หวานรักจับหัวใจท่านประธาน 247-254

 ตอนที่ 247 คุณติดกับแล้ว! 


 


 


เขาหลุบตาลงเล็กน้อย จ้องมองปากเล็กๆ ที่พร่ำพูดไม่หยุดของเธอ 


 


 


เมื่อมองไล่ลงจากปากของเธอ เขาพบกับกระดูกไหปลาร้าน่าหลงใหล และเนินอกขาวนวล 


 


 


ดอกกุหลาบที่เธอถือไว้ในมือเมื่อครู่หล่นลงไปอยู่ข้างๆ เท้าแล้ว กลีบดอกไม้หลุดออกมาเล็กน้อย กระจายอยู่บนหลังเท้าขาวๆ ของเธอ 


 


 


ทำให้บรรยากาศดูโรแมนติกและอบอุ่น… 


 


 


ลำคอของอวี๋เยว่หานเริ่มตีบตัน ความรู้สึกที่พูดออกมาไม่ได้แผ่ซ่านอยู่ในอก 


 


 


ดวงตาของเขาหดตัว เขากำลังคิดว่าเมื่อครู่เธอตั้งใจพูด หรือพูดโกหกออกมาเพราะฤทธิ์ไวน์กันแน่ 


 


 


แต่เขาก็เห็นเธอสูดจมูกด้วยความน้อยใจ พลางบ่นปากจู๋ 


 


 


“ฉันเมื่อยคอแล้ว คุณก้มหน้าลงมาหน่อยสิ” 


 


 


อวี๋เยว่หานโน้มตัวลงมาโดยที่ไม่รู้ตัว ให้เธออยู่ในระดับสายตาเดียวกับเขา 


 


 


แค่เพียงก้มหน้าลง เหนียนเสี่ยวมู่ก็ยื่นมือมาโอบคอของเขาเอาไว้ เธอเขย่งปลายเท้าหอมแก้มเขา รวดเร็วเหมือนฟ้าร้องที่มาโดยไม่ทันได้ปิดหู 


 


 


จากนั้นเธอก็ยิ้มเหมือนจิ้งจอก “ฮ่าๆๆ คุณติดกับแล้ว!” 


 


 


มือขาวละเอียดยังตีหน้าของเขาเบาๆ ราวกับอยากจะทำต่อไป… 


 


 


“…” 


 


 


อวี๋เยว่หานตัวแข็งทื่อ มองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ 


 


 


นี่เขา…ถูกเธอแกล้งเหรอ 


 


 


นิ้วเรียวราวไล้ผ่านแก้มที่เพิ่งถูกเธอหอม ที่ปลายนิ้วเหมือนจะยังหลงเหลือความอบอุ่นอยู่บ้าง และกำลังเตือนเขาว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นความจริง 


 


 


อวี๋เยว่หานเกิดมายี่สิบกว่าปีแล้ว แต่ไม่มีผู้หญิงกล้าเอาเปรียบเขาขนาดนี้ แถมยังยิ้มร่าเริงแบบนี้อีก 


 


 


ดูท่าทางเธอจะเมาจริงๆ แม้กระทั่งตายก็ไม่กลัวแล้ว! 


 


 


เขาหรี่ตาสีดำขลับ ก่อนจะยื่นมือไปจับหญิงสาวที่เตรียมตัวหนีกลับมา แล้วพลิกตัวกดเธอลงบนบานประตูแทน 


 


 


ทั้งสองคนสลับตำแหน่งกัน บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปในพริบตา 


 


 


เงาร่างสูงชะลูดของอวี๋เยว่หานเพียงแค่ยืนตรงอย่างนั้น ก็พันเหนียนเสี่ยวมู่ไว้ในอกได้โดยสิ้นเชิงแล้ว เขาก้มหน้าลง มองเห็นคนในอกหน้าแดงแจ๋ และกำลังยื่นมือมาจิ้มหน้าอกของเขาพร้อมสีหน้าไม่กลัวตาย 


 


 


“มีกล้าม กล้ามหน้าอก!” 


 


 


“…” 


 


 


“ให้ฉันดูหน่อย ว่ามีกล้ามหน้าท้องหรือเปล่า!” 


 


 


มือซุกซนคลำไปมาระหว่างหน้าอกและหน้าท้องของเขาจริงๆ… 


 


 


ผ่านไปหลายวินาที หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นด้วยความตื่นเต้น “มีจริงๆ ด้วย อย่างน้อยหกก้อน…อุ๊บ!” 


 


 


ปากเล็กๆ ที่พูดจ้อถูกปิดโดยปากของใครอีกคน 


 


 


และไม่ใช่การสัมผัสโดยอุบัติเหตุเหมือนครั้งก่อนๆ 


 


 


เขาลงมือทำจริงๆ 


 


 


ทำอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน ไม่ยอมปล่อยเธอไป 


 


 


“แฮ่ก หายใจไม่ออก…” เหนียนเสี่ยวมู่กำหมัดทุบลงบนหน้าอกของเขา พร้อมทั้งออกแรงเตะหัวเข่าของเขาด้วย 


 


 


นับว่าหลุดออกจากในอกของเขาได้แล้ว 


 


 


เธอมองอวี๋เยว่หานที่มีปฏิกิริยาเปลี่ยนไป ถึงแม้จะดื่มจนเมาแล้ว แต่สัมผัสที่หกของผู้หญิงเหมือนกับเพิ่งเริ่มตื่น 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่หมุนตัววิ่งเข้าไปในห้อง 


 


 


จากนั้นก็มุดเข้าไปในผ้าห่ม ใช้ผ้าห่มพันตัวเองเอาไว้ แล้วพูดเลียนแบบเสี่ยวลิ่วลิ่ว “ง่วงๆ ต้องนอนๆ แล้วล่ะ ฝันดี!” 


 


 


“…” 


 


 


อวี๋เยว่หานยืนอยู่ตรงประตู ก่อนจะหมุนตัวอย่างช้าๆ 


 


 


ในห้องมืดสลัว แสงจันทร์ที่ส่องเข้ามาจากนอกหน้าต่างตกกระทบบนใบหน้าหล่อเหลาของเขา ยิ่งขับเน้นโครงหน้าให้เด่นชัดขึ้น นอกจากมีเสน่ห์แล้ว ยังมีกลิ่นอายของอันตรายอยู่เล็กน้อยด้วย 


 


 


มุมปากของเขาทำมุมโค้ง เหมือนจะยิ้ม แต่ก็ไม่ใช่ เขากำลังมองคนที่คิดว่าหลบเข้าไปในผ้าห่มแล้ว จะหนีรอดไปได้ 


 


 


นัยน์ตาสีดำเจือรอยยิ้ม ราวกับกำลังหัวเราะเยาะความไร้เดียงสาของเธอ 


 


 


มือข้างหนึ่งของเขาล้วงกระเป๋ากางเกง แล้วสาวเท้าเข้าไปหาเธอ 


 


 


“เหนียนเสี่ยวมู่ หลับหรือยัง” เขาขยับริมฝีปากบาง เสียงน่าดึงดูดเหมือนกำลังหลอกล่อให้ลุ่มหลง 


 


 


คนที่ขดตัวอยู่ในผ้าห่มตอบโดยไม่คิด “ฉันหลับแล้ว!” 


 


 


ครั้นพูดจบ เธอเหมือนจะรู้ตัวว่าไม่ควรตอบ จึงแก้ตัวทันที “ฉันหมายความว่า ฉันจะหลับแล้ว วินาทีต่อไปก็จะหลับแล้ว!” 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 248 ใจกล้าดีจังเลยนะ 


 


 


อวี๋เยว่หานเดินไปข้างเตียง แล้วนั่งลง 


 


 


เขานั่งพิงอยู่ตรงหัวเตียงของเธอ ใช้มือข้างหนึ่งรองหัว ก่อนจะหันข้างไปมองหัวเล็กๆ ที่ขดอยู่ใต้ผ้าห่ม 


 


 


หลังจากได้ยินเธอพูด เขาก็เลิกคิ้ว “แต่ผมนอนไม่หลับ” 


 


 


“…” 


 


 


“คุณอยู่คุยกับผมก่อนสิ” 


 


 


“…” ไม่ฟัง ไม่ฟัง บลาๆ 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่พลิกตัว ใช้สองมือปิดหู ทำเป็นว่าตนเองไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น 


 


 


อวี๋เยว่หานชำเลืองมองเธอครั้งหนึ่ง ก่อนจะยกยิ้มมีเลศนัยที่มุมปาก “ในเมื่อคุณไม่อยากคุย งั้นก็ดี นอนด้วยกันเลย” 


 


 


ทันใดนั้นคนที่เพิ่งขดตัวอยู่ในผ้าห่มก็ตะเกียกตะกายขึ้นมาโดยไม่พูดมากอีก 


 


 


หลังจากปัดผมของตนเองแล้ว เธอก็นั่งอยู่ตรงหน้าเขาอย่างว่าง่าย “นอนตอนนี้ยังเร็วเกินไป คุยก็ดี พวกเราคุยกันเถอะ!” 


 


 


“คุณง่วงแล้วไม่ใช่เหรอ” อวี๋เยว่หานกวาดสายตามองดวงหน้าเล็กที่สะลืมสะลืออยากนอน พลางเอ่ยปากเสียงเรียบ 


 


 


ดวงตาสีดำล้ำลึก ดูไม่ออกว่ามีความรู้สึกอะไร 


 


 


ในนั้นฉายแววเจ้าเล่ห์ เหมือนหมาป่าที่กำลังจำศีล 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ได้ยินเขาพูดแล้ว ก็ส่ายหน้าเหมือนป๋องแป๋งมังกร “ได้คุยกับคุณชาย ถือเป็นเกียรติของฉัน ไม่ง่วง!” 


 


 


เธอพูดจบ เปลือกตาก็รั้งลงมา ก่อนจะหาวนอนน่ารัก 


 


 


ดูไม่ออกเลย ว่าเธอเมา หรือไม่ได้เมากันแน่ 


 


 


อวี๋เยว่หานหลุบดวงตาสีดำลง จากนั้นพูดเหมือนไม่ใส่ใจนัก “คำถามที่ผมถามคุณครั้งก่อน คุณยังไม่ได้ตอบให้ชัดเจนเลย” 


 


 


“…อะไรนะ” เหนียนเสี่ยวมู่เงยหน้าขึ้น ถามด้วยสีหน้างัวเงีย 


 


 


“ทำไมถึงไม่รู้ว่าตัวเองเข้าโรงพยาบาลได้ยังไง” อวี๋เยว่หานนั่งตัวตรง ขายาวข้างหนึ่งเหยียดตรงอยู่บนเตียง ส่วนขาอีกข้างหนึ่งงอเล็กน้อย แขนของเขาวางอยู่บนหัวเข่า เขาโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย เบียดมาตรงหน้าเธอ 


 


 


ไม่อยากพลาดสีหน้าของเธอแม้สักนิด 


 


 


อยากจะรู้ว่า ที่เธอบอกว่าไม่รู้ เธอไม่รู้จริงๆ หรือพูดขอไปที 


 


 


“ตอนตื่นมาก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว ก็เลยจำไม่ได้” เหนียนเสี่ยวมู่พึมพำ เหมือนจะง่วงแล้วจริงๆ 


 


 


พออ้าปากพูด ก็เริ่มหาวทันที 


 


 


ก่อนจะเริ่มคลอเคลียอยู่ข้างๆ อวี๋เยว่หานโดยที่ไม่รู้ตัว 


 


 


เขาเพิ่งเตรียมถามคำถามอีก นิ้วมือขาวๆ ของเธอพลันยื่นมาที่ดวงตาของเขา ก่อนจะเบิกตากว้าง นับขนตาให้เขา 


 


 


“หนึ่งเส้น สองเส้น…หลายเส้นเลยนะเนี่ย…คุณชาย ขนตาของคุณยาวมากเลย!” 


 


 


“…” อวี๋เยว่หานรู้สึกหายใจติดขัด 


 


 


แต่คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกำลังเล่นสนุกทีเดียว 


 


 


หลังจากนับขนตาของเขาเสร็จ ก็เริ่มนับขนคิ้วของ้ขาอีก 


 


 


“นี่มันเยอะเกินไปแล้ว นับไม่ไหว!” เธอพูดทั้งๆ ที่ไม่ค่อยมีสติแล้ว แถมยังรู้สึกว่านิ้วมือชามาก นับไม่ได้ จึงลูบขนคิ้วของเขาไม่ยอมเลิกอยู่ตลอด 


 


 


จากขนคิ้ว มาถึงดวงตา และมาถึงจมูก… 


 


 


หญิงสาวลูบไล้ลงมาตรงโครงหน้า จนสุดท้ายหยุดอยู่ที่ริมฝีปากบางของเขา 


 


 


จากนั้นก็ยิ้มไร้เดียงสา เหมือนเด็กที่อยากกินลูกกวาด 


 


 


“ตรงนี้นุ่มจัง” 


 


 


เธอลูบอยู่พักหนึ่ง แต่ก็เหมือนไม่พอใจ จึงเงยหน้าขึ้นกัดริมฝีปากบางของเขาครั้งหนึ่ง 


 


 


“อร่อยจัง!” 


 


 


อวี๋เยว่หาน “…” !! 


 


 


เขายังไม่ทันได้ดึงสติกลับมา เธอก็เขยิบเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้ว ก่อนจะหาวด้วยความงัวเงีย “ง่วงจังเลย…” 


 


 


ในอกของอวี๋เยว่หานมีหมอนมนุษย์เพิ่มขึ้นมา เขาพลันเกร็งตัวในทันที 


 


 


ชายหนุ่มตะลึงอยู่หลายวินาที ถึงจะได้สติกลับมา เขากัดปาก เค้นคำพูดออกจากในลำคอประโยคหนึ่ง 


 


 


“เหนียนเสี่ยวมู่ คุณรู้ไหมว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่”  


 


 


คนถูกถามตะลึงกับเสียงตะคอกของเขาเล็กน้อย จากนั้นถึงเงยหน้าขึ้นจากในอ้อมกอดของเขา แล้วตอบพร้อมรอยยิ้ม “รู้สิ แหย่คุณไง!” 


 


 


“…” 


 


 


“แหย่เสร็จแล้วก็จะหนี ไม่รับผิดชอบหรอก!” 


 


 


“…” 


 


 


อวี๋เยว่หานมีสีหน้าดำคล้ำแล้ว 


 


 


ดีมาก หวังว่าพอเธอตื่นขึ้นมาพรุ่งนี้ อย่าเสียใจกับคำพูดที่ตนเองพูดออกมาแล้วกัน!


ตอนที่ 249 เรื่องดีที่คุณทำ 


 


 


แสงอาทิตย์แรกในยามเช้าตรู่ สาดบนขอบหน้าต่างขาวสะอาด 


 


 


ผ้าม่านที่ไม่ได้ปิดสนิทปลิวไปตามลมเอื่อย จากนั้นก็ตกลงมา 


 


 


แสงแดดตกลงบนพื้นห้องตามการเลิกขึ้นของผ้าม่านเป็นครั้งคราว… 


 


 


บนเตียงสีฟ้าคราม ผ้าห่มนูนขึ้นสูง 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่หนุนอยู่ในหน้าอกอบอุ่น เธอหลับสบายมาก หัวเล็กๆ ถูไถไปมาอยู่บ่อยครั้ง ราวกับลูกแมวป่าที่กำลังลับกรงเล็บ 


 


 


เมื่อถูกแสงแดดแยงตา เธอดึงทึ้งผ้าห่มอย่างไม่พอใจนัก ก่อนจะพลิกตัวเตรียมนอนต่อ 


 


 


แต่เพิ่งจะขยับตัว ก็รู้สึกหนักหัวขึ้นมาบ้าง 


 


 


และยังรู้สึกผิดปกติไปทั่วทั้งร่าง… 


 


 


โดยเฉพาะหมอนวันนี้ เหมือนจะสบายเป็นพิเศษ ทั้งนุ่ม ทั้งเด้ง แถมยังอบอุ่นอีกต่างหาก… 


 


 


บนเอวของเธอมีบางอย่างทับเอาไว้อยู่ เหมือนจะเป็นแขนคน 


 


 


เธอเขยิบก้นตามสัญชาตญาณ ทว่าเพิ่งขยับ ก็พบว่าแขนบนเอวโอบเข้ามาแน่นขึ้น ราวกับว่าไม่พอใจที่เธอขยับตัว แม้กระทั่งตีบนก้นของเธอครั้งหนึ่งด้วย! 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ตัวแข็งทื่อทันที! 


 


 


เธอสะลึมสะลือ เหมือนยังตื่นไม่เต็มตา 


 


 


หญิงสาวลอดออกมาจากในผ้าห่ม แล้วเงยหน้าขึ้น 


 


 


ดวงตาสดใสมองเห็นชายหนุ่มที่ตัวเองทับอยู่ข้างใต้ร่างกายชัดเจนแล้ว จึงเบิกตาโพลงเท่าระฆังทองแดง! 


 


 


อวี๋เยว่หานรองหัวด้วยมือข้างหนึ่ง เขาหันหน้ามาด้านข้างเล็กน้อย ดวงตาสองข้างปิดสนิท 


 


 


ดูเหมือนเขาจะหลับไม่สบายนัก ขอบตาปรากฏสีดำเล็กน้อย 


 


 


แม้แต่ริมฝีปากบางเซ็กซี่ก็เม้มเข้าหากันเบาๆ มุมโค้งใต้ปากเกร็งนิดหน่อย 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่มองเขางุนงง หัวสมองพลันขาวโพลน โดยเฉพาะเมื่อชำเลืองเห็นหน้าอกขาวใสของเขา และท่านอนหลับอันใกล้ชิดของคนทั้งคู่… 


 


 


เธอเหมือนกับเสียความสามารถในการพูดไป ได้แต่อ้าปาก แต่ผ่านไปนานแล้วกลับพูดไม่ออกสักคำ! 


 


 


เมื่อวาน…เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา 


 


 


หญิงสาวพยายามคิดย้อนไป แต่ก็จำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น 


 


 


จำได้แค่ว่าเขาให้ดอกกุหลาบเธอ จากนั้นก็มีเนื้อสันเป็นอาหารเย็น 


 


 


เขาจุดเทียนด้วย… 


 


 


จริงสิ ไวน์แดง! 


 


 


ไวน์แดงเมื่อวานอร่อยมาก เธอคอแข็งทีเดียว ดื่มไปหลายแก้วก็ยังไหวอยู่ แถมดื่มอย่างมีความสุขเสียด้วย 


 


 


แต่หลังจากนั้นล่ะ 


 


 


หลังจากนั้นเธอกลับมาที่ห้องได้อย่างไร 


 


 


ทำไมถึงนอนอยู่กับอวี๋เยว่หาน แถมเขาไม่ได้ใส่เสื้อด้วย! 


 


 


คำถามเป็นพรวนเหมือนหน่อไม้หลังฝนตก มันผุดออกมาอย่างต่อเนื่อง 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่จ้องมองอวี๋เยว่หานที่มีสีหน้าอ่อนล้า เริ่มหนักใจขึ้นช้าๆ… 


 


 


คงไม่ใช่ว่าเมื่อวานเธอดื่มมากไป เลยอยากจะครอบครองความงดงามของเขาจนทนไม่ไหว 


 


 


จากนั้นก็จับแขนเขากดลง สุดท้ายก็ทำให้เขาเหนื่อยจนหลับไปอย่างนั้นเหรอ 


 


 


พอคิดถึงตรงนี้ เหนียนเสี่ยวมู่ก็ใจเย็นไม่ไหวแล้ว 


 


 


เธอแอบเขยิบออกข้างนอกผ้าห่ม อยากถือโอกาสหายตัวไปก่อนเขาจะตื่น 


 


 


ทว่าเพิ่งขยับ ก็เหลือบไปเห็นว่าเขาลืมตาสีดำขึ้นแล้ว 


 


 


ทำเอาเธอตกใจจนดีดตัวออกจากในผ้าห่ม! 


 


 


หลังจากเห็นสีหน้าไม่น่าดูของเขาแล้ว ก็ยิ่งยืนยันการคาดเดาของตนเมื่อครู่ เธอพูดอ้ำอึ้งด้วยความไม่มั่นใจอยู่นาน แต่ก็เค้นออกมาไม่ได้สักประโยค 


 


 


สุดท้ายหัวสมองก็ดีดตัว แล้วโพล่งออกมา 


 


 


“คุณชาย อรุณสวัสดิ์! เมื่อคืนหลับสบายไหม” 


 


 


“…” 


 


 


ทันใดนั้นมีลมพัดมาระลอกหนึ่งพอดี มันพัดผ้าม่านขึ้น แสงแดดยามเช้าสาดเข้ามาด้วย ทำให้ทั้งห้องสว่างโล่ง 


 


 


แสงแดดนั้นส่องบนใบหน้าหล่อเหลาล่มเมืองของอวี๋เยว่หาน อากาศดีๆ ข้างนอกหน้าต่าง กับสีหน้าดำคล้ำของเขากลายเป็นความแตกต่างอย่างชัดเจน 


 


 


เขาลุกขึ้นนั่ง ผ้าห่มหล่นลงจากบนตัว เผยให้เห็นหน้าอกแกร่ง 


 


 


จากนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เสียงแหบพร่าอีกต่างหาก “คุณว่ายังไงล่ะ” 


 


 


“…” 


 


 


“เรื่องดีที่คุณทำไว้ ลืมหมดแล้วเหรอ” 


 


 


“…” 


 


 


หมดกันๆ! 


 


 


เป็นอย่างที่เธอคิดจริงๆ 


 


 


ท่าทางของเขา เหมือนถูกเธอเอาเปรียบอย่างชัดเจน 


 


 


นี่มันเป็นไปได้อย่างไร 


 


 


ถ้าบอกว่าเธอจำอะไรทั้งนั้น และนับว่าเธอไม่ได้ทำอะไรกับเขาจะได้ไหม 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 250 คิดจะไม่ยอมรับเหรอ 


 


 


อวี๋เยว่หานยื่นมือไปนวดขมับ พลางนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากเที่ยงคืนเมื่อวาน ก่อนจะขมวดคิ้วด้วยความปวดหัว 


 


 


เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงที่เสียงดังได้ขนาดนั้นมาก่อน 


 


 


ทีแรกรวบแขนขากอดเขา ใจกล้าแหย่เขา 


 


 


แต่ต่อมาก็ขดตัวอยู่ในผ้าห่มอย่างน่าสงสาร แล้วพันผ้าห่มพูดคุยกับเขา 


 


 


แต่ยังคุยไม่จบ เธอก็งัวเงียง่วงนอน พร้อมทั้งขดตัวอยู่ในผ้าห่มและกอดเขา 


 


 


เขาอดทนกล่อมเธอจนหลับ แต่เพิ่งนอนลง เธอก็ขึ้นคร่อมบนตัวเขา แถมบอกว่าอยากขี่ม้า! 


 


 


ขี่ม้าเนี่ยนะ! 


 


 


อวี๋เยว่หานโตขนาดนี้แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่มีผู้หญิงอายุเกินสามขวบคร่อมบนตัวเขา แถมยังเห็นเขาเป็นมา พร้อมกับร้อง ‘ย่าๆๆ!’ เสียงดัง 


 


 


ตอนนั้นเขาไม่ได้บีบคอเธอไปตรงๆ แต่ใช้ความเมตตาหมดทั้งชีวิตไปจนหมดแล้ว! 


 


 


ขณะที่เขาคิดว่าเธอขี่จนเหนื่อย และหยุดลงได้ในที่สุดนั้น เธอก็ร้องไห้โยเยเสียงดังกอดเขา ไม่รู้ว่าประสาทสมองเส้นไหนทำงานผิดพลาดไป 


 


 


พลางพูดความน้อยอกน้อยใจของตัวเองอย่างไม่ชัดเจน ราวกับเด็กน้อยคนหนึ่ง… 


 


 


สุดท้ายเธอก็คว้าเสื้อเชิ้ตราคาแพงของเขา แล้วสั่งน้ำมูกออกมาอย่างรวดเร็ว 


 


 


เขาแทบจะหั่นเธอเป็นชิ้นๆ ด้วยสายตา ส่วนเธอถามเขาทั้งน้ำตา 


 


 


“คุณชาย ฉันทำเสื้อคุณสกปรกใช่ไหม” 


 


 


“…” 


 


 


“ไม่เป็นไร คุณถอดออกสิ ฉันจะช่วยคุณสัก ฉันซักเสื้อผ้าสะอาดมากเลยนะ” 


 


 


เธอกระชากเสื้อของเขาลงทั้งๆ ที่ยังพูดไม่จบ 


 


 


หลังจากกระชากเสื้อเชิ้ตของเขาออกมาแล้ว เธอก็กอดเสื้อตัวนั้นพุ่งไปเข้าห้องน้ำ บอกว่าจะซักเสื้อให้เขา 


 


 


ปรากฏว่าเธอเห็นโถส้วมเป็นอ่างล้างหน้า และคิดจะทำลายเสื้อเชิ้ตของเขาอย่างไม่มีชิ้นดีทั้งอย่างนั้น… 


 


 


ถ้าเขาเข้ามาช้ากว่านี้เพียงก้าวเดียว เธออาจจะซักเสื้อของเขาในโถส้วมไปแล้วรอบหนึ่ง! 


 


 


จนกระทั่งฟ้าเกือบสว่าง เรื่องวุ่นวายอึกทึกถึงจะจบลง ในที่สุดเธอก็หยุดได้แล้ว 


 


 


เธอดึงเขากดลงบนเตียง ก่อนจะหลับสบายใจโดยที่เห็นเขาเป็นหมอน 


 


 


เมื่อล้มลงนอนเธอก็หลับไปเลย 


 


 


ส่วนอวี๋เยว่หานถูกคนเห็นเป็นหมอนตอนนอนหลับเป็นครั้งแรก แถมคนคนนั้นยังถูไถอยู่ในอกของเขาไม่ยอมหยุด ถูจนไฟจะติดอยู่บนตัวของเขาแล้ว 


 


 


หลับไปได้อย่างไรเนี่ย! 


 


 


เขาไม่ใช่คนที่ยอมกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม จึงยื่นมือไป คิดจะดันเธอออกตามสัญชาตญาณ แต่หางตาพลันเห็นใบหน้าน่ารักตอนหลับของเธอ มือที่คว้าไหล่ของเธอเอาไว้ก็ไม่มีแรงเอาไปเสียดื้อๆ 


 


 


และปล่อยให้เธอกอดตนเองอย่างมีความสุขอยู่ในอ้อมอก 


 


 


หญิงสาวพูดพึมพำ “เสี่ยวลิ่วลิ่วเด็กดี…พี่สาวคนสวยชอบเสี่ยวลิ่วลิ่วที่สุดเลย…” 


 


 


เธอกอดเขา แต่กลับคิดถึงลูกสาวของเขา 


 


 


ครั้งนี้อวี๋เยว่หานถูกมองข้ามไปโดยสิ้นเชิง! 


 


 


ความหยิ่งในศักดิ์ศรีของเพศชาย ถูกเธอกดทับจนไม่เหลือ 


 


 


ส่วนเธอกลับหลับไปเลย เรื่องดีที่ทำไว้ก็ยกให้โจวกงทั้งหมด 


 


 


เหลือเพียงความไม่มั่นใจบนใบหน้าเล็กๆ ราวกับเข้าใจอะไรผิดบางอย่าง 


 


 


อวี๋เยว่หานมองตามสายตาของเธอไป ก่อนจะก้มหน้าลงบนหน้าอกเปลือยเปล่าของตนเอง มุมปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์ และเอ่ยปากอย่างเฉยชา 


 


 


“ทำไม คุณคิดจะไม่ยอมรับเหรอ” 


 


 


“…” 


 


 


“ก็ถูกแล้วแหละ เมื่อวานคุณพูดไว้แล้ว แหย่เสร็จแล้วก็ไป ไม่รับผิดชอบ” 


 


 


“…” 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่เงยหน้าขึ้นทันควัน พร้อมกับถลึงตามองเขา 


 


 


จากนั้นก็มองเห็นเขาเลิกผ้าห่มออก แล้วลงจากเตียงอย่างสบายๆ เดินเข้ามาหาเธอพร้อมกางเกงสูทที่ยับยู่ยี่ 


 


 


เขาหยุดตรงหน้าเธอ ก้มหน้ามองใบหน้าอึ้งงันของเธอ 


 


 


“จำไม่ได้ งั้นต้องให้ผมช่วยเรียกความทรงจำคุณกลับมาไหม” 


 


 


นัยน์ตาสีดำของอวี๋เยว่หานวูบไหว แล้วพูดเสียงเข้ม “ที่จริงก็ไม่มีอะไร เมื่อคืนคุณกอดผมทั้งคืน แถมยังอยากจะช่วยผมถอดเสื้อให้ได้ ให้ผมนอนเป็นเพื่อนคุณ…” 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…” !! 


ตอนที่ 251 ฉันเชื่อ! ฉันเชื่อ!


 


 


ถอดเสื้อเขา!


 


 


ให้เขานอนเป็นเพื่อน!


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่อ้าปากเล็กน้อย ดวงตาของเธอแทบจะถลนออกมาแล้ว


 


 


หญิงสาวมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความลุกลี้ลุกลน “คุณโกหก! ถ้าพวกเรามีอะไรกันจริงๆ ทำไมเสื้อผ้าบนตัวของฉันยังอยู่ดีอยู่เลยล่ะ แถมฉันก็ไม่มีความรู้สึกอะไรสักนิด…”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่พูด หน้าแดงขึ้นมาก่อนเป็นอันดับแรก


 


 


ตอนที่เธอเพิ่งตื่น ก็เห็นเสื้อผ้าบนตัวของตนเอง ยังเป็นชุดที่เธอใส่เมื่อคืนอยู่


 


 


และแม้เขาจะไม่ได้ใส่เสื้อ แต่กางเกงยังใส่ดีอยู่


 


 


ดูท่าทางไม่เหมือนถูกเธอรังแกนะ…


 


 


อวี๋เยว่หานทำตัวไม่ถูก ดวงตาสีดำจับต้องที่คนตรงหน้า มองดวงตาสดใสคู่นั้นกวาดมองบนตัวเขาไม่ยอมหยุด ราวกับสงสัยความสามารถในเรื่องนั้นของเขา ถึงได้ทำให้เธอไม่รู้สึกอะไรเลย


 


 


มุมปากที่ยกขึ้นเมื่อครู่ ยิ้มไม่ออกไปในทันใด


 


 


เขามีสีหน้าดำคล้ำ ก่อนจะยื่นมือไปกดหัวของเธอเอาไว้ ออกแรงเล็กน้อย “เหนียนเสี่ยวมู่ คุณน่าจะรู้นะ ว่าถึงแม้มีมือเดียว ก็บีบคอคุณขาดได้”


 


 


“…ฉันเชื่อ! ฉันเชื่อ!” เหนียนเสี่ยวมู่รู้สึกสั่นประสาท เมื่อตกอยู่ที่นั่งลำบาก ต้องยอมถอยเพื่อที่จะไม่ตกเป็นเบี้ยล่าง


 


 


แต่หลังจากคิดดูแล้ว เธอก็พูดเสริมอีกประโยคหนึ่ง “คุณจัดการฉันได้ด้วยมือเดียว เพราะงั้นคุณไม่มีทางมองฉันเอาเปรียบคุณตาปริบๆ แน่ๆ เมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ใช่ไหม”


 


 


“…”


 


 


“ถ้ามีอะไรจริงๆ ก็ต้องเป็นคุณที่เอาเปรียบฉันแน่ ถึงยังไงฉันก็เมา จำไม่ได้หรอก”


 


 


“…”


 


 


อวี๋เยว่หานคิดไม่ถึงว่าเขาจะติดกับแล้ว


 


 


เขามองคนที่เหมือนกับจิ้งจอกน้อยตรงหน้า ลูกตาสีดำบริสุทธิ์หดตัวเล็กน้อย


 


 


เธอพูดถูกทุกอย่าง


 


 


ถ้าพูดต่อไป ก็จะกลายเป็นเขาถือโอกาสหลังจากเธอเมา แล้วเอาเปรียบเธอ…


 


 


อวี๋เยว่หานขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะหลุบตาลง เอ่ยปากเสียงเรียบ


 


 


“ผมไม่ใช่คนที่จะกินใครก็ได้นะ”


 


 


“…”


 


 


“แต่ผมถูกใครบางคนดึงไว้เป็นหมอนทั้งคืน บัญชีนี้จะคิดยังไงดีล่ะ” อวี๋เยว่หานโน้มตัวลงมาข้างหน้าเล็กน้อย เบียดเธอไปข้างผนัง มือข้างหนึ่งกักเธอไว้บนผนังดังปัง พลางหลุบตามองเธอ


 


 


เมื่อได้ยินว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขา เธอถึงจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจอย่างชัดเจน


 


 


ไม่รู้ว่าทำไม เขาถึงรู้สึกอึดอัดในหน้าอกอย่างน่าประหลาด เมื่อเห็นปฏิกิริยาอย่างนั้นของเธอ


 


 


ผู้หญิงหลายคนคิดหาวิธีเข้าใกล้เขาแทบตาย ก็เพื่อจะสร้างความสัมพันธ์กับเขา


 


 


เธอเป็นคนแรกที่ได้ยินว่าไม่มีอะไรกับเขาแล้ว ยังส่งเสียงหัวเราะดีใจออกมาได้ทันที


 


 


รอยยิ้มสดใส ราวกับดอกทานตะวัน


 


 


“เหนียนเสี่ยวมู่ คุณเป็นคนถอดเสื้อของผมด้วยตัวเอง หลักฐานยังนอนอยู่ในโถส้วมในห้องน้ำคุณอยู่เลยนะ” อวี๋เยว่หานขยับริมฝีปากบาง พร้อมกับรอยยิ้มเยือกเย็น


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่หนาวสันหลังวาบ ก่อนจะยิ้มเจื่อน “ให้ฉันชดใช้ให้คุณตัวหนึ่งเหรอ”


 


 


“มันเป็นเสื้อเชิ้ตสั่งทำ ส่วนราคา…”


 


 


พอได้ยินเรื่องเงิน เหนียนเสี่ยวมู่ก็ตัวแข็งทื่อไปในทันที


 


 


เธอลืมไปได้อย่างไร ข้าวของของอวี๋เยว่หานแทบจะเป็นของสั่งทำทั้งหมด ทุกชิ้นแพงลิบลิ่วทั้งนั้น


 


 


เกรงว่าเสื้อเชิ้ตแค่ตัวเดียว ก็มีราคาเกือบเท่าเงินเดือนทั้งเดือนของเธอแล้ว


 


 


เธอยังติดเงินเขาอยู่ก้อนหนึ่ง ถ้าเพิ่มเงินทับถมไปอีก เธอคงต้องทำงานฟรีๆ ให้บริษัทตระกูลอวี๋ไปทั้งชีวิต ถึงจะใช้หนี้เขาจนหมดได้!


 


 


ดวงตาใสเหมือนคริสตัลของเธอกังวลขึ้นมา “คุณชาย อยู่ๆ ฉันก็นึกได้ว่าเช้าวันนี้ต้องไปรับมิสเตอร์ลอมบาร์ดี เดี๋ยวจะไม่ทันเวลาแล้ว ฉันมีธุระจริงๆ กลับมาแล้วค่อยคุยกันเถอะ!”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่พูดพลางดันมือของเขาออกอย่างร้อนรน ก่อนจะวิ่งออกไปข้างนอด


 


 


แต่หลังจากยื่นมือไปเปิดประตู เพิ่งคิดจะหนีได้ เธอก็นึกอะไรได้บางอย่าง ทำเอาเธอตัวแข็งทื่อ แล้วถอยกลับมาอย่างเงียบๆ…


 


 


 


 


ตอนที่ 252 เขาพูดอะไรกันแน่


 


 


เธอกอดอกมองอวี๋เยว่หาน ผู้กำลังนั่งพิงผนังอย่างสบายใจ หน้าเล็กๆ ของเธององุ้มแล้ว


 


 


“คุณชาย นี่ห้องของฉัน…”


 


 


เธอยังไม่ได้ล้างห้าหรือแปรงฟัน ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า จะไปที่ไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้นแหละ


 


 


ถ้าอวี๋เยว่หานอยากจะคิดบัญชีกับเธอให้ได้ในตอนนี้ อย่างนั้นทำอย่างไรดี


 


 


“คุณใส่เสื้อก่อนเถอะ ไม่น่ามองเลย!” เหนียนเสี่ยวมู่วิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะกอดผ้าขนหนูผืนหนึ่งวิ่งออกมา จากนั้นก็โยนใส่ตัวเขา


 


 


เธอพูดอย่างเมินเฉยพร้อมปิดตา


 


 


“คุณว่าอะไรนะ” อวี๋เยว่หานรับผ้าขนหนูไว้ด้วยมือข้างเดียว แล้วเลิกคิ้วขึ้น


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่มองเขาด้วยหางตา แบมือทั้งสองข้าง “ให้คุณหัวเราะเยาะก่อน ฉันถึงจะแก้แค้น!”


 


 


อวี๋เยว่หาน “…”


 


 


ทำไมเมื่อคืนเขาไม่เขาไม่ถือโอกาสกดน้ำเธอในโถส้วมตอนที่เมาอยู่นะ


 


 


ชายหนุ่มเริ่มมีสายตาเย็นชา เตรียมจะพันตัวด้วยผ้าขนหนู กลับพบว่าผ้าขนหนูในมือเหมือนจะเปียกอยู่


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ก็เพิ่งเห็นจุดนี้ในตอนนี้เช่นกัน เมื่อครู่เธอรีบร้อนเกินไป เหมือนจะหยิบผ้าขนหนูที่ใช้แล้วส่งให้เขาไป


 


 


หลังจากสบสายตาสงสัยของเขา เธอก็รีบยืนตัวตรง พร้อมทั้งยกมือสาบาน “ฉันไม่ได้ตั้งใจ! ฉันก็ไม่รู้ว่าใช้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันจะไปหยิบให้คุณใหม่…อ๊ะ!”


 


 


เธอยังพูดไม่จบ คนตรงหน้าก็สะบัดมือ โยนผ้าขนหนูใส่หน้าเธออย่างสง่างาม


 


 


จากนั้นเขาก็เดินมาตรงหน้าเธอ แล้วยื่นมือไปกดหัวของเธอไว้ ขณะที่เธอเพิ่งจะดึงผ้าขนหนูออก


 


 


เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าเล็กน้อย


 


 


“เหนียนเสี่ยวมู่ ไม่ใช่ว่าใครแหย่ผมแล้ว ก็จะหนีไปได้หมดนะ”


 


 


“…อวี๋เยว่หาน ฉันจะขาดใจตายแล้ว คุณรีบปล่อยมือสิ!” เหนียนเสี่ยวมู่ออกแรงเต็มที่ พยายามปัดมือของเขาออก สุดท้ายก็ดึงผ้าขนหนูบนหัวลงมาได้อย่างยากลำบาก แต่คนตรงหน้าออกจากห้องไปแล้ว


 


 


เธอตะลึงลานตาแดงอยู่ที่เดิม ผ่านไปนานทีเดียวถึงจะดึงสติกลับมาได้ เมื่อครู่เขาเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างกับเธอ


 


 


แต่ตอนนั้นเขากดเธอไว้จนเกือบตาย จึงฟังอะไรไม่ชัดเจนทั้งนั้น


 


 


ได้ยินรางๆ ถึงคำว่าแหย่ไม่แหย่อะไรสักอย่าง…


 


 


เขาพูดว่าอะไรกันแน่


 


 


“มิสเตอร์บอมบาร์ดี!” เหนียนเสี่ยวมู่นึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ จึงรีบกอดผ้าขนหนูพุ่งเข้าไปในห้องน้ำ


 


 


เธออาบน้ำอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนเสื้อผ้า และถือกระเป๋าออกจากคฤหาสน์ไป


 


 


ตอนนี้เพิ่งจะเก้าโมงเช้า


 


 


ยังเหลือเวลาอีกสองชั่วโมง เวลาเหลือเฟือ เธอจึงไปที่บริษัทก่อน เพื่ออ่านข้อมูลของมิสเตอร์ลอมบาร์ดีอีกหนึ่งรอบ


 


 


ดูว่าเขามีความชอบอะไรเป็นพิเศษไหม


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่เตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อย แล้วถึงจะพาเพื่อนร่วมงานกลุ่มย่อยไปต้อนรับที่สนามบินด้วยกัน


 


 


แต่เพิ่งถึงสนามบิน ก็เห็นล่ามหวางเมี่ยวเมี่ยวรีบร้อนวิ่งเข้ามา “ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ทำไมพวกคุณมาเอาป่านนี้คะ มิสเตอร์ลอมบาร์ดีเกลียดคนไม่รู้จักเวลาที่สุด!”


 


 


“…” เหนียนเสี่ยวมู่ตกตะลึงกับเสียงตะคอกของอีกฝ่าย จึงยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมามอง


 


 


สิบโมงครึ่ง


 


 


เธอกังวลว่าสายการบินอาจจะลงเครื่องเร็วกว่ากำหนด จึงมาถึงสนามบินก่อนเวลาถึงครึ่งชั่วโมง


 


 


ทำไมกลับกลายเป็นว่ามาสายไปได้


 


 


“มิสเตอร์ลอมบาร์ดีกับทีมล่ะคะ” เหนียนเสี่ยวมู่ขมวดคิ้วพลางถาม


 


 


เมื่อได้ยินดังนั้น หวางเมี่ยวเมี่ยวก็ตอบอย่างไม่สบอารมณ์นัก “เจ็ทแล็กค่ะ แถมยังรออยู่ที่สนามบินตั้งครึ่งชั่วโมง ตอนนี้โมโหจนกลับไปที่โรงแรมแล้ว”


 


 


“…”


 


 


“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ฉันบอกคุณแล้วแท้ๆ เที่ยวบินสิบโมงเช้า คุณมาสายไปครึ่งชั่วโมงนี่มันหมายความว่ายังไงคะ ถ้ามิสเตอร์ลอมบาร์ดียกเลิกการร่วมมือเพราะคุณ คุณจะรับผิดชอบไหวเหรอคะ”


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวเสียงดังมาก ครั้นพูดออกไป สีหน้าของเพื่อนร่วมงานกลุ่มย่อยก็เปลี่ยนไปด้วย!


ตอนที่ 253 ทำได้แค่ยอมรับ!


 


 


เที่ยวบินรอบสิบโมงเช้า


 


 


ตอนนี้สิบโมงครึ่งแล้ว อย่าว่าแต่มิสเตอร์ลอมบาร์ดีเป็นคนรักษาเวลาเลย ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น เดินทางมาเจรจาไกลถึงจนาดนี้ ยังถูกทิ้งให้รออยู่ที่สนามบินตั้งครึ่งชั่วโมง ก็ต้องโมโหกันทั้งนั้นแหละ!


 


 


“คุณว่าอะไรนะคะ เที่ยวบินรอบสิบโมง” เหนียนเสี่ยวมู่ได้ยินเธอพูดแล้ว นัยน์ตาพลันหดตัว สายตาก็แหลมคมขึ้น


 


 


ตอนที่หวางเมี่ยวเมี่ยวบอกเธอก่อนหน้านี้ ก็บอกไว้ว่าสิบเอ็ดโมงเช้าอย่างชัดเจน!


 


 


เธอพาลูกทีมมาตามเวลาที่หวางเมี่ยวเมี่ยวบอกไว้ แต่ตอนนี้กลับพบว่า เที่ยวบินของมิสเตอร์ลอมบาร์ดีและทีมมาถึงเร็วกว่าเวลาที่เธอได้ยินถึงหนึ่งชั่วโมง


 


 


พวกเธอเพิ่งจะมาถึงตอนนี้ แล้วจะต้อนรับใครล่ะ!


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่เพิ่งอยากพูดอะไรบางอย่าง ก็มีเพื่อนร่วมงานในทีมต้อนรับรับสายโทรศัพท์


 


 


อีกฝ่ายไม่ได้เปิดลำโพง แต่เสียงโกธเป็นฟืนเป็นไฟจากปลายสาย ก็ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ได้ยินทั้งหมด แม้ไม่ต้องเปิดลำโพง


 


 


“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย เรื่องง่ายๆ อย่างรับคน พวกเธอก็ทำเสียเรื่องเหรอ”


 


 


“เที่ยวบินสิบโมง แต่พวกเธอเพิ่งไปถึงตอนสิบโมงครึ่ง หรือต้องให้ฉันให้พวกเธอหยุดงานยาวๆ ให้พวกเธอกลับไปนอนหลับสบายสักตื่นค่อยมารับคนเหรอ เหนียนเสี่ยวมู่ทำงานยังไงเนี่ย งานเล็กน้อยแค่นี้ก็ทำไม่ได้!”


 


 


“ฉันจะบอกพวกเธอให้นะ ฉันเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากมิสเตอร์ลอมบาร์ดี ทีมของพวกเขาปฏิเสธที่จะร่วมงานกับพวกเราแล้ว และจับกลับอิตาลีพรุ่งนี้เลย ถ้างานนี้พังเพราะน้ำมือของพวกเธอ พวกเธอก็เตรียมใบลาออกให้ดีก่อนค่อยกลับมา!”


 


 


เหวินหย่าไต้อยู่ในสาย เธอโมโหตะตะคอกรวดเดียวจบ และวางสายไปในทันที


 


 


ไม่ให้โอกาสพวกเธออธิบายเลยด้วยซ้ำ


 


 


เพื่อนร่วมงานกลุ่มย่อยที่มารับมิสเตอร์ลอมบาร์ดีต่างมองหน้ากัน และมองไปยังเหนียนเสี่ยวมู่


 


 


ตอนนี้คนที่รับผิดชอบงานของมิสเตอร์ลอมบาร์ดี ก็คือเธอ


 


 


เธอจำเวลาต้อนรับผิดไป ทำให้ทุกคนต้องมารับผิดไปกับเธอด้วย


 


 


“…”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่รู้ว่าตอนนี้ตนเองพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว


 


 


ตอนที่หวางเมี่ยวเมี่ยวมาบอก เธอไม่ได้เตรียมตัวอะไรโดยสิ้นเชิง ยิ่งไม่มีทางคิดถึงเรื่องอัดเสียง


 


 


ถึงแม้ตอนนี้เธอจะบอกเพื่อนร่วมงานคนอื่น ว่าตอนนั้นหวางเมี่ยวเมี่ยวบอกเวลาไว้ว่าสิบเอ็ดโมง ก็คงไม่มีใครเชื่อ


 


 


กลับจะถูกทุกคนคิดว่าเธออยากจะผลักความรับผิดชอบ ไปให้ล่ามคนหนึ่ง


 


 


ที่เธอทำได้ในตอนนี้ ก็คือกอบกู้งานร่วมมือนี้กลับมา


 


 


ขอเพียงมิสเตอร์ลอมบาร์ดียอมร่วมงานกับพวกเขาต่อไป เธอก็จะมีโอกาสอธิบายให้ชัดเจน!


 


 


“โรงแรมที่มิสเตอร์ลอมบาร์ดีกับทีมพักอยู่ที่ไหนคะ” เหนียนเสี่ยวมู่หันหน้าไปมองล่ามหวางเมี่ยวเมี่ยว และถามออกไปตรงๆ


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวคิดไม่ถึงว่าเธอจะไม่แก้ตัว ไม่สงสัยตนเอง และคิดจะกอบกู้งานกลับมาในทันที


 


 


ล่ามสาวตะลึงลานไปหลายวินาที ถึงจะยกมือขึ้นมาทัดปอยผมไว้ที่ปรกข้างแก้มไว้หลังหู


 


 


ขณะที่เงยหน้าขึ้น มุมปากของเธอยกยิ้มเยาะเย้ยอยู่


 


 


ก่อนจะเอ่ยปากอย่างไม่รีบร้อน


 


 


“ถึงแม้คุณรู้ที่อยู่โรงแรมก็ไม่มีปะโยชน์หรอกค่ะ ตอนที่มิสเตอร์ลอมบาร์ดีไป เขาโกรธมาก และบอกยกเลิกการร่วมมือแล้ว ไม่อยากเห็นพวกเราอีกค่ะ”


 


 


“ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ค่ะ ต้องพยายามก่อนถึงจะรู้ผลลัพธ์” เหนียนเสี่ยวมู่ขัดจังหวะคำพูดของเธอ ก่อนจะเดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง


 


 


ท่าทางมีอำนาจทำให้ออร่ารอบตัวเธอเปลี่ยนไปแล้ว


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วกวาดสายตาเฉียบคมมองหวางเมี่ยวเมี่ยว พลางพูดชัดถ้อยชัดคำ


 


 


“คุณเป็นล่ามที่บริษัทให้ฉันมา งานของคุณก็คือฟังคำสั่งของฉัน ทำงานในส่วนของตัวเองให้ดี ส่วนการตัดสินใจของฉัน ไม่ต้องให้คุณอนุญาต!”


 


 


 


 


ตอนที่ 254 คนน้อยทำงานง่าย


 


 


“…” หวางเมี่ยวเมี่ยวถูกออร่าของความมีอำนาจทำให้หวาดหวั่นจนพูดไม่ออก


 


 


“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ผมจะไปขับรถ พวกเราจะไปเลยดีกว่าครับ” มีเพื่อนร่วมงานทีมต้อนรับพูดอย่างรวดเร็ว


 


 


หลังจากพูดจบ เขาก็หมุนตัวไปขับรถทันที


 


 


ทุกคนออกจากสนามบิน มุ่งหน้าไปยังโรงแรมที่มิสเตอร์ลอมบาร์ดีพักอยู่


 


 


เมื่อมาถึงโรงแรม เพื่อนร่วมงานบนรถกำลังจะลงจากรถ เหนียนเสี่ยวมู่ก็ยื่นมือมาขวางไว้


 


 


“คนเยอะขนาดนี้ มันดูจะเกินไปหน่อย ยังไม่ทันได้เจอมิสเตอร์ลอมบาร์ดี ก็คงจะถูกพนักงานโรงแรมขวางไว้ก่อน”


 


 


“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนหมายความว่ายังไงคะ” มีคนถามขึ้นมา


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่คิดดูแล้ว ถึงจะยื่นมือไปเปิดประตูรถ และลงไปก่อน


 


 


ครั้นหันกลับมา เธอมองไปยังเหล่าเพื่อนร่วมงานที่มีสีหน้าคร่ำเคร่ง และมองไปยังหวางเมี่ยวเมี่ยวเป็นคนสุดท้าย


 


 


“ล่ามหวางเข้าไปกับฉันก็พอค่ะ พวกคุณรออยู่บนรถนี่แหละ ถ้ามีข่าวอะไร ฉันจะติดต่อพวกคุณทันที”


 


 


“แค่พวกคุณสองคน จะพอเหรอคะ” เพื่อนร่วมงานหลายคนถามขึ้นด้วยความไม่สบายใจ


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ดึงเสื้อนอกของตัวเองออก แล้วมองไปยังโถงโรงแรมที่มีทองอร่ามครั้งหนึ่ง ก่อนจะพูดอย่างมีเลศนัย “สำหรับบางเรื่อง คนน้อยทำงานง่ายกว่าค่ะ!”


 


 


ทุกคน “…”


 


 


ไม่มีใครรู้ว่าเหนียนเสี่ยวมู่จะทำอะไร


 


 


แม้แต่หวางเมี่ยวเมี่ยวที่ไปกับเธอ ก็เดาไม่ออกเช่นกัน


 


 


หลังจากถูกตำหนิไปยกหนึ่งเมื่อครู่ หวางเมี่ยวเมี่ยวก็รู้ว่าเธอไม่ใช่อย่างที่เห็นภายนอก และไม่กล้าสงสัยการตัดสินใจของเธอง่ายๆ


 


 


ล่ามสาวทำได้แค่เพียงตามหลังเธอ มองอีกฝ่ายเดินอาดๆ เข้าไปในโถงโรงแรม


 


 


ก่อนจะหยุดลงเมื่อถึงเคาท์เตอร์


 


 


ขณะที่หวางเมี่ยวเมี่ยวคิดว่าเธอต้องสอบถามห้องพักของมิสเตอร์ลอมบาร์ดีแน่ๆ แต่กลับเห็นเหนียนเสี่ยวมู่หยิบบัตรประชาชนออกมาจากในกระเป๋า วางลงบนเคาท์เตอร์


 


 


“เปิดห้องค่ะ” หญิงสาวเอ่ยปากโดยไม่เงยหน้า


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยว “…” !!


 


 


พวกเธอจะมาหามิสเตอร์ลอมบาร์ดีไม่ใช่เหรอ


 


 


ทำไมถึงเปิดห้องล่ะ


 


 


คงจะไม่บอกว่าเพิ่งมาถึง เหนื่อยจนขยับตัวไม่ได้ เลยอยากพักผ่อนสักหน่อยมั้ง


 


 


นี่มันแปลกประหลาดเกินไปแล้ว!


 


 


พวกเธอไม่มีกระเป๋าเดินทาง จึงจัดการขั้นตอนเข้าพักได้อย่างรวดเร็ว


 


 


เมื่อเหนียนเสี่ยวมู่ได้คีย์การ์ดและเดินเข้าไปในลิฟต์ หวางเมี่ยวเมี่ยวก็งงงันพูดไม่ออกไปแล้ว


 


 


พอดึงสติกลับมาได้ ล่ามสาวก็รีบตามเธอเข้ามาในลิฟต์ และเอ่ยปากถามอย่างอดไม่อยู่


 


 


“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน พวกเราไม่สอบถามห้องของมิสเตอร์ลอมบาร์ดี แต่มาเปิดห้องของตัวเองนี่มันยังไงกันคะ”


 


 


เมื่อได้ยินแล้ว เหนียนเสี่ยวมู่ก็ยกยิ้มที่มุมปาก แต่ก็ดูเหมือนไม่ได้ยิ้ม “คุณไปลองสอบถามดูสิ ถ้าคุณสอบถามข้อมูลของลูกค้าห้องเพรสซิเดนท์สูทมาได้ โรงแรมนี้คงถูกปิดไปแล้ว”


 


 


“…งั้นตอนนี้คุณกำลังทำอะไรคะ”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ชำเลืองมองเธอครั้งหนึ่ง “ยังเช้าอยู่ รอเฉยๆ คงไม่ได้ ก็เลยเปิดห้องนอนซะเลย คุณไม่ง่วงเหรอ”


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยว “…” !!


 


 


เวลาแบบนี้ เธอยังมีกะใจนอนอีกเหรอ!


 


 


เดิมทีหวางเมี่ยวเมี่ยวคิดว่าเหนียนเสี่ยวมู่แสร้งทำเป็นใจเย็น


 


 


แต่คิดไม่ถึงว่าออกจากลิฟต์แล้ว เหนียนเสี่ยวมู่เข้ามาในห้อง วางกระเป๋าไว้ตรงตู้หัวเตียง แล้วหมุนตัวล้มลงนอนจริงๆ


 


 


จากนั้นก็ยื่นมือไปดึงผ้าห่มมาห่มจนมิดหัว แล้วหลับไป!


 


 


ท่าทางแบบนี้ เหมือนเมื่อคืนไม่ได้นอนทั้งคืน


 


 


เธอหลับสบายมาก เหลือเพียงหวางเมี่ยวเมี่ยวยืนอึ้งอยู่ที่หน้าประตู ผ่านไปนานแล้ว ก็ยังไม่รู้ว่าควรจะมีปฏิกิริยาอย่างไร


 


 


จะให้นอนกับเหนียนเสี่ยวมู่เหรอ


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่หลับได้ แต่เธอหลับไม่ลงหรอก!


 


 


หวางเมี่ยวเมี่ยวเดินไปข้างหน้าสองก้าว เมื่อแน่ใจว่าคนบนเตียงหลับไปแล้วจรัง เธอถึงจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา พลางเดินไปที่ระเบียง และส่งข่าวให้เหวินหย่าไต้

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม