หวนแค้นชะตารัก 246-261

 ตอนที่ 246 ต่างก็สิ้นหวัง 


 


 


 


 


 


ซูจิ่วซือพูดจบก็บอกลา หลี่ซั่วพุ่งหมัดชกต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ เปลือกไม้หยาบครูดหลังมือหลี่ซั่วเป็นแผล มีเลือดซึมออกมา แต่เขาไม่รู้สึกรู้สา 


 


 


เวลานี้เขาห่วงแต่ว่าจะมีคนล่วงรู้เรื่องของเขากับพระสนมโหรว หากเรื่องนี้กระจายออกไป สำหรับพระสนมโหรวหมายถึงหายนะ 


 


 


เขาไม่ใช่คนฉลาดอย่างพระสนมโหรว และไม่มีเล่ห์กลอะไรมาก เขาคิดไม่ออกว่าจะมีวิธีใดกำจัดซูจิ่วซือ ยกเว้นฆ่าโดยตรง พอคิดได้อย่างนี้ เขาก็หันหลังกลับเข้าไปที่ห้องหนังสือ เตรียมเขียนจดหมายถึงพระสนมโหรว 


 


 


พอออกจากจวนสกุลหลี่ ขึ้นรถม้าแล้ว จื่อหลานยังรู้สึกสงสัยไม่หาย “คุณหนู เมื่อครู่นี้อันตรายจริงๆ ” 


 


 


“ไม่มีอะไร”  


 


 


“คุณหนูพูดกับผู้บัญชาการหลี่ตรงๆ อย่างนี้ พระสนมโหรวก็จะรู้ทันทีว่าคุณหนูรู้เรื่องนี้ พอถึงตอนนั้นสองคนนี้คงจะทำร้ายคุณหนู” 


 


 


ซูจิ่วซือเอนตัวพิงรถม้า หลับตา “ข้ามีวิธีรับมือกับเขา” 


 


 


เรื่องนี้นางคิดไว้ก่อนแล้ว พอพูดเรื่องนี้ออกไป พระสนมโหรวต้องจัดการนางแน่ แต่นางไม่กลัวพระสนมโหรว ในเมื่อกำความลับนี้ไว้ในมือ พระสนมโหรวก็คงไม่กล้า เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งกลัว นางจึงจะรักษาชีวิตไว้ได้ 


 


 


“คุณหนูยุ่งทั้งวันแล้ว กลับไปพักผ่อนให้เต็มที่เถิดเจ้าค่ะ” 


 


 


ซูจิ่วซือพยักหน้า นางเหนื่อยจริงๆ  คดีนี้มีโทษถึงประหาร การจะพลิกคดีมีความเป็นไปได้น้อยมาก เว้นแต่ว่าฝ่าบาทจะปล่อยซูเหิง ถ้าฝ่าบาททรงยืนยันที่จะดำเนินการตามกฎหมาย ก็ไม่มีวันพลิกคดีได้ 


 


 


เวลานี้นางติดต่อหลี่ซั่วก่อน ให้ซูเหิงถูกทรมานในคุกให้น้อยที่สุด สองวันนี้นางคิดหาวิธี ถ้าไม่มีทางจริงๆ ก็ต้องใช้ป้ายเว้นโทษประหาร ไม่ว่าอย่างไรต้องไม่ให้ซูเหิงตาย 


 


 


รุ่งขึ้น ซูจิ่วซือเข้าวังไปสอน ต่อหน้าทุกคนนางปกติทุกอย่าง ดูไม่ออกแม้แต่น้อย ราวกับไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องของซูเหิง และไม่ได้พูดถึงซูเหิง  


 


 


หลังจากจบการบรรยาย ซูจิ่วซือเตรียมจะไปเข้าเฝ้าเสิ่นไทเฮาที่วังหย่งโซ่ว ระหว่างทางพบพระสนมโหรวเข้า 


 


 


พระสนมโหรวตั้งใจรอพบนางระหว่างทาง พอเห็นซูจิ่วซือเข้ามา ก็รีบเดินมาหา 


 


 


ซูจิ่วซือรู้ว่าพระสนมโหรวมาหา นางคารวะพระสนมโหรวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ถวายบังคมพระสนมโหรว” 


 


 


“องค์หญิงคงเหนื่อยมาก ซูเหิงเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ไทเฮายังให้องค์หญิงเข้าวังมาบรรยาย เดินด้วยกันดีหรือไม่” 


 


 


น้ำเสียงของพระสนมโหรวยังคงอ่อนหวาน แช่มช้อย 


 


 


“เรื่องของซูเหิงปล่อยให้กฎหมายบ้านเมืองจัดการ ข้าควรทำอะไรก็ยังต้องทำต่อไป ข้างนอกแดดร้อนจัด พระสนมโหรวจะเดินเล่นจริงหรือ” 


 


 


“ข้างหน้ามีศาลาพักร้อน เข้าไปนั่งพักกัน” 


 


 


“แล้วแต่พระสนมโหรว” 


 


 


ซูจิ่วซือรับคำ ทั้งสองเดินตามกันเข้าไปในศาลา ขณะที่กำลังนั่งลง สาวใช้ก็ยกผลไม้มาให้ทันที 


 


 


ศาลาพักร้อนหันหน้าเข้าหาทะเลสาบ ข้างๆ มีต้นไหวขนาดใหญ่บังแดด ข้างในศาลาเย็นสบาย  


 


 


พระสนมโหรวโบกมือ ทำท่าให้สาวใช้ในศาลาออกไป พอเหลือเพียงสองคนนางจึงเอ่ยปากพูด แม้สีหน้ายังยิ้มแย้ม แต่แววตาเย็นชา “องค์หญิงเก่งจริงๆ ” 


 


 


“คำนี้ข้าควรจะเป็นคนพูด พระสนมต่างหากที่เก่งจริงๆ กล้านัดพบผู้ชายอื่นใต้พระเนตรของฝ่าบาท แล้วยังตั้งครรภ์ พระสนมไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาจริงๆ ” 


 


 


ซูจิ่วซือไม่กลัวพระสนมโหรว นางเย้ยหยัน “พระสนมไม่จำเป็นต้องขู่ข้า หากเกิดอะไรขึ้นกับข้าแม้แต่น้อย เรื่องของพระสนมกับผู้บัญชาการหลี่ย่อมล่วงไปถึงฝ่าบาทแน่” 


 


 


“เพราะอย่างนี้องค์หญิงจึงเอาเรื่องนี้มาบีบข้างั้นหรือ” 


 


 


 


 


 


—— 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 247 ความจริงเกี่ยวกับการจากไปของกู้เฉินหรง 


 


 


 


 


 


“ข้ามิบังอาจ ข้ากับพระสนมโหรวไม่เคยมีความแค้นต่อกัน ไม่อยากสร้างความแค้นให้ใครอย่างไร้เหตุผล ถ้าพระสนมไม่ทำข้า ข้าย่อมไม่ทำพระสนม ข้ารู้ว่าพระสนมไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอที่ไม่มีอำนาจ ข้าไม่ได้เจตนาจะเป็นศัตรูกับพระสนม แต่เวลานี้ข้ามีเรื่องหนึ่งที่ยังไม่เข้าใจ อยากให้พระสนมโปรดอธิบาย” 


 


 


ซูจิ่วซือมีเรื่องที่อยากถามพระสนมโหรวจริงๆ เกี่ยวกับกู้เฉินหรง เมื่อก่อนนางไม่ถามเพราะรู้ว่าพระสนมโหรวคงไม่บอกนางแน่ เวลานี้เมื่อกุมความลับในมือ หากถาม นางไม่เชื่อว่าพระสนมโหรวจะไม่บอก 


 


 


พระสนมโหรวนึกไม่ถึงว่าซูจิ่วซือจะรู้ความลับนี้ นางไม่รู้จะทำอย่างไรกับซูจิ่วซือจริงๆ นางกับซูจิ่วซือเคยรู้จักกัน รู้ว่าซูจิ่วซือมีเล่ห์เหลี่ยมและโหดเ**้ยม ซูจิ่วซือใส่ใจคนใกล้ชิด นางเองก็มีคนที่นางใส่ใจ ด้วยเหตุนี้ นางกับซูจิ่วซือจึงเสมอกัน 


 


 


“องค์หญิงอยากรู้อะไร” 


 


 


พระสนมโหรวหยิบแตงโมขึ้นมา เคี้ยวอย่างช้าๆ ท่าทางชวนมอง 


 


 


“ข้าอยากรู้ว่าตอนที่กู้เฉินหรงช่วยข้า พระสนมทำอะไรเขา” 


 


 


พระสนมโหรวกลืนแตงโม หัวเราะขึ้น “ที่แท้เจ้ายังนึกถึงเรื่องนี้อยู่ ดูแล้วที่กู้เฉินหรงทำเพื่อเจ้านับว่าสมควร เขารักเจ้าจริงๆ ยินดีสละทุกอย่างเพื่อเจ้า เอาชีวิตแลกชีวิต” 


 


 


สีหน้าของซูจิ่วซือเครียดขึ้นมาทันที “เจ้าว่าอย่างไรนะ เอาชีวิตแลกชีวิตอะไรกัน” 


 


 


“เดิมทีเขาไม่ให้ข้าบอกเจ้า ข้ารับปากเขาไว้ แต่เมื่อเจ้าซักถามถึงขั้นนี้ ข้าก็จะบอกให้เจ้ารู้ไว้ เจ้านายต้องการชีวิตของเขา เขากินยาตัดดวงจิต เวลานี้ไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เจ้าทำใจให้สบายเถอะ!” 


 


 


ซูจิ่วซือชอบอ่านหนังสือทุกชนิด ย่อมรู้จักยาตัดดวงจิต มันเป็นยาพิษจากหุบเขาราชาพิษ กินแล้วจะเสียสติอย่างช้าๆ เป็นเหมือนซากศพเดินไป สุดท้ายก็ตายเพราะหัวใจล้มเหลว ปกติพิษจะออกฤทธิ์ภายในหนึ่งเดือน 


 


 


ที่หุบเขาราชาพิษอาจจะมีวิธีแก้พิษนี้ แต่เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนหุบเขาราชาพิษได้หายไปจากวงการนักเลงอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีใครรู้ว่าหุบเขาราชาพิษยังมีอยู่หรือไม่ การจะตามหาไม่ใช่เรื่องง่าย 


 


 


ซูจิ่วซือรู้จักหุบเขาราชาพิษเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ตอนที่นางยังไม่ได้แต่งงานกับกู้เหยี่ยน นางเคยคบหากับนายน้อยแห่งหุบเขาราชาพิษอย่างลึกซึ้ง เวลานั้นนางไปที่หุบเขาราชาพิษครั้งหนึ่ง 


 


 


เวลานี้หุบเขาราชาพิษหายสาบสูญไปนานแล้ว ไม่มีร่องรอยหลงเหลืออยู่เลย ไม่ได้อยู่ที่เดิมแล้ว นางไม่รู้ว่าจะไปหากู้เฉินหรงที่ไหน และจะไปหาหุบเขาราชาพิษที่ไหน  


 


 


พอเห็นซูจิ่วซือสีหน้าวิตกและเจ็บปวด พระสนมโหรวก็รู้สึกพอใจ  


 


 


“มีผู้ชายที่รักเจ้าอย่างนี้ เจ้าควรจะดีใจ เพื่อเจ้า เขายอมสละแม้กระทั่งชีวิต 


 


 


เวลานี้ถ้าเจ้าไปตามหาเขา ถึงจะพบเขายังมีชีวิตอยู่ แต่เขากลายเป็นคนเสียสติไปแล้ว ไยต้องเสียเวลาเปล่า  


 


 


หากเจ้าไม่ถือข้าเป็นศัตรู ข้าจะช่วยทูลฮ่องเต้ให้ปล่อยซูเหิง  


 


 


แต่ถ้าเจ้ากล้าพูดเรื่องนี้ออกไป พอถึงตอนนั้นคนที่ตายไม่ใช่มีแต่เราสามคน ยังมีน้องชายน้องสาวของเจ้าอีก ข้าสาบานได้ว่า ไม่มีใครหนีรอดไปได้ อยากจะอยู่รอดปลอดภัยหรืออยากตายด้วยกัน องค์หญิงเองคิดให้ดีก็แล้วกัน” 


 


 


เวลานี้ซูจิ่วซือไม่มีเจตนาจะเป็นศัตรูกับพระสนมโหรว พระสนมโหรวเป็นคนของซิ่นอ๋อง คงมีคนที่อยู่เบื้องหลังอีก ถ้านางจะให้ตายตกตามกัน พอถึงตอนนั้นซูเหิงกับซูเหลียงอินคงไม่ปลอดภัยแน่ 


 


 


ซูจิ่วซือไม่อยากทำอย่างนี้ แต่พอนึกถึงกู้เฉินหรง ในใจนางก็ปวดร้าวขึ้นมาทันที นอกจากปวดร้าวใจแล้วยังรู้สึกละอายใจด้วย 


 


 


คนโง่ นางถามหลายครั้งก็ไม่บอกความจริงให้นางรู้ มิน่าเขาจึงยอมออกจากเมืองหลวง เป็นเพราะโดนยาพิษร้ายกาจนี่เอง 



ตอนที่ 248 ไร้อนาคต


 


 


 


 


ชั่วพริบตา ในสมองของซูจิ่วซือก็เกิดความคิดขึ้นมา นางต้องไปตามหากู้เฉินหรง ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร นางต้องไปหากู้เฉินหรง


 


 


แต่เวลานี้ซูเหิงยังอยู่ในคุก นางไม่อาจไปได้ทันที รอช่วยซูเหิงให้ได้ก่อน นางจะไปตามหากู้เฉินหรง ไม่ว่าเขาจะเปลี่ยนไปอย่างไร นางต้องตามหาเขาให้ได้


 


 


สีหน้าของซูจิ่วซือเคร่งเครียด ต่อหน้าคนอื่นนางควบคุมตนเองให้สงบเยือกเย็นมาตลอด แทบจะไม่เคยเผยอารมณ์ความรู้สึกออกมา


 


 


ทั้งหมดนี้ พระสนมโหรวมองเห็น ดูแล้วในหัวใจของซูจิ่วซือก็มีกู้เฉินหรงเช่นกัน


 


 


พระสนมโหรวพูดอย่างเนิบช้า “กู้เฉินหรงดีกับเจ้าจนไม่รู้จะพูดอย่างไร แม้แต่ข้าก็ยังซาบซึ้ง แต่จะทำอย่างไรได้ นี่เป็นคำสั่งของเจ้านาย ข้าต้องทำตามคำสั่ง


 


 


แม้ไม่มีข้า กู้เฉินหรงก็หนีไม่พ้นยาพิษนี้ องค์หญิง ข้าไม่มีเจตนาเป็นศัตรูกับเจ้า ข้าชื่นชมเจ้า แต่เสียดายที่เราสองคนมีเจ้านายคนละคนกันจึงไม่อาจคบหากันได้ ไม่เช่นนั้นข้าก็อยากเป็นเพื่อนกับเจ้าจริงๆ”


 


 


“พระสนมไม่คิดถึงวันข้างหน้าหรือ คนที่เป็นเหมือนเบี้ย สักวันหนึ่งก็ถูกทิ้ง”


 


 


ซูจิ่วซือพยายามสะกดความรู้สึกสับสนในใจ พูดขึ้น


 


 


“องค์หญิงก็เคยทุกข์ทรมานมาก่อน ความทุกข์ทรมานไม่มีวันหมด ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ จะเข้าใจคนที่เกิดในครอบครัวยากจนแสนเข็ญอย่างข้าหรือ


 


 


ชีวิตลำบากเพียงไร ข้าก็ไม่มีทางเลือก ยอมเป็นเบี้ยให้เขาใช้ประโยชน์ก็ไม่มีทางเลือก เข้าวังก็ไม่มีทางเลือก ข้าเพียงแต่อยากเอาตัวรอดเท่านั้น”


 


 


 ซูจิ่วซือยังคงยิ้มน้อยๆ “อยากเอาตัวรอดไม่ผิดหรอก ข้าเองก็อยากเอาตัวรอด ดูแล้วผู้บัญชาการหลี่จริงใจต่อพระสนม คิดแทนพระสนมทุกอย่างจริงๆ


 


 


ข้าไม่รู้ว่าพระสนมมีความจริงใจต่อผู้บัญชาการหลี่เพียงไร ถ้าเดาไม่ผิด พระสนมใกล้ชิดกับผู้บัญชาการหลี่ก็เพื่ออาศัยประโยชน์จากเขา อาศัยประโยชน์จากคนที่รักตนอย่างจริงใจ เป็นเรื่องที่น่าละอายที่สุด


 


 


เขาไม่ใช่คนโง่ เพียงแต่เขาเชื่อใจเจ้า สักวันหนึ่งพระสนมจะเสียใจภายหลัง การอาศัยประโยชน์จากความรักมักจะทำให้เจ็บปวด นี่เป็นคำแนะนำที่ข้ามอบให้พระสนม”


 


 


พระสนมโหรวแววตาเยือกเย็น “เรื่องของข้าไม่ต้องให้เจ้ามาพูดมาก”


 


 


“ข้าไม่ใช่คนหาเรื่องไปเรื่อยเปื่อย ข้าไม่เอาเรื่องของพระสนมกับผู้บัญชาการหลี่ซั่วมาขู่พระสนมก็ได้ พระสนมเองก็อย่าทำร้ายคนใกล้ชิดของข้า ไม่เช่นนั้นก็มีแต่จะตายทั้งสองฝ่าย ทุกคนต่างก็แย่ ข้าพูดเพียงเท่านี้ ขอลาก่อน”


 


 


พูดจบซูจิ่วซือก็หันหลังจากไป


 


 


หลังจากซูจิ่วซือไปแล้ว พระสนมโหรวก็หยิบแตงโมเข้าปากอีกชิ้นหนึ่ง “องค์หญิงคนนี้ใช้ได้จริงๆ”


 


 


“พระสนม บอกเรื่องพระนัดดาให้องค์หญิงรู้ ท่านอ๋องจะ…”


 


 


“ใครว่าข้าบอกนาง จุดหมายของเจ้านายอยู่ที่พระนัดดา นางรู้หรือไม่ไม่สำคัญ”


 


 


พระสนมโหรวโบกมือ ในสมองกลับนึกถึงคำพูดของซูจิ่วซือเมื่อครู่นี้อย่างไม่รู้ตัว เริ่มแรกนางมีความคิดที่จะอาศัยประโยชน์จากหลี่ซั่วจริงๆ เพราะเขาเป็นผู้บัญชาการทหารองครักษ์


 


 


หลี่ซั่วเป็นคนควบคุมตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม แต่สุดท้ายด้วยความพยายามอย่างไม่ท้อถอยของนางทำให้เขาภักดีกับนาง หลังจากใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อยๆ นางจึงรักเขาอย่างแท้จริง


 


 


แม้นางเป็นพระสนมของเฟิ่งอวิ๋นหล่าง เฟิ่งอวิ๋นหล่างก็ดูแลนางอย่างดี แต่นางรู้ดี พระทัยของเฟิ่งอวิ๋นหล่างมีแต่กู้ชิงเฉิง นางไม่ได้ใส่ใจเฟิ่งอวิ๋นหล่าง การเข้าวังเป็นการจัดการของเจ้านาย นางไม่อาจขัดขืน และไม่อาจปฏิเสธ


 


 


หลี่ซั่วเป็นเรื่องบังเอิญที่ไม่อาจให้เจ้านายรู้ นางบอกตนเองไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่าอย่าลุ่มหลง แต่ก็ไม่อาจหักห้ามใจ นางนึกไม่ออกจริงๆ ถ้าสักวันหนึ่งหลี่ซั่วรู้เรื่องราวทั้งหมด ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนางจะเป็นอย่างไร


 


 


อนาคตของนางกับหลี่ซั่ว นางไม่กล้าคิดแม้แต่น้อย


 


 


 


 


——


 


 


ตอนที่ 249 อยากตามหาเขา


 


 


 


 


เดิมทีนางเป็นคนไร้อนาคต พอรักหลี่ซั่วแล้ว นางก็มีความหวัง แต่รู้ว่าทุกอย่างเป็นเรื่องสุดเอื้อม


 


 


ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับหลี่ซั่ว มีอุปสรรคมากมายเหลือเกิน


 


 


พอคิดถึงตรงนี้ พระสนมโหรวก็ถอนหายใจเบาๆ


 


 


ซูจิ่วซือไปวังหย่งโซ่ว พอตกบ่ายจู่ๆ ก็ได้ข่าวว่าซูเหิงถูกปล่อยตัวออกมาอย่างผู้บริสุทธิ์


 


 


จากคำพูดที่จื่อหลานบอก เด็กผู้ชายคนหนึ่งในจวนอันผิงโหวไปฟ้องเจ้าเมือง ยอมรับว่าตนเป็นคนลงมือทำทุกอย่างภายใต้คำสั่งของซูคัง เรื่องนี้ทำให้สถานการณ์พลิกผันทันที


 


 


เฟิ่งอวิ๋นหล่างมีพระบัญชาให้จับตัวซูคัง หลังจากถูกทรมานสอบสวน ซูคังรับสารภาพ ซูเหิงจึงได้รับการปล่อยตัว


 


 


สถานการณ์พลิกผันอย่างรวดเร็ว จนซูจิ่วซือรู้สึกตั้งสติไม่ทัน นี่แสดงว่าเฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงตั้งใจปล่อยซูเหิง ขณะที่นางเข้าเฝ้าเฟิ่งอวิ๋นหล่างเมื่อวาน พระองค์ยังไม่คิดเช่นนี้


 


 


นางจึงนึกถึงกู้ชิงเฉิง ต้องเป็นกู้ชิงเฉิงแน่ที่ทูลขอร้องเฟิ่งอวิ๋นหล่าง ไม่เช่นนั้นเฟิ่งอวิ๋นหล่างไม่มีวันปล่อยซูเหิงอย่างง่ายดาย และยังทุ่มเทพระทัยพลิกคดีให้ซูเหิง จับตัวซูคังอีกด้วย


 


 


ซูเหิงแม้ได้รับความเจ็บปวดทรมานทางกาย แต่ด้วยการดูแลของหลี่ซั่ว บาดแผลตามตัวจึงเป็นเฉพาะที่ผิวหนัง ไม่เป็นปัญหามากนัก


 


 


พอเห็นซูเหิงกลับจวนอย่างปลอดภัย ซูเหลียงอินก็เช็ดน้ำตา “พี่รอง ในที่สุดก็กลับมา ข้าตกใจแทบตาย”


 


 


“เด็กโง่ ร้องไห้ทำไม”


 


 


“ข้าดีใจต่างหาก”


 


 


ซูจิ่วซือเองก็ยินดี “กลับมาก็ดีแล้ว กลับมาก็ดีแล้ว”


 


 


“พี่ ขอบใจพี่ ข้ารู้ว่าเป็นเพราะพี่ช่วยข้า ข้าละอายใจจริงๆ วันหลังจะไม่สะเพร่าอย่างนี้อีก”


 


 


ซูเหิงเดินมาหาซูจิ่วซือ พูดด้วยความซาบซึ้ง


 


 


 “พี่น้องครอบครัวเดียวกันไม่ต้องเกรงใจ” ในที่สุดซูจิ่วซือก็วางใจ นางรู้ว่าควรจะเข้าวังไปขอบใจกู้ชิงเฉิง แล้วบอกลานาง เวลานี้ซูเหิงปลอดภัย นางควรไปตามหากู้เฉินหรงได้แล้ว


 


 


“น้องรอง เหลียงอิน พรุ่งนี้เช้าข้าจะออกจากเมืองหลวง ช่วงที่ข้าไม่อยู่ เจ้าสองคนต้องระวังให้ดี อย่าไปหาเรื่องเด็ดขาด”


 


 


พอได้ยินว่าซูจิ่วซือจะไป ซูเหลียงอินก็เป็นห่วง “พี่ พี่จะไปไหน”


 


 


“ข้าจะไปหาเฉินหรง”


 


 


“โธ่…พี่ พี่ยังไม่แต่งงาน จะออกไปหาผู้ชายอย่างนี้คงไม่เหมาะแน่!” พอได้ยินว่าซูจิ่วซือจะไปหากู้เฉินหรง ซูเหิงก็ขมวดคิ้วทันที กลัวว่าชื่อเสียงของซูจิ่วซือจะเสียหาย


 


 


“ซูเหลียงอินตบไหล่ซูเหิง “คร่ำครึ เจ้าอ่านหนังสือมากเกินไป สมองคร่ำครึ พี่เฉินหรงเอาใจใส่พี่สาวมาก ในที่สุดพี่สาวก็คิดได้แล้วว่าใครเหมาะที่จะมาเป็นพี่เขยของเรา นี่เป็นเรื่องดี เจ้าอย่าห้ามพี่สาวเลย ข้าสนับสนุนพี่สาวไปหาพี่เฉินหรง”


 


 


“พี่หมั้นแล้วนะ”


 


 


ซูเหิงยังคงยกคำโบราณมาพูดเตือน


 


 


“แล้วจะเป็นอย่างไร พี่ยังไม่ได้แต่งงานไม่ใช่หรือ นี่เป็นการหมั้นหมายที่ฝ่าบาททรงกำหนด พี่สาวปฏิเสธไม่ได้ แต่ข้าก็สนับสนุนให้พี่สาวกับพี่เฉินหรงอยู่ด้วยกัน ข้ารู้สึกว่าพี่สาวกับพี่เฉินหรงเหมาะสมกันมาก พี่ อย่าฟังพี่รองพูด ไปอย่างสบายใจเถอะ! ข้ากับพี่รองจะรอพี่กลับมา”


 


 


ซูจิ่วซืออดยิ้มได้ เอามือป้องปากพูดขึ้น “พูดจาเหลวไหล”


 


 


“พี่อายแล้ว”


 


 


“ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด” หลังจากรู้ว่ากู้เฉินหรงถูกยาพิษ เมื่อคืนซูจิ่วซือแทบนอนไม่หลับ นางนอนพลิกไปพลิกมาทั้งคืน สมองเต็มไปด้วยกู้เฉินหรง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยทำร่วมกันปรากฏขึ้นในสมอง ยิ่งคิดยิ่งปวดร้าวใจ


 


 


ความจริงแล้วหลายวันมานี้นางคิดถึงกู้เฉินหรงตลอดเวลา สอบถามข่าวคราวของกู้เฉินหรงตลอดเวลา พอถึงตอนนี้ นางไม่ใส่ใจอะไรทั้งสิ้น คิดแต่ว่าจะไปหาเขา



ตอนที่ 250 เลื่อนเป็นกุ้ยเฟย 


 


 


 


 


 


พอเห็นสีหน้าซูจิ่วซือ ซูเหิงก็พอจะเข้าใจ ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแต่กำชับ “พี่ ข้างนอกอันตราย ระวังตัวด้วย” 


 


 


ซูจิ่วซือไม่ได้อธิบายเรื่องระหว่างตนกับกู้เฉินหรงให้ซูเหิงกับซูเหลียงอินฟัง นางเองก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร 


 


 


ทันทีที่รู้ความจริง นางไม่คิดอะไรทั้งนั้น ในที่สุดอารมณ์ที่เคยสะกดมาตลอดก็ไม่สามารถสะกดไว้ และระบายออกมาทันที ในสมองคิดอย่างเดียว ไม่ว่าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างไร นางก็ต้องไปตามหากู้เฉินหรง 


 


 


นางติดหนี้กู้เฉินหรงมากเหลือเกิน 


 


 


ซูจิ่วซือยังไม่ทันเข้าวัง จื่อซูก็วิ่งพรวดเข้ามา รายงาน “คุณหนู พระสนมกุ้ยเหรินได้รับการแต่งตั้งเป็นกุ้ยเฟย เรื่องนี้ฝ่าบาทมีพระราชโองการแล้ว” 


 


 


พอได้ยินว่ากู้ชิงเฉิงได้รับแต่งตั้งเป็นกุ้ยเฟย ซูจิ่วซือก็ประหลาดใจ ทำไมจู่ๆ เฟิ่งอวิ๋นหล่างมีพระราชโองการอย่างนี้ 


 


 


“เป็นเรื่องที่น่ายินดี ต่อไปฮองเฮาคงไม่เป็นที่โปรดปรานแล้ว” 


 


 


ซูเหลียงอินหัวเราะ แม้นางไม่เคยใกล้ชิดกู้เฝิ่นไต้ แต่ก็ไม่ชอบกู้เฝิ่นไต้โดยสัญชาตญาณ พอได้ข่าวว่ากู้ชิงเฉิงได้รับแต่งตั้งเป็นกุ้ยเฟย นางจึงดีใจมาก 


 


 


“ข้าจะเข้าวัง ครั้งนี้ที่น้องรองออกจากคุกได้เพราะกู้ชิงเฉิงช่วย น้องรอง เจ้ากลับไปพักผ่อนในห้องก่อน ข้าเข้าวังแล้ว” 


 


 


ซูเหิงพยักหน้า ซูจิ่วซือให้ซูหลานเตรียมรถม้า จะรีบเข้าวัง 


 


 


จู่ๆ กู้ชิงเฉิงก็ได้รับแต่งตั้งเป็นกุ้ยเฟย เรื่องนี้ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในวังใน ผู้คนจำนวนมากไปเยี่ยมคารวะที่วังจื่อจิง แต่กู้ชิงเฉิงกันไว้ที่นอกประตู 


 


 


ระหว่างทางไปวังจื่อจิงซูจิ่วซือพบกู้หลียวน เขาได้รับพระบัญชาจากฝ่าบาทให้เข้าเฝ้า 


 


 


“เกิดอะไรขึ้นกับชิงเฉิงหรือ ฝ่าบาทให้ข้าไปดูแลชิงเฉิง พระสุรเสียงไม่ค่อยปกติ ข้าไม่กล้าทูลถาม รู้สึกเป็นห่วงชิงเฉิง” 


 


 


ซูจิ่วซือรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับกู้ชิงเฉิง เฟิ่งอวิ๋นหล่างให้กู้ชิงเฉิงกินยาเร็วปานนี้ พอนึกขึ้นได้ว่าประเดี๋ยวพอเข้าพบกู้ชิงเฉิง นางอาจจะไม่รู้จักตน ซูจิ่วซือก็รู้สึกไม่สบายใจ  


 


 


แม้การลืมเรื่องราวบางอย่างจะเป็นเรื่องดี แต่การลืมทุกสิ่งทุกอย่างต้องเริ่มใหม่หมด 


 


 


“หลียวน ถ้าชิงเฉิงไม่รู้จักพวกเรา เจ้าคิดอย่างไร” 


 


 


กู้หลียวนหยุดเดิน ถามด้วยความประหลาดใจ “เจ้าหมายถึงว่าชิงเฉิงสูญเสียความทรงจำหรือ” 


 


 


“เป็นไปได้มาก” 


 


 


“ฝ่าบาทต้องการอะไร ต้องการให้นางลืมเรื่องจางเฉิง ถึงกับทำให้นางสูญเสียความทรงจำ ลืมพวกเราผู้เป็นญาติ” กู้หลียวนสีหน้าเครียด “ถ้าไม่ใช่ฝ่าบาท ข้าคงจะชกหน้าเขาแน่ ทำอย่างนี้ข่มเหงกันเกินไปแล้ว” 


 


 


“ฝ่าบาทต้องการอย่างนี้ พวกเราไม่มีใครห้ามได้ ชิงเฉิงนึกถึงเรื่องจางเฉิงตลอดเวลา เป็นปมในใจของนาง ถ้าลืมได้นางก็อาจจะให้อภัยตัวเอง จิตใจก็สบายขึ้น” 


 


 


กู้หลียวนถอนหายใจเบาๆ “เวรกรรมจริงๆ” 


 


 


ทั้งสองไปถึงนอกวังจื่อจิง พอรู้ว่าทั้งสองมา เสี่ยวเหลียนก็พาเข้าไปในห้องโถง รายงานอย่างนอบน้อม “กุ้ยเฟย องค์หญิงกับคุณชายใหญ่มาแล้ว” 


 


 


“เอาละ เจ้าออกไปก่อน” 


 


 


กู้หลียวนมองกู้ชิงเฉิงด้วยความสงสัย ดูแล้วมิมีอะไรเปลี่ยนไป ขณะที่กำลังจะเปิดปาก กู้ชิงเฉิงก็พูดขึ้นก่อน “พี่ จิ่วซือ นั่งสิ!” 


 


 


ทั้งสองมองหน้ากัน กู้ชิงเฉิงไม่ได้สูญเสียความทรงจำเลย 


 


 


“ชิงเฉิง เจ้ายังจำข้าได้หรือ” กู้หลียวนถามด้วยความประหลาดใจ 


 


 


ซูจิ่วซือยิ่งไม่เข้าใจ หรือว่าเฟิ่งอวิ๋นหล่างไม่ได้ให้กู้ชิงเฉิงกินยา ถ้าอย่างนั้นเกิดอะไรขึ้นระหว่างพระองค์กับกู้ชิงเฉิง ทำไมจึงเลื่อนตำแหน่งให้โดยไม่มีเหตุผล 


 


 


 


 


 


—— 


 


 


ตอนที่ 251 ตามหากู้เฉินหรงด้วยกัน 


 


 


 


 


 


กู้ชิงเฉิงงุนงง ยิ้มเจื่อนๆ “พี่ พูดอะไรโง่ๆ ข้าจะไม่รู้จักพี่ได้อย่างไร” 


 


 


“เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ข้ากลัวว่าฝ่าบาทจะทำอะไร…” กู้หลียวนชะงัก ไม่พูดต่อ 


 


 


พอได้ยินกู้หลียวนพูดถึงฝ่าบาท ใบหน้าราบเรียบของกู้ชิงเฉิงก็แสดงความสงสัย “ทำไมข้าจึงอยู่ในวัง ทำไมถึงได้เป็นกุ้ยเฟย พี่ บอกข้าหน่อย เกิดอะไรขึ้น เสี่ยวเหลียนบอกว่าเมื่อห้าปีก่อนข้าก็เข้าวังแล้ว ทำไมข้านึกไม่ออกเลย ดูเหมือนว่าข้าจะลืมอะไรไปหลายเรื่อง” 


 


 


“ชิงเฉิง เจ้าจำฝ่าบาทไม่ได้หรือ” 


 


 


ซูจิ่วซือจับจุดนี้ได้อย่างหลักแหลม  


 


 


“เมื่อวานข้าเพิ่งเห็นฝ่าบาท ถ้าห้าปีมานี้ข้าอยู่ในวังจื่อจิงมาตลอด ทำไมจึงไม่เคยเห็นฝ่าบาทเลยเล่า” 


 


 


กู้ชิงเฉิงเอามือกุมหัว เหมือนกับเริ่มปวดหัว พยายามหวนรำลึกถึงเหตุการณ์ในอดีต แต่สมองไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเฟิ่งอวิ๋นหล่างแม้แต่น้อย 


 


 


ซูจิ่วซือเข้าใจแล้วว่ากู้ชิงเฉิงเป็นอะไรไป เดิมทีนางเข้าใจว่าเฟิ่งอวิ๋นหล่างเอายาลบความทรงจำให้กู้ชิงเฉิง แต่เวลานี้เห็นแล้วว่าไม่ใช่ กู้ชิงเฉิงลืมเฟิ่งอวิ๋นหล่างไปแล้ว 


 


 


ซูจิ่วซือเคยได้ยินว่าในโลกนี้มียาที่ทำให้ลืมคนที่ตนรักได้ นางเคยได้ยินแต่ไม่เคยเห็น หรือว่าเฟิ่งอวิ๋นหล่างพบยานี้แล้ว 


 


 


“ฝ่าบาทต้องการอะไรแน่ ทุ่มเทพระทัยให้เจ้าลืมพระองค์หรือ เวรกรรม…” กู้หลียวนไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว “เวรกรรมจริงๆ คราวนี้พระองค์จะได้รู้ความรู้สึกของเจ้าเสียที เจ้าลืมพระองค์ก็ดีแล้ว จะได้ไม่ทรมานทุกวัน” 


 


 


“พี่ พูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร” 


 


 


“เปล่า ไม่มีอะไร บางเรื่องลืมแล้วก็ลืมไป อย่าคิดเลย สุขภาพสำคัญที่สุด” 


 


 


กู้ชิงเฉิงยังคงงุนงง นางรู้สึกว่าตนลืมเรื่องราวมากมาย 


 


 


เช่นนางจำไม่ได้ตนเข้าวังมาอย่างไร จำไม่ได้ว่าจางเฉิงตายอย่างไร กระทั่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างตนกับกู้เฝิ่นไต้ 


 


 


ช่วงเวลาห้าปี ขาดหายไปไม่ปะติดปะต่อในความทรงจำของนาง ราวกับขาดอะไรไปหลายอย่าง ทำให้นางเชื่อมโยงไม่ได้ 


 


 


คราวนี้เฟิ่งอวิ๋นหล่างมีความตั้งใจดีกลับเป็นผลร้าย เรื่องความรักระหว่างทั้งสอง นางไม่อาจพูดอะไรได้ หวังแต่ว่ากู้ชิงเฉิงจะอยู่อย่างมีความสุข 


 


 


“ชิงเฉิง ข้าจะไปจากเมืองหลวงระยะหนึ่ง เจ้าดูแลตัวเองให้ดี” 


 


 


“เจ้าไปไหนหรือ” 


 


 


พอได้ยินว่าซูจิ่วซือจะไป กู้หลียวนก็ถาม 


 


 


“เจ้าไปหาเฉินหรงใช่หรือไม่!” 


 


 


ซูจิ่วซือพยักหน้า “ใช่” 


 


 


“ในที่สุดก็คิดตก ข้าไปกับเจ้า ข้าเองก็อยากออกไปอยู่แล้ว จิ่วซือ เจ้าเตรียมจะไปหาเฉินหรงที่ไหน หลังจากเขาไปแล้วก็ไม่ได้ข่าวเลย” 


 


 


“หุบเขาราชาพิษ” 


 


 


กู้หลียวนตะลึง ไม่เข้าใจความหมายของกู้เฉินหรง ด้านหนึ่งกู้เฉินหรงต้องการปิดบังซูจิ่วซือ อีกด้านหนึ่งกลับบอกซูจิ่วซืออย่างลับๆ จึงซักถาม “เจ้ารู้แล้วว่าเฉินหรงอยู่ไหน เขาก็เขียนจดหมายถึงเจ้าหรือ” 


 


 


“หลียวน พูดอะไรอย่างนี้” 


 


 


ซูจิ่วซือจ้องหน้ากู้หลียวนอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาเขียนจดหมายถึงกู้หลียวน นี่แสดงว่าเวลานี้กู้เฉินหรงปลอดภัยดี พอคิดได้อย่างนี้ ความวิตกของซูจิ่วซือก็ผ่อนคลายลง 


 


 


“เมื่อวานข้าได้รับจดหมายจากเฉินหรง บอกให้ข้าไปหาเขา แต่เขากำชับว่าอย่าบอกเจ้า เรื่องนี้เจ้ารู้มาจากไหน” 


 


 


“เจ้าพาข้าไปหาเขานะ” 


 


 


“เจ้าสองคนมีอะไรปิดบังข้าหรือ ทำไมข้ารู้สึกว่าต้องมีแผนอะไรบางอย่าง” 


 


 


“เจ้ารู้จักเขาตั้งแต่เล็กยังกลัวว่าจะโดนเขาหลอก พรุ่งนี้เราออกเดินทางแต่เช้า” 


 


 


จิ่วซือไม่อยากเสียเวลาแม้แต่นาทีเดียว คิดแต่จะไปหากู้เฉินหรงให้เร็วที่สุด  



ตอนที่ 252 ลดตัวลง 


 


 


 


 


 


นางไม่เข้าใจเจตนาของกู้เฉินหรงเลย กู้เฉินหรงไม่บอกข่าวคราวนาง แต่กลับให้กู้หลียวนรู้การเคลื่อนไหวของเขา เขามีแผนการอะไรแน่ 


 


 


เรื่องนี้ต้องรอให้พบกู้เฉินหรงก่อนค่อยถาม  


 


 


“เจ้าสองคนจะออกจากเมืองหลวงหรือ ระวังให้ดี ข้างนอกอันตราย” กู้ชิงเฉิงไม่ได้ทัดทาน ได้แต่สั่งเสีย “จิ่วซือช่วงที่เจ้าไม่ได้อยู่จวนอันผิงโหว พาซูเหลียงอินมาอยู่กับข้าที่นี่ ข้าจะช่วยดูแล ดีไหม” 


 


 


“ก็ดี ชิงเฉิง ขอบใจ” 


 


 


“แม้ข้าจะลืมอะไรตั้งหลายเรื่อง แต่ข้ายังจำได้ว่าเจ้าเคยช่วยข้า ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงน้อง ซูเหิงให้จื่อหยวนช่วยดูแลก็ได้ ข้าดูแลเหลียงอิน” 


 


 


“ไม่ต้อง ข้าจะให้แม่ทัพหวังช่วยดูแลน้องรองเอง” 


 


 


ซูจิ่วซือไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไรตนจึงจะกลับมา นางเป็นห่วงซูเหลียงอินกับซูเหิงมาก 


 


 


เวลานี้ซูเหิงยังบาดเจ็บอยู่ ซูคังยากที่จะพ้นโทษประหาร ไม่รู้ว่าซูเหวินจะถือโอกาสข่มเหงซูเหิงหรือไม่ หวังเฉิงมีวรยุทธ์สูงส่ง ถ้ามอบซูเหิงให้หวังเฉิงดูแล ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรซูเหิง ให้ซูเหิงรักษาอาการบาดเจ็บอย่างสงบ 


 


 


พอออกจากวังแล้วนางจะไปหาหวังเฉิง เรื่องที่นางจากเมืองหลวงไปไม่สะดวกที่จะทูลไทเฮาโดยตรง 


 


 


การหมั้นหมายของนางเป็นเรื่องที่ไทเฮาทรงจัดการ นางจึงไม่อาจออกจากวังไปหากู้เฉินหรงโดยไม่ทูลไทเฮา จึงต้องอาศัยหวังเฉิงช่วยหาโอกาสทูล งานนี้มีแต่หวังเฉิงเท่านั้นที่จะช่วยนางได้ 


 


 


….. 


 


 


ที่บริเวณลานบ้านในป่าลึกแห่งหนึ่ง กู้เฉินหรงนอนเอาสองมือหนุนหัวอยู่บนต้นไหว 


 


 


ปิงอวิ๋นยืนอยู่ใต้ต้นไม้ พูดเตือนด้วยความห่วงใย “คุณชาย แก้พิษเป็นเรื่องสำคัญ คุณชายลดตัวลงบ้าง ยอมทำตามที่แม่นางเผยต้องการเถอะ! อีกอย่างแม่นางเผยก็เป็นคนสวย คุณชายเป็นผู้ชาย ถ้ายอมตามใจนางจะเป็นอะไรไป จะชักช้าไม่ได้” 


 


 


กู้เฉินหรงมุมปากกระตุก “ปิงอวิ๋น เจ้าไปเรียนมาจากไหน เผยปิงปิงเป็นคนสวยก็จริง แต่นางไม่ใช่คนที่ข้ารัก หลายปีมานี้ ข้ารักษาความบริสุทธิ์มาตลอด คุณธรรมข้อนี้ ข้าจะรักษาไว้ตลอดไป” 


 


 


“แต่ชีวิตสำคัญที่สุด ความบริสุทธิ์สำคัญสำหรับผู้หญิง แต่สำหรับคุณชายสำคัญหรือ แม่นางเผยไม่ใส่ใจ คุณชายจะใส่ใจทำไม” ปิงอวิ๋นพูดจบก็เห็นชิงซานซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ไม่พูดไม่จา นางถลึงตาใส่ชิงซาน “เจ้าเป็นใบ้หรือ ทำไมไม่มาช่วยเตือนคุณชาย” 


 


 


ชิงซานกลัวปิงอวิ๋นมาตลอด รู้สึกว่าปิงอวิ๋นเป็นเหมือนนางเสือ ดุร้ายจริงๆ เขาไม่อยากเดินเข้ามา “อะไรที่คุณชายไม่อยากทำ ข้าเตือนได้หรือ” 


 


 


“แสดงว่าเจ้าคิดจะมองดูคุณชายตายอยู่ที่นี่?” 


 


 


พอเห็นทั้งสองกำลังจะทะเลาะกัน กู้เฉินหรงก็ขมวดคิ้วพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ถ้าจะทะเลาะกันเข้าไปทะเลาะที่บ้าน ปิงอวิ๋นทำไมเจ้ารังแกชิงซานอยู่เรื่อย ดูสิทำให้ชิงซานตกใจหมด ถ้าเจ้ายินดีอยู่ร่วมห้องกับชิงซาน ข้าจะพิจารณาแต่งงานกับเผยปิงปิง” 


 


 


ปิงอวิ๋นตะลึง มองชิงซานแวบหนึ่ง ในที่สุดก็กัดฟันพูด “ขอแต่ให้คุณชายแก้พิษ ข้ายินดี” 


 


 


ชิงซานตกใจรีบร้องขึ้น “ข้าไม่ยินดี” 


 


 


“เจ้า…” 


 


 


ปิงอวิ๋นโกรธจนหน้าเขียว 


 


 


กู้เฉินหรงอดไม่ได้หัวเราะขึ้นทันที “เห็นหรือไม่ ผู้ชายไม่ใช่ว่าเห็นผู้หญิงก็อยากได้ ปิงอวิ๋น เจ้าอย่าร้อนใจไปเลย ข้ามีแผนไว้แล้ว” 


 


 


ปิงอวิ๋นหน้าบึ้ง หันหลังเดินไปด้วยความโกรธ ไม่รู้ว่าคุณชายของนางคิดอะไรในสมอง การรักษาชีวิตเป็นเรื่องสำคัญ แต่งงานกับเผยปิงปิงจะเป็นอะไรไป ขืนยื้อเวลาออกไป ต่อให้เทวดาก็ช่วยคุณชายไม่ได้ 


 


 


 


 


 


—— 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 253 แม่ลูกห่างเหิน 


 


 


 


 


 


“ชิงซาน เจ้าชอบปิงอวิ๋นหรือไม่” 


 


 


ชิงซานสั่นหัวอย่างแรง กลัวว่ากู้เฉินหรงจะเข้าใจผิด “ไม่ชอบ” 


 


 


กู้เฉินหรงแหงนหน้ามองท้องฟ้ามืดครึ้ม “ไม่รู้ว่าจิ่วซือทำอะไรอยู่” 


 


 


“คุณชาย สภาพของคุณชายต่างจากข้า คุณชายต้องรักษาชีวิต” ชิงซานอดเตือนไม่ได้ “พิษในตัวคุณชายมีแต่จ้าวหุบเขาเท่านั้นที่ช่วยแก้ได้ ถ้าไม่แต่งกับคุณหนูเผย เรื่องพิษในตัวคุณชายจะทำอย่างไร คุณชายโปรดพิจารณาให้ดี” 


 


 


“ข้าสนใจจิ่วซือคนเดียว เผยปิงปิงยกให้หลียวนเถอะ เขาผ่านผู้หญิงมามาก คงไม่เคยเจอแม่นางอย่างเผยปิงปิง” 


 


 


ชิงซานนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ไม่เคยพบเคยเห็นที่ไหน รับรองไม่มีแน่ คนที่ดึงดันอย่างนี้ มีแต่กู้เฉินหรงเท่านั้น 


 


 


ความเจ้าชู้ของกู้หลียวนเป็นที่เลื่องลือมานานแล้ว เผยปิงปิงเป็นคนสวย ถ้ากู้หลียวนมาเห็นเผยปิงปิง ต้องชอบแน่ แต่ชิงซานรู้สึกว่าเผยปิงปิงอาจจะชอบกู้หลียวน 


 


 


ถ้าวิธีนี้ใช้ไม่ได้ เขารู้สึกว่าปิงอวิ๋นคงจะมัดตัวกู้เฉินหรงไปให้เผยปิงปิง 


 


 


….. 


 


 


หลังจากกู้ชิงเฉิงได้เลื่อนเป็นกุ้ยเฟย กู้เฝิ่นไต้ก็คับแค้นพระทัยมาก พระนางไม่เสวยมื้อกลางวัน และเอาข้าวของทั้งหมดใน**บเครื่องประทินโฉมโยนทิ้ง แป้งหอมทาหน้ากระจัดกระจายเกลื่อนพื้น แต่ยังไม่หายอึดอัด 


 


 


ทั้งๆ ที่กู้ชิงเฉิงกับเฟิ่งอวิ๋นหล่างมีปมความเข้าใจผิดที่ไม่อาจแก้ได้ นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ เฟิ่งอวิ๋นหล่างจะแต่งตั้งกู้ชิงเฉิงเป็นกุ้ยเฟย ก่อนหน้านี้ไม่มีวี่แววมาก่อน ทำให้พระนางทำอะไรไม่ถูก 


 


 


ตอนนี้เป็นกุ้ยเฟย ต่อไปก็เป็นฮองเฮาใช่หรือไม่ 


 


 


พระนางรู้ดี เดิมทีเฟิ่งอวิ๋นหล่างอยากแต่งตั้งกู้ชิงเฉิงเป็นฮองเฮาอยู่แล้ว 


 


 


กู้เฝิ่นไต้ทรงระบายอารมณ์ อี่ซ่านซึ่งอยู่ใกล้ๆ ไม่กล้าพูด ยามนี้ถ้าขัดขวางกู้เฝิ่นไต้ คนที่ลำบากก็คือนางเอง จึงได้แต่อยู่ข้างๆ รอให้กู้เฝิ่นไต้อารมณ์ดีขึ้น  


 


 


กู้เฝิ่นไต้ยังคงนั่งหน้าบึ้งอยู่หน้ากระจกสัมฤทธิ์ ความพิโรธในพระเนตรฉายออกมาอย่างชัดเจน ไม่ว่าอย่างไร พระนางไม่ยอมให้ใครมาแย่งทุกสิ่งทุกอย่างที่พระนางมีอยู่เวลานี้ พระนางเป็นฮองเฮา และจะเป็นตลอดไป 


 


 


“ฮองเฮา ฮูหยินกู้มาแล้ว” 


 


 


มีเสียงนางกำนัลดังขึ้น 


 


 


กู้เฝิ่นไต้ทรงสะกดอารมณ์ พระสุรเสียงกระด้างเล็กน้อย “ให้เข้ามาได้” 


 


 


ครู่หนึ่งประตูห้องก็เปิดออก ซูเหมยเดินเข้ามา พอเข้าในห้อง นางก็ได้กลิ่นแป้งหอมเข้มข้น 


 


 


พอเห็นแป้งหอมกระจัดกระจายทั่วพื้น ซูเหมยก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น  


 


 


นางเดินเข้ามา พอถึงม้านั่งข้างพระวรกายกู้เฝิ่นไต้ก็นั่งลง “เฝิ่นไต้ เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว โกรธไปก็ไม่มีประโยชน์ ช่วงเวลาสำคัญอย่างนี้ อย่าบุ่มบ่าม อย่าทำอะไรโง่ๆ ดูให้ดีก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างกู้ชิงเฉิงกับฝ่าบาท” 


 


 


“ฝ่าบาทยังไม่ลืมกู้ชิงเฉิง เรื่องวันนี้ต้องเกิดขึ้นสักวันหนึ่งไม่ช้าก็เร็ว ฝ่าบาทคืนตำแหน่งกุ้ยเฟยให้กู้ชิงเฉิงโดยไม่มีวี่แววมาก่อน ต่อไปคงลดตำแหน่งฮองเฮา ท่านแม่จะให้ข้านั่งรอความตายหรือ” 


 


 


ซูเหมยรู้สึกว่าหลังจากกู้เฝิ่นไต้เป็นฮองเฮาก็ห่างเหินกับนางมาก ไม่สนิทสนมเหมือนเมื่อก่อน ในใจรู้สึกไม่สบาย แต่ก็ไม่อยากขัดแย้งกับลูกสาว 


 


 


นางฝืนเตือน “เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด ฝ่าบาทคงไม่ลดตำแหน่งเจ้า ไทเฮาคงไม่ยอมให้ฝ่าบาทลดตำแหน่งฮองเฮา ถ้าเวลานี้เจ้าทำอะไรผิด ก็จะเป็นสาเหตุให้ถูกลดตำแหน่ง 


 


 


เฝิ่นไต้ เจ้าต้องข่มใจไว้ ข้ากลัวว่าเจ้าจะคิดไม่ตกแล้วทำอะไรโง่ๆ จึงเข้าวังมาเตือนเจ้า เวลานี้ควรดูอยู่เงียบจึงจะสมควร” 


 


 


“คำพูดของท่านแม่ข้าจะจำไว้ ข้าเหนื่อยแล้ว ถ้าท่านแม่ไม่มีอะไรก็กลับไปก่อนเถอะ!”  


 


 


“เฝิ่นไต้…” 


 


 


ซูเหมยนึกไม่ถึงว่ากู้เฝิ่นไต้ไม่อยากพูดอะไรกับนาง นางลุกขึ้นอย่างอึดอัด อ้าปากจะพูด แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา 


ตอนที่ 254 ลางสังหรณ์


 


 


 


 


“ท่านแม่ยังมีอะไรหรือ”


 


 


พอเห็นซูเหมยยืนนิ่งไม่ขยับตัว กู้เฝิ่นไต้ก็ถามโดยไม่หันมามอง


 


 


“ข้าเป็นแม่ของเจ้า ที่พูดมานี้ก็เพราะหวังดีต่อเจ้า…”


 


 


ซูเหมยพูดไม่ทันจบกู้เฝิ่นไต้ก็ตัดบท “ข้าเข้าใจความคิดของท่านแม่ ข้าก็อยากเตือนท่านแม่ เวลาอยู่ต่อหน้าข้า ท่านแม่ควรจะรักษาแบบแผน


 


 


ข้าเป็นฮองเฮา เมื่อครู่นี้ท่านแม่เข้ามาก็ไม่ได้คารวะ ลืมความแตกต่างระหว่างเจ้านายกับสามัญชน ข้าเป็นคนของราชตระกูล เหตุผลนี้ท่านแม่ยังไม่เข้าใจหรือ”


 


 


ซูเหมยสีหน้ากระอักกระอ่วน คารวะกู้เฝิ่นไต้ “ฮองเฮาตรัสเตือนถูกต้อง เมื่อครู่หม่อมฉันเสียมารยาท หม่อมฉันทูลลา”


 


 


พูดจบซูเหมยก็ออกไปจากวังเว่ยยาง


 


 


พอพ้นวังเว่ยยางแล้ว ซูเหมยโกรธจนหน้ามืด พักอยู่ครู่หนึ่งจึงจากไป ช่างเป็นลูกสาวแสนดีเสียจริงๆ พอได้เป็นฮองเฮาก็ให้นางผู้เป็นแม่รักษาแบบแผน เมื่อก่อนยังดีๆ อยู่ เวลานี้ทำเกินไปจริงๆ


 


 


นางคาดหวังในตัวกู้เฝิ่นไต้อย่างสูง คิดแต่ว่าจะส่งเข้าวัง จึงเข้มงวดกับกู้เฝิ่นไต้เป็นพิเศษ ในที่สุดกู้เฝิ่นไต้ก็ไม่ทำให้นางผิดหวัง ได้เป็นฮองเฮาตามที่หวังไว้


 


 


เรื่องนี้เป็นเกียรติยิ่งใหญ่ที่สุดของสกุลกู้ แต่ปรากฏว่าพอเป็นฮองเฮา กู้เฝิ่นไต้กลับวางอำนาจกับนาง ให้นางตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างเจ้ากับสามัญชน


 


 


ถ้ากู้เฝิ่นไต้ยังไม่เข้าวัง นางคงสั่งสอนกู้เฝิ่นไต้อย่างรุนแรง


 


 


แต่เวลานี้กู้เฝิ่นไต้เป็นฮองเฮา แม้รู้สึกไม่พอใจอย่างไร ก็ได้แต่เก็บไว้ในใจ เกียรติของสกุลกู้ขึ้นอยู่กับกู้เฝิ่นไต้ ต้องรักษาฐานะฮองเฮาให้มั่นคง เวลานี้นางกลัวว่ากู้เฝิ่นไต้จะบุ่มบ่ามทำเรื่องโง่ๆ


 


 


พอซูเหมยไปแล้ว กู้เฝิ่นไต้ก็ให้คนเก็บกวาดแป้งหอมบนพื้น พระนางประทับนั่งพิงเบาะบนตั่ง อี่ซ่านคุกเข่ากับพื้นนวดน่องให้ ทูลเตือนเบาๆ “ฮองเฮา ฮูหยินเอาใจใส่ฮองเฮา ทำไมฮองเฮาจึงแบ่งแยกฐานะกับฮูหยินเล่าเพคะ”


 


 


กู้เฝิ่นไต้ทรงสงบลง พระนางแย้มพระสรวลเย้ยหยัน


 


 


“ที่นางเอาใจใส่ไม่ใช่ข้า อี่ซ่าน เจ้าใกล้ชิดกับข้ามาหลายปี เมื่อก่อนท่านแม่ทำอย่างไรกับข้า เจ้าก็รู้ดี


 


 


ตอนที่ข้ายังเล็ก ก็บอกข้าว่า วันหลังข้าจะเป็นคนของราชตระกูล ที่นั่นจึงจะเป็นที่ของข้า


 


 


นางไม่เคยถือข้าเป็นลูก ไม่เคยถามข้าว่าชอบอะไร อยากทำอะไร


 


 


ทำไมข้าต้องยอมทนกับเรื่องนี้ กู้ชิงเฉิงได้เลื่อนตำแหน่ง ท่านแม่ก็รีบเข้าวังมา ไม่ใช่มาปลอบใจข้า ไม่ได้ใส่ใจว่าข้าอารมณ์ดีหรือไม่ กลัวแต่ว่าข้าจะทำอะไรที่จะโยงไปถึงสกุลกู้ แม่อย่างนี้มีหรือไม่มีก็ไม่ต่างกัน”


 


 


อี่ซ่านรู้ว่ากู้เฝิ่นไต้ไม่พอพระทัยซูเหมยมาก จึงไม่พูดอะไรอีก ได้แต่ทูลเตือนว่า “บ่าวรู้สึกว่าฮูหยินพูดมีเหตุผล ฮองเฮายามนี้ไม่ควรทำอะไรลงไป”


 


 


“ข้าหวงตำแหน่งฮองเฮายิ่งกว่าใคร นอกจากนี้แล้ว ข้าไม่มีอะไรอีก ข้าต้องรักษาตำแหน่งฮองเฮาให้ได้”


 


 


พระเนตรของกู้เฝิ่นไต้ฉายแววดุดันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน พระนางยอมสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อตำแหน่งฮองเฮา พระนางไม่อาจยอมแพ้


 


 


ทันทีที่สาวใช้เก็บกวาดห้องเสร็จ ก็มีคนเข้ามารายงาน เฟิ่งอวิ๋นหล่างเสด็จมาแล้ว


 


 


พอได้ยินว่าเฟิ่งอวิ๋นหล่างเสด็จมา กู้เฝิ่นไต้ก็รีบลุกขึ้น ให้อี่ซ่านหวีพระเกศา พระพักตร์ฉายแววอ่อนโยนน่าใกล้ชิด ราวกับว่าความดุดันก่อนหน้านี้เป็นอีกคนหนึ่ง เตรียมออกไปรับเสด็จ


 


 


ทันทีที่อี่ซ่านเปิดประตูห้อง เฟิ่งอวิ๋นหล่างในฉลองพระองค์ชุดสีเหลืองก็เข้ามาถึงหน้าประตู


 


 


กู้เฝิ่นไต้ทรงถวายบังคม ตรัสสุรเสียงอ่อนหวาน “ฝ่าบาททรงพระเจริญ”


 


 


ถ้าเป็นยามปกติ เฟิ่งอวิ๋นหล่างจะทรงเข้าไปประคองกู้เฝิ่นไต้ แต่คราวนี้เฟิ่งอวิ๋นหล่างไม่ได้ทอดพระเนตรกู้เฝิ่นไต้แม้แต่น้อย ทรงเข้าไปข้างในทันที


 


 


กู้เฝิ่นไต้พระทัยเต้นระทึก ทรงสังหรณ์ใจทันที


 


 


 


 


——


 


 


 


 


ตอนที่ 255 ฮ่องเต้ทรงพิโรธ


 


 


 


 


กู้เฝิ่นไต้เสด็จตามเข้าไป ทรงรินชาถวายเฟิ่งอวิ๋นหล่าง เป็นเรื่องที่กู้เฝิ่นไต้ทรงปฏิบัติตามปกติ เฟิ่งอวิ๋นหล่างเคยตรัสชมกู้เฝิ่นไต้ว่าอ่อนโยนเอาใจใส่


 


 


แต่คราวนี้เฟิ่งอวิ๋นหล่างไม่รับชาจากกู้เฝิ่นไต้ ได้แต่ทอดพระเนตรกู้เฝิ่นไต้อย่างเย็นชา


 


 


กู้เฝิ่นไต้ทรงใจหาย สายพระเนตรฉายแววน้อยพระทัย “ฝ่าบาท…”


 


 


“วางไว้ที่นั่นแหละ!”


 


 


กู้เฝิ่นไต้จนปัญญา ทรงวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ เฟิ่งอวิ๋นหล่างโบกพระหัตถ์ ทำท่าให้สาวใช้ออกไป พอทุกคนออกไปแล้ว เฟิ่งอวิ๋นหล่างจึงตรัสด้วยสีพระพักตร์ไร้ความรู้สึก “ที่ผ่านมาเรานึกว่าเจ้าเป็นคนอ่อนโยนมีเมตตา จึงแต่งตั้งเจ้าเป็นฮองเฮา นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะโหดร้ายราวกับอสรพิษ”


 


 


กู้เฝิ่นไต้ทรงกระสับกระส่าย รีบคุกเข่าลงกับพื้น น้ำพระเนตรไหลขณะทอดพระเนตรมองเฟิ่งอวิ๋นหล่าง “ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่เข้าใจความหมายของฝ่าบาท หม่อมฉันทำอะไรหรือเพคะ


 


 


เรื่องพระสนมโหรวเป็นเพราะหม่อมฉันดูแลคนของหม่อมฉันไม่ดี ทำให้พระสนมโหรวบาดเจ็บ หม่อมฉันได้ครุ่นคิดทบทวนอยู่แต่ในวังเว่ยยางไม่ออกไปไหน ฝ่าบาทยังไม่อภัยหม่อมฉันหรือเพคะ”


 


 


เรื่องของพระสนมโหรวแม้โยงไปถึงกู้เฝิ่นไต้ แต่หัวหน้าขันทีวังเว่ยยางเป็นคนรับโทษแทนหมด เฟิ่งอวิ๋นหล่างประหารหัวหน้าขันที แต่กู้เฝิ่นไต้ทัดทาน จึงไม่ได้สืบสวนต่อ


 


 


กู้เฝิ่นไต้ยังนึกว่าเฟิ่งอวิ๋นหล่างยังคงโทษพระนางเรื่องพระสนมโหรว หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น เฟิ่งอวิ๋นหล่างไม่ได้มาหาพระนางอีก คราวนี้ในที่สุดก็เสด็จมา


 


 


เดิมทีคิดว่าเฟิ่งอวิ๋นหล่างตั้งพระทัยมาหาพระนาง นึกไม่ถึงว่าจะมาเพื่อกล่าวโทษ


 


 


นอกจากเรื่องของพระสนมโหรวแล้ว ช่วงนี้ พระนางยังให้ซูคังใส่ร้ายซูเหิง เรื่องนี้ซูคังมาขอร้องเอง ไม่ควรให้เขารับสารภาพ เพราะไม่เป็นผลดีต่อซูคังเอง


 


 


กู้เฝิ่นไต้ไม่ค่อยสบายพระทัย และไม่เข้าพระทัย ไม่รู้ว่าเฟิ่งอวิ๋นหล่างหมายความว่าอย่างไร ทำไมจู่ๆ ก็ตรัสออกมาอย่างนี้


 


 


เฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงก้มพระวรกายลง ยื่นพระหัตถ์ออกมาจับที่คางของกู้เฝิ่นไต้ทันที ทรงออกแรงอย่างหนัก กู้เฝิ่นไต้ทรงเจ็บปวดจนทนไม่ไหว พระเนตรเต็มไปด้วยพระอัสสุชลที่ไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ดูน่าสงสาร


 


 


เฟิ่งอวิ๋นหล่างกลับไม่แสดงท่าทีสงสารแม้แต่น้อย ราวกับว่าผู้หญิงเบื้องพระพักตร์เป็นคนที่น่าเกลียดน่าชัง


 


 


“กู้เฝิ่นไต้ อย่าเสแสร้งเลย ขันทีน้อยที่ชนจางเฉิง ทำให้จางเฉิงทำผ้าเช็ดหน้าตกก็เป็นคนของเจ้าเอง!


 


 


เจ้ารู้อยู่แล้วว่าจางเฉิงรักชิงเฉิง เจ้าจึงถือโอกาสตอนเข้าไปหาชิงเฉิงหยิบผ้าเช็ดหน้าของชิงเฉิงไป แล้วจงใจให้จางเฉิงเก็บผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นได้


 


 


หลังจากนั้นจึงถือโอกาสให้จางเฉิงทำผ้าเช็ดหน้าหล่นต่อหน้าเรา ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นแผนการที่เจ้าวางไว้อย่างแยบยล เรามองข้ามเจ้าไป เจ้าเป็นคนเจ้าเล่ห์อย่างนี้เอง”


 


 


พระทัยของกู้เฝิ่นไต้หวาดหวั่นอย่างยิ่ง แต่ภายนอกยังคงสงบ พระนางนึกไม่ถึงว่าเฟิ่งอวิ๋นหล่างจะรู้ความจริงที่เกิดขึ้นในอดีต


 


 


พระองค์ทรงรู้จากไหน กู้เฝิ่นไต้เติบโตมาพร้อมกับกู้ชิงเฉิง รู้นิสัยของกู้ชิงเฉิงดี กู้ชิงเฉิงเป็นคนทะนงตน ไม่ชิงดีชิงเด่นกับใคร และไม่อธิบายอะไร


 


 


เฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงเข้าพระทัยนางผิด กู้ชิงเฉิงไม่มีวันทูลอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้น หรือแม้ว่านางทูลอธิบาย แต่เวลานั้นพระองค์ก็ไม่ยอมรับ


 


 


เฟิ่งอวิ๋นหล่างคงระแวงอยู่แล้ว คงไม่เชื่อ เหตุการณ์หลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่พระนางคาดไว้ กู้ชิงเฉิงดึงดันและไม่ใส่ใจอธิบาย จางเฉิงก็ตายไปแล้ว ความสัมพันธ์ของเฟิ่งอวิ๋นหล่างกับกู้ชิงเฉิงจึงมีปมที่ไม่อาจแก้ได้ เรื่องที่พระนางเคยทำอะไรไว้จึงถูกบดบังไป


 


 


“ฝ่าบาท หม่อมฉันเข้าใจผิดเพคะ หม่อมฉันกล้าสาบาน ไม่เคยทำเรื่องอย่างนี้แน่นอนเพคะ”


 


 


กู้เฝิ่นไต้ร่ำไห้



ตอนที่ 256 ให้เจ้าลิ้มรสความทรมานยิ่งกว่าตาย


 


 


 


 


เฟิ่งอวิ๋นหล่างปล่อยกู้เฝิ่นไต้ ทรงยิ้มหยัน “หมายความว่า เรื่องนี้ชิงเฉิงใส่ร้ายเจ้า?”


 


 


“พี่คงเข้าใจหม่อมฉันผิดไป หม่อมฉันไม่เคยทำอย่างนี้เพคะ ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ผิด”


 


 


กู้เฝิ่นไต้ทรงคลานเข้าไปหา ยื่นพระหัตถ์โอบพระชงค์เฟิ่งอวิ๋นหล่าง ทรงสะอื้นไห้เบาๆ ไหล่สะท้านขึ้นลง ราวกับกระต่ายขาวตัวน้อยที่กำลังตกใจกลัว ดูน่าสงสารในสายตาของผู้ชาย


 


 


แต่เวลานี้เฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงกริ้วจัด ทอดพระเนตรแต่ไม่ใส่พระทัย พระองค์ทรงโกรธแค้นกู้เฝิ่นไต้ แม้เรื่องนี้ไม่มีหลักฐานใดๆ แต่พระองค์ทรงเชื่อคำทูลของกู้ชิงเฉิง


 


 


เฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงถีบกู้เฝิ่นไต้กระเด็นอย่างไม่ปรานี “อย่าทำให้เสื้อเราเปรอะเปื้อน กู้เฝิ่นไต้ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า เรากับชิงเฉิงคงไม่ห่างเหินกันหลายปี เจ้าวางใจ เวลานี้เรายังไม่ถอดเจ้าออกจากตำแหน่งฮองเฮา เราจะทรมานเจ้าอย่างช้าๆ ให้เจ้าลิ้มรสความทรมานยิ่งกว่าตาย”


 


 


กู้เฝิ่นไต้ตกพระทัยจนพระวรกายสั่นสะท้าน พระนางทรงฟังออกว่าเฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงกริ้วพระนางเพียงไร ตั้งแต่วันนี้ไป พระนางไม่มีวันเป็นที่โปรดปรานอีก เฟิ่งอวิ๋นหล่างจะทรมานพระนางจริงๆ


 


 


เมื่อทรงคิดเช่นนี้ กู้เฝิ่นไต้กลัวขึ้นมาทันที ยามปกติเฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงอ่อนโยน แต่หากทรงกริ้วขึ้นมา จะกลายเป็นคนน่ากลัวมาก


 


 


เรื่องนี้กู้เฝิ่นไต้ทรงรู้ดีมาตลอด พระนางถวายการรับใช้เฟิ่งอวิ๋นหล่างมาสามปีแล้ว


 


 


ตลอดสามปีมานี้พระนางแสดงตนเป็นคนอ่อนโยนมีเมตตา ไม่เคยทำให้เฟิ่งอวิ๋นหล่างกริ้ว นี่เป็นครั้งที่สองที่เฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงกริ้วพระนาง ครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งก่อน ความเกลียดชังรังเกียจฉายออกมาทางพระเนตรอย่างชัดเจน


 


 


“ฝ่าบาท…”


 


 


กู้เฝิ่นไต้ทรงร่ำไห้ต่อ พยายามจะเรียกความสงสารจากพระทัยเฟิ่งอวิ๋นหล่าง


 


 


เฟิ่งอวิ๋นหล่างไม่แม้แต่จะทอดพระเนตรมองกู้เฝิ่นไต้ ราวกับว่าหากเห็นจะทำให้พระเนตรของพระองค์เปรอะเปื้อน “ตั้งแต่วันนี้ เราจะไม่มาที่วังเว่ยยางอีก เจ้าก็ไม่ต้องออกไป


 


 


ต่อไปค่าใช้จ่ายรายเดือนของวังเว่ยยางถือตามบรรทัดฐานพระสนมระดับกุ้ยเหริน เมื่อยึดตามบรรทัดฐานพระสนมระดับกุ้ยเหริน คนในวังเว่ยยางเวลานี้มากเกินไป คนที่สมควรออกก็ให้ออก ภารกิจวังในทั้งหมดมอบหมายให้ชิงเฉิงจัดการ


 


 


ฮองเฮาต้องเตรียมตัวรับความลำบาก ต่อไปความเป็นอยู่จะไม่ดีนัก”


 


 


เฟิ่งอวิ๋นหล่างตรัสเสร็จก็ออกจากห้อง กู้เฝิ่นไต้ทรงทรุดนั่งกับพื้นอย่างเหม่อลอย พระองค์ช่างเย็นชากับพระนางเหลือเกิน


 


 


เมื่อก่อน พระนางเคยใช้เล่ห์กลจริง แต่คนที่ไม่เชื่อกู้ชิงเฉิงก็คือเฟิ่งอวิ๋นหล่าง เวลานี้เฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงกล่าวโทษพระนางทุกอย่าง ทรงคิดจะทรมานนางให้ตายทั้งเป็น


 


 


วันข้างหน้าช่างลำบากแสนสาหัส พระนางไม่อาจจินตนาการได้


 


 


สามปีมานี้ พระนางทรงใช้ชีวิตอย่างสูงส่งสมพระเกียรติ เฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงโปรดปรานพระนาง พระนางได้รับสิ่งที่ดีที่สุด เวลานี้เฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงใช้วิธีเดียวกันมาลงโทษพระนาง ต่อไปพระนางจะทำอย่างไรดี


 


 


พอคิดถึงตรงนี้ กู้เฝิ่นไต้แย้มพระสรวลออกมาทันที เวลานี้พระนางเหลือแต่ตำแหน่งฮองเฮาเท่านั้น ความหรูหราสุขสบายสามปีมานี้ สุดท้ายก็ว่างเปล่า


 


 


กู้เฝิ่นไต้ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกน่าหัวเราะ พระนางแย้มพระสรวลไม่หยุด จนน้ำพระเนตรไหล พระนางคิดว่าตนชิงทุกสิ่งทุกอย่างจากมือของกู้ชิงเฉิง เวลานี้กู้ชิงเฉิงเริ่มเอาคืนแล้ว


 


 


กู้ชิงเฉิง การสูญเสียสิ่งที่เคยมีอยู่เป็นความทุกข์ทรมานที่สุด เจ้าตั้งใจจะให้ข้าเป็นอย่างนี้ ใช่หรือไม่?


 


 


“ฮองเฮา เป็นอะไรไป”


 


 


อี่ซ่านเห็นกู้เฝิ่นไต้แย้มพระสรวลไม่หยุด ก็ร้อนใจจนทนไม่ไหว แต่กู้เฝิ่นไต้ได้แต่แย้มพระสรวล ไม่ตรัสแม้แต่คำเดียว


 


 


ไม่ พระนางไม่มีวันยอมแพ้ ขอแต่ให้มีชีวิตอยู่ พระนางไม่มีวันยอมแพ้ พระนางเป็นฮองเฮา จะเป็นฮองเฮาไปตลอดชีวิต ไม่มีวันให้กู้ชิงเฉิงสมหวัง ถ้าชาตินี้พระนางไม่มีความหวัง พระนางก็จะตายพร้อมกับกู้ชิงเฉิง


 


 


ถ้าจะลงนรก ก็ลงด้วยกัน


 


 


พอคิดอย่างนี้ กู้เฝิ่นไต้ก็กำพระหัตถ์แน่น พระนขาจิกเข้าไปในเนื้อโดยไม่รู้สึกพระองค์ พระเนตรมีความแค้นฝังลึกฉายออกมาแวบหนึ่ง


 


 


 


 


——


 


 


ตอนที่ 257 เสียงร้องไห้ประหลาด


 


 


 


 


ซูจิ่วซือกับกู้หลียวนอยู่ระหว่างการเดินทาง คราวนี้ซูจิ่วซือพาจื่อหลานมาด้วย ทั้งสามนั่งรถม้าคันเดียวกัน ซูจิ่วซือค่อนข้างร้อนใจ ตลอดทางแทบไม่ได้พัก


 


 


กู้เฉินหรงอยู่ที่ภูเขากุยอวิ๋นซาน ระยะทางสิบลี้โดยรอบไร้ผู้คน นับว่าเปลี่ยวมาก


 


 


ภูเขานี้เดิมทีเรียกว่าเขาปีศาจ บนเขามีไอหมอกปกคลุมตลอดปี มีสัตว์ป่าชุกชุม เคยมีคนไปล่าสัตว์ที่เขากุยอวิ๋นซาน ลือกันว่าได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ มองเห็นผีผู้หญิงสยายผมยาว นายพรานตกใจวิ่งหนีทันที


 


 


ตั้งแต่นั้นมาเรื่องเขากุยอวิ๋นซานมีผีก็ร่ำลือไปทั่ว คนแถวนั้นพากันย้ายหนี ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขากุยอวิ๋นซาน จึงกลายเป็นภูเขารกร้าง


 


 


เดินทางสิบวัน ก็เห็นเขากุยอวิ๋นซานอยู่เบื้องหน้า


 


 


ขณะเข้าใกล้เขากุยอวิ๋นซาน จื่อหลานก็เริ่มกระวนกระวายใจ เปิดม่านออก พอดีเห็นอีกาสีดำฝูงหนึ่งบินผ่านไป นางกลืนน้ำลาย พูดขึ้น “คุณหนู บ่าวได้ยินมาว่าเขากุยอวิ๋นซานมีผี ดูข้างนอกยังรู้สึกเร้นลับพิกล


 


 


“ดูเจ้าสิกล้าหาญจริงๆ แค่คำร่ำลือก็ตกอกตกใจอย่างนี้ ถ้ามีผีจริงๆ บอกให้มาหาข้าก็แล้วกัน” กู้หลียวนเห็นจื่อหลานกลัว ก็อดขำไม่ได้


 


 


จื่อหลานเริ่มอาย รู้สึกว่าตัวเองไร้ความสามารถ


 


 


“จื่อหลาน ไม่ต้องกลัว เฉินหรงอยู่ที่นี่ ที่นี่ไม่มีผีแน่ เป็นคำร่ำลือเท่านั้น”


 


 


ซูจิ่วซือกล้าหาญมาก กู้หลียวนก็เช่นกัน ทั้งสองไม่ใช่คนขี้ขลาด แม้ภายนอกเขากุยอวิ๋นซานจะดูเร้นลับ แต่ทั้งสองไม่รู้สึกกลัว รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่มีคนทำ แสดงว่าไม่ต้องการให้คนอื่นเข้ามาใกล้เขากุยอวิ๋นซาน


 


 


“ข้างหน้าเส้นทางวิบาก รถม้าเข้าไม่ได้ พวกเราต้องเดินขึ้นเขาไป ข้าจะจุดพลุสัญญาณก่อน”


 


 


กู้หลียวนพูดจบก็หยิบพลุสัญญาณจากอกเสื้อขว้างขึ้นไปกลางอากาศ พลุสัญญาณส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จากนั้นก็ให้รถม้าจอด ทั้งหมดเดินขึ้นเขาไป


 


 


เวลานี้เพิ่งพ้นเที่ยงวันไม่นาน เป็นเวลาที่อากาศร้อนที่สุด แต่เขากุยอวิ๋นซานกลับเย็นสบาย ยิ่งเข้าใกล้อากาศยิ่งเย็น ท้องฟ้ามืดสลัว เหมือนฝนจะตก


 


 


กู้หลียวนเดินนำหน้าสุด ซูจิ่วซือตามมา ขณะเข้าไปในเขากุยอวิ๋นซาน ไอเย็นฉ่ำก็ปะทะเข้ามา บนเขาไม่เปลี่ยว ไม่ใช่เขารกร้าง


 


 


ยิ่งเดินเข้าไปเรื่อยๆ ไอหมอกบนเขายิ่งหนา เห็นเส้นทางเลือนรางไม่ชัดเจน หรือว่ามีอีกาบินผ่านหัวไป


 


 


จื่อหลานตึงเครียดมาก มองรอบข้างอย่างระแวดระวังตลอดเวลา ซูจิ่วซือกลับไม่รู้สึกเครียด แต่เห็นเขากุยอวิ๋นซานมีความเร้นลับ ต้องระแวดระวัง แม้แต่กู้หลียวนซึ่งมักจะทำตัวตามสบายก็ยังมีสีหน้าเคร่งเครียด


 


 


“เอ่อ…คุณหนู ข้างหน้ามีคน”


 


 


จู่ๆ จื่อหลานก็ร้องบอก


 


 


ความจริงซูจิ่วซือก็เห็นแล้ว ท่ามกลางไอหมอกมีเงาคนสีแดงแวบเข้ามาจริงๆ ผมยาวสยายปรกไหล่ ดูคล้ายกับผู้หญิง พอมองให้ดี กลับไม่มีอะไรเลย บนภูเขารกร้างห่างไกลนี้มีผู้หญิงอาศัยอยู่


 


 


“ฮือๆ….” จู่ๆก็มีเสียงร้องไห้แว่วผ่านอากาศเข้ามา เป็นเสียงร้องไห้โหยหวน ยิ่งบนเขามีไอหมอกหนาแน่น พอได้ยินก็ทำให้ขนลุก


 


 


จื่อหลานกลัวขึ้นมาจริงๆ นางตกใจจนตัวสั่น


 


 


“เฉินหรงให้พวกเรามาที่บ้าๆ ทางเดินก็แทบไม่เห็น”


 


 


กู้หลียวนบ่น แล้วตะโกนขึ้นไปกลางอากาศ “แม่นาง เสียใจเรื่องอะไรปรากฏตัวมาพูดกับข้า ข้าเป็นคนใจอ่อนกับผู้หญิง ไม่แน่อาจจะช่วยเจ้าได้ เจ้าแอบร้องไห้คนเดียวไม่เบื่อหรือ”



ตอนที่ 258 สาวน้อยชุดแดง 


 


 


 


 


 


ทันทีที่กู้หลียวนตะโกนออกไป เสียงร้องไห้กลางอากาศก็หายเงียบทันที มีเสียงหนึ่งดังแว่วมา “ใครมารบกวนความสงบของข้า ต้องตาย” 


 


 


พอพูดจบ ก็มีเสียงค้างคาวบินเข้ามาไม่ขาดระยะ พอเห็นค้างคาวมากอย่างนี้ จื่อหลานก็ตกใจเอามือปิดปาก 


 


 


ซูจิ่วซือสงบตั้งแต่ต้นจนถึงเวลานี้ ตะโกนขึ้นไปกลางอากาศ “แม่นาง พวกข้าไม่ได้ตั้งใจมารบกวน แต่มาหาคนคนหนึ่ง แม่นางปรากฏตัวมาพูดคุยเถอะ!” 


 


 


“กู้เฉินหรง ออกมาหาข้าเดี๋ยวนี้ ข้าไม่กลัวหรอก จิ่วซือตกใจ เจ้าทำใจได้หรือ” 


 


 


ซูจิ่วซือหน้าบึ้ง นางบอกเมื่อไรว่ากลัว 


 


 


ทันใดนั้นเงาคนสีแดงก็เข้ามาท่ามกลางไอหมอก นางสวมชุดผ้าบางสีแดงทั้งตัว แขนกว้างพลิ้วไหว ผมดำยาวเกล้ามวยง่ายๆ มีปิ่นอันเดียวปักไว้ ผิวพรรณขาวสะอาด ริมฝีปากแดง ปากรูปผลอิงเถา ตาโตเป็นประกาย ดูมีชีวิตชีวา 


 


 


“พวกเจ้าใจกล้าจริงๆ ไม่กลัวเลย” เด็กสาวชุดแดงเสียงใส น่าฟังมาก ริมฝีปากแย้ม เผยให้เห็นรอยยิ้ม “เฉินหรงนับว่าจริงใจ เชิญเพื่อนมาดื่มเหล้าฉลองงานแต่งของเรา” 


 


 


“เหล้าฉลองงานแต่ง แม่นาง เจ้าหมายความว่าเจ้าจะแต่งงานกับเฉินหรง” 


 


 


เด็กสาวชุดแดงหัวเราะร่า “ใช่ อีกสามเขาจะแต่งงานกับข้า” 


 


 


กู้หลียวนมองซูจิ่วซือซึ่งอยู่ข้างๆ แวบหนึ่ง น่าอึดอัดใจจริงๆ กู้เฉินหรงไม่ได้บอกว่าให้เขามาทำอะไร เพียงแต่บอกว่ามีเรื่องสำคัญ กลายเป็นว่าให้เขามาร่วมงานแต่ง เป็นไปไม่ได้ กู้เฉินหรงไม่ใช่คนที่เปลี่ยนใจง่ายๆ 


 


 


ซูจิ่วซือสีหน้าเครียดเล็กน้อย นางยอมรับ พอได้ยินอย่างนี้ ในใจนางรู้สึกไม่สบายขึ้นมาทันที แต่พอนึกถึงว่ากู้เฉินหรงถูกวางยา นางจึงข่มความรู้สึกไม่สบายใจไว้ เรื่องนี้รอพบกู้เฉินหรงก่อนค่อยถามเขา 


 


 


นางต้องถามให้รู้แน่ชัด กู้เฉินหรงจะทำอะไรแน่ 


 


 


“แม่นางน้อย เจ้าโดนกู้เฉินหรงหลอก เฉินหรงมีเมียอยู่ก่อนแล้ว” 


 


 


กู้หลียวนอยากช่วยซูจิ่วซือ ใครให้ตนรับนางเป็นน้องสาวเล่า 


 


 


เด็กสาวชุดแดงไม่ได้ใส่ใจสักนิด นางหัวเราะร่าพูดขึ้น “แต่งแล้วก็แต่งไป แต่ข้าเลือกเขาแล้ว ที่แต่งงานไปก่อนหน้านี้ยกเลิกก็ได้ พวกเจ้าเป็นอะไรกับกู้เฉินหรง” 


 


 


“ข้าเป็นพี่ชายเขา” 


 


 


“คนนั้นคงเป็นเมียเจ้า” 


 


 


เด็กสาวชุดแดงมองซูจิ่วซือ หน้าตาไม่เลว ท่าทางเยือกเย็น ดูอายุเพิ่งสิบกว่า แต่เป็นผู้ใหญ่กว่าวัย ดวงตาเร้นลับ ดูไม่ออก 


 


 


ขณะที่กู้หลียวนเตรียมจะพูด ซูจิ่วซือก็เปิดปากขึ้นก่อน “ข้าเป็นน้องสาวของกู้เฉินหรง” 


 


 


“พวกเจ้าสามคนพี่น้องแปลกดี หน้าตาไม่เหมือนกันสักคน คงเป็นลูกคนละแม่!” เด็กสาวชุดแดงหัวเราะร่า “กู้เฉินหรงไม่ได้เล่าความเป็นมาของเขา แต่ข้าเดาว่าเขาคงเกิดในตระกูลใหญ่ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีลักษณะอย่างนั้น” 


 


 


“แม่นางน้อย เจ้าชอบอะไรของกู้เฉินหรง เขาเป็นคนที่มีข้ออ่อนมากเหลือเกิน เท้าก็เหม็น เวลานอนมักจะพูดพึมพำคนเดียว เมื่อก่อนตอนอยู่บ้าน แต่งงานแล้วก็ยังเที่ยวเล่นนอกบ้าน ไม่เลือกทั้งชายหญิง ถึงได้เป็นกามโรค เพิ่งรักษาหายไม่นานมานี้ แม่นาง เจ้ากล้าแต่งงานกับเขาหรือ” 


 


 


ซูจิ่วซือมุมปากกระตุก ยอมรับกู้หลียวนเลยจริงๆ ใส่ร้ายกู้เฉินหรงได้ขนาดนี้ 


 


 


“กู้หลียวน อย่าเอาเรื่องของเจ้ามาใส่ไคล้ข้า พูดเหลวไหลต่อหน้าจิ่วซือ” 


 


 


เสียงของกู้เฉินหรงดังขึ้น จากนั้นก็มีเงาคนสีขาวเงินเดินเข้ามาท่ามกลางไอหมอก โบกพัดในมือ ท่าทางสง่าผ่อนคลาย น่าดูจนแทบไม่อยากถอนสายตา 


 


 


 


 


 


—— 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 259 พบกันอีก 


 


 


 


 


 


ซูจิ่วซือตะลึงมองกู้เฉินหรง ในใจรู้สึกหลากหลาย แต่พยายามควบคุมตัวเองไว้ ไม่เผยความรู้สึกออกมา ดูภายนอกยังคงสงบเยือกเย็น 


 


 


กู้เฉินหรงกลับเดินตรงเข้าไปหาซูจิ่วซือ ยื่นมือไปกอดซูจิ่วซือ กระซิบข้างหูนาง “จิ่วเอ๋อร์ เจ้าตัดใจจากข้าไม่ได้ใช่หรือไม่” 


 


 


“เจ้าสองคน…” เผยปิงปิงเบิ่งตากว้างมองทั้งสองกอดกัน กู้หลียวนอยู่ข้างๆ สีหน้ากระอักกระอ่วนรีบอธิบาย “พี่น้องคู่นี้สนิทสนมกันมาก” 


 


 


เผยปิงปิงเดินไปหาคนทั้งสอง “พี่น้องสนิทกันอย่างไรก็กอดผู้หญิงอื่นต่อหน้าข้าไม่ได้ กู้เฉินหรง อย่าลืมว่าเจ้าเป็นของข้า” 


 


 


คำพูดนี้ทำให้ซูจิ่วซือนึกขึ้นได้ รีบผลักกู้เฉินหรงออกอย่างแรง 


 


 


กู้เฉินหรงหน้าบึ้ง แต่พอนึกถึงสภาพเวลานี้ จึงปล่อยซูจิ่วซือ ซูจิ่วซือจะได้ไม่เดือดร้อน 


 


 


แม้ในใจจะมีถ้อยคำมากมาย แต่เวลานี้เขาต้องสะกดใจไว้ ไม่อาจพูดอะไรออกไป ได้แต่ถือว่าซูจิ่วซือเป็นน้องสาว 


 


 


“ข้าเอาใจใส่จิ่วเอ๋อร์มาตลอด” 


 


 


“น้องสาวของเจ้าสวยจริงๆ พี่ชายข้ายังไม่มีเมีย ยกน้องสาวเจ้าเป็นพี่สะใภ้ข้าเถอะ” 


 


 


“อย่าคิดเด็ดขาด พี่ชายเจ้าหรือจะคู่ควรกับจิ่วเอ๋อร์” กู้เฉินหรงรีบแย้ง ถึงตายเขาก็ไม่มีวันให้ซูจิ่วซือแต่งงานกับเผยอวี๋ 


 


 


ทั้งหมดเดินเข้าไปในเขากุยอวิ๋นซาน ซูจิ่วซือเดินเคียงคู่กับกู้เฉินหรง เดินข้างหน้า 


 


 


เผยปิงปิงอยากเดินให้ทันกู้เฉินหรง กู้หลียวนจนใจ ได้แต่เดินตามเผยปิงปิง ชวนนางคุย ไม่ให้นางได้ยินความผิดปกติ เรื่องพูดคุยกับผู้หญิงเป็นงานถนัดของเขาอยู่แล้ว “แม่นาง ปกติเจ้าชอบเล่นเป็นผีที่เขากุยอวิ๋นซานหรือ” 


 


 


“เขากุยอวิ๋นซานไม่มีคนมา เล่นเป็นผีหลอกใครล่ะ เจ้ากับน้องสาวใจกล้าจริงๆ ไม่กลัวสักนิด” 


 


 


“ข้ามีฉายาว่ากู้ใจกล้า โลกนี้ไม่มีอะไรที่ข้ากลัว” 


 


 


พอได้ยินอย่างนี้ ดวงตาของเผยปิงปิงก็เป็นประกาย พูดอย่างตื่นเต้น “จริงหรือ งั้นข้าพาเจ้าไปดูของรักของข้า เจ้าชื่ออะไร ข้าชื่อเผยปิงปิง” 


 


 


“แม่นางปิงปิง ผู้น้อยมีนามว่ากู้หลียวน” 


 


 


“แม่นางคนนั้นชื่ออะไร” 


 


 


“ซูจิ่วซือ” พูดจบก็ร้องในใจว่าแย่แล้ว บอกว่าเป็นพี่น้องกัน คราวนี้ความแตกแน่ ถ้าเดาไม่ผิด แม่นางคนนี้กับคนอื่นที่อาศัยอยู่ในเขากุยอวิ๋นซานไม่ใช่คนธรรมดา จะทำให้พวกนี้ไม่พอใจไม่ได้ 


 


 


พอเห็นเผยปิงปิงทำท่าสงสัย กู้หลียวนก็รีบอธิบาย “จิ่วซือตั้งแต่เล็กก็ไปอยู่กับครอบครัวของลุงเขย ใช้สกุลลุงเขย รู้หรือไม่ว่าลุงเขยข้าลำบากแค่ไหน มีลูกชายติดกันสิบคน ไม่มีลูกสาวสักคน แม่ข้าทนดูไม่ไหว จึงยกลูกสาวคนเล็กให้ลุงเขยเลี้ยง” 


 


 


เผยปิงปิงหัวเราะร่า ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน จนลืมกู้เฉินหรงซึ่งเดินอยู่ข้างหน้า 


 


 


พอได้ยินเสียงหัวเราะของเผยปิงปิง กู้เฉินหรงก็รู้สึกโล่งใจ 


 


 


หลายวันมานี้เขาถูกเผยปิงปิงรบกวนจนปวดหัว เผยปิงปิงไม่ใช่แม่นางธรรมดา 


 


 


นางเป็นลูกสาวคนเดียวของราชาพิษ เชี่ยวชาญการใช้พิษ และรักอสรพิษทุกชนิด เลี้ยงงูหนูมดแมลงเต็มบ้าน พอว่างก็ชอบเล่นกับสัตว์พวกนี้ สัตว์พิลึกพวกนี้ กู้เฉินหรงเห็นก็คลื่นไส้ 


 


 


“แต่งงานกับเผยปิงปิงเป็นเงื่อนไขที่ราชาพิษตั้งขึ้นแลกกับการถอนพิษให้เจ้า?” 


 


 


แม้เพิ่งมาถึง แต่ซูจิ่วซือก็เข้าใจแล้วว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร 


 


 


กู้เฉินหรงไม่ได้ปฏิเสธ ถามด้วยความประหลาดใจ “เจ้ารู้หรือ” 


 


 


“พระสนมโหรวบอกข้า เฉินหรง ข้าพูดแล้วว่าอย่าใส่ใจเรื่องของข้า เจ้ายังมีอนาคตที่ดีรออยู่ข้างหน้า เจ้าเป็นราชนัดดาของฮ่องเต้แคว้นเจียง ยังมีภารกิจอุดมการณ์ของตนเอง” 



ตอนที่ 260 ไม่เคยคิดเสียดาย 


 


 


 


 


 


“ถ้าเป็นเพราะข้าทำให้เจ้าสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง เจ้าจะเสียดายภายหลัง ไม่คุ้มกันเลย เจ้าช่างโง่เขลาจริงๆ พูดไว้ว่าจะไป ก็ไม่ตัดใจไปจริงๆ ต้องทำอย่างนี้อีก เจ้า…” 


 


 


ซูจิ่วซือไม่รู้จะพูดอย่างไร ในใจรู้สึกผิด รู้สึกซาบซึ้ง และยังมีความรู้สึกไม่รู้จะตอบแทนอย่างไร  


 


 


จู่ๆ กู้เฉินหรงก็ยื่นมือมาจับซูจิ่วซือ พานางหายเข้าไปท่ามกลางไอหมอกทันที 


 


 


“อ้าว…” 


 


 


พอรู้ว่ากู้เฉินหรงกับซูจิ่วซือหายไป เผยปิงปิงก็รีบมองไปรอบๆ  


 


 


“ปิงปิง พาข้าไปดูของรักของเจ้าหน่อย น้องสาวของข้าคนนี้มีปัญหานิดหน่อย นางอยากฟังคำแนะนำจากกู้เฉินหรง ให้เฉินหรงคุยกับนางให้เต็มที่ เราไปดูของรักกัน” 


 


 


“เจ้าอยากดูจริงหรือ” 


 


 


กู้หลียวนแม้ไม่อยากดู รู้ดีว่าไม่ใช่ของที่น่าดู แม่นางคนนี้ไม่เหมือนแม่นางที่เขาเคยใกล้ชิด ความชอบของนางก็คงไม่เหมือนคนอื่น แต่เวลานี้ถึงไม่อยากดูก็ต้องดู ใครใช้ให้เขาโชคร้ายเอง 


 


 


กู้หลียวนทำท่าสนใจเต็มที่ “แน่นอน” 


 


 


“เช่นนั้นเราไปกันเถอะ!” 


 


 


เผยปิงปิงลืมกู้เฉินหรงอีกครั้ง พากู้หลียวนเดินไปอีกทางหนึ่ง คนที่สนใจของรักที่นางเลี้ยงไว้มีน้อยจริงๆ  


 


 


พอเห็นว่ารอบข้างไม่มีคนแล้ว กู้เฉินหรงก็ปล่อยซูจิ่วซือ เขากุยอวิ๋นซานมีไอหมอกหนามาก ทั้งสองอยู่ท่ามกลางไอหมอก มีความรู้สึกเลื่อนลอย เหมือนอยู่ในแดนวิมาน 


 


 


กู้เฉินหรงยืนอยู่หน้าซูจิ่วซือ มองหน้าซูจิ่วซืออย่างจริงจัง “ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าจะมา จิ่วเอ๋อร์ เรื่องที่ข้าทำลงไปข้าไม่เคยคิดเสียดาย 


 


 


ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าทำให้เจ้า ข้ายินดีทำตั้งแต่แรก 


 


 


เมื่อก่อนเป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็น ต่อมาเพราะสนใจในตัวเจ้า จากนั้นก็เพราะเป็นห่วง ข้านึกไม่ถึงว่าเจ้าผ่านอะไรมามากเหลือเกิน จึงอยากปกป้องเจ้าอย่างเต็มที่ 


 


 


เจ้าเป็นผู้หญิงที่ดี ถ้าข้าโชคไม่ดีตายที่นี่ เจ้าก็ไม่ต้องเสียใจเกินไป อย่างมากก็หลั่งน้ำตาให้ข้าบ้าง วันหลังก็เผากระดาษให้ข้า ไม่ต้องทำอะไรอีก” 


 


 


“คนที่เขากุยอวิ๋นซานเป็นคนจากหุบเขาราชาพิษจริงหรือ” 


 


 


“ใช่ เรื่องนี้ข้าจัดการเอง จิ่วเอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องใส่ใจอะไรทั้งนั้น อยู่ที่นี่สักสองสามวันก็ไปพร้อมกับหลียวน จะได้ไม่อันตราย” 


 


 


ถ้าเป็นคนจากหุบเขาราชาพิษจริง ซูจิ่วซือก็จัดการได้ไม่ยาก เพราะในนี้มีคนที่นางเคยคบหามาก่อน เดิมทีนางไม่อยากให้เขารู้ฐานะของนาง แต่เวลานี้เพื่อช่วยเหลือกู้เฉินหรง นางจำเป็นต้องทำ 


 


 


นางรู้ว่ากู้เฉินหรงไม่ชอบเผยปิงปิง และนางก็ไม่อยากให้กู้เฉินหรงถูกบีบให้แต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่รักเพื่อถอนพิษในตัว และยังเพื่อนาง อย่างนี้แล้ว ชีวิตนี้นางคงไม่อาจสงบใจ  


 


 


แม้เข้าใจความรู้สึกของตนที่มีต่อกู้เฉินหรง แต่นางก็ไม่กล้าบอกเขา รอให้เขาปลอดภัยก่อน นางก็กลับเมืองหลวง ส่วนกู้เฉินหรงก็ไปแคว้นเจียง ทั้งสองต้องพรากจากกัน ถ้ามีวาสนาต่อกันจริง รอให้ทุกอย่างยุติแล้ว ถ้าเขายังอยู่ตัวคนเดียว นางอาจจะไปตามหาเขา  


 


 


“ยาตัดดวงจิตจะออกฤทธิ์ภายในหนึ่งเดือน เจ้าจะ…” 


 


 


กู้เฉินหรงหัวเราะ “ข้ารู้ว่ายาตัดดวงจิตทำให้เสียสติ เจ้าอยากให้ข้ากลายเป็นคนเสียสติหรือ เมื่อก่อนข้ากินมุกโลหิต คงเป็นเพราะมุกโลหิต จนถึงเดี๋ยวนี้ยาตัดดวงจิตจึงไม่ออกฤทธิ์ ไม่แน่อาจจะไม่เป็นไรเลย ข้าโชคดีเสมอ” 


 


 


“เจ้ามีชีวิตโดยอาศัยโชคหรือ” 


 


 


ซูจิ่วซือถลึงตาใส่กู้เฉินหรง 


 


 


“ในสภาพที่ไม่มีทางเลือกก็ต้องลองดู” 


 


 


“เจ้าตั้งใจเรียกหลียวนมา ความจริงก็เพราะอยากยัดเยียดเผยปิงปิงให้เขาใช่หรือไม่!” ซูจิ่วซือเดาจุดหมายของกู้เฉินหรงได้ถูก ลูกชายที่น่าสงสารโดนกู้เฉินหรงหลอกเสียแล้ว 


 


 


 


 


 


—— 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 261 อย่าใส่ร้ายข้า 


 


 


 


 


 


กู้เฉินหรงหัวเราะ “ข้าไม่สนใจผู้หญิงคนนี้ แต่หลียวนสนใจผู้หญิงมาตลอด เผยปิงปิงเป็นคนสวย เขาคงไม่รังเกียจ” 


 


 


“ถ้าหลียวนรู้เจตนาของเจ้า คงไม่ถือเจ้าเป็นน้องแล้ว กู้เฉินหรง เจ้าช่างมีเล่ห์เหลี่ยมรอบด้านจริงๆ  หลียวนเป็นคนซื่อถึงได้หลงกลเจ้า” 


 


 


ในเมื่อเป็นลูกชาย ซูจิ่วซือจึงช่วยกู้หลียวน 


 


 


“จิ่วเอ๋อร์ ควรมีใครสักคนมากำราบลูกชายเรา” ซูจิ่วซือมุมปากกระตุก ถลึงตาใส่กู้เฉินหรงอย่างดุดัน “เขาเป็นลูกชายข้า เจ้าช่างหน้าไม่อายเรียกพี่ชายตัวเองเป็นลูกได้หรือ” 


 


 


“เจ้าเองก็เรียกเขาเป็นพี่หลียวนไม่ใช่หรือ ถ้าข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าคิดว่าสักวันหนึ่งต้องได้แต่งงานกับเจ้า พอถึงตอนนั้นข้าก็เป็นพ่ออย่างเต็มภาคภูมิ” 


 


 


ซูจิ่วซือไม่กล้าคิด ยุ่งเหยิงไปหมด ไม่ใช่แค่ยุ่งเหยิง แต่เป็นยุ่งเหยิงพัลวันไปหมด 


 


 


“หน้าด้าน” 


 


 


ซูจิ่วซืก็พูดได้แค่นี้ 


 


 


“หน้าด้านจนเป็นนิสัยแล้ว อีกสักครั้งก็ไม่เป็นไร” 


 


 


“กู้เฉินหรง เจ้าช่างหน้าด้านหน้าทนจริงๆ ” 


 


 


“จิ่วซือ เข้าใจผิดแล้ว ความจริงก็คือ ข้ารักเจ้าจริงๆ ” 


 


 


“…” 


 


 


ซูจิ่วซือรีบสาวเท้า กู้เฉินหรงตามไปติดๆ “จิ่วเอ๋อร์ เจ้าเดินผิดทางแล้ว ไม่ใช่ทางนั้น มาทางนี้” 


 


 


ซูจิ่วซือหน้าบึ้งก้มหน้าก้มตา ชนกู้เฉินหรงพอดี เขาถือโอกาสจับมือซูจิ่วซือไว้ ดึงซูจิ่วซือเดินไปทางนั้นต่อ “ความจริงก็คือทางนี้แหละ” 


 


 


“เจ้า…” 


 


 


ซูจิ่วซือถูกกู้เฉินหรงแหย่อีกแล้ว พอเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา นางก็คิดอยากจะตีกู้เฉินหรงขึ้นมาทันที จู่ๆ ก็นึกถึงตอนที่รู้จักกู้เฉินหรงครั้งแรก เขาจงใจแหย่นาง เวลาผ่านไปนานแล้ว นางยังคงหลงกล 


 


 


ช่างเถอะ ช่างเถอะ ขอแต่ให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไป โดนเขาหลอกอีกครั้งก็ไม่เป็นไร 


 


 


ซูจิ่วซืออยากดิ้นให้หลุดจากกู้เฉินหรง แต่เขาจับมือนางไว้แน่น “แค่เดี๋ยวเดียว พอไปถึงหมู่บ้านเขากุยอวิ๋นซาน ถึงไม่อยากปล่อยก็ต้องปล่อย จิ่วซือ ไม่ต้องกลัว ข้าไม่เป็นไรหรอก ข้าเคยทำนายโชคชะตาแล้ว ข้าจะอยู่ได้ถึงร้อยปี” 


 


 


ซูจิ่วซือไม่ขยับ เงยหน้ามองกู้เฉินหรงแวบหนึ่ง นางเองก็อยากให้กู้เฉินหรงมีชีวิตอยู่ถึงร้อยปี สองร้อยปีก็ได้ อยากให้เขาอยู่อย่างมีความสุข 


 


 


ขณะที่ทั้งสองไปถึง กู้หลียวนมาก่อนแล้ว กำลังรอกู้เฉินหรงที่เรือนที่กู้เฉินหรงอยู่ พอเห็นทั้งสองมาถึง ก็หน้าบึ้งเข้าไปหา  


 


 


“เจ้าสองคนยังมีใจกลับมาหรือ ข้านึกว่าหนีตามกันไปแล้ว เฉินหรง ถึงข้าไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ ของเจ้า แต่เราก็โตมาด้วยกัน เจ้าทำอย่างนี้ได้อย่างไร ข้ารู้แล้วว่าทำไมเจ้าจึงเขียนจดหมายถึงข้า หลอกกันนี่นา 


 


 


ถึงข้าจะชอบผู้หญิง แต่เผยปิงปิงไม่ไหวจริงๆ ผู้หญิงอะไร นางปีศาจดีๆ นี่เอง 


 


 


ผู้หญิงทั่วไปสนใจดีดพิณ เล่นหมากล้อม เขียนอักษรวาดรูปและเย็บปักถักร้อย แต่ตลอดชีวิตของแม่นางคนนี้เลี้ยงงู เลี้ยงแมงมุมแมงป่อง เลี้ยงอสรพิษทุกชนิด ผู้หญิงอย่างนี้น่ากลัว พร้อมที่จะฆ่าสามีได้ทุกเมื่อ” 


 


 


พอนึกถึงสัตว์ที่เผยปิงปิงเลี้ยงไว้ กู้หลียวนก็ใจสั่น โดยเฉพาะแมลงนานาชนิดที่ไม่รู้จักชื่อ คิดแล้วก็คลื่นไส้ ถ้าไม่ใช่เห็นกับตา เขาคงไม่กล้าเชื่อว่าจะมีเด็กสาวร่าเริงคนหนึ่งสนใจของพวกนี้ 


 


 


ในฐานะเป็นลูกสาวของราชาพิษ เผยปิงปิงย่อมชำนาญในการใช้พิษ เขายังอยากมีชีวิตอยู่นานหน่อย  


 


 


กู้เฉินหรงพอได้ยินกู้หลียวนโอดครวญ ก็หัวเราะ “เจ้ากลัวหรือ” 


 


 


“ลูกสาวราชาพิษจะเป็นคนรู้ใจได้อย่างไร ชาตินี้ ข้าไม่คิดจะแต่งงาน เจ้าอย่าทำร้ายข้าเลย งานนี้ ข้าช่วยอะไรเจ้าไม่ได้” 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม