ขลัง เขาละสายตาออกไปไม่ได้


 


 


           ผู้ชายสองคนนั้นคาดไม่ถึง เดิมทีฉู่เจียเสวียนคือเนื้อปลาบนเขียงของพวกเขาแล้วแท้ๆ คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ จะเกิดเรื่องที่เหนือความคาดหมาย ทำลายแผนดีๆ ของพวกเขาก็เรื่องหนึ่งแล้ว ในตอนนี้พวกเขายังกล้าส่งสายตารักหวานซึ้งให้แก่กันอีก? เขาโกรธแค้นไม่พอใจ


 


 


           “แกเป็นใคร ทำลายเรื่องดีๆ ของฉัน แกทำตัวให้ฉลาดหน่อยแล้วรีบออกไปซะ ไม่งั้นฉันจะซ้อมแกไปด้วย” เขามองเผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปากดุร้าย ดวงตาเป็นประกายแพรวพราว ในมือถือมีดสั้น ท่าทางเอาเรื่องเช่นนั้นราวกับจะบอกว่าถ้าแกไม่ไปฉันก็จะแทงแกให้ตายไปซะ


 


 


           “ฉันเป็นใคร พวกแกไม่คู่ควรที่จะรู้ ผู้หญิงของฉันแกยังกล้าทำร้าย รนหาที่ตายชัดๆ!” น้ำเสียงเยือกเย็นราวกับว่าดังมาจากนรก เมื่อได้ยินแล้วอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว


 


 


           บรรยากาศหนาวเหน็บทำให้ผู้ชายสองคนถอยหลังไปสองก้าวตามจิตใต้สำนึก สองคนสบตากัน ใช้สายตาพูดคุยกันเงียบๆ


 


 


           เขาหันมองเผยหนานเจวี๋ยที่อยู่ตรงหน้า เห็นเขากำลังน้อยกว่า พวกเขามีกันสองคนแต่เผยหนานเจวี๋ยมีเพียงคนเดียว พวกเขาก็รู้สึกห้าวหาญขึ้นมาทันใด ลำพังแค่ฉู่เจียเสวียนก็ไม่น่ากลัวอยู่แล้ว


 


 


           “พวกเราหาวิธีหนีเถอะ อย่าไปยุ่งกับพวกเขาเลย พวกเขามีมีดอยู่ในมือ” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปากเย็นชา ในเวลานี้เธอสงบจิตใจลงมาแล้ว มองสองคนตรงหน้าด้วยความเฉยเมย ฉู่เจียเสวียนไม่มีท่าทีหวาดกลัวเลย


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยหันมอง อดไม่ไหวที่จะมองเธอให้เต็มตา คิดไม่ถึงว่าจนถึงตอนนี้เธอยังสงบสติอารมณ์ได้


 


 


           พยักหน้า ริมฝีปากบอบบางอ้าเอ่ย “ได้”


 


 


           “แม่งเอ๊ย พวกแกสองคนไปตายซะเถอะ” จู่ๆ ผู้ชายทั้งสองก็โมโห อาจเป็นเพราะทนไม่ไหวที่ถูกพวกเขาเมินเฉยใส่เช่นนี้ ร้องคำรามแล้วพุ่งเข้าใส่ทั้งสองคนทันที




 ตอนที่ 252 ใครให้คุณช่วยฉัน


 


 


           “ระวังตัวด้วย” เอ่ยปากกำชับ เผยหนานเจวี๋ยออกจากฉู่เจียเสวียน พุ่งเข้าไปหาผู้ชายสองคน ไม่นาน สามคนก็ตะลุมบอนอยู่ด้วยกัน


 


 


           ฉู่เจียเสวียนมองดูตัวสั่นเทาด้วยความกลัว สายตามองตาเผยหนานเจวี๋ยอย่างใกล้ชิด สีหน้าที่เป็นกังวลนั้นเผยให้เห็นอารมณ์ในใจของเธอ


 


 


           แม้ว่าเผยหนานเจวี๋ยไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้ชายสองคนนั้น แต่พวกเขาก็ไม่มีใครได้เปรียบ เพียงครู่เดียวสถานการณ์ก็อยู่เหนือความควบคุมเล็กน้อย


 


 


           ฉู่เจียเสวียนเห็นว่าขืนเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ใช่ทางออกแน่ ดังนั้นเธอจึงเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย


 


 


เผยหนานเจวี๋ยคิดไม่ถึงว่าฉู่เจียเสวียนจะเข้ามาแทรก เมื่อเห็นการกระโดดเตะที่สมบูรณ์แบบของเธอแล้ว ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตา


 


 


           เพราะว่าฉู่เจียเสวียนเข้ามาร่วมด้วย เผยหนานเจวี๋ยรู้สึกเหนื่อยน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด มองดูผู้ชายสองคนถูกจู่โจมจนถอยร่น เมื่อแต่ถึงช่วงเวลาสำคัญ เหมือนผู้ชายจะโมโหแล้วเอาปลายมีดพุ่งตรงไปหา


 


 


ฉู่เจียเสวียน


 


 


           ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ฉู่เจียเสวียนหลบมีดรอบแรกไปได้ แต่ว่ากลับหลบมีดรอบที่สองไม่ทัน


 


 


           จู่ๆ ร่างของฉู่เจียเสวียนถูกดึง ร่างถอยกรูไปข้างหลัง เธอถูกเผยหนานเจวี๋ยกอดไว้ในอ้อมแขน


 


 


เผยหนานเจวี๋ยรับมีดนั้นแทนฉู่เจียเสวียน เพียงชั่วครู่กลิ่นเลือดลอยอบอวลอยู่ในอากาศ


 


 


           พอแทงเผยหนานเจวี๋ยไปแผลหนึ่ง ผู้ชายทั้งสองคนไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ยกมีดขึ้นหมายที่จะแทงฉู่เจียเสวียนทันที โชคดีที่คราวนี้ ข้างหน้ามีรถสองสามคันขับผ่านมา ทั้งสองคนเห็นท่าไม่ดี วิ่งหนีออกไปจาก


 


 


ที่นั่นอย่างรวดเร็ว


 


 


           “คุณบาดเจ็บแล้ว” ฉู่เจียเสวียนคิดไม่ถึงว่าเผยหนานเจวี๋ยจะรับมีดนั้นแทนเธอ บาดแผลที่ลึกเห็นกระดูกทำให้หัวใจของฉู่เจียเสวียนเจ็บปวดทันใด


 


 


           “คุณอยากตายหรือไง? ใครให้คุณช่วยฉัน?” เงยหน้าขึ้น ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปาก น้ำตาเอ่อล้นอยู่ในดวงตา แม้จะพูดจาห่างเหิน แต่เผยหนานเจวี๋ยได้ยินความตื่นตระหนกในคำพูด


 


 


           เธอเป็นห่วงเขางั้นเหรอ จู่ๆ ในใจก็เกิดความยินดี


 


 


           เห็นสีหน้าที่กระวนกระวายของเธอ เห็นน้ำตาในดวงตาของเธอ ส่วนที่อ่อนโยนที่สุดในใจของเผยหนานเจวี๋ยราวกับว่ามีบางอย่างแผ่ซ่านอยู่


 


 


           ในความเป็นจริงเขาไม่สามารถช่วยชีวิตเธอได้ แต่ว่าเขาไม่รู้ว่าอะไรดลใจ เมื่อเห็นว่ามีดเล่มนั้นกำลังพุ่งไปหาฉู่เจียเสวียน หัวใจของเผยหนานเจวี๋ยราวกับว่าหยุดเต้น ยื่นมือดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนตามจิตใต้สำนึก


 


 


           หรือว่าเขาจะตกหลุมรักเธอจริงๆ ไม่ เป็นไปไม่ได้! คนที่เขารักคือฉู่อีอี ตั้งแต่ไหนแต่ไรหัวใจของเขาเต้นเพื่อฉู่อีอีเท่านั้น


 


 


           แต่ว่า เมื่อครู่ทำไมเขาถึงหวาดกลัวว่าเธอจะบาดเจ็บถึงเพียงนั้น ร่างกายสั่นเทา เผยหนานเจวี๋ยรู้สึกว่าตัวเองเหมือนตัวตลกเป็นครั้งแรก


 


 


           “ผมไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”


 


 


           “ไม่เป็นไรได้ยังไง คุณดูสิว่าแผลคุณลึกขนาดนี้ ขึ้นรถ ฉันจะส่งคุณไปโรงพยาบาล”


 


 


           คำพูดของฉู่เจียเสวียนเจือปนความโมโห ยังจะบอกว่าไม่เป็นไรอีก ถ้าหากบาดแผลลึกกว่านี้อีกนิด แขนข้างนี้ของเขาก็ขาดไปแล้ว


 


 


           เหงื่อซึมออกมาจากหน้าผากเผยหนานเจวี๋ย สีหน้าของเขากลายเป็นขาวซีด


 


 


           ยื่นมือประคองเผยหนานเจวี๋ยขึ้นรถ ความเย็นเฉียบที่ปลายนิ้วทำให้คิ้วของเผยหนานเจวี๋ยยับย่น


 


 


           ภายในรถ เผยหนานเจวี๋ยอดทนต่อความเจ็บปวด พินิจพิเคราะห์ฉู่เจียเสวียนอย่างละเอียด ท่าทางของเธอเมื่อครู่ทำให้เขาประหลาดใจมากจริงๆ เขาคิดไม่ถึงว่าฉู่เจียเสวียนจะฝึกวิชาป้องกันตัว


 


 


           ถ้าหากไม่มีเธอเมื่อครู่ เชื่อว่าเขาจะต้องเสียเปรียบสองคนนั้นแน่


 


 


           สำรวจฉู่เจียเสวียนอย่างถี่ถ้วน แม้เธอจะแสร้งทำเป็นแข็งแกร่ง แต่เขายังค้นพบว่ามือที่กุมพวงมาลัยของเธอสั่นเทา


 


 


           เธอจะต้องตกใจมากสินะ เธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ต่อให้มีพละกำลังมากกว่านี้ ก็ไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของผู้ชายสองคนได้


 


 


           “เจียเสวียน”


 


 


           “อย่าพูด เก็บแรงเอาไว้ เดี๋ยวก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว” จิตใจฉู่เจียเสวียนสับสนมาก สายตาจ้องไปยังถนนข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่น


 


 


 


 


       ตอนที่ 253 ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้


 


 


           ในใจกลัวว่าเผยหนานเจวี๋ยจะเสียเลือดมากจนหมดสติไป


 


 


           “คุณเป็นห่วงผมเหรอ” มองดูใบหน้าด้านข้างที่สวยงามของเธอ มุมปากบางๆ ของเผยหนานเจวี๋ยยกยิ้ม


 


 


           จู่ๆ เขารู้สึกว่าที่เขาถูกแทงครั้งนี้คุ้มค่าแล้ว ที่แท้ในใจของเธอก็ยังเป็นห่วงเขา เขาไม่รู้ตัวว่าในเวลานี้ดวงตาของเขาเปี่ยมด้วยความอ่อนโยน


 


 


           คำพูดของเผยหนานเจวี๋ยทำให้ฉู่เจียเสวียนเม้มริมฝีปากแดง ไม่ได้พูดอะไร


 


 


           ในโรงพยาบาลเผยหนานเจวี๋ยถูกคุณหมอพาตัวไปทำแผล ในเวลานี้ เขากำลังนั่งอยู่บนเตียงคนไข้


 


 


           เสียเลือดมากเกินไป บาดแผลลึกเกินไป คุณหมอแนะนำเขาให้พักที่โรงพยาบาลสองวันก่อน


 


 


           ในห้องผู้ป่วย ฉู่เจียเสวียนยืนอยู่ด้านข้างมองเผยหนานเจวี๋ยที่ถูกห่อด้วยผ้าก๊อซ แม้เขาจะบาดเจ็บหนักขนาดนั้น แต่ไม่ร้องเลยสักแอะ


 


 


           ในขณะนั้นหัวใจรู้สึกสับสน บอกไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไร


 


 


           บรรยากาศในห้องคนไข้มีความกดดันมาก แววตาส่วนลึกของฉู่เจียเสวียนเปี่ยมด้วยความโมโห


 


 


           “ฉันไม่ซาบซึ้งคุณหรอกนะ” น้ำเสียงไพเราะดุจไข่มุกดังขึ้น ฉู่เจียเสวียนมองดูเขาพูดด้วยความจริงจัง บนใบหน้ามีความเยือกเย็น ที่จริงจิตใจของเธอไม่ได้เฉยเมยเหมือนสีหน้าของเธอ


 


 


           ตอนนั้นเขาไม่ได้คิดมากขนาดนั้น รู้เพียงแค่เมื่อเห็นเธอถูกคนรังแก ในใจของเขาก็เกรี้ยวกราดมาก


 


 


           “เมื่อกี้คุณเป็นห่วงผมใช่หรือเปล่า” ราวกับไม่ได้ยินคำพูดของฉู่เจียเสวียน ดวงตาเย็นชามองดูเธอด้วยประกายคลุมเครือ


 


 


           เมื่อเขาเห็นสีหน้าเป็นกังวลของเธอ หัวใจของเขาเปี่ยมด้วยความปิติ เขาจำไม่ได้แล้วว่าเขาไม่ได้รู้สึก


 


 


ดีใจขนาดนี้มานานแค่ไหนแล้ว


 


 


           อึ้งไปด้วยคำพูดของเผยหนานเจวี๋ย ความเย็นยะเยือกบนใบหน้าแข็งทื่อ หัวใจกลับยิ่งเต้นเร็วกว่าเดิม ดวงตาจ้องเขม็งอยู่ที่แผลของเขา


 


 


           คนคนนี้ถูกแทงจนเพี้ยนหรือไง มันไม่ใช่จุดสำคัญไม่ใช่เหรอ


 


 


           “คุณพักผ่อนให้เต็มที่ก่อนเถอะ” ฉู่เจียเสวียนไม่ได้ตอบคำถามของเขา หันหลังจากไป


 


 


           เดินออกไปที่ทางเดิน เธอสูดหายใจลึก หลังพิงอยู่ที่กำแพง


 


 


           นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ทำไมเธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นแรงขนาดนี้ ยื่นมือกุมบริเวณหัวใจ สูดหายใจลึกไปมา


 


 


           มองแผ่นหลังของฉู่เจียเสวียนที่หายไปรวดเร็วราวกับหลบหนี ริมฝีปากบางๆ ของเผยหนานเจวี๋ยยกยิ้ม ดวงตาที่เยือกเย็นเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ตัว       


 


 


           ระหว่างที่เหม่อลอย


 


 


           จู่ๆ โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าดังขึ้น หยิบขึ้นมาดู เมื่อเห็นชื่อสายเรียกเข้า ‘ฉู่อีอี’ สามคำนี้ คิ้วของเขาก็ขมวดกัน


 


 


           “ฮัลโหล”


 


 


           “หนานเจวี๋ย คุณอยู่ที่ไหน”


 


 


           เสียงที่อ่อนโยนของฉู่อีอีดังขึ้น เจือปนความร้อนรนเล็กน้อย


 


 


           “ผมอยู่ที่โรงพยาบาล มีอะไรเหรอ”


 


 


           “โรงพยาบาล? คุณเป็นอะไรไป หนานเจวี๋ย”


 


 


           เมื่อได้ยินว่าเผยหนานเจวี๋ยอยู่โรงพยาบาล หัวใจของฉู่อีอีตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก ความวิตกกังวลบนใบหน้าเผยให้เห็นชัดเจน


 


 


           ไม่ต้องการให้ฉู่อีอีเป็นห่วง เผยหนานเจวี๋ยยังคงบอกที่อยู่ปัจจุบันให้เธอ ฉู่อีอีได้ยินแล้วรีบวางสายและบึ่งไปที่โรงพยาบาลทันที


 


 


           นอกห้องผู้ป่วย ฉู่เจียเสวียนโทรศัพท์หาซูซานซาน บอกเธอว่าคืนนี้จะกลับดึก บอกให้เธอเข้านอนก่อน ไม่ต้องรอเธอ หลังจากโทรศัพท์เสร็จแล้ว ฉู่เจียเสวียนหันหลังเข้าห้องผู้ป่วยไป


 


 


           ในห้องผู้ป่วย เผยหนานเจวี๋ยกึ่งพิงอยู่บนเตียง แม้ว่าเขาจะบาดเจ็บบุคลิกอันสูงส่งและเย็นชายังคงไม่ลดลงเลย พิงอยู่อย่างนั้น ท่าทีโดดเด่นไร้ที่เปรียบ


 


 


           เงยหน้าขึ้นทั้งสองสบตากัน ฉู่เจียเสวียนหายใจเชื่องช้า หยุดเดินโดยไม่รู้ตัว


 


 


           การที่เขารับมีดแทนเธอวันนี้นับเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายจริงๆ ในอดีตนั้นเขาไม่เคยทำสิ่งใดให้เธอเลย


 


 


           “คืนนี้ขอบคุณคุณนะ” ไม่ว่าเนื่องด้วยเหตุผลอะไร เขาก็รีบมีดแทนเธอ ครั้งนี้เธอติดค้างเขา แม้เธอจะไม่ได้ขอให้เขามาขวาง


 


 


           แต่ก็ต้องยอมรับ ถ้าหากวันนี้เขาไม่ได้โผล่มาทันเวลาล่ะก็ เธอไม่กล้าคิดถึงผลที่จะตามมาเลย


 


 


           เป็นไปได้ว่าครั้งนี้เธออาจถูกผู้ชายสองคนนั้นทำให้อัปยศอดสูไปแล้ว




  ตอนที่ 254 แรงกระตุ้นที่อยากจูบเธอ 


 


 


           แววตาของเผยหนานเจวี๋ยจับจ้องฉู่เจียเสวียนอยู่ตลอดเวลา มองดูตาทั้งคู่ของเธอที่ชัดเจนสดใส เขาขมวดคิ้วเข้าด้วยกัน ท่าทางราวกับว่าหมดความอดทนอย่างไรอย่างนั้น 


 


 


           ฉู่เจียเสวียนยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความเปล่งปลั่งสุกใส เธอสังเกตเห็นสายตาของเขาที่มองเธอ 


 


 


           ราวกับว่าเขาไม่ต้องการได้ยินคำขอบคุณของฉู่เจียเสวียน ละสายตาด้วยความหยิ่งยะโส เบือนหน้าไปอีกทาง “ไม่ต้องขอบคุณหรอก ถ้าเป็นคนอื่นผมก็จะช่วย” 


 


 


           เสียงที่ทุ้มต่ำมืดมนดังขึ้น เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเขาไม่ได้ต้องการพูดแบบนี้ แต่ว่าคำพูดที่หลุดปากก็กลับกลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว เพียงชั่วขณะหนึ่ง บรรยากาศก็เยือกเย็นลงราวกับว่าถูกสาดด้วยน้ำเย็น 


 


 


           รู้ว่าเผยหนานเจวี๋ยไม่ได้รักเธอ ฉู่เจียเสวียนไม่อยากพูดอะไรมากอีกเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เขาโมโห ได้แต่ชำเลืองมองเผยหนานเจวี๋ย จากนั้นก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา 


 


 


           “ก็จริง คุณเผยเป็นคนที่จิตใจดีคนนึง งั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดอะไรแล้ว” ปากแดงอ้าเอ่ย คำพูดหลุดออกมาจากปากของฉู่เจียเสวียน ตาทั้งคู่ที่สดใสเผยให้เห็นความเฉยเมย 


 


 


           คำพูดของฉู่เจียเสวียนทำให้เผยหนานเจวี๋ยโมโห พอมือที่เหยียดยาวดึง ฉู่เจียเสวียนร้องอุทาน ร่างของเธอโน้มไปข้างหน้าหาเผยหนานเจวี๋ย ฉู่เจียเสวียนกลัวว่าจะโดนแผลของเผยหนานเจวี๋ยจึงยื่นมือดันกำแพง 


 


 


           ระยะห่างระหว่างทั้งสองอยู่ใกล้พอที่จะเห็นรูขุมขนบนใบหน้าของกันและกัน   


 


 


           คิ้วขมวดกัน ริมฝีปากแดงเอ่ย “คุณจะทำอะไร” 


 


 


           ฉู่เจียเสวียนไม่เข้าใจว่าจู่ๆ เขาเป็นบ้าอะไร ทำไมถึงดึงเธอพรวดพราดแบบนี้ 


 


 


           มองฉู่เจียเสวียนอย่างใกล้ชิด กลิ่นสดชื่นบนตัวเธอลอยมาแตะจมูก ชวนให้ร่างกายท่อนล่างของเผยหนานเจวี๋ยแน่นตึง เขายังคงมีความรู้สึกกับเธอจริงๆ 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยรู้สึกว่าตัวเองผิดปกติมาก กลืนน้ำลาย มือที่โอบเอวของฉู่เจียเสวียนบีบแน่น 


 


 


           ยื่นลิ้นและปากออกไป ลำคอขยับตัวเล็กน้อย ความอ่อนนุ่มอยู่ในอ้อมแขน จู่ๆ เผยหนานเจวี๋ยก็มีความรู้สึกแรงกล้าที่อยากจะจูบเธอ 


 


 


           ในใจคิดเช่นนี้และเผยหนานเจวี๋ยก็ทำเช่นนี้จริงๆ ริมฝีปากบอบบางประกบลงไปในขณะที่ฉู่เจียเสวียนไม่ทันตั้งตัว เขาได้สัมผัสริมฝีปากที่อ่อนนุ่มแล้ว 


 


 


           เมื่อสัมผัสแล้วเขาก็ไม่ต้องการปล่อย แม้แต่ลิ้นที่ยื่นออกมาก็ต้องการบุกเข้าไปในปากของฉู่เจียเสวียน 


 


 


           ดึงสติกลับมา รับรู้ได้ถึงเจตนาของเผยหนานเจวี๋ย ความโกรธแค้นก่อตัวจากก้นบึ้งของหัวใจ มือออกแรงดิ้นรนต้องการจะผละออกจากอ้อมอกของเผยหนานเจวี๋ย 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยเนื่องจากบาดเจ็บ ร่างกายที่อ่อนแออยู่แล้วเมื่อถูกเธอผลักก็หงายตัวไปด้านหลังและแผลก็ถูกกระเทือน สีหน้าของเผยหนานเจวี๋ยซีดขาวไปครู่หนึ่ง คิ้วยับย่น 


 


 


           เมื่อเห็นท่าทางที่เจ็บปวดของเผยหนานเจวี๋ย ฉู่เจียเสวียนรู้สึกผิด ต้องการจะเอื้อมมือไปประคองเขา แต่พอนึกถึงการกระทำของเขาเมื่อครู่ เธอก็หยุดความต้องการที่จะประคองเขาไว้ “สมน้ำหน้า สภาพเป็นแบบนี้แล้ว ยังจะคิดเอาเปรียบคนอื่นอีก? เดี๋ยวภรรยาของคุณเห็นจะต้องโทษฉันแน่ๆ” 


 


 


           สีหน้าและแววตาของฉู่เจียเสวียนมีความเย็นชา เมื่อกี้เขาหมายความว่าอะไร นึกว่าช่วยเธอแล้ว เธอจะซาบซึ้งต่อเขาจนอยากจะกอดงั้นเหรอ 


 


 


           “บ้าเอ๊ย” เขาสบถ เผยหนานเจวี๋ยก็ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อครู่ตัวเองถึงได้วู่วามเช่นนั้น เมื่อก่อนเขาเกลียดเธอที่สุดไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมตอนนี้ถึงมีความรู้สึกอยากเข้าใกล้เธอล่ะ 


 


 


           เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสักวันหนึ่ง เขาจะมีความคิดเช่นนี้ต่อฉู่เจียเสวียนจริงๆ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเขาเกลียดเธอขนาดนั้น ทนไม่ไหวที่จะให้เธอหายไปจากเขา แต่ว่าตอนนี้? 


 


 


           เห็นท่าทางของเผยหนานเจวี๋ย มือที่อยู่ข้างลำตัวของฉู่เจียเสวียนกำแน่น จากนั้นก็ผ่อนคลาย 


 


 


           “คุณเผย ยังไงก็พักผ่อนมากๆ เถอะค่ะ” พูดจบต้องการจะหันหลังจากไป คิดไม่ถึงว่าประตูห้องผู้ป่วยจะเปิดออก และร่างที่เพรียวบางวิ่งเข้ามาจากข้างนอก 


 


 


           กลิ่นดอกลิลลี่ลอยอยู่ในสายลมและกระจายไปทั่วห้องผู้ป่วย 


 


 


 


 


 


      ตอนที่ 255 ฝีมือการแสดงขั้นสูง 


 


 


           เมื่อเห็นคนที่เข้ามา ก้าวเดินที่ต้องการจะจากไปของฉู่เจียเสวียนหยุดลง มองฉู่อีอีสายตาเย็นชา เรื่องของคืนนี้จะเกี่ยวกับเธอหรือเปล่า จู่ๆ ความคิดนี้ก็ผุดขึ้นมาในใจ ไม่นานเธอก็สะบัดหัว 


 


 


           “พี่มาอยู่นี่ได้ยังไง” หยุดเดิน ฉู่อีอีเห็นฉู่เจียเสวียนอยู่ในห้องผู้ป่วย เอ่ยปากถาม 


 


 


           หรือว่าผู้ชายที่ช่วยฉู่เจียเสวียนคือเผยหนานเจวี๋ย? ก่อนที่มาถึงโรงพยบาล ฉู่อีอีก็รู้แล้วว่าฉู่เจียเสวียนถูกผู้ชายคนหนึ่งช่วยไว้ 


 


 


           ในตอนนั้นเธอเกรี้ยวกราดจนด่าผู้ชายที่ไม่ได้เรื่องสองคนนั้นเป็นการใหญ่ เธอเสียเงินเยอะขนาดนั้น แต่กลับปล่อยให้ฉู่เจียเสวียนหนีไปได้ 


 


 


           ถ้าจะว่ากันตามนี้ เช่นนั้นคนที่ช่วยเธอก็คือเผยหนานเจวี๋ย ไม่อย่างนั้นเธอจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร 


 


 


           เพราะการปรากฏตัวกะทันหันของฉู่อีอี บรรยากาศเปลี่ยนเป็นความกดดันภายในพริบตา 


 


 


           ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ฉู่อีอีด่าฉู่เจียเสวียนอยู่ในใจเป็นร้อยเป็นพันรอบ ต่อให้เป็นในฝันเธอก็คิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่ช่วยฉู่เจียเสวียนจะเป็นเผยหนานเจวี๋ย 


 


 


           ระหว่างครุ่นคิด ฉู่อีอีเดินไปข้างๆ เผยหนานเจวี๋ย เมื่อเห็นว่าเขาถูกพันด้วยผ้าก๊อซแล้ว ความเจ็บปวดก็ปรากฏอยู่ในดวงตาของฉู่อีอี 


 


 


           อดไม่ไหวด่าสองคนนั้นที่โหดร้ายอยู่ในใจ คิดไม่ถึงว่าจะฝากแผลลึกถึงเพียงนี้ ถ้าหากแผลนี้อยู่บนตัวฉู่เจียเสวียนล่ะก็ ถึงเธอไม่ตายอาการก็คงสาหัสสินะ? 


 


 


           มือที่งดงามยื่นเหยียด ฉู่อีอีกุมมือของเผยหนานเจวี๋ยเอาไว้ แต่ว่าเผยหนานเจวี๋ยกลับดึงมือออกเงียบๆ ไม่รู้ว่าทำไม เขาไม่อยากสนิทสนิมกับฉู่อีอีมากเกินไปต่อหน้าฉู่เจียเสวียน ราวกับว่าทำเป็นการทำผิดต่อเธอ 


 


 


           รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของเผยหนานเจวี๋ย ฉู่อีอีตื่นตกใจ หรือว่าเขาจะรู้แล้ว หรือว่าเขาจะรู้ว่าเธอจ้างคนมาจัดการฉู่เจียเสวียน? 


 


 


           หลังจากคิดย้อนกลับไปหลายพันครั้ง ฉู่อีอีตัดสินใจที่จะเริ่มต้นก่อนเพื่อเป็นฝ่ายได้เปรียบ ปากแดงๆ จึงอ้าเอ่ย “หนานเจวี๋ย ทำไมคุณบาดเจ็บล่ะ อีกอย่าง พี่คะทำไมพี่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ เมื่อกี้พวกเราเพิ่งเจอกันไม่ใช่เหรอ” 


 


 


           เอ่ยปากทำลายความเงียบ มีเพียงเสียงอ่อนแอของฉู่อีอีเท่านั้นที่ได้ยินอยู่ในห้องผู้ป่วย 


 


 


           ฉู่เจียเสวียนเลิกคิ้ว มองดูสีหน้าเป็นกังวลของฉู่อีอี มองดูความรักลึกซึ้งในดวงตาของเธอ หัวใจของเธอรู้สึกสับสน 


 


 


           “วันนี้คุณไปเจอเขาเหรอ” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยถาม คิ้วขมวดกันเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงว่าพวกเธอทั้งสองคนจะเจอหน้ากัน 


 


 


           “ใช่สิ หนานเจวี๋ยคุณบาดเจ็บได้ยังไง” ฉู่อีอีกล่าว น้ำตาเอ่อคลออยู่ในดวงตา 


 


 


           “เมื่อกี้ระหว่างทางกลับบ้าน ไม่ระวังไปเจอโจรเข้า โชคดีที่คุณเผยมาทันเวลา แผลก็ได้มาจากตอนนั้น” ฉู่เจียเสวียนเอ่ย ตอบแทนเผยหนานเจวี๋ย 


 


 


           ดวงตาเผยความคมกริบ มองดูใบหน้าที่งดงามของฉู่อีอีตาไม่กระพริบ แววตานั้นมีความพินิจพิเคราะห์ ราวกับว่าต้องการหาอะไรบนใบหน้าของเธออย่างไรอย่างนั้น 


 


 


           “จริงเหรอ โชคดีที่มีพี่สาวอยู่ ไม่งั้นคนที่รับเคราะห์ก็คงเป็นฉันแล้ว ยังดีที่พี่ไม่เป็นอะไร” ฉู่อีอีเงยหน้าขึ้น สบสายตาสำรวจของฉู่เจียเสวียน เธอจับจ้องฉู่เจียเสวียนอย่างเป็นธรรมชาติ แววตามีความไร้เดียงสา 


 


 


           คนที่รับเคราะห์คือเธอ? ฉู่เจียเสวียนทวนคำพูดของฉู่อีอีอยู่ในใจ ริมฝีปากแดงยกยิ้มเล็กน้อย เธอยังไม่ได้ปล่อยวางแม้แต่วินาทีเดียวจริงๆ ทุกอย่างล้วนมีเธอเป็นส่วนร่วม 


 


 


           ตั้งแต่ฉู่อีอีเข้ามาเผยหนานเจวี๋ยก็ไม่ส่งเสียงสักคำ หลังจากชำเลืองมองฉู่อีอีแล้วก็เอ่ยแผ่วเบา “วางใจเถอะ ผมไม่เป็นไร” 


 


 


           เอ่ยปลอบโยนฉู่อีอีไม่กี่คำ เผยหนานเจวี๋ยก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ฉู่เจียเสวียนยืนอยู่ด้านข้าง มองทั้งสองคนอย่างเย็นชา 


 


 


           “หนานเจวี๋ย คุณไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า บาดเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า” ฉู่อีอียื่นมือออกไป กุมมือของเผยหนานเจวี๋ยและถามอย่างเป็นห่วง ดวงตาจับจ้องไปที่เขา เห็นคิ้วที่ยับย่นของเขาแล้วฉู่อีอีจงใจเอื้อมมือไปนวดคลายคิ้วของเผยหนานเจวี๋ย 





ตอนที่ 256 ทำของที่สำคัญที่สุดหล่นหาย


 


 


           “หนานเจวี๋ย คุณอย่าขมวดคิ้วตลอดเวลาสิ แบบนี้ไม่ดีเลย” ฉู่อีอีกล่าว แววตาที่มอง


 


 


เผยหนานเจวี๋ยเปี่ยมด้วยความรักลึกซึ้ง


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยต้องการหลบการสัมผัสของเธอ แต่ว่าด้านหลังก็เป็นเตียง เขากึ่งนั่งอยู่บนเตียง แม้แต่จะถอยหลังเขาก็ถอยไม่ได้แล้ว จะหลบได้อย่างไรกัน


 


 


           ฉู่เจียเสวียนมองดูท่าทางของทั้งสองที่รักกันด้วยสายตาเย็นชา ริมฝีปากแดงยกยิ้ม ราวกับไม่ใส่ใจ ทำตัวเหมือนมนุษย์ล่องหน


 


 


           มองดูฉู่อีอีที่ประเดี๋ยวส่งน้ำ ประเดี๋ยวยื่นมือตรวจดูอุณหภูมิ บางคราวก็กระซิบกระซาบกับเผยหนานเจวี๋ย เธอดูถูกอยู่ในใจ เธอกล้าฟันธงว่าฉู่อีอีจงใจ จงใจแสดงความรักกับเผยหนานเจวี๋ยต่อหน้าเธอ


 


 


           ช่างอ่อนเดียงสาจริงๆ นึกว่าละครแบบนี้จะทำให้เธอโกรธได้งั้นเหรอ ช่างตื้นเขินจริงๆ


 


 


           คิดอย่างเหยียดหยาม ริมฝีปากแดงของฉู่เจียเสวียนเอื้อนเอ่ย “คุณเผยคุณพักผ่อนเถอะค่ะ ในเมื่อภรรยาของคุณมาแล้ว งั้นฉันก็ไม่รับกวนแล้ว พวกคุณตามสบายเถอะ”


 


 


           พูดจบ ฉู่เจียเสวียนหันหลังอย่างสง่างาม ออกไปจากห้องผู้ป่วยโดยไม่หันกลับมามอง


 


 


           ออกจากห้องผู้ป่วย ฉู่เจียเสวียนถอนหายใจเบาๆ จากนั้นก็จากไปโดยไม่หันกลับมามองแล้ว


 


 


           ในห้องผู้ป่วย เหลือเพียงฉู่อีอีกับเผยหนานเจวี๋ย ใบหน้าที่งดงามของฉู่อีอีมองเผยหนานเจวี๋ยไม่


 


 


กระพริบ


 


 


           “หนานเจวี๋ย คุณไม่เจ็บจริงเหรอ” ฉู่อีอีเอ่ยปาก น้ำเสียงจือปนความเจ็บปวด


 


 


           เธอทั้งโกรธทั้งเกลียด เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆ เขาบอกว่าไม่รักฉู่เจียเสวียนไม่ใช่เหรอ ทำไมเขาถึงช่วยเธอ แถมยังรับมีดแทนเธอ บาดแผลจะต้องลึกมากสินะ


 


 


           “ผมไม่เป็นไร อีอี คุณอย่าเสียใจเลย” ยื่นมือลูบหัวของฉู่อีอี กล่าวกับเธอน้ำเสียงอ่อนโยน


 


 


           พยักหน้า น้ำตาเอ่อล้นอยู่ในดวงตาของฉู่อีอี


 


 


           ราวกับว่านึกอะไรบางอย่างออก ฉู่อีอียกมือขึ้นกุมคอ สีหน้าตื่นตระหนก


 


 


           “เป็นอะไรไป” เมื่อเห็นว่าสีหน้าของฉู่อีอีแปลกไป เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยถาม


 


 


           “หนานเจวี๋ย สร้อยคอฉันหายไปแล้ว” ฉู่อีอีใบหน้าซีดขาว เงยหน้ามองเผยหนานเจวี๋ยด้วยความตื่นตกใจ


 


 


           “สร้อยคออะไร”


 


 


           “สร้อยคอที่แม่คุณให้ว่าที่สะใภ้ของตระกูลเผย สร้อยคอเส้นนั้นมันก็สำคัญกับคุณมากด้วย” ฉู่อีอีกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ


 


 


           น้ำตาในดวงตายิ่งท้วมท้นขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดมันก็ร่วงลงมา


 


 


           เดิมทีสร้อยคอเส้นนั้นคือของขวัญของลูกสะใภ้บ้านเผยจากรุ่นสู่รุ่น สำหรับเผยหนานเจวี๋ยแล้วยิ่งมีความหมายมากและสำคัญอย่างยิ่งยวดเช่นกัน


 


 


           “คุณทำสร้อยเส้นนั้นหายได้ยังไง วันนี้คุณไปที่ไหนมาบ้าง” พูดเสียงดัง ความโกรธเป็นประกายอยู่ในดวงตาของเผยหนานเจวี๋ย


 


 


           ทำของสำคัญขนาดนั้นหายได้อย่างไรกัน


 


 


           “วันนี้ฉันไม่ได้ไปไหนนะ วันนี้ก็แค่ไปเจอพี่สาวแป๊บเดียว ฉันไม่ได้ไปที่อื่นเลย หลังจากเจอกับพี่สาวแล้ว ฉันก็กลับบ้านเลย”


 


 


           ฉู่อีอีเอ่ยปาก จงใจพูดถึงฉู่เจียเสวียนสองครั้ง เชื่อว่าเมื่อพูดเช่นนี้ เผยหนานเจวี๋ยจะต้องสงสัยสินะ?


 


 


           “งั้นคุณจำได้ไหมว่าทำหายตอนไหน”


 


 


           ฉู่อีอีทำเป็นครุ่นคิด หลังจากคิดวนเวียนอยู่ในหัวแล้ว ฉู่อีอีจึงเอ่ยปากอย่างลังเล “วันนี้ตอนที่ออกจากบ้านยังอยู่เลย พอหลังจากเจอพี่สาวแล้ว…”


 


 


           “หนานเจวี๋ย วันนี้ฉันแค่ไปหาพี่สาว ฉันไม่ได้ไปที่อื่นเลย สร้อยคออาจจะหายไปตอนนั้นก็ได้นะ” ฉู่อีอีกล่าว ทำท่าเหมือนพยายามคิดทบทวน


 


 


           เมื่อวาน ฉู่อีอีเตรียมการไว้สองอย่าง จัดให้คนซุ่มปล้นฆ่าฉู่เจียเสวียนระหว่างทางกลับบ้าน อีกแผนหนึ่งคือเวลาที่นัดฉู่เจียเสวียนเอาสร้อยคอใส่ไว้ในกระเป๋าของฉู่เจียเสวียนตอนที่เธอเผลอ


 


 


           ด้วยวิธีนี้ แม้ว่าคนพวกนั้นจะฆ่าฉู่เจียเสวียนไม่สำเร็จ เธอก็ยังมีแผนสำรอง ทำให้เผยหนานเจวี๋ยเข้าใจฉู่เจียเสวียนผิดและเกลียดชังเธอ


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยพอจะเข้าใจคำพูดของฉู่อีอี วันนี้ฉู่อีอีเจอเพียงแค่ฉู่เจียเสวียน และฉู่เจียเสวียนน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องที่สร้อยคอของฉู่อีอีหายไป


 


 


           จะเป็นเธอเหรอ เผยหนานเจวี๋ยคิดในใจ ในใจไม่เชื่อว่าฉู่เจียเสวียนจะทำเรื่องแบบนี้ได้ แต่ว่าฉู่อีอีเจอแค่เธอจริงหรือเปล่า


 


 


 


 


      ตอนที่ 257 ใครขโมยไป


 


 


           “คุณพูดเรื่องจริงเหรอ” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปาก สายตาเย็นชามองเธอไม่กระพริบ


 


 


           “อะไรคือจริงเหรอ หนานเจวี๋ย? ฉันแค่บอกว่าวันนี้ฉันเจอพี่สาวเท่านั้น ไม่ได้บอกว่าเขาเอาสร้อยคอไป” ฉู่อีอีมองเผยหนานเจวี๋ยด้วยดวงตารื้นน้ำตา แกล้งทำหน้าไม่รู้เรื่องอะไรเลย


 


 


           งั้นฉู่เจียเสวียนก็น่าสงสัยที่สุด ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ เขาก็อยากถามเธอสักหน่อย แม้ในใจจะเชื่อว่าเธอไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้


 


 


           หลังจากฉู่เจียเสวียนออกจากห้องของเผยหนานเจวี๋ย ก็แวะไปเยี่ยมคุณย่าของกงจวิ้นฉือ เพราะว่าคุณย่าของเขาอยู่ที่โรงพยาบาลนี้พอดี เข้าไปอย่างแผ่วเบา มองดูหญิงชราที่หลับใหลอยู่บนเตียง ริมฝีปากแดงของฉู่เจียเสวียนยกยิ้ม ช่วยเอาแขนของเธอกลับเข้าไปใต้ผ้าห่ม ยืนอยู่สักพัก เธอจึงหันหลังออกจากห้องผู้ป่วยไป


 


 


           เมื่อลงมาถึงชั้นล่าง ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าดังขึ้น


 


 


หยิบขึ้นมาดู เห็นตัวอักษรขนาดใหญ่ “เผยหนานเจวี๋ย” สามคำกระพริบอยู่บนหน้าจอ ฉู่เจียเสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย


 


 


           ฉู่อีอีอยู่กับเขาไม่ใช่เหรอ จะโทรมาหาเธอเพื่ออะไร สงสัยในใจแต่เธอก็ยังกดรับสายแล้ว “คุณมานี่หน่อย ผมมีเรื่องอยากจะถามคุณ คุณคงยังไม่กลับนะ?”


 


 


           เสียงทุ้มต่ำมืดมนดังขึ้น ถ้าหากฟังอย่างระมัดระวังแล้ว ที่จริงก็จะพบว่าน้ำเสียงของเผยหนานเจวี๋ยระคนความอ่อนแอ


 


 


           “มีเรื่องอะไร”


 


 


           ดึกป่านนี้แล้ว ยังจะหาเธอทำไม


 


 


           “มีเรื่องอยากจะถามคุณสักหน่อย คุณคงยังไม่กลับนะ” คาดว่าฉู่เจียเสวียนน่าจะยังไปไม่ไกล ตอนนี้เพิ่งจะสามทุ่ม เรียกเธอกลับมาเพียงเพื่อต้องการถามเธอเท่านั้น ไม่น่าจะรบกวนเวลาของเธอ


 


 


           จะว่าไปสร้อยคอเส้นนั้นมีความสำคัญกับเขามากจริงๆ


 


 


           ฉู่อีอีนั่งอยู่บนเตียง แววตามองเผยหนานเจวี๋ยอย่างละเอียด กลั้นหายใจ สามารถได้ยินเสียงของ


 


 


ฉู่เจียเสวียนชัดเจน เพียงแต่การเข้าใกล้ของฉู่อีอี ทำให้เขาขมวดคิ้วเข้าด้วยกันเล็กน้อย


 


 


           จู่ๆ บทสนทนาเข้าสู่ความเงียบ เผยหนานเจวี๋ยไม่ได้ยินคำตอบของฉู่เจียเสวียน คิ้วขมวดกัน เมื่อเขากำลังจะเอ่ยปากอีกครั้ง เสียงเบาๆ ของฉู่เจียเสวียนลอยมาเข้าหูของเขา “ได้” พูดจบ เธอวางสายทันที หันหลังเดินเข้าไปในโรงพยาบาล


 


 


           ที่ไม่ไกลนัก รถคันหนึ่งเข้ามาจอดพอดี เมื่อเห็นเงาที่ผอมเพรียวคนนั้น คิ้วของเขาผูกเข้าด้วยกัน ความสับสนก่อขึ้นในใจ


 


 


           เจียเสวียนมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง คนที่เพิ่งมาคือกงจวิ้นฉือ คุณย่าของเขาอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้พอดี หรือว่าเธอมาเยี่ยมคุณย่างั้นเหรอ คิดสงสัยในใจ


 


 


           หลังจากลงรถ ก็เดินเข้าไปในโรงพยาบาลทันที


 


 


           นอกห้องผู้ป่วย ฉู่เจียเสวียนยืนอยู่ข้างนอก สูดหายใจลึก ยกมือขึ้นเคาะประตูแล้วเธอจึงผลักประตูเข้าไป


 


 


           ฉู่อีอีกับเผยหนานเจวี๋ยเงยหน้ามองไปยังประตูพร้อมกัน เป็นไปตามคาดว่าคนที่เข้ามาคือฉู่เจียเสวียน พวกเขาสองคนคิดไม่ถึงว่าฉู่เจียเสวียนจะกลับเข้ามาเร็วเพียงนี้ หรือว่าเธอยังไม่ได้ไปไหน


 


 


           เห็นแววตาประหลาดใจของทั้งคู่ ฉู่เจียเสวียนเดินไปหยุดอยู่ด้านหน้าทั้งสองด้วยท่วงท่าที่สง่างามและสงบนิ่ง แววตาเผยให้เห็นความเฉยเมย มองดูทั้งสองคนอมยิ้มมุมปาก


 


 


           เห็นฉู่เจียเสวียนที่กลับมาอีกครั้ง เผยหนานเจวี๋ยบอกไม่ได้ว่าในใจรู้สึกอย่างไร


 


 


           ฉู่อีอีมองฉู่เจียเสวียน ใบหน้าสงบนิ่ง เผยท่าทางลึกลับเล็กน้อย มองเธอด้วยดวงตาที่เป็นประกายจางๆ


 


 


           เมื่อเห็นสีหน้าที่แตกต่างกันของทั้งสองคน ฉู่เจียเสวียนเลิกคิ้วเล็กน้อย มุมปากยกยิ้ม “ไม่ทราบว่าคุณเผยเรียกฉันกลับมามีอะไรเหรอคะ”


 


 


           เสียงที่คมชัดดังสะท้อนอยู่ในห้องผู้ป่วย


 


 


           เธอนึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะมีอะไรที่ไม่สามารถคุยกับทางโทรศัพท์ได้ จะต้องเรียกเธอกลับมา?


 


 


           “พี่คะ พวกเราแค่มีเรื่องอยากถามพี่นิดหน่อย” ฉู่อีอีตอบ มีนัยยะลึกซึ้งแฝงอยู่ในคำพูด


       ตอนที่ 258 ฉันไม่ได้ทำ 


 


 


           ฉู่เจียเสวียน ฉันจะดูว่าเธอจะซ่อนยังไง ภายใต้การวางแผนที่รอบคอบของฉัน ฉันไม่เชื่อว่าคราวนี้ 


 


 


เผยหนานเจวี๋ยจะไม่เกลียดเธอ 


 


 


           “มีอะไรคะ รีบถามเถอะ ดึกมากแล้ว” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยถามตรงๆ สีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย 


 


 


           มีอะไรก็พูดมาตรงๆ เรียกเธอกลับมาเอาแต่มองเธอไม่พูดไม่จา ยังอืดอาดยืดยาดอยู่ได้ 


 


 


           “สร้อยคอเส้นนึงของฉู่อีอีหายไป” เสียงที่เปี่ยมด้วยพลังดึงดูดดังขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาของ 


 


 


เผยหนานเจวี๋ยเผยความรู้สึกคลุมเครือ 


 


 


           ในที่สุดก็ได้ยินเผยหนานเจวี๋ยพูดสักที ฉู่อีอีปกปิดความรู้สึกแท้จริงในใจ ใบหน้านั้นไร้เดียงสา 


 


 


           ชำเลืองมองกระเป๋าของเธอ จากนั้นก็ละสายตา เม้มริมฝีปากแดง กุมมือเผยหนานเจวี๋ย 


 


 


           สร้อยคอหายไปแล้วเกี่ยวอะไรกับเธอ คำพูดของเขาหมายความว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับสร้อยคอของฉู่อีอีที่หายไปงั้นเหรอ 


 


 


           “คุณหมายความว่าอะไร” ปากแดงๆ อ้าเอ่ย ใบหน้าเปื้อนด้วยความโกรธ และหัวใจของฉู่เจียเสวียนก็สั่นเทาเล็กน้อย 


 


 


           “ผมแค่อยากถามคุณว่าเห็นสร้อยคอของเธอหรือเปล่า สร้อยคอเส้นนั้นแม่ผมมอบให้ลูกสะใภ้บ้านเผย” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวอย่างมีความหมายแอบแฝง 


 


 


           ความคลุมเครือบนใบหน้าที่หล่อเหลายิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ดวงตามองฉู่เจียเสวียนไม่กระพริบ 


 


 


           คำพูดของเผยหนานเจวี๋ยทำให้ฉู่อีอีไม่พอใจ ไม่พอใจที่ทำไมเผยหนานเจวี๋ยถึงถามอย่างมีนัยยะเช่นนั้น แม้จะไม่พอใจ แต่กลับไม่กล้าแสดงอาการ 


 


 


           ที่แท้ก็เป็นสร้อยคอของลูกสะใภ้บ้านเผย ไม่น่าล่ะถึงได้ตื่นเต้นขนาดนี้ แต่ว่ามันเกี่ยวอะไรกับเธอล่ะ 


 


 


           “คุณคิดว่าฉันขโมยเหรอ” ริมฝีปากแดงอ้าเอ่ย ความเยือกเย็นในดวงตายิ่งล้ำลึก แม้แต่คำพูดของ 


 


 


ฉู่เจียเสวียนก็เยือกเย็นลงเล็กน้อย 


 


 


           นึกถึงเมื่อสามปีก่อน ฉู่อีอีมักจะหาเรื่องเธอเสมอ ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ทำอะไรเลย และที่น่าขำที่สุดก็คือ 


 


 


เผยหนานเจวี๋ยเชื่อว่าเธอเป็นคนทำอย่างไม่มีเงื่อนไข 


 


 


           เขายังคงไม่เปลี่ยนเลยสักนิด ขอเพียงเกิดเรื่องขึ้นกับฉู่อีอี ก็จะนึกโทษเธอเสมอ 


 


 


           เธอไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กับบ้านเผยมานานแล้ว เธอจะเอาสร้อยคอเส้นนั้นไปทำไม ไว้กิน? ไว้ใช้? คุ้มค่าเงินเหรอ 


 


 


           “พี่คะ วันนี้ฉันเจอแต่พี่” ฉู่อีอีเอ่ยปาก สีหน้าคับข้องใจ 


 


 


           “ฉะนั้น เธอเจอหน้าฉัน ฉันก็ขโมยสร้อยเธอไปงั้นสิ?” 


 


 


           “เปล่านะ ฉันไม่ได้บอกว่าพี่ขโมย เพียงแต่วันนี้ฉันเจอแต่พี่” 


 


 


           ฉู่อีอีกล่าว แววตาเผยความบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ความหมายในคำพูดของเธอไม่ได้บอกว่าฉู่เจียเสวียนเป็นคนเอาไป แต่ว่าความหมายแฝงก็คือฉู่เจียเสวียนมีส่วนเกี่ยวข้องกับสร้อยคอเส้นนั้น 


 


 


           มือกำแน่นอยู่ข้างกาย ความอัปยศอดสูก่อตัวขึ้นภายในใจ ต่อให้เธอฉู่เจียเสวียนเลวอีกแค่ไหนก็ไม่มีทางขโมยของของคนอื่น นับประสาอะไรของของของบ้านเผย เธอไม่มีความสนใจเลยสักนิด ทำไมเธอจะต้องขโมยสร้อยคอของเธอด้วย 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยเห็นสีหน้าของฉู่เจียเสวียนเปลี่ยนไป ก็รู้สึกไม่มีความสุขตามไปด้วย 


 


 


           “ฉันไม่ได้ขโมยสร้อยคอของเธอ” เสียงปฏิเสธดังขึ้น พูดจบ กัดริมฝีปากเบาๆ แววตาของฉู่เจียเสวียนจับจ้องอยู่ที่ฉู่อีอี จากนั้นก็มองเผยหนานเจวี๋ยไม่กระพริบ แววตานั้นราวกับว่ากำลังถามเขาว่าเขาเชื่อหรือเปล่า 


 


 


           สบสายตากับฉู่เจียเสวียน เผยหนานเจวี๋ยตื่นตกใจ แววตาที่ดื้อรั้นเช่นนี้ เขาเคยเห็นเมื่อสามปีก่อน ตอนนั้นฉู่อีอีมีเรื่องขัดแย้งกับฉู่เจียเสวียน ขณะที่เขากำลังถกเถียงกับเธอนั้น เธอก็มีสายตาแบบนี้ พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้ “ฉันไม่ได้ทำ” 


 


 


           ความคิดหลุดลอยไปไกล เผยหนานเจวี๋ยมองฉู่เจียเสวียนอยู่แบบนั้น ไม่พูดไม่จา 


 


 


           ฉู่อีอีเฝ้าสังเกตสถานการณ์ของทั้งสองคนอยู่ข้างๆ ในเวลานั้นเธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีบรรยากาศที่คลุมเครือกำลังแพร่กระจายอยู่ในอากาศ 


 


 


 


 


 


      ตอนที่ 259 ใส่ร้ายป้ายสี 


 


 


           “ผมไม่ได้บอกว่าเป็นคุณ ผมก็แค่ถาม” 


 


 


           “แค่ถาม? คุณยังไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ ยังคงอวดดีเหมือนสามปีก่อนไม่มีผิด” ริมฝีปากแดงอ้าเอ่ย  


 


 


ฉู่เจียเสวียนมองเผยหนานเจวี๋ยพร้อมกล่าวเย็นชา 


 


 


           ดังสำนวนที่ว่าการเปลี่ยนธรรมชาติของคนนั้นยากยิ่งกว่าการเคลื่อนภูเขาเสียอีก ที่แท้คนบางคน เรื่องบางเรื่อง ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา 


 


 


           ไม่รู้ว่าทำไม ฉู่อีอีรู้สึกว่าบทสนทนาของเผยหนานเจวี๋ยกับฉู่เจียเสวียนเหมือนกำลังพลอดรักกันอย่างไรอย่างนั้น 


 


 


           รู้สึกขุ่นเคืองในใจ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน คลายมือที่กุมเผยหนานเจวี๋ย ลุกขึ้นยืน หยิบแก้วน้ำขึ้นมา ต้องการที่จะช่วยเผยหนานเจวี๋ยรินน้ำ 


 


 


           ขณะที่เดินผ่านฉู่เจียเสวียนนั้น ไม่รู้ว่าเจตนาหรือเปล่า จู่ๆ เธอก็ชนฉู่เจียเสวียนเข้า 


 


 


           ระหว่างที่กำลังเหม่อลอย กระเป๋าในมือร่วงหล่นเสียงดัง ‘ตึ่ง’ ข้าวของในกระเป๋ากระจัดกระจาย 


 


 


           “พี่คะ ฉันไม่ได้ตั้ง…” ยังไม่ทันพูดจบ เสียงของฉู่อีอีหยุดลงกะทันหัน สายตาจ้องเขม็งไปที่ข้าวของบนพื้น 


 


 


           “นี่มันสร้อยคอของฉันไม่ใช่เหรอ” 


 


 


           เพียงประโยคเดียวทำให้สีหน้าของเผยหนานเจวี๋ยและฉู่เจียเสวียนเปลี่ยนไป 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยเงยหน้ามองฉู่เจียเสวียนด้วยสายตาตื่นตระหนก จากนั้นก็ปรากฏประกายแห่งความเข้าใจ เขาเกือบจะเชื่อเธอแล้ว เมื่อครู่เขาคิดว่าเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสร้อยคอจริงๆ 


 


 


           ใบหน้าซีดขาว ฉู่เจียเสวียนมองสร้อยคอที่ร่วงอยู่บนพื้น เธอไม่เข้าใจว่าสร้อยคอเส้นนี้ทำไมถึงมาโผล่มาในกระเป๋าของเธอ 


 


 


           “คุณมีอะไรจะพูดอีกไหม” เสียงที่เยือกเย็นดังขึ้น แววตาที่เผยหนานเจวี๋ยมองเธอมีประกายคลุมเครือ เผยให้เห็นความไม่ชัดเจน 


 


 


           ริมฝีปากแดงยิ้มขมขื่น ฉู่เจียเสวียนพูดไม่ออกเลยสักคำ ตอนนี้มี ‘หลักฐานเป็นข้อสรุป’ แล้ว ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไรก็แก้ตัวไม่พ้นข้อกล่าวหา 


 


 


           ยืนอยู่ที่เดิม เธอรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านอยู่ในใจ ทั้งร่างกายเย็นเฉียบโดยพลัน 


 


 


           “พี่คะ ทำไมพี่ถึงทำแบบนี้” ฉู่อีอีราวกับว่าอดไม่ไหวที่จะเอ่ยปาก หลังจากชำเลืองมองฉู่เจียเสวียนแล้วก็หลบสายตา น้ำเสียงเหมือนกับโกรธแค้นและผิดหวังสุดขีด 


 


 


           ความคิดผุดขึ้นมาในหัว เธอใช่ไหม เธอตั้งใจใช่ไหม อาศัยช่วงที่เธอไม่ระวังตัว แอบเอาสร้อยคอใส่ไว้ในกระเป๋าของเธอ 


 


 


           เธอประมาทเกินไปแล้ว เธอติดกับเธอเข้าซะแล้ว ฉู่เจียเสวียนเอ๋ยฉู่เจียเสวียน เธอช่างไร้เดียงสาเสียจริง หึหึ ความรู้สึกไร้อำนาจเมื่อสามปีก่อนหลั่งไหลเข้าสู่หัวใจของเธอ ตอนนี้จิตใจเธอว้าวุ่น เรื่องในอดีตผุดขึ้นมาในหัว 


 


 


           เม้มปากแน่น มองฉู่อีอีด้วยแววตาเย็นชา 


 


 


           “ฉู่เจียเสวียน ทำไมคุณถึงทำแบบนี้” 


 


 


           เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมฉู่เจียเสวียนจะต้องขโมยสร้อยคอด้วย ตีเขาให้ตายเขาก็ไม่อยากเชื่อ แต่ว่าสร้อยคออยู่ในกระเป๋าของเธอจริงๆ นี่นา? 


 


 


           เธอขโมยสร้อยเส้นนี้ไปเธอจะได้ประโยชน์อะไร ตอนนี้เธอไม่ใช่สะใภ้ของบ้านเผยแล้ว สร้อยเส้นนั้นไม่มีประโยชน์อะไรกับเธอเลย 


 


 


           “ฉันเปล่า” กัดฟันเอ่ยปาก มือที่อยู่ข้างลำตัวสั่นเทาเล็กน้อย 


 


 


           “เจียเสวียน เป็นอะไรไป” ด้านนอก เสียงที่ทั้งน่าหลงใหลและอบุอ่นดังขึ้น 


 


 


           ทั้งสามคนได้ยินก็หันไปมอง พบว่ากงจวิ้นฉือกำลังยืนอยู่ด้านนอก กวาดตามองสองคนที่อยู่ในห้องผู้ป่วย เมื่อเห็นเผยหนานเจวี๋ย เขาอึ้งไป จากนั้นก็เดินไปหาฉู่เจียเสวียนอย่างสงบ แววตาเผยความเป็นกังวล 


 


 


           เขาตามหาฉู่เจียเสวียนเนิ่นนานก็หาไม่เจอ คิดไม่ถึงว่าเธอจะอยู่ที่นี่ เห็นผ้าก๊อซที่พันตัวเผยหนานเจวี๋ยแล้วก็นึกสงสัยในใจ 


 


 


           “คุณกง คุณมาก็ดีแล้ว ฉู่เจียเสวียนเขาขโมยสร้อยคอของตระกูลเผยเรา คุณว่าควรทำยังไงดี” เสียงที่ทุ้มต่ำระคนความเย็นชาดังออกมาจากปากของเผยหนานเจวี๋ย เห็นการปรากฏตัวของกงจวิ้นฉือ ในใจของเขารู้สึกโกรธอย่างอธิบายไม่ได้ 


 


 


           ได้ยินคำพูดใส่ร้ายของเผยหนานเจวี๋ย บนใบหน้าของฉู่เจียเสวียนนิ่งเฉยไร้ซึ่งอารมณ์ สายตายิ่งเย็นชาลงเรื่อยๆ “ฉันบอกแล้ว ฉันไม่ได้ขโมยสร้อยคอของคุณ” 



   ตอนที่ 260 ผมเชื่อแฟนของผม 


 


 


           “คุณเผย แฟนผมเป็นคนยังไง ผมรู้ดี เรื่องนี้ต้องเป็นการเข้าใจผิดแน่นอน” กงจวิ้นฉือเอ่ยปากปกป้องฉู่เจียเสวียนทันทีโดยไม่ต้องคิด 


 


 


           ฉู่เจียเสวียนเป็นคนอย่างไร ในใจของเขารู้ดีที่สุดแล้ว เธอจะทำเรื่องพรรค์นั้นได้อย่างไร เรื่องนี้ต้องมีการเข้าใจผิดอย่างแน่นอน ไม่ก็มีใครบางคนจงใจ 


 


 


           คำพูดของกงจวิ้นฉือทำให้หัวใจของฉู่เจียเสวียนอบอุ่น เขาไม่ได้ถามอะไรเลยก็เต็มใจเชื่อเธอแล้ว 


 


 


           “เข้าใจผิด? คุณกง สร้อยคอหล่นออกมาจากกระเป๋าของแฟนคุณ คุณปกป้องแบบนี้ไม่เกินไปหน่อยเหรอ” 


 


 


           กงจวิ้นฉือเชื่อฉู่เจียเสวียนโดยไม่จำเป็นต้องพูดอะไร นี่ทำให้หัวใจของเขาโมโหถึงขีดสุด ขณะที่เอ่ยคำว่าแฟนนั้นน้ำเสียงก็เน้นหนักลงไปอีก 


 


 


           ฉู่อีอีมองทั้งสองคนถกเถียงกันอยู่ข้างๆ ในใจยิ้มเย็นชา แต่ใบหน้ากลับเผยความน้อยเนื้อต่ำใจ 


 


 


           “แฟนของผมผมต้องปกป้องอยู่แล้ว อีกอย่าง ผมเชื่อเขา” 


 


 


           ริมฝีปากบางอ้าเอ่ย บนใบหน้าเปื้อนยิ้มอ่อนๆ แววตาที่เปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นทำให้เผยหนานเจวี๋ยแทบจะหยุดหายใจไปชั่วขณะหนึ่ง 


 


 


           เขาชอบฉู่เจียเสวียนขนาดนี้เลยเหรอ ชอบจนเชื่ออย่างไม่มีเงื่อนไข? 


 


 


           “คุณกง แม้ว่าพี่สาวฉันจะเป็นแฟนของคุณ ก็ต้องแฟร์ในทุกเรื่อง คุณพูดแบบนี้หมายความว่าเผยหนานเจวี๋ยใส่ร้ายพี่สาวเหรอ พวกเราแค่ต้องการรู้ความจริงเท่านั้นเอง” ฉู่อีอีหยุดและกวาดสายตาไปที่ 


 


 


ฉู่เจียเสวียน สายตาทั้งดูแคลนและไม่พอใจอย่างมาก จากนั้นก็พูดต่อ 


 


 


           “ถึงยังไงสร้อยคอนี้ก็นับว่ามีมูลค่า อีกอย่างหนานเจวี๋ยสั่งทำจากบริษัทออกแบบเครื่องประดับของต่างประเทศ มีแค่เส้นเดียวเท่านั้น คนบางคนอยากได้มันก็ยังสั่งทำไม่ได้เลยนะ แต่ว่าคุณค่าของมันไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ว่ากี่หยวนหรอก แต่เป็นความรักที่หนานเจวี๋ยมีต่อฉันต่างหาก นี่คือสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้” 


 


 


           ฉู่อีอีกล่าวคำพูดนี้ได้อย่างเอาอกเอาใจมาก แต่ว่ามันก็เจือปนด้วยการประชดประชันฉู่เจียเสวียน 


 


 


           กงจวิ้นฉือฟังแล้วไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่หยิบกล่องเล็กๆ ที่งดงามอย่างมากออกมาจากกระเป๋า การตกแต่งของแก้วแสดงให้เห็นถึงความหรูหราของสินค้าภายในกล่อง 


 


 


           กงจวิ้นฉือเปิดกล่องเสียงดัง ‘เพี๊ยะ’ หยิบสิ่งของที่ส่องสว่างและดึงดูดสายตาทุกคนออกมา 


 


 


           สร้อยคอเส้นหนึ่งมีแสงสีขาวระยิบระยับ ด้านบนถูกประดับประดาด้วยอัญมณีหลากสีหลายชนิด มูลค่าของมันเกินว่าจะกล้าจินตนาการ 


 


 


           “นี่คือสิ่งที่ผมตั้งใจจะมอบให้เจียเสวียน เพียงแต่ผมไม่รู้ว่าเธอจะรับมันไว้หรือเปล่า” 


 


 


           ฉู่อีอีมองตาม ดวงตาหยุดนิ่งทันที อดไม่ไหวพึมพำออกมา “นี่คือสมบัติที่ชนะประมูลในงานประมูล 


 


 


วิคเตอเรียเมื่อไม่กี่วันก่อนไม่ใช่เหรอ เหมือนว่าราชินีเอลิซาเบธแห่งอังกฤษก็เคยใส่ด้วย…เห็นว่าราคาซื้อขายอยู่ที่แปดสิบล้าน มันมาอยู่ในมือคุณได้ยังไง” 


 


 


           “คุณหนูฉู่ตาถึงจริงๆ ถูกต้องเลย เจียเสวียนว่ายังไง ชอบหรือเปล่า” 


 


 


           ขณะที่กงจวิ้นฉือกล่าวอย่างใจเย็น มือก็กุมมือที่เย็นเฉียบของฉู่เจียเสวียนเงียบๆ อุณหภูมิของฝ่ามือที่สูงขึ้นกะทันหันทำให้ฉู่เจียเสวียนรู้สึกอยากร้องไห้ 


 


 


           ฉู่อีอีเหลือบมองเผยหนานเจวี๋ยด้วยความเขินอายเล็กน้อย หวังว่าเขาไม่ได้พบอะไรผิดปกติ แต่ว่าเมื่อเธอมองไป สีหน้าของเผยหนานเจวี๋ยน่าเกลียดยิ่งยวด 


 


 


           ในเวลานี้เผยหนานเจวี๋ยก็มองมา ความโกรธในแววตาทำให้หัวใจของเธอตกตะลึง แต่ทำได้เพียงฝืนยิ้มแสร้งว่าน่าสงสาร 


 


 


           ฉู่เจียเสวียนไม่เคยคิดมาก่อนว่ากงจวิ้นฉือเลือกที่จะเชื่อเธอโดยไม่ถามอะไรสักคำเช่นนี้ ถ้าจะบอกว่าไม่ซาบซึ้งก็โกหกแล้ว 


 


 


           ผู้ชายคนนั้นที่เธอเคยรักสุดชีวิต ไม่เคยเชื่อเธอเลย สามปีก่อนเป็นอย่างไร สามปีให้หลังอย่างวันนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น ยิ้มเยาะในใจ ชำเลืองมองเผยหนานเจวี๋ยเล็กน้อยจากนั้นก็ละสายตา 


 


 


           “เจียเสวียน ดึกมากแล้ว พวกเรากลับกันก่อนเถอะ คุณเผย ตอนนี้ก็ดึกมาแล้ว พวกเรากลับก่อนนะครับ เรื่องนี้ผมจะหาคำอธิบายมาให้คุณเอง” พูดจบ กงจวิ้นฉือพยักหน้า จากนั้นก็จูงฉู่เจียเสวียนออกไปจากห้องผู้ป่วย 


 


 


           “เดี๋ยวก่อน” ฉู่เจียเสวียนกล่าว หยุดเดิน กงจวิ้นฉือมองฉู่เจียเสวียนอย่างสงสัย เห็นเธอหันหลัง สายตามองตรงไปที่เผยหนานเจวี๋ย “เรื่องนี้ฉันจะต้องหาคำอธิบายมาให้พวกคุณแน่นอน” 


 


 


           พูดจบ ไม่สนใจเผยหนานเจวี๋ยที่โกรธจนสีหน้าเขียวคล้ำอยู่ด้านหลัง ออกจากห้องผู้ป่วยไปแล้ว 


 


 


           ฉู่อีอียืนมองอยู่ตรงนั้นตลอดเวลา รู้สึกโมโหจนทนไม่ไหว ปลายเล็บได้ฝังลึกลงไปในฝ่ามือแล้ว คนเลวยังไงก็เป็นคนเลว ยั่วผู้ชายได้อย่างง่ายดายขนาดนั้น แต่ว่าสักวันหนึ่งฉันจะทำให้เธอกลับตัวไม่ได้ตลอดกาล 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยมองดูเงาของกงจวิ้นฉือที่พาฉู่เจียเสวียนจากไป ริมฝีปากบางเม้มแน่น มือที่อยู่ข้างลำตัวกำแน่น ชีพจรเต้นตุบๆ สีหน้าโกรธจนขาวซีดมากกว่าเดิม มองอยู่นานไม่วางตาจนกระทั่งเสียงของฉู่อีอีดังขึ้น 


 


 


           “หนานเจวี๋ย อย่าคิดถึงเรื่องนี้แล้วเลย คุณพักผ่อนให้มากๆ เถอะ ดึกมากแล้ว คุณบาดเจ็บด้วยนอนดึกมากจะไม่ดี” 


 


 


 


 


 


       ตอนที่ 261 ความกระวนกระวายที่น่าประหลาด 


 


 


           ฉู่อีอีอารมณ์ดีมาก เพียงแต่บนใบหน้ากลับมีท่าทางเจ็บปวด คำพูดที่เอ่ยนั้นอ่อนโยน 


 


 


           หยุดความนึกคิด เผยหนานเจวี๋ยเอนตัวนอนลงบนเตียงจากการประคองของฉู่อีอี หลังจากนอนลงเรียบร้อย สายตาเย็นชาของเผยหนานเจวี๋ยจับจ้องฉู่อีอี แววตามีความล้ำลึก 


 


 


           มองดูใบหน้าที่สดใสของฉู่อีอี เขาถอนหายใจเบาๆ อยู่ในใจ หวังว่าเธอจะไม่หลอกเขา หวังว่าเรื่องในครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเธอ 


 


 


           จ้องมองสายตาของเผยหนานเจวี๋ย อารมณ์ดีของฉู่อีอีในตอนแรกถูกแทนที่ด้วยความกลัว แต่ว่าบนใบหน้ากลับแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง “หนานเจวี๋ย ทำไมคุณมองฉันแบบนั้น” 


 


 


           เขาคงไม่ได้สงสัยเธอหรอกนะ หนึ่งวินาทีที่แล้วยังมีความสุขอยู่เลยแต่วินาทีต่อมากลับถูกความคิดของตัวเองทำให้ตกใจกลัวซะเอง ไม่หรอก เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสงสัยเธอ เธอคิดมากเกินไปแล้ว 


 


 


           “ไม่มีอะไร” กล่าวเฉยเมย เผยหนานเจวี๋ยหลับตาลง 


 


 


           ริมฝีปากแดงของฉู่อีอีอ้าออก ครุ่นคิด จากนั้นก็เอ่ยปาก “หนานเจวี๋ย คราวหน้าอย่าให้ฉันเป็นห่วงอีกได้หรือเปล่า ไม่ว่าจะเป็นใคร คุณต้องป้องกันตัวเองให้ดีก่อนโอเคไหม” 


 


 


           “เห็นคุณบาดเจ็บ ตรงนี้ของฉันก็เจ็บไปด้วย” พูดจบ นิ้วที่ซีดขาวชี้ไปยังตำแหน่งของหัวใจ มอง 


 


 


เผยหนานเจวี๋ยพูดด้วยความรักลึกซึ้ง 


 


 


           แม้จะพูดเช่นนี้ แต่ว่าหัวใจของฉู่อีอีกลับเกลียดฉู่เจียเสวียนเหลือแสน 


 


 


           ฉู่เจียเสวียนบัดซบ ทำไมถึงโชคดีตลอดเลย ถ้าหากไม่มีเผยหนานเจวี๋ย คืนนี้เธอก็คงถูกแทงกลายเป็นผีไปแล้ว 


 


 


           ในใจยิ่งคิดยิ่งโมโห เธอได้ทุกอย่างมาด้วยความยากลำบาก หรือจะให้ฉู่เจียเสวียนแย่งไปทั้งแบบนี้เหรอไง 


 


 


           คืนนี้รู้สึกได้ถึงความผิดปกติที่เผยหนานเจวี๋ยมีต่อฉู่เจียเสวียนได้อย่างชัดเจน หัวใจของฉู่อีอีก็รู้สึกกระวนกระวาย 


 


 


           คำพูดของฉู่อีอีไม่ทำให้หัวใจของเผยหนานเจวี๋ยมีความรู้สึกใดๆ ผู้หญิงคนนี้คือผู้หญิงที่ตัวเองรัก ตอนนี้เห็นเธอเป็นห่วงเขาถึงเพียงนี้ ทำไมหัวใจของเขากลับไม่มีความดีใจเลยสักนิด 


 


 


           ยังไม่ทันได้ตอบ คำพูดของฉู่อีอีก็ดังขึ้นอีกครั้ง “หนานเจวี๋ย ทำไมคุณถึงบังเอิญเจอพี่สาวล่ะ หรือว่าพวกคุณนัดกันหรือเปล่า” 


 


 


           เธอเกลียดที่สุด เห็นได้ชัดว่ามันคือแผนการไร้ที่ติ แต่เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเผยหนานเจวี๋ยจะปรากฏตัวมาช่วยฉู่เจียเสวียน ทำไมเขาถึงผ่านไปตรงนั้นกันแน่ นั่นไม่ใช่ทางผ่านของเขาอย่างแน่นอน 


 


 


           “บังเอิญผมนัดกับลูกค้า การไปช่วยเขาเป็นเรื่องบังเอิญ” เอ่ยปากอธิบายเรียบๆ ว่าเขาเจอฉู่เจียเสวียนได้อย่างไร หลับตาลงแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ต้องการคุยเรื่องนี้กับฉู่อีอีอีก 


 


 


           เห็นอาการของเผยหนานเจวี๋ยที่ไม่ต้องการพูดอะไรมาก ฉู่อีอีก็รู้สึกไม่สบายใจ มองดูสองตาที่ปิดสนิทของเขา แววตาเผยความเกลียดชัง 


 


 


           คิดถึงสีหน้าเป็นห่วงของเผยหนานเจวี๋ยที่มองฉู่เจียเสวียนคืนนี้ เขาพูดแค่การช่วยเธอเป็นเรื่องบังเอิญ หึหึ การรับมีดแทนเธอก็เป็นเรื่องบังเอิญงั้นเหรอ 


 


 


           คำพูดเช่นนี้ เขาพูดกับเธอได้อย่างไร ทำไมก่อนที่เขาจะพูดถึงไม่คิดเลยสักนิด เขาไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของเธอเลยหรือไง 


 


 


           ตอนนี้เขามีฉู่เจียเสวียนอยู่ในใจแล้วใช่หรือเปล่า ไม่อย่างนั้นเขาจะรับมีดแทนเธอทำไม 


 


 


           “จริงเหรอ คุณแน่ใจเหรอว่าไม่ได้นัดกับพี่สาว” เอ่ยปากสงสัย น้ำเสียงเจือปนด้วยคำถาม สายตาของ 


 


 


ฉู่อีอีที่มองเผยหนานเจวี๋ยเผยให้เห็นความเจ็บปวด 


 


 


           “นี่คุณหมายความว่ายังไง ผมช่วยพี่สาวคุณ คุณควรจะดีใจไม่ใช่เหรอ” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยถาม เขาไม่รู้สึกว่าการช่วยฉู่เจียเสวียนเป็นเรื่องผิดปกติอะไร ยิ่งไปกว่านั้น เขาแค่บังเอิญผ่านไปจริงๆ 


 


 


           เมื่อได้ยินคำถามของฉู่อีอี เขาขมวดคิ้วแน่น แววตาเผยความไม่พอใจ การช่วยคนมันผิดตรงไหน เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าฉู่อีอีที่อ่อนโยนน่ารักก่อนหน้านี้ทำไมจู่ๆ ถึงกลายเป็นตึงเครียดขึ้นมา 



      ตอนที่ 262 สงสัย


 


 


           ในหัวอดไม่ไหวที่จะคิดถึงฉู่เจียเสวียน คืนนี้เธอคงจะตกใจมากสินะ คิดถึงดวงตาที่เปื้อนน้ำตาของเธอคืนนี้แล้ว บางแห่งในหัวใจก็รู้สึกตื้นตันขึ้นมา


 


 


           สบสายตากับเผยหนานเจวี๋ย เธอเห็นความหุนหันในดวงตาของเขา แววตานั้นทำให้ฉู่อีอีรู้สึกเจ็บในใจ แม้แต่แววตาที่มองเผยหนานเจวี๋ยก็เผยความเจ็บปวด “หนานเจวี๋ย ฉันดีใจมากที่คุณช่วยพี่สาว ฉันก็เชื่อคุณ คุณคือคนที่ฉันรักที่สุด ฉันหวังว่าคุณจะไม่หลอกฉัน”


 


 


           “ผมไม่ได้โกหกคุณ” สีหน้าบนใบหน้าของเผยหนานเจวี๋ยเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด แววตาที่เยือกเย็นเผยให้เห็นความคลุมเครือ


 


 


           บรรยากาศเงียบงันภายในพริบตา ฉู่อีอีเม้มริมฝีปากแดง แม้ว่าหัวใจของเธอจะเต็มไปด้วยความโกรธเธอก็ไม่สามารถแสดงออกได้ในเวลาเช่นนี้


 


 


           พอรู้ว่าตอนนี้เผยหนานเจวี๋ยโมโห หัวใจของฉู่อีอีก็ว้าวุ่นเล็กน้อย เมื่อก่อน ไม่ว่าฉู่อีอีจะวุ่นวายมากแค่ไหน เผยหนานเจวี๋ยก็จะไม่มีน้ำเสียงไร้ความอดทนเหมือนเช่นตอนนี้


 


 


           ตอนนี้ที่เผยหนานเจวี๋ยเป็นแบบนี้ทั้งหมดเป็นเพราะฉู่เจียเสวียนคนนั้น


 


 


           ถ้าหากไม่มีเธอ เธอจะทำให้เผยหนานเจวี๋ยโกรธได้อย่างไร เธอจะใช้ความคิดมากมายขนาดนั้นในการจัดการเธอไปเพื่ออะไร


 


 


           ไม่ว่าจะอย่างไร เธอก็ไม่อยากเสียเผยหนานเจวี๋ยไป เมื่อเอ่ยปากพูด สีหน้าที่เดิมทีเกรี้ยวกราดก็ถูกแทนที่ด้วยความเจ็บปวด “หนานเจวี๋ย คุณอย่าโกรธเลย ฉันก็แค่เป็นห่วงคุณ ต่อไปฉันจะไม่สงสัยคุณอีกแล้ว”


 


 


           ต่อหน้าเผยหนานเจวี๋ย ฉู่อีอีจำเป็นต้องประนีประนอมไม่สามารถทำตามใจนึกได้ เธอเกรงว่าหากเผยหนานเจวี๋ยโมโหแล้วก็จะไม่ต้องการเธอ เธอไม่อาจที่จะเสียพนันได้ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ฉู่เจียเสวียนปรากฏตัวแล้ว เธอยิ่งไม่สามารถทำเรื่องวุ่นวายได้


 


 


           ยิ่งตกดึกขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศภายในรถเงียบสงัด ฉู่เจียเสวียนเหม่อมองทิวทัศน์นอกหน้าต่าง


 


 


กงจวิ้นฉือเหลือบมองฉู่เจียเสวียน ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน จากนั้นก็เอ่ยปาก “”พวกเราไปหาอะไรดื่มกันแล้วค่อยส่งคุณกลับบ้านเถอะ”


 


 


           มองเห็นร้านน้ำชาร้านหนึ่ง กงจวิ้นฉือกล่าว


 


 


           ฉู่เจียเสวียนดึงสติกลับมาแล้วพยักหน้า


 


 


           รถหยุดลง กงจวิ้นฉือกับฉู่เจียเสวียนลงจากรถแล้วเข้าร้านกาแฟไป หลังจากนั่งลงและสั่งกาแฟสองแก้วกับบริกรแล้ว กงจวิ้นฉือเอ่ยถามฉู่เจียเสวียนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น


 


 


           “วันนี้ฉู่อีอีนัดเจอฉัน…” ฉู่เจียเสวียนเปิดเรื่อง เล่าเรื่องที่ผ่านมาให้กงจวิ้นฉือฟัง


 


 


           “คุณไปเจอฉู่อีอีที่โรงแรมไหน?”


 


 


           “โรงแรมซื่อเหา” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยตอบ ดวงตาที่มองกงจวิ้นฉือมีความจนใจ แววตาอ่อนล้าเล็กน้อย


 


 


           โรงแรมซื่อเหา? ที่นั่นน่าจะมีกล้อง คิดอยู่ในใจ ใบหน้าเผยอาการครุ่นคิด


 


 


           “เผยหนานเจวี๋ยบาดเจ็บได้ยังไง”


 


 


           ถามข้อสงสัยในใจ ฉู่เจียเสวียนเม้มริมฝีปากแดง จากนั้นก็เล่าให้เขาฟังว่าทำไมเผยหนานเจวี๋ยถึงบาดเจ็บ


 


 


           วันนี้เกิดเรื่องมากมายจริงๆ มากเสียจนเธอตอบสนองไม่ทัน หัวใจรู้สึกอิดโรยในพริบตา นึกถึงเหตุการณ์อันตรายในคืนนี้ คิดไม่ถึงว่าเผยหนานเจวี๋ยจะช่วยเธอในช่วงเวลาที่สำคัญจริงๆ


 


 


           “เจียเสวียน คุณอย่าคิดมาก เผยหนานเจวี๋ยช่วยคุณไว้ ผมจะขอบคุณเขาอย่างงาม ต่อไปคุณมีเรื่องอะไรอย่าลืมว่าจะต้องโทรหาผม ตอนนี้พวกเราเป็นแฟนกันนะ”


 


 


           มือใหญ่โตที่อบอุ่นของกงจวิ้นฉือกุมมือของฉู่เจียเสวียนที่อยู่บนโต๊ะ ดวงตาที่มองเธอเปี่ยมไปด้วยความรักลึกซึ้ง


 


 


           ไม่ว่าเมื่อใด เขาหวังว่าคนที่คอยปกป้องอยู่ข้างกายเธอจะเป็นเขา


 


 


           “ขอบคุณนะจวิ้นฉือ” ฉู่เจียเสวียนมองกงจวิ้นฉือพร้อมกับพูด บนใบหน้ามีความรู้สึกขอบคุณ


 


 


           คืนนี้เขาเลือกที่จะเชื่อเธอโดยไม่มีเงื่อนไข หัวใจเธอซาบซึ้งเป็นอย่างมาก ไม่เคยมีใครดีกับเธอเช่นนี้เลย


 


 


           “เจียเสวียน ระหว่างพวกเราไม่จำเป็นต้องพูดว่าขอบคุณ พรุ่งนี้ผมกับคุณไปหาหลักฐานกัน พิสูจน์ว่าคุณบริสุทธิ์ ผมเชื่อว่าเรื่องนั้นจะต้องเป็นการเข้าใจผิดอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นเมื่อพิสูจน์ว่าคุณบริสุทธิ์ ระหว่างคุณกับเผยหนานเจวี๋ยก็หมดเรื่องคาใจแล้ว”


 


 


 


 


       ตอนที่ 263 ความทรงจำเลือนลาง


 


 


           “อืม”


 


 


           พยักหน้า จิบกาแฟเบาๆ มองกงจวิ้นฉือด้วยมุมปากแดงที่ยกยิ้มทำมุมสวยงาม


 


 


           “งั้นพวกเราไปเถอะ” พูดจบ กงจวิ้นฉือดึงมือของฉู่เจียเสวียน เดินออกไปจากร้านกาแฟ


 


 


           ที่วิลล่า ทิวทัศน์ยามราตรีนอกหน้าต่างยิ่งคลุมเครือขึ้นเรื่อยๆ ฉู่เจียเสวียนนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง ทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ แววตาของเผยหนานเจวี๋ยที่มองเธอขณะรับมีดแทนเธอนั้นปรากฏอยู่ในหัวไม่หยุดหย่อน


 


 


           แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่ว่าเธอยังอ่านดวงตาของเขาออกราวกับว่าโชคดีที่คนที่ได้รับบาดเจ็บไม่ใช่เธอ


 


 


           เธอไม่เข้าใจ ในจังหวะหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนั้น เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะโผล่มา ยิ่งคิดในใจก็ยิ่งสับสน ในชั่วขณะนั้นเอง เธอเกิดภาพมายา นึกว่าคนที่เขาชอบคือเธอ สะบัดหัว ต้องการจะสะบัดความคิดในหัวออกไป


 


 


           เอื้อมมือเปิดไฟ จากนั้นก็เปิดลิ้นชักชั้นล่างสุดของโต๊ะ หยิบกระเป๋าสตางค์ในนั้นขึ้นมาแล้วเปิดออก หยิบรูปถ่ายชั้นตรงกลางออกมา


 


 


           ในภาพถ่าย ฉู่เจียเสวียนยิ้มสดใส และด้านหลังของเธอมีเผยหนานเจวี๋ยยืนอยู่ที่ไกลๆ ใบหน้ามีรอยยิ้มเย็นชา


 


 


           มองดูรูปถ่ายใบนี้ เธอรู้สึกระคายเคืองตา น้ำตาไหลออกมาโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า ใบหน้าที่ปราณีตงดงามเต็มไปด้วยน้ำตาในฉับพลัน


 


 


           ว่ากันว่าเรื่องความรู้สึกไม่มีผิดถูก ไม่มีการมาก่อนมาหลัง เพียงแค่ต้องเจอคนที่ใช่ในเวลาที่ใช่ นั่นจึงจะเป็นเวลาที่ดีที่สุด แต่ว่า เมื่อเธอตกหลุมรักคนที่ไม่ควรรักในช่วงวัยที่เบ่งบานที่สุด เธอก็เหมือนกับแมงเม่าที่บินเข้ากองไฟ


 


 


           เธอเคยคิดว่าเธอคือผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลกใบนี้ ทุกอย่างเป็นเพียงฉากฝันของเธอเท่านั้น


 


 


           ยื่นมือลูกบคลำรูปถ่ายที่ขณะนี้เลือนลางไปบ้างแล้ว หลับตาลง ภาพในอดีตผุดขึ้นในหัวทีละฉากๆ ที่แท้ความทรงจำของเธอยังคงชัดเจนเพียงนั้น


 


 


           เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ แต่ละฉากวนเวียนอยู่ในหัวของเธออย่างต่อเนื่อง เธอไม่เคยเป็นผู้หญิงที่เขารักและไม่มีวันเป็น


 


 


           หึหึ ผู้ชายคนนั้นที่รักสุดชีวิต จนกระทั่งวันนี้ เขาก็ยังคงใช้น้ำเสียงเคลือบแคลงใจเมื่อสามปีก่อนพูดกับเธอ


 


 


           เฮ้อ ถอนหายใจเงียบๆ เก็บรูปถ่าย ปิดไฟ นอนลงบนเตียงอีกครั้ง


 


 


           นึกถึงกงจวิ้นฉือในหัว เธอไม่รู้จริงๆ ว่าคิดอย่างไรกับเขา แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะเป็นแฟนกัน แต่ว่ากับเขาแล้ว เธอมักจะรู้สึกถึงระยะห่างอันแปลกประหลาดระหว่างพวกเขาเสมอ


 


 


           ไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่าส่วนลึกในหัวใจของเธอยังไม่ลืมเผยหนานเจวี๋ยหรือเปล่า ทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันกับเขา เธอมักจะต้องการรักษาระยะห่างโดยไม่รู้ตัว และความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทำอย่างก็ไม่พัฒนาไปอีกขั้น


 


 


           ยิ่งคิดก็ยิ่งเหนื่อยใจ เปลือกตาหนักอึ้ง ในที่สุดก็หลับตาลงอย่างช้าๆ ไปพร้อมกับสายลมยามค่ำคืน


 


 


           คนบางคน เรื่องบางคน จะค่อยๆ หายไปตามกาลเวลาล่ะมั้ง


 


 


           จู่ๆ ก็นึกถึงเพลง ‘เดินไปเดินมาก็หายไปแล้ว’ มันมีเนื้อเพลงบางประโยคที่จับใจคนเป็นอย่างมาก


 


 


           มีบางคนเดินไปเดินมาก็หายไปแล้ว มีเรื่องบางเรื่องดูไปดูมาก็จางหายไปแล้ว


 


 


         มีสักกี่คนที่ไม่สามารถเข้าใจถึงความทุกข์ มีสักคนที่อาลัยอาวรณ์อย่างหมดหนทาง


 


 


         มีบางคนคิดไปคิดมาก็ลืมแล้ว มีบางความฝัน ฝันไปฝันมาก็ตื่นแล้ว


 


 


           จึงค้นพบว่าฉันในอดีตนั้นไร้เดียงสาเกินไป ความจริงมันโหดร้ายมาก


 


 


           บางที การที่เธอเคยรักผู้ชายคนหนึ่งเหมือนแมงเม่าที่บินเข้ากองไฟ ตอนนี้เธอก็ควรเรียนรู้ที่จะรักตัวเอง รักคนที่รักเธอถึงจะถูก


 


 


           มุมปากยิ้มเล็กน้อย ใบหน้าที่งดงามมีความกังวลที่มองไม่เห็น จากนั้นในที่สุดก็เข้าสู่ห้วงแห่งความฝันไป


 


 


           วันที่สอง ฉู่เจียเสวียนลืมตาก่อนที่นาฬิกาจะปลุกแล้ว หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เหลือบดูเวลา จากนั้นก็ลุกขึ้นนั่งแล้วออกไปจากเตียง



       ตอนที่ 264 สมัครคอร์สเรียนให้แม่


 


 


           ในห้องน้ำ มองดูเงาที่สะท้อนอยู่ในกระจกและรอยคล้ำใต้ดวงตาที่เห็นได้อย่างชัดเจน ถอนหายใจเบาๆ หยิบรองพื้นขึ้นมาโปะไปหลายรอบจึงจะสามารถปกปิดดวงตาแพนด้านั้นได้


 


 


           หลังจากแต่งหน้าบางๆ แล้ว สีหน้าของฉู่เจียเสวียนก็ดูดีขึ้นทันตา เธอเองก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้น


 


 


           พอแต่งหน้าเสร็จแล้ว ก็เปลี่ยนชุดสูทแฮนเมดสีสดใส เธอดูเปล่งปลั่งอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งเผยรูปร่างที่เพรียวบางของเธอและเสริมบุคลิกให้โดดเด่น


 


 


           ผมหยิกยาวปล่อยสยายอยู่ด้านหลัง ดูแล้วทั้งสง่างามและชวนน่าหลงใหล


 


 


           หลังจากตรวจดูเครื่องแต่งกายจนมั่นใจว่าไม่มีปัญหาแล้ว ฉู่เจียเสวียนจึงออกจากห้องและหันหลังลงบันไดไป


 


 


           ที่ชั้นล่าง ตอนนี้ซูซานซานทำอาหารเช้าเสร็จแล้ว ขณะที่กำลังคิดว่าจะขึ้นไปเรียกฉู่เจียเสวียนลงมาทานอาหารเช้าอยู่นั้น ฉู่เจียเสวียนก็ลงมาจากชั้นบนแล้ว


 


 


           “แม่คะ อรุญสวัสดิ์” เสียงที่สดใสดังขึ้น ฉู่เจียเสวียนนั่งลงที่โต๊ะกินข้าว ลงมือทานอาหารเช้าที่ซูซานซานเตรียมไว้ให้เธอ


 


 


           “แม่ยังคิดจะไปเรียกเธออยู่เลย ไม่คิดว่าเธอจะลงมาเองแล้ว” หลังจากนั่งลง ซูซานซานเอ่ยปาก ใบหน้าเปื้อนยิ้ม


 


 


           “ฉันน่ะตื่นนอนตรงเวลานะโอเครึเปล่า แม่คะ ถ้าแม่มีเวลาก็ออกไปเดินเล่นหน่อย อย่ามัวแต่อยู่ในบ้านทั้งวันเลย”


 


 


           เงยหน้าขึ้นมองซูซานซานพร้อมเอ่ยปาก


 


 


           ตั้งแต่ซูซานซานกลับมาก็ออกไปข้างนอกน้อยมาก เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการอยู่บ้านทำกับข้าว เธอกลัวจริงๆ ว่าหากแม่เธออยู่ในบ้านทั้งวันแบบนี้จะเบื่อหน่ายจนป่วย


 


 


           “งั้นฉันสมัครคอร์สเรียนให้แม่ดีหรือเปล่า มีเวลาก็ไปเรียนเต้นรำหรืออะไรก็ได้” ฉู่เจียเสวียนที่จู่ๆ นึกอะไรออกพูดขึ้น


 


 


           เธอชอบพวกละครเพลงอะไรพวกนี้ไม่ใช่เหรอ งั้นก็สมัครคอร์สที่สนใจให้เธอเลยแล้วกัน แบบนี้เธอจะได้ไม่ต้องกังวลว่าเธอจะเบื่อแล้ว


 


 


           “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวนี้ถ้าแม่มีเวลาก็จะออกไปเดินเล่น มีเวลาก็จะฝึกร้องเพลง จะสมัครคอร์สเรียนอะไรกัน” ซูซานซานเอ่ยปฏิเสธ รู้ว่าฉู่เจียเสวียนหวังว่ากับเธอ แต่ว่าตอนนี้เธอก็ใช้ชีวิตอย่างเติมเต็มทุกวันอยู่แล้ว


 


 


           มีเวลาก็ดูแลต้นไม้นิดหน่อยไม่ก็ซ้อมร้องเพลงอะไรเทือกนั้น ไม่ก็คิดค้นสูตรอาหาร ยุ่งจะแย่อยู่แล้ว จะมีเวลาไปลงเรียนคอร์สที่ไหนกัน อายุก็ไม่น้อยแล้วด้วย


 


 


           ปากแดงๆ อ้าเอ่ย ยังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น บทเพลงที่คุ้นเคยบทนั้นดังขึ้น ฉู่เจียเสวียนยิ้มให้ซูซานซาน จากนั้นก็รับสาย “ฮัลโหล จวิ้นฉือ คุณถึงแล้วยัง ได้ เดี๋ยวฉันจะออกไปเจอคุณ”


 


 


           พูดจบ ฉู่เจียเสวียนวางหู เงยหน้าขึ้นพบว่าซูซานซานกำลังจ้องเธอ ในใจอดสงสัยไม่ได้


 


 


           “แม่ แม่มองอะไรคะ หน้าฉันมีอะไรเหรอ” พูดพลางยื่นมือขึ้นมาเช็ด ฉู่เจียเสวียนเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของซูซานซานนึกสงสัยเล็กน้อย


 


 


           “เปล่า แค่จู่ๆ นึกถึงคราวก่อนที่ลูกไปเยี่ยมคุณย่าของจวิ้นฉือ เขาเป็นยังไงบ้าง” ซูซานซานเอ่ยถาม แววตาเปื้อนรอยยิ้ม


 


 


           ทันใดนั้นก็ตื่นตระหนกในใจ เรื่องที่ไปเจอคุณย่ากงจวิ้นฉือคราวก่อนแล้วเธอโมโหจนโรคหัวกำเริบ เธอไม่ได้เล่าให้ซูซานซานฟัง เพราะเธอกลัวว่าเธอจะเป็นกังวล


 


 


           ดังนั้นซูซานซานจึงไม่รู้เรื่องเรื่องที่คุณย่าของกงจวิ้นฉือเข้าโรงพยาบาล วันนี้เธอถามขึ้นกะทันหัน ทำให้ทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะหนึ่ง


 


 


           “ไม่มีอะไรค่ะ ไม่รู้ว่าคุณย่าเขาชอบฉันหรือเปล่า แม่คะ ฉันนัดกับจวิ้นฉือไว้ ฉันขอตัวก่อนนะ แม่ค่อยๆ กินเถอะ”


 


 


           ฉู่เจียเสวียนพูดจบ ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปยังประตู แอบถอนหายใจอยู่ในใจ


 


 


           “เธอไม่กินข้าวเช้าแล้วเหรอ” ซูซานซานลุกขึ้นตามฉู่เจียเสวียนไป มองดูเธอเปลี่ยนรองเท้า


 


 


           “ฉันกินอิ่มแล้ว แม่ แม่รีบกินเถอะ บายๆ” หลังจากเปลี่ยนรองเท้าแล้ว ฉู่เจียเสวียนเอื้อมมือไปกอดซูซานซาน จากนั้นก็ปล่อยมือแล้วออกจากบ้านไป


 


 


           ที่หน้าประตู ซูซานซานมองดูเงาที่เพรียวบางของฉู่เจียเสวียน ใบหน้าเปื้อนยิ้ม หลังจากมองรถของฉู่เจียเสวียนลับสายตาไปแล้ว เธอจึงละสายตา ปิดประตูเดินไปยังโต๊ะกินข้าว แล้วกินข้าวเช้าต่อ


 


 


 


 


      ตอนที่ 265 สองคนไม่ติดค้างกัน


 


 


           ภายในรถ หลังจากฉู่เจียเสวียนขับรถออกมาแล้ว หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดโทรหากงจวิ้นฉือ


 


 


           หลังจากความเงียบครู่หนึ่ง โทรศัพท์ก็ถูกรับสาย ที่ปลายสาย ตอนนี้รถของกงจวิ้นฉือมาถึงโรงแรมซื่อเหาแล้ว


 


 


           โทรศัพท์มือถือดังขึ้น เมื่อเห็นคำว่า “ฉู่เจียเสวียน” สามคำนี้อยู่บนหน้าจอ รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งอ่อนโยนลง


 


 


           “จวิ้นฉือ คุณถึงแล้วยัง” เสียงที่สดใสและอ่อนหวานดังขึ้น ใบหน้าของฉู่เจียเสวียนมีรอยยิ้ม


 


 


           “ผมถึงแล้ว เมื่อไรคุณจะถึงเหรอ ทางนี้ผมทักทายกับผู้จัดการแล้ว รอคุณมาถึง พวกเราก็ไปดูกล้องด้วยกัน” เสียงอบอุ่นเสนาะหูดังขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาของกงจวิ้นฉือเปื้อนยิ้ม


 


 


           ดูเหมือนว่าไม่ว่าเวลาไหน เพียงแค่เขาได้ยินเสียงของฉู่เจียเสวียนหรือเวลาที่เห็นฉู่เจียเสวียน ใบหน้าของเขาก็มักจะมีรอยยิ้มอยู่เสมอ


 


 


           “ฉันเกือบถึงแล้ว เดี๋ยวเจอกัน” พูดจบ ฉู่เจียเสวียนหมุนพวงมาลัย ทันทีที่เลี้ยวตัวอักษรขนาดใหญ่สีทองระยิบระยับของโรงแรมซื่อเหาก็ปรากฏขึ้นสู่สายตา ริมฝีปากแดงยกยิ้ม รอยยิ้มเย็นชาผุดอยู่บนใบหน้าของฉู่เจียเสวียน


 


 


           ประเดี๋ยวก็จะได้หลักฐานแล้ว จะมีคนหน้าแตกเพราะคำพูดแล้ว เธอดึงความคิดกลับมาแล้วจอดรถ พอลงจากรถก็เห็นเงาสูงใหญ่และเด่นเป็นสง่าของกงจวิ้นฉือจากที่ไกลๆ ก้าวเท้าเดินไปหาเขา


 


 


           “จวิ้นฉือ รอนานแล้วยัง” หยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขา บนใบหน้าของฉู่เจียเสวียนมีรอยยิ้มเชิงขอโทษ


 


 


           ทำให้เขาต้องเป็นห่วงเรื่องของเธอ ในใจของเธอรู้สึกผิดจริงๆ


 


 


           “ผมก็เพิ่งมาถึง พวกเราเข้าไปก่อนเถอะ” พูดจบ กงจวิ้นฉือนำเข้าโรงแรมไปก่อน ฉู่เจียเสวียนตามไปข้างๆ


 


 


           ในห้องควบคุม หลังจากฉู่เจียเสวียนบอกวันเวลาและเจาะจงตำแหน่งที่นั่งให้แก่ผู้จัดการโรงแรมแล้ว ผู้จัดการโรงแรมสั่งให้พนักงานควบคุมดึงคลิปให้ฉู่เจียเสวียนและกงจวิ้นฉือดูทันที


 


 


           สายตาจ้องไปที่กล้องไม่กระพริบ มองดูในกล้อง ฉู่อีอีคุกเข่าลงกับพื้น อาศัยจังหวะที่ฉู่เจียเสวียนไม่ระวังตัว แอบยื่นมือไปที่กระเป๋าของฉู่เจียเสวียนแล้วเอาสร้อยคอใส่ลงไปในกระเป๋าของเธอ


 


 


           เป็นไปตามคาด ฉู่อีอี ครั้งนี้ฉันจะดูว่าเธอยังมีอะไรจะพูดอีก เชื่อว่าเมื่อมีหลักฐานที่แน่นหนาขนาดนี้ ความไร้มนทินของเธอไม่ต้องล้างด้วยน้ำก็สะอาดแล้ว


 


 


           หลังจากขอผู้จัดการให้ทำการคัดลอกภาพจากกล้องวงจรปิดแล้ว ฉู่เจียเสวียนกับกงจวิ้นฉือรีบไปยังโรงพยาบาลทันที


 


 


           เดิมทีเธอรู้สึกผิดต่อเผยหนานเจวี๋ยเล็กน้อย แต่ว่าตอนนี้ ความรู้สึกผิดนั้นได้หายไปจากหัวใจของเธออย่างไร้ร่องรอยแล้ว


 


 


           โดยเฉพาะตอนที่ได้ยินน้ำเสียงในคำถามของเผยหนานเจวี๋ย ความอัปยศในใจของเธอทำให้เธอจมดิ่ง ตอนนี้หลักฐานอยู่ในมือของเธอแล้ว พิสูจน์ได้แล้วว่าเรื่องทั้งหมดไม่เกี่ยวกับเธอ เธออยากจะดูว่าครั้งนี้เผยหนานเจวี๋ยยังจะพูดอะไรอีก


 


 


           จอดรถเรียบร้อยแล้ว ฉู่เจียเสวียนกับกงจวิ้นฉือลงมาจากรถ และตรงไปยังห้องผู้ป่วยของเผยหนานเจวี๋นทันที


 


 


           ในห้องผู้ป่วย เผยหนานเจวี๋ยกึ่งนั่งอยู่บนเตียง ในห้องผู้ป่วยมีเขาเพียงคนเดียว ฉู่อีอีออกไปซื้อข้าวให้เขา


 


 


           จู่ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ดึงความคิดกลับมา มองดูทั้งสองคนที่เดินเข้ามาจากข้างนอก ทันใดนั้นก็รู้สึกโกรธในใจ สองคนนี้ตัวติดกันจริงๆ ไม่ว่าเวลาไหนก็อยู่ด้วยกันตลอด


 


 


           “คุณเผย รบกวนแล้ว ที่ฉันมาวันนี้เพราะอยากให้คุณดูอะไรบางอย่าง” ทำทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว ฉู่เจียเสวียนพูดจบ เอื้อมมือหยิบคลิปภาพที่เพิ่งคัดลอกออกมาจากกระเป๋า ยื่นโทรศัพท์มือถือไปให้เผยหนานเจวี๋ย


 


 


           รับมาด้วยความสงสัย เมื่อเห็นเนื้อหาข้างในแล้ว สีหน้าของเผยหนานเจวี๋ยก็เปลี่ยนเป็นดูไม่ได้


 


 


           “คุณเผย เชื่อว่าตอนนี้คุณคงเข้าใจแล้ว ต่อจากนี้ไปพวกเราสองคนไม่ติดค้างกันอีก” พูดจบ ไม่รอให้เผยหนานเจวี๋ยตอบกลับ ลากกงจวิ้นฉือออกจากห้องผู้ป่วยของเขาไปแล้ว


    ตอนที่ 266 คำขอโทษครั้งแรกของเผยหนานเจวี๋ย 


 


 


           “เดี๋ยวก่อน…” เผยหนานเจวี๋ยเจ็บปวดใจ มือที่ถือเครื่องเล่นวีดีโอนั้นกำแน่นไม่หยุด เงยหน้ามองฉู่เจียเสวียนดวงตาเผยความเจ็บปวด 


 


 


           เมื่อได้ยินว่าพวกเขาไม่ติดค้างกันอีก หัวใจของเขาเหมือนกับว่างเปล่า ทรมานปางตาย 


 


 


           และสาเหตุที่ทำให้เขาทรมานขนาดนั้นก็เป็นเพราะฉู่เจียเสวียน เมื่อเห็นคลิปในเครื่องเล่นวีดีโอแล้ว นึกถึงน้ำเสียงที่ถามฉู่เจียเสวียนเมื่อคืน เขาหายใจไม่ออก มันเป็นความผิดของเขา เขาไม่เชื่อเธอ 


 


 


           เขาไม่ควรเชื่อคำพูดของฉู่อีอีเพียงฝ่ายเดียว ตอนนี้คลิปได้อธิบายทุกอย่างแล้ว เพราะเขาผิดเอง เขามองเธอผิดไปแล้ว 


 


 


           หากกล่าวขอโทษตอนนี้ เธอจะยอมรับหรือเปล่า คำที่ต้องการจะพูดติดอยู่ในลำคอ ลูกกระเดือกเกลือกกลิ้งไปมา พูดอะไรไม่ออก 


 


 


           หันหลับมามองใบหน้าที่หล่อเหลาของเผยหนานเจวี๋ย รอเนิ่นนานก็ไม่ได้ยินเผยหนานเจวี๋ยพูดอะไร ริมฝีปากแดงยกยิ้ม “หรือว่าคุณเผยอยากเลี้ยงน้ำชาฉัน หรือคิดว่าคลิปนี้เป็นของปลอม” 


 


 


           เอ่ยปากเย็นชา น้ำเสียงมีความเฉียบคม 


 


 


           เพิ่งพูดจบ คำที่หลุดออกมาจากปากของเผยหนานเจวี๋ยกลับทำให้เธอตื่นตกใจ 


 


 


           “ขอโทษ เพราะผมไม่ถามสาเหตุให้ชัดเอง” สีหน้ารู้สึกผิด ดวงตาที่มองฉู่เจียเสวียนเผยให้เห็นความเจ็บปวด แววตานั้นทำให้ฉู่เจียเสวียนอึ้งไปครู่หนึ่ง 


 


 


           ตั้งแต่ที่กงจวิ้นฉือเข้าห้องผู้ป่วยมา ก็ยืนอยู่ข้างๆ โดยตลอด ปล่อยให้ฉู่เจียเสวียนจัดการเรื่องนี้ คอยเป็นองครักษ์ของเธอ 


 


 


           ได้ยินคำขอโทษของเผยหนานเจวี๋ย ฉู่เจียเสวียนกับกงจวิ้นฉือตกใจไปครู่หนึ่ง ราวกับว่าฟังอะไรผิดไป คิดไม่ถึงว่าเผยหนานเจวี๋ยผู้สูงส่งก็เอ่ยปากขอโทษเป็นเหมือนกัน 


 


 


           เพียงแต่ฉู่เจียเสวียนไม่ต้องการคำขอโทษของเขา 


 


 


           ระหว่างที่กำลังเหม่อลอยนั้น ริมฝีปากแดงยกขึ้น “ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก คุณเผย ตอนนี้เรื่องก็ชัดเจนแล้ว ปีนี้ฉันไม่ติดค้างอะไรคุณแล้ว รักษาตัวด้วย” 


 


 


           ครั้งนี้พอพูดจบ ฉู่เจียเสวียนไม่รอให้เผยหนานเจวี๋ยตอบก็เดินออกไปจากห้องผู้ป่วยโดยไม่หันกลับมามอง ส่วนกงจวิ้นฉือที่ยืนอยู่ข้างๆ ชำเลืองมองเผยหนานเจวี๋ยอย่างล้ำลึก จากนั้นก็เดินออกจากห้องผู้ป่วยไปแล้ว 


 


 


           ยังเดินไม่ทันเท่าไร เสียงของเผยหนานเจวี๋ยดังขึ้น “ทำไมคุณถึงเชื่อเขาโดยไม่ได้คิดอะไรเลย” 


 


 


           นึกถึงเมื่อคืนภายใต้สถานการณ์ที่กงจวิ้นฉือยังไม่รู้สาเหตุก็เลือกที่จะเชื่อเธอโดยไม่มีเงื่อนไข เขาประหลาดใจจริงๆ ถ้าหากในคลิปฉู่เจียเสวียนเป็นคนขโมยสร้อยจริงๆ จะทำอย่างไร เขายังจะเชื่อเธออยู่ไหม 


 


 


           คำถามต่างๆ ผุดขึ้นมาในหัวใจนับไม่ถ้วน แต่กงจวิ้นฉือกลับช่วยแก้ปัญหาคาใจของเขา 


 


 


           “เพราะว่าเขาคือผู้หญิงที่ผมรัก ผมรู้ดีว่าเขาเป็นคนยังไง รักเขาก็ควรจะเชื่อเขา แต่ว่า ผมคิดว่าคุณเผยคงไม่เข้าใจว่าอะไรคือความรัก” ถ้าหากเข้าใจตอนนั้นเขาก็คงไม่ทำร้ายหัวใจฉู่เจียเสวียนขนาดนั้น 


 


 


           ใบหน้าหล่อเหลาเปื้อนรอยยิ้ม พยักหน้าให้เผยหนานเจวี๋ยตามมารยาท จากนั้นก็หันหลังออกไปจากห้องผู้ป่วยแล้วตามฉู่เจียเสวียนไป 


 


 


           “เพราะว่าเขาคือผู้หญิงที่ผมรัก ผมรู้ดีว่าเขาเป็นคนยังไง รักเขาก็ควรจะเชื่อเขา” คำพูดของกงจวิ้นฉือก่อนที่จะจากไปดังอยู่ในหัวไม่ขาดสาย 


 


 


           มือที่ถือเครื่องเล่นวีดีโอกำแน่นไม่หยุด ข้อมือกลายเป็นสีขาว ดวงตาเผยความเยือกเย็น 


 


 


           ทำไม ทำไมเรื่องถึงกลายเป็นแบบนี้ ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าดวงตาทั้งคู่ของเขาถูกอะไรบดบังอยู่ตลอดเวลา 


 


 


           รู้สึกโมโหในใจ ฉู่อีอี ทำไมคุณต้องหลอกผม พร่ำบอกว่าผมคือคนที่คุณรัก แต่ว่าคุณรักผมแบบนี้เหรอ 


 


 


           ที่ทางเดินของโรงพยาบาล ฉู่เจียเสวียนกับกงจวิ้นฉือเดินคู่กัน เงยหน้าขึ้นเห็นเงาของฉู่อีอีเดินตรงมา ทั้งสองคนมองหน้ากัน มองตาของกันและกันก็เข้าใจ 


 


 


           ถ้าปล่อยให้เธอรู้ว่าตอนนี้เผยหนานเจวี๋ยได้ดูคลิปแล้ว เธอจะคิดอย่างไร ยังจะแสร้งทำเป็นน่าสงสารอยู่อีกไหม หึหึ ฉู่เจียเสวียนยิ้มเยาะอยู่ในใจ 


 


 


 


 


 


      ตอนที่ 267 คำใบ้ 


 


 


           ฉู่อีอีถือกล่องข้าวอยู่ในมือ ขณะที่เห็นฉู่เจียเสวียน จู่ๆ ก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี เปลือกตากระตุก 


 


 


           ขณะที่ทั้งสองคนเจอหน้ากัน ฉู่อีอีสังเกตเห็นรอยยิ้มในแววตาของฉู่เจียเสวียน ไฟประหลาดก่อตัวขึ้นภายในใจ แต่ว่าเมื่อกวาดตาเห็นกงจวิ้นฉือข้างกายเธอ ก็กลืนคำที่ต้องการดูถูกเหยียดหยามเธอกลับเข้าไปแล้ว 


 


 


           “คุณหนูฉู่ บังเอิญจังเลย” ไม่รอให่ฉู่อีอีเอ่ยปาก ฉู่เจียเสวียนชิงพูดก่อน 


 


 


           ไม่รู้ว่าทำไม พอฉู่อีอีได้ยินคำพูดของฉู่เจียเสวียนแล้ว รู้สึกว่าในคำพูดของเธอแม้เปื้อนด้วยรอยยิ้มแต่กลับทำให้เธอรู้สึกถึงความเยือกเย็น 


 


 


           ริมฝีปากแดงเม้มกัน ฉู่อีอีเหลือบมองกงจวินฉือ พบว่าใบหน้าของเขามีรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม จากนั้นก็มองไปยังฉู่เจียเสวียน “เธอคิดจะทำอะไร” 


 


 


           “คุณหนูฉู่ถามอะไรตลกจังเลย ก็แค่ทักทายกันเท่านั้น อ้อ จริงสิ ในเมื่อพวกเราเจอกันแล้ว ฉันรู้สึกว่าจำเป็นต้องแนะนำคุณสักหน่อย เมืองจีนมีคำพูดโบราณที่ว่า ‘ถ้าไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ จงอย่าทำเสียดีกว่า’ คุณก็ทำตัวให้ดีๆ เถอะ” 


 


 


           “จวิ้นฉือ พวกเรากลับ” ไม่ชักช้า ดึงมือของกงจวิ้นฉือ ก้าวเท้ายาวๆ เดินออกไป 


 


 


           คำพูดของฉู่เจียเสวียนทำให้หัวใจของฉู่อีอีเต้นระรัว เธอพูดแบบนี้หมายความว่าอะไร ตื่นตระหนกในใจ ยื่นมือรั้งฉู่เจียเสวียน ปากแดงๆ อ้าออกเล็กน้อย แววตาเผยความว้าวุ่นใจ “เธอหมายความว่าอะไร พูดให้ชัด” 


 


 


           ดวงตาที่เย็นชากวาดมองฉู่อีอี มองดูเธอที่ในขณะนี้เหมือนมีท่าทางกระวนกระวายเล็กน้อย ความเยือกเย็นในใจของเธอยิ่งล้ำลึก 


 


 


           “เปล่า ก็แค่เป็นคำใบ้เท่านั้น” พูดจบ รอยยิ้มบนใบหน้าสดใสขึ้นมา ครั้งนี้เธอไม่ใส่ใจฉู่อีอีจริงๆ แล้วเดินออกไปจากโรงพยาบาลพร้อมกับกงจวิ้นฉือทันที 


 


 


           เธอทำอะไรก็รู้ดีอยู่แก่ใจเธอเอง ทำไมต้องพูดให้ชัดเจนด้วย ประเดี๋ยวตอนที่เธอเจอกับเผยหนานเจวี๋ยก็จะรู้เองว่าเกิดอะไรขึ้นไม่ใช่เหรอ เพียงแต่เผยหนานเจวี๋ยจะทำกับเธออย่างไรกันนะ เชื่อว่าเขาจะต้องด่าเธอไม่ลงแน่นอน 


 


 


           มองเงาของฉู่เจียเสวียนที่ไกลออกไป นึกถึงคำพูดเมื่อครู่ของเธอ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียด มือที่ถือกระเป๋ากำแน่น จนกระทั่งเบื้องหลังของฉู่เจียเสวียนและกงจวิ้นฉือลับสายตาไปแล้ว เธอจึงหันหลังเดินไปยังห้องของเผยหนานเจวี๋ย 


 


 


           ในหัวคิดถึงคำที่ฉู่เจียเสวียนพูดกับเธอเมื่อครู่ไม่หยุด เธอพูดแบบนั้นหมายความว่าอะไร คิดไปคิดมาก็มาถึงหน้าห้องของเผยหนานเจวี๋ยแล้ว 


 


 


           ทั้งๆ ที่เป็นเพียงประตูบานเดียว แต่ว่าในเวลานี้ฉู่อีอียืนอยู่ตรงนั้น ไม่มีความกล้าผลักประตูบานนั้น ราวกับว่าถูกกั้นกลางด้วยภูเขาและแม่น้ำอย่างไรอย่างนั้น 


 


 


           ในที่สุดก็สูดหายใจลึก บนใบหน้าของฉู่อีอีมีรอยยิ้มที่ตัวเองคิดว่ามีเสน่ห์ที่สุด ผลักประตูเข้าไปทำทีเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร 


 


 


           เมื่อเข้าห้องผู้ป่วยไป เงยหน้าขึ้น เห็นเผยหนานเจวี๋ยกึ่งนั่งอยู่บนเตียง สีหน้าดูไม่ได้เป็นอย่างมาก ในวินาทีที่เห็นเธอเข้ามา เผยหนานเจวี๋ยรู้สึกว่าฉู่อีอีเหมือนคนแปลกหน้า 


 


 


           ในใจเต้นระรัว คาดเดาไม่หยุดว่าเขาเป็นอะไรไป ฉู่อีอีข่มอารมณ์ไว้ ท้ายที่สุดแล้วก็ยังเดินเข้าไปหาเขา 


 


 


           “หนานเจวี๋ย ฉันซื้อโจ๊กเบาๆ มาให้คุณ คุณกินหน่อยเถอะ” ฉู่อีอีแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง วางโจ๊กลงบนโต๊ะ ทำทีเอ่ยปากอย่างสบายๆ พลางยื่นมือหยิบโจ๊กในถุงออกมา 


 


 


           “อีอี คุณไม่ได้โกหกผมจริงๆ เหรอ” เผยหนานเจวี๋ยตอบไม่ตรงคำถาม แววตาเยือกเย็นจับจ้องฉู่อีอี แววตาเผยให้เห็นความผิดหวัง 


 


 


           ทำไมถึงพร่ำบอกว่ารักเขาแต่กลับทำเรื่องเช่นนี้ลับหลังเขา เป้าหมายที่เธอทำแบบนี้คืออะไร เผยหนานเจวี๋ยคาดเดาอยู่ในใจ 


 


 


           บรรยากาศภายในห้องผู้ป่วยลดลงถึงจุดเยือกแข็งภายในพริบตา หัวใจของฉู่อีอีเต้นโครมคราม 



    ตอนที่ 268 หลักฐาน 


 


 


           มือที่กำลังเคลื่อนไหวของฉู่อีอีแข็งทื่อ รอยยิ้มบนใบหน้าก็หยุดชะงักเช่นกัน เขาหมายความว่าอะไร โกหกเขาเรื่องอะไร หรือว่าเขาจะรู้แล้ว เธอคาดเดาอยู่ในใจ 


 


 


           “ฉันโกหกอะไรคุณเหรอ” แม้ในใจจะสงสัยแต่ก็ยังเอ่ยถาม แววตาเผยความไม่เข้าใจ สีหน้ายิ่งตื่นตระหนก 


 


 


           เห็นท่าทางของฉู่อีอี เผยหนานเจวี๋ยรู้สึกผิดหวังอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ เดิมทีเพียงแค่เธอยอมรับเขาก็จะไม่กล่าวโทษเธอ คิดไม่ถึงว่าเธอไม่แม้แต่จะยอมรับ 


 


 


           “เรื่องสร้อยคอ ตกลงว่าคุณหลอกผมหรือเปล่า” ริมฝีปากที่บอบบางและเยือกเย็นอ้าเอ่ย คำพูดหลุดออกมาจากปากของเผยหนานเจวี๋ย น้ำเสียงเฉียบคม 


 


 


           ขอเพียงเธอยอมรับ เขาก็จะไม่เอาเรื่องและจะไม่สนใจอีก 


 


 


           เรื่องสร้อยคอ เขารู้ว่าเป็นฝีมือของเธอแล้วเหรอ แต่ว่าจะเป็นไปได้ยังไง เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูไม่ได้ของเผยหนานเจวี๋ย ฉู่อีอีคิดวนเวียนอยู่ในใจ คาดเดาในใจว่าเขาจะมีหลักฐานอะไรมายืนยันว่าเธอเป็นคนทำกันแน่ ฉู่เจียเสวียนที่เพิ่งมาเมื่อกี้คุยอะไรกับเขา 


 


 


           ระหว่างที่คิดเป็นร้อยเป็นพันครั้ง ฉู่อีอีก็ยังไม่คิดที่จะยอมรับ ไม่อยากทำลายภาพลักษณ์ของเธอที่อยู่ในใจของเผยหนานเจวี๋ย “ฉันไม่ได้โกหกคุณ” 


 


 


           ฉู่อีอีลังเลใจ แต่กลับอยากพนันอีกสักตั้ง พนันว่าฉู่เจียเสวียนได้เจอหลักฐานหรือเปล่า แต่ว่าหลังจากที่พูดออกไปเธอก็รู้สึกเสียใจซะแล้ว เพราะว่าเมื่อเจอกับฉู่เจียเสวียนเมื่อครู่ เห็นแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของเธอ ครั้งนี้หัวใจของเธอว้าวุ่นโดยสมบูรณ์ 


 


 


           แต่ตอนนี้ก็พูดออกไปแล้ว เธอควรจะเอาตัวรอดจากเรื่องนี้ไปได้อย่างไร 


 


 


           ในใจคิดหาวิธีรับมืออย่างร้อนรน 


 


 


           คำพูดของฉู่อีอีทำให้เผยหนานเจวี๋ยผิดหวังในตัวเธอจริงๆ ทำไมกัน เขาให้โอกาสเธอถึงสองครั้งแล้ว ทำไมเธอยังไม่ยอมพูดความจริงกับเขา 


 


 


 


 


 


           เห็นสีหน้าที่ยิ่งผิดปกติของเผยหนานเจวี๋ย หัวใจของฉู่อีอียิ่งไม่อยู่กับเนื้อกับตัว 


 


 


           เป็นไปตามคาด มือของเผยหนานเจวี๋ยขยับเขยื้อน เปิดผ้าห่มออก หยิบเครื่องเล่นวีดีโอที่อยู่ใต้ผ้าปูเตียงออกมา “คุณดูเอาเองเถอะ” 


 


 


           เสียงที่ล้ำลึกและเยือกเย็นดุจน้ำแข็งดังออกมาจากปากของเผยหนานเจวี๋ย วางเครื่องเล่นวีดีโอไว้ที่ข้างเตียง มองฉู่อีอีพร้อมกับพูด 


 


 


           “นี่คืออะไร” เห็นเขาที่จู่ๆ หยิบเครื่องเล่นวีดีโอออกมา เสียงของฉู่อีอีสั่นเครือเล็กน้อย ส่วนลึกของวิญญาณก็สั่นคลอนตามไปด้วย 


 


 


           “ดูเองสิ” 


 


 


           เพียงสามคำทำให้สีหน้าของฉู่อีอีเปลี่ยนเป็นความน่าเกลียด เอื้อมมือหยิบมันขึ้นมา เมื่อเห็นวีดีโอที่อยู่ข้างในแล้ว สีเลือดบนใบหน้าของเธอจางหายไปโดยสิ้นเชิง 


 


 


           โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าเธอคุกเข่าต่อหน้าฉู่เจียเสวียนและเมื่อเธอยื่นมือไปที่กระเป๋าของฉู่เจียเสวียน หัวใจของเธอระส่ำระส่ายเป็นอย่างมาก มันสับสนอยู่ไม่กี่วินาที ไม่นานฉู่อีอีก็สงบลง 


 


 


           “หนานเจวี๋ย พี่สาวเป็นคนให้คลิปนี้กับคุณใช่ไหม” ฉู่อีอีเอ่ยอย่างตื่นตระหนก ไม่นานก็สงบสติอารมณ์บนใบหน้าได้แล้ว ท่าทางของใบหน้าที่ตื่นตกใจทำให้หัวใจของเผยหนานเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะเต้นแรง 


 


 


           “อือ” ตอบรับแผ่วเบา เผยหนานเจวี๋ยมองฉู่อีอีอย่างเย็นชา เห็นสีหน้าประหลาดใจของเธอ คิ้วขมวดเข้าหากัน 


 


 


           “ดูแล้วฉันคงใส่ร้ายพี่สาวเข้าซะแล้ว” ฉู่อีอีทำเป็นบ่นพึมพำ สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด แต่ในใจกลับด่าทอฉู่เจียเสวียน 


 


 


           ฉู่เจียเสวียนบัดซบ คิดไม่ถึงว่าจะปล่อยให้เธอหาหลักฐานได้จริงๆ ในใจโมโหจนอยากฆ่าคน แต่ว่าสีหน้ากลับไม่แสดงอาการใดๆ 


 


 


           “คุณตั้งใจเอาสร้อยคอใส่ลงไปในกระเป๋าของฉู่เจียเสวียนใช่ไหม” ได้ยินฉู่อีอีบ่นพึมพำเหมือนไม่รู้ตัว น้ำเสียงของเผยหนานเจวี๋ยคมกริบ ดวงตาส่วนลึกเผยให้เห็นร่องรอยของความเหนื่อยล้า 


 


 


           ในใจรู้สึกไร้เรี่ยวแรงและยิ่งหนักอึ้ง มองดูผู้หญิงที่ตัวเองรักตรงหน้า เขารู้สึกผิดแปลกไปเป็นครั้งแรก 


 


 


           “หนานเจวี๋ย คุณอย่าโมโหเลย วันนั้นที่ฉันเจอหน้าพี่สาว เป็นไปได้ว่าไม่ระวังเลยทำสร้อยคอหล่นลงไปในกระเป๋าของเธอแล้ว” 


 


 


 


 


 


      ตอนที่ 269 ทำผิดต่อเธอ 


 


 


           สีหน้าของฉู่อีอีเปลี่ยนไป เผยให้เห็นความกังวลและความรู้สึกขอโทษ สายตามองดูสีหน้าของเผยหนานเจวี๋ย ในใจมีความคิดร้อยพันวนเวียน  


 


 


           “ไม่ระวัง? วันนั้นทำไมคุณต้องไปหาเขา แล้วยังคุกเข่าให้เขาอีก?” ถามข้อสงสัยในใจ น้ำเสียงของเผยหนานเจวี๋ยเฉยเมย แม้แต่แววตาที่มองฉู่อีอีก็เฉนเมยตามไปด้วย 


 


 


           เขาไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมเธอต้องคุกเข่าให้ฉู่เจียเสวียน เธอทำผิดอะไรจนต้องการให้ฉู่เจียเสวียนให้อภัยงั้นเหรอ 


 


 


           มือที่อยู่ข้างลำตัวกำแน่นโดยไม่รู้ตัว ราวกับมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นจึงจะสามารถข่มความโกรธที่กำลังจะระเบิดเอาไว้ 


 


 


           วันนั้นที่คุกเข่าให้ฉู่เจียเสวียน ก็เพียงเพื่อให้เธอลงมือกับเธอง่ายขึ้นก็เท่านั้น คิดไม่ถึงว่าร้านอาหารแห่งนั้นจะมีกล้องวงจรปิด เพราะเธอประมาทเกินไปแล้ว คราวนี้ถูกตบหน้าอย่างจัง ความเกลียดชังของเธอที่มีต่อฉู่เจียเสวียนยิ่งเพิ่มขึ้นมาอีกขั้น 


 


 


           ฉู่เจียเสวียน เธอทำให้ฉันอับอายขายหน้าต่อหน้าเผยหนานเจวี๋ยครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ฉันขายหน้าต่อหน้าทุกคน ฉันไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่นอน 


 


 


           “ฉันแค่รู้สึกผิดต่อพี่สาว ก็เลยอยากขอให้เธอให้อภัย ตั้งแต่ที่พี่สาวกลับประเทศมาก็เมินเฉยกับฉันตลอดเวลา กับแม่ก็เมินเฉยเหมือนกัน ฉันก็เลยคิดว่าอาจเป็นเพราะพี่สาวยังลืมคุณไม่ได้ กล่าวโทษฉัน ฉันก็เลยขอให้เขาให้อภัยฉัน ตอนนั้นเป็นไปได้ว่าไม่ระวังสร้อยคอเลยตกลงไปในกระเป๋าของพี่สาว” 


 


 


           “อีกอย่างเมื่อวาน ฉันเจอแค่พี่สาวจริงๆ หนานเจวี๋ย ฉันไม่ได้พูดว่าพี่สาวเป็นคนขโมยสร้อยคอไปนะ” 


 


 


           คำอธิบายของฉู่อีอี ทำให้ในใจของเผยหนานเจวี๋ยเชื่อคำพูดของเธอไปแล้ว 


 


 


           “จริงเหรอ?” ดวงตาทั้งคู่ที่แหลมคมของเผยหนานเจวี๋ยจับจ้องฉู่อีอี ราวกับว่าต้องการค้นหาอะไรจากใบหน้าของเธอ 


 


 


           “จริงสิ หนานเจวี๋ย ทำไมฉันต้องใส่ร้ายพี่สาวด้วย ฉันไม่ได้มีความแค้นกับพี่สาวสักหน่อย อีกอย่างสร้อยคอเส้นนี้เป็นของที่แม่ของคุณมอบให้สะใภ้บ้านเผย ฉันก็ต้องกังวลใจแน่นอน” 


 


 


           พูดจบก็เดินไปด้านหน้าเผยหนานเจวี๋ย ยื่นมือเขย่ามือของเผยหนานเจวี๋ย สีหน้ามีความน้อยใจ 


 


 


           คำพูดของฉู่อีอี ทำให้หัวใจของเผยหนานเจวี๋ยเชื่อเธออย่างสมบูรณ์ 


 


 


           ก็จริง ตอนนี้ฉู่อีอีไม่มีความแค้นกับฉู่เจียเสวียน จะใส่ร้ายฉู่เจียเสวียนได้อย่างไร 


 


 


           นึกถึงฉากที่กงจวิ้นฉือปกป้องฉู่เจียเสวียนเมื่อวาน นึกถึงคำพูดของกงจวิ้นฉือ เขาก็รู้สึกเหมือนว่าถูกคนตบหน้าจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน เจ็บปวดแสบปวดร้อน 


 


 


           ความรู้สึกอ่อนเพลียก่อตัวขึ้นในใจ สูดหายใจลึกจากนั้นก็ผ่อนออก หลับตา ปิดกั้นสีหน้าคับข้องใจของฉู่อีอีที่มองมายังเขา 


 


 


           ผ่านไปห้าวินาที เผยหนานเจวี๋ยลืมตาของเขาที่เปล่งประกายดุจดวงดาวขึ้น ริมฝีปากที่บอบบางและเยือกเย็นอ้าเอ่ย “ในเมื่อเรื่องนี้เป็นการเข้าใจผิด งั้นก็อย่าพูดถึงมันอีกเลย เพียงแต่อีอี ผมหวังว่าคุณจะไม่มีวันหลอกผม คุณก็รู้ดีว่าผมเกลียดอะไรที่สุด” 


 


 


           สายตาเย็นชามองอีอี จ้องเธอตาไม่กระพริบ แววตานั้นราวกับว่าต้องการมองทะลุไปถึงหัวใจของฉู่อีอี 


 


 


           สบสายตาของเผยหนานเจวี๋ย หัวใจของฉู่อีอีเต้นรัว ความไม่สงบก่อตัวขึ้นภายในใจ แน่นอนเธอรู้ว่าเผยหนานเจวี๋ยเกลียดการหลอกลวงที่สุด 


 


 


           “ฉันรู้อยู่แล้ว หนานเจวี๋ย ฉันไม่มีทางโกหกคุณหรอก” ฝืนยิ้ม มองดูเผยหนานเจวี๋ยและเอ่ยปากราวกับว่าเป็นการรับประกัน 


 


 


           ได้ยินคำพูดของฉู่อีอี มองสำรวจเธอหนึ่งวินาที ในที่สุดก็ละสายตา 


 


 


           เรื่องสร้อยคอครั้งนี้ทำให้หัวใจของเผยหนานเจวี๋ยอ่อนล้า เขารู้สึกว่าได้ทำผิดต่อฉู่เจียเสวียน ในใจต้องการทำอะไรบางอย่างเพื่อเป็นการชดเชยให้กับฉู่เจียเสวียน 


 


 


           แต่ว่าเธอในตอนนี้ไม่น่าจะขาดอะไรแล้วละมั้ง เมื่อคิดว่าตอนนี้เธอกำลังอยู่กับกงจวิ้นฉืออย่างมีความสุขถึงเพียงนั้น ความผิดหวังในใจของเขาก็ยิ่งหนักหน่วง 



      ตอนที่ 270 เงยหน้าอ้าปาก 


 


 


           ออกมาจากโรงพยาบาล ฉู่เจียเสวียนกับกงจวิ้นฉือทั้งสองขึ้นรถและขับออกมาจากโรงพยาบาลทันที 


 


 


           ในรถ ฉู่เจียเสวียนขมวดคิ้วกันเล็กน้อย มองดูทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่แล่นถอยหลังอย่างต่อเนื่อง ความคิดล่องลอย 


 


 


           กงจวิ้นฉือเหลือบมองฉู่เจียเสวียน เห็นท่าทางคิ้วของเธอที่ยับย่น อดไม่ไหวเอ่ยปากทำลายความเงียบ “คิดอะไรอยู่เหรอ?” 


 


 


           เสียงที่อบอุ่นดังขึ้น ฉู่เจียเสวียนดึงสติกลับมา มองดูกงจวิ้นฉือที่ขับรถอย่างจริงจังอยู่ข้างๆ ดวงตาเปื้อนรอยยิ้ม 


 


 


           กงจวิ้นฉือยื่นมือที่ใหญ่โตอบอุ่นออกมา วางลงบนมือที่ซีดขาวและผอมบางของฉู่เจียเสวียน 


 


 


           “เปล่า จวิ้นฉือ มีคุณอยู่ด้วยดีจังเลย” มุมปากของฉู่เจียเสวียนยกยิ้ม มองกงจวิ้นฉือด้วยรอยยิ้มสดใส 


 


 


           จริงๆ นะ มีเขาอยู่ข้างกายเธอรู้สึกวางใจมากจริงๆ ไม่ว่าเวลาใดเมื่อไร เขาก็จะปกป้องเธออยู่เสมอ มีคนรักเช่นนี้อยู่ด้วยมันช่างดีจริงๆ 


 


 


           เมื่อก่อนเธอรักคนที่ไม่ควรรัก จึงปล่อยให้ตัวเองใช้ชีวิตอยู่บนตราบาปเช่นนั้น มันโทษใครไม่ได้เลย 


 


 


           “หรือว่าผมทำให้ซาบซึ้งจนถอนตัวไม่ขึ้น” กงจวิ้นฉือเอ่ยแซว น้ำเสียงอ่อนโยนน่าฟังทำให้ฉู่เจียเสวียนหัวเราะเบาๆ 


 


 


           บรรยากาศระหว่างทางผ่อนคลาย หลังจากกงจวิ้นฉือส่งฉู่เจียเสวียนกลับร้านชุดแต่งงานแล้ว จากนั้นก็กลับไปที่บริษัท 


 


 


           ขณะที่ถังถังออกมา ก็เจอเข้ากับฉู่เจียเสวียนพอดี 


 


 


           “ที่รัก จัดการเรียบร้อยแล้วเหรอ” ถังถังเดินเข้าไปหาฉู่เจียเสวียน มองดูเธอด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม 


 


 


           ฉู่อีอีคนนั้นช่างเป็นตัวตลกสิ้นดี คราวนี้คงจะถูกตบหน้าเสียงดังเพี๊ยะๆ ไปแล้วมั้ง ไม่รู้ว่าผู้หญิงเหลี่ยมจัดคนนั้นจะหลอกเผยหนานเจวี๋ยอย่างไรอีก 


 


 


           “เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว ดูสิว่าใครออกโรง” ฉู่เจียเสวียนยิ้มเอ่ย เดินไปยังออฟฟิศ 


 


 


           ถังถังตามมาข้างๆ เธอ เดินตามเธอเข้าออฟฟิศไปด้วยกัน แววตาคมชัด ใบหน้ายิ้มสดใส “เจียเสวียน ฉันไม่เข้าใจจริงว่าตอนนั้นเธอรักผู้ชายเลวๆ อย่างเผยหนานเจวี๋ยได้ยังไง” 


 


 


           “เธอดูเขาสิโดนผู้หญิงคนนึงหลอกจนหัวหมุน เธอที่แสนดีขนาดนั้นยังไม่ชอบ ดันไปชอบผู้หญิงเสแสร้งคนนั้น” 


 


 


           ถังถังเอ่ยปากอย่างไม่แยแส นั่งลงบนเก้าอี้ทำงาน สองมือเท้าคางมองฉู่เจียเสวียนและพูดอย่างเอาจริงเอาจัง 


 


 


           เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆ เห็นได้ชัดว่าเผยหนานเจวี๋ยเป็นผู้ชายที่สูงส่งและเอาแต่ใจแบบนั้น ทำไมถึงชอบผู้หญิงอย่างฉู่อีอีได้ 


 


 


           ยังดีที่ตอนนี้เพื่อนสนิทได้เดินออกมาแล้ว 


 


 


           “ที่จริงฉันก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นทำไมฉันถึงชอบเขา” เสียงที่แจ่มชัดของฉู่เจียเสวียนดังขึ้น จ้องมองถังถังตาไม่กระพริบด้วยความซุกซน จากนั้นก็ก้มหน้าอ่านเอกสารที่อยู่บนโต๊ะ 


 


 


           สำหรับความรู้สึกที่มีต่อเผยหนานเจวี๋ยนั้น ที่จริงแม้แต่ตัวเธอเองก็ยังบอกไม่ได้ ท้ายที่สุดแล้วความรู้สึกมันอยู่เหนือการควบคุม ถ้าหากว่ารู้ตั้งแต่แรกละก็ ในเวลานั้นเธอก็จะลบความรู้สึกที่กำลังเบ่งบานทิ้งซะ แต่ว่าในโลกนี้มีคำว่า ‘รู้งี้’ ซะเมื่อไรกัน 


 


 


           อย่างไรก็ตามวัยหนุ่มสาวทุกคน ทันทีที่ความรักได้เริ่มต้นแล้วมันก็จะถลำลึกลงไป ถลำลึกลงไป ส่วนความเกลียดชังนั้น เมื่อมันเกิดขึ้นก็ไม่รู้ว่าจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน ปมปัญหายังคงเป็นไป 


 


 


           ความรู้สึกบางอย่างเมื่อมันได้เข้ามาในหัวใจ มันจะรุกล้ำเข้าไปในหัวใจของคุณเมื่อคุณไม่ทันตั้งตัว 


 


 


           “ยังดีที่เธอกลับตัวกลับใจ ไม่ได้ถลำลึกลงไป” ริมฝีปากแดงของถังถังยกยิ้ม บนใบหน้ามีรอยยิ้มสดใส ดวงตาโตที่มีชีวิตชีวาโค้งงอจนกลายเป็นพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว 


 


 


           สำหรับคำพูดของถังถังนั้น ฉู่เจียเสวียนได้แต่ยิ้มไม่ได้ตอบอะไร 


 


 


           “ที่รัก พวกเราออกไปช้อปปิ้งกันเถอะ เธอได้เงยหน้าอ้าปากต่อหน้าฉู่อีอีอีกครั้งนึงแล้ว” ถังถังมองดูท่าทางที่ฉู่เจียเสวียนทำงานอย่างจริงจัง เอ่ยปากชวน 


 


 


           เธอต้องพาฉู่เจียเสวียนไปฉลองสักหน่อยถึงจะถูก เธอได้ตบหน้าฉู่อีอีแพศยาคนนั้นเชียวนะ คิดไม่ถึงว่าจะกล้าใส่ร้ายว่าที่รักของเธอขโมยสร้อยคอของเธอไป ฮึ 


 


 


 


 


 


      ตอนที่ 271 เห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น 


 


 


           เงยหน้าขึ้นมาเห็นใบหน้าที่ยิ้มสดใสของถังถัง ฉู่เจียเสวียนเลิกคิ้วเล็กน้อย ปากแดงอ้าเอ่ย “วันนี้เธออารมณ์จังเลย เธอจะเลี้ยงรึไง” 


 


 


           เสียงที่แจ่มชัดดังขึ้น ฟังออกว่าที่จริงอารมณ์ของฉู่เจียเสวียนก็ไม่เลวเหมือนกัน 


 


 


           “ได้สิ ฉันเลี้ยงเอง นานๆ ทีจะอารมณ์สักที พวกเราลางานกันเถอะ ถึงยังไงตั้งแต่ที่ร้านเช่าชุดแต่งงานเปิดมา พวกเราก็มัวแต่ทำงานตลอด พอดีเลยวันนี้ผ่อนคลายสักหน่อยเถอะ” 


 


 


           ถังถังพูดพลางลุกขึ้น เดินไปหาฉู่เจียเสวียน เอื้อมมือดึงฉู่เจียเสวียนขึ้นมา แล้วเดินออกไปนอกออฟฟิศ 


 


 


           แม้ฉู่เจียเสวียนจะลังเลแต่ก็ยังเดินตามถังถังไปข้างนอก ก็ดีเหมือนกัน ถึงอย่างไรเธอมีของที่ต้องการซื้อพอดี 


 


 


           ระหว่างทาง ถังถังอารมณ์ดีขีดสุด ลากฉู่เจียเสวียนเดินไปรอบๆ ฉู่เจียเสวียนมองดูถังถังที่มีความสุขจากด้านข้าง ใบหน้าก็ยิ้มตามไปด้วย 


 


 


           ถังถังกับฉู่เจียเสวียนคุยหยอกล้อกัน ระหว่างนั้น ดวงตาของถังถังก็จ้องไปยังที่ไม่ไกลนัก ขาก็หยุดชะงักโดยไม่รู้ตัว 


 


 


           เมื่อฉู่เจียเสวียนหันมองแล้วไม่เห็นเงาของถังถัง ขมวดคิ้ว หันหลังกลับไป เห็นถังถังที่ทิ้งระยะห่างจากตนแล้วอดที่จะสงสัยไม่ได้เล็กน้อย 


 


 


           เห็นท่าทางที่เหม่อมองของเธอ ฉู่เจียเสวียนก็หันมองตาม พบว่าถังถังกำลังจ้องเขม็งไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง มองตามสายตาของเธอไป จากนั้นก็ค่อยๆ ละสายตากลับมา 


 


 


           “ถังถัง” ฉู่เจียเสวียนเอ่ย เรียกถังถังที่กำลังงุนงงให้ดึงสติกลับมา 


 


 


           ก้าวเดินไปข้างๆ ฉู่เจียเสวียน ริมฝีปากแดงอ้า “นั่นฉู่อีอีไม่ใช่เหรอ ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ ตอนนี้เธอควรจะอยู่ที่โรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ” 


 


 


           ถังถังมองฉู่เจียเสวียนที่อยู่ตรงหน้า เอ่ยสงสัย 


 


 


           ฉู่เจียเสวียนมองไปอีกครั้ง หัวใจของเธอเต้นระรัว เฉิงเฮ่า? เขากลับประเทศมาตั้งแต่เมื่อไร อีกทั้งท่าทางของฉู่อีอีกับเฉิงเฮ่ายังดูสนิทสนมกันมากด้วย 


 


 


           ฉู่อีอีแบบนี้ไม่กลัวว่าจะถูกนักข่าวถ่ายหรือไง 


 


 


           “จุ๊ๆ คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีเสน่ห์ขนาดนี้ เผยหนานเจวี๋ยทางนี้ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาล เขาก็ออกมาพลอดรักกับผู้ชาย ซะแล้ว” ถังถังมองฉู่อีอีที่อยู่ไม่ไกลพร้อมกับพูด แววตาปรากฏประกายดูหมิ่น 


 


 


           คำพูดของถังถังเข้าหูของฉู่เจียเสวียนทุกคำ ริมฝีปากแดงของเธอเม้มกัน แม้ว่าเฉิงเฮ่าจะเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมาก แต่เธอก็ยังจำเขาได้ในแวบแรก 


 


 


           เมื่อก่อนตอนที่ฉู่อีอียังคบกับเฉิงเฮ่า เธอเคยเจอเขาโดยบังเอิญ เนื่องจากตอนนั้นเขาเป็นแฟนหนุ่มของฉู่อีอี ดังนั้นเธอจึงจำเขาได้ล้ำลึกเป็นพิเศษ ฉะนั้นตอนนี้เธอก็ยังจำเขาได้ 


 


 


           สองคนคุยอะไรกันพวกเธอได้ยินไม่ค่อยถนัด แต่จากท่าทางของทั้งสองแล้วก็ยังดูออกว่าความสัมพันธ์ไม่ใช่เพียงเพื่อนธรรมดาอย่างแน่นอน 


 


 


           จู่ๆ ถังถังก็ตื่นเต้น หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปฉู่อีอีกับผู้ชายคนนั้นเอาไว้ “ถ้าให้เผยหนานเจวี๋ยรู้ว่าตัวเองถูกสวมเขา ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง” 


 


 


           สำหรับปฏิกิริยาของถังถังนั้น ฉู่เจียเสวียนรู้สึกตื่นตกใจหลังจากนั้นก็กลายเป็นสงบลง เรื่องของคนอื่นไม่ได้เกี่ยวกับเธอเลยสักนิด เธอไม่อยากสนใจและไม่อยากจะตัดสินใดๆ เช่นกัน 


 


 


           “ถังถัง แบบนี้ไม่ดีมั้ง เรื่องของคนอื่นพวกเราจะไปยุ่งให้มากทำไมกัน ต่อให้เผยหนานเจวี๋ยถูกสวมเขาจริงก็ไม่เกี่ยวกับพวกเรา ไปกันเถอะ” ฉู่เจียเสวียนพูดจบ ก็ก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า 


 


 


           ถังถังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับปฏิกิริยาของฉู่เจียเสวียน เธอมักจะจิตใจดีเสมอ ทำไมเธอถึงไม่คิดว่าเมื่อสองวันก่อนยังเพิ่งจะโดนคนเลวคนนี้ทำร้ายอยู่เลย? 


 


 


           “ที่รัก ผู้หญิงอย่างเขาได้รับผลกรรมสักหน่อยไม่ดีเหรอไง เธอก็เห็นว่าเขาชอบทำร้ายเธออย่างโจ๋งครึ่ม แค่คิดฉันก็รู้สึกโมโหแล้วล่ะ!” ถังถังกล่าวอย่างไม่พอใจ เร่งฝีเท้าเดินอยู่ข้างๆ ฉู่เจียเสวียน 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม